ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]  (อ่าน 614242 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ TiwAmp_90

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้าใจผิดไปกันใหญ่เลย พิงค์จะรู้ตัวมั้ยว่าทำให้พี่หมอนอยด์หนักมาก เฮ้อ 

ปล. อาจารย์แกล้งพี่หมออ่ะ 555

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตามทันแล้ว

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
เข้าใจผิดกันไปอี๊กกกกก

เพราะต่างคนต่างคิดไปเองไม่คุยกันให้รู้เรื่อง เฮ้อ!!!

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไม่รู้จะเซ็งภูพิงค์หรืออะไรดี
ทำไมถึงคิดแบบนั้นไปได้ จูบแรกอยากให้หวานแหววงี้
แล้วยังหนีไปนอนกับซันอีก อยากทุบพิงค์จริงเลย
พี่วินท์คิดไปไกลแล้วนะ รู้ใช่ไหม แสดงออกขนาดนั้น

วินท์อย่าพึ่งนอยด์นะ น้องอยากให้จูบนี้หวานๆ น่ะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
Chapter 35 : วิถีของรักข้างเดียว


ทันตแพทย์หนุ่มลุกออกจากห้องนอนของภูพิงค์กับซันไปอย่างเงียบเชียบ เดินลงบันไดไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่างของบ้าน เขาหยิบหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่ใต้โต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา รอให้ฟ้าสางก่อนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

“หวัดดีครับพ่อ พ่อตื่นยังอะ ผมโทรมาเช้าไปเปล่า”

“ครับ สบายดี แต่คิดถึงบ้าน”

“ช่วงนี้เหนื่อยๆ เบื่อๆ ด้วย ผมเลยว่าจะหาวันลากลับบ้านสักพัก”

“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”

รวินท์ลดโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาไปอย่างอ่อนแรง

บานประตูห้องที่ชั้นล่างเปิดออก ก่อนแซนดี้จะเดินโซเซออกมายืนพิงประตูห้อง “ก็ว่าเสียงใคร พี่หมอตื่นมาทำไรแต่เช้าอะ”

“ผมเสียงดังเหรอ ขอโทษที เมื่อวานนอนไปเยอะน่ะ วันนี้เลยตื่นไว”

“ไม่ได้เสียงดังหรอก ผมแค่ได้ยินเสียงคนน่ะ”

“ไปนอนต่อเถอะไป ผมจะนั่งเงียบๆ ละ”

“แล้วไอ้พิงค์ไปไหนอะพี่”

“หลับอยู่” ทันตแพทย์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านต่อ

“งั้นผมไปนอนต่อนะ” แซนดี้ถอยกลับเข้าห้องไปอย่างงงๆ หรือว่าไอ้พิงค์กับพี่หมอจะทะเลาะกันวะ เมื่อคืนตอนกลับมาก็เห็นไอ้พิงค์นั่งหน้าโง่อยู่คนเดียว


แต่เมื่อถึงตอนสาย ภูพิงค์รีบรุดลงมาตามหาทันตแพทย์หนุ่มทันทีที่ตื่นขึ้น พอเห็นอีกฝ่ายนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ กัน

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เกือบๆ หกโมงได้มั้ง”

“ไม่เรียกผมเลยอ่ะ”

“ก็เห็นกำลังหลับสบาย”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ “แล้ว...หิวยัง”

“นิดหน่อย เออ เดี๋ยวคุณไปส่งผมที่คลินิกเร็วนิดนึงได้มั้ย ผมจะได้ดูแผลตัดไหมให้คุณก่อน”

“ได้ดิพี่ แต่... เอ่อ... เรื่องพี่เต้...”

“อือ ไม่เป็นไร ทำใจได้แล้วว่ะ”

“ไหวนะ”

“ไหว” รวินท์ยิ้มบาง

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว เขาว่าพี่วินดูแปลกๆ อยู่นะ รอยยิ้มนั่น...มันเหมือนช่วงแรกๆ ที่รู้จักกัน มันดูเสแสร้งอย่างไรชอบกล
แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพี่วินกำลังพยายามฝืนตัวเองไปพบกับไอ้พี่เต้อยู่ก็ได้...

ภูพิงค์เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “อย่าลืมว่าผมอยู่ข้างพี่เสมอนะ”

“อือ ขอบใจ”

“ผมไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวทำโจ๊กซองกินกัน”

“โอเค”

เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก “เป็นไรเปล่าวะพี่”

“ทำไมวะ”

“ก็พี่ว่าง่ายผิดปกติ”

รวินท์หัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “ไปล้างหน้าแปรงฟันไป๊”


หลังจากกินมื้อเช้ากันเสร็จ ทุกอย่างดูปกติ หากภูพิงค์ก็ยังรู้สึกตงิดๆ ในใจแบบแปลกๆ เขาพยายามคิดว่านั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายใกล้จะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทแล้ว จึงพยายามเข้าใจ ไม่เซ้าซี้อะไรมากนัก

ก่อนถึงเวลาเริ่มงานครึ่งชั่วโมง ภูพิงค์ แซนดี้และซันก็พาทันตแพทย์หนุ่มมาส่งที่คลินิก พวกเขารวมตัวกันมาหลายคนหน่อย ดูอบอุ่นดี

เมื่อมาถึงก็พบว่าเตชิตนั่งรออยู่ที่ตรงที่นั่งคนไข้ด้านหน้าคลินิกก่อนแล้ว

ภูพิงค์หันขวับไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายดูสงบเสียจนน่าแปลก “พี่วิน”

“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวพวกคุณค่อยตามเข้ามานะ ขอเวลาห้านาที”

“อ่า ครับ”

รวินท์ก้าวลงจากรถ เดินยิ้มโปรยปรายเหมือนเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มรู้จักเขาใหม่ๆ เขาเดินตรงเข้าไปข้างในคลินิก แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเตชิต

“มานั่งทำไรแต่เช้าวะ”

“วิน... กูเป็นห่วงมึงมากรู้ตัวบ้างเปล่าวะ”

“ห่วงอีกละ ไร้สาระว่ะ กูไม่ได้เป็นไร แล้วมึงแดกไรมายังเนี่ย” รวินท์พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนทุกครั้งที่พูดคุยกัน

“ยัง”

“งั้นมึงรีบไปแดกก่อน เดี๋ยวกูจะตรวจแผลผ่าฟันคุดให้พิงค์หน่อย คงจะตัดไหมด้วย” เมื่อพูดจบก็หันขวับเตรียมจะเดินเข้าไปข้างใน

เตชิตเอื้อมมือไปกุมมือเพื่อนรักไว้ “วิน คุยกันแป๊บดิ”

รวินท์ดึงมือออก สีหน้าและน้ำเสียงของเขาเย็นชาจนทำให้เพื่อนรักต้องสะอึก “เรื่องที่ผ่านมากูไม่ได้สนใจจะจำ อย่าพูดถึงมันอีก มึงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของกู จำไว้แค่นี้ก็พอ”


เหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ในสายตาของภูพิงค์ตลอด เขาแทบจะพุ่งลงจากรถไปทันทีที่เห็นเตชิตจับมือพี่วิน แต่ที่ชะงักค้างไว้ ก็เพราะสีหน้าของพี่วินนั่นล่ะ

โคตรเย็นชา... แวบหนึ่งเขารู้สึกเจ็บไปกับไอ้พี่เต้เลย

ไม่น่าเชื่อว่าพี่วินก็มีมุมใจร้ายแบบนี้ด้วย

ถ้าหากตัวเขาต้องเผชิญกับสายตาเย็นชาแบบนั้น เขา...จะทำยังไงดีวะ

“กูว่าน่าจะเข้าไปข้างในได้แล้วว่ะไอ้พิงค์ เพื่อนพี่วินเดินออกมาละ” ซันหันไปสะกิดเรียก

“อือ ไปก็ไป”

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคลินิก รวินท์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อกาวน์และผ้าปิดจมูกเรียบร้อยแล้ว “พิงค์! มาขึ้นเขียง!”

ซันและแซนดี้หันไปสวมกอดเพื่อนรัก “อยากกินไรพวกกูจะทำบุญไปให้”

“สัส แค่ตรวจฟัน ไม่ได้จะไปตายเว้ย”

“โห ปากดี เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเข้มแข็งแบบนี้~”


ภูพิงค์ไม่ใส่ใจ เขาก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องตรวจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟันอย่างว่าง่าย

รวินท์ก้มลงใส่ผ้ากันเปื้อนให้คนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะเดินไปล้างมือ ใส่ถุงมือแล้วกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ทันตแพทย์

ขณะที่พนักเก้าอี้ทำฟันเอนลงช้าๆ เด็กหนุ่มก็สูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อเรียกพลัง เขาหันไปทางทันตแพทย์หนุ่มแล้วพูดเสียงอ้อน “พี่วินจ๋าอย่าทำผมเจ็บนะ”

“เออน่ะ แค่ดูก่อน ถ้าจะทำอะไรเดี๋ยวผมจะบอก”

“อย่าหลอกกันนะเว้ย”

“เออๆ ไม่หลอก”

“จริงๆ นะ”

“อ้าปากได้แล้วโว้ย” รวินท์ใช้แขนบ้องกะโหลกเด็กหนุ่มที่ช่างต่อรองซะเหลือเกินไปหนึ่งที จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มลงตรวจในโพรงปาก “ตัดไหมได้แล้ว”

ภูพิงค์กระดกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “เดี๋ยว! จะดีเหรอวะพี่! ผมยังไม่ได้เตรียมใจมาเลยอะ!”

“เออ โอเคแล้ว ไม่ต้องเตรียมใจหรอก”

“ตัดไหมเจ็บมั้ยอะ”

“ถ้าพูดมากแบบนี้เจ็บแน่นอน”

“พี่วินอ่า~”

“อ้าปากแล้วอยู่นิ่งๆ กลัวก็ปิดตาไว้ซะ”

“ปิดแล้วก็มองไม่เห็นหน้าพี่วินสิวะ”

“จะมองหน้าผมไปทำไม มองไปก็ไม่หายเจ็บหรอก” รวินท์ใช้แขนกดหน้าผากเด็กหนุ่มให้เขาเอนศีรษะลงบนพนักพิง จากนั้นจึงหันไปหยิบเครื่องมือมา ค่อยๆ ใส่เข้าไปในปาก ตัดไหมและคีบออกมาช้าๆ

ภูพิงค์ไม่ทันรู้สึกหรอกว่าอีกฝ่ายกำลังตัดไหมอยู่ จนเสร็จแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

“เสร็จละ บ้วนปากได้”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นบ้วนปากอย่างงงๆ ยังมีน้ำออกมาทางจมูกอยู่อีกนิดหน่อย เขาถอนหายใจ หงุดหงิดด้วยที่มันไม่หายสนิทสักที แล้วหันไปพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง “พี่ตัดไหมออกไปแล้วจริงๆ เหรอ ไม่เห็นรู้สึกเลย”

“เออสิวะ” รวินท์เอื้อมมือไปหยิบกระจกมาส่งให้คนอ่อนวัยกว่าถือไว้ “อ่ะ ดูนะ เดี๋ยวผมชี้ให้ดู” เขาสอดกระจกทำฟันเข้าไปในปาก แล้วใช้เครื่องมือชี้ไปที่เหงือกซึ่งบุ๋มลงไปเป็นร่อง “ตรงนี้คือจุดที่เอาฟันคุดออกไป แผลสมานดีแล้วเห็นมั้ย แต่ก็ยังต้องรักษาความสะอาดดีๆ นะ”

“ทำไมเหงือกผมเป็นรูแบบนี้ล่ะพี่”

“ก็เดิมมันเคยมีฟันอยู่ในกระดูกขากรรไกร เอาฟันออกไปมันก็บุ๋มดิ แต่ไม่ต้องทำอะไรนะ อีกสักพักจะมีการสร้างกระดูกเข้ามาแทนที่ เหงือกมันจะค่อยๆ กลับมาเต็มเอง เพราะงั้นคุณถึงยังต้องบ้วนปากบ่อยๆ รักษาความสะอาดมากๆ”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงัก “โอ้โห เวลาแบบนี้พี่วินดูเหมือนหมอมากกก”

“ผมก็เป็นหมอจริงๆ รึเปล่าวะ!”

เมื่อเก้าอี้ปรับอยู่ในระดับปกติแล้ว เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นไปยืนประจันหน้ากับทันตแพทย์หนุ่ม มือข้างหนึ่งจับข้อมืออีกฝ่ายไว้ มืออีกข้างถอดผ้าปิดจมูกของอีกฝ่ายออก “เมื่อกี้คุยอะไรกับพี่เต้อะ”

“ไม่มีอะไรมาก แค่บอกให้ลืมเรื่องวันนั้นไปซะ”

ภูพิงค์ยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “พี่วินเก่งมาก เข้มแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”

“เปล่าหรอก ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย” ...แค่จนตรอกต่างหาก

“บ้าน่ะ ผมว่าพี่รับมือพี่เต้ได้ดีมากเลยนะ” คนอ่อนวัยกว่าใช้ปลายนิ้วไล้แก้มอีกฝ่ายเบาๆ “ยิ้มนิดสิ พี่วินคนเก่งของผม”

คำพูดหวานหูแบบนั้น เขาเพิ่งเคยได้ยินจากภูพิงค์เป็นครั้งแรก ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มอ่อนไปทั้งใจ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยตามที่เด็กหนุ่มขอ

เสียงทักทายกันของพี่นิ้งและผู้ช่วยคนอื่นๆ ที่ทยอยกันเข้ามาในคลินิกดังแว่ว เด็กหนุ่มจึงรีบปล่อยมือจากอีกฝ่าย “เดี๋ยวเที่ยงเจอกันนะ”

“อืม” รวินท์พยักหน้ารับ ความอบอุ่นของภูพิงค์ ทำให้หัวใจพองฟูได้อยู่เสมอ ถึงจะทำให้เจ็บๆ หน่วงๆ ไปด้วยในคราวเดียวกันตามที “กลับไปก็ตั้งใจอ่านหนังสือด้วยล่ะ”

“คร้าบ พี่วินอยากกินไรคิดไว้นะ เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยง”

“เออ ไปเถอะ”


เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปทักทายพวกผู้ช่วยทันตแพทย์ทั้งหลาย หากพอพวกเขาจะเดินออกจากร้าน ก็ประจันหน้ากันกับเตชิตซึ่งกำลังเดินสวนเข้ามาพอดี

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง แต่ไอ้พวกเพื่อนพร้อมใจกันยกมือไหว้ เขาเลยต้องไหว้ด้วยตามมารยาท “หวัดดีพี่เต้”

“อือ ได้ตัดไหมมั้ยน่ะ”

“ตัดแล้วครับพี่”

“ก็ดีแล้ว มีปัญหาอะไรก็รีบมาให้ผมหรือวินดูนะ”

“ครับ” เด็กหนุ่มฝืนยิ้ม ในใจอดชื่นชมไอ้พี่เต้ไม่ได้ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่เคยส่งรูปตัวเองจูบพี่วินมาให้เขา เล่นได้เนียนพอๆ กับพี่วินเลย สมแล้วที่สนิทกัน


นี่ไม่ได้ชมนะเว้ย แต่ด่า!


พอทั้งสองเดินสวนกัน เตชิตก็พูดทิ้งท้าย “ขอบใจที่ช่วยดูแลวินแทนผมนะ” ก่อนจะเดินเข้าคลินิกไป

“โห ทำตัวพระเอกโคตร” ซันเปรย

แซนดี้รีบขยับเข้าไปกระซิบ “นั่นดิ มึงยอมไม่ได้นะไอ้พิงค์ บทเด่นๆ ต้องเป็นของมึง”

“ไอ้พี่หมอเต้นี่ มองจากดาวพุธยังรู้ว่าชอบพี่หมอวินแหงๆ”

“เออ แม่งส่งสาส์นท้ารบให้กูขนาดนี้ ไม่ต้องไปถึงดาวพุธก็รู้ได้โว้ย” เด็กหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิด

“ไม่ต้องห่วงเว้ย ยังไงมึงก็ได้เปรียบ”

“ได้เปรียบยังไงวะ”

“ก็พี่หมอเขาชอบมึงไง รุกเลยสิมึง” แซนดี้ตบไหล่เพื่อนรักหนักๆ ขณะที่ซันพยักหน้าเห็นด้วย

“สัส พวกมึงแน่ใจเหรอ อยากเห็นเพื่อนมึงอกหักกันมากเลยใช่มั้ยวะเนี่ย” ภูพิงค์หันไปด่า

“ไม่อกหักหรอกน่ะ”

“บอกตรงๆ ว่ากูไม่มั่นใจเลย เหี้ยเอ๊ย” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นขยี้เส้นผมหนักๆ เขากลุ้มใจเหลือแสนแล้วโว้ย “รีบกลับไปอ่านหนังสือกันเหอะ”


เมื่อถึงตอนบ่ายแก่ๆ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของรวินท์ ภูพิงค์เอามอเตอร์ไซค์มารับเขาที่คลินิก น่าแปลกที่เตชิตไม่เกาะติดเขาเหมือนเคย ตอนพักเที่ยงก็ปล่อยให้เขาไปกับภูพิงค์ง่ายๆ อาจเป็นเพราะเพิ่งทะเลาะกันไป อีกฝ่ายจึงยังไม่กล้าทำอะไรมากนัก

“คืนนี้ไม่กลับนะเว้ย ไม่ต้องรอ มึงไปกินข้าวกับพี่สิงหาเลย พรุ่งนี้เย็นเจอกันที่หอเลยละกัน”

“อือ” เตชิตพยักหน้า พรุ่งนี้เขาทำคลินิกกับพี่สิงหา ส่วนรวินท์ว่างทั้งวัน “ขับรถกลับดีๆ นะเว้ย”

“เออ มึงก็เหมือนกัน”

รถของรวินท์จอดทิ้งไว้ที่ในลานจอดรถของคลินิก ส่วนตัวเขาไปกินมื้อเย็นกับภูพิงค์และเพื่อนของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ตามเข้ามหาวิทยาลัยไปนั่งเฝ้าพวกเขาอ่านหนังสือกัน

เมื่อตอนที่ไปถึงก็เป็นเวลาเย็นแล้ว แต่พวกนักศึกษาก็ยังสุมหัวฝึกทำโจทย์และติวหนังสือกันอย่างคร่ำเคร่ง ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มรู้สึกนอกคอกสุดใจ เขานั่งเอนหลังพิงเสา หันหน้ามองออกไปจากใต้ตึกอย่างเหม่อลอย จะเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือของตัวเองก็เบื่อแล้ว

หากทุกครั้งที่หันกลับมาก็จะเห็นภูพิงค์กับเพื่อนๆ พูดคุยปรึกษาและหัวเราะกันอย่างสนิทสนม กอดไหล่จับมือกับเพื่อนผู้หญิงในคณะ ถึงเนื้อถึงตัวกันยิ่งกว่ากับเขาเสียอีก

“เฮ้อ...”

“พี่วิน กินแคปหมูมั้ยคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปทางเจ้าของเสียงหวานนั้น ซึ่งในมือของเธอถือถุงใส่แคปหมูอยู่

“แคปหมูปรุงรส เจ้านี้อร่อยมากเลย เห็นพี่วินทำหน้าเบื่อๆ กินแคปหมูเล่นแก้เบื่อได้นะคะ” เธอพูดเสียงสั่นเมื่อสบสายตากับเขา ใบหน้าซับสีเลือดยาวไปจนถึงใบหู

ดูท่าจะใช้ความกล้าเข้ามาหาเขาเอามากๆ เลยสินะ รวินท์คิดในใจ... เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยได้สังเกตคนที่เข้ามาหาตนสักเท่าไหร่

“ขอบใจนะ” รวินท์เอื้อมมือไปรับถุงมา แล้วลองหยิบกินดู “อือ อร่อยจริงๆ ด้วย”

หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอยิ้มกว้าง

“อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วครับ”

“ก็ได้เยอะพอสมควรค่ะ แต่วิชานี้ยาก พวกเราเลยต้องมาสุมหัวกันแบบนี้ ดีที่ภาคเรามีคนเก่งๆ เยอะ พิงค์ก็ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ”

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปตามที่เธอชี้ พิงค์กอดคอกับเพื่อนหญิงในคณะอีกแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ “อืม ตั้งใจอ่านเข้า สู้ๆ นะ”

หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “พี่วินคะ เด็กวิดวะก็สนิทกันแบบนี้แหละ ไม่ค่อยแบ่งแยกชายหญิงหรอกค่ะ พิงค์ก็เล่นแบบนี้กับทุกคน พี่วินอย่าโกรธพิงค์เลยนะ”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้นพลางหันขวับไปทางหญิงสาว “เดี๋ยว... เดี๋ยวสิครับ เข้าใจผิดแล้ว...”

“พี่วินไม่โกรธก็ดีไปค่ะ” เธอยิ้มกว้างอย่างจริงใจสุดๆ “กินแคปหมูให้หมดน้า” จากนั้นก็วิ่งกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยในตอนแรก แต่คิดดูก็ดีเหมือนกันที่เธอบอก เขาเอนหลังพิงเสาแล้วหยิบแคปหมูขึ้นมากินไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรเย็นๆ มาแตะที่ลำคอ

“อ่ะ น้ำ” ภูพิงค์ยืนอยู่ข้างๆ เขา ในมือถือขวดน้ำอัดลมเย็นเฉียบ “กินแคปหมูเดี๋ยวคอแห้ง”

รวินท์รับขวดน้ำมา “ขอบใจ”

เด็กหนุ่มนั่งลงข้างกัน “เมื่อกี้คุยไรกับแหวนอะ”

“แหวน? คนเมื่อกี้ชื่อแหวนเหรอ”

“เออ อ่อยเพื่อนผมอีกแล้วดิ”

“ว่างเหรอวะ มาหาเรื่องกันเนี่ย”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เพียงแค่ถอนหายใจหนักๆ

“ไม่ได้อ่อย แค่คุยกันเฉยๆ เขาเห็นผมนั่งเบื่อๆ เลยเอาแคปหมูมาให้กินก็เท่านั้น” รวินท์อธิบายไปตามความจริง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มมองเขาผิดๆ เช่นเดิม

“แล้วกระซิบอะไรกันอ่ะ”

“เขาคิดว่าผมนั่งทำหน้าเซ็งๆ เพราะคุณโอบคนนั้นที โอบคนนี้ทีล่ะมั้ง ก็เลยบอกว่ามันเป็นธรรมดาของคนในคณะ”

คนอ่อนวัยกว่าหันขวับไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “ผมทำแบบนั้นเหรอ”

“เออ คุณว่าผมว่าขี้อ่อย ไม่ได้ดูตัวเองเลย”

“ผมไม่ได้อ่อย มันเป็นธรรมดาของคนในคณะจริงๆ ที่นี่มีแต่เพื่อนกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิง แต่ถ้ามันทำให้พี่ไม่สบายใจ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก” เด็กหนุ่มยิ้ม พร้อมกับยกมือขึ้นจับแก้มอีกฝ่ายยืดเข้ายืดออก “ขอโทษที่ปล่อยให้พี่นั่งเหงา ช่วงนี้...”

“ผมรู้ๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ”

“แต่ผมดีใจนะที่พี่ยอมมานั่งแกร่วอยู่กับผมแบบนี้อะ”

“ผมไม่มีที่อื่นให้ไปอยู่แล้ว”

“โห พูดจาใจร้ายว่ะ” ภูพิงค์พึมพำ ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือของตนให้ “เอ้า เล่นเกมป่ะ มีเพียบเลย”

“เล่น มีเกมก็ไม่บอก ให้นั่งเบื่ออยู่ได้ตั้งนาน”

“ลืมอะ งั้นผมไปอ่านหนังสือต่อละนะ ถ้ามีใครโทรเข้ามาก็รับให้ด้วย”

“ไม่กลัวผมแอบดูในโทรศัพท์รึไง”

“ก็ดูไปสิ ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มขณะที่โน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบบอกรหัสผ่าน จากนั้นจึงลุกเดินกลับไปนั่งลงบนพื้นกับเพื่อนๆ ตามเดิม

รวินท์อมยิ้มอย่างพอใจ เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจที่ตัวเองรู้สึกดีใจกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แค่เพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะไม่ทำอะไรที่เขาไม่ชอบ ให้เขาดูในโทรศัพท์ได้ บอกให้รู้รหัสผ่านและให้รับโทรศัพท์ให้ ทำให้เขารู้สึกโคตรจะพิเศษ

ในระหว่างที่เล่นเกมไปนั้น โทรศัพท์ก็สั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้า คนที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ทันตแพทย์หนุ่มจึงกดรับสาย หากยังไม่ทันพูดอะไร คนที่ปลายสายก็พูดรัวๆ

“อีพิงค์ มึงกลับมาแล้วแวะซื้ออะไรมาแดกด้วย กูหิวมาก ขี้เกียจออกไปซื้อ”

“แซนดี้อยากจะกินอะไรล่ะ”

เจ้าของชื่อเรียกชะงักไปชั่วครู่ “โห! เดี๋ยวนี้ไอ้พิงค์มันร้าย~”

“ร้ายยังไง”

“แหม ก็เอาโทรศัพท์ไว้ที่พี่หมอไง เวลาสาวๆ โทรมาจีบ จะได้ถอยกันไปให้หมด”

รวินท์ขมวดคิ้ว “มีคนมาจีบเยอะเหรอ”

“อู๊ย! ไม่มี้!” แซนดี้ขึ้นเสียงสูง จริงๆ ก็ไม่มีหรอก เพราะภูพิงค์ไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ใครง่ายๆ เขาตั้งใจให้อีกฝ่ายระแวงนั่นล่ะ “บอกมันรีบๆ กลับหน่อยนะพี่หมอ หิวอะ”

“แล้ว...ตกลงจะกินอะไร”

“อะไรก็ได้ ผู้ชายก็เอา”

“เออๆ เดี๋ยวผมบอกพิงค์ให้นะ”

“ขอบคุณค่า”

อีกฝ่ายวางสายไปเรียบร้อย หากทันตแพทย์หนุ่มยังคงขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง เมื่อกี้ยังดีใจที่ได้เป็นคนพิเศษอยู่หลัดๆ ตอนนี้เขาโดนลดตำแหน่งลงมาเป็นไม้กันหมาเสียแล้ว

รวินท์ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะกดเปิดเกมขึ้นมาเล่นแก้เซ็ง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาขัดจังหวะ ตอนแรกๆ ก็พยายามจะไม่ใส่ใจ จนกระทั่งมือไปกดโดนข้อความเข้า หน้าจอเกมจึงถูกเปลี่ยนเป็นหน้าจอแชตแทน

“ฉิบหาย!”


‘พิงค์ โทรหาเฟิร์นด้วย อาทิตย์หน้าจะไปเชียงใหม่ ไปกินข้าวกัน’

‘อ่านแล้วก็ตอบด้วยดิ’

‘คิดถึงพิงค์น้า~ ไม่ได้เจอกันมาหลายปีเลย’


เธอส่งข้อความมารัวๆ ปิดท้ายด้วยรูปคู่ของพวกเขา ซึ่งในภาพเธอกำลังจับมือกับภูพิงค์อยู่

รวินท์ลุกขึ้นพรวด เขารีบเดินเอาโทรศัพท์ไปคืนเด็กหนุ่ม “พิงค์ มีคนส่งข้อความเข้ามาตอนผมเล่นเกม มือผมกดไปโดนอ่ะ”

ภูพิงค์รับโทรศัพท์ไปดู แล้วกดปิดหน้าจอแชตไป “ไม่เป็นไรพี่ เล่นเกมต่อเลย”

“จะไม่ตอบเขาเหรอ”

“พี่อยากให้ผมตอบเขาเหรอ”

รวินท์อ้ำอึ้ง “.....”

“พี่จะทำยังไงก็ตามใจ เดี๋ยวทำข้อนี้เสร็จจะกลับละ”

“อือ แซนดี้โทรมาตามแล้ว บอกให้ซื้ออะไรไปให้กินด้วย”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “โอเค พี่นั่งรออีกแป๊บนะ”

รวินท์เดินกลับไปนั่งที่เดิม ยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งก็เห็นว่าหญิงสาวคนเดิมส่งข้อความเข้ามาอีกรัวๆ แบบนี้เขาจะเล่นเกมต่อได้อย่างไรกันล่ะ จะปิดเตือนข้อความก็ไม่กล้า เพราะไม่ใช่โทรศัพท์ของตน

สรุปแล้วเขาก็วางโทรศัพท์ทิ้งไว้เฉยๆ แล้วหันไปกินแคปหมูต่อ

คราวนี้เป็นโทรศัพท์ของเขาที่สั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้าบ้าง เขาหยิบขึ้นมาดูพลางถอนหายใจ หากก็กดรับสาย “ว่าไง”

“นึกว่ามึงจะไม่รับโทรศัพท์กูซะแล้ว”

“นึกงั้นแล้วจะโทรมาทำไมวะ”

“โทรไปงั้นแหละ”

“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูกำลังเล่นเกมอยู่”

“วิน อย่านอนดึกนักนะ พรุ่งนี้ขับรถกลับหอดีๆ ด้วย”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นพ่อกูสักที”

“ก็อยากเป็นอย่างอื่น แต่มึงไม่ให้...”

“เออๆ กูจะขับรถดีๆ แค่นี้นะ” รวินท์พูดรัวๆ แล้วกดวางสายไปทันที หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมขมับ ตามด้วยถอนหายใจถี่ยิบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีคนมากระซิบข้างใบหู

“พี่วิน เสร็จแล้ว”

“บอกดีๆ ก็ได้ ย่องเข้ามาเป็นโจรเลยว่ะ”

“อยากเป็นโจรไง โจรปล้นใจ” ภูพิงค์ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วถี่ๆ

“อ่านหนังสือหนักจนเพี้ยนเหรอวะ”

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะ “ไปๆ เก็บของ ลุกๆ จะได้กลับกันสักที ป่านนี้อีแซนดี้คงแดกบ้านไปครึ่งหลังแล้ว”

“คนหรือปลวกวะเนี่ย”

“พี่ก็นึกหน้ามันตอนไม่ได้แต่งหน้าสิ”

“ผมจะฟ้องแซนดี้”

“เดี๋ยวมันปล้นพรมจรรย์ผมแล้วพี่จะเสียใจ”

รวินท์ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรออกไป แต่ก็เปลี่ยนใจเสียก่อน เขาลุกขึ้นเก็บพวกห่อพลาสติกจากของกินไปใส่ถังขยะ จากนั้นก็เดินกลับมาหาคนอ่อนวัยว่า “ไปกันเถอะ”

แล้วมอเตอร์ไซค์สี่คันก็เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย ไปหยุดแวะซื้อของกิน ก่อนจะกลับไปที่บ้านเช่า


หลังจากกินมื้อดึกกันเสร็จ พวกเขาก็ผลัดกันไปอาบน้ำ รวินท์อาบน้ำเสร็จเป็นคนแรก เขาจึงออกมานั่งเล่นบนม้านั่งหินหน้าบ้านตามลำพัง

แต่สักพักประตูบ้านก็เปิดออก ภูพิงค์ก้าวฉับๆ ไปนั่งลงข้างทันตแพทย์หนุ่ม “นั่งทำไรวะพี่”

“เลี้ยงยุง”

“โห คิดมุกเองบ้างดิ๊” เด็กหนุ่มชำเลืองมองอีกฝ่ายเป็นระยะๆ สักพักก็ตัดสินใจขยับเข้าไปจนชิด “คิดไรอยู่”

“คิดว่าเฟิร์นเป็นใคร”

“แฟนเก่าสมัยมอหก”

รวินท์หันขวับมาประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า เขาไม่นึกว่าจะได้รับคำตอบไวปานสายฟ้าฟาดเช่นนี้

“ผมกับเขาเป็นเฟรนด์กันในเฟซ แต่นานๆ จะทักกันสักที ก็ปีละไม่เกินสองหนอะนะ แค่อวยพรวันเกิดกับวันปีใหม่ ก็อย่างที่รู้ๆ แหละ มันจบไปนานแล้ว”

“แต่ดูเขายังไม่อยากจบนะ”

“ก็เพราะใครล่ะ”

“เพราะใครวะ” ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้ายุ่ง

“ช่วงหลังนี่มีคนลงรูป มีคนพูดถึงผมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะพี่ไง พอเขาเห็นรูปผมบ่อยเข้าก็เลยทักมาคุยอะดิ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่คิดจะไปเจอเขาหรอก ผมบอกพี่แล้วไง ผมจะไม่ให้ความหวังใครถ้ามันไม่มีหวัง”

รวมถึงตัวเขาด้วยหรือเปล่าวะ? พิงค์กำลังบอกปฏิเสธเขากลายๆ ไปด้วยหรือเปล่า

รวินท์ขมวดคิ้วมุ่น

“ทำคิ้วขมวดแบบนี้เดี๋ยวหน้าแก่หมดนะพี่” ภูพิงค์ใช้นิ้วรูดคิ้วทั้งสองข้างของอีกฝ่ายออกจากกัน “ง่วงยัง”

“อือ นิดหน่อย”

“ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้”

“ไม่ล่ะ คืนนี้ผมนอนโซฟาข้างล่างดีกว่า”

คนอ่อนวัยกว่าหยุดกึก “ทำไมอะ”

“คุณจะได้ไม่ต้องไปนอนเบียดกับเพื่อนคุณไง”

“ผมแค่อยากให้พี่นอนสบายๆ”

แววตาสีเข้มของรวินท์สั่นไหว เขาก้มหน้าหลุบตาลงมองพื้น ในอกมันเจ็บหน่วงไปหมด แทบจะทุกครั้งที่คุยกับภูพิงค์ จนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว

“ผมทำให้พี่คิดมากเหรอ”

“.....”

“งั้นคืนนี้นอนด้วยกันนะ”

ภูพิงค์มักจะอ่อนโยนกับเขาแบบนี้เสมอ แล้วก็ทำให้เขาใจอ่อนได้ง่ายๆ เสียด้วย เขาพยายามบอกตัวเองว่าอย่าหวังให้มาก  เด็กหนุ่มดีกับเขาเพราะเขากำลังมีปัญหา กลุ้มใจและเศร้าใจ อีกฝ่ายก็แค่คอยช่วยปลอบโยนเขาในฐานะเพื่อนที่ดีก็เท่านั้น

รวินท์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางถอนหายใจ

“ผมเริ่มสอบวันศุกร์หน้า สอบเสร็จวันศุกร์อีกอาทิตย์นู่นเลย เพราะงั้นเสาร์อาทิตย์หน้าผมคงมาหาพี่ได้แค่แวบๆ แต่จะมานะ”

“อือ ขอบใจ”

ภูพิงค์เอนตัวเข้าไปพิงไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม “สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันนะ พี่คิดไว้ได้เลยว่าอยากไปไหน”

“ไปกับทุกคนอะเหรอ”

เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แก้มและใบหูซับสีเลือด เขาประสานมือเข้าด้วยกัน “ผมอยากไปกับพี่สองคนแบบครั้งที่แล้วอะ ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร”

คำตอบนั้นเป็นผลให้รวินท์ยิ้มออกมาได้บ้าง งานนี้ไม่มีเก๊ก ไม่มีเล่นตัว เพราะที่จริงก็กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ “ก็โอเค”


*TBC*


ก็ยังไม่หวานเต็มที่แหละ อย่าเพิ่งเฟี้ยงเกิบมาทางนี้แน~

อย่างแรกเลย พี่วินควรจะได้เรียนรู้ว่าความรักนั้นมีให้ทั้งความสุขทั้งความเจ็บปวด และพี่วินควรจะรู้ว่ารักข้างเดียวเป็นยังไง คือที่มาของตอนนี้นะคะ พี่วินก็น่าสงสารแหละ แต่ถ้าพี่ไม่เจ็บ ไม่โดนกับตัวเอง พี่ก็จะไม่ปรับปรุงตัวเนอะ เอาใจช่วยพี่วินกันนะคะ

ขอโทษด้วยถ้าหากทำให้รู้สึกว่าเรื่องเดินช้านะคะ 5555555 แต่สำหรับฮัสกี้ คิดว่าสองคนนี้เริ่มต้นมาก็ใกล้ชิดกันมากแล้ว ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอด แถมยังเป็นคู่จิ้นกันด้วย จะให้ "ผู้ชาย" ธรรมดาๆ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาชอบเรานะ เขามีใจให้เรานะ มันก็น่าจะยากอยู่สักหน่อย แถมทั้งคู่ก็ยังปากหนัก ไม่กล้าพูด เพราะบางครั้งการที่เราพูดความรู้สึกของเราออกไป อาจจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ไปก็ได้ ตัวพี่วินเองก็มีประสบการณ์อยู่ว่าการที่เพื่อนรักเพื่อนน่ะ มันน่าทรมาน ชวนให้อึดอัดมากแค่ไหน ส่วนตัวน้องพิงค์ ถึงจะชอบพี่เขา แต่เพราะนิสัยไม่ดีๆ ของพี่ มันทำให้น้องเองก็กลัวและพยายามยั้งๆ ไว้เหมือนกัน ฮัสกี้คิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับสองคนนี้นะคะ

แต่ไม่ต้องห่วงน้าา อีกไม่เกินสามตอนได้เป็นแฟนกันแน่นอน รอหน่อยละกันค่ะ แต่เป็นแฟนกันแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคนะคะ บอกให้เกียมใจไว้ก่องเลย 55555

เรื่องนี้ฮัสกี้ตั้งใจเขียนให้เป็นความรักของผู้ชายธรรมดาๆ สองคนที่ค่อยๆ จูนคลื่นเข้าหากัน รักกัน และปรับตัวเข้าหากัน เพราะงั้นความสัมพันธ์อาจจะช้าสักหน่อย และที่สำคัญ ทั้งพี่วินและน้องพิงค์ต่างก็ไม่ใช่คนเพอร์เฟ็กต์ มีส่วนไม่ดีด้วยกันทั้งคู่ ตรงนี้หนุ่มๆ ก็ต้องช่วยๆ กันปรับปรุงไปเนอะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1:

ปล. ติเตียนกันได้ไม่ว่ากัน ไม่ชอบตรงไหนก็บอกกันได้ค่ะ แต่พิมพ์อะไรแล้วขอให้ลองอ่านทวนนิดนึงก่อนกดส่ง ขอให้นึกถึงใจคนเขียนนิดนึงเนอะ ฮัสกี้ลงนิยายบ่อยๆ ไม่ค่อยบ่นอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ท้อ ไม่เสียใจนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ให้กำลังใจกันดีกว่า ฮัสกี้จะได้มีแรงเอามาลงบ่อยๆ น้าาา~ ขอบคุณค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ถึงจะสงสารพี่วินท์ แต่เห็นด้วยตามที่คุณคนเขียนว่า ต้องให้บทเรียนพี่วินท์เยอะๆ จะได้รู้คุณค่าของความรัก
รอค่ะ รอวันที่เค้าจะเป็นแฟนกัน อีกแค่สามตอนเท่านั้น เราทนได้ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รักครั้งนี้ของหมอวินกว่าจะได้มาต้องมีการเรียนรู้หลายๆสิ่ง และเป็นรักที่ได้มาแล้วหมอวินต้องรักษาไว้อย่างดีแน่นอน
อิน้องน่ารักเสมอ แคร์พี่วินมากๆ ใส่ใจไปหมด โอ๊ยสั่งห่อน้องพิงค์มาส่งแล้วนี้ที่  :mew1:
 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่วินหงอยเลย เอ็นดูหมอเต้หล๊ายหลาย ยิ่งฟังประโยคนี้ยิ่งเจ็บ ก็อยากเป็นอย่างอื่นแต่มึงไม่ให้เป็น

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เฮ้อ..........เมื่อไหร่จะฉลาดเหมือนเรียนหนังสือกันทั้งคู่นะ คิดเองเออเองกันทั้งนั้น เอาใจช่วยให้เข้าใจตรงกันเร็วๆ นะคะ :m31:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เข้าใจ แต่ก็รู้สึกขัดใจ ไม่ได้ดังใจ ตรงที่ต่างฝ่ายต่างอมพะนำ กันนั่นแหละ  ทั้ง ๆ ที่ใจตรงกันซะขนาดนั้น  คนนอกยังมองออก แต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เป็นประสบการณ์ความรักอีกด้านที่พี่วินยังไม่เคยเจอ
สู้ๆนะ น้องพิงค์รออยู่

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :L3:หน่วงใจ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ช่วงนี้เลี้ยงน้ำใบบัวบก คุณวินท์บ่อย ๆ ละกันนะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
รอไม่เกิน 3 ตอน อยากเปิดวาปก่อนเลยค่ะตอนนี้  :hao7:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เราคิดว่ามันเดินเรื่องช้าไปจริงๆอ่ะค่ะ จนเริ่มเบื่อแล้ว เราเข้าใจนะคะว่าคนเขียนอยากให้พี่วินเรียนรู้หรืออะไรก็ตาม แต่มันช้าไปอ่ะค่ะ ถ้าสมมติเราซื้อเรานิยายแบบเป็นรูปเล่มมาแล้วเดินเรื่องยืดขนาดนี้ไม่รู้กี่ตอนมาแล้วที่ตัวเอกทั้งสองคนยังไม่เข้าใจกันเราคงวางทิ้งอ่ะค่ะ แต่นี่ยังพอโอเคเพราะมาทีละตอนก็มีเวลาไปอ่านเรื่องอื่นพอให้ลืมๆความรู้สึกหน่วงๆของเรื่องนี้บ้าง รู้มั้ยคะเราดีใจและตื้นเต้นทุกครั้งที่เห็นเรื่องนี้อัพเพราะเราชอบตัวละครทั้งสองมาก อยากเข้ามาอ่านเร็วๆ แต่ช่วงนี้ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่จะเข้ามาอ่านแต่เวลาอ่านจบแต่ละตอนไม่ประทับใจเหมือนช่วงแรกๆ เพราะได้รับความรู้สึกเดิมๆติดกันมาหลายตอน แต่ก็จะยังคงติดตามนะคะเพราะอย่างที่บอกรักพี่วินกับพิงค์มาก อันนี้เป็นแค่ความคิดเห็นของเรานะคะ อยากให้คนเขียนพิจารณาค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อีกสามตอนเหรอ รู้สึกเหมือนยังแกล้งพี่วินไม่หนำใจเลย 555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
จีบเลยเถอะ น้องพิงค์ ลุยให้เต็มที่ ลุ้นจนเหนื่อยล้าว ฮือออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ฮัสกี่ค่ะไม่มรอะไรจะติหรอกค่ะเพราะเราชอบแนวนี้มากและคิดว่าหลายๆคนก็น่าจะชอบแนวนี้
รู้สึกว่ามันคือมนุษย์ดีๆนี่เอง
ค่อยๆรักกัน ค่อยๆปรับตัว และค่อบๆรู้ใจกัน
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พี่หมอเริ่มเรียนรู้อะไรๆมากขึ้นแล้ว

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอาใจช่วยทั้งคู่เลยนะ

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
มันเหทือนตอนนี้ต่างคนต่างกั๊กไำ่ในมืออ่ะ จะลงก็ลงไม่หมด เพราะก็กลัวจะเสีย  เหอๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด