ภูพิงค์ยืนหน้ามุ่ยอยู่ที่หน้าบ้าน ในมือถือถุงยาขยี้ไปขยี้มา หงุดหงิดกับตัวเองเล็กน้อยที่ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้ พอทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้ามาหาก็เดินนำเข้าบ้านเช่าไป
ภายในบ้านทุกคนกำลังจัดการมื้อค่ำกันอยู่ มื้อนี้พวกเขากินข้าวเหนียวหมูทอดแบบไม่เกรงใจคนที่หน้าบวมกันเลย
“อ้าว ไอ้พิงค์ พี่หมอ~ กลับมาไวจัง”
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเว้ยไอ้พิงค์ โจ๊กมึงอยู่ในหม้อนู่น”
“พี่หมอกินข้าวกัน”
เด็กหนุ่มคิดว่าพี่วินก็คงจะหิวเหมือนกันนั่นล่ะ ปกติสายแดกซะด้วย เขาจึงหันไปบอกอีกฝ่าย “พี่กินอะไรก่อนละกัน ผมจะไปอาบน้ำก่อน” พูดจบก็เดินโซเซออกไป
“พี่หมอ นั่งๆ” แซนดี้ลุกขึ้นมาฉุดแขนทันตแพทย์หนุ่มให้ไปนั่งลงในวงด้วยกัน “กินก่อนพี่ เดี๋ยวไม่มีแรงรับมือมันนะ ระยะนี้มันดุยังกะกระทิง ขวิดไม่เลือกหน้าด้วย”
รวินท์ยิ้มบาง เขานั่งลงอย่างว่าง่าย แล้วพวกเด็กหนุ่มก็เอาจานกับช้อนส้อมมาเสิร์ฟให้ กินไปได้สักพักจึงเริ่มพูดคุยกัน
“ตกลงปากมันจะหายมั้ยอะพี่หมอ”
“หายสิ แต่ต้องกินยาให้ครบ แล้วก็รักษาความสะอาดมากๆ หน่อย ช่วยดูเขาด้วยละกัน”
“น่ากลัวชะมัด ไอ้เวรนี่ก็ไม่รู้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็เสือกไปผ่าฟันคุด ทั้งที่ปกติกลัวหมอฟันยิ่งกว่ากลัวผี”
ซันพยักหน้าหงึกหงัก “นั่นดิ ใกล้สอบแล้วด้วย เกิดต้องนอนโรงบาลเป็นอาทิตย์ทำไงวะ ดีนะที่ตอนกูผ่าไม่สาหัสเท่าไอ้พิงค์ แต่กูก็ไข้ขึ้นหลายวันเหมือนกัน”
“ไอ้เหี้ย ดีแล้วที่กูยังไม่ผ่า คิดแล้วสยอง”
รวินท์ต้องรีบห้าม ก่อนทุกคนจะตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ “ใจเย็นๆ พิงค์เขาไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้นหรอก การผ่าฟันคุดไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ พวกคุณอย่าเข้าใจผิด บางคนก็มีไข้หลังการผ่าน่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย แต่ผมว่าอย่างพิงค์น่ะ พรุ่งนี้เขาก็น่าจะลุกมาวอนหาเรื่องได้บ้างแล้วล่ะ ส่วนที่มีน้ำไหลออกมาจากจมูกตอนบ้วนปาก นั่นเพราะรากฟันบนมันอยู่ใกล้โพรงไซนัสไง เวลาผ่าฟันออกไปมันก็เลยเกิดแผลทะลุถึงกันได้ และมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนหรอก”
“โชคดีนะเนี่ยที่มีพี่หมอ” ดิวเอ่ยขึ้นพลางกะพริบตาปริบๆ “คืนนี้พี่หมอจะค้างมั้ย”
“อือ ผมจะขออยู่ดูอาการเขาหน่อยนะ”
ซันยังก้มหน้าก้มตากินอยู่ ขิงจึงถีบไปเบาๆ “งั้นมึงมานอนห้องกู”
“ไม่เป็นไร ผมนอนพื้นก็ได้”
คนถูกถีบเงยหน้าขึ้น “เฮ้ย ไม่ได้หรอกพี่ นอนเตียงผมนั่นแหละ... คือมันก็แค่ที่นอนเปล่าๆ แต่ก็ดีกว่านอนพื้นนะพี่ ผมฝากไอ้พิงค์ด้วยละกันครับ”
เมื่อเห็นว่ารวินท์กินใกล้เสร็จแล้ว แซนดี้จึงลุกขึ้น “เดี๋ยวอุ่นโจ๊กให้ไอ้พิงค์ก่อน จะได้ฝากพี่หมอเอาไปให้มันด้วย”
“เตรียมน้ำเกลืออุ่นๆ ให้เขาบ้วนปากด้วยก็ดีนะ เกลือประมาณหนึ่งช้อน น้ำอุ่นหนึ่งแก้ว”
“ได้ครับพี่”
สักพักแซนดี้ก็ถือถาดใส่ชามโจ๊ก แก้วน้ำและกระติกน้ำแบบเก็บความร้อนได้มาส่งให้ “ในกระติกนี่เป็นน้ำเกลืออุ่นๆ นะพี่หมอ ผมเตรียมไว้ให้รวดเดียวเลย จะได้ไม่ต้องขึ้นไปกวนบ่อยๆ”
“โอเค”
พอทันตแพทย์หนุ่มรับถาดไปถือไว้ ทั้งสี่คนก็ยกมือไหว้ “ขอบคุณคร้าบพี่หมอ”
รวินท์ถือถาดเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ เขาเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปข้างใน
ภูพิงค์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เส้นผมยังชื้นๆ อยู่เลย เขานั่งเอนหลังพิงกองหมอน ท่าทางจะหมดแรงพอตัว
“กินโจ๊กก่อน จะได้กินยาก่อนนอน”
เด็กหนุ่มตักโจ๊กกินอย่างว่าง่าย เพราะเขาหิวด้วยล่ะ กินไปก็ชำเลืองมองคนที่นั่งด้วยกันเป็นระยะๆ แต่แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน
เขาอดยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่ได้
เฮ้อ... กูหนอ
“อยากให้ป้อนมั้ย”
“ฮะ!” คนอ่อนวัยกว่าไม่ทันตอบ รวินท์ก็ดึงชามโจ๊กออกไปจากมือเขาแล้ว
ทันตแพทย์หนุ่มตักโจ๊กขึ้นมาเป่าเบาๆ จากนั้นจึงเอาไปจ่อปากเด็กหนุ่ม “เอ้า อ้า...”
ภูพิงค์อ้าปากตามที่รวินท์บอก พอกลืนโจ๊กลงท้องไปก็อ้าปากรอให้ป้อนเป็นลูกนก เพราะริมฝีปากสีแดงฉ่ำที่เป่าโจ๊กให้เขาแท้ๆ ทำให้สายตาเขาจับจ้องไปอย่างลืมตัว จนทำให้รู้สึกว่าโจ๊กในชามหมดไวเหลือเกิน
“ดื่มน้ำหน่อย”
พอดื่มน้ำเสร็จก็ชี้ไปทางกองเสื้อผ้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อย “ผมเตรียมเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวไว้ให้พี่แล้วนะ พี่ไปอาบน้ำก่อนเถอะไป”
“โอเค คุณนั่งพักไปก่อน เดี๋ยวกินยาแล้วจะได้แปรงฟันบ้วนน้ำเกลือ”
“ครับ”
รวินท์ยิ้มบาง พลางใช้หลังมือสัมผัสแก้มตรงที่บวมเล็กน้อยอย่างแผ่วเบา “อดทนหน่อย กินยาให้ครบ รักษาความสะอาดมากๆ ไม่กี่วันก็หายละ” ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
คนอ่อนวัยกว่ามองตามตาละห้อย เขาถอนหายใจหนักๆ
เพราะอะไรกันนะ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาสามารถตัดใจจากคนที่ชอบได้อย่างไม่ยากลำบากนัก แต่ครั้งนี้... ทั้งที่ต้องเจ็บ... หากก็ยังอยากจะฝืนอดทน
เด็กหนุ่มเอนหลังพิงกองหมอนไปอีกครั้งอย่างอ่อนใจ
ไม่นานทันตแพทย์หนุ่มก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนแหงนหน้ามองเพดานไปอย่างเลื่อนลอย เขาจึงเดินเข้าไปหาแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ “กินยารึยัง”
“ยัง รอพี่อยู่”
“ต้องให้ป้อนยาด้วยรึไง” รวินท์หัวเราะ พลางเอื้อมมือไปหยิบยาและแก้วน้ำส่งให้ “เอ้า”
พอกินยาเสร็จ ภูพิงค์ก็ลุกขึ้นเตรียมไปแปรงฟันและบ้วนน้ำเกลือตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอก เขาทำมือบอกให้อีกฝ่ายนั่งรอเฉยๆ “ผมทำเองได้น่ะ” เพราะที่จริงกลัวว่าพี่วินจะเห็นเขาตอนน้ำไหลออกจากจมูก โคตรไม่เท่เลย ตอนตีกลองสะบัดชัยอุตส่าห์สะสมความเท่ไว้ตั้งเยอะ
สักพักเด็กหนุ่มก็เดินเซออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งลงบนฟูกที่นอนพลางหอบเบาๆ เขาส่ายหน้าไปมา “แม่ง แค่ผ่าฟันยังขนาดนี้ คนที่เขาคลอดลูกกันนี่จะขนาดไหนวะเนี่ย”
“คลอดลูกน่ะ เลือดออกมากกว่าผ่าฟันเยอะ แค่นี้น่ะ จิ๊บๆ เท่านั้น” รวินท์เขกศีรษะเด็กหนุ่มไปหนึ่งที “เอ้า นอนๆ”
“แล้ว... พี่จะนอนตรงไหน”
ทันตแพทย์หนุ่มหยุดคิด ก่อนจะหันไปตอบ “นอนกับคุณไง ได้ใช่มั้ย”
“อ่า... เอ่อ... ก็ได้” คนอ่อนวัยกว่าขยับให้บนเตียงมีที่ว่างพอสำหรับให้อีกฝ่ายเอนตัวลงนอนได้ ในเมื่อพี่วินอุตส่าห์เสียสละมาดูแลเขา จะให้พี่วินนอนพื้นได้อย่างไร เขาไม่อยากรบกวนไอ้ซันมันด้วย และที่สำคัญที่สุด... เขาอยากใกล้ชิดกับพี่วิน แค่เล็กน้อยก็ยังดี
รวินท์ยิ้มกว้าง เขาลุกไปปิดไฟแล้วเอนตัวลงนอนข้างเด็กหนุ่ม “ถ้ารู้สึกมีไข้ หรือปวดมากก็เรียกผม เดี๋ยวเอายาให้” เขาพูดขึ้นโดยที่ไม่หันหน้าไปทางอีกฝ่าย เพราะบนหมอนใบเดียวกันเช่นนี้ ถ้าหันไปจมูกเขาคงโดนแก้มป่องๆ ของภูพิงค์แน่ๆ
“รู้สึกดีขึ้นมากแล้วพี่ แล้วก็... เอ่อ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”
สองหนุ่มกะพริบตาปริบๆ ต่างคนต่างมองเพดานอยู่สักพัก จนกระทั่งทันตแพทย์หนุ่มพูดขึ้นอีกท่ามกลางความเงียบงัน
“หลับรึยัง คุยกันอีกนิดได้มั้ย”
“หลับแล้ว” ภูพิงค์ตอบไปแบบนั้น เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะคุยเรื่องอะไรน่ะสิ
“งั้นผมคุยคนเดียวก็ได้” รวินท์หยุดถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “ผมดีใจมากนะที่คุณมาหาผมวันเกิด หมอนข้างน่ารักมาก ขอบใจนะ”
เด็กหนุ่มหันหน้าหนี เพราะเขาไม่อยากนึกถึง ไม่อยากได้ยินเรื่องวันนั้นอีก
“คนที่คุณเจอในห้องผมชื่อคุณออย ผมเคยเจอเขาตอนไปวิ่งสองสามครั้ง ผมจะบอกคุณตามตรงนะ วันนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากจูบที่ปาก คอแล้วก็หน้าอก จับสะโพกเขาไปทีนึงด้วย”
โอ้โห... ไม่ต้องเล่าละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ย ถามคนฟังหน่อยเถอะว่าเขาอยากฟังมั้ย
คนอ่อนวัยกว่าทำเสียงกรนเบาๆ เผื่อว่าจะทำให้อีกฝ่ายหยุดพูดได้
“ผมผิดเอง ทำตัวไม่ดี ใจง่ายด้วย แต่เพราะนึกถึงคุณขึ้นมา ผมถึงได้หยุดไว้แค่นั้น แล้วตอนที่ผมกำลังขอโทษคุณออย คุณก็ดันโผล่มาพอดี”
“ไม่ใช่ว่าหยุดเพราะผมโผล่ไปขัดจังหวะพอดีรึไง”
“อ้าว ยังไม่หลับเหรอ”
ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เรื่องวันนั้นช่างแม่งเถอะ ผมไม่อยากฟังแล้ว”
รวินท์เม้มปากแน่น คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้สารภาพความจริงกับภูพิงค์แล้ว และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขา อย่างน้อยก็ยังยอมให้คนอย่างเขา... เป็นเพื่อนได้
ทันตแพทย์หนุ่มพลิกตัวหันหลังให้คนที่นอนอยู่ข้างกัน ก่อนจะข่มตาหลับลง เขาควรจะดีใจที่อย่างน้อยก็ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องของหัวใจน่ะ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีโอกาสมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะภูพิงค์... คงไม่ได้ชอบผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเขา
*TBC*ฮัสกี้พาพี่วินมาง้อน้องแล้ววว แต่น้องจะเล่นตัวไหวมั้ยเนี่ย 5555555 ดูจะใจอ่อนให้พี่รัวๆ
/พี่วินมารยาเยอะ น้องพิงค์ต้องสู้นะ!
ดูซิ๊ดู เพื่อนน้องพิงค์ยกเตียงให้นอนแล้วก็ยังเนียนมานอนเบียดน้องอีก คนเรา 
ตอนนี้กับตอนที่แล้วเป็นเรื่องของฟันคุดล้วนๆ จริงๆ การผ่าฟันคุดมันไม่ได้น่ากลัวหรอกนะคะ กรณีแบบน้องพิงค์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ น้าาา เพราะงั้นใครที่กำลังลังเล ไปผ่าเถอะค่ะ เผื่อได้เจอหมอวินงายย อิอิ จะได้ฟินเหมือนตอนน้องพิงค์ขึ้นเขียงนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่า ขอบคุณพี่สาวและคุณหมอมินต์อีกรอบที่สละเวลามาให้คำปรึกษา เยิฟๆ นะคะ
ปล. โห สามสิบตอนแร้ววว สองหนุ่มยังไม่ได้จุ๊บกันจริงๆ จังๆ เลยอะ 55555555 รอกันต่อไปอีกนิดนะคะ