┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ== [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ== [END]  (อ่าน 110109 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #120 เมื่อ12-05-2018 16:40:18 »

ดีใจไปกับพี่จักรและน้องภีม
พี่จักรขยับปลายเท้าได้แล้ว เย่!
 :katai2-1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #121 เมื่อ12-05-2018 16:52:24 »

ใกล้หายแล้วจักร  o18

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #122 เมื่อ12-05-2018 19:36:24 »

ขอให้ปลายทางข้างหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #123 เมื่อ12-05-2018 21:24:46 »

 :pig4:

ออฟไลน์ mpalism31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #124 เมื่อ13-05-2018 02:08:06 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #125 เมื่อ13-05-2018 08:04:53 »

นั่นสิ เก็บไว้ที่ไหนกันนะ ?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #126 เมื่อ13-05-2018 10:54:31 »

พี่จักรจะหายแล้ววว :sad4:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #127 เมื่อ13-05-2018 11:30:00 »

พี่จักรจะหายแล้ววววว ฮืออออ :hao5:

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #128 เมื่อ14-05-2018 06:14:55 »

 :hao5: :hao5: :hao5: หวานละมุน ซึ้งใจ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #129 เมื่อ14-05-2018 08:53:53 »

รอตอนต่อไป :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
« ตอบ #129 เมื่อ: 14-05-2018 08:53:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #130 เมื่อ14-05-2018 17:33:04 »

-13-


สถานที่ที่ใช้จัดงานแต่งเป็นรีสอร์ทหรูติดทะเลสมฐานะเจ้าของงาน อุปกรณ์ที่ใช้ในงานถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าเป็นวันเพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด จะยกเว้นก็แต่ดอกไม้ที่ยังไม่ได้เอาเข้ามาในงานเนื่องจากผู้จัดต้องการคงทนความสดใหม่ของดอกไว้ให้ได้มากที่สุด บริเวณที่ใช้เป็นลานพิธีคือริมหาดทรายสีขาวสะอาดตา มองตรงไปเห็นผืนมหาสมุทรจรดผืนฟ้า เป็นภาพที่ดูสวยงามสมกับเป็นทะเลใต้อย่างยิ่ง

“สวย…” ภีมภัทรพึมพำขณะที่สายตาจับจ้องไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงที่สาดส่องเป็นสีส้มทองสะท้อนกับผืนทะเลจนเปล่งประกายวาววับงามจับตา คงเป็นโชคดีของเขาที่เดินทางมาถึงในช่วงเย็นพอดีจึงได้เห็นภาพที่น่าประทับใจเช่นนี้

ภีมภัทรเดินทางมาถึงพร้อมกับจักรพรรดิในช่วงบ่าย เขาแวะไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของ จากนั้นจึงไปสวนใต้เพื่อทักทายคนงานรวมถึงดูความพร้อมของดอกไม้ที่เตรียมไว้ ดีที่หัวหน้าคนงานที่คอยดูแลภาพรวมและจัดเตรียมอุปกรณ์ก่อนเขามาถึงทำได้ดีไม่มีที่ติ สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมเลยไม่ยุ่งยากมากนัก แค่รอเข้าไปจัดดอกไม้ในงานตามเวลาที่เหมาะสมก็พอ เมื่อจดบันทึกรายละเอียดต่างๆ เรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินทางมาที่สถานที่จัดงานเพื่อสำรวจภาพรวม ปรับเปลี่ยนแผนผังการจัดวางดอกไม้ให้ดีกว่าเดิมแล้วนั่งรอให้คนงานเอาดอกไม้มาส่งและจะเริ่มจัดงานอย่างจริงจังในช่วงกลางคืนเพื่อให้ดอกไม้ยังสดใหม่ในงานวันพรุ่งนี้

“ไม่เคยมาทะเลเหรอ”

ชายหนุ่มหันหน้าไปหาคนถาม มองสบดวงตาคมคู่นั้นพร้อมยิ้มให้เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจ จักรพรรดิจะสงสัยก็ไม่แปลก ในเมื่อภีมภัทรเป็นคนไทย เกิดที่ไทย ถึงแม้จะไปเรียนต่างประเทศมาแต่ก็ไม่ใช่ระยะเวลาที่นานนักถ้าเทียบกับระยะเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

“เคยครั้งหนึ่งตอนเด็กมากๆ แต่ภีมจำไม่ได้แล้ว” เขาอธิบายแล้วหันหน้ากลับไปมองพระอาทิตย์ตกเช่นเดิม “ปกติก็อยู่แต่ที่ภาคเหนือซึ่งไม่มีทะเล หลังกลับมาจากต่างประเทศถึงจะไปทำร้านดอกไม้ที่กรุงเทพฯอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็แทบไม่ได้ไปไหนเลย”

“อา...พี่เกือบลืมไปแล้วว่าภาคเหนือไม่มีทะเล” จักรพรรดิเหยียดยิ้มขนขื่น “จากไปนานจนแทบจำอะไรไม่ได้ ยังดีแค่ไหนที่พูดภาษาไทยได้อยู่”

ภีมภัทรหันกลับมาจ้องมองคนด้านข้างอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ด้านลบที่ส่งผ่านออกมาทางคำพูด เขาคุกเข่าลง จับมือใหญ่มากุมไว้เหมือนทุกครั้งที่ต้องการให้พี่จักรของตนกลับมายิ้มได้

“ถึงจะจำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย จากนี้พี่จักรจะได้อยู่ที่นี่ไปอีกนาน ค่อยๆ สร้างความทรงจำใหม่ก็ได้ คราวนี้ดีกว่าเดิมอีกนะเพราะมีภีมอยู่ด้วย” พูดแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเห็นด้วยกับตัวเอง แบบนี้คนมองจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มตามแล้วบีบมือเรียวกลับ

“รู้แล้ว”

“ถ้ารู้แล้วก็นึกถึงภีมให้มากๆ ดีกว่าไปนึกถึงเรื่องไม่ดีนะ”

“ที่พูดมานี่สรุปคือต้องการให้พี่นึกถึงภีมแค่คนเดียวถูกไหม” เขาถามออกไปตรงๆ เพราะดูท่าทีแล้วอีกฝ่ายน่าจะอยากพูดแบบนี้มากกว่า แต่คำถามตรงๆ เหมือนไม่คิดอะไรนั่นกลับทำให้คนฟังเริ่มหน้าร้อน

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” ภีมภัทรโบกมือไปมาเพื่อปฏิเสธ

“แล้วแบบไหน”

ถามแบบนี้มาต้องการให้ตอบอะไรเล่า...

คนที่ยังไม่ชินกับการโดนแกล้งถลึงตาใส่ ปากอ้าๆ หุบๆ เหมือนอยากจะบ่นอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สุดท้ายจึงได้แต่ยกมือยอมแพ้แล้วพูดเสียงนิ่ง

“แบบนั้นก็ได้”

“แบบไหนนะ” ยังไม่หยุดแกล้ง...

“พี่จักร...”

“โอเค ไม่แกล้งก็ได้” จักรพรรดิหัวเราะเบาๆ ขณะใช้มือที่ว่างลูบหัวเด็กน้อยขี้งอแง เขายอมให้ภีมภัทรแกะมือตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้วลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสียแต่โดยดี “ภีม...”

“หือ…” ภีมภัทรหันกลับมาเมื่อสังเกตได้ว่าน้ำเสียงที่ใช้เรียกเขาเริ่มจริงจังมากขึ้น

“ภีมจะทำงานเสร็จช่วงไหนวันนี้”

“ภีมคิดว่าน่าจะห้าทุ่มได้นะ พี่จักรมีอะไรหรือเปล่า”

“พี่นัดคุยกับเกรย์ที่โรงแรม”

ภีมภัทรหันไปมองคนพูดทั้งสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าจะนัดเจอกับเกรย์ได้ยังไงในเมื่อพวกเขาอยู่กันคนละภาคเสียด้วยซ้ำ

“พี่จักรหมายถึงโรงแรม...”

“อืม...โรงแรงที่เราอยู่นั่นล่ะ” จักรพรรดิตอบรับง่ายๆ แล้วขยายความต่อ “จริงๆ เหตุผลที่เกรย์มาไทย นอกจากจะมาเจอพี่แล้วเจ้านั่นยังมาเพื่อเที่ยวด้วย เห็นว่าจะเที่ยวให้ครบทุกภาค พอรู้ว่าพี่มาที่นี่กับภีมพอดีเลยจองห้องไว้ที่เดียวกันเพราะอยากคุยธุระกับพี่พอดี”

“อ๋อ...แล้วแบบนี้เขาจะไม่หลับก่อนเราไปถึงเหรอครับ” ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปวันอื่นจะง่ายกว่าไหม แต่หากเป็นธุระเร่งด่วนก็คงต้องคุยวันนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเกรงใจถ้าจะให้ฝ่ายนั้นรอนานๆ “พี่จักรไปคุยกับเขาก่อนไหม แล้วเดี๋ยวภีมทำงานเสร็จจะตามไปทีหลัง”

จักรพรรดิส่ายหน้า หากให้คุยก่อนโดยไม่ต้องรอก็คงคุยจบไปแล้ว เขาไม่ใช่คนคุยเก่ง ส่วนเกรย์ถ้าเป็นเรื่องงานก็ไม่ได้ขี้เล่นนัก คนคนนั้นจะแสดงนิสัยที่แท้จริงออกมาตอนที่อยู่กับคนสนิทเท่านั้นล่ะ

“พี่อยากให้ภีมไปฟังด้วย”

เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะให้เด็กน้อยรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา...ทีหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากอีก

“งั้นภีมจะรีบทำงานให้เสร็จนะครับ” ภีมภัทรฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ อารมณ์ดีจนแสดงออกมาทางสีหน้าเหมือนเด็กๆ เป็นท่าทีน่าเอ็นดูที่ทำให้ใครต่อใครที่เดินผ่านต่างอมยิ้ม ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์

“เข้าไปข้างในเถอะ เผื่อคนจะเริ่มเอาของมาแล้ว” จักรพรรดิเอ่ยเตือนจนคนเกือบลืมตาโต พยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินมาเข็นรถพาเขาเข้าไปด้านใน

สถานที่ที่ใช้นัดหมายในการส่งของคือด้านข้างรีสอร์ทซึ่งอยู่ใกล้หาดบริเวณที่จัดงานมากที่สุด ในเวลาที่ทั้งคู่ไปถึง รถขนส่งคันใหญ่ก็จอดรออยู่ก่อนแล้ว บรรดาคนงานกำลังทยอยขนของลงมาจากรถช้าๆ ขณะนั้นเองที่หัวหน้าคนงานเดินเข้ามาหาภีมภัทรแล้วยกมือไหว้พวกเขาทั้งคู่

“คุณภีม คุณจักรพรรดิ”

“ลุงหมู...เรียบร้อยดีใช่ไหมครับ” ภีมภัทรยกมือไหว้กลับอย่างให้ความเคารพ เนื่องจากก่อนจะมาเป็นหัวหน้าที่นี่ลุงหมูเคยทำงานอยู่ข้างกายพ่อในฐานะคนสนิทมาก่อนเขาจึงคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ

“ครับคุณภีม ตอนนี้เรียบร้อยดี ถ้าจะขาดอะไรก็ไม่น่าเยอะ เอามาเติมพรุ่งนี้เช้าก็ทัน”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวลุงให้คนขนของไปที่หาดแล้วก็เริ่มเตรียมของได้เลย เดี๋ยวภีมจะอธิบายแผนผังใหม่ให้ฟังทีละจุดอีกที”

“ได้ครับคุณภีม”

เมื่อหัวหน้าคนงานเดินกลับไปสั่งการเรียบร้อยแล้วภีมภัทรจึงหันกลับมาหาจักรพรรดิแล้วพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ภีมต้องไปเดินดูงาน พี่จักรอยากไปพักตรงไหนไหมครับ เดี๋ยวภีมพาไป”

“ไปเถอะ” จักรพรรดิตอบเสียงเรียบโดยไม่ลืมยกยิ้มให้อีกคนคลายกังวล “เดี๋ยวถ้าพี่อยากไปไหนจะเข็นรถไปเอง แต่อยากดูภีมอยู่แถวนี้มากกว่า”

“โอเค เดี๋ยวภีมรีบมาหานะ” ชายหนุ่มก้มลงบีบมือใหญ่อีกครั้งเป็นเชิงลา เมื่อได้รับการตอบกลับโดยการบีบมือเป็นเชิงรับรู้แล้วจึงหันกายเดินไปหาคนงานที่กำลังขนของลงจากรถ

เจ้าของร่างสูงใหญ่มองตามเงาร่างโปร่งไปจนสุดสายตา เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้นแม้จะเห็นว่าเด็กน้อยของตนเดินหายไปแล้ว จวบจนเมื่อของอย่างสุดท้ายถูกขนลงจากรถ ภีมภัทรจึงปรากฏกายให้เห็นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวหันมาเห็นเขาเข้าพอดีหรือเพราะสนใจเขาอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ถึงได้รู้ว่าถูกเขาจับจ้องอยู่แล้วหันมาโบกมือให้แบบนั้น จักรพรรดิไม่ได้โบกมือกลับไปแต่เลือกที่จะยิ้มรับ แสงไฟที่ถูกนำมาใช้เพื่อการจัดดอกไม้ในเวลากลางคืนโดยเฉพาะสว่างจ้าไปทั่วบริเวณจนไม่เป็นอุปสรรคกับการมองเห็นนัก เขาเห็นเด็กน้อยยิ้มกว้างให้อีกรอบก่อนจะหมุนกายเดินไปอธิบายงานให้คนอื่นๆ ฟังต่อ

คนน่ามองยังคงดูน่ามองแม้จะทำหน้ายุ่งขนาดไหน ท่าทางเป็นจริงเป็นจริงในการสั่งงานขัดกับการต้องหันมาหาเขาแทบทุกนาทีทำให้จักรพรรดิอดหัวเราะไม่ได้ เขาตัดสินใจชี้มือไปที่ชายหาดเมื่อภีมภัทรหันมามอง เรียบร้อยแล้วจึงใช้แรงเข็นรถด้วยตัวเองออกไปด้านนอกไม่ให้รบกวนสมาธิของคนทำงาน

อันที่จริงแล้วทะเลในยามค่ำคืนคือสถานที่ที่จักรพรรดิชอบมากที่สุด เขาเคยไปทะเลครั้งหนึ่งตอนที่เกรย์พาไปสมัยยังอยู่ฝรั่งเศส จำได้ว่าครั้งนั้นมินตราทำโทษเขาด้วยการขังไว้ในห้องมืดนานเป็นวัน นอกจากนั้นยังออกคำสั่งให้เลิกคบเกรย์เป็นเพื่อน มองภายนอกคนอื่นอาจคิดว่าเพราะเกรย์พาเขาเหลวไหล แต่จักรพรรดิรู้ดีว่าความจริงคืออะไร...

เกรย์มีอำนาจมากเกินไป...แม้ตอนนั้นจะเป็นแค่เด็ก แต่ในอนาคตอาจจะทำให้เธอลำบากในภายหลัง

แล้วก็ไม่ผิดจากที่ผู้หญิงคนนั้นคิดนักหรอก...เกรย์ต้องนำความลำบากมาให้เธอแน่ๆ

แม้เขาในตอนนั้นจะเชื่อฟังมินตราทุกอย่าง แต่เรื่องของเกรย์เป็นข้อยกเว้น เพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่มี คนที่นิสัยคล้ายกัน เข้ากันได้ทุกอย่าง ทำไมจะต้องตัดขาดแค่เพราะคำพูดของผู้หญิงร้ายกาจคนหนึ่ง พวกเขาทำทีเหมือนไม่ได้รู้จักกันแล้วทั้งที่แอบติดต่อกันมาโดยตลอด และจักรพรรดิก็เก่งพอที่จะหลบเลี่ยงจนไม่มีใครจับได้

ถึงจะผิดแผนไปหน่อยที่เกรย์มาที่นี่ นั่นหมายความว่ามินตราต้องรู้ว่าพวกเขายังสนิทสนมกันอยู่ แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว

“คุณ...มาทำอะไรตรงนี้คะ” เสียงอ่อนหวานที่พูดเป็นภาษาอังกฤษจากทางด้านหลังทำให้ดวงตาคมที่กำลังจับจ้องไปยังทะเลลึกวาววับขึ้น เขาไม่คิดแม้แต่จะหันไปมอง ทว่าก็เป็นอีกฝ่ายที่เดินมาอยู่ตรงหน้าแล้วโน้มใบหน้าสะสวยเข้ามาจนใกล้ “คุณคะ”

“ไสหัวไป” น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้เจ้าของใบหน้าขาวผงะไปเล็กน้อย แต่แค่ครู่เดียวเธอก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ฉันชื่อมาเรียค่ะ แล้วคุณ...”

วินาทีที่มือนุ่มนิ่มกำลังจะแตะลงบนแก้มสาก ดวงตาคู่ดุดันพลันเงยขึ้นสบพร้อมกับที่มือใหญ่ยื่นไปกำข้อมือเล็กไว้แน่นอย่างไม่ออมแรง หญิงสาวผู้ถูกทำร้ายหน้าซีดเผือกก่อนจะกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกผลักให้หงายลงไปบนพื้นพร้อมกับที่อีกร่างตามลงมากดทับกายเอาไว้ เธอหายใจหอบเมื่อถูกมือใหญ่กำรอบลำคอราวกับจะฆ่าให้ตาย

“ถึงฉันจะพิการ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าใครไม่ได้” ถ้อยคำกระซิบข้างใบหูดังชัดเจนราวกับจะตอกลึกเข้าไปในความทรงจำ สายตาปริ่มน้ำเริ่มพร่ามัวเพราะขาดอากาศหายใจ แต่ก่อนที่สติของเธอจะหลุดลอย เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นในความมืดมิด

“พี่จักร!” ภีมภัทรถลาเข้าไปกอดผู้ชายตัวสูงไว้จากทางด้านหลัง เขาพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำๆ ราวกับจะช่วยเรียกสติจนมือที่เกือบคร่าชีวิตใครบางคนไปคลายแรงออก ผู้หญิงที่เกือบตายรีบขยับตัวถอยหลังแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งสองหนุ่มซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง

คนหนึ่งร้อนรุ่มเพราะแรงโทสะ ส่วนอีกคนร้อนรุ่มเพราะความห่วงใย

ภีมภัทรขยับตัวไปด้านหน้า สองมือประคองแก้มจักรพรรดิไว้เพื่อให้ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นมองสบกับเขา

“พี่จักร...มองหน้าภีม...มองภีม”

“ภีม…” แววตาของผู้เรียกสะท้านไหว

“ครับ...ภีมเอง” ภีมภัทรฝืนยิ้มทั้งที่ใจอยากร้องไห้

“ภีม…” เขารวบเอวบางเข้าไปกอดไว้แน่นราวกับกลัวอีกคนจะหายไป ใบหน้าคมคายซบอยู่กับไหล่เล็กกว่าขณะที่กายใหญ่สั่นสะท้านแบบที่ภีมภัทรไม่เคยเห็นมาก่อน “พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้...พอภีมไม่อยู่...พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรครับพี่จักร ไม่เป็นไรนะ” คนเอ่ยปลอบเองก็เสียงสั่นไม่แพ้กัน ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เป็นเพราะปวดใจที่ตัวเองไม่ได้อยู่เคียงข้างในยามที่พี่จักรต้องการ

พวกเขากอดกันอยู่แบบนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจักรพรรดิจะรู้สึกตัว เขาผละออกช้าๆ ปลายนิ้วยกขึ้นเกลี่ยแก้มขาวเบาๆ โดยที่สายตายังทอดมองใบหน้าใสที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจนนิ่งงัน

“อย่าทำหน้าแบบนั้น”

“พี่จักรโอเคหรือเปล่า” ภีมภัทรรีบถาม มือยกขึ้นกอบกุมปลายนิ้วอีกคนไว้แน่น

“ไม่เป็นไรแล้ว”

เขาไม่ได้โกหก...

เป็นเพราะภีมอยู่ตรงนี้ถึงไม่เป็นไร

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ภีมเห็นพี่จักร...” เกือบจะฆ่าเธอ

“คนของมินตรา” จักรพรรดิตอบโดยไม่ปิดบัง เขาตัดสินใจรวบตัวภีมภัทรเข้ามากอดไว้อีกครั้งเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของตนเองในตอนนี้...สีหน้าที่ดูราวกับต้องการฆ่าคน “พี่ใช้เวลาหลายเดือนเพื่อจดจำใบหน้าของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมินตรา ผู้หญิงคนนั้นคือหนึ่งในนั้น”

ทำเป็นพูดภาษาอังกฤษใส่ แต่สำเนียงฝรั่งเศสที่ติดมานั่นจะเอาอะไรมาปิดได้

“เมื่อกี้ถ้าภีมไม่มา...” ภีมภัทรเพิ่มแรงกอดตอบให้แน่นขึ้นเมื่อนึกถึงตอนนั้น เขาได้ยินเสียงพี่จักรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบออกมาเสียงเรียบ

“พี่อาจจะฆ่าไปแล้ว” คนพูดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังบางกระตุกเบาๆ เขากอดรัดอีกคนไว้แน่นขึ้นราวกับหวาดกลัวว่าจะโดนผลักออกแล้ววิ่งหนีไป “กลัวหรือเปล่า”

หัวทุยที่ซุกอยู่กับอกส่ายดุ๊กดิ๊กแทบจะทันที

“ตกใจนิดหน่อย แต่ไม่กลัวหรอก” ภีมภัทรผละตัวออกเพื่อเงยหน้ามองคนที่ยังจับแขนเขาไว้แน่น “ภีมรู้ว่าพี่จักรไม่มีวันทำแบบนั้น”

“แต่ภีมก็เห็นว่าพี่เกือบ...”

“นั่นเพราะพี่จักรถูกอารมณ์ครอบงำ พอเริ่มได้สติแล้วก็จะรู้สึกตัว”

“แล้วถ้าพี่ไม่ได้สติล่ะ” เขายังคงตั้งคำถาม

“พี่จะนึกถึงหน้าภีมก่อนจะทำแบบนั้น เชื่อสิ” คนพูดยิ้มกว้างแล้วโถมตัวเข้าไปกอดต่อ เขารู้สึกปลอดภัยยามอยู่ในอ้อมกอดนี้ มันรู้สึกดีจนไม่อยากปล่อยไปไหน

“อืม คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ” ชายหนุ่มยอมรับตามตรง เขานึกถึงภีมภัทรแทบจะตลอดเวลา หากเมื่อกี้ไม่โดนเรียกไว้ เชื่อว่าอีกไม่นานภาพดวงตาเป็นประกายของเด็กน้อยก็คงปรากฏขึ้นมาในความทรงจำจนเผลอปล่อยมืออยู่ดี

“ภีมฝากงานไว้กับลุงหมูแล้ว เหลืออีกนิดเดียวก็เสร็จ เรากลับกันเถอะครับ พรุ่งนี้คอยมาตรวจแล้วปรับตอนเช้าอีกที” ภีมภัทรบอกแล้วผละออกอีกครั้งอย่างเสียดาย เขาช่วยพยุงคนป่วยขึ้นไปนั่งบนวีลแชร์เหมือนเดิม แต่ก่อนจะได้เดินไปประจำที่เพื่อเข็นรถมือเรียวก็ถูกรั้งเอาไว้อีกครั้ง

“ขอบคุณ”

คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนรอยยิ้มสวยจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ด้วยความยินดีครับผม”


.
.
(ต่อด้านล่าง)




ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[12]==[P.4]== [12/05/61]
«ตอบ #131 เมื่อ14-05-2018 17:33:28 »

.
.
.


หลังจากมาถึงโรงแรมและขึ้นไปอาบน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ภีมภัทรจึงพาจักรพรรดิไปที่ห้องของเกรย์ตามที่คุยกันไว้ ชั้นที่เกรย์อยู่เป็นห้องใหญ่ของโรงแรมซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่ห้อง ทว่าดูเหมือนจะถูกจองไว้โดยคนคนเดียว ที่ด้านหน้าห้องมีบอดี้การ์ดสองคนยืนทำหน้าเข้มอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นจักรพรรดิพวกเขาก็ก้มหัวให้และเชิญให้เข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณครับ” ภีมภัทรตอบแทนเมื่อเห็นคนบนวีลแชร์ไม่พูดอะไรสักคำ

ภายในห้องกว้างขวางสมฐานะของคนมาใช้บริการ ภีมภัทรเห็นร่างสูงใหญ่ของเกรย์นั่งรออยู่ก่อนแล้วที่โซฟา เขาแอบขำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องอยู่ในชุดนอนลายแกะสีดำ ทว่าก่อนจะได้ส่งเสียงทัก เกรย์ที่หันมาเห็นเข้าพอดีก็ยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้เงียบเสียก่อน

ในตอนแรกภีมภัทรยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงบอกให้เงียบในเมื่อมีกันอยู่แค่นี้ แต่แล้วเมื่อเขาเข็นรถพาจักรพรรดิเข้าไปใกล้จึงได้เห็นว่าบนตักของหนุ่มต่างชาติมีร่างโปร่งของใครบางคนนอนหนุนอยู่ และการที่คนหลับใส่ชุดแกะสีขาวเข้าคู่กับเกรย์ก็ยังไม่น่าตกใจเท่า...

“มุข” นั่นไม่ใช่เสียงของภีมภัทร แต่เป็นเสียงของจักรพรรดิที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นทั้งใบหน้ายังแข็งกร้าวน่ากลัว เขามองไปที่เกรย์ซึ่งยังคงยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนเสียงดุดันจะพูดเรื่องที่ภีมภัทรไม่เข้าใจออกมา “นายบอกว่าจะไม่แตะต้องเขา”

“ก่อนเวลา” เกรย์ต่อคำทันควัน “ไอบอกว่าจะไม่แตะต้องลูกแกะก่อนเวลา”

“…”

“ไม่เอาน่าคิง...นี่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะ”

ใช่ว่าจักรพรรดิไม่รู้ว่าสัญญานั้นมันเกิดขึ้นมาเป็นสิบปีแล้ว และในเวลานี้ประมุขก็โตเกินกว่าจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลา แค่คนอย่างเกรย์ยอมอดทนรอมาจนถึงตอนนี้เขาก็ควรขอบคุณมันเป็นร้อยๆ รอบเสียด้วยซ้ำ แต่ว่ายังไงนั่นก็คือน้องชายคนเล็กที่น่าเป็นห่วงที่สุดอยู่ดี

รู้แบบนี้ไม่น่าหยิบรูปขึ้นมาให้มันเห็นตั้งแต่ตอนนั้น...

“เราเลิกพูดเรื่องลูกแกะของฉันแล้วมาคุยกันเรื่องของนายดีกว่าไหม ฉันยังอยากรักษาสัญญาอีกข้อของเราอยู่นะ” เกรย์โคลงหัวไปมาเบาๆ ขณะที่มือลูบหัวลูกแกะที่ตักอย่างอ่อนโยน ซึ่งมันเหมือนเป็นการยั่วให้พี่ชายที่อยู่ตรงนี้โมโหยังไงก็ไม่รู้ ภีมภัทรรีบจับมือคนข้างกายไว้แน่นเพราะกลัวพี่จักรจะกระโจนเข้าไปบีบคอเพื่อนเข้าจริงๆ

“คือว่า...” ภีมภัทรแทรกเบาๆ คล้ายไม่แน่ใจว่าควรถามหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ได้ถามเขาคงงงไปจนจบการสนทนา “สัญญาที่ว่านี่อะไรเหรอ บอกได้ไหม”

“อา...บอกได้ไหมคิง” คนที่จะโดนฆ่าโดยไม่รู้ตัวยังคงยกยิ้ม ท่าทางดูสนุกสนานจนภีมภัทรเริ่มอยากปล่อยมือที่รั้งจักรพรรดิไว้เสียเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนจะได้ตัดสินใจว่าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย เขาก็ถูกดึงให้นั่งลงบนโซฟาเสียก่อน

“เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนที่พี่รู้จักเกรย์เราเคยสัญญากันไว้สองข้อ” จักรพรรดิเลือกเป็นคนบอกด้วยตัวเอง อะไรที่ภีมภัทรสงสัย เขาจะไม่ปิดบัง จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กน้อยต้องรู้จากปากคนอื่นเด็ดขาด

“สัญญา...”

“ข้อแรกคือถ้าพี่ยอมให้รูปถ่ายรูปหนึ่งกับเกรย์ เขาจะยอมช่วยจนกว่าพี่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของมินตรา”

“รูปถ่าย...” คนฟังทำหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแค่รูปถ่ายใบเดียวถึงทำให้เกรย์ยอมช่วยเหลือจักรพรรดิได้มากถึงขนาดนี้

“รูปนี้ไง”

ภีมภัทรหันไปมองภาพถ่ายที่ว่าในมือเกรย์โดยไม่สนใจแววตาไม่พอใจของจักรพรรดิที่ใช้มองเพื่อน ภาพที่ว่าคือภาพถ่ายเก่าๆ ที่ดูจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ในภาพคือเด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารักคนหนึ่งกำลังฉีกยิ้มให้กล้อง และคนในภาพก็คือประมุขที่กำลังนอนตักเกรย์อยู่นั่นเอง

“พี่พกรูปนี้ไว้ในกระเป๋าตอนที่ถูกแม่พาตัวไป ใครจะไปคิดว่าแค่หยิบขึ้นมามองแล้วจะโดนเจ้านั่นหมายตาแทบจะทันที นอกจากนั้นยังกล้าฉีกรูปอีกครึ่งที่มีพี่กับเต้ออกด้วย”

“ฉะ...ฉีกออก” มิน่าถึงได้มีรอยขาดอยู่ด้วย

“ก็ไออยากได้แค่รูปของลูกแกะนี่นา” หนุ่มต่างชาติยักไหล่ไม่ใส่ใจ เขาบรรจงเก็บภาพนั้นใส่กระเป๋าด้วยท่าทีอ่อนโยนเหมือนกลัวว่าถ้าออกแรงมากเกินไปแล้วภาพจะขาดคามือ

“เพราะเห็นว่าเกรย์สนใจมุขจริงๆ...จริงมากเกินไป พี่เลยขอให้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องมุขก่อนเวลาที่สมควร รู้แบบนี้น่าจะบอกว่าห้ามแตะต้องไปตลอดชีวิต” ประโยคหลังจักรพรรดิพึมพำเบาๆ ให้ภีมภัทรได้ยินแค่คนเดียว

“พี่จักรรักน้องๆ น่าดูเลยนะครับ” ภีมภัทรแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียนั้น

“ถึงแม้พอเวลาผ่านไปพี่จะจำความทรงจำที่มีกับน้องได้ไม่มากนัก แต่รูปที่เก็บไว้ทำให้พี่ไม่เคยลืมว่าเต้กับมุขคือน้องที่ต้องดูแล...ถึงจะโดนฉีกไปคนก็เถอะ”

“ถ้าภีมรู้ล่วงหน้าว่าพี่จักรจะไป ภีมจะหารูปตัวเองให้พี่เอาติดตัวไปด้วย” พูดติดตลกออกไปแล้วจึงคิดได้ว่าอาจทำให้อีกคนคิดมาก เขารีบหันไปมองจักรพรรดิอย่างเป็นกังวล แต่ก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนตอบกลับมา

“ถ้าพี่รู้ล่วงหน้า พี่ก็จะมาขอรูปภีมไปเหมือนกัน”

ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กันเหมือนโลกนี้มีเพียงเราสอง ลืมเลือนเจ้าของห้องที่กำลังนั่งมองท่าทีที่ไม่เคยเห็นของเพื่อนเงียบๆ  เสียสนิท เกรย์ลอบยิ้มอย่างจริงใจเมื่อเห็นว่าข้างกายเพื่อนคนสำคัญมีคนช่วยดูแลแล้ว ถึงจะทำเหมือนนึกถึงเรื่องผลประโยชน์อยู่ตลอด แต่เขาก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้จักรพรรดิมีความสุขไม่แพ้ใคร

“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ไอจะได้พาลูกแกะกลับเข้าไปนอนในห้องเสียที” เกรย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย และแม้ใบหน้าจะยังมีรอยยิ้ม แต่ภีมภัทรก็ยังสังเกตเห็นแววตาเข้มๆ ที่เขาเผลอแสดงออกมาอยู่ดี

เมื่อถูกเตือนจักรพรรดิจึงยอมหันกลับไปสนใจเพื่อนอีกครั้ง เขาเองก็อยากให้เด็กน้อยกลับไปนอนเหมือนกัน ดูท่าจะเหนื่อยกับงานมาเยอะแล้ว

“ว่ามา”

“ข้อมูลผิดกฎหมายของบริษัทหลังจากที่แม่นายเข้ามาบริหารงานด้วยตัวเองรวมถึงคนผิดทั้งหมดถูกรวบรวมไว้แล้ว ทั้งจากที่นายเคยรวบรวมไว้ให้ แล้วก็จากที่ฝ่ายนั้นพยายามเอางานผิดกฎหมายมาเสนอขายฉัน เหลือแค่รอคำสั่งจากนายว่าจะให้เปิดเผยตอนไหน แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าแม่นายจะโยนความผิดมาให้ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน แต่นายแค่อาจต้องกลับไปจัดการอะไรๆ ที่ฝรั่งเศสสักพัก” เกรย์ใช้ภาษาอังกฤษในการอธิบายเพื่อให้ภีมภัทรเข้าใจและสะดวกต่อตัวเขาเองที่ไม่ได้เก่งภาษาไทยนัก

จักรพรรดิรับฟังถ้อยคำเหล่านั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยแม้ในใจจะคิดหนัก เขาอยากให้มินตราได้รับผลของการกระทำ แต่อีกใจก็นึกหวาดหวั่นกับอะไรบางอย่าง

“ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย จะเอายังไงก็ว่ามา” เกรย์พูดต่อเพียงแค่นั้นแล้วก็เงียบไปเพื่อรอคำตอบ เช่นเดียวกับภีมภัทรที่ไม่คิดพูดแทรกอะไร เพราะลำพังสิ่งที่เกรย์พูดมาก็ไม่ได้เข้าใจยากนัก

“วันนี้มินตราส่งคนเข้ามาใกล้ฉันกับภีม” จักรพรรดิตัดสินใจพูดถึงเรื่องที่เขากังวล “พวกนั้นเข้ามาถึงตัวฉันได้ง่ายๆ ถ้ามินตราได้เข้าไปอยู่ในคุกแล้วเกิดแค้นขึ้นมาจริงๆ ฉันกลัวว่าภีมจะเป็นอันตราย”

“ตอนนี้ก็อันตรายอยู่แล้วคิง...ก็แค่แม่นั่นยังไม่กล้าพอจะเล่นจนมีอันตรายถึงชีวิต คนจิตใจต่ำตมแบบนั้นพอถึงเวลาต้องกล้าทำแน่ และถ้ายังปล่อยให้ลอยไปลอยมาสั่งการอยู่ข้างนอก มันคงน่ากลัวกว่าให้ไปสั่งการอยู่ในคุกมากเลยล่ะ” เกรย์พูดออกมาตามความจริงโดยไม่มีท่าทีล้อเล่นเหมือนเคย “ฟังนะคิง...ฉันรู้ว่านายไม่อยากให้ฉันช่วยไปมากกว่านี้ แต่ถ้าอยากปกป้องคนที่อยู่ข้างนาย ยอมลดศักดิ์ศรีลงแล้วให้คนของฉันไปติดตามนายซะ พอส่งแม่นั่นเข้าคุกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องใครจะมาทำร้ายอีก เก็บกวาดได้หมดนายก็ค่อยคืนคนมาก็แค่นั้น”

“…”

“ฉันพูดในฐานะเพื่อน...” เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อยยามก้มลงมองคนที่หลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “และช่วยในฐานะน้องเขย”

“เกรย์” จักรพรรดิจ้องหน้าคนที่สถาปนาตัวเองเป็นน้องเขยของเขาด้วยแววตาดุดัน บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่จางหายไปกว่าครึ่ง และมันช่วยให้คนที่นั่งลุ้นอยู่หายใจได้คล่องขึ้นเล็กน้อย

“เก็บไปคิดเถอะคิง อย่าลืมว่าตอนนี้ถึงนายจะมีธุรกิจที่ทำร่วมกับฉันหรือมีหุ้นที่เล่นไว้เยอะขนาดไหน แต่อำนาจของนายมันไม่ได้ต่างไปจากคนธรรมดา ถ้าคิดจะสู้กับคนแบบนั้น ให้ฉันช่วยดีที่สุดแล้ว”

“…”

“มันคือสายใยระหว่างแม่ลูกใช่ไหม”

จักรพรรดิเงยหน้าขวับเมื่อได้ยินคำถาม ดวงตาคู่คมฉายแววสับสน สมองสั่งให้ปฏิเสธเด็ดขาด แต่ใจกลับตอบอีกแบบ

“ฉัน…”

“ต่อให้โดนทำร้ายขนาดไหน วางแผนจะเอาคืนมานานกี่ปี แต่นั่นก็คือแม่แท้ๆ เพราะแบบนั้นนายถึงลังเลว่าควรจะส่งหล่อนเข้าคุกด้วยตัวเองหรือเปล่า” คำพูดจี้ใจดำยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เอาเถอะ...ฉันเองก็เข้าใจ เพราะงั้นใช้เวลาคิดให้คุ้มค่าก็แล้วกัน อย่าให้มันนานเกินไปจนนายต้องสูญเสียก็พอ”

“อืม”

“ฉันไม่อยากให้ลูกแกะร้องไห้” คนพูดหยิบมือขาวของคนที่นอนหลับขึ้นมาแล้วกดจูบเบาๆ ต่อหน้าต่อตาจักรพรรดิ แต่เขาในเวลานี้ไม่มีอารมณ์มาสนใจอะไรทั้งนั้น

“ภีม กลับห้องกันเถอะ” น้ำเสียงอ่อนแอเหมือนคนจะหมดแรงทำให้ภีมภัทรปวดใจ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบแบบไหน สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงการทำตามคำพูดนั้นโดยการพาอีกฝ่ายกลับห้อง

หลังจากคนทั้งคู่ออกไปจากห้องแล้ว ผู้ที่หลับตานิ่งมาตลอดก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ประมุขหมุนตัวเข้าไปหาเจ้าของตักก่อนจะกอดเอวแกร่งไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“ถ้าเป็นลูกแกะ...จะตัดสินใจแบบไหนเหรอ” เกรย์ถามขึ้นลอยๆ ขณะที่มือยังลูบหัวทุยของคนขี้อ้อนเบาๆ

“ไม่รู้” เสียงอู้อี้ตอบกลับ “ผมคงไม่กล้าตัดสินใจ”

“อืม…”

“แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ” ประมุขเงยหน้าขึ้นถาม พริบตาหนึ่งเขาเห็นดวงตาคู่นั้นฉายแวววาววับน่ากลัวจนเกือบเผลอผละกายออกห่างถ้าไม่ติดว่าคนรู้ทันรั้งตัวไว้ก่อน

“ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนพี่นายหรอกนะ เพราะนอกจากจะไม่ส่งตำรวจแล้วฉันยังจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ ด้วย” คำพูดเหล่านั้นดูขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับใบหน้าอ่อนโยนยามก้มลงมองหน้าเขา ประมุขเผลอกำชายเสื้อนอนสีดำแน่นและเกือบจะแสดงความหวาดกลัวให้ได้เห็น แต่แล้วเมื่อได้ยินประโยคต่อไปเขาก็ชะงักและเป็นฝ่ายขยับเข้าไปกอดคนตัวโตเอาไว้ด้วยตัวเอง “และถ้าคนที่ต้องเจ็บปวดเป็นนาย...”

“…”

“ฉันจะทำให้มันตายทั้งเป็น”


————————-

TALK: ออกครบทุกคู่แล้วเย้ ใครลงเรือเกรย์สองล่มเรือด่วนค่ะ เจ้าของตัวจริงเขามาแล้ว ในส่วนของคู่ฮ่องเต้กับคู่ประมุขจะมีแค่นี้ค่ะ เจออีกทีคือในเรื่องของตัวเองเลยเด้อ แพลนเขียนจะเริ่มปีหน้านะคะ ระหว่างนี้จะไปเขียนเจไดก่อน

ปล.เรื่องนี้จะลงวันเว้นวันจนจบนะคะ เปิดพรีปลายเดือนพฤษภาคมนี้ตอนจบพอดี ใครสนใจติดตามเพจ Chesshire. หรือทวิต @Chesshire04 ไว้ก่อนได้น้า

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[13]==[P.5]== [14/05/61]
«ตอบ #132 เมื่อ14-05-2018 18:02:34 »

สงสารพี่จักร อีกฝ่ายถึงร้ายขนาดไหนก็แม่แท้ๆล่ะนะ

ปล.เกรย์กับมุขนี่ออกมาแย่งซีนหน่อยๆนะเนี่ย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[13]==[P.5]== [14/05/61]
«ตอบ #133 เมื่อ14-05-2018 18:17:03 »

ว้าย!! เรื่อเกรย์สองล่มเหรอเนี่ย
  สละมาเรื่อเรือเกรย์มุขละกัน555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[13]==[P.5]== [14/05/61]
«ตอบ #134 เมื่อ14-05-2018 18:53:57 »

เก็บๆ ไปเถอะ แม่ที่ไม่ได้เรื่องแบบนั้น  :katai1:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[13]==[P.5]== [14/05/61]
«ตอบ #135 เมื่อ16-05-2018 18:50:45 »

-14-


ภีมภัทรเข้ามาดูสถานที่จัดงานตั้งแต่เช้าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยทั้งหมดอีกครั้ง งานแต่งงานในวันนี้เป็นงานพิธีแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเย็น ถือเป็นงานดูแลดอกไม้ที่หนักพอสมควร เขาสั่งให้คนคอยดูแลดอกไม้ทุกจุดให้ดีที่สุด ไม่ลืมพกกระบอกฉีดไว้ติดตัวทุกคนเพื่อเอาไว้ใช้ดูแลดอกไม้ที่ต้องอยู่แบบนี้ไปจนถึงดึก

“อีกสิบนาทีแขกสำคัญจะเริ่มมาแล้ว ลุงหมูให้คนเอาดอกไม้มาเปลี่ยนตรงนี้ทีครับ” ผู้เป็นเจ้านายสั่งการเสียงเครียด มือวุ่นวายกับการดึงดอกไม้ที่เหี่ยวไวเกินไปออกมาจากช่อตรงซุ้มด้านหน้า “แล้วก็อย่าลืมให้คนที่ยังไม่มาเอาช่อที่เราจัดไว้สำหรับเปลี่ยนตอนงานช่วงเย็นมาด้วยนะครับ”

“ครับคุณภีม”

เมื่อหัวหน้าคนงานเดินจากไปทำตามคำสั่งแล้วภีมภัทรจึงหันกลับมาสนใจช่อดอกไม้ต่อ เขาจัดมันให้เข้าที่ คอยฉีดน้ำและส่งดอกที่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปให้คนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ถือไว้

“งานเย็นต้องเปลี่ยนอีกรอบเหรอ” จักรพรรดิที่คอยรับดอกไม้เสียเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่างานจัดดอกไม้จะยุ่งยากขนาดนี้

“แค่บางจุดที่คนจ้างต้องการครับ พอดีงานนี้เป็นงานใหญ่เขาเลยขอให้ช่วยเปลี่ยนบางที่หลังจากงานช่วงเช้าจบแล้ว แต่ส่วนมากจะเป็นให้เพิ่มเข้ามามากกว่า เพราะงานหมั้นช่วงเช้ามีแค่ญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ต่างจากช่วงเย็นที่มีคนมามาก คงต้องเพิ่มจุดถ่ายรูปกับซุ้มทางเดินอีกหน่อย”

“แล้วภีมต้องคอยดูแลงานตลอดหรือเปล่า”

“ไม่ครับ แค่ตอนก่อนงานเริ่มเท่านั้น ส่วนงานช่วงเย็นภีมได้รับเชิญในฐานะแขกแทนพ่อน่ะ”

“แล้วพี่...”

“พี่จักรต้องอยู่กับภีมตลอด” ชายหนุ่มพูดแทรกทันควัน ยังไงเขาก็ไม่คิดปล่อยให้พี่จักรอยู่คนเดียวแน่ๆ “ไม่ต้องห่วงนะครับ งานนี้ไม่ต้องถึงขนาดใส่สูทผูกไทด์อะไร ภีมเตรียมเสื้อผ้าที่เราไปซื้อด้วยกันตอนนั้นมาให้พี่แล้ว”

“เตรียมพร้อมจริงนะ”

“แน่นอนสิ เดี๋ยวมีคนหาข้ออ้างไม่ไปงานเป็นเพื่อน”

จักรพรรดิยกมือขยี้หัวอีกคนด้วยความเอ็นดูเมื่อเจ้าตัวโน้มหน้ามาใกล้พอดี จริงๆ ต่อให้ไม่ได้เตรียมชุดมาเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เด็กน้อยไปไหนคนเดียวอยู่แล้ว ยิ่งเกิดเรื่องเมื่อวานที่คนของมินตราเข้ามาใกล้ได้โดยไม่รู้ตัว เขายิ่งไม่อาจปล่อยให้คนสำคัญหายไปจากสายตา

“เดี๋ยวแขกจะเริ่มมากันแล้ว เราไปกันดีกว่า” ภีมภัทรบอกคนข้างกายขณะเดินไปประจำที่เพื่อเข็นรถให้ เขาไม่ลืมหันไปกวักมือเรียกให้คนงานรีบเอาดอกไม้มาเติมในจุดที่ถูกดึงไปเมื่อครู่ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงหมุนตัวพาจักรพรรดิออกไปจากบริเวณนั้น

“แบบนี้ก็ต้องรอมาเปลี่ยนดอกไม้ช่วงบ่ายอีกใช่ไหม”

“ไม่ต้องแล้วครับ เพราะเราต้องเตรียมตัวมางานด้วย ช่วงบ่ายแค่ให้คนเอาซุ้มที่จัดไว้แล้วมาวางเพิ่มเท่านั้นเอง” ภีมภัทรอธิบายให้คนขี้สงสัยฟัง การมาที่นี่ของเขาจุดประสงค์หลักคือมาเพื่อร่วมงานแทนพ่ออยู่แล้ว แต่พอเห็นว่าเจ้าสัวพิทักษ์จ้างให้จัดดอกไม้ในงานให้ด้วย พ่อจึงถือโอกาสให้เขามาดูความเรียบร้อยไปในตัว ตนเองจะได้จัดการงานที่รีสอร์ทต่อ

“อืม...แล้วจะทำอะไรระหว่างรอเวลา”

“กลับห้อง”

“หือ…” จักรพรรดิเงยหน้ามองคนพูดด้วยความแปลกใจ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องพาเที่ยวเสียอีก

“ภีมรู้ว่าเมื่อคืนพี่จักรแทบไม่ได้นอน กลับไปนอนที่ห้องกันนะ”

เพราะรู้ดีว่าพี่จักรต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องแม่จนนอนไม่หลับ เขาจึงแอบจ้องมองใบหน้าเคร่งเครียดนั้นทั้งคืน ถ้าเป็นปกติคงโดนรู้ทันและโดนไล่ให้ไปนอนแต่แรก แต่ครั้งนี้พี่จักรไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามองอยู่ ภีมภัทรจำได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปกลางคันเลยไม่รู้ว่าคนข้างๆ นอนตอนไหน แต่ถ้าให้เดา...บางทีอาจจะไม่ได้นอนเลย

“รู้ดีจริงๆ” คนฟังพูดด้วยน้ำเสียงขบขันโดยไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีนั้น เพราะจะว่าไปเขาเองก็ล้าอยู่เหมือนกันหลังจากนอนคิดมากมาทั้งคืน กว่าจะได้พักสายตาก็ช่วงเช้าแล้ว

สองหนุ่มเดินทางกลับไปถึงที่พักในช่วงเก้าโมง หากเป็นเมื่อก่อนสมัยที่ยังทำงานอยู่ที่ฝรั่งเศส ต่อให้อดหลับอดนอนสองหรือสามวันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา จักรพรรดิแทบไม่เคยแสดงออกถึงอาการอ่อนล้าเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อกลับมาที่นี่และได้มาอยู่กับภีมภัทร ตารางชีวิตก็ถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว สุดท้ายจึงกลายเป็นความเคยชินที่ต้องเข้านอนหรือกินข้าวตรงเวลาพร้อมกับอีกคน

“ต้องให้ภีมกล่อมไหมถึงจะยอมนอน”

ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงแข็งๆ จากคนที่กอดอกจ้องเขาอยู่ข้างเตียง อยากถามเหลือเกินว่าใครจะหลับลงถ้าโดนจ้องตาเขม็งแบบนี้

“ไม่ต้องกล่อม” เขาตอบ “แต่มาอยู่ตรงนี้”

คนพูดใช้จังหวะที่ภีมภัทรงงพยุงตัวท่อนบนขึ้นไปกระแชกแขนที่กำลังกอดอกนั้นจนร่างโปร่งเอนล้มลงมาตามแรง จักรพรรดิใช้แรงที่ขาไม่ได้ เขาจึงใช้แขนรวบกอดเอวบางเอาไว้แน่น โชคดีที่คนโดนกอดไม่คิดต่อต้านเพราะกลัวเขาเจ็บอยู่แล้ว ร่างสองร่างจึงกอดกันแนบแน่นอยู่แบบนั้น แม้ฝ่ายหนึ่งจะนิ่งสนิทเพราะใจเต้นแรงจนแทบระเบิดไปแล้วก็ตาม

“รอให้พี่หลับค่อยไปนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูแดงเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบหายไป

ผ่านไปไม่นานนักคนที่เกือบระเบิดตายจึงกลับมาหายใจสะดวกอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอของคนข้างกาย อ้อมแขนที่กอดรัดเขาไว้คลายออกเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตให้ลุกออกไป แล้วภีมภัทรก็รีบคว้าโอกาสนั้นไว้โดยการขยับถอยหลังจนหลุดออกจากวงแขนแกร่งในที่สุด

ไม่ใช่ไม่อยากกอด...แต่หัวใจทำงานหนักเกินไปจนกลัวจะรับไม่ไหว

เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง ช่วยหันไปจัดท่านอนของพี่จักรให้สบายตัวมากขึ้นแล้วปิดท้ายด้วยการห่มผ้าให้ เรียบร้อยแล้วถึงมีโอกาสได้หายใจเข้าออกรัวๆ เพื่อตั้งสติ

“เกือบตายแล้วไง...”

คว้ากันเข้าไปกอดไม่ให้ตั้งตัวแบบนั้น...

รับไม่ไหว ยังไงก็รับไม่ไหวจริงๆ ขืนต้องพูดอะไรตอบกลับไปเขาต้องระเบิดตัวเองตายแน่ๆ

ภีมภัทรรีบเดินออกมานอกห้องนอนเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง หัวใจที่ไม่เคยควบคุมได้เสียทียังคงเต้นกระหน่ำต่อเนื่องราวกับจะทะลุออกมา แม้แต่ใบหน้าก็ยังร้อนไม่หาย ไม่ต้องส่องกระจกยังรู้เลยว่ามันแดงขนาดไหน เขาเดินไปเดินมารอบห้องนั่งเล่นโดยไร้เหตุผล หวังให้อาการทั้งหมดที่มีหายไปเสียที จวบจนเมื่อใจเย็นลงแล้วและกำลังจะนั่งลง...

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำเอาคนที่ยังควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนักสะดุ้งเฮือก ใจที่เพิ่งสงบกลับมาเต้นรัวแรงด้วยความตกใจ ภีมภัทรเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าตัวเองขวัญอ่อนขนาดไหน

“ภีม…”

ช่ายหนุ่มรีบเดินไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นเคยจากทางหน้าห้อง ภาพประมุขในชุดเสื้อผ้าตัวใหญ่แบบแปลกๆ ทำให้เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ถึงได้หัวเราะแห้งๆ ออกมาก่อนจะอธิบาย

“เสื้อผ้าของเกรย์น่ะ”

“แบบนี้นี่เอง” ภีมภัทรลอบยิ้มเมื่อเห็นแก้มคนพูดเปลี่ยนเป็นสีชมพู ตอนแรกเขาก็อยากจะแซวอยู่เหมือนกัน แต่ขืนแซวเมื่อไหร่คงได้โดนคนตัวใหญ่หน้าโหดสองคนที่อยู่ด้านหลังประมุขกระซวกไส้เข้าให้แน่ๆ “เข้ามาก่อนสิ”

“พี่ๆ รออยู่นี่นะ” เมื่อได้ยินนายคนที่สองสั่ง หนุ่มหน้าโหดสองคนจึงพยักหน้าหนักแน่นพลางหันกายออกด้านนอกยืนเฝ้าประตูไว้ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ภีมภัทรไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารีบดึงแขนประมุขให้ตามเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว

“นี่ลงมาชั้นเดียวต้องมีคนตามมาด้วยเหรอ”

“เป็นคำสั่งของเกรย์น่ะ นี่ผมแอบหนีมาตอนเขากำลังอาบน้ำ อีกเดี๋ยวต้องโดนตามเจอแน่” ประมุขหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุกขณะนั่งลงที่โซฟาตามคำเชิญของเพื่อน

“แล้วนี่ทำไมนายถึงมาอยู่กับเกรย์ได้ จำได้ว่าวันนั้นกลับไปพร้อมคนอื่นๆ ไม่ใช่เหรอ”

“เกรย์ไปเจอผมที่สนามบินพอดีเลยลากมาด้วยกันน่ะ ขนาดเสื้อผ้ายังฝากเต้กลับไปหมดแล้วเลย” คนอธิบายทำหน้าหน่ายทั้งที่ปากกำลังยิ้มอยู่ “หยุดพูดเรื่องของผมก่อนนายจะไล่ถามตั้งแต่ต้นดีกว่าภีม”

รู้ทันอีก...

“ที่ผมมาหาเพราะมีเรื่องจะเตือน” ประมุขเริ่มเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น “ผมอาจไม่ฉลาดเท่าเต้ ไม่เก่งเท่าพี่จักร แต่ผมก็ไม่ได้โง่พอจะเชื่อคำพูดของผู้หญิงที่เคยทำร้ายพี่ชายตัวเอง”

“เดี๋ยวก่อนมุข...นายหมายความว่ายังไง” ภีมภัทรทำหน้าตาเคร่งเครียดตามไปด้วย แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่เขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแบบแปลกๆ

“เมื่อเช้าผมออกไปร้านกาแฟพร้อมพี่บอดี้การ์ดสองคนตอนที่เกรย์หลับ ผมให้พวกพี่ยื่นรออยู่หน้าร้าน ส่วนตัวเองเข้าไปด้านในคนเดียว...และผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่น”

“…” คนฟังสูดหายใจเข้าจนสุดเมื่อเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างได้

“ผู้หญิงคนนั้นกระซิบบอกผมว่า...ถ้าพี่จักรทำให้เกรย์เลิกยุ่งกับเธอได้ เธอจะคืนฐานะให้เขา”

“ผู้หญิงคนนั้น...”

“ใช่แล้วภีม” ประมุขพยักหน้า “แม่ของผมกับพี่จักร...เธอมาที่นี่แล้ว”

ภีมภัทรใจกระตุก เขาไม่ได้กังวลว่าพี่จักรของตนจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับมารดาหรือจะอยากรับข้อเสนอนั้นหรือไม่ แต่สิ่งที่เขากังวลคือเรื่องความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายต่างหาก

แค่ยามพูดถึงพี่จักรยังมีอาการขนาดนั้น...แล้วหากต้องเจอหน้าขึ้นมา เขาไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไง

“แม่ของมุขรู้เรื่องมุขกับ...”

ไม่ต้องรอให้พูดจบประมุขก็ส่ายหน้าในทันที เขายกยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทีเป็นห่วงของเพื่อนอายุมากกว่า อดคิดไม่ได้ว่าคนคนนี้เหมาะสมกับพี่จักรมากจริงๆ

“ไม่รู้หรอก...เกรย์ไม่ใช่คนธรรมดา การที่ใครสักคนจะได้เจอตัวเขาตรงๆ เป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศัตรูที่เขาคิดจะกำจัดทิ้ง”

“เขาเป็นศัตรูกับแม่มุขเหรอ”

“แม่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอกภีม พอไม่มีพี่จักรหรือพ่อเลี้ยงของพี่คอยดูแล บริษัทนั้นก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ เกรย์อาศัยช่องว่างจากความอ่อนแอของแม่ทำลายบริษัทนั้นทีละนิดๆ จนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความเห็นใจมารดาแท้ๆ ของตัวเอง “พี่จักรไม่ได้ขอให้เกรย์ทำเรื่องนี้ พี่แค่ขอให้เกรย์รวบรวมข้อมูลให้ ถึงอย่างนั้นพี่ก็ไม่ได้ห้ามเมื่อรู้ว่าเกรย์กำลังทำอะไรอยู่ดี ผมเลยไม่แน่ใจว่าถ้าพี่ห้ามเกรย์จะยอมหยุดไหม”

“แต่ถ้ามุขห้ามก็เป็นอีกเรื่องสินะ” ภีมภัทรหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเพื่อน

“ก็…ไม่รู้สิ เพราะผมไม่เคยคิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว”

ไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้อยากช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้เจอกันวันนี้เขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแม่แท้ๆ ของตัวเองหน้าตาเป็นยังไง แต่ก็น่าแปลกเหมือนกัน...เพราะทันทีที่สบตาก็รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ในทันที

สายใยระหว่างแม่ลูกงั้นเหรอ...ของแบบนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

การที่ต้องเห็นพี่ชายคนรองโดนทำร้ายเพื่อช่วยเขาและเห็นพี่ชายคนโตโดนลากตัวไปแทนเขา...บาดแผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านั้นมันไม่สามารถลบเลือนได้ด้วยคำว่าแม่ลูกหรอก

“แล้วทำไมเกรย์ถึงทำแบบนั้นล่ะ”

“สนุกไง” ประมุขยิ้มจาง “ที่ทำ...ก็เพราะสนุก”

เกรย์เป็นคนน่ากลัว เป็นผู้ชายที่สามารถทำได้ทุกอย่างหากต้องการทำ ใจหนึ่งอาจทำเพื่อเพื่อนอย่างแท้จริง แต่อีกใจคนคนนั้นก็แค่ต้องการเล่นสนุกโดยการไล่ต้อนมดแมลงตัวน้อยๆ ให้จนมุมแล้วค่อยบดขยี้ในคราวเดียวก็เท่านั้น

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผล...อาจเป็นเพราะเขาหลับฝันร้ายและเผลอเล่าเรื่องราวในวัยเด็กให้คนคนนั้นฟัง แววตาดุดันทรงอำนาจคู่นั้นที่ฉายให้เห็น พร้อมกับที่อีกฝ่ายสัญญาว่าจะเอาคืนให้อย่างสาสม มันเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เกรย์ทำทั้งหมด นอกจากเพื่อช่วยพี่จักรและทำเพราะสนุก อีกเหตุผล...คือเพื่อใคร

“น่ากลัวจังนะ” ภีมภัทรพึมพำเบาๆ

“น่ากลัวสิ แต่เขาเป็นพวกเรา เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”

“อืม” คนฟังเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น

“ที่ผมมาหาก็เพราะอยากเตือนให้ภีมรู้ว่าแม่มาถึงที่นี่แล้ว ผมอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าภีมต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกผมได้เสมอนะ”

“ขอบคุณนะมุข”

ถึงประมุขจะกลับไปนานแล้ว แต่ร่างโปร่งของคนคิดมากก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนแม้แต่นิดเดียว คนที่แอบเฝ้าอยู่ตรงขอบประตูมาเนิ่นนานจึงตัดสินใจเปิดเผยตนเองโดยการเข็นรถออกมาหาในที่สุด จักรพรรดิตรงเข้าไปกุมมือเรียวไว้ขณะใช้มืออีกข้างเชยคางมนให้เงยขึ้นมองหน้าเขา

“พี่จักรได้ยินใช่ไหม”

“อืม”

“คิดมากหรือเปล่า”

“ไม่”

ดวงตาขุ่นมัวของคนถามเริ่มเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย

“ภีมกลัวว่าพี่จะโมโหจนควบคุมตัวเองไม่อยู่อีก”

“ถ้าไม่มีภีมอยู่ด้วยก็อาจจะใช่” จักรพรรดิตอบเสียงเรียบ เขาปล่อยให้ภีมภัทรจ้องหน้าจนอีกฝ่ายละสายตาไปเองแล้วจึงพูดต่อ “บางทีการที่มินตรามาที่นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้”

ทุกอย่างจะได้จบเสียที...

“ถ้าพี่จักรยังไม่อยากเจอเธอ...พอจบงานเรารีบกลับเหนือกันดีไหม ภีมเชื่อว่าพ่อจะเข้าใจ” คนพูดกุมมือใหญ่ไว้แน่น ทั้งหน้าตาและเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน แต่จักรพรรดิกลับส่ายหน้า แววตาอ่อนโยนทอดมองคนตัวเล็กกว่านิ่งงัน

“พี่พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น แล้วอีกอย่าง...”

“…”

“ถ้าเป็นหลังงานจบน่ะ...ไม่ทันหรอก”








ภีมภัทรยังคงไม่เข้าใจว่าประโยคสุดท้ายที่จักรพรรดิพูดหมายถึงอะไร จวบจนได้มาที่งานแต่งและเห็นชื่อของผู้ที่ลงนามในสมุดอวยพรก่อนหน้าเขาสองชื่อ

มินตรา...

บางทีอาจจะเป็นคนละคน อาจจะมีคนชื่อมินตรามางานนี้เฉยๆ

“ลายเซ็นของมินตราจริงๆ”

เมื่อได้ยินคนบนวีลแชร์พูดแบบนั้น ภีมภัทรก็ไม่รู้จะหลอกตัวเองอย่างไรอีก ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าจนสุดเพื่อเรียกสติพร้อมบอกตัวเองในใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็จะอยู่เคียงข้างพี่จักรไม่หายไปไหนแน่นอน

“พี่จักรรู้ได้ยังไงว่าเธอจะมา” เขาลองถามเรื่องที่สงสัยในระหว่างที่กำลังเข็นรถผ่านเข้าไปด้านใน

“เกรย์ส่งข้อความมาบอกพี่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อคืน มุขคงไม่รู้ถึงได้เอามาบอกภีม”

แบบนี้นี่เอง...

ภีมภัทรพาจักรพรรดิเข้าไปทักทายเจ้าสัวพิทักษ์เพียงครู่เดียวเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาเป็นตัวแทนจากวิบูลย์ หลังจากปลีกตัวออกมาได้แล้วสองหนุ่มจึงพากันเดินไปอยู่ติดหาด จุดที่ไม่ค่อยมีคนนัก โชคดีที่นอกจากตอนเข้างานมาและโดนจับจ้องเพราะความดูดีของทั้งคู่แล้วทุกฝ่ายต่างแยกย้ายกันตักอาหารจนไม่มีใครให้ความสนใจกับพวกเขาอีก

“กังวลอะไร” จักรพรรดิเปิดบทสนทนาก่อนทั้งที่ยังหันหน้าเข้าหาทะเล ไม่ต้องมองไปด้านหลังเขาก็รู้ว่าภีมภัทรยังคงมองไปรอบๆ อย่างเป็นกังวลเหมือนที่ทำมาตลอดตั้งแต่เข้างาน

“เปล่าครับ”

“อย่าโกหกพี่”

คนฟังทำหน้ายู่ยี่เหมือนจะพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งเมื่อโดนรู้ทัน ขนาดไม่หันมาเขายังโดนจับได้ แล้วจะปฏิเสธอะไรได้อีกนอกจากพูดออกไปตามตรง

“แม่พี่อยู่ที่นี่...”

“ภีมไม่ต้องมองหาหรอก” เขาบอก หูแว่วเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ “เดี๋ยวเขาก็มาหาเอง”

เสียงฝีเท้าหยุดลงเมื่อใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ด้านข้าง ห่างจากวีลแชร์ของเขาออกไปสี่ถึงห้าก้าว เธอคนนั้นหันหน้ามองไปทางทะเล ร่างบอบบางทิ้งช่วงไกลจากบอดี้การ์ดสี่คนด้านหลังพอสมควรราวกับเธอกำลังต้องการเวลาส่วนตัว ภีมภัทรไม่ต้องถามก็รู้ว่าผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยคนนั้นคือใคร น่าแปลกที่เขาไม่ได้ตื่นเต้นหรือตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก กลับกัน...ยามเมื่อเห็นว่าจักรพรรดิสงบนิ่งแค่ไหน ใจเขาก็สงบตามไปด้วย

บรรยากาศที่ดูกดดันขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ผู้ที่มีอารมณ์ไม่มั่นคงหมดความอดทนได้ไม่ยาก แต่นั่นไม่ใช่กับจักรพรรดิ...

“ไม่คิดจะทักทายแม่แท้ๆ เลยหรือไง”

“…”

มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นสิ่งตอบรับคำถามจากปากของหญิงสาวที่ใครต่างก้มหัวให้ และสุดท้ายเธอก็ทนสร้างภาพไม่ไหวอีกต่อไป

“คิง!”

“ไม่เห็นรู้ว่าคุยด้วย”

หรือหากพูดง่ายๆ คำว่าแม่แท้ๆ นั่น...เขาไม่รับ

รังเกียจแม้แต่ชื่อคิงที่อีกฝ่ายมอบให้ยามเดินทางไปถึงฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ โชคร้ายจริงๆ ที่คนแทบทุกคนแม้แต่เกรย์ต่างรู้จักเขาในชื่อนั้น มิฉะนั้นจักรพรรดิคงจะละทิ้งแม้แต่ชื่อเล่นจากคนที่แสนเกลียดชัง

“คิดว่าแยกตัวมาแล้วจะปีกกล้าขาแข็งได้งั้นหรือไง” สาวสวยว่าพลางหันหน้าเดินมาหา รอยยิ้มบิดเบี้ยวน่ากลัวปรากฏขึ้นเมื่อสายตาเหลือบเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังลูกชายแท้ๆ “หรือเพราะคิดว่ามีใครอยู่ด้วยแล้วถึงได้กล้าพูดจาแบบนั้นกับแม่ จำไม่ได้หรือไงว่าเคยโดนอะไรไปบ้าง”

คนฟังไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง ดวงตาคมจับจ้องไปยังทะเลมืดมิด แม้ยามเอ่ยปากพูดประโยคต่อไปเขาก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า...อย่าพูดเหมือนผมกลัวคุณไปหน่อยเลย คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าเหตุผลที่ทำให้ผมยอมลงจากบัลลังก์ ยอมกลับมาที่นี่ หรือแม้แต่ยอมให้คุณครอบครองทุกๆ อย่างของพ่อเลี้ยง ทั้งหมดมันไม่ใช่เพราะผมกลัวหรือต้องการทำตามคำสั่ง แต่เป็นเพราะผมรับตัวเองไม่ได้”

เขาปูทางทั้งหมดเพื่อตัวเอง ทำเหมือนยอมฟังคำพูดไร้สาระของมินตราทั้งที่ไม่ได้สนใจก็เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้มีพิษมีภัย ที่ยังยอมให้แหกปากพูดทั้งที่จะเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งหมดนั่นก็เพราะเห็นว่าพ่อเลี้ยงยังต้องการเธอ แต่เมื่อเสียขาทั้งสองข้าง ไม่สามารถกลับไปเดินได้ทั้งที่ลองทำกายภาพแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาสติแตก เมื่อประกอบกับการที่ผู้หญิงซึ่งเคยดึงตัวไปเป็นหุ่นเชิดกลับมาพูดใส่หน้าว่าหมดประโยชน์ เขาก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่อยู่ สุดท้ายจึงยอมทิ้งทุกอย่างเพราะอับอายขายขี้หน้า ชิงชังสภาพน่ารังเกียจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งยังดูถูกและตราหน้าตัวเองว่าไร้ประโยชน์ตามไปอีก

“เลิกพูดเรื่องเก่าๆ กันดีกว่าไหมคิง” คนฟังกัดฟันกรอดเมื่อรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงดูถูกดูแคลนที่แฝงมากับประโยคยาวๆ นั่น

“ก็ดีเหมือนกัน” จักรพรรดิหันหน้าไปมองคนด้านหลังเล็กน้อยเป็นเชิงเตือน เพียงเท่านั้นภีมภัทรก็หมุนรถวีลแชร์ของเขาให้หันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวในทันที “ผมเองก็เบื่อหน้ากากนั่นเต็มทน”

“หึ” เธอเหยียดยิ้มร้ายราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่จักรพรรดิพูด แต่กลับปลายตามองไปยังร่างสูงโปร่งด้านหลังเขาที่ยืนเงียบมาโดยตลอดแทน “จะไม่แนะนำคนด้านหลังให้แม่รู้จักหน่อยเหรอ”

“ไม่จำเป็น” จักรพรรดิตอบเสียงห้วน

“แม่ไม่คิดเลยว่าลูกจะวิป...”

“หุบปาก” ถ้อยคำหนักแน่นกับแววตาคมกริบฆ่าคนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียบเฉย แม้แต่มินตราที่เป็นต้นเหตุยังสะดุ้งน้อยๆ ยามสบกับดวงตาคู่นั้น “พูดธุระของคุณมา”

เจ้าของร่างแบบบางกุมมือตัวเองแน่นขณะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับมา เธอเกลียดที่ลูกชายคนนี้คัดลอกเอานิสัยมาจากสามีใหม่ของเธอเกือบทั้งหมด เกลียดที่อำนาจของคนทั้งคู่ยังข่มเธอได้ แม้ในยามนี้คนหนึ่งจะตายไปแล้ว ส่วนอีกคนเป็นเพียงคนพิการก็ตาม

“บอกเกรย์...เพื่อนที่ลูกแอบคบหามาโดยตลอดให้เลิกยุ่งกับบริษัทของแม่ซะ และหลักฐานที่เขาส่งมาข่มขู่แม่ บอกให้เขาลบทิ้งแล้วแม่จะยอมให้เงินให้อำนาจกับลูกเหมือนเดิม”

“หึ…” ทันทีที่ฟังจบเสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้น ทั้งมันยังดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงหัวเราะที่น่าหวาดกลัวในที่สุด “ที่แท้ก็มาพูดเรื่องนี้”

“หัวเราะอะไร” มินตรากัดฟันกรอด เธอคิดมาดีแล้วว่ายังไงคนรักอำนาจแบบจักรพรรดิก็ต้องรับข้อเสนอแน่ๆ แล้วทำไมถึงกลายเป็นโดนมองแบบนั้นไปได้

“เก็บข้อเสนอทุเรศๆ ของคุณเอาไว้แล้วฟังสิ่งที่ผมจะพูดให้ดี”

“…”

“ถอนคนออกไปซะ เลิกยุ่งกับผมแล้วผมจะเลิกทำลายคุณ อย่างน้อยก็จะไม่เปิดโปงเรื่องผิดกฎหมายของคุณกับเพื่อน ส่วนเรื่องบริษัทที่เกรย์กำลังทำ ถ้าเบื่อ...เดี๋ยวมันก็เลิกไปเอง”

ชื่อที่ได้ยินทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน เธอรู้แต่แรกแล้วว่าเด็กนั่นจะต้องนำปัญหามาให้ เธอถึงสั่งลูกชายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะยังแอบคบหาเป็นเพื่อนกันโดยไม่ให้เธอรู้ ทั้งยังคบมานานถึงสิบปี!

เธอรู้ว่าลูกท่านทูตต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพยายามทำลายบริษัทของเธอ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรื่องผิดกฎหมายที่เธอทำกับเพื่อนเองก็มีคนล่วงรู้เหมือนกัน เพียงแค่หลักฐานที่ลูกท่านทูตส่งมาก็เพียงพอจะทำให้เธอติดคุกไปทั้งชีวิตแล้ว นี่ถ้ายังมีคดีเพิ่มอีก เธอไม่อยากคิดว่าจะเป็นยังไง

ไม่ได้...

ไม่ได้เด็ดขาด...

“แกจะต้องเสียใจ”

ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นร่างบางก็ก้าวเท้าเดินจากไปพร้อมบอดี้การ์ดทั้งสี่ เหลือคนสองคนทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง

“พี่จักร...”

ภีมภัทรอาจจะคิดว่าพี่จักรไร้ความรู้สึกไปแล้ว หากเขาไม่เหลือบไปเห็นมือใหญ่ซึ่งกำที่วางแขนของรถวีลแชร์เอาไว้แน่นเสียก่อน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อไม่ใช่เรื่องที่ตนควรยุ่ง คิดได้ดังนั้นเขาจึงวางมือลงบนไหล่กว้างเบาๆ เพื่อบอกให้รู้ว่ายังมีคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนี้ และเหมือนความรู้สึกนั้นจะส่งไปถึงในที่สุด เมื่อฝ่ามือแกร่งยกขึ้นมาวางทาบทับมือเขาแล้วจับไว้แน่น

“พี่คิดดีแล้ว” จักรพรรดิพูดขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้คนด้านหลังถามจบประโยค

เขาใช้เวลาทั้งคืนเพื่อทบทวนความรู้สึกและตอบคำถามที่ค้างคาใจตัวเอง นึกย้อนไปถึงวันที่มินตราพูดว่าเขาไร้ประโยชน์ ย้อนกลับไปถึงวันเวลาที่เคยวางแผนเพื่อควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรไป และเพราะอะไรถึงยังไม่อยากกำจัดมินตราทิ้งไปกันแน่

“นอกจากช่วงเวลาที่เคยโดนทำร้ายตอนเด็กๆ และนึกเกลียดแม่ขึ้นมา พอโตขึ้นมาพี่ก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูอีก พี่มองเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ไปวันๆ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่พอเกิดอุบัติเหตุและโดนตอกย้ำว่าเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ประโยชน์ ความเกลียดชังนั้นมันก็พุ่งกลับเข้ามาในใจอีกครั้ง มันคอยบอกพี่ซ้ำๆ ว่าตัวเองในวัยเด็กเคยทรมานขนาดไหน”

เพื่อเรียนรู้ทุกอย่าง เพื่อให้เป็นที่หนึ่ง เพื่อให้ได้รับความเอ็นดูจากพ่อเลี้ยง ผู้หญิงคนนั้นทั้งสอนและทำร้ายเขาสารพัด ทั้งให้ความรู้ ทั้งทำให้แข็งแกร่ง ทั้งตบ ทั้งตี ทำให้เขาเจ็บเจียนตายนับครั้งไม่ถ้วน

“พี่เคยเป็นคนรักอำนาจ พยายามควบคุมทุกอย่างไว้ในสองมือ ใครจะเป็นอะไรก็ไม่สน ขอแค่ตัวเองยังอยู่บนจุดสูงสุดก็พอ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มเมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งอำนาจเหล่านั้น “แต่พอมาคิดดูแล้ว บางทีการที่พี่เกิดอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะมันทำให้พี่รับตัวเองไม่ได้ ทำให้พี่ยอมทิ้งอำนาจที่มี และทำให้พี่ได้มาเจอภีม...”

“พี่จักร...” คนฟังเม้มปากแน่น ดวงตาคู่สวยสั่นสะท้านยามเห็นว่าดวงตาของคนที่หันหน้ามาหาฉายแววมั่นคงเพียงใด

“เหตุผลที่พี่ลังเลกับการจัดการมินตรา เป็นเพราะในใจพี่รู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำให้พี่เกิดมา และบางทีถ้าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น พี่อาจจะยังหลงอยู่ในวังวนแห่งอำนาจและเงินตราที่ผู้หญิงคนนั้นพาพี่ปีนขึ้นไปหาก็ได้”

ถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะยอมให้เธอนั่งอยู่ในตำแหน่งของคนที่ช่วยเหลือเขา คนที่ทำให้เขาแกร่งพอจะยืนอยู่บนจุดนั้นได้ และอาจจะลืมความเลวร้ายในวัยเด็กไปจนหมด คิดดูแล้วอาจถึงขั้นยอมรับธุรกิจผิดกฎหมายที่เธอแอบทำลับหลังพ่อเลี้ยงเพราะโดนเงินตราและอำนาจที่เคยคิดว่าดีบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมดก็ได้

แต่ตอนนี้มันต่างไปแล้ว...

เขาไม่สนใจของพวกนั้นที่เคยได้ครอบครองมาแล้วครั้งหนึ่ง...

จริงอยู่ที่เขาให้โอกาส คิดเสียว่าทดแทนบุญคุณที่ทำให้เกิดมา ทดแทนบุญคุณที่เกือบจะทำให้เขากลายเป็นคนเลวที่มีทั้งเงินและอำนาจ รวมถึงทดแทนบุญคุณ...ที่ทำให้เขาได้กลับมาเจอ ‘หัวใจ’ อีกครั้ง แต่ว่า...

“แต่ถ้าหากเธอไม่ยอมรับฟัง ไม่ยอมทำตาม...”

“…”

“ถ้าเธอแตะต้องภีมแม้แต่นิดเดียว” 

“…”

“ถึงเวลานั้นพี่จะผลักเธอลงเหวด้วยตัวเอง และต่อให้เป็นแม่...ก็จะไม่มีโอกาสได้ปีนขึ้นมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป”


————————





ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #136 เมื่อ16-05-2018 19:31:32 »

มินตราเป็นแม่ที่น่ารังเกียจมาก สงสารพี่จักร โดนกระทำ โดนกดดันมาแต่เด็ก  :hao5:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #137 เมื่อ16-05-2018 19:54:56 »

น่าจับมานั่งรถเข็นแทนจักรเสียจริงๆ  :katai1:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #138 เมื่อ17-05-2018 06:50:03 »

พี่จักรสุดยอดด o13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #139 เมื่อ18-05-2018 14:34:16 »

พี่จักรจะโหดละนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
« ตอบ #139 เมื่อ: 18-05-2018 14:34:16 »





ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #140 เมื่อ18-05-2018 17:28:32 »

พี่จักรหายเร็วๆนะ มาเอาคืนแม่  :beat:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[14]==[P.5]== [16/05/61]
«ตอบ #141 เมื่อ18-05-2018 18:12:56 »

-15-


 นับจากวันที่ได้เจอมารดาของจักรพรรดิที่งานแต่งงานทางภาคใต้ก็ผ่านพ้นมากว่าสองอาทิตย์แล้ว ภีมภัทรรู้สึกว่าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่จักรดูจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม แม้แต่วิทยายังเอ่ยปากกระซิบถามเขาว่ามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือเปล่าเสียด้วยซ้ำ ขนาดคนรอบข้างที่ไม่ได้เจอกันบ่อยยังรู้ แล้วมีหรือที่ภีมภัทรจะไม่รู้ เขาไม่แน่ใจนักว่าสาเหตุของรอยยิ้มที่มากผิดปกตินั้นมาจากการที่ได้พูดคุยกับมารดาอย่างตรงไปตรงมาจนสามารถตอบคำถามในใจของตัวเองได้หมดแบบที่บอกเขา หรือมาจากสุขภาพดีวันดีคืนของพี่จักรที่บัดนี้สามารถขยับข้อเท้าและงอขาได้มากกว่าเดิมแล้วกันแน่

“พี่เริ่มมีความรู้สึกที่ขาแล้ว” คนป่วยที่กำลังพยายามงอข้อเท้าของตนเองยิ้มกว้างด้วยความดีใจจนคนมองต้องยิ้มตามไปด้วย แม้จักรพรรดิจะยังไม่ได้มีเรี่ยวแรงที่ขามากนักจนสามารถยืนหรือขยับขาไกลๆ ได้ แต่การตอบสนองที่มากกว่าเดิมก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี

“วิทย์บอกว่าจะให้พี่ลองทรงตัวด้วยตัวเอง” ภีมภัทรหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นคนหน้ายิ้มหันมามองแล้วเบิกตาน้อยๆ เหมือนจะถามว่าจริงเหรอ “ถึงต้องใช้เครื่องช่วยจับแล้วก็ต้องมีคนคอยประคองอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ต้องอาศัยแรงแขนของพี่แทบทั้งหมด คราวนี้ภีมว่าต้องคืบหน้าไวกว่าเดิมแน่”

“เราไปโรงพยาบาลเลยไหม”

“พี่จักรรีบเหรอ” เขาหันหน้าไปมองนาฬิกาแล้วส่ายหน้าขำๆ “เพิ่งจะเจ็ดโมงเองนะ”

“พี่อยากลองทรงตัวแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของอีกฝ่าย ภีมภัทรทำได้เพียงส่ายหน้าขณะเดินไปเก็บข้าวของจำเป็นแล้วมาช่วยเข็นรถพาพี่จักรของตัวเองเดินทางไปยังจุดหมายที่ต้องการ โรงพยาบาลในแผนกกายภาพบำบัดที่ภีมภัทรมาบ่อยจนชินมีที่ให้นั่งรออยู่หลายจุด และเนื่องจากนักกายภาพบำบัดจะมาเข้าเวรไม่พร้อมกัน เขาจึงจำเป็นต้องรอจนกว่าวิทยาจะมาถึง อดคิดไม่ได้ว่าแล้วแบบนี้จะมาให้ไวขึ้นเพื่ออะไรในเมื่อต้องรออยู่ดี ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าพี่จักรอาจจะเบื่อ แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวเอาแต่นั่งออกกำลังกายอย่างขยันขันแข็งเหมือนกำลังเตรียมพร้อมเพื่อลองทรงตัวเสียอย่างนั้น

“อย่าหักโหมมากนะครับ” ภีมภัทรเอ่ยเตือนเพราะตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา นอกจากเวลากินข้าวแล้วก็ยังไม่เห็นจักรพรรดิหยุดพักเลยสักครั้ง

“อือ” คนตัวโตเอนกายพิงพนักตามคำเตือนโดยไม่เถียง ซ้ำยังเงยหน้าหลับตาให้เด็กน้อยเอาผ้าเย็นที่เพิ่งซื้อมาเช็ดหน้าให้อย่างเต็มใจ จำได้ว่าช่วงแรกๆ เจ้าตัวหน้าแดงเป็นแถบตอนมาทำแบบนี้ให้แล้วโดนเขาจ้องตาไม่กะพริบ แปลกตรงที่เวลาโดนคนอื่นมองแล้วหัวเราะคิกคักไม่ยักแสดงอาการอะไร ดูราวกับไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีๆ ที่จักรพรรดิชอบใจมากทีเดียว

เพราะมันหมายความว่าภีมภัทรจะเป็นแบบนี้แค่เฉพาะกับเขาเท่านั้น...

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมานักกายภาพบำบัดวิทยาก็เดินทางมาถึง ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกตากว้างจนแทบถลนเมื่อเห็นว่ามีใครนั่งรออยู่  กว่าจะหยุดขอโทษขอโพยจนแทบจะก้มลงไปกราบจักรพรรดิได้ ภีมภัทรต้องใช้แรงเกือบทั้งหมดในการรั้งตัวเพื่อนสนิทไว้ เขาก็รู้อยู่หรอกว่าเพื่อนเกรงใจจักรพรรดิมาก คิดว่าระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาจะทำให้มันชินกว่าเดิม กลายเป็นอาการแย่ลงไปอีก เพราะมันดันไปหลงท่าทีสุขุมจริงจังน่ากลัวเหมือนราชาของคนไข้ในความดูแลเข้าเต็มเปา เวลานี้พูดว่าบูชาไปแล้วก็คงไม่เกินจริงนัก

“ทำไมมึงพาคุณเขามาไวแล้วไม่บอกกูวะ”

นั่นไง...แล้วมาโทษเขาอีก

“พี่จักรเขาตื่นเต้นที่จะได้ลองทรงตัวยืนเองเลยรีบมารอ กูจะโทรไปเร่งมึงทำไมเล่า” ภีมภัทรผลักไหล่เพื่อนแรงๆ หนึ่งทีเป็นเชิงเตือนให้เลิกบ้า “มึงหยุดพูดแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาช่วยพี่จักรดีกว่าไหม”

“เออใช่...รอสักครู่นะครับคุณจักรพรรดิ”

ดูมันพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วยังมีหน้ามาว่าเขาอีก...

“เพื่อนภีมนี่...”

“พี่จักรจะบอกว่ามันบ้าก็พูดออกมาตรงๆ เลย ภีมเห็นด้วย” ภีมภัทรหัวเราะขบขันโดยไม่คิดปิดบังจนคนมองเผยรอยยิ้มเอ็นดูตามไปด้วย จักรพรรดิยกมือขึ้นลูบแก้มขาวที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะแรงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอนมือออกมาเข็นรถไปรอตรงจุดทำกายภาพด้วยตัวเอง ทิ้งให้คนหน้าบานยืนลูบแก้มอยู่แบบนั้นคนเดียว

วิทยายังคงเริ่มต้นการทำกายภาพด้วยการออกกำลังให้ยกขาและเกร็งกล้ามเนื้อตามเหมือนทุกครั้ง ซึ่งจักรพรรดิก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแม้เขาจะอยากข้ามขั้นไปเกาะราวทรงตัวแล้วก็ตาม จวบจนเมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงนักกายภาพบำบัดหนุ่มถึงได้พาคนไข้ในความดูแลไปที่จุดทำกายภาพจุดใหม่ซึ่งพวกเขาเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

บริเวณนั้นมีทั้งราวทรงตัวที่ติดอยู่กับพื้นยาวหลายเมตร รวมถึงมีวอคเกอร์ที่คนป่วยเอาแต่จ้องมองตาไม่กะพริบตั้งอยู่ด้วย ภีมภัทรแค่หันไปมองตามก็รับรู้ได้ในทันทีว่าพี่จักรคงอยากใช้เจ้าเครื่องมือช่วยเดินนั่นเต็มทน แต่เพราะเขายังใช้มันไม่ได้จึงทำได้เพียงมองอยู่อย่างนี้

“เดี๋ยวผมจะช่วยพยุงคุณขึ้นนะครับ จากนั้นให้คุณใช้แรงตัวเองจับราวไว้ ทิ้งน้ำหนักไปที่มือกับลำตัวช่วงบนให้ได้มากที่สุดเพื่อทรงตัวให้อยู่ ส่วนขาให้ค่อยๆ เอาแตะติดพื้น ยังไม่ต้องถึงขั้นเดิน ถ้าคิดว่าไม่ไหวให้บอกได้ทันที อย่าฝืนมากไปจนแขนเจ็บ โอเคนะครับ” วิทยากำชับต่ออีกหลายอย่างเพราะไม่ต้องการให้คนไข้เจ็บเพิ่ม แม้จักรพรรดิจะมีเรี่ยวแรงเยอะจากการออกกำลังกายที่แขนมาตลอดหลายเดือน แต่หากต้องใช้เรี่ยวแรงเพื่อพยุงตัวทั้งหมดโดยไม่ได้ใช้ช่วงล่างช่วยเลยก็อาจทำให้บาดเจ็บได้โดยง่าย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าคนอย่างจักรพรรดิจะยอมบอกว่าไม่ไหวหรือเปล่า ชายหนุ่มจึงใช้วิธีการหันไปหาเพื่อนสนิทแล้วพยักหน้าให้กันเป็นอันรับรู้

“ภีมช่วย” คนที่รู้นิสัยของคนป่วยที่สุดขยับกายเข้ามาใกล้แล้วช่วยพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นจากวีลแชร์โดยไม่ลืมกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน “ห้ามฝืนนะ ถ้าฝืนภีมจะโกรธ”

จักรพรรดิหันขวับไปมองคนพูดก่อนจะขยับยิ้มจางโดยไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่ราวจับซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยตอกย้ำให้เขารู้ว่าอาการของตนดีขึ้นแล้วจริงๆ สัมผัสเย็นเฉียบจากราวช่วยปลุกเร้าความรู้สึกตื่นเต้นในใจได้เป็นอย่างดี เขาปล่อยให้นักกายภาพประจำตัวกับคนสำคัญช่วยกันพยุงตัวไว้ ก่อนจะกำราวในมือแน่นแล้วออกแรงท่อนบนเพื่อเกร็งรับน้ำหนักตัวเอง และยามเมื่อเท้าสั่นเทาทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นจนเต็มฝ่าเท้า ความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานก็กระจายไปทั่วร่าง

มีความรู้สึก..ไม่ได้ชาเหมือนไม่ใช่ขาตัวเองอีกต่อไปแล้ว

วิทยาค่อยๆ ถอนมือที่ช่วยพยุงตัวคนไข้ออกและหันไปส่งสัญญาณให้ภีมภัทรปล่อยมือเช่นเดียวกัน เขามองร่างสูงใหญ่ของคนไข้ในความดูแลด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะยังเดินไม่ได้ แต่คนคนนี้ก็สามารถทรงตัวในท่ายืนจนดูสมกับเป็นราชาได้แล้วจริงๆ

“ภีม…” คนแรกที่จักรพรรดิเรียกหาเมื่อรู้สึกตัวคือคนสำคัญที่สุด เขาหันหน้าไปด้านข้าง มองสบกับดวงตาแวววาวที่ดูดีใจยิ่งกว่าใครแล้วฉีกยิ้มกว้าง “พี่ทรงตัวได้”

“ครับ...ภีมเห็นแล้ว”

พี่จักรตัวสูงกว่าที่ภีมคิดเยอะเลย...

“ทำไมภีมตัวนิดเดียว”

ภีมภัทรตาโตเมื่อโดนสบประมาทตรงๆ เขาไม่ได้สูงเท่าพี่จักรแถมยังตัวบางกว่าก็จริง แต่มันต้องไม่ใช่ตัวนิดเดียวแน่ๆ

“ภีมก็ตัวเท่าๆ กับน้องพี่นั่นล่ะ”

คราวนี้ถึงคราวจักรพรรดิเลิกคิ้วบ้าง ชายหนุ่มที่ยังคงเกร็งตัวจับราวยืนได้โดยไม่สั่นขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อยจนกลายเป็นรอยยิ้ม ขณะสายตากวาดมองขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้าของคนตัวนิดเดียวที่เขาเพิ่งเรียกไป

“ที่พูดนั่น...คิดดีแล้วใช่ไหม”

คนฟังทำหน้าตาไม่เข้าใจขณะคิดว่าตัวเองผิดตรงไหน ฮ่องเต้กับประมุขน้องชายของพี่จักรก็ตัวเท่าๆ กันทั้งคู่ ถึงจะไม่เท่าพี่จักรแต่ก็ไม่ได้เล็กอะไรขนาดนั้น แต่เดี๋ยวนะ...

ทั้งพายุ ทั้งเกรย์ พวกนั้นก็ตัวโตๆ กันหมดเลยนี่นา

“จริงๆ ภีมก็เปรียบเทียบถูกแล้วล่ะ” คนขี้แกล้งยังคงพูดต่อ “ตัวเท่ากัน นิสัยคล้ายกัน แถมยัง ‘สถานะ’ เดียวกันอีก”

“สถานะอะไร”

“ถ้าไม่รู้แล้วจะหน้าแดงทำไม” จักรพรรดิลอบยิ้มเมื่อเห็นคนหน้าแดง เขาหันไปพยักหน้าให้วิทยาเพื่อบอกว่าต้องการพัก เพียงเท่านั้นนักกายภาพประจำตัวก็เข้ามาช่วยพยุงกลับไปนั่งเหมือนเดิมในทันที

“พี่...ไอ้วิทย์! มึงขำอะไร” ภีมภัทรขมวดคิ้วมุ่นยามหันไปสบตาวิบวับเหมือนอยากจะล้อจนเต็มแก่ของเพื่อน

“ให้กูพูดจริงอะ”

“อะไรของมึง”

“ถึงกูจะไม่รู้จักน้องคุณจักรพรรดิ แต่ก็พอจะรู้ว่าคุณเขาน่าจะหมายถึง ‘สถานะเมีย’...ใช่ไหมครับคุณ”

“ไอ้เหี้ยวิทย์!”

“โอ๊ย! อย่าถีบกูนะ ไอ้คนตีนหนัก”

การทำกายภาพยังคงดำเนินต่อไปแม้จะมีใครคนหนึ่งทำหน้าบึ้งเงียบกริบไม่ยอมพูดยอมคุยกับใครก็ตาม วิทยาจนใจจะง้อเพราะนอกจากเพื่อนจะไม่คล้อยตามแล้วมันยังตบหัวเขาหน้าแทบหัน ในขณะที่จักรพรรดิเพียงยิ้งบางอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้ทำอะไร เนื่องจากชอบเวลาเห็นเด็กน้อยงอแง

“ทีนี้คุณลองลงแรงที่เท้ามากขึ้นนะครับ เกร็งขาให้มากกว่าเดิม พยายามใช้แรงที่ขาเพื่อทรงตัวด้วย เอาแค่เท่าที่ไหวก็พอ ถ้าฝึกทำบ่อยๆ ขาจะเริ่มกลับมามีแรงเอง”

แม้อยากทำเป็นไม่สนใจเพียงใด คนขี้เป็นห่วงก็ยังขี้เป็นห่วงอยู่วันยันค่ำ เพียงแค่ได้ยินเสียงวิทยาคอยพูดเตือนให้ใจเย็นๆ ทำช้าๆ อยู่ด้านหลัง ภีมภัทรก็ทนไม่ไหวต้องหันกลับไปมองจนได้ เขาหยิบผ้าอีกผืนที่เตรียมไว้ออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเช็ดเหงื่อให้คนที่กำลังออกแรงจนเกร็งไปทั้งตัวอย่างเบามือ

“พักก่อนครับคุณจักรพรรดิ”

ภีมภัทรช่วยเพื่อนประคองคนป่วยกลับไปนั่งลงบนวีลแชร์เหมือนเดิม จักรพรรดิหอบหายใจหนักด้วยความเหนื่อย หากก็ยังเงยหน้ายิ้มให้คนที่เข้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ตัวเองเป็นการขอบคุณเช่นทุกครั้ง

“ถ้าอยู่ที่บ้านคุณเขาอยากลุกขึ้นมาลองทำแบบนี้ด้วยตัวเองกูก็ไม่ได้ห้าม แต่มึงต้องคอยดูแลแล้วก็ประคองอยู่ข้างๆ ตลอดนะภีม อย่าให้ทำติดต่อกันนานเกินไปด้วย พักคลายเส้นออกกำลังธรรมดาหรือบีบนวดบ้างก็ได้ อย่าให้หักโหมจนเจ็บป่วยล่ะ” วิทยาหันไปเตือนเพื่อนแทนการบอกคนไข้โดยตรง เนื่องจากเขารู้ดีว่าวิธีนี้ได้ผลมากกว่าบอกผ่านจักรพรรดิเยอะ แค่โดนจ้องก็ตัวสั่นแล้ว จะเอาอะไรไปดุถ้าเขาไม่ยอมทำตาม เพราะงั้นให้มนุษย์เมียจัดการไปถูกต้องแล้ว

“เข้าใจแล้ว” เมื่อเป็นเรื่องของสุขภาพภีมภัทรจึงยอมทิ้งอารมณ์บูดๆ ทั้งหมดแล้วตั้งใจฟังแต่โดยดี

“โชคดีจริงๆ ที่คุณเขาไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ คุณแม่ของมีนยังบอกเลยว่านอกจากขาดสารอาหารเพราะทานน้อยในช่วงเดือนแรกแล้ว เขาเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแข็งแรงมากเสียด้วยซ้ำ”

“นั่นสินะ”

ตอนที่เห็นผลตรวจสุขภาพของพี่จักรเขายังจำได้ดีอยู่เลยว่าตัวเองดีใจขนาดไหน เวลาคุณหมอนัดไปคุยแต่ละทีก็มีแต่ชมว่าดูแลตัวเองดีมากจนร่างกายแทบจะสมบูรณ์แล้ว เหลือแค่รอทำกายภาพจนขาหายพี่จักรก็จะกลายเป็นผู้ชายที่แข็งแรงมากๆ คนหนึ่งแน่นอน แถมคุณหมอยังหันมาเล่นงานเขาแทน ทั้งขมวดคิ้วมองสำรวจแล้วพึมพำบอกว่าทำไมอีกคนโตเอาๆ แต่เขายังผอมอยู่เหมือนเดิม กว่าจะหนีออกมาจากห้องตรวจได้ก็เกือบจะโดนลากไปตรวจสุขภาพอยู่เหมือนกัน

“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะไอ้ภีม สวัสดีครับคุณจักรพรรดิ”

“เจอกัน” ภีมภัทรตอบรับพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ ส่วนชายหนุ่มที่กำลังนั่งพักเพียงพยักหน้าส่งๆ เป็นเชิงรับรู้เหมือนทุกครั้ง

เมื่อเหลือกันเพียงลำพังแล้วสองหนุ่มจึงพากันเดินกลับไปที่รถโดยจักรพรรดิคิดว่าจะเข็นวีลแชร์ด้วยตัวเอง แต่เพียงแค่จะเอามือไปจับล้อเข็น มือเรียวขาวของคนด้านหลังก็ฟาดลงมาที่มือเขาดังเพียะ

“ห้ามเข็น พักไปเลย”

แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ

ได้แต่บ่นในใจเพราะปากยังคงมีรอยยิ้มไม่จางหาย เห็นท่าทีเป็นห่วงของเด็กน้อยแล้วจะไม่ยอมได้ยังไงกัน



บ้านเล็กติดเรือนกุหลาบซึ่งกลายมาเป็นบ้านหลักของภีมภัทรและจักรพรรดิมองดูคล้ายเรือนหอหลังน้อยๆ แบบที่เจ้าของสวนนี้เคยเอ่ยแซวลูกชายไม่มีผิด เพราะนับวันข้าวของที่มีชักยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายจะเป็นที่อยู่อาศัยถาวรของทั้งคู่ไปแล้ว อีกทั้งภีมภัทรยังวางแผนจะก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อให้บ้านกว้างขวางกว่าเดิมด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้าของบ้านอีกคนอย่างจักรพรรดิเอ่ยทัดทานไว้ก่อน เห็นทีเดือนหน้าเขาคงได้บ้านหลังโตสมใจอยาก

“ภีมว่าเราต่อเติมบ้านเลยดีกว่านะ อย่างน้อยก็เอาให้มีห้องครัวสักหน่อย...”

ว่างทีไรภีมภัทรเป็นต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเสียทุกครั้งไป ยิ่งยามตื่นมาเช้าๆ แล้วเจ้าตัวเห็นจักรพรรดิออกกำลังกายอยู่บนพื้นที่แคบๆ ข้างเตียงก็ยิ่งคิดเยอะ จะขยับขยายพื้นที่ให้ได้

“เอาไว้ก่อนเถอะ” แล้วก็เป็นจักรพรรดิที่ต้องตอบผลัดวันออกไปแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ทำแต่ไม่อยากให้เด็กน้อยทำเพื่อเขาไปหมดทุกอย่างมากกว่า แล้วนี่ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเขาธรรมดาแต่คิดจะทุ่มเงินเพื่อขยับขยายพื้นที่ให้ อย่างนี้มันออกจะมากเกินไปหน่อย โชคดีที่ภีมภัทรเป็นพวกพูดรู้เรื่อง พอเขาปฏิเสธก็จะพยักหน้าหงึกหงักไม่ดื้อต่อแต่เปลี่ยนเอาไว้อ้อนถามวันอื่นแทน จะเรียกว่าดื้อเงียบก็ไม่ผิดนัก

“พี่จักร...”

ดูมาทำเสียงจริงจังใส่

“เด็กอะไรเปลี่ยนอารมณ์ไวยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้พูดต่อ

“พี่จักรว่า...คุณแม่...หมายถึงคุณมินตราเขาจะยอมทำตามที่พี่บอกไหม”

จักรพรรดิหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินประโยคคำถามเกี่ยวกับคนที่ไม่อยากนึกถึง ใช่ว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาไม่สนใจ แต่เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยคิดมากเขาจึงพยายามไม่พูดถึง ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลนักเมื่อภีมภัทรเอ่ยถามออกมาด้วยตัวเองแบบนี้

“พี่คิดว่าเธอถอนคนออกไปหมดแล้ว เกรย์เองก็ยืนยันแบบนั้น”

“งั้นก็เป็นเรื่องดีสิ” ภีมภัทรยิ้มกว้าง เกือบจะลุกขึ้นยืนแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามีมือใหญ่ๆ ของใครบางคนดึงข้อมือเขาให้กลับลงไปนั่งบนเตียงข้างกันเสียก่อน

“พี่ยังไม่ไว้ใจ” จักรพรรดิกำข้อมือเล็กแน่นขึ้นเล็กน้อย “ยังไงก็ต้องดูไปก่อน พี่เดาไม่ถูกว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่รับข้อเสนอแล้วเธอจะกล้าทำอะไรถึงขั้นไหน”

ขอแค่อย่ามายุ่งเกี่ยวกับภีม...

“พี่จักร คุณมินตราเธอเคย...” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อไม่แน่ใจนักว่าควรถามออกไปดีหรือเปล่า ทว่าเมื่อได้มองสบกับดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นเขาก็ตัดสินใจถามออกไปตามตรง “คุณมินตราเคยทำอะไรพี่เหรอครับ”

นอกจากมาพาตัวพี่ไปจากผม พาพี่ไปจากทุกๆ คน เธอทำอะไรอีก...ทำไมพี่ถึงเปลี่ยนไปขนาดนั้น

ทั้งแววตาเย็นชา ทั้งอารมณ์ร้ายๆ หรือท่าทีห่างเหินแม้แต่กับน้องชายตัวเอง ภีมภัทรยังจำได้ดีว่าภาพที่เขาเห็นในวันแรกที่กลับมาเจอกันอีกครั้งเป็นอย่างไร เขาพยายามห้ามตัวเองมาโดยตลอดไม่ให้ถามคำถามนี้ เพราะคิดว่าอย่างไรพี่จักรของเขาก็กลับมาแล้ว แต่เมื่อได้เจอผู้หญิงคนนั้น ได้เห็นท่าทีทั้งหมดที่พี่จักรมีต่อเธอ เขาเลยนึกอยากให้พี่จักรระบายมันออกมาให้หมด ไม่อยากให้ความปวดร้าวในส่วนลึกนั้นกลับมาทำร้ายผู้ชายคนนี้อีก

“เล่าให้ภีมฟังนะ”

จักรพรรดิมองสบดวงตาคู่สวยที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดึงดูดเขาได้เสมอก่อนจะเสมองไปยังมือเรียวขาวที่กำลังจับมือเขาไว้ เพียงเท่านั้นผู้ที่เคยปิดใจและไม่คิดจะเล่าเรื่องราวเลวร้ายที่ต้องพบเจอให้ใครฟังก็ยอมเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย

“วันที่มินตราพาตัวพี่ไปจากที่นี่ พี่จากไปพร้อมเสื้อผ้าแค่สามชุดที่คว้าติดตัวมาได้..."




ที่ฝรั่งเศสในเวลานั้นติดลบหลายองศา หิมะตกจนเด็กน้อยที่ไม่คุ้นเคยตัวสั่นและรู้สึกแสบผิวไปหมด จักรพรรดิในเวลานั้นเป็นเพียงเด็กน้อยใจดีไร้เดียงสา เขาพยายามทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พยายามยอมรับว่าผู้หญิงที่พาตัวเขามาเป็นแม่ของตัวเอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเมื่อบอกว่าหนาวคือคำพูดสั้นๆ เพียงประโยคเดียว

“ถ้าทนไม่ไหวก็ตายไป ฉันจะได้กลับไปเอาน้องแกมาที่นี่”

เด็กชายตัวน้อยกอดร่างกายตัวเองไว้แน่นเมื่อต้องลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตซึ่งจะกลายเป็นบ้านใหม่ของเขา เด็กชายไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับมันมากนักแม้ว่าภายในจะตกแต่งหรูหราขนาดไหนก็ตาม สายตาของจักรพรรดิมองเพียงมารดาซึ่งกำลังเดินเข้าไปหาชายหนุ่มตัวใหญ่หน้าตาน่ากลัวผู้ที่จะมาเป็น ‘พ่อเลี้ยง’ ของเขาเท่านั้น

“นั่นคือลูกของฉันสินะ”

“ใช่ค่ะ...ลูกของคุณ” มินตราลูบไล้แขนสามีอย่างออดอ้อนและยอมปล่อยเมื่อเขาทำท่าจะเดินเข้าไปหาคนมาใหม่

แววตาน่าหวาดหวั่นและอำนาจมหาศาลของชายหนุ่มทำให้จักรพรรดิตัวสั่นเป็นลูกนก ถึงอย่างนั้นดวงตาคมแต่เด็กก็ยังเงยสบพ่อเลี้ยงอย่างไม่เกรงกลัวตามประสาผู้เป็นพี่ชายคนโต และดูเหมือนมันจะถูกใจเจ้าของบ้านไม่น้อย อีกฝ่ายถึงได้คุกเข่าลงแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ทำตัวเองให้คู่ควรได้เมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเป็นของนาย”

วินาทีนั้นจักรพรรดิเห็นแสงแห่งอำนาจปรากฏในดวงตาของพ่อเลี้ยงราวกับกำลังจะหลอกล่อให้เขาติดกับ ในขณะที่แววตาของมารดามีเพียงความริษยาที่พาดผ่าน





"ภีมว่ามันแปลกไหมที่พี่ลืมเรื่องราวในวัยเด็กของที่นี่ไปจนเกือบหมด แต่กลับยังจำเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ได้แม่นยำ”

“พี่จักร...”

“คงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายจนพี่จำฝังใจ...และที่แย่คือความรู้สึกพวกนั้นมันหยั่งรากไว้ลึกมากเกินกว่าจะถอดถอน”




ครั้งแรกที่โดนลงโทษคือวันต่อมาหลังจากที่ไปถึงฝรั่งเศส วันนั้นมารดามอบชื่อใหม่ให้เขา บอกให้เขาแนะนำตัวกับคนอื่นว่าชื่อคิง ทั้งยังส่งอาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศสมาให้หนึ่งคน

“เรียนเป็นยังไง” ในช่วงเย็น มินตราที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแทนตำแหน่งของสามีที่เดินทางไปต่างประเทศเอ่ยถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่เด็กชายตัวน้อยทำได้เพียงส่ายหัวแล้วตอบกลับไปอย่างไร้เดียงสา

“ยังไม่ค่อยเข้าใจครับ”

“ว่าไงนะ”

“คือผมยังไม่เข้าใจภาษา...”

“นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง!” หญิงสาวตวาดเสียงดังพร้อมทุบมือลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเด็กชายสะดุ้ง “มาท่องตัวหนังสือให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”

“คะ…คือ…"

“แมรี่! พามันไปขังไว้ ไม่ต้องให้กินข้าวกินน้ำจนกว่าจะท่องหนังสือได้”

“แม่...แม่ครับ”

วันนั้นเด็กชายจักรพรรดิได้สัมผัสกับความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก เขาตัวสั่น แขนกอดผ้าห่มผืนบางนอนขดอยู่ในห้องคนเดียวทั้งคืน และทุกทุกวันหลังจากนั้นก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น

“โง่! แค่นี้ทำผิดได้ยังไง!”

“โอ๊ย! อย่าตี ผมเจ็บ...ฮึก”

กี่ครั้งที่ไม้ด้ามยาวฟาดลงมาบนแผ่นหลังก่อนจะถูกคนงานในบ้านเอายามาทาให้จนหายดี

“ทำไมแกไม่ได้คะแนนเต็ม!”

“ตะ...แต่ผมได้ที่หนึ่งนะครับ”

กี่ครั้งที่โดนด่าเพราะทำคะแนนไม่ได้ตามที่อีกฝ่ายคาดหวัง

“เอามันไปขังไว้ ไม่ต้องให้ข้าวให้อาหาร ใครขัดคำสั่งฉันเตรียมไปหางานใหม่ได้เลย”

“แม่...อย่า...อย่าทำผม”

กี่ครั้งที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทรมานจนแทบขาดใจ

“ถ้าแกไม่แกร่ง เขาก็ไม่มีทางให้อะไรแกหรอก ไอ้ลูกโง่!”

ปีแรกเขาร้องไห้ทุกครั้งที่โดนทำโทษ เป็นเด็กชายจักรพรรดิแสนอ่อนแอที่โดนทำร้ายยับเยินด้วยฝีมือมารดาของตัวเอง

ปีที่สองเขายังคงโดนทำโทษและยังคงร้องไห้ยามที่เจ็บมากๆ จนทนไม่ไหว

ปีที่สามเขาเริ่มเคยชินกับความเจ็บปวด แม้ร่างกายจะยังสั่นไหวแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นดังออกมา

ปีที่สี่เขาสร้างผลงานได้ พ่อเลี้ยงเรียกเขาไปคุย มอบรางวัลชิ้นแรกให้เป็นเงินสดจำนวนหนึ่ง

ปีที่ห้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดอีกแต่มารดายังคงลงโทษโดยไร้เหตุผล เขาไม่ร้องไห้ รวมถึงไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากความเบื่อหน่าย

ปีที่หกเขาเข้าไปหาพ่อเลี้ยง ออกปากขอเรียนรู้งานด้วยตัวเอง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเงินตราคืออะไร

จวบจนปีที่สิบเขาถึงได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำสอนของพ่อเลี้ยงและแม่บังเกิดเกล้า

เงินตราสำคัญ...เหมือนที่พ่อเลี้ยงมอบให้เขายามทำอะไรสำเร็จ เพราะมีเงินเขาถึงเอามันไปซื้อรถที่ชอบได้

อำนาจขาดไม่ได้...เหมือนที่มารดาเคยใช้กับเขา เพราะไร้อำนาจมารดาถึงได้กดขี่และทำร้ายเขาสำเร็จ

และแล้วในปีต่อมาพ่อเลี้ยงก็ให้เขาขึ้นไปเหยียบยังจุดสูงสุด จักรพรรดิกลายเป็นคิงที่เลือดเย็น เป็นผู้ที่ใครต่างก้มหัวให้ เป็นคนที่มีทั้งเงินและอำนาจอยู่ในมือ

แต่ไม่มีหัวใจ...





“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่ลืมเรื่องราวเก่าๆ ไปจนหมด บางทีอาจเป็นตอนที่โดนทำโทษจนร่างกายชาชินและรู้ว่าต่อให้ภาวนาแค่ไหนก็จะไม่มีใครมาช่วย”

“…”

“พี่ดีใจที่ได้กลับมาอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อแม้ตัวจะค่อยๆ เอนลงตามแรงประคองของเด็กน้อยที่ตอนนี้สองตาแดงก่ำ “พี่ดีใจที่ได้กลับมาเจอภีม”

ภีมภัทรยกมือปาดหยาดน้ำตาออก ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังคนสำคัญด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่มีมากที่สุดคือความดีใจ...

“ภีมก็ดีใจที่พี่กลับมา”

ดีใจที่สุด...

ภีมภัทรมองจนแน่ใจว่าพี่จักรของตัวเองหลับไปแล้ว เขาจึงถือโอกาสดันแผ่นหลังกว้างให้เอนตัวไปด้านข้างแล้วถกเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น ก่อนดวงตาคู่สวยจะหลับลงเมื่อเห็นแผลเป็นหลายสิบแผลกระจัดกระจายอยู่ทั่วแผ่นหลังขาว

เพราะแบบนี้พี่จักรถึงไม่เคยถอดเสื้อแล้วหันหลังให้เขาเห็นเลย...

ริมฝีปากบางกดจูบเบาๆ ลงบนมุมปากหยักของคนหลับอย่างฉวยโอกาสเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นจึงขยับไปกระซิบที่ข้างใบหูขาวราวกับจะส่งคำพูดของตนเองไปช่วยขับกล่อมให้คนคนนี้หลับฝันดี

“ภีมรักพี่จักร”









จักรพรรดิตื่นเต็มตาในช่วงเวลาเย็น ดูเหมือนวันนี้เขาจะนอนนานกว่าปกติพอสมควร คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ต้องกินทุกวัน ผสมกับการที่ได้เล่าเรื่องแย่ๆ ให้คนอื่นฟัง ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งขณะมองสำรวจรอบกาย ทุกครั้งเวลาตื่นขึ้นมาเขาจะเห็นเด็กน้อยนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียงเพื่อรอออกไปรดน้ำต้นไม้ในเรือนกุหลาบด้วยกัน แต่แปลกที่วันนี้ไม่มีวี่แววของภีมภัทรเลย

อาจเพราะเขานอนนานเกินไป เจ้าตัวเลยออกไปรดน้ำก่อน...

คิดได้ดังนั้นจึงขยับกายไปริมเตียงแล้วย้ายตัวเองไปนั่งบนรถวีลแชร์ด้วยความคล่องแคล่ว จักรพรรดิขยับล้อรถพาตัวเองออกไปจากตัวบ้าน ตรงไปยังทิศทางของเรือนกุหลาบซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แล้วก็เป็นไปตามที่คาด ประตูเรือนเปิดอยู่จริงๆ

“ภีม” เขาส่งเสียงเรียกตั้งแต่เดินเข้าไปในประตูเมื่อไม่ได้ยินเสียงรดน้ำหรือเสียงใดๆ ดังออกมาจากด้านในเลย คิ้วเข้มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ดีนัก หัวใจที่ไม่เคยหวาดกลัวกับสิ่งใดเต้นกระหน่ำจนปวดร้าวไปหมด

“ภีม! ตอบพี่!” จักรพรรดิเร่งความเร็วในการเข็นรถแบบที่ไม่เคยทำ เขาไม่สนใจแม้มือจะปวดไปหมดเพราะกำล้อแน่นเกินไป จวบจนเมื่อเข็นรถมาจนถึงจุดที่ลึกที่สุด ภาพที่เห็นแทบทำให้กายสูงล่วงหล่นลงจากวีลแชร์อย่างหมดแรง

กุหลาบสีน้ำเงินที่เด็กน้อยของเขาเฝ้ารักและดูแลมานาน บัดนี้ล้มระเนระนาดเละเทะไม่เหลือชิ้นดี ชายหนุ่มก้มลงเก็บกุหลาบดอกเล็กที่มีร่องรอยโดนเหยียบย่ำแล้วกำไว้แน่น มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ที่แทบไม่ได้ใช้ขึ้นมากดโทรออกอย่างรวดเร็วโดยไม่หันไปมอง

[ไง]

“ส่งคนของนายมา” ภาษาฝรั่งเศสราบเรียบไร้ความรู้สึกถูกส่งออกไปแทบจะทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์ หากเป็นคนนอกอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่เกรย์ที่รู้จักกันมานานย่อมรู้ดีว่ามันคือคลื่นลมเงียบสงบก่อนพายุจะมา

[…เกิดอะไรขึ้นสินะ]

“มันเอาตัวภีมไป”

เพียงเท่านั้นเกรย์ก็เข้าใจถึงที่มาของน้ำเสียงน่าหวาดหวั่นได้ในทันที

[จะเอายังไง]

“เอาตัวภีมคืนมา ไปล่ามัน แล้วส่งคนมาคุ้มกัน”

[เข้าใจแล้ว]

ดวงตาคมดุฉายแววอันตรายขณะก้มลงมองดอกกุหลาบในมือตัวเอง จริงอยู่ที่เขาไม่อยากรับความช่วยเหลือไปมากกว่านี้ แต่ถ้ามันเกี่ยวพันกับภีมเมื่อไหร่ ต่อให้ต้องยืมมือคนอื่นอีกสักกี่ครั้งหรือต้องฆ่าใคร...เขาก็จะทำ

“จะเอาแบบนี้ใช่ไหมมินตรา”


————————-





ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #142 เมื่อ18-05-2018 18:30:51 »

เกลียดมินตรา พี่จักรผลักนางลงเหวไปเลยนะ ให้เกรย์ช่วยก็ได้ อย่าให้ทำอะไรภีมนะ :katai1:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #143 เมื่อ18-05-2018 18:38:47 »

เอาตัวไปได้อย่างไร กล้ามาก

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #144 เมื่อ19-05-2018 00:55:05 »

ฟังเรื่องสมัยเด็กของพี่จักรเต็มๆแล้วน่าสงสาร  :hao5:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #145 เมื่อ19-05-2018 03:01:00 »

คนเป็นแม่ ... เลวได้ขนาดนี้เลยเหรอ
งั้นจัดไปค่ะพี่จักร
และหวังว่า เมื่อถึงเวลา ...
นายเอกจะไม่โลกสวย ออกปากห้ามพระเอกว่า
"นั่นแม่นะ" ออกมา... ให้คนชั่วลอยนวลนะคะ

หรือไม่ พี่จักรให้เกรย์ไปจัดการเลยค่ะ
เกรย์ไม่น่าจะใจอ่อนนะ  เพี้ยง ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #146 เมื่อ19-05-2018 03:03:01 »

ฝากคุณเกรย์จัดการให้หน่อยนะ เอาไม่หนักนัก แค่นอนติดเตียงก็พอ  :katai1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #147 เมื่อ19-05-2018 09:04:40 »

ขอให้ภีมปลอดภัย

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #148 เมื่อ19-05-2018 09:58:02 »

ชอบบบบบบบบ :impress2:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: ┌▼3KINGS▲┘==จักรพรรดิ==[15]==[P.5]== [18/05/61]
«ตอบ #149 เมื่อ19-05-2018 16:30:30 »

ตามอ่าน ..

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด