บทที่ 19
By moggy
-----------------------
หน้าฝนที่ภาคใต้น่ากลัวมากครับ ลมพัดแรง ฟ้าคะนอง ฝนตกกระหน่ำ นี่พี่ภูก็เพิ่งออกไปที่ไร่ ผมก็มานั่งทำบัญชีต่อ คุณแม่กับแม่พิมพ์นั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงาน เฮ้ออ...เป็นห่วงพี่ภูจัง
“หนูข้าว” ในช่วงบ่ายคุณแม่เดินลงมากับแม่พิมพ์
“คุณแม่ แม่พิมพ์”
“ทำอะไรอยู่ลูก” คุณแม่ถามต่อ แล้วเดินมานั่งลงที่โซฟาข้างๆ ส่วนแม่พิมพ์เดินแยกไปที่ครัว
“ทำบัญชีครับ ใกล้เสร็จแล้ว”
“เหนื่อยไหมลูก งานแม่แท้ๆ เลย”
“ไม่ครับ ข้าวจะได้มีอะไรให้ทำบ้าง ตอนนี้แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย” คนตัวเล็กยู่ปากเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสิ่งที่พี่ภูห้าม
“ฮ่าๆ ตาภูก็อย่างนี้แหละ ขี้ห่วงเว่อร์” คุณแม่พูดยิ้มๆ
“ครับ ข้าวเข้าใจ” ผมยิ้มก่อนจะตอบกลับคุณแม่
“ยำหัวปลีลูก” แม่พิมพ์ออกมาพร้อมจานใบหนึ่ง
“หัวปลี”
“ใช่ลูก ช่วยกระตุ้นน้ำนมจ้ะ”
“แม่!!” ผมร้องเสียงหลงเลยครับ ผมเป็นผู้ชาย พอท้องหน้าอกก็ขึ้นตั้งเต้า ไม่ได้ใหญ่เท่าของผู้หญิงหรอกครับ แม่พิมพ์ก็หาเสื้อกล้ามมาให้ใส่ทับ คล้ายๆ เสื้อในสปอร์ตบรานั่นแหละครับ เพราะมันช่วยปกปิดไม่ให้เห็นหัวนมได้ แล้วนี่แม่ยังให้กินเพื่อกระตุ้นน้ำนมอีก คนมันเขินครับ
“ช่วยได้นะลูก” คุณแม่ยังช่วยเชียร์
“ครับๆ” พอผมตักกินคำแรก บอกเลยอร่อยกว่าที่เห็น ครั้งแรกเลยที่ได้กิน สงสัยคงได้ร้องขอให้แม่พิมพ์ทำให้อีกแน่เลย
“อร่อยอ่ะแม่”
“ฮิฮิ อร่อยก็กินเยอะๆ”
“กี่เดือนแล้วนะลูก”
“26 สัปดาห์ครับ อืม...6 เดือนกว่าแล้วครับ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วกินไปด้วย สุดท้ายก็หมดในเวลาไม่กี่นาที เหลือแต่จานเปล่า แล้วดื่มน้ำส้มตาม
“ท้องโตขึ้นเยอะเลย ทาครีมเป็นประจำใช่ไหมลูก”
“ครับ” ไม่กล้าที่จะบอกเลย ว่าพี่ภูช่วยทาทุกครั้ง
“ดีแล้ว ถึงจะมีลูกแต่เราก็ต้องรักษาหุ่นไว้นะจ๊ะ ตาภูจะได้หลงหัวปักหัวปำ ฮ่ะๆ” คุณแม่พูดอย่างอารมณ์ดี
“นินทาอะไรผมครับ แม่” เสียงพี่ภู ผมรีบหันไปตามทิศทางของเสียง
“อายุยืนจริงๆนะ พ่อคุณ” คุณแม่เหน็บ แม่พิมพ์ก็ยิ้มๆ
“หึหึ” พี่ภูเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผม ที่พื้นนั่นแหละครับ
“พี่ภู” ผมเรียก พี่ภูหันมายิ้มแล้วลูบหัวผม
“ในไร่เป็นยังไงบ้าง” คุณแม่ถามขึ้น
“ไม่เสียหายมากเท่าไหร่ ดีที่เมื่อคืนเตรียมการเร็ว”
“ดีแล้ว ส่วนโรงแรม เดี๋ยวแม่ช่วยดูให้” ปกติในส่วนของโรงแรมคุณแม่ก็ช่วยพี่ภูดูให้อยู่แล้ว
“ขอบคุณครับ”
“แล้วก็โครงการน้ำสมุนไพร แม่จะเริ่มทันทีที่พร้อมนะ ใช่ไหมจ๊ะ หนูข้าว”
พี่ภูหันขวับทันที ผมลืมไปเลยครับ “เรื่องนั้นค่อยว่ากันครับแม่” พี่ภูเอ่ยขัดก่อนเปลี่ยนเรื่อง
“แม่พิมพ์สบายดีใช่ไหมครับ” พี่ภูหันไปหาแม่พิมพ์
“สบายดีจ้ะ แม่ก็นั่งศึกษาพวกต้นปาล์มอยู่”
“เกรงใจแม่พิมพ์ ที่จริงแม่ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ”
“อย่าให้แม่อยู่เฉยๆ เลย มันน่าเบื่อ” แม่พิมพ์พูดขำๆ
“ถ้าอย่างนั้น ก็ตามใจแม่เลยครับ” พี่ภูยิ้มกลับ
“ส่วนเรื่องน้ำสมุนไพร เราต้องคุยกันใช่ไหม ลูกข้าว” ชะอุ่ย!! เสียงเข้มมากโดยเฉพาะตอนลงเสียงชื่อผม
“ครับ พี่ภู”
“ถ้าอย่างนั้นผมกับข้าวขอตัวก่อนนะครับ” พี่ภูแทบจะอุ้มผมขึ้นมาบนห้อง
บนห้องนอน
“พี่ ภะ...” พอประตูห้องปิดลง ปากผมก็โดนปิดจากคนตัวสูงทันที
“ดะ...เดี๋ยวพี่ภู ข้าวจะอธิบายให้ฟัง” หลังจากที่พี่ภูผละออก ผมรีบพูด
“เดี๋ยวค่อยอธิบาย ตอนนี้เป็นเวลาลงโทษ”
“เดี๋ยวพี่ภู...อ๊ะ” พี่ภูบีบก้นผมไม่แรงนัก
ร่างเปลือยเปล่านอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง ภูธิปจูบไปทั่วตัวของลูกข้าว รอยจางๆ ขึ้นอยู่แทบจะทุกที่
“อื้อ พี่ภู” ลิ้นร้อนลากไล้ดูดส่วนบนที่ตั้งเต่งล่ออยู่ตรงหน้าทั้งสองข้าง แล้วผ่านมายังหน้าท้องนูน ก่อนจะลากต่ำไปยังส่วนกลาง มือใหญ่กอบกุมส่วนเนื้ออ่อน ก่อนจะพาอารมณ์ของลูกข้าวเตลิด น้ำขาวขุ่นเปรอะมือใหญ่ ภูธิปใช้ของเหลวที่เลอะมือป้ายที่จีบสีชมพูอ่อนเพื่อเปิดทาง แล้วจับลูกข้าวนอนตะแคง
“อื้อ...พอแล้ว พี่ภู...เข้ามา” เพราะความเสียวซ่าน ทำให้ลูกข้าวกล้าที่จะพูด
แท่งร้อนค่อยๆ สอดเข้าไปในจีบสีชมพูอ่อนจนสุดความยาว
“อ๊ะ...” สักพักร่างใหญ่เริ่มขยับตัว
“อุ่นจัง” ภูธิปเย้าก่อนจะจูบปากบาง
กิจกรรมยังดำเนินต่อไป อุณหภูมิในห้องเพิ่มระดับความร้อนขึ้น ทั้งที่ข้างนอกยังมีปรอยฝนตกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะซาลง กว่าภูธิปจะยอมปล่อยร่างเล็ก ก็ถึงช่วงเวลาอาหารเย็นพอดี
“...” ผมทุบอกคนเอาแต่ใจ
“หึหึ” พี่ภูเอาแต่หัวเราะและขโมยหอมแก้มตลอด ฟอด...
“โครงการที่ข้าวว่ามันก็ดี แต่ข้าวจะไหวหรอ” พี่ภูพูดต่อหลังจากที่ผมเล่าเรื่องให้ฟังเสร็จ
“ก็ไม่ได้กะทำใหญ่โต แค่ช่วยเพิ่มรายได้ให้คนงานเท่านั้น ที่จริงทางโรงแรมก็มีอยู่แล้ว แต่เป็นส่วนบริการของห้องอาหาร คุณแม่เห็นข้าวทำให้พี่ภูกินบ่อย ก็เลยมาปรึกษา ข้าวก็ว่าดีที่จะเอาไปวางขายด้วย”
“จะทำก็ทำ แต่ห้ามทำอะไรเกินตัว เข้าใจไหม”
“ขอบคุณครับ พี่ภู” ผมเอาหัวอ้อนๆ กับหน้าอกพี่ภู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจูบที่คางคนหน้าเข้ม
“สงสัยไม่ต้องไปกินแล้วข้าวน่ะ หึหึ”
“คนลามก” ผมรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็น แต่พี่ภูก็ดันเดินตามเข้ามา
“พี่อาบให้”
“อือ” ผมก็ปล่อย เพราะอาบน้ำด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว หลังๆ มาผมก้มไม่ได้เพราะติดท้อง พี่ภูก็ช่วยขัดเท้าให้ด้วย ตอนแรกผมเลี่ยงเลยเพราะมันเป็นของต่ำ แต่พี่ภูบอกเต็มใจทำให้ แค่ผมอุ้มท้องก็ลำบากพอแล้ว ผมก็ไม่เถียงอีก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ทำให้ผมรักพี่ภูมากขึ้นไปอีก
หลังกินข้าวเสร็จ พี่ภูก็ไปนั่งทำงานต่อ ส่วนผมก็มานั่งพับผ้า อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น พี่ภูเหลือบมองนิดหน่อย แล้วหันไปอ่านเอกสารต่อ
“สวัสดีครับ”
‘สวัสดีครับ คุณข้าว’
“ครับ คุณรัก”
‘รบกวนหรือเปล่าครับ’
“ไม่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
‘มีเรื่องอยากจะรบกวนครับ เอ่อ...’ เหมือนคุณรักจะลังเล
“บอกได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าผมทำได้ก็ยินดีครับ”
‘คือ...คุณข้าวทำเค้กเป็นไหมครับ’
“ก็พอได้ครับ”
‘คือ...คุณข้าวช่วยสอนผมหน่อยได้ไหมครับ’
“ครับ?”
“แต่ผมไม่ค่อยเก่งนะครับ แค่พอทำได้” ลูกข้าวพูดต่อ
‘ไม่เป็นไรครับ เอาเท่าที่ทำได้’
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ คุณรักสะดวกมาที่นี่ไหมครับ หรือจะให้ผมไปที่ไร่คุณชา”
‘เดี๋ยวผมไปหาคุณข้าวดีกว่าครับ’
“ได้ครับ เดี๋ยวผมให้ป้าสายเตรียมของให้”
‘ขอบคุณนะครับคุณข้าว พรุ่งนี้เจอกันครับ’
“ครับ”
หลังจากวางสาย ก็มีคำถามพร้อมกับมือที่เลื้อยแถวเอวผม
“ใคร”
“คุณรักน่ะครับ จะให้ช่วยสอนทำเค้ก”
“หื้ม…”
“อะไร พี่ภู”
“เปล่า พี่แค่แปลกใจอะไรนิดหน่อย”
“อะไรของพี่ภู คืออะไรครับ”
“ไม่มีอะไรครับ นอนกันดีกว่า” พี่ภูเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน
“ครับ แต่ตอนนี้พี่ภูเอาเสื้อผ้าที่พับแล้วไปเก็บในตู้ด้วยครับ” พี่ภูไม่อยากพูด ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้ เดี๋ยวอยากบอกก็มาบอกเองนั่นแหละครับ
พอเคลียร์เตียงเรียบร้อย พี่ภูก็เปิดไฟหัวเตียง แล้วเดินไปปิดไฟห้อง
“มาครับ ลูก พ่อเล่านิทานให้ฟังดีกว่า” ภูธิปก้มลงคุยกับหน้าท้องนูน ลูกข้าวที่นั่งพิงหมอนใบใหญ่กับหัวเตียงระบายยิ้มออกมา พี่ภูดูเปลี่ยนไปมาก ดูอบอุ่นขึ้นถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
“เอาเรื่องลูกหมีผจญภัยนะครับลูก” ภูธิปเปิดดูหนังสือแล้วเลือกมาหนึ่งเรื่องก่อนจุ๊บที่ท้องของลูกข้าว ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจุ๊บปากนิ่ม แล้วเริ่มเล่านิทาน และก็เหมือนเดิมเล่านิทานให้ลูกฟัง แต่ว่าที่คุณแม่ก็เคลิ้มหลับไปด้วยเช่นเคย ภูธิปจึงจัดท่านอนให้ลูกข้าวได้นอนสบายขึ้น แล้วเอื้อมมือปิดไฟที่หัวเตียง ภูธิปจูบที่หน้าผากลูกข้าว ก่อนจะหลับตามคนในอ้อมกอดไป
เช้าวันต่อมาฝนตกซาๆ เท่านั้น ถือว่าสภาพอากาศดีกว่าเมื่อ 2 วันก่อนมาก พี่ภูออกไปทำงานในไร่แต่เช้าแล้ว ผมก็นั่งอ่านหนังสือรอคุณรักที่ห้องนั่งเล่น พอดีกับแม่พิมพ์ที่เดินลงมาจากข้างบน
“ข้าว ทำอะไรอยู่ลูก”
“อ่านหนังสือครับ” ผมตอบกลับ แม่ก็มานั่งข้างผมแล้ว
“อืม แล้วนี่ข้าวไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าลูก”
“ไม่ครับแม่ ตอนนี้ปกติดีครับ” ผมลูบที่ท้องแล้วยิ้มให้แม่พิมพ์
“ลำบากหน่อยนะลูก” แม่พิมพ์ลูบหัวผม
ผมจับมือแม่แล้วยิ้มให้ “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมถือว่าเป็นของขวัญจากพ่อแม่ที่ให้ผมไว้”
“ข้าว...” แม่พิมพ์ขยับเข้ามากอดลูกข้าวเอาไว้ ดอกเตอร์พิมพ์พิการู้ดีว่าลูกของตนเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
“ตอนพ่อเขารู้ว่ามีข้าว เขาดีใจมากเลยนะ แม่ก็ดีใจ” แม่พิมพ์เล่าไป ลูบหัวลูกข้าวไปด้วย
“ตอนนั้นแม่แพ้ท้องอยากกินแต่กล้วยหอม คุณพ่อซื้อมาให้ทีเป็นเครือเลย ฮ่ะๆ คิดไปถึงตอนนั้นก็ขำนะ คุณพ่อดูแลแม่เป็นอย่างดี ช่วงท้องแม่ก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย หยิบจับนั่นนี่นิดหน่อย ก็จะมีเสียงคุณพ่อบ่นอยู่ตลอด แม่ก็เหมือนข้าวที่ชอบทำงาน พอเราว่างมันก็เบื่อ แต่แม่ก็เข้าใจว่าคุณพ่อเป็นห่วง ก็เลยยอมทำให้คุณพ่อสบายใจดีกว่า อีกอย่างแม่ขี้เกียจฟังคุณพ่อบ่นน่ะ ฮ่ะๆ”
“คุณพ่อน่ารักจังครับ”
“อืม...ข้าวก็เชื่อฟังพี่ภูนะ พี่เขาเป็นห่วง แค่นี้เขาก็งานเยอะอยู่แล้ว อย่าทำให้พี่เขาไม่สบายใจนะลูก”
“ครับ แม่” ผมเงยหน้าไปยิ้มให้แม่พิมพ์ที่กอดผมอยู่
หลังจากนั้น คุณแม่ขอแยกไปทำงานต่อ ผมก็นั่งอ่านหนังสือต่อ ฝนข้างนอกยังตกปรอยๆ คุณรักอาจจะมาช้าก็ได้เพราะถนนลื่น วันนี้ผมได้รู้จักพ่อผมมากขึ้นอีกนิด มันอบอุ่นนะครับ ^^
----------------------------
TBC.
**คำผิดแจ้งได้เลยค่ะ//