ข้างหลังวัดเป็นสระน้ำค่อนข้างใหญ่ มีศาลายื่นออกไปให้คนมานั่งเล่นให้อาหารปลากัน วันนี้แทบไม่มีคนเลย รอบบริเวณมีแค่เขาทั้งคู่กับคุณลุงคนหนึ่งที่กวาดใบไม้อยู่อีกด้านหนึ่งของสระ
เพลิงกัลป์หยิบห่อขนมปังขึ้นมา
“ทีนี้รู้ยังว่าเอามาทำไม” เขาพูดลอยๆ ส่งขนมปังให้เพื่อนสองสามแผ่น แล้วก้าวเข้าไปนั่งในศาลาแล้วฉีกขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ โปรยลงไปข้างล่าง เมืองแมนได้ยินเสียงน้ำกระจายเลยชะโงกดู เห็นฝูงปลาอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จักกำลังรุมแย่งกินขนมปังกันอย่างดุเดือด
“เขาไม่มีอาหารปลาให้เหรอ”
“ลองเดินดูสิ”
เมืองแมนเดินสำรวจรอบๆศาลา เขาเห็นมีประป๋องที่มีเศษอาหารปลาเป็นเม็ดๆหลงเหลือติดก้นกระป๋องเล็กน้อย ข้างกันนั้นเป็นกล่องสำหรับบริจาค
“ขอบ้าง” เขากลับไปนั่งข้างๆรูมเมทที่กำลังโปรยขนมปังในมืออย่างเมามัน อีกฝ่ายส่งขนมปังให้เขาทั้งห่อ เมืองแมนเห็นอีกคนมัวแต่สนใจปลาตรงหน้าเลยหยิบขึ้นมาหนึ่งแผ่นแล้วกัดคำนึง
“เห้ย...ให้ปลาไม่ได้ให้กินเอง” เพลิงกัลป์หันมาเห็นเข้าพอดี
คนหิวหน้าแดง พูดงึมงำ
“มันเป็นอาหารคน ไม่ใช่อาหารปลาสักหน่อย” เจ้าตัวกินขนมปังเข้าไปจนหมดแผ่น ตามด้วยแผ่นที่สอง พอแผ่นที่สามนั่นแหละถึงได้เริ่มฉีกออกแบ่งให้ปลาข้างล่างกินบ้าง
“นึกว่าจะซัดคนเดียวหมดห่อซะอีก” เพลิงกัลป์พูดล้อๆ “อิ่มแล้วเหรอ”
“อืม...ให้อาหารปลาไปเถอะน่า” เมืองแมนสะบัดเสียงโดยไม่รู้ตัว เขาเพลิดเพลินกับการฉีกขนมปังเป็นชิ้นๆแล้วก็ขว้างให้ออกไปไกลๆ มองดูปลาตัวใหญ่ว่ายขึ้นมาฮุบขนมปังทั้งชิ้นหายลงน้ำไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกที คนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เปลี่ยนเป็นนอนเหยียดยาวบนม้านั่งศาลาเสียแล้ว
“อ้าว....หลับซะงั้น” เขาเดินเอาถุงขนมปังเปล่าไปทิ้งขยะแล้วเดินกลับมา อีกฝ่ายยังไม่มีท่าทางว่าจะตื่นขึ้น ร่างสูงใหญ่นอนเอามือรองศีรษะเอาไว้ มีเสียงกรนเบาๆลอดออกมาด้วย
...เหนื่อยอะไรเบอร์นั้น เขาคิดอย่างหมั่นไส้นิดๆ ทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งข้างๆ พิศดูใบหน้าคมเข้มที่ยังมีรอยแดงที่ข้างแก้มจากฤทธิ์ฝ่ามือของหญิงสาวค้างอยู่....คงเจ็บน่าดู
เขาได้ยินตลอดทุกคำพูดของคนทั้งคู่ อดรู้สึกแย่ไม่ได้เมื่อได้ยินเหตุผลที่เพลิงกัลป์บอกกับตุ๊กตา...มีคนใหม่ เหอะ...คนใหม่ที่ไม่ได้รักกัน ก็แค่ความผิดพลาดที่ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเท่านั้น
เมืองแมนรู้สึกเหมือนเขาทำผิดต่อตุ๊กตา มันปนกับความรู้สึกหน่วงๆในใจยากจะอธิบาย
ชายหนุ่มพยายามเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นที่สบายใจขึ้นแทน เขามองนู่นมองนี่ไปเรื่อยฆ่าเวลาระหว่างรอให้อีกคนพักเอาแรง เพิ่งสังเกตเห็นกระรอกตัวน้อยวิ่งไต่อยู่บนกิ่งต้นมะม่วง มันวิ่งแล้วก็หยุด วิ่งแล้วก็หยุดอีกสลับไปมาอยู่อย่างนั้นจนเขาสงสัยว่ามันต้องการอะไรกันแน่
พอเหลือบไปเห็นมะม่วงสุกพวงใหญ่ที่อยู่ปลายกิ่งอีกด้านก็พอจะเข้าใจ เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ขอบศาลาอีกด้านเพื่อจะได้เห็นได้ชัดขึ้น ไม่ได้สังเกตเลยว่ารั้วไม้ฝั่งนั้นเริ่มผุพังแล้ว
“จุ๊ๆ” เมืองแมนส่งเสียงเรียกความสนใจจากกระรอกแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเล็งพลางขยับเข้าไปใกล้ “อยู่นิ่งๆก่อนนะ” เขาพึมพำ เอนตัวพิงกับรั้วไม้
เกิดเสียงดังออดแอดพร้อมกับความรู้สึกที่ว่ารั้วไม้ที่เขาพิงอยู่นั้นกลับโอนเอนแล้วร่วงลงไปยังผืนน้ำเบื้องล่าง เมืองแมนใจหายวาบ ปล่อยโทรศัพท์มือถือในมือแล้วเอื้อมไปเกาะเสาใกล้ๆได้ทันฉิวเฉียด พยายามขืนตัวฝืนแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างยากลำบาก แรงกระแทกทำให้ทั้งศาลาไหวโยน ปลุกคนหลับให้สะดุ้งตื่นขึ้น
เพลิงกัลป์ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองกระโจนจากม้านั่งมาคว้าตัวเมืองแมนเอาไว้ได้ยังไง ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวแน่น ลากให้เข้ามาข้างใน เสียงลมหอบหายใจดังพร้อมกับเนื้อตัวที่สั่นสะท้านของคนในวงแขนทำให้เขายกมือขึ้นลูบหลังไหล่ของอีกคนเบาๆ
“ไม่เป็นไรๆ ไม่เป็นไรแล้ว” เขาพูดคำเดิมซ้ำๆ หวังปลอบใจรูมเมทและใจตัวเองให้สงบลงด้วย “ไม่มีอะไร”
“.............” อีกฝ่ายยังพูดไม่ออก เมืองแมนซบหน้าลงกับซอกไหล่ของเขา
เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เมืองแมนถึงได้ดันตัวออกห่าง ใบหน้ารูปหัวใจที่เงยขึ้นมานั้นแดงจัดพอๆกับขอบตา เจ้าตัวเม้มปากแน่นไม่ยอมสบตาเขา
“หายตกใจแล้วเหรอ” เพลิงกัลป์พูดขึ้น
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” ฝ่ายนั้นตอบกลับมา
“นึกว่าจะโดดลงไปเป็นอาหารปลาซะแล้ว” เขาพูดยิ้มๆ ทั้งที่ความรู้สึกข้างในใจยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ ...มันเป็นความรู้สึกแปลกเหมือนหัวใจแทบหยุดเต้น ตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นร่างผอมบางจวนเจียนจะตกลงไปในน้ำแบบนั้น “อยากเสียสละตัวเองก็ไม่บอก” เขาพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยโดยการทำเป็นเรื่องตลกซะ
“รั้วมันพัง แย่ชะมัด” เมืองแมนอุบอิบ ความรู้สึกแรกคือตกใจ ตามมาด้วยความโล่งใจแทบจะร้องไห้ที่อีกฝ่ายมาช่วยได้ทันเหมือนเล่นกล “มือถือตกน้ำไปแล้ว ทำไงดี” เขาเบี่ยงเบนอาการร้อนๆที่ใบหน้าไปที่ความรู้สึกเสียดายโทรศัพท์มือถือแทน
“โดดลงไปงมหามั้ย”
“ไม่เอาอ่ะ ช่างมันเถอะ นึกซะว่าฟาดเคราะห์” ...ถ้าไม่ใช่มันก็คงจะต้องเป็นเขานี่แหละที่ลงไปลอยคออยู่ในน้ำ พอคิดถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นมาได้ เขามองหน้าอีกฝ่ายก็พบว่าฝ่ายนั้นคงกำลังคิดถึงเรื่องเดียวกัน
“อย่าใกล้น้ำ!” พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน
“ให้อยู่ใกล้ไฟ...เพลิงกัลป์ ชื่อกูไงแมน กูก็คือไฟที่หลวงพ่อบอก ถูกมั้ย” ไม่รู้ทำไมพอพูดออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกดีใจพิกล
“มันอาจจะบังเอิญหรือเปล่า” เมืองแมนแย้ง แต่ในใจก็เริ่มเห็นด้วยกับอีกฝ่ายไม่น้อย
“อืม...ก็เป็นได้” เพลิงกัลป์เอามือลูบคาง ....ถ้าสมมตว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่หลวงพ่อทักจริงๆ ก็แปลว่าเขาคือไฟตามที่ท่านบอก แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ...ถ้าน้ำไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์นี้ และไฟไม่ได้หมายถึงเขา
หรือมันจะแปลว่าอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในอันตราย รวมถึง...ลูก
“เรากลับกันดีมั้ย” เมืองแมนเสนอขึ้น เพราะเห็นอีกคนเงียบไป ตาคมเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่ทำให้เมืองแมนเผลอขมวดคิ้ว...แววบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏขึ้นในแก้วตาดำเข้มคู่นั้น มันให้ความรู้สึกจริงจังและทำให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม “กูไปรอที่รถนะ” เขาพูดห้วนๆ รีบเดินหนีออกมาจากศาลาแห่งนั้น
พวกเขากลับออกมาจากวัดเกือบสี่โมงเย็น กลับเข้าไปจนถึงตัวเมืองก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ชายหนุ่มตกลงกันว่าจะแวะหาอะไรกินง่ายๆก่อนกลับแฟลต
“ตรงนั้นมีงานอะไรน่ะ” เมืองแมนเป็นคนทักขึ้นก่อน เขาเห็นร้านรวงรถเข็นมาจอดเรียงรายกันเต็มถนนที่มีรั้วเหล็กกั้นเอาไว้ “เหมือนตลาดนัด”
“ตลาดคนเดินไง มีทุกเสาร์อาทิตย์ ไม่เคยมาเดินเหรอ” เพลิงกัลป์ตอบ คนฟังส่ายหน้า
“เคยได้ยินแต่ไม่เคยมาเดิน” พูดจบก็มองหน้าคนขับ
เพลิงกัลป์จุ๊ปาก ปฏิเสธทันที
“คนเยอะ เดี๋ยวก็เดินเบียดกัน...อันตราย” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงใคร ไม่ใช่เขาแน่ๆ แต่เป็นเด็กในท้องของเขาต่างหาก...เมืองแมนย่นจมูก นั่งเงียบ
“ก็ได้ เดินนิดเดียวพอนะ” สุดท้ายคนขับก็พูดออกมา เลี้ยวรถเข้าไปจอดใกล้ๆตรงที่จอด “รีบซื้อรีบกลับ เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจแล้วครับ สั่งเป็นพ่อไปได้”
“ก็เป็นพ่อจริงๆนี่ไง” เพลิงกัลป์สวน
ทำเอาอีกฝ่ายเงียบกริบ ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ
...........................................................................................
มาอัพต่อแล้วนะ ช่วงนี้คนดีมะ อัพบ่อยเวอร์ๆ55555
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ
ใครเล่นทวิต #แฟนหมอแมน นะ มาพูดคุยเม้ามอยกันได้
วันนี้คอแห้ง ไม่ทอล์คล่ะ555
