[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 176127 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากให้พี่เตแทนตัวเองว่าพี่ตลอดไป รู้สึกอ่อนโยนนนน  :-[

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :heaven

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่เตตตตตตตตตตตตตต ร้อนแรงดังไฟเยอร์มากเลย ฮื้ออ  :pighaun: :m25:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ทีมพี่เคราค่าาา

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
อ่านแล้วอึดอัดมากเลยยยย  :hao5:
ต้องตั้งใจอ่านมากๆ แบบที่ถ้าเผลออ่านตกไปตัวนึงจะไม่เข้าใจแล้ว5555
อ่านแล้วเหมือนต้องหายใจช้าๆ กลั้นหายใจเวลาพิชญ์เสียใจ ฮือๆ
อยากให้ความอึดอัดนี้หายไปไวๆ น้องพิชญ์จะได้มีความสุขเร็วๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮือออ จะร้องไห้แล้ว อินมาก

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เร้าร้อนมากค่าฉากในสระน้ำ :-[

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยยย ตามทันแล้ว หลังจากโดนสปอยทางทวิตเล่นงานจนทนไม่ไหว พี่เตคือใจร้ายแต่แบบเกลียดเขาไม่ลงอ่ะ คือเขาใจร้ายไม่ใช่ไม่รักแต่รักมากเลยไม่อยากให้น้องเสียใจ ส่วนน้องพิชญ์นี่คือแซ่บลืมมม 555 ภาษาดีมากเลยค่ะ บรรยายให้เห็นภาพบรรยากาศที่ที่น้องรู้สึก อินไปกับเกมที่ทั้งสองคนเล่น เขิล เศน้า อึดอัด รู้สึกตามเลย
ส่วนตอนนี้ฮอตเว่อร์ ชอบที่พี่เตเรียกน้องแบบนี้ และชอบที่น้องแทนตัวเองด้วยชื่อ มันน่ารักมากกกก หวังว่าจากนี้จะมีฉากหวานๆกลบดราม่าก่อนหน้านี้ให้ชื่นใจสักนิดสักหน่อย นี่ไม่ได้กดดันนะคะ เลาแค่อยากให้น้องมีความสุขลูกแม่เจ็บมาเย๊อะะะ
ขอบคุณคนเขียนที่สร้างนิยายดีๆให้เราติตามนะคะ

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น
สนุกมากกกก แซ่บลืมมมม ฮอตฉ่าปรอทแตกมากเลยค่ะ บิดตัวม้วนต้วน อยากได้น้องพิชญ์เป็นของตัวเอง


 :z3: :z3: :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 13 P.5 [30.12.2017]
« ตอบ #159 เมื่อ: 31-12-2017 01:12:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
โล่งจายยยย

ออฟไลน์ ก้อชอบแบบนี้

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ภ :z3:พี่เต ขอเลือดหน่ิอยจ้าเลือดหมดตัวแล้ว แอร๊ยยยยยย

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
กว่าจะเปิดใจบอกความจริง นี่อึดอัดแทบบ้า
รอดูว่าจะแก้ปัญหาห้าปียังไงนะพี่เต

รออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
14


“สัญญากับพี่ชายไว้ว่าจะไปหา... คงไม่ได้กลับมาอีก” เขาใช้เวลาชั่วขณะที่ปลายบุหรี่ติดไฟในการตอบเมื่อผมถามเรื่องอเมริกา

ร่างสูงนั่งชันเข่าง่ายๆ หันหน้าออกไปยังพระจันทร์ดวงโตนอกหน้าต่าง... ยังคงเปลือยเปล่า แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยรอยเล็บ ลาดไหล่ถูกละเลงด้วยรอยฟัน และสีกุหลาบช้ำหลายจุดที่ลำคอ
   
ประติมากรรมล้ำค่าถูกผมตีตราเป็นเจ้าของทั่วร่างกาย
   
เช่นเดียวกับที่เขาจับจองรอยจูบไว้บนร่างผม... กลีบกุหลาบเบ่งบานอยู่ทุกตารางนิ้วที่ริมฝีปากลากผ่าน
   
แสดงความเป็นเจ้าของกันและกัน
   
“บินกลับไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพราะมอเตอร์ไซค์คว่ำเกือบตาย... รักษาตัวเสร็จก็เลยถูกเรียกกลับมาคุมความประพฤติที่ไทย”

ปริศนาถูกเฉลย ที่มาของช่วงเวลาที่หายไปพร้อมรอยแผลเป็นที่สลักสลึกบนร่างกาย

“ทำไมพี่ไม่บอกผม” เอ่ยถามอย่างสงสัย เหตุผลที่เขาจากไปโดยไม่ลา

เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาสบตา เกลี่ยเส้นผมชื้นทัดหูให้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย

“กูไม่รู้ต้องบอกยังไง” ผมเลิกคิ้ว พี่เตนิ่วหน้างุ่นง่าน สบตาผมคล้ายเจอคำถามยุ่งยาก “มึงไม่เหมือนใคร...”

“หมายความว่ายังไง?”

คราวนี้เขาถอนหายใจ “เวลาที่บอกเลิก... ไม่มีใครเลยที่ไม่ร้องไห้”

ผมเงียบ ทบทวนความทรงจำ แล้วก็คิดได้ว่าทุกครั้งที่เขาสลัดรักมักมีภาพอีกคนฟูมฟาย

“กับคนที่ไม่ได้รักกูจริงๆ ด้วยซ้ำ ยังดูเจ็บขนาดนั้น แล้วกับมึง...” เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลก้มหน้าลงมาหาจนหน้าผากแตะกัน สบตาผมด้วยแววตาที่ดูสับสนปะปนปวดร้าวจนสัมผัสได้

“กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้... แต่ก็ทำให้มึงไม่เจ็บไม่ได้เหมือนกัน”

ผมหลุดหัวเราะกับตรรกะสัมพันธ์อันย้อนแย้งของเขา กดจูบที่ริมฝีปากแผ่วเบา

นั่นเท่ากับเขารู้ว่าผมรักเขา... รักมากจนไม่กล้าทำให้เสียใจ

...และในทางกลับกัน มันก็หมายความว่าเขารักผมเช่นกันใช่ไหม

“พี่รักผมจริงๆ ด้วยเตวิชญ์” 

“แต่กูเห็นแก่ตัวเกินไป” เขายิ้มมองผมด้วยสายตาสื่อความหมาย ก่อนจะหลับตาลงคลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกให้ลมหายใจอุ่นๆ รินรดให้กลิ่นนิโคตินเชื่อมเราไว้ด้วยกัน

“แม้แต่ตอนนี้... ก็ยังเห็นแก่ตัว” น้ำเสียงของเขาฟังดูเจ็บปวด ทั้งที่กำลังตัวเองเป็นฝ่ายกระทำ

“...”

“รู้ว่าอยู่ด้วยไม่ได้ อยากให้มึงเลิกดันทุรัง แต่ก็ไม่อยากให้มึงปล่อยมือเหมือนกัน... ใจร้ายใช่ไหม”

ผมหัวเราะ พยักหน้าตอบรับ “ใช่ พี่ใจร้าย”

แต่ผมไม่เคยคิดโทษเขา...

ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมเลือกเองทั้งนั้น... ดันทุรังเพราะว่าอยากดันทุรัง   

“แต่ผมดีใจที่พี่กลับมา” กระซิบถ้อยคำจากใจ เรียกให้ดวงตาสีรัตติกาลกลับมามองสบกันอีกครั้ง จับจ้องเข้ามาในดวงตาผมนิ่งนาน ก่อนจะยิ้มจางๆ พลางเอื้อมมือมาจับหัวผมโยกเบาๆ
   
“แล้วคราวนี้จะไปเมื่อไหร่” ผมถาม เอนตัวลงกับพื้นหินเย็นเฉียบตะแคงร่างเข้าหาเขา เอื้อมมือออกไปลูบรอยเล็บกรีดยาวที่แผ่นหลัง
   
“ยังไม่แน่ใจ” เขาตอบ ละเลียดควันแช่มช้าก่อนขยายความ “พ่อไม่อยากให้ไป”
   
ใบหน้าคมหันกลับมามองผม ปล่อยควันพร่างพรูผ่านลมหายใจแล้วแค่นยิ้ม
   
“น่าสมเพชไหม กูอยากไปจากชีวิตเขา แต่ก็ยังต้องพึ่งเขาอยู่ดี”
   
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินอะไรทำนองนี้ ดูเหมือนพี่เตกับพ่อไม่ค่อยลงรอยกัน
   
เขาว่าตัวเองกับพ่อเหมือนกันเกินไป... เหมือนจนไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะต่างจะทำร้ายกันและกัน

แต่ไม่เคยเล่ารายละเอียดที่มากกว่านั้น และผมก็ไม่อยากคาดคั้น... รอจนกว่าเขาจะอยากเอ่ยมันออกมา
   
“พิชญ์ก็ไม่อยากพี่ให้ไป” ผมอ้อน เจ้าของใบหน้าคมเลิกคิ้วนิดๆ กดยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาจับมือผมไปกดจูบหนักๆ ที่ฝ่ามือ
   
“งั้นช่วยรั้งกูไว้หน่อย” ก่อนเลื่อนไปทาบแก้ม มองด้วยสายตาเว้าวอน
   
ผมหัวเราะเบาๆ ไล้นิ้วโป้งตามโหนกแก้มเขาออดอ้อนไม่ต่างกัน “แล้วรั้งได้ไหม”
   
เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงจับจ้องด้วยสีรัตติกาลพราวระยับ ไม่อาจเดาความหมาย
   
“ถ้ารั้งไม่ได้ผมจะรอ” ผมไม่คิดบังคับ เอ่ยอย่างจริงจังเพื่อให้รู้ว่าผมจะยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน “หรือไม่ผมก็จะตามพี่ไป”
   
มุมปากบางยกยิ้ม อัดควันเข้าปอดอีกครั้งแล้วดับบุหรี่พลางโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปาก ปันสารพิษที่ผมเผยอปากรับอย่างเต็มใจ
   
“เด็กโง่” คำตำหนิที่มาพร้อมฝาดเฝื่อนของนิโคตินไม่ได้กลบรสชาติของเรียวลิ้นที่ละเลียดจูบหวานล้ำให้ผมชิมเลยสักนิด
   
“พี่ก็ขี้ขลาด” ผมคลี่ยิ้ม ยกแขนโอบรอบคอเขาแล้วดึงลงมาจูบอีกครั้ง
   
โง่เง่าและขลาดเขลา... ความรักของเรามีส่วนผสมเช่นนั้น
   
ช่างเปราะบาง และอ่อนหัด... แต่เพราะแบบนั้นมันถึงล้ำค่า ไม่ใช่หรือไง

“อย่าพยายามไล่ผมอีกได้ไหม” ผมบอก กึ่งตำหนิกึ่งเว้าวอน จ้องลึกเข้าไปในสีรัตติกาลล้ำลึกของดวงตา “ผมรู้ว่าพี่เป็นคนยังไง อย่าเอาความเย็นชาปลอมๆ มาผลักผมออกไป”

“...”

“เปิดใจให้ผมหน่อย จนกว่าจะไปก็ได้... ให้ผมแสดงความรัก แล้วก็แสดงว่ารักผมหน่อย ได้ไหม” เขานิ่งงัน แววตาดูคล้ายจะสันสนก่อนถอนหายใจ

“กู...ไม่รู้ต้องแสดงออกยังไง” ฝ่ามือหนาขยับขึ้นมาลูบหัวผม เกลี่ยตามกรอบหน้า ท่าทางงุ่นง่านจนผมหัวเราะขบขัน

“ง่ายมาก” ว่าพลางดึงเขาลงมา พลิกตัวขึ้นคร่อมคนตัวโตกว่าไว้ ก่อนโน้มตัวลงไปหาจนปลายจมูกเฉียดกัน

...ร่างเปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง เนียนสนิทจนสัมผัสได้ถึงลอนกล้ามและรอยแผลเป็นที่ผ่ากลาง

“พี่แค่ทำตามใจ เช่นตอนนี้... ผมอยากจูบพี่...”

ถือวิสาสะแตะริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากที่เริ่มคลี่ยิ้ม ขบเม้มทั้งบนล่าง... ดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ

“เห็นไหม แค่นี้เอง” แสร้งทำเป็นจับผมทัดหูกลบเกลื่อนใบหน้าร้อนฉ่า เมื่อผละออกมาแล้วเห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลกำลังจับจ้องมาด้วยแววตาแบบไหน

...มันร้อนแรงจนผมแทบละลาย

“ไปหัดเรื่องพวกนี้มาจากไหน” เขาคลี่ยิ้มร้ายขณะแกล้งเขี่ยนิ้วกับปลายจมูกเบาๆ ผมอมยิ้ม กะพริบตาปริบๆ ไม่คิดจะตอบคำถาม

“อะ...!” แต่ตอนที่จะลุกออกจากร่างกำยำก็ถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งรัดเอาไว้ คนตัวโตกว่าลุกขึ้นนั่งโดยมีผมอยู่บนตัก ขาทั้งสองข้างขนาบลำตัวเขาในท่วงท่าน่าอาย

และผมแทบหยุดหายใจ เมื่อความล่อนจ้อนทำให้อะไรๆ ของเราสัมผัสกัน

...เถ้าราคะที่เพิ่งมอดดับถูกเติมเชื้อไฟอีกครั้ง

“ทำตามใจ” เขายิ้มขำ ล้อเลียนเมื่อเห็นตัวตนของผมมันถูกปลุกง่ายดาย

“...” ผมเม้มปากอย่างไม่รู้ต้องทำยังไง มือที่โอบรอบคอเขาเผลอจิกลงท้ายทอยด้วยความอับอาย คนขี้แกล้งเลยยิ่งได้ใจ กระชับอ้อมกอดแน่น แล้วโน้มหน้าลงมาขบใบหูให้ผม ไล้เลียแผ่วเบา

“พี่จะลองดู” เสียงกระซิบเย้ายวนยิ่งขับให้ไฟปรารถนาของผมชูชัน หลุดเสียงร้องผวาอีกครั้งเมื่อร่างกำยำดันให้ผมเอนหลังลงไปนอนราบบนพื้นหินเย็นเฉียบแล้วโถมกายคร่อมร่างผมไว้

“ตอนนี้พี่อยากจูบพิชญ์...” พูดจบก็ทาบริมฝีปากลงบนหน้าผาก... ผิวแก้มร้อนจัด... ปลายจมูกที่กำลังหายใจติดขัด... และริมฝีปากที่เผยอรับโดยไม่รู้ตัว

จูบเบาๆ ไม่ได้จาบจ้วงแต่กลับทำหัวใจผมเต้นรัว และเหมือนจะระเบิดออกเมื่อเขาผละออก จับจ้องด้วยสีรัตติกาลระยิบระยับที่ราวกับจะกลืนกินผมลงไป…

“...ทั้งตัว”

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเขาเริ่มทำอย่างที่เอ่ยไว้ ไล่ริมฝีปากลงไปที่ซอกคอผม กดจูบ...ไล้เลียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนละเลียดเชื่องช้า... ผ่านไหปลาร้า และพรมทั่วแผ่นอกที่กระเพื่อมด้วยความวาบหวาม

“อะ...!” ผวาอีกครั้งเมื่อเขาขนกัดลงบนส่วนอ่อนไหว ดูดดุนจนแผ่นหลังแอ่นรับด้วยความเสียวซ่านเกินควบคุม

ผละจูบเมื่อผมเริ่มหอบหนัก เพราะยังเหลืออีกหลายตารางนิ้วให้ครอบครอง ริมฝีปากร้อนจัดและเรียวลิ้นร้ายกาจจึงค่อยๆ ลากต่ำลงไป ผ่านหน้าท้องที่หดเกร็งด้วยความหวามไหว จนถึงเชิงกรานซ้ายที่มีรอยสักรูปพระจันทร์

เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกดจูบเนิ่นนาน แช่ริมฝีปากไว้อย่างนั้น...แผ่วเบาราวจะทะนุถนอมมัน… ดวงจันทร์ที่ทอประกายคล้ายนัยน์ตาเขา

ผมเม้มปากแน่นเมื่อเขาผละริมฝีปากอีกครั้ง เคลื่อนสายตาจับจ้องยังพื้นที่ถัดไป คลี่ยิ้มกับตัวตนที่ถูกกระตุ้นให้ยิ่งขยาย แววตาร้อนแรงชวนให้ความต้องการลุกโชนคล้ายถูกไฟเผา อึดอัดจนน้ำตาคลอเบ้า แต่คนเจ้าเล่ห์กลับหัวเราะ ละสายตาจากส่วนนั้นแล้วเคลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากผมอีกครั้ง แกล้งงับปลายลิ้นเบาๆ หยอกเย้ากับจิลสีเงินชั่วขณะ ก่อนกระซิบแผ่วเบา นิ้วมือเลื่อนกลับลงไปที่กลางร่างกาย แตะสัมผัสที่ส่วนปลายโดยไม่ให้รู้ตัว

“อยากเห็นพิชญ์ร้องไห้”

“อึก...” ราวกับสั่งได้ เพียงปลายนิ้วลูบไล้น้ำตาของผมก็เริ่มไหล เปล่งเสียงประหลาดด้วยความกระสันซ่านทรมาน จนเขาต้องก้มลงมากดจูบซับหยาดน้ำให้ หัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างพอใจก่อนเลื่อนริมฝีปากต่ำลงไปที่ผิวแก้มร้อนจัด และริมฝีปากที่เปิดเผยอให้เขาลุกล้ำเข้ามาฉกฉวยหยาดน้ำหวานพร้อมกับบรรจงป้อนความสุขสมเจือทรมาน
   
ผมหอบหนักแทบไม่อาจควบคุมจังหวะหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตอบสนองปลายลิ้นที่รุกไล่ ผลัดกันหยอกเย้าขบกัดริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร เขาหัวเราะอีกครั้ง ทิ้งท้ายด้วยรอยจูบหนักเน้นไว้ที่มุมปากด้านขวาของผม ตรงตำแหน่งขี้แมลงวันเล็กจ้อยก่อนผละออก เอ่ยคำปรารถนาถัดไป
   
“อยากให้พิชญ์เรียกชื่อพี่” ดวงตาที่พร่าด้วยหยาดน้ำของผมจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวของร่างกำยำที่ถดกายต่ำลงอีกครั้ง ดวงตาสีรัตติกาลฉายโชนความร้ายกาจเมื่อเขาเริ่มภารกิจคั่งค้าง

หลุดสะดุ้งเมื่อฝ่ามือหนาจับเรียวขาของผมขึ้นมาให้ชันเขาทั้งที่ยังนอนราบ... ก่อนทำในสิ่งที่ขับให้ร่างของผมเห่อร้อนราวจับไข้... ด้วยการกดจูบแผ่วเบาบนฝ่าเท้าเปล่าเปลือย

“พี่เต...” ผมเรียกชื่อเขาดั่งใจ เมื่อเจ้าของใบหน้าคมเลื่อนริมฝีปากขึ้นมากดจูบที่ข้อเท้า ไล่ปลายจมูกซุกไซ้เรียวขาจากผิวน่องถึงต้นขาด้านในอย่างเชื่องช้า

ฝากรอยจูบ...ตีตราลงทุกส่วนที่ไม่อาจเข้าถึงจากกิจกามใต้ผืนน้ำ

กระทั่งถึงพื้นที่ต้องห้ามอีกครั้ง... เขารั้งรอมองมันก่อนจะช้อนสายตาสบตาผมที่ยังคงอึดอัดทรมาน มุมปากบางคลี่ยิ้มร้ายกาจ ก่อนเอ่ยความต้องการสุดท้าย

“พี่อยากเป็นของพิชญ์”

ผมหลุดผวาเมื่อเขาเอื้อมมือมาสัมผัสอีกครั้ง พ่นลมหายใจหนักเมื่อริมฝีปากร้อนจัดจรดแผ่วเบา ...ก่อนค่อยๆ เน้นหนัก หลุดเสียงพร่าน่าอาย สั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความหวามไหว ดวงตาสีรัตติกาลที่จับจ้องอย่างหยอกเย้ายิ่งขับให้หัวใจเต้นตุบรายกับจะระเบิดออก บิดเร่าเสียรูปเมื่อลิ้นร้อนเริ่มลากไล้ตามความยาว... ขับไฟปรารถนาให้ยิ่งแล่นพล่าน และมันแผ่ซ่านไปทั้งร่างเมื่อเขาครอบครองทั้งตัวตนด้วยริมฝีปาก... เรียวลิ้นร้อนร้ายมอบสัมผัสหวานล้ำแสนทรมาน
น้ำตาของผมไหลอาบแก้มด้วยความกระสันซ่านอีกครั้ง เอ่ยชื่อเขาซ้ำๆ

เรียกร้องว่าผมต้องการ... ต้องการให้เขาครอบครองทั้งหมดของผมเท่าที่เขาต้องการ

อยากเป็นของเขา เช่นที่เขาอยาก...

“อึก... อื้อ... พี่เต...”

รสสัมผัสที่เขามอบให้ทำให้ผมปลดเปลื้องทุกความละอาย ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองสัมผัสเหนอะหนะด้วยแรงปรารถนา เปล่งเสียงร้องแปร่งประหลาดอย่างไม่คิดอดกลั้น ไม่คิดควบคุมแม้ลมหายใจหอบกระชั้น พื้นหินเย็นชืดคล้ายติดไฟแผดเอาจนแผ่นหลังลอยขึ้นจากพื้น...แอ่นรับทุกความหวามไหว มือข้างหนึ่งขยุ้มเส้นผมเขาไว้ขณะที่อีกข้างถูกฝ่ามือหนาเกาะกุม สอดประสานนิ้วทั้งห้าพลางบีบเบาๆ ปรนเปรอพร้อมปลอบประโลม ส่งผมสู่ฝั่งแห่งความกระสัน

และในห้วงขณะที่กำลังจะมอดไหม้ด้วยไฟราคะที่แผดเผาทั้งร่าง ดวงตาฉ่ำน้ำปรากฏภาพดวงจันทร์นอกหน้าต่าง...กลับหัวกลับหาง ผมจดจ้องสักขีพยานแห่งรักที่เปล่งแสงนวลส่องสว่าง... งดงามแม้จะยังเว้าแหว่ง

แต่คงอีกไม่นานที่ร่องรอยเว้าแหว่งจะถูกแต้มเติมเต็ม... กลายเป็นจันทร์เพ็ญเปล่งประกายที่ผมหลงใหลยิ่งกว่าดาวดวงไหนๆ ในท้องฟ้าราตรี









อาจฟังดูประหลาด ที่ผมกลัวฝันดีมากกว่าฝันร้าย

เพราะการฝันดีเกินไป... ทำให้การลืมตาเท่ากับฝันสลาย

แต่นี่ไม่ใช่ฝัน... สัมผัสของเขา... น้ำเสียงที่กระซิบเรียกชื่อผม ร่องรอยปรารถนาที่ยังคงแต่งแต้มทั่วร่าง... ความเจ็บร้าวที่ยังคั่งค้าง บ่งบอกว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง

แม้ตอนลืมตาจะไม่มีเจ้าของสัมผัสเหล่านั้นอยู่ข้างๆ ก็ตาม

เมื่อรู้ตัวว่าข้างกายว่างเปล่าผมผวาลุกขึ้นนั่ง เรียกสติตัวเองกลับมาแม้จะปวดหัวแทบระเบิดมองไปรอบห้องที่เงียบงันเตียงคิงไซส์ที่ไม่ใช่ของผมว่างเปล่า แต่สัมผัสย่นยับของผ้าปูก็ทำให้รู้ว่าก่อนหน้านี้มีเขานอนข้างกัน

“พี่เต...” ผมเรียกชื่อเขา แต่เสียงแหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน อาจเพราะกิจกามที่พรากเสียงของผมไป หรืออาจเป็นเพราะความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

ภาพในอดีตที่เคยถูกทิ้งไว้ฉายชัดขึ้นมาจนผมนึกกลัว รีบรุดลุกขึ้นจนลืมไปว่าร่างกายตัวเองเพิ่งผ่านกามกิจอันยาวนานจนแทบแหลกไปทั้งร่าง แค่ขยับตัวยังลำบาก ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนได้ ถือวิสาสะหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ตรงตู้มาปกปิดร่างกายส่วนล่างตัวเองไว้ ก่อนลากสังขารเดินออกจากห้องนอนด้วยความกังวลที่เอ่อล้นเกินอธิบาย

แต่ความรู้สึกที่ตื้นเต็มอกก็อันตรธานหาย ทันทีที่เปิดประตูออกมาแล้วได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นมาจากครัว รู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวกำลังยืนง่วนอยู่หน้าเตา

ได้แต่ถอนใจกับความกลัวไร้สาระของตัวเอง

ทั้งที่ขอให้เขาเปิดใจ แต่เศษเสี้ยวในความรู้สึกลึกๆ ของผมกลับยังไม่ไว้ใจ

...ยังคงกลัวว่าเขาจะหายไป

“หือ?”

ความหวั่นไหวทำให้ผมเดินเข้าไปคว้าเขาไว้ กอดแน่นพร้อมซุกซบซึมซับกลิ่นกายอย่างโหยหา

“พิชญ์คิดว่าพี่จะหนีไป” สารภาพด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอไม่มั่นใจ เจ้าของแผ่นหลังกว้างชะงัก ก่อนหัวเราะเบาๆ

“เมื่อเช้ามึงมีไข้” ว่าพลางเอี้ยวตัวมาวางมือบนหน้าผากผมที่ซุกอยู่กับบ่า วัดอุณหภูมิคร่าวๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดเตา

“กินข้าวจะได้กินยา”

ร่างสูงทำท่าจะขยับตัวเดินไปหยิบชามมาใส่ข้าวต้มที่ส่งกลิ่นยวนใจให้รู้สึกหิวขึ้นมา ในขณะที่ผมยังคงรัดแขนรอบเอวหนาขยับเท้าตามเขาเกาะหลังเป็นลูกลิงแบเบาะจนเขาหัวเราะอีกครั้ง เอื้อมมือมาจับคางผมให้เงยหน้าขึ้นไปหาแล้วกดจูบหนักๆ ขบริมฝีปากผมย้ำๆ คล้ายมันเขี้ยว

“ไปนั่งรอไป”

แต่ผมก็ยังเอาแต่ใจ กอดเขาไว้แน่นอย่างนั้น จรดริมฝีปากลงกับลำคอแกร่งที่มีแต่รอยเล็บและรอยจูบแต้มอยู่หลายจุดก่อนกระซิบถาม

“เดาสิ”

“?”

“พิชญ์เตรียมอาหารเช้าไว้ให้พี่ด้วย” อมยิ้มเมื่อเห็นพี่เตเลิกคิ้วประหลาดใจ ยืดตัวขึ้นอีกนิดแกล้งกัดใบหูเขาก่อนกระซิบคำเฉลยกลั้วหัวเราะขบขัน

“พิชญ์ไง”

“หึ” เจ้าของใบหน้าคมถึงกับชะงักไปพักใหญ่ เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงแขนผมออกจากเอวแล้วหันกลับมาเป็นฝ่ายคว้าเอวผม ยกจนตัวลอยพร้อมฉกฉวยริมฝีปากลงมาอย่างทนไม่ไหว ผมเอื้อมคว้าลำคอแกร่งไว้ กระหวัดขาเกี่ยวสะโพกสอบปล่อยให้คนตัวโตกว่าอุ้มมาวางบนโต๊ะอาหารทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน

ผ้าขนหนูที่พันเอวหมิ่นเหม่ทำท่าจะหลุดตอนที่เขาแทรกเข้ามายืนกลางหว่างขา ฝ่ามือใหญ่ดันหลังให้ร่างประชิด ขณะที่อีกข้างปัดป่ายไปทั่วผิวกาย บดเบียดริมฝีปากจนแนบสนิทราวจะกลืนกิน กระหวัดลิ้นคล้ายจะตักตวงสารอาหารจากจูบลึกล้ำนี้ได้จริง

...แต่ก่อนที่ไฟปรารถนาจะติด เขาก็ผละริมฝีปากออก แล้วถอนหายใจ

“คุณพิชญ์... อย่ายั่วนัก” เขาเรียก เสียงดุ งับปลายจมูกผมอย่างมันเขี้ยว “เดี๋ยวจะช้ำในเอา”

ได้ยินแบบนั้นผมก็หัวเราะเสียงดัง ซุกหน้าลงกับซอกคอของเจ้าของอ้อมแขนที่ดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง แกล้งรัดแน่นให้หายใจลำบาก โทษฐานที่กล้ายั่วเขาทั้งที่ร่างกายหมดสภาพจนแทบจะยืนไม่ไหว

ริมฝีปากหยุ่นกดจูบหนักๆ ที่ขมับซ้ำๆ อย่างหมั่นไส้ ก่อนปล่อยให้ผมสูดซบกลิ่นกายเคล้าไออุ่นของเขาจนกว่าจะพอใจ ทดแทนเวลาแห่งความสุขที่เราทำหายไป







ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ผมได้พรีเซนต์งานวันแรก แถมยังเป็นลำดับแรกๆ ของวัน เพราะมันเท่ากับผมจะผ่านมรสุมความกดดันนี้ก่อนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแบกรับความตื่นเต้นมหาศาลเพราะไม่มีหินนำทางว่าวันนี้จะเป็นยังไงอารมณ์ของอาจารย์อยู่ในระดับไหน ต้องนำเสนอยังไงถึงจะถูกใจ เกร็งไม่น้อยกว่าจะผ่านพ้นไปได้

“ไงมึง รอดไม่รอด” เสียงทักจากพี่รหัสเจ้าเดิมดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินมา ผมยิ้มตอบ ยักไหล่ยียวนก่อนจะเข้าไปแทรกกลางระหว่างพี่เจดกับร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ในช่องลับสุดระเบียงทางเดิน

วันนี้พี่เตอาสามารับ เพราะเขายืมรถผมพาเปียกปูนไปโรงพยาบาล... เจ้าลูกหมาสีดำตัวนั้นที่เขาทำท่าจะไม่ยอมตั้งชื่อให้มัน ถูกผมมัดมือชกตั้งชื่อให้เสร็จสรรพตามสีขนดพเมี่ยมของมัน

“ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้” ผมถาม อ้าปากขอบุหรี่ที่ถูกสูบไปเกือบครึ่งจากพี่เตที่ป้อนให้โดยไม่อิดออด คีบนิ้วรอให้ผมอัดควันก่อนจะดึงกลับไปสูบจากมวนนิโคตินเดียวกัน

พี่เจดหัวเราะเบาๆ สายตากรุ้มกริ่มมองการกระทำของเราสองคนก่อนตอบคำถาม “มีเรื่องต้องสะสาง”

พอเห็นสีหน้าผมก็รู้ว่าเจ้าตัวคงจะเล่นลิ้นไม่ยอมตอบง่ายๆ เลยหันไปเลิกคิ้วคาดคั้นอีกคนที่เลิกคิ้วประหลาดใจที่ผมเปลี่ยนเป้า พี่เตยกยิ้มมุมปาก มีเลศนัยไม่ต่างกัน

“เจดมาขอให้เข้าวง” ว่าพลางอัดควันเข้าปอดแล้วเอนหลังพิงผนังพร้อมดึงร่างผมไปพิงตัวเองอีกทีมือที่ไม่ได้ถือบุหรี่โอบเอวหลวมๆ พลางวางคางไว้บนหัวผมก่อนอธิบาย “ตอบแทนที่เป็นพ่อสื่อให้”

“พ่อสื่ออะไร” ผมขมวดคิ้ว มองหน้าพี่เจดอย่างไม่เข้าใจ “ป๊าไม่เห็นได้ทำอะไร”

“ก็เรื่องคืนก่อน... ที่มึงอ้อนขอจูบ ถ้ากูยอมให้ ไอ้เตคงได้กลายเป็นหมาหัวเน่า” ไอ้พี่เครายักไหล่ ส่วนผมอ้าปากค้างกับเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเอามาใช้เป็นบุญคุณได้

“มันใช่เหรอวะป๊า”

ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือควรขำดีที่โดนแฉเรื่องนั้น แต่ถ้าเล่าแล้วอีกคนไม่โกรธผมก็เลือกจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ใช่ดิ อีกอย่างถ้าไม่ได้กูขับรถไปส่ง คืนนั้นมึงคงไม่ถึงคอนโดฯ ไอ้เตหรอก เอาไปประเคนให้ถึงที่ก็ต้องมีตอบแทนกันบ้าง” เถียงข้างๆ คูๆ จนผมต้องหันกลับมาเงยหน้ามองร่างสูงกว่าที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเขายิ้มขำ ไม่มีทีท่าว่าจะขัด

“แล้วพี่ก็ยอมอ่ะนะ?” ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมง่ายๆ ทั้งที่ก่อนหน้าตื๊อเท่าไหร่ก็ไม่เอา

“อือ” พี่เตพยักหน้า ละเลียดควันอีกครั้งก่อนดับบุหรี่กับราวระเบียง แล้วยักไหล่ “ตีกลองไม่กี่เพลง แลกกับที่ได้คืนนั้น...”
ดวงตาสีรัตติกาลสบตาผมอย่างมีเลศนัย มุมปากบางผุดยิ้มร้าย

“ก็คุ้มนะ” 

ได้ยินแบบนั้นไอ้พี่เคราก็หัวเราะลั่น... คงเพราะเข้าใจว่า ‘คุ้ม’ ของเขาหมายความว่ายังไง

...ในเมื่อรอยรักที่ต่างคนต่างทิ้งไว้บนร่างกายอีกฝ่ายยังปรากฏชัด ราวรอยสักที่สลักลึก ตีตรึงไว้อย่างนั้น ไม่มีวันหายไป







-----------------------------------------------------------------------
มาส่งของขวัญปีใหม่ค่ะ  :o8:
พี่เตร้อนฉ่ามาก เหมือนไถ่โทษที่เล่นตัวมานาน 55555
ตอนนี้ใครไม่ตายเราตาย ฮื่ออ เขียนไปเลือดกำเดาจะไหล
ยัยน้องก็ขยันยั่วเหลือใจ อเมริกาไปทางไหนพี่เตกลับไม่ถูกแล้วค่ะ ;////;

ไม่แน่ใจว่าสื่อความเป็นพี่เตออกมาได้เข้าใจได้มาน้อยแค่ไหน
เพราะเตวิชญ์เป็นตัวละครที่เหมือนจะซับซ้อนแต่ก็ไม่ซับซ้อน
เหมือนจะตรงไปตรงมาแต่ก็แสดงออกตรงกันข้าม
มีความย้อนแย้งในตัวสูงมากค่ะ บางทีเราก็ไม่เข้าใจเขา 5555
แต่หวังว่าคนอ่านจะเข้าใจ (อ้าว)
มีอะไรขัดใจตรงไหนก็ติติงได้เสมอเช่นเดิมนะคะ
ปล. ตอนนี้ไม่มีพาร์ทอดีต เพราะน้องไม่ต้องวิ่งตามอดีตแล้วค่ะ ให้อีพี่เป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกบ้างเนอะ -..-

สวัสดีปีใหม่ค่า ขอให้เป็นปีที่อ่อนโยนกว่าพี่เตนะคะ 5555
 :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2017 18:26:41 โดย makok_num »

ออฟไลน์ nnnnnnni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pighaun: :pighaun:
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮื่อออ พิเตกลับไปร้ายเหมือนเดิมเถอะค่ะ หัวใจทนไม่ไหว แบบนี้ไม่ไหวจริงๆ จะตายแล้ววว ฮื่อออออ นี่ลุ้นๆว่าห้าปีพี่เตไปนู่น กลับมาน้องจะมีเซอร์ไพรซ์ให้พิเตตายคาอกไหม หรือจะเจาะเพื่อรั้งพี่ไว้ 5555555

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้วววววววววววววว :hao7:
สวัสดีปีใหม่ค่าา

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ของขวัญฟินมากเลย มาอัพเร็ว
แถมพี่เตยังฮอตขนาดนี้ เลือดเปื้อนหมอนหมดแล้วจ้าาา
กรี๊ดดดดด ขอพี่เตสักคนส่งตรงถึงบ้าน ขอให้น้องสักคน

ชอบมากเรื่องนี้จริงๆนะ  :jul1: :jul1: ฉันรักเค้ารักพี่เต รักพิชญ์ แอบเป็นแฟนคลับป๊าด้วย จุ้บบ


HAPPY NEW YEAR 2018 จ้า ขอให้แต่งเก่งแต่งเร็วแบบนี้ไปนานๆ
สุขภาพแข็งแรง มีความสุขในทุกๆวันน้า

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
เอ้า บทจะเปิดใจก้อเหมือนจะลืมปัญหาทั้งหมดได้ในพริบตา โว๊ะ ให้ป้าลุ้นตั้งนาน

แต่คิดว่ามันยังไม่เคลียร์ง่ายๆ หรอชะมะคะ
รออ่านต่อจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 14 P.6 [31.12.2017]
« ตอบ #169 เมื่อ: 31-12-2017 21:29:10 »





ออฟไลน์ pandant

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮื้ออออ ดีใจกับทั้งคู่ด้วย เย้~~
สวัสดีปีใหม่นะคะ อยู่ด้วยกันอีกปีนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ร้อนแรงมาก ฮอตเวอร์

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยเขิลลลลลล ลอยแล้วลอยอีก ยายแล้วตายอีก พี่เตทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมทำเราเขิลขนาดนี้ กี๊สสส ส่วนหนูพิชญ์ลูกกก เพิ่งตื่นก็ยั่วพี่เขาอีกและ ใจเย็นๆนะลูกหายก่อนเนาะ ถึงแม่จะฟินแต่แม่อยากให้ลูกพักก่อน แม่ก็อยากพัก เลือดหมดตัวแล้ว55555
คือเขิลจนหมอนจะขาดชอบให้พี่เตเรียกตัวเองว่าพี่แทนน้องว่าพิชญ์  ละมุนนน

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พี่เตไม่อ่อนโยนกับใจเรย ฮือ จะละลายอยู่แล้ว :hao6:
ตอนจูบข้อเท้าน้องอีนี่จะเปงลม

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่เตแบบเหมือนรู้ว่าแม่ๆน้องจะไปเผาบ้านแล้วเลยกลับมาพลิกเกมส์เรียกคะแนนแบบโบ้มๆ555555 ช็อตที่แทนตัวเองว่าพี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้นี่ใจบางเพียง1มิลลิเมตรมากๆ  :jul1:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แงงงงงงงง ความนุ่มนวลนี้ อยากจะเหวี่ยงพี่แกไปให้ไกลถึงอเมริกาเลยยยย พี่แกต้องหลงน้องพิชญ์หนักพอๆกับที่ซันหลงน้องโชแน่เลย เอ๊ะ..รือจะหลงหนักกว่า หัวใจจจจจ :jul1:

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จินตนาการถึงวันที่ต้องไปไม่ออกเลยอะ
เศร้ารอไว้ก่อน

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นานๆ ทีจะมาเม้นทีนึง
พี่เตนังร้ายนะ ร้ายแบบซึนๆ ด้วย น่ารัก
รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 15 P.6 [2.01.2018]
«ตอบ #178 เมื่อ02-01-2018 10:13:22 »

15


เราต่างมีความกลัวสะท้อนอยู่ในแววตา

...นานนับชั่วโมงกว่าผมจะหาเจอว่าความกลัวของเขาคืออะไร ทั้งที่ความกลัวของผมปรากฏชัดง่ายดาย...ความรู้สึกที่อยากเหนี่ยวรั้งเขาไว้

...ผมกลัวเขาหายไป

แต่ชั่วขณะที่รู้นัยน์ตาของอีกฝ่ายซ่อนอะไรไว้ ความหวาดหวั่นก็อันตรธานหายในพริบตา

ดวงตาที่ราวกับจะกักขังผมเอาไว้ในนั้น... ตอกตรึงดึงดูดสู่ความล้ำลึกเกินหยั่งถึงของสีรัตติกาล

...ต่างไม่อยากปล่อยมือกันและกัน

แต่เกมยังคงดำเนินต่อไป...

“ตีสามแล้ว” ผมมองนาฬิกา ย่นหน้าเมื่อไม่มีใครยอมรามือให้กัน “แบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป”

เขาหัวเราะเบาๆ เห็นด้วยแม้ไม่เอ่ยย้ำ เราใช้เวลาในการนอนมองหน้ากันโดยไร้บทสนทนานานเกินไป

“เป็นคนเสนอเอง” เขาโทษผม มือข้างที่ไม่ได้สละให้รองคอเลื่อนจากเอวขึ้นมาสางเรือนผมเล่นแผ่วเบา

ไม่คิดเถียงว่าคำท้าของตัวเองช่างไรสาระ

ใครหลับก่อนแพ้...

เหมือนคนว่างงาน... ทั้งที่พรุ่งนี้ผมมีนัด และเขายังต้องอ่านสอบอีกหลายวิชา

“พี่ท้าบ้างสิ” ผมว่า โยนหน้าที่ให้

พี่เตเลิกคิ้วนิ่งไปสักพัก มองผมเหมือนหาคำท้าบนใบหน้า ก่อนยกยิ้มมุมปากได้คำตอบ เรียกให้ผมเลิกคิ้วมองใบหน้าคมที่ขยับเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกัน

ดวงตาสีรัตติกาลพราวระยับจ้องนิ่งก่อนเอ่ยคำท้าแสนสั้น

“ห้ามจูบ”

“...”

ให้ตาย... นี่มันยากเกินไป

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ผมเหลือบสายตาต่ำลงจ้องริมฝีปากบางที่ยกยิ้มนิดๆ อย่างท้าทาย

ปลายจมูกที่อยู่ใกล้ทำให้ลมหายใจอุ่นไล้ปลายจมูกยิ่งล่อลวง เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัวจนต้องรีบสูดลมลึกอดกลั้นใจ
   
“หึ” แต่ไม่ทันไร...
   
ไม่ทันคิดว่าน่าจะทนไหว เขาก็ทำผมแพ้ราบคาบด้วยรอยยิ้มง่ายๆ
   
แค่รอยยิ้มเดียว... 

เพียงเปิดปากอวดฟันขาวที่เรียงตัวสวยอย่างน่าอิจฉา รอยยิ้มกว้างๆ ที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักทำให้ผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปงับริมฝีปากเขาราวละเมอ
   
บดเบียดอย่างคนพาลที่แพ้เขาจนได้... ก่อนเป็นฝ่ายถูกครอบครองจากริมฝีปากที่ช่ำชองกว่า อ้อมแขนแกร่งยกร่างผมขึ้นไปนอนทับ หัวเราะในลำคออย่างพอใจที่ผมเผยอปากรับเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาอย่างเต็มใจ ปล่อยให้เขาชักนำ... มอมเมาสู่ความหวานลึกล้ำ

ก่อนค่อยๆ เร่งเร้า... กลายเป็นจูบร้อนแรงจนจิลที่ลิ้นแทบละลาย

“ผมจะทำให้พี่แพ้บ้าง” พูดจาอวดดีทั้งที่หายใจเหนื่อยหอบ ย่นหน้ามองคนใจร้ายที่ทำผมเกือบขาดอากาศหายใจ
คำท้าแรกยังไม่รู้ผล... และผมมีวิธีเอาชนะ

“ก็ลองดู” พี่เตเลิกคิ้วท้าทาย ผมสบตากลับ พยายามตีหน้าขรึมแต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มจนได้ ก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากบางอีกครั้งก่อนจะเอ่ยอย่างได้ใจ

“คอยดู” ผละออกมาจูบปลายคาง ซอกคอ... แกล้งทำรอยไว้ ก่อนจะไล่ต่ำลงทั่วร่างกายทนบนที่เปล่าเปลือยไม่ต่างกัน
เน้นหนักที่รอยแผลของเขา... ร่องรอยปริแตกที่ผ่ากลางร่างถูกผมรุกล้ำด้วยริมฝีปาก พรมจูบลากจุดต่อจุด... จากเริ่มต้นสู่สุดท้าย... เงยหน้าสบดวงตาสีรัตติกาลอีกครั้งและพบว่านัยน์ตานั้นพราวระยับกว่าครั้งไหนๆ

...เขารู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร

หลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อเจ้าของร่างไม่คิดห้าม ก้มหน้าลงกดจูบที่หน้าท้องเขาอีกครั้ง แกล้งกัดลอนกล้ามอย่างมันเขี้ยว ก่อนเคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง... ละเลียดชิมผิวเนื้อกำยำเชื่องช้า...พร้อมกับขยับเรียวนิ้ว... เกี่ยวเอาปราการเพียงชิ้นเดียวให้ต่ำลง

“...” ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นความเป็นชายที่เริ่มขยายอยู่ตรงหน้า

ความร้อนฉ่าแล่นอาบไปทั้งร่าง เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังเหยียบย่างสู่พื้นที่อันตราย...

หัวใจเต้นตุบชั่งน้ำหนักความต้องการ... อยากครอบครองทั้งหมด... แต่ผมอาจขาดอากาศหายใจตาย

“หึ” สุดท้ายเขาเป็นฝ่ายเลือกหิ้วปีกดึงผมกลับขึ้นไป พลิกตัวขึ้นคร่อม งับปลายจมูกจูบจิลสีเงินอย่างหมั่นไส้

“ซนจัง”

“ฮื่ออ” หลุดร้องเสียงดัง ยกมือปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอาย เรียกให้เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ อีกครั้งพร้อมพรมจูบใบหูสลับกับหลังมือเรียกร้องให้ผมลดปราการ

“มองหน้าพี่หน่อย” สุดท้ายพ่ายแพ้กับน้ำเสียงกึ่งดุกึ่งอ้อน ปล่อยให้เขาดึงมือออก ยอมสบตาทั้งที่ใบหน้าร้อนและคงขึ้นสีจัด

“คราวหน้า...” พูดจาอวดเก่งสวนทางความรู้สึกที่อยากจะกัดลิ้นตายทันทีที่เห็นรอยยิ้มร้าย “เตรียมใจไว้เลย เตวิชญ์”
 
“หึ...” อีกฝ่ายไม่สะทกคำขู่ ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว ก่อนก้มหน้าลงมางับริมฝีปากล่างผม ดูดดุนอย่างมันเขี้ยวแล้วเลื่อนจูบไปทั่วหน้า

“คุณพิชญ์...”

“...”

“อย่าน่ารักให้มากนัก”

ยอมรับว่าพลาดเองที่คิดว่าจะชนะ ทั้งที่เห็นชัดว่ายังต่างชั้น แพ้ภัยตัวเองเมื่อแผนการรีดน้ำกลับย้อนมาทำร้าย... แท่งราคะถูกฝ่ามือใหญ่ปลุกปั่น ก่อนรวบรัดแนบนาบเข้ากับส่วนแข็งขืนร้อนจัด...

กลายเป็นฝ่ายถูกรีดไปพร้อมกัน

...

และไม่รู้ว่าเพราะเสียเหงื่อจนเหนื่อยอ่อน หรือเพราะอ้อมกอดอุ่นของเขา...

แขนกำยำที่ใช้รองคอพร้อมฝ่ามือลูบไล้บนเส้นผมแผ่วเบา อาจเป็นจังหวะฝ่ามือที่ตบสะโพกเบาๆ ราวกล่อมกัน

สุดท้ายคืนนั้น... ผมแพ้ราบคาบทั้งสองเกม







ช่วงสอบผมกลับไปอ่านหนังสือที่บ้าน เพราะต้องการความสงบบวกกับอยากประจบพ่อกับแม่ด้วยการอวดความตั้งใจ จะว่าเนิร์ดหน่อยๆ ก็ได้ที่ผมไม่ยอมปล่อยให้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่าสาม...

เป็นเงื่อนไขที่ผมใช้เพื่อคว้าบางอย่างซึ่งยากเอาการ

ก่อนหน้านี้การกลับบ้านมีแต่ข้อดี ผมมีห้องหนังสือส่วนตัวที่เข้าไปฝังอยู่ได้ทั้งวัน มีคุณแม่ยกอาหารมาให้แทบไม่ต้องขยับตัวทำอะไร

แต่คราวนี้ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวกลับทำผมร้อนลน เกือบจะทนให้เวลาผ่านไปไม่ไหว

...คิดถึงแทบบ้า

ผมเดินผ่านชั้นวางของล็อกแล้วล็อกเล่าเพื่อมองหาร่างสูงที่ระบุมาในสายโทรศัพท์ว่ากำลังเลือกอาหารสุนัขอยู่ที่ซุปเปอร์ฯ ล่างของคอนโด

ไม่นานแผ่นหลังแสนคุ้นเคยก็ปรากฏ ผมสาวเท้าเขาไปด้วยความรู้สึกโหยหาที่ฉายชัด แต่แล้วรอยยิ้มกลับอันตรธานหาย เมื่อตรงหน้าอีกฝ่ายมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักกำลังพูดคุยเนื้อหาที่ผมไม่ได้ยิน

“เตวิชญ์” เร็วเท่าความคิด ผมเอ่ยเรียก ดังพอแค่ให้เจ้าของชื่อและคู่สนทนาแปลกหน้าหันมา

เธอทำท่าประหลากใจ ในขณะที่อีกคนเพียงเลิกคิ้วสั้นๆ แล้วหันกลับไป ท่าทางไม่ใส่ใจทำให้ผมขมวดคิ้วเดินเข้าไปหาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“ขอบคุณนะคะ” แต่พอผมถึงตัวใครอีกคนก็ผละจากไปพอดี

“ใครอ่ะ” ผมถาม มองตามร่างสะโอดสะองอย่างข้องใจ

“ไม่ใช่ใคร” ตอบอย่างเฉยเมย แล้วหันกลับไปเลือกอาหารสุนัขบนชั้นวาง

ผมกะพริบตาปริบๆ กับความเย็นชานั้น ไม่รู้ว่าควรทำยังไง เลยได้แต่มองนิ่งจนเจ้าของใบหน้าคมหันกลับมาเลิกคิ้วตั้งคำถาม

“พี่ทำผมหึง” สารภาพตามตรง ยกมือกอดอกให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจ

“ไม่ยักรู้ว่าขี้หึง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ

ไม่แปลกที่เขาจะประหลาดใจ สมัยมัธยมผมไม่เคยแสดงอาการหึงหวงเขา ไม่ว่าจะคบตัวเองควบใครต่อใคร

พยายามไม่ทำตัวงี่เง่าให้เขารำคาญ

แต่ตอนนี้... ผมคิดว่ามันต่างกัน... ใช่ไหม?

“แล้วพิชญ์มีสิทธิ์หึงไหม” สุดท้ายเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ น้ำเสียงขึ้งเครียดกลับกลายเป็นหวั่นไหว

นึกกลัวคำตอบของเขา... กลัวความสัมพันธ์ของเรา

ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย

“มี” ก้อนหินหนักอึ้งหายไปเมื่อเขาตอบกลับมาทันที ตอบคำถามที่ผมข้องใจ “ผู้หญิงเมื่อกี้เขาขอให้แนะนำอาหารสัตว์ให้”

เงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนเอ่ยราวกับรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดคืออะไร

“พี่เหลือพิชญ์คนเดียว”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มกว้าง โล่งใจ ขณะที่เขาเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ

“ไม่เคยทำให้เชื่อใจเลยใช่ไหม” เขาขมวดคิ้ว ไม่ได้ตำหนิ แต่เพียงสงสัย

“อือ” ผมย่นคิ้วก่อนพยักหน้า ไม่กล้าตอบว่าไม่ใช่ ด้วยรู้ตัวว่าการกระทำในอดีตของเขาฝากรอยแผลที่ผมไม่ไม่เห็นเอาไว้

“ขอโทษ” เขาเอ่ย น้ำเสียงอ่อนโยนและแววตาแบบเดียวกันแผ่ความอบอุ่นให้ซ่านซึมจนสัมผัสได้

“...”

“ต่อไปจะพยายาม”

...ว่าเขากำลังค่อยๆ เปิดใจ

“แล้วพี่เคยหึงผมไหม” หมดความขุ่นข้องผมถามกลับในประเด็นเดียวกัน

จะว่าไปผมไม่เคยเห็นเขาแสดงอาการหึงหวงเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่พี่เจดเล่าเรื่องที่ผมขอจูบและอาจจะลากลามถึงเรื่องที่เคยจีบผมให้ฟัง เขาก็ไม่มีท่าทีอะไร

พี่เตเลิกคิ้วมองผม ก่อนส่ายหน้าขำๆ

“มึงน่ารักเกินไป” เอ่ยคำที่ไม่เข้าใจพลางเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “ไล่หึงทุกคนคงเหนื่อยตาย”

คราวนี้ผมหัวเราะกับเหตุผลมึนๆ ของเขา ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องมาอย่างสื่อความหมายพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อีกอย่าง... กูไม่เคยเห็นสายตาคู่นี้มองใคร”

ประโยคแสนมั่นใจกลับทำให้ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นโครมคราม

“หลงตัวเองชะมัด” อดเหน็บไม่ได้

...แต่สุดท้ายก็แพ้เจ้าของรอยยิ้มร้ายอีกครั้ง

“มึงต่างหากที่หลงกู”

ผมหัวเราะเสียงดัง อยากจะหมั่นไส้แต่ความรู้สึกอื่นฉายชัดเรียกให้ผมขยับเข้าไปหาร่างสูงที่ยังคลี่ยิ้ม โอบแขนรอบคอเขา ซุกหน้ากับไหล่กว้างอย่างไม่คิดอาย ซุกซบกลิ่นกายที่ผมหลงใหลให้สมกับที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวัน

“ทำไงดี... ผมว่าผมตกหลุมรักพี่อีกรอบแล้ว เตวิชญ์”






บอกไปหรือยังว่าผมไม่ชอบสุนัขเท่าไหร่…

แต่ในกรณีนี้ผมว่าผมเป็นฝ่ายถูกเกลียดซะมากกว่า

โฮ่ง! โฮ่ง!

“เปียกปูนเป็นอัลไซเมอร์ป่ะ” ผมถามเมื่อเสียงเห่าดังลั่นก่อนเห็นตัวด้วยซ้ำ

อยู่ร่วมบ้านกันตั้งหลายวัน แถมชื่อผมก็เป็นคนตั้งให้ แต่เจ้าลูกหมาก็ยังไม่มีท่าทีจะจำผมได้ เห่าใส่ทุกครั้งที่เจอหน้าราวกับว่าผมเป็นคนแปลกหน้าตลอดเวลา

“มันทักทาย” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ ก่อนดึงของในมือผมไปวางไว้ในครัวให้

“จริงดิ” เลิกคิ้วข้องใจ เดินเข้าไปหาเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ในบ้านหลังเล็กใกล้ระเบียง

แต่เสียงเห่ากลับยังดังต่อเนื่อง แถมยังกระถดหนีเหมือนไม่ไว้ใจ

“โอเคปูน คราวนี้เราไม่ยอมแล้ว” ผมขมวดคิ้วเอ่ยอย่างหมายมั่น ถอดแจ็กเกตโยนไว้ข้างตัว ดึงยางที่ข้อมือมารัดผมลวกๆ หยิบไม้ตายออกมาจากถุงพลาสติกข้างตัว

“เด็กดี” ในที่สุดเสียงเห่าก็หยุดลง เจ้าตัวเล็กยื่นหน้ามาดมฟุดฟิดกับขนมในมือผมก่อนงับไป ผมเลยอาศัยจังหวะที่มันกำลังง่วนกับการกินอุ้มขึ้นมานั่งบนตักพลางลูบหัวเบาๆ อย่างต้องการผูกมิตร

“เดี๋ยวให้อาหารเย็น” เสียงทุ้มเอ่ยเมื่อเดินมาเห็นผมป้อนขนมชิ้นที่สอง เงยหน้าขึ้นมองก็ร่างสูงกำลังยิ้มขำ

“แผลมันใกล้หายหรือยัง” ขาหน้าข้างหนึ่งของเปียกปูนยังพันผ้าไว้

 “หมอบอกว่าอีกสองอาทิตย์” ผมพยักหน้ารับ มองเจ้าตัวเล็กที่ท่าทางร่าเริงกว่าวันแรกที่เจอกันแล้วอดเอ็นดูไม่ได้
คนที่ให้มาบอกว่ามันเป็นหมาจรที่ถูกหมาใหญ่ฟัดจนเหวอะหวะ เอามาประกาศหาบ้านให้เพราะสงสารที่ยังเล็ก ปล่อยไปคงไม่วายเจ็บอีก หรืออาจตาย 

“พี่จะเอามันไปด้วยไหม” เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ ร่างสูงชะงักไปนิดหน่อยก่อนส่ายหน้า

“กูไม่ใช่เจ้าของ”

อา... ลืมไปเลยว่าข้ออ้างที่ผมทิ้งไว้ คือให้เขาดูแลจนกว่ามันจะหาย

เพราะตอนนั้นเขาบังคับให้ผมรับคำท้าเรื่องเวลาห้าปี ผมเลยบังคับให้เขารับคำท้านี้เช่นกัน

อย่างที่เขาบอก... ผมจงใจสร้างความผูกพัน

และผมว่ามันได้ผล

“แต่พี่ดูแลมันดีกว่า” ผมยิ้ม ออดอ้อนให้เขารับหน้าที่ต่อไป แต่เจ้าของใบหน้าคมกลับส่ายหน้า ถอนหายใจ

“กูดูแลไม่ได้หรอก”

โกหก เห็นได้ชัดว่าเขารักหมาจะตาย 

ผมยักไหล่ เอาเถอะ... ไม่ได้จะเร่งรัดอะไร

ผมอุ้มเปียกปูนกลับเข้าไปไว้ในบ้าน แล้วเอื้อมตัวไปหยิบแจ็กเกตที่วางไว้

“นั่นอะไร” ก่อนชะงักเมื่อเห็นใบหน้าคมขมวดคิ้ว มองลอดเข้ามาในเสื้อกล้ามคอกว้างที่พอก้มทีก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน

...โดยเฉพาะวัตถุวาววับสีเงินที่สังเกตง่ายๆ

ก่อนหน้านี้สวมแจ็กเกตทับเลยพอปกปิดได้ แต่เสื้อกล้ามขาวบางคงไม่อาจปกปิด ว่าหน้าอกข้างซ้ายมีสิ่งแปลกปลอมโผล่ขึ้นมา

“เจาะตั้งแต่เมื่อไหร่” คิ้วเข้มที่แทบขมวดโบว์ทำผมอ้ำอึ้งไป

“นานแล้ว” ตอบเลี่ยงๆ แล้วลุกเดินไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงข้างทีวี แกล้งเฉไฉ “เปิดเพลงได้ไหม”

แต่เสียงเพลงจากวงโปรดไม่ได้ช่วยให้ความกดดันน้อยลงเมื่อร่างสูงเดินตามมายืนกอดอกพิงโซฟา คาดคั้นเสียงต่ำ

“คุณพิชญ์ เจาะตั้งแต่เมื่อไหร่”

คราวนี้ผมยกมือขึ้นสองข้าง ยักไหล่ยอมแพ้ก่อนรับสารภาพ “อาทิตย์ที่แล้วครับ ก่อนกลับบ้าน”

ใช้น้ำเสียงออดอ้อนทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร พี่เตขมวดคิ้วนิ่งก่อนถอนใจ ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วกวักมือง่ายๆ เรียกให้ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเขา

“พอดีร้านประจำอยู่แถวนั้น ก็เลย...!”

ไม่ทันพูดจบก็ถูกดึงลงไป บังคับให้นั่งคร่อมตักแล้วถามด้วยน้ำเสียงต่ำกว่าเดิม “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“หือ?”

“คนเจาะน่ะ” ผมชะงักไปสักพัก กว่าจะเข้าใจความหมายของสีหน้าไม่พอใจ

“ผู้ชาย...” หลุดอมยิ้มเมื่อคำตอบทำให้ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววความงุ่นง่านชัดเจน “ไหนบอกไม่หึงไง” ยกแขนโอบรอบคอเขาพลางโน้มหน้าเข้าไปหา

“แต่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาจับก็ได้ไง” หัวเราะเบาๆ เมื่อเขาไม่ปฏิเสธแถมยังทำหน้ายุ่งยากใจ พอเห็นว่าผมยิ่งได้ใจเขาเลยขมวดคิ้วตำหนิก่อนถอนใจ

“ไม่เจ็บหรือไง”

“อะ...!” หลุดสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เขาก็แตะนิ้วลงมา

“เจ็บเหรอ?”

“เปล่า แต่ห้ามโดน” ถึงปกติแผลผมจะสมานเร็ว หายเจ็บตั้งแต่สามวันแรก แถมดูแลอย่างดีก็เลยไม่มีอักเสบอะไร แต่จนกว่าจะหายสนิทก็ยังไว้ใจไม่ได้

ดวงตาสีรัตติกาฉายแววงุ่นง่านยิ่งกว่า พี่เตถอนหายใจอีกรอบก่อนจะยื่นหน้าเข้ามางับจมูกแรงๆ “แกล้งกันหรือไง”
ผมไม่เข้าใจความหมาย จนกระทั่งฝ่ามือหนาล้วงเข้ามาในสาบเสื้อแล้วปัดป่ายส่วนอ่อนไหวแผ่วเบา

“ถ้าไม่โดนแล้วจะทำยังไง”

“อะ! พะ... พี่เต!” หลุดผวาเรียกเสียงดังทั้งที่เขาไม่ได้จับตรงๆ ด้วยซ้ำ... เพียงไล้ผิวเผินไม่ต่างจากสาบเสื้อเสียดสี

เขาว่าเจาะแล้วจะไวต่อสัมผัส... เข้าใจชัดก็วันนี้

“คุณพิชญ์...” คราวนี้คนเจ้าเล่ห์ดันแผ่นหลังผมจนหน้าท้องชิดกันก่อนจะกระซิบถามด้วยดวงตาวาววับ “รู้ไหมเด็กดื้อต้องโดนอะไร”

“เฮ้ย!” ฉับพลันเขาปล่อยอ้อมแขนที่โอบรัด ผมร้องลั่นผงะหงายหลัง เมื่อแขนที่โอบรอบคอถูกจับให้ผละออก ไม่ยอมให้เกาะก่าย

...ก่อนค่อยๆ ปล่อยให้ร่างกายท่อนบนไหลราบลงไปบนพื้นพรม

“พะ...พี่เต” ผมยืดแขนส่งให้พยายามอ้อนให้เขาดึงกลัวจากท่ากลับหัวกลับหางน่าอาย

แต่เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลกลับคลี่ยิ้มร้าย จับล็อกเอวผมให้หว่างขาแนบสนิทกับหน้าท้องกำยำ ก่อนโน้มตัวลงมาหาพลางใช้มือข้างที่ว่างไล้ตามผิวเปิดเปลือยจากชายเสื้อที่ร่นมากองที่ไหปลาร้า เอ่ยถามเสียงพร่า

“ดูหน่อย... เจาะตรงไหนอีก”

“ดะ...เดี๋ยว...อะ!” พยายามจะร้องห้าม แต่เสียงปรามกลับกลายเป็นเสียงครางเมื่อเขาสัมผัสนิ้มลงมาที่ยอดอกอีกข้าง... บีบเน้นราวกับจะควานหาร่องรอยของเครื่องประดับ

“จะเจาะอีกข้างไหม?” ส่ายหน้าหวือเมื่อเขาเอ่ยถาม

“อึก!... ฮื่อ...” ก่อนจะหลุดผวาอีกครั้งเมื่อเขาบดบี้จุดหวามไหว... รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ จนร่างกายหอบสะท้าน

หยาดน้ำตาเอ่อคลอก่อนไหลยอกย้อนขึ้นมาที่ขมับ

“ตรงนี้ล่ะ” ไม่ทันละมือจากตุ่มเนื้อที่ขึ้นสีแดงปลั่งชูชันด้วยความกระสันซ่าน ใบหน้าที่โน้มต่ำลงมาก็กดจูบลงหน้าท้องที่หดเกร็ง หวามไหวด้วยลิ้นร้อนที่เริ่มละเลง เล่นล้อกับแอ่งสะดือไปพร้อมกัน

...ความปรารถนาที่หลับไหลถูกปลุกขึ้นง่ายดาย ร่างกายปั่นป่วนจนสะท้านเมื่อคิดถึงระคนโหยหารสราคะที่ไม่ได้สัมผัสมาหลายวัน

ร่างกายส่วนบนที่ถูกกระตุ้นด้วยเรียวลิ้นและนิ้วมืออุกอาจ ราวขับกระแสไฟฟ้าแล่นปลาบไปทั้งร่าง ความร้อนแล่นหลั่นสู่กลางลำตัวจนอึดอัด

“ฮื่อ... พี่เต... พี่เตครับ” ความคับแน่นเกินต้านขับให้ส่งเสียงเว้าวอน

คนเจ้าเล่ห์หัวเราะในลำคอ ก่อนสบตาที่สั่นพร่าของผม กระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจพลางเลื่อนริมฝีปากต่ำลง... รูดรั้งปลดซิปกางเกงให้กัน

“ตรงนี้?” แกล้งเลิกคิ้วถาม มองอวัยวะที่เริ่มขยายใต้ร่มผ้า... ปลั่งราคะอัดแน่นจนทรมาน

“ให้พี่ดูไหม?”

"อื้อ..." ผมกัดริมฝีปากแน่น พยักหน้าไร้ละอาย ไม่สนแม้เขาจะยิ่งย่ามใจ ส่งเสียงเรียกร้องให้ช่วยปลดเปลื้องทรมาน

...เสียงร้องแปร่งประหลาดแผดลั่นอีกครั้งเมื่อเขายอมสัมผัสดั่งใจ

ส่วนคับแน่นถูกครอบครองด้วยริมฝีปากช่ำชอง...ลิ้นร้อนร้าย... ปรนเปรอในความนุ่มหยุ่นที่รูดรั้งกระทั่งถึงฝั่งฝัน สบดวงตาสีรัตติกาลหวานล้ำผ่านม่านน้ำ

เห็นเขากลืนกิน... ละเลียดลิ้นไล้เลียกระทั่งคราบข้นที่เลอะเรียวปากบาง ยิ่งถาโถมความต้องการจนไม่อาจกลั้น

“พี่เต...” พยายามเรียกร้องให้เขาดึงกลับขึ้นไปอีกครั้ง แต่คนด้านบนกลับคลี่ยิ้มร้าย เพียงเอื้อมมือข้างหนึ่งมากุมมือผมไว้
ก่อนปลุกร่างกายที่เพิ่งสงบด้วยฝ่ามือใหญ่... รูดรั้งเชื่องช้า ยังเสียงเหนอะหนะเนิบนาบหยาบโลน แกล้งยั่วให้ผมทรมาน... บิดร่างร้องเรียกให้เร่งเร้าเขาจึงยอมเปลี่ยนจังหวะสลับรัวเร็ว สาดซัดความกระสันซ่านระคนทรมานให้แล่นพล่านทั่วร่าง... กระทั่งปลดปล่อยอีกครั้ง...

“ฮึก...” น้ำตาไหลอาบเหงื่อไล้ชุ่มไรผมเมื่อถูกระบายความใคร่คลายอึดอัด

แต่เพียงไม่นานก็ถูกปลุกอีกครั้ง... ด้วยนิ้วเรียวที่ชำแรกลึกเข้ามาทีละขั้นหลังปลดเปลื้องสิ่งห่อคลุมเบื้องล่างทั้งที่ยังคงค้างในท่าพิสดาร จากหนึ่งเป็นสอง... สามก่อนชาดิกจนไม่อาจนับได้อีกต่อไป...

ช่องทางด้านหลังถูกขยายพร้อมปรนเปรอแก่นกายจนเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเล่า... หยาดราคะขุ่นข้นล้นทะลักอาบร่าง ไหลย้อนตามระนาบร่างกายที่กลับหัวกลับหาง

เมื่อฝ่ามือหนาขยับครั้งสุกท้ายผมคล้ายจะหมดแรงร้องคราง... กระทั่งถูกส่วนร้อนจัดรุกล้ำช่องทางที่ถูกขยายแทนนิ้วมือ... ลำคอแห้งผากจึงฉ่ำชื้นด้วยเสียงแปร่งประหลาดอีกครั้ง ลั่นร้องตามจังหวะเนิบนาบ ทวีความดังเมื่อเข้าสู่จังหวะกระแทกกระทั้น... กระทบหนัก หน่วงเน้น... บดขยี้ซ้ำๆ ราวกับจะฉีกร่างด้วยความเสียวกระสัน

"พี่เต..."

กระนั้นความต้องการยังถาโถม...มากขึ้น... มากขึ้นราวทะเลไร้ก้นที่ไม่อาจถม

ส่งเสียงละโมบร้อง... เรียกให้เร่งเร้ารุนแรง เว้าวอนให้ส่วนร้อนที่กำลังเสียดสีทวีหนักเน้น เติมเต็มเชื้อให้ไฟราคะโหมกระพือแผดเผา... เผาไหม้จนกว่าร่างจะแหลกด้วยร้อนเร่า... กระโจนจ้วงสู่ความทุรนทุราย... 

“...!” กระทั่ง ความร้อนจากอีกฝ่ายถะถั่งเข้ามาจนสัมผัสได้ ร่างกายของผมก็ปล่อยความสุขสมกระเซ็นซ่านอาบร่างอีกครั้ง กระตุกรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ คล้ายจะแหลกสลายและประกอบร่างใหม่ไปพร้อมกัน

“ฮึก... พี่เต... พี่เต” น้ำตาไหลสะอื้นฮักราวจะขาดใจ เรียกชื่อเขาซ้ำๆ จนเจ้าของแขนกำยำเอื้อมมือมาคว้ากลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง หลุดเสียงครางแผ่วเมื่อนั่งทับความแข็งขืนที่ยังขยายคับอยู่ในร่าง กอดรัดเขาไว้แน่นกรงเล็บที่เคยจิกพรมกดลึกลงบนผิวเนื้อหลังลำคอกรีดยาวสู่แผ่นหลังอย่างหาที่ระบาย

“พิชญ์” เสียงเรียกแผ่วราวปลอบประโลมพร้อมพรมจูบซับทั่วใบหน้า แขนแกร่งกระชับกอดแนบสนิทอย่างไม่นึกรังเกียจคราบน้ำเหนอะหนะที่อาบร่าง

“เด็กดี” ปลอบจนสงบจึงตบรางวัลด้วยจูบหวานล้ำ ลูบหัวลูบหลังราวพร้อมพรมจูบซ้ำไปซ้ำมา แตะหน้าผากประสานลมหายใจ จับจ้องล้ำลึกด้วยนัยน์ตาที่สะท้อนความสุขสมไม่แพ้กัน

“แบบนี้...” ผมฝ่าเสียงหอบหายใจด้วยเสียงกระซิบแหบพร่าพึมพำ “อยู่แบบนี้อีกสักพักนะครับ”

ได้ยินดังนั้นเขาจึงหัวเราะเบาๆ กอดกระชับผมแน่น กดจูบริมฝีปากแผ่วเบา แล้วเลื่อนซับริมฝีปากทั่วใบหน้าซ้ำๆ

ผมกอดกลับซุกหน้าถูไถผิวแก้มที่ร้อนด้วยแรงอารมณ์กับใบหน้าเขาราวจะแผ่อุณหภูมิแห่งความสุขสม

หลับตาลง... ปล่อยให้ร่างกายได้ซึมซับทุกสัมผัส

ตัวตนที่ถูกบีบรัด... ของเหลวอุ่นร้อนที่คั่งค้างอยู่ในร่าง... ความสุขสมที่กระจายทั่วสรรพางค์กาย

“รัก...”

จูบแผ่วเบาที่ผิวแก้มเคล้าเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูในห้วงสติสุดท้าย

“...พี่รักพิชญ์”     
   
คล้ายโอบอุ้มให้ล่องลอยในห้วงฝันอุ่นที่ชวนอิ่มไปทั้งใจ





--------------------------------------------------------------------
ฮึก... ทำไมมีเอ็นซีสามตอนรวดคะน้องไม่เข้าใจ
ฮื่อออ เก็บกดมาจากไหนนนน
ตอนนี้พี่เตคือความมั่ยอ่อนโยนที่แท้อ่ะ 5555
น้องช้ำหมดแล้วจ้า รุนแรงละเกินน น้ำตาจะไหล ;-;
เราแพลนเรื่องนี้ไว้ประมาณ 20 ตอนนะคะ (อาจเกินมานิดหน่อย)
ดังนั้นก็ใกล้ถึงปลายทางแล้วล่ะ
ฝาก #เกมท้ารัก เหมือนเดิม
ติดขัดตรงไหนติติงได้เสมอเลยค่ะ

ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้นะคะ
 :L2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พิเตชอบแกล้งน้อง นี่น้องกะไปเจาะมาแกล้งพี่ ทำไมเกมพลิกคะ  :jul1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด