Chapter 33 : ปรับทุกข์บนดอย (1/2) ทันทีที่ได้ยินเด็กหนุ่มพูดถึงรูป ใบหน้าหล่อเหลาก็ซีดเผือด หัวใจไหววูบ ถ้าดูจากวิธีสกปรกทั้งหลายที่เตชิตทำมา เขาก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่ารูปนั่นจะเป็นรูปอะไร คงไม่พ้นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดมาหมาดๆ เขาเบือนหน้าหนี พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ไอ้เต้ มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ
“ไม่ถามเหรอว่ารูปอะไร”
“.....”
“พี่คงตกใจมาก” ภูพิงค์วางมืออีกฝ่ายลง ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่ “ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” เขาค่อยๆ ดึงทันตแพทย์หนุ่มเข้ามากอด
รวินท์ซุกใบหน้าลงในอ้อมแขน ความอบอุ่นของเด็กหนุ่มค่อยๆ ส่งผ่านเข้ามาทีละน้อย จนถึงหัวใจ หากก็ทำให้ความอ่อนแอที่พยายามซ่อนไว้ผุดออกมา หัวไหล่ของเขาสั่นไหว สองมือขยุ้มเสื้อของเจ้าของอ้อมแขนไว้ พลางพูดเสียงแผ่ว “ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี... ผมไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่เพื่อน...”
“พี่ก็ยังมีผมไง”
แม้จะเป็นได้แค่เพื่อน ทว่าก็ยังดีที่ภูพิงค์ยอมอยู่ข้างกัน ทันตแพทย์หนุ่มลังเลในคราวแรก แต่แล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนมือไปกอดตอบ เมื่อกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า เขาก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวแรง ไม่แน่ใจว่าเป็นของตนเองหรือของเด็กหนุ่มกันแน่
“เอ่อ... อยู่ข้างผม...”
ภูพิงค์ได้ยินเสียงงึมงำ เขาจึงก้มลงกระซิบถาม “พูดชัดๆ สิวะ อู้ๆ อี้ๆ อะไร ผมไม่ได้ยิน”
ลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบบนใบหูส่งผลให้หัวใจเต้นรัวหนักหน่วงขึ้นไปอีก รวินท์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม “คุณจะอยู่ข้างๆ ผม...แบบนี้ไปอีกนานๆ ได้มั้ย”
ภูพิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้สิ ถ้าไม่ติดเรียน... หรือปวดขี้...”
ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก พร้อมกับยกมือขึ้นเขกศีรษะคนช่างกวน “ฮึ่ย! คุณนี่มัน! พูดดีๆ ได้ไม่ถึงสามวินาทีเล้ย!”
“โอ๋ๆ อันหลังนี่ผมล้อเล่นน่ะ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเบาๆ เขาสังเกตเห็นทางน้ำตาที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าอีกฝ่าย จึงใช้นิ้วเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ “แต่เรื่องที่จริงแท้แน่นอนคือ... ผมจะอยู่ข้างพี่วินเสมอนะ ถ้าพี่ต้องการ”
รวินท์ยกมือขึ้นกุมมือของเด็กหนุ่มไว้ พร้อมกับยิ้มบาง “ขอบใจ” ภูพิงค์เป็นคนแรกที่สอนให้เขาได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจจะเป็นคนที่สองที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ แต่เป็นคนแรกที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นไปด้วยในคราวเดียวกัน
ความรู้สึกของเขาชัดเจนอยู่ในใจ แค่ได้เป็นเพื่อน ได้อยู่ใกล้ชิดกัน... ก็ยังดี
คนอ่อนวัยกว่าลดสายตาลงมองริมฝีปากซึ่งยิ้มอยู่น้อยๆ พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถ้าให้บอกตามตรงก็อยากจะจูบแม่งไปแรงๆ สักที ไม่รู้ทำไม วันนี้ไอ้พี่วินทั้งน่ารัก น่าทะนุถนอมกว่าทุกครั้ง ถึงเขาจะรู้ตัวดีว่านี่แหละคือที่มาของสุนัขป่าในคราบลูกแกะก็ตามที
หากเมื่อกลีบปากสีแดงที่เคยแอบมองบ่อยๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว เขาจะทนไหวได้อย่างไรกันเล่า เด็กหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาจุดหมายทีละน้อย จนปลายจมูกของพวกเขาเกือบจะสัมผัสกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถอยหนี
รวินท์นิ่งมองใบหน้าที่มีไรหนวดบางๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ ซึ่งทำให้เขาคาดหวังไปว่าจะได้สัมผัสกับความนุ่มของเรียวปากตรงหน้านั้น
แต่เวรกรรมที่ทำไว้มีมากโข และบุญที่เคยทำไว้ก็คงยังมีไม่พอ ภูพิงค์ถึงเสือกนึกขึ้นมาได้ว่า... แผลจากผ่าฟันคุดยังไม่ทันหายดีเลยนี่หว่า! “เฮ้ย!” เขารีบผละออก แล้วคราวนี้พอเห็นสีหน้าตกใจเล็กน้อยของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งลนลานทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ คือ... ปากผม...”
ทันตแพทย์หนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ เขาก็ผิดหวังนั่นล่ะ หากก็เข้าใจ เพื่อนที่ไหนจะบ้าคิดจูบกันล่ะวะ
“พี่วิน ปากผมยังเป็นแผลอยู่เลยอ่ะ” ภูพิงค์พยายามจะอธิบาย หากอีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่างซะได้
รวินท์จำใจต้องเปลี่ยนโหมดกลับมาเป็นทันตแพทย์ “ตรงนี้มืดเกิน ผมคงเช็กอะไรให้ไม่ได้ ต้องไปดูที่สว่างหน่อย แต่หน้าหายบวมแล้วก็ค่อยยังชั่วนะ ยังมีเลือดออกอยู่รึเปล่าล่ะ”
“แทบไม่มีแล้วล่ะพี่ แต่ยังมีน้ำไหลออกจมูกตอนบ้วนปากนิดหน่อย”
“ไม่ปวด ไม่มีไข้แล้วใช่มั้ย”
“ไม่มีแล้วครับ ผมบ้วนน้ำเกลือหลังกินข้าวตามที่พี่บอกทุกวันเลยนะ”
“อือ อดทนเก่งมาก” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ซี่ที่เหลือ ผมจะจัดการให้อย่างดี จะต่อยให้สลบแล้วค่อยๆ งัดออก”
ภูพิงค์หัวเราะเสียงดัง “มือที่ต่อยใครแค่ครั้งเดียวก็ช้ำแบบพี่เนี่ยนะ จะต่อยผมยังไงให้สลบวะ เอาค้อนทุบเหอะ” เขาจับข้อมืออีกฝ่ายขึ้นมาตรงหน้า ทำให้เห็นรอยช้ำบนหลังมืออีกครั้ง “ว่าแต่พรุ่งนี้จะทำฟันไหวป่ะวะเนี่ย”
“ผมคงต้องลาพรุ่งนี้ เจ็บมือนิดหน่อยน่ะ ส่วนวันเสาร์ ที่นัดตัดไหมให้คุณไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้ามือยังเจ็บอยู่บางทีผมอาจจะต้องสลับวันทำคลินิกกับไอ้...เต้” รวินท์หยุดกึก ขมวดคิ้วมุ่น เขายังต้องกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้เต้อีกนี่หว่า ยังต้องทำงานร่วมกันแทบทุกวัน
เด็กหนุ่มพลอยนิ่งขรึมไปด้วย เขาอ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถามออกไป “พี่วิน คือ... ผมถามจริงๆ นะ พี่คิดยังไงกับพี่เต้”
คนถูกถามหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “หมายความว่าไง ผมก็คิดกับไอ้เต้เป็นเพื่อนกันไง”
“เพื่อนอย่างเดียวใช่มั้ย”
“เออสิวะ ผมกับไอ้เต้เป็นได้แค่เพื่อน...เท่านั้น” เสียงของรวินท์แผ่วลงเล็กน้อย เพราะมานึกดูอีกที สถานการณ์ระหว่างเขากับไอ้เต้ เหมือนตัวเขากับภูพิงค์ในตอนนี้ฉิบหายเลย
ภูพิงค์ผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งใจ “ผมถามเพื่อความชัวร์ อยากได้ยินจากปากพี่ให้ชัดๆ”
“ทำไม? ไอ้เต้มันบอกอะไรกับคุณเหรอ”
“ช่างเหอะพี่ อย่าไปนึกถึงมันอีกเลย”
ทันตแพทย์หนุ่มตะปบมือลงบนท่อนแขนของคนอ่อนวัยกว่า “จริงสิ รูปนั่น! ที่มันส่งมาให้คุณ! ขอผมดูหน่อย!”
“อย่าดูเลย ดูไปให้คิดมากเปล่าๆ”
รวินท์จ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มนิ่งอยู่สักพัก เขาดึงมือออกแล้วเสตาหลบ “ผู้หญิงที่คุณเห็นอยู่กับผมวันนั้น ไอ้เต้เป็นคนส่งมา แต่ผมจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของมัน เพราะนั่นเป็นความใจง่ายชั่ววูบของผมเอง”
คนอ่อนวัยกว่านึกย้อนกลับไป จะว่าไป... ที่เขาไปหาพี่วินวันนั้นก็เพราะพี่เต้โทรศัพท์มาบอกเหมือนกัน เหมาะเจาะแบบนี้ แสดงว่าพี่เต้วางแผนไว้เรียบร้อย กะว่าจะใช้โอกาสนั้นให้เขากับพี่วินผิดใจกันสินะ
“วันนี้มันเรียกผมไปเคลียร์ เอาชื่อผู้หญิงมาอ้าง ผมถึงได้ไปเคลียร์กับมัน” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกชัดเจนถึงความเจ็บปวดและผิดหวัง “ผมกับมันทะเลาะกัน แล้วมันก็บอกว่าที่จริง...”
“ว่าที่จริงแล้วพี่เต้ชอบพี่อย่างนั้นใช่มั้ย”
รวินท์พยักหน้า “อือ แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปจะ...”
“พอแล้วพี่ ไม่ต้องเล่าแล้ว” ภูพิงค์ใช้นิ้วแตะริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผมเข้าใจแล้ว”
แววตาของรวินท์สั่นไหว “คุณเชื่อผมใช่มั้ย ครั้งนี้ผมไม่ได้ใจง่ายนะ ผมไม่เคยคิดกับไอ้เต้เกินเพื่อน”
“ผมเชื่อ” เด็กหนุ่มเคลื่อนมือไปประกบแก้มอีกฝ่าย “แต่ผมอยากให้พี่ลืมเรื่องนี้ไปก่อน เพราะมันทำให้พี่ไม่สบายใจ พอพี่รู้สึกดีขึ้นแล้ว เราค่อยหาวิธีแก้ปัญหาระหว่างพี่กับพี่เต้กันนะ”
ทันตแพทย์หนุ่มสบสายตากับคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มบาง “อืม”
ปลายนิ้วที่สัมผัสบนกลีบปากสีแดงกดคลึงลงไปช้าๆ ขนาดใช้นิ้วแตะยังรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นของมัน ถึงก่อนหน้าริมฝีปากของพวกเขาจะเคยแตะกันแวบๆ แต่มันก็เร็วเสียจนไม่ทันได้รู้สึกอะไรเลย เวลานี้เขาอยากจะสัมผัสกลีบปากตรงหน้านี่ด้วยเรียวปากของตนเองอีกครั้ง อยากจะทำให้พี่วินลืมสัมผัสของคนอื่นไปเสีย
แต่ก็ติดอยู่ตรงไอ้แผลเวรนี่ล่ะ!
“รอปากผมหายก่อนนะ...”
“จะไปด่ามันให้ผมรึไง” รวินท์ถามไปตามตรง
ภูพิงค์ได้ยินแล้วก็แทบทรุด หมดมู้ดไปทันที “โธ่ พี่วิน!” เขาลดมือลง หันหน้าหนีไปอีกทางแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“ที่จริงผมก็ด่ามันไปนิดหน่อยแล้วแหละ” รวินท์พูดเสียงเศร้า “แต่ผมเองก็ผิด ที่ไม่ได้ใส่ใจกับความรู้สึกของมันให้มากๆ ทั้งที่มันเป็นเพื่อนสนิทของผม”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องด่าโว้ย” เด็กหนุ่มหันกลับมาโวยใส่ แล้วถอนหายใจ “ช่างเหอะ แล้ววันนี้จะทำไง พี่คงไม่กลับไปลำพูนหรอกใช่มั้ย”
“คืนนี้คงนอนที่คลินิก แต่คืนพรุ่งนี้...”
“งั้นคืนนี้ผมจะไปนอนด้วย ส่วนพรุ่งนี้ มานอนที่ห้องผมมั้ย”
“ได้เหรอ”
“ได้ดิ ผมอยากให้พี่อยู่ใกล้ๆ ผมจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”
รวินท์ยิ้มบาง “ขอบใจ”
ภูพิงค์ลูบศีรษะทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน เส้นผมนุ่มนิ่มชวนให้สัมผัส เวลาที่พี่วินเชื่องๆ ทำตัวน่ารักแบบนี้ เขารู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากจริงๆ อยากถนอม อยากปกป้องและเอาใจ “หิวมั้ย อยากไปกินอะไรรึเปล่า”
“นิดหน่อย ไปหาอะไรกินเอาแถวคลินิกก็ได้”
“ปะ งั้นไปกัน พี่ขับรถพี่ไป เดี๋ยวผมขี่มอไซค์ตามไปนะ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นช้าๆ จากนั้นจึงส่งมือให้ชายหนุ่มใช้จับยึด
รวินท์พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเด็กหนุ่มไว้ หากพอลุกเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็กระตุกมือนั้นเบาๆ “พิงค์”
“หือ”
“ตอบแชตผม รับโทรศัพท์ผมด้วยนะ อย่าเงียบไปอีก”
ภูพิงค์ยิ้มรับ “ครับ ที่ผ่านมาผมขอโทษที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ”
รวินท์ทำหน้าเศร้า พลางก้าวเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่มไว้ เขารู้สึกว่าวันนี้ภูพิงค์ใจดีเป็นพิเศษ ไม่สิ ทุกครั้งที่เขามีปัญหา อีกฝ่ายจะใจดีกับเขาเสมอ เพราะฉะนั้น เขาน่าจะถือโอกาสนี้อ้อนเด็กหนุ่มไว้เยอะๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มคิด ภูพิงค์โอบกอดเขาตอบ แถมยังลูบหลังให้เสียด้วย พอเห็นว่าได้ผลดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาขอเนียนเต๊าะอีกฝ่ายไปด้วยเลยละกัน
“พรุ่งนี้ผมไปมหาลัยด้วยได้มั้ย ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”
“ผมเข้าใจนะ แต่พรุ่งนี้มีเรียนทั้งวัน แล้วหลังจากนั้นก็มีติวหนังสือสอบ ผมคงไม่มีเวลาดูแลพี่สักเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร” รวินท์เงยหน้าขึ้น เขายิ้มแบบที่คิดว่าน่าจะดูดีที่สุดในสายตาของเด็กหนุ่ม “อยากลองเป็นเด็กวิดวะสักวัน ผมจะนั่งเฉยๆ ไม่กวนใครหรอก”
คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเบาๆ ส่วนใจน่ะ อ่อนยวบไปกองอยู่ตรงเท้าของอีกฝ่ายตั้งแต่ประโยคแรกที่ทำเสียงอ้อนเขาแล้ว “งั้นก็โอเค”
โอ้โห ได้ผลอย่างแรง!
รวินท์ปล่อยให้เด็กหนุ่มจูงมือเขาไปที่รถ ขณะที่เดินไปก็แอบยิ้มเล็กน้อย จะว่าไป ไอ้เรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างแย่ไปด้วยเสียทีเดียวล่ะวะ
*TBC*ขอลงครึ่งเดียวก่อนนะคะ เอาแค่ฟินเบาๆ ก่อนละกันน้าาาา
ครึ่งหน้าก็ยังมีฟินล่ะ พี่น้องเขาเข้าใจกันมากขึ้นแล้ววว
ยกเว้นปากยังหนักทั้งคู่ อันนี้รักษายากกกก 5555555
ขอบคุณคนอ่านและทุกกำลังใจมากๆ แฮปปี้ๆๆๆ วีคเอนด์นะก๊ะ
ปล. รีบลงอย่างเร็ว เล้าอย่าเพิ่งล่มหนีเค้าน้าาา