ตอนที่ ๖๘
“กินอาหารญี่ปุ่นดีมะ” ชมพู่ถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อื้อ” หมูตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“หรือว่าจะกินพิซซ่าดี” ชมพู่ถามอีก
“อื้อ” หมูตอบสั้นๆอีก
“หรือจะกินอาหารไทย” ชมพู่ลองถามอีกครั้ง
“อื้อ” หมูตอบสั้นๆเช่นเคย
“นี่หมู ถามอะไรก็ตอบแต่ อื้อ...อื้อ...อื้อ ทำยังกับไม่พอใจอะไรอย่างนั้นแหละ” ชมพู่เริ่มไม่พอใจ
“ก็ไหนว่ามากันทั้งเจ้าต้อย เจ้าอ้วน เจ้ามิตร แล้วทำไมมีแต่เธอคนเดียว” หมูตอบอย่างไม่พอใจเหมือนกัน
“เอาน่า ไหนๆก็มาแล้ว กินข้าวกันดีกว่า” ชมพู่เสียงอ่อนลง เมื่อเห็นว่าหมูเริ่มไม่พอใจ
“งั้นต่างคนต่างกินแล้วกัน ง่ายดี แล้วเราไม่ชอบร้านอาหารในห้างด้วย เราไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า ไปหล่ะ” พูดจบหมูก็เดินจากไป ปล่อยให้ชมพู่ยืนงงอยู่คนเดียว
ปิดเทอมมาได้เดือนกว่าแล้ว เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์จากชมพู่ นัดให้มาเดินเที่ยวกันในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งนี้ โดยบอกว่าได้นัดต้อย อ้วน และมิตร ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเขามาถึง กลับพบแต่ชมพู่เพียงคนเดียว หมูจึงรู้สึกเหมือนถูกหลอก ปรกติเขาเองก็ไม่ชอบนิสัยของชมพู่นัก การกระทำของชมพู่ครั้งนี้ ยิ่งทำให้ไม่ชอบชมพู่มากขึ้นไปอีก
หมูเดินหนีชมพู่อย่างรวดเร็ว เมื่อหันหลังมองกลับไปแล้วเห็นว่า ชมพู่ไม่ได้เดินตามมา จึงผ่อนฝีเท้าลง แล้วก็เริ่มเดินอย่างสบายใจมากขึ้น จากการเดินอย่างเบื่อหน่าย ก็เริ่มมีความสบายใจในการดูสิ่งของต่างๆที่ตั้งโชว์ในตู้กระจกของร้านค้า แล้วก็เริ่มมองดูคนที่เดินไปเดินมาไปด้วย พลันสายตาก็สะดุดกับร่างของคนคนหนึ่ง
“ติ๊กนี่หว่า”
หมูพูดกับตัวเองเบาๆ เร่งฝีเท้าเดินตามติ๊ก ที่เดินขึ้นบันไดเลื่อนไป พอใกล้จะทันก็เปลี่ยนเป็นเดินตามห่างๆ จนมาถึงชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารนาๆชนิด หมูเห็นติ๊กเดินเข้าไปในร้านพิซซ่าชื่อดัง เมื่อมองตามเข้าไป ก็เห็นติ๊กโบกมือให้กับคนสองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง
คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้ารูปไข่คิ้วคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงบางเป็นสีแดงเรื่อ ใบหน้าและเรือนร่างที่ชวนมองของชายหนุ่มคนนี้ยังไม่สะดุดตาเขา เท่ากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนนั้น เป็นใบหน้าที่เขาคิดถึงและอยากพบเจออยู่ทุกวัน หมูเดินเข้าไปในร้าน แล้วสืบเท้าเข้าไปยังโต๊ะตัวนั้นอย่างช้าๆ แล้วหยุดยืนอยู่ด้านหลังของติ๊ก ชายหนุ่มร่างใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย จนคนที่อยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นมามองเขาบ้าง
“น้ำ ... น้ำหยด” หมูเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน บ่งบอกถึงความคิดถึง แต่คนที่ถูกเรียกชื่อกลับเม้มปากแน่น ใบหน้าซีดลงถนัด จนติ๊กที่มองเห็นต้องรู้สึกสะกิดใจ
“อ้าว...หมู มาได้ยังไง” ติ๊กพูดทักทาย เมื่อหันกลับมามองเห็นว่าเป็นหมู
“ผ่านมา เห็นนายเลยเดินเข้ามาเผื่อจะเจอใครที่เราอยากเจอ” หมูหันมาตอบติ๊ก “เรากำลังหาอะไรกินพอดี นั่งด้วยคนได้มั๊ย”
“เพื่อนติ๊กเหรอครับ” ชายหนุ่มร่างใหญ่ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้ม “นั่งสิครับ ทานกลางวันด้วยกัน”
“หมู เอ้อ....เพื่อนน้ำน่ะพี่” ติ๊กอึกอัก คนที่ได้ยินคำตอบจึงหันไปมองน้ำหยด เหมือนต้องการคำยืนยัน
“หมูน่ะครับพี่ คนรู้จักของน้ำเอง” น้ำหยดหันไปบอกคนข้างๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สายตาหลบลงมองเมนูอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
... คนรู้จัก ... คำนี้ไม่เพียงสะดุดหูหมูเท่านั้น แต่ทำให้ติ๊กขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แล้วก็คิดขึ้นมาถึงสีหน้าของน้ำหยดเมื่อสักครู่ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นน้ำหยดแสดงอาการและคำพูดเช่นนี้ กับคนที่เป็น ‘เพื่อน’ เท่าที่อยู่ในความทรงจำของเขา มีเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเมื่อสมัยที่เรียนชั้นมัธยมปลาย หลังจากที่เขาผิดนัด ทำให้น้ำหยดไปดูหนังกับตั๊กโดยลำพัง เมื่อเขาเห็นน้ำหยดพบกับตั๊กอีกครั้งหลังจากวันนั้น น้ำหยดแสดงสีหน้าท่าทางแบบนี้ ครั้งที่สอง คือตอนที่เขากับน้ำหยดได้เจอกับวิทย์ เพื่อนของพี่ชายเขา ตอนนั้นน้ำหยดก็เป็นแบบนี้เช่นกัน และครั้งนี้คือครั้งที่สาม
“น้ำไม่แนะนำให้เรารู้จักกับคนที่นั่งข้างๆเหรอ” หมูหันหน้าไปถามน้ำหยด
“พี่ชื่อต้นครับ ... ต้นไม้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ หมู” ต้นไม้ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ครับ พี่ต้น ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเคยได้ยินเรื่องของพี่มาบ้างเหมือนกัน” หมูยิ้มให้ แต่ในรอยยิ้มแฝงแววบางอย่าง ที่ทำให้ต้นไม้รู้สึกเหมือนคนผู้นี้ไม่เป็นมิตรกับเขาเลย
“น้ำเล่าให้ฟังเหรอครับ น้ำไปนินทาอะไรพี่ไว้” ประโยคหลังต้นไม้หันไปพูดกับน้ำหยด
“เปล่า ... น้ำหยดไม่ได้เล่าให้ผมฟังหรอก ผมได้ยินมาจากพี่เอก รู้จักมั๊ยครับ พี่เอกคณะศึกษาฯ เอกพละ"
คำถามของหมู ทำให้ต้นไม้ขมวดคิ้ว ดวงตาจ้องมองหมูแน่วนิ่ง รู้สึกว่ารอยยิ้มของหมูเหมือนยิ้มที่ถากถางอย่างไรชอบกล
“สั่งอาหารดีกว่าครับ น้ำหิวแล้ว” น้ำหยดเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“นั่นดิ๊ สั่งอะไรมากินดีกว่า กินไรดี” ติ๊กรีบแสดงอาการเห็นด้วย หันไปเรียกพนักงานมาเพื่อสั่งอาหาร
หมูสังเกตุเห็นว่า น้ำหยดจะให้ต้นไม้กับติ๊กเป็นคนสั่งอาหาร โดยไม่ออกความเห็นอะไร หมูเองก็ปล่อยให้ทั้งสองคนสั่งอาหารไปจนเสร็จ
“เดี๋ยวครับ ขอเพิ่มขนมปังกระเทียมหอยลายด้วยครับ” หมูสั่งอาหารเพิ่มกับพนักงาน แล้วหันไปทางน้ำหยด “น้ำชอบกินไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่สั่งล่ะ”
“อ้าว ... พี่ไม่รู้เลยนะ ทำไมน้ำไม่สั่งล่ะครับ” ต้นไม้หันไปถามน้ำหยดยิ้มๆ
“ก็พี่ไม่กินนี่ครับ ติ๊กก็ไม่ชอบ น้ำก็เลยไม่สั่ง” น้ำหยดตอบเบาๆ
“แบบนี้ยิ่งต้องสั่งสิ น้ำจะได้กินคนเดียวให้สมใจเลยไง” ต้นไม้พูดพลางยกมือขยี้ผมบนหัวของน้ำหยดอย่างเอ็นดู
“น้ำเค้าก็แบบนี้แหละ อะไรที่กินคนเดียวเค้าไม่สั่งหรอก เค้าจะสั่งอะไรที่กินกันได้ทุกคน” หมูพูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มเยาะเช่นเคย
“อืม ... ขอบใจนะหมู ที่ทำให้พี่ได้รู้นิสัยน้องเค้ามากขึ้น อย่างว่าแหละครับ พี่ไม่ค่อยได้ไปไหนกับน้ำพร้อมคนอื่น ได้แต่อยู่กันตามลำพังสองคน น้ำเค้าอะไรก็ตามใจพี่ เลยยังไม่ค่อยรู้นิสัยเค้ามากนัก มีอะไรอีกหมูก็บอกให้พี่รู้ด้วยนะ” คราวนี้รอยยิ้มของต้นไม้แฝงแววเยาะเย้ย
พอติ๊กได้เห็น ก็เข้าใจถึงสภาพที่ว่า ... หัวเราะที่หลังดังกว่า สภาพแบบนี้ติ๊กก็เลยได้รู้ว่า ต้นไม้พอจะดูอะไรออกอยู่บ้างเหมือนกัน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหยดและหมู