Act 6 : เรา...มึน
“ปั้น!...”
“...”
“ปั้น...เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องอะไรกับแกใช่ไหม?”
“ฮะ..หือ? ทำไมถามงั้นอะ”
“ก็แกนั่งเหม่อ งานการไม่ทำเนี่ย เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เรียกก็ไม่ได้ยิน”
“เราดูเป็นงั้นหรอ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเหรอหรา
“ใช่สิ เอ๊ะ หรือ....ว่าแกมีเรื่องอะไรจริงๆ”
เราหลบสายตาที่ชมพู่จ้องมา ก็ใครจะไปทนได้ เราเป็นผู้ชายให้มองตาผู้หญิงระยะใกล้แบบนี้ไม่ดีนะ
“ไม่ได้ต้องมาเขิน บอกกี่ครั้งแล้วแกต้องฝึกทนให้ได้บ้าง เจอคนสบตาแบบนี้ไม่ได้แล้วถ้ามีแฟนแกจะทำยังไง”
“เราไม่มีหรอก ไม่ต้องฝึกก็ได้”
“แน่?...”
“แน่สิ”
ชมพู่หรี่ตาแล้วถอนสายตาออกไป แต่ก่อนที่จะก้มมองเอกสารในมือ จู่ๆ เธอก็ร้องขึ้น “อ๊ะ แล้วไอ้หนุ่มบนรถเมล์ล่ะ? เป็นยังไงบ้าง? มีชะงักนะ หึ แกไม่ทันฉันหรอกปั้น”
“คือว่า...”
“พวกแกคุยกันอยู่?”
“ก็คุยบ้าง...เออ ชมพู่เรามีเรื่องจะปรึกษาหน่อย คือ...เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนเรา เพื่อนเก่าสมัยเรียนเทพศิรินทร์”
“เพื่อนแก?” ชมพู่ทำท่าคิด
“เพื่อนเก่ามากๆ ชมพู่ไม่รู้จักหรอก คือว่าเขามาที่บ้านเรา แม่เราเลยชวนกินข้าว แต่พอเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารเขาก็ดูเหม่อๆ แล้วจู่ๆ ก็ขอตัวไปรับโทรศัพท์แบบรีบร้อน”
“นี่หนุ่มรถเมล์คนนั้นมาที่บ้านแกเลยเรอะ!”
“ใช่เขามาที่บ้านเร...เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่เด็กคนนั้น ชมพู่อย่าเข้าใจผิด นี่คือเพื่อนเรา เรื่องเพื่อนเราไง”
เราโบกมือโบกไม้เป็นพัลวัน จนชมพู่พยักหน้าแล้วถามต่อ “อาฮะ แล้ว?”
“แล้วตอนเขาลุกขึ้น เราเห็นปลายจมูกกับขอบตาเขาแดงๆ พอกลับเข้ามาอีกเขาก็ขอตัวกลับก่อน ขอโทษแม่เรา มีธุระด่วนคราวหน้าจะไม่ผิดคำพูดอีก”
“มีพิรุธ”
“ใช่ไหมล่ะ...” เราพยักหน้าหงึกหงัก “เรากับแม่ก็งงๆ แล้วเขาก็รีบไปเลย”
“อืมม...”
“จนวันนี้วันอังคารแล้วเขาก็ยังไม่ติดต่อมาเลย”
“สรุปคือ แกสงสัย แล้วก็เป็นห่วงเขาหรอ”
“ก็...เอ่อ...เรากลัวเขามีเรื่องอะไรร้ายแรง อย่ามองงั้นสิก็ห่วงตามประสาเพื่อนไง”
“ห่วง ‘เพื่อน’ จริงๆ นะปั้น” ชมพู่หรี่ตาลงเล็กน้อย แน่นอนว่าสายคู่นั้นมองเราเหมือนตำรวจหาตัวคนร้าย
“เรื่องก็ประมาณนี้แหละ เราเลยอยากถามว่าเราควรทำยังไง”
“ที่คิดมากเพราะเรื่องนี้หรอ ปั้น...จะไปยากอะไร ฉันว่าแกรู้แต่แกไม่ทำ แกมีไลน์เขาไหม?” ชมพู่เท้าคางกับฝ่ามือ
“...มี”
“แกมีเบอร์เขาไหม?”
“ก็เหมือนจะมีนะ...” ดูเหมือนว่าเขาเคยโทรมาเช็คว่าเป็นเบอร์เรารึเปล่าน่ะนะ
“หึหึ แกก็แค่โทรไปถามไม่ก็ไลน์ไปถามซะก็สิ้นเรื่อง”
“จะดีหรอ เขาจะคิดว่าเรายุ่งเกินไปไหม” เราพึมพำ ไม่สนใจกองเอกสารบนโต๊ะโดยสมบูรณ์
“เอ...แล้วเพื่อนเก่าของแกคนนี้ชื่ออะไรนะ ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ มาทำให้คนอย่างข้าวปั้นคิดมากได้เนี่ย”
เรากลัวสายตาของชมพู่จริงๆ เราลอบกลืนน้ำลายก่อนจะแกล้งเบนสายตามองเอกสารอีกครั้ง “ชื่อ...ก่อนไง ก่อนน่ะ เห็นไหม ชมพู่ไม่รู้จักหรอก”
ชมพู่ยกยิ้มยื่นมือขวามาจับปลายคางเราแล้วส่ายเบาๆ เราจึงมองกลับไปแบบหวั่นๆ
“ปั้น...แกลืมอะไรไปอย่างนึงนะรู้ไหม แกไม่มีเพื่อนที่เทพศิรินทร์ ทั้งชีวิตแกมีฉันเป็นเพื่อนคนเดียว”
“เอ่อ....”
“แล้วไอ้คนที่มาบ้านชื่ออะไรล่ะ คนที่มีทั้งไลน์กับเบอร์แกเนี่ย”
...ข้าวปั้นเอ๊ย พลาดท่าซะแล้ว...
“อะแฮ่ม!! สวัสดีครับ!!”
“ผู้จัดการอย่ามาจับคางพี่ปั้นด้วยเล็บสีแดงแบบนี้สิครับ พวกผมเห็นแล้วใจมันเจ็บแปลบๆ”
เพราะเสียงกระแอมดังขึ้นเหนือหัว ชมพู่เลยจำต้องละสายตาจากเราแต่นิ้วเรียวยาวก็ยังไม่ปล่อยจากปลายคางเรา คนมาใหม่ตัวสูงๆ สองสามคนถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะใต้อาคารที่ลมพัดแรง โดยที่คนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ชมพู่ ส่วนอีกสองคนก็นั่งข้างๆ เรา แต่คนพูดมากที่สุดเห็นจะเป็น...
“ดูสิ จับแรงเดี๋ยวหน้าพี่ปั้นก็เป็นรอยหรอก”
คนที่ชื่อเจ็มคนที่นั่งลงข้างชมพู่คนนี้
“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย มาเดินโชว์ตัวอะไรที่คณะฉัน” ชมพู่ปล่อยมือ
“ก็พูดไปนั่น ถึงจะจริงก็เถอะ เฮ้ย คือพวกผมมีเรียนที่อักษร แล้วก็แค่บังเอิญผ่านมา แล้วก็บังเอิญเจอคนน่ารักกับนางยักษ์พอดี”
“ไอ้เจ็ม!”
“ฮ่าๆๆๆ” น้องๆ อีกสองคนหัวเราะลั่น ส่วนเราก็ลอบถอนหายใจ
“โอ๊ยยย อย่าบิดเนื้อโผมมมม ไอ้ฟุนกับไอ้เหน็งก็หัวเราะทำไมผู้จัดการไม่ลงมือกันมันบ้าง โอ๊ยย แขนผมเขียวแล้ววว”
“ปั้น! แล้วแกจะหัวเราะทำไม แกต้องเข้าข้างฉันสิ”
...เราแอบหลุดหัวเราะนิดเดียวเอง...
“อย่าเอ็ดพี่ข้าวปั้นสิผู้จัดการ ผมล้อเล่นคร้าบบบ แวะมาบอกว่าเย็นนี้อย่าช้านะครับ ถ้าผู้จัดการมาสายอีกวัน โค้ชก็จะเขมือบพวกผมทีละคน”
“ปกป้องกันจริงๆ ฉันเป็นผู้จัดการทีมนะไม่ใช่ปั้นมัน แตะไม่ได้เลย มันเป็นแม่พวกแกรึ...”
“ไอ้ฟุน ไอ้เหน็ง กางอาณาเขตป้องกันพี่ปั้น อย่าให้เสียงของผู้จัดการเล็ดลอดมา ย้ากก”
“ปัญญาอ่อนเหมือนหน้าตาเลยนะพวกแก”
“ถ้าแฟนคลับทีมบาสมหาลัยรู้ว่ามีคนว่าพวกเราหน้าตาปัญญาอ่อนล่ะก็ ผู้จัดการไม่รอดแน่”
“หยุดพล่าม ฉันเก็บของล่ะ พวกแกรอไปซ้อมพร้อมกับฉันเลย”
“เย้! สบายขาแล้วพวกเรา” นักกีฬาบาสตีมือกันยกใหญ่ ชมพู่เห็นเรานั่งมองนิ่งเลยหันมาบอก
“ส่วนแกก็เก็บของเลยปั้น ฝนท่าทางจะตกด้วย ฉันจะไปส่งแกก่อน ตกมากลางทางงานพังหมด”
โธ่ ห่วงงานไม่ได้ห่วงเรานี่หว่า เราตอบรับแล้วพยักหน้าเบาๆ ในใจก็แอบขอบคุณเพราะพอน้องๆมาช่วยให้เรารอดพ้นจากการซักฟอกของชมพู่ น้องที่นั่งข้างๆ เราพยายามจะช่วยเก็บเอกสารแต่เราก็บอกปัดพลางขอบคุณ น้องๆ เลยนั่งมองเรากับชมพู่เก็บของเงียบๆ
...เอ่อ...ก็เงียบแค่สองวินาทีเท่านั้นล่ะ...
“พี่ปั้นครับ มาดูพวกเราแข่งด้วยนะครับ วันศุกร์นี้แข่งกับมธ.รับรองพี่ปั้นไม่เบื่อแน่นอน เกมมันส์หยดติ๋งเลย”
น้องฟุนพูดขึ้นก่อนจะยกนิ้วโป้งประกอบคำพูด น้องเจ็มเดาะลิ้นเป็นเชิงถูกใจ
ชมพู่เบะปาก “ดูเกมมันไม่เบื่อหรอก มันจะเบื่อเพราะหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยของพวกแกน่ะสิ”
“ผู้จัดการอะ กันซีน!”
“เออ!”
“ขึ้นห้องดีๆ นะครับ ระวังเดินสะดุด”
“สะดุดรักใคร ก็ไม่สะดุดใจเท่ารักผม”
“ปั้น แกรีบไปเถอะ ก่อนที่พวกมันจะสะดุดเท้าฉัน”
เราส่ายหน้าขำกับความสัมพันธ์แบบคู่กัดของผู้จัดการทีมบาสของมหาลัยกับนักกีฬาบาสจอมป่วน
“เจอกันพรุ่งนี้ปั้น”
“ขอบคุณมาก ตั้งใจซ้อมกันนะ”
“มีกำลังใจเเล้วว”
“พี่ปั้นหวัดดีคร้าบบ”
เวลากลับเข้ามาที่ห้องหลังจากออกไปเรียนหนังสือหรือทำงานทั้งวัน อย่างแรกที่คุณจะทำคืออะไร
“เฮ้อออ ได้เอนหลังซักที”
เราหยิบมือถือในกระเป๋าออกมา พร้อมกับเอนตัวนอนโดยที่ปลายเท้าสองข้างโผล่ออกจากเตียง ส่วนมือก็เลื่อนหน้าจอไปแบบเหม่อๆ ปกติจะมีแจ้งเตือนจากเด็กบ้าคนนึงเสมอ พอไม่มีก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะแชทไลน์ที่อย่างน้อยจะมีข้อความเด้งขึ้นมาก็เงียบไปสองสามวัน
...จะเป็นอะไรรึเปล่านะ..
จริงๆ เราแค่อยากถามไถ่ในฐานะมนุษย์ที่ใจดีเท่านั้นแหละ
เรากดเข้าไปในแชทของเขา ข้อความสุดท้ายค้างไว้ตอนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอนที่เขากระหน่ำส่งข้อความมา แล้วขอเบอร์เราไป ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก ดีแค่ไหนแล้วตลอดสองสามวันนี้เราทำงานได้เพิ่มขึ้นตั้งเยอะ เราเลื่อนดูฟีด อ่านข่าว ดูคลิปตลก ดูจนหมดแล้วสุดท้ายก็กลับมาห้องแชทห้องเดิม
...เฮ้อ ปั้น ไม่หนักแน่นเอาซะเลย...
เพราะแบบนั้นเราเลยตัดสินใจกดส่งข้อความไปหาเขา แค่ถามนะ
Khoapun
นี่นาย มีเรื่องอะไรรึเปล่า
...เราถามตรงประเด็นไปไหมเนี่ย ปั้นนน กดส่งไปแล้วด้วย จะมามือไวสมองไวทำไมตอนนี้...
เราขยี้ผมตัวเองแรงๆ ก่อนจะปิดหน้าจอแล้วโยนโทรศัพท์ไปไว้อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ดีแฮะ ปกติเวลาโยนแล้วเด้งตกเตียงตลอด มองฝีมือตัวเองในการโยนโทรศัพท์เเล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนท่าทางนอนใหม่ เราซุกหน้าลงกับหมอน ตั้งใจว่าจะไม่สนใจ จะนอนแล้ว
แต่เอาเข้าจริงๆ เรากลับผิดคำพูด จากที่นอนคว่ำ เราก็ค่อยๆ เลื่อนตัวเองไปใกล้โทรศัพท์ที่พึ่งจะโยนทิ้งเมื่อกี้ คว้ามันมาแล้วยกมันขึ้นระดับสายตา เรากดดูภาพโปรไฟล์ของเขา
“เด็กบ้านี่ ไม่ตอบกลับจริงๆ สินะ” เราว่าเขาหลังจากที่มองรูปโปรไฟล์ของไลน์มาครู่หนึ่ง ใบหน้าที่ยิ้มกวนๆ นั้นไม่เข้ากับหน้าเศร้าเมื่อวันนั้นเลยจริงๆ
Rrrrrrrrrrrrrrr “เฮ้ย!...”
โป๊ก!!
อูยยยย หน้าผากเรา ใครโทรมาล่ะเนี่ย ทำเอาเราตกใจจนโทรศัพท์ตกใส่หน้าผาก
ฮือ เจ็บ
หัวจะแตกไหมเรา
Rrrrrrrrrrrrrrr เราจับโทรศัพท์ด้วยมือข้างซ้าย ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้มั้ง เบอร์ก็แปลกแต่โทรมาสองสายแล้ว
“....ฮัลโหลครับ?”
(พี่ปั้น...
-เฮ้ๆ วู้ววววววว ไอ้เหี้ย เสร็จแล้วโว้ยยยย ไอ้แดมคืนโทรศัพท์พวกกูมาได้แล้วววว-)
“ครับ?...”
(
-ไอ้เชี่ยทำไมไอ้นายได้ก่อนวะ- พี่ปั้น? อยู่ไหมครับ?)
เขาหรอ เสียงเขา?
(พี่ปั้น
-กูจะไปแดกเหล้าใครไปบวกมา- พวกมึงเบาๆ ดิ๊! ได้ยินไหมครับ แป๊บนะครับ ผมจะเดินออกมาข้างนอก)
เราได้ยินเสียงดังโวยวายมาตามสาย แล้วก็เสียงเดินดังกึกๆ พอเงียบแล้วเราเลยเอ่ยถามไป
“นี่ใคร”
(เฮ้ๆๆๆ พี่ปั้นลืมผมได้ไง)
“นายหรอ?”
(นายเองครับ)
“....” เพราะได้รับการยืนยัน เราก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด ความกังวลที่ผ่านมาค่อยลอยออกไปนอกหน้าต่าง
(ขอโทษนะครับพี่ปั้น ช่วงนี้มีงานมารุมเร้ามันเศร้าโคตรๆ พึ่งจะได้จับโทรศัพท์แล้วก็โทรหาพี่ปั้นคนแรกเลย)
“ที่นายกลับก่อนเพราะมีปัญหาเรื่องงานหรอ”
(อ๋ออออ...) เขาลากเสียงยาว (เอ่อก็...ครับ แล้วพี่ปั้นล่ะ ผมไม่ได้คุยด้วยเหงาใช่ไหมล่า...)
“เราไม่ได้เหงา”
(แล้วใครส่งข้อความมาเนี่ย เป็นห่วงผมหรอครับ)
“...”
(พี่ปั้น...โอ๋ น่ารักจัง ขอโทษครับ ขอโทษครับ)
“หลงตัวเอง แม่ให้เรามาถาม แม่เป็นห่วง” จริงๆ นะแม่ถามถึงตั้งหนึ่งครั้ง
(หึหึ แม่เป็นห่วงก็ได้คร้าบบ ได้ยินเสียงพี่ปั้นอยู่ข้างๆ หูเนี่ย หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง)
“เป็นบ้ารึไง”
(พี่ปั้นล่ะ เป็นไงบ้างครับ กลับห้องก่อนมืดรึเปล่า)
“เราไม่ใช่เด็กๆ นะ กลับตอนไหนเราก็ไม่เป็นไรทั้งนั้น”
(พี่ปั้นผมมีเรื่องจะขอร้องแกมบังคับด้วย) จู่ๆ เขาก็ทำเสียงจริงจัง (ตั้งแต่พรุ่งนี้พี่ปั้นโทรปลุกผมหน่อยนะครับ)
“ปลุกอะไรของนาย”
(ผมต้องตื่นมาซ้อมทุกเช้าเลย เนี่ยทำงานก็ดึก กลับมาก็หลับเป็นตาย ไปสายก็โดยพี่กิมด่าทุกวัน พี่ปั้นโทรมาปลุกผมหน่อยนะครับบ” ซ้อมอะไรของเขากันนะ
“แล้วนาฬิกาปลุกนายล่ะ?”
(นาฬิกาปลุกเอาไม่อยู่หรอกครับ อยากให้มีคนโทรมามากกว่า ผมเป็นคนหลับลึกมากกกกก แต่ถ้ามีพี่ปั้นโทรมาผมตื่นแน่นอนเลย)
“...” ตรรกะอะไรของนายเนี่ย “ปกติใครปลุกนายล่ะ”
(เอ่อก็...นะครับ...พี่ปั้นนนนน ถ้าได้ยินเสียงพี่ปั้นตอนเช้าผมมีกำลังใจไปซ้อมแน่นอน ส่วนพี่ปั้นก็จะได้ยินเสียงผมด้วยเหมือนกัน ผมไม่หายไปไหนให้พี่ปั้นต้องเป็นห่วงด้วย นี่ไงแฟร์ๆ”
เราถือโทรศัพท์ค้างไว้ที่หู สมองช้าๆ ของเรากำลังคำนวณส่วนได้ส่วนเสีย
(โอเคไหมครับ) เขาเร่งมาอีก
“ถ้าเราปลุกแล้วนายตื่น แล้วเรา...”
(ฮ่าๆ พี่ปั้น ทำให้ผมหายเครียดเลยรู้ตัวป้ะเนี่ย)
“นายอย่าพึ่งกวนเราคิดอยู่ ถ้าปลุกตอนเช้า...”
(ฮัลโหล ว่าไงนะครับ ตกลงแล้วแล้วใช่ไหมครับ คิดถึงพี่ปั้นนะครับ ไม่ค่อยได้ยินเลย ไว้คุยกันครับ ซู่ซ่า)
เฮ้ย!!....
ตรู๊ดดดด
ช่วยบอกเราทีว่าเราตกลงตอนไหน
อยากจะทึ้งผม แต่ก็กลัวเจ็บ
หลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความมาเหมือนเดิม ข้อความในห้องแชทขยับขึ้นลง เหมือนเรื่องที่เขาหายไปไม่เคยเกิดขึ้น เขาบอกกับเราว่าให้โทรมาปลุกตอนหกโมงเช้า แล้วก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย เราก็ทำงาน ส่วนเขาก็ทำตัวว่างงานกวนเราไปแบบนั้น ทำงานไม่รู้เวลาแล้วก็เผลอหลับบนเตียงที่เต็มไปด้วยเอกสาร ตื่นอีกทีด้วยเสียงนาฬิกาปลุกตอน 6 โมงเช้าเราเอื้อมมือปิดเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ เเละเหมือนกับเสียงเขาลอยเข้ามาในฝัน ไม่รู้ตัวเลยว่าเรากดโทรออกไปหาเขาตอนไหน
“นาย...”
(ครับ?...)
“ตื่น...เราโทรมาปลุก”
(พี่ปั้น?)
“...”
(ฮ่าๆ ไหงเป็นงั้นอะ เสียงคนโทรปลุกยังไม่ตื่นเลยนี่ครับ)
เราพลิกตัวไปด้านข้าง มือที่ว่างอยู่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว
“อือ...ตื่น”
(ละเมอใช่ไหมเนี่ย หึหึ ไปนอนต่อเถอะครับ ผมตื่นแล้ว)
“อือ”
เราตื่นมาโทรศัพท์หาเขา ลุกไปอาบน้ำ แล้วออกไปเรียน
แต่มันไม่ใช่
เราพบว่าทั้งหมดนั่นเป็นความฝัน
และ...เราโดนอาจารย์ตำหนิ...
โทษฐานที่มาสาย
เข้าห้องมาตอนที่เพื่อนคนแรกพรีเซ้นต์ไปเกือบครึ่ง แน่นอนอาจารย์เรียกชื่อให้เราวิจารณ์การพรีเซ้นต์เพื่อนทันที เราอยากร้องไห้ ใครจะไปวิจารณ์ได้ เรายังไม่ทันฟังเลย ไม่รู้เรื่องด้วย
“แกไม่เคยมาสายนี่ปั้น ไปทำอะไรมา”
“เราแปลรีเสิร์ชทั้งคืนเลย แล้วข้อมูลที่เอามาใช้ดันอยู่หน้าสุดท้าย”
“ฉันอยากจะดีดเหม่งแก ทำไมไม่ skimming and scan reading ยะ เรียนมาตั้งเยอะแยะ”
“เออ...นั่นสิ...เราลืมไปเลย คิดว่าหัวข้อตรงกับงานเราพอดี คิดว่าใช้ได้หมด”
“ปัณณฑัต ชิตาพร จะเรียนไหม?!”
“เรียนค่าอาจารย์/ครับ”
เราถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าหลบตาอาจารย์
พอเลิกเรียนอาจารย์ที่ปรึกษาก็เรียกเราเข้าไปคุยที่ห้องพักอาจารย์ เราเลยต้องบอกลาชมพู่ที่มองมาด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้งานเรามีปัญหาและมีเปอร์เซ็นต์สูงที่มันจะไปต่อไม่ได้
ถึงแม้แดดจะร้อน ท้องฟ้าสดใส
แต่วันนี้คือวันที่ฝนตกหนักสำหรับเรา
เราเดินกลับมาที่ห้องตอนไหนก็ไม่รู้ คำพูดของอาจารย์กระเด้งกระดอนอยู่ในสมองเราตลอดเวลา พอเปิดประตูเข้ามา เราก็ถอนหายใจ ไม่ได้นะ ห้องที่เรารัก ห้องที่เรากลับมาแล้วมีความสุข ทำไมวันนี้มันดูหม่นหมองแบบนี้
เราวางเอกสารและกระเป๋าไว้บนโต๊ะ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทำความสะอาดห้องดับความฟุ้งซ่าน เราทำตัวไม่ให้ว่าง จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก
“ครูบอกเธอแล้วว่าให้หาจุดที่มันเป็นแก่นของงานให้ได้แล้วเอามาเจาะหาประเด็นที่น่าสนใจ แต่เธอไม่ฟังครู...” ไม่คิดอะไรมากที่ไหนกันเล่า ยิ่งทำตัวยุ่งมันยิ่งทำให้เราคิดมากกว่าเดิมอีก อยากจะบ้าตาย เอกสารที่เราอ่านมาร่วมเดือน ระหว่างที่เรานั่งคัดเอกสารเพื่อเอาไปทิ้ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
เราถอนหายใจ แล้วกดเปิดลำโพง
“ฮัลโหล...”
(พี่ปั้น ถึงห้องรึยังครับ)
“เราถึงแล้ว”
(ผมพึ่งได้พัก อึ่กๆๆ)
“ไม่ว่างก็ไม่ต้องคุยหรอก”
(ฮ้า สดชื่น)
“ดื่มน้ำหรอ”
(เปล่าครับได้คุยกับพี่ปั้นแล้วสดชื่นนน พี่ปั้นรู้ไหม...วันนี้พี่กิมซ้อมโคตรโหด ผมขอเวลาเคลียร์งานสามวันเอง เล่นผมซะอ่วม ผมไม่ใช่ลูกบาสนะ พักแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ต้องเก็บโทรศัพท์แล้วครับ มีไอ้แดมหน่วยเก็บโทรศัพท์ประจำทีมที่โหดพอๆ กับพี่กิม มันเป็นเพื่อนผมด้วย แล้วพี่ปั้นกินอะไรรึยัง พี่ปั้น...) เราเหม่ออยู่นาน เสียงเขาค่อยๆ เฟดออกนอกโฟกัสของเรา
“เกิดอะไรกับเธอ ปัณณฑัต เทอมนี้เธอไม่โอเคเลยนะ” (พี่ปั้นครับ เป็นอะไรรึเปล่า)
“อะ เปล่าๆ ถึงไหนนะ” เราสะบัดหน้า ตั้งใจแยกเอกสารอีกครั้ง
(ไม่มีอะไรแล้วครับ พี่ปั้นวันศุกร์เจอกันนะครับ)
“หือ...ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นน่ะหรอ”
(ร้านอะไรครับ?)
“นายบอกว่า...”
...เขาบอกว่าอะไรนะ แล้วเอกสารนี้เก็บไว้ดีไหม...
(ผมบอกพี่ปั้นว่า วันศุกร์นี้เจอกันที่ม.พี่ปั้นนะครับ ผมแข่งบาสที่นั่นตอนบ่าย พี่ปั้นมาดูผมด้วยนะ แล้วเรากลับบ้านพร้อมกัน)
“อ๋อ...มีแข่งที่ม.เราหรอ”
“งานเธอเหมือนจะไปได้ไกลกว่าเพื่อน ทำไมตอนนี้เธอย่ำอยู่กับที่ล่ะ ถ้าเธอทำแล้วมีปัญหาเธอต้องรีบมาปรึกษาครูทันที อย่าคิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง” (ครับผมบอกพี่ปั้นแล้ว)
“อ่า...เรามึนๆ”
(มึนมากก เมื่อเช้าโทรมาปลุกผมรู้ตัวไหม)
“งั้นหรอ”
“ถ้ามันยากเกินไป ครูว่าเธอหยุดก่อนดีกว่าไหม” ...ที่เราพยายามมาทั้งหมดเพื่ออะไร เราพยายามเเล้วจริงๆ เเต่มันคงไม่พอ...
(พี่ปั้น...)
“...”
(พี่ปั้นครับ)
“หือ?...”
(ผมมีเวลาเหลือห้านาที พี่ปั้นว่าห้านาทีพอไหมครับ)
“พออะไร”
.
.
.
(พอให้พี่ปั้นได้ระบายมันกับผมบ้าง...)
แหมะ!
น้ำตาที่กลั้นไว้หยดลงบนเอกสารทีละหยด ทีละหยด
“ฮึก...”
เขา...ที่โทรมาแล้วเราไม่ได้สนใจฟังเป็นคนที่เงียบฟังเราพรั่งพรูความเจ็บปวดในใจออกไปภายในห้านาทีนั้น
___________
-เดี๋ยวก็ดีขึ้นนะพี่ปั้น จาล้องงง-#เรากับเขา ♡
รักทุกคลล