ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]  (อ่าน 612218 ครั้ง)

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 42 : รวมพลัง


ภายในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีบรอนซ์เงินที่กำลังวิ่งไปบนเส้นทางหลวง ซึ่งจุดหมายปลายทางคือเมืองเชียงใหม่ รวินท์เอนตัวลงนอนบนพนักเบาะที่ปรับระดับให้เอนลงไปจนเกือบสุด เขาหันหลังให้กับคนขับ พยายามข่มตาให้หลับๆ ไปเสียที

ใช่แล้ว พวกเขากำลังขับรถกลับไปเชียงใหม่ เมื่อวานแวะพักที่พิษณุโลก แล้วก็แวะไปไหว้พระกัน พอเช้าของวันใหม่ก็ขับรถต่อ ภูพิงค์ดูรีบๆ ชอบกล คงอยากให้ถึงเชียงใหม่วันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์พอดีล่ะมั้ง

แต่เขาน่ะ... ยังไม่อยากกลับเลย ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับไอ้เต้สักเท่าไหร่ เวลาหนึ่งสัปดาห์ช่างผ่านไปรวดเร็วซะเหลือเกิน

“นอนดีๆ ดิพี่ ห่มผ้าด้วย” เด็กหนุ่มที่ขับรถอยู่ตบลงบนสะโพกอีกฝ่ายสองสามที จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดเปิดเพลง และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู

รวินท์แอบทอดถอนใจเบาๆ อันที่จริง... หลังจากตกลงคบกับภูพิงค์มาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ ใช้เวลาด้วยกันตลอด นอนค้างคืนข้างกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่กระเตื้องไปไหนเลย ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อตอนก่อนคบกันมากนัก

เขาก็ดีใจล่ะนะที่เด็กหนุ่มคอยดูแลเอาใจใส่ แต่แบบ... นอกจากหอมแก้ม จูบ กอด และจับมือกันแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ขยับไปทำอย่างอื่น ไม่มีแม้แต่วี่แววเลยด้วย เวลาที่คบกันมาเกือบหนึ่งสัปดาห์สำหรับอีกฝ่ายคงจะยังน้อยเกินไป

แล้วมันควรต้องนานสักแค่ไหนกันวะ!

ส่วนตัวเขาน่ะหรือ เมื่อก่อนน่ะ ถ้าลองพาใครขึ้นห้องได้ ก็ไม่เคยต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงเลย

หรือเขาจะใจง่ายไปอย่างที่พิงค์เคยว่า... แต่โดยเฉพาะคนรักกันชอบกัน มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะอยากมีความสัมพันธ์ที่แนบชิดกันมากขึ้นหรือไงวะ

แต่เขาเป็นผู้ชาย มันอาจจะยากสำหรับพิงค์ที่จะเกิดความรู้สึกอยากทำเรื่องอย่างว่า... คลำไปคลำมา เจอของเหมือนๆ กัน เด็กหนุ่มอาจจะช็อก ขนหัวลุกไปเลยก็ได้

หากถ้าเป็นเขา เขาไม่รังเกียจพิงค์หรอกนะ แต่จะเป็นคนเริ่มเสียเองก็ไม่กล้าอีกนั่นล่ะ คนอย่างเขามันมีอดีตค้ำคอ

“ฮื่อ...” รวินท์ครางอย่างอ่อนใจ

ไอ้ที่พิงค์บอกว่าชอบ บอกว่าเป็นแฟนกัน นั่นหมายถึงเป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ไหมวะ? หรือคำว่าแฟนมันมีความหมายอื่นอีก... ก็ไม่น่านะ

ถ้าพิงค์คิดจริงจังกับความสัมพันธ์นี้ อย่างน้อยก็น่าจะไม่ปิดบังเรื่องเขากับที่บ้านมั้ยวะ แต่เขาเองก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านนี่หว่า

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ เขาบ้าเองที่รีบร้อนเกินไป คงเพราะชอบภูพิงค์เอามากๆ ล่ะมั้ง

จู่ๆ รถที่ขับอยู่ก็เบี่ยงเข้าข้างทาง ก่อนเด็กหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยรถจะหันมาจับผ้าห่มให้คลุมตัวคนที่เอนตัวนอนอยู่ดีๆ

รวินท์หันขวับพร้อมกับผงกศีรษะขึ้น “มีอะไรเหรอ”

“อ้าว ผมนึกว่าพี่หลับ เลยจะห่มผ้าให้น่ะ แอร์เย็นๆ กลัวพี่ไม่สบาย” ภูพิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยน

รอยยิ้มแบบนี้คงเป็นสิ่งที่เยียวยาใจเขาเป็นอย่างดี ทำให้เขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มมีใจให้กันจริงๆ

รวินท์ยิ้มตอบ “ขอบใจ นอนเล่นเฉยๆ อะ ไม่ได้ง่วง”

“โอเค” ภูพิงค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู และพิมพ์ข้อความลงไปนิดหน่อย เขาหันไปบอกกับอีกฝ่าย “ผมขับต่อล่ะนะ”

หลังจากรถเคลื่อนไปได้อีกสักพักหนึ่ง ทันตแพทย์หนุ่มพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่ขับรถอยู่ เวลาพิงค์ขับรถก็ดูเท่ดีนะ เขาชอบมองท่อนแขนสีคร้ามแดดนั่น มันดูแข็งแรงโคตรๆ เพราะอย่างนั้นเขาถึงชอบให้เด็กหนุ่มกอดล่ะมั้ง

“พิงค์”

“หือ” คนอ่อนวัยกว่าตอบรับ โดยที่สายตายังมองตรงไปบนถนน

“ผมชอบคุณ”

ภูพิงค์หันขวับ แล้วหันกลับไปมองถนนต่อ เขาหัวเราะเบาๆ พลางเอื้อมมือไปวางประกบหลังมืออีกฝ่าย “ผมก็ชอบพี่... อารมณ์ไหนวะเนี่ย”

