บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บัวหลงจันทร์ [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๖ (จบ) ครบ ๗.๓.๖๒ หน้า ๗ ต่อในกระทู้เดิม  (อ่าน 75009 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 13:56:14 โดย Thichadad3938 »

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



บัวหลงจันทร์ ๐๐


               หากจักกล่าวถึงแคว้นมิตรที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับภุมริกา ก็คงจัดเป็นแคว้นใดมิได้ นอกเสียจากศศิมณฑล ซึ่งบัดนี้ศศิมณฑลได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเจ้าหลวงพระองค์เก่าสิ้นพระชนม์ ทำให้มีการสถาปนาองค์รัชทายาทขึ้นเป็นเจ้าหลวงพระองค์ใหม่ 'องค์จันทร์' โอรสเพียงองค์เดียวของเจ้าหลวงอินทุ แลพระชายาศศิธร

"เจ้าจันทร์ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก"มารดาตรัสถามบุตรชายที่เพิ่งกลับจากประชุมขุนนาง

"เหล่าขุนนางส่งฎีกา เรียกร้องให้ลูกแต่งตั้งพระชายาพะย่ะค่ะเสด็จแม่"

"แต่งตั้งพระชายาหรือ"

"พะย่ะค่ะ"

"แลเจ้าคิดว่าอย่างไรเจ้าจันทร์ มีใครในใจหรือไม่"

"......"ในใจของพระองค์นั้นใคร่อยากแต่งตั้งคนที่รักเป็นชายา แต่หาเป็นไปได้ไม่ เมื่อคนที่พระองค์ทรงรักหมดพระทัยนั้นเป็นเพียงบุตรชาวบ้านธรรมดา จักมีอำนาจ แลกำลังต่อกรกับเหล่าขุนนางเจ้าเล่ห์พวกนั้นได้อย่างไร

"...ว่าอย่างไร"

"มิมีพะย่ะค่ะ"ตัดพระทัยตอบพระมารดา

"....เยี่ยงนั้น เรื่องนี้เอาไว้ก่อนหนา แลงานฉลองวันคล้ายวันประสูติโอรสทั้งสองแห่งแคว้นภุมริกาเล่า ว่าอย่างไร"เอ่ยถึงแคว้นมิตรที่จักมีการฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระโอรสทั้งสองที่มีพระพรรษาครบสิบแปดปี ศศิมณฑลจึงต้องเดินทางไปร่วมยินดี

"ลูกจักเดินทางไปภุมริกาในอีกสามวันข้างหน้าพะย่ะค่ะ"

"...ก็ดี แม่จักได้เตรียมตัว"

"พะย่ะค่ะ"

 

               หากแม้นเจ้าจันทร์มิมีใครในใจ เห็นทีพระมารดาศศิธรคงจักต้องทาบทามสู่ขอเจ้าน้อยบัวงามโอรสองค์เล็กในองค์ภุมรินให้เสียแล้ว แต่ก็มิรู้ว่าจักยากสักเพียงใด ในเมื่อองค์ภุมรินนั้นหวงเจ้าน้อยเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ พยัคฆ์หวงลูกเสียอีก







ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
น่าสนๆๆ

มาต่อไวๆน๊าาาาา :hao7:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รุ่นลูกมาแล้นนนน  :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อี้วววววว เรื่องนี้ลงเล้าสักที ฟฟฟห่ดิกืกกาดืดื :katai2-1: :katai2-1: ฉันรอเธออยู่ อู๊อูววว

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไงๆ กันเนี่ย  :hao3:
ขุนนาง อยากให้องค์จันทร์แต่งตั้งพระชายา

องค์จันทร์ บอกแม่ว่ายังไม่มีคนรัก
ทั้งที่มีแล้วและรักหมดใจ
แม่ก็อยากไปขอเจ้าน้อยบัวงามให้แต่งกับองค์จันทร์ 
ทั้งที่องค์ภุมริน พ่อเจ้าน้อยบัวงาม หวงพระโอรสมาก

ท่าทางดราม่าแน่ๆ   :z3: :z3: :z3:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



บัวหลงจันทร์ ๐๑




               วันพรุ่งแล้วที่เจ้าจันทร์จักต้องเสด็จไปภุมริกาเพื่อร่วมพิธีฉลองวันประสูติของพระโอรสในองค์ภุมรินทั้งสองที่มีพระพรรษาครบสิบแปดปีบริบูรณ์ วันนี้เจ้าจันทร์จึงเสด็จออกจากวังหลวงเพื่อไปพบ 'สายหยุด' บุตรชายชาวบ้านธรรมดา หากแต่เป็นสหายกับพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อครั้งยังเยาว์วัยทรงมีสหายคนสนิทสองคนคือ เหม องครักษ์ประจำพระองค์ แลสายหยุด ชายหนุ่มรูปร่างอรชร ใบหน้าเรียวได้รูป งามเสียจนต้องพระทัยเจ้าจันทร์ แต่หากได้ต้องใจเพียงเจ้าจันทร์ไม่ สายหยุดยังต้องใจเหมด้วยเช่นกัน

"ฝ่าบาท..."เมื่อเห็นว่าเจ้าจันทร์ทรงเสด็จมาหา สายหยุดจึงละมาลัยที่ร้อยค้างไว้ หมอบกราบอ่อนช้อย

"ลุกขึ้นเถิดสายหยุด มิต้องมากพิธีดอก"

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"วันพรุ่งข้ากับเจ้าเหมจักไปภุมริกา เจ้าใคร่อยากได้กระไรหรือไม่"ทรงตรัสถามพระสุระเสียงอบอุ่น สายหยุดก็เปรียบเสมือนน้องน้อยเมื่ออยู่กันพร้อมหน้าสามคนเยี่ยงนี้

"มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิใคร่อยากได้กระไรดอก"

"เยี่ยงนั้นหรือ"

"พระเจ้าค่ะ...ขอบพระทัยที่ทรงนึกถึงหม่อมฉันพระเจ้าค่ะ"กราบทูล ซึ้งใจนักที่ทรงเมตตาสหายต่ำต้อยเช่นตน
 


               เจ้าจันทร์ แลพ่อเหมอยู่ที่บ้านสายหยุดจนตะวันคล้อยจึงได้เสด็จกลับวังหลวง เจ้าจันทร์ทรงเสด็จขึ้นเกี้ยวประทับรอองครักษ์ประจำพระองค์ ขณะนั้นเองที่สายหยุดเรียกรั้งพ่อเหมไว้

"พี่เหมจ๊ะ"เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มหนึ่งเดียวในดวงใจ

"มีกระไรหรือสายหยุด"ผินกายแกร่งกำยำไปหาร่างน้อยอรชร

"สายหยุดให้พี่เหมจ้ะ"มือเล็กยื่นห่อบุหงารำไปหอมฟุ้งให้องครักษ์หนุ่ม

"ขอบใจหนา...กลิ่นบุหงารำไปหอมนักเจ้าเอ๋ย"ประคองมือบางที่ถือห่อบุหงารำไปจรดจมูกโด่งเป็นสัน สายหยุดก้มหน้าด้วยความเอียงอาย ใบหน้างามเห่อร้อน ริ้วรอยแดงพาดผ่านแก้มนวลน่ามอง

"พี่เหม..."เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

"พี่ไปหนาเจ้า อยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆหนา"

"พี่เหมก็ดูแลตัวเองหนาจ๊ะ"

"จ้ะ"ทอดมองใบหน้างามอยู่ครู่หวังให้ติดตรึงในใจจักได้คลายความคิดถึงเมื่อห่างกัน ก่อนจักผินกายกลับไปยังขบวนเสด็จ ทิ้งให้สายหยุดทอดมองแผ่นหลังกว้างจนลับตา

"ไปไหนมาหรือเจ้าเหม เหตุใดจึงช้านัก"

"ขออภัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท"

"เอาเถอะไปกันได้แล้ว ประเดี๋ยวจักมืดเสียก่อน"

"พะย่ะค่ะ"

 

               วันรุ่งขึ้นขบวนเสด็จถูกตระเตรียมตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่างดี เจ้าจันทร์ทรงเตรียมพระวรกายตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง

"เจ้าจันทร์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"เตรียมตัวแล้วหรือยังลูก"

"แล้ว แล้วพะย่ะค่ะ

"เยี่ยงนั้นไปเถิดลูก ประเดี๋ยวจักช้าเอา"

"พะย่ะค่ะ"

"...เออ แลของขวัญสำหรับองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยเล่า เตรียมแล้วหรือไม่"

"พะย่ะค่ะ"

"อืม เยี่ยงนั้นก็ไปกันเถิดลูก"

 
.
.
.
 

 กว่าองค์จันทร์ แลพระพันปีศศิธรจะถึงภุมริกาก็ค่ำมืด ตะวันลับฟ้าไปเสียแล้ว

"เสด็จมาเหนื่อยๆ ทรงพักผ่อนที่ตำหนักรับรองก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ"เจ้าชมนาดเอ่ย พลางยิ้มต้อนรับอาคันตุกะจากแคว้นมิตร

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"พระพันปีศศิธรตรัส

"มิได้พะย่ะค่ะ ทรงให้เกียรติมาร่วมงานฉลองของโอรสหม่อมฉัน ซึ้งใจนัก"

"ว่ากระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ"

"หึหึหึ เชิญเสด็จตำหนักรับรองก่อนเถิดพะย่ะค่ะ"

"เป็นพระกรุณาพะย่ะค่ะ"องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้องค์ภุมริน

"มิได้พะย่ะค่ะ"ทรงตรัสกับเจ้าหลวงหนุ่ม

 

               รุ่งขึ้นองค์จันทร์ทรงตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ เสด็จทอดพระเนตรชมรอบวังหลวงภุมริกาพร้อมเหมองครักษ์ประจำพระองค์ อากาศยามเช้าเย็นสบาย สดชื่นนัก ทรงเสด็จไปเรื่อยจนถึงศาลาริมสระหลวง รู้พระองค์อีกทีก็ตอนที่ร่างบางของใครบางคนชนกระแทกกับเข้าพระอุระ พระกรแกร่งโอบประคองร่างแน่งน้อยมิให้ล้ม กลุ่มผมยาวคลอเคลียเอวกิ่วนุ่มลื่นเสียจนองค์จันทร์เผลอยกพระหัตถ์ขึ้นลูบ

"อ๊ะ...ภุชงค์หรือ? ภุชงค์~"เสียงหวานเอ่ยถามขณะที่แขนเรียวเสลากอดรอบพระกฤษฎีองค์จันทร์อย่างออดอ้อน

"....."สายพระเนตรคมดุทอดพระเนตรร่างน้อยในผ้าแถบคาดอกสีงาช้าง แลโจงกระเบนสีม่วงตะแบก ใบหน้างามมีผ้าคาดผูกผิดตาไว้ ให้ทายคงจักเล่นไล่จับกับนางข้าหลวงพวกนี้กระมัง แลเรียกพระนามองค์รัชทายาทเยี่ยงนี้ คนผู้นี้คงมิพ้นเจ้าน้อยบัวงามเป็นแน่

"ภุชงค์มาเล่นกับบัวหนา~"เอ่ยออดอ้อน แขนเรียวยิ่งกอดพระกฤษฎีแน่น ใบหน้างามซุกซบกับพระอุระกว้าง กลิ่นหอมหวานจากร่างน้อยทำเอาองค์จันทร์หายพระทัยสะดุด เนื้อนวลนุ่มนิ่มน่าจับต้องบดเบียดแนบชิดกับกล้ามพระมังสา

"เจ้าน้อยเพคะ นั่นมิใช่องค์รัชทายาทหนาเพคะ"พี่เลี้ยงสาวทูลให้นายน้อยทรงทราบก่อนที่จักเลยเถิดไปมากกว่านี้ หากองค์ภุมรินมาพบเข้านางคงคอขาดเป็นแน่ ที่ปล่อยให้แก้วตาของพระองค์เข้ากอดออดอ้อนชายแปลกหน้าด้วยความเข้าพระทัยผิดเยี่ยงนี้

"อ๊ะ..มิใช่ภุชงค์หรือ"ผละจากพระวรกายกำยำราวต้องเปลวไฟ มือเล็กปลดผ้าคาดตาออก นัยน์ตากวางช้อนมองคนตรงหน้า ก่อนจักเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายผู้นี้คือใครกัน

"....."องค์จันทร์ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานราวต้องมนต์ นัยน์ตากวางนั่นดึงดูดจนพระองค์ละสายพระเนตรมิได้

"เจ้าเป็นใครกัน?"เสียงหวานตรัสพลางถอยห่างจากเจ้าหลวงหนุ่ม

"...ข้าชื่อจันทร์ เป็นเจ้าหลวงศศิมณฑล"เสียงหวานเรียกสติให้กลับมา

"เจ้าหลวงศศิมณฑล!!"เจ้าน้อยบัวงามตกพระทัยรีบทรุดกายหมอบกราบองค์จันทร์

"มิต้องมากพิธีดอกเจ้าน้อย"คว้าต้นแขนนุ่มไว้

"ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเสียมารยาทนัก โปรดอภัยด้วยพระเจ้าค่ะ"

"มิเป็นไร ลุกขึ้นเถิด"ประคองร่างบางขึ้น

"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"

"เจ้าน้อยเพคะ เลิกเล่น แลกลับตำหนักเถิดเพคะ ประเดี๋ยวจักถึงเวลาพิธีศาสน์แล้วหนาเพคะ"พี่เลี้ยงสาวกราบทูล แลดึงร่างน้อยให้ออกห่างจากเจ้าหลวงหนุ่มอย่างนอบน้อม

"จ้ะ...หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ"หมอบกราบเจ้าหลวงต่างเมืองก่อนจักถูกพี่เลี้ยงจับจูงเข้าตำหนักใน

"หวงน่าดูเลยหนาพะย่ะค่ะ"เหมเอ่ยขึ้นลอยๆ

"หืม"

"องค์ภุมรินทรงหวงเจ้าน้อยน่าดูหนาพะย่ะค่ะ"

"หึ นั่นสิหนา"ตรัสก่อนจักทอดพระเนตรร่างอรชรจนลับพระเนตร



                เพลาเก้านาฬิกาพิธีศาสน์ก็เริ่มขึ้น โดยมีอาคันตุกะหลากเมืองเข้าร่วม รวมถึงองค์จันทร์ แลพระพันปีศศิธร เจ้าน้อยบัวงามผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่เพื่อร่วมพิธีศาสน์ เป็นฉลองพระองค์แขนกระบอกคอตั้งสีสังข์ แลโจงกระเบนสีกลีบบัว ที่พระกฤษฎีคอดมีรัดพระองค์ทองคำฝังพลอยคาดประดับ พระเกศายาวเคลียบั้นพระองค์ถูกรวบครึ่งพระเศียร เจ้าน้อยแห่งภุมริกาวันนี้ช่างงดงามเสียราวกับนางอัปสร แลประทับข้างพระเชษฐาที่ทรงมีพระวรกายแข็งแรงกำยำ ยิ่งทำให้เจ้าบัวงามดูบอบบาง น่าทะนุถนอม

"เจ้าจันทร์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"เจ้าว่า เจ้าน้อยงามหรือไม่"

"งามพะย่ะค่ะ"มิทรงปฏิเสธ เจ้าน้อยสิริโฉมงดงามนัก แม้แต่สายหยุดที่ต้องใจพระองค์ยังแทบจักสู้มิได้

"อืม...เจ้าน้อยทรงงามหยดย้อยเช่นนี้ คงเป็นที่หมายปองของเหล่าเจ้าหลวง เจ้าชายแคว้นอื่นเป็นแน่"คนเป็นแม่พยักพระพักตร์ แลตรัสก่อนจักจดจ่ออยู่กับพิธีตามเดิม ส่วนองค์จันทร์ก็จับจ้องร่างอรชรมิวางตาโดยมีพระมารดาคอยสังเกตมิห่าง

 
.
.
.

 
 
เมื่อพิธีศาสน์เสร็จสิ้นก็เป็นงานฉลองเลี้ยงพระกายาหารอาคันตุกะที่มาร่วมพิธี

"ขอบพระทัยทุกพระองค์ที่ทรงให้เกียรติร่วมงานฉลองของโอรสหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ"องค์ภุมรินทรงตรัสพร้อมแย้มพระสรวลน้อยๆ

"มิได้พะย่ะค่ะ...เอ่อ ฝ่าบาท..องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยก็มีพระพรรษาครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว แลเมื่อใดจักทรงมีพิธีเลือกคู่หรือพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงแคว้นหนึ่งตรัสถาม

"...หึหึหึ"องค์ภุมรินทรงพระสรวลแต่หาได้ตอบคำถามไม่

"เชิญเสวยเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพระกายาหารจักชืดเสียก่อน"เจ้าชมนาดเอ่ยพร้อมยิ้มหวาน จึงทำให้เหล่าอาคันตุกะลืมเลือนเรื่องพิธีเลือกคู่ไปชั่วขณะ

"ภุชงค์~"

"หืม...ว่าอย่างไรเจ้าบัวงาม"ทรงผินพระพักตร์งามไปหาน้องน้อย

"บัวมิอยากเลือกคู่ บัวมิเลือกได้หรือไม่"ช้อนนัยน์ตากวางทอดพระเนตรพระเชษฐา

"อืม...พี่ก็มิรู้ดอกว่ามิเลือกได้หรือไม่ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลยหนาน้องรัก คงจักมิใช่เร็วๆนี้ดอก"

"อือ พระเจ้าค่ะ"พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจักอ้าพระโอษฐ์รับช่อม่วงที่พระเชษฐาป้อนให้ พระโอษฐ์จิ้มลิ้มเคี้ยวพระกายาหารน่าเอ็นดู

 
.
.
.

 
หลังเสร็จสิ้นงานฉลอง เหล่าอาคันตุกะเชื้อพระวงศ์จึงเสด็จกลับแคว้นตน จักเหลือก็เพียงอาคันตุกะจากแคว้นศศิมณฑล แลแคว้นการเวก

"ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ หม่อมฉันใคร่อยากสู่ขอเจ้าน้อยให้โอรสหม่อมฉัน รัชทายาทการเวกพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงการเวกทรงตรัสขึ้น องค์ภุมรินเมื่อได้สดับก็ผินพระพักตร์สบตากับเจ้าชมนาด เมียคู่กายคู่ใจทันใด โอรสของเจ้าหลวงการเวกหรือ ขนาดเป็นแค่องค์รัชทายาทยังมีสนมเป็นสิบนาง หากแม้นได้ขึ้นเป็นเจ้าหลวงมิมีสนมเป็นร้อยนางดอกหรือ หากเป็นเยี่ยงนั้นเจ้าบัวงามแก้วตาข้ามิช้ำใจตายหรือ

"ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันก็ใคร่สู่ขอเจ้าน้อยบัวงามให้โอรสของหม่อมฉันเช่นกันพระเจ้าค่ะ"พระมารดาศศิธรตรัส ทำเอาเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาทการเวกหันพระพักตร์ทอดพระเนตรร่างบาง มารดาแห่งศศิมณฑล รัชทายาทการเวก หรือจะสู้เจ้าหลวงศศิมณฑล

"หากแต่หม่อมฉันเอ่ยสู่ขอก่อนหนาพะย่ะค่ะ"เจ้าหลวงการเวกหาได้ยอมไม่ เจ้าน้อยภุมริกา ความงามนั่นเลื่องชื่อ แลหากได้ดองกับภุมริกา แคว้นที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่งคงจักมิมีแคว้นใดกล้ารุกรานเป็นแน่

"เจ้าภุชงค์"

"พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

"พาน้องออกไปก่อนหนาลูก"

"พะย่ะค่ะ"รับคำมารดาก่อนจักจูงมือน้องน้อยออกจากท้องพระโรง




"ภุชงค์~"

"หืม"

"บัวมิใคร่ชอบใจองค์รัชทายาทการเวกเสียเลย"ตรัสพระพักตร์งอ

"แลเจ้าต้องใจเจ้าหลวงศศิมณฑลงั้นหรือ"

".....บัวมิชอบรัชทายาทการเวก"เจ้าน้อยคนงามชะงักงัน พลันพระทัยก็นึกถึงเรื่องเมื่อรุ่งสางพระวรกายกำยำแข็งแรง แลทั้งยังกลิ่นกายบุรุษเพศทำเอาเจ้าน้อยพระพักตร์เห่อร้อน ตรัสเลี่ยง

"พี่รู้แล้วเจ้าบัวงาม ว่าเจ้ามิใคร่ชอบใจองค์รัชทายาทการเวก หากแต่พี่ใคร่รู้ว่าเจ้าต้องใจเจ้าหลวงศศิมณฑลหรือไม่"

"บัว..บัวมิรู้พระเจ้าค่ะ...ภุชงค์~"ส่ายพระพักตร์เสียจนพระเกศาสะบัดพลิ้ว ก่อนจักเอ่ยออดอ้อนพระเชษฐา เอนพระวรกายอ้อนแอ้นซบพระอังสะองค์รัชทายาท พระกรเล็กกอดพระกฤษฎีสอบ

"หึหึหึ...เจ้าบัวเน่าเอ๋ย"ตรัสพลางขยี้เกศานุ่มของพระอนุชา

"ภุชงค์!"พระสุระเสียงมิใคร่พอพระทัย พลางใช้พระองคุลีหนีบพระมังสาพระเชษฐาเสียจนร้องโอดโอย

"อะ โอ๊ย..เจ้าบัว พี่เจ็บหนาน้อง"



.
.
.


ภายในท้องพระโรงมาคุไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด อาคันตุกะจากทั้งสองแคว้นต่างก็ทอดพระเนตรมองเจ้าเหนือหัว แลมารดาภุมริกาเงียบงัน

“เอ่อ ทูลฝ่าบาททั้งสองแคว้นหนาพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นแม่ย่อมมิใคร่ฝืนใจลูก หม่อมฉันจึงใคร่อยากให้เจ้าบัวเป็นผู้เลือกเองพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดได้พูดคุยกับพระภัสดาแล้วว่า อย่างไรเสียก็ต้องปล่อยให้เจ้าบัวงามได้มีคู่ครองของตน แม้จักรักจักหวงลูกสักเพียงใดก็ต้องปล่อยให้ลูกได้เป็นฝั่งเป็นฝา แลก่อนที่จักมีงานฉลองนี้ แม่เฒ่าก็ได้เข้าเฝ้าพร้อมทูลความแก่ทั้งสองพระองค์แล้วว่า

“ศิวเศขรผู้นั้นกำลังจักมา ขอได้โปรดประทานแก้วตาของพระองค์ให้เขาผู้นั้น คู่กันแล้วย่อมมิแคล้วกัน....”

“หม่อมฉันเองก็ใคร่ให้เจ้าบัวเป็นผู้เลือกเองพะย่ะค่ะ”องค์ภุมรินทรงตรัส

“แลพระองค์จักจัดพิธีเลือกคู่ของเจ้าน้อยขึ้นเมื่อใดหรือพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงการเวก

“วันขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวงที่จักถึงในอีกสิบวันข้างหน้า หม่อมฉันจักจัดพิธีเลือกคู่ให้เจ้าน้อยบัวงามพะย่ะค่ะ”


.
.
.


“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเบิกโต พระโอษฐ์เบะออก น้ำพระเนตรไหลอาบพระปรางค์นวลเสียจนคนเป็นพ่อต้องเข้ากอดปลอบประโลม

“เจ้าบัวงาม...”

“ฮือออออ บัวมิเลือก มิเอาดอกพระเจ้าค่ะ บัวมิเลือก ฮือออออ”ทรงกรรแสงงอแง

“มิได้ดอกลูกจ๋า”เจ้าชมนาดว่าขณะที่มือบางก็ลูบกลุ่มผมหนาของโอรสองค์โตที่กอดเอวมารดาอยู่

“อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องเลือกเจ้าบัวงาม เจ้าต้องมีคนปกป้อง พ่อแลแม่อยู่กับเจ้าได้ไม่ตลอดชีวิตดอกหนาลูก”

“ฮึก มิเอาหนาพระเจ้าค่ะ อย่าตรัสเยี่ยงนี้ บัวใจมิดี”

“เห็นเจ้าไห้เยี่ยงนี้พ่อก็ใจมิดีหนาลูก เงียบเถิด”

“ฮึก...ให้ภุชงค์ปกป้องบัวมิได้หรือพระเจ้าค่ะ”

“มิได้ดอก สักวันภุชงค์ก็ต้องมีคนที่รัก แลจักปกป้องบัวได้เยี่ยงไรกันลูก”เจ้าชมนาดว่า

“ฮึก เสด็จแม่ ฮือออ แต่บัวมิใคร่เลือก ฮือออออ บัวมิชอบใจองค์รัชทายาทการเวก บัวมิเลือก ฮือออออออ”

“น้องก็เลือกองค์จันทร์สิเจ้าบัว”ภุชงค์ว่า

“ฮึก บัวมิใคร่จากบ้านจากเมืองไปนี่พระเจ้าค่ะ”มิปฏิเสธองค์จันทร์ แลเลี่ยงมิตอบพระเชษฐา

“โธ่ ลูกจ๋า”

“เสด็จแม่ ฮือออออออ”ผละออกจากพระอุระบิดา แลโผเข้ากอดร่างบางของมารดา พระพักตร์งามซบไหล่บาง

“เจ้าบัวงามอย่าไห้ไปเลยหนาลูก”ปลอบลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พลางลูบกลุ่มผมนุ่มยาวเคลียเอวกิ่วไปมา

“ฮึก”สะอื้นน้อยๆ


.
.
.


“เจ้าจันทร์”

“พะย่ะค่ะ เสด็จแม่”

“ลูกคงมิว่ากระไรดอกใช่ไหมที่แม่สู่ขอเจ้าน้อยให้เจ้า โดยที่มิได้บอกเจ้าเสียก่อน”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“หากเจ้ามิมีใครในใจ เยี่ยงนั้นเจ้าน้อยก็เหมาะสมที่สุดแล้วที่จักเป็นชายาเจ้า”

“พะย่ะค่ะ”หากได้เจ้าน้อยเป็นชายา อย่าว่าแต่เหล่าขุนนางเจ้าเล่ห์พวกนั้นเลยที่จักมิกล้าต่อกรกับพระองค์ แคว้นอื่นก็คงมิคิดรุกราน ภุมริกาขึ้นชื่อเรื่อกองทัพที่แข็งแกร่งนัก

“ภาวนาให้เจ้าน้อยเลือกเจ้าก็แล้วกันหนาลูก”

“ลูกก็มิสามารถหยั่งรู้พระทัยเจ้าน้อยได้พะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทการเวก แม้นรูปงามแต่ชื่อเสียงเรื่องมากเมียก็เลื่องลือนัก


.
.
.


วันนี้องค์ภุมริน แลภุชงค์ออกว่าราชการแต่เช้าตรู่ แลพระมารดาชมนาดก็ต้องจัดการดูแลเรื่องในรั้วในวัง ทำให้เจ้าน้อยบัวงามต้องเสด็จประทับที่ศาลาริมสระหลวงอย่างเหงาหงอย

“เฮ้อ...”ระบายพระปัสสาสะ

“ทรงเป็นกระไรไปเพคะเจ้าน้อย”

“มิเป็นไรดอกอิ่ม ข้าเพียงแต่รู้สึกเบื่อหน่ายก็เท่านั้น”

“เยี่ยงนั้นทรงให้ยี่หุบเข้าเฝ้าดีไหมเพคะ”ยี่หุบ เป็นหลานของพูดจีบแมวทรงเลี้ยงของพระมารดาชมนาด แมวเพศเมียตัวอวบอ้วนสีขาวปลอด

“อืม พายี่หุบมาทีเถิด”

“เพคะ”เพียงมินานเจ้าแมวน้อยก็เข้ามาอยู่ในอ้อมพระกรของเจ้าน้อยคนงาม



เมี๊ยวๆๆ~~~~~~~


“ว่าอย่างไรยี่หุบ หืม”พระดัชนีเรียวเกาเบาๆที่ใต้คางเจ้าแมวน้อย


เมี๊ยวๆๆ~~~~~~~


“อ๊ะ ยี่หุบจักไปไหนหนา ยี่หุบ”เจ้ายี่หุบน้อยที่เห็นผีเสื้อตัวงามบินว่อนอยู่บนอากาศก็กระโดดลงจากพระเพลาเจ้าน้อย แลวิ่งไล่ผีเสื้องามไป เจ้าน้อยบัวงามจึงได้เสด็จตามเจ้าแมวขาวไป พระพี่เลี้ยงคนสนิทหรือก็ไปห้องเครื่องจัดพระกายาหารว่าง ทำให้เจ้าน้อยเสด็จเพียงลำพัง

“ยี่หุบ จักไปไหน มาหาบัวประเดี๋ยวนี้ ยี่หุบ...อ๊ะ”ทรงวิ่งโดยมิทอดพระเนตรให้ดีจึงได้ชนเข้ากับพระวรกายกำยำ พระกรแกร่งรวบเอวกิ่วไว้แนบชิดกับพระอุทรแข็งแรง

“เจ้าน้อยทรงวิ่งชนข้าเป็นรอบที่สองแล้วหนา”พระสุระเสียงทุ้มนุ่มตรัส

“องค์จันทร์...หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ช้อนนัยน์ตากวางขึ้นทอดพระเนตรพระพักตร์งามของเจ้าหลวงศศิมณฑล ก่อนจักรีบหลบสายพระเนตรคมดุที่ทอดพระเนตรมาที่ตน ใบหน้างามเห่อร้อนด้วยความขวยเขิน

“หึหึหึ มิเป็นไร แลจักไปไหนหรือ”ตรัสพลางปล่อยเอวน้องน้อยให้เป็นอิสระ

“หม่อมฉันวิ่งตามยี่หุบพระเจ้าค่ะ ทรงเห็นยี่หุบไหมพระเจ้าค่ะ”เงยพระพักตร์ตรัสถามถึงเจ้าแมวน้อยทรงเลี้ยง

“ยี่หุบ?”

“เอ่อ ยี่หุบเป็นแมวพระเจ้าค่ะ สีขาวปลอดวิ่งมาทางนี้ทรงเห็นบ้างไหมพระเจ้าค่ะ”

“อ๋อ...ข้าเห็นวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้นู้นล่ะ”ตรัสพลางผินพระพักตร์ไปทางพุ่มไม้

“....เยี่ยงนั้นหม่อมฉันคงจักต้องไปตามข้าหลวงมาจับยี่หุบเสียแล้ว เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ทรงใส่เพียงผ้าแถบคาดอกสีกลีบบัวให้ไปมุดพุ่มไม้คงจักมิดีแน่ ตรัสพลางรีบผินกายหนี อยู่ใกล้องค์จันทร์ทีไร พระทัยเจ้าน้อยเต้นผิดจังหวะเสียทุกที แลใบหน้ายังเห่อร้อนแปลกๆอีก

“ประเดี๋ยวเจ้าน้อย...”ทรงคว้าท่อนแขนเล็กไว้

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากชมวังหลวงของภุมริกา เจ้าน้อยจักช่วยไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”

“...เอ่อ..”

“ข้าเพียงแต่ใคร่อยากได้คนเดินเป็นเพื่อน หากเจ้าน้อยมิสะดวกใจ...”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักพาทอดพระเนตรเอง”

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“วังหลวงภุมริการ่มรื่นนัก”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ทีวังหลวงมีต้นไม้มากพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ท่านทรงโปรดความร่มรื่น”

“อากาศดีเชียว”

“ฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ...ทีวังหลวงมีแม่ครัวที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานทรงใคร่อยากเสวยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ขนมหวานหรือ ข้ามิใคร่โปรดสักเท่าใด...แต่เสด็จแม่ข้าคงโปรดอยู่”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักให้นางข้าหลวงนำถวายหนาพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นพระกรรณเรียกให้เจ้าน้อย แลองค์จันทร์ผินพระพักตร์ไปทอดพระเนตร

“ท่านสุธี มีกระไรหรือเจ้าค่ะ”

“องค์ภุมรินทรงเรียกหาพะย่ะค่ะ”

“อ่า...”

“เชิญเจ้าน้อยเถิด ข้าเดินพอแล้ว ขอบใจที่สละเวลาพาข้าเดินชมวังหลวง”ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ให้คนงามร่างอรชร

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”ค้อมพระเศียรให้เจ้าหลวงต่างแคว้นก่อนจักเสด็จนำองครักษ์คู่กายพระบิดาไป

“เชิญเจ้าน้อยพะย่ะค่ะ”

“เจ้าค่ะท่านสุธี”









ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เจ้าน้อยมาแล้วววว  :hao7: :hao7: :hao7:
น่ารักเหมือนเดิมเลย><

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



บัวหลงจันทร์ ๐๒




   อีกเจ็ดวันจักถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวง อาคันตุกะทั้งสองแคว้นต่างประทับที่วังหลวงภุมริกาเพื่อรอวันเลือกคู่ของเจ้าน้อยบัวงาม องค์รัชทายาทการเวกวอแวเจ้าบัวงามเสียจนน้องน้อยรำคาญใจ

“น้องบัวกินขนมสิจ๊ะ รสดีเทียว”ส่งสายพระเนตรให้เสียจนเจ้าน้อยอึดอัดพระทัย ขนาดวันนี้ทรงสวมใส่เสื้อแขนกระบอกคอตั้งมิดชิดยังทำชีกอใส่ หากใส่เพียงผ้าแถบคาดอกเช่นทุกคราคงโดนลวนลามทางสายตามากกว่านี้เป็นแน่

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันอิ่มท้องแล้วพระเจ้าค่ะ”ทรงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“เยี่ยงนั้นใคร่อยากเดินเล่นไหมจ๊ะ”

“ไม่ดีกว่าพระเจ้าค่ะ เอ่อ..หม่อมฉันขอตัวก่อนหนาพระเจ้าค่ะ พอดีจักต้องเข้าเฝ้าเสด็จพี่ภุชงค์ เชิญองค์รัชทายาทตามสบายหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสแลออกเสด็จออกมามิให้องค์รัชทายาทการเวกได้ตั้งตัว

“เอ่อ น้องบัว...น้องบัว..”เรียกตามไล่หลังแต่เจ้าน้อยได้หันกลับมาไม่

“เฮ้อ...”ทรงระบายพระปัสสาสะ เสด็จเรื่อยโดยมีพระพี่เลี้ยงคอยตามมิห่าง

“เจ้าน้อยเพคะ”

“หืม”

“นั่นพระมารดาศศิธรนี่เพคะ”

“ใช่จริงๆด้วย เยี่ยงนั้นข้าเข้าเฝ้าหน่อยท่าจักดี เจ้าให้ข้าหลวงไปเตรียมขนมหวานถวายพระมารดาท่านทีเถิด”

“เพคะ”

“พระมารดาศศิธรพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานตรัสเรียกผู้อาวุโส

“เจ้าน้อย”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบอ่อนช้อยน่าเอ็นดู

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าน้อย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ที่ภุมริกาแม้จักร้อนไปบ้างแต่อากาศก็ร่มรื่นอยู่”

“พระเจ้าค่ะ...เอ่อ..ที่วังหลวงมีแม่ครัวขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน หม่อมฉันกำลังให้ข้าหลวงนำถวาย ทรงลองเสวยดูหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ องค์จันทร์ท่านว่าพระองค์ทรงโปรดขนมหวาน”

“หืม...เจ้าจันทร์หรือ”

“พระเจ้าค่ะ...เมื่อวันก่อนทรงให้หม่อมฉันพาเสด็จชมวังหลวงจึงได้พูดคุยกันบ้างพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ดีแล้ว...ข้าใคร่อยากให้เจ้าจันทร์ แลเจ้าน้อยสนิทกันไว้”

“เอ่อ...พระเจ้าค่ะ”พระปรางนวลแดงระเรื่อ

“ทูลพระมารดาศศิธร แลเจ้าน้อย ขนมมาแล้วเพคะ”

“ขอบใจหนาจ๊ะอิ่ม”

“มิได้เพคะเจ้าน้อย”

“ทรงลองเสวยดูหนาพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่ชมนาดท่านโปรดนัก”

“ขอบใจหนาเจ้าน้อย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

พระมารดา แลเจ้าน้อยบัวงามทรงประทับพูดคุยกันจนเวลาล่วงเลยมาสักพัก

“เสด็จแม่พะย่ะค่ะ”องค์จันทร์เสด็จเข้าเฝ้ามารดา

“เจ้าจันทร์”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบ

“ทรงทำกระไรกันอยู่หรือพะย่ะค่ะ”ตรัสพลางประทับลงข้างเจ้าน้อย กลิ่นหอนหวานจากกายบางทำเอาองค์จันทร์เผลอสูดพระปัสสาสะ

“แม่เบื่อๆ เจ้าน้อยเลยประทับเป็นเพื่อน เอ่อ...เยี่ยงนั้นเจ้าก็ประทับเป็นเพื่อนเจ้าน้อยแทนแม่แล้วกันหนาเจ้าจันทร์ เห็นทีแม่คงจักต้องไปพักเสียแล้ว คนแก่ก็เยี่ยงนี้แล ขออภัยหนาเจ้าน้อย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นแม่ขอตัวก่อนหนา”ตรัสก่อนจักเสด็จพร้อมข้าหลวงคนสนิท

“เอ่อ...ทรงเป็นอย่างบ้างพระเจ้าค่ะ ขาดเหลือกระไรหรือไม่”

“หึหึหึ ภุมริกาต้อนรับดีเสียจนมิขาดตกบกพร่อง มิต้องกังวลไปดอก”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลวันนี้มิไล่จับแมวแล้วหรือ”ทรงตรัสเย้า

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพิ่งจักทราบเมื่อวานนี้เองพระเจ้าค่ะว่ายี่หุบท้อง เห็นทีคงจักมิได้วิ่งเล่นกันจนกว่าจักคลอด”

“หึหึหึ เยี่ยงนั้นเจ้าน้อยก็มาเล่นกับข้าแทนดีไหม”

“หา...เล่นกับพระองค์หรือพระเจ้าค่ะ” นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์คมดุอย่างฉงน จักให้เล่นกับองค์จันทร์น่ะหรือ

“หึหึหึ เจ้าเหมบอกว่าท้ายวังหลวงมีน้ำตกอยู่ ข้าใคร่ไปเจ้าน้อยจักพาข้าไปได้หรือไม่”

“น้ำตกหรือพระเจ้าค่ะ บัวใคร่ไปพระเจ้าค่ะ”ดีพระทัยเสียจนเผลอแทนพระองค์เองด้วยชื่อ พระโอษฐ์บางจิ้มลิ้มแย้มยิ้มหวานเสียจนองค์จันทร์พระเนตรพร่า

“เยี่ยงนั้นก็ไปกันเลยดีไหม ประเดี๋ยวจักค่ำเสียก่อน”

“พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วสองพระองค์ก็เสด็จท้ายวังหลวงโดยไร้องครักษ์ประจำพระองค์ แลพระพี่เลี้ยงคนสนิท นั่นหมายความว่าทรงเสด็จเพียงลำพังสองพระองค์ เจ้าน้อยบัวงามดีพระทัยเสียจนลืมเลือนความเหมาะสม น้ำตกท้ายวังหลวงนี่ หากเจ้าน้อยจักเสด็จจักต้องมีพระบิดา หรือ พระเชษฐาพาเสด็จเท่านั้น





ซ่าๆๆๆ


เสียงสายน้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำยิ่งทำให้พระโอษฐ์บางแย้มยิ้มหวาน พระนาสิกโด่งรั้นสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าพระปับผาสะ

“ทรงชอบที่นี่หรือเจ้าน้อย”ตรัสถามพลางทอดพระเนตรร่างบางอย่างเอ็นดู

“พระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันมิค่อยได้มาดอก เสด็จพ่อ แลภุชงค์มิค่อยจักว่างพามาสักเท่าใด แลจักมาเองก็ถูกสั่งห้าม”ตรัสพลางยิ้มให้เจ้าหลวงศศิมณฑล

“แลเยี่ยงนี้ข้าจักต้องอาญาองค์ภุมรินหรือไม่ที่ขัดรับสั่งพาเจ้าน้อยมา”

“หา...มะ มิได้พระเจ้าค่ะ หากบัวมิปาก แลองค์จันทร์มิตรัสก็จักมิมีผู้ใดรู้ดอก”

“ฮะฮ่าๆๆ เยี่ยงนั้นหรือ”

“คิกๆๆ พระเจ้าค่ะ...อ่า น้ำเย็นนัก”เจ้าบัวงามยอบกายลงกวักน้ำใสในลำธารเล่น ใบหน้างามแย้มยิ้ม สะกดให้สายพระเนตรองค์จันทร์ทอดมองความสดใสนั่นโดยมิรู้ตัว นานเสียจนท้องฟ้าที่สดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีเทามืด เมฆฝนกลุ่มใหญ่ตั้งเค้าส่งเสียงคำรามครืนๆ

“ฝ่าบาทฝนตั้งเค้าแล้ว หม่อมฉันว่า....อ๊ะ”ยังมิทันที่จักตรัสจบ หยาดน้ำฟ้าก็หลั่งรดลงมาจนเจ้าจันทร์รีบคว้าแขนเรียวให้วิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไทรต้นใหญ่

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ แต่จักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ เราจักกลับวังหลวงกันเยี่ยงไร”

“คงต้องรอฝนหยุดก่อนแล”



ครืน ครืน เปรี้ยง


“อ๊ะ”สะดุ้งสุดตัวพลางยกพระหัตถ์ปิดพระกรรณ นัยน์ตากวางหลับแน่น

“เจ้าน้อยเป็นกระไรหรือไม่”

“หมะ หม่อมฉันมิ..”ตรัสพระสุระเสียงสั่น


ครืน เปรี้ยง


“อื้อ”ริมฝีปากบางเบะออก

“เจ้าน้อย”ทอดพระเนตรดังนั้นองค์จันทร์จึงดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดปลอบความอุ่นจากพระอุระกว้างทำให้เจ้าบัวงามพอจักคลายความหนาวสั่น แต่ความกลัวนั้นยังคงอยู่

“หมะ หม่อมฉันกลัวพระเจ้าค่ะ”

“มิต้องกลัวหนา ข้าอยู่ตรงนี้กับเจ้า”กระชับพระกรพลางหันพระวรกายบังสายฝนมิให้สาดโดนร่างบางของน้องน้อย

“...พระเจ้าค่ะ”แขนเล็กโอบรอบพระกฤษฎีสอบ ใบหน้างามซบแนบกับพระอุระกว้าง กลิ่นกายบุรุษเพศพาให้หลงลืมความกลัวไปชั่วขณะ



ครืน เปรี้ยง



“อื้อ”สะดุ้งอีกครา หากแต่ก็ได้พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังปลอบ สายฝนสาดเทลงมาเสียจนมองมิเห็นทาง คงจักต้องอยู่ใต้ร่มไม้นี้เสียจนฝนหยุด




หยาดน้ำฟ้าร่วงโรยกว่าจักหยุดก็เย็นย่ำ สององค์พระวรกายเปียกปอน กอดกันแลกันเพื่อคลายความหนาว พระหัตถ์ใหญ่โอบประคองร่างแน่งน้อย กลิ่นกายหวานๆลอยแตะพระนาสิกให้องค์จันทร์สูดดมจนเพลิน ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานที่แนบซบกับพระอุระไม่วางตา

“ฝนหยุดแล้ว”ตรัสพลางใช้พระหัตถ์ลูบน้ำฝนออกจากใบหน้าขาวนวล

“พระเจ้าค่ะ..ปานนี้ที่วังหลวงคงจักตามหาเราสองคนกับจ้าละหวั่นเป็นแน่”

“นั่นสิ”

“องค์จันทร์...เจ้าบัว”น้ำเสียงเข้มดุดันดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกให้สองพระวรกายผินไปมอง

“เสด็จพ่อ!!”

“องค์ภุมริน”

“เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่กัน”ทรงตรัสถามพระสุระเสียงดุ พระพักตร์เรียบตึง

“คะ คือ บัว...”

“ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันชวนเจ้าน้อยออกมาเอง เป็นความผิดหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”

“มะ ไม่หนาพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ ลูก...”

“กลับวังหลวงก่อนเถิดค่อยแก้ตัว!!”


.
.
.



หลังจากกลับวังหลวงเจ้าน้อยบัวงามถูกพระพี่เลี้ยง แลพระมารดาจับอาบน้ำอาบท่า แลผลัดผ้าใหม่ ส่วนองค์จันทร์นั่นทรงเสด็จกลับตำหนักรับรองอาคันตุกะ

“เชิญองค์จันทร์สรงน้ำ แลเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ก่อนเถิด แลหลังจากกายาหารเย็นเราค่อยคุยกัน!!”องค์ภุมรินตรัส ก่อนจักเสด็จเข้าตำหนักในที่ประทับขององค์รัชทายาท แลเจ้าน้อย แก้วตาของพระองค์ถูกชายอื่นกกกอดเยี่ยงนี้จักให้อยู่เฉยได้อย่างไร แม้ลูกจักต้องเลือกคู่ในไม่อีกกี่วันข้างหน้า หากแต่ตอนนี้ใครก็แตะเจ้าบัวมิได้

“เสด็จพ่อ~~”พระสุระเสียงหวานเอ่ยเรียกคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“มิต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน”ดุจนเจ้าบัวงามก้มหน้างุด

“เสด็จพี่ พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่า

“เย็นมิได้ดอกน้อง งามหน้าเสียขนาดนี้ เหตุใดจึงได้ไปกอดกับเจ้าหลวงศศิมณฑลในที่เปลี่ยวเช่นนั้นเจ้าบัว”

“...บัว..”น้ำพระเนตรร้อนรื้นเต็มนัยน์ตากวาง

“ไว้มื้อเย็นแล้วก่อนเถิด ค่อยว่าความ!!”

“เสด็จพ่อ..ฮึก”

“เจ้าบัวงาม”เจ้าชมนาดกอดลูกปลอบประโลม มือบางลูบกลุ่มผมยาว

“เสด็จแม่”ซบใบหน้างามกับอกมารดา



.
.
.



“เจ้าจันทร์...มันเกิดกระไรขึ้น”พระมารดาศศิธรตรัสถามโอรสตน ตอนที่ทรงทราบว่าเจ้าจันทร์ แลเจ้าน้อยไปกกกอดกันอยู่ที่น้ำตกท้ายวังหลวงภุมริกาลมแทบจับ ร้อนถึงข้าหลวงคนสนิทต้องหายาหอมยาดมถวาย

“ลูกผิดเองพะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกเป็นคนชวนเจ้าน้อยไปที่น้ำตกนั่นเอง”

“ตายๆๆ เยี่ยงนี้องค์ภุมรินมิกริ้วขนาดดอกหรือ”

“ลูกขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”

“เฮ้อ...”ระบายพระปัสสาสะพลางยกยาหอมจรดพระนาสิก



.
.
.



พระกายาหารเย็นวันนี้ดูจักตรึงเครียดมิน้อย เจ้าบัวงามถูกกักบริเวณให้อยู่เพียงตำหนักใน โดยมีพระเชษฐาอย่างภุชงค์อยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นจึงมีเพียงองค์ภุมริน เจ้าชมนาด แลอาคันตุกะจากสองแค้วนเท่านั้น

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมิยอมหนาพะย่ะค่ะ...องค์จันทร์ทำเช่นนี้มิเท่ากับเป็นการกำจัดโอรสหม่อมฉันทางอ้อมหรือพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงการเวกตรัสอย่างมิยอม องค์จันทร์ทำเยี่ยงนี้ แลโอรสตนจักมีสิทธิ์หรือ

“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”ทรงตรัสเสียงเรียบเสียจนเจ้าหลวงการเวกมิกล้าขัด

“หม่อมฉันขอประทานอภัยแทนโอรสของหม่อมฉันจริงๆพระเจ้าค่ะ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์ตรัสพลางค้อมพระเศียร

“เจ้าบัวลูกข้าเสียหายไปแล้วจักทรงทำอย่างไรพะย่ะค่ะ”

“.....เอ่อ”หากจักให้เจ้าน้อยตบแต่งเป็นชายาเจ้าจันทร์ แน่นอนการเวกคงมิยอมเป็นแน่ แต่หากจักให้มีพิธีเลือกคู่ คนก็จักมองเจ้าน้อยมิดี คิดมิตกเสียเลย

“......”

“หม่อมฉัน...”

“เฮ้อ...ทูลฝ่าบาท”ทรงผินพระพักตร์ตรัสกับเจ้าหลวงการเวก

“พะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยจริงๆพะย่ะค่ะ”

“ทรงหมายความว่าอย่าไรพะย่ะค่ะ”

“...หม่อมฉันคงจักต้องยกเจ้าบัวงามให้ศศิมณฑล”คงจักต้องยกแก้วตาให้ศศิมณฑล

“มิได้หนาพะย่ะค่ะ..แลโอรสหม่อมฉันเล่าพะย่ะค่ะ มิยุติธรรมกับโอรสหม่อมฉันเสียเลย”

“นั่นสิพะย่ะค่ะ ไหนว่าทรงมิฝืนใจน้องบัว เยี่ยงนั้นก็ทรงให้น้องบัวเลือกเองสิพะย่ะค่ะ”การเวกหาได้ยอมไม่  องค์ภุมรินพระพักตร์เรียบตึง สองพ่อลูกการเวกหาได้สนใจเกียรติเจ้าน้อยภุมริกาไม่ รู้ทั้งรู้ว่าหากทำเยี่ยงนั้นเจ้าบัวจักถูกมองมิดี

“...เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักเลื่อนพิธีเลือกคู่มาเป็นวันพรุ่งเสีย”ตรัสอย่างมิใคร่พอใจ

“แต่หากทำเช่นนั้นเจ้าน้อยจักเสื่อมเกียรติหนาพะย่ะค่ะ”องค์จันทร์ทรงตรัส

“ขอบพระทัยที่ทรงปกป้องเกียรติของเจ้าบัวพะย่ะค่ะ...แต่เรื่องนี้คงจักหาข้อสรุปที่ดีกว่านี้มิได้แล้ว”ตรัสประชดการเวก

“.....”

“...วันพรุ่งเก้านาฬิกา ขอเชิญทั้งสองแคว้นที่ท้องพระโรงหนาพะย่ะค่ะ”ตรัสแล้วก็ลุกออกจากท้องเสวยพร้อมเมียรัก


.
.
.


“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ...จักให้บัวเลือกคู่วันพรุ่ง”

“ใช่...”

“มิเอาหนาพระเจ้าค่ะ..ฮึก บัวมิเลือก เสด็จพ่อ”

“เจ้าทำกระไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตน ปฏิเสธมิได้ดอก”

“ฮึก..ฮือออ”

“เตรียมตัวเสีย...ใช่ว่าพ่อขับไสไล่ส่งเจ้าหนาลูก แต่จักปล่อยให้เจ้าเสื่อมเกียรติเช่นนี้ต่อไปมิได้”

“ฮึก ฮือออ..พระเจ้าค่ะ”



วันรุ่งเจ้าน้อยทรงตื่นบรรทมแต่เช้ามืด หากแต่ความเป็นจริงทรงบรรทมมิหลับทั้งคืน เหล่าข้าหลวง แลพระพี่เลี้ยงต่างถวายงามพาเจ้าน้อยสรงน้ำ แลแต่งพระองค์ให้  ผมยาวเคลียเอวบางถูกสางจนเรียงตัวสวย ร่างบางสวมใส่เสื้อแขนกระบอกคอตั้งสีขาวกระบัง แลโจงกระเบนสีควายเผือก ใบหน้าหวานถูกผลัดแป้งเล็กน้อย ทาสีผึ้งลงชาดที่ริมฝีปากบาง พรมน้ำปรุงที่จุดชีพจรเป็นอันเสร็จ

“เสร็จแล้วเพคะเจ้าน้อย ทรงงามมากเพคะ”

“ขอบใจจ้ะ”ตรัสพลางทอดพระเนตรมาลัยคล้องมือพวงโตในพระหัตถ์ หากทรงมอบมาลัยให้ใครนั่นก็หมายความว่าทรงเลือกผู้นั้นเป็นคู่ครอง

“เจ้าบัว”

“เสด็จแม่”

“แต่งกายแล้วหรือยังลูก”

“พระเจ้าค่ะ”

“ใยจึงทำหน้าเยี่ยงนี้เล่า”

“บัว...มิอยากเลือกคู่พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”

“โธ่ลูกจ๋า...อย่างไรเสียลูกก็ต้องเลือก”

“.....”

“...จงเลือกผู้ที่ใจเจ้าเลือก เลือกคนที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด”

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นก็ไปเถิดลูก ประเดี๋ยวพ่อเจ้าจักรอนาน”

“พระเจ้าค่ะ”




เมื่อเจ้าน้อยแล พระชายาชมนาดมาถึงท้องพระโรงพิธีเลือกคู่จึงได้เริ่มขึ้น เจ้าบัวงามกำมาลัยในพระหัตถ์แน่น ขณะที่แม่เฒ่าได้ทูลความแก่เจ้าน้อยก่อนเริ่มพิธีว่า

“เจ้าน้อยเพคะ”เสียงแหบเอ่ย

“เจ้าค่ะท่านยาย”

“ศิวเศขรผู้นั้นทรงเป็นคู่แท้...มิต้องกลัว คู่กันแล้วมิแคล้วกัน”

“...เจ้าค่ะ”

“เจ้าบัว..”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”

“พ่อมิบังคับ...สุดแล้วแต่ใจเจ้าจักเลือก มิว่าใครพ่อรับได้”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ แต่ทางที่ดีมิต้องเลือกจักดีกว่า”

“เจ้าบัวงาม”มารดาปรามเสียงอ่อน

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เอาเถิด..ได้เวลาแล้ว”

“บัวกลัว”

“มิต้องกลัว แม่เฒ่าท่านว่าคู่กันแล้วมิแคล้วกัน ดังนั้นก็เลือกเถิด”

“.....พระเจ้าค่ะ”



เจ้าบัวเดินออกจากอ้อมอกบิดา มารดา แลเสด็จไปอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มสูงศักดิ์ทั้งสอง องค์รัชทายาทการเวกแย้มพระโอษฐ์กว้างให้จนเจ้าบัวอึดอัดใจ ในขณะที่เจ้าหลวงศศิมณฑลแย้มพระโอษฐ์ให้เล็กน้อยหากแต่ทำให้ใจดวงน้อยวูบไหว

“...องค์รัชทายาทการเวก”เสียงหวานเอ่ยทำเอาพ่อ แม่ แลพี่ชายเบิกตากว้างจักเลือกองค์รัชทายาทการเวกหรือ

“น้องบัว...”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางพนมมือไหว้

“...หมายความว่าอย่างไรจ้ะ”

“หม่อมฉันเลือกองค์จันทร์พระเจ้าค่ะ”ตรัสแลคล้องมาลัยสีขาวพวงโตเข้ากับข้อพระหัตถ์ขององค์จันทร์

“ฟู่...”ทรงได้ยินว่าเลือกใครก็ลอบถอนหายใจกันสามพ่อแม่ลูก

“หา...น้องบัว!!!”ตวาดเสียงดังเสียจนเจ้าบัวงามสะดุ้งโหยง องค์จันทร์จึงดึงร่างน้อยให้หลบหลังพระวรกายอย่างปกป้อง

“พระทัยเย็นก่อนเถิดองค์สิน”องค์ภุมรินเสด็จลงจากบัลลังก์เข้าห้าม

“จักเย็นได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“แต่เจ้าน้อยทรงเลือกแล้ว”องค์จันทร์ตรัส

“แต่!!”

“ได้โปรดเคารพการตัดสินใจของหม่อมฉันด้วยเถิด”เจ้าน้อยตรัส

“เหตุใดจึงมิเลือกหม่อมฉัน!!!”

“.....”

“หรือทรงได้เสียกับเจ้าหลวงศศิมณฑลเสียแล้ว จึงมิเลือกหม่อมฉัน!!”

“มากไปแล้วองค์สิน...เจ้าหลวงการเวกทรงปรามโอรสของท่านทีเถิด”

“ที่หม่อมฉันเลือกองค์จันทร์นั่นก็เพราะหม่อมฉันมิชอบใจกิริยาของพระองค์ต่างหาก”

“เจ้าบัว!!”

“พอ!!”

“.....”

“หากมิมีกระไรแล้วหม่อมฉันขอเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จกลับการเวกเถิดพะย่ะค่ะ”

“......”

“ฮึ่ย!!”

“..เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอทูลลาพะย่ะค่ะ”ตรัสแล้วก็เสด็จออกจากท้องพระโรงทั้งพ่อ แลลูก




ลับหลังพ่อลูกการเวก ภุมริกา แลศศิมณฑลจึงได้ลอบถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระทัย อย่างน้อยก็หมดปัญหาไปแล้วหนึ่ง จักเหลือก็เพียง.....

“เจ้าบัว!!”

“เฮือก..พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”lสะดุ้งโหยง

“มาหาพ่อประเดี๋ยวนี้...แลองค์จันทร์ทรงปล่อยมือเจ้าบัวด้วยพะย่ะค่ะ”มิตรัสเปล่า ดึงมือน้อยของลูกออกจากพระหัตถ์เจ้าหลวงหนุ่ม

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”ตรัสพลางค้อมพระเศียรให้ว่าที่พระสัสสุระ

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัว”ตรัสพลางเสด็จออก พระหัตถ์ข้างหนึ่งจูงมือชายา แลอีกข้างลากมือโอรสองค์เล็กโดยมีโอรสองค์โตตามหลังไป

“ดีแค่ไหนที่เจ้าน้อยเลือกเจ้า..”พระมารดาศศิธรตรัสกับโอรสตนเมื่อลับหลังภุมริกา

“......”

“เฮ้อ...เอาเถิด แม่จักล่วงหน้ากลับศศิมณฑลไปก่อนจักได้เตรียมงานอภิเษก ส่วนเจ้ารอกลับพร้อมเจ้าน้อย”

“พะย่ะค่ะเสด็จแม่”




.
.
.


“เสด็จพ่อ”

“เฮ้อ...”

“บัวขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าบัวงาม...แม้นพ่อจักมิใคร่อยากปล่อยเจ้าไป หากแต่เขาผู้นั้นคือองค์จันทร์พ่อก็วางใจ”

“เสด็จพ่อ”

“ถึงเวลาที่พ่อจักต้องปล่อยมือเจ้าให้องค์จันทร์แล้วสิหนา”

“.....”

“คอยดูเถิดพ่อจักเรียกสินสอดทองหมั้นให้กองท่วมหลังคาตำหนักหลวงเทียว”

“เสด็จพ่อ!!!”

“เสด็จพ่อ!!!”

“เสด็จพี่!!!”

“หึหึหึ”


.
.
.


“ฮัดชิ้ว”

“เป็นกระไรไปเจ้าจันทร์ มิสบายหรือลูก”

“มิได้พะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่คันจมูกเล็กน้อย”

“คงมีคนนินทาเจ้ากระมัง”

“หึหึหึ ใครจักกล้านินทาลูกหรือพะย่ะค่ะ”

“จักไปรู้เจ้าหรือ”

“มิมีดอกพะย่ะค่ะ อย่าทรงคิดมากไปเลย”

“ดีมิดี คงจักเป็นองค์ภุมริน พระสัสสุระของเจ้ากระมัง”

“อ่า...ได้ยินพระนามแลใจหม่อมฉันสั่นเชียวพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ แม่มิอยากจักคิด หากเจ้าพลั้งเผลอทำเจ้าน้อยเสียอกเสียใจเข้า แคว้นเราคงจักถูกกองทัพภุมริกาถล่มจนราบเป็นหน้ากลองเป็นแน่”

“หม่อมฉันมิมีทางทำเจ้าน้อยเสียพระทัยดอกพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ให้มันจริงเถิด”

“แน่นอนพะย่ะค่ะ”













CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



บัวหลงจันทร์ ๐๓



หลังจากที่เจ้าน้อยบัวงามได้เลือกองค์จันทร์แห่งศศิมณฑลเป็นคู่ครองแล้ว เจ็ดวันให้หลังจึงเป็นเพลาที่เจ้าน้อยจักต้องเสด็จไปที่ศศิมณฑล เพื่อเข้าพิธีหมั้นหมาย แลอภิเษกสมรสกับองค์จันทร์ แม้นการเสด็จศศิมณฑลครานี้จักมีพ่อ แม่ แลพี่ชายไปด้วย แต่เจ้าบัวงามก็ยังมิใคร่อยากจักไป รู้ดีว่าหากไปแล้วคงมิได้กลับภุมริกากับครอบครัวเป็นแน่ ร่างน้อยทรงประทับอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง มีพระพี่เลี้ยงแลข้าหลวงคอยถวายการรับใช้อยู่ห่างๆ ด้วยรู้ว่าในเพลานี้เจ้าน้อยคงประสงค์จักอยู่องค์เดียว ชายผ้าแถบคาดอกสีเลื่อมประภัสสรปลิวพลิ้วตามแรงลม หากแต่เจ้าของคนงามหาได้สนใจไม่ มือเล็กกอบกุมกันบนหน้าขา ข้างพระวรกายนั้นมีแมวสาวสีขาวปลอดท้องโตนอนเฝ้า

“นั่งตากลมเช่นนี้ ประเดี๋ยวก็ประชวรดอกเจ้าน้อย”พระสุระเสียงทุ้มต่ำเรียกให้นัยน์ตากวางช้อนมองผู้มาใหม่

“ฝ่าบาท...ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”ลุกขึ้นหมอบกราบว่าที่พระภัสดา

“ข้าเห็นเจ้านั่งเหม่อลอยนานแล้ว..มีกระไรในใจดอกหรือ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉัน”ก้มพระพักตร์งามให้พ้นสายพระเนตรดุ

“หากมีกระไรในใจก็บอกข้ามาเถิด..หรือเจ้าน้อยกังวลเรื่องอภิเษกของเราสองคน หืม”ประคองร่างเล็กที่หมอบแทบพระบาทให้ลุกขึ้นประทับข้างพระวรกายกำยำ พระหัตถ์อุ่นเชยคางมนให้สบพระเนตร

“..หม่อมฉัน...หม่อมฉันเพียงแค่กังวลเรื่องที่จักไปศศิมณฑลเล็กน้อยพระเจ้าค่ะ มิมีอันใดให้พระองค์ใส่พระทัยเลย”

“จักให้ข้ามิใส่ใจมิได้ดอกหนา เจ้าจักต้องไปศศิมณฑลในฐานะชายาของข้า หากเจ้ากังวลเยี่ยงนี้ข้าจักละเลยได้อย่างไร”

“..ฝ่าบาท”

“ไหนว่ามาเถิดว่ากังวลเรื่องใด”ทรงเผลอไผลลูบปลายผมยาวนุ่มที่ระเอวบางเล่น ขณะที่ทรงตั้งใจฟังความกังวลใจจากว่าที่ชายา

“หม่อมฉันมิเคยห่างอกพ่ออกแม่ แลพี่ชาย...ไปอยู่ที่ศศิมณฑลผู้เดียว”

“ใครว่าเจ้าจักอยู่ที่ศศิมณฑลผู้เดียว ข้าแลเสด็จแม่ก็คือครอบครัวของเจ้า เจ้าน้อย”

“....”

“อย่าได้กังวลไปเลยหนา...ข้าเชื่อว่าทุกคนที่ศศิมณฑลจักเอ็นดูเจ้า”

“..หม่อมฉัน ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือกราบ

“มิเป็นไร”

“ฝ่าบาท..”

“หืม”

“หากหม่อมฉันใคร่อยากจักของประทานราชานุญาติสักเรื่องจักได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“เรื่องกระไรหรือ”

“หม่อมฉันใคร่อยากพายี่หุบไปที่ศศิมณฑลด้วยพระเจ้าค่ะ..หากมียี่หุบหม่อมฉันคงจักคลายเหงา”

“ได้สิ ข้าอนุญาต..เยี่ยงนั้นข้าจักให้เจ้าเหมจัดการให้หนา”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร”ลูบไหล่เปลือยเบาๆ

“ทูลฝ่าบาท..องค์ภุมรินมีรับสั่งให้เจ้าน้อยหาเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบคลานมาทูลความ เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้นก็ทอดพระเนตรเห็นว่าที่พระสัสสุระทรงยืนพระพักตร์เรียบตึงอยู่ไกลออกไป

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ”

“เชิญเถิด”พยักพระพักตร์แล้วทอดพระเนตรตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆห่างออกไป องค์ภุมรินเมื่อลูกมาถึงตัวก็จับจูงออกไปให้พ้นสายพระเนตรเจ้าหลวงศศิมณฑลทันที
หากยังมิได้แต่งงานแต่งการเป็นเรืองเป็นราว ข้าก็มิยอมให้องค์จันทร์เข้าใกล้เจ้าบัวงามได้ดอก รอไปก่อนเถิด...


.
.
.


วันนี้แล้วที่นายเหนือหัวทั้งสี่แห่งภุมริกาจักต้องเสด็จศศิมณฑล พร้อมด้วยเจ้าตัวหน้าขนสีขาวปลอด  องค์ภุมริน แลเจ้าชมนาดทรงขึ้นเกี้ยวตัวแรก ตามด้วยองค์จันทร์ รัชทายาทภุชงค์ แลเจ้าน้อยบัวงาม


เมี๊ยววว


เจ้ายี่หุบนอนเหยียดกายอยู่บนพระเพลาของเจ้าน้อยขณะที่เกี้ยวเสด็จโยกไปมาเบาๆ

“หืม...ยี่หุบนอนเถิดกำลังท้องกำลังไส้”ตรัสพลางใช้พระดรรชนีเกาที่คางเล็กเบาๆจนเจ้าหน้าขนเคลิ้ม


หงิงๆๆ


“ฮะฮะฮะ นอนหนาประเดี๋ยวบัวจักกล่อมเอง”ลูบหัวลูบหางพลางกระชับพระกรโอบร่างนุ่มนิ่มของแมวท้องไว้


เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ขบวนเสด็จก็มาถึงวังหลวงของศศิมณฑล พระมารดาศศิธรทรงเสด็จมารับด้วยองค์เอง

“ยินดีต้อนรับสู่ศศิมณฑลพระเจ้าค่ะฝ่าบาท พระชายา”

“ศศิมณฑลอากาศดีทีเดียวหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่า

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ เสด็จมาเหนื่อยๆทรงพักผ่อนที่ตำหนักรับรองก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะพระมารดา”

“มิได้พระเจ้าค่ะองค์ภุมริน”

“ถวายพระพรพะย่ะค่ะเสด็จแม่”เมื่อส่งอาคันตุกะเข้าตำหนักพักผ่อนแล้วองค์จันทร์จึงเข้าเฝ้ามารดา

“หึหึหึ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก”กอดพระวรกายใหญ่ของโอรส

“ลูกสบายดีพะย่ะค่ะ แลเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ”

“แม่สบายดี แลงานอภิเษกก็เตรียมไปแล้วกว่าครึ่ง”

“.....”

“เจ้ามาเหนื่อยๆก็ไปพักก่อนเถิดลูก ประเดี๋ยววันพรุ่งค่อยพูดคุยกันใหม่”

“พะย่ะค่ะ...ลูกทูลลา”

“จ้ะ”


.
.
.


รุ่งเช้าเจ้าบัวงามตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง ด้วยมิชินที่จึงทำให้เจ้าน้อยคนงามบรรทมมิค่อยจักหลับ เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องจึงเสด็จออกเดินเล่นพร้อมพระพี่เลี้ยงคนสนิท ในอ้อมพระกรมียี่หุบตัวอวบอ้วนท้องโตนอนอยู่ นัยน์ตากวางกวาดมองรอบๆอย่างสนใจ ที่วังหลวงศศิมณฑลแห่งนี้มิได้ต่างกับวังหลวงภุมริกามากนัก เพียงแต่ที่วังหลวงภุมริกาจักมีต้นไม้มากกว่าวังหลวงศศิมณฑล เนื่องจากพระชายาชมนาดนั้นทรงโปรดความร่มรื่น แต่วังหลวงศศิมณฑลจักมีตำหนักมากกว่าภุมริกา ได้ยินว่าเจ้าหลวงองค์ก่อนหน้า พระปัยกาขององค์จันทร์ทรงมีสนมหลายนางจึงโปรดให้สร้างตำหนักสำหรับนางสนมของพระองค์

“ตื่นเช้าจริงเจ้าน้อย”บังเอิญหรือกระไรถึงได้มาเจอองค์จันทร์เข้าระหว่างทาง

“ฝ่าบาท”ตั้งท่าจักหมอบกราบ

“มิต้องๆ มิเป็นไร”รั้งต้นแขนนุ่มไว้

“พระองค์ก็ทรงตื่นบรรทมเช้าเหมือนกันหนาพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางส่งยี่หุบให้พระพี่เลี้ยงอุ้มต่อ

“หึหึหึ ปกติข้าก็ตื่นเช้าเช่นนี้แล”

“พระเจ้าค่ะ”

“อากาศที่ศศิมณฑลในตอนเช้าก็เย็นกว่าที่ภุมริกานัก ใยจึงมีหาผ้ามาคลุมไหล่เล่าเจ้าน้อย”

“อ่า...หม่อมฉันมิทันคิดพระเจ้าค่ะ แต่มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวก็ประชวรดอก”ตรัสพลางถอดฉลองพระองค์คลุมตัวนอกออกจนเหลือเพียงฉลองพระองค์แขนยาวตัวบาง ทรงสะบัดฉลองพระองค์คลุมไหล่เปลือยพลางกระชับสาบเสื้อให้มิดชิด

“ฝ่าบาท...”

“ใส่ไว้เถิดตัวเจ้าเย็นหมดแล้ว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร...ข้าคงต้องขอตัวก่อน เจ้าน้อยก็อย่าตากลมนานนักล่ะประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้”

“พระเจ้าค่ะ”ตอบก่อนจักค้อมกายลงเล็กน้อย นัยน์ตากวางกลมโตทอดมองพระขนองกว้างไปจนลับตา มือเล็กกระชับสาบฉลองพระองค์ให้มิดชิด ก่อนจักหันไปตรัสกับพระพี่เลี้ยง

“กลับกันเถิด”

“เพคะ”


เมื่อกลับถึงตำหนักรับรองเจ้าน้อยก็หาได้ถอดฉลองพระองค์ขององค์จันทร์ออกไม่ ใบหน้างามก้มลงจรดจมูกโด่งรั้นบนผ้าเนื้อดี กลิ่นอายบุรุษเพศทำเอาปรางใสขึ้นสีเลือด รู้สึกพระทัยเต้นแรงราวกับถูกองค์จันทร์กอดด้วยพระกรแข็งแกร่ง

“นี่หม่อมฉันเป็นกระไรไปหนาพระเจ้าค่ะ เหตุใดหายใจเข้า หายใจออกก็นึกคิดถึงแต่พระพักตร์พระองค์...หรือหม่อมฉันจักรักใคร่พระองค์เข้าให้แล้ว แย่ล่ะ ใยจึงใจง่ายเช่นนี้หนาบัว”ตรัสรำพึงรำพันพระองค์เดียว จมอยู่กับความสับสนได้มินานก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อข้าหลวงสาวกราบทูลเชิญให้ร่วมเสวยพระกายาหารเช้า


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าน้อย กับข้าวกับปลาที่ศศิมณฑลถูกปากหรือไม่”พระพันปีทรงตรัสถามว่าที่พระสุณิสา

“กับข้าวที่ศศิมณฑลอร่อยแลถูกปากหม่อมฉันนักพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว ได้ยินเช่นนี้ข้าก็ชื่นใจ”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจันทร์”

“พะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“หากมื้อเช้าแล้วแล้วก็พาเจ้าน้อยเดินย่อยเสียหน่อยหนาลูก”

“พะย่ะค่ะ”



สองพระองค์เสด็จเคียงข้างกันชมรอบวังหลวงศศิมณฑล เจ้าบัวงามเดินเยื้องหลังองค์จันทร์ไปสามก้าว มิให้ล้ำพระพักตร์ นัยน์ตากวางทอดพระเนตรพระขนองกว้าง แลปรางร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้างุด

“อ๊ะ...ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ก้มเสียจนพระหนุชิดพระอุระบาง จึงมิทันได้ทอดพระเนตรว่าทรงหยุด ร่างบอบบางชนเข้ากับพระวรกายกำยำเข้าเต็มรัก

“เป็นกระไรหรือไม่เจ้าน้อย เจ็บที่ใดหรือเปล่า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันซุ่มซ่ามขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร แต่ใจลอยไปถึงไหนกัน หืม”

“อ่า...มิได้พระเจ้าค่ะ”ตรัสตอบพระสุระเสียงแผ่ว

“เอาเถิดมาเดินข้างข้านี่ จักได้มิชนกันอีก”จูงมือบางให้มายืนเคียงพระวรกาย ทรงกุมมือน้องน้อยไว้ แลก้าวเดินไปพร้อมกัน เจ้าน้อยก้มพระพักตร์ด้วยความเขินอาย

“สายหยุด”พระสุระเสียงทุ้มขององค์จันทร์เรียกให้เจ้าบัวงามเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตร ร่างบางตรงหน้า ใบหน้าเรียวเกลี้ยงเกลา ดวงตาเรียวหวาน แลริมฝีปากเป็นกระจับ งามนัก ผู้ใดกัน

“ฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ข้าเพิ่งจักกลับถึงวังหลวงมิได้ไปเยี่ยมเยียนเจ้าเลย”ทรงลืมสายหยุดไปเสียเลย ตลอดเวลาที่อยู่ภุมริกา เพิ่งจักนึกได้ก็ตอนที่ได้เห็นหน้า

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“แลเข้าวังหลวงมามีกระไรหรือ”ทรงปล่อยมือนุ่มของเจ้าน้อย แลเสด็จไปประคองสายหยุดให้ลุกขึ้น เจ้าบัวทอดพระเนตรมือตนที่ถูกปล่อยทิ้ง ก่อนจักทอดพระเนตรองค์จันทร์ แลร่างบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกหน่วงในอก

“หม่อมฉันมาหาพี่เหมพระเจ้าค่ะ”

“มาหาเจ้าเหมแต่มิมาหาข้าหรือ”

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันคิดว่าไปหาพี่เหมแล้วจึงจักเข้าเฝ้าพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...มิเป็นไร เยี่ยงนั้นก็ไปหาเจ้าเหมด้วยกันนี่แล”

“เอ่อ..”เหลือบมองร่างบางของเจ้าบัว ใบหน้าหวานงดงามราวนางอัปสร นัยน์ตากลมโตราวนัยน์ตากวางสุกใส จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ผิวกายขาวนวลเนียนราวน้ำนม

“อ่อ...นี่เจ้าบัวงาม เจ้าน้อยแห่งภุมริกา เจ้าน้อยนี่สายหยุด เป็นสหายสนิทของข้า แลเจ้าเหม”

“ถวายพระพรเจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรจ้ะ ดูแล้วสายหยุดคงจักแก่กว่าบัวใช่หรือไม่”

“สายหยุดแก่กว่าเจ้าน้อยราวสามปีได้”องค์จันทร์ทรงตรัส

“เยี่ยงนั้นให้บัวเรียกพี่หนาจ๊ะ พี่สายหยุด”

“มิบังอาจพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรดอก ให้บัวเรียกพี่หนาจ๊ะ”

“เอ่อ...”

“ตามใจเจ้าน้อยหน่อยเถิดสายหยุด”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจจ้ะพี่สายหยุด”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“ทำความรู้จักกันแล้วก็ไปหาเจ้าเหมกันเถิด..เจ้าน้อยก็ไปด้วยกันหนา ประเดี๋ยวข้าจักพาชมคอกม้า”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันใคร่เห็นคอกม้า ตอนอยู่ที่ภุมริกาเสด็จพ่อ แลภุชงค์มิอนุญาตให้บัวเข้าใกล้คอกม้าเสียเลย”ตรัสพร้อมยิ้มเสียจนเห็นพระทนต์ขาวสะอาด

“หึหึหึ วันนี้ข้าจักพาชมเอง”ตรัสอย่างเอ็นดูพลางจูงมือน้อยให้เดินตาม มีสายหยุดเดินเยื้องด้านหลังอย่างนอบน้อม




“เจ้าเหม”ทรงตรัสเรียกองครักษ์คนสนิทที่กำลังคุมทหารที่กำลังฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด

“ฝ่าบาท เจ้าน้อย...สายหยุด”ทรุดกายคุกเข่าเคารพนายเหนือหัว ก่อนจะเหลือบไปพบร่างบางในดวงใจของตน

“ข้าเจอสายหยุดระหว่างทางเห็นว่าจักมาหาเจ้าก็เลยมาด้วยกันเสีย”

“เอ่อ พะย่ะค่ะ”เมื่ออยู่ต่อหน้านายเหนือหัวก็มิกล้าพูดคุย แม้แต่ส่งสายตาหากันก็มิกล้า ด้วยรู้ว่าองค์จันทร์นั้นก็ต้องใจสายหยุดเช่นกัน



เมื่อได้พบหน้ากัน องค์จันทร์ก็ทรงลืมเสียสนิทว่าจักพาเจ้าบัวงามไปชมคอกม้าของศศิมณฑล แลเมื่อได้มานั่งจับกลุ้มคุยกันเช่นนี้เจ้าน้องแห่งภุมริกาก็เหมือนส่วนเกิน เนื่องจากมิรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา ทรงนั่งเงียบ ยิ้มบางๆเป็นบางครั้งบางคราวที่คนอื่นหัวเราะ ใบหน้างามก้มนิ่ง นัยน์ตากวางทอดพระเนตรมือบางของตนที่บีบกันบนพระเพลา พระสุระเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยกับพี่สายหยุด แลแย้มพระโอษฐ์อย่างพระทัยดีนั้นอีก

“ทูลฝ่าบาท องค์ภุมรินทรงเรียกหาเจ้าน้อยเพคะ”ข้าหลวงสาวคลานเข่าเข้ามาหมอบกราบทูลความ ทำให้องค์จันทร์นึกขึ้นได้ว่าจักต้องพาน้องน้อยไปชมคอกม้า

“จ้ะ...หม่อมฉันขอตัวหนาพระเจ้าค่ะ”หมอบกราบ แลทูลพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“เอ่อ..เจ้าน้อย”ทรงตรัสเรียกไว้แต่คงจักมิทัน ร่างแน่งน้อยเสด็จตามข้าหลวงสาวไปโดยมิหันกลับมามองข้างหลังอีก




“.....”เจ้าน้อยคนงามก้มหน้างุด ซ้อนความน้อยพระทัยที่ฉายออกมาทางนัยน์ตากวางไว้ มือเล็กยกทาบอกขยุ้มเบาๆราวกับมันจักช่วยบรรเทาความเจ็บหน่วงที่เป็นอยู่ได้

“เป็นกระไรไปเจ้าบัว”

“อ๊ะ...ภุชงค์ มาตั้งแต่เมื่อใดกัน มิให้ซุ้มให้เสียง”

“พี่เรียกเจ้าตั้งหลายครั้งแล้วหนาน้อง เจ้าต่างหากใจลอยไปถึงไหน”

“อ่า..งั้นหรือพระเจ้าค่ะ บัวมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ อากาศคงจักร้อนเกินไปกระมัง”

“อากาศร้อนเยี่ยงนั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“คงไม่กระมัง...ที่ศศิมณฑลนี่อากาศเย็นกว่าภุมริกาเป็นไหนๆ”

“เอ่อ..”

“มิกระไรงั้นหรือ...เห็นเสด็จแม่ท่านว่าเจ้าไปเดินชมวังกับองค์จันทร์มิใช่หรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“แลมีกระไรเยี่ยงนั้นรึ เหตุใดจึงได้ใจลอยกลับมาเยี่ยงนี้”

“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ”

“ตะ...”

“เสด็จพ่อเรียกบัวเข้าเฝ้า ไปด้วยกันหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสขัด ก่อนจักยิ้มกว้างจนนัยน์ตากวางปิดให้พระเชษฐา พระกรเรียวเกาะกอดพระกรกำยำ

“จ้ะ”ตรัสพลางวางพระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่มของพระอนุชา




“ไปเดินชมรอบๆวังหลวงศศิมณฑลกับองค์จันทร์เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัว”

“วังหลวงศศิมณฑลงดงามมากพระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“เยี่ยงนั้นหรือ..อืม แลเจ้าชอบหรือไม่ลูก”

“พระเจ้าค่ะ?..”

“วังหลวงศศิมณฑลน่ะ ลูกชอบหรือไม่”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”

“ดีแล้วจ้ะ ประเดี๋ยวอภิเษกสมรสกับองค์จันทร์แล้วที่นี่ก็จักกลายเป็นบ้านของเจ้า”

“.....”

“เป็นกระไรไปหรือเจ้าบัว เหตุใดจึงทำสีหน้าราวกับมีเรื่องมิสบายใจ”คนเป็นพอตรัสถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“องค์จันทร์ทรงทำกระไรเจ้าหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”

“หากทรงทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อใดให้บอกพ่อเถิด พ่อจักยกเลิกพิธีสมรสของเจ้าทันที แลเราจักกลับภุมริกากัน”

“เสด็จพี่”

“มิมีกระไรพระเจ้าค่ะ มิมีกระไรจริงๆ”

“....หากรู้ว่ามิมีกระไรก็คงมิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่อย่าทรงคาดคั้นลูกเลยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยขัดขึ้นเมื่อพระภัสดาตั้งท่าจะตรัส

“ก็ได้ๆ”ยอมลงให้เมีย



.
.
.


หลังจากเข้าเฝ้าบิดา มารดาพร้อมพี่ชายแล้ว เจ้าน้อยบัวงามก็กลับมาประทับที่ตำหนักรับรอง ทรงมีรับสั่งว่าใคร่อยากอยู่ผู้เดียว โปรดให้ข้าหลวง แลพระพี่เลี้ยงคนสนิทออกจากห้องบรรทม เหลือเพียงยี่หุบตัวน้อยที่เข้าเฝ้า

“ทูลเจ้าน้อย..องค์จันทร์เสด็จมาหาเพคะ”เสียงพระพี่เลี้ยงกราบทูลอยู่นอกพระทวาร

“..องค์จันทร์”ตรัสพึมพำกับตัว

“เจ้าน้อยให้ข้าเข้าพบได้หรือไม่”ครานี้เป็นพระสุระเสียงทุ้มขององค์จันทร์

“อ๊ะ...พระเจ้าค่ะ”ตรัสพลางลุกขึ้นไปดึงสลักพระทวารออกให้ชายสูงศักดิ์ก้าวเข้ามาในห้องบรรทม หมอบกราบแทบพระบาท

“ลุกเถิด”ประคองน้องลุก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...แลฝ่าบาทมาหาหม่อมฉันถึงตำหนักทรงมีเรื่องอันใดเร่งด่วนหรือพระเจ้าค่ะ”

“มิมีกระไรดอก...ข้ามิมีเรื่องเร่งด่วนอันใด มาหาเจ้ามิได้หรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ”ก้มหน้างุด

“ข้ามาขอโทษเรื่องเมื่อเช้าที่ผิดสัญญาว่าจักพาเจ้าไปชมคอกม้า”ตรัสพลางเชยคางมนขึ้น ทอดพระเนตรดวงหน้าหวาน แลนัยน์ตากวางดึงดูด

“มิได้พระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันมิได้โกรธเคืองพระองค์เลยพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวตรัสพลางมอบรอยยิ้มบางๆให้องค์จันทร์

“ถึงกระนั้นข้าก็ผิดอยู่ดีที่ผิดสัญญากับเจ้า”พระอังคุฐไล้ริมฝีปากบางระเรื่อของเจ้าบัวอย่างลืมองค์

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ ทรงจากบ้านไปเสียนานคงจักคิดถึง..พี่สายหยุด”พระสุระเสียงแผ่วเมื่อตรัสชื่อใครอีกคน

“ข้า เจ้าเหม แลสายหยุดเป็นสหายกันมาตั้งแต่จำความได้ จึงคิดถึงเมื่อจากไกลเป็นเรื่องธรรมดา”

“หม่อมฉันเข้าใจพระเจ้าค่ะ”...แลก็เข้าใจว่าพระองค์ทรงมีใจให้พี่สายหยุดเช่นกัน คิดในพระทัยก่อนจักก้มหน้าลงซ่อนสายตาผิดหวัง

“เหตุใดจึงชอบก้มหน้านักนะเจ้าน้อย”

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เงยหน้าสบตาข้าเถิด กลัวกระไรหรือ”เชยคางมนขึ้นอีกครา

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“หากมิกลัวก็สบตาข้าสิ”ตรัสพลางพระอังคุฐไล้ริมฝีปากบางระเรื่อของเจ้าบัวอย่างลืมองค์

“.....”นัยน์ตากวางสบประสานเข้ากับพระเนตรเฉี่ยวคม

“.....”ทั้งสองพระองค์นิ่งเงียบราวกับเพลาหยุดหมุน ลืมสิ่งรอบข้าง แม้กระทั่งยี่หุบที่นอนเลียมือ ตีหางใส่พระยี่ภู่

“ฝ่าบาท...”เจ้าบัวตรัสเสียงแผ่วเครือเมื่อพระพักตร์งามเคลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงพระปัสสาสะ ปลายพระนาสิกสัมผัสกันไล้เบาๆจนเจ้าน้อยสะดุ้งราวกับต้องไฟ แต่องค์จันทร์หาได้หยุดไม่ พระหัตถ์ยึดคางมนไว้พระโอษฐ์อุ่นแนบเบาๆบนกลีบปากบางสีแดงระเรื่อ

“อึก..อือ”เจ้าบัวสะดุ้งส่งพระสุระเสียงในลำคอขาว องค์จันทร์บังคับเชยคางน้องให้แหงนหน้ารับพระโอษฐ์

“อืม”คำรามในพระศออย่างพอพระทัย ขยับพระโอษฐ์เคล้าคลึงเหย้าแหย่ริมฝีปากบาง พระทนต์ขบเบาที่ขอบปากเจ้าน้อย เม้มเบาๆ กดจูบย้ำๆ ดูดดึงกลีบปากน้องจนเจ่อบวม

“ฝะ ฝ่าบา...อื้อ”เจ้าบัวยกพระหัตถ์ขึ้นดันพระอุระกว้าง ส่งเสียงเรียกร้องให้องค์จันทร์หยุดการกระทำ หากแต่กลายเป็นว่าเปิดทางให้พระชิวหาสอดเข้าเย้าหยอก ร่างอรชรเกร็งเขม็งเมื่อพระชิวหานุ่มสอดเข้าคลุกเคล้าในปากตัว มือน้อยจิกพระอังสะ

“อืม..อือ”ทรงเอียงพระพักตร์ให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น พระกรโอบตวัดรอบเอวเล็กดึงให้แนบชิดพระวรกายกำยำ ส่วนพระหัตถ์อีกข้างก็ประคองบังคับท้ายทอยเจ้าบัวให้แหงนหน้ารับความวาบวามจากพระองค์ ทรงบดพระโอษฐ์จูบน้องนานจนเจ้าบัวต้องทุบพระอุระกว้างให้ปล่อย

“เฮือก..แฮ่กๆ”เมื่อทรงถอนพระโอษฐ์ออก สายพระเขฬะก็ยืดเชื่อมพระโอษฐ์ของสองพระองค์ไว้จนเจ้าบัวหน้าม้าน เจ้าน้อยหอบหายพระทัย ปรางใสแดงก่ำราวลูกตำลึง นัยน์ตากวางทอดมองพระพักตร์งามอย่างมึนงง

“อื้ม”แลก็ต้องสะดุ้งอีกครา เมื่อพระโอษฐ์ร้ายแนบทาบลงมาอีกครั้ง มือเล็กขยุ้มฉลองพระองค์ตรงพระอุระจนแทบขาดติดมือ นัยน์ตากวางหลับแน่นยามโดนรังแก องค์จันทร์จูบน้องราวกับห้ามพระทัยมิได้ จูบเนิ่นนานจนพอพระทัย จูบเสียจนริมฝีปากบางของเจ้าบัวบวมเจ่อ จูบจนเจ้ายี่หุบที่นอนอยู่บนพระยี่ภู่ลุกหนีออกไป

“ฝะ ฝ่าบาท”เสียงหวานกระท่อนกระแท่น

“จูบนี้ให้คิดเสียว่า...”

“.....”

“.....ข้าจูบรับขวัญเมียก็แล้วกันหนา”ตรัสพลางใช้พระนาสิกไล้ปรางอิ่ม กดจูบที่แก้มน้องก่อนจักผละออก

“ฝะ ฝะ ฝ่าบาท”

“ข้าไปล่ะ เจ้าก็พักผ่อนเสียหนา ประเดี๋ยวแดดร่มลมตกข้าจักพาไปชมสวนพฤกษาแก้ตัวเรื่องเมื่อเช้า”ตรัสก่อนจักเสด็จออกไป ทิ้งให้เจ้าบัวหน้าแดงใจเต้นราวกับจะทะลุออกมานอกอกอยู่ผู้เดียว มือเล็กจับริมฝีปากบวมเจ่อของตนไม่ปล่อย ลมหายใจร้อนเสียจนลวกผิว ความเขินอายประเดประดังเข้ามาจนคิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนี


.
.
.


ทางด้านองค์จันทร์ที่เสด็จออกจากตำหนักรับรองของเจ้าน้อยภุมริกา ว่าที่พระชายาของพระองค์ก็ระบายยิ้มเต็มพระพักตร์ รสหวานซ่านทรวงยังติดอยู่ที่ปลายพระชิวหา เจ้าน้อยบัวงามช่างหวานนัก มิใช่รสชาติหวานแหลมราวน้ำตาล แต่กลับหวานละมุนราวน้ำผึ้งเดือนห้า อย่าได้คิดว่าพระองค์ทรงคิดมิดีกับเจ้าน้อยถึงได้บุกไปปล้นจูบถึงตำหนักรับรอง พระทัยจริงแล้วใคร่อยากไปขออภัยที่ผิดสัญญา แต่เมื่อได้ชิดใกล้ แลได้กลิ่นหอมหวานจากร่างแน่งน้อยแล้วก็อดพระทัยไม่ไหว ลิ้มลองรสหวานลิ้นเสียจนพระทัยแกว่ง แลคำพูดห่ามๆนั่นอีก

“จูบนี้ให้คิดเสียว่า...”

“.....”

“.....ข้าจูบรับขวัญเมียก็แล้วกันหนา”

ทรงตรัสออกไปราวกับชายหนุ่มมากเล่ห์ มากกล ทำไปได้อย่างไรหนา อ่า...ตั้งแต่ได้พบ ได้รู้จักกับเจ้าน้อยองค์จันทร์ก็ทรงทำกระไรออกไปโดยไม่รู้ตัวตั้งหลายครั้งหลายครา แลทรงกระทำเรื่องที่มิเคยทำมาอย่างการพูดจาห่ามๆใส่เจ้าน้อยนั่นอีก หากองค์ภุมรินทรงทราบเข้า เจ้าหลวงศศิมณฑลจักเป็นเช่นไรหนอ.....

“ฝ่าบาททรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพะย่ะค่ะ...เจ้าน้อยว่าเยี่ยงไรบ้าง”

“...เจ้าน้อยมิได้ถือโทษโกรธเคืองดอก แต่เย็นนี้ข้าจักพาเจ้าน้อยชมสวนพฤกษาทดแทน”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักเตรียมการให้พะย่ะค่ะ”

“ขอบใจ...แลสายหยุดเล่า เจ้าไปส่งแล้วใช่หรือไม่”

“พะย่ะค่ะ..หม่อมฉันไปส่งสายหยุดที่บ้านเรียบร้อยพะย่ะค่ะ”

“อืม..ดี”


.
.
.


หลังจากที่องค์จันทร์ทรงเสด็จไปหาเจ้าน้อยที่ตำหนัก เหมจึงออกมาส่งสายหยุดคนงามที่บ้าน

“เจ้าน้อยบัวทรงงามเหลือเกินหนาจ๊ะพี่เหม เกิดมาข้ามิเคยพบเจอใครงามเยี่ยงนี้มาก่อน”สายหยุดว่าขณะที่เดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ขององครักษ์คนสนิทของเจ้าหลวง

“ใช่ ทรงงามราวนางอัปสร...เหมาะสมกับองค์จันทร์ที่รูปงามราวรุขเทวดา”

“หืม...”

“เจ้าน้อยท่านจักมาเป็นพระชายาขององค์จันทร์ เจ้ามิรู้หรือ”ผินหน้ามาถามร่างบางข้างกาย

“ไม่จ้ะ สายหยุดรู้เพียงว่าในวังหลวงมีงานใหญ่แต่มิรู้ว่าเป็นงานพิธีอภิเษกของฝ่าบาท”

“...แลเจ้ารู้สึกเยี่ยงไรสายหยุด”

“หืม..รู้สึกกระไรจ้ะพี่เหม”

“ก็รู้สึกเยี่ยงไรที่ฝ่าบาทจักทรงอภิเษกกับเจ้าน้อย”

“ดีใจจ้ะ...สายหยุดดีใจที่ฝ่าบาทจักได้มีคู่ครองที่งดงาม แลพระทัยดีเช่นเจ้าน้อย”

“เจ้ามิเสียใจหรือ..”

“เสียใจเรื่องใดกันจ๊ะ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ พี่เหมจักพูดกระไรหรือ”

“.....แลหากข้าจักต้องแต่งงานเล่า เจ้าจักรู้สึกเช่นไร”

“...พี่เหมจักแต่งงานหรือจ๊ะ”ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่สลดลงพลางเอ่ยเสียงแผ่ว

“สายหยุด”

“หากพี่เหมแต่งงานสายหยุดคงเสียใจกระมังจ๊ะ...แต่ในความเสียใจนั้นสายหยุดคงดีใจที่พี่เหมจักได้มีคู่ครองที่ดี...อ่า พี่เหมส่งสายหยุดแค่นี้ก็พอจ้ะ ประเดี๋ยวสายหยุดกลับเอง”พูดจบก็ยิ้มให้ แลเดินออกไป

“สายหยุด”ดึงร่างบางเข้ามากอดจากด้านหลัง

“ฮึก...พี่เหม”

“พี่ขอโทษ พี่แค่ถามเท่านั้น มิได้จักแต่งงานกับใครที่ไหนหนาเจ้า”พี่ว่าเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอด

“อึก...”

“อย่าโกรธเคืองพี่เลยหนาจ๊ะ สายหยุดคนดี”พลิกร่างบางให้หันมา นิ้วกร้านเกลี่ยน้ำตาเม็ดโตให้คนงาม

“อึก สายหยุดมิโกรธเคืองดอกจ้ะ”หลุบตาลงส่ายหน้าเบา

“พี่ขอโทษหนาเจ้า”เชยคางมนขึ้น เช็ดน้ำตาให้น้องน้อย

“จ้ะ”พยักหน้าพลางยิ้มให้เหมสบายใจ

“.....”องครักษ์หนุ่มกดจูบเบาๆที่ดวงตาสวยทั้งสองข้าง ไล่ลงมาที่แก้มอิ่มชื้นน้ำตา ปลายจมูกโด่งถูไถหยอกกัน ก่อนจักกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่ม กดจูบซ้ำๆไม่ล่วงล้ำราวกับปลอบใจ

“พี่เหม..”เมื่อผละจูบออกก็เสียงสั่นเครือ

“ให้พี่ไปส่งที่บ้านหนาเจ้า”เอ่ยชิดคลอเคลียริมฝีปากอิ่ม

“จ้ะ”













ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บัวงามน่ารักมากๆ เจ้าจันทร์ก็เท่มากๆ ชอบจังเลยภาษาดีมากค่ะ

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สนุกๆ น่าติดตามมากๆเลยจ้า  ภาษาก็เพราะ :)

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
รักกกกกกกกกกกก
นี่น้องไปอยู่ที่ไหนมา
เพิ่งเห็นว่ารุ่นลูกเขามาแล้ว
ตามมาตั้งแต่รุ่นพอ

งืออออ ตอนต่อไปมาไวๆ นะคะพลีสสสส

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บัวงามจะร้ายลึกเหมือนแม่รึเปล่านะ
ชมนาดนี่แซ่บมาก ฮือออ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
น่ารักมากๆเลยเรื่องนี้

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอตอนต่อไปค่าาาาา
งือออออ

ออฟไลน์ yang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มาติดตามน้องบัวกับพี่จันทร์ :hao5:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ดีงามอะไรขนาดนี้ ชอบๆๆๆ
ตามต่อไป อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


บัวหลงจันทร์ ๐๔

แลเย็นวันนั้นองค์จันทร์ก็เสด็จไปรับเจ้าน้อยถึงตำหนักรับรองหลังจากที่เสวยมื้อเย็นแล้ว เจ้าน้อยบัวงามหรือก็มิใคร่อยากจักไปกับองค์จันทร์นัก เนื่องด้วยมิกล้าสู้หน้า รสจูบร้อนเร่ายังติดตรึงอยู่บนพระโอษฐ์ แต่จักปฏิเสธก็จักมิดีเท่าใด
เจ้าน้อยบัวงามเสด็จออกจากตำหนักก็พบว่าองค์จันทร์ท่านทรงรออยู่แล้ว เมื่อเงยหน้าสบพระเนตรก็แทบจักเอาผ้าคลุมไหล่พันหน้าพันตาจักได้มิต้องเขินอายเช่นนี้ มือน้อยกำผ้าคลุมไหล่ตนแน่นระบายความตื่นเขิน

“ขะ ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชักช้านัก”ตรัสเสียงสั่น

“มิเป็นไรดอก ไปกันเถิดประเดี๋ยวจักค่ำ แลแมลงจักเยอะ”

“พระเจ้าค่ะ”ยืนก้มหน้านิ่ง

“พระเจ้าค่ะก็ไปสิเจ้าน้อย”ตรัสพลางคว้ามือเล็กมาจับจูง

“อ๊ะ..”ตกพระทัยเล็กน้อย หากแต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงขององค์จันทร์ ขาเล็กเดินตามพระวรกายสูงใหญ่ไปเรื่อยๆ ก่อนจักหยุดชะงักเมื่อพระสุระเสียงทุ้มดังขึ้น

“ถึงแล้ว”

“.....”นัยน์ตากวางกวาดมองสวนพฤกษาที่มีต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์อย่างตกตะลึง ภาพตรงหน้างดงามเสียจนเจ้าบัวงามหลงลืมความเขินอายเมื่อครู่ไปสิ้น

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย สวนพฤกษาของศศิมณฑลงามสู้สวนพฤกษาของภุมริกาได้หรือไม่”ตรัสถามพลางกระชับพระหัตถ์ที่กอบกุมมือเล็กไว้

“งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”ดึงมืออกจากการเกาะกุมขององค์จันทร์ก่อนจักเดินไปข้างหน้าชื่นชมดอกไม้งามทั้งหลาย กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้นานาชนิดโชยมาตามสายลมให้เจ้าบัวสูดกลิ่น พระโอษฐ์บางแย้มยิ้มอย่างพึงใจ นิ้วเล็กไล้เบาๆบนกลีบดอกไม้นุ่ม ก่อนจะหันมายิ้มเต็มดวงหน้าให้องค์จันทร์

“.....”องค์จันทร์ทรงถึงกับพระเนตรพร่าเมื่อเจ้าน้อยทรงยิ้มเต็มดวงหน้าให้ ยิ้มเสียจนนัยน์ตากวางปิด พระทัยเต้นรัวอย่างมิเคยเป็นมาก่อน

“หม่อมฉันขอประทานนุญาติไปชมดอกปีบตรงนั้นหนาพระเจ้าค่ะ”ตรัสแล้วก็วิ่งไปข้างหน้า

“เจ้าน้อยอย่าวิ่งหนาเพคะ”พระพี่เลี้ยงส่งเสียงดุ ทำเอาเจ้าน้อยคนงามหยุดชะงัก หัวเราะน้อยๆก่อนจักค่อยๆก้าวเดินไปอย่างสำรวม

“หึหึหึ...เจ้าเหม”พระสรวลน้อยๆเมื่อได้ทอดพระเนตรเจ้าน้อยคนงามในแบบที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อน

“พะย่ะค่ะ”

“ไปหาดอกบัวมาให้ข้าที...เอาดอกที่งามที่สุดหนา”รับสั่งทั้งๆที่ไม่ละสายพระเนตรจากร่างอรชร

“พะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งก่อนจักออกไปหาดอกบัวที่งามที่สุดในศศิมณฑลมาถวายนายเหนือหัว



องค์จันทร์เสด็จไปประทับยืนอยู่ด้านหลังเจ้าน้อย ทรงยื่นพระพักตร์กระซิบข้างพระกรรณเล็กเบาๆ

“ชอบหรือไม่”

“อ๊ะ...”ร่างน้อยสะดุ้งหันขวับมา ทำให้ปลายพระนาสิกโด่งรั้นเฉียดพระปรางขาวขององค์ภุมรินไป

“ข้าถามว่าชอบสวนพฤกษาของศศิมณฑลหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันชอบ ที่นี่งดงามนัก”ตรัสเบาๆ พลางขืนตัวออกห่างพระวรกายกำยำ

“หึหึหึ ข้าดีใจหนาที่เจ้าชอบ”ตรัสก่อนจักจับจูงน้องน้อยให้ชมความงามของดอกไม้

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ที่ทรงพาหม่อมฉันชมสวนพฤกษา”

“...ข้าให้เจ้า เจ้าน้อย”ตรัสก่อนจักเด็ดดอกมณฑาเหน็บพระกรรณให้เจ้าบัว ดอกมณฑาสีเหลืองอมส้มตัดกับดวงหน้าขาวผ่องน่ามองเสียจนองค์จันทร์มิอาจละสายตา

“ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ก้มหน้าซ่อนริ้วแดง

“ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันนำดอกบัวมาถวายพะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิททูลความขัดขึ้น เจ้าบัวจึงถอยหลังเว้นช่องว่างระหว่างตน แลเจ้าหลวงหนุ่ม

“ขอบใจ”รับบัวสัตตบงกช ดอกตูมสีชมพูงามมาจากองครักษ์คนสนิท ก่อนจักยื่นให้น้องน้อยคนงาม

“ฝ่าบาท”มองพระพักตร์งามอย่างลังเลมิกล้ารับ

“รับไว้เถิด ข้าให้เจ้า”ประคองมือเล็กให้หงายแบบรรจงวางบัวงามดอกโตบนมือบาง

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...วันนี้ทรงให้หม่อมฉันมากเหลือเกิน”

“หึหึหึ”ลูบผมนุ่มอย่างเอ็นดู


.
.
.


หลังกลับจากสวนพฤกษา องค์จันทร์ก็ทรงมาส่งเจ้าน้อยถึงห้องบรรทม

“ฝันดีหนาเจ้าน้อย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาทก็ฝันดีเช่นกันหนาพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจหนา ข้าไปก่อนล่ะ”ตรัสก่อนจักเสด็จออกไป ทิ้งให้เจ้าน้อยอยู่ตามลำพังกับแมวยี่หุบ


หลังลับพระวรกายกำยำไปแล้ว มือน้อยก็บรรจงประคองบัวสัตตบงกชดอกโตขึ้นจรดพระโอษฐ์บาง จุมพิตเบาๆบนกลีบบัวนุ่ม

“หม่อมฉันจักทำอย่างไรดีพระเจ้าค่ะ...จึงจักไม่รู้สึกกระไรกับพระองค์ไปมากกว่านี้”แนบพระปรางขาวกับบัวงาม นัยน์ตากวางหลับพริ้ม เกิดมามิเคยได้รู้จักความรักฉันชู้สาวจึงมิสันทัดเมื่อเกิดความรู้สึกหน่วงในพระทัย วางบัวงามแทนใจไว้ข้างพระเขนยก่อนจักเอนพระวรกายตะแคงข้าง ทอดพระเนตรสัตตบงกชเนิ่นนานเสียจนเข้าสู่ห้วงนิทรา


.
.
.



เจ้านายทั้งสี่แห่งภุมริกาทรงประทับอยู่ที่ศศิมณฑลเป็นเพลาหลายวัน จนถึงวันพิธีอภิเษกสมรสขององค์จันทร์ แลเจ้าน้อยบัวงาม

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าน้อย ตื่นเต้นหรือไม่”อรุณนี้พระมารดาศศิธรเสด็จมาหาว่าที่สุณิสาถึงตำหนักรับรอง ทอดพระเนตรร่างอรชรในอาภรณ์งดงามตรงหน้าแล้วลอบพยักพระพักตร์แย้มพระโอษฐ์องค์เดียว เจ้าน้อยช่างงามนัก ดวงหน้าหวานรับกับนัยน์ตากวางกลมโตที่ถอดแบบมาจากพระชายาชมนาดทุกกระเบียดนิ้ว

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันกังวลนัก”พระพักตร์งามติดกังวลอย่างที่ทรงตรัส

“อย่าได้กังวลไปไม่ว่าจักเรื่องใด ประเดี๋ยวจักประชวรไปเสียก่อน”ตรัสพลางลูบผมนุ่มปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”แย้มพระโอษฐ์ให้พระพันปีศศิธร จนน่าเอ็นดู

“หากสบายพระทัยแล้วก็ไปกันเถิด ประเดี๋ยวจักได้ฤกษ์พิธีศาสน์แล้ว”ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


พิธีศาสน์ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น เหล่าราชวงศ์ต่างแคว้นเข้าร่วมยินดีแน่นขนัดท้องพระโรง รวมไปถึงการเวกที่มาร่วมพิธีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น

“ยินดีด้วยหนาจ๊ะน้องบัวงาม”ตรัสพลางแย้มพระโอษฐ์ แต่สายพระเนตรกลับจับจ้องร่างงามตรงหน้าอย่างจาบจ้วง วันนี้เจ้าน้อยแห่งภุมริกางดงามเสียจนเหล่าเจ้าชายต่างแคว้นจับจ้องไม่วางตา หากแต่มิอาจเอื้อม คงจักมีเพียงองค์รัชทายาทการเวกกระมังที่กล้าใช้สายพระเนตรหยาบคายเช่นนั้น

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมมือไหว้

“น่าเสียดายนักที่น้องมิเลือกพี่ ก็อย่างว่าล่ะหนา เจ้าผิดผีกับองค์จันทร์ท่านจึงต้องดองกันเยี่ยงนี้”พระสุระเสียงมิใช่เบาเรียกสายพระเนตรจากอาคันตุกะแคว้นอื่น

“.....”เจ้าบัวงามพระพักตร์เจื่อน

“จริงหรือเพคะ ที่เจ้าน้อยบัวงามผิดผีกับองค์จันทร์จึงต้องดองกัน”สนมเอกขององค์รัชทายาทการเวกเอ่ยขึ้นเสียงมิได้ดังน้อยไปกว่าพระภัสดาแลดูท่าจักดังกว่าด้วยซ้ำ

“ก็จริงหนาสิ ทั้งๆที่กำหนดวันเลือกคู่ไว้แล้ว เจ้าน้อยยังไปผิดผีกับองค์จันทร์”ตรัสจบเสียงฮือฮาเบาๆก็ดังขึ้น องค์รัชทายาทการเวกลอบยิ้มอย่างสาแก่ใจ

“.....”ผิดกับเจ้าบัวงามที่แทบจักร้องไห้อยู่รอมร่อ

“หากแต่ก็ยังมีการเลือกคู่อยู่ตามเดิม”

“มากไปหรือไม่องค์รัชทายาทการเวก”องค์จันทร์ที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติภายในท้องพระโรงจึงกวาดพระเนตรหาว่าที่ชายาตน แลก็ได้เห็นว่าเจ้าน้อยคนงามถูกรุมโดยรัชทายาทการเวก แลสนมชั้นต่ำ พระวรกายกำยำรุดเข้าหาร่างบางอย่างเร่งรีบ พระหัตถ์รวบเอวน้อยเข้าหาตัวพลิกกายน้องให้หันซบพระอุระ ก่อนจักตรัสด้วยพระสุระเสียงเรียบนิ่ง

“หม่อมฉันพูดความจริงพะย่ะค่ะ มิได้ใส่สีตีไข่แต่อย่างใด”

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามร้องเรียกเสียงสั่น พระหัตถ์ใหญ่ลูบแผ่นหลังบางปลอบเบาๆ

“นั่นก็เป็นเพราะท่านมิยอมให้ล้มเลิกพิธีเลือกคู่มิใช่หรือ เจ้าน้อยจึงต้องเสื่อมเกียรติเยี่ยงนี้”

“เจ้าน้อยเสื่อมเกียรติเพราะใจง่ายผิดผีต่างหาก หาได้เกี่ยวกับข้าไม่”

“ฮึก...”เจ้าบัวงามสะอื้น หยาดน้ำพระเนตรไหลอาบแก้มขาว นั่นทำให้องค์จันทร์กระชับพระกรแน่นกว่าเดิม

“ข้ากับเจ้าน้อยมิได้ผิดผี ข้ามิเคยล่วงเกินเจ้าน้อย แลเจ้าน้อยก็เลือกข้าเป็นคู่หากใช่ท่านไม่ แพ้แล้วพาลหาใช่วิสัยกษัตริย์ไม่”

“องค์จันทร์!!!”

“ข้าจักไม่เอาความท่าน แต่จงกลับไปเสียเถิด อย่าให้มีเรื่องหมางใจกันเลยหนา ท่านคงทราบดีว่าหากศศิมณฑลดองกับภุมริกาแล้ว การเวกคงไร้ทางสู้”

“หึ้ย!!!”ฟึดฟัดออกจากท้องพระโรง โดยมีนางสนมรีบสาวเท้าตามพระภัสดา

“เจ้าน้อย”ก้มพระพักตร์ตรัสกับร่างน้อยในอ้อมพระกร

“ฮึก..หมะ หม่อมฉัน อึก”

“มิเป็นไรหนา ไปพักก่อนเถิด”ประคองร่างน้อยออกจากท้องพระโรง


.
.
.


หลังจากปลอบเจ้าบัวงาม แลส่งร่างบางให้ผู้ใหญ่ปลอบต่อ องค์จันทร์จึงปลีกพระวรกายออกมาจัดการเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น แม้นแคว้นอื่นจักมิกล้าพูดเรื่องที่เกิดเพราะเกรงกลัวอำนาจบารมีของศศิมณฑล แลภุมริกา หากแต่ตัวต้นเรื่องอย่างองค์รัชทายาทการเวกที่คับแค้นใจตั้งแต่พิธีเลือกคู่ของเจ้าน้อย

“อุ้ย...ขอประทานอภัยเพคะ”ร่างระหงปะทะกับพระวรกายกำยำแรงจนองค์จันทร์ต้องประคองหญิงสาว

“มิเป็นไร”ปล่อยร่างบางก่อนจักถอยพระวรกายออกห่าง ทรงจำได้ว่าหญิงผู้นี้ก็คือสนมขององค์รัชทายาทการเวก

“เอ่อ...หม่อมฉันต้องขออภัยแทนองค์สินด้วยหนาเพคะที่เสียมารยาทกับพระองค์”ก้าวนวดนาดเข้ากราบแนบพระอุระกว้าง

“.....”มิตรัสแต่เบี่ยงพระวรกายหลบ

“..หากทรงกริ้ว จักให้หม่อมฉันทำกระไรไถ่โทษก็ได้ทุกอย่างหนาเพคะ หม่อมฉันยินดี”ชะงักไปก่อนจักรีบเปลี่ยนสีหน้า ฉีกยิ้มยั่วยวนที่ใช้ได้ผลกับองค์รัชทายาทการเวก หากแต่ใช้มิได้ผลกับองค์จันทร์ มือบางแสร้งปัดผ้าคลุมไหล่ตนเผยให้เห็นลาดไหล่เนียน แลเนินอกอวบที่มีผ้าแถบคาดอยู่หมิ่นเหม่เสียจนกลัวว่าจักหลุดเสียก่อน

“มิเป็นไรข้ามิได้กริ้วกระไรทั้งนั้น แลมิต้องไถ่โทษดอก”

“มิได้เพคะ หม่อมฉันใคร่อยากให้พระองค์ลงโทษหม่อมฉัน...แรงๆเพคะ”ช้อนตาอย่างยั่วยวน อกอวบใหญ่บดเบียดพระกรแกร่งไปมา

“เยี่ยงนั้นหรือ...”ก้มพระพักตร์มองดวงหน้างาม พระดัชนีเชยคางแหลมขึ้น

“เพคะ..แรงๆเพคะ”

“ได้...”เหยียดพระโอษฐ์ก่อนจักตรัสรับคำขอของนางสนมชั้นต่ำ พระองคุลีไล้เบาที่แก้มนวล อยากให้พระองค์ลงโทษแรงๆ พระองค์ก็จักมิขัดศรัทธาดอก


.
.
.


“ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทการเวกขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”เหมกราบทูลนายเหนือหัวที่ประทับตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มแต่งแต้มที่พระโอษฐ์ วันพรุ่งจักมีพิธีแต่งตั้งพระชายาในองค์จันทร์ เจ้าหลวงศศิมณฑล เมื่อครู่ก่อนเสด็จกลับตำหนักหลวงทรงเสด็จไปหาเจ้าน้อยที่ตำหนักรับรอง โชคดีที่เสด็จแม่ องค์ภุมริน แลพระชายาชมนาดทรงช่วยกันปลอบจนเจ้าน้อยสบายพระทัยยิ้มออก องค์จันทร์จึงได้เบาพระทัย

“มาแล้วหรือ ไวดีแท้  เชิญ”

“กราบเชิญองค์รัชทายาทการเวกพะย่ะค่ะ”


ปัง


“องค์จันทร์!! ทรงทำเช่นนี้กับสนมของหม่อมฉันได้อย่างไรพะย่ะค่ะ”

“ก็สนมของเจ้าร้องขอโทษทัณฑ์จากข้า ข้าก็สนองให้ไงเล่า”

“.....”กัดพระทนต์แน่นอย่างคับแค้นใจ สนมเอกที่ทรงโปรดมากที่สุดในบรรดาสนมหลายสิบคนถูกตบปากเสียจนแทบเสียโฉม

“หากนางผู้นั้นหายดี ก็ไปไถ่ถามกันเอาเองเถิดว่านางร้องขอโทษทัณฑ์จากข้าเพราะต้องการไถ่โทษแทนเจ้า..แรงๆจริงหรือไม่ หากแต่ข้าเป็นกษัตริย์ย่อมมิพูดโป้ปดเกินจริง”

“.....ฝากเอาไว้ก่อนเถิด อย่าให้ถึงทีข้าก็แล้วกันหนา”

“หึ...ข้าจักนับวันรอให้ถึงทีของเจ้าไวๆหนา เชิญกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเถิด”

“หึ้ย!!”ฟึดฟัดกระแทกพระบาทตึงตังออกไป
เป็นถึงองค์รัชทายาทแต่กลับทำองค์ราวกับเด็ก จักสงสารก็แต่ประชาชนชาวการเวกที่คงตกที่นั่งลำบากหากสิ้นเจ้าหลวงองค์ปัจจุบัน องค์รัชทายาทการเวกเป็นโอรสเพียงองค์เดียวที่เกิดกับพระชายา หากแต่เจ้าหลวงการเวกก็ยังมีโอรสอีกองค์ที่เกิดจากนางสนม โอรสที่เป็นเฉกเช่นเจ้าน้อยบัวงามหาได้สามารถจักสืบบัลลังก์ได้ไม่


.
.
.


เสียงดนตรีจากวงมโหรีดังก้องท้องพระโรงศศิมณฑล องค์จันทร์ประทับบนบัลลังก์อย่างสง่างาม เจ้าบ่าววันนี้รูปงามเสียจนมิอาจละสายตา พระพักตร์งามเรียบนิ่งหากแต่เจือแววอ่อนโยน ทรงรอเจ้าน้อยเจ้าสาวของวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ อีกมินานก็ใกล้จักถึงฤกษ์แล้ว  บรรดาอาคันตุกะที่มาร่วมพิธีต่างประทับบนตั่งที่ขนาบสองข้างทางเดินรวมถึงองค์รัชทายาทการเวกที่ประทับองค์เดียวไร้เงาสนมคนงาม ถัดไปจึงเป็นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งพับเพียบที่พื้น

“เจ้าน้อยเสด็จพะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงข้าหลวงนายทวาร ร่างบางอรชรก็ค่อยๆก้าวย่างเข้ามาอย่างสำรวม วันนี้เจ้าบัวงามสวมเสื้อแขนกระบอกคอตั้งสีขาวกระบังคาดสไบสีหงส์ดินขลิบด้ายทอง ที่เอวบางคาดด้วยรัดพระองค์ทองคำฝังพลอยสีแดงน้ำงาม ตัดกับโจงกระเบนสีเดียวกับสไบ พระพักตร์งามขาวผ่อง คิ้วบางพาดเหนือนัยน์ตากวางกลมโต ริมฝีปากบางแดงระเรื่อด้วยชาด งดงามราวนางอัปสรบนสรวงสวรรค์

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบแทบพระบาทองค์จันทร์

“.....”มิตรัสตอบหากแต่แย้มพระโอษฐ์น้อยๆให้

“.....”เจ้าบัวงามพระพักตร์แดงซ่าน หลุบนัยน์ตากวางหลบสายพระเนตรคมขององค์จันทร์

“...บัดนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ข้าจึงขอสถาปนาเจ้าบัวงาม เจ้าน้อยแห่งภุมริกาขึ้นเป็นชายาของข้า เจ้าหลวงแห่งศศิมณฑล”ตรัสจบจึงเปิดกรวยบายศรีสู่ขวัญ นั่นเท่ากับว่า ณ เพลานี้เจ้าบัวงามได้เป็นชายาขององค์จันทร์อย่างเป็นทางการแล้ว

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ตรัสเสียงแผ่ว

“อืม”ขานรับในพระศอก่อนจักเลื่อนพระหัตถ์กุมมือน้อยของชายาไว้แน่นดึงร่างน้อยขึ้นประทับข้างพระวรกาย

“.....”

“ธำมรงค์นี้เป็นของเสด็จแม่ศศิธร เป็นของพระชายาศศิมณฑล”ตรัสพลางประคองมือเล็กไว้บนพระหัตถ์อุ่น

“.....”เจ้าบัวทอดพระเนตรธำมรงค์วงงาม ธำมรงค์ทองคำฝังพลอยสีแดงใสวาวต้องแสงที่ถูสวมเข้ามาบนพระอนามิกาข้างซ้ายของตน

“แลบัดนี้มันเป็นของเจ้า”

“...ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”พนมพระหัตถ์กราบแนบพระอุระพระภัสดา

“มิต้องขอบใจดอกมันเป็นของเจ้า...ของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”ลูบพระเกศานุ่มลื่นเบาๆ

“.....”

“แลอย่าถอดห่างตัวล่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”ในพระทัยเจ้าน้อยทรงดำริไปเองว่าองค์จันทร์อาจจักกลัวตนทำหายจึงรับสั่งมิให้ถอด แต่สำหรับเจ้าหลวงศศิมณฑลเพราะมิใคร่อยากให้น้องน้อยถอดจึงรับสั่ง หาได้กลัวหายไม่


.
.
.


หลังจากวันพิธีสถาปนาเจ้าน้อยบัวงามขึ้นเป็นชายา องค์จันทร์ก็ทรงมีรับสั่งให้สำนักโหรหลวงกำหนดฤกษ์ร่วมหอขึ้น นั่นก็คืออีกห้าวันที่จักถึงนี้ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ เวลายามสอง เมื่อมีกำหนดการออกมาชัดเจนเยี่ยงนี้ก็ทำเอาพระชายาบัวงามกังวลพระทัยยิ่ง แต่ที่ดูจักกังวลมากกว่านั้นคงมิพ้นองค์ภุมรินผู้เป็นพ่อที่ดูจักร้อนพระทัยยิ่งนัก

“เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อย่าทรงกังวลไปเลยอย่างไรเสียลูกเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียเขาแล้ว”

“โถ่ เจ้าชมนาดเมียรัก กระนั้นก็เถิด พี่ก็อดกังวลใจมิได้อยู่ดีหนาเจ้า เจ้าบัวงาม เราหรือเลี้ยงมาดั่งแก้วตาดวงใจ ยุงมิให้ไต่ไรมิให้ตอม จู่จักต้องให้ชายอื่นเชยชม พี่ทำใจลำบากนัก”

“ชายอื่นที่ว่าก็พระภัสดาของลูกหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“มิอยากอุ้มหลานหรือพระเจ้าค่ะ”

“...ก็อยากอยู่ดอกเจ้า”

“หากอยากอุ้มหลานก็ทรงปล่อยวางพระทัยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“ต้องเอาลูกไปแลกหลานสิหนา”

“.....”ดวงหน้าหวานส่ายเบาๆให้กับความหวงลูกของพระภัสดา


.
.
.


หลังจากมีกำหนดการแจ้งมาที่พระชายาเรื่องฤกษ์ยามของพิธีร่วมหอ เจ้าบัวงามก็แทบมิกล้ามองพระพักตร์พระภัสดา หากแต่ก็ละเลยหน้าที่ปรนนิบัติสวามีมิได้ แม้จักได้เป็นพระชายาแล้วแต่หาได้ร่วมบรรทมตำหนักเดียวกับองค์จันทร์ไม่ เจ้าบัวงามจักต้องเข้าพิธีร่วมหอเสียก่อนจึงจักเข้าอยู่ตำหนักหลวง

“เป็นกระไรไปหรือเจ้าบัว มิสบายตรงไหนหรือไม่”

“มะ มิได้พระเจ้าค่ะ”

“แลเหตุใดจึงมิมองหน้าข้าเสียเลย ข้าทำการอันใดให้เจ้าโกรธเคืองหรือเจ้าบัว”

“หะ หามิได้พระเจ้าค่ะ พระองค์มิได้ทำการใดให้หม่อมฉันโกรธเคือง แลหม่อมฉันก็มิได้เป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีแปลกไปเช่นนี้ ตั้งแต่กำหนดการร่วมหอออกมาเจ้าก็.....”

“.....”

“หรือเจ้ากังวลเรื่องพิธีร่วมหอของเราหรือ”

“.....”สิ้นพระสุระเสียงของพระภัสดา พระพักตร์งามก็เห่อร้อนแดงซ่านไปถึงพระกรรณเล็ก เจ้าบัวงามก้มหน้าจนพระหนุชิดพระอุระบาง

“เจ้าบัว..”เชยคางมนขึ้น องค์จันทร์ทรงทอดพระเนตรดวงหน้าหวานแดงระเรื่อของเมียด้วยความเอ็นดู

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...พวกเจ้าออกไปก่อนข้าใคร่อยู่ตามลำพังกับเจ้าบัว”รับสั่งข้าหลวงที่คอยรับใช้

“เพคะ”หมอบกราบแลทยอยกันออกไปจนเหลือเพียงนายเหนือหัวสองพระองค์
เมื่อข้าหลวงที่คอยถวายงานรับใช้ออกไปจนสิ้น ก็ทรงอุ้มร่างแน่งน้อยขึ้นนั่งบนพระเพลา

“อ๊ะ ฝ่าบาท”เจ้าบัวงามผวากอดรอบพระศอแกร่ง

“ไหนบอกพี่สิเจ้าว่ากังวลเรื่องใด หืม”ตรัสถามพลางใช้ข้อพระองคุลีเกลี่ยปรางขาว

“ฝ่าบาท...หม่อมฉัน...”

“.....”ตั้งพระทัยรอฟังในสิ่งที่เมียพูด

“.....”แต่แล้วก็กลับเงียบทั้งสองพระองค์   

“เอาเถิดๆ เจ้าบัวอย่ากังวลไป พี่มิทำเจ้าเจ็บดอก”

“.....”ก้มพระพักตร์งุด มิกล้าสู้หน้า

“...ตั้งแต่ได้เป็นชายาพี่ก็ยังมิมีคนสนิทที่ไว้ใจได้นอกเสียจากพี่เลี้ยงที่มาจากภุมริกาเลยใช่หรือไม่”ทรงเปลี่ยนเรื่องตรัสเพื่อมิให้เมียกังวลใจไปมากกว่านี้

“พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นให้สายหยุดมารับใช้เจ้าดีไหม”

“พี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ”เงยพระพักตร์ขึ้นถาม

“ใช่ ข้าไว้ใจสายหยุดว่าจักดูแลเจ้าได้ดีที่สุด”

“.....”

“ว่าอย่างไร ขัดข้องกระไรหรือไม่”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น ข้าจักให้เจ้าเหมไปแจ้งสายหยุดให้เข้าวัง”

“พระเจ้าค่ะ”

“เอาละ อย่าไปคิดมากเลยหนา มาปรนนิบัติพี่ต่อเถิด”

“พระเจ้าค่ะ...ทรงปล่อยหม่อมฉันก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”ขืนกายน้อยๆ

“มิต้องดอก นั่งแบบนี้แล”

“แต่หม่อมฉันจักปรนนิบัติพระองค์ได้มิถนัดหนาพระเจ้าค่ะ”

“นั่งเยี่ยงนี้แล”รับสั่งมาเช่นนี้เจ้าบัวจักปฏิเสธได้อย่างไร


ฟอด


“อ๊ะ”สะดุ้งเฮือกยกพระหัตถ์จับพระปรางตน

“หอม”ตรัสสั่นๆแต่ทำเอาเจ้าบัวแทบจักแทรกแผ่นดินหนี แลเช่นนี้จักมิให้กังวลเรื่องพิธีร่วมหอได้อย่างไรกัน พระนาสิกโด่งเป็นสันคลอเคลียปรางนวลมิห่าง พาให้ใจคนงามสั่นไหวชวนให้ลมจับ














ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ppitchayafn2940

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
องค์จันทร์ไม่ได้คิดอะไรกับสายหยุดแล้วใช่มั่น กลัวบัวเสียใจจัง

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เหมือนจะลงตัว แต่ไม่น่าง่าย เดาไป อิอิ รอออออ

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



บัวหลงจันทร์ ๐๕

ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ยามสอง ณ ตำหนักหลวง ภายในห้องบรรทมขององค์จันทร์ เจ้าหลวงศศิมณฑลถูกจัดเตรียมใหม่สำหรับพิธีร่วมหอที่กำลังจักถึงฤกษ์ในไม่ช้า แต่ก่อนที่จักถึงฤกษ์ก็ทรงเรียกองครักษ์หนุ่มคนสนิทเข้าเฝ้าเพื่อสั่งงาน

“จัดการตามที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยเข้าใจหรือไม่”

“พะย่ะค่ะ”

“...แลเหตุใดป่านนี้เจ้าบัวยังมิมาอีกหนา”พระสุระเสียงทุ้มตรัสกับองค์เอง แต่ก็มิวายจักดังพอให้องครักษ์คนสนิทได้ยิน

“ทรงพระทัยเย็นก่อนหนาพะย่ะค่ะ เจ้าน้อย..”ยังมิทันได้ทูลจบก็ถูกสายพระเนตรคมจ้องจนต้องกลืนคำพูดลงคอ

“พระชายาหาใช่เจ้าน้อยไม่ เจ้าบัวตบแต่งเป็นเมียข้าแล้ว เป็นชายาของข้า มิใช่เจ้าน้อยภุมริกาอีกต่อไป”

“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ พระชายาบัวงามอาจจักต้องการเวลาในการเตรียมองค์ก็ได้หนาพะย่ะค่ะ”

“.....”

“แลทรงถอดฉลองพระองค์รอเยี่ยงนี้ พระชายาเข้ามาเจอเข้าคงพระทัยเสียน่าดู พระองค์ทรงดูหื่นกามนักพะย่ะค่ะ”เอ่ยกระเซ้านายเหนือหัว

“ไอ้เหม!!!”ทรงคว้าจอกน้ำจัณฑ์ปาใส่องครักษ์คนสนิท

“เหวอ...ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”เอี้ยวกายหลบได้อย่างหวุดหวิด

“ฮึ่ย..เอ็งออกไปได้แล้ว”ไล่ตะเพิด ก่อนจักคว้าจอกอันใหม่ขึ้นรินน้ำจัณฑ์ แลกระดกลงพระศอ

“พะย่ะค่ะ”ถวายบังคมก่อนจักออกจากห้องบรรทม สวนทางกับขบวนเกี้ยวของพระชายาที่มาเทียบอยู่หน้าตำหนักหลวง เห็นดังนั้นจึงรีบหลบออกจากทางเดินเข้าห้องบรรทม
ในคืนพิธีร่วมหอข้าหลวงที่อยู่รับคำสั่งจักมีเพียงข้าหลวงที่เป็นสตรีเท่านั้น ส่วนองครักษ์ แลข้าหลวงชายจักมิได้รับอนุญาตให้อยู่รับใช้ จักอยู่รอบๆตำหนักหลวงคอยเฝ้าระวังภัยแทน


.
.
.


ร่างอรชรค่อยๆก้าวลงจากเกี้ยวกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มิดชิด พระพักตร์งามติดกังวลแต่ก็ก้าวตามข้าหลวงสาวมาที่ห้องบรรทมในตำหนักหลวง ห้องบรรทมของเจ้าหลวงศศิมณฑล ห้องบรรทมของพระภัสดา....

“ทูลฝ่าบาท พระชายาเสด็จแล้วเพคะ”กราบทูลความก่อนจักปลดผ้าคลุมไหล่ของเจ้าบัวออก แลผลักบานพระทวารให้พระชายาก้าวข้าวธรณีเข้าไป


แอ๊ด ปัง


เสียงปิดทวารทำเอาเจ้าบัวงามสะดุ้งน้อยๆ ทรงประทับยืนนิ่งอยู่หน้าพระทวารมิขยับ จนพระภัสดาต้องตรัสเรียก

“เข้ามาหาพี่สิเจ้าบัว”

“พะ พระเจ้าค่ะ”ก้มพระพักตร์งุดจนพระหนุชิดอุระ พระบาทเล็กก้าวช้าเข้าไปหาพระภัสดาที่ประทับรอบนพระแท่นบรรทม สายพระเนตรคมกริบจับจ้องร่างงามมิวางตา เจ้าบัวดอกงามนุ่งผ้าแถบสีขาวบางเฉียบแทบมิปกปิดอันใด เผยให้เห็นเม็ดบัวชูชันดันเนื้อผ้า แลโจงกระเบนสีเลือดหมูก็ตัดกับผิวขาวผ่องดูเย้ายวนเชิญชวนให้พระองค์ขย้ำเสียจริง ยอบกายหมอบกราบแทบพระบาท

“รินสุราให้พี่หน่อยสิเจ้า”ตรัสเมื่อดึงน้องน้อยให้นั่งบนพระยี่ภู่ข้างพระองค์แล้ว

“พระเจ้าค่ะ”ประคองพระหัตถ์ตนค่อยๆรินน้ำจัณฑ์ใส่จอกถวายพระภัสดา รับมากระดกลงพระศอทีเดียวแลยื่นให้เมียรินอีก

“อีก”รับสั่ง เจ้าบัวงามก้มพระพักตร์ทำตาม กระดกน้ำจัณฑ์เข้าพระโอษฐ์อีกครั้ง แต่ครานี้มิได้กลืนลงพระศอ หากแต่ดึงรั้งท้ายทอยของเจ้าบัวงามเข้าประกบพระโอษฐ์กับโอษฐ์จิ้มลิ้มพระชายา

“อ๊ะ”เจ้าบัวตกพระทัยเผยอพระโอษฐ์เปิดโอกาสให้พระภัสดาป้อนน้ำจัณฑ์จากพระโอษฐ์


แค่กๆๆ


 สำลักเบาๆ พระพักตร์งามแดงระเรื่ออย่างมิทราบว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุรา หรือ เพราะความอายกันแน่

“ฝะ ฝ่าบาท”ตรัสอย่างตื่นตระหนก

“....”มิตรัสแต่ซุกพระพักตร์เข้ากับซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมบนเนื้อนวล ไล้พระนาสิกทิ้งลมร้อนจากพระปัสสาสะให้เจือติดบนฉวีขาวเนียน

“อ๊ะ ฝ่าบาท”มือน้อยดันพระอังสะองค์จันทร์ แต่หาได้ขยับเขยื้อนไม่ พระหัตถ์ลูบไล้กายบางเบาๆอย่างทะนุถนอม กอดรัดเหวี่ยงตวัดพลิกร่างน้อยให้นอนหงายลงบนพระยี่ภู่ กักขังน้องให้อยู่ในอ้อมพระกร เจ้าบัวทอดพระเนตรองค์จันทร์ที่คร่อมกายตนอย่างตื่นตระหนก เบี่ยงพระพักตร์งามหลบพระโอษฐ์ที่เคลื่อนเข้าใกล้ องค์จันทร์ประทานจูบให้เมียที่มุมปากแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเมียจักช้ำ

“อย่ากลัวไปเลยเจ้าบัว”

“.....”

“พี่มิทำน้องเจ็บดอกหนา”ตรัสปลอบพลางไล้ปลายพระองคุลีไปตามขอบผ้าแถบผืนบาง สอดมุดเข้าใต้เนื้อผ้าสัมผัสผิวกายนุ่ม

“หมะ หม่อมฉันกลัวพระเจ้าค่ะ”พระสุระเสียงหวานสั่นเครือ

“มิต้องกลัว เชื่อใจพี่หนาคนดี”จับมือน้อยทั้งสองข้างที่ดันพระอังสะขึ้นจูบหนักๆ ก่อนจะจับคล้องพระศอ สบพระเนตรกับนัยน์ตากวาง พระพักตร์งามสมชายชาตรีค่อยๆเคลื่อนลงป้อนจุมพิตอ่อนหวานให้เมีย พระโอษฐ์เป็นกระจับเคล้าคลึง ดูดดึงกลีบปากสีระเรื่อของเจ้าบัวจนเกิดเสียงเบาๆ ปลายพระชิวหาไล้เลียรอยแยกของกลีบปากเบาๆ สอดพระชิวหาเข้าเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็ก พลิกตวัดคลุกเคล้าร้อนแรงขึ้นตามลำดับจนเจ้าบัวแทบสำลัก

“อึก อืม”เกี่ยวกอดพระศอแน่น ปลายพระนชาเล็กจิกพระฉวีตรงหลังพระศอจนขึ้นรอยเล็บเล็กๆ

“...อ่า”ถอนพระโอษฐ์ออก ซุกพระพักตร์ไซร้ซอกคอขาว กดจูบไล่ลงมาที่ลาดไหล่เล็ก ต้นแขนเรียว ขยับพระพักตร์ใช้พระนาสิกดุนดันเม็ดบัวผ่านเนื้อผ้าบาง

“อะ อื้อ ฝะ ฝ่าบาท”ครางพระสุระเสียงสั่น กายบางเกร็งเครียดยามพระชิวหาร้อนชื้นแตะลงบนยอดบัว พระทนต์ขบเบาๆอย่างหยอกล้อ ผ้าแถบผืนบางเมื่อเปียกพระเขฬะก็เผยให้เห็นเม็ดบัวงามสีหวานเด่นชัด ส่วนอีกข้างก็ถูกพระหัตถ์กอบกุมบีบเค้นหนักเบาให้สะท้านสั่น เรียวขาเล็กยกขึ้นเสียดสีกันระบายความร้อนรุ่มที่สุมในท้องน้อย



องค์จันทร์ยกพระพักตร์ขึ้นกดจูบที่ปลายคางของเจ้าบัว นัยน์ตากวางปรือปรอยหวานเชื่อม ทรงปลดผ้าแถบออกจากกายขาวโพลนโยนทิ้งอย่างมิใยดี ณ เพลานี้ทรงสนพระทัยเพียงเมียน้อยตัวขาวใต้ร่างพระองค์เท่านั้น พระหัตถ์สัมผัสผิวนุ่มๆอย่างหลงใหล กดจูบแผ่วเบาแต่แนบแน่น สูดดมกลิ่นหวานๆจากกายน้อง หากจักให้เปรียบเจ้าบัวในสายพระเนตรองค์จันทร์เพลานี้ก็ราวกับขนมเกสรชมพู ดังที่เขากล่าวว่าขนมเกสรชมพูนั้น “มันติดปาก หอมติดใจ หวานติดปลายลิ้น”

“อื้อ ฝ่าบาทพระเจ้า อ๊ะ”เจ้าบัวแอ่นอกจนแผ่นหลังโค้งราวคันศรด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ ความร้อนชื้นจากพระชิวหาองค์จันทร์ราวกับเปลวไฟแผดเผากายบางให้ทุรนทุราย หากแต่ยิ่งแอ่นอกชิดพระโอษฐ์ องค์จันทร์ก็ยิ่งตวัดชิวหาระรัว ขบเม้ม ดูดดึงยอดอกนุ่มหยุ่น สลับข้างไปมาจนพอพระทัยจึงได้ขยับพระวรกายลงต่ำ ปลายพระชิวหาลากตั้งแต่กลางอกลงมาถึงหลุมเล็กกลางหน้าท้องราบ ทรงทอดพระเนตรไฝเม็ดเล็กเหนือหลุมสะดือเล็ก แตะชิวหาไล้เลีย ดูดเม้มจนขึ้นรอยรักสีระเรื่อ

“อ๊ะ ฝ่าบาท มะ ไม่หนาพระเจ้าค่ะ”สะดุ้งคว้าพระหัตถ์ที่กำลังคลายโจงกระเบนสีเลือดหมูของตน

“ชู่ว...มิต้องกังวล”ตรัสปลอบ แลขยับพระหัตถ์ต่อจนสุดท้ายผ้าโจงกระเบนปราการด่านสุดท้ายของเจ้าบัวก็ถูกเหวี่ยงทิ้งไปไกลพระแท่นบรรทม ร่างกายอรชรขาวโพลนต้องแสงจันทร์งดงามน่าหลงใหล

“อือออออ”เจ้าบัวหลับตาครางหวิว สองแขนเรียวกอดตัว แลสองขาก็หนีบแน่นปกปิดกายตนจากสายพระเนตรคมกล้า

“ให้พี่เชยชมเจ้าหนาเจ้าบัวงาม..คนดี”ตรัสปลอบประโลมพลางใช้พระหัตถ์แยกเรียวขาน้องออกจากกัน เจ้าบัวพยายามขืนสู้ แต่ก็สู้แรงงหนุ่มมิได้ ทรงจับเรียวขาเล็กแยกออกจากกันเผยให้เห็นเกสรดอกบัวสีสวย แลกลีบบัวงามที่ปิดสนิทด้านหลัง หากแต่คืนนี้แล พระองค์จักเปิดมันเอง พระหัตถ์ลูบเบาๆทิ้งสัมผัสร้อน เกสรบัวเมื่อถูกสัมผัสก็ตั้งชัน ปลายพระองคุลีไล้ต่ำมาสัมผัสกลีบบัวสีระเรื่อ

“ฮึก...ฝ่าบาท”เจ้าบัวหลับตาสะดุ้งทุกคราที่ถูกสัมผัส ฝ่าพระหัตถ์ลูบไล้ทำความเคยชินที่หว่างขาน้อง พระนาสิกก็ไล้ไปมาพรมจูบที่หน้าขาขาว จูบซับทิ้งรอยแดงประปราย ยกพระดรรชนี แลพระมัชฌิมาแตะริมฝีปากเจ้าบัวงามไล้ตามรอยแยกของกลีบปาก สอดเข้าควานในโพรงปากเล็ก กวาดน้ำหวานจนชุ่มองคุลี

“อึก..ฮึก”เจ้าบัวส่ายหน้าน้อยๆ ลิ้นเล็กดันสู้องคุลีเรียวยาวจนน้ำใสเลอะมุมปาก ทรงถอนองคุลีออกจูบซับปลอบใจที่ปากช้ำ แตะองคุลีที่ชุ่มด้วยน้ำใสจากปากเมียที่รอยจีบด้านหลัง ปัดป่ายจนกลีบบัววาวด้วยของเหลว กดดันองคุลียาวเข้าไปในควานในกลีบงาม

“อ๊า อ๊ะ..ฮือ ฝ่าบาท”กระทดสะโพกหนี แต่ก็ถูกตรึงไว้ ความรู้สึกบอกมิถูกแล่นพล่านพระภัสดาทรงหมุนขยับองคุลีเข้าออก งอครูดให้สะท้านเฮือก ยังมิทันได้หายตกใจ องคุลีที่สองก็ถูกดันเข้ามาเพิ่ม ครานี้เจ็บตึงอึดอัดเสียจนน้ำตาไหล

“ฮึก อ๊าาา”ร้องบอกเสียงพร่า

“ทนหน่อยหนาคนดี”

“ฮึก...อื้อออ”หลับตาแน่นเกร็งเมื่อองคุลีที่สามดันเข้ามาอีก

“อย่าเกร็งเจ้าบัว ประเดี๋ยวจักเจ็บกว่านี้หนาน้อง”

“หม่อมฉันเจ็บพระเจ้าค่ะ..ฮ้าาาา”เจ็บแปลบราวกับเกิดบาดแผล

“ทนหน่อยหนา”

“ฮึก...อึก อื้มมมม”พยายามผ่อนคลายแต่ทุกคราที่องคุลีขยับแทรกเข้าออก หมุนคว้านก็อดที่จักเกร็งตัวมิได้ มือน้อยจิกพระเขนยแน่นแทบขาดคามือ

“เจ้าบัว เด็กดี”ตรัสชม ยกเรียวขาขาวข้างหนึ่งพาดบนพระอังสะ พระโอษฐ์แต้มตามปลีน่อง จูบซับ กัดเบาๆจนน้องสะดุ้ง องคุลีทั้งสามหมุนควาน จนกลีบบัวเริ่มคลายตัว เจ้าบัวเกร็งจิกเท้ากับพระยี่ภู่ เหงื่อซึมทั้งร่าง รู้สึกราวกับมีพายุผีเสื้อพัดกระหน่ำในช่องท้อง องค์จันทร์ถอนองคุลีออกจากกลีบบัวช้ำ ปลดท่อนขาเรียวลงจากพระอังสะ แก้โจงกระเบนสีดำเขม่าที่ทรงสวมอยู่ออก เผยความเป็นชายที่แข็งขืนเหยียดตรึงจนเจ้าบัวหน้าม้าน ปรางนวลแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก ทรงจ่อแท่งจันทร์ที่กลีบบัวถูไถสร้างความเคยชิน กดแทรกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เข้าไปได้เพียงปลายเจ้าบัวก็ไห้ด้วยความเจ็บแสบ

“ฮึก..ฮือ เจ็บพระเจ้าค่ะ”มือน้อยดันพระอุทรมิให้เข้ามามากกว่านี้ เพียงแค่ปลายก็เจ็บเจียนตาย

“อืม...ทนหน่อยหนา ประเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วเจ้าเอ๋ย”

“ฮึก...ฮ๊าาาา อ๊าาาา”สะอื้นฮัก พยายามสูดหายใจลึกๆหวังให้คลายความเจ็บปวด คลายความเกร็งเมื่อทรงอยู่นิ่ง หากแต่องค์จันทร์กลับใช้โอกาสนี้ดันแท่งจันทร์เข้าสุดลำ เจ้าบัวงามผวาหวีดร้องสุดเสียง แขนเรียวโอบตวัดรอบพระขนองกว้าง จิกขูดเล็บลงบนพระฉวีระบายความเจ็บ กลีบบัวชอกช้ำฉีกเล็กน้อยได้เลือด เจ็บชาไปถึงหน้าขา

“ชู่วว คนดี”ตระกองกอดร่างบอบบาง พระหัตถ์ลูบผมนุ่มปลอบประโลม พระโอษฐ์กดแต้มไปตามปรางขาว แลกกหู พระโสณีสอบหมุนวนเย้าแหย่ ขยับเข้าออกช้าๆ

“ฮึก อื้อ”ซบใบหน้างามกับพระอังสะ จากความเจ็บปวดก็กลายเป็นความหฤหรรษ์ เกาะเกี่ยวพระขนองชื้นพระเสโทแน่น แยกขาเรียวออกรับแรงกระแทกจากพระโสณีสอบ เชิดหน้าครางเครือเสียงกระเส่า แผ่นหลังบางไถขึ้นลงเสียดสีกับพระบรรจถรณ์จนแดงเป็นริ้ว

“อ่า...อืม”พระสุระเสียงทุ้มต่ำคำรามในพระศอเครือ เมื่อกลีบบัวบีบรัดแท่งจันทร์จนปวดปลาบ จนต้องบรรเทาด้วยการเร่งความเร็วขยับกระทั้น เสียงการสอดใส่ แลเสียงพระอูรุกระทบกับแก้มก้นนุ่มดังก้องห้องบรรทม พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอขาวชื้นเหงื่อของน้อง พระหัตถ์บีบเค้นเม็ดบัวทั้งสองข้างบนแผ่นอกบาง

“ฮ๊า อ๊า อ๊ะ อ๊ะ”

“ซี๊ด อื้ม อาาา”กระทั้นถี่ขึ้น แรงขึ้นจนเกร็งพระวรกายปลดปล่อยสารธารแห่งชีวิตใส่กลีบบัวช้ำทุกหยาดหยด เจ้าบัวกัดฟันแน่นปล่อยน้ำหวานจากเกสรพุ่งรดพระอุทรพระภัสดา
ในพิธีร่วมหอคืนนี้ทรงบรรเลงเพลงรักกับเจ้าบัวอยู่เกือบรุ่งสางจึงได้ฤกษ์เปิดห้องบรรทมส่งพานผ้าขาวบางเปื้อนพระโลหิตพรหมจรรย์ของพระชายา หลักฐานการร่วมหอให้ข้าหลวงสาวที่รอถวายงานรับไป จึงกลับเข้าห้องบรรทมกกกอดเมียที่นอนซมรอบนพระแท่นบรรทม


.
.
.


เจ้าบัวนอนตะแคงเกร็งตัว หลับตาแน่นยามพระโอษฐ์ร้อนไล่แตะไปตามแนวสันหลังเปลือย ตั้งแต่ตื่นขึ้นก็ยังมิมีโอกาสได้ลงจากพระแท่นบรรทม พระภัสดาทรงกกกอดมิยอมปล่อย เหนื่อยแทบขาดใจ เสียงหวานแหบแห้ง

“อือ”สะดุ้งครางเครือเมื่อพระทนต์ขบกัดที่แก้มก้นนุ่ม   

“บัวใดเล่าจักงามเท่าบัวในมือข้า”ทรงตรัสพระสุระเสียงพร่า

“อื้อออ ฝ่าบาท หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ”หากต้องถวายงานรับใช้พระภัสดาอีกรอบคงจักตายคาพระอุระเป็นแน่

“มิทำแล้วเจ้า แต่ให้พี่คลอเคลียเถิดหนา”พลิกกายบางของเมียให้นอนหงายหนุนพระกร พระนาสิกคลอเคลียปรางขาว พระโอษฐ์จูบตามสันกรามเล็กลงมาที่ปลายคางแหลม เคลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มบวมช้ำแทะเล็มอย่างมิรู้เบื่อ พระหัตถ์วางบนแผ่นอกบางบีบคลึงเนื้อนวลจนช้ำระเรื่อ

“อึก อื้อ”ช้อนนัยน์ตากวางคลอน้ำสบสายพระเนตรคมอย่างอ้อนวอน

“หึหึหึ”พระสรวลน้อยๆ ทรงลูบกลุ่มผมนุ่มยุ่งเหยิงของน้องน้อยให้เข้าที่เข้าทาง ตระกองกอดร่างบางแนบพระอุระ เจ้าบัวหลับตาซบหน้าลงบนพระอุระเปลือยปล่อยตัวปล่อยใจให้เข้าสู่ห้วงนิทรา


กว่าที่ทั้งสองพระองค์จักได้ก้าวออกจากห้องบรรทมก็ใกล้หมดวันเข้าไปแล้ว แลมื้อกายาหารเย็นวันนี้ก็มีเพียงองค์จันทร์ แลเจ้าบัว ด้วยผู้ใหญ่ใคร่อยากให้ผัวเมียข้าวใหม่ปลามันได้ใช้เวลาด้วยกัน หากแต่มิใช่กับองค์ภุมริน เสือหวงลูก แต่ก็ถูกเมียรักอย่างเจ้าชมนาดดักทางไว้เสียก่อน

“ฮึก”เจ้าบัวงามสะดุ้งเฮือก เมื่อป้อนพระกายาหารพระภัสดาแล้วถูกพระทนต์ขบที่ปลายนิ้วเบาๆอย่างหยอกเย้า

“หึหึหึ”พระสรวลอย่างเอ็นดู ก่อนจักป้อนเนื้อปลาใส่ปากเมีย

“.....”เจ้าบัวมองเนื้อปลาสีขาวที่จ่อปากอยู่ ก่อนจักช้อนนัยน์ตามองพระพักตร์

“กินสิเจ้า”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ค่อยๆอ้าปากรับ

“อร่อยหรือไม่”ตรัสถามพลางไล้พระพระอังคุฐกับกลีบปากน้อง

“พระเจ้าค่ะ”หลบสายพระเนตรก้มมองตักตน

“เช่นนั้นก็กินเยอะหนา...จักได้มีแรงถวายงานให้พี่”ประโยคสุดท้ายกระซิบชิดใบหูเล็ก

“ฝ่าบาท”เจ้าบัวหน้าแดงซ่าน

“หึหึหึ”

“หมะ หม่อมฉันอิ่มแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เหตุใดจึงกินน้อยเยี่ยงแมวดมเช่นนี้”

“...”

“มาพี่จักป้อน”

“...ฝ่าบาท”

“กินที่พี่ป้อนให้หมด...หนาน้อง”พระสุระเสียงอ่อนโยนทำเอาเจ้าบัวปฏิเสธไม่ลง อ้าปากรับข้าวที่พระภัสดาป้อน

“ทูลฝ่าบาท พระมารดาของพระชายารับสั่งให้พระชายาเสวยโอสถที่นำมาจากภุมริกาด้วยเพคะ”

“ขอบใจหนา”เจ้าบัวยิ้มบางส่งให้

“มิได้เพคะ”ก้มหน้าพลางถวายโอสถน้ำถ้วยโตให้พระชายา

“ฝ่าบาท หม่อมฉันกินมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ หากฝืนอีกคงจักกินโอสถที่เสด็จแม่ประทานให้มิได้แน่ๆพระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้ๆ พี่จักมิบังคับเจ้า...เช่นนั้นก็ดื่มโอสถที่เสด็จแม่ชมนาดประทานให้เถิด”แก้มนวลแดงระเรื่อทรงเรียกพระมารดาของเจ้าบัวงามว่าเสด็จแม่ชมนาด

“พระเจ้าค่ะ”ประคองถ้วยโอสถขึ้น

“พี่ป้อนหนาน้อง”พระหัตถ์อุ่นยกกุมมือเล็กค่อยๆประคองถ้วยโอสถขึ้นจรดริมฝีปากเจ้าบัว

“อึก”จิบโอสถสีดำรสขม กลิ่นฉุนแล้วก็หลับตาขมวดคิ้วมุ่นจนพระภัสดาสรวลอย่างเอ็นดู

“หึหึหึ...ทนกินหน่อยหนาเจ้า”ตรัสปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”ฝืนกินจนหมดถ้วย

“เก่งมากคนดี...โอสถนี่จักช่วยให้เจ้าตั้งครรภ์ลูกของพี่ใช่หรือไม่”ตรัสถามพลางลูบผมนุ่ม

“พะ พระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น เจ้าดื่มโอสถแล้ว เห็นทีคืนนี้เจ้าคงจักต้องถวายงานพี่อีก โอสถจักได้สัมฤทธิ์ผล แลลูกจักได้มาเกิดไวไว”

“ฝ่าบาท”ก้มหน้าจิกมือตนระบายความเขินอาย

“หึหึหึ”รั้งร่างบางให้ซบพระอุระกว้าง กดพระนาสิกที่ขมับขาว


.
.
.


เมื่อตะวันลับฟ้า นิศากาลมาเยือน ภายในห้องบรรทมของเจ้าหลวงศศิมณฑล กลิ่นกำยานหอมหวานอบอวลไปทั่วทั้งห้องบรรทม คละเคล้ากับกลิ่นอายกามารมณ์ สองร่างกอดก่ายพะเน้าพะนอกันบนพระแท่นบรรทม

“ฮื้อ ฝ่าบาท”ครางเครือเสียงสั่นยามที่พระโอษฐ์ร้อนแตะแต้มไปตามผิวขาวจนแดงระเรื่อ มือเล็กถูกรวบตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยพระหัตถ์ใหญ่

“เจ้าบัวงาม...อ่า”บัวดอกนี้ช่างงดงาม แลหอมหวานยั่วยวนให้พระองค์หลงใหลจนถอนพระองค์มิขึ้น

“ฮึก...ฝ่าบาท หม่อมฉัน อ๊า”แอ่นอกจนแผ่นหลังโค้งเป็นคันศร เม็ดบัวกลางอกถูกพระชิวหารังแกจนบวมช้ำ ร่างอรชรเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ หากแต่พระภัสดากลับตวัดพระชิวหากวาดเลียผิวน้องแทบทั้งตัว

“อืม...”

“ฮึก หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท ฮือ ได้โปรด”นัยน์ตากวางคลอน้ำจวนเจียนจะหยด

“ก็ได้ๆ คืนนี้พี่คงจักรังแกเจ้ามากเกินไป เนื้อตัวช้ำชอกหมดแล้ว ขอโทษหนาเจ้า”ปลดข้อมือเล็กในอุ้งพระหัตถ์ไห้เป็นอิสระ พระอังคุฐปาดน้ำตาที่ไหลมาจากหางตากลมโตอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าน้องจักช้ำไปมากกว่านี้

“ฮึก...”สะอื้นเบาๆ ตั้งแต่เกิดมาเป็นเจ้าน้อยแห่งภุมริกายังมิเคยเหนื่อยปานขาดใจเช่นนี้มาก่อน ไหนจักความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น

“มิร้องหนาเจ้า ประเดี๋ยวจักเจ็บไข้ไป”รั้งร่างเล็กเข้ามาตระกองกอด พระกรกอดรัดเอวบาง พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังเนียนปลอบ

“อึก..ฮึก”เจ้าบัวซบหน้ากับอุระ หลับตาผ่อนลมหายใจก่อนจักเข้าสู่ห้วงนิทรา ปล่อยให้พระภัสดาแทะเล็มร่างกายตนไปเรื่อย


.
.
.


“.....”

“เสด็จพ่อ”ตรัสเรียกพระบิดาพระสุระเสียงอ่อย

“เหอะ”ส่งพระสุระเสียงขึ้นพระนาสิก เบือนพระพักตร์หนีใบหน้างามของลูกทีกำลังออดอ้อนอยู่ เรียกสายพระเนตรระอาน้อยๆจากชายา แลโอรสองค์โต จักมีเรื่องใดให้กริ้ว นอกเสียจากว่าทรงมิพอพระทัยองค์จันทร์ที่กักตัวเจ้าบัวไว้ถึงสองวันสองคืน

“บัว...ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”ตรัส แลก้มพระพักตร์ต่ำ

“ลูกมิได้ทำกระไรผิด ใยจึงต้องขอประทานอภัยเจ้าบัว”เจ้าชมนาดทนมิไหวอีกต่อไป จึงโพล่งขึ้น

“.....”

“แลเสด็จพี่ก็เช่นกัน จักหวงลูกไปถึงไหนพระเจ้าค่ะ เพลานี้ลูกก็มีพระภัสดาเป็นตัวเป็นตนแล้ว จักมากริ้วเรื่องมิเป็นเรื่องเช่นนี้มิได้หนาพระเจ้าค่ะ”เอ็ดเสียงเขียว

“เจ้าชมนาด”ตรัสแย้งขึ้น

“ตอนพระองค์ร่วมหอกับหม่อมฉัน กว่าจักได้ออกจักห้องบรรทมก็เกือบสามวันเข้าให้ ณ เพลานั้นหม่อมฉันท้องอยู่พระองค์ยังมิทรงเมตตา แลจักมากริ้วองค์จันทร์ได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”ราวกับอัดอั้นตันใจมานาน

“เจ้าชมนาด โธ่ น้องจ๋า...”จากที่แสร้งโกรธกริ้วให้ลูกง้อ กลับกลายเป็นว่าต้องเป็นฝ่ายง้อเมียแทนเสียนี่

“...เสด็จพ่อลูกขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ..ช่างเถอะๆ พ่อมิกริ้วเจ้าดอกเจ้าบัวงาม”ก็ลองกริ้วซี มีหวังเจ้าชมนาดได้กริ้วพระองค์จนกลับภุมริกาเป็นแน่

“มิเป็นไรหนาเจ้าบัว มิต้องคิดมากดอกลูก”ลุกหนีพระภัสดา รั้งร่างบางของลูกเข้ากอดปลอบ

“เสด็จแม่”กอดร่างบางของพระมารดาตอบ ใบหน้างามซบบนลาดไหล่เล็ก อีกมิกี่วันพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาก็ต้องกลับภุมริกาแล้ว ยังทำพระทัยมิได้เลยที่จกต้องห่างอกครอบครัวเยี่ยงนี้ ตลอดสิบแปดปีมานี่ทรงอยู่แต่ในรั้วในวัง อยู่ในอ้อมอกพ่อแม่ แลพี่ชายมิเคยได้ห่าง เมื่อต้องมาอยู่คนเดียวที่ต่างแคว้นก็ทำพระทัยลำบากนัก


หลังเข้าเฝ้าพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาแล้วก็ทรงกลับตำหนักหลวง

“ทูลพระชายาบัวงาม องค์จันทร์เรียกหาเพคะ”

“ทรงอยู่ที่ใดหรือ”

“ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักทรงงานเพคะ”

“ขอบใจเจ้าหนา”

“มิได้เพคะ”

เสด็จไปเข้าเฝ้าพระภัสดาที่ตำหนักหลวง

“ทูลฝ่าบาท พระชายาเสด็จเพคะ”

“เข้ามา”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”หมอบกราบ

“ลุกขึ้นเถิดเจ้าบัว”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

“มาหาพี่สิเจ้า”ทรงเรียกให้น้องน้อยไปนั่งเคียงพระวรกาย

“ทรงเรียกหาหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“น้องจำเรื่องที่พี่บอกได้หรือไม่ เจ้าบัว”

“เรื่องใดพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องที่พี่จักให้สายหยุดมารับใช้เจ้าเยี่ยงไรเล่า”

“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


“พี่เหม”

“สายหยุด”

“พี่เหมมาหาสายหยุดถึงบ้านมีเรื่องอันใดหรือจ๊ะ”

“องค์จันทร์ท่านให้พี่มาคุยกับสายหยุดน่ะเจ้า”

“คุยกับสายหยุดเรื่องใดจ๊ะ”

“ทรงใคร่อยากให้สายหยุดเข้าวังไปเป็นคนสนิทของพระชายาบัวงาม”

“ให้สายหยุดน่ะหรือจ๊ะไปเป็นคนสนิทของพระชายา”

“ทรงไว้ใจสายหยุดมากกว่าใคร จึงใคร่อยากให้เจ้าดูแลพระชายา”

“.....”

“เจ้าจักว่าอย่างไร”

“ทรงเมตตาสายหยุดนัก”

“.....”

“เยี่ยงนั้นสายหยุดคงมิขัดพระราชประสงค์ดอกจ้ะ หากแต่คงต้องไปบอกแม่เสียก่อน”

“พี่คุยกับป้าทิพย์แล้วล่ะ”

“หรือจ๊ะ”

“หากเจ้ามิขัดข้อง ทรงให้พี่มารับสายหยุดเข้าวังวันนี้เลย”

“ได้จ้ะ ประเดี๋ยวขอสายหยุดเก็บข้าวของก่อนหนาจ๊ะ พี่เหม”

“จ้ะ พี่จักรอหนา”

“จ้ะ”


.
.
.


“ทูลฝ่าบาทหม่อมฉันพาสายหยุดมาแล้วพะย่ะค่ะ”

“เข้ามา”

“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท ถวายพระพรพระเจ้าค่ะพระชายา”

“มิต้องมากพิธีดอกสายหยุด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้าหนาที่ยอมมาดูแลเจ้าบัวให้ข้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“นอกจากเจ้า ข้าก็มิไว้ใจให้ผู้ใดมาดูแลเจ้าบัว”

“ขอบใจพี่สายหยุดหนาจ๊ะ ที่ยอมมาเป็นคนสนิทของข้า”

“มิได้พระเจ้าค่ะพระชายา”

“เอาล่ะ เจ้าเข้าวังมาเหนื่อยก็ไปพักเสียก่อนเถิดสายหยุด”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพระเจ้าค่ะ”















ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
กว่าจะได้ออกมาจากห้อง อิอิ

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เจ้าจันทร์อย่าทำน้องบัวเสียใจนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เจ้าจันทร์น้องบัวงามช้ำหมดแล้ว :o8: :mew3:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด