*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]  (อ่าน 162516 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



**✿❀ LOCK IT UP! รับฝากใจ ❀✿**



#ภูฟ้าปาลิน

♡━━━━ บทนำ ━━━━♡
❥・ใจดวงที่หนึ่ง・❥ เพราะเหล้ามันเย็น..ผมเลยเป็นไข้
❥・ใจดวงที่สอง・❥ ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้
❥・ใจดวงที่สาม・❥ ความไม่เชื่อใจ
❥・ใจดวงที่สี่・❥ เป็นเสือ ก็ต้องออกล่า
❥・ใจดวงที่ห้า・❥ ม่านแพง คือ แฟนของผม
♡━━━━ Special ━━━━♡ การเจอกันของเรา
❥・ใจดวงที่หก・❥ แพ้ทะเล
❥・ใจดวงที่เจ็ด・❥ เปล๊า!!
❥・ใจดวงที่แปด・❥ ฟังเสียงใจตัวเอง
❥・ใจดวงที่เก้า・❥ กำแพงสูง แต่มีประตู
❥・ใจดวงที่สิบ・❥ รถรางรอรัก
❥・ใจดวงที่๑๑・❥ โอกาส
❥・ใจดวงที่๑๒・❥ วันที่น้องป่วย
❥・ใจดวงที่๑๓・❥ พี่ก็มีซิกแพค
❥・ใจดวงที่๑๔・❥ ฝันร้ายของปาลิน
❥・ใจดวงที่๑๕・❥ แคตตาล็อกของพี่ภู
❥・ใจดวงที่๑๖・❥ วันที่เธอไม่อยู่
❥・ใจดวงที่๑๗・❥ การกลับมาของคนที่เคยมีกุญแจ
❥・ใจดวงที่๑๘・❥ ใจดวงสุดท้าย
❥・ใจดวงที่๑๘・❥ ใจดวงสุดท้าย..(ครึ่งหลัง)
♡━━━━ ใจส่งท้าย ━━━━♡
♡ใจแถม♡



♡━━━━ บทนำ ━━━━♡


คนหนึ่ง..เชื่อในรักแท้ แต่ไม่ต้องการ ในขณะที่อีกคนหนึ่ง.. ต้องการ แต่ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง



..ปาลิน..



เสียงเพลงจังหวะเร่งเร้า แอลกอฮอล์ และคืนวันศุกร์ ดูจะเป็นสมการที่ลงตัวสำหรับใครหลายคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร่างสวยที่ทวีความเร่าร้อนในทุกท่วงท่ายามขยับตัวตามบีทหนักๆของเพลงที่ยากจะจดจำชื่อ หญิงสาวไล้มือจากปากอิ่มของตัวเองที่กำลังเผยอน้อยๆ ลากเลื้อยผ่านมายังลำคอระหงที่คลอเคลียอยู่กับกลุ่มผมสีเฮเซลนัทดัดลอนอ่อน ระผ่านพลิ้วไหวคล้ายจะหยอกล้อกับเนินอกอิ่มที่มีเพียงผ้าผืนสวยคาดทับไว้อย่างหมิ่นเหม่ยามต้องแสงไฟ ขับเน้นให้กายขาวนวลเนียนยั่วเย้าจนยากที่จะละสายตาได้


“ขออนุญาตครับ”


เสียงบริกรหนุ่มดึงความสนใจของผมให้จำต้องละสายตาจากภาพนั้น ถึงจะดื่มไปไม่น้อย แต่เพราะคืนนี้ต้องเป็นสารถีให้คนที่กำลังปล่อยตัวตามจังหวะเสียงเพลงให้ถึงบ้านโดยปลอดภัย ผมจึงไม่คิดจะดื่มจนเกินลิมิตตัวเอง และแน่นอนว่ามีสติมากพอที่จะพิจารณาแก้วเครื่องดื่มทรงสูงที่พึ่งถูกนำมาเสิร์ฟ การตกแต่งของมันพิเศษเสียจนทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะพิจารณาอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ขอบแก้วที่ถูกล้อมรอบด้วยเกล็ดเกลือบริสุทธิ์สีขาวละเอียด ล้อแสงไฟระยิบระยับสะท้อนตาราวหยาดเพชร ไล้รอบรัศมีจนไปบรรจบกับดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกนำมาดึงดูดสายตาไว้ที่มุมขอบแก้วด้านหนึ่ง เรียบ หรู และดูมีรสนิยมไม่น้อย


นอกจากแก้วไม่ทราบที่มาใบนี้จะบรรจุแอลกอฮอล์สีใสที่กำลังกระเพื่อม ตามจังหวะโยกขยับของร่างสวยบนโต๊ะ ผมคิดว่ามันยังเปี่ยมไปด้วยไมตรีที่แสดงออกถึงความสนใจอย่างไม่คิดปิดบังจากผู้ที่ส่งมาอีกด้วย


ใจกล้าไม่เบา..


บริกรหนุ่มไม่ได้ทิ้งปริศนาให้ผมนานนัก เขากระซิบบอกข้อความกับผมเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะผละออกไป เมื่อผมพยักหน้าว่าเข้าใจ



“ลินจ๋าาาาาา”



เสียงหวานอ้อแอ้กับดวงตาปรือปรอย บอกได้เป็นอย่างดีว่าคนด้านบนดื่มไปมากแค่ไหน



“เหนื่อยรึยัง หื้ม”


ผมถามออกไป ในขณะที่คนสวยตรงหน้ายังขยับสะโพกสวยของเธอไม่หยุด



“ของใครอะลิน”


เจ้าของร่างสวยย่อตัวลงมาจับแก้วปริศนาขึ้นมาพิจารณาบ้าง ก่อนจะหรี่ตามองผมอย่างจับผิด เมื่อผมทำแค่ยิ้มและยังไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ


“ของเรานั่นแหละแม่ตัวดี  หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยนะวันนี้ เดี๋ยวเถอะ”


ผมคาดโทษ ก่อนจะบิดจมูกรั้นให้ขึ้นสีชมพูระเรื่อแข่งกับพวงแก้มสองข้างของคนเมา
 

“คนใจร้าย”


ปากพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มกับดวงตาส่องประกายวิบวับราวกับมีเรื่องสนุกเสียเต็มประดารออยู่ตรงหน้า ผมจึงลุกขึ้นอุ้มเจ้าหญิงที่เตรียมตัวซนให้ลงมานั่งดีๆ


โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่เป็น “โต๊ะVVIP” ที่อยู่กลางร้าน แน่นอนว่าแค่ตำแหน่งก็ทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องมาทางเราแทบจะตลอดเวลา ลำพังแค่โต๊ะทรงกลมสีดำสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูคงจะไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตาตื่นใจนัก ถ้าไม่ได้มีเสาสีเมทัลลิคยาวสูงจรดเพดานตั้งอยู่กลางโต๊ะ ดึงดูดสายตาและสะท้อนแสงไฟราวจะล่อลวงให้เหล่าผีเสื้อราตรีขยับปีกวาดลวดลายอวดเสน่ห์จนเวทีเฉพาะกิจนี้ลุกเป็นไฟ

แต่ถ้าคุณไม่ใช่VIPเมมเบอร์ และไม่ได้มีเสน่ห์สะกดทุกสายตาแบบผู้หญิงตรงหน้าผม คุณจะไม่มีวันได้สิทธิพิเศษจากโต๊ะVVIPนี้แน่นอน ทั้งส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม50% รวมถึงบริกรส่วนตัวสำหรับโต๊ะVVIPโดยเฉพาะ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ “ม่านแพง” ผู้หญิงที่สามารถบันดาลสิ่งเหล่านี้ได้เสมอติดอกติดใจจนลากผมมาที่นี่บ่อยๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วทางร้านดูจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์เสียมากกว่า เพราะมีม่านแพง บรรยากาศในร้านตอนนี้จึงแน่นขนัดไปด้วยบรรดาชายหนุ่มที่อยากมาชื่นชมความงามและท่วงท่าเร่าร้อนยามขยับตัวของคนตรงหน้า และผู้หญิงคนอื่นๆก็จะตามมาโปรยเสน่ห์ใส่ชายหนุ่มพวกนี้อีกทอด ไม่ว่าจะแบบไหนก็กำไรเห็นๆ


“จากโซฟาVIPด้านหลังหน่ะ”


ผมกระซิบบอกร่างนิ่มถึงที่มาของแก้วแสนสวยบรรจุแอลกอฮอล์สีใสที่ยังคงเป็นหัวข้อสนทนาของเรา ถึงจะบรรจงอุ้มหญิงสาวลงมาจากเวทีส่วนตัวเมื่อครู่ได้แล้ว แต่คนที่ยังติดใจการขยับร่างกายตามจังหวะเพลง ก็ยังไม่ยอมลงมานั่งเบาะบุนวมอย่างที่ควรจะเป็น

วงแขนที่โอบรอบคอผมไว้ออกแรงขืนตัวให้ผมอุ้มเธอนั่งบนส่วนของโต๊ะที่ลดหลั่นจากส่วนที่มีเสาลงมาหนึ่งสเต็ป มันไม่ได้กว้างนักเพราะเป็นแค่ที่วางแก้ว หรือที่พักแขนของคนที่นั่งอยู่เท่านั้น ผมจึงต้องกอดเอวเธอไว้ ประคองไม่ให้ตกลงมา



“หื้มมม ใจกล้าดีจังเลยน้า”



ม่านแพงมองไปยังยกชั้นทางด้านหลังซึ่งเป็นโซนโซฟาสำหรับดื่มชิลล์ แสงสปอร์ตไลท์จึงไม่ได้ทำหน้าที่ล่วงล้ำเข้าไปมากนัก คนที่เลือกนั่งโซนนั้น ถ้าไม่ใช่ประเภทนักล่าที่มองหาเหยื่อ ก็พวกลูกหลานคนมีตังค์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการดื่มนั่นแหละ จะเข้าไปได้ก็ต้องผ่านการตรวจบัตรสมาชิกระดับVIPเท่านั้น


“ถ้าลินไม่มาด้วย ม่านต้องโดนงาบไปแล้วแน่เลย”


ผมหัวเราะให้กับความคิดน่ากลัวของตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไงก็ไม่เคยคิดจะปล่อยให้ม่านแพงมาคนเดียวอยู่แล้ว



คนในอ้อมกอดไม่ตอบอะไร แต่เลือกที่จะสบตาผมตรงๆและเผยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ออกแรงกระชับแขนที่โอบรอบคอผมให้แน่นขึ้น ก่อนจะยกแก้วแสนสวยขึ้นมาในระดับสายตาของเราทั้งคู่ จากนั้นจึงจรดกลีบกุหลาบแดงบนแก้วใบพิเศษนั้นกับปากของผม แล้วยื่นไปทางที่เจ้าของแก้วนั่งอยู่ เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เปิดปากที่ไม่เปล่งเสียง กระนั้นก็สามารถอ่านปากตามได้ไม่ยากว่า


“ขอบคุณค่ะ”



ม่านแพงเย้ายวนและมีเสน่ห์เสมอ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะทำหน้ายังไงที่ถูกหยอกล้อแต่แฝงไปด้วยการปฏิเสธนี้ การที่เธอจรดริมฝีปากของผมลงไปยังกุหลาบที่พึ่งรับมา คงแปลง่ายๆว่า เธอเลือกจะรับเฉพาะไมตรีจิต แต่แอลกอฮอล์ในแก้ว กุหลาบดอกนี้ และตัวเธอ ล้วนแล้วแต่เป็นของผม



หมอนั่นคงจะเสียหน้าไม่น้อย จะว่าไปแล้วก็อยากเห็นเหมือนกัน ผู้ชายที่กล้า “จีบ” คนมีเจ้าของแล้วขนาดนี้ จะต้องมั่นใจในตัวเองมากๆหรือไม่ก็ไร้มารยาทมากๆแน่นอน แต่ก่อนจะได้เพ่งมองผ่านเข้าไปยังโซนสลัวด้านหลัง ร่างสวยก็โน้มหน้ามาซบที่ไหล่ผมก่อน จึงทำได้แค่กอดประคองเด็กดีของผมให้แน่นกว่าเดิม และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก









ใครต่อใครก็บอกไม่ใช่หรอ “รักแท้คือแย่งชิง รักไม่จริงคือเสียสละ” ถึงแม้จะไม่ได้อินกับไอ้คำว่า
 “รักแท้” นั่นสักนิด แต่ตลอดชีวิตของนาย “ภูฟ้า” คนนี้ สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นเสียด้วยสิ



..ภูฟ้า..


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความท้าทายประเภท “ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้” ดูจะเป็นสโลแกนประจำตัวของผมไปแล้ว



ตอนแรกที่แค่กะจะทักทายดาวมหาลัยคนสวยกับแฟนสักหน่อย


แต่..ในเวลานี้


ดูเหมือนมี “เรื่องสนุกมากมาย” กำลังรอให้นาย ภูฟ้า สิทธิธนานนท์ คนนี้ลงไปเล่นอยู่


“เห้ย ไอ้เชี่ยภู คิดอะไรอยู่วะ หน้าแม่งโคตรเลว”


ไอ้ปาล์มที่พึ่งมาถึงก็เริ่มปากหมาในทันที


“เปล่า”


ผมยักคิ้วกวนตีนใส่มัน ก่อนจะหันไปมองเป้าหมายด้วยความรู้สึกพอใจที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว


“โอ้โห ชัดเลย กี่คู่แล้วมึง เพลาๆบ้าง ทำคนเค้าเลิกกัน บาปนะเว่ย”



ไอ้ปาล์มมองตามสายตาผมไปยังฟลอร์พิเศษกลางร้าน ที่บัดนี้ร่างสวยกำลังกอดก่ายหยอกเย้าจนแทบจะบดเบียดหลอมรวมไปกับศัตรูคนใหม่ของผม โดยไม่แคร์สายตาใครแม้แต่น้อย


“มันเล็งใครไว้อีกวะ”


ไอ้จั๊ดที่ยังไม่หยุดทำตัวแบบสังคมก้มหน้า แต่ก็คงกลัวพลาดประเด็นอะไรไป เลยเอาศอกกระแซะถามไอ้ปาล์มที่นั่งข้างๆ


“โน่นครับมึง โน่นเลย น้องม่านแพง ดาวอักษรปีหนึ่งมากับแฟนเค้า เปิดฟลอร์โต๊ะVVIPด้วยนะมึ๊ง ดีจงดีเจอะไรไม่มีใครสนใจดูแล้ว สวยหล่อทั้งคู่ไม่พอ ลีลาน้องม่านนี่มึงเอ๊ยสุดๆ ถ้ากูเป็นแฟนน้องเค้ากูคงหวงไว้มองคนเดียว แต่น้องผู้ชายก็ดูใจดีหว่ะ คอยเอาใจไม่ห่าง ได้ข่าวคบกันมาตั้งแต่อยู่ม.ปลายด้วยนะ สงสัยจะรักแท้หว่ะ”



ไอ้ปาล์มกับความเห็นของมันที่ไม่มีใครอยากรู้


รักแท้?


ผมนี่แหละจะทำให้มันดู ว่าความจริงแล้ว ไอ้คำคำนี้เนี่ย มันไม่เคยมีอยู่จริง


“น้องเค้าแรงดีหว่ะ กูชอบ”


ไอ้จั๊ดที่พึ่งละสายตาจากหน้าจอมือถือเพื่อมองการพลอดรักที่ร้อนแรงเอ่ยวิจารณ์ เรียกรอยยิ้มที่มุมปากผมได้ทันที


เออ


กูก็ชอบ


แต่ผมก็เลือกจะส่งเหล้าเข้าปากแทนการพูดอะไรออกไป


“คู่นี้เค้าโคตรสวีทเหอะ กูเห็นหวายกดติดตามแฟนเพจม่านฟ้าปาลินอยู่ ถ้าให้พูดเรื่องนี้นะมึง ดี๊ด๊ามากอะแฟนกู”


ไอ้ปาล์มมันติดแฟน ถึงตัวไม่มาแต่ถ้ามีโอกาสนิดๆหน่อยๆก็ขอให้ได้พูดถึง ผมเอือมจนไม่รู้จะเอือมยังไงเลยขี้เกียจจะสนใจมันอีก


“คนมีความรักอะมึง ปล่อยไปซักคู่ได้มั้ยวะ ไม่เห็นแก่เค้าก็เห็นแก่กูก็ได้ หวายเอากูตายแน่ ถ้าปล่อยให้มึงไปยุ่งกับน้องม่าน”


อุตส่าห์ไม่สนใจ แต่ไอ้ปาล์มมันยังพล่ามถึงแฟนมันไม่หยุด จนผมเริ่มจะรำคาญมันขึ้นมาจริงๆ


“ความรักนี่แดกได้มั้ยวะ”


ไม่ได้จะกวนตีน ที่ถามก็เพราะอยากรู้เฉยๆ รักแล้วไง ไม่รักแล้วไง ฟ้ามันจะถล่มลงมาตรงหน้าเลยหรือเปล่า บ้านจะโดนยึดหรือประเทศชาติจะล่มสลายหรืออย่างไร ทำไมใครๆต้องให้ความใส่ใจกับมันนัก


สำหรับผม ความรักมันก็เป็นแค่เกมเกมหนึ่ง มีคนชนะก็ต้องมีคนแพ้ จะต่างจากเกมทั่วไปก็แค่.. ความรักหน่ะนะ มันไม่มีความยุติธรรม


ไม่ว่าจะเรียกร้องมากมายแค่ไหน


มันก็ไม่เคยมี


“มันแดกไม่ได้แต่มันอิ่มหว่ะ กูก็บอกไม่ถูกหรอกนะว่ายังไง ถึงมันจะไม่อิ่มท้อง แต่แม่งอิ่มใจหว่ะ มึงลองดูดิ รักใครสักคนจริงๆสักที”


ไอ้ปาล์มมันลุกมานั่งบังวิถีสายตาผม จนผมต้องจิ๊ปากใส่ให้รู้ว่ากำลังรำคาญ


“เอาไว้กูว่างมากๆ มีเวลาเหลือเฟือเพื่อหายใจทิ้งไปวันๆแล้วกูจะคิดดูอีกที”


ผมเอามือผลักหัวไอ้ปาล์มให้กลับไปนั่งที่เดิม ตาก็มองตามดาวมหาลัยคนสวยที่กำลังถูกโอบประคองไปทางห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่ง


“และที่สำคัญนะมึง ตบมือข้างเดียวไม่เคยดังนะครับ”


ผมพูดความจริงที่ไอ้ปาล์มเถียงไม่ออก แสยะยิ้มมุมปากแบบตัวโกงที่เคยเห็นในละครหลังข่าว แล้วเลือกที่จะลุกขึ้นเพื่อเปิดเกมของผมซักที



“อื้มมม จ้าาา เอาเล้ยยยย เอาแม่งให้หมดมหาลัยเลยนะ คู่ไหนรักกันมากๆมึงก็อย่าไปยอม อย่าให้เสียชื่อคุณภูสอยดาวได้”


เสียงไอ้ปาล์มประชดมาจากโซฟาVIPที่ผมพึ่งลุกเดินจากมา ถึงมันจะเถียงเรื่องที่ผมพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงมารบกวนสมองของผมที่กำลังคิดหาวิธีชนะในเกมนี้ และแน่นอนว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใจเสียงนกเสียงกาของมัน
 

ผมแค่เข้าไปจีบ
ผู้หญิงพวกนั้นเองต่างหาก ที่เลือกจะทิ้งแฟนแล้วมาหาผม ไม่ได้บังคับมาสักหน่อย



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。




สวัสดีค่ะ Sugar_stack ค่ะ ^^

ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ ที่ได้มีนิยายเป็นของตัวเอง

ถึงแม้คำโปรยตอนต้นเรื่องอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นนิยายดราม่า

แต่จริงๆแล้วรับฝากใจเป็นนิยายฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งนะคะ ><

และเพราะเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรก ภาษาหรือการบรรยายอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

ดังนั้นหากใครอยากติชมหรือมีข้อแนะนำ ก็คอมเมนท์ไว้ได้เลยค่ะ

จะพยายามปรับปรุงแล้วพัฒนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ

หรือใครจะเมาท์เกี่ยวกับนิยาย ฟีดแบคต่างๆ ก็สามารถคอมเมนท์ไว้ได้

แน่นอนว่ากำลังใจของคนแต่งก็คือคอมเมนท์เหล่านี้นั่นเองค่ะ(⋆^-^⋆)

สำหรับใครที่เล่นทวิตเตอร์ เรื่องนี้ใช้แท็ก #ภูฟ้าปาลิน ขอเชิญชวนไปเล่นกันเยอะๆนะคะ

จะพยายามมาลงนิยายอย่างสม่ำเสมอและสัญญาว่าจะไม่ทิ้งไว้กลางทาง

สุดท้ายนี้ก็หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านมีความสุขได้บ้าง ถึงจะแค่หนึ่งคนก็ดีใจแล้วค่ะ ヾ(^ヮ^)ノ



แฟนเพจ เพื่อติดตามเรื่องนี้ ตอนพิเศษ และนิยายในอนาคต
https://www.facebook.com/Sugarstackstory/

คอมเมนท์หรือพูดคุยในทวิตเตอร์
Twitter @Sugar_stack

 

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2019 11:21:57 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่หนึ่ง・❥



เพราะเหล้ามันเย็น..ผมเลยเป็นไข้



..ปาลิน..



ยอมรับว่าแรกๆก็อายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะเสียงเพลงและแอลกอฮอล์คือสองสิ่งที่ม่านแพงมักเลือกที่จะใช้ในการบรรเทาความเครียดสะสมระหว่างสัปดาห์ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ามันคือการชาร์จแบตชีวิตในแบบของเธอ ผมจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าที่ในการยืนรอม่านแพงที่หน้าห้องน้ำหญิง ต้องเป็นหน้าที่ประจำของผมแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย และเพราะไม่อยากบกพร่องในหน้าที่ ผมจึงเลือกที่จะเก็บซ่อนความประหม่ายามเมื่อต้องสบสายตาใครต่อใครในเวลาแบบนี้


“อ้าว นี่ใช่น้องปริญ วิดยาปี1ป้ะ”


อยู่ดีๆผู้ชายที่สูงกว่าผมไม่น้อยกว่าห้าเซนติเมตร ก็เดินเข้ามาทักทายผมด้วยชื่อเล่นอย่างเป็นกันเอง


“อ่า ครับ”


“แล้วมาทำอะไรตรงนี้ เมาแล้วหรอเรา”   


“ยังหรอกครับ พอดีผมมารอแฟนเข้าห้องน้ำ”


ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ประเภทที่สามารถพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างสบายๆ แต่การใช้คำว่าคนแปลกหน้า ก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก เพราะผมคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี


“อ้อ ใช่น้องม่านแพง ดาวมหาลัยคนสวยม.เรารึเปล่า”


“ครับ คนเดียวกัน”


“ดีจังนะ ปริญก็หล่อ น้องม่านแพงก็สวย พี่ชักจะอิจฉาซะแล้วสิเนี่ย”


“อ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


“งั้นถ้าพี่อยากมีแฟนสวยเหมือนปริญ ปริญจะช่วยสอนเคล็ดลับมัดใจน้องม่านแพงให้พี่บ้างได้รึเปล่า เผื่อพี่จะได้เอาไปปรับใช้”


ประโยคกึ่งเล่นกึ่งจริงขัดกับดวงตาทอประกาย ราวกับเจ้าของของมันกำลังเจอเรื่องถูกใจหนักหนา ไม่บอกก็รู้ว่าการแซวผม ทำให้รุ่นพี่คนนี้สนุกมากแค่ไหน


“ระดับพี่ภูฟ้าผมคงไม่กล้าสอนหรอกครับ แล้วอีกอย่างม่านก็เป็นแฟนคนแรกของผม ผมคงไม่มีประสบการณ์ในการจีบมากมายขนาดนั้น”



ผมจำใจตอบคำถามที่ถูกส่งออกมาไม่หยุด ก็แน่หล่ะ ในเมื่อคนที่กำลังส่งยิ้มทั้งปากทั้งตา ตามประสาคนถนัดโปรยเสน่ห์อยู่นี้ เป็นรุ่นพี่ในคณะควบตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยปีสาม ผมจึงไม่กล้าจะพูดตัดบนห้วนๆแบบที่ชอบทำเวลาเจอคนที่ไม่รู้จักเข้ามาทัก


“หื้ม แฟนคนแรกเลยหรอ”


“ครับ แฟนคนแรก”


“สงสัยจะรักกันมากสินะ”


“ครับ?”


“ฮ่าๆๆ พี่หมายถึง ต้องรักกันมากเลยใช่มั้ยหล่ะ ถึงคบกันได้นาน พี่ได้ยินว่าตั้งแต่ม.ปลาย”


“อ่อ ครับ ตั้งแต่ม.4”


“อืม 4 ปีเลยหรอ นานจริงๆด้วย ว่าแต่ปริญหน้าแดงหน่อยๆนะเนี่ย ดื่มไปเยอะ หรือว่าเขินที่พี่ถามถึงแฟน”


ประโยคชวนคุยจากคนที่ดูจะติดนิสัยเฟรนด์ลี่ไปทั่ว ถูกส่งมาให้กับคนที่มนุษยสัมพันธ์ต่ำเกินมาตรฐานอย่างผมอย่างต่อเนื่อง ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนชอบยิ้มชอบคุยพร่ำเพรื่อ แต่ความแพรวพราวประมาณนี้ ผมว่าเก็บไว้ใช้แค่กับสาวๆน่าจะเข้าท่ากว่า


ผลั่กกก


“ขอโทษนะครับ เป็นอะไรรึเปล่า โห เปียกหมดเลย”


ก่อนที่จะได้ตอบอะไรรุ่นพี่ร่วมคณะ อยู่ดีๆก็มีคนเมาเดินเซมาชนเข้ากับตัวผมที่ยืนพิงผนังอยู่ ชนอย่างเดียวไม่ว่า แต่นี่แก้วเหล้าในมือยังกระฉอกมาโดนตัวผมจนเปียก สงสัยจะยังพอมีสติอยู่ คนเมาเลยทำตาโตจ้องมองวีรกรรมตัวเองที่ทำไว้กับผมจนทั่วตัว ลากสายตาจากบนลงล่างแล้วต่อด้วยล่างขึ้นบน สลับไปสลับมาไม่หยุด จนผมนึกกลัวว่าคนที่เป็นอะไร จะกลายเป็นเขาแทน


“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ คุณเดินต่อเถอะ”


ผมไม่อยากจะให้เรื่องแค่นี้ต้องมาเป็นประเด็นอะไรให้วุ่นวาย โบราณว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา คิดๆไปแล้ว วันนี้ผมอาจจะแค่โชคร้ายไปหน่อย เลยได้เจอพร้อมกันทั้งคนบ้าและคนเมา


“เปียกขนาดนี้ แล้วเสื้อคุณก็สีขาวด้วย จะรังเกียจมั้ยครับ ถ้าผมอยากจะให้คุณใส่เสื้อของผมแทนคำขอโทษ”


ไม่พูดเปล่า แต่คนที่ตัวสูงพอๆกับรุ่นพี่ปีสามที่ยังคงยืนเงียบอยู่ข้างผม กลับถอดแจ็คเก็ตสีดำของเขายื่นส่งมาให้


“ไม่เป็นไรครับ คงไม่สะดวกเท่าไหร่”


ผมก็กะจะตอบออกไปแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก คนที่ยืนเงียบเฉยมาตั้งนานกลับชิงพูดขึ้นก่อน มิหนำซ้ำยังเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ แล้วใช้มืออีกข้างปัดเสื้อแจ็คเก็ตที่ยังคงถูกยื่นค้างจากคนเมาตรงหน้าให้กลับไปยังเจ้าของ


“แต่เสื้อบางมากนะครับ รับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวแลกเบอร์กันไว้ แล้วค่อยเอามาคืนให้ผมทีหลังก็ได้”


อาศัยจังหวะที่ผมยังมึนงงกับการกระทำคนข้างๆ ความหวังดีจากคนเมาก็ยังคงถูกยัดเยียดมาให้กับผมไม่หยุด วันนี้ผมสวมเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซต์สีขาว เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ตัวโปรดสีดำ ความเปียกชื้นจากแอลกอฮอล์สีชาทำให้เสื้อที่เคยใหญ่กว่าขนาดตัว แนบลงมายังผิวเนื้อทุกตารางนิ้ว ความเย็นจากน้ำแข็งในแก้ว ทำให้ผมต้องกัดปากตัวเองเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้ และคงเพราะสายตาเห็นใจจากเจ้าของเสื้อแจ็คเก็ตที่ยังคงมองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ ทำให้รุ่นพี่เดือนมหาลัยที่ยังคงพาดแขนไว้กับไหล่ผม ต้องก้มหน้าลงมาสำรวจสภาพผมบ้าง


พรึบ


แล้วความบ้าระลอกสองก็ตามมา เมื่อรุ่นพี่ที่ผมพึ่งคุยด้วยไม่ถึงห้านาที ดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก มิหนำซ้ำยังกดหัวผมให้จมลงไปในอ้อมกอดนั้นอย่างเอาแต่ใจ ทั้งๆที่ผมพยายามขืนตัว แต่คนบ้าก็ยังเป็นคนบ้า นอกจากจะทำอะไรบ้าๆแล้ว เขาก็ยังมีแรงเหลือเฟือที่จะรัดผมแน่น จนแทบกระดิกตัวไม่ได้


“ชู่วววว อย่าดื้อ”


ดูเหมือนการขัดขืนของผมจะไม่เป็นผลเลยสักนิด ก็ในเมื่อใครกันแน่ที่ดื้อ และใครกันแน่ที่เผด็จการ


“คนของผม ผมดูแลเอง”


เสียงของคนที่ยังเอาแต่ใจดังขึ้นข้างหู แม้เสียงเพลงในผับจะดังแค่ไหน แต่ผมที่ยังถูกบังคับให้ซบไหล่พี่เขาอยู่ก็ได้ยินชัดทุกคำ ว่าแต่ใครเป็นของใครนะ แล้วไหนจะน้ำเสียงแฝงรังสีอำมหิตนั่นอีก นี่พี่เขาบ้าไปแล้วจริงๆหรือไง


“เอ่อ ผมไม่รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว เห็นคุณก็พึ่งเดินมาทัก เลยนึกว่าผมก็ยังมีหวังเสียอีก ต้องขอโทษด้วย”


แล้วไอ้อาการเชื่อในทันทีของคนเมาที่พยายามดึงดันในตอนแรกนี่มันอะไร ทำไมเชื่อคนง่ายขนาดนั้น ไม่เห็นรึไงว่าผมก็พยายามขืนตัวออกจากวงแขนของคนที่ทึกทักเป็นเจ้าของผมอยู่ ไม่ใช่ว่าอยากจะสานสัมพันธ์ตามที่เขาพูดหรอกนะ แต่อะไรที่ทำให้เขาปักใจเชื่อต่างหากที่ทำให้ผมสงสัย


“ดื้อ”


คนที่ยังคงกอดผมแน่นอยู่หลายนาที ทั้งๆที่ผมก็มั่นใจว่าคนเมาเดินจากไปแล้ว และผมก็ดิ้นแรงขึ้นมากแต่กลับไม่ยอมปล่อยผมสักที อยู่ดีๆก็ผละตัวออกเพียงเล็กน้อย เพื่อจ้องตากับผม และบอกว่าผมดื้อเนี่ยนะ แล้วไหนจะริมฝีปากบางที่ยู่เข้าหากันราวกับเด็กที่กำลังโดนขัดใจนั่นอีก นี่เราไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย


“ปล่อยผมเถอะครับ”


ผมยังคงออกแรงดันอกของคนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัว ถึงแม้จะรู้ดีว่าเสียเวลาเปล่าถ้าเจ้าของวงแขนไม่ให้ความร่วมมือ


“เปียกจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหนนี่ยังจะให้ปล่อยอีกหรอ”


นั่นมันก็ปัญหาของผมเองมั้ยหล่ะ แล้วที่สำคัญ พี่เขาจะมายืนแนบชิดและเปียกไปกับผมทำไม


“ผมเป็นผู้ชาย ไม่เป็นไรหรอกครับ”


ใครจะมาสนกันว่ามีผู้ชายเสื้อเปียกอยู่ในผับ มืดก็มืด แล้วที่สำคัญถึงเสื้อจะบาง แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเสียหายและถูกมองอย่างหื่นกระหายจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดสักหน่อย


“ลิน”


เสียงม่านแพงช่วยเรียกสติผมให้หลุดออกมาจากเกมจ้องตากับรุ่นพี่จอมเผด็จการ


“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ นี่คุณทำอะไรลิน”


ม่านแพงที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำคงมองเห็นแววตาอิหลักอิเหลื่อของผมที่ส่งไปให้ เจ้าของใบหน้างามล้ำจึงดูจริงจังขึ้นหลายส่วนคล้ายจะสร่างเมาแล้วไม่น้อย ม่านแพงตรงเข้ามาดึงผมให้หลุดจากพันธนาการมนุษย์ที่ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ


“เพื่อนน้องกำลังเปียก เสื้อนี่ไม่ต้องพูดถึง บางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน”


ม่านแพงชะงักหลังจากฟังผู้ชายคนนี้พูดจบ


“ม่าน ลินไม่เป็นไร พี่ครับ ปล่อยผมเถอะ ขอบคุณที่ช่วยครับ”


ผมบอกม่านแพงให้คลายกังวลในต้นประโยค แล้วท้ายประโยค เปลี่ยนเป็นการบอกผู้ชายที่ยังคงกอดกระชับผมไว้ แม้ตอนนี้จะไม่ได้กดให้หน้าผมแนบไปกับซอกคอเขาแล้ว


สภาพผมคงดูไม่จืด และปริมาณเหล้าที่กระฉอกมาโดนตัวผมก็คงแทบล้นแก้ว จึงทำให้ผมเปียกยับเยินขนาดนี้ ขนาดที่ว่ารุ่นพี่ที่ไม่ได้สนิทกันจะเกิดความเวทนาและหวังดีอยากช่วยผมจากภาวะหนูตกถังเหล้า ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด


“ปล่อยลิน ลินเป็นแฟนฉัน เดี๋ยวฉันดูแลเอง”


เมื่ออ้อมกอดยังไม่ถูกคลายออก ม่านแพงจึงพูดซ้ำอีกครั้ง ผมมองเห็นดวงตาที่วาวโรจน์ขึ้นชั่วขณะ แต่แล้วก็ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดราวกับกำลังข่มใจ


“ถ้าอยากดูแลก็รีบหาเสื้อมาให้แฟนเปลี่ยนดีกว่านะ”


ทำไมทุกคนต้องเห็นว่าการที่ผมเปียกมันเป็นเรื่องใหญ่โตด้วยเนี่ย อันที่จริงมันแค่เรื่องนิดเดียวจริงๆนะสำหรับผม


“มีเสื้อในรถ เดี๋ยวจะเอามาให้ลินเปลี่ยนเอง ลินไปรอในห้องน้ำเถอะ”


ม่านแพงคงไม่พอใจรุ่นพี่คนนี้พอสมควร เธอจึงเลือกที่จะข่มอารมณ์และหันมาคุยกับผมแทน


“ไม่เป็นไรนะม่าน กลับกันเลยก็ได้ อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะ มันอันตราย”


ผมไม่ยอมให้ม่านแพงเดินไปเอาเสื้อที่รถคนเดียวแน่ๆ สถานที่อโคจรแบบนี้ ใครจะมาดีมาร้ายก็ยากที่จะรู้ ไม่อย่างนั้นคนที่มักจะหลีกเลี่ยงสถานที่เสียงดังอย่างผม จะยอมมากับม่านแพงทุกครั้งทำไมกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วง


“แล้วจะเดินออกไปได้ยังไง เสื้อเปียกขนาดนี้”


ไม่ใช่เสียงม่านแพง แต่กลับเป็นเสียงหงุดหงิดจากคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ก็พอจะรู้ว่าพี่เขาหวังดี แต่ผมว่ามันมากเกินไปหน่อย ในเมื่อม่านแพงมาแล้ว พี่เขาก็ควรจะปล่อยผมได้แล้ว


“เปียกมากๆเลยหรอลิน โป๊ขนาดนั้นเลยหรอ”


“มากๆ”


คนที่ดูจะเคลียร์ด้วยยากที่สุดยังคงกดเสียงดุเพื่อเน้นย้ำความคิดของตัวเอง ม่านแพงก็ยังคงจ้องมาที่ตัวผมราวกับจะมองให้ทะลุตัวพี่ภูฟ้าซึ่งบังผมจนมิดให้ได้  ถ้าไม่ติดว่าม่านแพงต้องโกรธแน่ๆ จะให้ผมถอดเสื้อตัวปัญหานี้ออกแล้วเดินกลับไปเอาเสื้อในรถเองก็ยังได้ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมคิดว่าผมควรจะเลือกวิธีที่น่าจะถูกใจทุกฝ่ายแทน


“ไม่อะม่าน ไม่ขนาดนั้น พี่ครับ ปล่อยได้แล้ว ขอบคุณมากจริงๆครับ”


คนหน้ามึนก็ยังคงเป็นคนหน้ามึน ตอนนี้ปัญหาเล็กน้อยของผม กลายมาเป็นปัญหาระดับชาติได้ยังไงกัน


“ใช่ ปล่อยลินซักที ก็รู้ว่าคุณคงหวังดี แต่นี่ก็มากไปแล้วนะคะ ถ้าจะกอดไม่ปล่อยขนาดนี้”


ม่านแพงเป็นคนขีดความอดทนต่ำครับ โดยเฉพาะกับคนพูดไม่รู้เรื่อง


“น้องๆ มานี่”


เด็กเสิร์ฟซักคนถูกเรียกไว้ก่อนจะเดินผ่านพวกเราไป แทนที่จะรีบปล่อย คนตัวสูงกลับเลือกที่จะเผด็จการต่อไป แล้วยังทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมกับม่านแพงพูดอีกด้วย


“ครับ?”


“เดินไปส่งคุณผู้หญิงคนนี้หยิบของในรถนะ แล้วก็เดินกลับมาส่งด้วย อ้อ แล้วบอกการ์ดด้านหน้าว่าคุณภูฟ้าต้องการให้ตามออกไปส่งคุณผู้หญิงที่ลานจอดรถด้วยอีกคน”


ผู้ชายที่คงมีเส้นสายและบารมีเงินไม่น้อย ยัดธนบัตรสีเทาหลายใบใส่มือเด็กเสิร์ฟ ตามด้วยบัตรอะไรสักอย่างที่มีโลโก้ของผับ ทำให้เด็กหนุ่มที่ถูกไหว้วาน นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว ยังรีบปรี่เข้ามาผายมือเชิญม่านแพงให้เดินออกไปแทน


“โอเค ฉันจะทำตามนี้ แต่คุณต้องปล่อยลิน แล้วให้ลินไปรอฉันในห้องน้ำ”


ม่านแพงคงโมโหไม่น้อย ดูได้จากสรรพนามที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมายามแทนตัวเอง แต่ก็คงเห็นว่าการยื้อไปมากับผู้ชายคนนี้ ดูจะเสียเวลาเปล่าๆจึงยอมที่จะทำตาม


“ผมจะพาปริญเข้าไปเอง รีบไปเอามาเถอะ”


เหมือนผมกลายเป็นตุ๊กตาที่ถูกเด็กเอาแต่ใจสองคนยื้อแย่ง ไม่มีใครฟังผม และทำได้แค่รอการตกลงกันจากคนทั้งคู่


ผมถูกกอดประคองเข้ามาในห้องน้ำ และยังถูกบังคับให้ยืนพิงกำแพงโดยมีสองแขนของคนอายุมากกว่าคร่อมไว้อีกที ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะประหลาดเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะตกใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนจะยังมีเรื่องให้ผมได้แปลกใจเกิดขึ้นตามมาอีกไม่หยุด


“พี่ครับ ปล่อยผมรอม่านอยู่นี่แหละ ขอบคุณนะครับ”


ผมอยากจบเรื่องตรงหน้าเสียทีจึงยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคนตรงหน้าอย่างที่ผมคิดว่าอ่อนน้อมที่สุด


แต่นอกจากหัวคิ้วขมวดกับสายตาขุ่นเคือง ก็ไม่มีการตอบรับใดๆกลับมาอีก สองแขนที่เปลี่ยนจากการกอดตั้งแต่เราเข้ามาในห้องน้ำ ก็ยังทำหน้าที่ค้ำยันเหนือร่างผมอยู่ราวกักขัง


อยากจะบ้าตายจริงๆ นี่เขาไม่คิดจะแคร์สายตาคนอื่นเลยหรือยังไง ความจริงเราสองคนก็ถูกจับตามองจากสายตาหลายคู่ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาทักผมเลยด้วยซ้ำ แล้วยิ่งตอนนี้ที่ยืนคร่อมตัวผมไว้กับผนังห้องน้ำเนี่ย ไม่คิดเลยหรือว่าคนอื่นเขาจะมองยังไง แค่คิดผมยังปวดหัวเลย




“เสื้อครับคุณภู”


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมก็โล่งใจทันที เมื่อได้ยินเสียงเด็กเสิร์ฟที่คงยืนอยู่ด้านหลังเขาอีกทีพูดขึ้น แน่นอนว่าความสูงของพี่ภูฟ้าบดบังสายตาผมจนทำให้ไม่เห็นอะไรนอกจากแผ่นอกที่จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วกว่าผมมาก


“อืม ขอบใจ ฝากไปยืนเป็นเพื่อนคุณผู้หญิงด้านหน้า ก่อนที่ฉันจะออกไปด้วย”


ผมเหลือบมองคนตรงหน้าที่ออกคำสั่งออกไป ตอนแรกผมกะจะรีบๆเปลี่ยนแล้วรีบออกไปหาม่าน แต่คำสั่งรอบคอบของเขา ก็ทำให้ผมได้เห็นมุมใส่ใจของเขาเหมือนกัน


“ขอบคุณครับ”


ผมอดยิ้มให้เขาไม่ได้ ถึงจะทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาที่ต้องทำตามความต้องการของเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขาแก้ปัญหาได้ดีจริงๆ


“อือ”


เขามองผมชั่วครู่ ก่อนจะส่งเสียงตอบรับเบาๆในคอ



..ภูฟ้า..


ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุกอย่างมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผมไปหมด เกมของผมควรจะเริ่มขึ้นในทันทีที่ม่านแพงปรากฏตัว แต่ทำไมผมกลับละสายตาจากผู้ชายตรงหน้าไม่ได้


สมองผมคงต้องผิดปกติอะไรซักอย่าง ผมมั่นใจ ก็มันใช่เรื่องรึเปล่าที่ผมเอาแต่ช่วยศัตรูไม่หยุด


แค่เห็นมัน เอ่อ คนตรงหน้า ที่คอยแต่พูดคำว่าไม่เป็นไร ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่ามีสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย ส่งมาจากไอ้ผู้ชายหน้าหม้อที่ทำเป็นแกล้งเมา มิหนำซ้ำยังใช้ลูกไม้ตื้นๆเพื่อทำความรู้จักด้วยการเดินชน


ก็จะไม่อะไรหรอกนะ ถ้าไม่ได้ดูจงใจขนาดนี้ แล้วไหนจะแก้วเหล้าในมือที่กะเอามาสาดชัดๆ เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้อแพงนั่นก็ดูจะพอเหมาะพอดีไปเสียหมด


เหอะ คนที่เชื่อว่าเป็นแค่อุบัติเหตุก็คงจะมีแต่เด็กสามขวบกับคนเอ๋อๆที่ผมกักตัวไว้นี่แหละ มีอย่างที่ไหนพูดมาได้ว่าเสื้อเปียกๆนี่ไม่เป็นปัญหา ก็มันจะไม่เป็นปัญหาได้ยังไงเล่า เชิ้ตตัวขาวนี่ก็ผ้าบางเบาจนน่าจะฟ้องสคบ.ให้เอาผิดเจ้าของแบรนด์ให้หลาบจำ มีอย่างที่ไหน พอโดนน้ำนี่ผ้าแทบละลายไปกับผิวเนื้อขาวๆนั่น แนบไปหมดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก จนกระดุมเม็ดสุดท้าย อะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าก็ถูกเน้นจนชัด ตั้งแต่ลอนหน้าท้องแบบคนสุขภาพดี ที่ถึงจะไม่เท่เท่าของผม แต่มันก็เห็นได้ชัด จนไม่ต้องจินตนาการถึงตอนถอดเสื้อเลยสักนิด และเพราะความเย็นจากน้ำปะทะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอุณหภูมิต่ำเอาใจพวกที่ชอบการขยับร่างกายตามจังหวะดนตรี จุดเล็กๆสีชมพูกลางอกสองข้างที่ไม่ควรจะดุนดันขึ้นมา กลับแข็งขืนเตรียมอวดตัวเองต่อสายตาใครต่อใครให้น้ำลายหก ดูอย่างไอ้หื่นเจ้าของแผนชั่วนั่นเถอะ มองจนลืมเก็บอาการไปเลย อยากจะบอกมันเหมือนกัน ว่าลูกไม้ตื้นๆแค่นี้ ถ้าคิดจะใช้หน่ะ ยังเร็วไปร้อยปี


แต่เพราะไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนั้น ผมเลยต้องเสียสละตัวเองกอดเด็กเอ๋อให้จมไปกับอก หน้าซื่อๆปากแดงๆแบบนี้ มีหรือจะทันใครเขา ขนาดตอนหนาวยังกัดปากตัวเองเสียยั่วยวนขนาดนั้น มีหวังพวกนักล่าทั้งหลายมาเห็นเข้า ก็คงกระโจนใส่ไปแล้ว ถ้าไม่มีคนมีเมตตาแบบผมช่วยไว้ก่อน


“พี่ครับ ผมจะใส่เสื้อ”


ตัวปัญหาช้อนสายตาขึ้นมาสบกับผม ดวงตากลมโตที่มีประกายใสแจ๋วแบบนั้น มันน่าจะทำให้น้ำตาคลอซักที แล้วไหนจะปากแดงๆที่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นสีชมพูซีดๆเพราะความหนาวเย็นนั่นอีก มันน่าจะถูกลงโทษด้วยอะไรสักอย่างจริงๆ แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก และไม่มีเวลาที่จะคิด


“แป๊บนะ”


ผมรีบกดล็อคประตูห้องน้ำทันที หลังจากที่ผู้ชายคนสุดท้ายเดินออกไป ก็หุ่นไอ้เด็กนี่ล่อเสือล่อตะเข้น้อยเสียเมื่อไหร่ ทั้งๆที่ไม่ได้ตัวบางร่างน้อยสูงร้อยห้าสิบแบบที่ผมเคยเห็นไอ้พวกเพื่อนผมที่ชอบเพศเดียวกันพาเดินควงในมหาลัย แต่ความสูงประมาณร้อยแปดสิบ ผิวขาวอมชมพู หน้าใสๆ ตาโตๆ ปากนิดจมูกหน่อยมีแก้มนิดๆแบบนี้ ผมฟันธงได้เลยว่าคงมีทั้งหญิงและชายที่อยากเป็นพรานเพื่อออกล่า ดูอย่างไอ้คนที่แกล้งเมาเมื่อกี๊ก็ได้ ถ้าผมไม่อยู่ ป่านนี้เด็กเอ๋อๆแบบนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้


พรึบ


ไม่รอให้ผมอนุญาต เจ้าเด็กนี่ก็ลงมือถอดเสื้อเปียกออกจากตัว ทันทีที่เชิ้ตตัวบางถูกถอดออก หัวไหล่ขาวก็ปรากฏต่อครรลองสายตาของผม แผ่นหลังเนียน เอวคอดและสะโพกสอบ ทำให้ผมที่อยู่ดีๆก็รู้สึกหน้าร้อนต้องเบนสายตาหนี สงสัยผมจะมีไข้ คงเพราะเสื้อที่เปียกจากการช่วยเด็กนี่แน่ๆ


“พี่ไม่สบายรึเปล่าครับ หน้าแดงๆ”


ผมหันไปสบสายตาที่สะท้อนมาจากกระจกตรงหน้า เพราะมัวแต่สงสัยว่าตัวเองกำลังจะป่วย จึงไม่ทันเห็นว่าเด็กนี่ยืนอยู่หน้ากระจก และที่สำคัญกำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตได้แค่สองเม็ด ไอ้หุ่นที่เคยคิดว่าก็พอใช้ ตอนมองจากด้านหลัง พอมองด้านหน้าก็..


“พี่!”


เห้ยยย อะไร!! ผมตกใจที่เด็กนี่พุ่งตัวเข้ามาหา มิหนำซ้ำมือก็เอาแต่ยุ่มย่ามกับหน้าผม จนผมหายใจไม่สะดวก


“พี่!! พี่เลือดกำเดาไหล!!”


หะ ห้ะ! เลือด!! ผมเอามือปาดที่จมูกแล้วมองตัวเองในกระจกก็พบว่ามีเลือดหยดสีแดงกำลังไหลลงมาจากจมูกตัวเองจริงๆ


“ก้มลงนิดนึง แล้วเอามือบีบจมูกไว้ก่อนนะครับ”


เด็กเอ๋อที่ไม่รู้ว่าขยับมาใกล้ผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังยื่นหน้าเข้ามาดูอาการผม จนลมหายใจอุ่นๆของเราประสานกัน แถมไม่พอยังสาละวนจับมือผมขึ้นมาบีบจมูกตัวเองไว้อีก อยากจะตะโกนบอกมันมากว่า ไปใส่เสื้อเอ็งให้เสร็จนู่น แล้วก็เอามือออกไปจากหน้าข้านะโว้ยยย!! อึดอัดจนหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย!!!


“กดไว้แน่นๆนะพี่ เดี๋ยวออกไปเอาน้ำแข็งประคบก็ดีขึ้น”


ยังไม่ทันได้ว่าอะไรกับท่าทางตื่นตูมของเด็กตัวขาว พอเห็นมือที่เตรียมจะผละไปปลดล็อคประตู ผมจึงต้องรีบตะครุบไว้ก่อน


“ติดกระดุมให้เสร็จก่อน”


เด็กเอ๋อก็ยังคงเป็นเด็กเอ๋อ หน้าท้องขาวๆนั่น ถ้าปล่อยให้ใครเห็น ก็เสียแรงที่วันนี้ผมอุตส่าห์ช่วยมันไว้หน่ะสิ คิดหรอว่าคนอย่างผมจะยอมเสียแรงเปล่าหน่ะ เหอะ ฝันไปได้เลย


แหนะ ยังมาขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งยากใจอีก ใครกันที่เอ๋อ ใครกันที่เป็นต้นเหตุของปัญหากันแน่


ไหนๆผมก็ลงแรงไปเยอะ นิ้วที่กดจมูกไว้ตอนแรกก็คลายออกเพื่อห้ามเด็กนี่เปิดประตูไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้วหน่ะนะ ติดกระดุมให้เลยแล้วกัน มัวแต่ชักช้าโอ้เอ้อยู่ได้


“ผมติดเองพี่”


ไม่มีทางหรอก..


“ช้า”


ใช่ ช้าเกินไป เลือดผมจะไหลหมดตัวแล้วเนี่ย มัวรอเด็กนี่ติดกระดุมจนเสร็จ


“อะ งั้นทีนี้จะไปได้รึยังครับ”


เด็กนี่มันร้าย คิดจะแต๊ะอั๋งผมแน่ๆ มีอย่างที่ไหนพอผมติดกระดุมให้จนเสร็จ ก็ทำเนียนมาจับมือถือแขนจูงผมเสียอย่างนั้น แต่ก็เพราะผมป่วยหรอกนะ เลยจะยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้วันนึงแล้วกัน


เพราะผมหน่ะ เป็นประเภทขี้เกียจมีเรื่องเสียด้วยสิ..



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

สคบ. ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค




หมั่นไส้พี่ภูกันมั้ยคะ ถ้าใช่..เราคือเพื่อนกัน ꉂ (´∀`)ʱªʱªʱª
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2018 11:07:27 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
«ตอบ #2 เมื่อ08-09-2017 03:54:14 »

 :pig4:

ม่านแพงขอให้แพงสมชื่อนะคะ เราค่อนข้างชอบบุคลิกเลย อยากได้ผู้หญิงดีๆในนิยายวายบ้าง เจอบทแฟนนายเอกทีไรโดนเขียนให้ไม่เหลือดีเกือบตลอด

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
«ตอบ #3 เมื่อ08-09-2017 06:54:28 »

รออ่านตอนต่อไปนะครับ  :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
«ตอบ #4 เมื่อ08-09-2017 13:39:46 »

 o13 เยี่ยมมากเลยค่ะ...ขอให้ไม่มมม่าอย่างที่บอกนะค่ะ...please...   :call: ขอให้น้องม่านแพงเป็นY+ นะค่ะ..... ไม่งั้น..พระเอกเราแย่แน่...

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่สอง・❥


ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้



..ปาลิน..



อากาศประเทศไทยที่ดูจะหนักไปทางร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด ทำให้ในเวลาเที่ยงวันแบบนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกที่จะมานั่งตากแอร์ทานอาหารกันที่ชั้นสองของคาเฟทีเรียประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศสำหรับทำความเย็นไว้บริการ แน่นอนว่าต้องสบายกว่าชั้นล่างที่เปิดโล่งเพื่อรับลมจากภายนอกอาคารแน่นอน


“ปริญไม่เสียดายหรอที่ไม่ยอมเป็นเดือนคณะ ไม่งั้นป่านนี้นะ ได้เป็นเดือนมหาลัยคู่กับม่านไปแล้ว”


แก้วตา สาวร่างท้วมที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของม่านแพงเอ่ยขึ้น ขณะที่พวกผมนั่งทานข้าวกันอยู่



“น้อยไปสิแก ลินหน่ะ ร้ายจะตาย มีอย่างที่ไหนไปบอกพี่ๆวิดยาว่าเราขี้หึงมาก ไม่อยากทะเลาะกัน แล้วขอร้องให้ตัวเองไม่ต้องเป็นเดือนคณะเนี่ย คนขี้โกหก”


ม่านแพงไม่ลืมที่จะแลบลิ้นใส่ผมอย่างน่ามันเขี้ยวประกอบการประท้วง


“แล้วนี่ได้ตำแหน่งดาวมหาลัยมาได้ยังไงเนี่ย กินเลอะเทอะเป็นเด็กอนุบาลเลย”


ผมได้ทีล้อบ้าง ก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากให้คนช่างประท้วงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมเองก็รู้อยู่หรอกว่าการโกหกหน่ะมันไม่ดี แต่ตั้งแต่เปิดเทอมมา ดูเหมือนว่าผมมักมีความจำเป็นให้ทำเป็นประจำเสียด้วยสิ



“โอ๊ยยยย พวกแก สงสารหัวใจชั้นบ้าง หมู่นี้ทำงานหนั๊กหนัก ตั้งแต่มีคนสวยคนหล่อมาจีบกันให้ดูทุกวันเนี่ย จะกลายเป็นโรคหัวใจมั้ยนะ”


แก้วตายกมือขึ้นทาบกลางอกของตัวเองคล้ายจะยืนยันสิ่งที่พูด ผมจึงได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทางของเธอ


“แค่โรคหัวใจไม่พอนะ เดี๋ยวจะทำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยเลย”


ดูเอาเถอะ คนอย่างม่านแพงหน่ะหรือที่จะยอมโดนแซวฝ่ายเดียว เรื่องต่อล้อต่อเถียงนี่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง แล้วยังท่ายักคิ้วหลิ่วตานั่นอีก น่าตีจริงๆ


“ชิ ตัวอิจฉาแน่ๆ หน้าร้ายขนาดนี้ ปริญไม่ต้องสนใจหรอกนะ ไปหาคนใหม่ได้เลย”


แก้วตาก็น้อยหน้าเสียที่ไหน สองคนนี้ปะทะคารมกันเป็นประจำ เดือดร้อนผมนี่แหละต้องมานั่งไกล่เกลี่ย ถึงแม้จะรู้ว่าสาวๆเขาก็สนุกไม่น้อยที่ทำแบบนี้ เรียกได้ว่าลับฝีปากกระชับมิตรก็คงไม่ผิดหล่ะมั้ง


“ไม่มีทาง ปาลินรักม่านแพงที่สุดในโลก เนาะลินเนาะ”


นั่นไง แม่ตัวดียังลอยหน้าลอยตาตั้งท่าจะเถียงจนไม่ยอมทานข้าวต่อ


“จ้าๆ รักที่สุดในโลกนะ ทานข้าวเร็วคนเก่ง เดี๋ยวลินมีเรียนตอนบ่ายนะ”


ยกนี้ต้องยอมให้แม่ตัวดีชนะก่อน เพราะเดี๋ยวจะโยเยจนผมไม่ได้ไปเรียน
ส่วนแก้วตาหน่ะ เธอเป็นคนอารมณ์ดี ที่เถียงกับม่านก็ทำขำๆ เอาจริงๆเธอดูจะฟินมากกว่า เวลาผมพูดหวานๆแบบนี้กับม่าน


“ทีนี้ก็รู้แล้วสินะ ว่าลินหน่ะของใคร”


ดูสิ แทนที่จะยุติสงคราม ผมเลยอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนุ่มของคนที่ยังไม่เลิกเล่นไปหนึ่งที


คราวนี้เลยได้ค้อนวงโตมากจากสาวสวย กับเสียงหัวเราะร่วนจากแก้วตา


แก้วตานับว่าเป็นสีสันในชีวิตพวกผมในรั้วมหาลัยก็ว่าได้ เธอชอบมีเรื่องต่างๆมาเล่าให้เราฟังเป็นประจำ ซึ่งเรื่องส่วนมากก็หนีไม่พ้นประเด็นเด็ดประเด็นดังไปจนถึงเรื่องซุบซิบทั่วไปตามประสาผู้หญิงนี่แหละ เรียกได้ว่าเธอไม่เคยจะตกข่าวไหนๆของมหาลัยเลยสักเรื่อง และถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะต้องรับรู้เรื่องของคนอื่น แต่เพราะแก้วตาเป็นคนคุยสนุก การได้ฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆ ก็ช่วยทำให้ความเครียดที่สะสมมาจากห้องเรียนเบาบางลงได้ไม่น้อย


พวกเราทานกันไปเรื่อยๆ ฟังแก้วตาเล่านู่นเล่านี่ เธอแซวผมกับม่านแพงบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย สองสาวไม่มีเรียนต่อในตอนบ่าย จึงทำให้มีแค่ผมที่ต้องอยู่รอเรียนแล็บเคมีต่อจนถึงสี่โมงเย็น



“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”



คนที่เมื่อครู่พึ่งถูกแก้วตาจุดประเด็นเผาซะเกรียม เดินมานั่งลงยังเก้าอี้ที่เหลือเพียงตัวเดียวข้างผมอย่างถือวิสาสะ ผมหันไปมองคนมาใหม่ ที่กำลังวางจานข้าวผัดกับแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะก่อนที่จะมีใครอนุญาตเสียอีก



ถ้าตอนนี้พวกเรานั่งทานกันที่ม้านั่งยาวที่ชั้นหนึ่งก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่พวกผมนั่งกันอยู่ชั้นสองของคาเฟทีเรียที่มีโต๊ะกับเก้าอี้เข้าชุดกันจัดไว้ จึงแปลกไม่น้อยที่มีใครสักคนจะขอมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ในเวลาที่ยังมีโต๊ะและที่นั่งมากพอให้เลือกนั่ง



“หวัดดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่ภูนะ เรียนวิดยาประกันภัยปีสาม”



ตั้งแต่ศุกร์ที่แล้วจนกระทั่งจันทร์นี้ คนตรงหน้าก็ยังขยันทำให้ผมแปลกใจกับการกระทำของเขาได้อย่างไม่สิ้นสุด จากที่ตลอดภาคเรียน ชีวิตพวกผมกับพี่เขาแทบจะเป็นเส้นขนาน แต่หลังจากการบังเอิญเจอกันแบบงงๆในคืนนั้น อยู่ดีๆผู้ชายคนนี้ก็เป็นฝ่ายเดินยิ้มร่ามาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แล้วยังขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยท่าทางชิลล์ๆ


เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ คิ้วคมเข้มรับกับดวงตากลมโตฉายแววขี้เล่น ทรงผมที่เซ็ตไว้อย่างดีและจิลล์สามเหลี่ยมทรงเรขาคณิตสีดำ ยิ่งช่วยขับเน้นลุคแบดบอยให้ชัดขึ้น พอทุกอย่างรวมกันอยู่ในตัวคนคนเดียว ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้หล่อสมกับตำแหน่งขวัญใจสาวๆและเดือนมหาลัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลานี้ หน้าตาหล่อแค่ไหนก็ดูจะไม่สามารถช่วยอะไรพี่เขาได้เลย เพราะบรรยากาศที่อยู่ดีๆก็มาคุขึ้น ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า เดือนมหาลัยเจ้าของฉายา “ภูสอยดาว” ที่กำลังแจกจ่ายรอยยิ้มอยู่นี้ ดูจะไม่เป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับม่านแพงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม คนสวยนั่งหน้าบูดบึ้ง แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจที่มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ดวงตาคู่ใสเปลี่ยนเป็นเคืองขุ่น ในขณะที่แก้วตาหน้าแดงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขินคนหล่อ ก็คงเพราะเมื่อซักครู่พึ่งนินทาเจ้าตัวไปหยกๆ


แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีคนพุ่งปราดเข้ามาแทรกเสียก่อน



“วรั้ยยยยยยย ตายแล้วววววววว การรวมตัวของดาวเดือนมหาลัยคนละรุ่นหรอค้าาาา ตายๆๆๆ ใจเจ๊จะรับไม่ไหว ความหล่อสวยพุ่งกระแทกใจเจ๊มาก ยิ่งนั่งข้างๆกันแบบนี้ ตายๆๆๆ”


เอาจริงๆคนที่จะตายอาจกลายเป็นผมกับม่านแพงก็ได้ เพราะเจ้าของเสียงสูงปรี๊ดนี่คือเจ๊มินนี่ดาวเทียมมหาลัย ซึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้มีการตายเกิดขึ้น ก็เพราะเจ๊แกเป็นแอดมินเพจ “มินนี่สสสสส์..มีเผือก” เห็นชื่อเพจฮาๆหาสาระไม่ได้แบบนี้ แต่ยอดคนกดไลค์และติดตามเพจที่ผมเคยเห็นก็เกือบห้าแสนแล้ว



เอาเป็นว่าดังมากๆ เพราะเพจนี้รวบรวมไว้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องรอบรู้ในรั้วมหาลัย การตามถ่ายคนสวยคนหล่อ การเผือกเรื่องรักๆเลิกๆตามชื่อเพจ และคนที่ติดตามก็ระดับนักสืบพันทิปกับขาเผือกดีๆนี่เอง ซึ่งนี่เลยคือสิ่งที่น่ากลัวของจริง



“นั่งก่อนสิมินนี่”


เสียงเดือนมหาลัยปีสามที่ไม่ได้รับเชิญ พูดชวนเจ๊มินนี่ให้ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งด้วยกัน ทำให้ม่านแพงกรอกตามองบนเลยทีเดียว ซึ่งดีนะที่เจ๊มินนี่ก็กำลังสาละวนลากเก้าอี้ตามคำชวนเลยไม่ทันเห็น


“แหม สองอาทิตย์ก่อนที่น้องปริญน้องม่านหลบหน้าไม่ยอมชี้แจงเรื่องสร้อยคอสุดเก๋ไก๋ นี่เจ๊ยังงอนอยู่เลยนะค้าาาา”


เจ๊มินนี่ทำแก้มป่องค้อนตามาทางผมสลับกับม่านแพง เหมือนเจ๊แกจะมีเรดาร์จับความไม่พอใจของม่านแพงได้ จึงชิงพูดน้อยใจขึ้นมาก่อน



“อุ๊ปส์”


เป็นแก้วตาครับ ที่คงเผลออุทานตามที่คิด ตอนนี้เลยรีบตะครุบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน


“ดูผมจะตกข่าวอยู่คนเดียวนะเนี่ย”


ผู้ชายหน้ามึนที่เจอในผับเมื่อศุกร์ที่แล้วพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เป็นประเภทร่าเริงเกินเหตุจริงๆด้วยสินะ


“แหม ก็ซัมมีขาไม่แวะไปหามินนี่ในเพจเลยหนิคะ แท็กไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยจะสนใจกัน มินนี่น้อยใจเหมือนกันนะคะ”


เจ๊มินนี่ทำสีหน้าเหมือนเจ็บปวดสุดๆแล้วกุมมือคนตัวสูงมาทาบไว้ที่แก้มตัวเองราวกับคุ้นเคยกันมานาน


“อ้อ ที่แท้พี่ภูก็เป็นสามีเจ๊มินนี่นี่เอง ดีจังเลยนะคะ ม่านจะได้หมดห่วง”


ผมงงกับสิ่งที่ม่านแพงพูดไม่น้อย เพราะปกติมีอะไรม่านแพงจะเล่าให้ผมฟังเสมอ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะถามอะไรตอนนี้ จึงทำได้แค่รอฟังบทสนทนาเงียบๆ


“ว๊ายยย ซัมมีนอกใจเจ๊หรอคะน้องม่าน แล้วมีอะไรให้เจ๊ต้องจับตาดูเป็นพิเศษมั้ยคะเนี่ย”


ผู้หญิง(รวมเจ๊มินนี่ด้วยนี่แหละ) เป็นเพศที่ผมคิดว่าน่ากลัวมากๆ ผมพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ไม่มั่นใจนัก แต่คิดว่าม่านแพงกำลังจะขายความลับคนข้างๆผม ให้เจ๊มินนี่ไปขุดคุ้ย เรียกได้ว่าเผากันต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ว่าแต่ความลับอะไรกันหล่ะ เพราะที่แก้วตาเล่า ส่วนใหญ่ก็เอามาจากเพจเจ๊มินนี่ทั้งนั้น ม่านแพงไปรู้อะไรมากันแน่


“อุ๊ย ถ้าเจ๊มินนี่จะกรุณาขนาดนี้ ม่านก็จะไม่ขัดศรัทธาแล้วนะคะ แต่คงต้องถามพี่ภูซักหน่อย ว่าม่านควรกังวลกับเรื่องนี้รึเปล่า”


อยู่ดีๆก็เหมือนมีกองไฟถูกจุดขึ้นกลางโต๊ะ ม่านแพงจ้องหน้ารุ่นพี่ปีสามแบบจงใจและคาดคั้น ผมแปลกใจไม่น้อยที่ม่านแพงแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ว่าไม่ชอบคนข้างๆผมขนาดไหน


“โห อะไรกัน อยู่ดีๆก็มารุมพี่ซะงั้น แล้วที่สำคัญพี่ก็ยังโสดนะครับ การเป็นสามีมินนี่ที่มีคนหล่อๆนับร้อยรวมอยู่ด้วย นั่นไม่นับนะ”


ท่าทางสบายๆแบบนั้น ทำให้ผมยังยืนยันเหมือนวันแรกที่เจอกัน ผู้ชายคนนี้แก้ไขสถานการณ์ได้ดีจริงๆ


“ซัมมีคะ ทำไมพูดอย่างนั้นคะ คนอื่นก็แค่ทางผ่านนะคะ ถ้าไม่นับน้องปริญ อิอิ”


เจ๊มินนี่แกชอบหยอดผมครับ ตอดเล็กตอดน้อยตั้งแต่ในเพจยันตัวจริง ซึ่งผมก็ได้แค่ยิ้ม ไม่ก็หัวเราะน้อยๆแบบวันนี้


“ไม่ได้ค่ะ คนนี้ม่านหวงมาก”


ไม่พูดเปล่า ดาวมหาลัยคนสวยยังคว้ามือผมไปจับแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อย


“แหม สมบัติผลัดกันชมสิคะน้องม่าน มีของดีอย่าเก็บไว้คนเดียว”


เจ๊มินนี่แกก็เป็นแบบนี้ประจำครับ เจอแกทีไรเลยครื้นเครงตลอด จะมีก็แต่ที่ต้องคอยเสียวว่าจะมีเรื่องตัวเองไปโผล่ในเพจแกบ้างก็เท่านั้น


“จริงด้วยครับน้องม่าน มีของดีก็ต้องแบ่งปันนะ”


คนที่เจ๊มินนี่ยกให้เป็นสามีเบอร์หนึ่งหันมาบอกกับม่านแพง จนคนสวยของผมคิ้วกระตุกเลยทีเดียว แม้แต่แก้วตากับเจ๊มินนี่ยังหันมามองผมอย่างขอความเห็นกับสถานการณ์ตรงหน้า


“ไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าทั้งม่านทั้งลินขี้หวงมากทั้งคู่”


เธอยิ้มน้อยๆแต่ประกายตายังคุกรุ่น


“แหมๆๆ ข้อนี้เจ๊เชื่อนะคะน้องม่านขา ความหวงของน้องปริญเนี่ยแซ้บแซ่บซะด้วยสิ”


ในเมื่อยังไม่สามารถจับความนัยของม่านแพงและพี่ภูฟ้าได้แบบชัดๆ เจ๊มินนี่แกก็เบี่ยงประเด็นมาเล่นงานผมเสียดื้อๆ


“ขี้หวงขนาดนั้นเลยหรอเรา”


คนเดียวที่ยังคงคาแร็กเตอร์ร่าเริงได้อย่างไม่มีบกพร่องคือคนที่หันหน้ามาสบตาผมเนี่ยแหละ ยิ้มทั้งตาทั้งปาก จนเห็นเขี้ยวเล็กๆที่แก้วตาชอบเอามาเพ้อว่าสาวๆทั้งมหาลัยอยากโดนกัดดูสักที


“ค่ะ ขี้หวงมาก ไม่เชื่อก็เข้าไปดูในเพจเจ๊มินนี่ก็ได้นะคะ”


ผมกับแก้วตาที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเรียบร้อย หันมามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ม่านแพงโมโหเรื่องนี้อยู่เป็นอาทิตย์ๆ เห็นว่าพยายามจะขอให้เจ๊มินนี่ลบรูปนี้ตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที จนต้องปล่อยให้เรื่องนี้ซาไปเอง จึงค่อยเห็นดาวมหาลัยคนสวยอารมณ์ดีขึ้นมาได้ แต่นี่ถึงขั้นออกปากให้ไปดูรูปที่เธอแสนจะหงุดหงิดนั้นเอง นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ



“ว้ายยยยย รีบเข้าไปดูนะคะซัมมี แล้วอย่าลืมกดไลค์ให้เมียด้วย เมียจะได้อวดใครต่อใครได้ว่า ซัมมีจะทำสร้อยแบบนี้ให้”


เจ๊มินนี่ตอนนี้แกหน้าบานไปเรียบร้อย มือนึงก็รีบเข้าเพจไปเลื่อนหารูปที่แกต้องการ


“ไหนคะ มินนี่อยากได้สร้อยแบบไหน”


คนที่แพรวพราวทั้งคำพูดคำจาทั้งสายตาและรอยยิ้ม พูดขึ้นด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่วายเอาใจเจ๊มินนี่ด้วยการเอามือถือตัวเองขึ้นมากดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินด้วยตัวเอง งานนี้เจ๊มินนี่เลยยิ่งยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว


“ก็เนี่ยอะค่ะซัมมี แบบนี้เลยนะคะ จะเยอะกว่านี้ก็ได้ค่าาา แล้วแต่ซัมมีจะดีไซน์ คิคิ”


แกทำตาปิ๊งๆให้ขนตาที่น่าจะปลอมของแกกระพือ พรึบๆ เหมือนในการ์ตูน จนผมต้องกลั้นขำ ภาพหน้าจอถูกเลื่อนให้คนนอกกลุ่มผมดู ซึ่งภาพนี้นี่แหละที่ทำให้ชีวิตผมระส่ำระส่ายอยู่เป็นอาทิตย์ๆ คิดไปแล้วก็ยังขนลุกอยู่เลย



“อืมมม สวยจังเลยนะครับ อยากได้บ้างจัง”


รุ่นพี่เดือนมหาลัยหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองกดตามไปไลค์ภาพนั้นถึงในเพจ ต้องยอมรับว่ามุมานะไม่น้อย  เพราะรูปนั้นผ่านมาร่วมสองอาทิตย์แล้ว จึงต้องเลื่อนลงไปพอสมควรถึงจะเจอ


คนข้างๆหันมาสบตาม่านแพงกับผมเหมือนจะแซว แต่แปลกที่ท่าทางสบายๆก่อนหน้านี้กลับอันตธานหายไปจนหมด



ม่านแพงที่ทุกทีต้องอายไม่ก็โกรธกลับเลือกที่จะเงียบ แล้วลุกมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นแทน จากนั้นก็กวักมือเรียกแก้วตาที่ยังเพลิดเพลินกับการแสดงของเจ๊มินนี่อยู่ให้ลุกตาม และข้าวที่เหลือเกือบครึ่งจาน พวกเราก็คงไม่ได้ทานต่อแล้ว



“จะไปไหนคะน้องม่าน แหมๆ น้องม่านก็ เจ๊ก็แค่อยากจะใส่บ้างหนิคะ แต่ไม่รู้ว่าลิมิเต็ดอิดิชั่นรึเปล่า อยากด๊ายอยากได้”


เจ๊มินนี่เห็นพวกเราลุกขึ้น แต่ก็คงคิดว่าม่านแพงกำลังอาย เลยไม่วายแซวต่อ แกดัดเสียงให้เล็กกว่าเดิม ผมว่าตลกดีเลยต้องแอบหัวเราะเบาๆ เพราะม่านส่งสายตาคาดโทษมาให้แทบจะในทันที


“แหน๊ะ ส่งสายตาๆ สงสัยจะลิมิเต็ดจริง แล้วซัมมีขาหล่ะคะ สนใจทำให้เมียมั้ย”


แกเปลี่ยนเป้าหมายไปทางผู้ชายข้างผมที่อยู่ปีสามเหมือนกันแต่คนละคณะ


“ไว้ผมไปขอให้น้องปริญสอนก่อนนะมินนี่ เดี๋ยวเก่งเมื่อไหร่ จะรีบมาทำให้มินนี่เลย”


แววตาคล้ายไม่พอใจก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยท่าทางสบายๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หันไปสบตาตรงๆกับม่านแพงที่กอดแขนผมอยู่


“ลินมีเรียนบ่ายโมง ขอตัวก่อนนะคะเจ๊มินนี่”


ม่านแพงทำหน้าเหมือนนางร้ายในละครแบบที่แก้วตาชอบว่า แล้วหันไปบอกเจ๊มินนี่ที่หัวคิ้วขมวดหากันราวกับใช้ความคิดอย่างหนัก ผมเลยแค่ยิ้มให้เจ๊มินนี่คล้ายขอตัว


“ฝากเก็บจานของเราด้วยนะคะพี่ภู”


ม่านแพงยิ้มมุมปากให้กับเจ้าของชื่อก่อนจะกอดแขนผมให้เดินจากมา





..ภูฟ้า..




“โอ้โห โคตรกล้าอะมึง”


เสียงไอ้จั๊ดมันกำลังวิจารณ์รูปที่ผมยื่นหน้าจอไปให้ดู พวกผมกำลังเดินออกจากอาคารเรียนรวมในเวลาเกือบบ่ายสามโมง หลังจากที่อาจารย์สั่งงานและบอกเลิกคลาสเร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็นไปสิบนาที



“เผ็ดพริกร้อยเม็ดเลยแม่เอ๊ย”


คราวนี้เป็นเสียงไอ้ปาล์มที่คว้าเอามือถือของผมไปจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่แปลกหรอกที่ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดจะตาโตเป็นไข่ห่านตอนเห็นรูปนี้ ขนาดผมที่เห็นตอนแรกยังนึกสงสัยตัวเองอยู่เลย ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกมา


หน้าจอสมาร์ทโฟนแสดงรูปภาพของม่านแพง เฟรชชี่ดาวมหาลัยคนสวย ที่ผูกผ้าพันคอสีหวานแสนน่ารักไว้รอบคอ ถ้าไม่ติดที่ปมรูปโบว์ที่มัดเป็นทรงคล้ายดอกไม้จะคลายตัวออก จนทำให้ผ้าพันคอผืนสวย หลวมและร่นลงมาจากลำคอระหง เผยให้เห็นรอยคิสมาส์คเป็นทางยาวรอบคอ คล้ายสายสร้อยสีกุหลาบอย่างที่มินนี่แซว



“เหอะๆ ก็ดี๊ ดูรักกันดี ทั้งกลางวันกลางคืน”


ปกติผมเป็นคนไม่เคยคิดจะสนใจ ว่าผู้หญิงของผมผ่านอะไรมาบ้าง ตราบใดที่ผมยังไม่เบื่อ นั่นก็โอเคแล้ว แต่กับคราวนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้ ทั้งๆที่ม่านแพงก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับผม


และที่ทำให้ผมประหลาดใจสุดๆ ก็คงเป็นเรื่องของคนที่ทำรอยพวกนั้นขึ้นมา ไม่นึกเลยว่าหน้าซื่อๆเอ๋อๆอย่างไอ้เด็กนั่น จะมีบทรักร้อนแรงขนาดนี้



“อย่าทำหน้าเลว ไอ้ห่า กูกลัว นี่กูเพื่อนมึงน้า”


ไอ้ปาล์มเล่นบทเด็กใจป๊อดทำตัวสั่นตาหลุบมองพื้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะประเคนมะกอกลงกลางหัวเพื่อสร้างอุปกรณ์ประกอบฉากให้มันเข้าถึงบทบาทยิ่งกว่าเดิม


“โอ๊ยยยย หัวกูแตกเลยมั้ยเนี่ย โบกมาได้ ไอ้เวร”


ไอ้ปาล์มมันลูบหัวตัวเองป้อยๆก่อนจะกลับไปกินยำมาม่าของมันต่อ


“แต่น้องคนสวยเขาไม่ได้สนใจมึงไม่ใช่หรอวะ”


ผมหันไปส่งสายตาเอาเรื่องให้ไอ้จั๊ดในทันทีที่มันเปิดประเด็น มีอย่างที่ไหน ไม่ให้กำลังใจกัน แล้วยังจะซ้ำเติม


“เออใช่ ในผับวันนั้น กูเห็นมึงหายไปนานสองนาน เบอร์ก็ไม่เห็นจะได้ แถมยังตัวเปียก เลือดกำเดาไหลกลับมาอีก ถามจริงเหอะ มึงโดนตีนแฟนเขารึเปล่าวะ วันนั้นกูเห็นมึงเบลอๆเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เลยไม่ทันได้ซักอะไร”


“ไอ้ปาล์ม นั่นปากหรอที่พูด เดี๋ยวกูจะทำให้มึงพูดไม่ได้ไปซักสามวันเลยดีมั้ย ไอ้เพื่อนเฮงซวย”


“เอ๊า ก็มึงไม่เล่าซักที กูกับไอ้จั๊ดก็ต้องคิดอย่างนั้นสิวะ ถามว่าจะให้ไปกระทืบคืนให้รึเปล่าก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะมึง”


“จิ๊”


ผมรำคาญไอ้พวกนี้เต็มที เลยตัดบทด้วยการจิ๊ปากแล้วง้างมือเหมือนจะสำเร็จโทษไอ้ปาล์มอีกรอบ แต่มีหรือที่คนอย่างมันจะกลัว ยังมีหน้าไปหลบหลังไอ้จั๊ดแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมอีก มันน่านัก


“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แค่ตอบพวกกูมาว่ามีใครทำอะไรมึงรึเปล่า พวกกูจะได้จัดการให้”


ไอ้จั๊ดใช้เสียงเป็นการเป็นงานกับหน้าตาดุๆยุติการที่ผมกำลังไล่กระทืบไอ้ปาล์ม ในสายตาคนนอก คงเห็นว่าพวกเราเล่นเป็นเด็กๆ เหมือนเป็นแค่การเล่นไล่จับระหว่างผมกับไอ้ลิงปาล์มเสียมากกว่า แต่อยากจะบอกคนพวกนั้นว่า งานนี้เล่นจริงเจ็บจริง ถึงมันจะใช้ความเกรียนหลุดรอดเงื้อมมือผมไปได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง แต่ลองเผลอเมื่อไหร่ สัญญาเลยว่าจะฝากรอยช้ำบนตัวมันให้ได้ มีอย่างที่ไหน หลอกผมวิ่งไปวิ่งมาจนต้องมายืนหอบแบบนี้


“ใช่ๆ กูอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย ว่ากูต้องจัดการน้องปริญเพื่อแก้แค้นให้มึงมั้ย งานนี้ถ้าหวายรู้ ต้องเอากูตายแน่นอน แค่คิดก็สยองแล้ว”


ไอ้ปาล์มที่ยืนลิ้นห้อยเหมือนหมาหมดแรงอยู่ข้างๆไอ้จั๊ด ยังไม่วายพูดถึงแฟนไปด้วย หายใจทางปากไปด้วย ไม่เจียมสังขารจริงๆเลยมัน


“ห้ามทำอะไรเด็กนั่นนะเว่ย ไอ้เอ๋อมันไม่ได้ทำอะไรกูหรอก กูแค่อยากเปียกขำๆ แล้วก็แค่บังเอิญเลือดกำเดาดันไหล เรื่องก็มีแค่นั้น”


ผมขี้เกียจอธิบายตั้งแต่ต้น เลยตอบพวกมันแบบขอไปที ถึงแม้สีหน้าพวกมันสองคนจะแสดงออกชัดเจน ว่าต่อให้ผมอมพระทั้งโบสถ์มาพูด พวกมันก็ไม่มีทางเชื่อ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตราบใดที่ไม่ยุ่งกับไอ้เด็กเอ๋อ ที่กำลังจะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของผมก็พอ สำหรับเด็กนั่นแล้ว ผมแกล้งได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเสียหรอกที่จะให้ไอ้พวกนี้แย่งของเล่นของผมไป


“หล่อๆแบบน้องปาลินเนี่ยนะที่มึงเรียกไอ้เอ๋อ โอ้โห เล่นพูดซะกูไม่กล้าส่องกระจกมองหน้าตัวเองเลย”


“เออ ก็สำหรับกูมันเอ๋อ ใครจะทำไม”


เรื่องเถียงกับไอ้ปาล์มนี่เหมือนโปรแกรมที่ฝังอยู่ในหัวผมตั้งแต่จำความได้ คนอะไรทำหน้าตาได้อ้อนตีนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้


“ก็ไม่ทำไม แต่อย่าพูดต่อหน้าแฟนกูหรือผู้หญิงคนอื่นนะเว่ย ถึงจะหล่ออย่างมึง แต่เด็กมันใหม่กว่า สดกว่า กระดูกยังกรุบๆแบบนี้ อย่างน้อยมึงต้องโดนมองแรงโทษฐานที่ไปว่าขวัญใจสาวๆเขาแน่ๆ งานนี้แหละที่อาจได้กินตีนจริงๆ ฮ่าๆๆ”


รูปประโยคที่เหมือนเตือนด้วยความหวังดี แต่แววตาระริกระรี้นี่กลับดูสะใจเป็นอย่างมาก นี่ผมควรคบมันเป็นเพื่อนต่อไปไหมเนี่ย รู้สึกคิดผิดยังไงไม่รู้ ที่หลวมตัวเป็นเพื่อนกับไอ้สองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก


“ผิดลูกผิดเมียเค้ารอบนี้ กูไม่รู้ไม่เห็นนะครับ กูบอกไว้ก่อน”


ไอ้จั๊ดที่กำลังทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนเข้าคู่กับโต๊ะแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกผมพูดขึ้น และประโยคนั้น ก็ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย



“ทำไมวะ มึงเพื่อนใครกันแน่”


ผมรีบนั่งตามมันลงมาเพื่อถามให้แน่ใจ มันเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้มีใจผดุงคุณธรรมตอนนี้


“ทุกทีแรดจริงกูก็เห็น ทอดสะพานเล่นหูเล่นตาให้มึงงี้ โคตรแพรวพราว อยากได้อยากโดนก็จัดไป กูไม่ขัดอยู่แล้ว แต่กับคู่นี้ กูยังไม่เห็นน้องเค้าชายตาแลมึงเลยนะเว่ย ซึ่งก็ถือว่าแปลกมาก ที่ทนเสน่ห์อดีตเดือนมหาลัยและป๊อปปูล่าโหวตด้วยคะแนนถล่มทะลายอย่างมึงมาได้ กูว่าไม่ธรรมดาหว่ะ บางทีเราก็ต้องถอยให้กับรักแท้นะครับเพื่อน”



ไอ้จั๊ดที่เคยอยู่ฝ่ายกองหนุน อยู่ดีๆก็เกิดมีศรัทธากับคำว่า “รักแท้” เสียอย่างนั้น ดูท่าการมีแฟนจะทำให้มันหันมากลัวกรรมตามสนองแล้วจริงๆ


“ไอ้จั๊ด มึงหุบปากไปเลย ไอ้ภูมันจะยิ่งอยากได้ ก็เพราะแม่งคำว่ารักแท้นี่แหละ”


ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะเป็นความจริงตามที่ไอ้ปาล์มพูดทุกอย่าง คนอย่างผม “ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้” และในเมื่อผมเคยได้ยินมาว่า “รักแท้คือแย่งชิง รักไม่จริงคือเสียสละ” ผมก็เลยอยากจะลองพิสูจน์ทฤษฎีนี้ก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่า สุดท้ายแล้ว ถ้าผมแย่งมาได้ ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันจะเรียกว่ารักแท้ได้อย่างไร หรือว่าที่จริงแล้ว คำว่า “รักแท้” มันก็คงเป็นแค่คำพูดสวยหรูของคนช่างฝันเท่านั้นเอง



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


*คาเฟทีเรีย (Cafeteria) หมายถึง ร้านอาหารที่ลูกค้าต้องบริการตนเอง ในเรื่องนี้ก็คือโรงอาหารนั่นเองค่ะ




ดีใจมากเลยค่ะ ที่เห็นว่ามีคนสนใจเข้ามาอ่านรับฝากใจ ヾ(^ヮ^)ノ

แล้วยังมีคอมเมนท์จากคุณ JustWait  คุณ P_Methayot และ คุณ Catka12 อีกด้วย

ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ใจฟูเหมือนจะลอยได้ (ꈍᴗꈍ)♡*:・。

ขอตอบและยืนยันตรงนี้ ว่าม่านแพง แพงสมชื่อแน่นอนค่ะ อิอิ

ส่วนจะเป็นยังไงต่อ ต้องรอติดตามกันนะคะ

ที่แน่ๆ #ภูฟ้าปาลิน เป็นนิยายฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งแน่นอน เย่! (๑˃̵ ᴗ ˂̵)و


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2018 11:08:22 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3: ดีใจจัง...กลับมาจากที่ทำงานก็เจอพี่ภูน้องลินเลย... :heaven แอบดีใจหนักๆที่ยืนยันว่าfeel good ...no drama  :heaven ผู้แต่งๆดีมากค่ะ...เรื่องอาจจะดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป(ในความคิดเราเองนะ ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยค่ะ) แต่บรรยายเนื้อเรื่องละเอียดแบบพอดีไม่ยืดเยื้อ และเห็นภาพดีค่ะ อ่านแล้วไม่งง แถมมาลงบ่อยและยาว (อันนี้ชอบมากค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ...จะรออ่านต่อไปค่ะ  o13

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่สาม・❥



ความไม่เชื่อใจ



..ปาลิน..



ผมรู้สึกเหมือนมีคนตามมาได้สักพักแล้ว แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย หรือผมจะเครียดจนวิตกไปเอง ตอนเช้า ผมจะตื่นราวๆหกโมง ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินเล่นไปตลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาลัย เพื่อเลือกซื้ออาหารง่ายๆให้กับตัวเอง อย่างวันนี้ก็น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ แล้วก็ซื้ออาหารปรุงสุกกับดอกไม้สำหรับตักบาตรพระสงฆ์ที่จะบิณฑบาตรผ่านมาเป็นประจำในช่วงเจ็ดโมงเช้า


แถวนี้ยังคงความเรียบง่ายไว้ได้อยู่มาก ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ และนั่นจึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผมจึงเลือกเรียนที่นี่


หลังจากกลับมาถึงห้อง ผมก็ยังเหลือเวลาที่จะทานอาหารที่ซื้อมา อาบน้ำแต่งตัว แล้วค่อยเดินไปเรียนหรือรอรถรางของมหาลัยที่จะผ่านมาทุกๆสิบนาที ไปรอรับม่านแพงหน้าหอพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน ม่านแพงกับผม เราเรียนกันคนละสาย ผมเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ม่านแพงเรียนคณะอักษรศาสตร์ เพราะแบบนี้ เราสองคนเลยไม่ค่อยมีวิชาที่เรียนตรงกันมากนัก


แต่ถึงเป็นแบบนั้น ในมื้อเที่ยงของทุกวัน เราจะทานข้าวด้วยกัน และอาจเจอกันอีกครั้งในตอนเย็น ทานมื้อเย็น เดินเล่นแถวๆนี้ ไปซื้อของที่ห้างใกล้ๆในบางครั้ง หรือไปผับอย่างที่เธอชอบในบางคืน


นี่แหละครับ สีสันทั้งหมดในชีวิตของผม ถ้าจะให้นิยามแล้วหล่ะก็ “สีม่านแพง” ดูจะเป็นคำนิยามที่น่าจะถูกต้องที่สุด


แต่ตอนนี้ นอกจากการระแวงว่าจะมีคนตามผมจริงๆ ความยุ่งยากอีกหนึ่งอย่างในชีวิตของผม ก็คือการบังเอิญเจอ “พี่ภูฟ้า” เดือนคณะและเดือนมหาลัยปีสาม ที่ขยันวุ่นวายและทำให้พวกเรากลายเป็นเผือกร้อนในเพจเจ๊มินนี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่เจอเจ๊มินนี่วันนั้น เจ๊แกก็ขยันอัพรูปผม ม่านแพง หรือแม้กระทั่งพี่ภูฟ้าในอิริยาบถต่างๆ แล้วชอบใส่แคปชั่นแบบมีเงื่อนงำแปลกๆ และที่แปลกที่สุดคือการที่แก้วตาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องแคปชั่นเหล่านั้นเลย จนทำให้ผมยังอดแปลกใจไม่ได้


“ม่านจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผู้ชายอะไร หล่อก็หล่ออยู่หรอก แต่หน้าหนาชะมัด คนเค้าปฏิเสธก็แล้ว เลี่ยงก็แล้ว จะสิงกันให้ดูอยู่แล้ว ยังตื๊ออยู่ได้ นิสัยอะคนเรา”


ม่านแพงหน้ามุ่ยกว่าเดิมจากอากาศร้อนน้องๆพระอาทิตย์ และยิ่งดูจะหนักกว่าเดิมเพราะมองเห็นคนที่กำลังเดินมาทางเรา


“ทนหน่อยนะม่าน เดี๋ยวก็เลิกไปเองเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ”


ผมเชื่อว่าถ้าม่านแพงไม่เล่นด้วย ใครก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิตพวกเราไม่ได้ แปลกก็แต่ครั้งนี้ม่านแพงดูจะเป็นกังวลและหงุดหงิดกว่าทุกครั้ง เธอไม่ได้พูดขยายความสาเหตุที่ทำให้ดูจะไม่ชอบรุ่นพี่เดือนมหาลัยคนนี้เอามากๆ ผมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ถ้าม่านแพงยังไม่อยากเล่า ผมก็ยินดีจะรอ แต่ผมก็คาดเดาเอาเองว่าสาเหตุคงมาจากเรื่องในผับคืนนั้น เพราะม่านแพงดูจะเคืองเอามากจริงๆ


ถึงเธอจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังยอมบอกผมเรื่องเจ้าของแก้วปริศนาว่ามาจากรุ่นพี่เดือนมหาลัยคนนี้ และที่เธอรู้ก็เพราะความช่างจ้อของเด็กเสิร์ฟที่ส่งเธอไปเอาเสื้อที่รถมาให้ผม พอได้ฟังผมก็เริ่มรู้สึกว่าพักหลังที่เจอกันบ่อยๆน่าจะจงใจเสียมากกว่า แต่ที่ผมไม่เคืองอะไรมาก นั่นก็เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้แอบไปหาม่านแพงหรือตื๊อเธอลับหลังผม สิ่งที่เขาทำมันเหมือนการยั่วโมโหม่านแพงเวลาที่อยู่กับผมเสียมากกว่า ถึงผมจะงงในวิธีจีบหญิงแบบแปลกๆของเขา แต่ก็คิดว่าไม่นานคงเลิกไปเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าผมอาจจะประมาทคู่ต่อสู้เกินไปรึเปล่า


โดยเฉพาะวันนี้ ที่ม่านแพงต้องไปงานเลี้ยงดาวเดือนทุกชั้นปี ชื่องานอะไรสักอย่างผมจำไม่ค่อยได้ แต่จุดประสงค์คล้ายการเอาคนสวยคนหล่อแต่ละชั้นปีมาทำความรู้จักกันไว้


“เห็นหน้าอีตาพี่ภูนี่แล้วก็ทำให้ยิ่งไม่อยากไปเลยอะลิน”


คนสวยเริ่มจะงอแงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผมปลอบใจเธอมาร่วมอาทิตย์ได้


“เอาหน่านะ ทานเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับไม่ใช่หรอ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยเห็นมั้ย”


และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมทำได้แค่เพียงปลอบให้ม่านแพงคลายกังวล ทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้สึกกังวลไม่น้อย


“น้อยไปสิ อิตาพี่ภูนี่ก็ไป วันนี้ก็ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก ม่านเบื่ออะลิน ม่านไม่ชอบ”


ดาวมหาลัยคนสวยยังไม่วายถอนหายใจจนผมอดสงสารไม่ได้ แต่เพราะถามเธอหลายรอบแล้วว่าไม่ไปไม่ได้หรือ คำตอบที่กลับมาก็มีแต่คำว่าไม่ได้อยู่ดี ผมจึงช่วยอะไรม่านแพงมากไปกว่าการกุมมือให้กำลังใจอย่างในเวลานี้ไม่ได้ ถ้าผมตามไปด้วย ก็คงดูไม่เหมาะ ผมไม่อยากให้ม่านแพงถูกมองไม่ดีเลยเลือกที่จะนิ่งไว้ก่อน


“โอ๋ๆๆ วันนี้วันศุกร์นะ พรุ่งนี้ก็ได้หยุดแล้ว ไม่เจอหน้าพี่คนนั้นยาวๆเลยสองวัน เป็นไง ฟังดูโอเคขึ้นมั้ย”


ผมลูบหัวคนงอแงเพื่อปลอบให้หายโมโห รายนี้ต้องหลอกล่อเหมือนเด็กๆถึงจะได้ผล


“ชิ หมั่นไส้อิตาบ้านั่น ดูก็รู้ว่ามาวนเวียนเพื่อกวนอารมณ์เราก็เท่านั้น สาธุ! ขอให้เวลาไปรักใครชอบใครจริงๆ เค้าไม่แม้แต่จะชายตาแลเลย เพี่ยงๆๆๆ”


ม่านแพงยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดต่อไปไม่หยุด ซึ่งเอาจริงๆ ตัวผมก็เบื่อไม่แพ้กัน ดูท่าฉายา “ภูสอยดาว” ของเดือนมหาลัยคนนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ




..ภูฟ้า..



“ว่าไงครับน้องๆ มาเดินตลาดนัดเวลานี้ ร้อนแย่เลยเนาะ อะ พี่ซื้อน้ำมาฝาก”


ผมพูดด้วยน้ำเสียงพี่ชายใจดี แต่คนฟังจะตีความไปแบบไหน อันนี้ก็คงต้องสุดแล้วแต่


“ไม่รบกวนดีกว่าครับ แฟนผมอยากกลับแล้ว เราคงลาเลยนะครับ”


คนตัวขาวที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะความร้อนยกมือไหว้ผมพอเป็นมารยาท ก่อนจะโอบเอวคนสวยข้างตัว อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ


“ว้าาา เสียดายจัง พี่อุตส่าห์ซื้อเมล่อนโซดาของโปรดน้องลินมาให้ด้วยสิ”


ตากลมโตจากผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ ตวัดฉับมามองผมตรงๆเป็นครั้งแรกของวัน


“รู้ใจลินจริงๆเลยนะคะ แต่จะให้ดีก็รู้ไปด้วยเลยว่า คนที่จะเรียกว่าลินได้ มีเฉพาะคนพิเศษเท่านั้น คนอื่นกรุณาเรียกว่าปริญไม่ก็ปาลินเต็มๆไปเลย จะขอบคุณมากค่ะ”


“โห ดุจังเลยนะครับเนี่ย น้องลินยังไม่ทันพูดอะไรซักคำเลย”


ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงอยากจะรวนใส่เจ้าของร่างสวย ที่กำลังคลอเคลียออดอ้อนไอ้เด็กเอ๋อนี่นัก รู้แค่ไม่สบอารมณ์เอามากๆก็เท่านั้น หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนให้ผมต้องเริ่มกังวลได้แล้ว ผมกลัวว่าตัวเองจะกลายมาเป็นผู้ชายยึดติดขี้หวงแบบที่ชอบด่าไอ้จั๊ดเสียเอง


“เรียกผมว่าปริญเถอะครับ”


หงุดหงิดกับประโยคเอาใจแฟนยังไม่พอ ยิ้มหวานที่ส่งให้ผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ก็กวนใจผมไม่น้อย แล้วไหนจะดาวมหาลัยคนสวยที่ส่งสายตาหวานเยิ้มกลับไปให้อีก นี่เลยที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแสบๆคันๆที่ใจแปลกๆ


“อะๆ พี่ยอมแล้วครับ แต่ขอเรียกว่าปาลินดีกว่านะ หวังว่าจะไม่ว่ากัน”


ปกติแค่เรื่องชื่อนี่แทบไม่อยู่ในหัวผมเลย ก็แต่ละคนที่ผมควงหน่ะ ผมจำชื่อไม่ค่อยได้หรอกเลยเรียกทุกคนว่าที่รักเพื่อตัดปัญหาเสียเลย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอทุกคนดูจะชอบมากกว่าการเรียกชื่อเล่นหรือชื่อจริงเสียอีก


“เรียกได้ แต่หวังว่าจะไม่ต้องเจอให้เรียกบ่อยๆนะคะ ขอตัว”


ทำไมต้องเป็นปากเป็นเสียงแทนกันด้วย ให้แฟนตอบเองจะยากอะไรนักหนา พวกคนมีความรักนี่น่ารำคาญจริงๆ


“ไม่เจอปาลินแต่เจอม่านแพงได้ใช่มั้ยครับ หวังว่าจะยังไม่ลืมนัดเราเย็นนี้นะ แล้วพี่จะรอ”


ม่านแพงหน้าเจื่อนลงทันทีที่ผมพูดจบ แต่มือของอีกคนกลับกุมกระชับแน่นขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะจับจูงพากันเดินไปอีกทาง เหอะ ก็รักกันให้ได้ตลอดไปแล้วกัน




“มึงๆ กูสงสัยอะไรอย่างนึงหว่ะ ไอ้ภูมันจีบใครกันแน่วะ ทำไมไม่เห็นไปเฝ้าน้องม่านแพงอย่างที่มันชอบทำเวลาจีบสาวเลย”


ไอ้ปาล์มที่ดูดเมล่อนโซดาอย่างเอาเป็นเอาตายจนได้ยินเสียงน้ำแข็งก้นแก้วอยู่ดีๆก็ถามขึ้น


“เออ กูก็งง เห็นมันถือเมล่อนโซดาเดินเข้าตึกคณะมานี่กูก็ขนลุกแล้ว มึงรู้มั้ยว่าเมล่อนโซดานี่เมนูโปรดใคร”


“อ่อ ที่มีรูปติดอยู่ร้านน้ำใต้ตึกSCอะนะ ที่ว่าคนสวยคนหล่อชอบสั่งเมนูไหนบ้าง กูเคยเห็นผ่านๆ ว่าแต่ใครชอบวะ ดาวคณะไหน”


“ถ้าเป็นดาวกูไม่ขนลุกหรอก นี่เป็นแฟนน้องม่านแพงเว่ย กูจำได้ กูเคยทะเลาะกับเมียเพราะมันชี้ว่าเอาเมนูตามไอ้น้องหล่อเนี่ยแหละ”


“ชิบหาย จริงหรอวะ”


“กูจะอำมึงทำไม นี่กูเห็นว่าฟรีหรอกเลยกิน ยังเคืองไม่หายเลยแม่ง สั่งน้ำตามผู้ชายคนอื่น”


“เออ เอาหน่า เอาเรื่องนี้ก่อน หรือมันจะคิดอะไรกับแฟนน้องม่านวะ”


“แต่มันไม่เคยมีเมียเป็นผู้ชายเลยนะเว่ย”


“เอ๊า ก่อนมึงจะมีเมียเป็นผู้ชาย มึงเคยมีมาก่อนมั้ยเล่า”


“เออหว่ะ พูดจาน่าคิด”


“พอเลย ไอ้พวกเวร กูอุตส่าห์เอาน้ำมาให้กิน ยังเสือกนินทากูอีก”


ผมแค่พักสายตา ยังไม่ได้หลับหรอก ไม่งั้นคงไม่ทันได้ยินไอ้พวกเพื่อนเวรนี่มันนินทา อุตส่าห์ทนฟังมาได้ตั้งนานนี่ก็เรียกว่าทนมากพอแล้ว ก็แค่อยากรู้ว่ามันจะพูดกันว่ายังไงบ้าง


“เออ ตื่นแล้วก็ดี งั้นมึงตอบพวกกูมา พวกกูจะได้หายสงสัย”


“ตอบว่า?”


“เอ๊า ก็เรื่องที่ว่ามึงกำลังจีบใครกันแน่ไง น้องม่านแพงหรือว่าแฟนเค้า”


“เอ๊ะไอ้เพื่อนเวรนี่ ก็ต้องม่านแพงสิวะ กูไม่ใช่ไอ้จั๊ดนะมึง จะได้มีเมียเป็นผู้ชาย แล้วไอ้น้ำนี่กูเห็นสาวๆกำลังฮิตเหอะ กูเลยซื้อตาม”


“อ่าว เข้ากูซะงั้น แต่ระวังนะครับ ลองแล้วจะติดใจ”


“ฮ่าๆๆ ขอจับมือหน่อยครับคุณจั๊ด กูชอบ กูขอกดไลค์”


“ไม่มีวันและไม่มีทางเป็นไปได้ และที่สำคัญ เย็นนี้กูก็กำลังจะไปกินข้าวกับม่านแพงด้วยหว่ะ ”


ผมยักไหล่แล้วคว้ากุญแจรถเดินออกมาก่อนจะเผลอลงไม้ลงมือกับเพื่อนตัวเอง ก็ใครใช้ให้พวกมันทำเป็นตื่นตูมกันหล่ะ ผมก็แค่อยากลองเปลี่ยนแผนจากทุกทีก็แค่นั้น แทนที่จะเข้าหาผู้หญิงหรือเพื่อนสนิทของพวกเธอ คราวนี้ผมจะทำให้การเลิกกันของม่านแพงและปาลิน ไม่มีใครสงสัยว่าผมคือต้นเหตุ เรียกว่าขอเป็นผู้บริสุทธิ์แบบเนียนๆบ้างแล้วกัน


ผมเริ่มจับตามองแฟนม่านแพงมาได้อาทิตย์นึงแล้ว บอกได้คำเดียวว่าผู้ชายคนนี้ มีชีวิตที่โคตรจืดชืด จืดมากๆ จืดจนอยากรู้ว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นชอบอะไรในตัวแฟนตัวเอง


ตอนเช้าแม่งก็ตื่นโคตรเช้า วันแรกๆผมไม่ทันตอนเด็กนั่นออกมาเรียนคาบเช้าด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยของผมมีหอในก็จริง แต่ก็จะมีบางคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวจึงออกมาเช่าอยู่คอนโดA,BและCที่มีการจัดการแบบเอกชน แต่อยู่ในความดูแลของมหาลัย ผมใช้เส้นสายแค่นิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าปาลินพักอยู่คอนโดไหน


นับว่าเป็นโชคดีของผม ที่ชั้นเดียวกับที่ปาลินอยู่ มีห้องของนุ่มนิ่มอดีตดาวเภสัชและอดีตแฟน อืม ไม่สิ อดีตคู่ควงของผม  ดีนะที่จากกันด้วยดี เลยได้กุญแจสำรองกับคีย์การ์ดมาเข้านอกออกในคอนโดAได้แบบสบายๆ นุ่มนิ่มอายุมากกว่าผม และในภาคการศึกษานี้ เธอจำเป็นต้องไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายเดือน ผมจึงได้โอกาสใช้ห้องเธอเป็นฐานปฏิบัติการตามติดชีวิตเด็กเอ๋อเสียเลย


เท่าที่สืบมานิดๆหน่อยๆ ปริญ หรือ ปาลิน ลิปนากุล เป็นเฟรชชี่สุดหล่อขวัญใจสาวแท้สาวเทียมทั้งหลาย หล่อครับ อันนี้ก็ต้องยอมรับ หล่อขนาดที่ว่าถ้าน้องมันลงเดือน ยังไงก็ต้องได้ ถึงรสนิยมการใช้ชีวิตจะจืดๆ แต่การประกวดบนเวที ใครเค้าจะรู้กันหล่ะ ก็อาจจะมีเสียคะแนนบ้าง ตรงที่มีแฟนแล้ว แต่ผมก็คิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะม่านแพงยังคว้าตำแหน่งดาวมหาลัยมาได้อย่างไร้คู่แข่งเลยนี่นา


แต่ไม่ประกวดก็ดีเหมือนกัน เพราะเกิดได้ตำแหน่งทั้งคู่ ผมจะยิ่งดูเลวที่พรากดาวกับเดือนออกจากกัน สู้ให้ม่านแพงมาเป็นดาวคู่เดือนอย่างผมยังจะเหมาะสมมากกว่าอีก ซึ่งวันนี้แหละ ที่ผมจะจัดการตามแผนสักที


แผน “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” นี้ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่..


“เราไปต่อกันที่ Vela กันเถอะ”


ผมทำเป็นเอ่ยชวนรวมๆทั้งโต๊ะ หลังจากที่พวกเราเช็คบิลและกำลังจะออกจากร้านปิ้งย่างเจ้าอร่อยที่พวกพี่ๆดาวเดือนปีสูงนัดเลี้ยงในวันนี้


“โถ่ภู ทำไมไม่บอกกันก่อนหล่ะคะ พลอยไม่ได้เตรียมชุดมา ที่สำคัญคือพึ่งผ่านการทานปิ้งย่างมาด้วยนะคะ”


“นั่นสิ แต่ขืนกลับไปเปลี่ยน แล้วกว่าจะกลับมา คงเที่ยงคืนแล้วมั้ง”


สาวๆหลายคนเริ่มบ่นออกมาอย่างเสียดาย ซึ่งแน่นอนว่ามันเข้าทางผมเลย


“ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ เปลี่ยนที่นี่เลย ร้านพี่เราอยู่ชั้นหนึ่งไง น้อยใจนะเนี่ยไม่มีใครจำได้”


ผมทำหน้าหงอยนิดนึง เพื่อให้แผนเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น


“ร้านอะไรหรอคะพี่ภู” เจ้าของรางวัลป็อปปูล่าโหวต น้องเนย ทันตะปีหนึ่งถามผมด้วยความตื่นเต้น


“แหม ใครจะกล้าลืมคะภู ก็ร้านพี่พาฝันพี่สาวภูไงจ๊ะน้องเนย เป็นซาลอนความงามครบวงจร แล้วยังมีห้องเสื้อเปิดติดกันเลยนะ เรียกได้ว่าวันสต็อปสวยเก๋ในที่เดียว”


พลอยดาวปีสามพูดเอาใจผม แต่ไม่วายขยายความเพื่อกำจัดคู่แข่งอย่างเนียนๆ ก็แบบนี้แหละครับ..ผู้หญิง


“ว้าว งั้นหมายความว่าพี่ภูจะให้เราทุกคนไปใช้บริการได้หรอคะ”


น้องเนยสาวหมวยน่ารักทำตาโตประกอบท่าทางช่างฝัน ซึ่งแน่นอนว่านั่น ช่วยทำให้แผนการณ์ของผมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น


“แน่นอนสิครับ ทุกคนเลยน้า ท้ังดาวและเดือน งานนี้พี่ภูจัดเต็ม”


ผมแสดงความป๋าเพื่อให้แผนการณ์ราบรื่น ถึงจะโดนพี่ฝันบ่นเรื่องไม่บอกล่วงหน้า แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปแน่นอน


“เอ่อ พี่พลอยคะ ถ้ายังไงม่านขอตัวกลับเลยได้มั้ยคะ”


ผมแอบได้ยินม่านแพงพูดกับพลอยดาวคณะอักษรที่ควบตำแหน่งดาวมหาลัยปีสามตอนที่เราทยอยเดินออกมาจากร้านอาหาร ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองของห้างใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย



“เอ๋ เอางั้นหรอจ๊ะ ทำไมไม่ไปด้วยกันหล่ะ”


พลอยเหมือนจะยอมม่านแพงง่ายๆเลยแฮะ เห็นท่าจะไม่ดีเสียแล้ว


“เอ่อ ทุกคนครับ”


ผมเรียกความสนใจจากกลุ่มดาวเดือนร่วมๆยี่สิบคนตรงหน้า


“สำหรับวันนี้ใครที่ไปไม่ได้ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ใจผมก็อยากให้ไปกันครบทุกคนนั่นแหละ คือ..ยังไงดีหล่ะ พอดีอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดผมหน่ะ ผมเลยแค่อยากมีความทรงจำดีๆกับทุกคนเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเท่านั้นเอง”


ผมยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมส่งไปให้กลุ่มคนด้านหน้า เสหลบตาลงเล็กน้อย ใครเคยกำหนดหรือว่า การใช้มารยาทำได้แค่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น


หลังจากการแสดงของผมจบลง แน่นอนว่า “ทุกคน” เลยถูกบังคับให้มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ม่านแพงก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเธอไม่สามารถที่จะโน้มน้าวพลอยได้อีก ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพลอยกำลังอ่อยและอยากเอาใจผมแค่ไหน


คนเกือบสามสิบคนแต่ใช้เวลาแต่งหน้าทำผมเลือกชุดไม่ถึงสองชั่วโมง ต้องยกความดีความชอบให้ร้าน “พาฝัน” ที่เนรมิตรเรื่องยากให้ง่ายกว่าเดิม เส้นสายและอำนาจเงินก็ดีอย่างนี้แหละ ไม่นานพวกเราทั้งหมดจึงมาถึง “Vela” ในเวลายังไม่ห้าทุ่มดี ซึ่งนับเป็นเวลาที่ผับแห่งนี้กำลังพีคได้ที่ ผมเดินนำทุกคนมายังฟลอร์ด้านข้าง ซึ่งมีโซฟาและโต๊ะกระจกเข้าชุดจัดรอไว้แล้ว ก็บอกแล้วว่าผมเตรียมการมาอย่างดี และแน่นอนว่าบรรดาดาวเดือนทั้งหลายตื่นเต้นกันมาก เพราะร้านนี้แค่มีเงินอย่างเดียวก็ยังไม่พอ


“อวดรวย”


เสียงคนสวยที่สวมมินิเดรสสีดำที่ทำหน้าเบื่อมาตลอดทางพูดขึ้นเบาๆ


“ครับ น้องม่านอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย”


ผมทำเป็นไม่ได้ยิน และทำเนียนแทรกไปนั่งระหว่างเธอและพลอย ซึ่งพลอยก็ดูจะยินดีมากๆเพราะนึกว่าคืนนี้เธอคือคนที่ผมจะเลือกให้ไปต่อด้วยแน่ๆ


“ไม่ค่ะ ขอตัวไปห้องน้ำนะคะ”


ดาวมหาลัยที่พยายามหลบเลี่ยงผมมาตลอดทั้งวันเอ่ยขึ้น ก่อนจะชวนเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนให้ลุกไปด้วยกัน ม่านแพงเป็นคนฉลาด และต้องยอมรับว่าเธอรู้จักอยู่เป็นไม่น้อย


พวกผมพูดเล่นดื่มคุยกันสักพัก บางคนที่กรึ่มได้ที่ก็ออกไปวาดลวดลายที่โซนกลางร้าน ซึ่งคนเริ่มจะเบียดเสียดออกลีลาไม่ยอมกัน วันนี้โต๊ะVVIPไม่ได้ถูกจับจองโดยใครคนใดคนหนึ่ง แต่เปิดโอกาสให้คนที่รักในเสียงเพลงและการขยับตัวขึ้นไปดวลกัน ชนิดที่ว่าต่างไม่มีใครยอมใคร แต่ผมก็ยังไม่เห็นจะมีใครเร่าร้อนได้เท่าม่านแพงในคืนนั้นสักคน จนกระทั่งคนสวยที่ผมไม่เคยเห็นหน้าก้าวขึ้นไปบนนั้น


เสียงวี๊ดวิ่วโห่ร้องทวีความดังขึ้น เมื่อเธอเร่งเร้าจังหวะตามเพลง เดรสสายเดี่ยวสีขาวเข้ารูปคว้านลึกถึงกลางหลัง ยิ่งทำให้เธอดูบอบบางแต่เผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน


ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้ผมมีเหยื่อแล้ว เธอนี่แหละจะเป็นกระต่ายน้อยให้ผมล่าแน่นอน ผมมั่นใจ


ผมมองอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องหันสายตาไปยังกลุ่มคนที่เดินมาใหม่ ชายสามหญิงหนึ่ง ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อสบตากับหนึ่งในนั้น “ไอ้เอส” เพื่อนวิดยาพี่รหัสปาลิน ผมบอกให้มันลากไอ้เด็กจืดมาเลี้ยงสายรหัสวันนี้ เพราะผมใจดี อยากเลี้ยงก็เท่านั้น


แน่นอนว่ามันไม่ค่อยเชื่อ เพราะผมไม่ได้พาน้องรหัสตัวเองมา และโต๊ะที่ผมจองให้มันก็ห่างจากที่ผมนั่งพอสมควร แถมยังมี “ตัวจี๊ด” ฝากให้มันพามาด้วย แต่ก็นะ มันขี้เกียจจะหาคำอธิบายกับการกระทำของผม มันเลยบอกว่าถ้าผมกลัวใช้เงินไม่หมด มันก็จะช่วยใช้เอง ซึ่งคนแบบนี้แหละที่ผมต้องการ


ม่านแพงคงเห็นไอ้เด็กจืดเลยจะขอตัวไปหา แต่โต๊ะผมกำลังเล่นเกม TRUTH OR DARE ที่ใครไม่ยอมตอบคำถามต้องดื่มหมดแก้ว จึงไม่มีใครยอมให้สาวสวยปลีกตัวไป เพราะเกมกำลังมันได้ที่ และแน่นอนว่าเข้าทางผม เพราะไม่นาน “ตัวจี๊ด” ที่ผมฝากไว้กับโต๊ะไอ้เอสก็เริ่มทำงาน “มีนา” สาวพยาบาลปีสองลุกขึ้นเต้นยั่วยวนแฟนม่านแพงอย่างถึงพริกถึงขิง


ยิ่งบรรยากาศแห่งค่ำคืนร้อนระอุ คนข้างๆผมยิ่งร้อนรนและนั่งไม่ติด เธอไม่ยอมตอบอะไร ได้แต่ยกแก้วแล้วแก้วเล่าขึ้นดื่มในทุกครั้งที่เกมวนมาถึงเธอ


มีนาไม่ทำให้ผมผิดหวังเธอทำทีเป็นเซเสียหลักไปนั่งตักปาลินที่ความเป็นสุภาพบุรุษของเจ้าตัวทำให้ไม่กล้าผลักเธอออกในทันที ถึงแม้จะมีแฟนนั่งมองอยู่ก็ตาม มีนาเมาดิบได้เจ๋งโคตร ไม่เสียแรงกับค่ากระเป๋าที่ผมเปย์ไปเลย เธอทั้งบดเอวและเลื้อยมือชวนเสียวไปตามแผงอกของคนใต้ร่าง ซึ่งอีกนิดคนข้างๆผมคงระเบิดแล้วแหละ เพราะไม่ว่าไอ้เด็กจืดจะพยายามแกะมือมีนาออกจากตัวยังไง เธอก็ยังเมาดิบได้อ่อยมากๆ หนึบยิ่งกว่ากาวเสียอีก


คนสวยข้างผมผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่เพราะดื่มไปมาก ม่านแพงจึงยังมึนๆและโงนเงนไม่น้อยจากการลุกขึ้นอย่างกระทันหัน


เอาหล่ะนะ ภาพมันๆคงจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้วสิ ถึงผมจะไม่เคยและไม่อยากรู้จักความรัก แต่ผมก็มั่นใจว่าจุดอ่อนของความรัก ก็คือความไม่เชื่อใจกันนี่แหละ และผมก็หวังว่า ความสั่นคลอนของมันจะช่วยทำให้เกมของผม จบได้เร็วขึ้นก็เท่านั้นเอง



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



เรื่องนี้เกิดจากความฮึกเหิมและพล็อตที่แวบมาในหัวแบบปุบปับ เลยเกิดความคิดอยากลองแต่งนิยายเรื่องยาวสักเรื่อง

แต่เพราะกลัวตัวเองเทไว้กลางทาง 5555 ━(゚∀゚)━! เลยปั่นรัวจนจบแล้วค่อยเอามาลง

ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ลงต่อจนจบนะคะ จบแน่นอนและจะมาลงทุกวันด้วยค่ะ เย่!+.ヽ(≧▽≦)ノ.+゚━━ ッ

ทุกวันนี้ก็อ่านซ้ำไปซ้ำมาก่อนเอามาลงทุกครั้ง แก้แล้วแก้อีก แต่งเพิ่มเติมปรับปรุงเรื่อยๆ

ดังนั้นถ้ามีข้อแนะนำก็บอกเข้ามาได้นะคะ

จะพยายามทำให้ความตั้งใจแรก กลายเป็นความสุขเมื่อนิยายจบลงให้ได้ค่ะ

สู้! ♡´・ᴗ・`♡
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2018 09:17:35 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :ling1:  :ling1:  :ling1: ทำไมตัดฉึบอย่างนี้...... .
อยากให้พี่ภูสอยดาว รู้ตัวเอกสักที่ว่าที่จริงแล้วตัวเองเป็น ภูสอยเดือนมากกว่า....
มาตอเร็วๆและยายวๆน้าาา... ค้างมาก  :katai1:  :katai1:  :katai1:
(แต่งดีค่ะไม่ต้องกังวล....อ่านลืนมากค่ะ  o13 )

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่สี่・❥



เป็นเสือ ก็ต้องออกล่า



..ภูฟ้า..



เพราะมัวแต่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จนไม่ทันมองตอนแม่กระต่ายน้อยสีขาวที่เต้นอยู่บนโต๊ะVVIPเมื่อครู่เดินลงมาและกำลังเต้นยั่ว?อยู่หน้าไอ้เด็กจืด


คนนี้ผมไม่ได้เตี๊ยม และก็ต้องยอมรับว่าทำให้ผมงงไม่น้อย เรื่องที่ไอ้เด็กจืดมันหล่อ ผมเองก็ไม่คิดจะเถียง แต่ผู้ชายสิบกว่าคนฝั่งผมก็หล่อกันหมด แถมยังพ่วงดีกรีเดือนคณะของมหาลัยดังกันทุกคน มิหนำซ้ำบางคนยังเป็นดาราวัยรุ่นหรือเป็นนายแบบก็มี แต่ความหล่อความดังกลับไม่ได้ช่วยให้แม่กระต่ายน้อยชุดขาวชายตาแลเลยสักนิด อาจจะมีมองมาบ้าง แต่ก็ไม่ลังเลที่จะเลือกมัน


พอมีนาเห็นคู่แข่งมาใหม่ ก็หันมาสบตาข้ามโต๊ะกับผมอย่างจะขอคำตอบ แต่เพราะไม่มีอะไรตอบกลับไป เธอจึงกลับไปเกาะหนึบเลื้อยตัวข้างไอ้จืด ที่อาศัยช่วงเธอกำลังงง จัดการทำให้เธอลงจากตักมานั่งข้างๆได้สำเร็จ


แต่ทันใดนั้น ตักไอ้เด็กจืดก็ไม่ว่างอีกต่อไป เมื่ออยู่ดีๆแม่กระต่ายน้อยชุดขาวจอมยั่วก็ขึ้นไปนั่งแทน ม่านแพงดูจะช็อคไม่น้อย เธอทรุดตัวนั่งจนโซฟายวบลงตามแรงกระแทกของร่างสวย สายตาทุกคู่ของดาวเดือนฝั่งผม ต่างก็จับจ้องทั้งเธอและไอ้เด็กจืดสลับกันไปมา แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไร


ผมเชื่อแล้วว่าไอ้เด็กจืดนี่มันก็ร้าย เพราะคราวนี้มันเล่นด้วย แถมยังกอดเอวแม่กระต่ายชุดขาวแสนสวยไว้บนตัก ไม่ได้ผลักออกอย่างตอนมีนา ต่างคนต่างกระซิบกระซาบหัวเราะกันอย่างมีความสุข หน้านี่ก็ใกล้กันจนปากแทบจะประกบกันอยู่แล้ว


คิ้วผมกระตุกไม่หยุดกับภาพที่เห็น คงเป็นเพราะ “มันพังอีกแล้ว” เรื่องรักแท้บ้าบออะไรนี่ ไหนว่ารักกันนักรักกันหนา ทั้งๆที่ม่านแพงก็นั่งอยู่แค่ตรงนี้ ทำไมถึงยังกล้าที่จะทำขนาดนั้น ดีนะที่ผมไม่เคยศรัทธากับคำว่ารักบ้าบออะไรนี่อยู่แล้ว และบางทีก็อาจจะดีกับผมก็ได้ ที่ไม่ต้องลงแรงอะไร เกมทำลายรักแท้ก็ดูจะจบง่ายๆด้วยตัวของมันเอง




..ปาลิน..




ผมดีใจจนน้ำตาแทบไหล จะว่าเว่อก็ได้ อยู่ดีๆพี่มีนาก็เกิดเมาแล้วพิศวาสผมขึ้นมา จำได้ว่าตอนพี่เอสแนะนำให้รู้จักกันที่หน้าผับ พี่เขาก็แค่มองแล้วยิ้มให้ แต่ทำไมอยู่ดีๆพอเข้ามาข้างใน ดื่มไปแค่ไม่กี่แก้ว พี่มีนาก็ทำท่าจะปล้ำผมเสียอย่างนั้น พี่เอสพี่รหัสผมที่กำลังกรึ่มได้ที่ ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ คงคิดว่าพี่มีนาแค่เต้นเอาสนุก ส่วนพี่เป๋าพี่รหัสปีสองที่ดูจะเป็นเด็กเรียน ก็ได้แต่หน้าแดงก้มหน้าจนชิดอกไม่กล้ามอง ปล่อยให้ผมเผชิญยถากรรมคนเดียว


แต่อยู่ดีๆก็มีนางฟ้ามาโปรด


“ที่รักจ๋า”


คนตัวเล็กในชุดสีขาว เดินมานั่งตัก แล้วอ้อนผมเสียงหวาน


“หื้ม ว่าไง เมาแล้วหรอเรา”


ผมยิ้มให้นางฟ้าตัวน้อยในอ้อมกอดแล้วลูบหัวเป็นรางวัลไปหนึ่งที


“ม่ายเมา ใครว่าคิตตี้เมา ม่ายมีนะ”


คนเมาหน้าแดงตาปรือปรอยแต่ยังส่ายหัวปฏิเสธอย่างน่าเอ็นดู


“คืนนี้กลับไปต้องโดนทำโทษแน่เลย”


ผมกระซิบข้างหูคนที่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่กลับอาศัยอกผมแทนพนักพิงไม่ให้ร่วงลงไปจากตัก


“ม่ายเอา คนใจร้าย ลินต้องช่วยเค้าสิ”


ผมหันไปสบตาม่านแพง ข้างกันนั้นมีพี่ภูสอยดาวที่กำลังยิ้มส่งมาทางนี้ ทั้งๆที่ยิ้ม แต่กลับดูเหมือนจะร้องไห้มากกว่า หน้าตาดูขมขื่นแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสนใจในตอนนี้


“พี่เอสพี่เป๋า ผมขอกลับก่อนได้มั้ยครับ พอดีเพื่อนผมเมามากแล้ว”


ผมหันไปขออนุญาตพี่รหัสทั้งสอง ก่อนจะโอบรั้งร่างบางให้ลุกขึ้นตาม


“อ้อ เพื่อนหรอ อ..เออๆ เอาสิ”


พี่เอสยังไม่ละสายตาจากคิตตี้เลยตั้งแต่เธอมาที่โต๊ะเรา พี่เป๋าพยักหน้าอายๆ ผมเลยพาแม่ตัวดื้อเดินออกมา เนื่องจากทางเดินมีคนเมาเบียดเสียดกันอยู่มาก ผมจึงต้องกอดร่างบางจากด้านหลังเพื่อกันไม่ให้ตัวเธอไปชนกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ในผับ ก่อนจะไปรับอีกคน


เชี่ย
 

เสียงจากคนในโต๊ะดังมาจากทางไหนบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจ


ผมเดินเข้าไปยังโซนพิเศษที่จัดไว้ แล้วยกมือไหว้คนในโต๊ะแบบพร้อมกันทีเดียว ทุกคนยังเอาแต่จ้องผม ผมเลยต้องพูดให้ดังกว่าทุกทีเพื่อแข่งกับเสียงเพลง


“พี่ๆครับ ผมขอพาม่านแพงกลับก่อนนะครับ”


ยังไม่ทันที่ผมจะถามจบ ร่างสวยที่คงจะอยากกลับมากแล้ว เลยโถมตัวมากอดผมไว้อีกคน ผมจึงต้องเบี่ยงคิตตี้ให้อยู่ฝั่งขวา แล้วกอดกระชับม่านแพงไว้ทางซ้าย


ทุกคนในโต๊ะต่างมองพวกเราเป็นตาเดียว ไม่เว้นแต่พี่ภูสอยดาวคนเจ้าแผนการ แผนตื้นๆที่ผมรู้ทันแล้ว เพราะพี่เอสพลั้งปากบอกเรื่องใครเป็นเจ้ามือในมื้อนี้ ตั้งแต่แก้วแรกที่น้ำเมาเข้าปากด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร พี่เขาจะรวยมากหรือจะปิดทั้งร้านเลี้ยงก็ตามสบาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ม่านแพงก็ไม่หันไปมองพี่เขาแน่นอน ผมใช้ฝ่ามือกดเข้ากับท้ายทอยของดาวมหาลัยคนสวยเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอไหว้เพื่อบอกลาทุกคน อย่างน้อยก็เป็นมารยาทก่อนกลับ


ก่อนจะไปผมก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับคนเจ้าแผนการ แล้วกดจมูกกับแก้มใสของคนในอ้อมแขนทั้งซ้ายและขวา เรียกอาการหนังตากระตุกจากคนที่คงหมดเงินไปไม่น้อยจากแผนการนี้ ผมอยากให้เขาได้รู้ว่า ถึงเวลาที่เขาควรจะยอมแพ้ได้แล้ว


“กลับก่อนนะครับ พี่ภู”




*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก

ข่าวล่ามาแรงแซงทุกโค้งค่าคุณขาาาาา เค้าว่าผับไฮโซชื่อดังวันนี้นรกแตกกว่าทุกวัน ก็จะไม่ให้ร้อนได้ยังไงหล่ะคะ ในเมื่อหนุ่มภูสอยดาวซัมมีเจ๊ ที่อุตส่าห์เลี้ยงวันเกิดล่วงหน้ากับคนสวยคนหล่อเป็นสิบๆ ถูกแย่งซีน “สอยดาว” โดยน้องปริญ ปาลิน เฟรชชี่วิดยาปีหนึ่ง อู้ยยยยย งานนี้เค้าว่ากันว่า ไม่แซ่บจริงทำไม่ได้นะจ๊าาาาา

ก็คุณน้องคนหล่อแฟนดาวม.คนล่าสุดเล่นควงสอง โชว์ความเหนือชั้นมันซะเล้ยยยย ที่สำคัญ ย้ำ!! และขีดเส้นใต้หนาๆตรงนี้ พวกนางสามคนเผรียมัวรักใคร่กันดี ไม่มีซีนตบตีแย่งชิงเหมือนในละครหลังข่าวนะคระ วรั้ยๆๆๆๆๆ

เลิศที่สุดในสามโลกหกเจ็ดแปดทวีป พูดแล้วก็อยากร่วมคลุกวงในด้วยเลยอะ แต่ขอจับชะนีแยกไปนะคระ อู้ยยยย อยากพิสูจน์ว่าจะซี้ดแค่ไหน คริคริคริ

ว่าแต่ซัมมีหมายเลขหนึ่ง ภูขาของมินนี่หล่ะคระ สนใจมาเราสองสามคนกับมินนี่และน้องปริญมั้ย วรั้ยยยย แค่คิดก็เปรี้ยวปาก

#งานดาวเดือน #งานเผรียมัว #เราสองสามคน #อยากคลุกวงใน #อยากจิเห็นความใหญ่ความยาว #อุ๊ยยย #ความขาวสิคริ


*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก


วรั้ยยยยยย ถ้าข่าวเมื่อคืนยังไม่เร่าร้อนพอ เจ๊ขอแนบภาพปลากรอบ aka ภาพประกอบนะคระะะะ ส่งมาจากพลเมืองเผือกของเจ๊ ที่รายงานว่า น้องปริญ น้องม่าน และสาวปริศนา คืนที่ผ่านมานอนห้องเดียวกันนะจ๊ะะะะ ไหนนนน เมื่อคืนใครมันหาว่าเจ๊ใส่ร้ายคู่รักคนดัง ขอเอาภาพนุ้งปริญ ผัวมโนของเจ๊ที่ยืนซื้อโจ๊กใส่ไข่ลวกสามถุง ย้ำ!! สามถุง!!! กลับขึ้นคอนโดไปแบบไม่เพลียไม่เหนื่อยมาโชว์ด้วยเลย

โอ่ยยยตายแล้ววววว อึดๆแบบนี้ มีอีกคนมั้ยค้าาาาา

#เมียมโนที่รักปริญ #แซ่บลืมพ่อเอ๊ยยยย #งานเผรียมัว #เราสองสามคน #อยากคลุกวงในด้วยจริงๆนะ #เช็ดน้ำลาย




..ภูฟ้า..




“วรั้ยๆๆๆ ได้ข่าวว่ายังพรากลูกพรากเมียเค้าไม่สำเร็จ”


“แถมเค้ามีเมียเพิ่ม”


“แต่ยังรักใคร่กลมเกลียววววว วรั้ยๆๆๆ”


เสียงไอ้เชี่ยปาล์มกับไอ้จั๊ด ที่กวนตีนผมตั้งแต่เช้า


“ทำไมไอ้ปาล์ม มึงเป็นผัวมินนี่หรอ วรั้ยห่าอะไรเป็นนกหวีดเลยไอ้สัด”


“อู่ยยยยยยย เหมือนงานจะเข้าผมครับคุณจั๊ด”


“งานผิดศีลธรรมด้วยนะครับคุณปาล์ม ฮ่าๆๆๆๆๆ”


“เดี๊ยะๆๆ พวกเวร มาให้กูเตะซักทีให้หายปากเป็นนกหวีดแม่ง”


ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดอยู่ล่อตีนไม่นานก็รีบวิ่งไปหาเมียเด็กที่กวักมือหยอยๆเรียกอยู่ข้างสนาม เดี๋ยวเหอะ พวกเชี่ยนี่ กูเห็นพวกน้องเค้าแอบมองกูอยู่นะเว่ย อย่าทำให้กูเคือง เดี๋ยวแม่งพิสูจน์รักแท้พวกมึงด้วยเลย







ผมไม่มีอารมณ์ไปตามไอ้จืดในวันเสาร์อาทิตย์ ทุกอย่างดูผิดแผนไปหมด นี่ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่แผนผมยังไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลย มันนานเกินไปแล้ว


“อ้าว พ่อหนุ่ม วันนี้ไม่เห็นมาซื้อน้ำเต้าหู้ตามแฟนเลย”


เสียงจากป้าคนขายกับข้าว ที่ผมคุ้นหน้าจากการขายน้ำเต้าหู้มากกว่าเอ่ยทัก


“แฟน?”


ไอ้สองลิงที่รอดตีนผมหวุดหวิดจากตอนเช้า หันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว


“เอ้า ก็น้องปริญคนหล่อไงหล่ะลูก อู้ย นิสัยก็น่ารัก คนนี้ป้าเชียร์นะพ่อหนุ่ม สมกันนะเราหน่ะ”


ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยได้แต่ยิ้มเก้อรับจานข้าวไปนั่งที่โต๊ะอย่างงงๆ


“อะไรมึงอะไร เล่ามาให้หมด กูงงไปหมดแล้วเนี่ย”


ไอ้ปาล์มที่พึ่งได้ข้าวเดินกลับมานั่งข้างผม


“ป้าโม้ใหญ่เลยนะมึง ว่าคู่มึงน่ารัก เดินตามแฟนต้อยๆๆ”


โห ป้าครับ ใส่สีตีไข่เยอะเกินไปรึเปล่า


“เออจริง กูงงไปหมดแล้วเนี่ย ป้าเค้าบอกด้วยนะว่าตอนเจ็ดโมงเช้า เชี่ยภู! นั่นใช่มึงหรอวะ หรือป้าแกแก่จนเลอะเลือน”


ไอ้จั๊ดถือมาทั้งข้าวและน้ำ นั่งลงฝั่งตรงข้ามผม


“อะไร จ้องกูจังพวกมึงเนี่ย”
 

“เล่ามา”


พวกตัวเฮียพูดเหมือนนัดกัน


“มึงจะจีบแฟนเค้า แล้วมึงไปตามเค้าทำไมกูงง”


ไอ้จั๊ดจ้องตาผมแปลกๆ


“เอ้า พวกมึงไม่เคยได้ยินหรอ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”


“ผู้ชาย?”


“เออ”


“ตอนโคตรเช้า?”


“เออ”


“ทุกวัน?”


“ทุกวันอะไร เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากูนอนอยู่บ้าน”


“แต่ไปมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่บอกจะจีบแฟนเค้าอะนะ”


“เออ”


“รู้ว่าเค้าอยู่ไหน?”


“คอนโดA”


“รู้เลขห้อง?”


“เออ”


“รู้ตารางเรียน?”


“ก็เออไงวะ มึงถามอะไรนักหนาวะเนี่ย”


“อะ คำถามสุดท้ายละ”


ไอ้จั๊ดที่อยู่ดีๆก็ทำตัวเป็นตำรวจสืบสวน ยังคงไม่ละความพยายามที่จะสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอย่างผมด้วยสายตากดดัน


“ว่ามาเร็วๆกูจะแดก”


“แล้วมึงรู้เรื่องพวกนั้นของน้องม่านแพงมั้ยวะ”


“..........”


เออหว่ะ ทำไมผมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้


“เห้อออออ งานเข้าแล้วเชี่ยภู”


ไอ้ปาล์มพูดปริศนาอะไรของมันก็ไม่รู้ ที่ผมไม่ค่อยสนใจจะฟังเท่าไหร่


“มึงจำตอนก่อนกูจะเป็นแฟนไอ้ดื้อได้มั้ยวะ”


ไอ้จั๊ดถามถึงน้องรหัสแฟนเด็กของมัน


“จำได้ดิแม่ง ดราม่าชิบห๊ายยย”


เหอๆ คิดแล้วยังสยอง ไอ้จั๊ดกับไอ้ปาล์มเรียนภาคฟิสิกส์เหมือนกัน ปีที่แล้วไอ้ปาล์มตามจีบสาวรุ่นน้องที่เรียนคณะสาธารณสุข ไปไงมาไงไม่รู้ ไอ้จั๊ดก็ดันไปคว้าเพื่อนสนิทน้องเค้ามาเป็นแฟนเสียได้ จะไม่ดราม่าเลย ถ้าไอ้ดื้อแฟนที่มันพูดถึง ไม่ใช่ทั้งน้องรหัสและแฟนผู้ชายคนแรกของมัน โอ้โห กว่าจะลงเอยกันได้ พวกผมต้องไปตามมันถึงบ้านที่พังงา แล้วลากมันขึ้นมาจากทะเล โคตรจะดราม่า แค่คิดแล้วยังขนลุกไม่หาย


“ฮ่าๆๆๆ เออ กูขอโทษที่เป็นภาระพวกมึง แต่คนแม่งไม่เคยรู้ใจตัวเองป่าววะ รักใครจริงๆครั้งแรก แต่คนนั้นดันเป็นผู้ชาย”


“มึงจะสื่ออะไรกันแน่” ผมหรี่ตามองมัน ก่อนจะตักปลาหมึกผัดพริกสดเข้าปาก


“บางทีมึงอาจชอบผู้ชายโดยไม่รู้ตัวนะเว่ย”


พรวดดด


ผมสำลักข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่โดยไม่ทันตั้งตัว แม่ง แสบคอไปหมดแล้วเนี่ย


“ถึงกับสำลักเลยหรอมึง”


ไอ้จั๊ดหน้าเจื่อนลง ส่วนไอ้ปาล์มรีบยื่นแก้วน้ำมาให้ผม ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าผมจะหายใจได้สะดวกเหมือนเดิม หลุดมาดหล่อเลยกู


“นั่นแหละที่พวกกูอยากสื่อ”


ไอ้ปาล์มดึงกลับมาเรื่องเดิม


“ปีที่แล้วเรื่องไอ้จั๊ดแม่งLovewinจริงๆ โคตรพีค เปิดโลกทัศน์กูมาก ตอนนี้กูเลยคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆหว่ะ”


ไอ้ปาล์มหันไปมองไอ้จั๊ดอดีตประธานชมรมรักบี้สมัยม.ปลายที่เกาคอเขินๆ? เชี่ย มึงเขินเพราะคิดถึงความรักมึงกะไอ้น้องรหัสเนี่ยนะ เหอๆ อ่อนชิบหาย


“แล้ว? คิดว่ากูจะซ้ำรอยไอ้จั๊ด? เหอะ ไม่!มี!ทาง!”


ผมไม่ได้ดูถูกเพื่อน แต่ที่พวกมันคิดคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ฟันสาวมาเป็นร้อยๆอย่างผม กูยังชอบนมตู้มๆอยู่ครับไอ้เพื่อน


“ตั้งแต่เจอน้อง มึงได้นอนกับใครมั้ยวะ”


ห้ะ คำถามอะไรของไอ้จั๊ดมันวะ รู้สึกจะออกนอกโลกเกินไปแล้ว ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่นี้ตรงไหน


“ไม่ได้นอน แต่ไม่ใช่เพราะใครนะเว่ย ช่วงนี้กูแค่เหนื่อยจากการตื่นเช้ามาเฝ้าไอ้จืด เลยขี้เกียจจะล่า”


“โอ๊ะโอ ไอ้จั๊ด กูว่ามึงต้องเตรียมตัวเทรนด์ให้มันแล้วหว่ะ”


ไอ้ปาล์มยักคิ้วกวนตีน


“เทรนด์ห่าอะไรของมึง”


ในสายตาผมตอนนี้ รู้สึกว่าหน้าตาไอ้สองตัวนี้ จะยิ่งวอนตีนผมเป็นพิเศษ


“เอ้า คุณภูฟ้าครับ คุณไม่รู้หรอครับ ว่าเสือที่หยุดล่ามันหมายความว่ายังไง”


ยังเป็นไอ้ปาล์มที่อ้อนตีนกว่าใคร


“อะไร”


“หึหึ ก็หมายความว่ามันเจอคนถอดเขี้ยวเล็บให้แล้วไงหล่ะคร้าบ”


ดูท่าวันนี้ คงจะถึงเวลา ที่ผมจะได้ฤกษ์เตะปากไอ้ปาล์มเสียที ปากหมาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ให้ตายเถอะ



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


คุณ catka12 เมนท์ให้กำลังใจตลอดเลย

ขอบคุณมากนะคะ (❦ ᴗ ❦ ✿)

วันนี้สั้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่พรุ่งนี้จะชดเชยบวกสเปให้ด้วยค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 11:22:45 โดย Sugar_stack »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Meaw Evezaaaaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งึมๆ แม่งโคตรสะใจอ่ะ น่าสงสารพี่ภู เสียเงินฟรี ในความคิดเรา เราว่าลินกับแพงไม่ได้คบกันแบบคนรัก แต่เป็นคนสำคัญของกันมากกว่าจากที่ลินคุยกับคิตตี้ เราคิดว่าคิตตี้นาจะคบกะแพงมากกว่า5555มั้งนะ สนุกดีค่ะรอลุ้นค่ะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3: ขอบคุณค่ะที่มาลงให้ทั้งๆที่ยุ่ง... แอบมาจิ้มไว้ก่อนค่ะ...วันนี้schedule work at 3 pm ตื่นสายเลยไม่มีเวลาอ่าน  :katai1:  ยังไงก็สู้นะค่ะ...แล้วจะรับกลับมาอ่านทันที เลิกงานค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่ห้า・❥



ม่านแพง คือ แฟนของผม



..ปาลิน..




วันนี้มีเรื่องที่ทำให้ชีวิตประจำวันธรรมดาๆของผมต่างไปจากทุกที เริ่มตั้งแต่การเจอป้าชื่นเป็นรอบที่สองของวัน แต่เปลี่ยนจากเจอที่ตลาดเช้า มาเป็นคาเฟทีเรียในตอนกลางวัน ผมคุ้นเคยกับป้าชื่นเพราะป้าแกเป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องที่ผมจะต้องไปอุดหนุนเป็นประจำทุกเช้า แต่ผมพึ่งจะรู้ว่าแกขายอาหารตามสั่งด้วยก็วันนี้


“อ้าว ป้าชื่น สวัสดีครับ”


ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือไหว้ป้าชื่นด้วยความแปลกใจ ปกติผมก็ไม่ใช่เด็กมารยาทงามขนาดไหว้พ่อค้าแม่ค้าทุกคนหรอกครับ เพียงแต่เจอแกทุกเช้าจนไปๆมาๆ รู้ตัวอีกทีก็สนิทกับแกเสียแล้ว


“อ้าว พ่อปริญ ดีจังที่เจอ ป้ายังคิดอยู่เลยว่าจะได้เห็นพ่อปริญใส่ชุดนักศึกษามั้ยน้อวันนี้”


ป้าชื่นเงยหน้าขึ้นมาจากบรรดากระดาษที่ลูกค้าแต่ละคนจดเมนูส่งไว้ แล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจให้ผม ปกติผมจะไปซื้อน้ำเต้าหู้ตอนเช้าตรู่ เลยยังไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา ไม่แปลกที่ป้าแกจะยังไม่เคยเห็น


“ป้าชื่นขายข้าวด้วยหรอครับ ผมไม่รู้เลย”


ผมยื่นกระดาษที่ม่านแพงจดรายการอาหารไว้แล้วส่งให้ป้าแก ป้าชื่นรับไปแล้วจัดกระดาษตามคิวลูกค้า ก่อนส่งต่อให้พ่อครัวด้านหลังร้าน


“อ้อ ร้านนี้เป็นร้านลูกสะใภ้ป้าเอง วันนี้นังอ้อยใจมันไม่สบาย ป้าเลยมาช่วยหน่ะ”


ป้ายิ้มให้ผมแล้วหันไปรับกระดาษที่ยังมีคนทยอยส่งให้แกเรื่อยๆ ร้านนี้ทำอร่อยแล้วก็ให้เยอะ เลยไม่แปลกที่จะเห็นขายดีทุกวันแบบนี้ ป้าชื่นขานเมนูแต่ละจานที่เสร็จแล้ว พร้อมกับจัดแจงรับเงินแล้วทอนให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว


“ใครหน่ะลิน”


ม่านแพงที่พึ่งได้โอกาสเงยหน้าขึ้นมาจากจอสมาร์ทโฟนกระซิบถามผมด้วยความสงสัย


“ป้าชื่นหน่ะ แกเป็นคนขายน้ำเต้าหู้ที่เราซื้อประจำ”


“อ้อออ”



เมื่อหายสงสัย ม่านแพงก็กลับไปรัวแชทต่อ


“เอ้อนี่ พ่อปริญ เมื่อกี๊แฟนพ่อปริญคนที่หล่อๆก็พึ่งมาซื้อข้าวไปนะ”



ป้าชื่นที่เคลียร์ออเดอร์จนคนทยอยซาลงจากหน้าร้านหันมาบอกผมด้วยประกายตาตื่นเต้น ม่านแพงหันขวับมามองผมทันทีก่อนจะหันไปมองป้าเหมือนต้องการให้พูดต่อ ป้าแกคงเห็นรังสีอะไรบางอย่างจากม่านแพงเลยหน้าเจื่อนลง


“เอ่อ แม่หนูคนนี้แฟนพ่อปริญหรอลูก”


ป้าแกยิ้มแห้งๆแล้วถามผมเสียงอ่อย


“ครับ” /  “ใช่ค่ะคุณป้า หนูชื่อม่านแพงนะคะ แฟนปริญค่ะ”


ผมแค่ยิ้มๆแล้วตอบป้าแกสั้นๆ ผิดกับคนที่เดินมายืนข้างๆแล้วตอบเสียงดังฟังชัด ม่านแพงยิ้มหวานเจี๊ยบแล้วจัดแจงกระพุ่มมือไหว้ป้าชื่นอย่างแข็งขัน ป้าชื่นแกก็รับไหว้ แต่ผมรู้สึกว่าแกยิ้มเจื่อนๆเฝื่อนๆยังไงแปลกๆ แกคงพึ่งเห็นดาวมหาลัยคนสวยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่ด้านหลังผมก่อนหน้านี้ เลยทำตัวไม่ถูกที่เจอการแนะนำตัวเองพร้อมความสัมพันธ์กับผมอย่างเสร็จสรรพ


“อ..อะ ..เอ้อ หนุ่มหล่อสาวสวย เหมาะกันจริงๆลูก”


ป้าชื่นเอามือปาดเหงื่อตัวเอง แกมองพวกผม แล้วยิ้มให้อีกรอบ ก่อนจะหันไปขานออเดอร์ที่เสร็จแล้ว รอบนี้มีของผมกับม่านแพงด้วย ลูกค้าหน้าร้านก็ถือว่าบางตาลงไปพอสมควร


“ป้าครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”


ผมรับจานข้าวผัดสองจานมาถือไว้ ก่อนจะชวนม่านแพงที่อยู่ดีๆก็ดูจะสนใจป้าชื่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ให้กลับไปนั่งทานกันที่โต๊ะ


“ป้ะ ม่าน”


ผมจัดการยื่นจานข้าวผัดอีกจานให้ม่านแพง ก่อนที่จะเดินไปหยิบช้อนส้อมให้เธอเหมือนเช่นทุกที


“ป้าขา เรื่องแฟนลินนั่นยังไงหรอคะ”


ม่านแพงที่รับจานตัวเองไปแล้ว เดินไปเกาะตู้กระจกหน้าร้าน คนสวยใช้ตากลมๆมองป้าชื่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น คงจะเรื่องที่แกบอกว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แถมยังพึ่งมาซื้อข้าวไปเมื่อกี๊ ตอนแรกผมก็สงสัยนะ แต่คิดว่าแกทักคนผิด คงจำผมสับสนกับลูกค้าคนอื่นมากกว่า เลยไม่คิดจะถามต่อ


แต่ดูคนสวยของผมจะไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ


“ป้าขาาาาา”


ฟังจากน้ำเสียงอ้อนๆนี้ได้เลย


“อ.เอ่..เอ่ออ”


ป้าชื่นดูอึกอักและลำบากใจ ผมเลยไม่อยากให้ม่านแพงเซ้าซี้ป้าแกต่อ


“ไม่มีอะไรหรอกม่าน ป้าชื่นคงจำผิด”


ปีนี้ป้าแกอายุก็น่าจะห้าสิบกว่าแล้ว ผมเคยถามแต่จำเลขแน่นอนไม่ได้ ผมเลยว่าไม่แปลกหรอกถ้าแกจะจำผิดไปบ้าง


“จ..จ้า ป้าจำผิดลูก ป้าจำผิด แฟนพ่อปริญก็หนูม่านไม่ใช่หรอลูก”


ร้านแกอากาศคงระบายไม่ดีเท่าไหร่ ผมเห็นป้าแกเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อบนหน้าอีกแล้ว


“ลินจ๋า”


ม่านแพงหันมายิ้มหวานให้ผม


“หื้ม ว่าไงตัวยุ่ง ไปกันยัง ลินหิวแล้วนะ ป่านนี้แก้วตาก็คงนั่งรออยู่ที่โต๊ะคนเดียวแล้วด้วยมั้ง”


“ลินจ๋าไปซื้อน้ำอร่อยให้ม่านแล้วไปนั่งกินรอเลยน้า ม่านไม่อยากให้แก้วตานั่งคนเดียวอะ”


“แล้วม่านจะไปไหน”


“ขอคุยกับป้าชื่นแป้บเดียว นะลิน นะๆๆๆๆๆๆ”


เจ้าตัวยุ่งเริ่มงอแงเมื่อเห็นผมทำหน้างงกับภารกิจที่พึ่งได้รับมา


“ลินอ่าาาาา”


ไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มงอแงครับคนนี้ ผมเลยต้องยอมอีกตามเคย




ผมปล่อยผ่านเรื่องที่ป้าชื่นพูดเพราะมั่นใจว่าแกจำผิดคน ทุกเช้าผมก็เดินไปซื้อน้ำเต้าหู้คนเดียว จะมีแฟนที่ไหนตามไปได้หล่ะ แต่คนที่ไม่ยอมจบแน่ๆคือม่านแพง ดาวมหาลัยคนสวยที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นชาวเกาะ คอยเกาะกระจกร้านอาหารตามสั่งจนเกือบหมดเวลาพักกลางวัน เรียกได้ว่าข้าวอะไรไม่สนใจแล้ว ยืนโซ้ยมันตรงนั้นแหละ รอจังหวะลูกค้าน้อยก็ซักฟอกป้าต่อ ไปตามยังไงก็ไม่ยอมกลับมานั่งที่โต๊ะ แถมยังไล่ผมให้กลับไปโต๊ะเร็วๆอีก



“ว่าไง พอใจรึยัง”



ผมหัวเราะให้กับม่านแพงที่คิ้วขมวดเป็นปมเดินกลับมายังโต๊ะที่ผมและแก้วตานั่งอยู่


“ม่าน มีอะไรรึเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย”


แก้วตาถามเพื่อนสาวที่กำลังมุ่นหัวคิ้วจนหน้าผากขึ้นรอย ตั้งแต่กลับมาคนตรงหน้ายังไม่ยอมนั่งลงสักนิด จานข้าวที่ยังถืออยู่ในมือก็ไม่มีทีท่าจะถูกวางลงแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่แก้วตา ตอนนี้ผมก็เริ่มเป็นกังวลตามคนหน้าเครียดที่ยังเม้มปากแน่นอย่างกำลังใช้ความคิด



“ม่าน โอเคมั้ย”


ผมคว้าจานข้าวผัดหมูที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งของม่านแพงลงบนโต๊ะ


“ไม่โอเคอะ ม่านไม่โอเคเลยนะแบบนี้”


ม่านแพงหันไปบอกแก้วตาในประโยคแรก แล้วหันมาบอกประโยคหลังกับผม เมื่อกี๊ผมเล่าให้แก้วตาฟังคร่าวๆแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดที่ป้าชื่นบอกว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย เธอเข้าใจเรื่องเท่าที่ผมเล่าได้เป็นอย่างดี เลยไม่งงกับอาการฟึดฟัดของม่านแพง แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลตามดาวมหาลัยไปเสียแล้ว


“มีอะไรอยากคุยกันสองคนมั้ย เราโอเคนะ นี่ก็อิ่มแล้วอะ เดี๋ยวไปรอที่ห้องสมุด”


แก้วตาชี้ชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือแค่น้ำให้ม่านแพงดู แต่คนสวยก็ยังมีสีหน้าลังเล


“หรือให้เรารอนี่มั้ยอะ ม่านคุยกับลินก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยไปเรียนพร้อมกัน ไม่ต้องห่วงเราเว่ย เดี๋ยวไถทวิตรอ”


พอแก้วตาพูดจบ ม่านแพงก็กุมมือแก้วตาขึ้นมาทำหน้าอ้อนๆใส่ จนแก้วตาต้องเอานิ้วจิ้มหน้าผาก แล้วดันแรงๆไปทีนึง คนสวยถึงยิ้มได้


“ลิน ขอคุยด้วยหน่อย”


คนที่พึ่งยิ้มให้แก้วตา หันมาหุบยิ้มทันทีที่มองมาทางผม รูปประโยคเอ่ยชวนกึ่งทางการแบบนี้ ผมไม่คุ้นเอาเสียเลย จึงไม่กล้าถามอะไรต่อ



ผมเดินตามม่านแพงมานั่งที่เนินสนามหญ้าหลังโรงอาหาร ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเพราะแดดยังส่องถึง และร้อนไม่ใช่เล่น ม่านจึงเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจ



“ลิน”



“จ๋า”



ผมขานรับคนสวยที่กำลังทำหน้าเครียด


“นายภูสอยดาวนั่นไม่ได้ชอบเราหรอก”



อยู่ดีๆชื่อบุคคลที่สามก็ปรากฏในหัวข้อสนทนาของเรา ผมเลยอดที่จะขมวดคิ้วตามม่านแพงไม่ได้


“อะไรทำให้ม่านคิดว่างั้นหล่ะ”


ผมยังงงนิดหน่อย แต่ก็เลือกจะถามกลับประโยคชวนสับสนของม่านแพง



“ก็ลินเคยบ่นว่าเหมือนมีคนตามใช่มะ”



“อื้ม ก็ใช่นะ แต่สองวันมานี้ไม่ค่อยรู้สึกแฮะ สงสัยจะคิดไปเองจริงๆ”



ผมเชื่อว่าความงงของผมคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ถ้าเรายังคุยกันแบบนี้ต่อไป จากเรื่องนั้นกระโดดไปเรื่องนี้ ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ตามประเด็นสนทนาของม่านแพงไม่ทัน แต่ก็ยังไม่อยากขัดใจคนหน้ามุ่ย


“ไม่หรอก เราว่าเรื่องจริง”



“หื้ม เรางง เราตามไม่ทันอะม่าน”



คงถึงเวลาที่จะยอมรับแล้วว่า ผมไม่เข้าใจในทุกเรื่องที่ม่านแพงได้พูดไป เพราะไม่งั้นผมว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที


“เราว่าคนที่ตามลินน่าจะเป็นนายภูสอยดาวนั่นแหละ”



“ม่านเอาอะไรมาพูด”



ผมเผลอเสียงดังจนต้องรีบตะครุบปากตัวเองไว้ เมื่อประโยคชวนตกใจถูกส่งมาจากม่านแพงอย่างไม่ทันตั้งตัว


“ก็ปะติดปะต่อจากทุกอย่างไง ช่วงนี้นายภูนั่นเข้ามาป่วนเราสองคนไม่หยุด ในผับวันนั้นก็ดูวางแผนมาหมด แล้วทำไมกับแค่การตามติดชีวิตลิน นายนั่นจะทำไม่ได้”



“แล้วเค้าจะทำไปทำไมอะ ไปตามม่านไม่ดีกว่าหรอ”



ผมว่าการมาคอยตามติดแฟนของคนที่ตัวเองจะจีบ ดูจะเป็นตรรกะที่พังพินาศเอามากๆถ้ามีใครทำจริง


“ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจ แค่รู้สึกตงิดๆเพราะป้าชื่นแกบรรยายแบบหล่อมากกกก ออร่าพุ่งมากกก พูดซะเทพบุตรจุติเลยอะ เราเลยลองเปิดรูปจากเว็บมหาลัย ทั้งเดือนคณะเดือนมหาลัยทุกชั้นปี เราก็ให้ป้าแกดูหมด แล้วยังไงรู้มั้ย จากผู้ชายเป็นสิบๆ ป้ายังยืนยันเลย ว่าคนที่เห็นชอบมาซื้อน้ำเต้าหู้ตามลินคือเดือนมหาลัยปีสาม นายภูสอยดาว!!”


ม่านแพงบรรยายแบบใส่อารมณ์ตามไปด้วย ชื่อพี่ภูฟ้าเลยกลายเป็นฉายาที่คนทั้งมหาลัยชอบเรียกแทนเจ้าตัว



“แล้วไม่คิดว่าพี่เค้าจะอยากกินบ้างหรอ เหมือนเราที่ติดต้องกินทุกเช้าอะ”



ผมว่าเรื่องทุกอย่างมันก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี ทฤษฎีความบังเอิญของโลกใบนี้ก็มีตั้งมากมาย คงจะไม่แปลกถ้าวันนึงมันจะมาเกิดขึ้นกับผมบ้าง


“ใช่มะ ตอนแรกเราก็คิดเหมือนลิน เราเลยถามป้าไปแบบนี้เด๊ะเลย แล้วป้าว่ายังไงรู้มั้ย ป้าบอกว่าลินกินเมนูไม่เหมือนกันซักวัน วันนี้ใส่ธัญพืช วันต่อไปอาจสั่งใส่แค่ลูกเดือยหรือถั่วแดง บางวันใส่แปะก๊วยอย่างเดียว หรือบางวันอาจกินน้ำเต้าหู้งาดำ ซึ่งตานั่นบอกป้าแค่ว่า..เอาเหมือนคนเมื่อกี๊ครับ”



“เค้าอาจจะแค่อยากกินน้ำเต้าหู้แต่สั่งไม่เป็นรึเปล่า”



ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าการซื้อน้ำเต้าหู้เหมือนกันควรจะเอามาเป็นประเด็นได้ยังไง


“โอ๊ยยยย!! คุณ! เพื่อน! คะ! อย่าโลกสวยไม่ทันคนตอนนี้ได้มั้ย!!”


ม่านแพงเน้นทีละคำ ช้าและชัดจนผมเผลอกลืนน้ำลาย คนสวยเอามือเท้าเอว ถลึงตามองผมไม่เหลือมาดดาวมหาลัยแม้แต่น้อย



“เรื่องอะไร”



ถึงจะกลัวมาดโหดของม่านแพง แต่ก็ต้องยอมรับนั่นแหละว่าผมไม่ทันคน โดยเฉพาะคนที่ชื่อม่านแพงเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว


“ก็นายนั่นชอบลินไง”



นี่คงเป็นเรื่องขำขันที่สุดในรอบปีของผมก็ว่าได้ ผมที่หายงงประเด็นของม่านแพงแล้ว จึงเปลี่ยนมาหัวเราะแบบจริงจังแทน



“จะบ้าแล้ว ฉายาก็บอกอยู่ว่า..ภูสอยดาว.. แค่เดือนเรายังไม่ใช่เลย ดาวนี่ยิ่งไม่มีทาง ฮ่าๆๆๆ”



เรื่องนี้มันขำจริงๆนะ คือกิตติศัพท์ทั้งหมดของพี่คนนั้น ถ้าความยาวสามร้อยหน้าก็คงอัดแน่นไปด้วยเรื่องผู้หญิงและความเจ้าชู้สองร้อยเก้าสิบเก้าหน้าแล้วหล่ะ เรื่องที่จะชอบผู้ชาย หรือหนักถึงขนาดว่าเป็นเกย์เลยเนี่ย ผมว่าโอกาสมันแทบจะติดลบเลยด้วยซ้ำ


“ลิน!”



อยู่ดีๆคนสวยก็แปลงร่างเป็นเมียพระอภัยมณี ตางี้เขียวปั้ดจนผมกลัวเนื้อตัวเองจะช้ำเพราะแค่โดนสายตาคนตรงหน้าฟาดนี่แหละ


“จ..จ๋า”


ยอมรับอย่างไม่อายว่าผมกลัวร่างนี้ของม่านแพง เลยทำได้แค่หลบตาแล้วตอบกลับเสียงอ่อยแบบนี้



“สัญญากับเราก่อน ว่าลินจะเล่าให้เราฟังทุกเรื่องเกี่ยวกับนายนั่น”



อยู่ดีๆคำสั่งที่ทำให้ผมต้องงงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ถูกส่งมา


“เอ่อ.. คือ ..แล้วเรามีเรื่องอะไรต้องเล่าอะจ๊ะ”


ผมเกาหัวแกรกๆตั้งใจสื่อสารด้วยภาษากายว่าผมไม่เข้าใจคำสั่งนี้จริงๆนะ โดยไม่ลืมที่จะกระพริบตาปริบๆเรียกคะแนนสงสารด้วย



“ไม่รู้หล่ะ เอาเป็นว่าถ้าวันไหนได้เจอ พูด หรือคุยกับนายนั่น ลินต้องเล่าให้เราฟัง”



คนสวยไม่ตกหลุมสงสารใดๆ คำสั่งแปลกๆยังถูกส่งมาพร้อมกับสายตาคมกริบ


“จ้า ได้จ้ะ”


ใครจะกล้าปฏิเสธแม่เสือสาวที่กำลังกางกรงเล็บได้ ผมคนนึงหล่ะที่ไม่กล้าเสี่ยง อีกอย่างผมก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะยากอะไร ส่วนใหญ่ม่านแพงกับผมก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าผมได้เจอพี่ภูฟ้า ม่านแพงก็เจอด้วยอยู่ดี ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ผมจะต้องเล่าอะไรอยู่แล้ว และที่สำคัญ ผมว่าม่านแพงคงจะฟังป้าชื่นพูด แล้วเก็บมาคิดมากเกินไป เรื่องนี้ผมฟังยังไงก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย คิดในแง่ร้ายที่สุด ก็อาจเป็นการที่พี่นั่นอาจจะเพี้ยนไปแล้วก็ได้ อาจจะแค่อยากทำให้ผมที่เป็นแฟนกำมะลอของม่านแพงจิตตกที่ถูกโรคจิตคุกคาม เลยสร้างแผนประหลาดๆขึ้นมา คนสมัยนี้ยิ่งรู้หน้าไม่รู้ใจเสียด้วยสิ



“แล้วรู้ใช่มั้ยว่าค่ายรับน้องวิดยาต้องอยู่ห่างๆจากนายนั่น”


ม่านแพงหรี่ตาคาดโทษล่วงหน้า จนผมอดขนลุกไม่ได้ ลืมไปเลยว่าตัวเองต้องไปเข้าค่ายรับน้องในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่าสาวอักษรอย่างม่านแพงไม่ได้ไปกับผมด้วย



“จ้า รู้แล้ว ม่านไม่ต้องห่วงนะ”


ได้แต่ยิ้มแหยๆรับปาก เพราะรู้ดีว่าที่ม่านแพงพูดก็เพราะห่วงทั้งนั้น ยิ่งเจ้าตัวที่สถาปนาตัวเองเป็นทั้งเพื่อนสนิทและแม่ผม(อีกคน)แล้วด้วยเนี่ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะห่วงผมมากแค่ไหน แล้วแบบนี้ผมจะกล้าหือหรือขัดใจได้ยังไงกันหล่ะ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ป้าชื่นเป็นสาววายยุคบุกเบิกค่ะ อิอิ

วันนี้มีสเปต่อด้วยนะคะ (◕ ワ ◕✿)



ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
มาเกาะติดตามละนะ.

ม่านแพงเพื่อนรักของชิน

น้องปาลินที่รักของพี่ภูสอยดาว  :)

 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5: :katai5:  :katai5:

...

.

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เชียร์พี่ภูวววววววว >_<
ม่านแพงอย่าหวงเพื่อนเกินนะเดี๋ยวเพื่อนไม่เป็นฝั่งเป็นฝา555555

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
♡━━━━ Special ━━━━♡


การเจอกันของเรา



..ปาลิน..


ชีวิตมัธยมปลายน่าตื่นเต้นกว่าที่ผมคิด การย้ายโรงเรียนจากบ้านเกิดของผมที่เชียงใหม่ มาอยู่กับป้าซึ่งเป็นสาวโสดที่กรุงเทพ ทำให้เด็กดอยอย่างผม ได้เรียนรู้โลกใบใหม่ เพื่อนใหม่ ชีวิตใหม่ และรักครั้งแรก


เสียงปึงปังบางอย่างดังออกมาจากทิศที่มีบันไดพาดตัวอยู่ ปกติจะไม่มีคนผ่านมาแถวนี้ เพราะเป็นชั้นลอยที่ไม่มีห้องเรียน มีเพียงบันไดที่ใช้เชื่อมไปยังดาดฟ้า ซึ่งในส่วนของประตูก็มักจะถูกล็อคไว้เสมอเพื่อความปลอดภัย


ผมจำเป็นต้องเอาป้ายคัทเอาท์ที่ครูไหว้วานขึ้นมาเก็บ จึงทันได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น


คิตตี้ คีรตา เพื่อนใหม่ที่อยู่คนละห้องกับผม เพราะเธอน่ารักเหมือนตุ๊กตา ผมจึงจำเธอได้ในทันที คิตตี้เป็นผู้หญิงตัวเล็ก กะด้วยสายตาก็น่าจะเกินร้อยห้าสิบเซนติเมตรมานิดเดียวเท่านั้น ดวงตากลมโตที่มักจะทอประกายระยิบระยับรับกับรอยยิ้มร่าเริงอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้เป็นดาวในดวงใจของใครหลายต่อหลายคน


ตรงกันข้ามกับภาพเธอในห้วงความทรงจำของผม คิตตี้ที่กำลังร้องไห้จนหยาดน้ำใสเปียกชุ่มไปทั่วแพขนตาหนา ทำให้ผมต้องมองอย่างไม่อาจเชื่อสายตา


ตากลมใสที่ผมเคยเห็น ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยความเสียใจอุ่นร้อนเปียกปอน ผิวเนื้อที่เคยขาวเนียนปรากฏจ้ำแดงกระจายทั่ว และคงเพราะเหตุนี้ ภาพเธอที่รีบร้อนวิ่งผ่านผมไป ในขณะที่มือสวยก็สาละวนในการสวมเสื้อคลุมทับเสื้อนักเรียนตัวขาวที่ยับย่นหลุดลุ่ย จึงกลายเป็นภาพที่ผมจำได้ติดตา


ผมกำลังจะวางคัทเอาท์แล้วรีบตามไปดูเธอ ถ้าเกิดไม่มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาก่อน


“ปล่อยไปนั่นแหละ ไม่ต้องตาม”


ผมตกใจที่บนชั้นนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับคิตตี้ คนที่พึ่งวิ่งผ่านผมไปโดยไม่เหลียวกลับมามองเมื่อครู่นี้ แต่บนชั้นนี้กลับมีใครอีกคนหนึ่ง คนที่ผมจำได้ว่าพึ่งเห็นกล่องช็อคโกแล็ตวาเลนไทน์มากมายและดอกกุหลาบวางอยู่บนโต๊ะ จนแทบไม่เห็นเนื้อไม้ของโต๊ะนักเรียนตัวเดิม ชื่อของเธอคือ ม่านแพง สุทธาธิการุณย์ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงเรียนเอกชนค่าเทอมแสนแพงที่ผมกำลังศึกษาอยู่นี้


“เอ่อ”


อยู่ดีๆผมก็รู้สึกหาเสียงตัวเองไม่เจอขึ้นมากระทันหัน


“หึ นายจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นก็เชิญ”


สาวสวยที่มีดีกรีดาวโรงเรียนขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ผมเกือบจะเชื่อกับสิ่งที่เธอแสดงออกมา ถ้าไม่ได้เห็นร่องรอยความอ่อนไหวพยายามหลบซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น


“ม่านรังแกคิตตี้หรอ”


ผมไม่อยากเก็บความสงสัยไว้กับตัว ม่านแพงเรียนห้องเดียวกับผม ถึงจะไม่สนิท แต่ผมก็อยากจะเตือนเมื่อเพื่อนทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง


“แล้วคิดว่ายังไงหล่ะ”


คนตรงหน้ายักไหล่เหมือนจะไม่แยแสเรื่องอะไรทั้งนั้น


“ก็คิดว่าทะเลาะกัน”


“ก็ใช่”


“ม่านทำร้ายร่างกายคิตตี้รึเปล่า”


ผมกัดฟันถามออกไป


“ก็..ใช่แหละมั้ง”


“ม่าน!”


“จะพูดอะไรก็พูดมา ถ้าจะฟ้องครูก็รีบไปฟ้องซะ”


คนถูกตามใจจนเคยตัว เริ่มจะหมดความอดทนที่จะพูดกับผม


“เราไม่ได้จะฟ้องหรอก”


ตาคมเผลอหันมาสบตาผมเพียงอึดใจสั้นๆ


“หึ อยากฟ้องก็ฟ้องสิ ไม่ได้ว่าอะไร”


“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ฟ้อง แค่อยากให้ม่านกับคิตตี้ปรับความเข้าใจกัน มีอะไรก็พูดกันดีๆ”


“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเราไม่ได้รังแกยัยนั่น”


“ก็..”


“......ก็ม่านร้องไห้ตั้งขนาดนี้หนิ คนเกลียดกันเค้าไม่ร้องไห้ให้กันหรอก”


และนั่นคือวันแรกที่คำว่ามิตรภาพของพวกเรา ถูกพันธนาการไว้ด้วยกัน


ม่านแพงเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง และกล้าได้กล้าเสีย แต่ข้อดีของเธอ ก็คือการซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง รักเพื่อนและรักเดียวใจเดียว ม่านแพงไม่ได้ชอบผู้ชาย เธอบอกกับผมอย่างนั้น หลังจากที่เราเปิดใจคุยกัน และผมก็จำได้ดี ว่าผมบอกเธอไปว่าอย่างไร


ผมก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง



ผมมีคนในใจแล้ว..


ผมตกหลุมรักรอยยิ้มรุ่นพี่ม.หกคนหนึ่ง พี่เขาเป็นนักร้องนำวงดนตรีที่ชื่อSigma ดวงตาที่เหมือนยิ้มได้ ลักยิ้มสองข้างแก้มที่เป็นเสน่ห์ประจำตัว และไฝเม็ดเล็กๆใต้ตาที่ทำให้พี่เขาน่ามองไม่รู้เบื่อสำหรับผม และโดยไม่ทันตั้งตัว ตัวผมที่ไม่ต่างจากแฟนคลับเดนตาย ก็เผลอตกหลุมรักเขาไปแล้วทั้งใจ ด้วยความยินดี





ถ้าจะบอกว่าม่านแพงกับคิตตี้เข้ามาเติมเต็มผมให้สมบูรณ์ขึ้นก็คงไม่ผิด อาจเพราะความผิดหวังจากรักครั้งแรกที่ยังไม่ทันเริ่ม ทำให้ผมกลายเป็นคนปิดตัวเองในช่วงวัยที่ควรจะสดใสที่สุด ดังนั้นผมเลยนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้วันนั้น ครูบังเอิญเจอผมแล้วไหว้วานงานเล็กๆ อย่างการเอาป้ายคัทเอาท์ไปเก็บ พวกเราคบกันโดยไม่ได้สนใจว่าผมจะเป็นผู้ชายหรือพวกเธอเป็นผู้หญิง ในแต่ละวันของเราเต็มไปด้วยอิสระ ผมกล้าจะเป็นตัวของตัวเอง พร่ำเพ้อเรื่องรักที่ไม่สมหวัง โดยมีพวกเธอคอยปลอบ ในขณะเดียวกัน นิสัยใจร้อนและขี้หึงของทั้งม่านแพงและคิตตี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใช้บ่อยๆเมื่ออยู่กับผม


แน่นอนว่าในสายตาคนอื่นมันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ ม่านแพงที่เรียนห้องเดียวกับผมจึงถูกมองว่าเป็นแฟนสาว ส่วนคิตตี้ที่เป็นแฟนตัวจริงของม่านแพง กลับถูกมองว่าเป็นเพื่อนสนิท ถึงจะปวดหัวกับคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย แต่พวกผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการนิยามความสัมพันธ์ และไม่ได้เห็นถึงความจำเป็นที่จะอธิบายให้ใครต่อใครฟัง ดังนั้นจึงปล่อยให้เข้าใจกันไปตามนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ประโยชน์ของความเข้าใจผิดดูจะมีมากกว่าโทษเป็นไหนๆ


ม่านแพงเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของที่บ้าน เนื่องจากพ่อแม่ของม่านแพงแทบจะถอดใจแล้ว หลังจากพยายามมีลูกอยู่หลายปี แต่สุดท้ายก็ได้ลูกสาวแสนสวยมาเชยชมสมความตั้งใจ ม่านแพงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล แน่นอนว่าเธอจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ยิ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนของครอบครัว ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบจึงจำเป็นจะต้องรักษาไว้ในทุกเวลา ถึงแม้ม่านแพงกับคิตตี้จะใจตรงกันตั้งแต่เรีียนม.ต้นเทอมสุดท้าย แต่ความรักของเพศเดียวกันในสังคมไทย ยังไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น ถึงไม่ได้คิดจะปิดบังตลอดไป  แต่อย่างน้อยก็ให้ได้นานที่สุด เพื่อรอวันที่ทั้งคู่พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่า โตพอที่จะรับผิดชอบความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ และตัวผมเองก็เชื่อว่าวันที่ม่านแพงและคิตตี้จะได้มีกันและกันในชีวิต คงจะมาถึงในเร็วๆนี้


ม่านแพงรักคิตตี้มาก คิตตี้ก็รักม่านแพงมาก
และผมคงเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด ที่ได้รับความรักจากทั้งคู่พร้อมกัน



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


เป็นสเปสั้นๆ เฉลยความสัมพันธ์ของทั้งสามคน

ที่จริงมีแอบแทรกๆเกริ่นๆอยู่ในตอนก่อนหน้านี้นิดหน่อย

มีทั้งคนเดาถูก และคนที่จับทางได้ อิอิ

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าขอบคุณทั้งคนอ่านและทุกคอมเมนท์เลยค่ะ

เจอกันตอนต่อไป พรุ่งนี้ค่า * ୧ ⍢⃝ ୨ *

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :heaven อ๊าย.... พอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ยิ่งชอบใหญ่...  o13 อยาก  :hao7: ให้ดังๆแต่กลัวเพื่อนร่วมงานตกใจ (แอบอ่านตอนทำงานค่ะ) thank u na kaa hopefully see ur story tomorrow (my) morning again ka  o13  :mew1:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
หืออ  คิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ว่าม่านแพงกับลิน น่าจะคบกันหลอก ๆ
แล้วก็คิดอยู่ ว่าม่านแพงน่าจะไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ไปจับคู่กับแก้วตาอ่ะ ผิดเลย 555
ตอนนี้สำคัญที่สุด พี่ภู ควรต้องรู้ใจตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่งั้นก็ไปต่อไม่ได้นะคะ
จากนั้น ต้องฝ่าด่านม่านแพงและคิดตี้ ผู้หวงน้องลินเหมือนลูก ฮาาา
สุดท้าย ที่น่าจะยากสุด คือ เอาชนะใจลิน ที่มีรักแรกที่ไม่สมหวังแม้จะยังไม่ได้เริ่ม
แล้วเดาว่า อนาคต รุ่นพี่ม.หก รักแรกของลิน ต้องโผล่มาทดสอบใจทั้งคู่แน่เลย
สรุป ตอนนี้ เอาใจช่วยให้พี่ภู ช่วยรู้ใจตัวเองสักทีเถอะ โธ่ พ่อคุณ ทำขนาดนั้นแล้ว
แอบสนใจคู่จั้คกับน้องดื้ออ่ะ อยากรู้ว่าตอนนั้น ดราม่าขนาดไหน กว่าจะเป็นแฟนกัน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่หก・❥



แพ้ทะเล



..ภูฟ้า..




“ค่ายรักน้อง” ของคณะวิทยาศาสตร์ มีจุดประสงค์หลักคือการเฉลยสายรหัสและมอบสร้อยพร้อมจี้โลหะรูป “อะตอม” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะให้แก่รุ่นน้องปีหนึ่ง คล้ายกันกับการที่คณะวิศวะมีการมอบเกียร์ และคณะแพทย์มีการมอบเสื้อกาวน์ และเพราะอยากให้การส่งมอบอะตอมในปีนี้พิเศษกว่าเดิม หลังจากการสอบกลางภาคผ่านพ้นไป ค่ายรักน้องจึงถูกจัดขึ้นที่ทะเลโดยมีปีสามเป็นหัวเรือใหญ่


“อ้าว ไปเข้าแถวเตรียมตัวขึ้นรถกันได้แล้วนะครับน้องๆ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ร่ำลาแฟนให้เพื่อนๆต้องรอ”


ผมจงใจหันไปพูดกับน้องปีหนึ่งที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้ามินิมาร์ทของมหาลัย หนึ่งในนั้นก็มีไอ้เด็กจืดที่ยืนร่ำลากับแฟนและแฟนน้อยของมันมาร่วมสิบห้านาทีแล้ว ถึงแม้เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนจะแปดโมง ซึ่งเป็นเวลารวมตัวกันตามที่ได้มีการนัดหมาย แต่เพราะผมรับหน้าที่เป็นไทม์เมอร์หรือคนที่คอยรักษาเวลาประจำค่าย จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนไม่ให้ใครบางคนพลอดรักกันจนลืมเวลา


“ลินจ๋า กอดๆๆ”


เสียงสาวตัวเล็กที่ผมเคยเห็นลีลาในผับก่อนหน้านี้พูดขึ้น ก่อนจะโผตัวเข้าไปซุกอยู่กับแผ่นอกของคนที่เอาแต่ยิ้มร่ายืนให้เขากอด


“คิตตี้ห้ามขี้โกงนะ วันนี้ลินกอดตัวไปแล้ว เค้าจำได้”


“ตัวแหละมั่ว เค้าเห็นตัวแอบหอมแก้มลินเมื่อเช้า ไม่รู้หล่ะ ลินต้องให้เค้าหอมอีกสองทีถึงจะเจ๊ากัน”


“ได้ไงอะ เค้าหอมลินไปแค่ครั้งเดียวเองนะ”


“ไม่รู้ไม่ชี้ ลิน ลินต้องให้คิตตี้หอมอีกสองทีนะๆ นะๆๆ”


“ไม่ได้นะลิน ม่านไม่ยอมจริงๆด้วย”


“เอาหล่ะๆ เดี๋ยวลินกลับมาแล้วจะให้ทุกคนหอมจนพอใจเลยนะ แต่ตอนนี้ขอติดไว้ก่อน ลินต้องไปแล้วนะ”


“ไม่เอาอะ งั้นคิตตี้จะไม่ให้ลินไป”


“ไม่งอนนะคะ ทั้งคู่เลย ดีกันก่อนๆ คนอยู่เต็มไปหมด ยังหอมตอนนี้ไม่ได้นะ”


“ฮึ ไม่รักลินแล้ว”


“ไหน วันนี้ใครต้องไปแคสงานตั้งสองที่ ถ้าไม่รีบออกจะไปสายนะ”


“อ่า จริงด้วย รีบไปกันเถอะตัว เดี๋ยวตัวชวดงานนี้แล้วเค้าต้องฟังตัวบ่นไปเป็นอาทิตย์ๆอีก”


“ม่านแพง!”


 “จ๋าๆ ป้ะๆๆ คนสวยคนน่ารัก ไม่งอนเนาะไม่งอน เดี๋ยวลินกลับมาเค้าจะยกโควต้าหอมลินให้ตัวคนเดียววันนึงเต็มๆเลยอะ”


“จริงนะ”


“จ้า จริงจ้า ไปกันเถอะนะ เดี๋ยววันนี้เค้าเป็นสารถีให้ทั้งวันเลย”


“ขับรถดีๆนะม่าน แล้วก็อย่าลืมพาคิตตี้ไปรับชุดตอนหกโมงเย็นด้วยนะ”


“รับทราบครับผ๊ม ลินถึงแล้วอย่าลืมโทรมานะ”


“ใช่ ต้องโทรรายงานตัวทุกชั่วโมงนะลิน แล้วก็ห้ามนอกใจด้วย”


“ได้ครับ รับทราบแล้วนะ คิตตี้คนขี้หวง ไปเร็วคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ลินก็กลับมาแล้ว”


ยิ่งฟังยิ่งอยากจับไอ้เด็กพวกนี้มาบีบๆแล้วขยำเป็นก้อนก่อนจะเตะโด่งออกไปนอกโลก ทำตัวได้เป็นจุดสนใจ ไม่แคร์ใคร และน่ารำคาญเอามากๆ แค่จะไปค้างคืนต่างจังหวัดคืนเดียว พวกนี้ร่ำลากันเสียจนทำให้นึกว่าผู้ชายต้องไปรบสงครามโลกเสียอีก


“แล้วถ้ามีรุ่นพี่คนไหนมาเกาะแกะก็ด่าไปเลยนะลิน คนเขามีเจ้าของแล้ว พูดดีๆยังไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็สมควรจะด่าสักที”


ดาวมหาลัยที่นับวันผมก็ยิ่งไม่อยากได้มาครอบครอง หันมาจ้องหน้าผมตอนที่บอกประโยคนี้กับแฟนตัวเอง ผู้หญิงขี้หึงแบบนี้ ถ้าได้มาเป็นแฟน คงต้องได้เป็นไมเกรนแน่ๆ






“เอาหล่ะครับ มากันครบแล้ว งั้นเราก็จะออกเดินทางกันเลยนะครับ Let’s go!!”


ไอ้หนุ่มเป็นประธานรุ่นผมและก็เป็นประธานค่ายรักน้องนี้ด้วย หลังจากมันให้สัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อย รสบัสคันแรกที่ผมนั่ง ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าคณะวิทยาศาสตร์ ตามมาด้วยรสบัสอีกสามคันที่มีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่นั่งคละกันอยู่


“ไอ้เอส แลกที่กับกูหน่อย”


“อะไรมึง กูจะนั่งกับน้องกู”


“สายมึงมันไม่มีความน่าตื่นเต้นเหลือแล้วเหอะ เล่นแหกปากเฉลยกับน้องตั้งแต่เปิดเทอม”


“เอ้า กวนนะมึง สายใครสายมันเว่ย อย่ายุ่ง ไปไป๊ ชิ่วๆ”


“แล้วถ้าบลูขวดนึงหล่ะ”


“แหม คุณภูอยากนั่งตรงนี้ก็ไม่บอกผมนะครับ เชิญครับ เชิญนั่งได้เลย กระผมขอตัวไปนั่งที่อื่นนะครับ ปริญนั่งนี่ไปนะ เดี๋ยวเจอกันที่ค่าย”


บอกแล้วว่าคนอย่างไอ้เอสคือคนประเภทที่ผมชอบที่สุด ไม่ต้องอ้อมค้อม ขอแค่ผลประโยชน์ลงตัวก็เคลียร์กันได้แล้ว


“จะไปไหน”


ส่วนไอ้เด็กนี่คือคนประเภทที่ผมไม่ชอบที่สุด พูดยากแล้วยังพูดไม่รู้เรื่องด้วย


“เดี๋ยวผมไปนั่งที่อื่น พี่ภูจะได้นั่งสบายๆไงครับ”


“ออกได้ก็ไป”


ผมยื่นมือไปยันกระจกรถฝั่งที่ไอ้เด็กจืดมันนั่ง พูดง่ายๆว่ามันจะลุกออกไปได้ ก็ต่อเมื่อลอดผ่านแขนผมที่กั้นมันไว้เท่านั้น


“.........”


“นอนๆ ไม่ต้องเรื่องมากแล้ว นั่งไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ นั่งๆไปเถอะ”


พอผมเห็นมันไม่ตั้งท่าจะหนีแล้ว เลยเอามือออกมานั่งกอดอกหลับตาเพื่อเตรียมนอนอย่างที่พูด เด็กนี่ก็นั่งตัวเกร็งไปสักพัก จนกระทั่งมันคิดว่าผมหลับแล้วนั่นแหละ ถึงได้ยอมผ่อนไหล่แล้วหลับตานอนบ้าง


ผมที่แกล้งหลับตั้งแต่ขึ้นรถเลยได้ข้อมูลใหม่ว่าไอ้เด็กจืดหลับโคตรง่าย หลังจัดท่านอนไม่ถึงห้านาทีก็หลับปุ๋ยเหมือนเด็กๆเลย


อืม


เวลาสิ้นฤทธิ์แบบนี้ก็น่ารักดีแฮะ






หลังจากพวกเราใช้เวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมง ตอนนี้ก็มาถึงรีสอร์ตที่พวกผมได้มาดูสถานที่ก่อนหน้านี้ไปแล้วรอบหนึ่ง และเมื่อวานผมก็ยังฝากรถให้ไอ้จั๊ดขับพาเพื่อนคนอื่นๆมาเตรียมความพร้อมไว้แล้วด้วย ความปลอดภัยคือสิ่งที่พวกผมให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง คณะอื่นจะรับน้องโหดยังไงผมก็ไม่รู้นะ แต่คณะผมบอกได้คำเดียวว่า “บุกน้ำ ลุยไฟ” ไม่ใช่น้องนะ แต่เป็นรุ่นพี่นี่แหละ เอาเป็นว่าขาดแค่เสลี่ยง พวกน้องๆก็เรียกได้ว่าถูกปรนนิบัติประหนึ่งเจ้าขุนมูลนายเลยทีเดียว


เราให้น้องไปทานข้าวเที่ยง ก่อนจะมาแบ่งกลุ่มเล่นเกมตามฐาน ส่วนหน้าที่ของพวกผมก็คือการลำเลียงกระเป๋าทุกใบของน้องเข้าที่พักระหว่างที่น้องทานข้าว จากนั้นรุ่นพี่จึงค่อยผลัดกันไปนั่งทานข้าวระหว่างที่น้องๆเล่นฐาน ซึ่งแต่ละฐานพูดได้คำเดียวว่า “กิ๊กก๊อก” เพราะรวมไว้ซึ่งเกมปัญญาอ่อนทั้งหลายบนโลก อาทิ แข่งกินขนมโก๋ ล้วงปี๊บทายชื่อของที่อยู่ข้างใน ใบ้คำ วิ่งเปรี้ยว และลิงชิงบอล ถึงแม้ชื่อแต่ละฐานจะตั้งให้เปรี้ยวซ่าส์หลุดโลก แต่กิจกรรมก็เอาฮาล้วนๆ ส่วนบทลงโทษกลุ่มที่แพ้ในแต่ละฐาน ก็โหดมากๆ นั่นก็คือ “การเต้นสันทนาการ” นั่นเอง


แต่หลังจากเข้าฐานจนแต่ละกลุ่มวนมาถึงฐานสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดใจอีกแล้ว ก็จะเป็นเพราะใครกันหล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้เด็กตัวขาวข้างๆ


“อวดเก่ง”


ผมพูดลอยๆ แต่จงใจให้มันได้ยิน


“ครับ?”


แต่ลืมไปว่าไอ้เด็กนี่มันเอ๋อ มันจะเข้าใจได้ยังไง


“ผิวบอบบางอย่างนี้ โบกคาลาไมน์แล้วเปิดแอร์นอนไม่ดีกว่ารึไง”


ในเมื่อพูดอ้อมๆไม่เข้าใจ ก็ต้องพูดมันตรงๆนี่แหละ หมั่นไส้เด็กนี่ แพ้น้ำทะเลแต่ยังทำอวดเก่งจะร่วมกิจกรรมตามฐานต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องมีคลุกน้ำคลุกทรายบ้างตามประสา ตอนนี้ร่างสูงที่เตี้ยกว่าผมหน่อย เลยยืนตัวแดงไม่ต่างจากกุ้งต้มรอเพื่อนเล่นฐานสุดท้าย นั่นก็คือลิงชิงบอลในทะเล(ตื้นๆ)


“ไม่ได้แพ้มากครับ ความจริงไปเล่นก็ไหว”


ยัง มันยังทำเป็นเก่งไม่เลิก ตาขวาผมนี่กระตุกยิกๆหลังจากฟังมันพูดจบ


“เอาหน่าน้องปริญ กันไว้ก่อนนะจ๊ะ ฐานนี้ก็ฐานสุดท้ายแล้ว ให้เพื่อนเล่นแทนเนาะ อันนี้ต้องลงน้ำตรงๆเลย พี่กลัวน้องเป็นมาก”


เสียงของหวาน เฮดฝ่ายพยาบาลบอกไอ้เด็กจืด หึ แต่ดูท่าไอ้เด็กนี่ก็อยากจะโชว์สปิริตจริงๆ น่ารำคาญมากๆ


“ครับ”


“น้องมันอยากลงก็ปล่อยมันลงสิหวาน ถึกๆแบบนี้ ไม่เป็นอะไรหรอก”


อดไม่ได้ที่จะแขวะมัน ถึงมันจะไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าถึก แต่ส่วนสูงร้อยแปดสิบ กับกล้ามเนื้อสมส่วนแบบผู้ชายดูแลตัวเอง ก็ทำให้มันกลายเป็นไอ้ถึกสำหรับผมได้แล้วกัน ถ้าตัดเรื่องผิวขาวเนียนกับข้อศอกอมชมพูไปก่อนหน่ะนะ


“พอเลยๆ หยุดบิวท์น้องได้แล้ว เหงารึไงจ๊ะ หาเพื่อนเล่นน้ำก็พูด”


หวานได้ทีก็รีบปกป้องไอ้เด็กจืดมันใหญ่


“ตลกละ”


หมั่นไส้ที่ใครๆก็รุมโอ๋แต่มัน ตั้งแต่ขึ้นรถจากกรุงเทพจนถึงประจวบก็ยังไม่หยุด สต๊าฟผู้หญิงนี่ก็ลำเอียงเห็นๆ คำก็น้องปริญ สองคำก็ปาลิน ทั้งๆที่เด็กนี่มันนอนหลับตลอดทาง ก็ยังผลัดกันคอยแวะเวียนมาดูว่ามันขาดเหลืออะไรบ้าง เหอะ เสน่ห์แรงเหลือเกิน


“เห้ยยยยย”


เสียงใครสักคนร้องออกมา ผมมองตามไปจนเห็นเพื่อนที่เป็นสต๊าฟของผมคนหนึ่งพยายามว่ายน้ำไปเอาลูกบอลที่ลอยไปไกล แต่อยู่ดีๆมันก็ผลุบหายไป


“ไอ้ต้าร์”


ผมรีบพุ่งตัว ว่ายน้ำไปตามทิศที่เพื่อนอยู่ โชคดีที่ทุกคนสวมชูชีพไว้ตั้งแต่เริ่มฐาน จึงไม่ต้องกังวลมากนักเพียงแค่คลื่นพัดมันออกมาไกลไปหน่อย ไอ้ตาร์มันเลยกลับเข้าฝั่งเองไม่ได้ ตอนผมว่ายถึงตัวมัน มันกำลังพยายามผลุบๆโผล่ๆฝืนตัวเองไม่ให้คลื่นพัดออกไปไกลกว่าเดิม ผมจัดการคว้าเชือกที่ผูกอยู่กับเสื้อชูชีพของมันเพื่อลากกลับเข้าฝั่ง ถึงจะเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องว่ายน้ำทวนกระแสคลื่นที่กระทบฝั่ง แต่เพราะไอ้ตาร์ยังมีสติดี ส่วนผมก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ดังนั้นการช่วยมันขึ้นฝั่ง จึงไม่มีปัญหาอะไร


เว้นก็แต่ ตอนว่ายน้ำมาช่วยไอ้ต้าร์ จำได้ว่าใครอีกคนก็กระโดดตามมาช่วยดึงมันขึ้นฝั่งเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกไอ้จั๊ด แต่พอขึ้นจากน้ำมาเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ


แม่งเอ๊ย!!!


“มึงตามลงมาทำไม!”


ผมตะคอกไอ้เด็กจืดด้วยความโมโห มีอย่างที่ไหน ตัวเองแพ้น้ำทะเลแท้ๆ แต่ยังลงน้ำตามผมไปช่วยไอ้ตาร์ ไม่เจียมตัวเองสักนิด


“ก็ผมจะช่วยพี่ต้าร์”


“กูก็ช่วยอยู่นี่ไง”


“ผมกลัวพี่ไม่ไหว”


“กูเก่งไง! แม่ง ใครใช้ให้มึงลงมาวะ”


ยิ่งมันต่อล้อต่อเถียงยิ่งอดไม่ได้ที่จะคว้าต้นแขนมันให้หันมาจ้องตากันตรงๆ


“ใจเย็นมึง ไอ้ภู ค่อยพูดค่อยจาดิวะ”


เป็นไอ้จั๊ดที่รีบวิ่งเข้ามาห้าม พอเห็นผมเริ่มน็อตหลุด


“สัด มึงไม่ต้องพูดเลย พวกมึงไปไหนมา ปล่อยให้น้องมันลงไปได้ไง เนี่ย มันแพ้น้ำทะเลเนี่ย ชิบหายหมดแล้ว แดงหมดแล้วสัด”


โมโห พูดได้คำเดียวว่าโมโหมาก ตอนนี้ถ้าพ่นไฟได้ ผมทำไปแล้ว


“ไอ้ภูมึงใจเย็นเว้ยเฮ้ย หวานกับเดียร์มาพาน้องปริญไปเหอะ”


ไอ้ปาล์มเรียกหวานกับสต๊าฟพยาบาลคนอื่นที่กำลังทำตัวไม่ถูก ว่าควรดูไอ้ต้าร์ก่อน หรือดูทางนี้ก่อน


“ปะๆๆ ไปจ้ะ น้องปริญไปกับพี่”


หวานพยายามแกะมือผมออกจากต้นแขนไอ้เด็กจืด แต่..


“เดี๋ยว!!”


ผมที่กำลังจะปล่อยแขนเด็กนี่ออกอยู่แล้ว ถ้าไม่ดันไปเห็นอะไรบางอย่างเข้าก่อน


“มึงได้แผลหรอ ได้แผลได้ยังไง”


ไอ้จืดที่ควรเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้พริกเพราะตัวที่โคตรแดงของมัน ยังคงทำตัวเหมือนจะทดสอบขีดความอดทนของผมต่อไป


“กูถาม!!”


“เอ่อ..ครับ คงขูดกับโขดหิน ตอนดึงพี่ต้าร์ขึ้นมา”


หัวเข่าที่เปลี่ยนจากชมพูเป็นแดงเพราะมีเลือดซึม หน้าแข้งก็ดูช้ำๆ ไหนจะข้อเท้าที่ดูปูดขึ้นมาอย่างผิดปกตินั่นอีก


“เชี่ยเอ๊ย มึงแม่ง แล้วเสื้อชูชีพอะไรก็ไม่ได้ใส่นะ”


ผมนี่โคตรโมโหมันเลย ใครใช้ให้มันลงไป ถึงตัวผมจะไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพเพราะอยู่ฝ่ายไทม์เมอร์คอยจับเวลากิจกรรม แต่ผมก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยนะเฮ้ย ยังไงผมก็เสี่ยงน้อยกว่ามันอยู่แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห


“เออ มึงๆๆ น้องจะเป็นมากเพราะมัวแต่คุยกับมึงนี่แหละ ปล่อยน้องไปทำแผลก่อนดีมั้ย”


เป็นไอ้ต้าร์ที่คงหายตกใจแล้วพูดขึ้นก่อน


“มึงก็เหมือนกันนะไอ้ต้าร์ บอลไปไกลก็ปล่อยมันไปสิวะ จะตามไปเก็บทำไม อวดดี”


ผมด่าไอ้ห่าต้าร์เพราะฝืนกฏเรื่องความปลอดภัย แต่ท้ายประโยคผมตั้งใจหันไปหาไอ้จืด


“โอ้โห องค์ลงมากครับ ห่วง เอ้ย โมโหม๊ากมาก ปะ เพื่อน มึงก่อนเลย ไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วสงบอารมณ์กันเนาะ”


ไอ้จั๊ดกับไอ้ปาล์มลากผมออกมา ไอ้จืดก็ได้แต่ทำหน้าจืดๆปล่อยให้ยัยหวานจูงแขนลากไปอีกทาง







“พวกมึงแม่งจะรีบลากกูออกมาทำไมเนี่ย”


“ชัดไป๊ มึงเนี่ยชัดเกิ๊น”


“ชัดเหี้ยอะไร”


คนกำลังโมโหก็ยังจะกวนตีน พูดจาวกวนอยู่ได้


“ก็ที่หวงน้องจืดมึงเนี่ย”


“กูไม่ได้หวง”


พวกห่านี่ถ้าไม่โดนตีนจริงๆสักทีคงไม่หยุดพล่าม


“งั้นห่วง”


“กูไม่ไ..”


ก็อยากจะเถียงมันอยู่หรอก ถ้าไม่ติดที่ไอ้จั๊ดมันพูดขัดขึ้นก่อน


“อย่าเถียง ไปเลย ไปอาบน้ำให้หายบ้า หวงหรือห่วงเค้าก็รีบอาบน้ำแล้วตามไปนั่งเฝ้านู่น ป่านนี้ทีมพยาบาลจับแก้ผ้าทาคาลาไมน์แล้วมั้ง”


“งั้นกูไม่อาบละ”


แค่คิดก็ยิ่งปรี๊ดกว่าเดิม


“สัด ไม่ได้ อาบก่อน ตัวมึงมีแต่น้ำทะเลนะ น้องมันแพ้นะเว่ย”


ผมโคตรจะรำคาญเสียงไอ้ปาล์มกับสายตาไอ้จั๊ด เลยยอมเดินไปอาบน้ำโดยไม่เถียงกับพวกมันอีก กูไม่ได้ห่วงว่าใครจะแพ้อะไรหรอกนะเฮ้ย โตๆกันแล้ว ดูแลตัวเองไปสิ





..ปาลิน..




ผมกำลังสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากใครบางคนที่จ้องแต่จะแขวะผมมาตั้งแต่เช้า


“เสื้อนี่จะคอกว้างไปไหน แฟนไม่มาคุมแล้วคิดจะอ่อยเหยื่อรึไง”


เที่ยง


“ตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ ก็ไม่ต้องอวดดีโชว์แมนต่อหน้าสาว”


แล้วก็ริบผัดกระเพราผมไป เปลี่ยนมาเป็นไก่กระเทียมที่ผมเห็นว่าหมดไปแล้วก่อนหน้านี้


และตอนนี้


“ถอดเสื้อ”


“ครับ?”


“บอกให้ถอดเสื้อไง”


“ถอดทำไมครับ”


อยู่ดีๆพี่แกก็เดินเข้ามา แล้วไล่เพื่อนผมออกจากห้องที่พวกเราต้องใช้นอนในคืนนี้


“ถอด”


เหมือนผมไปทำอะไรให้คนตรงหน้าหงุดหงิดมากๆ เจ้าตัวเลยยืนทำหน้ายักษ์กอดอกยืนมองผมอยู่ข้างเตียง แต่ในมือมีขวดคาลาไมน์ด้วยแฮะ


“ผมทาแล้วครับ”


ผมลองเดาเจตนาคนตรงหน้าเอาเอง


“ใครทาให้”


รังสีทำลายล้างกำลังเผาไหม้ห้องนี้จนผมเริ่มเหงื่อตก


“ทาเองครับ”


รังสีที่ว่า ดูจะทุเลาความรุนแรงลงไปเล็กน้อยหลังผมตอบเสร็จ


“แล้วจะทากลางหลังได้ไง”


“......”


ผมควรจะตอบพี่เขาว่ายังไงถึงจะพอใจกันนะ


“หรือจะให้ถอดให้”


ผมรีบถอดเสื้อออก เพราะคิดว่าคงช่วยยุติปัญหาที่ผมก็ยังไม่รู้สาเหตุนี้ได้


“กินยาแก้แพ้รึยัง”


น้ำเสียงห้วนๆก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงเกือบปกติแบบที่ผมเคยได้ยิน


“กินแล้วครับ”


“แล้วมันกัดกระเพาะรึเปล่า ได้ถามหวานมั้ย”


“ไม่ได้ถามครับ”


“จิ๊ มึงนี่จริงๆเลยนะ ไอ้จืด”


และแล้วน้ำเสียงเกือบปกติ ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ


“ครับ?”


ผมควรทำยังไงพี่เขาถึงจะไม่โมโหขึ้นมาอีก ปกติก็ไม่เคยเห็นพูดกูมึงกับผมหรือรุ่นน้องคนอื่นเลย หรือพี่เขาจะไม่ชอบผมมากจริงๆ


“หันหลัง”


ผมหันหลังให้พี่เขาอย่างว่าง่าย คิดเอาเองว่าถ้าเชื่อฟัง เดี๋ยวพี่ภูก็คงหายโกรธหรือเลิกไม่ชอบผมได้ในสักวัน เจ้าของฉายาภูสอยดาวนั่งลงตรงขอบเตียงทางด้านหลังของผม จากนั้นก็จัดการทาคาลาไมน์ลงบนหลังผมด้วยความแผ่วเบา สงสัยจะเคยชินจากเวลาเอาใจผู้หญิง เพราะพี่เขาทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาเซรามิค ถ้าจับแรงก็กลัวจะแตก ค่อยๆลูบค่อยๆทา ผมก็อยากจะขำนะ แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ปล่อยคนโตกว่าคิ้วผูกโบว์ ทาไปบ่นไป ทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังจนพี่เขาพอใจนั่นหล่ะ


“เอาขามา”


“ผมทาทั่วแล้วครับ”


อันนี้เรื่องจริง ผมเทคาลาไมน์เต็มฝ่ามือแล้วลูบๆป้ายๆ แป้บเดียวเสร็จ จนมีสภาพเป็นของแปลกตัวสีชมพูอย่างที่เห็น


“ไม่ได้จะทายา จะดูแผล”


ผมไม่กล้าถามอะไรอีก เพราะหน้าพี่เขาเหมือนคนพยายามข่มอารมณ์อะไรสักอย่าง ผมยังไม่อยากเบ้าตาเขียว ก็เลยต้องเงียบๆไว้ก่อน


“ยกขึ้นมาทั้งสองข้าง”


ผมมองสายตาดุๆนั่นแป๊บนึง ก่อนจะยอมเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาไว้บนเตียงตามที่บอก พี่ภูสอยดาวก็ค่อยไล้นิ้ววนตามแผลที่ผมมี ก็แค่หัวเข่าถลอก แข้งช้ำนิดหน่อยและข้อเท้าบวม สงสัยกะแรงผิดตอนพยุงพี่ต้าร์ขึ้นฝั่ง


“ไม่เจ็บเลยนะพี่ ผมถึกจะตาย”


อะไรบางอย่างในตาคู่นั้นทำให้ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด


“ถึก?”


“เอ่อ ครับ”


“อย่าบอกนะว่าที่มึงลงไปช่วยไอ้ต้าร์ เพราะกูแขวะว่ามึงถึก”


หื้ม อะไรว้า แขวะ? ใคร? ยังไง? ตอนไหน? ผมงงไปหมดแล้ว


“เปล่าพี่ ผมเห็นว่าพี่ผู้ชายไปยกเครื่องเสียงกันหมด ไม่มีใครอยู่ ผมเลยไปช่วยพี่ต้าร์”


อยู่ดีๆก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆ เลยได้แต่เดาคำตอบที่คนตรงหน้าน่าจะพอใจ


“อวดดี”


ด่าแต่สายตาไม่ฟาดฟันเท่าเมื่อกี๊ อย่างน้อยคำตอบผมคงพอโอเค


“แล้วนี่ใครทำแผลให้”


ผมต้องลุ้นอีกรอบว่าควรตอบอย่างไรดี


“เอ่อ พออาบน้ำเสร็จ พี่หวานก็มารอทำแผลให้ที่หน้าบ้านเนี่ยครับ”


คำตอบนี้ก็น่าจะรอดแฮะ เพราะผมเห็นพี่เขาคลายปมที่หัวคิ้วจนรอยหยักบางลงไปตั้งเยอะ


“หิวมั้ย”



“ยังครับ”


ซวย คำตอบนี้ไม่รอด สายตาพิฆาตมาอีกแล้ว


“แต่..ก็เริ่มหิวนิดๆแล้วครับ”


โอ้โหปาลิน ถ้าจะกลัวตายขนาดนี้


“อะนี่ กินซะ แล้วยังไม่ต้องออกไป ตัวหายแดงแล้วถึงออกไปได้ เข้าใจมั้ย”


“ครับ ขอบคุณครับ”


ผมเลือกที่จะพูดให้น้อยที่สุด ยกมือไหว้ขอบคุณคนตรงหน้า ก่อนจะรับถุงข้าวกล่องกับน้ำที่ผมไม่ทันรู้ว่ารุ่นพี่ฝ่ายไทมเมอร์คนนี้ ถือติดมือมาด้วยตอนไหน


เอ๊ะ หรือพี่แกไม่ได้เป็นไทม์เมอร์แล้ว แต่อยู่ฝ่ายพยาบาลแทน ผมเกาหัวแกรกๆ มองตามคนที่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ภูเขาไฟ” เดินออกไปจากห้องจนกระทั่งประตูปิดลง


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

อ่านคอมเมนท์แล้วมีแรงใจ ฮึบๆๆ

.。・:*:・(✿◕3◕)❤(◕ε◕✿)・:*:・。.
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2017 23:29:16 โดย Sugar_stack »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
สนุกมากๆครับ  ลุ้นๆคนมึน

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: มีความหวงอย่าชัดเจน......  :hao7:  :hao7:  :hao7: ต่อด่วนค่ะ  o13

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
พี่ภูเอ้ย ไม่หวงไม่ห่วงเลย แค่ตามติดน้องแทบยี่สิบสี่ชั่วโมง แค่นั้นเองเนอะ 555
ไหน ใครโตแล้วก็ดูแลตัวเองไปสิ ชอบการแอบจิ๊กข้าวไก่กระเทียมไว้ให้น้องอ่ะ น่ารัก
นี่ขนาดยังไม่รู้ใจตัวเองนะ ยังเป็นหนักขนาดนี้ นึกสภาพตอนพี่ภูรู้ตัวแล้วออกเลย
ว่าจะทั้งรักทั้งหลง ทั้งหวงทั้งห่วงน้องขนาดไหน ไม่ให้ใครเข้าใกล้เลยมั้งนั่น
ชอบความใจเย็นของน้องลินมาก โดนตวาดขนาดนี้ น้องยังใจเย็นไม่โกรธด้วย น่ารักจัง
รอเมื่อไหร่ คนซึนจะรู้ใจตัวเองเสียที น้องคิดว่าโดนพี่ภูไม่ชอบขี้หน้าไปแล้วนั่น
แต่จริง ๆ ก็สนุกดีนะ ได้เห็นพี่ภู อารมณ์ขึ้นๆ ลง ๆ แล้วก็สมน้ำหน้าคนชอบแย่งแฟนเขาชอบกล ฮาาาา
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
องค์ลงขนาดนี้ยังปากแข็งไม่รู้ใจตัวเองอีกนะคุณพี่ภู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
55555555555 อนาคตน้องลินนี่ไม่พ้นมีแฟนขี้หึงแน่ๆค่ะะะ   :hao3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โธ่พี่ภูจ๊ะ ขนาดนี้ก็รู้ตัวได้แล้วมั้ง เพื่อนสนิทยังรู้กันหมดตัวเองดันไม่รู้เสียนี่

ปล. เรื่องนี้มีทั้งหมดกี่ตอนเหรอคะ (มีความอยากรู้)

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่เจ็ด・❥



เปล๊า!!



..ภูฟ้า..



“ไงมึง นั่งทำหน้าเป็นตูด ปล่อยพวกกูหาให้ควั่ก”


“อืม”


“กินข้าวรึยัง”


“อืม”


“ไปดูน้องมาแล้ว?”


“อืม”


“ทายาให้น้อง?”


“อืม”


“ปล้ำน้อง?”


“อืม เฮ้ยยย ไม่ใช่ กูแค่คิด ยังไม่ได้ทำ”


ตุบ เสียงถุงขนมในมือไอ้ปาล์มร่วงลงกับพื้น พวกตั่วเฮียหรี่ตามามองผมโดยพร้อมเพียง


“เออๆๆๆ กูยอมรับ มันขาว มันนุ่ม อยู่ดีๆในหัวกูเลยแวบขึ้นมา ว่าผู้ชายกับผู้ชายเวลาเอากันมันจะยังไงวะ ทำไม พอใจพวกมึงรึยัง”


ผมที่กำลังสับสนและทะเลาะกับตัวเองจนกินข้าวไม่ลง อุตส่าห์ปลีกวิเวกจากสาวๆที่ชวนไปนั่งกินด้วยกัน ยังไม่วายต้องมาเจอไอ้พวกนี้กวนอีก


“ชัดเจน”


ไอ้จั๊ดได้สติก่อนเลยดึงมือไอ้ปาล์มให้นั่งตามลงมา


“ชัดเจนอะไรของมึง”


ผัวะ


“โอ๊ยยย เจ็บนะเว่ยไอ้ปาล์ม”


ไอ้ปาล์มตบจนสมองผมแทบเคลื่อน ฟาดมาได้ ไอ้นี่


“โอ้โห อยากล่อน้องเค้าขนาดนี้ ถอนคำพูดเรื่องจะงาบน้องม่านแพงเลยนะมึง”


“กูไม-”


“งั้นพวกกูไม่ช่วย”


“ช่วยอะไรของมึง”


“เอ้า ก็ช่วยให้มึงได้รู้ไง ว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกัน แล้วมันเป็นยังไง หึหึหึ”


“เชี่ย แค่คิดก็ขนลุกแล้วสัด”


ผมสยองกับคำพูดไอ้ปาล์ม ไอ้ห่าเอ๊ย แค่คิดว่าต้องนัวกับผู้ชายด้วยกัน ผมก็ขนลุกแล้วเนี่ย


“อะๆ กูพูดผิด กูควรจะระบุให้ชัดไปเลย”


“ระบุอะไรของมึง”


“ก็ถ้ามึงถอนคำพูดเรื่องที่จะจีบน้องม่านแพง กูกับไอ้จั๊ดก็จะช่วยทำให้มึงสมหวังกับน้องปริญเอง แต่ถ้าไม่...พวกกูก็จะขัดขวางทุกทาง แถมยังจะใส่พานเอาน้องไปถวายคนอื่น นี่กูก็พึ่งได้ยินมาเองนะ ว่าพี่อาร์พี่รหัสไอ้จั๊ด กำลังตามหาเบอร์น้องเอาไปให้เพื่อนเขาคนที่เป็นเดือนคณะแพทย์ด้วยหว่ะ แล้วไหนจะคนที่หมายตาน้องปริญไว้แต่ไม่กล้าจีบ ถ้าพวกนั้นรู้“ความลับ”ของน้องเข้า หึหึ งานนี้กว่ามึงจะรู้ใจตัวเอง กูว่าคู่แข่งคงเป็นแสน”


“เอาเลยไอ้ปาล์ม กูมีเบอร์มินนี่ มึงโทรไปบอกเลย ไอ้ภูมันไม่สนใจหรอก”


“ไอ้จั๊ด มึงกดโทรเลย เดี๋ยวกูพูดเอง”


สองคนนี้ได้ทีก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย


“หยุดเลยนะไอ้จั๊ด มึงวางโทรศัพท์ลงเดี๋ยวนี้ กูถอนคำพูดก็ได้ พอใจยังสัด”


ฮึ่ย ไอ้เพื่อนเวร ริอาจมาทำตัวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ยุแยงตะแคงรั่วให้สมองผมทำงานปั่นป่วน แล้วยังมีหน้ามายิ้มกรุ่มกริ่มให้ผมอีกนะ อยากจับหัวพวกมันกระแทกโต๊ะแรงๆสักทีจริงๆเลยแม่ง


“หึหึหึ”


ไอ้ปาล์มกับไอ้จั๊ดหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เอาจริงๆผมว่าที่พวกมันยินดีปรีดาที่จะช่วย ก็คงเพราะความลับที่บังเอิญไปรู้มานี่แหละ พวกผมสามคนได้ยินมาเองกับหู ว่าไอ้จืดกับน้องม่านแพงเป็นแฟนกำมะลอกัน ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ และก็ยังไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่ไอ้พวกนี้ก็พาผมไปฉลองในโอกาสที่จะไม่ต้องพรากผัวพรากเมียใครในคืนนั้นเลย เรื่องเนียนกินเหล้านี่ขอให้บอกพวกมัน


“อะ ทีนี้ก็ตาพวกมึงว่ามาได้แล้ว ว่าจะช่วยกูยังไง ขนาดตัวกูเอง ก็ยังไม่รู้เลยว่าคิดอะไรกับเด็กนั่นรึเปล่า”


ผมสารภาพความรู้สึกสับสนที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ออกไป ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ชอบไอ้เด็กจืดรึเปล่า ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่ไอ้อาการคันยิบๆที่ใจ กับเวลาไอ้จืดทำอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด รวมกับเรื่องที่เกือบจะปล้ำมันเพราะทนความขาวไม่ไหว ก็คงต้องยอมจำนนต่อหลักฐานและยอมรับทั้งๆที่ไม่เต็มใจ ว่าบางทีผมอาจจะอยากลองอะไรที่แปลกออกไปจริงๆนั่นแหละ แต่แค่ลองนะ เพราะคนอย่างผม ไม่เคยมีความคิดจะจริงจังอะไรกับใครอยู่ในหัวเลยสักนิดเดียว






หลังจากที่ปล่อยให้น้องๆเข้าที่พักและพักผ่อนกันตามอัธยาศัยเพื่อรอทำกิจกรรมตอนเย็น อันประกอบด้วยการแสดงตามกลุ่มที่น้องๆได้เตรียมกันมา แล้วก็ปิดท้ายด้วยการเฉลยสายรหัสและมอบอะตอมให้น้องที่ริมทะเล


ทุกอย่างในค่ายดูเป็นไปได้ด้วยดี น้องๆแต่ละคนก็ดูจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกับทั้งรุ่นเพื่อนและรุ่นพี่มากขึ้นด้วย ไอ้เด็กจืดที่ปกติเอาแต่อยู่กับม่านแพง พอถูกแยกมาให้อยู่คนเดียว ก็ดูจะยอมคุยกับคนอื่นมากขึ้น ถึงจะยังดูประหม่าอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ใครหลายคนกล้ามาคุยกับมันมากขึ้น


และก็เป็นไปตามคาด เมื่อตำแหน่ง “เดือนค่าย” ที่มาจากผลโหวตของทุกคน จะเทคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ไปให้กับ “ปริญ ปาลิน” และแน่นอนว่าหนึ่งในคะแนนเหล่านั้น ก็มีของผมด้วย


“ขอเชิญดาวและเดือนค่ายรุ่นก่อนๆออกมามอบตำแหน่ง และถ่ายรูปกับเฟรชชี่ขวัญใจชาวค่ายคนใหม่ด้วยนะค้าาาา”


เสียงบุ้งกี๋ “ดาวเทียมค่าย” ปีที่แล้วและรับหน้าที่โฆษกในปีนี้ประกาศขึ้น ผมที่กำลังนั่งชิลล์กับพวกไอ้จั๊ดไอ้ปาล์มอยู่ด้านหลังสุด เลยต้องลุกขึ้นเพื่อออกไปยังเวทีซึ่งเป็นแค่ยกพื้นเตี้ยๆหน้าห้องประชุมขนาดใหญ่แห่งนี้


“อ้าว กรี๊ดค่าาา กรี๊ดให้คอแตกกันเล้ย ไม่ใช่จะหาดูได้ง่ายๆนะคะ ผู้ชายหล่อๆมารวมตัวกัน ส่วนชะนีเราจะมองข้ามไปค่ะ”


งานนี้เรียกทั้งเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะให้กับมุกของโฆษกร่างเป็นชายที่ใจเป็นหญิง


“พี่ภูค้าาา ยืนตรงนี้เลยค่าาาา”


บุ้งกี๋ปราดเข้ามาควงแขนผมไปยืนข้างๆเดือนค่ายคนล่าสุดที่มีสายสะพายรีไซเคิลกับมงกุฏกระดาษสวมอยู่บนหัว เด็กจืดที่ยังมีร่องรอยคาลาไมน์สีชมพูอยู่ประปรายตามตัวจึงดูแปลกตาและน่าขำไม่น้อย


“ส่วนชะนีกับดาวเทียมที่สวยน้อยกว่าบุ้งกี๋ทั้งหลาย ก็เชิญหาโพสิชั่นกันเอาเองนะค้าา”


การจิกกัดของบุ้งกี๋เรียกเสียงฮาครืนจากผู้ชมร่วมสองร้อยชีวิตด้านล่างอย่างไม่ต้องสงสัย ตากล้องซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้ปาล์มนี่แหละครับ ที่จัดการเป็นคนรัวชัตเตอร์ เก็บภาพความประทับใจเอาไว้


“ทีนี้ขอรูปคู่หน่อยนะ”


เสียงไอ้ปาล์มที่จัดแจงให้ดาวเดือนค่ายแต่ละคนออกไปถ่ายคู่ มีทั้งดาวเดือนด้วยกันเอง และกับรุ่นพี่ ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ปาล์มก็จัดให้ผมได้ถ่ายกับเด็กจืดด้วย


กรี๊ดดดดดด


เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีที่ผมโอบไหล่เดือนค่ายคนล่าสุด เด็กจืดก็ทำหน้าเลิ่กลั่กหันมามองผมกับกล้องในมือไอ้ปาล์มสลับกัน


“กรี๊ดดดดด คู่จิ้นของบุ้งกี๋เองค่าาาาา ขออีกรัวๆเลยนะคะพี่ปาล์ม”


เสียงโฆษกดาวเทียมกรี๊ดไปก็รัวถ่ายรูปผมกับเด็กจืดด้วยสมาร์ทโฟนในมือไปด้วย และไม่ใช่แค่บุ้งกี๋ เพราะน้องๆค่ายหลายคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาทำตาม สงสัยวันนี้เพจของมินนี่คงจะเต็มไปด้วยรูปผมกับเด็กตัวชมพูแน่ๆ


“พี่ภูปล่อยก่อนครับ”


เด็กจืดพูดเสียงเบาแค่พอให้ผมได้ยิน แต่มีหรือที่ผมจะทำตาม


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ผมหันไปหาเด็กจืดแล้วถือโอกาสใช้มือเกลี่ยผมที่ปรกตาออกให้เบาๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้ายังไงออกไป รู้แค่ว่าเด็กจืดกำลังใช้ตากลมโตใสแจ๋วคู่นั้นจ้องเข้ามาในตาของผม ทำให้การมองเห็นทั้งหมดของผม ถูกตรึงไว้กับสายตาคู่นั้นไปแล้ว






เสร็จจากกิจกรรมการแสดงของเด็กปีหนึ่ง ที่ทำให้ผมได้เห็นเด็กจืดในอีกมุมหนึ่ง คนตัวชมพูที่ได้รับบทเป็นชายน้อยในการแสดงเรื่องพจมาน2017 เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะได้ไม่หยุด มาถึงตอนนี้ผมไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเด็กนี่ยังป้ายคาลาไมน์ลงบนผิวที่ดูจะหายแดงไปมากแล้ว นั่นคงเป็นเพราะการจะให้คนหล่อมาทำท่าทางตลกๆให้สมจริง อาจต้องพึ่งพาอุปกรณ์ไม่น้อย


ในตอนนี้ก็เป็นเวลาแสดงของพี่ปีสูง ไล่ขึ้นมาจากปีสอง สาม และปิดท้ายด้วยปีสี่ สำหรับปีสามที่ใช้ระบบการส่งตัวแทนมาแสดง จะเป็นใครเสียอีกหล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม เนื่องจากไอ้พวกเพื่อนๆทั้งหลายอยากผลักภาระ เลยยัดเยียดให้ผมที่ร้องเพลงได้ กับไอ้เอสที่เล่นกีตาร์เก่ง ให้ออกมาแสดงคู่กัน


“กรี๊ดๆๆๆ เจอพี่ภูอีกแล้ว หรือว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตคะ”


บุ้งกี๋บิดตัวเองไปมาทำท่าคล้ายกับกำลังเขินอาย


“สงสัยจะใช่นะครับ”


กรี๊ดดดดดดดด


ผมหัวเราะให้กับโฆษกสาวที่ตอนนี้ลงไปกลิ้งกับพื้นแล้วเรียบร้อย


“เอ่อ สนใจพี่บ้างครับ”


ฮาาาา


เป็นไอ้เอสที่พูดขึ้น เรียกเสียงฮาครืนจากทุกคนในห้องนี้


“สวัสดีค่ะพี่เอสที่มีน้องรหัสสุดหล่อน่าลาก ชื่อ ปาลิน ลิปนากุล”


บุ้งกี๋ที่เลิกดิ้นแล้วย่อตัวไหว้ไอ้เอสด้วยท่ากุลสตรีไทย เรียกเสียงฮาได้อีกระลอก


“อะๆๆ ปล่อยพี่เล่นเถ้อ เผื่อจะมีใครเห็นความหล่อจากเสียงกีตาร์ของพี่ มัวแต่คุยกันแบบนี้ คนไม่ใช่..ทำอะไรก็ผิด”


ไอ้เอสมันตบมุกตัวเองด้วยการรัวกีตาร์ เรียกบรรยากาศครื้นเครงให้ผมอดตื่นเต้นตามไม่ได้


“ใช่ค่ะ ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ ดังนั้น แฟนขาาาา วันนี้แฟนจะมาร้องเพลงอะไรให้บุ้งกี๋ฟังคะ”


บุ้งกี๋หันมาเล่นมุกแล้วจบด้วยการแทะโลมผม


“ฮ่าๆๆ เอาหล่ะครับ งั้นพี่ให้ไปฟังเองแล้วกันเนอะ ใครร้องได้ก็ร้องตามด้วยนะ”


ผมพยายามทำสมาธิไม่ให้หลุดขำการจือปากของบุ้งกี๋ เลยหันไปพักสายตาอยู่ที่เจ้าของแก้มสีชมพูที่นั่งกับพื้นไม่ไกลจากเวทีที่ผมนั่งอยู่


อะไรๆ ที่ฉันให้เธอ

ก็ทำให้เธอในฐานะ เพื่อนที่ห่วงใย

แค่คอยมองเธออยู่แค่ไกลๆ

แค่คอยเอาใจแบบ ไม่ให้รู้ตัว



ผมเรียนรู้ว่าเด็กจืดเป็นที่พักสายตาที่ดี ความตื่นเต้นในตอนแรกของผม ก็ดูจะเบาบางลงไปได้ แค่มองสบกับดวงตากลมคู่นั้น


อุตส่าห์พยายามเก็บไว้

อุตสาห์ไม่พูดออกไป

ยังเผลอแสดงออกไป ผ่านสายตา

อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ

แต่เธอไปฟังที่ไหนมา

ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้ได้ไง



กรี๊ดดดดดด


เสียงกรี๊ดดังขึ้น พร้อมกับผมที่เสียที่พักสายตาไป เด็กตัวชมพูก้มหน้าหลบตาผมด้วยการหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือ หึ น่าตีจริงๆ



เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า



กรี๊ดดดดด


ภูฟ้าปาลิน


กรี๊ดดดดด


เสียงสาวๆกรี๊ดกันใหญ่ หลังจากผมหยอกเด็กจืดด้วยการยักคิ้วให้ ตอนที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพอดี บางคนถึงกับตะโกนเรียกชื่อผมกับเด็กจืดเลยทีเดียว เท่ดีเหมือนกันแฮะ...ภูฟ้าปาลิน..


อะไรดีๆ ที่ฉันทำไป

ถ้าความเป็นจริงคือ ฉันตั้งใจจะให้เธอ

ที่เธอได้ยินว่าฉันรักเธอ

ถ้ามันเป็นจริงล่ะ เธอจะว่าไง



จากนั้นเด็กจืดก็ก้มหน้างุด ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีก ผมเลยหันไปกวาดตาทั่วห้องประชุม เพื่อจะส่งยิ้มให้กับทุกคนแทน งานนี้เรียกได้ว่า ผลตอบรับดีเกินคาด เพราะทุกคนตั้งใจกรี๊ดและตั้งใจอัดคลิปวีดีโอกันมาก บางคนถึงขั้นออกมาเกาะขอบเวทีเลยทีเดียว


อุตส่าห์พยายามเก็บไว้

อุตส่าห์ไม่พูดออกไป

ยังเผลอแสดงออกไป ผ่านสายตา

อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ

แต่เธอไปฟังที่ไหนมา

ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้ได้ไง




“ปริญ!”


เสียงไอ้เอสที่เปลี่ยนจากท่อนคอรัสเป็นการเรียกชื่อเด็กจืดให้เงยหน้าขึ้นมาแทน วินาทีนี้เรียกได้ว่าไอ้เอสมันรู้งานมากๆ เพราะนอกจากเสียงกรี๊ดจะถล่มทลายแล้ว ผมยังได้เห็นเด็กตัวชมพูจากคาลาไมน์เปลี่ยนเป็นตัวสีแดงจากความเขินอีกด้วย


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า




เด็กตัวแดงไม่กล้าก้มหน้าอีกเลย เพราะกลัวพี่รหัสตัวเองจะเรียกชื่อผ่านไมค์อีก ตอนนี้หน้ามันเลยงุ้ยๆยังไงก็ไม่รู้ ไอ้หน้างุ้ยๆ เอ่อ จะว่าไงดีหล่ะ ก็เป็นหน้าแบบที่รวมทั้งเขิน ประหม่า อาย และกังวลอยู่ในหน้าเดียว ถ้ามีน้ำตาคลอกับเบะปากอีกนิด จะยิ่งโคตรน่ารักน่าแกล้งเลย



เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า


กรี๊ดดดดดด


สาวๆยังคงจริงจังกับการกรี๊ดในทุกช่วงที่มีแต่เสียงกีตาร์ ส่วนคนตัวแดงก็ยังแดงเสมอต้นเสมอปลาย เพราะผมเอาไมค์ออกจากขาตั้งแล้วลงจากเก้าอี้มานั่งร้องอยู่หน้าเวที ฝั่งที่เด็กจืดนั่งอยู่ ฮ่าๆๆ ถ้าลุกมาเขย่าผมได้คงทำไปแล้ว ริมฝีปากแดงถูกขบเอาไว้อย่างคนที่กำลังลังเล แต่สีหน้าตอนนี้นี่แหละที่ผมว่าน่ารักโคตรๆ เลยร้องเพลงทั้งๆที่หุบยิ้มไม่ได้อย่างนี้นี่แหละ


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า

[เพลง เปล๊า ศิลปิน ต้น ธนษิต จตุรภุช]


กรี๊ดดดดดดด


เสียงไอ้เอสที่ร้องเป็นคอรัสเข้ากันได้ดีกับเสียงของผม ยิ่งรวมกับฝีมือกีตาร์ของมัน ยิ่งช่วยส่งให้เสียงของผมโดดเด่นขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าออกมาดีเกินกว่าที่คิดไว้เยอะ จากที่พึ่งเตี๊ยมกันเมื่อหัวค่ำ ตัวผมเลือกเพลงที่ช่วงนี้ติดปาก ส่วนไอ้เอสก็อาศัยความเทพ ซ้อมแป๊บๆก็ออกมาดีอย่างที่เห็น แต่ที่ทำให้ผมชอบที่สุด คงเป็นสีหน้าของเด็กจืดที่เปลียนไปเปลี่ยนมา จนผมรู้สึกว่าในเวลาแค่สี่นาที ผมได้ทำความรู้จักกับคนที่ชอบทำแต่หน้านิ่งตลอดเวลาผ่านเสียงเพลง


“กรี๊ดดดด พี่ภูของบุ้งกี๋ กรี๊ดดดดด”


บุ้งกี๋ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีก็ฉุดแขนผมให้ยืนขึ้น พร้อมทั้งกอดผมจากด้านหลังแล้วทำเสียงเหมือนคนร้องไห้กระซิกๆผ่านไมค์


“พี่เอสยังอยู่นะครับน้องบุ้ง”


“กรี๊ดดดด บุ้งกี๋ค่ะพี่ ขอเรียกเต็มๆ อย่าคิดว่าการเป็นพี่รหัสปาลิน ลิปนากุล จะได้รับสิทธิพิเศษนะคะ นี่คนน้องก็คว้าพี่ภูของบุ้งกี๋ไปเป็นคู่จิ้นออฟฟิเชียลได้จากเพลงเดียวแล้วเนี่ย ตอนแรกอิเมจิ้นเองก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ ฟินๆลอยๆ แต่พอที่จิ้นไว้มีแววจะจริง ใจบุ้งกี๋ก็เจ็บ กระซิกๆ”


เสียงบุ้งกี๋ตบมุกกับไอ้เอสเรียกทั้งเสียงฮาและเสียงกรี๊ดจากคนดู ผมที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เนียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งยิ้มเฉยๆ ในขณะที่เด็กจืดอายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน ถึงหน้าจะกลับมานิ่งแล้ว แต่หูที่แดงแจ๊ด ก็ทำให้คนพยายามปิดบัง น่ารักขึ้นอีกเป็นกอง




หลังจากเสร็จกิจกรรมในหอประชุมตอนเกือบห้าทุ่ม พวกเราก็พาน้องออกมาด้านนอก ค่ายนี้มีพี่ปีสี่มาเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ติดฝึกงานและทำโปรเจคท์ ดังนั้นหลังจากประกาศสายรหัสพี่ปีสี่จนครบ ตอนนี้ก็ถึงตาพวกผม


พวกเราปีสามและปีสี่ จับมือกันเป็นวงกลมแล้วก็ให้เวียนกันขานเลขรหัสตัวเอง น้องคนไหนที่ได้ยินเลขรหัสเดียวกัน ก็ให้ลอดเข้ามาในวงแล้วยืนหันหน้าเข้าหาพี่ปีสูงของตัวเอง จากนั้นปีสองสายรหัสเดียวกันก็จะถือเทียนกับสายสิญจน์ผูกข้อมือเดินมาหา แล้วยืนซ้อนอยู่ด้านหลังน้องอีกที


พอขานรหัสจนครบ ปีสองก็จะเป็นต้นเสียงในการร้องเพลงบายศรีสู่ขวัญเพื่อเป็นสัญญาณการต้อนรับน้องเข้าสู่สายรหัสและการเป็นน้องคณะวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ


โอ....โอ้ละเน้อ....น้องเอย
ลา...ลาลาลาลาลา...ล้าลาลาลาลาลา
โอ้ เจ้าน้องเอย พี่นี่ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล
จะรักเจ้า ดังดวงใจ มิคลายหน่ายนา
ลาลาลาลาลา ล้า ลาลาลาลาลา*



หลังจากที่บทเพลงบายศรีสู่ขวัญดังขึ้น บรรยากาศทั่วบริเวณก็เริ่มเข้าสู่ช่วงพิธีการ แสงเทียนถูกส่งต่อจากพี่สู่น้องทันทีที่แสงจากโคมไฟริมหาดดับลงจนหมด เกิดเป็นภาพทะเลเทียนนับร้อยส่องสะท้อนอาบไล้ชายหาดแข่งกับแสงจันทร์ ตรึงให้โสตประสาทการรับรู้ยิ่งซึบซาบบทเพลงที่มีทำนองเอื้อนติดหูและเนื้อร้องเว้าวอน


พี่ปีสูงจะเป็นคนมอบสร้อยพร้อมจี้อะตอมให้น้อง จากนั้นจึงใช้สายสิญจน์ผูกข้อมือให้ พร้อมกับการพูดอวยพรและต้อนรับน้องเข้าสู่สายรหัสของตัวเอง พี่บางคนก็พูดซึ้งมากจนน้องน้ำตาไหล บางคนก็มาสายฮา บางคนก็สายเกรียน เรียกเสียงหัวเราะให้ได้ยินประปราย พอพี่ปีสูงรับน้องเข้าสายเรียบร้อย ก็จะพอดีกับช่วงเวลาที่เพลงบายศรีจบลง พี่ปีสูงจะบอกให้น้องหันหลังไปหาพี่ปีสองของตัวเอง เพื่อให้น้องได้รับพรและการต้อนรับอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


สำหรับการเฉลยสายรหัสผมนั้น ต้องบอกว่าไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควร เพราะน้องปีหนึ่งรู้รหัสผมอยู่ก่อนแล้ว จากคอลัมน์สัมภาษณ์ต่างๆของมหาลัย ก็จะมีลุ้นนิดหน่อย ตอนเฉลยปีสองกับพี่ปีสี่ที่ลงทุนวีดีโอคอลมาอวยพรและรับน้องเข้าสาย สายของผมเป็นสายหญิงล้วน ถ้าไม่นับผม ส่วนสายไอ้เอสก็ชายล้วน โดยมีเด็กจืดเป็นความหล่อและความภาคภูมิใจของไอ้เอสมัน


เสียงกีตาร์ดังขึ้นโดยรุ่นน้องปีสอง ที่พวกผมได้เตรียมไว้ให้ร้องเพลงสร้างบรรยากาศตอนผูกข้อมือหลังจากเพลงบายศรีที่สร้างมนต์ขลังจบลง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงแนวความผูกพันธ์ ระหว่างนี้น้องปีหนึ่งก็จะเดินไปตามวงกลม เพื่อทำความรู้จักรุ่นพี่คนอื่นๆและขอให้ผูกข้อมืออวยพรให้


หลังจากผ่านไปเกือบสิบเพลง ในที่สุดเด็กจืดที่มีสายสิญจน์ผูกอยู่เกือบเต็มแขน ก็วนมาอยู่ตรงหน้าผม


“ว่ายังไงหล่ะชายน้อย”

ผมได้โอกาสแซวบทบาทที่เจ้าตัวพึ่งแสดงผ่านไปไม่นาน แสงเทียนในมือเด็กตรงหน้าช่วยสะท้อนริ้วแดงข้างแก้มให้ผมเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ก็มากพอจะทำให้ผมอารมณ์ดีเมื่อเห็นหน้างุ้ยๆที่เจ้าของแก้มสีระเรื่อแสดงออกมา


“โอ๋ๆๆ ไม่แซวแล้วครับ อย่าพึ่งไปนะ”


ผมรีบคว้าแขนเด็กจืดที่ตั้งท่าจะเดินไปหาเพื่อนผมที่ยืนถัดไป เพราะไม่ทันระวัง น้ำตาเทียนในมือเด็กขี้งอนเลยหกใส่หลังมือผมหลายจุด


“พี่เป็นยังไงบ้างครับ”


รู้สึกคุ้มที่เจ็บตัว ตอนนี้เด็กจืดกำลังสาละวนกับการสำรวจทั่วแขนและมือของผม เพื่อหาร่องรอยน้ำตาเทียนอีก


“ถ้าปาลินเป่านะ พี่หายทันทีเลยเชื่อสิ”


หยอดครับ ได้ทีต้องหยอด ผมหงายฝ่ามือ เพื่อกุมมือเด็กตรงหน้าไว้ก่อนที่จะหนีไปอีกรอบ


“ปล่อยครับ”


เด็กงอแงพยายามสลัดมือออกจากการกอบกุมของผม


“ไม่แกล้งแล้ว อย่าพึ่งหนีพี่สิ ยื่นแขนมาเร็ว พี่จะผูกข้อมือให้”


เด็กจืดทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมยื่นมือซ้ายที่ผมพึ่งปล่อยก่อนหน้านี้ ส่งกลับมาให้ผมอีกครั้ง


“ไม่เอาข้างนี้ มีแต่ของคนอื่น พี่จะผูกข้างขวา และต้องให้พี่ผูกข้างนั้นได้คนเดียวเท่านั้นด้วย”


หื้ออออ


เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนที่ข้อมือขวาจะถูกยื่นมาตรงหน้าผม


“ฮ่าๆๆ เก่งมากครับเด็กดี”


ผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งเด็กจืดอีกครั้ง ด้วยการลูบหัวเหมือนเวลาเจ้าของลูบขนน้องหมา แต่เพราะกลัวจะโดนโกรธไปมากกว่านี้ เลยรีบผูกสายสิญจน์บนข้อมือขาว


รู้สึกพิเศษ


เมื่อมองไปยังแขนอีกข้างที่มีทั้งสายสิญจน์และนาฬิกาข้อมือถูกสวมไว้อยู่ ผมยิ้มให้กับคนหน้าบูดที่ยังน่ารักไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้รับรอยยิ้มกลับคืนมา แต่ผมก็รู้สึกพอใจมากแล้ว


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า


เพลงที่ผมร้องในห้องประชุม ถูกเอามาร้องอีกครั้งโดยกลุ่มน้องปีสอง ผมหันไปมองตามเสียงเพลงแล้วก็ต้องกลั้นขำเมื่อเห็นมือกีตาร์ รู้สึกว่าการให้เหล้ามันขวดหนึ่ง คุ้มยิ่งกว่าคุ้มก็วันนี้


ไอ้เอสมันกำลังตีคอร์ดเพลงที่ผมกับมันพึ่งแสดงด้วยกัน ด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม มือก็เล่น ตาก็จ้องมาทางนี้ ปากก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ พอเห็นผมมองไปมันก็ยักคิ้วให้สองที ผมเกือบหลุดขำแต่ก็ต้องกลั้นไว้ เพราะกลัวน้องรหัสมันจะกัดหัวเสียก่อน


“เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ”


ผมร้องคลอไปกับเพลง ขณะที่มือก็ยังผูกสายสิญจน์ให้เชื่องช้าที่สุดไปด้วย


I don't even think about you baby

No No No No No No



ดูท่าพวกนั้นจะเล่นเพลงตามเวอร์ชั่นต้นฉบับ ท่อนนี้ผมไม่ได้ร้องเมื่อกี๊นี้ อืม แต่ว่าตอนนี้อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากจะร้องขึ้นมา และก็อยากให้คนตรงหน้าได้ยินชัดๆ ผมเลยเลือกที่จะกุมมือข้างที่ผมพึ่งทบปมสายสิญจน์รอบสุดท้ายเอาไว้ ตากลมช้อนขึ้นมองสบกับผมแทบจะในทันที ก่อนที่ผมจะร้องเพลงในท่อนที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ร้องออกไป


“ก็โทษทีที่มันเก็บไว้ไม่ไหว”



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


[เพลง เปล๊า ศิลปิน ต้น ธนษิต จตุรภุช]
เวอร์ชั่นต้นฉบับ https://www.youtube.com/watch?v=ULnB3r29dlA
เวอร์ชั่นที่เป็นแรงบันดาลใจว่าพี่ภูร้อง https://www.youtube.com/watch?v=Pze5J-lTCR4

*เพลงบายศรีสู่ขวัญ อ้างอิง:http://student-activity-toolbox.pbworks.com/w/page/10453841/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D


วันนี้คนซึนเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วนะคะ ฮ่าๆๆ

จากนี้คนน้องก็เตรียมใจไว้ได้เลย ขนาดพึ่งเริ่มคนพี่ยังขนาดนี้ (๑˃̵ ᴗ ˂̵)و

มีถามมาว่ากี่ตอนจบ ตอนแรก16ตอนค่ะ

แต่ตอนนี้เพิ่มๆแก้ๆ ก็เริ่มมีงอกเพิ่มอีก แหะๆ

แต่คิดว่าน่าจะจบได้ที่18+/-ค่ะ(´・` )♡







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2018 11:09:31 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3: รุกหนักๆเลยค่ะพี่ภู.... น้องลินกำลังงงๆ...  :hao6:

ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พี่ภูววว รุกจนน้องหายใจหายคอไม่มันละม้างงงงง

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เริ่มรู้ใจตัวเองเสียทีนะพี่ภู แหม ลีลาเหลือเกิน
รู้สึกผู้สนับสนุนจะเยอะเวอร์วังอ่ะ หมั่นไส้ 555
ถึงจะเริ่มยอมรับ แต่ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะจริงจังกับใคร
เอาเหอะ ๆ ยังไงสุดท้ายก็ต้องแพ้ใจให้น้องลินอยู่ดี
แล้วนี่ไปแอบรู้ความลับเขามาได้ยังไงกัน
น้องลินกับม่านแพงอุตส่าห์โชว์หวานขนาดนั้น
ชอบพี่จั๊คกับพี่ปาล์มอ่ะ พอรู้ว่าเพื่อนไม่ต้องแย่งแฟนใคร
ก็สนับสนุนเต็มที่เลย อย่างนี่สิ เพื่อนที่ดี
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด