บทที่ 21
By moggy
-----------------------
กว่าเดือนผ่านไป ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พี่ภูเชิญวิทยากรจากแลปอื่นที่วิจัยเรื่องนี้เหมือนกันมาบรรยายและให้ความรู้ แม่พิมพ์จะศึกษาเยอะหน่อย เพราะพี่ภูคุยกับแม่พิมพ์ว่าจะให้แม่พิมพ์เป็นหัวหน้าศูนย์ไปเลย เพราะแม่พิมพ์มีประสบการณ์ด้านนี้มานาน ตอนแรกเห็นว่าจะปฏิเสธ แต่ไปๆ มาๆ ก็ตกลง พี่ภูต้องมีไม้เด็ดอะไรแน่ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรแม่พิมพ์ก็ตกลงหมด ถ้าพี่ภูพูดอ่ะนะ ผมก็เข้าฟังเหมือนกัน ที่จริงอยากช่วยในแลปทดลองแต่พี่ภูไม่อนุญาต แม่พิมพ์เลยให้ผมอยู่ฝ่ายข้อมูลแทน นักวิจัยรับเข้ามาอีก 2 คนเท่านั้น ชื่อจ๊ะโอ๋กับจ๊ะเอ๋ เป็นฝาแฝดกัน ตอนแม่พิมพ์สัมภาษณ์พี่ภูกับผมก็อยู่ด้วย เป็นคนเก่งทั้งคู่ และที่สำคัญประสานงานกันเก่งมาก ด้วยความที่เป็นแฝดหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ แม่ผมถูกใจก็รับไว้เลย พี่ภูก็ไม่ได้ค้านอะไร เพราะให้แม่พิมพ์เป็นคนตัดสินใจได้เลย อย่างที่พี่ภูได้เคยบอกไว้แลปเราไม่ได้ใหญ่ ที่ทำเพราะส่งเสริมอาชีพเท่านั้น
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปหาน้าหมอมาเพราะครบตรวจประจำเดือน ลูกมีพัฒนาการที่ดีเลย มีการตอบสนองอยู่ตลอด ช่วงนี้ให้ระวังมากขึ้นเพราะอีกเดือนเดียวก็จะคลอดแล้ว อย่าเดินมาก พักผ่อนเยอะๆ อาจมีชาตามมือและเท้าบ้าง ก็ให้แช่ในน้ำอุ่นก็จะดีขึ้น ผมเริ่มกลัวขึ้นมา ก็มีพี่ภูกอดให้กำลังใจข้างๆ ช่วงนี้ก็กินอาการครบ 5 หมู่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือผัก ผลไม้มากขึ้น และที่สำคัญเลยน้ำมะพร้าว ไม่รู้ว่าลูกอยากกินหรือผมอยากกิน กินมาตลอดตั้งแต่ท้องไตรมาสแรก
บ่ายคล้อยก็กลับมาที่บ้านกัน พี่ภูก็กลับมาด้วย คุณแม่ก็เพิ่งกลับมาจากในเมือง ไปจัดการงานที่โรงแรมมา ตลอดการเดินพี่ภูประคองผมตลอด ต้องบอกว่าช่วงนี้พี่ภูแทบไม่ห่างผมเลย งานครัวก็งดทำ เพราะต้องยืนนาน พี่ภูให้ป้าสายทำอาหารให้เหมือนเดิม
“กลับมากันแล้วหรอจ๊ะ” คุณแม่ที่นั่งอยู่ก่อนถามขึ้น
“ครับ” พี่ภูตอบเสียงเรียบ แล้วประคองผมมานั่งที่โซฟาอีกด้าน หยิบหมอนรองหลังให้พิง
“คุณพี่ไปในเมืองมาหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ไปจัดการเอกสารที่โรงแรมมาน่ะ มะรืนว่าจะชวนคุณพิมพ์ไปช้อปปิ้งกัน ว่าจะซื้อของหลายอย่างเลย คุณพิมพ์ว่างไหมคะ”
“มะรืนหรอคะ ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก เอาเป็นว่าพิมพ์ว่างละกันค่ะ อยากไปช้อปอยู่เหมือนกัน”
“แล้วหนูข้าวเป็นยังไงบ้างลูก” คุณแม่หันมาถามผมต่อ
“ก็อึดอัดหน่อยครับ เดินไม่ค่อยสะดวก แล้วก็เจ็บท้องหน่วงๆ บ้าง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรครับ”
“อืม...ก็อาการปกติของคนท้องนะลูก อดทนนะ...อีกเดือนเดียวจะคลอดแล้ว กลัวรึเปล่าลูก”
“ก็กลัวๆ บ้างครับ” พี่ภูที่นั่งอยู่ข้างกันลูบหัวผมเบาๆ ผมของผมเริ่มยาวเคลียข้างแก้มแล้ว เลยมัดผมข้างหน้าเป็นจุกขึ้นเพราะมันชอบทิ่มตา
“ไม่ต้องกลัวนะลูก ทุกคนอยู่ข้างๆ ลูกนะ” คุณแม่กุมมือผมแล้วเอ่ยขึ้น
“ครับ” ผมยิ้มให้กับทุกคน
“แม่...ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” พี่ภูพูดขึ้นต่อ
“ว่า” คุณแม่หันไปหาพี่ภู พอดีกับแหววเอาผลไม้เข้ามาให้
“ผมจะต่อเติมบ้าน”
“อืม ก็ดีนะ เพราะตอนนี้เราไม่มีห้องสำรองเลย” ผมกับพี่ภู 1 คุณแม่กับแม่พิมพ์คนละ 1 ห้องลูก 1 อืม...ไม่มีจริงๆ ด้วย ที่จริงแม่พิมพ์กะจะซื้อบ้านที่นี่ด้วยซ้ำ เกรงใจบ้านพี่ภู แต่พี่ภูบอกถ้าซื้อก็ต้องไปๆ มาๆ อยู่ดี มาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า คุณแม่ก็เห็นด้วย แม่พิมพ์ก็เลยตกลง
“แม่ช่วยติดต่อช่างให้ด้วย ผมว่าจะขยายตรงส่วนหลังบ้านทั้ง 2 ชั้นเลย”
“ได้ เดี๋ยวแม่ติดต่อให้ เออ...แม่ก็ลืมห้องตาหนูไปเลย วันก่อนให้ช่างมาติดแค่วอลเปเปอร์” คงจะหมายถึงห้องที่ผมเคยอยู่ที่ตอนนี้ทำเป็นห้องลูกไปแล้ว พี่ภูว่าจะเจาะประตูเชื่อมด้วย อืม...ผมก็ว่าดี ตอนแรกผมก็ถามว่าทำไมไม่ให้ลูกนอนห้องเรา พี่ภูบอกว่าเสียงอื่นมันรบกวนลูก เราเอาเขาเข้านอนแล้ว แต่เรายังเดินไปมา เดินเข้าห้องน้ำ หยิบนู้นนี่เสียงดังอีก เห็นว่าไปอ่านจากเว็บไซต์ต่างประเทศมา พี่ภูบอกไม่ต้องห่วง เดี๋ยวติดทั้งกล้องวงจรปิดและวอไว้ด้วย อืม...ผมก็เบาใจ
“ไหนๆ ก็เรียกช่างมาแล้ว เดี๋ยวให้จัดการห้องตาหนูให้เสร็จเลยล่ะกัน คุณพิมพ์เดี๋ยวไปซื้อของตาหนูด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ คุณพี่ พิมพ์ว่าจะซื้อเสื้อผ้าเด็กสักหน่อย”
“ดีค่ะ คุณพิมพ์” ตอนนี้คุณแม่ทั้ง 2 อยู่ในโลกส่วนตัวกันไปเรียบร้อยแล้วครับ ผมเลยหันไปมองหน้าพี่ภู พี่ภูแค่ส่ายหน้าไปมา
+++++++++++++++++++++++++++
วันนี้คุณแม่ทั้ง 2 ไปช้อปปิ้งกันตั้งแต่สายๆ มีลุงยิ้มขับรถให้ ช่างที่คุณแม่ติดต่อให้ได้เข้ามาประเมินสถานที่ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกพี่ภูจะขยายแค่ส่วนหลัง ไปๆ มาๆ ให้ขยายส่วนด้านข้างไปด้วย พี่ภูให้ช่างทำงานแค่ช่วงกลางวันเท่านั้น เพราะตอนกลางคืนไม่อยากให้ทำเสียงดังรบกวนผมและคุณแม่ ก็เป็นอันตกลง วันนี้พี่ภูไม่เข้าไร่เพราะเมื่อคืนทำงานดึกเลยยังนอนไม่ตื่น ผมก็ไม่อยากปลุกสักเท่าไรถ้ามันยังไม่สายแล้ว พี่ภูยังไม่ได้กินข้าวเลย ผมเลยค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอน
ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วเขย่าคนตัวใหญ่
“พี่ภูตื่นได้แล้ว”
“อื้ม...” คนตัวโตเริ่มขยับตัว ปกติพี่ภูเป็นคนตื่นง่ายครับ แต่ถ้านอนดึกก็จะอีกแบบเลย ‘ขี้อ้อน’
“สายแล้วพี่ภู ตื่นไปกินข้าวครับ”
“อื้อ...” พี่ภูเริ่มเลื้อยตัวเองมานอนหนุนตักผม ใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวผมไว้
“ฮ่ะๆ ถ้าใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไงน๊า” พี่ภูเริ่มจุ๊บหน้าท้องผมหลายที ก่อนจะเงยหน้ามาหาผม
“ไม่มีใครได้เห็นหรอก นอกจากข้าวคนเดียว” มียักคิ้วหลิ่วตาให้อีก เดี๋ยวเถอะ
“พี่ภูอ่ะ ไปครับลุกได้แล้ว ไปกินข้าวกัน”
“เถียงสู้ไม่ได้ เปลี่ยนเรื่องเลยนะ” พี่ภูเริ่มลุกขึ้นนั่ง
“เปล่าซะหน่อย” ผมยู่ปากเล็กน้อย
“หึหึ” พี่ภูเอนตัวมาจุ๊บผมแล้วหอมแก้มไปที
“พี่ภู...”
“เตรียมเสื้อผ้าให้พี่ด้วย” คนตัวโตจุ๊บปากผมเร็วๆ อีกครั้งก่อนลุกไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ฮึ่ม...พี่ภูนะพี่ภู ผมลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วไปเตรียมเสื้อผ้าให้พี่ภู พอเสร็จจากตรงนั้นก็เดินไปจัดเอกสารที่วางบนโต๊ะทำงานพี่ภูให้เรียบร้อย พอดีกับพี่ภูอาบน้ำเสร็จ
คนตัวใหญ่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา ผมเปียกลู่ลงเพราะเพิ่งสระผม พี่ภูไม่ยอมเช็ดให้แห้ง ทำให้น้ำหยดลงใส่ตามตัว ผมเลยต้องหยิบผ้าผืนเล็กไปเช็ดผมให้
“พี่ภูมานั่งนี่ ข้าวเช็ดผมให้” พี่ภูก็เดินมาหาอย่างว่าง่าย แล้วนั่งลงข้างเตียงระหว่างขาผม
“อืม...สบายจัง” ระหว่างที่ผมเช็ดผมให้ พี่ภูก็เอ่ยออกมา
“ฮิฮิ ทำเป็นคนแก่ไปได้”
“พี่ก็อายุไม่ใช่น้อยแล้วนะ”
“หรอครับ ลุงภู”
“เดี๋ยวเถอะ ล้อเลียนพี่” พี่ภูดึงมือผมข้างที่ใส่แหวนแต่งงานไปจูบหนักๆ
“ผมแห้งแล้วครับ พี่ภูไปแต่งตัวเถอะ”
“อืม” พี่ภูลุกไปแต่งตัว ผมก็เอาผ้าไปตาก
“อ่อ พี่ภูแล้วบีมเป็นยังไงบ้างครับ”
“พี่ให้ชินดูแล” หลังๆ มาผมไม่ค่อยได้เข้าไร่ เพราะพี่ภูห้ามเอาไว้ ก็เลยไม่ได้เจอกลุ่มแม่บ้านในโครงการ บีมก็ช่วยทางนี้ด้วยเหมือนกัน ผมค่อนข้างเอ็นดู เพราะเป็นเด็กขยัน
“ก็ดีครับ”
หลังจากทานข้าว พี่ภูก็พามานั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น และเพราะมีพี่ภูอยู่ด้วยผมเลยไม่เบื่อ พี่ภูจับผมให้นั่งพิงอก ก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวผมแล้ววางมือที่ท้องนูนลูบไปมา ผมกับพี่ภูนั่งดูไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดกับข่าวหนึ่ง ‘นายแพทย์สมพรปลิดชีวิตตัวเองในคุก’
“พี่ภูนั่น” ผมชี้ให้พี่ภูดู
“อืม...พี่เห็นแล้ว” พี่ภูลูบหัวผมไปมา
“ไม่น่าเลยนะครับ” ผมมองด้วยความสังเวช อาชีพการงานก็ดี ไม่น่าขวนขวายอยากมีอยากได้เลย ไม่อย่างนั้นอนาคตเขาอาจจะไปได้ไกลกว่านี้
“อืม เวรกรรมมีจริง” พี่ภูเอ่ยพร้อมกดเปลี่ยนช่อง
“คึ...คึคึ ขอโทษครับพี่ภู ไม่น่าเชื่อว่าพี่ภูจะพูดเรื่องเวรกรรม”
“ล้อเลียนพี่อีกแล้วนะ เดี๋ยวจะโดนทำโทษไม่ใช่น้อย” พี่ภูจุ๊บเหม่งผมแรงๆ อย่างคาดโทษ ตอนนี้ผมยังปากเก่งได้ครับ เพราะช่วง 3 เดือนสุดท้ายพี่ภูค่อนข้างระวังในเรื่องนั้นแทบจะไม่แตะผมเลย แค่นอนกอดเท่านั้น
“ไม่กลัว” ผมยู่ปากอย่างท้าทาย
“หึหึ หลังคลอดเจ้าตัวเล็ก พี่จะคิดทบต้นทบดอกเลย เตรียมตัวให้ดีเถอะ” สายตาพี่ภูไม่น่าไว้ใจเลย แต่เอาเถอะครับ อีกนานกว่าจะถึงวันนั้น ตอนนี้ผมขอแกล้งพี่ภูก่อน
“จะรอนะลุงภู…” ผมลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน พี่ภูเลยก้มลงมาจูบผม เป็นเวลานานทีเดียวก่อนจะผละออกมาเลาะเล็มตามแนวริมฝีปาก จูบซับอยู่อย่างนั้น ผมแทบหายใจไม่ทันเลยทุบอกคนตัวโตไปที
“คนขี้แกล้ง” ผมลืมไปว่าไม่ทำเรื่องอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะจูบไม่ได้สักหน่อย ลืมคิดไปจริงๆ
“หึหึ”
+++++++++++++++++++++++++
เสียงรถแล่นเข้ามาในบริเวณบ้านช่วงสายของอีกวัน ผมกำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่เลยวางเข็มที่มีดอกมะลิที่เรียงกันเป็นแนวแถวลงบนถาด แล้วพยุงตัวเองขึ้นนั่งตรง ‘ใครนะ’
“คุณข้าวคะ คุณรักมาค่ะ” แหววเดินเข้ามาบอกก่อนจะเดินนำผู้มาใหม่ทั้ง 3 คนเข้ามา
หืม...เด็ก
“คุณรัก” ผมเอ่ยชื่อเจ้าตัวพร้อมยิ้มให้
“สวัสดีครับ คุณข้าว”
“สวัสดีครับ”
“น้องนนท์ น้องนันท์ สวัสดีคุณอาข้าวก่อน”
“สาหวาดดีฮับ” เด็กแฝดยกมือพนมไว้ที่อกแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน น่ารักจริงๆ
“สวัสดีครับ คนไหนน้องนนท์ คนไหนน้องนันท์ครับ” เด็กแฝดคู่นี้เหมือนกันแทบทุกอย่าง ดูยากมาก
“น้องนนท์คับ” เด็กแฝดทางซ้ายมือคุณรักชี้ที่อกตัวเองแล้วว่าขึ้น
“น้องนันท์คับ” แฝดทางขวามือคุณรักชี้ที่ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นบ้าง
“ครับๆ” ผมลูบหัวเด็กทั้ง 2 คนเบาๆ
“น้องนนท์ น้องนันท์ไปกินขนมกับพี่แหววไหมคะ” แหววเอาน้ำเข้ามาให้พอดีเอ่ยชวนเด็กๆ
“มะ กินหนม” น้องนันท์กระตุกขากางเกงของคุณรักไปมาอย่างอ้อนๆ เห็นอย่างนั้นแล้ว ก็อยากเจอลูกมี๊ไวๆ จัง ผมลูบท้องไปมา
“ก็ได้ครับ เสร็จแล้วกลับมาหามะที่นี่นะ” คุณรักนั่งคุกเข่าลงทั้งสองข้าง แล้วลูบแก้มใสทั้ง 2 คน “ฮับ” เด็กแฝดรับคำก่อนคุณรักจะปล่อยให้เดินไปกับแหวว
หลังจากอยู่กันแค่ 2 คน
“เชิญนั่งครับ คุณรัก”
“ขอบคุณครับ”
“มากันยังไงครับ”
“คุณชามาส่งก่อนจะไปหาคุณภูที่ไร่น่ะครับ เห็นว่ามีธุระ”
“อ่อ…แล้วเด็ก...”
“ลูกคุณชาครับ ปิดเทอมกลับมาอยู่กับคุณชา ปกติอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ของคุณชาในเมืองครับ” คุณรักเอ่ยตอบผมให้หายสงสัย
“ก็ว่าอยู่ เห็นพี่ภูพูดถึงบ่อย เด็กๆ น่ารักนะครับ”
“ครับ...น่ารัก แต่ตอนดื้อนี่ก็เอาเรื่องอยู่ครับ” คุณรักพูดไป ยิ้มไป
“ผมคิดว่าคุณชากับคุณภูน่าจะคุยธุระกันนาน ก็เลยให้มาส่งที่นี่ก่อน แวะมาหาคุณข้าวก็ดีครับ ไม่ได้คุยกันนานแล้ว” ก็ตั้งแต่ที่คุณรักให้ผมสอนทำเค้ก ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“ขอบคุณนะครับคุณรัก ผมจะได้มีเพื่อนคุย เพราะตอนนี้จะเดิน จะนั่ง ก็ลำบากเต็มที” ผมยิ้มให้
“แล้วนี่คุณข้าวทำอะไรอยู่ครับ”
“ร้อยพวงมาลัยถวายพระครับ คุณรักลองดูไหม”
“อย่าเลยครับ ดอกไม้จะช้ำหมด ฮ่ะๆ”
“ฮ่ะๆ คุณรักก็...”
ผมกับคุณรักนั่งคุยกันไปเรื่อย พวกเด็กๆ ก็กลับมานั่งเล่นของเล่นที่หน้าโซฟาแล้ว มีแหววคอยช่วยดูอยู่ข้างๆ ตกบ่ายหลังจากที่ทานข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ให้เด็กๆ กินนมก่อนที่เด็กแฝดจะพากันหลับปุ๋ยไป ผมก็ช่วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่คุณรักจะทำ ทั้งชงนม จับเด็กแฝดนอนกินนมพร้อมกันอย่างคล่องแคล่ว ผมยังอึ้งเลย
“คุณรักนี่คล่องนะครับ”
“ทำจนชินน่ะครับ”
“หืม...”
“อ่อ...ผมหมายถึงนอกจากสอนแล้วก็มีหน้าที่ดูแลเด็กๆ ด้วยน่ะครับ”
“อ๋อ...ครับ” ผมยิ้มรับอย่างเข้าใจ
บ่ายคล้อยก็ได้ยินเสียงรถพี่ภูแล่นเข้ามา และเสียงรถอีกคันที่ตามมา ก่อนที่ร่างทั้ง 2 จะเดินเข้ามาภายในบ้าน
“พี่ภู” ผมเอ่ยเรียกพี่ภูตอนกลับจากไร่เป็นประจำ พี่ภูก็จะเข้ามาหอมแก้มเป็นประจำเหมือนกัน แต่ครั้งนี้มีแขก ผมเลยเบี่ยงตัวหนี พี่ภูขมวดคิ้วแล้วมองหน้าผม “มีแขก” ผมเอ่ยออกไป พี่ภูพ่นลมออกมาเล็กน้อย ก่อนผมจะหันไปทักคุณชา
“สวัสดีครับ คุณชา” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับที่พี่ภูจับหน้าผมให้หันไปหาแล้วก้มลงมาหอมทั้ง 2 แก้มอย่างเคยชิน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม
“พี่ภู!!!”
“อะไร” ตีหน้ามึนใส่ผมอีก เดี๋ยวเถอะ
“ฮ่าๆ สวัสดีครับ คุณข้าว” คุณชาหัวเราะก่อนจะทักผมกลับ
“หน้ามึนนะมึง” คุณชาหันไปด่าเพื่อน พี่ภูแค่เลิกคิ้วเล็กน้อย
“สวัสดีครับ คุณภู” คุณรักที่เพิ่งเดินมาจากครัว เพราะไปล้างขวดนมมา ทักพี่ภูขึ้น
“สวัสดีครับ” พี่ภูทักกลับสั้นๆ เท่านั้น
“นนท์ นันท์ล่ะ” คุณชาเอ่ยถามคนที่นั่งเก็บของอยู่
“นอนอยู่ครับ อีกสักพักค่อยไปปลุก” เพราะตอนนี้ก็บ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว ถ้าเด็กแฝดนอนนานกว่านี้ เดี๋ยวตอนดึกจะนอนไม่หลับกัน เห็นคุณรักว่าอย่างนั้นนะ ผมก็นั่งเก็บข้อมูลไปพราง
“อืม” ชาครตอบแค่นั้นแล้วหันไปคุยกับภูธิปต่อ
“อย่าลืม กูฝากด้วย”
“อืม” พี่ภูตอบแค่นั้น
“คุณชากับคุณรักรอทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ” ผมเอ่ยชวน
“วันนี้ต้องขอตัวครับ พ่อกับแม่ผมรอทานข้าวกันอยู่”
“อ่อ...ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้
“เดี๋ยวจะโดน หยุดยิ้มเลยนะ” พี่ภูเอนตัวมากระซิบใกล้ๆ
“อะไร ข้าวไม่ได้ทำ” ผมแค่ยิ้มตามมารยาทเท่านั้นเอง
“อย่าเถียง ห้ามยิ้มให้คนอื่น” คำสั่งอย่างเด็ดขาด
หลังจากที่น้องนนท์ น้องนันท์ตื่น คุณชาก็พาคุณรักกับเด็กแฝดกลับเลยเพราะที่บ้านรออยู่ พี่ภูเดินออกไปส่งหน้าบ้าน ส่วนผมพี่ภูบอกให้รอที่นี่ ก็คือนั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละครับ...
----------------------------
TBC.
**คำผิดแจ้งได้เลยค่ะ//
**ต้องขอโทษที่มาต่อช้านะคะ มีเหตุจำเป็นค่ะ