ตอนที่ 21
กล้าหาญ
Naaytan Aroonkittiniwat
Please be mine forever (94 Likes)
เพื่อนคนที่สี่ : ก่อนจีบก็เพ้อ ระหว่างจีบก็เพ้อ หลังจีบติดก็เพ้อ (10 Likes)
Naaykong Aroonkittiniwat : คิดถึงพี่กล้า (22 Likes)
Naaytan Aroonkittiniwat : @Naaykong Aroonkittiniwat นายหญิง Naaykong Aroonkittiniwat : @Naaytan Aroonkittiniwat แปลว่าไรวะ
Naaytan Aroonkittiniwat : @Naaykong Aroonkittiniwat แปลว่าแม่มึงสิ (11 Likes)
เพื่อนคนที่สาม : Calm down 55555
เพื่อนคนที่สอง : That's your younger brother! 5555
รุ่นพี่คนที่หนึ่ง : มันเอาเรื่องว่ะ 5555555
รุ่นพี่คนที่สอง : ทำใจซะนายกอง...อย่าได้ไปแตะของรักของมันเชียว พวกพี่ชินซะยิ่งกว่าชิน (5 Likes) คณะเศรษฐศาสตร์
ตลอดทั้งเช้าวันต่อมาผมจึงได้แต่นั่งเรียนแบบไร้วิญญาณ อาจารย์ถกประเด็นอะไรมาผมก็ได้แต่ฟังไปงั้นๆ ไม่ได้ซึมซับเข้าหัวสมองเลยสักนิด
"มันเป็นห่าอะไรอีกล่ะ" เซียนเอ่ยเสียงรำคาญในช่วงเวลาที่อาจารย์ปล่อยพักสิบห้านาที "สามวันดีสี่วันไข้"
มันพูดผิด...ตั้งแต่เรื่องนายกองลามมาจนถึงเรื่องนี้ ผมกับนายท่านยังไม่ได้คุยกันดีๆ เลย
ใครฟะช่างขยันสร้างเรื่องดราม่าให้พวกผมซะจริงๆ
"ทุกข์ของคนมีแฟน" หมูหันพยักหน้าหงึกๆ
"อยากเห็นมึงกับนายท่านสวีตหวีดวิ้วกันเหมือนตอนที่มึงโดนหอมแก้มเพราะนายท่านคิลทีมตรงข้ามนี่ได้มั้ยวะ" ตงพูดอย่างจริงจัง
แก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาไม่ยอมลุกออกจากที่นั่งทั้งๆ ที่อาจารย์ปล่อยแล้ว เพราะพวกมันกำลังคุยเรื่องปัญหาของผมอยู่ครับ
"มีแฟนแล้วต้องมีความสุขดิ ถ้ามีแล้วทุกข์มึงจะมีไปทำไม" ไอ้เซียนจี้ใจดำของผมแรงมากจนผมอ้าปากหวอ
"ไอ้สัด อย่าพูดแบบนี้!" พวกกูรักกันดีมากโว้ยยย
"มึงกับท่านมีปัญหาอะไรกัน" คำถามของเซียนสร้างความสนใจให้กับตงและหมูหันเป็นอย่างมาก
"มึงจะเอาเรื่องไหนก่อน"
"พ่อง" ตงร้อง
"กล้าหาญดราม่าคิง" คำพูดแบบนี้มีแต่หมูหันที่พูดแน่นอน
"ไล่ๆ มา" เซียนกอดอก
"เรื่องแรกคือเรื่องนายกอง กูเคลียร์แล้ว ไม่มีปัญหา"
เพื่อนทั้งสามของผมพยักหน้า
"เรื่องที่สองคือเรื่องปาวฟัน กูบอกมันว่าจะทำยังไงก็ได้แค่อย่าให้กูเห็นหน้าเขาอีก"
สามคนนี้ไม่รู้ว่าผมโดนส่งข้อความมาโจมตี แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ผิวปากหาว่าผมใจเด็ดอยู่ดี...เด็ดที่รักผัวหวงผัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ตอนฟังผมรู้สึกเหมือนผมจะร้องไห้...สถานะของผมเป็นรองนายท่าน เพราะฉะนั้นพวกมันจึงเรียกผมว่าเมีย เรียกนายท่านว่าผัว
นี่มันก็ทำร้ายจิตใจคน (ต้องการ) แมนอย่างผมมาก แต่ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าผมเป็นแฟนนายท่าน ผมรับให้นายท่าน แล้วผมก็มีความสุขฉิบหายจนบรรยายไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษน้อยลงหรือตุ้งติ้งมากกว่าเดิมหลังจากได้เสียกับนายท่านสักหน่อย ผมก็ยังเป็นคนเดิม ยังชอบแดกนมเปรี้ยวรสผลไม้รวมเหมือนเดิม
เมียก็เมียวะ...เมียนายท่านคนเดียวก็แล้วกัน
"มึงสบายใจแน่นะเรื่องปาวฟัน ท่านมันก็ดูช็อกๆ นี่" เซียนเลิกคิ้ว
"กู...สบายใจ กูเชื่อใจท่าน" ผมตอบ "แค่อย่าให้เขามายุ่งกับเราทั้งคู่ก็พอ ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะก็...ตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที"
"ปวดหัวกับพวกมึงฉิบหาย" เซียนทำหน้าเซ็ง "แล้วเรื่องสุดท้ายคือเรื่องอะไร"
ผมไล่สบตาเพื่อนทั้งสามไปทีละคน
"กูรู้แล้ว" หมูหันยกมือ "กล้ามันซึมเพราะนายท่านไม่ยอมเอา!"
ตงกับเซียนหัวเราะก๊าก ส่วนผมใกล้จะถีบไอ้หมูหันตกเก้าอี้อยู่รอมร่อ
"เห็นกูอยากขนาดนั้นเลยหรือไง" ผมบ่นอุบ ถึงจะอยากแต่ผมก็ให้นายท่านมันรู้คนเดียว
แต่เพื่อนแม่งก็คือเพื่อน... "มึงก็น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ" เซียนพูด
"ฟาย"
"สรุปคืออะไรวะ ถ้ามึงไม่รู้พวกกูก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ"
ผมมองหน้าเซียน ค่อยๆ คิดและเรียบเรียงคำพูดก่อนที่จะเอ่ย
"กูกับนายท่านควงกันต่อหน้าสาธารณชนไม่ได้ว่ะ"
เพื่อนทั้งสามคนมองหน้ากัน ขณะที่ผมนั้นทอดถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นมันใช่มากๆ เป็นปัญหาเล็กๆ ที่ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีการเคลียร์...มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
แต่จะเคลียร์ยังไงไหว...ทุกคนลองฟังดูเหตุผลของผมกับนายท่านดูนะครับ เดี๋ยวไอ้พวกเหี้ยนี่มันก็ถามเอง
"ทำไมวะ" หมูหันถามเป็นคนแรก "เพราะเป็นชายรักชายเหรอ"
"นั่นก็ส่วนหนึ่ง ไม่ดิ ส่วนใหญ่เลยมั้ง" มันคือสาเหตุหลักของเรื่องราวทั้งหลายทั้งมวลเลยล่ะ
"นึกว่าเพราะมึงไม่ชอบซะอีก" เซียนเอ่ยบ้าง "เพราะถ้ามึงไม่ชอบ...นายท่านก็ไม่ผิดที่จะน้อยใจ"
"ฟังกูก่อนดิ" ผมพยายามอธิบาย "กูรักนายท่านมาก กูภูมิใจจะตายเวลาที่กูได้ควงมัน แต่มึงอย่าลืมนะ กูกับมันเป็นผู้ชายเหมือนกันควงกันแต่เรื่องเล็กนั้นก็ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กอยู่ดี"
"แล้วเรื่องใหญ่จริงๆ มันคืออะไรล่ะ"
"เรื่องใหญ่ก็คือนายท่านมันเป็นเดือนมหา'ลัย เป็นลูกชายของคุณนายหญิง อรุณกิตตินิวัฒน์ ซึ่งเจ้าของค่ายทำละครเอสเอ็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง แล้วมันก็เป็นเจ้าของแฮชแท็กนายท่านอรุณกิตตินิวัฒน์ที่มีบ่าวไพร่ คนที่เป็นแฟนคลับของมันติดตามอยู่เยอะมากกกกกกก มากจนกูบรรยายไม่ไหว"
เพื่อนทั้งสามของผมไม่มีใครกล้าแม้แต่ที่จะหายใจ
"เรื่องชายรักชายถือว่าเล็กไปเลยใช่มั้ยล่ะ" ผมฟุบลงกับโต๊ะอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ รู้ดีว่าปัญหานี้ยังไงนายท่านมันก็รู้ มันถึงไม่ยอมมานอนกับผมเพื่อที่จะคุยกัน ดีไม่ดีมันอาจจะกำลังคิดหาวิธีรับมืออยู่ ซึ่งผมไม่ชอบเลยที่เราทั้งคู่จะต้องห่างกัน "ถ้าเปิดเผยกับคนอื่นพวกมึงรู้ใช่มั้ยว่าจะมีอะไรตามมาบ้าง"
"อืม พวกกูรู้" เซียนตอบแทนทุกคน
"กูอยากจะบอกเหลือเกินว่าควงกูเลย ควงกูเลยเหอะ ใครจะมองกูไม่แมนก็ช่าง กูเลิกสนใจเหี้ยอะไรแบบนั้นตั้งนานแล้ว กูขอแค่มีมันอยู่ข้างๆ กูก็พอ กูต้องการแค่นั้น"
"..."
"แต่สภาพแวดล้อมอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราสองคนทำงั้นไม่ได้ กูต้องการแบบนั้น แต่กูก็เข้าใจว่าเราสองคนทำตัวเหมือนคู่รักปกติไม่ได้จริงๆ"
"มึงกับนายท่านควรคุยกันว่ะ" เซียนวิเคราะห์ "พวกมึงต้องคุยกันว่าจะเอายังไง จะกอดจูบลูบคลำในที่แจ้งได้มากน้อยแค่ไหน เอาที่มึงสองคนสะดวกกายสบายใจ อย่าให้ต้องผิดใจกัน"
"ฟังความต้องการของนายท่านด้วย" ตงเอ่ยเสริม "เผื่ออะไรที่มึงไม่อยากทำมันจะกลายเป็นสิ่งที่นายท่านอยากทำ"
"ถ้าไม่คุยให้มันตรงกันเดี๋ยวก็จะทะเลาะกันอีก" หมูหันเองก็มีส่วนร่วมด้วย
"ตอนนี้นายท่านมันอาจจะกำลังคิดว่าที่มึงไม่อยากควงมันเพราะมันเป็นแฟนที่ไม่ดี แฟนที่ไม่น่าอวด อะไรทำนองนั้น" เซียนพูดต่อ "คนมันจะคิดยังไงก็ได้ เพราะงี้ไงมึงกับมันต้องคุยกัน"
"อืม" เพื่อนของผมมันดูมีเหตุมีผลมาก "ก็คงต้องคุยนั่นแหละ อาจจะเป็นเย็นนี้"
"เร็วๆ เลย อย่าปล่อยไว้นาน" หมูหันตบไหล่ผม
เมื่อเราทั้งสี่ได้แก้ไขประเด็นปัญหาของผมแล้ว เราก็พากันออกมาจากห้องเรียน หลังจากนั้นเราก็ไปทานอาหารกลางวันร้านป้าปอย ร้านประจำของเด็กคณะเรารวมถึงเราด้วย
จำได้กันใช่มั้ยว่าไกลฉิบหาย...แต่พวกเราก็ดั้นด้นไป
ทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเพื่ออะไร
ร้านป้าปอย
สิ่งที่เซอร์ไพรส์ผมมากสุดๆ ก็คือนายท่าน อรุณกิตตินิวัฒน์อยู่ในร้านอาหารป้าปอยที่เต็มไปด้วยเด็กคณะเศรษฐศาสตร์
ผมแม่งดีใจฉิบหาย ดีใจปนตกตะลึง...คณะนิเทศกับร้านป้าปอยแม่งไกลกว่าคณะผมกับร้านป้าปอยอีกนะจะบอกให้ แต่นายท่านมันก็ยังมา...
ผมรีบพุ่งไปยังโต๊ะของนายท่านกับเพื่อนๆ ก่อนที่มันจะรู้ตัวซะอีก
"อ้าว" นายท่านดูตกใจไม่น้อยเหมือนกัน "วันนี้ก็มาทานที่นี่กันเหรอ"
ทิมกับนุกทำสีหน้ายิ้มๆ มอบให้นายท่านทันที
"เห็นมั้ย อยากเจอก็ได้เจอ"
"ดวงสมพงศ์"
ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นแฟนทั้งตอนเช้าและก็ตอนกลางวัน ผมนั่งข้างมันทันที ข้างๆ ผมก็คือไอ้เซียนที่เจาะจงนั่งข้างไอ้น้องทิมโดยเฉพาะ เมื่อมีคนมานั่งรวมกันทั้งหมดเจ็ดคน โต๊ะเราจึงเป็นโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดในร้าน
ผมชอบในความบังเอิญนี้จึงได้แต่จ้องหน้านายท่านจนลืมไปเลยว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเครียดมาตลอดทั้งทั้งเช้า
"จ้องแบบนั้นเดี๋ยวมึงก็ท้องหรอกกล้า" เซียนขัด "รู้แล้วน่าว่าเป็นแฟนกัน"
นายท่านส่งยิ้มให้ ส่วนผมหันมาสนใจเมนูอาหารแล้ว แม้จะยังกระอักกระอ่วน แต่ผมเชื่อว่ายังไงสถานการณ์ระหว่างเรามันต้องดีขึ้นแน่
"ทำไงดี อีกสิบนาทีต้องกลับไปที่คณะแล้ว" นุกมองดูนาฬิกาแล้วมองดูนายท่านอย่างเกรงอกเกรงใจ
"มีเรียนตอนเที่ยงครึ่งเหรอ" ผมถามคนข้างๆ
"เปล่า รุ่นพี่นัดคุยน่ะ คุยทั้งชั้นปีเลย สงสัยมีกิจกรรม" นายท่านตอบ
"อ๋อ อืม" ผมอดรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ ไม่ได้ ใจผมไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าผมกับนายท่านจะมาเคลียร์ปัญหากันในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยเสียงดังโหวกเหวก แต่ผมก็อยากอยู่กับมันนานกว่านี้
เพิ่งคบกันได้ไม่กี่วันแท้ๆ แต่เวลาสวีตกลับมีแค่กระจึ๋งนึง
ใครกันนะที่แกล้งผมกับนายท่าน...ทำไมต้องคอยหาเรื่องดราม่ามาให้ ผมแม่งไม่เข้าใจเลย (ยังคงสงสัยอย่างต่อเนื่อง)
"ไปกินนมเปรี้ยวหน่อยมั้ย" นายท่านยกมือชี้มือไปที่ร้านตู้แช่อาม่า
"เอาสิ" ถ้าผมมีหาง...หางของผมคงกระดิกแล้วล่ะ ผมรีบลุกเดินตามนายท่านออกไปท่ามกลางสายตาของมวลมนุษย์หลายสิบคู่ที่มองมา
มีแต่เด็กคณะผมทั้งนั้น...แต่คนที่เรื่องราวของผมกับนายท่านจริงๆ มีแค่คนในโต๊ะที่ผมกับนายท่านเพิ่งจากมาเท่านั้นแหละ
ร้านตู้แช่อาม่าเป็นร้านที่นักศึกษาที่นี่ต้องบริการตัวเองหนักมาก ทั้งหยิบเครื่องดื่มเอง จ่ายเอง และทอนเงินเอง โดยที่อาม่าเอาแต่โบกพัดในมือแล้วก็ยิ้มทักทายเหล่านักศึกษาที่มาซื้อ จากนั้นก็หันไปดูละครที่กำลังฉายในทีวี ท่านเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยมอเราก่อตั้งได้ไม่กี่ปี จนกระทั่งถึงตอนนี้...
แม่งเป็นตำนานเหี้ยๆ
นายท่านกับผมยิ้มทักทายอาม่าที่ยิ้มตอบ มันเอื้อมมือไปหยิบนมเปรี้ยวรสโปรดของผมมาทั้งหมดสองกล่องแล้วจัดการจ่ายตังค์ลงกล่อง (แน่นอนว่าอาม่าไม่แคร์ด้วยซ้ำ)
"ขำดี" แฟนผมพึมพำถึงอาม่าที่ไม่รู้กำไรหดตดหายหรือเปล่า
เรายืนอยู่หน้าร้าน...ดื่มนมเปรี้ยวในกล่องรสเหมือนกันไปพร้อมๆ กัน ผมเหลือบมองนายท่านที่สูงกว่าผม
"วันนี้มึงดูรักกูจังแฮะ" นายท่านเอ่ยยิ้มๆ
"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง" ผมตอบ ตัดสินใจพูดมันออกไปเพราะไม่อยากอมพะนำอีกแล้ว "กูอยากสวีตกับมึงแล้ว ไม่อยากดราม่าอีกแล้ว...กูเจ็บ"
คำพูดตรงๆ ของผมมันตรงเกินไปซะจนมันน่าขำ อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของผมไม่ค่อยซีเรียสมั้ง แต่ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ
"สิ่งที่กูอยากคุยกับมึงคือเรื่องการวางตัว"
นายท่านหลุบสายตาลงต่ำ ดูเหมือนมันจะลุ้นกับเรื่องนี้อยู่มากเหมือนกัน
"กูรู้ว่ามึงคิดมากอยู่ แต่มันอาจจะเป็นคนละประเด็นกับสิ่งที่กูคิดจริงๆ" ผมพูดต่อ "กูไม่ได้อายที่จะควงมึง มึงเป็นแฟนที่กูภูมิใจ แต่ยังไงเราก็ควงกันประเจิดประเจ้อมากไม่ได้เพราะยังไงเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ มึงเข้าใจใช่มั้ย"
ผมลุ้นกับสีหน้าของนายท่าน แทนที่มันจะทำสีหน้าดีขึ้นแต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถ้าอย่างนั้นประเด็นที่มันคิดมากก็คงจะเป็น...
"มันเป็นสิ่งที่มึงต้องอดทนหากมึงเป็นแฟนกับกู" นายท่านพูดในที่สุด นี่น่าจะเป็นปัญหาที่อยู่ในใจมันที่แท้จริง ไม่ใช่ปัญหาที่ผมเพิ่งอธิบายออกไป "ตอนกูรักมึงและก็จีบมึง กูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กูคิดแค่ว่ากูอยากได้คนนี้ อยากเป็นแฟนกับคนนี้ แต่พอเราทั้งคู่โตขึ้นแล้วก็ได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ...มันทำให้กูรู้ว่าแม่งไม่ง่ายเลยว่ะ"
ผมมองเข้าให้ลึกเข้าไปในดวงตาที่น่ามองของนายท่าน
"กูเพิ่งรู้...ว่าคนที่จะมาคบกับกูแม่งต้องเจอกับอะไรบ้าง ตอนที่เราไปร้าน Tops และก็ตอนที่เราไปกินข้าวด้วยกันเมื่อวานทำให้กูเพิ่งคิดขึ้นมาได้" นายท่านถอนหายใจ "สิ่งที่กูกังวลก็คือกูกลัวว่ามึงจะทนไม่ไหวกับการเป็นเป้าสายตา เพราะกูเคารพการรักความเป็นส่วนตัวของมึงมาก ฉะนั้นจะเป็นไรมั้ยหากเราจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ กันไปก่อน"
ริมฝีปากของผมเผยอขึ้นมาเล็กน้อยอย่างตกใจเพราะคำพูดของนายท่าน ผมรู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงเราทั้งคู่ก็ประเจิดประเจ้อไม่ได้ นายท่านมันเป็นคนดัง แน่นอนว่าต้องตกเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ หากเรื่องของเราสองคนถูกแพร่งพรายออกไป
จะเป็นแฟนกับนายท่านไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
"กูทำเพื่อมึง กูเชื่อว่ามึงรักความเป็นส่วนตัว" ตอนนี้นายท่านแม่งทำไม่ได้แม้กระทั่งจับมือหรือลูบหัวผมด้วยซ้ำ "ขอเวลากูคิดก่อน ถ้าชัดเจนเกินไปกูกลัวมึงจะเดือดร้อน ส่วนกูอ่ะ...ไม่เป็นไรหรอก"
ทำไมมันจะไม่เป็นไรวะ...ในสถานการณ์แบบนี้คนอย่างมันนั่นแหละที่จะโดนหนักกว่าผม
ผมเข้าใจมันดีทุกอย่าง...มันกำลังเป็นห่วงผมอยู่ เป็นห่วงกลัวว่าผมจะถูกจับตามอง จากเด็กหนุ่มธรรมดากลายเป็นเด็กหนุ่มที่เป็นแฟนของลูกชายค่ายเอสเอ็น...ซึ่งเป็นอะไรที่จัดได้ว่าน่าอึดอัด
ผมไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไง แต่นายท่านกำลังปกป้องผมให้อยู่ห่างจากความน่าอึดอัดนี้ ฉะนั้นผมจึงเคารพการกระทำและก็ความคิดของมัน
"บ้า มึงต่างหากที่จะต้องได้รับผลกระทบมากกว่ากู"
"..."
"มึงห่วงตัวเองดีกว่า"
แต่ให้ตายเถอะ...ทำไมข้างในมันหน่วงแปลกๆ อย่างนี้วะ
"เราจะสวีตกันได้หรือยัง" นายท่านถาม แต่ผมรู้สึกเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่า
"ได้สิ" ผมตอบ "แต่แค่ในที่ของเรา...ตอนนี้เราทำกันได้แค่นั้นจริงๆ"
การที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ภายใต้อะไรที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แล้วนี่มัน...เจ็บปวดอยู่เหมือนกันนะ
เย็นวันนั้นนายท่านขับรถมารับผม
ทันทีที่เราทั้งคู่อยู่ในรถ ผมก็เอียงศีรษะไปซบไหล่นายท่านทันที ขณะที่มันก็เอามือข้างที่ผมไม่ได้ซบมาลูบแก้มของผมเบาๆ
"นี่ไงที่ของเรา" มันพูด "ฟิล์มกระจกรถมืดสุดๆ ไม่มีใครมองเห็น"
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มนายท่าน ใบหน้าของมันเป็นสีชมพูระเรื่อ
"กูคิดมาตลอดเวลาที่กูเรียนเลย" ผมเริ่มพูด เพราะผมทำอย่างนั้นจริงๆ ไอ้แก๊งสามช่าคนบ้า RoV มันให้การยืนยันได้
"คิดอะไรเหรอ"
"มึงจะพากูไปขึ้นเขาหรือลงห้วย ยังไงกูก็ไปหมด กูอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีมึง"
"มึงจะพูดอะไรเนี่ย" สีหน้าของนายท่านดูจะเขินกับคำพูดของผมอยู่หน่อยๆ
"กูจะพูดว่า...กูยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้อยู่กับมึง ไม่ว่ากูจะอึดอัดหรือไม่สบายใจหรือจะรู้สึกแย่แค่ไหนก็ตาม ขอแค่กูได้อยู่กับมึง ได้รักมึง ได้ดูแลมึง...แค่นี้กูก็พอใจแล้ว" รู้สึกโล่งแฮะที่ได้พูดออกไป ตลอดทั้งบ่ายมานี่ผมอัดอั้นฉิบหาย
นายท่านยิ้มกว้างก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาจูบปิดปากของผม
ตอนที่มันผละออก...ผมได้ทำย้ำคำพูดเหล่านั้นของผมอีกครั้งด้วยการพูดเสริม
"เพราะฉะนั้นถ้ามึงจะให้กูกับมึงคบกันแบบหลบๆ กูก็จะหลบ...แต่มึงต้องอยู่กับกูนะเข้าใจมั้ย"
"กูไม่อยากไปไหนอยู่แล้ว" มือของนายท่านรั้งเอวของผมให้เข้าไปใกล้ ก่อนจะบดริมฝีปากของผมด้วยริมฝีปากของมัน "ดีใจจังเลยว่ะ"
จูบของมันทำให้ผมรู้สึกวาบหวามทุกครั้ง ผมกอดคอนายท่านด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนอย่างที่ผมเคยทำ ก่อนที่ศอกผมจะไปโดนแตรรถเสียงดังปี๊นเข้า
"ฉิบหาย!" ผมสบถอย่างตกใจ นายท่านหัวเราะก่อนจะสตาร์ทรถ
"ออกไปจากตรงนี้กันเถอะ"
ผมหันไปมองคนข้างๆ เสียงของมันดูมีอะไรมากกว่าจะเป็นคำพูดธรรมดาๆ ผมใช้สายตาไล่ระดับมองดูจนกระทั่งหยุดอยู่ที่ตรงกลางระหว่างขาของนายท่าน
เข้าใจได้ทันที...
"อย่ามองสิ" มันขับรถไปพร้อมกับทำสีหน้าเก้อๆ "กูขับรถอยู่นะ เดี๋ยวก็พามึงตกคลองหรอก"
สติหลุดง่ายๆ จริงๆ พ่อหนุ่มเอ๋ย นี่ถ้ามันไม่ได้ขับรถอยู่ผมคงแกล้งไปแล้ว...
"ทำไมมึงต้องเป็นคนสติหลุดง่ายตอนขับรถด้วยนะ" ผมเผลอบ่นออกมา
"ทำไมวะ"
"ไม่งั้นกูคงจับแล้วก็ช่วยชักให้ไปแล้ว" นายท่านอ้าปากค้างเติ่ง สีหน้าตกตะลึงมากกว่าครั้งไหนๆ ยางอายของผมละลายหายไปหมดแล้วหากผมอยู่กับนายท่านเพียงแค่สองคน
มันมีความสุข ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะ...อะไรที่มันต้องการ ผมก็อยากจะให้ในสิ่งที่มันต้องการ นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าคนรักกัน
"ไม่ต้องหรอก" นายท่านขยับขาเล็กน้อย ตรงส่วนนั้นของมันโป่งนูนอย่างเห็นได้ชัดภายใต้กางเกงสแลค
"ทำไม" อดผิดหวังหน่อยๆ ไม่ได้แฮะ
"เพราะใกล้จะถึงตึกเราแล้ว" "นุก ไอ้ท่านไม่รับสายว่ะ"
"งั้นเราตีแบทกันสองคนก็ได้"
"..."
"ทำไมมึงไม่ชวนพี่เซียนมาด้วยล่ะ"
"ทำไมต้องชวน"
"สนิทกันไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ขนาดนั้น!"
"แล้วจะเสียงดังทำไมว้า"
TBC*ตอนนี้สั้นแต่ตอนหน้าเรือแล่นจ้า
เตรียมตัวเตรียมใจไว้น้า