รักแล้วบอก ชอบแล้วจีบ
ตอนที่ 6
ผมที่ตอนนี้กำลังนั่งเล็มข้าว ขอย้ำว่า ‘เล็ม’ ข้าวอยู่ตรงข้ามกับไอ้อ้อนรักสองคน โดยที่เพื่อนรักหักเลี่ยมโหด (แบบเหี้ยๆ) ที่เหลือมันแยกย้ายกันไปนั่งกันอีกที่ซึ่งร่วมถึงเพื่อนของไอ้อ้อนรักด้วย ผมมองคนที่ตอนนี้นั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยตรงข้ามก็ต้องวางช้อนลง ไอ้หมีที่ตอนแรกนั่งกินเงียบๆ เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมมันก็หยุดชะงักแล้ววางช้อนลงบ้าง
“กินต่อดิ กูว่าจะหามุมถ่ายรูป”
“ถ่าย”
“กินต่อ”
มันได้แต่มองมาด้วยใบหน้าสงสัย แล้วหยิบช้อนมาจัดการกินของตรงหน้าต่อ โดยที่สายตาก็เหลือบขึ้นมองผมอยู่เสมอ ก่อนที่ผมจะคว้ากล้องมาแล้วยกขึ้นถ่ายภาพกินข้าวของไอ้อ้อนรักไว้หนึ่งภาพ
“ไม่ต้องห่วง กูไม่เอาไปทำอะไรแปลกๆ”
“อืม...”
“อร่อย...หรือเปล่าวะ”
ไอ้อ้อนรักมันชะงักอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า ผมเลยพยักตามก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแชทสีฟ้าโดยตอนนี้คนตรงข้ามก็จัดการกินข้าวต่อแล้ว
สำปวดเหือ : เอาไงดีวะ
ผมถามเข้าไปในแชทกลุ่ม ไม่นานไอ้สามหน่อที่นั่งดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ ก็อ่านจนครบแล้วตอบกลับมา
กี่กาหลง : ก็ถามไปตรงๆ เลยดิวะ
คามตวย : เออ ถามไปเลย มึงจะรออะไรวะ
จ๊าวตูดรั๊ม : อืม
ผมอ่านไอ้คำยุยงของพวกเพื่อนตัวเองก็ต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะตั้งใจพิมพ์กลับไปอีกครั้ง
สำปวดเหือ : กูไม่รู้จะเริ่มถามยังไงว่ะ มันดูแปลกๆ แล้วไอ้หมีเองก็เหมือนไม่พร้อมพูดยังไงไม่รู้
จ๊าวตูดรั๊ม : หมี ?
กี่กาหลง : อะไรคือหมี
คามตวย : อย่าบอกนะว่าที่มึงโพสบ่นๆ ถึงหมีนี่คือ...
คามตวย : ไอ้อ้อนรัก
สำปวดเหือ : อะไรของพวกมึงเนี่ยยย กูให้ช่วยเว้ย อย่ามานอกเรื่อง
สำปวดเหือ : งอน
คามตวย : แหนะๆ ไอ้ห่าเสือ พวกกูไม่ยุ่งก็ได้ แต่มึงก็รีบๆ ถามออกไปเลย พวกกูก็อยากรู้ ไม่งั้นกูจะเดินเข้าไปถามให้เองเลยนะ
กี่กาหลง : รอเสือก
จ๊าวตูดรั๊ม : เสือดุสู้ๆ
สำปวดเหือ : เออ พวกแม่ง ไอ้พวกเผือกเอ๊ย !
ผมพิมพ์แชทอย่างคับอกคับใจก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้างจานและเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามือหนาของคนตรงข้ามเข้ามาใกล้จนกระทั่งมันสัมผัสกับใบหน้าของผม พร้อมกับใช้นิ้วเรียวๆ นั่นคลึงตรงหัวคิ้วผมเบาๆ
เอ่อ...
“เนียน...”
“...”
“นิ่ม”
เดี๋ยวเดี๊ยวววว !
“เอ่อ ไอ้อ้อนรัก ทำอะไรวะ”
“...” ไม่ตอบ ได้แต่มองกลับมา
หนับ !
“โอ๊ย !”
ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่อคราวนี้ไอ้คนตรงข้ามมันขยับมือมาตรงแก้มผมทั้งสองข้างแล้วจัดการขย้ำไปแรงๆ หนึ่งที
ไอ้เชี่ยอ้อนนนน
กูเจ็บ !
เมื่อไอ้หมีมันเห็นว่าผมร้องออกมามันก็คลายมือออกแล้วชักมือกลับไป ตัวเองเลยต้องลูบแก้มด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่องใบหน้าขาวๆ ที่ตอนนี้ขึ้นแดงเรื่อเป็นรอยมือของใครบางคนแล้ว
หน้ากู หน้ากู !
“ไอ้หมี !”
“...”
“มึง...มึง...แม่ง !”
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
ผมที่ไม่รู้จะพูดออกมายังไงเมื่อมองใบหน้าใสซื่อของอีกฝ่ายที่มองกลับมาสลับกับมองมือของตัวเองตามด้วยใบหน้าของมันที่แดงขึ้นมาเฉยๆ
ส่วนผมเองก็หมดคำสิเว่า !
ผมได้แค่แค้นใจอยู่กับตัวเอง ส่วนไอ้อ้อนรักมันก็ก้มหน้าลงแล้วกินข้าวทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นผมเลยจำยอมที่จะลืมเรื่องหน้าตัวเองไปซะแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมที่จะถามคำถามที่ผมค้างคาใจกับการกระทำและคำพูดของมันมานาน
ว่าไอ้คนตรงหน้ามันจะจีบผมอย่างที่เคยบอกไว้จริงๆ หรือกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่
“อ้อนรัก...”
“ปลา” ผมที่ยังไม่ทันถามก็เห็นว่าอีกคนตักเนื้อปลาฉู่ฉี่ที่เจ้าตัวแกะไว้จากจานตัวเองมาใส่จานผม
ส่วนผมเองก็มองกลับไปอย่างซึ้งใจ
เข้...
ของโปรดกูเลย
“เฮ้ย ขอบใจมากเว้ย”
ไอ้เด็กนี่มันก็ดีเหมือนกันนี่หว่า
“ไม่เป็นไร...”
คนตรงหน้าหลบสายตาที่ผมมองไปอย่างปราบปลื้มก่อนที่มันจะก้มหน้าก้มตากินข้าวคลุกน้ำฉู่ฉี่นั้นอีกครั้ง ส่วนผมก็ตักเนื้อปลาไร้ก้างมาใส่ปากอย่างมีความสุข
แต่เดี๋ยว...
เหี้ยยยย กูลืมถาม !
“เอ้อ ไอ้อ้อนรัก !”
“พี่...ข้าวติดปาก”
“ห๊ะ ไหนวะๆ”
ผมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาใช้กระงกเงาสีดำนั่งส่องใบหน้าของตัวเอง
เชี่ยยย จริงด้วย
“แหะๆ โทษทีว่ะ มูมมามไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร”
“เออมึง กูมีเรื่อง...”
“ได้เวลาเรียนแล้ว”
“เอ่อ จะถาม...”
“ถาม”
“มึงไปเรียนก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไร”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้า”
“คราวหน้า...” ไอ้อ้อนรักมันพูดย้ำก่อนจะทำตาโตแสดงออกว่าดีใจ ผมเลยรีบพูดขึ้นอย่างรู้ทันว่ามันไม่ได้หมายถึง ‘กินข้าวด้วยกันคราวหน้า’ แน่ๆ
“ก็คราวหน้าถ้าบังเอิญเจอกันไง”
“จะมาหา”
“ดะ...เดี๋ยวๆ ไม่ต้องๆ ไม่ต้องมา”
“อยากมาหา...”
“ถามจริง ข้าวคณะมึงไม่อร่อยหรือไงวะ”
“...”
“โอ๊ย อยากทำอะไรก็ทำเว้ย !” ผมพูดออกมาเมื่อคนตรงหน้ามันมองกลับมาโดยที่ให้ความรู้สึกว่าคำพูดของผมคงทำอะไรมันไม่ได้เลย ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยิบกระดาษเอสี่ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างของมันพร้อมกับปากกา ก่อนที่เจ้าตัวจะจดอะไรยิกๆ ลงไป
เอ่อ...
เมื่อเขียนเสร็จคนตรงหน้าก็เลื่อนกระดาษแผ่นนั้นมาทางผม พร้อมกับลุกขึ้นยืน ผมที่มองตามร่างสูงที่ตอนนี้ถือจานข้าวแล้วเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะก้มลงมองกระดาษที่อีกฝ่ายเขียนทิ้งไว้ให้
เดี๋ยวนะ...
‘อาหารคณะผมก็อร่อย คราวหน้าไปกินด้วยกันมั้ยครับ’
“เป็นไงบ้างวะ ถามไปหรือยัง”
“ถามบ้าถามบออะไรล่ะ ยังเว้ย”
ผมตอบออกไปในขณะที่กำลังจัดใบไม้กับแก้วน้ำให้อยู่ในมุมที่พอใจก่อนจะหยิบกล้องตัวโปรดของตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพตรงหน้าไว้
อ่า...ดี
“แล้วทำไมไม่ถามวะ !”
“ไอ้ตามใจ อยู่นิ่งๆ”
ผมเอ่ยปากบอกคนที่ตอนนี้กำลังอ้าปากพูดอยู่เป็นฉากหลังของแก้วน้ำ ซึ่งมันก็ได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะอ้าปากพูดอีกครั้ง
“ไอ้เสือ มึงนี่มัน...”
แชะ...
ผมถ่ายภาพออกมาก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อไอ้คนตรงข้ามมันกำลังอ้าปากพูดพอดี ซึ่งพอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมันกำลังมองมาแบบไม่สบอารมณ์ ผมเลยได้แต่แสร้งไม่รู้ไม่ชี้ เพราะตอนนี้ขี้เกียจตบตีกับมัน และไม่มีไอ้จั๊มกับไอ้หลงมาคอยสนับสนุนหรือห้ามด้วย สาเหตุที่เหลือกันอยู่แค่นี้เพราะไอ้ห่าหลงดันลากไอ้จั๊มไปที่ชมรม
เออดี แล้วปล่อยให้กูอยู่กับไอ้ขี้เสือกที่ชื่อตามใจเนี่ยนะ
ให้ตายสิ
“กูรอจังหวะอยู่ มึงนี่ก็บ่นจัง ถามจริง นี่ห่วงกูหรือแค่อยากเสือก”
“อยากเสือก !”
“ไอ้ห่า”
“เพราะกูแค่ไม่เข้าใจว่าไอ้อ้อนรักที่แสนจะหน้าตาดี มีคนชอบมากมายอย่างมันทำไมถึงมาป้วนเปี้ยนอยู่กับมึงบ่อยจัง”
“มันอาจจะแค่ว่าง”
“ถ้าบอกว่าจะจีบก็แสดงว่าชอบ...”
“...”
“มึงว่ามันจะชอบมึงจริงมั้ยวะ”
“กูไม่รู้”
ผมตอบออกไปตามความจริง เพราะตอนนี้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอีกฝ่าย รู้แค่ว่ามันชื่ออ้อนรัก เจอกันครั้งแรกที่โรงยิมและมันก็เข้ามาถ่ายรูปผมแบบไม่บอกไม่กล่าวแถมยังออกมาได้น่าเกลียดสุดๆ ครั้งที่สองก็แค่ผมไปถ่ายภาพที่คณะมัน ส่วนครั้งที่สามมันมาหาที่โรงอาหาร และครั้งที่สี่...
ครั้งที่ห้า ครั้งที่หก...
เดี๋ยวดิ...
มันมามีส่วนร่วมกับชีวิตกูเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“เออๆ ระวังไปตกหลุมรักไอ้เด็กหน้าซื่อนั่นแล้วกัน”
“มึงบ้าเปล่าวะ กูเป็นผู้ชาย มันก็เป็นผู้ชาย แค่มันจะมาบอกว่าจะจีบกู ชอบกู กูก็ว่าไม่ใช่เรื่องจริงแล้ว”
“ก็ไม่แน่”
“เหอะ เอาแต่สนใจแต่เรื่องของกูเถ๊อะ ไอ้จั๊มของมึงน่ะ ตอนนี้มีพี่คณะ ’ถาปัตย์มาจีบ”
“ว่าไงนะ !”
“ผู้ชาย”
“ไอ้ห่า...”
“หึ...”
“เฮ้ย !” อยู่ไอ้ตามใจที่ตอนแรกทำหน้าไม่สบอารมณ์ก็ต้องทำหน้าตกใจพลางหันมามองหน้าผมพลางยกมือสั่นๆ ขึ้นมาชี้หน้า “เดี๋ยวไอ้เสือ มึง...มึง !”
รู้จักกูน้อยไปซะแล้วไอ้คามตวย !
กูแค่แกล้งพูดเว้ย แต่ไอ้ห่านี่ดันตอบรับซะงั้น
เสร็จกู
“อะไร เป็นอะไรของมึง”
“ปะ...เปล่า มึงแม่งพูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
“หมายถึงเรื่องไอ้จั๊ม !”
“ไอ้เชี่ยเสือออ มึงหุบปากเลย”
“อะไรว้าเพื่อนคามตวย กูก็แค่อยาก ‘เสือก’ เรื่องของมึงบ้างงง ~”
“ไม่ให้เสือกเว้ย !”
“อะไร ทำไม สรุปไอ้จั๊มนี่ยังไง”
“...”
“ไม่ตอบกูจะไปถามมันเองนะ”
ผมพูดขู่ออกไป ในใจก็ขำออกมาเพราะไม่คิดว่าไอ้ตามใจมันจะมีท่าทีแบบนี้แสดงออกมาจริงๆ ผมก็แค่เห็นว่ามันแปลกๆ ที่พวกมันสองตัวตัวติดกันตลอด ตอนแรกก็เข้าใจว่าคงจะสนิทกันสุดในกลุ่มเลยแกล้งพูดไปว่าเพื่อนสนิทมันมีคนมาจีบ แต่ท่าทีของไอ้ห่านี่กลับแสดออกมาอีกแบบซะงั้น
ตลกว่ะ
“มันตอบอะไรมึงไม่ได้หรอก กูกับมันเพื่อนสนิทกันเว้ย !”
“อ๋อหราาาาา เพื่อนคามตวย ไหนๆ มาขอถ่ายสีหน้ามึงตอนนี้หน่อยดิ”
“อะไรของมึงเนี่ย !” ไอ้ตามใจมันทำหน้าอารมณ์เสียก่อนจะดันกล้องผมออก ตัวเองเลยหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเพื่อนนนน ~”
เอ้า ขยี้เข้าไป
เสือดุไม่เคยคิดแค้นใคร แต่ถ้าได้เอาคืน...
กูขอหนักๆ
“ไอ้เหี้ยเสือ มึงแม่งไร้สาระ เดี๋ยวกูจะไปบอกไอ้อ้อนรักว่ามึงมันบ้าๆ บอๆ ให้เลิกชอบมึงไปเลย !”
“เออดี !”
ผมตอบออกไปก่อนจะขมวดคิ้วกับตัวเองบ้าง ส่วนไอ้คนตรงข้ามมันก็ยอมสงบปากสงบคำเรียบร้อยหลังจากที่เจอผมขยี้จุดไป
ว่าแต่เดี๋ยวดิ...
“ไอ้ตามใจมึงชอบไอ้จั๊มจริงดิ !”
“ไอ้เชี่ยเสืออออ มึงพูดอะไรเนี่ยยยยย ~!” และไอ้คนที่ตอนแรกนั่งอยู่ตรงข้ามมันก็กระโจนเข้ามาปิดปากผมไว้ “หุบปากเลยมึง เดี๋ยวสาวๆ กูได้ยิน”
“อื้อ...ไอ้เอี้ย !”
“กูไม่ได้ชอบไอ้จั๊มเว้ย !”
“ออแอ๋ !”
“ถ้ามึงไม่หุบปากกูจะขย้ำคอมึงจริงด้วย เอาให้ขาดใจตายไปเลย”
กึก...
ตัวผมชะงักกึกหลังจากที่เจอคำขู่นั่น ก่อนที่ขนบริเวณลำคอจะลุกขึ้นมากะทันหัน อย่างที่บอก จุดนั้นเป็นจุดเดียวที่ไม่ว่ายังไงใครก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด
เพราะมันอาจจะทำให้กูตายอย่างทรมารได้ ฮื่อ...
“เออ ดีมาก”
ผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตามคำพูดนั่น ก่อนที่ไอ้ตามใจมันจะยอมปล่อยมือออกจากปากผมแต่โดยดี ตัวเองเลยรีบลุกขึ้นยืนแล้วจัดการเบิดกะโหลกคนตรงหน้าไปหนึ่งทีแรงๆ อย่างหมั่นไส้
ผั๊วะ !
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยเสือ !”
“ไปแล้วเว้ย ไอ้คามตวย !”
“มึงอย่าหนีนะ !”
“ไม่หนีก็โง่ดิวะ !”
ผมพูดในขณะที่หันไปมองอีกร่างที่วิ่งตามมา ตอนนี้ใครหลายๆ คนคงจะมองว่าเราโคตรจะปัญญาอ่อน อายุก็เยอะแม่งเล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ แต่อยากจะบอกจริงๆ
เปล่า กูไม่ได้เล่น กูแค่เอาชีวิตรอด
“ไอ้เหี้ยเสือ !”
“แน่จริง...”
“เฮ้ย ระวัง !”
ผลัก !
โคร้ม !
ชะ...เชี่ยยยยยยยยยยย ~!
ร่างของผมล้มลงไปกองกับสิ่งไม่มีชีวิตสองชิ้นสีเขียวกับสีเหลืองอย่างอนาถ ก่อนจะรู้ตัวอีกทีก็มีกลิ่นเหม็นๆ โชยขึ้นมาแล้ว...
เหยดแหม กูวิ่งชนถังขยะ !
สองถังด้วย
ฮื่อออออ !
“กล้องกู !” ผมร้องออกมาอย่างตกใจโดยที่มีไอ้ตามใจวิ่งตามมาอยู่ห่างๆ ก่อนจะรีบก้มมองกล้องแสนรักราคาแพงที่คล้องอยู่ที่คอ “โอ๋ อย่าเป็นอะไรนะลูกพ่อ ฮื่อออ !”
“พี่เสือ...!”
เสียงคุ้นหู ไม่สิ ติดหูเลยมากกว่าดังขึ้น ทำให้ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่จะเข้ามาช่วยชีวิตลูกรักของผมได้ ซึ่งคนตรงหน้ามันก็ทำหน้าตกใจก่อนจะทำท่าเข้ามาช่วยพยุง แต่ผมรีบห้ามไว้
“อ้อนรักอย่า มึงรับกล้องไปพอ” ผมพูดขึ้นพลางเอากล้องที่คล้องคอออก คนที่ชะงักก็เข้ามารับไว้ ส่วนผมที่ตอนนี้ถอนหายใจโล่งอกที่ลูกรักปลอดภัยก็ต้องมานั่งอึนท่ามกลางกลิ่นเหม็นและสายตาของคนรอบข้าง
ไม่น่าเลย...
“เฮ้ย ไอ้เสือ” ในที่สุดคนที่วิ่งไล่หลังผมมามันก็มาถึงจนได้ มันทำหน้าตกใจพลางมองผมก่อนจะหัวเราะออกมา “สมควรมั้ยมึง วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือน”
“เพราะมึงแหละสัด”
“โอ๋ๆ มามะ เดี๋ยวกูช่วย”
“เร็วๆ เลยมึง เหม็นจะตายแล้ว”
ร่างของผมโดนคนที่วิ่งเข้ามาตัวเปล่ามาช่วยฉุดขึ้นจนกลับมายืนได้ปกติ ซึ่งร่างกายของผมตอนนี้เหม็นหึ่งไปด้วยกลิ่นขยะ ไอ้ตามใจเองเมื่อช่วยผมได้มันก็ถอยตัวไปอัตโนมัติ มีแต่ไอ้อ้อนรักเท่านั้นที่ยืนอยู่กับที่มองมาที่ผมตลอด
“ขอบใจมากนะ กูขอฝากกล้องไว้ก่อน”
“...”
“แล้วกูจะกลับยังไงล่ะเนี่ยยยย !”
ผมร้องออกมาอย่างคิดหาวิธี เพราะถ้าให้ขึ้นรถเมล์กลับหอด้วยสภาพแบบนี้คงไม่ไหวแน่ๆ และตอนนี้ก็อยากอาบน้ำสุดๆ เพราะร่างกายเหนียวเหนอะไปด้วยคาบสารพัดจากถังขยะ
อนาถแท้กู...
“ไปห้องผมมั้ย”
“หืม...”
ผมกับไอ้ตามใจหันไปทางคนที่ตอนนี้ยืนถือกล้องผมอยู่อย่างแปลกใจก่อนที่มันจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“ที่ห้อง...มีห้องน้ำ”
“เอ่อ...อ้อนรัก มหา’ลัยก็มี ไอ้ห้องน้ำน่ะ”
“...”
ผมมองคนที่ตอนนี้ทำท่าคิดก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้นมาใหม่
“อยากช่วย...”
“อะ...อ๋อ...”
ผมตอบออกไปพลางมองหน้าคนที่พูดออกมาอย่างจริงจัง ก่อนที่ผมจะหันไปมองทางไอ้ตามใจที่ตอนนี้มันก็ทำหน้าไม่ต่างกัน ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมาบ้าง
“เออไอ้เสือ ถ้าห้องไอ้อ้อนรักมันอยู่ใกล้ๆ มึงก็ไปอาบน้ำที่ห้องมันก่อนดิวะ ดีกว่าต้องตัวเหม็นขึ้นรถเมล์นะเว้ย เดี๋ยวโดนถีบตกรถ”
“ไม่ใกล้”
“...”
“ไกล”
คำพูดนั้นทำให้ผมกับไอ้ตามใจมองหน้ากันอีกครั้ง ซึ่งไอ้คนที่พูดเมื่อซักครู่ก็ทำหน้าเหวอไป ก่อนจะอ้าปากพะงาบๆ จนผมอดรู้สึกสงสารมันไม่ได้
เสียใจด้วยนะมึง ไอ้อ้อนรักมันเข้าใจยากกว่าที่มึงคิดว่ะ
แล้วกูจะรู้สึกดีทำไมเนี่ย
“อ้อนรัก ตัวกูโคตรเหม็นเลย แน่ใจนะว่าจะพากูไป”
“...” ไม่ตอบแต่พยักหน้า
“ไม่รังเกียจแน่นะ ขนาดเพื่อนกูมันยังไม่อยากเข้าใกล้เลย”
“...” พยักหน้า
“แน่ใจ ?” ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจหรือมันอยากจะเปลี่ยนใจ เพราะสภาพผมตอนนี้สกปรกสุดๆ เสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยคาบน้ำเหม็นหึ่งจากขยะ แค่จะหาคนมาเดินเฉียดใกล้ๆ ยังยาก เมื่อไอ้อ้อนรักมันเห็นว่าผมถามซ้ำคราวนี้มันก็นิ่งไม่ตอบรับ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่รังเกียจหรอก”
“...”
“ก็ชอบพี่”
ตึก ตึก ตึก...
“...”
“จะรังเกียจได้ไง”
-------------------------------------------------------
ชัดมั้ยคะ พี่เสือดุ ~~
ตอนนี้เค้ามีเพจแล้ว สามารถติดตามการอัพเดทนิยายได้ที่
MerizelRada นะคะ