ตอนที่ 20
กล้า
Klahan Boy
รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง (223 Likes)
Tepsian XX : สวมถุงด้วยสิวะ (25 Likes)
Klahan Boy : @Tepsian XX พ่องตาย เรากำลังอยู่ Tops ที่ชั้น G ของห้าง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ ซึ่งห้างใกล้ปิดแล้ว ผมกับนายท่านผลัดกันเข็นรถเข็นเพื่อเลือกซื้อของ บางครั้งนายท่านก็ช่วยเลือก บางครั้งมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมเห็นมันทำหน้าเครียดนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ถามว่ามันคุยอะไรกับใคร
มันอาจจะเครียดเรื่องฝันอยู่ เพราะมันบอกว่าฝันคือเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของมัน แต่จะให้ผมทำยังไง หากมันมีผม มันก็ต้องไม่มีเพื่อนที่มีใจให้มันหรือส่งข้อความมาด่าผมแบบนั้น
อย่าหาว่าผมใจร้ายเลย...หัวใจผมผมก็ต้องปกป้องมันเหมือนกัน
"โห จะเหมาหมดชั้นเลยมั้ย" นายท่านท้วงก่อนจะรีบเข้ามาช่วย นมเปรี้ยวรสผลไม้รวมจำนวนหลายแพ็กกำลังถูกผมจับใส่รถเข็นอย่างรวดเร็ว
"จะเอารสส้มเปล่า" ผมลองถามลองเชิง
"บ้า กูชอบรสผลไม้รวม...ตลอดกาลแล้ว" มันยิ้ม ช่างเป็นคำตอบที่ถูกใจผม แต่ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น
"เอารสส้มบ้างดีกว่า"
"มึงไม่แดกรสนี้นี่"
"ก็มึงบอกว่ามึงชอบ"
"ไม่ชอบแล้ว...เอาแต่ผลไม้รวมเถอะครับ" มันจับแพ็กนมเปรี้ยวรสส้มเก็บเข้าที่เดิม ก่อนจะช่วยผมเข็นรถต่อ ผมเหลือบมองคนข้างๆ สีหน้าของนายท่านกังวลมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในตึก X ของเรา ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่ถาม แต่มันก็ติดอยู่ในใจของผมเกินไป
"มึงโอเคมั้ย"
"กูต้องโอเค" มันหันมายิ้ม
"หมายความว่าไง"
"ถ้ากูไม่โอเค มึงก็จะยิ่งไม่โอเค...ซึ่งนั่นมันคือโคตรแห่งความไม่โอเค"
"..."
"กูแอบชอบมึงมานานนะ เป็นแฟนมึงทั้งทีกูต้องแคร์มึงเป็นอันดับแรก กูไม่แคร์คนอื่นมากไปกว่ามึงหรอก เพราะงั้นมึงสบายใจได้เลย" นายท่านบีบที่จับรถเข็นแน่น "กูแค่สะเทือนใจที่ทำร้ายความรู้สึกเพื่อน และก็..."
ผมเอื้อมมือไปบีบมือของนายท่านก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมาอีก มองกลายๆ เหมือนผมกับมันช่วยกันเข็นรถเข็น จนกระทั่งเราเห็นนักศึกษาหญิงมอเรากลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาเจอเราที่ช่องนี้พอดี
จริงๆ ก็มีใครหลายคนในร้านนี้ชี้ชวนกันดูเราสองคนมานานมากแล้วตั้งแต่เข้ามาในร้าน
เราทั้งคู่ผละมือออกจากกันราวกับต่างฝ่ายต่างมีไฟฟ้าช็อต แม่งโคตรกระอักกระอ่วน แต่ผมกับนายท่านเข้าใจกันดีในเรื่องนี้
...หรือเปล่าวะ
ผมชักไม่แน่ใจแล้ว เพราะนายท่านมีสีหน้ากังวลมากกว่าเดิม แทนที่จะทำหน้าเฉยๆ เหมือนที่ผมทำ
ผู้หญิงกลุ่มนั้นหัวเราะคิกคัก แสดงออกอย่างยิ่งว่าปลาบปลื้มนายท่านจนออกนอกหน้า แฟนของผมแก้อาการเก้อกระดากนี้ด้วยการหยิบนั่นหยิบนี่ลงรถเข็น ของที่มันหยิบใส่มีแต่ของที่ผม มัน และก็เพื่อนของผมไม่กินทั้งนั้น ตอนนี้มันกำลังสติหลุดเหมือนกับตอนที่มันขับรถแล้วผมทำอะไรบางอย่างให้มันเขิน
นี่มันต้องมีอะไรต้องคุยกันมากกว่าที่ผมคิดแฮะ
วันนี้คงเป็นอีกวันที่มันเหนื่อยมากแน่ๆ ผมรู้สึกได้เลย...
วันต่อมาผมตื่นด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าโคตรแห่งความไม่ได้นอน
เย็นก่อน...ท่านทั้งหลาย ผมกับนายท่านไม่ได้มีอะไรกันมาราธอนยันสว่าง...แต่มันเป็นสิ่งตรงกันข้ามต่างหาก
ผมนอนไม่หลับ เพราะมันไม่มานอนกับผมครับ
Naaytan_Lkh : กูคงอาบน้ำแล้วนอนเลย
Naaytan_Lkh : ไม่ได้ไปนอนกับมึงนะ
Naaytan_Lkh : ฝันดีครับที่รัก นั่นแหละครับท่านผู้ชม
อยากจะสิ้นให้ดิ้นตาย ผมกับนายท่านเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ แต่พวกเรากลับมีดราม่าไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มจากเรื่องนายกอง ต่อมาคือเรื่องของปาวฟัน และหลังจากนั้นก็เป็นเรื่อง...เรื่อง...เรื่องอะไรวะ ผมกับมันยังไม่ได้คุยกันให้แน่ชัดว่ามันคือเรื่องอะไร แต่ผมรู้ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการแสดงออกในที่สาธารณะของเราแน่นอน
ผมไม่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเงียบหายไปเฉยๆ แน่ ทันทีที่ผมแต่งตัวเสร็จผมก็ไปรอนายท่านที่หน้าห้องของมัน ผมยืนเคาะประตูแล้วรออยู่นานสองนานก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของมันมาเปิดประตูให้
เร็วๆ หน่อยสิวะ...คนไม่ได้นอนมันใจร้อนนะเว้ย
ผมเคาะอีกสองสามทีก็ยังลงเอยอีหรอบเดิมนั่นคือไม่มีใครมาเปิดประตูให้ ผมจึงตัดสินใจกดโทรออกหานายท่านทั้งๆ ที่รู้ว่ามันแปลกๆ ไป มันกดรับสายอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ
[ตื่นแล้วเหรอ]
"มึงอยู่ไหนเนี่ย" ผมเอาหูไปแนบกับประตูห้องนายท่าน...เสียงมันไม่ได้ดังมาจากข้างในห้องนี้อย่างแน่นอน
[โรงอาหารนิเทศฯ อ่ะ]
มันไปถึงมอแล้วเหรอวะ แถมยังถึงคณะตัวเองอีกด้วย แม่งไปตั้งแต่ไก่โห่เลยเนี่ยนะ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้าแท้ๆ
"อยู่กับใคร"
[คนเดียว แต่เดี๋ยวทิมกับนุกก็มา]
"รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา"
[หืม]
ผมกดวางสายก่อนจะเริ่มหงุดหงิดที่มีอะไรหลายอย่างไม่ได้ดั่งใจ (โปรดเข้าใจคนนอนน้อยอย่างผมด้วย) กว่าผมจะลากสังขารตัวเองไปถึงคณะนิเทศฯ ได้ก็เรียกได้ว่าใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที เช้าๆ แบบนี้แทนที่รถของมอจะรีบมา คนขับกลับเอื่อยเฉื่อยราวกับรู้ว่าช่วงเวลาหกโมงเช้าไม่ใช่ช่วงเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่ตื่น
ให้มันได้อย่างงี้
เมื่อถึงคณะนิเทศฯ ผมก็รีบจ้ำอ้าวไปที่โรงอาหารอย่างรวดเร็วจนเหงื่อเริ่มผุด เห็นแผ่นหลังของนายท่านอยู่ที่มุมในสุดของโรงอาหาร มันกำลังเปิดชีทเรียนอ่านอยู่ ทันทีที่ผมไปถึง มันก็เงยหน้าขึ้นมามอง
ว่าไง...ไอ้ตัวปัญหาเอ๋ย
"ไง หลับดีเปล่า"
มันยังมีหน้ามาถามอีก
"มึงเป็นไร" ผมเปิดประเด็นทันที "เครียดเรื่องปาวฟันหรือเครียดเรื่องอื่นด้วย ว่ามาตรงๆ"
ผมยังจำท่าทีกระอักกระอ่วนเมื่อคืนได้ แต่นายท่านไม่เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยกันเลย
"ทำไมรู้ว่ากูเครียด"
"มึง...ไม่มานอนกับกู" เสียงของผมอ่อยลง เราเพิ่งคบกันก็จริง แต่นายท่านก็ควรพยายามที่จะมานอนกับผมไม่ใช่เหรอ เราอยู่ตึกเดียวกัน มันเป็นอะไรที่คนเป็นแฟนกันควรทำ
หากจะถามว่าทำไมผมไม่ไปเคาะห้องมันแล้วเข้าไปนอนกับมันด้วยล่ะก็...ผมจะตอบให้ก็ได้ว่าเมื่อคืนผมช็อกกับข้อความของมันน่ะ มันพิมพ์มาแบบนั้นผมก็ไม่กล้าจะไปรบกวนมันจริงๆ
"เพราะกูจับมึงแยกกับเพื่อนสนิทคนสวยของมึงใช่มั้ย"
"บ้า" นายท่านเลิกคิ้วยิ้มๆ
"แล้วตกลงมันเรื่องอะไร" ผมใกล้จะกระทืบเท้าอยู่รอมร่ออยู่แล้ว "กูอยากให้เรารักกันดีๆ นะ ช่วงนี้มึงกับกูมีแต่เรื่อง ไม่เห็นหวานจะเหมือนคู่อื่นเลย"
"นั่นน่ะสิ มีคนแกล้งเราหรือเปล่าวะ"
"เพิ่งคบกันแรกๆ ต้องหวานกันหน่อยสิ ไม่ใช่มีแต่เรื่องแบบนี้"
"ใช่มั้ยล่ะ"
"มึงบอกมาได้แล้ว"
มือของนายท่านที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ เอื้อมมือจับมือของผมเอาไว้ ตอนแรกมันขยับมาแค่หนึ่งสองนิ้วจากนั้นมันก็เปลี่ยนมาเป็นกุมมือ
"คิดถึงมึงว่ะ" มันเอ่ย
"คิดถึงตัวมึง" เดี๋ยว...มันใช่ประเด็นที่จะต้องพูดตอนนี้มั้ย
"อะแฮ่ม" ผมกระแอม "นี่โรงอาหารนะ"
"เรามีอะไรกันในวันแรกที่เป็นแฟนกัน หลังจากนั้นก็...ไม่ได้มีอะไรกันเลย"
"เชี่ยท่าน" หน้าผมแม่งร้อนขึ้นเพราะอากาศหรือเปล่าวะ "ทำไงได้...เมื่อคืนมึงไม่มานอนกับกูเองนี่"
นิ้วของนายท่านเริ่มขยับเหนือนิ้วของผมไปมาคล้ายกับต้องการลูบไล้...ผมกลืนน้ำลายหน่อยๆ เพราะปั้นสีหน้าไม่ถูก การกระทำแค่นี้ของมันก็ทำให้ไอ้นั่นของผมมีปฏิกิริยาแล้ว...คิดดูก็แล้วกัน
แต่มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเลยโว้ยยยยยยย
"กูคิดว่ามึงรู้นะว่ากูแปลกๆ ไปเพราะอะไร" มันพูดเสียงเรียบ
ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่เรื่องนายกอง ไม่ใช่เรื่องปาวฟัน แต่เป็นเรื่องที่เราถูกใครหลายคนจับจ้องในที่สาธารณะ
"กูเข้าใจมึงทุกอย่าง"
เดี๋ยวสิ...ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย
"มันคงวางตัวลำบากมากเลยสินะ" "ท่านจ๊ะ" มูมู่โผล่มาอยู่ที่หัวโต๊ะ นายท่านปล่อยมือจากผมไวมาก พักนี้เราทั้งคู่ปล่อยมือกันเพราะคนอื่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว "อ้าว กล้า มาอยู่ด้วยกันได้ไงเนี่ย"
"บังเอิญมาพร้อมกันน่ะ" ผมตอบเสียงแห้ง เหลือบมองดูนายท่านที่สายตายังคงฉายแววกระอักกระอ่วนใจ
"ทานอะไรหรือยัง ลองทานอาหารโรงอาหารนิเทศฯ ดูสิ รับรองว่าอร่อยพอๆ กับร้านป้าปอยของเด็กเสดสาดเลย"
"รู้อีกว่าเด็กเสดสาดชอบร้านป้าปอย"
"ใครๆ ก็รู้ ท่านเป็นเด็กใหม่ท่านยังรู้เลย เนอะ" มูมู่นั่งลงข้างๆ นายท่าน ก่อนจะใช้ไหล่กระเซ้าน้องรหัสอย่างสนิทสนม "ชีทที่ให้ไปเป็นไงบ้าง อ่านเข้าใจใช่มั้ย"
"ครับ"
ผมมองนายท่านกับมูมู่สลับกัน...ความคิดของผมตอนนี้ไม่ใช่ความหึงหวงแต่เป็นความกังวล ผมเข้าใจปัญหาระหว่างเราที่กำลังเกิดขึ้น แต่ผมยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ในตอนนี้ได้
สายตาของผมมองนายท่านอย่างละห้อย ก่อนจะตัดสินใจบอกลาแล้วไปยังคณะตัวเอง
การคุยของผมกับนายท่านในตอนเช้าวันนี้จบลงแค่นั้น
ไอ้เหี้ย ผมเครียดว่ะ นี่ผมเครียดจริงๆ นะ
เพจเฟซบุ๊กของมอกำลังแชร์รูปเดือนมหา'ลัยปีนี้ซึ่งนั่นก็คือรูปของนายท่าน ตอนนี้รูปของมันกำลังเป็นที่กล่าวถึงในโซเชียลเน็ตเวิร์กชนิดที่ว่าเป็นท็อปปิคที่คนทั้งประเทศจะต้องคุยกัน
สามีแห่งชาติ
หลัวฉันเองงงงงงงงงงงงงงง
@แท็กเพื่อน มึงงงงง มึงมาดูผัวกูเร็วววววววว
@แท็กเพื่อน @แท็กเพื่อน @แท็กเพื่อน เป้าใหญ่ฉิบหาย งือออออ
วาร์ปค่ะทุกคน IG : Naaytan_Lkh หล่อมากค่ะ เชิญตามไปดู
รอนายพลโตไม่ไหว...ขอนายท่านก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ
ลูกขาลูกกกก ลูกไม่ควรมีแฟน ลูกควรอยู่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ป้าแก่ๆ โสดๆ คนนี้ต่อไป
น้องยังโสดใช่มั้ย ตอบฉันที ตอบฉันที!
โสดเถอะนะ โสดเถอะ กราบบบบบบบบบบบบบบบ
น้องไม่โสดย่ะ น้องเป็นผัวฉันเอง
ตัวจริงหล่อมากค่ะ เรียนคลาสเดียวกันเมื่อเช้า...ฮือออ
เดินสวนก่อนไปเรียนเมื่อเช้าค่ะ ตัวจริงหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกก
พวกเรียนมอ S นี่ไม่ต้องมาอวดเลยนะยะ!
@แท็กคนคอมเมนต์บน คำว่าบุญวาสนานะคะนะ 55555555
เกลียดดดดดดดดดดดดด นี่คือตัวอย่างที่ผมยกเอามาให้อ่านเล่นๆ นะ ถ้าผมยกเอามาให้อ่านอย่างจริงจังล่ะก็...นิยายเรื่องนี้คงเต็มไปด้วยคำสรรเสริญเยินยอนายท่าน
ที่ผมเครียดนั้นไม่ใช่ความหล่อความดังของมันครับ ไม่ใช่เลยจริงๆ แฟนผมมันหล่อฉิบหายวายป่วงจนไม่แปลกที่จะมีใครหลายคนมาชื่นชม
สิ่งที่ผมเครียดจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้น...
คำตอบของคำถามที่ผมสงสัยเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ
"วันนี้วันนายท่านแห่งชาติเหรอ กูเห็นเต็มไทม์ไลน์เลย" เซียนมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่จะหันมาช้อนสายตามองผม "ไม่อวยผัวมึงให้กูฟังสักหน่อยเหรอเพื่อน ทำไมวันนี้เงียบจัง"
"สงสัยหวง" หมูหันเอ่ย
"มีแฟนเป็นนายท่านก็คงจะเหนื่อยหวงหน่อยอ่ะแหละ" ตงตบบ่าผม
"ไม่ใช่อย่างนั้น" ผมพูดกับเพื่อน
เซียนเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยปากถาม "มีห่าอะไร"
"เปล่า" มันเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ผมไม่อยากให้เพื่อนมาเดือดร้อนด้วย เพราะผมคิดว่าตัวผมคนเดียวน่าจะแก้ปัญหานี้ได้...ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ
"ไม่เล่าก็ไม่เซ้าซี้นะ"
เทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์มองดูปฏิกิริยาผม เห็นผมไม่อือไม่หืออะไรก็เลยได้แต่ปลง หันไปพูดคุยเรื่องอื่นกับตงและก็หมูหันแทน
โทรศัพท์ของผมสั่น คนที่ทักมาหาผมก็คือนายท่าน ผู้ซึ่งผมมีโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ติดต่อได้หมดทุกช่องทางแล้ว
...อาจจะยกเว้นเฟซบุ๊กไปอย่างหนึ่ง
จนถึงขณะนี้มันก็ยังไม่ยอมให้ผมย่างกรายเฉียดเข้าไปใกล้เฟซบุ๊กของมันแม้แต่นิดเดียว
Naaytan_Lkh : อยู่เสดสาดมีโรงอาหารเปล่า เอ๊ะ...เด็กรวยจากคณะนิเทศฯ มันกำลังดูถูกคณะผมอยู่หรือเปล่าวะ
Klahanboy : มีสิวะ
Klahanboy : ตึกไม่หรูแต่ก็มีโรงอาหารนะเว้ย ผมสัมผัสได้ว่านายท่านมันต้องแอบหัวเราะอยู่หลังหน้าจอโทรศัพท์ของมันแน่ๆ
Naaytan_Lkh : วันนี้จะไปกินข้าวโรงอาหารคณะมึงนะ
Naaytan_Lkh : เจอกัน รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยแฮะ แต่ก็ยินดีที่จะได้เห็นมันอีกครั้งในวันนี้
Klahanboy : โอเค
Klahanboy : เช้านี้เรียนเสร็จกี่โมง
Naaytan_Lkh : สิบโมงครึ่ง มึงล่ะ
Klahanboy : เที่ยงอ่ะ มึงต้องรอหน่อยนะ
Naaytan_Lkh : รอได้อยู่แล้ว
"เที่ยงนี้นายท่านมากินข้าวด้วยนะ" ผมบอกเพื่อนๆ ทุกคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ราวกับเคยชินเรื่องที่นายท่านกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา ยกเว้น...ไอ้เหี้ยเซียน
"ทิมมาด้วยมั้ย"
"ไม่ได้ถามว่ะ" ผมเกาหัว "ให้ชวนให้มั้ย"
"เฮ้ย ไม่ต้อง"
"..."
"เดี๋ยว นายท่านมันอยากกินข้าวกับมึงแค่สองคนเปล่าวะ"
"โว้ย แดกๆ ไปเถอะ มันไม่ซีเรียสเรื่องนี้หรอก"
ผมต่างหากที่ซีเรียส...แต่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่จะได้กินข้าวกับนายท่านกับผมแค่สองคนหรือไม่ สิ่งที่ผมซีเรียสคือบรรยากาศระหว่างเรา...
ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน แต่ใจผมนั้นยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยกับนายท่านตรงๆ
เพราะผมกลัวว่าเราจะคิดไม่เหมือนกัน จากนั้นมันก็จะกลายเป็นดราม่าอีกระลอกที่อาจจะใหญ่กว่าเรื่องของนายกองก็เป็นได้
เฮ้อ...ชาติที่แล้วผมคงไปขี้ใส่ห้องน้ำของเทพแห่งความรักมั้ง ผมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนหลังจากที่ได้แฟนมา
ว่าแต่...เทพแห่งความรักนี่เขาปวดขี้เป็นอยู่ใช่ป่ะ ผมไม่รู้อ่ะ
พักกลางวัน
จากที่เคยชอบไปร้านอาหารป้าปอย วันนี้ผมกับเพื่อนๆ นัดการทานอาหารที่โรงอาหารคณะเราเพียงเพราะแขกคนสำคัญของผมจะมา ไม่ต้องห่วงครับ พวกไอ้เซียนมันชิลและไม่เลือกแดก อะไรที่ทำให้ท้องพวกมันอิ่มได้ พวกมันโอเคทั้งนั้น...
ระหว่างที่นายท่านกำลังเดินทางมา ผมกับเพื่อนก็แอบฟังสาวๆ โต๊ะข้างๆ ที่กำลังคุยกัน ท็อปปิคของพวกเธอก็คือนายท่าน รูปที่พวกเธอดูในโทรศัพท์ก็คือรูปของนายท่าน และทุกๆ คนในกลุ่มนั้นก็เอาแต่พูดถึง...นายท่าน
"โอย หล่อ"
"ปะล่ำปะเหลือ"
"กูบ่ไหว"
เซียนกับคนอื่นๆ มองผมยิ้มๆ ขณะตักข้าวเข้าปาก
"มึงว่าน้องเขาจะมีแฟนหรือยังวะ"
"มีข่าวลือมาว่าน้องมาจีบเด็กคณะเรานี่แหละ"
"เฮ้ย จริงดิ ชะนีนางไหนวะถึงได้มีแต้มบุญสูงส่งขนาดนี้"
"โอยยย ดาวคณะสักชั้นปีมั้ย ลองไล่ชื่อดู"
พวกเธอไม่ผิดที่จะคิดว่านายท่านมันคงกิ๊กกั๊กอยู่กับคนสวยสักคนในคณะของเรา ผมทำหน้าสลดลง ความจริงในเรื่องนี้ตอกย้ำเรื่องที่ว่าผมไม่สามารถควงนายท่านไปไหนต่อไหนได้อย่างหน้าระรื่น ถึงแม้จะทำเช่นนั้นได้แต่เราสองคนก็ไม่ควรประเจิดประเจ้อ
มันเป็นที่จับตามองเกินไป...
ผมไม่อยากทำมันเสียหายหรือตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน การมีแฟนมันแย่มากพออยู่แล้วสำหรับคนที่กำลังบูมอย่างนายท่าน แล้วหากมีคนรู้ว่ามันมีแฟนเป็นผู้ชายอีก ผมว่ามีแต่เสียกับเสียนะ...
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราทั้งคู่ถึงได้กระอักกระอ่วนใส่กัน มันเป็นความอึดอัดเรื่องการวางตัวที่สุดแสนจะลำบาก ใจเย็นๆ นะครับ ผมรักมันสุดใจและผมก็เชื่ออย่างสุดใจด้วยว่ามันรักผม...เพียงแต่ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มบทสนทนา ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าเราควรวางตัวต่อหน้าธารกำนัลแบบไหน...
เพราะเราสองคนคงกลัว...
กลัวว่าใครคนหนึ่งจะยอมแพ้...ไว้เกินไป
นายท่านเดินเข้ามาในคณะผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ ผมคิดว่าสิ่งที่ผมคิดคงตรงกับสิ่งที่มันคิดในตอนนี้ มันถึงได้ทำหน้าอมทุกข์แบบนั้น ดวงตาของแฟนผมมองผมอย่างฝืนๆ พร้อมกับริมฝีปากที่ทำเป็นยิ้ม จากนั้นก็กล่าวคำทักทายเพื่อนของผมพร้อมกับยกมือไหว้อย่างสุภาพ
แน่นอนว่าการปรากฎตัวของมันเป็นการตอกย้ำว่าวันนี้เป็น 'วันนายท่านแห่งชาติ' ที่แท้จริง เพราะมันเป็นเป้าสายตาชนิดที่ว่าแม้กระทั่งกลุ่มผู้ชายที่ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นในคณะยังต้องหันมามอง
"จะกินอะไร" ผมถามแฟนตัวเองทันที
"ไม่รู้สิ แนะนำหน่อย" มันตอบ
"กูก็มั่วเอาอ่ะ ปกติกินแต่ร้านป้าปอย"
"แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปกินล่ะ"
"ก็มึงบอกว่าอยากมาโรงอาหารคณะกู...พวกกูก็เลยตัดสินใจกินกันที่นี่แหละ"
นายท่านมองเพื่อนของผม จากนั้นก็แจกรอยยิ้มเล็กๆ ไปทั่ว มันดูดีจนผมใจสั่นขึ้นมา
"เดี๋ยวพาไปซื้อร้านอร่อย"
"โอเค" มันเดินตามผมไปแบบรักษาระยะห่าง ผมหันกลับมามองมัน มันกลับมาทำหน้าสลดอีกครั้ง ภายในของผมรู้สึกกระตุกวูบ มันรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ อย่างที่ผมไม่ชอบ
เราเป็นแฟน เป็นคนรักกัน แต่เราทั้งคู่เดินห่างกันอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องทำแบบนั้น
"ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ" รุ่นน้องปีหนึ่งคณะผมบุกเข้ามาหานายท่านประมาณสี่ห้าคน
นายท่านชะงัก สายตามองผมก่อนที่จะพยักหน้า "ได้ครับ"
พอมีคนกล้าขอมันถ่ายรูป คนที่อยากถ่ายรูปกับมันก็เริ่มทะยอยมาขอมันถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง ผมยืนมองอยู่ห่างๆ มองดูความโด่งดังและความเป็นที่สนใจของมัน
ผมไม่ได้หึง ผมไม่ได้หวง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้คือส่วนหนึ่งของความเจ็บปวดในใจผม
ความเจ็บปวดที่ว่าเราเดินเคียงคู่กันต่อหน้าคนอื่นๆ ไม่ได้...
"โกรธเหรอ" นายท่านถามหลังจากที่มันได้ข้าว และเราทั้งคู่ก็กลับมานั่งที่โต๊ะ
"เปล่า"
"ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า"
"ไม่อ่ะ"
นายท่านถามผมแต่คนที่รอฟังคำตอบไม่ได้มีแต่มันเพียงคนเดียว มีเพื่อนๆ ของผมด้วย...ผมไม่กล้าแม้แต่ที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับมัน
ผมกลัวผลลัพธ์ครับ...ผมกลัวว่ามันจะเป็นอะไรที่ร้ายแรง กลัวว่าท้ายที่สุดแล้วทางออกของเราทั้งคู่คือห้ามคบกัน
ผมกลัวว่าแม่งจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
"พี่เซียน" นายท่านส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ท่าทางกังวลกลัวว่าผมจะมีอะไรที่อยู่ในใจ
"กูไม่รู้" มันส่งเสียงตอบทันที "ไปคุยกันเอง กูไม่เกี่ยว"
ผมมองหน้านายท่าน ทำท่าจะเอ่ยปากพูดแต่ก็ไม่กล้า มันรอคอยผม พยายามจ้องมองว่าผมต้องการที่จะพูดอะไร จากนั้นผมกับมันก็สลับตำแหน่งกัน มันทำท่าเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมาซะอย่างนั้น
"ปวดหัวแทน" หมูหันเกาศีรษะแกรกๆ
"เอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน" ผมบอกนายท่าน
ทำไมผมกับมันถึงได้กลัวแบบนี้นะ...หรือเพราะเราไม่เคยมีแฟนกันเลยถึงได้ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้
ไม่สิ...ผมเชื่อว่ามันไม่น่าจะใช่เพราะเหตุนั้น
ผมคิดว่าเพราะเราทั้งคู่กลัวว่าเราจะสูญเสียกันและกันไปต่างหาก
คืนนั้นผมกะจะไปยังห้องนายท่านเพื่อถกประเด็นเรื่องนี้กัน แต่ข้อความข้อความหนึ่งได้ฉุดรั้งผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมลุกไปไหน...
084-4444XXX
คนที่แย่งของของคนอื่นมา มันก็จะไม่มีความสุขแบบนี้แหละ ผมเริ่มรู้สึกกังวล...กลัวว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้
วันนี้ผมขอพักอีกวันก็แล้วกัน...พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ว่าจะเอายังไง
"ทิม...ช่วยด้วย"
[เหี้ย เป็นไรวะ โดนตุ๊ดลักพาตัวเหรอ]
"บ้า"
[มึงเป็นอะไร]
"กูกลัวกล้าเหนื่อยที่จะเป็นแฟนกับกูว่ะ"
[หา...]
"ไม่รู้สิ กังวลฉิบ"
[มึงใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกัน]
"ไม่กล้าคุย..."
[พี่เขารักมึง มึงจะกลัวอะไร]
"จะคบกับกูมันไม่ได้ใช้แค่ความรักน่ะสิวะ"
[...]
"ถ้ามันทนไม่ไหวล่ะ"
[...]
"ถ้ามันไม่โอเคล่ะ"
[...]
"กูตายห่าเลยนะ"
[ใครจะยอมให้มึงตาย...ไอ้บ้า]
TBC*ใกล้จะเคลียร์กันแล้ว ใจเย็นๆ เน้อ
อยากบอกนายท่าน...ท้ายตอนโทรหานุกบ้าง อย่าโทรหาแต่ทิม 555