“อารมณ์อยากบอกเฉยๆ” รวินท์จับจ้องใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่ม จะว่าไปภูพิงค์ก็หล่อนะ หน้าหวาน ตาคม ริมฝีปากก็ดูน่าจูบ อะไรๆ ก็ดูดีถูกใจเขาไปเสียหมด ต่อให้มีสิวเม็ดเท่าบ้านขึ้นตรงปลายจมูกก็คงดูน่ารัก

เฮ้อ... นี่เขาคงอยู่ในช่วงหลงแฟนล่ะมั้ง

“ถึงไหนแล้วอะ”

“ลำปาง”

“คุณขับรถมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ ให้ผมขับต่อมั้ย”

“ผมเพิ่งขับมาแค่สามชั่วโมงเอง พี่หิวยังล่ะ เมื่อยมั้ย”

รวินท์ปรับพนักเก้าอี้ขึ้น พลางถอนหายใจ “หิว... เบื่อนั่งรถแล้ว อยากลงไปเดิน แล้วคืนนี้จะนอนไหนอะ กลับเชียงใหม่เลยรึเปล่า”

“ยังอะ ที่จริงมีเซอร์ไพรส์ให้พี่นิดหน่อย”

“เซอร์ไพรส์อะไร” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว

“จริงๆ คืนนี้ผมนัดไอ้พวกนั้นไว้ จะพาพี่ไปเที่ยวที่ขุนตาล ตอนนี้อากาศดีมากด้วย”

“จริงอะ เย้!” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง

“ยิ้มไปเหอะ เดี๋ยวพาเดินขึ้นเขาแล้วอย่าร้องก็ละกัน จะพาเดินให้หายเบื่อ ไม่อยากเดินไปอีกหลายวันเลย”

“เหอะ มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว”

ภูพิงค์กระตุกยิ้มมุมปาก “ผมจะคอยดู”

“แล้วเพื่อนคุณมากันยังไง”

“ขับรถอีแซนดี้มา เห็นพวกมันว่าเย็นนี้จะทำหมูกระทะต้อนรับพี่กัน” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปตบลงบนตักอีกฝ่ายเบาๆ “ที่จริงผมอยากไปเที่ยวกับพี่สองคนนะ แต่หลายวันมานี่ดูพี่เนือยๆ ยิ่งใกล้กลับเชียงใหม่ พี่ก็ยิ่งดูเครียดมากขึ้น ผมเองก็เอนเตอร์เทนไม่เก่ง พอผมปรึกษากับไอ้พวกนั้น พวกมันเลยชวนไปเที่ยว ให้ไปเจอกันที่ขุนตาล เจอพวกมันทีละหลายๆ คน พี่จะได้เปลี่ยนเรื่องเครียดไปเครียดเรื่องพวกมันแทนบ้าง”

รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจนะ”

“เราจะค้างกันสองคืนนะพี่ ที่บ้านพักของอุทยาน ตอนนี้ไอ้พวกนั้นน่าจะไปถึงแล้วล่ะ เมื่อกี้พวกมันเมสเสจมาบอกว่าแวะตลาดกันเรียบร้อย กำลังขับรถขึ้นดอยกัน ให้พวกมันไปก่อนจะได้แบกของไปรอกันที่บ้านพัก ของกินเพียบ ผมย้ำไปหลายรอบว่าพี่หิวบ่อย เพราะงั้นพี่ไม่ต้องห่วงเลย”

“ทำไมถึงคิดว่าผมจะห่วงแต่เรื่องกินวะ”

“เพราะผมรู้จักพี่ดีไง”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าอดอยากล่ะวะ

รถยนต์คันโตวิ่งต่อไปอีกสักพักพื้นถนนก็เริ่มชันขึ้น และชันขึ้นอีกเรื่อยๆ เส้นทางคดเคี้ยวไปมา แต่เพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งสักเท่าไหร่จึงขับไปได้แบบสบายๆ ไม่นานก็ถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล หลังจ่ายเงินค่าธรรมเนียมของอุทยานแล้ว ภูพิงค์ก็ขับรถไปจอดในที่จอดให้เรียบร้อย

“พี่หมอ! ไอ้พิงค์!”

พอก้าวลงจากรถมา สี่หนุ่มที่มารออยู่ก่อนแล้วก็โบกไม้โบกมือเรียก พร้อมกับวิ่งมารับถึงที่รถกันเลยทีเดียว

รวินท์ยิ้มกว้าง “ไงทุกคน”

แซนดี้วิ่งเข้าไปสวมกอด แถมยังหอมแก้มซ้ายขวา “คิดถึงพี่หมออ้ะ ไม่ได้เจอกันเกือบสามอาทิตย์เลยนะเนี่ย”

“เฮ้ยๆ น้อยๆ หน่อยอีแซนดี้” ภูพิงค์ถีบเจ้าของชื่อออก จากนั้นจึงหันไปเช็ดแก้มให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เดี๋ยวขี้กลากขึ้น”

“เกินไปเว้ย” แซนดี้ถีบกลับ

ทว่าระหว่างที่สองคนทะเลาะกันอยู่ คนอื่นๆ ก็ผลัดกันเข้ามากอดทันตแพทย์หนุ่มซะอย่างนั้น

ในขณะที่รวินท์อ้าแขนรับสวมกอดจากทุกคน ภูพิงค์ก็โวยวาย “พี่วิน! เว้ย พวกมึงนี่!”

“ทำไมวะ พวกกูก็คิดถึงพี่หมอป่ะ”

ก่อนที่ทุกคนจะโวยวายเสียงดังมากไปกว่านี้ เสียงท้องร้องของทันตแพทย์หนุ่มก็ดังขึ้นแทรก จนเขาต้องยกมือขึ้นกุมท้อง “กินไรกันมายังอะ ผมหิวจัง”

“โห พี่หมอสายแดกของแท้ อย่างที่ไอ้พิงค์ว่าไว้เด๊ะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว เขาหันขวับไปทางภูพิงค์ “ผมชักอยากรู้แล้วว่าคุณพูดถึงผมไว้ว่าไงบ้างอะ”

“ก็พูดแต่เรื่องจริงอะพี่”

“ไปกินที่ร้านสวัสดิการนะพี่ พวกผมสั่งอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวลงไปดูรถไฟ แล้วค่อยกลับมารอดูพระอาทิตย์ตกดินกัน”

“ดีๆ ไปเลย”

ที่ร้านสวัสดิการมีโต๊ะใหญ่ให้หกหนุ่มนั่งรวมกันได้ ทว่าแม้โต๊ะจะใหญ่ขนาดไหน อาหารที่พวกเขาสั่งกันมาก็วางได้จนเต็ม โชคดีที่พวกแซนดี้บอกกับร้านไว้ก่อนว่าให้หุงข้าวเผื่อการยัดทะนานของพวกเขาด้วย หกหนุ่มจึงมีข้าวปลาอาหารกินกันเต็มที่

เมื่อเริ่มอิ่มที่ร้านก็ยกผลไม้ออกมาให้อีก คราวนี้แม่ครัวกับคนในร้านออกมาชวนคุยกันด้วย

“เนี่ย โชคดีวันนี้เพิ่งลงไปตลาดมา เลยมีหมู เนื้อ ไก่ ผักสดเพียบเลย แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้คงต้องลงไปใหม่ พวกหนูๆ กินซะหมดแล้ว”

“ซื้อมาเผื่อทำมื้อเย็นให้พวกผมด้วยเลยครับ พรุ่งนี้จะขึ้นเขากัน ลงมาคงหมดแรง ไม่มีอารมณ์ทำมื้อเย็นกินเองแน่ๆ”

“เอาสิ จะกินอะไรสั่งไว้เลย เดี๋ยวป้าลงไปตลาดจะได้เตรียมไว้”

รวินท์หันไปมองพวกเด็กหนุ่ม “ขึ้นเขานี่... มันไกลมากเลยเหรอ”

“เจ็ดโลอะพี่วิน ขึ้นเจ็ดลงเจ็ด ก็สิบสี่โล”

“ฮะ!”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “ไหวมั้ยอะลุง ไหนว่าอยากเดินไง”

“ข้างบนสวยมากเลยนะคะ อากาศตอนนี้เย็นสบาย ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง”

ทันตแพทย์หนุ่มสบสายตากับทุกคนในโต๊ะ งานนี้ถ้าเขาปฏิเสธก็คงขายหน้าตาย ได้โดนทั้งกลุ่มรุมเรียกว่าลุงแน่ๆ เขาตอบกลับไปอย่างหวาดๆ “ลองดูก็ได้”

หลังกินกันเสร็จและนั่งพูดคุยรอย่อยอาหารกันไป พวกเขาก็ออกไปเดินดูสถานที่พักและถ่ายรูปกัน จากนั้นก็ไปดูรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาล กว่าจะกลับมาถึงที่พักกันก็ฟ้ามืดแล้ว เพราะเป็นเดือนธันวาคมจึงทำให้มืดเร็วกว่าปกติ

บ้านพักที่พวกเขาพักเป็นบ้านหลังใหญ่ มีหนึ่งห้องนอนใหญ่สำหรับสี่คนและหนึ่งห้องนอนเล็กสำหรับสองคน สี่หนุ่มที่มาถึงก่อนเตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว พอซมซานกลับมาถึงที่พัก พวกเขาก็ตั้งวงปูเสื่อเตรียมทำหมูกระทะกันเลย

เมื่อกินเสร็จแล้วก็ยังนั่งคุยกันต่อไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบเที่ยงคืน

“หนาวเหมือนกันนะเนี่ย”

“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าห่มมาให้” ภูพิงค์รีบลุกขึ้นเดินเข้าบ้านพักไป ไม่นานก็เดินกลับออกมา เขากางผ้าห่มออกแล้วเอามาห่อตัวทันตแพทย์หนุ่มไว้

“ขอบใจ” รวินท์แหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้

ซัน ดิว ขิงและแซนดี้ใช้ศอกสะกิดกันเป็นพัลวัน มองไปเบะปากไป แต่แซวไม่ได้ เพราะไอ้พิงค์มันห้ามไว้

แม่งดูแลกันดีเหลือเกิ๊น... หมั่นไส้!

“ไอ้พิงค์ กูหนาว” ซันพูดขึ้นบ้าง

“ไปเอาผ้าห่มที่ห้องมึงดิ”

“ไม่ไปเอาให้กูบ้างอ่อ”

“มีตีนมะ ถ้าไม่มีก็นั่งหนาวต่อไปเหอะมึง”

ซันลุกขึ้น ส่งนิ้วกลางให้เพื่อนรักก่อนจะเดินเข้าห้องไปหยิบผ้าห่มมาแจกคนละผืน คราวนี้เลยเหลือภูพิงค์คนเดียวที่ไม่มีผ้าห่ม

รวินท์กางผ้าห่มออกแล้วเอาคลุมให้เด็กหนุ่ม “มานี่ดิ ห่มด้วยกันก็ได้”

ส่งผลให้สี่หนุ่มเข้าใจถึงคำว่าไร้คู่อย่างถ่องแท้ มันก็จะเหงาๆ โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่สักหน่อย แต่สรุปว่าไอ้พิงค์กับพี่หมอคงลงเอยกันแล้วสินะ ไอ้พิงค์ไม่ได้บอกอะไรพวกเขา แต่แบบ... ใครดูไม่ออกก็โง่ตาย

“เอาล่ะ พี่หมอ ไอ้พิงค์ พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันเหอะว่ะ”

“หือ เรื่องสำคัญ” รวินท์เลิกคิ้วขึ้น

“เรื่องพี่เต้”

สีหน้าของทันตแพทย์หนุ่มเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่มีในคราวแรกหายวับไปกับตา หัวใจร่วงวูบ แต่ขณะที่จะประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ภูพิงค์ก็ดึงมือที่เย็นเฉียบไปกุมไว้แทน

“มีอะไรเหรอ” รวินท์ถามเสียงแผ่ว

สี่หนุ่มหันมองหน้ากัน ก่อนดิวจะเป็นคนพูดขึ้น “พวกผมดูรู้นะว่าพี่หมอเต้ชอบพี่หมอน่ะ แล้วพวกพี่ก็มีปัญหากันรุนแรง ถึงได้กลับไปกรุงเทพฯ อย่างนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มประสานสายตากับคนรัก พอภูพิงค์พยักหน้า เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังคร่าวๆ

ใบหน้าของเหล่าเด็กหนุ่มเคร่งขรึม ทว่านัยน์ตาของพวกเขาฉายแววอ่อนโยน ทุกคนรับฟังปัญหาของรวินท์อย่างจริงจังและจริงใจ

“ไอ้พิงค์บอกว่าพอพี่หมอใกล้กลับเชียงใหม่ก็ดูเครียดๆ แต่พี่ยังมีเวลาทำใจอีกนิดหน่อยล่ะผมว่า” ขิงพูดขึ้น แล้วหันไปมองซันเพื่อส่งไม้ให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“พี่นิ้งบอกว่า พี่หมอเต้ยื่นใบลาออก แต่พี่สิงหากำลังพยายามช่วยโรงบาลยื้อไว้ ตอนนี้พี่หมอเต้ลาพักร้อนอาทิตย์หน้าไปแล้วทั้งอาทิตย์เลย เสาร์อาทิตย์นี้ก็ไม่มาทำคลินิก คงจะไม่ทำแล้วเหมือนกัน”

รวินท์เบิกตาโพลง “ไอ้เต้ลาออก!”

“นั่นสิพี่ พวกผมงงเต๊กเลย พี่นิ้งบอกว่าพี่สิงหาก็เลยจะขอให้พี่ไปช่วยคุยกับพี่หมอเต้ให้ เพราะตอนนี้โรงบาลขาดหมอฟันไม่ได้จริงๆ แต่ไม่มีใครติดต่อพี่ได้เลย พี่นิ้งเลยมาถามพวกผม พวกผมก็เลยบอกว่าพี่ใกล้จะกลับลำพูนแล้ว ให้รอคุยกับพี่เอง”

“แล้วก็ดูเหมือนพี่หมอเต้จะมีปัญหากับผู้หญิงคนนี้ด้วย พี่หมอก็รู้จัก” แซนดี้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปส่งให้รวินท์ดู

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองภาพบนโทรศัพท์แล้วพยักหน้า “คุณออย” ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม “พวกคุณไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน”

“ที่โรงแรมในเชียงใหม่นั่นแหละ พอดีพวกผมไปรับจ๊อบช่วยงานอีเวนต์ของญาติอีแซนดี้ ไปหน้าด้านขอกินฟรีสามวันติดด้วย แต่ดันเจอพี่หมอเต้เข้าจังๆ เลยแอบถ่ายรูปมา พี่เต้กับคุณออยอะไรเนี่ย เถียงอะไรกันก็ไม่รู้ดังลั่นที่จอดรถ จนยามต้องเข้ามาช่วยห้าม พวกพนักงานงี้คุยกันให้แซ่ด พวกผมเลยไปเสือกมาอีกต่อ ไปตีซี้ถามถึงสองคนนี้จากพนักงาน ก็เล่นหน้าตาดีทั้งคู่พนักงานเลยจำได้แม่น เห็นว่าพวกเขาเคยมาที่โรงแรมหลายหน ขึ้นห้องไปด้วยกันด้วยนะพี่ หลายครั้งเลยล่ะ”

รวินท์อ้าปากค้าง คำว่าความลับไม่มีในโลก เป็นเรื่องจริง จริงๆ นั่นละ

“คุณออยบอกว่า ไอ้เต้มีคลิปสำคัญของเขา หรือว่า...”

ภูพิงค์ส่ายหน้าไปมา “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะทะเลาะกัน”

ซันถอนหายใจหนักๆ “พวกผมไม่ได้อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ตอนนี้ แต่ก็คิดว่าพี่หมอควรจะรู้ไว้ก่อน จะได้มีเวลาเตรียมใจ พี่นิ้งว่าทางโรงบาลคงจะเรียกพี่ไปคุยก่อน แล้วให้พี่ไปคุยกับพี่หมอเต้อีกที”

รวินท์เงยหน้าขึ้นสบสายตากับทุกคน “ขอบใจมากนะ” เขาเม้มปากแน่น จริงอยู่ที่เขาตั้งใจจะเผชิญหน้ากับเตชิต แต่พอนึกถึงทีไร ในใจก็มีแต่ความกลัว ความกังวล และความเจ็บปวด

ถึงจะมีปัญหากันมากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เตชิตลาออก จนแล้วจนรอดคำว่าเพื่อนรักก็ยังค้างคาอยู่ในใจเสมอ และถึงพวกเขาจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้อีก แต่อย่างน้อยก็น่าจะยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันได้

เพราะลึกลงไป เขาเชื่อว่าไอ้เต้ยังมีความดีอยู่บ้าง เพราะตอนนั้น มัน...เลือกที่จะหยุด เลือกที่จะไม่ขืนใจเขาทั้งที่มีโอกาส

ภูพิงค์บีบมือทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “พี่วินก็ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับพี่เต้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ คุยกันให้รู้เรื่อง ให้มันจบๆ ไป พี่จะได้ไม่ต้องคิดมากอีก พวกผมทุกคนจะอยู่ข้างพี่ จะคอยช่วยเหลือพี่ทุกอย่าง ครอบครัวกับพี่ๆ ของพี่วินก็เหมือนกัน พี่ไม่ได้ต่อสู้ตามลำพังนะครับ ผมอยากให้พี่รู้ว่า พี่เป็นที่รักของพวกผมมากนะ เราจะแก้ปัญหาเรื่องพี่เต้ไปด้วยกัน”

รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจ”

บรรยากาศเคร่งขรึมจริงจังไปได้อีกเพียงชั่วครู่ พวกเด็กหนุ่มก็พยายามเปลี่ยนสถานการณ์ เพราะพวกเขาไม่อยากให้พี่หมอเข้านอนไปทั้งความกังวลเต็มอก

“ไอ้พิงค์พูดภาษาคนได้ซึ้ง ไม่กวนตีน แล้วมีเหตุผลด้วย กูปลื้มใจ” ซันหยิบเศษกระดาษทิชชูขึ้นมาซับตรงหางตา

“สัส” ภูพิงค์หันไปชูนิ้วกลางให้

“คุยเรื่องอื่นกันเหอะ จริงๆ มืดๆ แบบนี้ ควรทำไรรู้มะ” ดิวเสนอขึ้น

“นอนเหรอวะ”

“เล่าเรื่องผีสิเว้ย”

“เหี้ย~ พวกมึงพูดถึงทำไม เดี๋ยวก็โผล่มาจ๊ะเอ๋หรอก ตบปากเท่าส่วนสูงของมึงเดี๋ยวนี้!”

แล้วพวกเด็กหนุ่มก็โวยวาย หยิบข้าวของมาปาใส่กันเป็นพัลวัน ความวุ่นวายนั้นพอช่วยให้รวินท์คลายความเครียดไปได้บ้าง


หลังจากพูดคุยกันไปอีกสักพัก หกหนุ่มจึงแยกย้ายกันเข้าห้องไปนอน

เมื่ออาบน้ำเสร็จ รวินท์ก็มานอนเอาแขนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง ครุ่นคิดถึงว่าตัวเขาควรจะต้องเผชิญหน้าเตชิตอย่างไร ควรจะเริ่มต้นคุยกันอย่างไรถึงจะดี พวกเขาคงเลี่ยงความเจ็บปวดไม่ได้ แต่ทำอย่างไรพวกเขาถึงจะเจ็บปวดน้อยที่สุดกันล่ะ

ภูพิงค์เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ปิดไฟในห้องแล้วก็นั่งลงข้างคนที่นอนอยู่ “อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยพี่ ผมเข้าใจนะ ว่าการเผชิญหน้ากับพี่เต้มันสาหัสมากสำหรับพี่ แต่อย่างนึงที่พี่วางใจได้ ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ได้อีก ช่วงที่ยังปิดเทอมนี่ ผมจะไปเฝ้าพี่จนกว่าพี่จะเบื่อเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “ไม่มีทางเบื่อได้หรอก”

“ให้มันจริงเถ้อ~” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปปีนเขา รับรองว่าเหนื่อยจนลืมโลกไปเลย”

รวินท์ยกศีรษะขึ้นพร้อมกับดึงแขนเด็กหนุ่มเข้าหาตัว “พิงค์ กอดหน่อยดิ”

เด็กหนุ่มโน้มตัวลงไปหาทันที “จูบด้วยก็ได้” เขาเท้าแขนลงกับเตียง แนบจูบกลีบปากสีแดงอย่างอ่อนโยน

ทันตแพทย์หนุ่มหรี่ตาปิดลง สองแขนโอบกอดคนอ่อนวัยกว่าไว้แน่น ริมฝีปากนุ่มเผยอออกให้เด็กหนุ่มสอดลิ้นเข้ามาไล่ต้อนลิ้นตนได้ตามใจ หากขณะที่เขาค่อยๆ เคลื่อนมือลงต่ำ ภูพิงค์ก็ถอนเรียวปากออก

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “นอนเนอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรง”

“อะ อือ...”

แดกแห้วรอบที่ร้อยแล้วมั้ง รวินท์ไม่อยากจะนับ เขามองตามคนอ่อนวัยกว่าที่ลุกขึ้นและเดินไปนอนลงบนเตียงอีกเตียงในห้องอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ แล้วข่มตาให้หลับลง


(มีต่อค่ะ)



ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


หกหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ พวกเขาต้มมาม่าหม้อใหญ่เป็นมื้อเช้ากินกันเอง ระดมเอาเนื้อสัตว์ที่เหลือจากเมื่อวาน กับไส้กรอกและไข่ใส่เข้าไปอีก กินกันแบบให้ท้องแตก จะได้มีแรงเดินขึ้นเขา

หลังจากอิ่มท้องและนั่งพักกันพอสมควรแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกัน

“ทางขึ้นเขามีสี่ส่วนนะพี่วิน เรียก ย.1 ถึง ย.4” ภูพิงค์บรรยายขณะที่เดินนำทันตแพทย์หนุ่มไป

ช่วงแรกๆ ที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ มันก็โอเคนะ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ หอบแฮ่กๆ แค่เล็กน้อย พอถึงย.3 ทางค่อนข้างชันและเป็นป่ารก อากาศเย็นมาก มีต้นไม้แปลกตาให้ดูตลอดทาง ถึงจะเพลินแต่ก็เหนื่อยแทบขาดใจ

ดิวโวยวายมาจากท้ายแถว “ทำไมแม่งยังไม่ถึงสักทีวะ” จะหยุดนั่งพักกันก็หยุดไม่ได้ เพราะทางแคบเหลือเกิน

“เริ่มเห็นต้นสนละเว้ย แปลว่าใกล้แล้ว”

แล้วหกหนุ่มก็มาหยุดหอบเป็นหมาหอบแดดกันที่หน้าป้ายเนินวัดใจ

“อะไรวะ ชีวิตกูนี่จะเจอแต่เนินวัดใจเรอะ”

“นั่งพักก่อน กูหมดแรง”

“ต้องบูมเรียกพลังมั้ยวะ”

รวินท์นึกขำ เหนื่อยก็เหนื่อย อยากหัวเราะก็อยาก เป็นไงล่ะ ตอนแรกดูถูกเขานัก แล้วสภาพแต่ละคนก็ไม่ต่างกันกับเขาสักหน่อย

“นี่เดินกันมาสองชั่วโมงกว่าละนะ มื้อเช้าที่กินอย่างกับยัดทะนาน หมดไปเร็วมาก”

“พี่วินหิวมั้ย ดื่มน้ำก่อน” ภูพิงค์หยิบขวดน้ำส่งให้

“ขอบใจ”

หลังนั่งพักกันจนพอใจแล้ว หกหนุ่มก็เดินขึ้นเนินวัดใจต่อ หากเพราะเดินมาหลายกิโลเมตรแล้ว ถึงจะเหลือแค่กิโลเมตรสุดท้าย สองขาก็สั่นไปหมด

“พี่วินจับมือผมไว้” ภูพิงค์ส่งมือให้อีกฝ่าย

“อีกไกลมั้ยวะเนี่ย ผมหิวแล้ว”

“ไม่รู้ดิ แต่ป้ายบอกกิโลฯ เดียวน่ะ ทนอีกนิด”

เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยได้ พวกเขาก็พบกับลานกว้างล้อมไว้ด้วยรั้วไม้ ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีฟ้าสดใส มีปุยเมฆมากมาย ต้นไม้เป็นสีเขียวขจี อากาศเย็นสบาย หกหนุ่มวิ่งขึ้นไปยืนเรียงกันหน้ารั้วแล้วตะโกนก้อง

“ถึงแล้วโว้ย~”

“ถ่ายรูปๆ จะได้ไปเอาใบประกาศพิชิตยอดดอยเว้ย”

หลังจากถ่ายรูปกันจนสาแก่ใจ พวกเขาก็นั่งลงหันหน้าเข้าหากันเป็นวงกลม หยิบน้ำและขนมที่เตรียมไว้เป็นมื้อเที่ยงขึ้นมากินด้วยกัน เสร็จแล้วก็นอนหงายกันไปบนพื้นนั่นแหละ

รวินท์ยิ้มกว้าง รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่านี่คงเป็นความหมายของการปีนขึ้นเขาในครั้งนี้ ที่ทุกคนพยายามให้เขาเข้าใจ พวกเด็กหนุ่มยอมปีนเขาลำบากลำบนด้วยกัน อดทนเพื่อให้มาถึงข้างบนได้ นี่คือการพิสูจน์ความจริงใจของคำพูดที่ทุกคนได้พูดกับเขาไว้

“สนุกใช่มั้ยพี่หมอ ข้างบนนี่สุดยอดไปเลยใช่ป่ะ”

“อือ เจ๋งสุดๆ ไปเลย ขอบใจทุกคนมากนะ”

ความรู้สึกแบบนี้... ไม่เลวเลยนะ เขานึกขอบคุณการรับน้องขึ้นดอยในคราวนั้น ที่ทำให้ได้รู้จักภูพิงค์และทุกคนแบบนี้

ภูพิงค์ลุกขึ้น พลางส่งมือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เดินเล่นถ่ายรูปกันพี่”

รวินท์จับมือเด็กหนุ่มตอบ “โอเค”

เมื่อถึงตอนลงจากยอดเขา พวกเขาใช้เวลาน้อยกว่าตอนเดินขึ้นมาก แต่ก็หิวกันปางตาย โชคดีที่สั่งอาหารที่ร้านสวัสดิการเอาไว้แล้ว พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จก็ย้ายทัพไปเอาใบประกาศและกินมื้อเย็นกัน

หลังเสร็จจากมื้อเย็น หกหนุ่มก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาปูนอนดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนกันที่หน้าบ้าน เมื่อปิดไฟแล้วบริเวณนั้นก็แทบจะมืดสนิท ทำให้มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

ท้องฟ้าที่นี่สวยชะมัด ช่วยให้ใจเขารู้สึกสงบดี และที่สำคัญตอนนี้ เขาแทบจะไม่กังวลกับการเผชิญหน้ากับเตชิตแล้ว รู้สึกเข้มแข็งขึ้น พร้อมขึ้นเป็นกอง

“นั่นดาวลูกไก่” ดิวชี้ขึ้นไปบนฟ้า “ถึงเรื่องมันจะเศร้า แต่กูก็อยากเล่าให้พวกมึงฟัง แม่เอ๋ยแม่ไก่ มีขอไข่ในเล้า...”

“มึงไม่ต้องสำบัดสำนวนมะไอ้ดิว จะเล่าก็เล่าดีๆ” แซนดี้ตอบแทนใจทุกคน

“อะๆ มีตายายเลี้ยงแม่ไก่ไว้ ต่อมาจะฆ่าแม่ไก่ไปทำอาหารถวายพระ แม่ไก่ก็ยอมโดนฆ่าเพื่อทดแทนคุณ ลูกๆ เศร้าใจก็เลยโดดลงหม้อตายตามแม่ สรุปตายห่ากันหมด ไปเกิดเป็น...”

“ปลาบู่”

“สัส ผิดเรื่อง”

สี่หนุ่มเถียงกันไปเรื่อยๆ ภูพิงค์นิ่งฟังแล้วหัวเราะเป็นระยะๆ ส่วนรวินท์นิ่งเงียบ พอทันตแพทย์หนุ่มเงียบไปนานเข้า ภูพิงค์ก็ยกศีรษะขึ้นมอง

“พี่วิน หลับไปแล้วเหรอ”

“ยัง”

“ทำไมเงียบ ทุกทีถ้าไม่หลับ อย่างน้อยต้องมีเสียงท้องร้องมาบ้าง”

“ผมไม่ได้หิวตลอดเวลาป่ะวะ”

“อ้าว เหรอ”

รวินท์หันไปถีบเด็กหนุ่มเบาๆ “แต่ผมได้ยินเสียงหมาเห่าแว่วมาจากคุณตลอดเลยนะ”

“โห พี่วิน...”

สี่หนุ่มลุกขึ้นนั่งตบมือ “ยกนี้พี่หมอชนะน็อกเว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นนั่งบ้าง เขายิ้มแล้วค้อมศีรษะให้กับทั้งสี่คน “ขอบคุณครับ ขอบคุณ”

ภูพิงค์พลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน พร้อมกับใช้แขนข้างหนึ่งตวัดกอดเอวดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว จากนั้นก็จั๊กจี้ตรงเอว “ผมไม่ยอมแพ้หรอก”

“เฮ้ย ขี้โกงนี่” รวินท์หัวเราะลั่น พอเขายิ่งดิ้น แขนของเด็กหนุ่มก็ยิ่งกอดรัดแน่นเข้า กลายเป็นภาพแสลงสายตาของเด็กหนุ่มอีกสี่คน

“เดี๋ยวค่อยจีบกันก็ได้ป่ะวะ เกรงใจพวกกูด้วย”

“พวกคุณดูยังไงว่าจีบกันวะ ผมโดนแกล้งอยู่เห็นมั้ย” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวายไปหัวเราะไป “ช่วยด้วยดิ”

“เฮ้อ~ ไปๆ เข้านอนกันดีกว่า” หากอีกสี่หนุ่มไม่สน พวกเขาลุกขึ้นเก็บกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้รองนอนเอาไปใส่ถังขยะ แล้วก็พากันเดินเข้าบ้าน “เบาๆ หน่อยละกันนะไอ้พิงค์ เดี๋ยวพี่หมอกระดูกกระเดี้ยวหักหมดอะ มึงยังเหลือฟันคุดอีกสามซี่นะ”

“ปล่อยได้แล้วเว้ย” รวินท์ทุบไหล่คนที่กอดเขาอยู่รัวๆ

ภูพิงค์ยอมคลายอ้อมแขนออก ก่อนจะขยับขึ้นมานอนหนุนตักอีกฝ่าย “งั้นขอนอนตักหน่อย”

“คนอื่นไปนอนกันหมดแล้วนะ เราจะไม่เข้าไปนอนบ้างเหรอ”

“พี่วินง่วงแล้วเหรอ”

“ก็ยัง...”

“ไอ้พวกนั้นมันยังไม่นอนหรอก คงเกาะขอบหน้าต่างแอบดูพี่กับผมอยู่นั่นแหละ”

“คุณ...ไม่กลัวเพื่อนเข้าใจผิดเหรอวะ”

“เข้าใจผิดเรื่องอะไร”

“เรื่องคุณกับผมไง”

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว “ขนาดนี้พวกมันยังเข้าใจผิดได้อีกเหรอวะพี่ แล้วเรื่องพี่กับผม มันก็เป็นเรื่องจริงป่ะ”

“แต่พวกเขาก็ชอบแซวคุณกับผมแบบนี้อยู่แล้วป่ะวะ” ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง ”พวกเขารู้เรื่องคุณกับผมแล้วเหรอ”

“น่าจะรู้ ผมออกจะชัดเจนขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกตรงๆ มั้ง”

สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน รวินท์รู้สึกแปลกๆ คือเขาก็ดีใจนะ แต่มันไม่สุด มันเหมือน...อะไรๆ ยังไม่ค่อยแน่ชัดสักอย่าง

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไล้แก้มอีกฝ่าย “คิดอะไรอยู่”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“คิดอะไรอยู่ยังไม่รู้อีก... ยังกังวลเรื่องพี่เต้เหรอ”

“ไม่แล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า จากนั้นจึงยิ้มบาง “เพราะผมรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆ ผมไง”

“พี่วินแม่งน่ารัก”

“มีคุณคนเดียวนี่แหละที่พูดแบบนี้”

“จริงอะ”

“อือ คนอื่นเขาชมว่าหล่อ”

ภูพิงค์หัวเราะ เขาทอดสายตามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เมื่อรวินท์เห็นอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองบ้าง

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ แล้วร้องเพลงคลอ “ขอให้ค่ำคืนนี้มีแต่เรา อยู่เคียงใต้แสงดาว และมีความรักให้กันและกัน” ก่อนจะเคลื่อนมือขึ้นไปโน้มคออีกฝ่ายลงมาหาตัว “พี่วิน เคยได้ยินเพลงนี้มะ”

รวินท์อมยิ้ม “เคยดิ แต่เวอร์ชันที่ได้ยินเมื่อกี้เพราะสุดนะ”

“โห ปากหวานว่ะ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกริ่ม “ไหนๆ ไอ้พวกนั้นก็มองเราอยู่แล้ว ทำให้พวกมันเห็นชัดๆ ไปเลยดีป่ะ”

“ทำอะไร...วะ”

ภูพิงค์พูดจบก็ยกศีรษะขึ้นจูบริมฝีปากนุ่มตรงหน้า แค่สัมผัสบางเบา บานประตูบ้านก็เปิดออกผาง

“ไปจีบกันในห้องนู่นไป๊ พวกคุณมึงไม่ได้อยู่แค่สองคนใต้แสงดาว แต่พวกกูก็ด้วย!” แซนดี้ต่อว่า “สงสารใจกูบ้าง ขาดผู้ชายมาเป็นเดือนแล้วโว้ย!”

รวินท์หันขวับ “แซนดี้แอบดูอยู่เหรอเนี่ย”

แซนดี้ชะงัก “โอ๊ย ไม่ต้องแอบก็เห็นป่ะพี่หมอ” แล้วรีบถอยกลับเข้าบ้านไป

ภูพิงค์ลุกขึ้นนั่ง เขาหัวเราะไปพร้อมกับรวินท์ด้วย “เห็นมะ ผมบอกแล้ว” ก่อนจะลุกขึ้นแล้วฉุดอีกฝ่ายให้ลุกตาม “ปะ เข้าห้องเรากันเหอะ”


*TBC*


เหม็งฟามรักนิดหน่อยนะคะ น้ำตาลท่วมดอยเบาๆ

หมั่นไส้คนร้องแพลงจีบแฟน แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรแฟนนะคะ 555555

เดี๋ยวตอนหน้ากลับถึงลำพูนแร้วววว สนุกแน่นอนนน จะได้เปิดตัวพระรองที่แท้จิมสักทีค่ะ 55555

คืนนี้นอนหลับฝันดี ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1:


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2012 เมื่อ30-04-2018 20:21:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2013 เมื่อ30-04-2018 20:53:23 »

คนมีคู่ไม่รู้หรอกว่าคนโสดมันทรมานแค่ไหนกับอาการเหม็นความรัก   งื้ออออ.....  สงสารเหล่าเพื่อน  555

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2014 เมื่อ30-04-2018 20:57:21 »

โถ.....แซนดี้    :hao4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2015 เมื่อ30-04-2018 21:21:29 »

หวานกันแบบเน้!! ไม่มียุงหรอก มีแต่มดดดด
อยากตะโกนพี่วินใส่แบบเดียวกะแซนดี้เลย อิจสุดอ่ะะะะ

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2016 เมื่อ30-04-2018 21:26:31 »

โอ๊ยยย พี่หมอเมือ่ไหร่จะเสร็จน้องภูพิง
5555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2017 เมื่อ30-04-2018 21:38:34 »

นอนบนหนังสือพิมพ์ยังสวีทได้ขนาดนี้ บนฟูกนุ่ม ๆ จะขนาดไหน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2018 เมื่อ30-04-2018 21:38:51 »

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2019 เมื่อ30-04-2018 21:49:09 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อยเข้าไปพี่หมอ  อ่อยกี่รอบก็ไม่สำเร็จซ้ากกกกที  555

ว่าแต่...มีพระรองด้วยเหรอ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
« ตอบ #2019 เมื่อ: 30-04-2018 21:49:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2020 เมื่อ30-04-2018 21:59:35 »

เหม็นความรัก นอกจากจะหวานจนน้ำตาลท่วมดอยแล้ว แห้วของพี่หมอก็เยอะไม่แพ้กัน  :laugh:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2021 เมื่อ30-04-2018 22:50:04 »

และแล้วพี่หมอก็แห้วต่อไป555. ความรักของพิงค์ใสๆ นะพี่หมอ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2022 เมื่อ30-04-2018 23:29:54 »

โอ้ยย ใจบางหมดแล้วว :o8:

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2023 เมื่อ30-04-2018 23:54:54 »

 :mew3: สงสารแซนดี๊อะ

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2024 เมื่อ01-05-2018 00:11:13 »

 :mew6:ขำแซนดี้  5555 งานเสือ_ไว้ใจเรา

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2025 เมื่อ01-05-2018 00:23:07 »

คุณออยท้องเหรอ ว่าแต่มันใช่ประเด็นเหรอ

เหม็งฟามรักคู่นี้ด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2026 เมื่อ01-05-2018 00:44:45 »

อิจฉา  :ling1:

ออฟไลน์ slurpeez-69Nes

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2027 เมื่อ01-05-2018 02:22:59 »

ยังอีก ยังไม่ได้กันอีก!!!!!!
คนเชียร์ก็ลุ้นใจหายใจคว่ำตั้งแต่ทะเล นี้ขึ้นเขาก็ท่าจะล่มอีกสินะ

โถ่ หมอที่น่าสงสารของพี่~~

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2028 เมื่อ01-05-2018 02:47:34 »

ขำความขาดผชมาหลายเดือนของแซนดี้5555
คือออ ทำไมน้องพิงค์ซื่อแบบนี้ลูกกก
พี่หมออ่อยจนแบบจะหมดมุกแล้วอะ
สงสารนังงง ไม่ได้ไม่โดนซะที5555555
ไหนคะ เรื่องนี้มีพระรองด้วยหรอออ
ไม่ใช่หมอเต้ใช่มั้ยคะะ
นั่นอะ ตัวร้ายยยยยยยยย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2029 เมื่อ01-05-2018 05:51:45 »

 :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
« ตอบ #2029 เมื่อ: 01-05-2018 05:51:45 »





ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2030 เมื่อ01-05-2018 07:26:03 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ cookie8009

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2031 เมื่อ01-05-2018 08:40:47 »

ตอน 42 รวมพลังอะไรกัน .... เหม็นความรัก ชิ!!!!

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2032 เมื่อ01-05-2018 09:32:52 »

เอาใจช่วยพี่หมอทุกเรื่องเลยนะคะ โดยเฉพาะเรื่องพิง ขอให้พิงหายซื่อบื้อจับพี่หมอกินเร็วๆ :hao6:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2033 เมื่อ01-05-2018 09:38:36 »

สงสารแซนดี้  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2034 เมื่อ01-05-2018 10:51:56 »

ขาดผู้ชายมาเป็นเดือนเลยหราแซนดี้ :laugh: :laugh: :laugh: เหม็นฟามรัก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2035 เมื่อ01-05-2018 12:08:21 »

เกลียดดดดดดด

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2036 เมื่อ01-05-2018 13:41:08 »

สงสารหมอวินท์อีกครั้งแต่พิงค์ก็น่ารักมากกกกก

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 485
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2037 เมื่อ01-05-2018 18:12:48 »

โอ๊ยยย ติิด ติดเรื่องนี้จริงๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2038 เมื่อ01-05-2018 20:06:18 »

สงสารแซนดี้อ่ะ จัดให้สักคนหน่อยดิ

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 42 : รวมพลัง][300418]
«ตอบ #2039 เมื่อ01-05-2018 20:09:52 »

 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด