รถรางรอรัก
..ภูฟ้า..
ผ่านมาเกือบสามอาทิตย์แล้วหลังจากค่ายรักน้อง เวลาเหมือนจะผ่านไปเร็ว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเชื่องช้าจนน่าใจหาย ไอ้เด็กจืดพยายามหลบหน้าผม ผมรู้ดี ก็อะไรจะชัดเจนเท่ากับการที่คนติดน้ำเต้าหู้ขนาดนั้น ไม่กล้ำกลายมาเฉียดใกล้ร้านป้าชื่นอีกเลย เป็นผมเองที่ต้องซื้อไปสองถุง เพราะนั่งมองอยู่ตั้งนาน ป้าแกก็ได้แต่ชะเง้อชะแง้หามัน เห็นแล้วก็ได้แต่สงสารทั้งป้าทั้งตัวเอง
ผมก็ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวตอนไหนว่าผมตาม หรือเอาจริงๆน้องมันแค่ขี้เกียจตื่นหล่ะมั้ง เลซี่วีคอะไรแบบนี้ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเวทนาตัวเอง ทำไมไม่เห็นจะอยากเจอมันน้อยลงเลยวะ
ทุกวันนี้จะได้เจอมันที ก็ตอนขึ้นรถราง ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ไอ้คนตีนผีที่แสนจะรักความเร็วอย่างผม ต้องยอมเอารถไปจอดไว้ แล้วเดินมาตั้งไกลเพื่อขึ้นรถรางป้ายเดียวกับมัน ร้อนก็ร้อน เบียดก็เบียด ยิ่งเป็นผู้ชายนี่ลืมไปได้เลยเรื่องได้นั่ง บางวันจะได้จับราวรึเปล่ายังต้องมาลุ้นเลย
“เป็นไรมึง หน้าเหนื่อยชิบหาย”
เสียงไอ้ปาล์มถามขึ้น ตอนที่เรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำใต้ตึกSC
“แต่มันเข้าคาบเช้าตลอดเลยนะเว่ยช่วงนี้ มิน่าฝนฟ้าคะนอง ฮ่าๆๆๆ”
หมั่นไส้ไอ้จั๊ด มันพาเมียเด็กมานั่งกับพวกผมด้วย อารมณ์มันเลยสดชื่นแจ่มใส จนทำให้ผมนึกรำคาญอยู่ตอนนี้ แต่..
ฟุดฟิดฟุดฟิด
“ไอ้เชี่ยภู มึงทำอะไร”
หื้มมม อยู่ดีๆผมก็โดนไอ้จั๊ดกระชากคอเสื้อจนแทบหงายหลัง
“ห่าภู มึงมีสติมั้ยเนี่ย มึงดมมือเมียไอ้จั๊ดทำไม”
ไอ้ปาล์มหน้าตื่นวิ่งมาแกะมือไอ้จั๊ดออกจากคอเสื้อผม
ฮะ ใคร ใครดมใคร
“ไอ้ภู เดี๋ยวมึงกับกูเคลียร์กัน”
ไอ้จั๊ดทำเสียงเหี้ยม ก่อนจะลากเมียเด็กที่ทำหน้าตกใจไปที่อื่น ผมก็พอจะสติกลับร่าง เลยนึกสงสารไอ้เด็กนั่นขึ้นมา
“เห้ยๆๆ นั่งก่อนๆ กูไม่ได้ตั้งใจ กูขอโทษ”
ไอ้จั๊ดที่กำลังคว้าแขนเมียตัวเองหันมามองผมตาขวาง แต่ก็ยังดีที่มันยอมฟัง และยอมนั่งลงมาใหม่ แต่คราวนี้มันจับเมียเด็กให้นั่งตัก แล้วเอามือกอดเอวไว้แทน โอ้โหไอ้เพื่อนเวร กูทำพลาดครั้งเดียว หึงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยคราวนี้
“ว่ามา”
แหนะ มีมองตาขวาง มิตรภาพตั้งแต่อนุบาลสามของเราทำไมมันสั่นคลอนง่ายจังวะ ไอ้เพื่อนเวร
“เด็กมึงกลิ่นคล้ายไอ้เด็กจืด กูเลยอยากดมว่ามันกลิ่นอะไร”
อยู่ดีๆก็เสียวสันหลัง ไอ้จั๊ดมองผมเหมือนจะตัดสินโทษ ไอ้ชิบหาย กูกลัวมึงจริงๆแล้วเนี่ย
“ดมมือเนี่ยนะ?”
มันหันมองผมกับเมียบนตักสลับกัน ไม่ต้องมองกูครับ กูทำอะไรลงไปกูยังมึนๆอยู่เลย
“เออ มึงก็อีกคนไอ้จั๊ด มึงใจเย็นก่อน ไอ้ภูมันเป็นหนุ่มน้อยริรักนะเว่ยตอนนี้ สงสารหน้าหงอยๆเหมือนหมาป่วยของมันบ้าง”
เป็นไอ้ปาล์มที่เหมือนจะช่วย หรือจะซ้ำเติมผมกันแน่ก็ไม่รู้พูดขึ้น
“พี่เค้าไม่ได้โดนตัวเท็นจริงๆนะพี่จั๊ด”
เสียงกระซิบงุ้งงิ้งๆดังอยู่ข้างหูไอ้จั๊ด แต่ดีว่าผมขี้เสือกเลยได้ยินชัดทุกคำ ทำดีมากครับน้องเท็น เดี๋ยวพี่จะเลิกแอบเรียกน้องว่าเด็กกุมารทองเลยครับ พี่สัญญา
“เห้ออออ”
เสียงไอ้จั๊ดถอนหายใจเหมือนคนกำลังใช้ความคิด มันคงรักเมียเด็กของมันจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมามันก็ไม่เคยหวงใครขนาดนี้มาก่อนเลย นี่กระทืบผมได้ มันคงทำไปแล้ว
“มึง ดีกัน เลี้ยงเหล้าเลยอะ”
ต้องทำตัวน่ารักไม่อ้อนตีนครับ เพราะรู้ตัวว่ารอบนี้ตัวเองทำผิดจริง
“เออๆ แล้วมึงก็เลิกประสาทหลอนซักที เลิกขึ้นรถรางด้วย สภาพยับเยินชิบห๊ายยย”
“แหะๆ”
ก็ผมไม่กล้าเข้าใกล้เด็กจืด เลยทำได้แต่ยืนตัวลีบอยู่ท้ายรถ ที่เป็นแค่ชานพักเท้าขึ้นลง ร่มเงาอะไรของรถนี่อย่าได้หวังเลยครับ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดดีๆนี่เอง จะเยินไปบ้างก็ไม่แปลก
“เอ่อ พี่ภูครับ มันคือครีมยี่ห้อนี้อะครับ แต่สงสัยเป็นอีกสีนึง มันคนละกลิ่นกัน”
เด็กกุมา- เอ๊ย น้องเท็นยื่นภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมส่อง
มันเป็นภาพครีมทาผิวของผู้ชายยี่ห้อหนึ่ง ผมเห็นคัทเอาท์ผ่านตามาบ้าง กำลังโปรโมทหนักเลยช่วงนี้
“ไปซื้อให้มันหน่อยไป”
เป็นไอ้จั๊ดที่คงทนเวทนาผมไม่ไหว มันปล่อยเมียเด็กลงจากตัก แล้วส่งเงินแบงค์ห้าร้อยให้ น้องรหัสควบตำแหน่งเมียเด็กของมัน ก็รับไปแต่โดยดี โดยไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก แค่ยิ้มหวานๆให้ไอ้จั๊ด ก่อนจะเดินไปทางสโตร์ของมหาลัย เพื่อซื้อครีมที่ทำผมเกือบโดนเพื่อนเลิกคบมาให้แทน
“ซื้อมาทำไมวะ”
ไอ้ปาล์มมันก็สงสัยเหมือนผม
“ให้มันพี้ เดี๋ยวมันลงแดง”
“....”
ชัดเจนเต็มสองหู นี่ชีวิตกูมาถึงขั้นต้องพี้ครีมแล้วหรอวะ โอ้ ไม่นะ
❥
ผมนั่งดมครีมที่แขนตัวเองด้วยความฟินครับตอนนี้ ตอนแรกก็พี้ตรงจากขวด แต่กลิ่นมันยังไม่ใช่ เลยต้องบีบออกมา ทาๆ โปะๆ นวดไปนวดมาแล้วดมอีกที อื้มมม ก็พอไหว ถึงจะหอมไม่ได้เศษเสี้ยวตอนอยู่บนตัวเด็กจืดก็ตาม
“มึง กูกลัวมันหว่ะ ดูโรคจิตชิบหายเลย นั่งดมแขนตัวเองมาหลายวันแล้วเนี่ย”
เอ๊ะ ไอ้ห่าปาล์ม ไอ้เพื่อนเวร ไม่ช่วยอะไร แล้วปากยังน่าเตะอีกต่างหาก
“เช้าก็ขึ้นรถรางส่องเค้า เที่ยงก็สะกดรอยตามไปดูเค้ากินข้าว เย็นก็นั่งเป็นหมาดมครีม มึงทำอะไรซักอย่างดิ๊ไอ้จั๊ด กูเนี่ยแหละจะประสาทกินก่อนมัน”
ไอ้จั๊ดที่คงพึ่งเสร็จแล็บตามมานั่งข้างไอ้ปาล์มอีกที
“ไหวมั้ยมึง”
ไม่สักนิด
“มึง!”
“....”
กูได้ยิน แต่กูไม่มีแรงจะตอบมึงหว่ะเพื่อนจั๊ด
“แล้วทำไมมึงไม่พุ่งไปจีบน้องเค้าแบบหน้าด้านสไตล์มึงเหมือนเดิมวะ”
ไอ้ปาล์มมันยังเห่าไม่เลิก
“กูหมดแรง”
“ฮะ”
“ก็หมดแรงไง มึงต้องเห็นสายตาเค้าเวลามองกู เห้อ กูว่าบางที ถ้ากูถูกตบกลางสี่แยกไฟแดง อาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้หว่ะ”
ผมบอกความรู้สึกของผมให้พวกมันฟังตรงๆ
“หรือน้องเค้าแค่ไม่ชอบผู้ชายวะ เลยทำหน้าไม่ถูก”
“ก็คงอย่างนั้นมั้ง ตัวกูเองถ้ามีผู้ชายมาจีบ ก็คงไล่กระทืบไปแล้ว หรือไม่ผู้หญิงอีกคน อาจจะเป็นแฟนตัวจริงของเด็กจืดก็ได้”
ยอมรับว่าผมคิดฟุ้งซ่านไปหมด หลายวันมานี้ผมคิดแล้วคิดอีก คิดหาเหตุผลมากมายมารองรับท่าทางปิดตัวเองเสียมากมายของปาลิน ถ้าให้คิดในมุมของน้อง ก็คงจะรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ดีๆก็มีผู้ชายตัวโตๆมาตามจีบ อาจจะไม่พอใจหรืออาจจะอยากกระทืบผมด้วยซ้ำ ตัวผมเองก็มีผู้ชายเข้าหาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ตัวเล็กอ้อนแอ้นบอบบาง ที่พอเราไม่สนใจก็ไม่ได้ตอแยอะไรอีก แต่ถ้าต้องเจอไอ้ตัวถึกๆ แถมยังอยากได้ตัวเองเป็นเมียมาจีบแบบนี้ นับว่าที่ยังไม่โดนน้องมันต่อยนี่ก็บุญแล้ว ส่วนอีกข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้ ก็คือผู้หญิงอีกคนที่ชอบเห็นอยู่ด้วยกันกับเด็กจืดและม่านแพง บางทีเธออาจจะเป็นคนคนนั้น คนที่อยู่ในใจของ “ผู้ชายที่ผมรัก”
มาตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักผู้ชายที่ชื่อปาลิน ผู้ชายที่มีอิทธิพลกับใจของผม ขนาดที่ตัวผมเองก็ยังไม่อาจจินตนาการได้ จากที่เคยคิดว่าอีกไม่นานคงเบื่อหรือลืมความรู้สึกนี้ไปเอง แต่เปล่าเลย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับชัดเจนและอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของผมโดยสิ้นเชิง..โดยเฉพาะหัวใจ
ผมแพ้แล้ว ยอมแพ้อย่างหมดรูป ยอมจำนนต่ออะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้มาเจอกับผู้ชายที่ทำให้ผมรักได้มากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำอะไรให้มากมาย แค่“เขา”เป็น“เขา” ใจของผมก็แทบจะกระเด้งกระดอนไปสยบลงแทบเท้า ยอมทุกอย่าง ยอมแม้แต่จะทรยศเจ้าของของมันที่เฝ้าปฏิเสธความรู้สึกนี้มาทั้งชีวิต
ไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว นอนดมมือตัวเองต่อดีกว่า
“ยอมแพ้แล้วหรอมึง”
เป็นไอ้จั๊ดที่ถามบ้าง
แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบ
“มึงๆๆๆๆ เรื่องใหญ่ๆๆๆ”
ไอ้ปาล์มที่ก้มหน้าไถโทรศัพท์อยู่นานสองนาน ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“เป็นห่าอะไรของมึงอีกคนเนี่ย”
สม โดนไอ้จั๊ดแพ่นกบาลเลยมึง
“เฮ้ยยยยยยยยย”
อ่าวเวร ไอ้จั๊ด กูต้องลุกขึ้นแพ่นกบาลมึงด้วยอีกคนมั้ย
“ดูมึงดู มึงฟื้นแน่ถ้าเห็น”
อะไรของพวกแม่งวะ
“...................”
มือถือไอ้ปาล์มที่ถูกยัดใส่มือผม แทบร่วงลงไปกับพื้น หน้าจอที่ยังเปิดอยู่ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่บนนั้น เพจ“มินนี่สสสสส์..มีเผือก” ที่พึ่งอัพเดตเมื่อไม่ถึงสามนาทีที่แล้ว และสาเหตุที่ทำให้พวกผมสามคนมีอาการเหมือนคนบ้าอยู่ในเวลานี้ นั่นก็เพราะ ในนั้นมีรูปผมบนรถราง รูปเด็กจืด แล้วก็รูปผม สลับไปสลับมาแบบนี้เกือบสิบๆรูป วันที่ที่มุมรูปข้างเครดิตเพจแสดงวันเวลาที่ผมเริ่มขึ้นรถราง คงมีใครสักคนหรือหลายคนถ่ายพวกเราไว้ ความคมชัดของรูป บอกได้เป็นอย่างดี ว่ามันไม่ได้มาจากมือถือเครื่องเดียวกัน
*****************
มินนี่สสสสส์..มีเผือก
เอ๊ะๆๆ อะไรยังไงกันคะ เจ๊งงไปหมด ทำไม๊ทำไมหลายวันมานี้มีแต่คนส่งรูปซัมมีเจ๊ทั้งคู่มาให้ไม่ขาดสาย แล้วก็จะต้องเป็นรถรางคันเดียวกัน เวลาเดียวกันตลอด! เฮ้ยยยยยยยแก พวกแกคิดอย่างที่เจ๊คิดเหมือนกันใช่แมะ เรื่องราวชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วนะคะน้องม่าน!! (งานนี้เราต้องยืมมือเมียหลวงจัดการให้เราค่ะ!!)
อุ๊ยยยย นี่เจ๊เปล่าชี้โพรง เปล่าเสี้ยมอะไรเลยนะคะ ก็แค่มีเด็กวิดยาเมาท์มาว่า นอกจากค่าย“รักน้อง”จะก่อกำเนิดคู่จิ้นคู่ใหม่ตามชื่อค่ายเป๊ะ! หลังจากนั้น เพจเจ๊ก็ถูกพวกหล่อน หล่อนและหล่อน เข้ามากรีดร้องโหยหวนทั้งดีใจทั้งเสียใจจนเพจแทบล่ม ไหนๆก็ไหนๆ เป็นคนสวยก็ต้องมีน้ำใจถูกแมะ เจ๊เลยจะแบ่งปันเรื่องผัวและผัวของเจ๊ให้ฟังอีกหน่อยก็ได้ เรื่องมีอยู่ว่า ก็วันที่น้องปริญ(ซัมมีปีหนึ่ง)กลับจากค่ายรับน้องวิดยานั่นแหละ ดันมีเหตุ???ให้ต้องกลับมากับภูขา(ซัมมีหลวงปีสาม)แบบสองต่อสอง บนรถคันเดียวกันด้วยอะแก๊
แล้วแหมมม อะไรจะบังเอิ๊ญบังเอิญเบอร์นี้คะ ก็ตั้งแต่วันนั้นใช่แมะ อยู่ดีๆซัมมีปีสามของเจ๊ ก็เปลี่ยนมาขึ้นรถรางซะงั้น ร้อยวันพันปีคนหล่อคนรวยอย่างซัมมีเจ๊เนี่ย ไม่เคยขึ้นเลยซักครั้งนะยะ ย้ำ!! ขีดเส้นใต้หนาๆ! ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว! แต่ตอนนี้ภาพที่เห็นมันคืออะไรกันคะ ซัมมีขา!!
#ใจเมียแตกสลาย #ลางร้ายเริ่มปรากฏ #ทีมม่านแพง #ผัวเธอผัวฉันและรักของเรา #ภูฟ้าปาลิน #นี่คู่จิ้นหรือคู่จริงคะ
ผมไม่ได้สนใจข้อความมากนัก แต่ที่ผมสนใจคือหนึ่งในรูปมากมายเหล่านั้น มีอยู่รูปหนึ่งที่เด็กจืดกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาห่วงใย! ย้ำ!! ไม่ได้คิดไปเอง(หรือถึงเข้าข้างตัวเองก็แค่นิดเดียวจริงจริ๊ง) น้องใช้ดวงตากลมโตใสแจ๋ว มองมาที่ผม! ตอนที่ผมหันไปทางอื่น!(อยากเตะตัวเองสักทีเหมือนกัน มึงมาเหม่ออะไรตอนนี้!!)
คนถ่ายก็ถ่ายออกมาได้ดีมากๆ องค์ประกอบทุกอย่างราวกับถูกถ่ายด้วยกล้องโปร โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่เจือแววห่วงใยที่ทำให้ผมแทบลอยได้ หัวคิ้วขมวดมุ่นน้อยๆ ตอนที่เห็นผมยกแขนเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผาก เพราะตรงท้ายรถที่ผมยืน หลังคามันมาไม่ถึง ดังนั้นพระอาทิตย์กับหัวผมเลยตั้งฉากกันแทบจะทำมุมเก้าสิบองศาเลยทีเดียว
“มึงงงงง!!”
ผมเบะปากหันไปทางไอ้ปาล์มไอ้จั๊ด ไม่รู้ว่ามีน้ำตาคลอด้วยไหม รู้แค่ว่าดีใจจนอยากร้องไห้ออกมาจริงๆแล้วตอนนี้
“น้องเป็นห่วงกู!!”
ความจริงข้อนี้ทำให้ผมมีความสุขจนแทบบินได้ ตอนประกาศชื่อรับตำแหน่งนางสาวไทยเค้าคงรู้สึกแบบนี้กันสินะ รู้สึกมงลงหัว รู้สึกน้ำตาจะไหล
“เออ มึงเออ กูเห็นแล้วครับเพื่อน แต่มึงเบาๆหน่อยได้มั้ยวะ กูอายแทน”
ฮิฮิฮิ
ต้องอายด้วยหรอวะ แล้วทำไมถึงต้องอายด้วยหล่ะ เรื่องดีๆแบบนี้ มันต้องตะโกน มันต้องป่าวประกาศสิถึงจะถูก แล้วทำไมมึงและมึงต้องมองกูด้วยสายตาเอือมๆอย่างนั้นด้วยหล่ะไอ้ปาล์มไอ้จั๊ด ชิ ไม่เป็นกูไม่เข้าใจหรอกเว่ย
*Saved*
*Use as wallpaper*
*Set Both*ฮิฮิฮิ
โคตรฟินเลยโว้ยยยยยย
❥
วันนี้ดูท่าความโชคดีของผม จะยังไม่หมดแค่นี้ หลังจากได้กำลังใจดี วันนี้ก็ว่าจะไปอ้อนคนซะหน่อย ฮิฮิฮิ ตอนแรกก็ใจแป้วว่าน้องมันจะไม่มีเยื่อใยอะไรให้เลย กับคนอื่นผมก็ไม่ยักกะใจบางแบบนี้ แต่พอเป็นคนนี้กลับคิดเล็กคิดน้อยไปหมด แค่น้องมันจะปิดประตูใส่ ใจผมนี่ก็แทบขาด แต่พอเห็นรูปนั้นแล้ว ฮิฮิฮิ บอกเลยว่ากำลังใจพี่ภูมาเต็ม
“ไปกันเลยมั้ย ไอ้ดื้อมาแล้ว”
ไอ้จั๊ดชวนเพราะเห็นเมียเด็กของมันกำลังเดินมาทางที่พวกผมนั่งอยู่
“เห้อออ รู้งี้จีบสาวในคณะดีกว่า มีงานคณะทีจะได้ไม่แห้งเหี่ยวเดียวดายอยู่แบบนี้”
บอกเลยว่ารำคาญหน้าโอเว่อร์แอคติ้งของไอ้ปาล์มมากตอนนี้
“เดี๋ยวหวายก็มาหลังเราเสร็จงานไงครับ”
น้องเท็นหันไปบอกไอ้ปาล์ม ที่พอได้ยินก็ทำหน้าระรื่นทันที พวกมันสี่คนจะไปกินไอติมกันต่อ หลังจากเสร็จงานเลี้ยงรวมสายรหัส ซึ่งผมบอกไปแล้วว่างานนี้ผมขอบาย เล่นไปกันครบคู่แบบนี้ ถึงไปก็คงรู้สึกไม่ต่างจากส่วนเกินดีๆนี่เอง
พวกผมเดินเข้ามาในโรงอาหารตอนเกือบหนึ่งทุ่ม คนเริ่มมากันหมดแล้ว แต่ผมยังหาเด็กจืดไม่เจอ แต่งานนี้ ผมเด็ดกว่านั้น
“ไอ้ภู ทางนี้เว่ย”
เสียงไอ้เอสพี่รหัสเด็กจืดตะโกนมาจากอีกฟากของคาเฟทีเรีย ผมโทรบอกมันก่อนหน้านี้ ว่าจะนั่งข้างสายมัน
“ไอ้จืดหล่ะ”
ผมถามหาเด็กจืดของผม ที่มองหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็น
“ฮะ ใครวะ น้องปีสองกูหรอ เดี๋ยวก็มา”
ลืมไปว่าน้องรหัสปีสองของมันโคตรเนิร์ด ไอ้เอสมันเลยได้ทีแกล้งกวนผม
“กวนนะมึง เดี๊ยะๆ แล้วน้องปีหนึ่งมึงอะ”
ผมถามถึงคนที่คิดถึงโดยไม่เสียเวลาเล่นลิ้นกับมันอีก
“อ๋อ นู่นนนน ขอไปหาแฟน เดี๋ยวมา”
มันยักคิ้วกวนๆส่งมา ก่อนจะชี้ไปทิศไกลลิบๆฝั่งซ้ายของคาเฟทีเรีย เนื่องจากคณะผมคนเยอะ ยิ่งรวมกันสี่ปีแบบนี้ มากันครบที ก็แทบเรียกได้ว่าปิดคาเฟทีเรียเลี้ยงนั่นแหละ
“พี่มึงอะ”
ผมถามถึงพี่ติง พี่ปีสี่ของมัน
“ติดแล็บหว่ะ มาไม่ได้”
“เออ พี่กูก็เหมือนกัน”
ช่วงนี้พี่ปีสี่ต้องทำโปรเจคจบการศึกษารวมถึงฝึกงาน เลยทำให้ไม่ค่อยว่างมาทำกิจกรรมกับน้องๆ วันนี้ผมกับไอ้เอส เลยกลายเป็นคนที่แก่ที่สุดในโต๊ะอย่างไม่ต้องสงสัย ฮิฮิฮิ ว่าแล้วก็หาเรื่องแกล้งเด็กดีกว่า
หลังจากคนมากันเกือบครบ พิธีกรจำเป็นซึ่งเป็นตัวแทนของรุ่นพี่ปีสี่ ก็กล่าวเปิดงานและสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น น้องรหัสผมก็มากันครบแล้ว ส่วนเด็กจืดก็กำลังเดินมาทางนี้
“อ้าว มาแล้วหรอ นั่งเลยปริญ”
ไอ้เอส มึงทำดีมาก เด็กจืดเหวอนิดหน่อยที่ต้องนั่งระหว่างผมกับไอ้เอส ไม่สนครับ งานนี้ผมเนียนไว้ก่อน
“อ่า ครับ”
ฮิฮิฮิ ฟิน
“คิดถึงจัง”
ผมลงมือทำคะแนน ทันทีที่เด็กจืดนั่งลง
“.....”
ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถลึงตาใส่ผมแทน เพราะผมกระซิบไม่เบาเท่าไหร่ โอ๊ย ยิ่งมองยิ่งน่ารักน่าฟัด
“เอาหล่ะครับ ถึงวันนี้พี่ๆปีสี่สายเราทั้งคู่จะมาไม่ได้ แต่พี่จะเพิ่มความอบอุ่นให้น้องๆ ด้วยการทานข้าวร่วมกันระหว่างสาย078กับ287แทนนะครับ”
ผมไม่ลืมที่จะยิ้มและพูดเพื่อสร้างบรรยากาศให้น้องๆผ่อนคลาย หลังจากอาหารทยอยมาเสิร์ฟลงตรงหน้า พึ่งสังเกตด้วยว่า เลขรหัสเราต่างกันแค่ตัวหน้าและตำแหน่งสองตัวท้ายที่สลับกัน งานนี้ไอ้เอสมันยินดีปรีดาเป็นพิเศษ เพราะน้องรหัสของผมมีแต่คนสวยๆ
เราให้น้องแนะนำตัวเองทีละคน จากนั้นก็ลงมือทานกันโดยไม่มีพิธีรีตองให้วุ่นวาย สำหรับอาหารในมื้อนี้ ถือว่าไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด เพราะจุดประสงค์หลักของการจัดกิจกรรม ก็คือการเลี้ยงสายรหัสพร้อมกันทั้งคณะเท่านั้นเอง
“อันนี้อร่อยนะ”
ผมตักปลาทอดน้ำปลาให้เด็กจืด อาศัยเนียนจากตอนตักให้น้องรหัสตัวเอง แล้วมันก็นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือไง ก็เลยอ๊ะ ตักให้ซะหน่อยแล้วกัน ฮิฮิฮิ
“ขอบคุณครับ”
โถ เสียงหวานจ๋อยเลยพ่อคุณของพี่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินเสียงใกล้ๆแบบนี้
“.......”
เด็กจืดหันมามองผม เพราะผมคงจ้องน้องมันมากไป อ๊ะๆๆ เนียนๆทำเป็นกินไปคุยไปก็ได้ ทั้งที่ความจริงอิ่มทิพย์แล้วเนี่ย ฮิฮิฮิ
“ไอ้ภูๆ กินเสร็จแล้ว พวกเราพาน้องไปเปิดหูเปิดตาดีมั้ยวะ”
ไอ้เอสมีสีหน้าระริกระรี้มากเลยครับตอนนี้ หลังจากที่มันได้พูดคุยและถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนให้สองสาวน้องรหัสผมฟัง โดยไม่ได้สนใจสายรหัสที่เป็นผู้ชายของมันเท่าไหร่ ก็อย่างที่บอก เพราะมันดันปากโป้งเฉลยสายรหัสไปตั้งแต่ต้นเทอม ตอนนี้มันเลยเลิกเห่อปาลินของผมไปแล้ว
“ได้ดิ มึงอยากไปที่ไหนอะ”
งานนี้เราต้องเนียนให้มากที่สุดครับ มันไม่เห่อน้องรหัสมัน แต่ผมนี่แหละทั้งรักทั้งเห่อ ทั้งอยากเห็นหน้าน้องมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นอะไรที่จะทำให้ได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
“สาวๆ เอ้ย น้องๆอยากไปทานอะไรกันต่อไหมครับ”
ไอ้เอสเริ่มขายขนมจีบน้องปีหนึ่งปีสองของผมต่อ โดยมีผมคอยสอดส่องอยู่เป็นพักๆ ไอ้เอสมันเป็นคนดีครับ ถึงมันจะมีนิสัยห่ามๆ แต่เวลามีแฟน มันก็คบทีละคน ผมเลยไม่ห่วงมากนัก
“ดาวแล้วแต่พี่ภูเลยค่ะ”
น้องดาวน้องรหัสปีหนึ่งมองผมอายๆ เอ่อ อย่าพึ่งหางานให้พี่ครับน้องดาว
“ปาลินหล่ะครับ อยากทานอะไรดี ไอศกรีม นมปั่น หรือแอลกอฮอล์”
ได้โอกาสก็ต้องทำคะแนนครับงานนี้ เสียเวลาใจบางไปหลายวัน ป่านนี้เด็กจืดคงลืมผมไปหมดแล้ว
“....”
เด็กจืดถลึงตาใส่ผมอีกแล้ว แต่บอกเลย ว่าวันนี้พี่คือคนเก่งหัวใจแกร่ง ต่อให้โดนด่าเหมือนหมูเหมือนหมา พี่ก็จะไม่สะทกสะท้าน
“เอ้อ นั่นสิไอ้เป๋า น้องปริญ พวกมึงอยากกินอะไรกัน”
ไอ้เอสถามน้องรหัสปีสองและปีหนึ่งโดยระบุวรรณะที่มันตั้งเองนำหน้าชื่อไปด้วย ยังดีที่มันยังไม่ลืมว่าน้องมันนั่งอยู่ด้วย
“ไอศกรีมหรือนมก็ได้ แล้วแต่พี่เลยครับ”
เสียงเด็กจืดของผมหันไปตอบไอ้เอส ถ้าผมซื้อหวยคงถูกไปแล้ว เพราะเด็กจืดตัดแอลกอฮอล์ออกเป็นอย่างแรก ดูท่าว่าการไปผับแต่ละที คงไม่ได้มีที่มาจากเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย จืดสมชื่อจริงๆ เด็กจืดของพี่ ถึงน้องจะจืดแต่หวานสำหรับพี่เสมอนะจ๊ะ ผมหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวเพราะตลกความเสี่ยวที่ตัวเองคิดกับคนข้างๆ จึงได้สายตามองมาเป็นคำถามจากคนที่ทำให้ผมเป็นเอามากขนาดนี้ เลยได้โอกาสยิ้มหวานส่งกลับไปให้เสียเลย ฮิฮิฮิ ฟินหนักมากครับนาทีนี้
เมื่อไม่มีคนค้านอะไร สุดท้ายจึงลงเอยกัน ที่ร้านนมหน้ามหาลัย ถึงจะอนุบาลไปหน่อย แต่ถ้าเด็กจืดของพี่มีสีหน้าแช่มชื่น พี่ก็แฮปปี้ ติดอยู่แค่อย่างเดียว..
“ม่านเอานมสตรอเบอร์รี่ปั่นเพิ่มวิปครีม แล้วของลินเอานมจืดร้อน ไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มนะคะ”
เด็กมาร เอ๊ย เด็กม่านขอตามพวกผมมาด้วย และแน่นอนว่าไอ้เอสกับไอ้เป๋าน้องปีสองของมันนี่น่าระรื่นมากจนผมอยากจะด่าซักที เมื่อกี๊กูพึ่งชมมึงเป็นคนดีอยู่เลยนะ ทำไมตอนนี้มึงเปลี่ยนใจจากน้องรหัสกูแล้ว ไอ้ห่าเอส
“พี่ภูจะสั่งอะไรดีคะ”
แหนะ น้องมารที่นั่งตรงข้ามกับผม มียักคิ้วประกาศสงครามส่งมาให้ด้วย
“เอาเหมือนปาลินอีกหนึ่งที่แล้วกันครับ”
ผมยิ้มละไมแต่ส่งสายตาท้าทายไปทางน้องมาร ตั้งใจว่าต่อไปนี้จะเรียกเด็กนี่ แบบนี้แหละ ฮึ่ย
“ปริญกับม่านคบกันนานแล้วหรอจ๊ะ”
เสียงน้องผึ้งปีสองสายผมเองครับ
“อืมมม กี่ปีแล้วอะลิน สี่เนาะ”
ฮึ่ยยยย หมั่นไส้ หน้าระรื่นยิ้มหวานแขนนี่ก็กอดไปสิ คางก็จะซบไหล่ทำไม เดือดครับเดือด มีแต่ความอิจฉาล้วนๆ
“โหหห คบกันนานมากเลยอะ น่าอิจฉาจัง”
เสียงน้องดาวสายผมอีกแล้ว นี่พวกน้องกินเผือกแทนข้าวรึเปล่าครับ พาลโว้ยพาล อยากจะตัดสายก็วันนี้
“อุ๊ย ขอบคุณจ้า แต่ไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉาหรอกน้าาา”
พูดกับดาวแต่ตามองผม มือนี่ก็จับเด็กจืดขึ้นมาถูๆไถๆอยู่นั่นแหละ รู้สึกหงุดหงิดน้องมารสุดๆเลยตอนนี้ อยากจะดึงให้ห่างออกมาจากสุดที่รักของผมเสียจริงๆ
“อิจฉาสิ ก็ปริญหล่อแล้วยังได้แฟนสวยขนาดนี้”
ผมไม่ยอมแพ้ คว้ามือเด็กตรงหน้ามาจับๆบ้าง ทำเป็นลูบๆจะดูลายมือ งานนี้งานเนียนงานหน้ามึนต้องมา น้องมันจะดึงมือกลับผมก็ขืนแรงไว้ ชื่นใจจริงโว้ย
“พี่ภูดูลายมือเป็นหรอคะ ดูให้ดาวบ้างสิ”
รู้สึกว่างานจะเข้า น้องดาวยื่นมือขาวๆมาตรงหน้าผม เด็กจืดกับม่านแพงก็หันมายิ้มให้ผมอย่างคนรอดูเหตุการณ์สนุกๆต่อจากนี้ โว้ย ทำไมถึงซวยแบบนี้
“พี่ก็ดูไม่เป็นหรอกจ้ะ แค่อยากเห็นลายมือคนหล่อที่มีแฟนสวยหน่ะ”
แถสิครับรออะไร วันนี้งานแถต้องมา ต่อให้สีข้างถลอกปอกเปิก แต่ถ้าได้กุมมือนุ่มที่ผมยังเนียนไม่ยอมปล่อยอยู่ตอนนี้ ผมว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก
❥
หลังทานพวกนมกับขนมปังปิ้งปังเย็นทั้งหลายจนอิ่มหนำ สาวๆก็ดูจะสนใจการถ่ายรูปเซลฟี่ขึ้นมาบ้าง
“พี่ภูคะ ถ่ายด้วยกัน”
เกร็งเลยครับงานนี้ มีสายตา(ว่าที่)แฟนจ้องอยู่ด้วย
“ลินจ๋า ถ่ายกันๆ”
แหน๊ะ เด็กมารนี่ก็เอาใหญ่ มีการหน้าแนบหน้า ดึงความสนใจเด็กจืดไปจากผมด้วย หัวร้อนโว้ย
“เราถ่ายรวมกันบ้างดีกว่าเนาะ”
ไอ้เอสกับไอ้น้องเป๋าพยักหน้าจนหัวแทบหลุดพอได้ยินผมพูดจบ แน่นอนว่าพวกมันอยากมีรูปกับสาวๆ ส่วนผมก็เนียนๆครับ ไปยืนข้างเด็กจืดที่ถอยมายืนด้านหลัง งานนี้ใกล้ได้ใกล้ โอบได้ต้องโอบ ฮิฮิฮิ เป็นช่วงเซลฟี่ที่ผมโคตรจะมีความสุขเลย ถึงแม้ว่าจะมีตัวมารคอยขัดขวางอยู่เรื่อยๆก็ไม่ได้ทำให้ความฟินผมลดน้อยลงได้เลย
。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。