พิมพ์หน้านี้ - *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Sugar_stack ที่ 08-09-2017 01:47:00

หัวข้อ: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 08-09-2017 01:47:00
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



**✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**



#ภูฟ้าปาลิน

♡━━━━ บทนำ ━━━━♡ (https://bit.ly/2DTEIvY)
❥・ใจดวงที่หนึ่ง・❥ เพราะเหล้ามันเย็น..ผมเลยเป็นไข้ (https://goo.gl/RYN1Ca)
❥・ใจดวงที่สอง・❥ ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้ (http://bit.do/ebGna)
❥・ใจดวงที่สาม・❥ ความไม่เชื่อใจ (https://bit.ly/2unjvLu)
❥・ใจดวงที่สี่・❥ เป็นเสือ ก็ต้องออกล่า (https://bit.ly/2G8bRWt)
❥・ใจดวงที่ห้า・❥ ม่านแพง คือ แฟนของผม (https://bit.ly/2I4JTeZ)
♡━━━━ Special ━━━━♡ การเจอกันของเรา (https://bit.ly/2GctW5K)
❥・ใจดวงที่หก・❥ แพ้ทะเล (https://bit.ly/2DTC8WD)
❥・ใจดวงที่เจ็ด・❥ เปล๊า!! (https://bit.ly/2I3uRGu)
❥・ใจดวงที่แปด・❥ ฟังเสียงใจตัวเอง (https://bit.ly/2un9I7U)
❥・ใจดวงที่เก้า・❥ กำแพงสูง แต่มีประตู (https://bit.ly/2pEuDPn)
❥・ใจดวงที่สิบ・❥ รถรางรอรัก (https://bit.ly/2IRe9eC)
❥・ใจดวงที่๑๑・❥ โอกาส (https://bit.ly/2GpQvrm)
❥・ใจดวงที่๑๒・❥ วันที่น้องป่วย (https://bit.ly/2uiqF3t)
❥・ใจดวงที่๑๓・❥ พี่ก็มีซิกแพค (https://bit.ly/2G9upFX)
❥・ใจดวงที่๑๔・❥ ฝันร้ายของปาลิน (https://bit.ly/2unrGHM)
❥・ใจดวงที่๑๕・❥ แคตตาล็อกของพี่ภู (https://bit.ly/2pGZhGP)
❥・ใจดวงที่๑๖・❥ วันที่เธอไม่อยู่ (https://bit.ly/2pDSPQU)
❥・ใจดวงที่๑๗・❥ การกลับมาของคนที่เคยมีกุญแจ (https://bit.ly/2GqDsG2)
❥・ใจดวงที่๑๘・❥ ใจดวงสุดท้าย (https://bit.ly/2Ga4IoX)
❥・ใจดวงที่๑๘・❥ ใจดวงสุดท้าย..(ครึ่งหลัง) (https://bit.ly/2G8c63P)
♡━━━━ ใจส่งท้าย ━━━━♡ (https://bit.ly/2I2s14h)
♡ใจแถม♡ (https://bit.ly/2G8XGAF)



♡━━━━ บทนำ ━━━━♡


คนหนึ่ง..เชื่อในรักแท้ แต่ไม่ต้องการ ในขณะที่อีกคนหนึ่ง.. ต้องการ แต่ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง



..ปาลิน..



เสียงเพลงจังหวะเร่งเร้า แอลกอฮอล์ และคืนวันศุกร์ ดูจะเป็นสมการที่ลงตัวสำหรับใครหลายคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร่างสวยที่ทวีความเร่าร้อนในทุกท่วงท่ายามขยับตัวตามบีทหนักๆของเพลงที่ยากจะจดจำชื่อ หญิงสาวไล้มือจากปากอิ่มของตัวเองที่กำลังเผยอน้อยๆ ลากเลื้อยผ่านมายังลำคอระหงที่คลอเคลียอยู่กับกลุ่มผมสีเฮเซลนัทดัดลอนอ่อน ระผ่านพลิ้วไหวคล้ายจะหยอกล้อกับเนินอกอิ่มที่มีเพียงผ้าผืนสวยคาดทับไว้อย่างหมิ่นเหม่ยามต้องแสงไฟ ขับเน้นให้กายขาวนวลเนียนยั่วเย้าจนยากที่จะละสายตาได้


“ขออนุญาตครับ”


เสียงบริกรหนุ่มดึงความสนใจของผมให้จำต้องละสายตาจากภาพนั้น ถึงจะดื่มไปไม่น้อย แต่เพราะคืนนี้ต้องเป็นสารถีให้คนที่กำลังปล่อยตัวตามจังหวะเสียงเพลงให้ถึงบ้านโดยปลอดภัย ผมจึงไม่คิดจะดื่มจนเกินลิมิตตัวเอง และแน่นอนว่ามีสติมากพอที่จะพิจารณาแก้วเครื่องดื่มทรงสูงที่พึ่งถูกนำมาเสิร์ฟ การตกแต่งของมันพิเศษเสียจนทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะพิจารณาอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ขอบแก้วที่ถูกล้อมรอบด้วยเกล็ดเกลือบริสุทธิ์สีขาวละเอียด ล้อแสงไฟระยิบระยับสะท้อนตาราวหยาดเพชร ไล้รอบรัศมีจนไปบรรจบกับดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกนำมาดึงดูดสายตาไว้ที่มุมขอบแก้วด้านหนึ่ง เรียบ หรู และดูมีรสนิยมไม่น้อย


นอกจากแก้วไม่ทราบที่มาใบนี้จะบรรจุแอลกอฮอล์สีใสที่กำลังกระเพื่อม ตามจังหวะโยกขยับของร่างสวยบนโต๊ะ ผมคิดว่ามันยังเปี่ยมไปด้วยไมตรีที่แสดงออกถึงความสนใจอย่างไม่คิดปิดบังจากผู้ที่ส่งมาอีกด้วย


ใจกล้าไม่เบา..


บริกรหนุ่มไม่ได้ทิ้งปริศนาให้ผมนานนัก เขากระซิบบอกข้อความกับผมเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะผละออกไป เมื่อผมพยักหน้าว่าเข้าใจ



“ลินจ๋าาาาาา”



เสียงหวานอ้อแอ้กับดวงตาปรือปรอย บอกได้เป็นอย่างดีว่าคนด้านบนดื่มไปมากแค่ไหน



“เหนื่อยรึยัง หื้ม”


ผมถามออกไป ในขณะที่คนสวยตรงหน้ายังขยับสะโพกสวยของเธอไม่หยุด



“ของใครอะลิน”


เจ้าของร่างสวยย่อตัวลงมาจับแก้วปริศนาขึ้นมาพิจารณาบ้าง ก่อนจะหรี่ตามองผมอย่างจับผิด เมื่อผมทำแค่ยิ้มและยังไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ


“ของเรานั่นแหละแม่ตัวดี  หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยนะวันนี้ เดี๋ยวเถอะ”


ผมคาดโทษ ก่อนจะบิดจมูกรั้นให้ขึ้นสีชมพูระเรื่อแข่งกับพวงแก้มสองข้างของคนเมา
 

“คนใจร้าย”


ปากพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มกับดวงตาส่องประกายวิบวับราวกับมีเรื่องสนุกเสียเต็มประดารออยู่ตรงหน้า ผมจึงลุกขึ้นอุ้มเจ้าหญิงที่เตรียมตัวซนให้ลงมานั่งดีๆ


โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่เป็น “โต๊ะVVIP” ที่อยู่กลางร้าน แน่นอนว่าแค่ตำแหน่งก็ทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องมาทางเราแทบจะตลอดเวลา ลำพังแค่โต๊ะทรงกลมสีดำสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูคงจะไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตาตื่นใจนัก ถ้าไม่ได้มีเสาสีเมทัลลิคยาวสูงจรดเพดานตั้งอยู่กลางโต๊ะ ดึงดูดสายตาและสะท้อนแสงไฟราวจะล่อลวงให้เหล่าผีเสื้อราตรีขยับปีกวาดลวดลายอวดเสน่ห์จนเวทีเฉพาะกิจนี้ลุกเป็นไฟ

แต่ถ้าคุณไม่ใช่VIPเมมเบอร์ และไม่ได้มีเสน่ห์สะกดทุกสายตาแบบผู้หญิงตรงหน้าผม คุณจะไม่มีวันได้สิทธิพิเศษจากโต๊ะVVIPนี้แน่นอน ทั้งส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม50% รวมถึงบริกรส่วนตัวสำหรับโต๊ะVVIPโดยเฉพาะ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ “ม่านแพง” ผู้หญิงที่สามารถบันดาลสิ่งเหล่านี้ได้เสมอติดอกติดใจจนลากผมมาที่นี่บ่อยๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วทางร้านดูจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์เสียมากกว่า เพราะมีม่านแพง บรรยากาศในร้านตอนนี้จึงแน่นขนัดไปด้วยบรรดาชายหนุ่มที่อยากมาชื่นชมความงามและท่วงท่าเร่าร้อนยามขยับตัวของคนตรงหน้า และผู้หญิงคนอื่นๆก็จะตามมาโปรยเสน่ห์ใส่ชายหนุ่มพวกนี้อีกทอด ไม่ว่าจะแบบไหนก็กำไรเห็นๆ


“จากโซฟาVIPด้านหลังหน่ะ”


ผมกระซิบบอกร่างนิ่มถึงที่มาของแก้วแสนสวยบรรจุแอลกอฮอล์สีใสที่ยังคงเป็นหัวข้อสนทนาของเรา ถึงจะบรรจงอุ้มหญิงสาวลงมาจากเวทีส่วนตัวเมื่อครู่ได้แล้ว แต่คนที่ยังติดใจการขยับร่างกายตามจังหวะเพลง ก็ยังไม่ยอมลงมานั่งเบาะบุนวมอย่างที่ควรจะเป็น

วงแขนที่โอบรอบคอผมไว้ออกแรงขืนตัวให้ผมอุ้มเธอนั่งบนส่วนของโต๊ะที่ลดหลั่นจากส่วนที่มีเสาลงมาหนึ่งสเต็ป มันไม่ได้กว้างนักเพราะเป็นแค่ที่วางแก้ว หรือที่พักแขนของคนที่นั่งอยู่เท่านั้น ผมจึงต้องกอดเอวเธอไว้ ประคองไม่ให้ตกลงมา



“หื้มมม ใจกล้าดีจังเลยน้า”



ม่านแพงมองไปยังยกชั้นทางด้านหลังซึ่งเป็นโซนโซฟาสำหรับดื่มชิลล์ แสงสปอร์ตไลท์จึงไม่ได้ทำหน้าที่ล่วงล้ำเข้าไปมากนัก คนที่เลือกนั่งโซนนั้น ถ้าไม่ใช่ประเภทนักล่าที่มองหาเหยื่อ ก็พวกลูกหลานคนมีตังค์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการดื่มนั่นแหละ จะเข้าไปได้ก็ต้องผ่านการตรวจบัตรสมาชิกระดับVIPเท่านั้น


“ถ้าลินไม่มาด้วย ม่านต้องโดนงาบไปแล้วแน่เลย”


ผมหัวเราะให้กับความคิดน่ากลัวของตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก เพราะยังไงก็ไม่เคยคิดจะปล่อยให้ม่านแพงมาคนเดียวอยู่แล้ว



คนในอ้อมกอดไม่ตอบอะไร แต่เลือกที่จะสบตาผมตรงๆและเผยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ออกแรงกระชับแขนที่โอบรอบคอผมให้แน่นขึ้น ก่อนจะยกแก้วแสนสวยขึ้นมาในระดับสายตาของเราทั้งคู่ จากนั้นจึงจรดกลีบกุหลาบแดงบนแก้วใบพิเศษนั้นกับปากของผม แล้วยื่นไปทางที่เจ้าของแก้วนั่งอยู่ เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เปิดปากที่ไม่เปล่งเสียง กระนั้นก็สามารถอ่านปากตามได้ไม่ยากว่า


“ขอบคุณค่ะ”



ม่านแพงเย้ายวนและมีเสน่ห์เสมอ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะทำหน้ายังไงที่ถูกหยอกล้อแต่แฝงไปด้วยการปฏิเสธนี้ การที่เธอจรดริมฝีปากของผมลงไปยังกุหลาบที่พึ่งรับมา คงแปลง่ายๆว่า เธอเลือกจะรับเฉพาะไมตรีจิต แต่แอลกอฮอล์ในแก้ว กุหลาบดอกนี้ และตัวเธอ ล้วนแล้วแต่เป็นของผม



หมอนั่นคงจะเสียหน้าไม่น้อย จะว่าไปแล้วก็อยากเห็นเหมือนกัน ผู้ชายที่กล้า “จีบ” คนมีเจ้าของแล้วขนาดนี้ จะต้องมั่นใจในตัวเองมากๆหรือไม่ก็ไร้มารยาทมากๆแน่นอน แต่ก่อนจะได้เพ่งมองผ่านเข้าไปยังโซนสลัวด้านหลัง ร่างสวยก็โน้มหน้ามาซบที่ไหล่ผมก่อน จึงทำได้แค่กอดประคองเด็กดีของผมให้แน่นกว่าเดิม และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก









ใครต่อใครก็บอกไม่ใช่หรอ “รักแท้คือแย่งชิง รักไม่จริงคือเสียสละ” ถึงแม้จะไม่ได้อินกับไอ้คำว่า
 “รักแท้” นั่นสักนิด แต่ตลอดชีวิตของนาย “ภูฟ้า” คนนี้ สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นเสียด้วยสิ



..ภูฟ้า..


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความท้าทายประเภท “ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้” ดูจะเป็นสโลแกนประจำตัวของผมไปแล้ว



ตอนแรกที่แค่กะจะทักทายดาวมหาลัยคนสวยกับแฟนสักหน่อย


แต่..ในเวลานี้


ดูเหมือนมี “เรื่องสนุกมากมาย” กำลังรอให้นาย ภูฟ้า สิทธิธนานนท์ คนนี้ลงไปเล่นอยู่


“เห้ย ไอ้เชี่ยภู คิดอะไรอยู่วะ หน้าแม่งโคตรเลว”


ไอ้ปาล์มที่พึ่งมาถึงก็เริ่มปากหมาในทันที


“เปล่า”


ผมยักคิ้วกวนตีนใส่มัน ก่อนจะหันไปมองเป้าหมายด้วยความรู้สึกพอใจที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว


“โอ้โห ชัดเลย กี่คู่แล้วมึง เพลาๆบ้าง ทำคนเค้าเลิกกัน บาปนะเว่ย”



ไอ้ปาล์มมองตามสายตาผมไปยังฟลอร์พิเศษกลางร้าน ที่บัดนี้ร่างสวยกำลังกอดก่ายหยอกเย้าจนแทบจะบดเบียดหลอมรวมไปกับศัตรูคนใหม่ของผม โดยไม่แคร์สายตาใครแม้แต่น้อย


“มันเล็งใครไว้อีกวะ”


ไอ้จั๊ดที่ยังไม่หยุดทำตัวแบบสังคมก้มหน้า แต่ก็คงกลัวพลาดประเด็นอะไรไป เลยเอาศอกกระแซะถามไอ้ปาล์มที่นั่งข้างๆ


“โน่นครับมึง โน่นเลย น้องม่านแพง ดาวอักษรปีหนึ่งมากับแฟนเค้า เปิดฟลอร์โต๊ะVVIPด้วยนะมึ๊ง ดีจงดีเจอะไรไม่มีใครสนใจดูแล้ว สวยหล่อทั้งคู่ไม่พอ ลีลาน้องม่านนี่มึงเอ๊ยสุดๆ ถ้ากูเป็นแฟนน้องเค้ากูคงหวงไว้มองคนเดียว แต่น้องผู้ชายก็ดูใจดีหว่ะ คอยเอาใจไม่ห่าง ได้ข่าวคบกันมาตั้งแต่อยู่ม.ปลายด้วยนะ สงสัยจะรักแท้หว่ะ”



ไอ้ปาล์มกับความเห็นของมันที่ไม่มีใครอยากรู้


รักแท้?


ผมนี่แหละจะทำให้มันดู ว่าความจริงแล้ว ไอ้คำคำนี้เนี่ย มันไม่เคยมีอยู่จริง


“น้องเค้าแรงดีหว่ะ กูชอบ”


ไอ้จั๊ดที่พึ่งละสายตาจากหน้าจอมือถือเพื่อมองการพลอดรักที่ร้อนแรงเอ่ยวิจารณ์ เรียกรอยยิ้มที่มุมปากผมได้ทันที


เออ


กูก็ชอบ


แต่ผมก็เลือกจะส่งเหล้าเข้าปากแทนการพูดอะไรออกไป


“คู่นี้เค้าโคตรสวีทเหอะ กูเห็นหวายกดติดตามแฟนเพจม่านฟ้าปาลินอยู่ ถ้าให้พูดเรื่องนี้นะมึง ดี๊ด๊ามากอะแฟนกู”


ไอ้ปาล์มมันติดแฟน ถึงตัวไม่มาแต่ถ้ามีโอกาสนิดๆหน่อยๆก็ขอให้ได้พูดถึง ผมเอือมจนไม่รู้จะเอือมยังไงเลยขี้เกียจจะสนใจมันอีก


“คนมีความรักอะมึง ปล่อยไปซักคู่ได้มั้ยวะ ไม่เห็นแก่เค้าก็เห็นแก่กูก็ได้ หวายเอากูตายแน่ ถ้าปล่อยให้มึงไปยุ่งกับน้องม่าน”


อุตส่าห์ไม่สนใจ แต่ไอ้ปาล์มมันยังพล่ามถึงแฟนมันไม่หยุด จนผมเริ่มจะรำคาญมันขึ้นมาจริงๆ


“ความรักนี่แดกได้มั้ยวะ”


ไม่ได้จะกวนตีน ที่ถามก็เพราะอยากรู้เฉยๆ รักแล้วไง ไม่รักแล้วไง ฟ้ามันจะถล่มลงมาตรงหน้าเลยหรือเปล่า บ้านจะโดนยึดหรือประเทศชาติจะล่มสลายหรืออย่างไร ทำไมใครๆต้องให้ความใส่ใจกับมันนัก


สำหรับผม ความรักมันก็เป็นแค่เกมเกมหนึ่ง มีคนชนะก็ต้องมีคนแพ้ จะต่างจากเกมทั่วไปก็แค่.. ความรักหน่ะนะ มันไม่มีความยุติธรรม


ไม่ว่าจะเรียกร้องมากมายแค่ไหน


มันก็ไม่เคยมี


“มันแดกไม่ได้แต่มันอิ่มหว่ะ กูก็บอกไม่ถูกหรอกนะว่ายังไง ถึงมันจะไม่อิ่มท้อง แต่แม่งอิ่มใจหว่ะ มึงลองดูดิ รักใครสักคนจริงๆสักที”


ไอ้ปาล์มมันลุกมานั่งบังวิถีสายตาผม จนผมต้องจิ๊ปากใส่ให้รู้ว่ากำลังรำคาญ


“เอาไว้กูว่างมากๆ มีเวลาเหลือเฟือเพื่อหายใจทิ้งไปวันๆแล้วกูจะคิดดูอีกที”


ผมเอามือผลักหัวไอ้ปาล์มให้กลับไปนั่งที่เดิม ตาก็มองตามดาวมหาลัยคนสวยที่กำลังถูกโอบประคองไปทางห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่ง


“และที่สำคัญนะมึง ตบมือข้างเดียวไม่เคยดังนะครับ”


ผมพูดความจริงที่ไอ้ปาล์มเถียงไม่ออก แสยะยิ้มมุมปากแบบตัวโกงที่เคยเห็นในละครหลังข่าว แล้วเลือกที่จะลุกขึ้นเพื่อเปิดเกมของผมซักที



“อื้มมม จ้าาา เอาเล้ยยยย เอาแม่งให้หมดมหาลัยเลยนะ คู่ไหนรักกันมากๆมึงก็อย่าไปยอม อย่าให้เสียชื่อคุณภูสอยดาวได้”


เสียงไอ้ปาล์มประชดมาจากโซฟาVIPที่ผมพึ่งลุกเดินจากมา ถึงมันจะเถียงเรื่องที่ผมพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงมารบกวนสมองของผมที่กำลังคิดหาวิธีชนะในเกมนี้ และแน่นอนว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใจเสียงนกเสียงกาของมัน
 

ผมแค่เข้าไปจีบ
ผู้หญิงพวกนั้นเองต่างหาก ที่เลือกจะทิ้งแฟนแล้วมาหาผม ไม่ได้บังคับมาสักหน่อย



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。




สวัสดีค่ะ Sugar_stack ค่ะ ^^

ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ ที่ได้มีนิยายเป็นของตัวเอง

ถึงแม้คำโปรยตอนต้นเรื่องอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นนิยายดราม่า

แต่จริงๆแล้วรับฝากใจเป็นนิยายฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งนะคะ ><

และเพราะเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรก ภาษาหรือการบรรยายอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

ดังนั้นหากใครอยากติชมหรือมีข้อแนะนำ ก็คอมเมนท์ไว้ได้เลยค่ะ

จะพยายามปรับปรุงแล้วพัฒนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ

หรือใครจะเมาท์เกี่ยวกับนิยาย ฟีดแบคต่างๆ ก็สามารถคอมเมนท์ไว้ได้

แน่นอนว่ากำลังใจของคนแต่งก็คือคอมเมนท์เหล่านี้นั่นเองค่ะ(⋆^-^⋆)

สำหรับใครที่เล่นทวิตเตอร์ เรื่องนี้ใช้แท็ก #ภูฟ้าปาลิน ขอเชิญชวนไปเล่นกันเยอะๆนะคะ

จะพยายามมาลงนิยายอย่างสม่ำเสมอและสัญญาว่าจะไม่ทิ้งไว้กลางทาง

สุดท้ายนี้ก็หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านมีความสุขได้บ้าง ถึงจะแค่หนึ่งคนก็ดีใจแล้วค่ะ ヾ(^ヮ^)ノ



แฟนเพจ เพื่อติดตามเรื่องนี้ ตอนพิเศษ และนิยายในอนาคต
https://www.facebook.com/Sugarstackstory/

คอมเมนท์หรือพูดคุยในทวิตเตอร์
Twitter @Sugar_stack (https://twitter.com/Sugar_stack)

 

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หนึ่งღ
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 08-09-2017 02:37:39
❥・ใจดวงที่หนึ่ง・❥



เพราะเหล้ามันเย็น..ผมเลยเป็นไข้



..ปาลิน..



ยอมรับว่าแรกๆก็อายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะเสียงเพลงและแอลกอฮอล์คือสองสิ่งที่ม่านแพงมักเลือกที่จะใช้ในการบรรเทาความเครียดสะสมระหว่างสัปดาห์ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ามันคือการชาร์จแบตชีวิตในแบบของเธอ ผมจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าที่ในการยืนรอม่านแพงที่หน้าห้องน้ำหญิง ต้องเป็นหน้าที่ประจำของผมแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย และเพราะไม่อยากบกพร่องในหน้าที่ ผมจึงเลือกที่จะเก็บซ่อนความประหม่ายามเมื่อต้องสบสายตาใครต่อใครในเวลาแบบนี้


“อ้าว นี่ใช่น้องปริญ วิดยาปี1ป้ะ”


อยู่ดีๆผู้ชายที่สูงกว่าผมไม่น้อยกว่าห้าเซนติเมตร ก็เดินเข้ามาทักทายผมด้วยชื่อเล่นอย่างเป็นกันเอง


“อ่า ครับ”


“แล้วมาทำอะไรตรงนี้ เมาแล้วหรอเรา”   


“ยังหรอกครับ พอดีผมมารอแฟนเข้าห้องน้ำ”


ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ประเภทที่สามารถพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างสบายๆ แต่การใช้คำว่าคนแปลกหน้า ก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก เพราะผมคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี


“อ้อ ใช่น้องม่านแพง ดาวมหาลัยคนสวยม.เรารึเปล่า”


“ครับ คนเดียวกัน”


“ดีจังนะ ปริญก็หล่อ น้องม่านแพงก็สวย พี่ชักจะอิจฉาซะแล้วสิเนี่ย”


“อ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


“งั้นถ้าพี่อยากมีแฟนสวยเหมือนปริญ ปริญจะช่วยสอนเคล็ดลับมัดใจน้องม่านแพงให้พี่บ้างได้รึเปล่า เผื่อพี่จะได้เอาไปปรับใช้”


ประโยคกึ่งเล่นกึ่งจริงขัดกับดวงตาทอประกาย ราวกับเจ้าของของมันกำลังเจอเรื่องถูกใจหนักหนา ไม่บอกก็รู้ว่าการแซวผม ทำให้รุ่นพี่คนนี้สนุกมากแค่ไหน


“ระดับพี่ภูฟ้าผมคงไม่กล้าสอนหรอกครับ แล้วอีกอย่างม่านก็เป็นแฟนคนแรกของผม ผมคงไม่มีประสบการณ์ในการจีบมากมายขนาดนั้น”



ผมจำใจตอบคำถามที่ถูกส่งออกมาไม่หยุด ก็แน่หล่ะ ในเมื่อคนที่กำลังส่งยิ้มทั้งปากทั้งตา ตามประสาคนถนัดโปรยเสน่ห์อยู่นี้ เป็นรุ่นพี่ในคณะควบตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยปีสาม ผมจึงไม่กล้าจะพูดตัดบนห้วนๆแบบที่ชอบทำเวลาเจอคนที่ไม่รู้จักเข้ามาทัก


“หื้ม แฟนคนแรกเลยหรอ”


“ครับ แฟนคนแรก”


“สงสัยจะรักกันมากสินะ”


“ครับ?”


“ฮ่าๆๆ พี่หมายถึง ต้องรักกันมากเลยใช่มั้ยหล่ะ ถึงคบกันได้นาน พี่ได้ยินว่าตั้งแต่ม.ปลาย”


“อ่อ ครับ ตั้งแต่ม.4”


“อืม 4 ปีเลยหรอ นานจริงๆด้วย ว่าแต่ปริญหน้าแดงหน่อยๆนะเนี่ย ดื่มไปเยอะ หรือว่าเขินที่พี่ถามถึงแฟน”


ประโยคชวนคุยจากคนที่ดูจะติดนิสัยเฟรนด์ลี่ไปทั่ว ถูกส่งมาให้กับคนที่มนุษยสัมพันธ์ต่ำเกินมาตรฐานอย่างผมอย่างต่อเนื่อง ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนชอบยิ้มชอบคุยพร่ำเพรื่อ แต่ความแพรวพราวประมาณนี้ ผมว่าเก็บไว้ใช้แค่กับสาวๆน่าจะเข้าท่ากว่า


ผลั่กกก


“ขอโทษนะครับ เป็นอะไรรึเปล่า โห เปียกหมดเลย”


ก่อนที่จะได้ตอบอะไรรุ่นพี่ร่วมคณะ อยู่ดีๆก็มีคนเมาเดินเซมาชนเข้ากับตัวผมที่ยืนพิงผนังอยู่ ชนอย่างเดียวไม่ว่า แต่นี่แก้วเหล้าในมือยังกระฉอกมาโดนตัวผมจนเปียก สงสัยจะยังพอมีสติอยู่ คนเมาเลยทำตาโตจ้องมองวีรกรรมตัวเองที่ทำไว้กับผมจนทั่วตัว ลากสายตาจากบนลงล่างแล้วต่อด้วยล่างขึ้นบน สลับไปสลับมาไม่หยุด จนผมนึกกลัวว่าคนที่เป็นอะไร จะกลายเป็นเขาแทน


“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ คุณเดินต่อเถอะ”


ผมไม่อยากจะให้เรื่องแค่นี้ต้องมาเป็นประเด็นอะไรให้วุ่นวาย โบราณว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา คิดๆไปแล้ว วันนี้ผมอาจจะแค่โชคร้ายไปหน่อย เลยได้เจอพร้อมกันทั้งคนบ้าและคนเมา


“เปียกขนาดนี้ แล้วเสื้อคุณก็สีขาวด้วย จะรังเกียจมั้ยครับ ถ้าผมอยากจะให้คุณใส่เสื้อของผมแทนคำขอโทษ”


ไม่พูดเปล่า แต่คนที่ตัวสูงพอๆกับรุ่นพี่ปีสามที่ยังคงยืนเงียบอยู่ข้างผม กลับถอดแจ็คเก็ตสีดำของเขายื่นส่งมาให้


“ไม่เป็นไรครับ คงไม่สะดวกเท่าไหร่”


ผมก็กะจะตอบออกไปแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก คนที่ยืนเงียบเฉยมาตั้งนานกลับชิงพูดขึ้นก่อน มิหนำซ้ำยังเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ แล้วใช้มืออีกข้างปัดเสื้อแจ็คเก็ตที่ยังคงถูกยื่นค้างจากคนเมาตรงหน้าให้กลับไปยังเจ้าของ


“แต่เสื้อบางมากนะครับ รับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวแลกเบอร์กันไว้ แล้วค่อยเอามาคืนให้ผมทีหลังก็ได้”


อาศัยจังหวะที่ผมยังมึนงงกับการกระทำคนข้างๆ ความหวังดีจากคนเมาก็ยังคงถูกยัดเยียดมาให้กับผมไม่หยุด วันนี้ผมสวมเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซต์สีขาว เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ตัวโปรดสีดำ ความเปียกชื้นจากแอลกอฮอล์สีชาทำให้เสื้อที่เคยใหญ่กว่าขนาดตัว แนบลงมายังผิวเนื้อทุกตารางนิ้ว ความเย็นจากน้ำแข็งในแก้ว ทำให้ผมต้องกัดปากตัวเองเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้ และคงเพราะสายตาเห็นใจจากเจ้าของเสื้อแจ็คเก็ตที่ยังคงมองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ ทำให้รุ่นพี่เดือนมหาลัยที่ยังคงพาดแขนไว้กับไหล่ผม ต้องก้มหน้าลงมาสำรวจสภาพผมบ้าง


พรึบ


แล้วความบ้าระลอกสองก็ตามมา เมื่อรุ่นพี่ที่ผมพึ่งคุยด้วยไม่ถึงห้านาที ดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก มิหนำซ้ำยังกดหัวผมให้จมลงไปในอ้อมกอดนั้นอย่างเอาแต่ใจ ทั้งๆที่ผมพยายามขืนตัว แต่คนบ้าก็ยังเป็นคนบ้า นอกจากจะทำอะไรบ้าๆแล้ว เขาก็ยังมีแรงเหลือเฟือที่จะรัดผมแน่น จนแทบกระดิกตัวไม่ได้


“ชู่วววว อย่าดื้อ”


ดูเหมือนการขัดขืนของผมจะไม่เป็นผลเลยสักนิด ก็ในเมื่อใครกันแน่ที่ดื้อ และใครกันแน่ที่เผด็จการ


“คนของผม ผมดูแลเอง”


เสียงของคนที่ยังเอาแต่ใจดังขึ้นข้างหู แม้เสียงเพลงในผับจะดังแค่ไหน แต่ผมที่ยังถูกบังคับให้ซบไหล่พี่เขาอยู่ก็ได้ยินชัดทุกคำ ว่าแต่ใครเป็นของใครนะ แล้วไหนจะน้ำเสียงแฝงรังสีอำมหิตนั่นอีก นี่พี่เขาบ้าไปแล้วจริงๆหรือไง


“เอ่อ ผมไม่รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว เห็นคุณก็พึ่งเดินมาทัก เลยนึกว่าผมก็ยังมีหวังเสียอีก ต้องขอโทษด้วย”


แล้วไอ้อาการเชื่อในทันทีของคนเมาที่พยายามดึงดันในตอนแรกนี่มันอะไร ทำไมเชื่อคนง่ายขนาดนั้น ไม่เห็นรึไงว่าผมก็พยายามขืนตัวออกจากวงแขนของคนที่ทึกทักเป็นเจ้าของผมอยู่ ไม่ใช่ว่าอยากจะสานสัมพันธ์ตามที่เขาพูดหรอกนะ แต่อะไรที่ทำให้เขาปักใจเชื่อต่างหากที่ทำให้ผมสงสัย


“ดื้อ”


คนที่ยังคงกอดผมแน่นอยู่หลายนาที ทั้งๆที่ผมก็มั่นใจว่าคนเมาเดินจากไปแล้ว และผมก็ดิ้นแรงขึ้นมากแต่กลับไม่ยอมปล่อยผมสักที อยู่ดีๆก็ผละตัวออกเพียงเล็กน้อย เพื่อจ้องตากับผม และบอกว่าผมดื้อเนี่ยนะ แล้วไหนจะริมฝีปากบางที่ยู่เข้าหากันราวกับเด็กที่กำลังโดนขัดใจนั่นอีก นี่เราไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย


“ปล่อยผมเถอะครับ”


ผมยังคงออกแรงดันอกของคนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัว ถึงแม้จะรู้ดีว่าเสียเวลาเปล่าถ้าเจ้าของวงแขนไม่ให้ความร่วมมือ


“เปียกจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหนนี่ยังจะให้ปล่อยอีกหรอ”


นั่นมันก็ปัญหาของผมเองมั้ยหล่ะ แล้วที่สำคัญ พี่เขาจะมายืนแนบชิดและเปียกไปกับผมทำไม


“ผมเป็นผู้ชาย ไม่เป็นไรหรอกครับ”


ใครจะมาสนกันว่ามีผู้ชายเสื้อเปียกอยู่ในผับ มืดก็มืด แล้วที่สำคัญถึงเสื้อจะบาง แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเสียหายและถูกมองอย่างหื่นกระหายจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดสักหน่อย


“ลิน”


เสียงม่านแพงช่วยเรียกสติผมให้หลุดออกมาจากเกมจ้องตากับรุ่นพี่จอมเผด็จการ


“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ นี่คุณทำอะไรลิน”


ม่านแพงที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำคงมองเห็นแววตาอิหลักอิเหลื่อของผมที่ส่งไปให้ เจ้าของใบหน้างามล้ำจึงดูจริงจังขึ้นหลายส่วนคล้ายจะสร่างเมาแล้วไม่น้อย ม่านแพงตรงเข้ามาดึงผมให้หลุดจากพันธนาการมนุษย์ที่ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ


“เพื่อนน้องกำลังเปียก เสื้อนี่ไม่ต้องพูดถึง บางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน”


ม่านแพงชะงักหลังจากฟังผู้ชายคนนี้พูดจบ


“ม่าน ลินไม่เป็นไร พี่ครับ ปล่อยผมเถอะ ขอบคุณที่ช่วยครับ”


ผมบอกม่านแพงให้คลายกังวลในต้นประโยค แล้วท้ายประโยค เปลี่ยนเป็นการบอกผู้ชายที่ยังคงกอดกระชับผมไว้ แม้ตอนนี้จะไม่ได้กดให้หน้าผมแนบไปกับซอกคอเขาแล้ว


สภาพผมคงดูไม่จืด และปริมาณเหล้าที่กระฉอกมาโดนตัวผมก็คงแทบล้นแก้ว จึงทำให้ผมเปียกยับเยินขนาดนี้ ขนาดที่ว่ารุ่นพี่ที่ไม่ได้สนิทกันจะเกิดความเวทนาและหวังดีอยากช่วยผมจากภาวะหนูตกถังเหล้า ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด


“ปล่อยลิน ลินเป็นแฟนฉัน เดี๋ยวฉันดูแลเอง”


เมื่ออ้อมกอดยังไม่ถูกคลายออก ม่านแพงจึงพูดซ้ำอีกครั้ง ผมมองเห็นดวงตาที่วาวโรจน์ขึ้นชั่วขณะ แต่แล้วก็ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดราวกับกำลังข่มใจ


“ถ้าอยากดูแลก็รีบหาเสื้อมาให้แฟนเปลี่ยนดีกว่านะ”


ทำไมทุกคนต้องเห็นว่าการที่ผมเปียกมันเป็นเรื่องใหญ่โตด้วยเนี่ย อันที่จริงมันแค่เรื่องนิดเดียวจริงๆนะสำหรับผม


“มีเสื้อในรถ เดี๋ยวจะเอามาให้ลินเปลี่ยนเอง ลินไปรอในห้องน้ำเถอะ”


ม่านแพงคงไม่พอใจรุ่นพี่คนนี้พอสมควร เธอจึงเลือกที่จะข่มอารมณ์และหันมาคุยกับผมแทน


“ไม่เป็นไรนะม่าน กลับกันเลยก็ได้ อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะ มันอันตราย”


ผมไม่ยอมให้ม่านแพงเดินไปเอาเสื้อที่รถคนเดียวแน่ๆ สถานที่อโคจรแบบนี้ ใครจะมาดีมาร้ายก็ยากที่จะรู้ ไม่อย่างนั้นคนที่มักจะหลีกเลี่ยงสถานที่เสียงดังอย่างผม จะยอมมากับม่านแพงทุกครั้งทำไมกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วง


“แล้วจะเดินออกไปได้ยังไง เสื้อเปียกขนาดนี้”


ไม่ใช่เสียงม่านแพง แต่กลับเป็นเสียงหงุดหงิดจากคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ก็พอจะรู้ว่าพี่เขาหวังดี แต่ผมว่ามันมากเกินไปหน่อย ในเมื่อม่านแพงมาแล้ว พี่เขาก็ควรจะปล่อยผมได้แล้ว


“เปียกมากๆเลยหรอลิน โป๊ขนาดนั้นเลยหรอ”


“มากๆ”


คนที่ดูจะเคลียร์ด้วยยากที่สุดยังคงกดเสียงดุเพื่อเน้นย้ำความคิดของตัวเอง ม่านแพงก็ยังคงจ้องมาที่ตัวผมราวกับจะมองให้ทะลุตัวพี่ภูฟ้าซึ่งบังผมจนมิดให้ได้  ถ้าไม่ติดว่าม่านแพงต้องโกรธแน่ๆ จะให้ผมถอดเสื้อตัวปัญหานี้ออกแล้วเดินกลับไปเอาเสื้อในรถเองก็ยังได้ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมคิดว่าผมควรจะเลือกวิธีที่น่าจะถูกใจทุกฝ่ายแทน


“ไม่อะม่าน ไม่ขนาดนั้น พี่ครับ ปล่อยได้แล้ว ขอบคุณมากจริงๆครับ”


คนหน้ามึนก็ยังคงเป็นคนหน้ามึน ตอนนี้ปัญหาเล็กน้อยของผม กลายมาเป็นปัญหาระดับชาติได้ยังไงกัน


“ใช่ ปล่อยลินซักที ก็รู้ว่าคุณคงหวังดี แต่นี่ก็มากไปแล้วนะคะ ถ้าจะกอดไม่ปล่อยขนาดนี้”


ม่านแพงเป็นคนขีดความอดทนต่ำครับ โดยเฉพาะกับคนพูดไม่รู้เรื่อง


“น้องๆ มานี่”


เด็กเสิร์ฟซักคนถูกเรียกไว้ก่อนจะเดินผ่านพวกเราไป แทนที่จะรีบปล่อย คนตัวสูงกลับเลือกที่จะเผด็จการต่อไป แล้วยังทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมกับม่านแพงพูดอีกด้วย


“ครับ?”


“เดินไปส่งคุณผู้หญิงคนนี้หยิบของในรถนะ แล้วก็เดินกลับมาส่งด้วย อ้อ แล้วบอกการ์ดด้านหน้าว่าคุณภูฟ้าต้องการให้ตามออกไปส่งคุณผู้หญิงที่ลานจอดรถด้วยอีกคน”


ผู้ชายที่คงมีเส้นสายและบารมีเงินไม่น้อย ยัดธนบัตรสีเทาหลายใบใส่มือเด็กเสิร์ฟ ตามด้วยบัตรอะไรสักอย่างที่มีโลโก้ของผับ ทำให้เด็กหนุ่มที่ถูกไหว้วาน นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว ยังรีบปรี่เข้ามาผายมือเชิญม่านแพงให้เดินออกไปแทน


“โอเค ฉันจะทำตามนี้ แต่คุณต้องปล่อยลิน แล้วให้ลินไปรอฉันในห้องน้ำ”


ม่านแพงคงโมโหไม่น้อย ดูได้จากสรรพนามที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมายามแทนตัวเอง แต่ก็คงเห็นว่าการยื้อไปมากับผู้ชายคนนี้ ดูจะเสียเวลาเปล่าๆจึงยอมที่จะทำตาม


“ผมจะพาปริญเข้าไปเอง รีบไปเอามาเถอะ”


เหมือนผมกลายเป็นตุ๊กตาที่ถูกเด็กเอาแต่ใจสองคนยื้อแย่ง ไม่มีใครฟังผม และทำได้แค่รอการตกลงกันจากคนทั้งคู่


ผมถูกกอดประคองเข้ามาในห้องน้ำ และยังถูกบังคับให้ยืนพิงกำแพงโดยมีสองแขนของคนอายุมากกว่าคร่อมไว้อีกที ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะประหลาดเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะตกใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนจะยังมีเรื่องให้ผมได้แปลกใจเกิดขึ้นตามมาอีกไม่หยุด


“พี่ครับ ปล่อยผมรอม่านอยู่นี่แหละ ขอบคุณนะครับ”


ผมอยากจบเรื่องตรงหน้าเสียทีจึงยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคนตรงหน้าอย่างที่ผมคิดว่าอ่อนน้อมที่สุด


แต่นอกจากหัวคิ้วขมวดกับสายตาขุ่นเคือง ก็ไม่มีการตอบรับใดๆกลับมาอีก สองแขนที่เปลี่ยนจากการกอดตั้งแต่เราเข้ามาในห้องน้ำ ก็ยังทำหน้าที่ค้ำยันเหนือร่างผมอยู่ราวกักขัง


อยากจะบ้าตายจริงๆ นี่เขาไม่คิดจะแคร์สายตาคนอื่นเลยหรือยังไง ความจริงเราสองคนก็ถูกจับตามองจากสายตาหลายคู่ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาทักผมเลยด้วยซ้ำ แล้วยิ่งตอนนี้ที่ยืนคร่อมตัวผมไว้กับผนังห้องน้ำเนี่ย ไม่คิดเลยหรือว่าคนอื่นเขาจะมองยังไง แค่คิดผมยังปวดหัวเลย




“เสื้อครับคุณภู”


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมก็โล่งใจทันที เมื่อได้ยินเสียงเด็กเสิร์ฟที่คงยืนอยู่ด้านหลังเขาอีกทีพูดขึ้น แน่นอนว่าความสูงของพี่ภูฟ้าบดบังสายตาผมจนทำให้ไม่เห็นอะไรนอกจากแผ่นอกที่จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วกว่าผมมาก


“อืม ขอบใจ ฝากไปยืนเป็นเพื่อนคุณผู้หญิงด้านหน้า ก่อนที่ฉันจะออกไปด้วย”


ผมเหลือบมองคนตรงหน้าที่ออกคำสั่งออกไป ตอนแรกผมกะจะรีบๆเปลี่ยนแล้วรีบออกไปหาม่าน แต่คำสั่งรอบคอบของเขา ก็ทำให้ผมได้เห็นมุมใส่ใจของเขาเหมือนกัน


“ขอบคุณครับ”


ผมอดยิ้มให้เขาไม่ได้ ถึงจะทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาที่ต้องทำตามความต้องการของเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขาแก้ปัญหาได้ดีจริงๆ


“อือ”


เขามองผมชั่วครู่ ก่อนจะส่งเสียงตอบรับเบาๆในคอ



..ภูฟ้า..


ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุกอย่างมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผมไปหมด เกมของผมควรจะเริ่มขึ้นในทันทีที่ม่านแพงปรากฏตัว แต่ทำไมผมกลับละสายตาจากผู้ชายตรงหน้าไม่ได้


สมองผมคงต้องผิดปกติอะไรซักอย่าง ผมมั่นใจ ก็มันใช่เรื่องรึเปล่าที่ผมเอาแต่ช่วยศัตรูไม่หยุด


แค่เห็นมัน เอ่อ คนตรงหน้า ที่คอยแต่พูดคำว่าไม่เป็นไร ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่ามีสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย ส่งมาจากไอ้ผู้ชายหน้าหม้อที่ทำเป็นแกล้งเมา มิหนำซ้ำยังใช้ลูกไม้ตื้นๆเพื่อทำความรู้จักด้วยการเดินชน


ก็จะไม่อะไรหรอกนะ ถ้าไม่ได้ดูจงใจขนาดนี้ แล้วไหนจะแก้วเหล้าในมือที่กะเอามาสาดชัดๆ เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้อแพงนั่นก็ดูจะพอเหมาะพอดีไปเสียหมด


เหอะ คนที่เชื่อว่าเป็นแค่อุบัติเหตุก็คงจะมีแต่เด็กสามขวบกับคนเอ๋อๆที่ผมกักตัวไว้นี่แหละ มีอย่างที่ไหนพูดมาได้ว่าเสื้อเปียกๆนี่ไม่เป็นปัญหา ก็มันจะไม่เป็นปัญหาได้ยังไงเล่า เชิ้ตตัวขาวนี่ก็ผ้าบางเบาจนน่าจะฟ้องสคบ.ให้เอาผิดเจ้าของแบรนด์ให้หลาบจำ มีอย่างที่ไหน พอโดนน้ำนี่ผ้าแทบละลายไปกับผิวเนื้อขาวๆนั่น แนบไปหมดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก จนกระดุมเม็ดสุดท้าย อะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าก็ถูกเน้นจนชัด ตั้งแต่ลอนหน้าท้องแบบคนสุขภาพดี ที่ถึงจะไม่เท่เท่าของผม แต่มันก็เห็นได้ชัด จนไม่ต้องจินตนาการถึงตอนถอดเสื้อเลยสักนิด และเพราะความเย็นจากน้ำปะทะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอุณหภูมิต่ำเอาใจพวกที่ชอบการขยับร่างกายตามจังหวะดนตรี จุดเล็กๆสีชมพูกลางอกสองข้างที่ไม่ควรจะดุนดันขึ้นมา กลับแข็งขืนเตรียมอวดตัวเองต่อสายตาใครต่อใครให้น้ำลายหก ดูอย่างไอ้หื่นเจ้าของแผนชั่วนั่นเถอะ มองจนลืมเก็บอาการไปเลย อยากจะบอกมันเหมือนกัน ว่าลูกไม้ตื้นๆแค่นี้ ถ้าคิดจะใช้หน่ะ ยังเร็วไปร้อยปี


แต่เพราะไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนั้น ผมเลยต้องเสียสละตัวเองกอดเด็กเอ๋อให้จมไปกับอก หน้าซื่อๆปากแดงๆแบบนี้ มีหรือจะทันใครเขา ขนาดตอนหนาวยังกัดปากตัวเองเสียยั่วยวนขนาดนั้น มีหวังพวกนักล่าทั้งหลายมาเห็นเข้า ก็คงกระโจนใส่ไปแล้ว ถ้าไม่มีคนมีเมตตาแบบผมช่วยไว้ก่อน


“พี่ครับ ผมจะใส่เสื้อ”


ตัวปัญหาช้อนสายตาขึ้นมาสบกับผม ดวงตากลมโตที่มีประกายใสแจ๋วแบบนั้น มันน่าจะทำให้น้ำตาคลอซักที แล้วไหนจะปากแดงๆที่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นสีชมพูซีดๆเพราะความหนาวเย็นนั่นอีก มันน่าจะถูกลงโทษด้วยอะไรสักอย่างจริงๆ แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก และไม่มีเวลาที่จะคิด


“แป๊บนะ”


ผมรีบกดล็อคประตูห้องน้ำทันที หลังจากที่ผู้ชายคนสุดท้ายเดินออกไป ก็หุ่นไอ้เด็กนี่ล่อเสือล่อตะเข้น้อยเสียเมื่อไหร่ ทั้งๆที่ไม่ได้ตัวบางร่างน้อยสูงร้อยห้าสิบแบบที่ผมเคยเห็นไอ้พวกเพื่อนผมที่ชอบเพศเดียวกันพาเดินควงในมหาลัย แต่ความสูงประมาณร้อยแปดสิบ ผิวขาวอมชมพู หน้าใสๆ ตาโตๆ ปากนิดจมูกหน่อยมีแก้มนิดๆแบบนี้ ผมฟันธงได้เลยว่าคงมีทั้งหญิงและชายที่อยากเป็นพรานเพื่อออกล่า ดูอย่างไอ้คนที่แกล้งเมาเมื่อกี๊ก็ได้ ถ้าผมไม่อยู่ ป่านนี้เด็กเอ๋อๆแบบนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้


พรึบ


ไม่รอให้ผมอนุญาต เจ้าเด็กนี่ก็ลงมือถอดเสื้อเปียกออกจากตัว ทันทีที่เชิ้ตตัวบางถูกถอดออก หัวไหล่ขาวก็ปรากฏต่อครรลองสายตาของผม แผ่นหลังเนียน เอวคอดและสะโพกสอบ ทำให้ผมที่อยู่ดีๆก็รู้สึกหน้าร้อนต้องเบนสายตาหนี สงสัยผมจะมีไข้ คงเพราะเสื้อที่เปียกจากการช่วยเด็กนี่แน่ๆ


“พี่ไม่สบายรึเปล่าครับ หน้าแดงๆ”


ผมหันไปสบสายตาที่สะท้อนมาจากกระจกตรงหน้า เพราะมัวแต่สงสัยว่าตัวเองกำลังจะป่วย จึงไม่ทันเห็นว่าเด็กนี่ยืนอยู่หน้ากระจก และที่สำคัญกำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตได้แค่สองเม็ด ไอ้หุ่นที่เคยคิดว่าก็พอใช้ ตอนมองจากด้านหลัง พอมองด้านหน้าก็..


“พี่!”


เห้ยยย อะไร!! ผมตกใจที่เด็กนี่พุ่งตัวเข้ามาหา มิหนำซ้ำมือก็เอาแต่ยุ่มย่ามกับหน้าผม จนผมหายใจไม่สะดวก


“พี่!! พี่เลือดกำเดาไหล!!”


หะ ห้ะ! เลือด!! ผมเอามือปาดที่จมูกแล้วมองตัวเองในกระจกก็พบว่ามีเลือดหยดสีแดงกำลังไหลลงมาจากจมูกตัวเองจริงๆ


“ก้มลงนิดนึง แล้วเอามือบีบจมูกไว้ก่อนนะครับ”


เด็กเอ๋อที่ไม่รู้ว่าขยับมาใกล้ผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังยื่นหน้าเข้ามาดูอาการผม จนลมหายใจอุ่นๆของเราประสานกัน แถมไม่พอยังสาละวนจับมือผมขึ้นมาบีบจมูกตัวเองไว้อีก อยากจะตะโกนบอกมันมากว่า ไปใส่เสื้อเอ็งให้เสร็จนู่น แล้วก็เอามือออกไปจากหน้าข้านะโว้ยยย!! อึดอัดจนหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย!!!


“กดไว้แน่นๆนะพี่ เดี๋ยวออกไปเอาน้ำแข็งประคบก็ดีขึ้น”


ยังไม่ทันได้ว่าอะไรกับท่าทางตื่นตูมของเด็กตัวขาว พอเห็นมือที่เตรียมจะผละไปปลดล็อคประตู ผมจึงต้องรีบตะครุบไว้ก่อน


“ติดกระดุมให้เสร็จก่อน”


เด็กเอ๋อก็ยังคงเป็นเด็กเอ๋อ หน้าท้องขาวๆนั่น ถ้าปล่อยให้ใครเห็น ก็เสียแรงที่วันนี้ผมอุตส่าห์ช่วยมันไว้หน่ะสิ คิดหรอว่าคนอย่างผมจะยอมเสียแรงเปล่าหน่ะ เหอะ ฝันไปได้เลย


แหนะ ยังมาขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งยากใจอีก ใครกันที่เอ๋อ ใครกันที่เป็นต้นเหตุของปัญหากันแน่


ไหนๆผมก็ลงแรงไปเยอะ นิ้วที่กดจมูกไว้ตอนแรกก็คลายออกเพื่อห้ามเด็กนี่เปิดประตูไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้วหน่ะนะ ติดกระดุมให้เลยแล้วกัน มัวแต่ชักช้าโอ้เอ้อยู่ได้


“ผมติดเองพี่”


ไม่มีทางหรอก..


“ช้า”


ใช่ ช้าเกินไป เลือดผมจะไหลหมดตัวแล้วเนี่ย มัวรอเด็กนี่ติดกระดุมจนเสร็จ


“อะ งั้นทีนี้จะไปได้รึยังครับ”


เด็กนี่มันร้าย คิดจะแต๊ะอั๋งผมแน่ๆ มีอย่างที่ไหนพอผมติดกระดุมให้จนเสร็จ ก็ทำเนียนมาจับมือถือแขนจูงผมเสียอย่างนั้น แต่ก็เพราะผมป่วยหรอกนะ เลยจะยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้วันนึงแล้วกัน


เพราะผมหน่ะ เป็นประเภทขี้เกียจมีเรื่องเสียด้วยสิ..



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

สคบ. ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค




หมั่นไส้พี่ภูกันมั้ยคะ ถ้าใช่..เราคือเพื่อนกัน ꉂ (´∀`)ʱªʱªʱª
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-09-2017 03:54:14
 :pig4:

ม่านแพงขอให้แพงสมชื่อนะคะ เราค่อนข้างชอบบุคลิกเลย อยากได้ผู้หญิงดีๆในนิยายวายบ้าง เจอบทแฟนนายเอกทีไรโดนเขียนให้ไม่เหลือดีเกือบตลอด
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 08-09-2017 06:54:28
รออ่านตอนต่อไปนะครับ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-09-2017 13:39:46
 o13 เยี่ยมมากเลยค่ะ...ขอให้ไม่มมม่าอย่างที่บอกนะค่ะ...please...   :call: ขอให้น้องม่านแพงเป็นY+ นะค่ะ..... ไม่งั้น..พระเอกเราแย่แน่...
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สองღ
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 09-09-2017 00:31:08
❥・ใจดวงที่สอง・❥


ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้



..ปาลิน..



อากาศประเทศไทยที่ดูจะหนักไปทางร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด ทำให้ในเวลาเที่ยงวันแบบนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกที่จะมานั่งตากแอร์ทานอาหารกันที่ชั้นสองของคาเฟทีเรียประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศสำหรับทำความเย็นไว้บริการ แน่นอนว่าต้องสบายกว่าชั้นล่างที่เปิดโล่งเพื่อรับลมจากภายนอกอาคารแน่นอน


“ปริญไม่เสียดายหรอที่ไม่ยอมเป็นเดือนคณะ ไม่งั้นป่านนี้นะ ได้เป็นเดือนมหาลัยคู่กับม่านไปแล้ว”


แก้วตา สาวร่างท้วมที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของม่านแพงเอ่ยขึ้น ขณะที่พวกผมนั่งทานข้าวกันอยู่



“น้อยไปสิแก ลินหน่ะ ร้ายจะตาย มีอย่างที่ไหนไปบอกพี่ๆวิดยาว่าเราขี้หึงมาก ไม่อยากทะเลาะกัน แล้วขอร้องให้ตัวเองไม่ต้องเป็นเดือนคณะเนี่ย คนขี้โกหก”


ม่านแพงไม่ลืมที่จะแลบลิ้นใส่ผมอย่างน่ามันเขี้ยวประกอบการประท้วง


“แล้วนี่ได้ตำแหน่งดาวมหาลัยมาได้ยังไงเนี่ย กินเลอะเทอะเป็นเด็กอนุบาลเลย”


ผมได้ทีล้อบ้าง ก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากให้คนช่างประท้วงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมเองก็รู้อยู่หรอกว่าการโกหกหน่ะมันไม่ดี แต่ตั้งแต่เปิดเทอมมา ดูเหมือนว่าผมมักมีความจำเป็นให้ทำเป็นประจำเสียด้วยสิ



“โอ๊ยยยย พวกแก สงสารหัวใจชั้นบ้าง หมู่นี้ทำงานหนั๊กหนัก ตั้งแต่มีคนสวยคนหล่อมาจีบกันให้ดูทุกวันเนี่ย จะกลายเป็นโรคหัวใจมั้ยนะ”


แก้วตายกมือขึ้นทาบกลางอกของตัวเองคล้ายจะยืนยันสิ่งที่พูด ผมจึงได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทางของเธอ


“แค่โรคหัวใจไม่พอนะ เดี๋ยวจะทำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยเลย”


ดูเอาเถอะ คนอย่างม่านแพงหน่ะหรือที่จะยอมโดนแซวฝ่ายเดียว เรื่องต่อล้อต่อเถียงนี่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง แล้วยังท่ายักคิ้วหลิ่วตานั่นอีก น่าตีจริงๆ


“ชิ ตัวอิจฉาแน่ๆ หน้าร้ายขนาดนี้ ปริญไม่ต้องสนใจหรอกนะ ไปหาคนใหม่ได้เลย”


แก้วตาก็น้อยหน้าเสียที่ไหน สองคนนี้ปะทะคารมกันเป็นประจำ เดือดร้อนผมนี่แหละต้องมานั่งไกล่เกลี่ย ถึงแม้จะรู้ว่าสาวๆเขาก็สนุกไม่น้อยที่ทำแบบนี้ เรียกได้ว่าลับฝีปากกระชับมิตรก็คงไม่ผิดหล่ะมั้ง


“ไม่มีทาง ปาลินรักม่านแพงที่สุดในโลก เนาะลินเนาะ”


นั่นไง แม่ตัวดียังลอยหน้าลอยตาตั้งท่าจะเถียงจนไม่ยอมทานข้าวต่อ


“จ้าๆ รักที่สุดในโลกนะ ทานข้าวเร็วคนเก่ง เดี๋ยวลินมีเรียนตอนบ่ายนะ”


ยกนี้ต้องยอมให้แม่ตัวดีชนะก่อน เพราะเดี๋ยวจะโยเยจนผมไม่ได้ไปเรียน
ส่วนแก้วตาหน่ะ เธอเป็นคนอารมณ์ดี ที่เถียงกับม่านก็ทำขำๆ เอาจริงๆเธอดูจะฟินมากกว่า เวลาผมพูดหวานๆแบบนี้กับม่าน


“ทีนี้ก็รู้แล้วสินะ ว่าลินหน่ะของใคร”


ดูสิ แทนที่จะยุติสงคราม ผมเลยอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนุ่มของคนที่ยังไม่เลิกเล่นไปหนึ่งที


คราวนี้เลยได้ค้อนวงโตมากจากสาวสวย กับเสียงหัวเราะร่วนจากแก้วตา


แก้วตานับว่าเป็นสีสันในชีวิตพวกผมในรั้วมหาลัยก็ว่าได้ เธอชอบมีเรื่องต่างๆมาเล่าให้เราฟังเป็นประจำ ซึ่งเรื่องส่วนมากก็หนีไม่พ้นประเด็นเด็ดประเด็นดังไปจนถึงเรื่องซุบซิบทั่วไปตามประสาผู้หญิงนี่แหละ เรียกได้ว่าเธอไม่เคยจะตกข่าวไหนๆของมหาลัยเลยสักเรื่อง และถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะต้องรับรู้เรื่องของคนอื่น แต่เพราะแก้วตาเป็นคนคุยสนุก การได้ฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆ ก็ช่วยทำให้ความเครียดที่สะสมมาจากห้องเรียนเบาบางลงได้ไม่น้อย


พวกเราทานกันไปเรื่อยๆ ฟังแก้วตาเล่านู่นเล่านี่ เธอแซวผมกับม่านแพงบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย สองสาวไม่มีเรียนต่อในตอนบ่าย จึงทำให้มีแค่ผมที่ต้องอยู่รอเรียนแล็บเคมีต่อจนถึงสี่โมงเย็น



“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”



คนที่เมื่อครู่พึ่งถูกแก้วตาจุดประเด็นเผาซะเกรียม เดินมานั่งลงยังเก้าอี้ที่เหลือเพียงตัวเดียวข้างผมอย่างถือวิสาสะ ผมหันไปมองคนมาใหม่ ที่กำลังวางจานข้าวผัดกับแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะก่อนที่จะมีใครอนุญาตเสียอีก



ถ้าตอนนี้พวกเรานั่งทานกันที่ม้านั่งยาวที่ชั้นหนึ่งก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่พวกผมนั่งกันอยู่ชั้นสองของคาเฟทีเรียที่มีโต๊ะกับเก้าอี้เข้าชุดกันจัดไว้ จึงแปลกไม่น้อยที่มีใครสักคนจะขอมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ในเวลาที่ยังมีโต๊ะและที่นั่งมากพอให้เลือกนั่ง



“หวัดดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่ภูนะ เรียนวิดยาประกันภัยปีสาม”



ตั้งแต่ศุกร์ที่แล้วจนกระทั่งจันทร์นี้ คนตรงหน้าก็ยังขยันทำให้ผมแปลกใจกับการกระทำของเขาได้อย่างไม่สิ้นสุด จากที่ตลอดภาคเรียน ชีวิตพวกผมกับพี่เขาแทบจะเป็นเส้นขนาน แต่หลังจากการบังเอิญเจอกันแบบงงๆในคืนนั้น อยู่ดีๆผู้ชายคนนี้ก็เป็นฝ่ายเดินยิ้มร่ามาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แล้วยังขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยท่าทางชิลล์ๆ


เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ คิ้วคมเข้มรับกับดวงตากลมโตฉายแววขี้เล่น ทรงผมที่เซ็ตไว้อย่างดีและจิลล์สามเหลี่ยมทรงเรขาคณิตสีดำ ยิ่งช่วยขับเน้นลุคแบดบอยให้ชัดขึ้น พอทุกอย่างรวมกันอยู่ในตัวคนคนเดียว ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้หล่อสมกับตำแหน่งขวัญใจสาวๆและเดือนมหาลัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลานี้ หน้าตาหล่อแค่ไหนก็ดูจะไม่สามารถช่วยอะไรพี่เขาได้เลย เพราะบรรยากาศที่อยู่ดีๆก็มาคุขึ้น ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า เดือนมหาลัยเจ้าของฉายา “ภูสอยดาว” ที่กำลังแจกจ่ายรอยยิ้มอยู่นี้ ดูจะไม่เป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับม่านแพงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม คนสวยนั่งหน้าบูดบึ้ง แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจที่มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ดวงตาคู่ใสเปลี่ยนเป็นเคืองขุ่น ในขณะที่แก้วตาหน้าแดงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขินคนหล่อ ก็คงเพราะเมื่อซักครู่พึ่งนินทาเจ้าตัวไปหยกๆ


แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีคนพุ่งปราดเข้ามาแทรกเสียก่อน



“วรั้ยยยยยยย ตายแล้วววววววว การรวมตัวของดาวเดือนมหาลัยคนละรุ่นหรอค้าาาา ตายๆๆๆ ใจเจ๊จะรับไม่ไหว ความหล่อสวยพุ่งกระแทกใจเจ๊มาก ยิ่งนั่งข้างๆกันแบบนี้ ตายๆๆๆ”


เอาจริงๆคนที่จะตายอาจกลายเป็นผมกับม่านแพงก็ได้ เพราะเจ้าของเสียงสูงปรี๊ดนี่คือเจ๊มินนี่ดาวเทียมมหาลัย ซึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้มีการตายเกิดขึ้น ก็เพราะเจ๊แกเป็นแอดมินเพจ “มินนี่สสสสส์..มีเผือก” เห็นชื่อเพจฮาๆหาสาระไม่ได้แบบนี้ แต่ยอดคนกดไลค์และติดตามเพจที่ผมเคยเห็นก็เกือบห้าแสนแล้ว



เอาเป็นว่าดังมากๆ เพราะเพจนี้รวบรวมไว้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องรอบรู้ในรั้วมหาลัย การตามถ่ายคนสวยคนหล่อ การเผือกเรื่องรักๆเลิกๆตามชื่อเพจ และคนที่ติดตามก็ระดับนักสืบพันทิปกับขาเผือกดีๆนี่เอง ซึ่งนี่เลยคือสิ่งที่น่ากลัวของจริง



“นั่งก่อนสิมินนี่”


เสียงเดือนมหาลัยปีสามที่ไม่ได้รับเชิญ พูดชวนเจ๊มินนี่ให้ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งด้วยกัน ทำให้ม่านแพงกรอกตามองบนเลยทีเดียว ซึ่งดีนะที่เจ๊มินนี่ก็กำลังสาละวนลากเก้าอี้ตามคำชวนเลยไม่ทันเห็น


“แหม สองอาทิตย์ก่อนที่น้องปริญน้องม่านหลบหน้าไม่ยอมชี้แจงเรื่องสร้อยคอสุดเก๋ไก๋ นี่เจ๊ยังงอนอยู่เลยนะค้าาาา”


เจ๊มินนี่ทำแก้มป่องค้อนตามาทางผมสลับกับม่านแพง เหมือนเจ๊แกจะมีเรดาร์จับความไม่พอใจของม่านแพงได้ จึงชิงพูดน้อยใจขึ้นมาก่อน



“อุ๊ปส์”


เป็นแก้วตาครับ ที่คงเผลออุทานตามที่คิด ตอนนี้เลยรีบตะครุบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน


“ดูผมจะตกข่าวอยู่คนเดียวนะเนี่ย”


ผู้ชายหน้ามึนที่เจอในผับเมื่อศุกร์ที่แล้วพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เป็นประเภทร่าเริงเกินเหตุจริงๆด้วยสินะ


“แหม ก็ซัมมีขาไม่แวะไปหามินนี่ในเพจเลยหนิคะ แท็กไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยจะสนใจกัน มินนี่น้อยใจเหมือนกันนะคะ”


เจ๊มินนี่ทำสีหน้าเหมือนเจ็บปวดสุดๆแล้วกุมมือคนตัวสูงมาทาบไว้ที่แก้มตัวเองราวกับคุ้นเคยกันมานาน


“อ้อ ที่แท้พี่ภูก็เป็นสามีเจ๊มินนี่นี่เอง ดีจังเลยนะคะ ม่านจะได้หมดห่วง”


ผมงงกับสิ่งที่ม่านแพงพูดไม่น้อย เพราะปกติมีอะไรม่านแพงจะเล่าให้ผมฟังเสมอ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะถามอะไรตอนนี้ จึงทำได้แค่รอฟังบทสนทนาเงียบๆ


“ว๊ายยย ซัมมีนอกใจเจ๊หรอคะน้องม่าน แล้วมีอะไรให้เจ๊ต้องจับตาดูเป็นพิเศษมั้ยคะเนี่ย”


ผู้หญิง(รวมเจ๊มินนี่ด้วยนี่แหละ) เป็นเพศที่ผมคิดว่าน่ากลัวมากๆ ผมพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ไม่มั่นใจนัก แต่คิดว่าม่านแพงกำลังจะขายความลับคนข้างๆผม ให้เจ๊มินนี่ไปขุดคุ้ย เรียกได้ว่าเผากันต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ว่าแต่ความลับอะไรกันหล่ะ เพราะที่แก้วตาเล่า ส่วนใหญ่ก็เอามาจากเพจเจ๊มินนี่ทั้งนั้น ม่านแพงไปรู้อะไรมากันแน่


“อุ๊ย ถ้าเจ๊มินนี่จะกรุณาขนาดนี้ ม่านก็จะไม่ขัดศรัทธาแล้วนะคะ แต่คงต้องถามพี่ภูซักหน่อย ว่าม่านควรกังวลกับเรื่องนี้รึเปล่า”


อยู่ดีๆก็เหมือนมีกองไฟถูกจุดขึ้นกลางโต๊ะ ม่านแพงจ้องหน้ารุ่นพี่ปีสามแบบจงใจและคาดคั้น ผมแปลกใจไม่น้อยที่ม่านแพงแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ว่าไม่ชอบคนข้างๆผมขนาดไหน


“โห อะไรกัน อยู่ดีๆก็มารุมพี่ซะงั้น แล้วที่สำคัญพี่ก็ยังโสดนะครับ การเป็นสามีมินนี่ที่มีคนหล่อๆนับร้อยรวมอยู่ด้วย นั่นไม่นับนะ”


ท่าทางสบายๆแบบนั้น ทำให้ผมยังยืนยันเหมือนวันแรกที่เจอกัน ผู้ชายคนนี้แก้ไขสถานการณ์ได้ดีจริงๆ


“ซัมมีคะ ทำไมพูดอย่างนั้นคะ คนอื่นก็แค่ทางผ่านนะคะ ถ้าไม่นับน้องปริญ อิอิ”


เจ๊มินนี่แกชอบหยอดผมครับ ตอดเล็กตอดน้อยตั้งแต่ในเพจยันตัวจริง ซึ่งผมก็ได้แค่ยิ้ม ไม่ก็หัวเราะน้อยๆแบบวันนี้


“ไม่ได้ค่ะ คนนี้ม่านหวงมาก”


ไม่พูดเปล่า ดาวมหาลัยคนสวยยังคว้ามือผมไปจับแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อย


“แหม สมบัติผลัดกันชมสิคะน้องม่าน มีของดีอย่าเก็บไว้คนเดียว”


เจ๊มินนี่แกก็เป็นแบบนี้ประจำครับ เจอแกทีไรเลยครื้นเครงตลอด จะมีก็แต่ที่ต้องคอยเสียวว่าจะมีเรื่องตัวเองไปโผล่ในเพจแกบ้างก็เท่านั้น


“จริงด้วยครับน้องม่าน มีของดีก็ต้องแบ่งปันนะ”


คนที่เจ๊มินนี่ยกให้เป็นสามีเบอร์หนึ่งหันมาบอกกับม่านแพง จนคนสวยของผมคิ้วกระตุกเลยทีเดียว แม้แต่แก้วตากับเจ๊มินนี่ยังหันมามองผมอย่างขอความเห็นกับสถานการณ์ตรงหน้า


“ไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าทั้งม่านทั้งลินขี้หวงมากทั้งคู่”


เธอยิ้มน้อยๆแต่ประกายตายังคุกรุ่น


“แหมๆๆ ข้อนี้เจ๊เชื่อนะคะน้องม่านขา ความหวงของน้องปริญเนี่ยแซ้บแซ่บซะด้วยสิ”


ในเมื่อยังไม่สามารถจับความนัยของม่านแพงและพี่ภูฟ้าได้แบบชัดๆ เจ๊มินนี่แกก็เบี่ยงประเด็นมาเล่นงานผมเสียดื้อๆ


“ขี้หวงขนาดนั้นเลยหรอเรา”


คนเดียวที่ยังคงคาแร็กเตอร์ร่าเริงได้อย่างไม่มีบกพร่องคือคนที่หันหน้ามาสบตาผมเนี่ยแหละ ยิ้มทั้งตาทั้งปาก จนเห็นเขี้ยวเล็กๆที่แก้วตาชอบเอามาเพ้อว่าสาวๆทั้งมหาลัยอยากโดนกัดดูสักที


“ค่ะ ขี้หวงมาก ไม่เชื่อก็เข้าไปดูในเพจเจ๊มินนี่ก็ได้นะคะ”


ผมกับแก้วตาที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเรียบร้อย หันมามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ม่านแพงโมโหเรื่องนี้อยู่เป็นอาทิตย์ๆ เห็นว่าพยายามจะขอให้เจ๊มินนี่ลบรูปนี้ตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที จนต้องปล่อยให้เรื่องนี้ซาไปเอง จึงค่อยเห็นดาวมหาลัยคนสวยอารมณ์ดีขึ้นมาได้ แต่นี่ถึงขั้นออกปากให้ไปดูรูปที่เธอแสนจะหงุดหงิดนั้นเอง นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ



“ว้ายยยยย รีบเข้าไปดูนะคะซัมมี แล้วอย่าลืมกดไลค์ให้เมียด้วย เมียจะได้อวดใครต่อใครได้ว่า ซัมมีจะทำสร้อยแบบนี้ให้”


เจ๊มินนี่ตอนนี้แกหน้าบานไปเรียบร้อย มือนึงก็รีบเข้าเพจไปเลื่อนหารูปที่แกต้องการ


“ไหนคะ มินนี่อยากได้สร้อยแบบไหน”


คนที่แพรวพราวทั้งคำพูดคำจาทั้งสายตาและรอยยิ้ม พูดขึ้นด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่วายเอาใจเจ๊มินนี่ด้วยการเอามือถือตัวเองขึ้นมากดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินด้วยตัวเอง งานนี้เจ๊มินนี่เลยยิ่งยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว


“ก็เนี่ยอะค่ะซัมมี แบบนี้เลยนะคะ จะเยอะกว่านี้ก็ได้ค่าาา แล้วแต่ซัมมีจะดีไซน์ คิคิ”


แกทำตาปิ๊งๆให้ขนตาที่น่าจะปลอมของแกกระพือ พรึบๆ เหมือนในการ์ตูน จนผมต้องกลั้นขำ ภาพหน้าจอถูกเลื่อนให้คนนอกกลุ่มผมดู ซึ่งภาพนี้นี่แหละที่ทำให้ชีวิตผมระส่ำระส่ายอยู่เป็นอาทิตย์ๆ คิดไปแล้วก็ยังขนลุกอยู่เลย



“อืมมม สวยจังเลยนะครับ อยากได้บ้างจัง”


รุ่นพี่เดือนมหาลัยหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองกดตามไปไลค์ภาพนั้นถึงในเพจ ต้องยอมรับว่ามุมานะไม่น้อย  เพราะรูปนั้นผ่านมาร่วมสองอาทิตย์แล้ว จึงต้องเลื่อนลงไปพอสมควรถึงจะเจอ


คนข้างๆหันมาสบตาม่านแพงกับผมเหมือนจะแซว แต่แปลกที่ท่าทางสบายๆก่อนหน้านี้กลับอันตธานหายไปจนหมด



ม่านแพงที่ทุกทีต้องอายไม่ก็โกรธกลับเลือกที่จะเงียบ แล้วลุกมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นแทน จากนั้นก็กวักมือเรียกแก้วตาที่ยังเพลิดเพลินกับการแสดงของเจ๊มินนี่อยู่ให้ลุกตาม และข้าวที่เหลือเกือบครึ่งจาน พวกเราก็คงไม่ได้ทานต่อแล้ว



“จะไปไหนคะน้องม่าน แหมๆ น้องม่านก็ เจ๊ก็แค่อยากจะใส่บ้างหนิคะ แต่ไม่รู้ว่าลิมิเต็ดอิดิชั่นรึเปล่า อยากด๊ายอยากได้”


เจ๊มินนี่เห็นพวกเราลุกขึ้น แต่ก็คงคิดว่าม่านแพงกำลังอาย เลยไม่วายแซวต่อ แกดัดเสียงให้เล็กกว่าเดิม ผมว่าตลกดีเลยต้องแอบหัวเราะเบาๆ เพราะม่านส่งสายตาคาดโทษมาให้แทบจะในทันที


“แหน๊ะ ส่งสายตาๆ สงสัยจะลิมิเต็ดจริง แล้วซัมมีขาหล่ะคะ สนใจทำให้เมียมั้ย”


แกเปลี่ยนเป้าหมายไปทางผู้ชายข้างผมที่อยู่ปีสามเหมือนกันแต่คนละคณะ


“ไว้ผมไปขอให้น้องปริญสอนก่อนนะมินนี่ เดี๋ยวเก่งเมื่อไหร่ จะรีบมาทำให้มินนี่เลย”


แววตาคล้ายไม่พอใจก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยท่าทางสบายๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หันไปสบตาตรงๆกับม่านแพงที่กอดแขนผมอยู่


“ลินมีเรียนบ่ายโมง ขอตัวก่อนนะคะเจ๊มินนี่”


ม่านแพงทำหน้าเหมือนนางร้ายในละครแบบที่แก้วตาชอบว่า แล้วหันไปบอกเจ๊มินนี่ที่หัวคิ้วขมวดหากันราวกับใช้ความคิดอย่างหนัก ผมเลยแค่ยิ้มให้เจ๊มินนี่คล้ายขอตัว


“ฝากเก็บจานของเราด้วยนะคะพี่ภู”


ม่านแพงยิ้มมุมปากให้กับเจ้าของชื่อก่อนจะกอดแขนผมให้เดินจากมา





..ภูฟ้า..




“โอ้โห โคตรกล้าอะมึง”


เสียงไอ้จั๊ดมันกำลังวิจารณ์รูปที่ผมยื่นหน้าจอไปให้ดู พวกผมกำลังเดินออกจากอาคารเรียนรวมในเวลาเกือบบ่ายสามโมง หลังจากที่อาจารย์สั่งงานและบอกเลิกคลาสเร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็นไปสิบนาที



“เผ็ดพริกร้อยเม็ดเลยแม่เอ๊ย”


คราวนี้เป็นเสียงไอ้ปาล์มที่คว้าเอามือถือของผมไปจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่แปลกหรอกที่ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดจะตาโตเป็นไข่ห่านตอนเห็นรูปนี้ ขนาดผมที่เห็นตอนแรกยังนึกสงสัยตัวเองอยู่เลย ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกมา


หน้าจอสมาร์ทโฟนแสดงรูปภาพของม่านแพง เฟรชชี่ดาวมหาลัยคนสวย ที่ผูกผ้าพันคอสีหวานแสนน่ารักไว้รอบคอ ถ้าไม่ติดที่ปมรูปโบว์ที่มัดเป็นทรงคล้ายดอกไม้จะคลายตัวออก จนทำให้ผ้าพันคอผืนสวย หลวมและร่นลงมาจากลำคอระหง เผยให้เห็นรอยคิสมาส์คเป็นทางยาวรอบคอ คล้ายสายสร้อยสีกุหลาบอย่างที่มินนี่แซว



“เหอะๆ ก็ดี๊ ดูรักกันดี ทั้งกลางวันกลางคืน”


ปกติผมเป็นคนไม่เคยคิดจะสนใจ ว่าผู้หญิงของผมผ่านอะไรมาบ้าง ตราบใดที่ผมยังไม่เบื่อ นั่นก็โอเคแล้ว แต่กับคราวนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้ ทั้งๆที่ม่านแพงก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับผม


และที่ทำให้ผมประหลาดใจสุดๆ ก็คงเป็นเรื่องของคนที่ทำรอยพวกนั้นขึ้นมา ไม่นึกเลยว่าหน้าซื่อๆเอ๋อๆอย่างไอ้เด็กนั่น จะมีบทรักร้อนแรงขนาดนี้



“อย่าทำหน้าเลว ไอ้ห่า กูกลัว นี่กูเพื่อนมึงน้า”


ไอ้ปาล์มเล่นบทเด็กใจป๊อดทำตัวสั่นตาหลุบมองพื้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะประเคนมะกอกลงกลางหัวเพื่อสร้างอุปกรณ์ประกอบฉากให้มันเข้าถึงบทบาทยิ่งกว่าเดิม


“โอ๊ยยยย หัวกูแตกเลยมั้ยเนี่ย โบกมาได้ ไอ้เวร”


ไอ้ปาล์มมันลูบหัวตัวเองป้อยๆก่อนจะกลับไปกินยำมาม่าของมันต่อ


“แต่น้องคนสวยเขาไม่ได้สนใจมึงไม่ใช่หรอวะ”


ผมหันไปส่งสายตาเอาเรื่องให้ไอ้จั๊ดในทันทีที่มันเปิดประเด็น มีอย่างที่ไหน ไม่ให้กำลังใจกัน แล้วยังจะซ้ำเติม


“เออใช่ ในผับวันนั้น กูเห็นมึงหายไปนานสองนาน เบอร์ก็ไม่เห็นจะได้ แถมยังตัวเปียก เลือดกำเดาไหลกลับมาอีก ถามจริงเหอะ มึงโดนตีนแฟนเขารึเปล่าวะ วันนั้นกูเห็นมึงเบลอๆเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เลยไม่ทันได้ซักอะไร”


“ไอ้ปาล์ม นั่นปากหรอที่พูด เดี๋ยวกูจะทำให้มึงพูดไม่ได้ไปซักสามวันเลยดีมั้ย ไอ้เพื่อนเฮงซวย”


“เอ๊า ก็มึงไม่เล่าซักที กูกับไอ้จั๊ดก็ต้องคิดอย่างนั้นสิวะ ถามว่าจะให้ไปกระทืบคืนให้รึเปล่าก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะมึง”


“จิ๊”


ผมรำคาญไอ้พวกนี้เต็มที เลยตัดบทด้วยการจิ๊ปากแล้วง้างมือเหมือนจะสำเร็จโทษไอ้ปาล์มอีกรอบ แต่มีหรือที่คนอย่างมันจะกลัว ยังมีหน้าไปหลบหลังไอ้จั๊ดแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมอีก มันน่านัก


“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แค่ตอบพวกกูมาว่ามีใครทำอะไรมึงรึเปล่า พวกกูจะได้จัดการให้”


ไอ้จั๊ดใช้เสียงเป็นการเป็นงานกับหน้าตาดุๆยุติการที่ผมกำลังไล่กระทืบไอ้ปาล์ม ในสายตาคนนอก คงเห็นว่าพวกเราเล่นเป็นเด็กๆ เหมือนเป็นแค่การเล่นไล่จับระหว่างผมกับไอ้ลิงปาล์มเสียมากกว่า แต่อยากจะบอกคนพวกนั้นว่า งานนี้เล่นจริงเจ็บจริง ถึงมันจะใช้ความเกรียนหลุดรอดเงื้อมมือผมไปได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง แต่ลองเผลอเมื่อไหร่ สัญญาเลยว่าจะฝากรอยช้ำบนตัวมันให้ได้ มีอย่างที่ไหน หลอกผมวิ่งไปวิ่งมาจนต้องมายืนหอบแบบนี้


“ใช่ๆ กูอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย ว่ากูต้องจัดการน้องปริญเพื่อแก้แค้นให้มึงมั้ย งานนี้ถ้าหวายรู้ ต้องเอากูตายแน่นอน แค่คิดก็สยองแล้ว”


ไอ้ปาล์มที่ยืนลิ้นห้อยเหมือนหมาหมดแรงอยู่ข้างๆไอ้จั๊ด ยังไม่วายพูดถึงแฟนไปด้วย หายใจทางปากไปด้วย ไม่เจียมสังขารจริงๆเลยมัน


“ห้ามทำอะไรเด็กนั่นนะเว่ย ไอ้เอ๋อมันไม่ได้ทำอะไรกูหรอก กูแค่อยากเปียกขำๆ แล้วก็แค่บังเอิญเลือดกำเดาดันไหล เรื่องก็มีแค่นั้น”


ผมขี้เกียจอธิบายตั้งแต่ต้น เลยตอบพวกมันแบบขอไปที ถึงแม้สีหน้าพวกมันสองคนจะแสดงออกชัดเจน ว่าต่อให้ผมอมพระทั้งโบสถ์มาพูด พวกมันก็ไม่มีทางเชื่อ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตราบใดที่ไม่ยุ่งกับไอ้เด็กเอ๋อ ที่กำลังจะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของผมก็พอ สำหรับเด็กนั่นแล้ว ผมแกล้งได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเสียหรอกที่จะให้ไอ้พวกนี้แย่งของเล่นของผมไป


“หล่อๆแบบน้องปาลินเนี่ยนะที่มึงเรียกไอ้เอ๋อ โอ้โห เล่นพูดซะกูไม่กล้าส่องกระจกมองหน้าตัวเองเลย”


“เออ ก็สำหรับกูมันเอ๋อ ใครจะทำไม”


เรื่องเถียงกับไอ้ปาล์มนี่เหมือนโปรแกรมที่ฝังอยู่ในหัวผมตั้งแต่จำความได้ คนอะไรทำหน้าตาได้อ้อนตีนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้


“ก็ไม่ทำไม แต่อย่าพูดต่อหน้าแฟนกูหรือผู้หญิงคนอื่นนะเว่ย ถึงจะหล่ออย่างมึง แต่เด็กมันใหม่กว่า สดกว่า กระดูกยังกรุบๆแบบนี้ อย่างน้อยมึงต้องโดนมองแรงโทษฐานที่ไปว่าขวัญใจสาวๆเขาแน่ๆ งานนี้แหละที่อาจได้กินตีนจริงๆ ฮ่าๆๆ”


รูปประโยคที่เหมือนเตือนด้วยความหวังดี แต่แววตาระริกระรี้นี่กลับดูสะใจเป็นอย่างมาก นี่ผมควรคบมันเป็นเพื่อนต่อไปไหมเนี่ย รู้สึกคิดผิดยังไงไม่รู้ ที่หลวมตัวเป็นเพื่อนกับไอ้สองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก


“ผิดลูกผิดเมียเค้ารอบนี้ กูไม่รู้ไม่เห็นนะครับ กูบอกไว้ก่อน”


ไอ้จั๊ดที่กำลังทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนเข้าคู่กับโต๊ะแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกผมพูดขึ้น และประโยคนั้น ก็ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย



“ทำไมวะ มึงเพื่อนใครกันแน่”


ผมรีบนั่งตามมันลงมาเพื่อถามให้แน่ใจ มันเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้มีใจผดุงคุณธรรมตอนนี้


“ทุกทีแรดจริงกูก็เห็น ทอดสะพานเล่นหูเล่นตาให้มึงงี้ โคตรแพรวพราว อยากได้อยากโดนก็จัดไป กูไม่ขัดอยู่แล้ว แต่กับคู่นี้ กูยังไม่เห็นน้องเค้าชายตาแลมึงเลยนะเว่ย ซึ่งก็ถือว่าแปลกมาก ที่ทนเสน่ห์อดีตเดือนมหาลัยและป๊อปปูล่าโหวตด้วยคะแนนถล่มทะลายอย่างมึงมาได้ กูว่าไม่ธรรมดาหว่ะ บางทีเราก็ต้องถอยให้กับรักแท้นะครับเพื่อน”



ไอ้จั๊ดที่เคยอยู่ฝ่ายกองหนุน อยู่ดีๆก็เกิดมีศรัทธากับคำว่า “รักแท้” เสียอย่างนั้น ดูท่าการมีแฟนจะทำให้มันหันมากลัวกรรมตามสนองแล้วจริงๆ


“ไอ้จั๊ด มึงหุบปากไปเลย ไอ้ภูมันจะยิ่งอยากได้ ก็เพราะแม่งคำว่ารักแท้นี่แหละ”


ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะเป็นความจริงตามที่ไอ้ปาล์มพูดทุกอย่าง คนอย่างผม “ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้” และในเมื่อผมเคยได้ยินมาว่า “รักแท้คือแย่งชิง รักไม่จริงคือเสียสละ” ผมก็เลยอยากจะลองพิสูจน์ทฤษฎีนี้ก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่า สุดท้ายแล้ว ถ้าผมแย่งมาได้ ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันจะเรียกว่ารักแท้ได้อย่างไร หรือว่าที่จริงแล้ว คำว่า “รักแท้” มันก็คงเป็นแค่คำพูดสวยหรูของคนช่างฝันเท่านั้นเอง



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


*คาเฟทีเรีย (Cafeteria) หมายถึง ร้านอาหารที่ลูกค้าต้องบริการตนเอง ในเรื่องนี้ก็คือโรงอาหารนั่นเองค่ะ




ดีใจมากเลยค่ะ ที่เห็นว่ามีคนสนใจเข้ามาอ่านรับฝากใจ ヾ(^ヮ^)ノ

แล้วยังมีคอมเมนท์จากคุณ JustWait  คุณ P_Methayot และ คุณ Catka12 อีกด้วย

ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ใจฟูเหมือนจะลอยได้ (ꈍᴗꈍ)♡*:・。

ขอตอบและยืนยันตรงนี้ ว่าม่านแพง แพงสมชื่อแน่นอนค่ะ อิอิ

ส่วนจะเป็นยังไงต่อ ต้องรอติดตามกันนะคะ

ที่แน่ๆ #ภูฟ้าปาลิน เป็นนิยายฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งแน่นอน เย่! (๑˃̵ ᴗ ˂̵)و


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สองღ
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 09-09-2017 03:44:58
 :hao3: ดีใจจัง...กลับมาจากที่ทำงานก็เจอพี่ภูน้องลินเลย... :heaven แอบดีใจหนักๆที่ยืนยันว่าfeel good ...no drama  :heaven ผู้แต่งๆดีมากค่ะ...เรื่องอาจจะดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป(ในความคิดเราเองนะ ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยค่ะ) แต่บรรยายเนื้อเรื่องละเอียดแบบพอดีไม่ยืดเยื้อ และเห็นภาพดีค่ะ อ่านแล้วไม่งง แถมมาลงบ่อยและยาว (อันนี้ชอบมากค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ...จะรออ่านต่อไปค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สามღ
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 10-09-2017 21:13:32
❥・ใจดวงที่สาม・❥



ความไม่เชื่อใจ



..ปาลิน..



ผมรู้สึกเหมือนมีคนตามมาได้สักพักแล้ว แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย หรือผมจะเครียดจนวิตกไปเอง ตอนเช้า ผมจะตื่นราวๆหกโมง ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินเล่นไปตลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาลัย เพื่อเลือกซื้ออาหารง่ายๆให้กับตัวเอง อย่างวันนี้ก็น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ แล้วก็ซื้ออาหารปรุงสุกกับดอกไม้สำหรับตักบาตรพระสงฆ์ที่จะบิณฑบาตรผ่านมาเป็นประจำในช่วงเจ็ดโมงเช้า


แถวนี้ยังคงความเรียบง่ายไว้ได้อยู่มาก ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ และนั่นจึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผมจึงเลือกเรียนที่นี่


หลังจากกลับมาถึงห้อง ผมก็ยังเหลือเวลาที่จะทานอาหารที่ซื้อมา อาบน้ำแต่งตัว แล้วค่อยเดินไปเรียนหรือรอรถรางของมหาลัยที่จะผ่านมาทุกๆสิบนาที ไปรอรับม่านแพงหน้าหอพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน ม่านแพงกับผม เราเรียนกันคนละสาย ผมเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ม่านแพงเรียนคณะอักษรศาสตร์ เพราะแบบนี้ เราสองคนเลยไม่ค่อยมีวิชาที่เรียนตรงกันมากนัก


แต่ถึงเป็นแบบนั้น ในมื้อเที่ยงของทุกวัน เราจะทานข้าวด้วยกัน และอาจเจอกันอีกครั้งในตอนเย็น ทานมื้อเย็น เดินเล่นแถวๆนี้ ไปซื้อของที่ห้างใกล้ๆในบางครั้ง หรือไปผับอย่างที่เธอชอบในบางคืน


นี่แหละครับ สีสันทั้งหมดในชีวิตของผม ถ้าจะให้นิยามแล้วหล่ะก็ “สีม่านแพง” ดูจะเป็นคำนิยามที่น่าจะถูกต้องที่สุด


แต่ตอนนี้ นอกจากการระแวงว่าจะมีคนตามผมจริงๆ ความยุ่งยากอีกหนึ่งอย่างในชีวิตของผม ก็คือการบังเอิญเจอ “พี่ภูฟ้า” เดือนคณะและเดือนมหาลัยปีสาม ที่ขยันวุ่นวายและทำให้พวกเรากลายเป็นเผือกร้อนในเพจเจ๊มินนี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่เจอเจ๊มินนี่วันนั้น เจ๊แกก็ขยันอัพรูปผม ม่านแพง หรือแม้กระทั่งพี่ภูฟ้าในอิริยาบถต่างๆ แล้วชอบใส่แคปชั่นแบบมีเงื่อนงำแปลกๆ และที่แปลกที่สุดคือการที่แก้วตาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องแคปชั่นเหล่านั้นเลย จนทำให้ผมยังอดแปลกใจไม่ได้


“ม่านจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผู้ชายอะไร หล่อก็หล่ออยู่หรอก แต่หน้าหนาชะมัด คนเค้าปฏิเสธก็แล้ว เลี่ยงก็แล้ว จะสิงกันให้ดูอยู่แล้ว ยังตื๊ออยู่ได้ นิสัยอะคนเรา”


ม่านแพงหน้ามุ่ยกว่าเดิมจากอากาศร้อนน้องๆพระอาทิตย์ และยิ่งดูจะหนักกว่าเดิมเพราะมองเห็นคนที่กำลังเดินมาทางเรา


“ทนหน่อยนะม่าน เดี๋ยวก็เลิกไปเองเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ”


ผมเชื่อว่าถ้าม่านแพงไม่เล่นด้วย ใครก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิตพวกเราไม่ได้ แปลกก็แต่ครั้งนี้ม่านแพงดูจะเป็นกังวลและหงุดหงิดกว่าทุกครั้ง เธอไม่ได้พูดขยายความสาเหตุที่ทำให้ดูจะไม่ชอบรุ่นพี่เดือนมหาลัยคนนี้เอามากๆ ผมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ถ้าม่านแพงยังไม่อยากเล่า ผมก็ยินดีจะรอ แต่ผมก็คาดเดาเอาเองว่าสาเหตุคงมาจากเรื่องในผับคืนนั้น เพราะม่านแพงดูจะเคืองเอามากจริงๆ


ถึงเธอจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังยอมบอกผมเรื่องเจ้าของแก้วปริศนาว่ามาจากรุ่นพี่เดือนมหาลัยคนนี้ และที่เธอรู้ก็เพราะความช่างจ้อของเด็กเสิร์ฟที่ส่งเธอไปเอาเสื้อที่รถมาให้ผม พอได้ฟังผมก็เริ่มรู้สึกว่าพักหลังที่เจอกันบ่อยๆน่าจะจงใจเสียมากกว่า แต่ที่ผมไม่เคืองอะไรมาก นั่นก็เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้แอบไปหาม่านแพงหรือตื๊อเธอลับหลังผม สิ่งที่เขาทำมันเหมือนการยั่วโมโหม่านแพงเวลาที่อยู่กับผมเสียมากกว่า ถึงผมจะงงในวิธีจีบหญิงแบบแปลกๆของเขา แต่ก็คิดว่าไม่นานคงเลิกไปเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าผมอาจจะประมาทคู่ต่อสู้เกินไปรึเปล่า


โดยเฉพาะวันนี้ ที่ม่านแพงต้องไปงานเลี้ยงดาวเดือนทุกชั้นปี ชื่องานอะไรสักอย่างผมจำไม่ค่อยได้ แต่จุดประสงค์คล้ายการเอาคนสวยคนหล่อแต่ละชั้นปีมาทำความรู้จักกันไว้


“เห็นหน้าอีตาพี่ภูนี่แล้วก็ทำให้ยิ่งไม่อยากไปเลยอะลิน”


คนสวยเริ่มจะงอแงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผมปลอบใจเธอมาร่วมอาทิตย์ได้


“เอาหน่านะ ทานเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับไม่ใช่หรอ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยเห็นมั้ย”


และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมทำได้แค่เพียงปลอบให้ม่านแพงคลายกังวล ทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้สึกกังวลไม่น้อย


“น้อยไปสิ อิตาพี่ภูนี่ก็ไป วันนี้ก็ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก ม่านเบื่ออะลิน ม่านไม่ชอบ”


ดาวมหาลัยคนสวยยังไม่วายถอนหายใจจนผมอดสงสารไม่ได้ แต่เพราะถามเธอหลายรอบแล้วว่าไม่ไปไม่ได้หรือ คำตอบที่กลับมาก็มีแต่คำว่าไม่ได้อยู่ดี ผมจึงช่วยอะไรม่านแพงมากไปกว่าการกุมมือให้กำลังใจอย่างในเวลานี้ไม่ได้ ถ้าผมตามไปด้วย ก็คงดูไม่เหมาะ ผมไม่อยากให้ม่านแพงถูกมองไม่ดีเลยเลือกที่จะนิ่งไว้ก่อน


“โอ๋ๆๆ วันนี้วันศุกร์นะ พรุ่งนี้ก็ได้หยุดแล้ว ไม่เจอหน้าพี่คนนั้นยาวๆเลยสองวัน เป็นไง ฟังดูโอเคขึ้นมั้ย”


ผมลูบหัวคนงอแงเพื่อปลอบให้หายโมโห รายนี้ต้องหลอกล่อเหมือนเด็กๆถึงจะได้ผล


“ชิ หมั่นไส้อิตาบ้านั่น ดูก็รู้ว่ามาวนเวียนเพื่อกวนอารมณ์เราก็เท่านั้น สาธุ! ขอให้เวลาไปรักใครชอบใครจริงๆ เค้าไม่แม้แต่จะชายตาแลเลย เพี่ยงๆๆๆ”


ม่านแพงยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดต่อไปไม่หยุด ซึ่งเอาจริงๆ ตัวผมก็เบื่อไม่แพ้กัน ดูท่าฉายา “ภูสอยดาว” ของเดือนมหาลัยคนนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ




..ภูฟ้า..



“ว่าไงครับน้องๆ มาเดินตลาดนัดเวลานี้ ร้อนแย่เลยเนาะ อะ พี่ซื้อน้ำมาฝาก”


ผมพูดด้วยน้ำเสียงพี่ชายใจดี แต่คนฟังจะตีความไปแบบไหน อันนี้ก็คงต้องสุดแล้วแต่


“ไม่รบกวนดีกว่าครับ แฟนผมอยากกลับแล้ว เราคงลาเลยนะครับ”


คนตัวขาวที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะความร้อนยกมือไหว้ผมพอเป็นมารยาท ก่อนจะโอบเอวคนสวยข้างตัว อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ


“ว้าาา เสียดายจัง พี่อุตส่าห์ซื้อเมล่อนโซดาของโปรดน้องลินมาให้ด้วยสิ”


ตากลมโตจากผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ ตวัดฉับมามองผมตรงๆเป็นครั้งแรกของวัน


“รู้ใจลินจริงๆเลยนะคะ แต่จะให้ดีก็รู้ไปด้วยเลยว่า คนที่จะเรียกว่าลินได้ มีเฉพาะคนพิเศษเท่านั้น คนอื่นกรุณาเรียกว่าปริญไม่ก็ปาลินเต็มๆไปเลย จะขอบคุณมากค่ะ”


“โห ดุจังเลยนะครับเนี่ย น้องลินยังไม่ทันพูดอะไรซักคำเลย”


ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงอยากจะรวนใส่เจ้าของร่างสวย ที่กำลังคลอเคลียออดอ้อนไอ้เด็กเอ๋อนี่นัก รู้แค่ไม่สบอารมณ์เอามากๆก็เท่านั้น หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนให้ผมต้องเริ่มกังวลได้แล้ว ผมกลัวว่าตัวเองจะกลายมาเป็นผู้ชายยึดติดขี้หวงแบบที่ชอบด่าไอ้จั๊ดเสียเอง


“เรียกผมว่าปริญเถอะครับ”


หงุดหงิดกับประโยคเอาใจแฟนยังไม่พอ ยิ้มหวานที่ส่งให้ผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ก็กวนใจผมไม่น้อย แล้วไหนจะดาวมหาลัยคนสวยที่ส่งสายตาหวานเยิ้มกลับไปให้อีก นี่เลยที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแสบๆคันๆที่ใจแปลกๆ


“อะๆ พี่ยอมแล้วครับ แต่ขอเรียกว่าปาลินดีกว่านะ หวังว่าจะไม่ว่ากัน”


ปกติแค่เรื่องชื่อนี่แทบไม่อยู่ในหัวผมเลย ก็แต่ละคนที่ผมควงหน่ะ ผมจำชื่อไม่ค่อยได้หรอกเลยเรียกทุกคนว่าที่รักเพื่อตัดปัญหาเสียเลย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอทุกคนดูจะชอบมากกว่าการเรียกชื่อเล่นหรือชื่อจริงเสียอีก


“เรียกได้ แต่หวังว่าจะไม่ต้องเจอให้เรียกบ่อยๆนะคะ ขอตัว”


ทำไมต้องเป็นปากเป็นเสียงแทนกันด้วย ให้แฟนตอบเองจะยากอะไรนักหนา พวกคนมีความรักนี่น่ารำคาญจริงๆ


“ไม่เจอปาลินแต่เจอม่านแพงได้ใช่มั้ยครับ หวังว่าจะยังไม่ลืมนัดเราเย็นนี้นะ แล้วพี่จะรอ”


ม่านแพงหน้าเจื่อนลงทันทีที่ผมพูดจบ แต่มือของอีกคนกลับกุมกระชับแน่นขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะจับจูงพากันเดินไปอีกทาง เหอะ ก็รักกันให้ได้ตลอดไปแล้วกัน




“มึงๆ กูสงสัยอะไรอย่างนึงหว่ะ ไอ้ภูมันจีบใครกันแน่วะ ทำไมไม่เห็นไปเฝ้าน้องม่านแพงอย่างที่มันชอบทำเวลาจีบสาวเลย”


ไอ้ปาล์มที่ดูดเมล่อนโซดาอย่างเอาเป็นเอาตายจนได้ยินเสียงน้ำแข็งก้นแก้วอยู่ดีๆก็ถามขึ้น


“เออ กูก็งง เห็นมันถือเมล่อนโซดาเดินเข้าตึกคณะมานี่กูก็ขนลุกแล้ว มึงรู้มั้ยว่าเมล่อนโซดานี่เมนูโปรดใคร”


“อ่อ ที่มีรูปติดอยู่ร้านน้ำใต้ตึกSCอะนะ ที่ว่าคนสวยคนหล่อชอบสั่งเมนูไหนบ้าง กูเคยเห็นผ่านๆ ว่าแต่ใครชอบวะ ดาวคณะไหน”


“ถ้าเป็นดาวกูไม่ขนลุกหรอก นี่เป็นแฟนน้องม่านแพงเว่ย กูจำได้ กูเคยทะเลาะกับเมียเพราะมันชี้ว่าเอาเมนูตามไอ้น้องหล่อเนี่ยแหละ”


“ชิบหาย จริงหรอวะ”


“กูจะอำมึงทำไม นี่กูเห็นว่าฟรีหรอกเลยกิน ยังเคืองไม่หายเลยแม่ง สั่งน้ำตามผู้ชายคนอื่น”


“เออ เอาหน่า เอาเรื่องนี้ก่อน หรือมันจะคิดอะไรกับแฟนน้องม่านวะ”


“แต่มันไม่เคยมีเมียเป็นผู้ชายเลยนะเว่ย”


“เอ๊า ก่อนมึงจะมีเมียเป็นผู้ชาย มึงเคยมีมาก่อนมั้ยเล่า”


“เออหว่ะ พูดจาน่าคิด”


“พอเลย ไอ้พวกเวร กูอุตส่าห์เอาน้ำมาให้กิน ยังเสือกนินทากูอีก”


ผมแค่พักสายตา ยังไม่ได้หลับหรอก ไม่งั้นคงไม่ทันได้ยินไอ้พวกเพื่อนเวรนี่มันนินทา อุตส่าห์ทนฟังมาได้ตั้งนานนี่ก็เรียกว่าทนมากพอแล้ว ก็แค่อยากรู้ว่ามันจะพูดกันว่ายังไงบ้าง


“เออ ตื่นแล้วก็ดี งั้นมึงตอบพวกกูมา พวกกูจะได้หายสงสัย”


“ตอบว่า?”


“เอ๊า ก็เรื่องที่ว่ามึงกำลังจีบใครกันแน่ไง น้องม่านแพงหรือว่าแฟนเค้า”


“เอ๊ะไอ้เพื่อนเวรนี่ ก็ต้องม่านแพงสิวะ กูไม่ใช่ไอ้จั๊ดนะมึง จะได้มีเมียเป็นผู้ชาย แล้วไอ้น้ำนี่กูเห็นสาวๆกำลังฮิตเหอะ กูเลยซื้อตาม”


“อ่าว เข้ากูซะงั้น แต่ระวังนะครับ ลองแล้วจะติดใจ”


“ฮ่าๆๆ ขอจับมือหน่อยครับคุณจั๊ด กูชอบ กูขอกดไลค์”


“ไม่มีวันและไม่มีทางเป็นไปได้ และที่สำคัญ เย็นนี้กูก็กำลังจะไปกินข้าวกับม่านแพงด้วยหว่ะ ”


ผมยักไหล่แล้วคว้ากุญแจรถเดินออกมาก่อนจะเผลอลงไม้ลงมือกับเพื่อนตัวเอง ก็ใครใช้ให้พวกมันทำเป็นตื่นตูมกันหล่ะ ผมก็แค่อยากลองเปลี่ยนแผนจากทุกทีก็แค่นั้น แทนที่จะเข้าหาผู้หญิงหรือเพื่อนสนิทของพวกเธอ คราวนี้ผมจะทำให้การเลิกกันของม่านแพงและปาลิน ไม่มีใครสงสัยว่าผมคือต้นเหตุ เรียกว่าขอเป็นผู้บริสุทธิ์แบบเนียนๆบ้างแล้วกัน


ผมเริ่มจับตามองแฟนม่านแพงมาได้อาทิตย์นึงแล้ว บอกได้คำเดียวว่าผู้ชายคนนี้ มีชีวิตที่โคตรจืดชืด จืดมากๆ จืดจนอยากรู้ว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นชอบอะไรในตัวแฟนตัวเอง


ตอนเช้าแม่งก็ตื่นโคตรเช้า วันแรกๆผมไม่ทันตอนเด็กนั่นออกมาเรียนคาบเช้าด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยของผมมีหอในก็จริง แต่ก็จะมีบางคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวจึงออกมาเช่าอยู่คอนโดA,BและCที่มีการจัดการแบบเอกชน แต่อยู่ในความดูแลของมหาลัย ผมใช้เส้นสายแค่นิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าปาลินพักอยู่คอนโดไหน


นับว่าเป็นโชคดีของผม ที่ชั้นเดียวกับที่ปาลินอยู่ มีห้องของนุ่มนิ่มอดีตดาวเภสัชและอดีตแฟน อืม ไม่สิ อดีตคู่ควงของผม  ดีนะที่จากกันด้วยดี เลยได้กุญแจสำรองกับคีย์การ์ดมาเข้านอกออกในคอนโดAได้แบบสบายๆ นุ่มนิ่มอายุมากกว่าผม และในภาคการศึกษานี้ เธอจำเป็นต้องไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายเดือน ผมจึงได้โอกาสใช้ห้องเธอเป็นฐานปฏิบัติการตามติดชีวิตเด็กเอ๋อเสียเลย


เท่าที่สืบมานิดๆหน่อยๆ ปริญ หรือ ปาลิน ลิปนากุล เป็นเฟรชชี่สุดหล่อขวัญใจสาวแท้สาวเทียมทั้งหลาย หล่อครับ อันนี้ก็ต้องยอมรับ หล่อขนาดที่ว่าถ้าน้องมันลงเดือน ยังไงก็ต้องได้ ถึงรสนิยมการใช้ชีวิตจะจืดๆ แต่การประกวดบนเวที ใครเค้าจะรู้กันหล่ะ ก็อาจจะมีเสียคะแนนบ้าง ตรงที่มีแฟนแล้ว แต่ผมก็คิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะม่านแพงยังคว้าตำแหน่งดาวมหาลัยมาได้อย่างไร้คู่แข่งเลยนี่นา


แต่ไม่ประกวดก็ดีเหมือนกัน เพราะเกิดได้ตำแหน่งทั้งคู่ ผมจะยิ่งดูเลวที่พรากดาวกับเดือนออกจากกัน สู้ให้ม่านแพงมาเป็นดาวคู่เดือนอย่างผมยังจะเหมาะสมมากกว่าอีก ซึ่งวันนี้แหละ ที่ผมจะจัดการตามแผนสักที


แผน “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” นี้ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่..


“เราไปต่อกันที่ Vela กันเถอะ”


ผมทำเป็นเอ่ยชวนรวมๆทั้งโต๊ะ หลังจากที่พวกเราเช็คบิลและกำลังจะออกจากร้านปิ้งย่างเจ้าอร่อยที่พวกพี่ๆดาวเดือนปีสูงนัดเลี้ยงในวันนี้


“โถ่ภู ทำไมไม่บอกกันก่อนหล่ะคะ พลอยไม่ได้เตรียมชุดมา ที่สำคัญคือพึ่งผ่านการทานปิ้งย่างมาด้วยนะคะ”


“นั่นสิ แต่ขืนกลับไปเปลี่ยน แล้วกว่าจะกลับมา คงเที่ยงคืนแล้วมั้ง”


สาวๆหลายคนเริ่มบ่นออกมาอย่างเสียดาย ซึ่งแน่นอนว่ามันเข้าทางผมเลย


“ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ เปลี่ยนที่นี่เลย ร้านพี่เราอยู่ชั้นหนึ่งไง น้อยใจนะเนี่ยไม่มีใครจำได้”


ผมทำหน้าหงอยนิดนึง เพื่อให้แผนเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น


“ร้านอะไรหรอคะพี่ภู” เจ้าของรางวัลป็อปปูล่าโหวต น้องเนย ทันตะปีหนึ่งถามผมด้วยความตื่นเต้น


“แหม ใครจะกล้าลืมคะภู ก็ร้านพี่พาฝันพี่สาวภูไงจ๊ะน้องเนย เป็นซาลอนความงามครบวงจร แล้วยังมีห้องเสื้อเปิดติดกันเลยนะ เรียกได้ว่าวันสต็อปสวยเก๋ในที่เดียว”


พลอยดาวปีสามพูดเอาใจผม แต่ไม่วายขยายความเพื่อกำจัดคู่แข่งอย่างเนียนๆ ก็แบบนี้แหละครับ..ผู้หญิง


“ว้าว งั้นหมายความว่าพี่ภูจะให้เราทุกคนไปใช้บริการได้หรอคะ”


น้องเนยสาวหมวยน่ารักทำตาโตประกอบท่าทางช่างฝัน ซึ่งแน่นอนว่านั่น ช่วยทำให้แผนการณ์ของผมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น


“แน่นอนสิครับ ทุกคนเลยน้า ท้ังดาวและเดือน งานนี้พี่ภูจัดเต็ม”


ผมแสดงความป๋าเพื่อให้แผนการณ์ราบรื่น ถึงจะโดนพี่ฝันบ่นเรื่องไม่บอกล่วงหน้า แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปแน่นอน


“เอ่อ พี่พลอยคะ ถ้ายังไงม่านขอตัวกลับเลยได้มั้ยคะ”


ผมแอบได้ยินม่านแพงพูดกับพลอยดาวคณะอักษรที่ควบตำแหน่งดาวมหาลัยปีสามตอนที่เราทยอยเดินออกมาจากร้านอาหาร ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองของห้างใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย



“เอ๋ เอางั้นหรอจ๊ะ ทำไมไม่ไปด้วยกันหล่ะ”


พลอยเหมือนจะยอมม่านแพงง่ายๆเลยแฮะ เห็นท่าจะไม่ดีเสียแล้ว


“เอ่อ ทุกคนครับ”


ผมเรียกความสนใจจากกลุ่มดาวเดือนร่วมๆยี่สิบคนตรงหน้า


“สำหรับวันนี้ใครที่ไปไม่ได้ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ใจผมก็อยากให้ไปกันครบทุกคนนั่นแหละ คือ..ยังไงดีหล่ะ พอดีอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดผมหน่ะ ผมเลยแค่อยากมีความทรงจำดีๆกับทุกคนเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเท่านั้นเอง”


ผมยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมส่งไปให้กลุ่มคนด้านหน้า เสหลบตาลงเล็กน้อย ใครเคยกำหนดหรือว่า การใช้มารยาทำได้แค่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น


หลังจากการแสดงของผมจบลง แน่นอนว่า “ทุกคน” เลยถูกบังคับให้มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ม่านแพงก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเธอไม่สามารถที่จะโน้มน้าวพลอยได้อีก ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพลอยกำลังอ่อยและอยากเอาใจผมแค่ไหน


คนเกือบสามสิบคนแต่ใช้เวลาแต่งหน้าทำผมเลือกชุดไม่ถึงสองชั่วโมง ต้องยกความดีความชอบให้ร้าน “พาฝัน” ที่เนรมิตรเรื่องยากให้ง่ายกว่าเดิม เส้นสายและอำนาจเงินก็ดีอย่างนี้แหละ ไม่นานพวกเราทั้งหมดจึงมาถึง “Vela” ในเวลายังไม่ห้าทุ่มดี ซึ่งนับเป็นเวลาที่ผับแห่งนี้กำลังพีคได้ที่ ผมเดินนำทุกคนมายังฟลอร์ด้านข้าง ซึ่งมีโซฟาและโต๊ะกระจกเข้าชุดจัดรอไว้แล้ว ก็บอกแล้วว่าผมเตรียมการมาอย่างดี และแน่นอนว่าบรรดาดาวเดือนทั้งหลายตื่นเต้นกันมาก เพราะร้านนี้แค่มีเงินอย่างเดียวก็ยังไม่พอ


“อวดรวย”


เสียงคนสวยที่สวมมินิเดรสสีดำที่ทำหน้าเบื่อมาตลอดทางพูดขึ้นเบาๆ


“ครับ น้องม่านอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย”


ผมทำเป็นไม่ได้ยิน และทำเนียนแทรกไปนั่งระหว่างเธอและพลอย ซึ่งพลอยก็ดูจะยินดีมากๆเพราะนึกว่าคืนนี้เธอคือคนที่ผมจะเลือกให้ไปต่อด้วยแน่ๆ


“ไม่ค่ะ ขอตัวไปห้องน้ำนะคะ”


ดาวมหาลัยที่พยายามหลบเลี่ยงผมมาตลอดทั้งวันเอ่ยขึ้น ก่อนจะชวนเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนให้ลุกไปด้วยกัน ม่านแพงเป็นคนฉลาด และต้องยอมรับว่าเธอรู้จักอยู่เป็นไม่น้อย


พวกผมพูดเล่นดื่มคุยกันสักพัก บางคนที่กรึ่มได้ที่ก็ออกไปวาดลวดลายที่โซนกลางร้าน ซึ่งคนเริ่มจะเบียดเสียดออกลีลาไม่ยอมกัน วันนี้โต๊ะVVIPไม่ได้ถูกจับจองโดยใครคนใดคนหนึ่ง แต่เปิดโอกาสให้คนที่รักในเสียงเพลงและการขยับตัวขึ้นไปดวลกัน ชนิดที่ว่าต่างไม่มีใครยอมใคร แต่ผมก็ยังไม่เห็นจะมีใครเร่าร้อนได้เท่าม่านแพงในคืนนั้นสักคน จนกระทั่งคนสวยที่ผมไม่เคยเห็นหน้าก้าวขึ้นไปบนนั้น


เสียงวี๊ดวิ่วโห่ร้องทวีความดังขึ้น เมื่อเธอเร่งเร้าจังหวะตามเพลง เดรสสายเดี่ยวสีขาวเข้ารูปคว้านลึกถึงกลางหลัง ยิ่งทำให้เธอดูบอบบางแต่เผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน


ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้ผมมีเหยื่อแล้ว เธอนี่แหละจะเป็นกระต่ายน้อยให้ผมล่าแน่นอน ผมมั่นใจ


ผมมองอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องหันสายตาไปยังกลุ่มคนที่เดินมาใหม่ ชายสามหญิงหนึ่ง ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อสบตากับหนึ่งในนั้น “ไอ้เอส” เพื่อนวิดยาพี่รหัสปาลิน ผมบอกให้มันลากไอ้เด็กจืดมาเลี้ยงสายรหัสวันนี้ เพราะผมใจดี อยากเลี้ยงก็เท่านั้น


แน่นอนว่ามันไม่ค่อยเชื่อ เพราะผมไม่ได้พาน้องรหัสตัวเองมา และโต๊ะที่ผมจองให้มันก็ห่างจากที่ผมนั่งพอสมควร แถมยังมี “ตัวจี๊ด” ฝากให้มันพามาด้วย แต่ก็นะ มันขี้เกียจจะหาคำอธิบายกับการกระทำของผม มันเลยบอกว่าถ้าผมกลัวใช้เงินไม่หมด มันก็จะช่วยใช้เอง ซึ่งคนแบบนี้แหละที่ผมต้องการ


ม่านแพงคงเห็นไอ้เด็กจืดเลยจะขอตัวไปหา แต่โต๊ะผมกำลังเล่นเกม TRUTH OR DARE ที่ใครไม่ยอมตอบคำถามต้องดื่มหมดแก้ว จึงไม่มีใครยอมให้สาวสวยปลีกตัวไป เพราะเกมกำลังมันได้ที่ และแน่นอนว่าเข้าทางผม เพราะไม่นาน “ตัวจี๊ด” ที่ผมฝากไว้กับโต๊ะไอ้เอสก็เริ่มทำงาน “มีนา” สาวพยาบาลปีสองลุกขึ้นเต้นยั่วยวนแฟนม่านแพงอย่างถึงพริกถึงขิง


ยิ่งบรรยากาศแห่งค่ำคืนร้อนระอุ คนข้างๆผมยิ่งร้อนรนและนั่งไม่ติด เธอไม่ยอมตอบอะไร ได้แต่ยกแก้วแล้วแก้วเล่าขึ้นดื่มในทุกครั้งที่เกมวนมาถึงเธอ


มีนาไม่ทำให้ผมผิดหวังเธอทำทีเป็นเซเสียหลักไปนั่งตักปาลินที่ความเป็นสุภาพบุรุษของเจ้าตัวทำให้ไม่กล้าผลักเธอออกในทันที ถึงแม้จะมีแฟนนั่งมองอยู่ก็ตาม มีนาเมาดิบได้เจ๋งโคตร ไม่เสียแรงกับค่ากระเป๋าที่ผมเปย์ไปเลย เธอทั้งบดเอวและเลื้อยมือชวนเสียวไปตามแผงอกของคนใต้ร่าง ซึ่งอีกนิดคนข้างๆผมคงระเบิดแล้วแหละ เพราะไม่ว่าไอ้เด็กจืดจะพยายามแกะมือมีนาออกจากตัวยังไง เธอก็ยังเมาดิบได้อ่อยมากๆ หนึบยิ่งกว่ากาวเสียอีก


คนสวยข้างผมผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่เพราะดื่มไปมาก ม่านแพงจึงยังมึนๆและโงนเงนไม่น้อยจากการลุกขึ้นอย่างกระทันหัน


เอาหล่ะนะ ภาพมันๆคงจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้วสิ ถึงผมจะไม่เคยและไม่อยากรู้จักความรัก แต่ผมก็มั่นใจว่าจุดอ่อนของความรัก ก็คือความไม่เชื่อใจกันนี่แหละ และผมก็หวังว่า ความสั่นคลอนของมันจะช่วยทำให้เกมของผม จบได้เร็วขึ้นก็เท่านั้นเอง



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



เรื่องนี้เกิดจากความฮึกเหิมและพล็อตที่แวบมาในหัวแบบปุบปับ เลยเกิดความคิดอยากลองแต่งนิยายเรื่องยาวสักเรื่อง

แต่เพราะกลัวตัวเองเทไว้กลางทาง 5555 ━(゚∀゚)━! เลยปั่นรัวจนจบแล้วค่อยเอามาลง

ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ลงต่อจนจบนะคะ จบแน่นอนและจะมาลงทุกวันด้วยค่ะ เย่!+.ヽ(≧▽≦)ノ.+゚━━ ッ

ทุกวันนี้ก็อ่านซ้ำไปซ้ำมาก่อนเอามาลงทุกครั้ง แก้แล้วแก้อีก แต่งเพิ่มเติมปรับปรุงเรื่อยๆ

ดังนั้นถ้ามีข้อแนะนำก็บอกเข้ามาได้นะคะ

จะพยายามทำให้ความตั้งใจแรก กลายเป็นความสุขเมื่อนิยายจบลงให้ได้ค่ะ

สู้! ♡´・ᴗ・`♡
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สามღ (☛´∀`*)☛10.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 11-09-2017 02:24:09
 :ling1:  :ling1:  :ling1: ทำไมตัดฉึบอย่างนี้...... .
อยากให้พี่ภูสอยดาว รู้ตัวเอกสักที่ว่าที่จริงแล้วตัวเองเป็น ภูสอยเดือนมากกว่า....
มาตอเร็วๆและยายวๆน้าาา... ค้างมาก  :katai1:  :katai1:  :katai1:
(แต่งดีค่ะไม่ต้องกังวล....อ่านลืนมากค่ะ  o13 )
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สี่ღ (☛´∀`*)☛ 11.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 11-09-2017 19:17:44
❥・ใจดวงที่สี่・❥



เป็นเสือ ก็ต้องออกล่า



..ภูฟ้า..



เพราะมัวแต่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จนไม่ทันมองตอนแม่กระต่ายน้อยสีขาวที่เต้นอยู่บนโต๊ะVVIPเมื่อครู่เดินลงมาและกำลังเต้นยั่ว?อยู่หน้าไอ้เด็กจืด


คนนี้ผมไม่ได้เตี๊ยม และก็ต้องยอมรับว่าทำให้ผมงงไม่น้อย เรื่องที่ไอ้เด็กจืดมันหล่อ ผมเองก็ไม่คิดจะเถียง แต่ผู้ชายสิบกว่าคนฝั่งผมก็หล่อกันหมด แถมยังพ่วงดีกรีเดือนคณะของมหาลัยดังกันทุกคน มิหนำซ้ำบางคนยังเป็นดาราวัยรุ่นหรือเป็นนายแบบก็มี แต่ความหล่อความดังกลับไม่ได้ช่วยให้แม่กระต่ายน้อยชุดขาวชายตาแลเลยสักนิด อาจจะมีมองมาบ้าง แต่ก็ไม่ลังเลที่จะเลือกมัน


พอมีนาเห็นคู่แข่งมาใหม่ ก็หันมาสบตาข้ามโต๊ะกับผมอย่างจะขอคำตอบ แต่เพราะไม่มีอะไรตอบกลับไป เธอจึงกลับไปเกาะหนึบเลื้อยตัวข้างไอ้จืด ที่อาศัยช่วงเธอกำลังงง จัดการทำให้เธอลงจากตักมานั่งข้างๆได้สำเร็จ


แต่ทันใดนั้น ตักไอ้เด็กจืดก็ไม่ว่างอีกต่อไป เมื่ออยู่ดีๆแม่กระต่ายน้อยชุดขาวจอมยั่วก็ขึ้นไปนั่งแทน ม่านแพงดูจะช็อคไม่น้อย เธอทรุดตัวนั่งจนโซฟายวบลงตามแรงกระแทกของร่างสวย สายตาทุกคู่ของดาวเดือนฝั่งผม ต่างก็จับจ้องทั้งเธอและไอ้เด็กจืดสลับกันไปมา แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไร


ผมเชื่อแล้วว่าไอ้เด็กจืดนี่มันก็ร้าย เพราะคราวนี้มันเล่นด้วย แถมยังกอดเอวแม่กระต่ายชุดขาวแสนสวยไว้บนตัก ไม่ได้ผลักออกอย่างตอนมีนา ต่างคนต่างกระซิบกระซาบหัวเราะกันอย่างมีความสุข หน้านี่ก็ใกล้กันจนปากแทบจะประกบกันอยู่แล้ว


คิ้วผมกระตุกไม่หยุดกับภาพที่เห็น คงเป็นเพราะ “มันพังอีกแล้ว” เรื่องรักแท้บ้าบออะไรนี่ ไหนว่ารักกันนักรักกันหนา ทั้งๆที่ม่านแพงก็นั่งอยู่แค่ตรงนี้ ทำไมถึงยังกล้าที่จะทำขนาดนั้น ดีนะที่ผมไม่เคยศรัทธากับคำว่ารักบ้าบออะไรนี่อยู่แล้ว และบางทีก็อาจจะดีกับผมก็ได้ ที่ไม่ต้องลงแรงอะไร เกมทำลายรักแท้ก็ดูจะจบง่ายๆด้วยตัวของมันเอง




..ปาลิน..




ผมดีใจจนน้ำตาแทบไหล จะว่าเว่อก็ได้ อยู่ดีๆพี่มีนาก็เกิดเมาแล้วพิศวาสผมขึ้นมา จำได้ว่าตอนพี่เอสแนะนำให้รู้จักกันที่หน้าผับ พี่เขาก็แค่มองแล้วยิ้มให้ แต่ทำไมอยู่ดีๆพอเข้ามาข้างใน ดื่มไปแค่ไม่กี่แก้ว พี่มีนาก็ทำท่าจะปล้ำผมเสียอย่างนั้น พี่เอสพี่รหัสผมที่กำลังกรึ่มได้ที่ ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ คงคิดว่าพี่มีนาแค่เต้นเอาสนุก ส่วนพี่เป๋าพี่รหัสปีสองที่ดูจะเป็นเด็กเรียน ก็ได้แต่หน้าแดงก้มหน้าจนชิดอกไม่กล้ามอง ปล่อยให้ผมเผชิญยถากรรมคนเดียว


แต่อยู่ดีๆก็มีนางฟ้ามาโปรด


“ที่รักจ๋า”


คนตัวเล็กในชุดสีขาว เดินมานั่งตัก แล้วอ้อนผมเสียงหวาน


“หื้ม ว่าไง เมาแล้วหรอเรา”


ผมยิ้มให้นางฟ้าตัวน้อยในอ้อมกอดแล้วลูบหัวเป็นรางวัลไปหนึ่งที


“ม่ายเมา ใครว่าคิตตี้เมา ม่ายมีนะ”


คนเมาหน้าแดงตาปรือปรอยแต่ยังส่ายหัวปฏิเสธอย่างน่าเอ็นดู


“คืนนี้กลับไปต้องโดนทำโทษแน่เลย”


ผมกระซิบข้างหูคนที่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่กลับอาศัยอกผมแทนพนักพิงไม่ให้ร่วงลงไปจากตัก


“ม่ายเอา คนใจร้าย ลินต้องช่วยเค้าสิ”


ผมหันไปสบตาม่านแพง ข้างกันนั้นมีพี่ภูสอยดาวที่กำลังยิ้มส่งมาทางนี้ ทั้งๆที่ยิ้ม แต่กลับดูเหมือนจะร้องไห้มากกว่า หน้าตาดูขมขื่นแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสนใจในตอนนี้


“พี่เอสพี่เป๋า ผมขอกลับก่อนได้มั้ยครับ พอดีเพื่อนผมเมามากแล้ว”


ผมหันไปขออนุญาตพี่รหัสทั้งสอง ก่อนจะโอบรั้งร่างบางให้ลุกขึ้นตาม


“อ้อ เพื่อนหรอ อ..เออๆ เอาสิ”


พี่เอสยังไม่ละสายตาจากคิตตี้เลยตั้งแต่เธอมาที่โต๊ะเรา พี่เป๋าพยักหน้าอายๆ ผมเลยพาแม่ตัวดื้อเดินออกมา เนื่องจากทางเดินมีคนเมาเบียดเสียดกันอยู่มาก ผมจึงต้องกอดร่างบางจากด้านหลังเพื่อกันไม่ให้ตัวเธอไปชนกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ในผับ ก่อนจะไปรับอีกคน


เชี่ย
 

เสียงจากคนในโต๊ะดังมาจากทางไหนบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจ


ผมเดินเข้าไปยังโซนพิเศษที่จัดไว้ แล้วยกมือไหว้คนในโต๊ะแบบพร้อมกันทีเดียว ทุกคนยังเอาแต่จ้องผม ผมเลยต้องพูดให้ดังกว่าทุกทีเพื่อแข่งกับเสียงเพลง


“พี่ๆครับ ผมขอพาม่านแพงกลับก่อนนะครับ”


ยังไม่ทันที่ผมจะถามจบ ร่างสวยที่คงจะอยากกลับมากแล้ว เลยโถมตัวมากอดผมไว้อีกคน ผมจึงต้องเบี่ยงคิตตี้ให้อยู่ฝั่งขวา แล้วกอดกระชับม่านแพงไว้ทางซ้าย


ทุกคนในโต๊ะต่างมองพวกเราเป็นตาเดียว ไม่เว้นแต่พี่ภูสอยดาวคนเจ้าแผนการ แผนตื้นๆที่ผมรู้ทันแล้ว เพราะพี่เอสพลั้งปากบอกเรื่องใครเป็นเจ้ามือในมื้อนี้ ตั้งแต่แก้วแรกที่น้ำเมาเข้าปากด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร พี่เขาจะรวยมากหรือจะปิดทั้งร้านเลี้ยงก็ตามสบาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ม่านแพงก็ไม่หันไปมองพี่เขาแน่นอน ผมใช้ฝ่ามือกดเข้ากับท้ายทอยของดาวมหาลัยคนสวยเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอไหว้เพื่อบอกลาทุกคน อย่างน้อยก็เป็นมารยาทก่อนกลับ


ก่อนจะไปผมก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับคนเจ้าแผนการ แล้วกดจมูกกับแก้มใสของคนในอ้อมแขนทั้งซ้ายและขวา เรียกอาการหนังตากระตุกจากคนที่คงหมดเงินไปไม่น้อยจากแผนการนี้ ผมอยากให้เขาได้รู้ว่า ถึงเวลาที่เขาควรจะยอมแพ้ได้แล้ว


“กลับก่อนนะครับ พี่ภู”




*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก

ข่าวล่ามาแรงแซงทุกโค้งค่าคุณขาาาาา เค้าว่าผับไฮโซชื่อดังวันนี้นรกแตกกว่าทุกวัน ก็จะไม่ให้ร้อนได้ยังไงหล่ะคะ ในเมื่อหนุ่มภูสอยดาวซัมมีเจ๊ ที่อุตส่าห์เลี้ยงวันเกิดล่วงหน้ากับคนสวยคนหล่อเป็นสิบๆ ถูกแย่งซีน “สอยดาว” โดยน้องปริญ ปาลิน เฟรชชี่วิดยาปีหนึ่ง อู้ยยยยย งานนี้เค้าว่ากันว่า ไม่แซ่บจริงทำไม่ได้นะจ๊าาาาา

ก็คุณน้องคนหล่อแฟนดาวม.คนล่าสุดเล่นควงสอง โชว์ความเหนือชั้นมันซะเล้ยยยย ที่สำคัญ ย้ำ!! และขีดเส้นใต้หนาๆตรงนี้ พวกนางสามคนเผรียมัวรักใคร่กันดี ไม่มีซีนตบตีแย่งชิงเหมือนในละครหลังข่าวนะคระ วรั้ยๆๆๆๆๆ

เลิศที่สุดในสามโลกหกเจ็ดแปดทวีป พูดแล้วก็อยากร่วมคลุกวงในด้วยเลยอะ แต่ขอจับชะนีแยกไปนะคระ อู้ยยยย อยากพิสูจน์ว่าจะซี้ดแค่ไหน คริคริคริ

ว่าแต่ซัมมีหมายเลขหนึ่ง ภูขาของมินนี่หล่ะคระ สนใจมาเราสองสามคนกับมินนี่และน้องปริญมั้ย วรั้ยยยย แค่คิดก็เปรี้ยวปาก

#งานดาวเดือน #งานเผรียมัว #เราสองสามคน #อยากคลุกวงใน #อยากจิเห็นความใหญ่ความยาว #อุ๊ยยย #ความขาวสิคริ


*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก


วรั้ยยยยยย ถ้าข่าวเมื่อคืนยังไม่เร่าร้อนพอ เจ๊ขอแนบภาพปลากรอบ aka ภาพประกอบนะคระะะะ ส่งมาจากพลเมืองเผือกของเจ๊ ที่รายงานว่า น้องปริญ น้องม่าน และสาวปริศนา คืนที่ผ่านมานอนห้องเดียวกันนะจ๊ะะะะ ไหนนนน เมื่อคืนใครมันหาว่าเจ๊ใส่ร้ายคู่รักคนดัง ขอเอาภาพนุ้งปริญ ผัวมโนของเจ๊ที่ยืนซื้อโจ๊กใส่ไข่ลวกสามถุง ย้ำ!! สามถุง!!! กลับขึ้นคอนโดไปแบบไม่เพลียไม่เหนื่อยมาโชว์ด้วยเลย

โอ่ยยยตายแล้ววววว อึดๆแบบนี้ มีอีกคนมั้ยค้าาาาา

#เมียมโนที่รักปริญ #แซ่บลืมพ่อเอ๊ยยยย #งานเผรียมัว #เราสองสามคน #อยากคลุกวงในด้วยจริงๆนะ #เช็ดน้ำลาย




..ภูฟ้า..




“วรั้ยๆๆๆ ได้ข่าวว่ายังพรากลูกพรากเมียเค้าไม่สำเร็จ”


“แถมเค้ามีเมียเพิ่ม”


“แต่ยังรักใคร่กลมเกลียววววว วรั้ยๆๆๆ”


เสียงไอ้เชี่ยปาล์มกับไอ้จั๊ด ที่กวนตีนผมตั้งแต่เช้า


“ทำไมไอ้ปาล์ม มึงเป็นผัวมินนี่หรอ วรั้ยห่าอะไรเป็นนกหวีดเลยไอ้สัด”


“อู่ยยยยยยย เหมือนงานจะเข้าผมครับคุณจั๊ด”


“งานผิดศีลธรรมด้วยนะครับคุณปาล์ม ฮ่าๆๆๆๆๆ”


“เดี๊ยะๆๆ พวกเวร มาให้กูเตะซักทีให้หายปากเป็นนกหวีดแม่ง”


ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดอยู่ล่อตีนไม่นานก็รีบวิ่งไปหาเมียเด็กที่กวักมือหยอยๆเรียกอยู่ข้างสนาม เดี๋ยวเหอะ พวกเชี่ยนี่ กูเห็นพวกน้องเค้าแอบมองกูอยู่นะเว่ย อย่าทำให้กูเคือง เดี๋ยวแม่งพิสูจน์รักแท้พวกมึงด้วยเลย







ผมไม่มีอารมณ์ไปตามไอ้จืดในวันเสาร์อาทิตย์ ทุกอย่างดูผิดแผนไปหมด นี่ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่แผนผมยังไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลย มันนานเกินไปแล้ว


“อ้าว พ่อหนุ่ม วันนี้ไม่เห็นมาซื้อน้ำเต้าหู้ตามแฟนเลย”


เสียงจากป้าคนขายกับข้าว ที่ผมคุ้นหน้าจากการขายน้ำเต้าหู้มากกว่าเอ่ยทัก


“แฟน?”


ไอ้สองลิงที่รอดตีนผมหวุดหวิดจากตอนเช้า หันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว


“เอ้า ก็น้องปริญคนหล่อไงหล่ะลูก อู้ย นิสัยก็น่ารัก คนนี้ป้าเชียร์นะพ่อหนุ่ม สมกันนะเราหน่ะ”


ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยได้แต่ยิ้มเก้อรับจานข้าวไปนั่งที่โต๊ะอย่างงงๆ


“อะไรมึงอะไร เล่ามาให้หมด กูงงไปหมดแล้วเนี่ย”


ไอ้ปาล์มที่พึ่งได้ข้าวเดินกลับมานั่งข้างผม


“ป้าโม้ใหญ่เลยนะมึง ว่าคู่มึงน่ารัก เดินตามแฟนต้อยๆๆ”


โห ป้าครับ ใส่สีตีไข่เยอะเกินไปรึเปล่า


“เออจริง กูงงไปหมดแล้วเนี่ย ป้าเค้าบอกด้วยนะว่าตอนเจ็ดโมงเช้า เชี่ยภู! นั่นใช่มึงหรอวะ หรือป้าแกแก่จนเลอะเลือน”


ไอ้จั๊ดถือมาทั้งข้าวและน้ำ นั่งลงฝั่งตรงข้ามผม


“อะไร จ้องกูจังพวกมึงเนี่ย”
 

“เล่ามา”


พวกตัวเฮียพูดเหมือนนัดกัน


“มึงจะจีบแฟนเค้า แล้วมึงไปตามเค้าทำไมกูงง”


ไอ้จั๊ดจ้องตาผมแปลกๆ


“เอ้า พวกมึงไม่เคยได้ยินหรอ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”


“ผู้ชาย?”


“เออ”


“ตอนโคตรเช้า?”


“เออ”


“ทุกวัน?”


“ทุกวันอะไร เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากูนอนอยู่บ้าน”


“แต่ไปมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่บอกจะจีบแฟนเค้าอะนะ”


“เออ”


“รู้ว่าเค้าอยู่ไหน?”


“คอนโดA”


“รู้เลขห้อง?”


“เออ”


“รู้ตารางเรียน?”


“ก็เออไงวะ มึงถามอะไรนักหนาวะเนี่ย”


“อะ คำถามสุดท้ายละ”


ไอ้จั๊ดที่อยู่ดีๆก็ทำตัวเป็นตำรวจสืบสวน ยังคงไม่ละความพยายามที่จะสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอย่างผมด้วยสายตากดดัน


“ว่ามาเร็วๆกูจะแดก”


“แล้วมึงรู้เรื่องพวกนั้นของน้องม่านแพงมั้ยวะ”


“..........”


เออหว่ะ ทำไมผมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้


“เห้อออออ งานเข้าแล้วเชี่ยภู”


ไอ้ปาล์มพูดปริศนาอะไรของมันก็ไม่รู้ ที่ผมไม่ค่อยสนใจจะฟังเท่าไหร่


“มึงจำตอนก่อนกูจะเป็นแฟนไอ้ดื้อได้มั้ยวะ”


ไอ้จั๊ดถามถึงน้องรหัสแฟนเด็กของมัน


“จำได้ดิแม่ง ดราม่าชิบห๊ายยย”


เหอๆ คิดแล้วยังสยอง ไอ้จั๊ดกับไอ้ปาล์มเรียนภาคฟิสิกส์เหมือนกัน ปีที่แล้วไอ้ปาล์มตามจีบสาวรุ่นน้องที่เรียนคณะสาธารณสุข ไปไงมาไงไม่รู้ ไอ้จั๊ดก็ดันไปคว้าเพื่อนสนิทน้องเค้ามาเป็นแฟนเสียได้ จะไม่ดราม่าเลย ถ้าไอ้ดื้อแฟนที่มันพูดถึง ไม่ใช่ทั้งน้องรหัสและแฟนผู้ชายคนแรกของมัน โอ้โห กว่าจะลงเอยกันได้ พวกผมต้องไปตามมันถึงบ้านที่พังงา แล้วลากมันขึ้นมาจากทะเล โคตรจะดราม่า แค่คิดแล้วยังขนลุกไม่หาย


“ฮ่าๆๆๆ เออ กูขอโทษที่เป็นภาระพวกมึง แต่คนแม่งไม่เคยรู้ใจตัวเองป่าววะ รักใครจริงๆครั้งแรก แต่คนนั้นดันเป็นผู้ชาย”


“มึงจะสื่ออะไรกันแน่” ผมหรี่ตามองมัน ก่อนจะตักปลาหมึกผัดพริกสดเข้าปาก


“บางทีมึงอาจชอบผู้ชายโดยไม่รู้ตัวนะเว่ย”


พรวดดด


ผมสำลักข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่โดยไม่ทันตั้งตัว แม่ง แสบคอไปหมดแล้วเนี่ย


“ถึงกับสำลักเลยหรอมึง”


ไอ้จั๊ดหน้าเจื่อนลง ส่วนไอ้ปาล์มรีบยื่นแก้วน้ำมาให้ผม ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าผมจะหายใจได้สะดวกเหมือนเดิม หลุดมาดหล่อเลยกู


“นั่นแหละที่พวกกูอยากสื่อ”


ไอ้ปาล์มดึงกลับมาเรื่องเดิม


“ปีที่แล้วเรื่องไอ้จั๊ดแม่งLovewinจริงๆ โคตรพีค เปิดโลกทัศน์กูมาก ตอนนี้กูเลยคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆหว่ะ”


ไอ้ปาล์มหันไปมองไอ้จั๊ดอดีตประธานชมรมรักบี้สมัยม.ปลายที่เกาคอเขินๆ? เชี่ย มึงเขินเพราะคิดถึงความรักมึงกะไอ้น้องรหัสเนี่ยนะ เหอๆ อ่อนชิบหาย


“แล้ว? คิดว่ากูจะซ้ำรอยไอ้จั๊ด? เหอะ ไม่!มี!ทาง!”


ผมไม่ได้ดูถูกเพื่อน แต่ที่พวกมันคิดคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ฟันสาวมาเป็นร้อยๆอย่างผม กูยังชอบนมตู้มๆอยู่ครับไอ้เพื่อน


“ตั้งแต่เจอน้อง มึงได้นอนกับใครมั้ยวะ”


ห้ะ คำถามอะไรของไอ้จั๊ดมันวะ รู้สึกจะออกนอกโลกเกินไปแล้ว ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่นี้ตรงไหน


“ไม่ได้นอน แต่ไม่ใช่เพราะใครนะเว่ย ช่วงนี้กูแค่เหนื่อยจากการตื่นเช้ามาเฝ้าไอ้จืด เลยขี้เกียจจะล่า”


“โอ๊ะโอ ไอ้จั๊ด กูว่ามึงต้องเตรียมตัวเทรนด์ให้มันแล้วหว่ะ”


ไอ้ปาล์มยักคิ้วกวนตีน


“เทรนด์ห่าอะไรของมึง”


ในสายตาผมตอนนี้ รู้สึกว่าหน้าตาไอ้สองตัวนี้ จะยิ่งวอนตีนผมเป็นพิเศษ


“เอ้า คุณภูฟ้าครับ คุณไม่รู้หรอครับ ว่าเสือที่หยุดล่ามันหมายความว่ายังไง”


ยังเป็นไอ้ปาล์มที่อ้อนตีนกว่าใคร


“อะไร”


“หึหึ ก็หมายความว่ามันเจอคนถอดเขี้ยวเล็บให้แล้วไงหล่ะคร้าบ”


ดูท่าวันนี้ คงจะถึงเวลา ที่ผมจะได้ฤกษ์เตะปากไอ้ปาล์มเสียที ปากหมาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ให้ตายเถอะ



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


คุณ catka12 เมนท์ให้กำลังใจตลอดเลย

ขอบคุณมากนะคะ (❦ ᴗ ❦ ✿)

วันนี้สั้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่พรุ่งนี้จะชดเชยบวกสเปให้ด้วยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สี่ღ (☛´∀`*)☛ 11.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Meaw Evezaaaaa ที่ 11-09-2017 21:44:15
งึมๆ แม่งโคตรสะใจอ่ะ น่าสงสารพี่ภู เสียเงินฟรี ในความคิดเรา เราว่าลินกับแพงไม่ได้คบกันแบบคนรัก แต่เป็นคนสำคัญของกันมากกว่าจากที่ลินคุยกับคิตตี้ เราคิดว่าคิตตี้นาจะคบกะแพงมากกว่า5555มั้งนะ สนุกดีค่ะรอลุ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สี่ღ (☛´∀`*)☛ 11.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 12-09-2017 02:08:10
 :hao3: ขอบคุณค่ะที่มาลงให้ทั้งๆที่ยุ่ง... แอบมาจิ้มไว้ก่อนค่ะ...วันนี้schedule work at 3 pm ตื่นสายเลยไม่มีเวลาอ่าน  :katai1:  ยังไงก็สู้นะค่ะ...แล้วจะรับกลับมาอ่านทันที เลิกงานค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้าღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 12-09-2017 19:26:46
❥・ใจดวงที่ห้า・❥



ม่านแพง คือ แฟนของผม



..ปาลิน..




วันนี้มีเรื่องที่ทำให้ชีวิตประจำวันธรรมดาๆของผมต่างไปจากทุกที เริ่มตั้งแต่การเจอป้าชื่นเป็นรอบที่สองของวัน แต่เปลี่ยนจากเจอที่ตลาดเช้า มาเป็นคาเฟทีเรียในตอนกลางวัน ผมคุ้นเคยกับป้าชื่นเพราะป้าแกเป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องที่ผมจะต้องไปอุดหนุนเป็นประจำทุกเช้า แต่ผมพึ่งจะรู้ว่าแกขายอาหารตามสั่งด้วยก็วันนี้


“อ้าว ป้าชื่น สวัสดีครับ”


ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือไหว้ป้าชื่นด้วยความแปลกใจ ปกติผมก็ไม่ใช่เด็กมารยาทงามขนาดไหว้พ่อค้าแม่ค้าทุกคนหรอกครับ เพียงแต่เจอแกทุกเช้าจนไปๆมาๆ รู้ตัวอีกทีก็สนิทกับแกเสียแล้ว


“อ้าว พ่อปริญ ดีจังที่เจอ ป้ายังคิดอยู่เลยว่าจะได้เห็นพ่อปริญใส่ชุดนักศึกษามั้ยน้อวันนี้”


ป้าชื่นเงยหน้าขึ้นมาจากบรรดากระดาษที่ลูกค้าแต่ละคนจดเมนูส่งไว้ แล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจให้ผม ปกติผมจะไปซื้อน้ำเต้าหู้ตอนเช้าตรู่ เลยยังไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา ไม่แปลกที่ป้าแกจะยังไม่เคยเห็น


“ป้าชื่นขายข้าวด้วยหรอครับ ผมไม่รู้เลย”


ผมยื่นกระดาษที่ม่านแพงจดรายการอาหารไว้แล้วส่งให้ป้าแก ป้าชื่นรับไปแล้วจัดกระดาษตามคิวลูกค้า ก่อนส่งต่อให้พ่อครัวด้านหลังร้าน


“อ้อ ร้านนี้เป็นร้านลูกสะใภ้ป้าเอง วันนี้นังอ้อยใจมันไม่สบาย ป้าเลยมาช่วยหน่ะ”


ป้ายิ้มให้ผมแล้วหันไปรับกระดาษที่ยังมีคนทยอยส่งให้แกเรื่อยๆ ร้านนี้ทำอร่อยแล้วก็ให้เยอะ เลยไม่แปลกที่จะเห็นขายดีทุกวันแบบนี้ ป้าชื่นขานเมนูแต่ละจานที่เสร็จแล้ว พร้อมกับจัดแจงรับเงินแล้วทอนให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว


“ใครหน่ะลิน”


ม่านแพงที่พึ่งได้โอกาสเงยหน้าขึ้นมาจากจอสมาร์ทโฟนกระซิบถามผมด้วยความสงสัย


“ป้าชื่นหน่ะ แกเป็นคนขายน้ำเต้าหู้ที่เราซื้อประจำ”


“อ้อออ”



เมื่อหายสงสัย ม่านแพงก็กลับไปรัวแชทต่อ


“เอ้อนี่ พ่อปริญ เมื่อกี๊แฟนพ่อปริญคนที่หล่อๆก็พึ่งมาซื้อข้าวไปนะ”



ป้าชื่นที่เคลียร์ออเดอร์จนคนทยอยซาลงจากหน้าร้านหันมาบอกผมด้วยประกายตาตื่นเต้น ม่านแพงหันขวับมามองผมทันทีก่อนจะหันไปมองป้าเหมือนต้องการให้พูดต่อ ป้าแกคงเห็นรังสีอะไรบางอย่างจากม่านแพงเลยหน้าเจื่อนลง


“เอ่อ แม่หนูคนนี้แฟนพ่อปริญหรอลูก”


ป้าแกยิ้มแห้งๆแล้วถามผมเสียงอ่อย


“ครับ” /  “ใช่ค่ะคุณป้า หนูชื่อม่านแพงนะคะ แฟนปริญค่ะ”


ผมแค่ยิ้มๆแล้วตอบป้าแกสั้นๆ ผิดกับคนที่เดินมายืนข้างๆแล้วตอบเสียงดังฟังชัด ม่านแพงยิ้มหวานเจี๊ยบแล้วจัดแจงกระพุ่มมือไหว้ป้าชื่นอย่างแข็งขัน ป้าชื่นแกก็รับไหว้ แต่ผมรู้สึกว่าแกยิ้มเจื่อนๆเฝื่อนๆยังไงแปลกๆ แกคงพึ่งเห็นดาวมหาลัยคนสวยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่ด้านหลังผมก่อนหน้านี้ เลยทำตัวไม่ถูกที่เจอการแนะนำตัวเองพร้อมความสัมพันธ์กับผมอย่างเสร็จสรรพ


“อ..อะ ..เอ้อ หนุ่มหล่อสาวสวย เหมาะกันจริงๆลูก”


ป้าชื่นเอามือปาดเหงื่อตัวเอง แกมองพวกผม แล้วยิ้มให้อีกรอบ ก่อนจะหันไปขานออเดอร์ที่เสร็จแล้ว รอบนี้มีของผมกับม่านแพงด้วย ลูกค้าหน้าร้านก็ถือว่าบางตาลงไปพอสมควร


“ป้าครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”


ผมรับจานข้าวผัดสองจานมาถือไว้ ก่อนจะชวนม่านแพงที่อยู่ดีๆก็ดูจะสนใจป้าชื่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ให้กลับไปนั่งทานกันที่โต๊ะ


“ป้ะ ม่าน”


ผมจัดการยื่นจานข้าวผัดอีกจานให้ม่านแพง ก่อนที่จะเดินไปหยิบช้อนส้อมให้เธอเหมือนเช่นทุกที


“ป้าขา เรื่องแฟนลินนั่นยังไงหรอคะ”


ม่านแพงที่รับจานตัวเองไปแล้ว เดินไปเกาะตู้กระจกหน้าร้าน คนสวยใช้ตากลมๆมองป้าชื่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น คงจะเรื่องที่แกบอกว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แถมยังพึ่งมาซื้อข้าวไปเมื่อกี๊ ตอนแรกผมก็สงสัยนะ แต่คิดว่าแกทักคนผิด คงจำผมสับสนกับลูกค้าคนอื่นมากกว่า เลยไม่คิดจะถามต่อ


แต่ดูคนสวยของผมจะไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ


“ป้าขาาาาา”


ฟังจากน้ำเสียงอ้อนๆนี้ได้เลย


“อ.เอ่..เอ่ออ”


ป้าชื่นดูอึกอักและลำบากใจ ผมเลยไม่อยากให้ม่านแพงเซ้าซี้ป้าแกต่อ


“ไม่มีอะไรหรอกม่าน ป้าชื่นคงจำผิด”


ปีนี้ป้าแกอายุก็น่าจะห้าสิบกว่าแล้ว ผมเคยถามแต่จำเลขแน่นอนไม่ได้ ผมเลยว่าไม่แปลกหรอกถ้าแกจะจำผิดไปบ้าง


“จ..จ้า ป้าจำผิดลูก ป้าจำผิด แฟนพ่อปริญก็หนูม่านไม่ใช่หรอลูก”


ร้านแกอากาศคงระบายไม่ดีเท่าไหร่ ผมเห็นป้าแกเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อบนหน้าอีกแล้ว


“ลินจ๋า”


ม่านแพงหันมายิ้มหวานให้ผม


“หื้ม ว่าไงตัวยุ่ง ไปกันยัง ลินหิวแล้วนะ ป่านนี้แก้วตาก็คงนั่งรออยู่ที่โต๊ะคนเดียวแล้วด้วยมั้ง”


“ลินจ๋าไปซื้อน้ำอร่อยให้ม่านแล้วไปนั่งกินรอเลยน้า ม่านไม่อยากให้แก้วตานั่งคนเดียวอะ”


“แล้วม่านจะไปไหน”


“ขอคุยกับป้าชื่นแป้บเดียว นะลิน นะๆๆๆๆๆๆ”


เจ้าตัวยุ่งเริ่มงอแงเมื่อเห็นผมทำหน้างงกับภารกิจที่พึ่งได้รับมา


“ลินอ่าาาาา”


ไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มงอแงครับคนนี้ ผมเลยต้องยอมอีกตามเคย




ผมปล่อยผ่านเรื่องที่ป้าชื่นพูดเพราะมั่นใจว่าแกจำผิดคน ทุกเช้าผมก็เดินไปซื้อน้ำเต้าหู้คนเดียว จะมีแฟนที่ไหนตามไปได้หล่ะ แต่คนที่ไม่ยอมจบแน่ๆคือม่านแพง ดาวมหาลัยคนสวยที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นชาวเกาะ คอยเกาะกระจกร้านอาหารตามสั่งจนเกือบหมดเวลาพักกลางวัน เรียกได้ว่าข้าวอะไรไม่สนใจแล้ว ยืนโซ้ยมันตรงนั้นแหละ รอจังหวะลูกค้าน้อยก็ซักฟอกป้าต่อ ไปตามยังไงก็ไม่ยอมกลับมานั่งที่โต๊ะ แถมยังไล่ผมให้กลับไปโต๊ะเร็วๆอีก



“ว่าไง พอใจรึยัง”



ผมหัวเราะให้กับม่านแพงที่คิ้วขมวดเป็นปมเดินกลับมายังโต๊ะที่ผมและแก้วตานั่งอยู่


“ม่าน มีอะไรรึเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย”


แก้วตาถามเพื่อนสาวที่กำลังมุ่นหัวคิ้วจนหน้าผากขึ้นรอย ตั้งแต่กลับมาคนตรงหน้ายังไม่ยอมนั่งลงสักนิด จานข้าวที่ยังถืออยู่ในมือก็ไม่มีทีท่าจะถูกวางลงแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่แก้วตา ตอนนี้ผมก็เริ่มเป็นกังวลตามคนหน้าเครียดที่ยังเม้มปากแน่นอย่างกำลังใช้ความคิด



“ม่าน โอเคมั้ย”


ผมคว้าจานข้าวผัดหมูที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งของม่านแพงลงบนโต๊ะ


“ไม่โอเคอะ ม่านไม่โอเคเลยนะแบบนี้”


ม่านแพงหันไปบอกแก้วตาในประโยคแรก แล้วหันมาบอกประโยคหลังกับผม เมื่อกี๊ผมเล่าให้แก้วตาฟังคร่าวๆแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดที่ป้าชื่นบอกว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย เธอเข้าใจเรื่องเท่าที่ผมเล่าได้เป็นอย่างดี เลยไม่งงกับอาการฟึดฟัดของม่านแพง แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลตามดาวมหาลัยไปเสียแล้ว


“มีอะไรอยากคุยกันสองคนมั้ย เราโอเคนะ นี่ก็อิ่มแล้วอะ เดี๋ยวไปรอที่ห้องสมุด”


แก้วตาชี้ชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือแค่น้ำให้ม่านแพงดู แต่คนสวยก็ยังมีสีหน้าลังเล


“หรือให้เรารอนี่มั้ยอะ ม่านคุยกับลินก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยไปเรียนพร้อมกัน ไม่ต้องห่วงเราเว่ย เดี๋ยวไถทวิตรอ”


พอแก้วตาพูดจบ ม่านแพงก็กุมมือแก้วตาขึ้นมาทำหน้าอ้อนๆใส่ จนแก้วตาต้องเอานิ้วจิ้มหน้าผาก แล้วดันแรงๆไปทีนึง คนสวยถึงยิ้มได้


“ลิน ขอคุยด้วยหน่อย”


คนที่พึ่งยิ้มให้แก้วตา หันมาหุบยิ้มทันทีที่มองมาทางผม รูปประโยคเอ่ยชวนกึ่งทางการแบบนี้ ผมไม่คุ้นเอาเสียเลย จึงไม่กล้าถามอะไรต่อ



ผมเดินตามม่านแพงมานั่งที่เนินสนามหญ้าหลังโรงอาหาร ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเพราะแดดยังส่องถึง และร้อนไม่ใช่เล่น ม่านจึงเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจ



“ลิน”



“จ๋า”



ผมขานรับคนสวยที่กำลังทำหน้าเครียด


“นายภูสอยดาวนั่นไม่ได้ชอบเราหรอก”



อยู่ดีๆชื่อบุคคลที่สามก็ปรากฏในหัวข้อสนทนาของเรา ผมเลยอดที่จะขมวดคิ้วตามม่านแพงไม่ได้


“อะไรทำให้ม่านคิดว่างั้นหล่ะ”


ผมยังงงนิดหน่อย แต่ก็เลือกจะถามกลับประโยคชวนสับสนของม่านแพง



“ก็ลินเคยบ่นว่าเหมือนมีคนตามใช่มะ”



“อื้ม ก็ใช่นะ แต่สองวันมานี้ไม่ค่อยรู้สึกแฮะ สงสัยจะคิดไปเองจริงๆ”



ผมเชื่อว่าความงงของผมคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ถ้าเรายังคุยกันแบบนี้ต่อไป จากเรื่องนั้นกระโดดไปเรื่องนี้ ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ตามประเด็นสนทนาของม่านแพงไม่ทัน แต่ก็ยังไม่อยากขัดใจคนหน้ามุ่ย


“ไม่หรอก เราว่าเรื่องจริง”



“หื้ม เรางง เราตามไม่ทันอะม่าน”



คงถึงเวลาที่จะยอมรับแล้วว่า ผมไม่เข้าใจในทุกเรื่องที่ม่านแพงได้พูดไป เพราะไม่งั้นผมว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที


“เราว่าคนที่ตามลินน่าจะเป็นนายภูสอยดาวนั่นแหละ”



“ม่านเอาอะไรมาพูด”



ผมเผลอเสียงดังจนต้องรีบตะครุบปากตัวเองไว้ เมื่อประโยคชวนตกใจถูกส่งมาจากม่านแพงอย่างไม่ทันตั้งตัว


“ก็ปะติดปะต่อจากทุกอย่างไง ช่วงนี้นายภูนั่นเข้ามาป่วนเราสองคนไม่หยุด ในผับวันนั้นก็ดูวางแผนมาหมด แล้วทำไมกับแค่การตามติดชีวิตลิน นายนั่นจะทำไม่ได้”



“แล้วเค้าจะทำไปทำไมอะ ไปตามม่านไม่ดีกว่าหรอ”



ผมว่าการมาคอยตามติดแฟนของคนที่ตัวเองจะจีบ ดูจะเป็นตรรกะที่พังพินาศเอามากๆถ้ามีใครทำจริง


“ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจ แค่รู้สึกตงิดๆเพราะป้าชื่นแกบรรยายแบบหล่อมากกกก ออร่าพุ่งมากกก พูดซะเทพบุตรจุติเลยอะ เราเลยลองเปิดรูปจากเว็บมหาลัย ทั้งเดือนคณะเดือนมหาลัยทุกชั้นปี เราก็ให้ป้าแกดูหมด แล้วยังไงรู้มั้ย จากผู้ชายเป็นสิบๆ ป้ายังยืนยันเลย ว่าคนที่เห็นชอบมาซื้อน้ำเต้าหู้ตามลินคือเดือนมหาลัยปีสาม นายภูสอยดาว!!”


ม่านแพงบรรยายแบบใส่อารมณ์ตามไปด้วย ชื่อพี่ภูฟ้าเลยกลายเป็นฉายาที่คนทั้งมหาลัยชอบเรียกแทนเจ้าตัว



“แล้วไม่คิดว่าพี่เค้าจะอยากกินบ้างหรอ เหมือนเราที่ติดต้องกินทุกเช้าอะ”



ผมว่าเรื่องทุกอย่างมันก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี ทฤษฎีความบังเอิญของโลกใบนี้ก็มีตั้งมากมาย คงจะไม่แปลกถ้าวันนึงมันจะมาเกิดขึ้นกับผมบ้าง


“ใช่มะ ตอนแรกเราก็คิดเหมือนลิน เราเลยถามป้าไปแบบนี้เด๊ะเลย แล้วป้าว่ายังไงรู้มั้ย ป้าบอกว่าลินกินเมนูไม่เหมือนกันซักวัน วันนี้ใส่ธัญพืช วันต่อไปอาจสั่งใส่แค่ลูกเดือยหรือถั่วแดง บางวันใส่แปะก๊วยอย่างเดียว หรือบางวันอาจกินน้ำเต้าหู้งาดำ ซึ่งตานั่นบอกป้าแค่ว่า..เอาเหมือนคนเมื่อกี๊ครับ”



“เค้าอาจจะแค่อยากกินน้ำเต้าหู้แต่สั่งไม่เป็นรึเปล่า”



ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าการซื้อน้ำเต้าหู้เหมือนกันควรจะเอามาเป็นประเด็นได้ยังไง


“โอ๊ยยยย!! คุณ! เพื่อน! คะ! อย่าโลกสวยไม่ทันคนตอนนี้ได้มั้ย!!”


ม่านแพงเน้นทีละคำ ช้าและชัดจนผมเผลอกลืนน้ำลาย คนสวยเอามือเท้าเอว ถลึงตามองผมไม่เหลือมาดดาวมหาลัยแม้แต่น้อย



“เรื่องอะไร”



ถึงจะกลัวมาดโหดของม่านแพง แต่ก็ต้องยอมรับนั่นแหละว่าผมไม่ทันคน โดยเฉพาะคนที่ชื่อม่านแพงเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว


“ก็นายนั่นชอบลินไง”



นี่คงเป็นเรื่องขำขันที่สุดในรอบปีของผมก็ว่าได้ ผมที่หายงงประเด็นของม่านแพงแล้ว จึงเปลี่ยนมาหัวเราะแบบจริงจังแทน



“จะบ้าแล้ว ฉายาก็บอกอยู่ว่า..ภูสอยดาว.. แค่เดือนเรายังไม่ใช่เลย ดาวนี่ยิ่งไม่มีทาง ฮ่าๆๆๆ”



เรื่องนี้มันขำจริงๆนะ คือกิตติศัพท์ทั้งหมดของพี่คนนั้น ถ้าความยาวสามร้อยหน้าก็คงอัดแน่นไปด้วยเรื่องผู้หญิงและความเจ้าชู้สองร้อยเก้าสิบเก้าหน้าแล้วหล่ะ เรื่องที่จะชอบผู้ชาย หรือหนักถึงขนาดว่าเป็นเกย์เลยเนี่ย ผมว่าโอกาสมันแทบจะติดลบเลยด้วยซ้ำ


“ลิน!”



อยู่ดีๆคนสวยก็แปลงร่างเป็นเมียพระอภัยมณี ตางี้เขียวปั้ดจนผมกลัวเนื้อตัวเองจะช้ำเพราะแค่โดนสายตาคนตรงหน้าฟาดนี่แหละ


“จ..จ๋า”


ยอมรับอย่างไม่อายว่าผมกลัวร่างนี้ของม่านแพง เลยทำได้แค่หลบตาแล้วตอบกลับเสียงอ่อยแบบนี้



“สัญญากับเราก่อน ว่าลินจะเล่าให้เราฟังทุกเรื่องเกี่ยวกับนายนั่น”



อยู่ดีๆคำสั่งที่ทำให้ผมต้องงงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ถูกส่งมา


“เอ่อ.. คือ ..แล้วเรามีเรื่องอะไรต้องเล่าอะจ๊ะ”


ผมเกาหัวแกรกๆตั้งใจสื่อสารด้วยภาษากายว่าผมไม่เข้าใจคำสั่งนี้จริงๆนะ โดยไม่ลืมที่จะกระพริบตาปริบๆเรียกคะแนนสงสารด้วย



“ไม่รู้หล่ะ เอาเป็นว่าถ้าวันไหนได้เจอ พูด หรือคุยกับนายนั่น ลินต้องเล่าให้เราฟัง”



คนสวยไม่ตกหลุมสงสารใดๆ คำสั่งแปลกๆยังถูกส่งมาพร้อมกับสายตาคมกริบ


“จ้า ได้จ้ะ”


ใครจะกล้าปฏิเสธแม่เสือสาวที่กำลังกางกรงเล็บได้ ผมคนนึงหล่ะที่ไม่กล้าเสี่ยง อีกอย่างผมก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะยากอะไร ส่วนใหญ่ม่านแพงกับผมก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าผมได้เจอพี่ภูฟ้า ม่านแพงก็เจอด้วยอยู่ดี ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ผมจะต้องเล่าอะไรอยู่แล้ว และที่สำคัญ ผมว่าม่านแพงคงจะฟังป้าชื่นพูด แล้วเก็บมาคิดมากเกินไป เรื่องนี้ผมฟังยังไงก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย คิดในแง่ร้ายที่สุด ก็อาจเป็นการที่พี่นั่นอาจจะเพี้ยนไปแล้วก็ได้ อาจจะแค่อยากทำให้ผมที่เป็นแฟนกำมะลอของม่านแพงจิตตกที่ถูกโรคจิตคุกคาม เลยสร้างแผนประหลาดๆขึ้นมา คนสมัยนี้ยิ่งรู้หน้าไม่รู้ใจเสียด้วยสิ



“แล้วรู้ใช่มั้ยว่าค่ายรับน้องวิดยาต้องอยู่ห่างๆจากนายนั่น”


ม่านแพงหรี่ตาคาดโทษล่วงหน้า จนผมอดขนลุกไม่ได้ ลืมไปเลยว่าตัวเองต้องไปเข้าค่ายรับน้องในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่าสาวอักษรอย่างม่านแพงไม่ได้ไปกับผมด้วย



“จ้า รู้แล้ว ม่านไม่ต้องห่วงนะ”


ได้แต่ยิ้มแหยๆรับปาก เพราะรู้ดีว่าที่ม่านแพงพูดก็เพราะห่วงทั้งนั้น ยิ่งเจ้าตัวที่สถาปนาตัวเองเป็นทั้งเพื่อนสนิทและแม่ผม(อีกคน)แล้วด้วยเนี่ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะห่วงผมมากแค่ไหน แล้วแบบนี้ผมจะกล้าหือหรือขัดใจได้ยังไงกันหล่ะ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ป้าชื่นเป็นสาววายยุคบุกเบิกค่ะ อิอิ

วันนี้มีสเปต่อด้วยนะคะ (◕ ワ ◕✿)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้าღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 12-09-2017 20:37:31
มาเกาะติดตามละนะ.

ม่านแพงเพื่อนรักของชิน

น้องปาลินที่รักของพี่ภูสอยดาว  :)

 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5: :katai5:  :katai5:

...

.
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้าღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 12-09-2017 21:51:41
เชียร์พี่ภูวววววววว >_<
ม่านแพงอย่าหวงเพื่อนเกินนะเดี๋ยวเพื่อนไม่เป็นฝั่งเป็นฝา555555
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้า+ตอนพิเศษღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 12-09-2017 22:34:13
♡━━━━ Special ━━━━♡


การเจอกันของเรา



..ปาลิน..


ชีวิตมัธยมปลายน่าตื่นเต้นกว่าที่ผมคิด การย้ายโรงเรียนจากบ้านเกิดของผมที่เชียงใหม่ มาอยู่กับป้าซึ่งเป็นสาวโสดที่กรุงเทพ ทำให้เด็กดอยอย่างผม ได้เรียนรู้โลกใบใหม่ เพื่อนใหม่ ชีวิตใหม่ และรักครั้งแรก


เสียงปึงปังบางอย่างดังออกมาจากทิศที่มีบันไดพาดตัวอยู่ ปกติจะไม่มีคนผ่านมาแถวนี้ เพราะเป็นชั้นลอยที่ไม่มีห้องเรียน มีเพียงบันไดที่ใช้เชื่อมไปยังดาดฟ้า ซึ่งในส่วนของประตูก็มักจะถูกล็อคไว้เสมอเพื่อความปลอดภัย


ผมจำเป็นต้องเอาป้ายคัทเอาท์ที่ครูไหว้วานขึ้นมาเก็บ จึงทันได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น


คิตตี้ คีรตา เพื่อนใหม่ที่อยู่คนละห้องกับผม เพราะเธอน่ารักเหมือนตุ๊กตา ผมจึงจำเธอได้ในทันที คิตตี้เป็นผู้หญิงตัวเล็ก กะด้วยสายตาก็น่าจะเกินร้อยห้าสิบเซนติเมตรมานิดเดียวเท่านั้น ดวงตากลมโตที่มักจะทอประกายระยิบระยับรับกับรอยยิ้มร่าเริงอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้เป็นดาวในดวงใจของใครหลายต่อหลายคน


ตรงกันข้ามกับภาพเธอในห้วงความทรงจำของผม คิตตี้ที่กำลังร้องไห้จนหยาดน้ำใสเปียกชุ่มไปทั่วแพขนตาหนา ทำให้ผมต้องมองอย่างไม่อาจเชื่อสายตา


ตากลมใสที่ผมเคยเห็น ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยความเสียใจอุ่นร้อนเปียกปอน ผิวเนื้อที่เคยขาวเนียนปรากฏจ้ำแดงกระจายทั่ว และคงเพราะเหตุนี้ ภาพเธอที่รีบร้อนวิ่งผ่านผมไป ในขณะที่มือสวยก็สาละวนในการสวมเสื้อคลุมทับเสื้อนักเรียนตัวขาวที่ยับย่นหลุดลุ่ย จึงกลายเป็นภาพที่ผมจำได้ติดตา


ผมกำลังจะวางคัทเอาท์แล้วรีบตามไปดูเธอ ถ้าเกิดไม่มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาก่อน


“ปล่อยไปนั่นแหละ ไม่ต้องตาม”


ผมตกใจที่บนชั้นนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับคิตตี้ คนที่พึ่งวิ่งผ่านผมไปโดยไม่เหลียวกลับมามองเมื่อครู่นี้ แต่บนชั้นนี้กลับมีใครอีกคนหนึ่ง คนที่ผมจำได้ว่าพึ่งเห็นกล่องช็อคโกแล็ตวาเลนไทน์มากมายและดอกกุหลาบวางอยู่บนโต๊ะ จนแทบไม่เห็นเนื้อไม้ของโต๊ะนักเรียนตัวเดิม ชื่อของเธอคือ ม่านแพง สุทธาธิการุณย์ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงเรียนเอกชนค่าเทอมแสนแพงที่ผมกำลังศึกษาอยู่นี้


“เอ่อ”


อยู่ดีๆผมก็รู้สึกหาเสียงตัวเองไม่เจอขึ้นมากระทันหัน


“หึ นายจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นก็เชิญ”


สาวสวยที่มีดีกรีดาวโรงเรียนขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ผมเกือบจะเชื่อกับสิ่งที่เธอแสดงออกมา ถ้าไม่ได้เห็นร่องรอยความอ่อนไหวพยายามหลบซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น


“ม่านรังแกคิตตี้หรอ”


ผมไม่อยากเก็บความสงสัยไว้กับตัว ม่านแพงเรียนห้องเดียวกับผม ถึงจะไม่สนิท แต่ผมก็อยากจะเตือนเมื่อเพื่อนทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง


“แล้วคิดว่ายังไงหล่ะ”


คนตรงหน้ายักไหล่เหมือนจะไม่แยแสเรื่องอะไรทั้งนั้น


“ก็คิดว่าทะเลาะกัน”


“ก็ใช่”


“ม่านทำร้ายร่างกายคิตตี้รึเปล่า”


ผมกัดฟันถามออกไป


“ก็..ใช่แหละมั้ง”


“ม่าน!”


“จะพูดอะไรก็พูดมา ถ้าจะฟ้องครูก็รีบไปฟ้องซะ”


คนถูกตามใจจนเคยตัว เริ่มจะหมดความอดทนที่จะพูดกับผม


“เราไม่ได้จะฟ้องหรอก”


ตาคมเผลอหันมาสบตาผมเพียงอึดใจสั้นๆ


“หึ อยากฟ้องก็ฟ้องสิ ไม่ได้ว่าอะไร”


“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ฟ้อง แค่อยากให้ม่านกับคิตตี้ปรับความเข้าใจกัน มีอะไรก็พูดกันดีๆ”


“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเราไม่ได้รังแกยัยนั่น”


“ก็..”


“......ก็ม่านร้องไห้ตั้งขนาดนี้หนิ คนเกลียดกันเค้าไม่ร้องไห้ให้กันหรอก”


และนั่นคือวันแรกที่คำว่ามิตรภาพของพวกเรา ถูกพันธนาการไว้ด้วยกัน


ม่านแพงเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง และกล้าได้กล้าเสีย แต่ข้อดีของเธอ ก็คือการซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง รักเพื่อนและรักเดียวใจเดียว ม่านแพงไม่ได้ชอบผู้ชาย เธอบอกกับผมอย่างนั้น หลังจากที่เราเปิดใจคุยกัน และผมก็จำได้ดี ว่าผมบอกเธอไปว่าอย่างไร


ผมก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง



ผมมีคนในใจแล้ว..


ผมตกหลุมรักรอยยิ้มรุ่นพี่ม.หกคนหนึ่ง พี่เขาเป็นนักร้องนำวงดนตรีที่ชื่อSigma ดวงตาที่เหมือนยิ้มได้ ลักยิ้มสองข้างแก้มที่เป็นเสน่ห์ประจำตัว และไฝเม็ดเล็กๆใต้ตาที่ทำให้พี่เขาน่ามองไม่รู้เบื่อสำหรับผม และโดยไม่ทันตั้งตัว ตัวผมที่ไม่ต่างจากแฟนคลับเดนตาย ก็เผลอตกหลุมรักเขาไปแล้วทั้งใจ ด้วยความยินดี





ถ้าจะบอกว่าม่านแพงกับคิตตี้เข้ามาเติมเต็มผมให้สมบูรณ์ขึ้นก็คงไม่ผิด อาจเพราะความผิดหวังจากรักครั้งแรกที่ยังไม่ทันเริ่ม ทำให้ผมกลายเป็นคนปิดตัวเองในช่วงวัยที่ควรจะสดใสที่สุด ดังนั้นผมเลยนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้วันนั้น ครูบังเอิญเจอผมแล้วไหว้วานงานเล็กๆ อย่างการเอาป้ายคัทเอาท์ไปเก็บ พวกเราคบกันโดยไม่ได้สนใจว่าผมจะเป็นผู้ชายหรือพวกเธอเป็นผู้หญิง ในแต่ละวันของเราเต็มไปด้วยอิสระ ผมกล้าจะเป็นตัวของตัวเอง พร่ำเพ้อเรื่องรักที่ไม่สมหวัง โดยมีพวกเธอคอยปลอบ ในขณะเดียวกัน นิสัยใจร้อนและขี้หึงของทั้งม่านแพงและคิตตี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใช้บ่อยๆเมื่ออยู่กับผม


แน่นอนว่าในสายตาคนอื่นมันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ ม่านแพงที่เรียนห้องเดียวกับผมจึงถูกมองว่าเป็นแฟนสาว ส่วนคิตตี้ที่เป็นแฟนตัวจริงของม่านแพง กลับถูกมองว่าเป็นเพื่อนสนิท ถึงจะปวดหัวกับคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย แต่พวกผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการนิยามความสัมพันธ์ และไม่ได้เห็นถึงความจำเป็นที่จะอธิบายให้ใครต่อใครฟัง ดังนั้นจึงปล่อยให้เข้าใจกันไปตามนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ประโยชน์ของความเข้าใจผิดดูจะมีมากกว่าโทษเป็นไหนๆ


ม่านแพงเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของที่บ้าน เนื่องจากพ่อแม่ของม่านแพงแทบจะถอดใจแล้ว หลังจากพยายามมีลูกอยู่หลายปี แต่สุดท้ายก็ได้ลูกสาวแสนสวยมาเชยชมสมความตั้งใจ ม่านแพงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล แน่นอนว่าเธอจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ยิ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนของครอบครัว ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบจึงจำเป็นจะต้องรักษาไว้ในทุกเวลา ถึงแม้ม่านแพงกับคิตตี้จะใจตรงกันตั้งแต่เรีียนม.ต้นเทอมสุดท้าย แต่ความรักของเพศเดียวกันในสังคมไทย ยังไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น ถึงไม่ได้คิดจะปิดบังตลอดไป  แต่อย่างน้อยก็ให้ได้นานที่สุด เพื่อรอวันที่ทั้งคู่พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่า โตพอที่จะรับผิดชอบความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ และตัวผมเองก็เชื่อว่าวันที่ม่านแพงและคิตตี้จะได้มีกันและกันในชีวิต คงจะมาถึงในเร็วๆนี้


ม่านแพงรักคิตตี้มาก คิตตี้ก็รักม่านแพงมาก
และผมคงเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด ที่ได้รับความรักจากทั้งคู่พร้อมกัน



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


เป็นสเปสั้นๆ เฉลยความสัมพันธ์ของทั้งสามคน

ที่จริงมีแอบแทรกๆเกริ่นๆอยู่ในตอนก่อนหน้านี้นิดหน่อย

มีทั้งคนเดาถูก และคนที่จับทางได้ อิอิ

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าขอบคุณทั้งคนอ่านและทุกคอมเมนท์เลยค่ะ

เจอกันตอนต่อไป พรุ่งนี้ค่า * ୧ ⍢⃝ ୨ *
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้า+ตอนพิเศษღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 13-09-2017 00:48:03
 :heaven อ๊าย.... พอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ยิ่งชอบใหญ่...  o13 อยาก  :hao7: ให้ดังๆแต่กลัวเพื่อนร่วมงานตกใจ (แอบอ่านตอนทำงานค่ะ) thank u na kaa hopefully see ur story tomorrow (my) morning again ka  o13  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้า+ตอนพิเศษღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 13-09-2017 08:14:55
หืออ  คิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ว่าม่านแพงกับลิน น่าจะคบกันหลอก ๆ
แล้วก็คิดอยู่ ว่าม่านแพงน่าจะไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ไปจับคู่กับแก้วตาอ่ะ ผิดเลย 555
ตอนนี้สำคัญที่สุด พี่ภู ควรต้องรู้ใจตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่งั้นก็ไปต่อไม่ได้นะคะ
จากนั้น ต้องฝ่าด่านม่านแพงและคิดตี้ ผู้หวงน้องลินเหมือนลูก ฮาาา
สุดท้าย ที่น่าจะยากสุด คือ เอาชนะใจลิน ที่มีรักแรกที่ไม่สมหวังแม้จะยังไม่ได้เริ่ม
แล้วเดาว่า อนาคต รุ่นพี่ม.หก รักแรกของลิน ต้องโผล่มาทดสอบใจทั้งคู่แน่เลย
สรุป ตอนนี้ เอาใจช่วยให้พี่ภู ช่วยรู้ใจตัวเองสักทีเถอะ โธ่ พ่อคุณ ทำขนาดนั้นแล้ว
แอบสนใจคู่จั้คกับน้องดื้ออ่ะ อยากรู้ว่าตอนนั้น ดราม่าขนาดไหน กว่าจะเป็นแฟนกัน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้า+ตอนพิเศษღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-09-2017 08:42:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 13-09-2017 19:38:19
❥・ใจดวงที่หก・❥



แพ้ทะเล



..ภูฟ้า..




“ค่ายรักน้อง” ของคณะวิทยาศาสตร์ มีจุดประสงค์หลักคือการเฉลยสายรหัสและมอบสร้อยพร้อมจี้โลหะรูป “อะตอม” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะให้แก่รุ่นน้องปีหนึ่ง คล้ายกันกับการที่คณะวิศวะมีการมอบเกียร์ และคณะแพทย์มีการมอบเสื้อกาวน์ และเพราะอยากให้การส่งมอบอะตอมในปีนี้พิเศษกว่าเดิม หลังจากการสอบกลางภาคผ่านพ้นไป ค่ายรักน้องจึงถูกจัดขึ้นที่ทะเลโดยมีปีสามเป็นหัวเรือใหญ่


“อ้าว ไปเข้าแถวเตรียมตัวขึ้นรถกันได้แล้วนะครับน้องๆ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ร่ำลาแฟนให้เพื่อนๆต้องรอ”


ผมจงใจหันไปพูดกับน้องปีหนึ่งที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้ามินิมาร์ทของมหาลัย หนึ่งในนั้นก็มีไอ้เด็กจืดที่ยืนร่ำลากับแฟนและแฟนน้อยของมันมาร่วมสิบห้านาทีแล้ว ถึงแม้เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนจะแปดโมง ซึ่งเป็นเวลารวมตัวกันตามที่ได้มีการนัดหมาย แต่เพราะผมรับหน้าที่เป็นไทม์เมอร์หรือคนที่คอยรักษาเวลาประจำค่าย จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนไม่ให้ใครบางคนพลอดรักกันจนลืมเวลา


“ลินจ๋า กอดๆๆ”


เสียงสาวตัวเล็กที่ผมเคยเห็นลีลาในผับก่อนหน้านี้พูดขึ้น ก่อนจะโผตัวเข้าไปซุกอยู่กับแผ่นอกของคนที่เอาแต่ยิ้มร่ายืนให้เขากอด


“คิตตี้ห้ามขี้โกงนะ วันนี้ลินกอดตัวไปแล้ว เค้าจำได้”


“ตัวแหละมั่ว เค้าเห็นตัวแอบหอมแก้มลินเมื่อเช้า ไม่รู้หล่ะ ลินต้องให้เค้าหอมอีกสองทีถึงจะเจ๊ากัน”


“ได้ไงอะ เค้าหอมลินไปแค่ครั้งเดียวเองนะ”


“ไม่รู้ไม่ชี้ ลิน ลินต้องให้คิตตี้หอมอีกสองทีนะๆ นะๆๆ”


“ไม่ได้นะลิน ม่านไม่ยอมจริงๆด้วย”


“เอาหล่ะๆ เดี๋ยวลินกลับมาแล้วจะให้ทุกคนหอมจนพอใจเลยนะ แต่ตอนนี้ขอติดไว้ก่อน ลินต้องไปแล้วนะ”


“ไม่เอาอะ งั้นคิตตี้จะไม่ให้ลินไป”


“ไม่งอนนะคะ ทั้งคู่เลย ดีกันก่อนๆ คนอยู่เต็มไปหมด ยังหอมตอนนี้ไม่ได้นะ”


“ฮึ ไม่รักลินแล้ว”


“ไหน วันนี้ใครต้องไปแคสงานตั้งสองที่ ถ้าไม่รีบออกจะไปสายนะ”


“อ่า จริงด้วย รีบไปกันเถอะตัว เดี๋ยวตัวชวดงานนี้แล้วเค้าต้องฟังตัวบ่นไปเป็นอาทิตย์ๆอีก”


“ม่านแพง!”


 “จ๋าๆ ป้ะๆๆ คนสวยคนน่ารัก ไม่งอนเนาะไม่งอน เดี๋ยวลินกลับมาเค้าจะยกโควต้าหอมลินให้ตัวคนเดียววันนึงเต็มๆเลยอะ”


“จริงนะ”


“จ้า จริงจ้า ไปกันเถอะนะ เดี๋ยววันนี้เค้าเป็นสารถีให้ทั้งวันเลย”


“ขับรถดีๆนะม่าน แล้วก็อย่าลืมพาคิตตี้ไปรับชุดตอนหกโมงเย็นด้วยนะ”


“รับทราบครับผ๊ม ลินถึงแล้วอย่าลืมโทรมานะ”


“ใช่ ต้องโทรรายงานตัวทุกชั่วโมงนะลิน แล้วก็ห้ามนอกใจด้วย”


“ได้ครับ รับทราบแล้วนะ คิตตี้คนขี้หวง ไปเร็วคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ลินก็กลับมาแล้ว”


ยิ่งฟังยิ่งอยากจับไอ้เด็กพวกนี้มาบีบๆแล้วขยำเป็นก้อนก่อนจะเตะโด่งออกไปนอกโลก ทำตัวได้เป็นจุดสนใจ ไม่แคร์ใคร และน่ารำคาญเอามากๆ แค่จะไปค้างคืนต่างจังหวัดคืนเดียว พวกนี้ร่ำลากันเสียจนทำให้นึกว่าผู้ชายต้องไปรบสงครามโลกเสียอีก


“แล้วถ้ามีรุ่นพี่คนไหนมาเกาะแกะก็ด่าไปเลยนะลิน คนเขามีเจ้าของแล้ว พูดดีๆยังไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็สมควรจะด่าสักที”


ดาวมหาลัยที่นับวันผมก็ยิ่งไม่อยากได้มาครอบครอง หันมาจ้องหน้าผมตอนที่บอกประโยคนี้กับแฟนตัวเอง ผู้หญิงขี้หึงแบบนี้ ถ้าได้มาเป็นแฟน คงต้องได้เป็นไมเกรนแน่ๆ






“เอาหล่ะครับ มากันครบแล้ว งั้นเราก็จะออกเดินทางกันเลยนะครับ Let’s go!!”


ไอ้หนุ่มเป็นประธานรุ่นผมและก็เป็นประธานค่ายรักน้องนี้ด้วย หลังจากมันให้สัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อย รสบัสคันแรกที่ผมนั่ง ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าคณะวิทยาศาสตร์ ตามมาด้วยรสบัสอีกสามคันที่มีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่นั่งคละกันอยู่


“ไอ้เอส แลกที่กับกูหน่อย”


“อะไรมึง กูจะนั่งกับน้องกู”


“สายมึงมันไม่มีความน่าตื่นเต้นเหลือแล้วเหอะ เล่นแหกปากเฉลยกับน้องตั้งแต่เปิดเทอม”


“เอ้า กวนนะมึง สายใครสายมันเว่ย อย่ายุ่ง ไปไป๊ ชิ่วๆ”


“แล้วถ้าบลูขวดนึงหล่ะ”


“แหม คุณภูอยากนั่งตรงนี้ก็ไม่บอกผมนะครับ เชิญครับ เชิญนั่งได้เลย กระผมขอตัวไปนั่งที่อื่นนะครับ ปริญนั่งนี่ไปนะ เดี๋ยวเจอกันที่ค่าย”


บอกแล้วว่าคนอย่างไอ้เอสคือคนประเภทที่ผมชอบที่สุด ไม่ต้องอ้อมค้อม ขอแค่ผลประโยชน์ลงตัวก็เคลียร์กันได้แล้ว


“จะไปไหน”


ส่วนไอ้เด็กนี่คือคนประเภทที่ผมไม่ชอบที่สุด พูดยากแล้วยังพูดไม่รู้เรื่องด้วย


“เดี๋ยวผมไปนั่งที่อื่น พี่ภูจะได้นั่งสบายๆไงครับ”


“ออกได้ก็ไป”


ผมยื่นมือไปยันกระจกรถฝั่งที่ไอ้เด็กจืดมันนั่ง พูดง่ายๆว่ามันจะลุกออกไปได้ ก็ต่อเมื่อลอดผ่านแขนผมที่กั้นมันไว้เท่านั้น


“.........”


“นอนๆ ไม่ต้องเรื่องมากแล้ว นั่งไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ นั่งๆไปเถอะ”


พอผมเห็นมันไม่ตั้งท่าจะหนีแล้ว เลยเอามือออกมานั่งกอดอกหลับตาเพื่อเตรียมนอนอย่างที่พูด เด็กนี่ก็นั่งตัวเกร็งไปสักพัก จนกระทั่งมันคิดว่าผมหลับแล้วนั่นแหละ ถึงได้ยอมผ่อนไหล่แล้วหลับตานอนบ้าง


ผมที่แกล้งหลับตั้งแต่ขึ้นรถเลยได้ข้อมูลใหม่ว่าไอ้เด็กจืดหลับโคตรง่าย หลังจัดท่านอนไม่ถึงห้านาทีก็หลับปุ๋ยเหมือนเด็กๆเลย


อืม


เวลาสิ้นฤทธิ์แบบนี้ก็น่ารักดีแฮะ






หลังจากพวกเราใช้เวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมง ตอนนี้ก็มาถึงรีสอร์ตที่พวกผมได้มาดูสถานที่ก่อนหน้านี้ไปแล้วรอบหนึ่ง และเมื่อวานผมก็ยังฝากรถให้ไอ้จั๊ดขับพาเพื่อนคนอื่นๆมาเตรียมความพร้อมไว้แล้วด้วย ความปลอดภัยคือสิ่งที่พวกผมให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง คณะอื่นจะรับน้องโหดยังไงผมก็ไม่รู้นะ แต่คณะผมบอกได้คำเดียวว่า “บุกน้ำ ลุยไฟ” ไม่ใช่น้องนะ แต่เป็นรุ่นพี่นี่แหละ เอาเป็นว่าขาดแค่เสลี่ยง พวกน้องๆก็เรียกได้ว่าถูกปรนนิบัติประหนึ่งเจ้าขุนมูลนายเลยทีเดียว


เราให้น้องไปทานข้าวเที่ยง ก่อนจะมาแบ่งกลุ่มเล่นเกมตามฐาน ส่วนหน้าที่ของพวกผมก็คือการลำเลียงกระเป๋าทุกใบของน้องเข้าที่พักระหว่างที่น้องทานข้าว จากนั้นรุ่นพี่จึงค่อยผลัดกันไปนั่งทานข้าวระหว่างที่น้องๆเล่นฐาน ซึ่งแต่ละฐานพูดได้คำเดียวว่า “กิ๊กก๊อก” เพราะรวมไว้ซึ่งเกมปัญญาอ่อนทั้งหลายบนโลก อาทิ แข่งกินขนมโก๋ ล้วงปี๊บทายชื่อของที่อยู่ข้างใน ใบ้คำ วิ่งเปรี้ยว และลิงชิงบอล ถึงแม้ชื่อแต่ละฐานจะตั้งให้เปรี้ยวซ่าส์หลุดโลก แต่กิจกรรมก็เอาฮาล้วนๆ ส่วนบทลงโทษกลุ่มที่แพ้ในแต่ละฐาน ก็โหดมากๆ นั่นก็คือ “การเต้นสันทนาการ” นั่นเอง


แต่หลังจากเข้าฐานจนแต่ละกลุ่มวนมาถึงฐานสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดใจอีกแล้ว ก็จะเป็นเพราะใครกันหล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้เด็กตัวขาวข้างๆ


“อวดเก่ง”


ผมพูดลอยๆ แต่จงใจให้มันได้ยิน


“ครับ?”


แต่ลืมไปว่าไอ้เด็กนี่มันเอ๋อ มันจะเข้าใจได้ยังไง


“ผิวบอบบางอย่างนี้ โบกคาลาไมน์แล้วเปิดแอร์นอนไม่ดีกว่ารึไง”


ในเมื่อพูดอ้อมๆไม่เข้าใจ ก็ต้องพูดมันตรงๆนี่แหละ หมั่นไส้เด็กนี่ แพ้น้ำทะเลแต่ยังทำอวดเก่งจะร่วมกิจกรรมตามฐานต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องมีคลุกน้ำคลุกทรายบ้างตามประสา ตอนนี้ร่างสูงที่เตี้ยกว่าผมหน่อย เลยยืนตัวแดงไม่ต่างจากกุ้งต้มรอเพื่อนเล่นฐานสุดท้าย นั่นก็คือลิงชิงบอลในทะเล(ตื้นๆ)


“ไม่ได้แพ้มากครับ ความจริงไปเล่นก็ไหว”


ยัง มันยังทำเป็นเก่งไม่เลิก ตาขวาผมนี่กระตุกยิกๆหลังจากฟังมันพูดจบ


“เอาหน่าน้องปริญ กันไว้ก่อนนะจ๊ะ ฐานนี้ก็ฐานสุดท้ายแล้ว ให้เพื่อนเล่นแทนเนาะ อันนี้ต้องลงน้ำตรงๆเลย พี่กลัวน้องเป็นมาก”


เสียงของหวาน เฮดฝ่ายพยาบาลบอกไอ้เด็กจืด หึ แต่ดูท่าไอ้เด็กนี่ก็อยากจะโชว์สปิริตจริงๆ น่ารำคาญมากๆ


“ครับ”


“น้องมันอยากลงก็ปล่อยมันลงสิหวาน ถึกๆแบบนี้ ไม่เป็นอะไรหรอก”


อดไม่ได้ที่จะแขวะมัน ถึงมันจะไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าถึก แต่ส่วนสูงร้อยแปดสิบ กับกล้ามเนื้อสมส่วนแบบผู้ชายดูแลตัวเอง ก็ทำให้มันกลายเป็นไอ้ถึกสำหรับผมได้แล้วกัน ถ้าตัดเรื่องผิวขาวเนียนกับข้อศอกอมชมพูไปก่อนหน่ะนะ


“พอเลยๆ หยุดบิวท์น้องได้แล้ว เหงารึไงจ๊ะ หาเพื่อนเล่นน้ำก็พูด”


หวานได้ทีก็รีบปกป้องไอ้เด็กจืดมันใหญ่


“ตลกละ”


หมั่นไส้ที่ใครๆก็รุมโอ๋แต่มัน ตั้งแต่ขึ้นรถจากกรุงเทพจนถึงประจวบก็ยังไม่หยุด สต๊าฟผู้หญิงนี่ก็ลำเอียงเห็นๆ คำก็น้องปริญ สองคำก็ปาลิน ทั้งๆที่เด็กนี่มันนอนหลับตลอดทาง ก็ยังผลัดกันคอยแวะเวียนมาดูว่ามันขาดเหลืออะไรบ้าง เหอะ เสน่ห์แรงเหลือเกิน


“เห้ยยยยย”


เสียงใครสักคนร้องออกมา ผมมองตามไปจนเห็นเพื่อนที่เป็นสต๊าฟของผมคนหนึ่งพยายามว่ายน้ำไปเอาลูกบอลที่ลอยไปไกล แต่อยู่ดีๆมันก็ผลุบหายไป


“ไอ้ต้าร์”


ผมรีบพุ่งตัว ว่ายน้ำไปตามทิศที่เพื่อนอยู่ โชคดีที่ทุกคนสวมชูชีพไว้ตั้งแต่เริ่มฐาน จึงไม่ต้องกังวลมากนักเพียงแค่คลื่นพัดมันออกมาไกลไปหน่อย ไอ้ตาร์มันเลยกลับเข้าฝั่งเองไม่ได้ ตอนผมว่ายถึงตัวมัน มันกำลังพยายามผลุบๆโผล่ๆฝืนตัวเองไม่ให้คลื่นพัดออกไปไกลกว่าเดิม ผมจัดการคว้าเชือกที่ผูกอยู่กับเสื้อชูชีพของมันเพื่อลากกลับเข้าฝั่ง ถึงจะเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องว่ายน้ำทวนกระแสคลื่นที่กระทบฝั่ง แต่เพราะไอ้ตาร์ยังมีสติดี ส่วนผมก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ดังนั้นการช่วยมันขึ้นฝั่ง จึงไม่มีปัญหาอะไร


เว้นก็แต่ ตอนว่ายน้ำมาช่วยไอ้ต้าร์ จำได้ว่าใครอีกคนก็กระโดดตามมาช่วยดึงมันขึ้นฝั่งเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกไอ้จั๊ด แต่พอขึ้นจากน้ำมาเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ


แม่งเอ๊ย!!!


“มึงตามลงมาทำไม!”


ผมตะคอกไอ้เด็กจืดด้วยความโมโห มีอย่างที่ไหน ตัวเองแพ้น้ำทะเลแท้ๆ แต่ยังลงน้ำตามผมไปช่วยไอ้ตาร์ ไม่เจียมตัวเองสักนิด


“ก็ผมจะช่วยพี่ต้าร์”


“กูก็ช่วยอยู่นี่ไง”


“ผมกลัวพี่ไม่ไหว”


“กูเก่งไง! แม่ง ใครใช้ให้มึงลงมาวะ”


ยิ่งมันต่อล้อต่อเถียงยิ่งอดไม่ได้ที่จะคว้าต้นแขนมันให้หันมาจ้องตากันตรงๆ


“ใจเย็นมึง ไอ้ภู ค่อยพูดค่อยจาดิวะ”


เป็นไอ้จั๊ดที่รีบวิ่งเข้ามาห้าม พอเห็นผมเริ่มน็อตหลุด


“สัด มึงไม่ต้องพูดเลย พวกมึงไปไหนมา ปล่อยให้น้องมันลงไปได้ไง เนี่ย มันแพ้น้ำทะเลเนี่ย ชิบหายหมดแล้ว แดงหมดแล้วสัด”


โมโห พูดได้คำเดียวว่าโมโหมาก ตอนนี้ถ้าพ่นไฟได้ ผมทำไปแล้ว


“ไอ้ภูมึงใจเย็นเว้ยเฮ้ย หวานกับเดียร์มาพาน้องปริญไปเหอะ”


ไอ้ปาล์มเรียกหวานกับสต๊าฟพยาบาลคนอื่นที่กำลังทำตัวไม่ถูก ว่าควรดูไอ้ต้าร์ก่อน หรือดูทางนี้ก่อน


“ปะๆๆ ไปจ้ะ น้องปริญไปกับพี่”


หวานพยายามแกะมือผมออกจากต้นแขนไอ้เด็กจืด แต่..


“เดี๋ยว!!”


ผมที่กำลังจะปล่อยแขนเด็กนี่ออกอยู่แล้ว ถ้าไม่ดันไปเห็นอะไรบางอย่างเข้าก่อน


“มึงได้แผลหรอ ได้แผลได้ยังไง”


ไอ้จืดที่ควรเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้พริกเพราะตัวที่โคตรแดงของมัน ยังคงทำตัวเหมือนจะทดสอบขีดความอดทนของผมต่อไป


“กูถาม!!”


“เอ่อ..ครับ คงขูดกับโขดหิน ตอนดึงพี่ต้าร์ขึ้นมา”


หัวเข่าที่เปลี่ยนจากชมพูเป็นแดงเพราะมีเลือดซึม หน้าแข้งก็ดูช้ำๆ ไหนจะข้อเท้าที่ดูปูดขึ้นมาอย่างผิดปกตินั่นอีก


“เชี่ยเอ๊ย มึงแม่ง แล้วเสื้อชูชีพอะไรก็ไม่ได้ใส่นะ”


ผมนี่โคตรโมโหมันเลย ใครใช้ให้มันลงไป ถึงตัวผมจะไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพเพราะอยู่ฝ่ายไทม์เมอร์คอยจับเวลากิจกรรม แต่ผมก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยนะเฮ้ย ยังไงผมก็เสี่ยงน้อยกว่ามันอยู่แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห


“เออ มึงๆๆ น้องจะเป็นมากเพราะมัวแต่คุยกับมึงนี่แหละ ปล่อยน้องไปทำแผลก่อนดีมั้ย”


เป็นไอ้ต้าร์ที่คงหายตกใจแล้วพูดขึ้นก่อน


“มึงก็เหมือนกันนะไอ้ต้าร์ บอลไปไกลก็ปล่อยมันไปสิวะ จะตามไปเก็บทำไม อวดดี”


ผมด่าไอ้ห่าต้าร์เพราะฝืนกฏเรื่องความปลอดภัย แต่ท้ายประโยคผมตั้งใจหันไปหาไอ้จืด


“โอ้โห องค์ลงมากครับ ห่วง เอ้ย โมโหม๊ากมาก ปะ เพื่อน มึงก่อนเลย ไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วสงบอารมณ์กันเนาะ”


ไอ้จั๊ดกับไอ้ปาล์มลากผมออกมา ไอ้จืดก็ได้แต่ทำหน้าจืดๆปล่อยให้ยัยหวานจูงแขนลากไปอีกทาง







“พวกมึงแม่งจะรีบลากกูออกมาทำไมเนี่ย”


“ชัดไป๊ มึงเนี่ยชัดเกิ๊น”


“ชัดเหี้ยอะไร”


คนกำลังโมโหก็ยังจะกวนตีน พูดจาวกวนอยู่ได้


“ก็ที่หวงน้องจืดมึงเนี่ย”


“กูไม่ได้หวง”


พวกห่านี่ถ้าไม่โดนตีนจริงๆสักทีคงไม่หยุดพล่าม


“งั้นห่วง”


“กูไม่ไ..”


ก็อยากจะเถียงมันอยู่หรอก ถ้าไม่ติดที่ไอ้จั๊ดมันพูดขัดขึ้นก่อน


“อย่าเถียง ไปเลย ไปอาบน้ำให้หายบ้า หวงหรือห่วงเค้าก็รีบอาบน้ำแล้วตามไปนั่งเฝ้านู่น ป่านนี้ทีมพยาบาลจับแก้ผ้าทาคาลาไมน์แล้วมั้ง”


“งั้นกูไม่อาบละ”


แค่คิดก็ยิ่งปรี๊ดกว่าเดิม


“สัด ไม่ได้ อาบก่อน ตัวมึงมีแต่น้ำทะเลนะ น้องมันแพ้นะเว่ย”


ผมโคตรจะรำคาญเสียงไอ้ปาล์มกับสายตาไอ้จั๊ด เลยยอมเดินไปอาบน้ำโดยไม่เถียงกับพวกมันอีก กูไม่ได้ห่วงว่าใครจะแพ้อะไรหรอกนะเฮ้ย โตๆกันแล้ว ดูแลตัวเองไปสิ





..ปาลิน..




ผมกำลังสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากใครบางคนที่จ้องแต่จะแขวะผมมาตั้งแต่เช้า


“เสื้อนี่จะคอกว้างไปไหน แฟนไม่มาคุมแล้วคิดจะอ่อยเหยื่อรึไง”


เที่ยง


“ตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ ก็ไม่ต้องอวดดีโชว์แมนต่อหน้าสาว”


แล้วก็ริบผัดกระเพราผมไป เปลี่ยนมาเป็นไก่กระเทียมที่ผมเห็นว่าหมดไปแล้วก่อนหน้านี้


และตอนนี้


“ถอดเสื้อ”


“ครับ?”


“บอกให้ถอดเสื้อไง”


“ถอดทำไมครับ”


อยู่ดีๆพี่แกก็เดินเข้ามา แล้วไล่เพื่อนผมออกจากห้องที่พวกเราต้องใช้นอนในคืนนี้


“ถอด”


เหมือนผมไปทำอะไรให้คนตรงหน้าหงุดหงิดมากๆ เจ้าตัวเลยยืนทำหน้ายักษ์กอดอกยืนมองผมอยู่ข้างเตียง แต่ในมือมีขวดคาลาไมน์ด้วยแฮะ


“ผมทาแล้วครับ”


ผมลองเดาเจตนาคนตรงหน้าเอาเอง


“ใครทาให้”


รังสีทำลายล้างกำลังเผาไหม้ห้องนี้จนผมเริ่มเหงื่อตก


“ทาเองครับ”


รังสีที่ว่า ดูจะทุเลาความรุนแรงลงไปเล็กน้อยหลังผมตอบเสร็จ


“แล้วจะทากลางหลังได้ไง”


“......”


ผมควรจะตอบพี่เขาว่ายังไงถึงจะพอใจกันนะ


“หรือจะให้ถอดให้”


ผมรีบถอดเสื้อออก เพราะคิดว่าคงช่วยยุติปัญหาที่ผมก็ยังไม่รู้สาเหตุนี้ได้


“กินยาแก้แพ้รึยัง”


น้ำเสียงห้วนๆก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงเกือบปกติแบบที่ผมเคยได้ยิน


“กินแล้วครับ”


“แล้วมันกัดกระเพาะรึเปล่า ได้ถามหวานมั้ย”


“ไม่ได้ถามครับ”


“จิ๊ มึงนี่จริงๆเลยนะ ไอ้จืด”


และแล้วน้ำเสียงเกือบปกติ ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ


“ครับ?”


ผมควรทำยังไงพี่เขาถึงจะไม่โมโหขึ้นมาอีก ปกติก็ไม่เคยเห็นพูดกูมึงกับผมหรือรุ่นน้องคนอื่นเลย หรือพี่เขาจะไม่ชอบผมมากจริงๆ


“หันหลัง”


ผมหันหลังให้พี่เขาอย่างว่าง่าย คิดเอาเองว่าถ้าเชื่อฟัง เดี๋ยวพี่ภูก็คงหายโกรธหรือเลิกไม่ชอบผมได้ในสักวัน เจ้าของฉายาภูสอยดาวนั่งลงตรงขอบเตียงทางด้านหลังของผม จากนั้นก็จัดการทาคาลาไมน์ลงบนหลังผมด้วยความแผ่วเบา สงสัยจะเคยชินจากเวลาเอาใจผู้หญิง เพราะพี่เขาทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาเซรามิค ถ้าจับแรงก็กลัวจะแตก ค่อยๆลูบค่อยๆทา ผมก็อยากจะขำนะ แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ปล่อยคนโตกว่าคิ้วผูกโบว์ ทาไปบ่นไป ทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังจนพี่เขาพอใจนั่นหล่ะ


“เอาขามา”


“ผมทาทั่วแล้วครับ”


อันนี้เรื่องจริง ผมเทคาลาไมน์เต็มฝ่ามือแล้วลูบๆป้ายๆ แป้บเดียวเสร็จ จนมีสภาพเป็นของแปลกตัวสีชมพูอย่างที่เห็น


“ไม่ได้จะทายา จะดูแผล”


ผมไม่กล้าถามอะไรอีก เพราะหน้าพี่เขาเหมือนคนพยายามข่มอารมณ์อะไรสักอย่าง ผมยังไม่อยากเบ้าตาเขียว ก็เลยต้องเงียบๆไว้ก่อน


“ยกขึ้นมาทั้งสองข้าง”


ผมมองสายตาดุๆนั่นแป๊บนึง ก่อนจะยอมเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาไว้บนเตียงตามที่บอก พี่ภูสอยดาวก็ค่อยไล้นิ้ววนตามแผลที่ผมมี ก็แค่หัวเข่าถลอก แข้งช้ำนิดหน่อยและข้อเท้าบวม สงสัยกะแรงผิดตอนพยุงพี่ต้าร์ขึ้นฝั่ง


“ไม่เจ็บเลยนะพี่ ผมถึกจะตาย”


อะไรบางอย่างในตาคู่นั้นทำให้ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด


“ถึก?”


“เอ่อ ครับ”


“อย่าบอกนะว่าที่มึงลงไปช่วยไอ้ต้าร์ เพราะกูแขวะว่ามึงถึก”


หื้ม อะไรว้า แขวะ? ใคร? ยังไง? ตอนไหน? ผมงงไปหมดแล้ว


“เปล่าพี่ ผมเห็นว่าพี่ผู้ชายไปยกเครื่องเสียงกันหมด ไม่มีใครอยู่ ผมเลยไปช่วยพี่ต้าร์”


อยู่ดีๆก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆ เลยได้แต่เดาคำตอบที่คนตรงหน้าน่าจะพอใจ


“อวดดี”


ด่าแต่สายตาไม่ฟาดฟันเท่าเมื่อกี๊ อย่างน้อยคำตอบผมคงพอโอเค


“แล้วนี่ใครทำแผลให้”


ผมต้องลุ้นอีกรอบว่าควรตอบอย่างไรดี


“เอ่อ พออาบน้ำเสร็จ พี่หวานก็มารอทำแผลให้ที่หน้าบ้านเนี่ยครับ”


คำตอบนี้ก็น่าจะรอดแฮะ เพราะผมเห็นพี่เขาคลายปมที่หัวคิ้วจนรอยหยักบางลงไปตั้งเยอะ


“หิวมั้ย”



“ยังครับ”


ซวย คำตอบนี้ไม่รอด สายตาพิฆาตมาอีกแล้ว


“แต่..ก็เริ่มหิวนิดๆแล้วครับ”


โอ้โหปาลิน ถ้าจะกลัวตายขนาดนี้


“อะนี่ กินซะ แล้วยังไม่ต้องออกไป ตัวหายแดงแล้วถึงออกไปได้ เข้าใจมั้ย”


“ครับ ขอบคุณครับ”


ผมเลือกที่จะพูดให้น้อยที่สุด ยกมือไหว้ขอบคุณคนตรงหน้า ก่อนจะรับถุงข้าวกล่องกับน้ำที่ผมไม่ทันรู้ว่ารุ่นพี่ฝ่ายไทมเมอร์คนนี้ ถือติดมือมาด้วยตอนไหน


เอ๊ะ หรือพี่แกไม่ได้เป็นไทม์เมอร์แล้ว แต่อยู่ฝ่ายพยาบาลแทน ผมเกาหัวแกรกๆ มองตามคนที่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ภูเขาไฟ” เดินออกไปจากห้องจนกระทั่งประตูปิดลง


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

อ่านคอมเมนท์แล้วมีแรงใจ ฮึบๆๆ

.。・:*:・(✿◕3◕)❤(◕ε◕✿)・:*:・。.
 
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 13-09-2017 20:04:46
สนุกมากๆครับ  ลุ้นๆคนมึน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 13-09-2017 21:36:31
 :hao7: มีความหวงอย่าชัดเจน......  :hao7:  :hao7:  :hao7: ต่อด่วนค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 14-09-2017 07:30:22
พี่ภูเอ้ย ไม่หวงไม่ห่วงเลย แค่ตามติดน้องแทบยี่สิบสี่ชั่วโมง แค่นั้นเองเนอะ 555
ไหน ใครโตแล้วก็ดูแลตัวเองไปสิ ชอบการแอบจิ๊กข้าวไก่กระเทียมไว้ให้น้องอ่ะ น่ารัก
นี่ขนาดยังไม่รู้ใจตัวเองนะ ยังเป็นหนักขนาดนี้ นึกสภาพตอนพี่ภูรู้ตัวแล้วออกเลย
ว่าจะทั้งรักทั้งหลง ทั้งหวงทั้งห่วงน้องขนาดไหน ไม่ให้ใครเข้าใกล้เลยมั้งนั่น
ชอบความใจเย็นของน้องลินมาก โดนตวาดขนาดนี้ น้องยังใจเย็นไม่โกรธด้วย น่ารักจัง
รอเมื่อไหร่ คนซึนจะรู้ใจตัวเองเสียที น้องคิดว่าโดนพี่ภูไม่ชอบขี้หน้าไปแล้วนั่น
แต่จริง ๆ ก็สนุกดีนะ ได้เห็นพี่ภู อารมณ์ขึ้นๆ ลง ๆ แล้วก็สมน้ำหน้าคนชอบแย่งแฟนเขาชอบกล ฮาาาา
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2017 09:20:26
องค์ลงขนาดนี้ยังปากแข็งไม่รู้ใจตัวเองอีกนะคุณพี่ภู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 14-09-2017 10:13:43
55555555555 อนาคตน้องลินนี่ไม่พ้นมีแฟนขี้หึงแน่ๆค่ะะะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หกღ "แพ้ทะเล" ☛ 13.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-09-2017 10:45:30
โธ่พี่ภูจ๊ะ ขนาดนี้ก็รู้ตัวได้แล้วมั้ง เพื่อนสนิทยังรู้กันหมดตัวเองดันไม่รู้เสียนี่

ปล. เรื่องนี้มีทั้งหมดกี่ตอนเหรอคะ (มีความอยากรู้)
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เจ็ดღ "เปล๊า!!" ☛ 14.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 14-09-2017 21:10:46
❥・ใจดวงที่เจ็ด・❥



เปล๊า!!



..ภูฟ้า..



“ไงมึง นั่งทำหน้าเป็นตูด ปล่อยพวกกูหาให้ควั่ก”


“อืม”


“กินข้าวรึยัง”


“อืม”


“ไปดูน้องมาแล้ว?”


“อืม”


“ทายาให้น้อง?”


“อืม”


“ปล้ำน้อง?”


“อืม เฮ้ยยย ไม่ใช่ กูแค่คิด ยังไม่ได้ทำ”


ตุบ เสียงถุงขนมในมือไอ้ปาล์มร่วงลงกับพื้น พวกตั่วเฮียหรี่ตามามองผมโดยพร้อมเพียง


“เออๆๆๆ กูยอมรับ มันขาว มันนุ่ม อยู่ดีๆในหัวกูเลยแวบขึ้นมา ว่าผู้ชายกับผู้ชายเวลาเอากันมันจะยังไงวะ ทำไม พอใจพวกมึงรึยัง”


ผมที่กำลังสับสนและทะเลาะกับตัวเองจนกินข้าวไม่ลง อุตส่าห์ปลีกวิเวกจากสาวๆที่ชวนไปนั่งกินด้วยกัน ยังไม่วายต้องมาเจอไอ้พวกนี้กวนอีก


“ชัดเจน”


ไอ้จั๊ดได้สติก่อนเลยดึงมือไอ้ปาล์มให้นั่งตามลงมา


“ชัดเจนอะไรของมึง”


ผัวะ


“โอ๊ยยย เจ็บนะเว่ยไอ้ปาล์ม”


ไอ้ปาล์มตบจนสมองผมแทบเคลื่อน ฟาดมาได้ ไอ้นี่


“โอ้โห อยากล่อน้องเค้าขนาดนี้ ถอนคำพูดเรื่องจะงาบน้องม่านแพงเลยนะมึง”


“กูไม-”


“งั้นพวกกูไม่ช่วย”


“ช่วยอะไรของมึง”


“เอ้า ก็ช่วยให้มึงได้รู้ไง ว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกัน แล้วมันเป็นยังไง หึหึหึ”


“เชี่ย แค่คิดก็ขนลุกแล้วสัด”


ผมสยองกับคำพูดไอ้ปาล์ม ไอ้ห่าเอ๊ย แค่คิดว่าต้องนัวกับผู้ชายด้วยกัน ผมก็ขนลุกแล้วเนี่ย


“อะๆ กูพูดผิด กูควรจะระบุให้ชัดไปเลย”


“ระบุอะไรของมึง”


“ก็ถ้ามึงถอนคำพูดเรื่องที่จะจีบน้องม่านแพง กูกับไอ้จั๊ดก็จะช่วยทำให้มึงสมหวังกับน้องปริญเอง แต่ถ้าไม่...พวกกูก็จะขัดขวางทุกทาง แถมยังจะใส่พานเอาน้องไปถวายคนอื่น นี่กูก็พึ่งได้ยินมาเองนะ ว่าพี่อาร์พี่รหัสไอ้จั๊ด กำลังตามหาเบอร์น้องเอาไปให้เพื่อนเขาคนที่เป็นเดือนคณะแพทย์ด้วยหว่ะ แล้วไหนจะคนที่หมายตาน้องปริญไว้แต่ไม่กล้าจีบ ถ้าพวกนั้นรู้“ความลับ”ของน้องเข้า หึหึ งานนี้กว่ามึงจะรู้ใจตัวเอง กูว่าคู่แข่งคงเป็นแสน”


“เอาเลยไอ้ปาล์ม กูมีเบอร์มินนี่ มึงโทรไปบอกเลย ไอ้ภูมันไม่สนใจหรอก”


“ไอ้จั๊ด มึงกดโทรเลย เดี๋ยวกูพูดเอง”


สองคนนี้ได้ทีก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย


“หยุดเลยนะไอ้จั๊ด มึงวางโทรศัพท์ลงเดี๋ยวนี้ กูถอนคำพูดก็ได้ พอใจยังสัด”


ฮึ่ย ไอ้เพื่อนเวร ริอาจมาทำตัวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ยุแยงตะแคงรั่วให้สมองผมทำงานปั่นป่วน แล้วยังมีหน้ามายิ้มกรุ่มกริ่มให้ผมอีกนะ อยากจับหัวพวกมันกระแทกโต๊ะแรงๆสักทีจริงๆเลยแม่ง


“หึหึหึ”


ไอ้ปาล์มกับไอ้จั๊ดหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เอาจริงๆผมว่าที่พวกมันยินดีปรีดาที่จะช่วย ก็คงเพราะความลับที่บังเอิญไปรู้มานี่แหละ พวกผมสามคนได้ยินมาเองกับหู ว่าไอ้จืดกับน้องม่านแพงเป็นแฟนกำมะลอกัน ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ และก็ยังไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่ไอ้พวกนี้ก็พาผมไปฉลองในโอกาสที่จะไม่ต้องพรากผัวพรากเมียใครในคืนนั้นเลย เรื่องเนียนกินเหล้านี่ขอให้บอกพวกมัน


“อะ ทีนี้ก็ตาพวกมึงว่ามาได้แล้ว ว่าจะช่วยกูยังไง ขนาดตัวกูเอง ก็ยังไม่รู้เลยว่าคิดอะไรกับเด็กนั่นรึเปล่า”


ผมสารภาพความรู้สึกสับสนที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ออกไป ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ชอบไอ้เด็กจืดรึเปล่า ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่ไอ้อาการคันยิบๆที่ใจ กับเวลาไอ้จืดทำอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด รวมกับเรื่องที่เกือบจะปล้ำมันเพราะทนความขาวไม่ไหว ก็คงต้องยอมจำนนต่อหลักฐานและยอมรับทั้งๆที่ไม่เต็มใจ ว่าบางทีผมอาจจะอยากลองอะไรที่แปลกออกไปจริงๆนั่นแหละ แต่แค่ลองนะ เพราะคนอย่างผม ไม่เคยมีความคิดจะจริงจังอะไรกับใครอยู่ในหัวเลยสักนิดเดียว






หลังจากที่ปล่อยให้น้องๆเข้าที่พักและพักผ่อนกันตามอัธยาศัยเพื่อรอทำกิจกรรมตอนเย็น อันประกอบด้วยการแสดงตามกลุ่มที่น้องๆได้เตรียมกันมา แล้วก็ปิดท้ายด้วยการเฉลยสายรหัสและมอบอะตอมให้น้องที่ริมทะเล


ทุกอย่างในค่ายดูเป็นไปได้ด้วยดี น้องๆแต่ละคนก็ดูจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกับทั้งรุ่นเพื่อนและรุ่นพี่มากขึ้นด้วย ไอ้เด็กจืดที่ปกติเอาแต่อยู่กับม่านแพง พอถูกแยกมาให้อยู่คนเดียว ก็ดูจะยอมคุยกับคนอื่นมากขึ้น ถึงจะยังดูประหม่าอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ใครหลายคนกล้ามาคุยกับมันมากขึ้น


และก็เป็นไปตามคาด เมื่อตำแหน่ง “เดือนค่าย” ที่มาจากผลโหวตของทุกคน จะเทคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ไปให้กับ “ปริญ ปาลิน” และแน่นอนว่าหนึ่งในคะแนนเหล่านั้น ก็มีของผมด้วย


“ขอเชิญดาวและเดือนค่ายรุ่นก่อนๆออกมามอบตำแหน่ง และถ่ายรูปกับเฟรชชี่ขวัญใจชาวค่ายคนใหม่ด้วยนะค้าาาา”


เสียงบุ้งกี๋ “ดาวเทียมค่าย” ปีที่แล้วและรับหน้าที่โฆษกในปีนี้ประกาศขึ้น ผมที่กำลังนั่งชิลล์กับพวกไอ้จั๊ดไอ้ปาล์มอยู่ด้านหลังสุด เลยต้องลุกขึ้นเพื่อออกไปยังเวทีซึ่งเป็นแค่ยกพื้นเตี้ยๆหน้าห้องประชุมขนาดใหญ่แห่งนี้


“อ้าว กรี๊ดค่าาา กรี๊ดให้คอแตกกันเล้ย ไม่ใช่จะหาดูได้ง่ายๆนะคะ ผู้ชายหล่อๆมารวมตัวกัน ส่วนชะนีเราจะมองข้ามไปค่ะ”


งานนี้เรียกทั้งเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะให้กับมุกของโฆษกร่างเป็นชายที่ใจเป็นหญิง


“พี่ภูค้าาา ยืนตรงนี้เลยค่าาาา”


บุ้งกี๋ปราดเข้ามาควงแขนผมไปยืนข้างๆเดือนค่ายคนล่าสุดที่มีสายสะพายรีไซเคิลกับมงกุฏกระดาษสวมอยู่บนหัว เด็กจืดที่ยังมีร่องรอยคาลาไมน์สีชมพูอยู่ประปรายตามตัวจึงดูแปลกตาและน่าขำไม่น้อย


“ส่วนชะนีกับดาวเทียมที่สวยน้อยกว่าบุ้งกี๋ทั้งหลาย ก็เชิญหาโพสิชั่นกันเอาเองนะค้าา”


การจิกกัดของบุ้งกี๋เรียกเสียงฮาครืนจากผู้ชมร่วมสองร้อยชีวิตด้านล่างอย่างไม่ต้องสงสัย ตากล้องซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้ปาล์มนี่แหละครับ ที่จัดการเป็นคนรัวชัตเตอร์ เก็บภาพความประทับใจเอาไว้


“ทีนี้ขอรูปคู่หน่อยนะ”


เสียงไอ้ปาล์มที่จัดแจงให้ดาวเดือนค่ายแต่ละคนออกไปถ่ายคู่ มีทั้งดาวเดือนด้วยกันเอง และกับรุ่นพี่ ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ปาล์มก็จัดให้ผมได้ถ่ายกับเด็กจืดด้วย


กรี๊ดดดดดด


เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีที่ผมโอบไหล่เดือนค่ายคนล่าสุด เด็กจืดก็ทำหน้าเลิ่กลั่กหันมามองผมกับกล้องในมือไอ้ปาล์มสลับกัน


“กรี๊ดดดดด คู่จิ้นของบุ้งกี๋เองค่าาาาา ขออีกรัวๆเลยนะคะพี่ปาล์ม”


เสียงโฆษกดาวเทียมกรี๊ดไปก็รัวถ่ายรูปผมกับเด็กจืดด้วยสมาร์ทโฟนในมือไปด้วย และไม่ใช่แค่บุ้งกี๋ เพราะน้องๆค่ายหลายคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาทำตาม สงสัยวันนี้เพจของมินนี่คงจะเต็มไปด้วยรูปผมกับเด็กตัวชมพูแน่ๆ


“พี่ภูปล่อยก่อนครับ”


เด็กจืดพูดเสียงเบาแค่พอให้ผมได้ยิน แต่มีหรือที่ผมจะทำตาม


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ผมหันไปหาเด็กจืดแล้วถือโอกาสใช้มือเกลี่ยผมที่ปรกตาออกให้เบาๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้ายังไงออกไป รู้แค่ว่าเด็กจืดกำลังใช้ตากลมโตใสแจ๋วคู่นั้นจ้องเข้ามาในตาของผม ทำให้การมองเห็นทั้งหมดของผม ถูกตรึงไว้กับสายตาคู่นั้นไปแล้ว






เสร็จจากกิจกรรมการแสดงของเด็กปีหนึ่ง ที่ทำให้ผมได้เห็นเด็กจืดในอีกมุมหนึ่ง คนตัวชมพูที่ได้รับบทเป็นชายน้อยในการแสดงเรื่องพจมาน2017 เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะได้ไม่หยุด มาถึงตอนนี้ผมไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเด็กนี่ยังป้ายคาลาไมน์ลงบนผิวที่ดูจะหายแดงไปมากแล้ว นั่นคงเป็นเพราะการจะให้คนหล่อมาทำท่าทางตลกๆให้สมจริง อาจต้องพึ่งพาอุปกรณ์ไม่น้อย


ในตอนนี้ก็เป็นเวลาแสดงของพี่ปีสูง ไล่ขึ้นมาจากปีสอง สาม และปิดท้ายด้วยปีสี่ สำหรับปีสามที่ใช้ระบบการส่งตัวแทนมาแสดง จะเป็นใครเสียอีกหล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม เนื่องจากไอ้พวกเพื่อนๆทั้งหลายอยากผลักภาระ เลยยัดเยียดให้ผมที่ร้องเพลงได้ กับไอ้เอสที่เล่นกีตาร์เก่ง ให้ออกมาแสดงคู่กัน


“กรี๊ดๆๆๆ เจอพี่ภูอีกแล้ว หรือว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตคะ”


บุ้งกี๋บิดตัวเองไปมาทำท่าคล้ายกับกำลังเขินอาย


“สงสัยจะใช่นะครับ”


กรี๊ดดดดดดดด


ผมหัวเราะให้กับโฆษกสาวที่ตอนนี้ลงไปกลิ้งกับพื้นแล้วเรียบร้อย


“เอ่อ สนใจพี่บ้างครับ”


ฮาาาา


เป็นไอ้เอสที่พูดขึ้น เรียกเสียงฮาครืนจากทุกคนในห้องนี้


“สวัสดีค่ะพี่เอสที่มีน้องรหัสสุดหล่อน่าลาก ชื่อ ปาลิน ลิปนากุล”


บุ้งกี๋ที่เลิกดิ้นแล้วย่อตัวไหว้ไอ้เอสด้วยท่ากุลสตรีไทย เรียกเสียงฮาได้อีกระลอก


“อะๆๆ ปล่อยพี่เล่นเถ้อ เผื่อจะมีใครเห็นความหล่อจากเสียงกีตาร์ของพี่ มัวแต่คุยกันแบบนี้ คนไม่ใช่..ทำอะไรก็ผิด”


ไอ้เอสมันตบมุกตัวเองด้วยการรัวกีตาร์ เรียกบรรยากาศครื้นเครงให้ผมอดตื่นเต้นตามไม่ได้


“ใช่ค่ะ ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ ดังนั้น แฟนขาาาา วันนี้แฟนจะมาร้องเพลงอะไรให้บุ้งกี๋ฟังคะ”


บุ้งกี๋หันมาเล่นมุกแล้วจบด้วยการแทะโลมผม


“ฮ่าๆๆ เอาหล่ะครับ งั้นพี่ให้ไปฟังเองแล้วกันเนอะ ใครร้องได้ก็ร้องตามด้วยนะ”


ผมพยายามทำสมาธิไม่ให้หลุดขำการจือปากของบุ้งกี๋ เลยหันไปพักสายตาอยู่ที่เจ้าของแก้มสีชมพูที่นั่งกับพื้นไม่ไกลจากเวทีที่ผมนั่งอยู่


อะไรๆ ที่ฉันให้เธอ

ก็ทำให้เธอในฐานะ เพื่อนที่ห่วงใย

แค่คอยมองเธออยู่แค่ไกลๆ

แค่คอยเอาใจแบบ ไม่ให้รู้ตัว



ผมเรียนรู้ว่าเด็กจืดเป็นที่พักสายตาที่ดี ความตื่นเต้นในตอนแรกของผม ก็ดูจะเบาบางลงไปได้ แค่มองสบกับดวงตากลมคู่นั้น


อุตส่าห์พยายามเก็บไว้

อุตสาห์ไม่พูดออกไป

ยังเผลอแสดงออกไป ผ่านสายตา

อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ

แต่เธอไปฟังที่ไหนมา

ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้ได้ไง



กรี๊ดดดดดด


เสียงกรี๊ดดังขึ้น พร้อมกับผมที่เสียที่พักสายตาไป เด็กตัวชมพูก้มหน้าหลบตาผมด้วยการหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือ หึ น่าตีจริงๆ



เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า



กรี๊ดดดดด


ภูฟ้าปาลิน


กรี๊ดดดดด


เสียงสาวๆกรี๊ดกันใหญ่ หลังจากผมหยอกเด็กจืดด้วยการยักคิ้วให้ ตอนที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพอดี บางคนถึงกับตะโกนเรียกชื่อผมกับเด็กจืดเลยทีเดียว เท่ดีเหมือนกันแฮะ...ภูฟ้าปาลิน..


อะไรดีๆ ที่ฉันทำไป

ถ้าความเป็นจริงคือ ฉันตั้งใจจะให้เธอ

ที่เธอได้ยินว่าฉันรักเธอ

ถ้ามันเป็นจริงล่ะ เธอจะว่าไง



จากนั้นเด็กจืดก็ก้มหน้างุด ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีก ผมเลยหันไปกวาดตาทั่วห้องประชุม เพื่อจะส่งยิ้มให้กับทุกคนแทน งานนี้เรียกได้ว่า ผลตอบรับดีเกินคาด เพราะทุกคนตั้งใจกรี๊ดและตั้งใจอัดคลิปวีดีโอกันมาก บางคนถึงขั้นออกมาเกาะขอบเวทีเลยทีเดียว


อุตส่าห์พยายามเก็บไว้

อุตส่าห์ไม่พูดออกไป

ยังเผลอแสดงออกไป ผ่านสายตา

อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ

แต่เธอไปฟังที่ไหนมา

ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้ได้ไง




“ปริญ!”


เสียงไอ้เอสที่เปลี่ยนจากท่อนคอรัสเป็นการเรียกชื่อเด็กจืดให้เงยหน้าขึ้นมาแทน วินาทีนี้เรียกได้ว่าไอ้เอสมันรู้งานมากๆ เพราะนอกจากเสียงกรี๊ดจะถล่มทลายแล้ว ผมยังได้เห็นเด็กตัวชมพูจากคาลาไมน์เปลี่ยนเป็นตัวสีแดงจากความเขินอีกด้วย


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า




เด็กตัวแดงไม่กล้าก้มหน้าอีกเลย เพราะกลัวพี่รหัสตัวเองจะเรียกชื่อผ่านไมค์อีก ตอนนี้หน้ามันเลยงุ้ยๆยังไงก็ไม่รู้ ไอ้หน้างุ้ยๆ เอ่อ จะว่าไงดีหล่ะ ก็เป็นหน้าแบบที่รวมทั้งเขิน ประหม่า อาย และกังวลอยู่ในหน้าเดียว ถ้ามีน้ำตาคลอกับเบะปากอีกนิด จะยิ่งโคตรน่ารักน่าแกล้งเลย



เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า


กรี๊ดดดดดด


สาวๆยังคงจริงจังกับการกรี๊ดในทุกช่วงที่มีแต่เสียงกีตาร์ ส่วนคนตัวแดงก็ยังแดงเสมอต้นเสมอปลาย เพราะผมเอาไมค์ออกจากขาตั้งแล้วลงจากเก้าอี้มานั่งร้องอยู่หน้าเวที ฝั่งที่เด็กจืดนั่งอยู่ ฮ่าๆๆ ถ้าลุกมาเขย่าผมได้คงทำไปแล้ว ริมฝีปากแดงถูกขบเอาไว้อย่างคนที่กำลังลังเล แต่สีหน้าตอนนี้นี่แหละที่ผมว่าน่ารักโคตรๆ เลยร้องเพลงทั้งๆที่หุบยิ้มไม่ได้อย่างนี้นี่แหละ


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า

[เพลง เปล๊า ศิลปิน ต้น ธนษิต จตุรภุช]


กรี๊ดดดดดดด


เสียงไอ้เอสที่ร้องเป็นคอรัสเข้ากันได้ดีกับเสียงของผม ยิ่งรวมกับฝีมือกีตาร์ของมัน ยิ่งช่วยส่งให้เสียงของผมโดดเด่นขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าออกมาดีเกินกว่าที่คิดไว้เยอะ จากที่พึ่งเตี๊ยมกันเมื่อหัวค่ำ ตัวผมเลือกเพลงที่ช่วงนี้ติดปาก ส่วนไอ้เอสก็อาศัยความเทพ ซ้อมแป๊บๆก็ออกมาดีอย่างที่เห็น แต่ที่ทำให้ผมชอบที่สุด คงเป็นสีหน้าของเด็กจืดที่เปลียนไปเปลี่ยนมา จนผมรู้สึกว่าในเวลาแค่สี่นาที ผมได้ทำความรู้จักกับคนที่ชอบทำแต่หน้านิ่งตลอดเวลาผ่านเสียงเพลง


“กรี๊ดดดด พี่ภูของบุ้งกี๋ กรี๊ดดดดด”


บุ้งกี๋ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีก็ฉุดแขนผมให้ยืนขึ้น พร้อมทั้งกอดผมจากด้านหลังแล้วทำเสียงเหมือนคนร้องไห้กระซิกๆผ่านไมค์


“พี่เอสยังอยู่นะครับน้องบุ้ง”


“กรี๊ดดดด บุ้งกี๋ค่ะพี่ ขอเรียกเต็มๆ อย่าคิดว่าการเป็นพี่รหัสปาลิน ลิปนากุล จะได้รับสิทธิพิเศษนะคะ นี่คนน้องก็คว้าพี่ภูของบุ้งกี๋ไปเป็นคู่จิ้นออฟฟิเชียลได้จากเพลงเดียวแล้วเนี่ย ตอนแรกอิเมจิ้นเองก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ ฟินๆลอยๆ แต่พอที่จิ้นไว้มีแววจะจริง ใจบุ้งกี๋ก็เจ็บ กระซิกๆ”


เสียงบุ้งกี๋ตบมุกกับไอ้เอสเรียกทั้งเสียงฮาและเสียงกรี๊ดจากคนดู ผมที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เนียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งยิ้มเฉยๆ ในขณะที่เด็กจืดอายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน ถึงหน้าจะกลับมานิ่งแล้ว แต่หูที่แดงแจ๊ด ก็ทำให้คนพยายามปิดบัง น่ารักขึ้นอีกเป็นกอง




หลังจากเสร็จกิจกรรมในหอประชุมตอนเกือบห้าทุ่ม พวกเราก็พาน้องออกมาด้านนอก ค่ายนี้มีพี่ปีสี่มาเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ติดฝึกงานและทำโปรเจคท์ ดังนั้นหลังจากประกาศสายรหัสพี่ปีสี่จนครบ ตอนนี้ก็ถึงตาพวกผม


พวกเราปีสามและปีสี่ จับมือกันเป็นวงกลมแล้วก็ให้เวียนกันขานเลขรหัสตัวเอง น้องคนไหนที่ได้ยินเลขรหัสเดียวกัน ก็ให้ลอดเข้ามาในวงแล้วยืนหันหน้าเข้าหาพี่ปีสูงของตัวเอง จากนั้นปีสองสายรหัสเดียวกันก็จะถือเทียนกับสายสิญจน์ผูกข้อมือเดินมาหา แล้วยืนซ้อนอยู่ด้านหลังน้องอีกที


พอขานรหัสจนครบ ปีสองก็จะเป็นต้นเสียงในการร้องเพลงบายศรีสู่ขวัญเพื่อเป็นสัญญาณการต้อนรับน้องเข้าสู่สายรหัสและการเป็นน้องคณะวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ


โอ....โอ้ละเน้อ....น้องเอย
ลา...ลาลาลาลาลา...ล้าลาลาลาลาลา
โอ้ เจ้าน้องเอย พี่นี่ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล
จะรักเจ้า ดังดวงใจ มิคลายหน่ายนา
ลาลาลาลาลา ล้า ลาลาลาลาลา*



หลังจากที่บทเพลงบายศรีสู่ขวัญดังขึ้น บรรยากาศทั่วบริเวณก็เริ่มเข้าสู่ช่วงพิธีการ แสงเทียนถูกส่งต่อจากพี่สู่น้องทันทีที่แสงจากโคมไฟริมหาดดับลงจนหมด เกิดเป็นภาพทะเลเทียนนับร้อยส่องสะท้อนอาบไล้ชายหาดแข่งกับแสงจันทร์ ตรึงให้โสตประสาทการรับรู้ยิ่งซึบซาบบทเพลงที่มีทำนองเอื้อนติดหูและเนื้อร้องเว้าวอน


พี่ปีสูงจะเป็นคนมอบสร้อยพร้อมจี้อะตอมให้น้อง จากนั้นจึงใช้สายสิญจน์ผูกข้อมือให้ พร้อมกับการพูดอวยพรและต้อนรับน้องเข้าสู่สายรหัสของตัวเอง พี่บางคนก็พูดซึ้งมากจนน้องน้ำตาไหล บางคนก็มาสายฮา บางคนก็สายเกรียน เรียกเสียงหัวเราะให้ได้ยินประปราย พอพี่ปีสูงรับน้องเข้าสายเรียบร้อย ก็จะพอดีกับช่วงเวลาที่เพลงบายศรีจบลง พี่ปีสูงจะบอกให้น้องหันหลังไปหาพี่ปีสองของตัวเอง เพื่อให้น้องได้รับพรและการต้อนรับอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


สำหรับการเฉลยสายรหัสผมนั้น ต้องบอกว่าไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควร เพราะน้องปีหนึ่งรู้รหัสผมอยู่ก่อนแล้ว จากคอลัมน์สัมภาษณ์ต่างๆของมหาลัย ก็จะมีลุ้นนิดหน่อย ตอนเฉลยปีสองกับพี่ปีสี่ที่ลงทุนวีดีโอคอลมาอวยพรและรับน้องเข้าสาย สายของผมเป็นสายหญิงล้วน ถ้าไม่นับผม ส่วนสายไอ้เอสก็ชายล้วน โดยมีเด็กจืดเป็นความหล่อและความภาคภูมิใจของไอ้เอสมัน


เสียงกีตาร์ดังขึ้นโดยรุ่นน้องปีสอง ที่พวกผมได้เตรียมไว้ให้ร้องเพลงสร้างบรรยากาศตอนผูกข้อมือหลังจากเพลงบายศรีที่สร้างมนต์ขลังจบลง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงแนวความผูกพันธ์ ระหว่างนี้น้องปีหนึ่งก็จะเดินไปตามวงกลม เพื่อทำความรู้จักรุ่นพี่คนอื่นๆและขอให้ผูกข้อมืออวยพรให้


หลังจากผ่านไปเกือบสิบเพลง ในที่สุดเด็กจืดที่มีสายสิญจน์ผูกอยู่เกือบเต็มแขน ก็วนมาอยู่ตรงหน้าผม


“ว่ายังไงหล่ะชายน้อย”

ผมได้โอกาสแซวบทบาทที่เจ้าตัวพึ่งแสดงผ่านไปไม่นาน แสงเทียนในมือเด็กตรงหน้าช่วยสะท้อนริ้วแดงข้างแก้มให้ผมเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ก็มากพอจะทำให้ผมอารมณ์ดีเมื่อเห็นหน้างุ้ยๆที่เจ้าของแก้มสีระเรื่อแสดงออกมา


“โอ๋ๆๆ ไม่แซวแล้วครับ อย่าพึ่งไปนะ”


ผมรีบคว้าแขนเด็กจืดที่ตั้งท่าจะเดินไปหาเพื่อนผมที่ยืนถัดไป เพราะไม่ทันระวัง น้ำตาเทียนในมือเด็กขี้งอนเลยหกใส่หลังมือผมหลายจุด


“พี่เป็นยังไงบ้างครับ”


รู้สึกคุ้มที่เจ็บตัว ตอนนี้เด็กจืดกำลังสาละวนกับการสำรวจทั่วแขนและมือของผม เพื่อหาร่องรอยน้ำตาเทียนอีก


“ถ้าปาลินเป่านะ พี่หายทันทีเลยเชื่อสิ”


หยอดครับ ได้ทีต้องหยอด ผมหงายฝ่ามือ เพื่อกุมมือเด็กตรงหน้าไว้ก่อนที่จะหนีไปอีกรอบ


“ปล่อยครับ”


เด็กงอแงพยายามสลัดมือออกจากการกอบกุมของผม


“ไม่แกล้งแล้ว อย่าพึ่งหนีพี่สิ ยื่นแขนมาเร็ว พี่จะผูกข้อมือให้”


เด็กจืดทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมยื่นมือซ้ายที่ผมพึ่งปล่อยก่อนหน้านี้ ส่งกลับมาให้ผมอีกครั้ง


“ไม่เอาข้างนี้ มีแต่ของคนอื่น พี่จะผูกข้างขวา และต้องให้พี่ผูกข้างนั้นได้คนเดียวเท่านั้นด้วย”


หื้ออออ


เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนที่ข้อมือขวาจะถูกยื่นมาตรงหน้าผม


“ฮ่าๆๆ เก่งมากครับเด็กดี”


ผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งเด็กจืดอีกครั้ง ด้วยการลูบหัวเหมือนเวลาเจ้าของลูบขนน้องหมา แต่เพราะกลัวจะโดนโกรธไปมากกว่านี้ เลยรีบผูกสายสิญจน์บนข้อมือขาว


รู้สึกพิเศษ


เมื่อมองไปยังแขนอีกข้างที่มีทั้งสายสิญจน์และนาฬิกาข้อมือถูกสวมไว้อยู่ ผมยิ้มให้กับคนหน้าบูดที่ยังน่ารักไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้รับรอยยิ้มกลับคืนมา แต่ผมก็รู้สึกพอใจมากแล้ว


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า


เพลงที่ผมร้องในห้องประชุม ถูกเอามาร้องอีกครั้งโดยกลุ่มน้องปีสอง ผมหันไปมองตามเสียงเพลงแล้วก็ต้องกลั้นขำเมื่อเห็นมือกีตาร์ รู้สึกว่าการให้เหล้ามันขวดหนึ่ง คุ้มยิ่งกว่าคุ้มก็วันนี้


ไอ้เอสมันกำลังตีคอร์ดเพลงที่ผมกับมันพึ่งแสดงด้วยกัน ด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม มือก็เล่น ตาก็จ้องมาทางนี้ ปากก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ พอเห็นผมมองไปมันก็ยักคิ้วให้สองที ผมเกือบหลุดขำแต่ก็ต้องกลั้นไว้ เพราะกลัวน้องรหัสมันจะกัดหัวเสียก่อน


“เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ”


ผมร้องคลอไปกับเพลง ขณะที่มือก็ยังผูกสายสิญจน์ให้เชื่องช้าที่สุดไปด้วย


I don't even think about you baby

No No No No No No



ดูท่าพวกนั้นจะเล่นเพลงตามเวอร์ชั่นต้นฉบับ ท่อนนี้ผมไม่ได้ร้องเมื่อกี๊นี้ อืม แต่ว่าตอนนี้อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากจะร้องขึ้นมา และก็อยากให้คนตรงหน้าได้ยินชัดๆ ผมเลยเลือกที่จะกุมมือข้างที่ผมพึ่งทบปมสายสิญจน์รอบสุดท้ายเอาไว้ ตากลมช้อนขึ้นมองสบกับผมแทบจะในทันที ก่อนที่ผมจะร้องเพลงในท่อนที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ร้องออกไป


“ก็โทษทีที่มันเก็บไว้ไม่ไหว”



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


[เพลง เปล๊า ศิลปิน ต้น ธนษิต จตุรภุช]
เวอร์ชั่นต้นฉบับ https://www.youtube.com/watch?v=ULnB3r29dlA (https://www.youtube.com/watch?v=ULnB3r29dlA)
เวอร์ชั่นที่เป็นแรงบันดาลใจว่าพี่ภูร้อง https://www.youtube.com/watch?v=Pze5J-lTCR4 (https://www.youtube.com/watch?v=Pze5J-lTCR4)

*เพลงบายศรีสู่ขวัญ อ้างอิง:http://student-activity-toolbox.pbworks.com/w/page/10453841/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D (http://student-activity-toolbox.pbworks.com/w/page/10453841/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D)


วันนี้คนซึนเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วนะคะ ฮ่าๆๆ

จากนี้คนน้องก็เตรียมใจไว้ได้เลย ขนาดพึ่งเริ่มคนพี่ยังขนาดนี้ (๑˃̵ ᴗ ˂̵)و

มีถามมาว่ากี่ตอนจบ ตอนแรก16ตอนค่ะ

แต่ตอนนี้เพิ่มๆแก้ๆ ก็เริ่มมีงอกเพิ่มอีก แหะๆ

แต่คิดว่าน่าจะจบได้ที่18+/-ค่ะ(´・` )♡







หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เจ็ดღ "เปล๊า!!" ☛ 14.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 14-09-2017 23:03:51
 :hao3: รุกหนักๆเลยค่ะพี่ภู.... น้องลินกำลังงงๆ...  :hao6:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เจ็ดღ "เปล๊า!!" ☛ 14.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 15-09-2017 00:28:44
พี่ภูววว รุกจนน้องหายใจหายคอไม่มันละม้างงงงง
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เจ็ดღ "เปล๊า!!" ☛ 14.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 15-09-2017 07:59:31
เริ่มรู้ใจตัวเองเสียทีนะพี่ภู แหม ลีลาเหลือเกิน
รู้สึกผู้สนับสนุนจะเยอะเวอร์วังอ่ะ หมั่นไส้ 555
ถึงจะเริ่มยอมรับ แต่ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะจริงจังกับใคร
เอาเหอะ ๆ ยังไงสุดท้ายก็ต้องแพ้ใจให้น้องลินอยู่ดี
แล้วนี่ไปแอบรู้ความลับเขามาได้ยังไงกัน
น้องลินกับม่านแพงอุตส่าห์โชว์หวานขนาดนั้น
ชอบพี่จั๊คกับพี่ปาล์มอ่ะ พอรู้ว่าเพื่อนไม่ต้องแย่งแฟนใคร
ก็สนับสนุนเต็มที่เลย อย่างนี่สิ เพื่อนที่ดี
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เจ็ดღ "เปล๊า!!" ☛ 14.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2017 09:55:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่แปดღ "ฟังเสียงใจตัวเอง" ☛ 15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 15-09-2017 20:24:22
❥・ใจดวงที่แปด・❥



ฟังเสียงใจตัวเอง



..ภูฟ้า..



ตกบ่ายวันอาทิตย์พวกผมก็ต้องช่วยกันเก็บของเพื่อเดินทางกลับ ไอ้จั๊ดกับไอ้ปาล์มก็ช่วยผมเรื่องปาลินจริงๆ ด้วยการพูดหว่านล้อมให้ผมพาเด็กจืดนั่งรถผมกลับมาก่อน พวกมันอ้างว่ารถบัสนั่งไม่สบาย เหยียดขาได้น้อย เด็กจืดมันสูง เดี๋ยวจะยิ่งเจ็บเข่ามากกว่าเดิม


บางทีก็ต้องยอมรับว่า พวกไอ้จั๊ดไอ้ปาล์มมันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง


“หลับก็ได้นะ”


“ไม่เป็นไรครับ”


คนตัวขาวนั่งเกร็งจนหลังตรงแหน่วมาตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกจากรีสอร์ท ไม่เมื่อยหรืออย่างไรก็ไม่รู้


“จอดทำไมครับ”


น้องมันทักเมื่อผมให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย เพื่อจอดรถเข้าข้างทาง ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่จอดรถ แล้วหันมาจัดการเลื่อนเบาะแล้วปรับพนักพิงของเด็กขี้สงสัยให้เอนไปจนสุดแทนคำตอบ


“อ.เอ่อ ขอบคุณครับ”


“นอน”


“ครับ”


ถึงจะบอกแบบนั้น แต่คนอายุน้อยกว่าก็ยังนอนทำตาแป๋ว ไม่ยอมหลับตา


“หลับตาด้วย”


“ครับ”


หึหึ อยู่ดีๆก็ว่าง่ายเชียว


“จะจีบนะ”


“ครับ?”


คนที่ถูกผมจู่โจมจีบเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง


“ถ้าไม่นอนหลับตาลงไป จะจับจูบ”


คนตื่นตูมเมื่อกี๊ รีบนอนลงไปหลับตาปี๋เลยคราวนี้ น่ารัก


“จะจีบนะ”


“พี่พูดเรื่องอะไรครับ”


เด็กกลัวจูบ ก็ยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมาอยู่ดี


“ก็บอกจะจีบไง”


“ใครจีบใครครับ?”


ผมหันไปมองคนนอนหลับตาแต่หัวคิ้วขมวดแน่น


“พี่ จีบเราไง”


“.........”


“แล้วคำตอบหล่ะ”


ผมได้ทีเร่งรัดเอาคำตอบ


“ไม่ได้ครับ ผมมีม่านแล้ว”


ถึงจะหลับตาอยู่ แต่เด็กเลี้ยงแกะก็ยังเป็นเด็กเลี้ยงแกะอยู่วันยังค่ำ


“เพื่อนเรามาเกี่ยวอะไรด้วย”


“แฟนครับ ไม่ใช่เพื่อน”


“หึหึหึ”


“หัวเราะทำไมครับ”


เด็กตัวขาวที่ตอนนี้กลับมาขาวจนเรืองแสงได้อีกครั้งพูดกับผมแบบฉุนๆ


“ชั้นสองของคาเฟทีเรียมีห้องชมรมอยู่ รู้รึเปล่า”


“รู้ครับ แต่เกี่ยวอะไรด้วย”


“แล้วรู้มั้ยว่าระเบียงห้องชมรมว่ายน้ำมองไปจะเห็นอะไร”


“ผมไม่เข้าใจ”


“อะ ใจดี จะยอมเฉลยให้ก็ได้ว่าระเบียงชั้นสองของชมรมว่ายน้ำหน่ะ ด้านล่างก็จะเป็นเนินสนามหญ้าที่แสนจะบรรยากาศดี เหมาะจะมาคุยความลับกันสองต่อสองยังไงหล่ะ”


“นี่พี่แอบฟัง!”


เด็กเรืองแสงเด้งตัวลุกขึ้นมาทำตาโตใส่ผม หึหึ เด็กเลี้ยงแกะตื่นตูมเป็นแบบนี้นี่เองสินะ


“อ้าว อยากโดนจูบก็ไม่บอก”


เด็กกลัวจูบได้แต่ทำตาเขียวส่งมา ก่อนจะนอนลงไปหลับตากอดอกแน่น หว่างคิ้วก็ยังผูกเป็นปมยับย่น


หึหึหึ


แกล้งเด็กนี่ก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ






..ปาลิน..




ผมไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ดี ดูท่าเรื่องตลกที่ผมเคยคิดว่าจะไม่มีทางเป็นจริง จะกลายเป็นจริงขึ้นมาเสียได้ แต่คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออกว่าภูเขาไฟระเบิดลูกย่อมๆอย่างคนข้างๆผม จะมารักมาชอบผมได้ยังไง หรือจะแค่อยากกวนประสาท? อยากแกล้ง? หรืออยากล้อเล่น? ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็รู้สึกว่า เรื่องนี้มันบ้าบอทั้งหมด คิดแล้วก็ได้แต่ปวดหัว








“แวะพักที่ปั๊มน้ำมันหน่อยมั้ย หื้ม”


เสียงไม่คุ้นทำให้ผมที่กำลังสะลึมสะลือเผลอขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ นิ้วปริศนาบรรจงนวดที่หว่างคิ้วของผมเพื่อช่วยให้มันคลายตัวออกจากกัน แต่นั่นยิ่งทำให้ผมปะติดปะต่อสถานการณ์ได้ยากกว่าเดิม


“ขี้เซาจังเลยเรา”


เหมือนมีฝ่ามืออุ่นมาลูบแก้มผมเบาๆ ผมชอบให้คนเกาๆลูบๆเวลานอนที่สุดเลย สบายสุดๆ


“ชอบหรอ”


เสียงทุ้มเหมือนจะดังขึ้นข้างหูผม แต่สัมผัสที่ข้างแก้มเป็นสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า


“อื้มมมม”


เวลาฟินแน่นอนว่าเราจะควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้


ฟอดดดดด


“มึงแม่ง โคตรน่ารักเลย”


หื้มมมมมมมมมม









“ฮ่าๆๆๆๆ เป็นอะไร ยังไม่หายงอนอีกหรอ”


คนหน้ามึนที่กำลังยืนพิงรถยี่ห้อหรูถามขึ้น แววตาเปล่งประกายคล้ายจะถูกอกถูกใจเป็นหนักหนา หลังจากเห็นผมเดินกลับมาจากห้องน้ำที่คนขับเลือกจะจอดแวะระหว่างทาง ว่าแต่ว่ามีใครเค้างอนกัน เค้าเรียกโมโหต่างหาก ไอ้ความฟินจากการนอนที่ตามมาด้วยการถูกขโมยหอมแก้มนี่มันแย่ชะมัด อยากพ่นไฟใส่คน ถ้าไม่ติดว่าจะหารถกลับเองไม่ได้แล้วหล่ะก็นะ จะไม่ยอมอยู่ต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ


“โอ๋ๆๆๆ พี่ขอโทษครับ ดีกันนะๆ นี่ขนาดไปห้องน้ำมาแล้วยังไม่หายงอนอีกหรอ”


เกี่ยวอะไรกันเนี่ย ห้องน้ำกับการลืมว่าโดนขโมยหอมแก้มเนี่ยนะ มันแทนกันได้ด้วยหรอ


“อ๊ะ พี่ให้หอมคืนก็ได้ ยอมเสียเปรียบให้หอมสองข้างเลยก็ได้นะ ดีกันนะ ดีกัน”



“........”


ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายความหน้ามึนของผู้ชายคนนี้ดี พูดอะไรไปก็ดูจะเสียแรงเปล่าเท่านั้น


♫….ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน
แต่อยากจะขอให้เธออดทน ไม่ต้องไปหวั่นไหว..♪



เสียงนี้


“พี่ครับ ช่วยปลดล็อคหน่อยครับ ผมจะรับโทรศัพท์”


เสียงเรียกเข้าคุ้นเคยดังขึ้น แต่โทรศัพท์ผมดันอยู่ในรถเนี่ยสิ


“หึหึ หายงอนก่อนสิแล้วจะเปิดให้”


“ครับๆๆ โอเคครับ เปิดให้หน่อยครับ”


ขี้เกียจจะเถียงจริงๆ เถียงไปก็ไม่เคยชนะ


♬..ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ
แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม ว่าฉันนั้นรักเธอ…



“อื้มมม ว่าไงม่าน”


“กำลังจะกลับแล้ว จ้า ใช่ๆ อ๋อ เอ่อ… คือ”


“อ่าาา คืออย่างนี้นะม่าน คือลินเจ็บขานิดหน่อย อุบัติเหตุหน่ะ อุบัติเหตุจ้า เดี๋ยวไว้เล่าให้ฟังนะ อื้มๆ เอ่อออ แล้วคือเลยต้องมารถยนต์รุ่นพี่หน่ะ นี่ก็น่าจะครึ่งทางแล้วมั้ง”


“อ่าาา คือใจเย็นนะม่าน เรื่องในเพจเจ๊มินนี่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ จ้า กลับไปจะอธิบายทุกรูปเลยจ้า แต่ตอนนี้หายโกรธก่อนนะครับ นะๆๆ มากับรุ่นพี่คนไหนหน่ะหรอ เอ่อ คือ.. คือลินอยู่บนรถพี่ภู แต่ไม่มีอะไรนะม่าน กลับไปถึงแล้วจะรีบรายงานทันทีเลย”


ผมพยายามพูดให้เบาที่สุด แต่รถที่ยังไม่ติดเครื่องยนต์และคนข้างๆที่ดูท่าว่าจะตั้งใจฟัง ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้


“ครับๆ เข้าไปรอในห้องได้เลย เดี๋ยวจะให้ซักฟอกถึงเช้าเลยนะ ต้องวางแล้วน้าาา นะๆๆ จ้า รักเหมือนกัน”


“นี่ต้องเล่นละครตลอดเวลาเลยหรือไง”


เฮ้อออ เงียบดีกว่า ขี้เกียจเถียงกับพี่แก เดี๋ยวโดนฆ่ายัดข้างทางเปล่าๆ


“หรือเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ”


อยู่ดีๆเค้าลางหายนะก็มาเยือน ถ้าเงียบต่อไปอาจไม่ได้กลับ เพราะพี่แกเล่นหันมาจ้องแล้วไม่ยอมออกรถสักที


แต่..ตอบยังไงหล่ะ ภูเขาไฟถึงจะไม่ระเบิด


“เพื่อนเฉยๆครับ คิดซื่อ”


“แล้วบอกรักกันทำไม”


“ก็รักกันครับ”


“ฮึ?”


อ่าว ตอบผิดหรอ หน้าหงิกเลยทีนี้


“เอ่อ ก็บอกกันแบบนี้เป็นปกติครับ พี่ภูไม่สตาร์ทรถหรอครับ ข้างนอกครึ้มๆเหมือนฝนจะตกแล้วนะครับ เดี๋ยวขับยาก”


“กอดหน่อย”


“ครับ??”


อะไรกันเนี่ย ชีวิตปาลิน


“หดหู่อะ ไม่มีแรงขับรถ”


หื้ม แบบนี้ก็ได้หรอ แหนะ มีเอนเบาะนอนหลับตาไปอี๊ก เอายังไงดีหล่ะเนี่ย


“เอ่อ พี่ภูเหนื่อยหรอครับ ผมพอจะขับรถเป็นนะครับ ให้ผมช่วยมั้ย”


เอาวะ ลองถามดู


กึก นอนหันหลังให้เลยคราวนี้


“พี่ภูครับ เอากาแฟมั้ย ผมไปซื้อให้”


ผมที่จะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ แต่ถูกมือหนาคว้าตัวไว้ก่อน


“ก็แค่ขอกอดเอง วันนั้นยังยอมให้พี่กอดเลย”


โอ้โห ไม่แค่เลยครับ ถ้าผู้ชายสองคนมากอดกันในรถกลางปั๊มน้ำมันที่คนพลุกพล่าน แล้วที่สำคัญในผับคืนนั้น ใครกันแน่ที่เผด็จการกอดเอง แล้วยังมาอ้างว่าเรายอมให้กอดด้วยนะ


พอไม่ให้กอดก็งอนเป็นเด็กๆ แล้วตอนนี้ยังมีหน้ามากอดเองอีก เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ


“ขอเติมพลังแป๊บนึง”


คนหน้ามึนกอดผมไว้จากด้านหลัง แล้วยังเอาคางมาเกยไว้บนไหล่ผมอีก เนียนแบบหาคำเปรียบไม่ได้ แล้วจะผลักออกก็ไม่ได้ มัวแต่ยื้อไปยื้อมา เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับกันพอดี เฮ้อ วันนี้มันวันโลกาวินาศของปาลินแน่ๆ






..ภูฟ้า..




นี่ผมเป็นสตรีวัยหมดประจำเดือนชัดๆ วันนี้แป๊บๆก็มีความสุข แป๊บๆก็โกรธ ตื่นเต้น โมโห ฟิน แล้วแป๊บๆก็น้อยใจอีกแล้ว สามนาทีสี่อารมณ์มากๆ และสาเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นี่เลย..ไอ้เด็กจืดข้างๆนี่เลย


แต่แค่ได้กอดมันจากข้างหลัง แค่นั้นก็ดูจะทำให้อาการบ้าบอของผมทุเลาลงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทำไมมันมีอิทธิพลกับอารมณ์ผมจังวะ ขนาดจะตีนผียังไม่กล้า ปกติกรุงเทพอ่าวมะนาว กะด้วยระยะทางสองชั่วโมงกับปอร์เช่คาเยนน์ลูกรักผมคันนี้ บอกได้เลยว่าเหลือๆ แล้วดูตอนนี้สองชั่วโมงพึ่งครึ่งทาง ฝนก็ดันมาตกอีก ผมนี่ขับ80กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เร็วสุดแล้วในเวลานี้


ก็เพราะกลัวไอ้เด็กข้างๆจะได้รับอันตรายนี่แหละ


เฮ้ออออ อาการหนักเหมือนที่ไอ้ปาล์มว่าแล้วมั้ยเนี่ยกู


“พี่ภูมองทางเห็นหรอครับ”


ด้วยความที่ฝนเม็ดใหญ่มาก เด็กจืดคงนอนไม่หลับเพราะเสียงฝนแน่ๆ


“เห็นแหละ ค่อยๆไป”


ความจริงคือไม่เห็นเลย ที่ขับอยู่คืออาศัยไฟเบรครถคันหน้า คอยดูการชะลอเป็นระยะๆ


“แวะปั๊มก่อนดีมั้ย ผมว่าขับแบบนี้อันตรายนะครับ”


ก็จริงของเด็กจืด นี่ขับจนเกร็งเท้าที่รอเหยียบเบรคไปหมดแล้ว ลำพังมาคนเดียวหรือมากับคนอื่นก็ไม่คิดอะไร แต่พออัญเชิญองค์เด็กจืดมาประทับเท่านั้นแหละโว๊ยยยย เต่ายังแซง


“งั้นปั๊มนั้นแล้วกัน”


ผมเห็นปั๊มใหญ่พอสมควรจึงแวะพักก่อน ถนนเส้นนี้อันตรายอีกอย่าง คือรถพ่วงและรถบรรทุกที่วิ่งกันให้ควั่ก ขับช้าแต่ชอบแช่เลนขวาด้วยนะ พ่อหล่ะอยากไปเบิ๊ดกระโหลกเรียงตัว


“ดื่มอะไรมั้ยครับ ผมไปซื้อให้”


พอผมขับเข้ามาหาที่จอดได้แล้ว เด็กจืดก็ชี้ไปยังเซเว่นด้านหน้าของเรา


แต๊ก


ปลดล็อกเองแล้วด้วย


แต๊ก


ผมล็อคใหม่อีกครั้ง เลยได้เครื่องหมายคำถามที่แปะไว้กลางหน้าผากเด็กจืดมาแทน


“ฝนมันตก เดี๋ยวเปียก”


“ไม่เป็นไรครับ วิ่งไปแป๊บเดียว”


แหน๊ะ มียิ้มสดใสส่งมาให้อีก ฟ้าฝนยิ่งเป็นใจ เดี๋ยวพ่อจับกดในรถซะหรอก


“หิวหรอ”


ผมไม่อยากกินอะไรเท่าไหร่ เวลาเครียดๆ ผมจะกินอะไรไม่ลง


“ครับ หิวแล้ว”


เฮือก เหมือนโดนหมัดเสย พูดสามคำด้วยท่าทางโคตรน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงวะ อดใจไม่ไหว ก็จับมันกอดอีกทีซะเลย


“อื้อออ ปล่อยนะครับ พี่ภู! พี่ภู!!”


แกล้งมึนครับ พูดอะไรหรอ ภูไม่เห็นได้ยินเลย ตัวก็ห๊อมหอม ภูเมาฝน ภูไม่รู้เรื่อง


“พี่ภูครับ!! ปล่อยนะ!! ผมยังไม่ได้อนุญาตให้จีบหรือกอดได้เลยนะ”


หื้มมมมม


“แล้วทำไมต้องขออนุญาตหล่ะ”


ผมผละออกมาเล็กน้อยเพื่อดูหน้าเด็กจืด ซึ่งอ้าปากค้างตาโตไปแล้ว


“ก..ก็ ก็ต้องขอก่อนสิครับ ต้องได้รับอนุญาตก่อนสิ”


เด็กจืดกัดปากทำหน้าครุ่นคิด เหมือนพูดกับตัวเองคนเดียว โอ๊ย อย่างน่าฟัดอะ


“งั้นก็รีบอนุญาตสิ”


“ครับ??”


“พี่ก็ขออยู่นี่ไง”


ไม่รู้แหละขอแล้วก็ถือว่าได้แล้ว ก็จะเนียนๆไม่ยอมปล่อยนี่แหละ อยากน่ากอดทำไมเล่า


“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ พี่ชอบผู้ชายหรอ”


เสียงแหบปร่าถูกเปล่งออกมา ดวงตาวูบไหวคล้ายคนลังเล เด็กจืดกำลังสับสน ผมผละคนตรงหน้าแล้วจัดให้นั่งหันหน้ามามองผมดีๆ


“เอาตรงๆมั้ย”


เด็กจืดพยักหน้า


“ไม่รู้หว่ะ ยังไม่เคยชอบผู้ชายเลย เนี่ยก็ครั้งแรกที่พิศวาสผู้ชายขนาดนี้”


ผมไม่อยากจะอ้อมค้อม มันพูดตรง ผมก็จะพูดตรง


“แล้วพี่คิดว่าความรักชายชายมันจะยั่งยืนหรือไง”


“เอาตรงๆอีกรอบมั้ย พี่ว่าไม่หว่ะ”


ไม่รู้เพราะสายตาคาดคั้นหรือเพราะท่าทางเหมือนกวางตัวน้อยโดนกับดักและกำลังเจ็บปวด ที่ทำให้ผมตอบคำถามเจ้าตัวไปอย่างใจคิด เสียงถอนหายใจดังขึ้น ก่อนเจ้าของเสียงจะพิงพนักเบาะกลับไปใหม่ คล้ายคนหมดแรง


“ถือว่าขอร้องเถอะครับ อย่ายุ่งกับผมเลยนะพี่”


ไม่รู้ว่าเพราะประโยคขอร้องหรือเพราะดวงตาอ่อนล้าคู่นั้น ผมจึงมีโอกาสได้ด่ำดิ่งไปกับความรู้สึกขมปร่านี้เป็นครั้งแรก พึ่งจะรู้ว่าการถูกปฏิเสธมันเจ็บไม่น้อย ก็ตอนได้ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองที่ดังแข่งกับเสียงฝนอยู่ในตอนนี้ ทั้งๆที่ไม่คุ้นชินกับไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี่สักนิด แต่สองเท้าโง่ๆของผมกลับทำเรื่องที่แปลกยิ่งกว่า ด้วยการวิ่งฝ่าสายฝน เพื่อมาซื้อขนมจีบกับน้ำเต้าหู้ให้คนบนรถทานรองท้อง และเหตุผลที่โง่เง่ายิ่งกว่า ที่พอจะตอบตัวเองได้ ก็มีเพียงแค่กลัวว่าใครสักคนจะหิวไปมากกว่านี้


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ตอนนี้สั้นไปหน่อย สำหรับตอนต่อไปเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ(。>‿‿<。 )


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่แปดღ "ฟังเสียงใจตัวเอง!!" ☛ 15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-09-2017 20:40:52
Hahaha 3 นาที4 อารมณ์.... พี่ภูเป็นวัยทอง....  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่แปดღ "ฟังเสียงใจตัวเอง!!" ☛ 15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 15-09-2017 20:49:08
เฮ้อออ พี่ภู พูดตรง ๆ อย่างนี้ก็ดีแหละ จริง ๆ นะ
แต่ถ้าเราเป็นน้องลิน ได้ฟังอย่างนี้ ก็คงขอให้อย่ามายุ่งกับเราเหมือนกัน
ไม่ต้องคิดว่าเป็นว่าเป็นเพศไหนหรอก ถ้าแค่มีคนมาขอจีบ มาทำเหมือนชอบเรา
แต่บอกว่าไม่เชื่อว่าจะมีความรักที่ยั่งยืนด้วย ใครมันจะอยากเสี่ยงให้เจ็บตัวเปล่า ๆ
ตัวเองไม่เชื่อว่าจะมีรักยั่งยืน คบกันไป ก็ต้องลุ้นว่าจะจบวันไหน จะมีความสุขเหรอ
เป็นเราก็ไม่ขอเริ่มให้เจ็บตัวหรอก สงสารน้องลินจังอ่ะ T^T
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่แปดღ "ฟังเสียงใจตัวเอง!!" ☛ 15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 16-09-2017 07:49:34
ชอบค่าาาาา นี่ขนาดเขียนเรื่องแรกยังเขียนขนาดนี้ คำผิดก็ไม่มีด้วย ดีมากกกกกก
หัวข้อ: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เก้าღ "กำแพงสูง แต่มีประตู" P.2 ☛15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 16-09-2017 18:46:37
❥・ใจดวงที่เก้า・❥



กำแพงสูง แต่มีประตู



..ปาลิน..



ผมกลับมาถึงคอนโดตอนสี่โมงกว่าๆ โชคดีที่ฝนเริ่มซาหลังรถเคลื่อนตัวออกมาจากปั๊มน้ำมันได้ไม่นาน น้ำตาฟ้าที่แห้งเหือด ราวกับได้ชะเอาสรรพเสียงรอบกายให้หายตามไปด้วย ต่างคนจึงต่างจมจ่อมและจดจ่ออยู่กับห้วงความคิดของตัวเอง โดยไม่มีใครคิดจะทำลายความเงียบงันนั้นอีกเลยตลอดทาง


“ลิน”


เจ้าของเสียงใสพุ่งเข้ามากอดผม ทันทีที่เปิดประตูเปิดออก


“ว่าไงคิตตี้ วันนี้จะนอนนี่มั้ย”


ผมกอดแล้วโยกตัวเบาๆ คิตตี้ตัวเล็กเหมือนเด็ก ผมเลยชอบทำแบบนี้


“ฮือ อยากนอนด้วยจัง แต่พรุ่งนี้มีเรียนเช้าแล้วก็ต้องไปแคสติ้งงานต่อหน่ะสิ”


คนน่ารักถูแก้มกับพุงผมอย่างอ้อนๆ คิตตี้เป็นหนึ่งในคนที่ใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ได้จริง เธอเริ่มจากการเป็นคนน่ารักที่เล่นอินสตาแกรม เมื่อมีคนชอบมากมาย ยอดFollowersหลักแสนจึงตามมา ตามมาด้วยการทำงานในวงการบันเทิง ถึงจะยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย แต่ผมว่า นี่ก็นับเป็นก้าวแรกที่น่าชื่นชม


“ออกมานี่เลยแม่ตัวดี ลินหน่ะ ของเค้านะ”


ดาวมหาลัยเดินมาแกะคนตัวเล็กออกแล้วกอดคอผมไว้แน่น ม่านแพงแทบจะตรงข้ามกับคิตตี้ทุกอย่าง เว้นก็แต่เรื่องของนิสัยขี้หึง เธอเป็นคนสวยที่มีเพียงแอคเคาท์เฟซบุ๊คไว้เพื่อตั้งสเตตัส In a relationship คู่กันกับผมเท่านั้น นอกนั้นอย่าไปถามหาเรื่องโซเชียลมีเดียกับเธอเลย


“อะๆๆ ลินของทุกคนเลย เดี๋ยวจะตัดครึ่งซ้ายให้ม่าน แล้วขวาให้คิตตี้ ดีล?”


ผมไกล่เกลี่ยเหมือนทุกที


“เย่!!”


สองสาวแย่งกันกอดแขนผมคนละข้าง พาผมเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วแข่งกันโชว์เสน่ห์ปลายจวัก(ที่ซื้อมา) เอามาเรียงตรงหน้าผมทีละจานๆ คล้ายการประชันกัน


เราสามคนทานอาหารด้วยกัน คุยกัน ผลัดกันเล่าเรื่องต่างๆที่แต่ละคนเจอมาระหว่างวัน หัวเราะให้กับเรื่องเป๋อๆของแต่ละคน และปลอบใจกันในบางเรื่องที่เรายังทำไม่สำเร็จ


ผมรู้สึกผ่อนคลายเสมอเมื่ออยู่กับคิตตี้และม่านแพง รู้ได้ในทันทีว่าทั้งคู่คือนิยามคำว่าบ้านและความสุขสำหรับผม และก็รู้ด้วยว่า ความปรารถนาดีที่ทั้งสองคนมีให้ผมอยู่เสมอ คือการที่อยากเห็นผมมีแต่ความสุข


“ลินอิ่มยัง”


ผมเห็นม่านส่งสายตาเป็นสัญญาณให้คิตตี้ถามคำถามกับผม


“อื้ม อิ่มแล้วจ้า”


“งั้นเค้าเก็บจานน้า”


“จ้า”


คิตตี้ลงมือเก็บจานโดยที่ผมไม่ได้ลุกไปช่วย เพราะม่านแพงดูมีหลายอย่างอยากจะพูดกับผม


“ลิน”


“หื้ม”


“เรื่องค่ายหน่ะ ไม่มีอะไรที่อยากเล่าให้ม่านฟังหรอ”


ม่านแพงเปิดประเด็นที่เธอคงจะอยากถามตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าผมด้วยซ้ำ แต่พอเห็นว่าผมเลี่ยงที่จะพูดถึง เธอจึงถามขึ้นเองเมื่อรอต่อไปไม่ไหว


“เฮ้อ มันเยอะมากจนไม่รู้จะพูดเรื่องไหนก่อนเลยดี เอาเป็นว่า ม่านถามเรื่องที่อยากรู้แล้วกันนะ ลินจะตอบทุกประเด็นเลย”


ผมถอนใจกับเรื่องยุ่งที่รออยู่ข้างหน้า แค่คิดถึงผู้ชายที่ทำให้ชีวิตผมวุ่นวายคนนั้น ผมก็อยากจะถอนหายใจแรงๆอีกสักสิบรอบเลยทีเดียว


“เรื่องรูปกับนายนั่น”


ม่านแพงคงหมายถึงรูปมากมาย ที่เจ๊มินนี่อัพโหลดเต็มหน้าเพจของแก ผมและพี่ภูฟ้าในอิริยาบถต่างๆ โดยเฉพาะเวลาอยู่ร่วมเฟรมเดียวกัน ทั้งรูปแอบถ่ายและรูปที่ผมรู้ตัว


“ก็ตามแคปชั่นแหละม่าน คนในค่ายมีแต่ผู้หญิง ก็เลยชอบใจใหญ่เลยเวลาที่เราอยู่ใกล้ๆพี่ภู พวกนั้นก็เลยแซวกันขำๆว่าคู่จิ้น”


เจ๊มินนี่ไม่ได้อัพข้อความบรรยายยืดยาวอย่างทุกที แกแค่ลงรูปหนึ่งโฟลเดอร์ แล้วตั้งชื่อว่า “#ภูฟ้าปาลิน” มีบรรยายแคปชั่นนิดหน่อย ว่า #นี่คู่จิ้นหรือคู่จริงคะ #ใจแตกสลายผู้ชายอยากได้กันเอง ผมแค่เข้าไปดูเพราะมีแจ้งเตือนทั้งจากการแท็กรูปและคอมเมนท์มากมาย จากใครหลายต่อหลายคนที่ผมไม่รู้จัก


“แล้วตาพี่นั่นทำอะไรลินบ้าง ทำไมถึงได้ร้องเพลงให้ลินเสียขนาดนั้น หรือเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา หรือว่าตานั่นแกล้งลิน”


ม่านแพงหมายถึงคลิปวีดีโอจากเพจเจ๊มินนี่อีกตามเคย ซึ่งอันนี้แหละที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ผมต้องล้อคเอาท์เฟซบุ๊คหนีแจ้งเตือนมหาโหดนั่นก่อน ตอนนั้นที่ผมเห็น แค่ไม่กี่ชั่วโมงทั้งยอดวิวยอดไลค์ ก็ปาไปแตะๆสามหมื่น นี่ผมยังสงสัยอยู่เลย ว่าเด็กมหาลัยผมมีกันเยอะขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร แต่ก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบ ทำได้แค่เพิกเฉยแล้วปิดการรับรู้ รอให้กระแสซาไปเอง


“ก็ไม่รู้นึกยังไง ก็คงอยากแกล้งเราด้วยแหละ เห็นทำแล้วคนกรี๊ดกันใหญ่เลยยิ่งทำ”


“แต่ตอนนี้ ลินเชื่อม่านแล้วใช่มั้ย”


“เชื่อเรื่องอะไร”


“ก็เชื่อเรื่องที่ว่า พี่ภูฟ้าชอบปาลินหน่ะสิ”


ผมหลบสายตาม่านแพงหลังจากที่เจอเธอถามตรงๆ พยายามเรียบเรียงความคิดในหัวที่ยังไม่สมบูรณ์ดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เลยพยักหน้าให้เธอไปอย่างจำนน


“อื้ม เชื่อแล้ว”


“ทำไมถึงเชื่อ”


ม่านแพงใช้สองมือประคองหน้าผมให้เงยขึ้นมาสบตาคู่สวย


“ก็..”


ผมลังเลเล็กน้อย


“พี่เขาบอกตอนที่นั่งมาในรถหน่ะ”


ไม่ช้าก็เร็วม่านแพงก็ต้องรู้ ผมเลยเลือกที่จะเล่าทุกเรื่องให้เธอฟัง โดยที่ไม่ต้องรอเธอถามซ้ำ “ทุกเรื่อง” ยกเว้นเรื่องที่พี่ภูบังคับให้ผมนอนเตียงเสริมคนเดียว แทนการนอนร่วมเตียงกับเพื่อนๆ และเรื่องที่ผมโดนคนหน้าไม่อายขโมยกอดและหอมแก้ม ก็มันน่าอายนี่นา อยู่ดีๆก็โดนลวนลามจากคนหน้ามึน ไม่ต่างจากสาวน้อยไม่ประสีประสา ที่โดนตาแก่ล่อลวงสักนิด


ม่านแพงเงียบไปนานเหมือนคนกำลังใช้ความคิด เธอไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวายอย่างทุกที ซึ่งทำให้ผมรู้ได้ทันที ว่าเธอกำลังเข้าสู่โหมดจริงจัง


“ลินยังมีความสุขดีอยู่มั้ย ที่เป็นแบบนี้”


เป็นเธอที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน ส่วนผมทำเพียงแสดงความสงสัยผ่านทางสีหน้าแทนคำตอบ


“ก็หมายถึง การที่ชีวิตมีแต่ตัวป่วนแบบเรากับคิตตี้ เอ่อ หมายถึง การที่ไม่มีแฟนหน่ะ”


คนสวยก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายลำบากใจที่จะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ


“ม่าน เรามีความสุขมากเลย เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น”


ฟู่วววว


เสียงพรูลมหายใจอย่างโล่งอกของม่านแพงและคิตตี้(ที่แอบฟังอยู่ข้างตู้เย็น)ดังขึ้นพร้อมกัน คงเพราะผมไม่เคยโกหกพวกเธอสักครั้ง ทั้งสองคนเลยเชื่อใจได้ ว่าผมจะไม่โกหกในเรื่องที่ผมพึ่งยืนยันไป


“เค้าบอกตัวแล้วว่าลินยังรักพวกเรา”


คนน่ารักเดินมานั่งตักคนรักของตัวเองด้วยสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด


“เค้ารู้ แต่พวกเราจะต้องทำให้แน่ใจสิ ว่าลินกำลังมีความสุขจริงๆ ดังนั้นการถามตรงๆหน่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว”


ม่านแพงกอดเอวคนบนตักแล้วพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านี้


“แล้วทำไมลินจะต้องไม่มีความสุขหล่ะ”


คนตัวเล็กกว่ายังถามต่อ


“เอ้า ก็ลินหน่ะ หล่อเลือกได้นะตัว แต่ละวันมีสาวๆหนุ่มๆจ้องตาไม่กะพริบ ถ้าลินอยากมีแฟน เราจะได้ประกาศว่าเลิกกับลินแล้วยังไงหล่ะ”


ม่านแพงบิดจมูกแฟนสาวคล้ายมันเขี้ยวคนช่างซักเสียเต็มประดา เลยได้เห็นอาการหูลู่หางตกจากลูกแมวน้อยขี้อ้อนในทันที ทั้งน่ารักและน่าเอ็นดูจนผมยังอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มขาวๆนุ่มๆนั่นอีกคน


“อื้อๆ งั้นแบบนั้นก็ได้ ลิน ลินอยากมีแฟนมั้ย”


คิตตี้หันมาถามผมแทน


“ไม่หล่ะ เรายังไม่พร้อม”


ผมตอบรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ


“กำแพงหัวใจ สูงแค่ไหนก็มีประตู จำคำเราไว้นะตัว”


อยู่ดีๆม่านแพงก็พูดขึ้นมา ถึงจะเหมือนพูดกับคิตตี้ แต่สายตากลับจ้องมาที่ผมแทน


“คืออะไรอะตัว เค้าตามไม่ทัน”


คนตัวเล็กมุ่ยหน้ากับประโยคปริศนาของม่านแพง


“ก็ต่อให้เราสร้างกำแพงเพื่อซ่อนหัวใจตัวเองสักแค่ไหน แต่วันหนึ่ง กำแพงที่ไม่ว่าจะสูงหรือแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถซ่อนใจเรา จากคนที่มีกุญแจได้หรอก โดยที่ไม่ต้องปีนป่าย ไม่ต้องพยายาม แค่ไขกุญแจแกร๊กเดียว ก็ได้เข้าไปนั่งในใจแล้ว เผลอๆเจ้าของกำแพงอาจจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ว่าเป็นคนยื่นกุญแจนั้นให้เองกับมือ”


“แล้วถ้าคนนั้นเกิดเป็นคนใจร้ายขึ้นมาหล่ะ”


คิตตี้ที่ดูจะเข้าใจในสิ่งที่ม่านแพงต้องการจะบอก เป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง


“ก็เลยเป็นหน้าที่ขององครักษ์สาวแสนสวยอย่างเราสองคนยังไงหล่ะ เราจะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อกันคนใจร้ายให้ห่างจากประตูบานที่ว่า และจะต้องทำให้แน่ใจด้วยว่า จากนี้จะไม่มีคนใจร้ายหน้าไหน สามารถเดินเข้ามาทำร้าย“หัวใจของพวกเรา”ได้อีก”


ม่านแพงพูดกับคิตตี้ แต่สายตายังจ้องเข้ามาสบตากับผมอยู่ ถึงจะไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่ผมก็มั่นใจว่าม่านแพงจะรับรู้ได้ ว่าผมรู้สึกขอบคุณกับทุกสิ่งที่เธอและคิตตี้ทำให้ผมมากแค่ไหน




เรานั่งดูหนังด้วยกันจนจบไปหนึ่งเรื่อง ม่านแพงต้องไปส่งคิตตี้ เพราะคิตตี้เรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังที่อยู่อีกฟากของเมือง ถ้าออกตอนเช้าคงต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ กลับเวลานี้จึงน่าจะดีกว่า


เสียงแจ้งเตือนรัวๆ จากแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่ผมพึ่งทำการล็อคอินเข้าไปหลังจากเดินไปส่งม่านแพงกับคิตตี้ที่รถ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดู


*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก

โอร๊ยยยยยย ต่อมอิจฉากำเริบหนักมาก ก็จะใครซะอีก ครอบครัวสามคนเผรียมรัวของน้องปริญน้องม่านและสาวปริศนาหน่ะสิคะคุ๊ณณณณณ ทำให้ขาเผือกจากคอนโดAรีบต่อสายมาหาเจ๊จนแทบไหม้ อู่ยยยยๆๆๆ งานนี้ไม่ธรรมดานะคระ เค้ามีปาร์ตี้รับขวัญซัมมี(ของเจ๊แน่ๆ คริ)กลับบ้านค่ะคุณขาาาา ได้ข่าวว่าซัมมีไปค่ายแต่แพ้น้ำทะเล วรั้ยๆๆๆๆ ไม่รู้คืนนี้จะอ้อนให้ใครทาถูๆให้ดี เอ๊ะๆๆๆ หรือจะพร้อมกันเลยดี วรั้ยๆๆๆแค่คิดก็สยิวแล้วอะะะ

ปูลู ไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆนะคะ ว่าจะมาเคลียร์กันเรื่องคู่จิ้น #ภูฟ้าปาลิน รึเปล่า อุ๊ปส์ ไม่เอาไม่พูด

#อยากแพ้น้ำ #สองน้ำสามน้ำก็บ่ยั่น #สามพีที่ดี #ซัมมีแห่งชาติ #อยากได้อยากโดน #วรั้ย #ใครก็ได้นะจุดนี้ #หรือจะกินกันเองเพื่อทรมานใจเมีย #กระซิกกระซิก


อ่านแล้วก็ได้แต่กุมขมับ ผมสำนึกได้ในทันที ว่าการเป็นคนที่คนอื่นให้ความสนใจนี่มันน่าปวดหัวขนาดไหน


..ลืมตาเพื่อจะพบว่าไม่มีเธอ
อยู่บนโลกใบที่เคยเจอ
กับความรักที่มันสวยงาม

อยากทำใจอยากจะรับความเป็นไป
อยากจะไม่มัวมาอาลัย
แต่ก็ไม่วายคิดถึงเธอ..


[ศิลปิน Synkronize เพลง เข้ากันไม่ได้ ]



ผมปล่อยให้โทรศัพท์ดังโดยไม่คิดจะรับสาย หลังจากหน้าจอแสดงชื่อที่เจ้าตัวพิมพ์เอาไปพิมพ์เองอย่างเอาแต่ใจ


“พี่ภูฟ้าของปาลิน”


เสียงเพลงรอสายดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่สามสี่รอบ ก่อนจะหยุดไปเอง ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะบล็อคเบอร์ที่โทรเข้ามานี้ดี หรือจะแค่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น“ตัวอันตราย”ดีอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางประตูห้องด้านหน้า


ก๊อกๆๆ


ห้าทุ่มแล้ว ใครจะมีธุระกับผม ในเวลาแบบนี้


“เปิดให้พี่หน่อย”


ยังไม่ทันเดินไปถึง แต่ก็รู้ได้ในทันที ว่าใครกำลังยืนอยู่อีกฟากของประตู เสียงนี้..ไม่ผิดแน่ เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ผมไม่คิดจะรับ




..ภูฟ้า..



“มีธุระอะไรครับ”


เด็กจืดยอมแง้มประตูออกมา แต่ใช้โซ่คล้องประตูไว้แทน


“คิดถึง”


ผมพูดความจริงออกไป ต่อหน้าดวงตากลมโตคู่นี้ ผมโกหกไม่ได้จริงๆ


“.....”


“ขอมองหน่อย ขอแค่นาทีเดียว”


ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงของผมมันจะน่าสมเพชขนาดไหนในเวลานี้ รู้แต่เพียงว่า ผมต้องการเห็นหน้าผู้ชายตรงหน้าคนนี้จริงๆ ถึงแม้จะพึ่งแยกกันเมื่อช่วงเย็นก็ตาม


“ม่านแพงพึ่งกลับไปหรอ”


และยังเป็นผมที่ยังพูดอยู่คนเดียว


“อ้อ ครับ”


เสียงตอบรับมาพร้อมกับแววตาอ่อนอกอ่อนใจ มองตรงมายังผม


“พี่รู้จากเพจมินนี่หน่ะ”


จะว่าหน้าด้านก็ได้ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นแววตาลำบากใจของคนที่ผมคิดถึงจนแทบบ้า ที่ถึงแม้จะยืนห่างจากผมแค่เพียงบานประตูกั้น แต่กลับเหมือนไกลและเลือนลางเกินกว่าจะเอื้อมคว้า


“ครับ”


คนที่ไม่ได้ยินดีกับการมาของผม ยังคงถามคำตอบคำ


“สนุกมั้ย เพื่อนมาหา”


คำถามโง่ๆยังถูกส่งออกไปเพื่อทำลายความเงียบ


“สนุกครับ”


ยังดีที่น้องก็ยังยอมตอบกลับมา


“มากกว่าตอนอยู่กับพี่มั้ย”


อยู่ดีๆก็หลุดถามในสิ่งที่ใจคิด


“อื้ม”


และก็กลายเป็นตัวเองที่เจ็บเอง เจ็บ เจ็บมาก เจ็บชิบหายเลยตอนนี้ ก็รู้แหละ ว่าน้องมันจะเอาอะไรมาสนุกกับผม เราแทบจะยังเป็นคนแปลกหน้าระหว่างกันอยู่เลย แล้วที่สำคัญ ผมเองก็ยังไม่สามารถยืนยันอะไรให้น้องมันเชื่อใจได้เลยสักเรื่อง


“วันนี้พี่ขอไปกินเหล้านะ ไม่หิ้วใครไปนอนด้วยหรอก สบายใจได้”


น้องอยากรู้รึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แค่อยากบอกก็เท่านั้น


“อ่อ..ครับ”


ก็เจ็บดี เจ็บจนหวังว่าจะชินไปได้เองในเร็ววันนี้


“ไปนอนเถอะ”


รู้ว่ารั้งต่อไปก็คงไม่ช่วยให้น้องมองผมดีขึ้นมาได้ แต่การตั้งท่าจะปิดประตูในทันที ก็ทำผมช็อคไปไม่น้อย นี่ไม่คิดจะมีเยื่อใยให้กันสักนิดเลยหรอ


“เดี๋ยวก่อน”


แต่ใจเรามันก็ดันไม่รักดีไง ก็ยังอยากจะเจ็บต่อไปอีกหน่อย แลกกับการได้เห็นหน้าเขา


“ครับ?”


“ฝันดีนะ”


“ขอบคุณครับ”


ทั้งที่อยากจะได้ยินคำว่า พี่ก็ฝันดีนะครับแท้ๆ แต่ก็ต้องปลอบใจตัวเองว่า ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ทำไมตอนจีบคนอื่นไม่เห็นยากแบบนี้เลยวะ ที่สำคัญ ใจก็ไม่เคยเจ็บขนาดนี้ด้วย ไม่รู้ว่าบาดแผลขนาดนี้ เหล้าแพงๆจะรักษามันได้บ้างไหม





“ไงมึง เรียกพวกกูมามีไร ไหนเหลามาเซะ”


ไอ้ปาล์มส่งเสียงกวนแบบลิ้นเปลี้ยมาแต่ไกล


“ทำไม กกเมียแล้วจะไม่สนใจเพื่อน??”


ผมเลยกวนตีนมันกลับบ้าง


“เอ้า พาลนะครับเนี่ย เค้าเรียกว่าพาล และที่สำคัญกรุณาใช้คำว่า“แฟน”ก็พอครับ เดี๋ยวเมียกูโกรธ ฮ่าๆๆๆ”


ไอ้ปาล์มมันเล่นมุกจิกกัดตัวเอง ก่อนจะหันมารับแก้วเหล้าใบเล็กที่ไอ้จั๊ดส่งให้มายกดื่มรวดเดียวหมด


“เออ แต่นัดมาก็ดี เล่ามาดิ๊ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง มึงได้ทำคะแนนบ้างมั้ยวะ กูเห็นหน้าเป็นหมาป่วยของมึง กูฟันธงได้เลย วันนี้คะแนนติดลบแน่ๆ หรือมึงไปแกล้งอะไรน้องมันอีก”


ไอ้จั๊ดผู้ผันตัวเป็นกูรูด้านความรัก หันมาถามจี้ใจดำผมเต็มๆ


“แกล้งห่าอะไร มีแต่กูหน่ะสิ โดนกระทืบไม่ยั้ง”


“ห๊ะ!!!” 


ไอ้สองตัวนี้นอกจากจะเสียงดังพร้อมกันแล้ว พวกมันยังจับผมพลิกซ้ายพลิกขวาหารอยตีนอีก


“ไม่ได้เหยียบกาย กูหมายถึงเหยียบใจเว่ย”


ผมตะโกนออกไปอย่างฉุนๆ


“มันกินไปกี่แก้วแล้ววะไอ้จั๊ด”


“ไม่รู้หว่ะ กูก็พึ่งมา ถ้าแค่ขวดนี้ก็ยังพร่องไม่เยอะนะมึง”


พอไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ไอ้จั๊ดเลยจัดการกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาถามในสิ่งที่มันสงสัย


“ไอ้เชี่ย พอๆๆ มึงจะแดกเหล้าหรือให้เหล้าแดก ก่อนหน้านี้มึงล่อเหล้าครึ่งขวดที่ฝากไว้คราวก่อนจนหมดแล้วนี่หว่า”


ไอ้จั๊ดมันถลามาคว้าแก้วเหล้าในมือผมออก แต่มีหรือที่ผมจะยอม


“เชรด ครั้งแรกที่ไอ้ภูอกหักเว่ยมึง มาๆ กูขอชักภาพประวัติศาสตร์”


เป็นไอ้ห่าปาล์มที่ยังเล่นไม่รู้เวล่ำเวลา จนผมอดที่จะด่ามันไม่ได้


“ชักกับตีนกูนี่”


ตอนแรกกะจะฟาดมันอีกสักทีด้วยซ้ำ แต่คิดไปคิดมา


“เออๆ ถ่ายๆ ถ่ายแล้วส่งมาให้กูด้วย”


อยู่ดีๆ ผมก็คิดอะไรออก


“หื้อออ”


“เร็วสิวะ”


“เออๆๆ”


หลังจากที่ไอ้ปาล์มส่งรูปมาให้ผม ผมก็จัดการ..


**Picture**
Sent      1.03 AM



ทำไมถึงอยากให้เห็นว่าทำอะไรอยู่ ตัวผมเองก็ตอบไม่ได้ ทั้งๆที่ก็บอกไปแล้วว่าจะไปไหน ไปทำอะไร และที่สำคัญก็คือ เขาไม่ได้อยากรู้สักนิด ขนาดเบอร์มือถือ ไลน์ เฟซบุ๊ค และไอจี ก็บังคับขอเขามาทั้งนั้น แต่ก็ยังอยากที่จะดันทุรังส่งไปอยู่ดี


“หนักนะมึงเนี่ย”


เสียงไอ้จั๊ดที่ชะโงกหน้ามาเสือกหน้าจอผมอยู่


“เออ กูถึงมาแดกเหล้าอยู่นี่ไง”


ผมยอมรับออกไปตรงๆ


“อันซีนสัด”


เสียงไอ้ปาล์มที่เริ่มสนใจการเต้นอันเร่าร้อนของสาวโต๊ะข้างๆ แต่ก็ยังดีที่ยังนึกเป็นห่วงผมอยู่บ้าง


“อีกนานมั้ยวะจะหาย เดี๋ยวกูก็เบื่อใช่มั้ย อาทิตย์เดียวคงไม่เกินนี้”


ผมหันไปถามไอ้จั๊ด แต่มันตบไหล่ผมแทนที่จะตอบคำถาม


“หญิงซักคนมั้ยมึง รับรองลืมชัวร์ โอ้โห้โต๊ะนั้นแม่คุณเอ๊ย นมหรือของดีนครปฐม มองมาทางมึงด้วยนะเว่ย นี่ถ้ากูไม่ติดเป็นคนรักครอบครัวกูพุ่งเก็บลูกส้มโอแล้วนะครับเนี่ย”


ปากบอกรักครอบครัวแต่ตาไอ้ปาล์มนี่แทบจะแปะไว้บนหน้าอกสาวโต๊ะข้างๆ


“วันนี้ไม่ได้หว่ะ”


พวกมันหันมามองผมเป็นตาเดียว


“มึงเป็นวันนั้นของเดือนรึไง หรือไม่มีถุง เอามั้ย กูหาให้ได้ ทั้งถุงยางทั้งผ้าอนามัยเลย”


ไอ้ปาล์มที่พอเหล้าเข้าปากก็เริ่มเรื้อน มุกต่ำกว่าเอวกำลังจะถูกปลดล็อคในไม่ช้านี้ ดูได้จากหน้ากรึ่มๆของมัน


“เปล่า กูแค่เสือกไปบอกเค้าว่าวันนี้จะไม่หิ้วหญิงไปนอน”


“.......”


ไอ้สองตัวหันมาจ้องผมตาไม่กระพริบ ไอ้ปาล์มดูจะสร่างเมาขึ้นมาทันที


“เอ้า กินมึงกิน กินเท่าที่อยากจะกิน เดี๋ยวพวกกูแบกมึงกลับเอง”


ไอ้จั๊ดที่ในตอนแรกจะไม่ยอมให้ผมดื่มต่อ กลับเป็นคนหันมารินเหล้าให้ผมอย่างกับกะจะมอม พร่องปุ๊บเติม เต็มปุ๊บชน เออ ให้มันได้แบบนี้สิวะไอ้เพื่อน ค่อยคบกันได้หน่อย ถึงตอนนี้ผมจะรู้แล้วว่า การกินเหล้ามันไม่ได้ช่วยเยียวยาแผลใจเลยสักนิด มันแค่ทำให้เราลืมแล้วหลับไป ก่อนจะตื่นมาทุรนทุรายกับความจริงที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

ไม่ดราม่าหรอกเนอะ อึดอัดพอกรุบกริบ พอให้พี่ภูรู้ใจตัวเอง อิอิ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยค่ะ ตอนนี้เดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้ว เย่ (ó ꒳ ò✿)

พรุ่งนี้เจอกันใหม่ เรื่องราวคลี่คลาย เมฆฝนสลาย แฮ่!


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เก้าღ "กำแพงสูง แต่มีประตู" P.2 ☛15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-09-2017 22:40:43
 :katai1: สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เก้าღ "กำแพงสูง แต่มีประตู" P.2 ☛15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 16-09-2017 23:42:10
ไม่ดราม่าค่า พี่ภูโดนหนักกว่านี้ เราก็โอเคนะ 555
ถ้าจะทำให้พี่ภูรู้ใจตัวเองจนสามารถให้ความมั่นใจกับน้องได้ เจ็บตอนนี้ แต่มีความสุขในอนาคตเน้อ
มั่นใจว่ารักน้องจริง ๆ เมื่อไหร่ เราก็จะเชียร์ต่อนะพี่ภู ตอนนี้ขอเข้าข้างน้องลินก่อนนะจ้ะ
ชอบความใจแข็งของน้องลินล่ะ อย่างพี่ภูสอยดาว ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ถึงจะเข้าใจอะไร ๆ ได้
ชอบความสัมพันธ์ของสามเพื่อนรัก ลินม่านคิตตี้ มาก ๆ รักและปกป้องดูแลกันดีจัง
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่เก้าღ "กำแพงสูง แต่มีประตู" P.2 ☛15.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 16-09-2017 23:44:55
เออดี ให้นังพี่ภูมันเลิกนิสัยแย่งแฟนคนอื่นไปเลย 5555555
หัวข้อ: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 17-09-2017 18:25:57
❥・ใจดวงที่สิบ・❥



รถรางรอรัก



..ภูฟ้า..




ผ่านมาเกือบสามอาทิตย์แล้วหลังจากค่ายรักน้อง เวลาเหมือนจะผ่านไปเร็ว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเชื่องช้าจนน่าใจหาย ไอ้เด็กจืดพยายามหลบหน้าผม ผมรู้ดี ก็อะไรจะชัดเจนเท่ากับการที่คนติดน้ำเต้าหู้ขนาดนั้น ไม่กล้ำกลายมาเฉียดใกล้ร้านป้าชื่นอีกเลย เป็นผมเองที่ต้องซื้อไปสองถุง เพราะนั่งมองอยู่ตั้งนาน ป้าแกก็ได้แต่ชะเง้อชะแง้หามัน เห็นแล้วก็ได้แต่สงสารทั้งป้าทั้งตัวเอง


ผมก็ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวตอนไหนว่าผมตาม หรือเอาจริงๆน้องมันแค่ขี้เกียจตื่นหล่ะมั้ง เลซี่วีคอะไรแบบนี้ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเวทนาตัวเอง ทำไมไม่เห็นจะอยากเจอมันน้อยลงเลยวะ


ทุกวันนี้จะได้เจอมันที ก็ตอนขึ้นรถราง ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ไอ้คนตีนผีที่แสนจะรักความเร็วอย่างผม ต้องยอมเอารถไปจอดไว้ แล้วเดินมาตั้งไกลเพื่อขึ้นรถรางป้ายเดียวกับมัน ร้อนก็ร้อน เบียดก็เบียด ยิ่งเป็นผู้ชายนี่ลืมไปได้เลยเรื่องได้นั่ง บางวันจะได้จับราวรึเปล่ายังต้องมาลุ้นเลย


“เป็นไรมึง หน้าเหนื่อยชิบหาย”


เสียงไอ้ปาล์มถามขึ้น ตอนที่เรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำใต้ตึกSC


“แต่มันเข้าคาบเช้าตลอดเลยนะเว่ยช่วงนี้ มิน่าฝนฟ้าคะนอง ฮ่าๆๆๆ”


หมั่นไส้ไอ้จั๊ด มันพาเมียเด็กมานั่งกับพวกผมด้วย อารมณ์มันเลยสดชื่นแจ่มใส จนทำให้ผมนึกรำคาญอยู่ตอนนี้ แต่..


ฟุดฟิดฟุดฟิด


“ไอ้เชี่ยภู มึงทำอะไร”


หื้มมม อยู่ดีๆผมก็โดนไอ้จั๊ดกระชากคอเสื้อจนแทบหงายหลัง


“ห่าภู มึงมีสติมั้ยเนี่ย มึงดมมือเมียไอ้จั๊ดทำไม”


ไอ้ปาล์มหน้าตื่นวิ่งมาแกะมือไอ้จั๊ดออกจากคอเสื้อผม


ฮะ ใคร ใครดมใคร


“ไอ้ภู เดี๋ยวมึงกับกูเคลียร์กัน”


ไอ้จั๊ดทำเสียงเหี้ยม ก่อนจะลากเมียเด็กที่ทำหน้าตกใจไปที่อื่น ผมก็พอจะสติกลับร่าง เลยนึกสงสารไอ้เด็กนั่นขึ้นมา


“เห้ยๆๆ นั่งก่อนๆ กูไม่ได้ตั้งใจ กูขอโทษ”


ไอ้จั๊ดที่กำลังคว้าแขนเมียตัวเองหันมามองผมตาขวาง แต่ก็ยังดีที่มันยอมฟัง และยอมนั่งลงมาใหม่ แต่คราวนี้มันจับเมียเด็กให้นั่งตัก แล้วเอามือกอดเอวไว้แทน โอ้โหไอ้เพื่อนเวร กูทำพลาดครั้งเดียว หึงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยคราวนี้


“ว่ามา”


แหนะ มีมองตาขวาง มิตรภาพตั้งแต่อนุบาลสามของเราทำไมมันสั่นคลอนง่ายจังวะ ไอ้เพื่อนเวร


“เด็กมึงกลิ่นคล้ายไอ้เด็กจืด กูเลยอยากดมว่ามันกลิ่นอะไร”


อยู่ดีๆก็เสียวสันหลัง ไอ้จั๊ดมองผมเหมือนจะตัดสินโทษ ไอ้ชิบหาย กูกลัวมึงจริงๆแล้วเนี่ย


“ดมมือเนี่ยนะ?”


มันหันมองผมกับเมียบนตักสลับกัน ไม่ต้องมองกูครับ กูทำอะไรลงไปกูยังมึนๆอยู่เลย


“เออ มึงก็อีกคนไอ้จั๊ด มึงใจเย็นก่อน ไอ้ภูมันเป็นหนุ่มน้อยริรักนะเว่ยตอนนี้ สงสารหน้าหงอยๆเหมือนหมาป่วยของมันบ้าง”


เป็นไอ้ปาล์มที่เหมือนจะช่วย หรือจะซ้ำเติมผมกันแน่ก็ไม่รู้พูดขึ้น


“พี่เค้าไม่ได้โดนตัวเท็นจริงๆนะพี่จั๊ด”


เสียงกระซิบงุ้งงิ้งๆดังอยู่ข้างหูไอ้จั๊ด แต่ดีว่าผมขี้เสือกเลยได้ยินชัดทุกคำ ทำดีมากครับน้องเท็น เดี๋ยวพี่จะเลิกแอบเรียกน้องว่าเด็กกุมารทองเลยครับ พี่สัญญา


“เห้ออออ”


เสียงไอ้จั๊ดถอนหายใจเหมือนคนกำลังใช้ความคิด มันคงรักเมียเด็กของมันจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมามันก็ไม่เคยหวงใครขนาดนี้มาก่อนเลย นี่กระทืบผมได้ มันคงทำไปแล้ว


“มึง ดีกัน เลี้ยงเหล้าเลยอะ”


ต้องทำตัวน่ารักไม่อ้อนตีนครับ เพราะรู้ตัวว่ารอบนี้ตัวเองทำผิดจริง


“เออๆ แล้วมึงก็เลิกประสาทหลอนซักที เลิกขึ้นรถรางด้วย สภาพยับเยินชิบห๊ายยย”


“แหะๆ”


ก็ผมไม่กล้าเข้าใกล้เด็กจืด เลยทำได้แต่ยืนตัวลีบอยู่ท้ายรถ ที่เป็นแค่ชานพักเท้าขึ้นลง ร่มเงาอะไรของรถนี่อย่าได้หวังเลยครับ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดดีๆนี่เอง จะเยินไปบ้างก็ไม่แปลก


“เอ่อ พี่ภูครับ มันคือครีมยี่ห้อนี้อะครับ แต่สงสัยเป็นอีกสีนึง มันคนละกลิ่นกัน”


เด็กกุมา-  เอ๊ย น้องเท็นยื่นภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมส่อง


มันเป็นภาพครีมทาผิวของผู้ชายยี่ห้อหนึ่ง ผมเห็นคัทเอาท์ผ่านตามาบ้าง กำลังโปรโมทหนักเลยช่วงนี้


“ไปซื้อให้มันหน่อยไป”


เป็นไอ้จั๊ดที่คงทนเวทนาผมไม่ไหว มันปล่อยเมียเด็กลงจากตัก แล้วส่งเงินแบงค์ห้าร้อยให้ น้องรหัสควบตำแหน่งเมียเด็กของมัน ก็รับไปแต่โดยดี โดยไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก แค่ยิ้มหวานๆให้ไอ้จั๊ด ก่อนจะเดินไปทางสโตร์ของมหาลัย เพื่อซื้อครีมที่ทำผมเกือบโดนเพื่อนเลิกคบมาให้แทน


“ซื้อมาทำไมวะ”


ไอ้ปาล์มมันก็สงสัยเหมือนผม


“ให้มันพี้ เดี๋ยวมันลงแดง”


“....”


ชัดเจนเต็มสองหู นี่ชีวิตกูมาถึงขั้นต้องพี้ครีมแล้วหรอวะ โอ้ ไม่นะ






ผมนั่งดมครีมที่แขนตัวเองด้วยความฟินครับตอนนี้ ตอนแรกก็พี้ตรงจากขวด แต่กลิ่นมันยังไม่ใช่ เลยต้องบีบออกมา ทาๆ โปะๆ นวดไปนวดมาแล้วดมอีกที อื้มมม ก็พอไหว ถึงจะหอมไม่ได้เศษเสี้ยวตอนอยู่บนตัวเด็กจืดก็ตาม


“มึง กูกลัวมันหว่ะ ดูโรคจิตชิบหายเลย นั่งดมแขนตัวเองมาหลายวันแล้วเนี่ย”


เอ๊ะ ไอ้ห่าปาล์ม ไอ้เพื่อนเวร ไม่ช่วยอะไร แล้วปากยังน่าเตะอีกต่างหาก


“เช้าก็ขึ้นรถรางส่องเค้า เที่ยงก็สะกดรอยตามไปดูเค้ากินข้าว เย็นก็นั่งเป็นหมาดมครีม มึงทำอะไรซักอย่างดิ๊ไอ้จั๊ด กูเนี่ยแหละจะประสาทกินก่อนมัน”


ไอ้จั๊ดที่คงพึ่งเสร็จแล็บตามมานั่งข้างไอ้ปาล์มอีกที


“ไหวมั้ยมึง”


ไม่สักนิด


“มึง!”


“....”


กูได้ยิน แต่กูไม่มีแรงจะตอบมึงหว่ะเพื่อนจั๊ด


“แล้วทำไมมึงไม่พุ่งไปจีบน้องเค้าแบบหน้าด้านสไตล์มึงเหมือนเดิมวะ”


ไอ้ปาล์มมันยังเห่าไม่เลิก


“กูหมดแรง”


“ฮะ”


“ก็หมดแรงไง มึงต้องเห็นสายตาเค้าเวลามองกู เห้อ กูว่าบางที ถ้ากูถูกตบกลางสี่แยกไฟแดง อาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้หว่ะ”


ผมบอกความรู้สึกของผมให้พวกมันฟังตรงๆ


“หรือน้องเค้าแค่ไม่ชอบผู้ชายวะ เลยทำหน้าไม่ถูก”


“ก็คงอย่างนั้นมั้ง ตัวกูเองถ้ามีผู้ชายมาจีบ ก็คงไล่กระทืบไปแล้ว หรือไม่ผู้หญิงอีกคน อาจจะเป็นแฟนตัวจริงของเด็กจืดก็ได้”


ยอมรับว่าผมคิดฟุ้งซ่านไปหมด หลายวันมานี้ผมคิดแล้วคิดอีก คิดหาเหตุผลมากมายมารองรับท่าทางปิดตัวเองเสียมากมายของปาลิน ถ้าให้คิดในมุมของน้อง ก็คงจะรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ดีๆก็มีผู้ชายตัวโตๆมาตามจีบ อาจจะไม่พอใจหรืออาจจะอยากกระทืบผมด้วยซ้ำ ตัวผมเองก็มีผู้ชายเข้าหาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ตัวเล็กอ้อนแอ้นบอบบาง ที่พอเราไม่สนใจก็ไม่ได้ตอแยอะไรอีก แต่ถ้าต้องเจอไอ้ตัวถึกๆ แถมยังอยากได้ตัวเองเป็นเมียมาจีบแบบนี้ นับว่าที่ยังไม่โดนน้องมันต่อยนี่ก็บุญแล้ว ส่วนอีกข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้ ก็คือผู้หญิงอีกคนที่ชอบเห็นอยู่ด้วยกันกับเด็กจืดและม่านแพง บางทีเธออาจจะเป็นคนคนนั้น คนที่อยู่ในใจของ “ผู้ชายที่ผมรัก”


มาตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักผู้ชายที่ชื่อปาลิน ผู้ชายที่มีอิทธิพลกับใจของผม ขนาดที่ตัวผมเองก็ยังไม่อาจจินตนาการได้ จากที่เคยคิดว่าอีกไม่นานคงเบื่อหรือลืมความรู้สึกนี้ไปเอง แต่เปล่าเลย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับชัดเจนและอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของผมโดยสิ้นเชิง..โดยเฉพาะหัวใจ


ผมแพ้แล้ว ยอมแพ้อย่างหมดรูป ยอมจำนนต่ออะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้มาเจอกับผู้ชายที่ทำให้ผมรักได้มากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำอะไรให้มากมาย แค่“เขา”เป็น“เขา” ใจของผมก็แทบจะกระเด้งกระดอนไปสยบลงแทบเท้า ยอมทุกอย่าง ยอมแม้แต่จะทรยศเจ้าของของมันที่เฝ้าปฏิเสธความรู้สึกนี้มาทั้งชีวิต


ไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว นอนดมมือตัวเองต่อดีกว่า


“ยอมแพ้แล้วหรอมึง”


เป็นไอ้จั๊ดที่ถามบ้าง


แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบ


“มึงๆๆๆๆ เรื่องใหญ่ๆๆๆ”


ไอ้ปาล์มที่ก้มหน้าไถโทรศัพท์อยู่นานสองนาน ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง


“เป็นห่าอะไรของมึงอีกคนเนี่ย”


สม โดนไอ้จั๊ดแพ่นกบาลเลยมึง


“เฮ้ยยยยยยยยย”


อ่าวเวร ไอ้จั๊ด กูต้องลุกขึ้นแพ่นกบาลมึงด้วยอีกคนมั้ย


“ดูมึงดู มึงฟื้นแน่ถ้าเห็น”


อะไรของพวกแม่งวะ


“...................”


มือถือไอ้ปาล์มที่ถูกยัดใส่มือผม แทบร่วงลงไปกับพื้น หน้าจอที่ยังเปิดอยู่ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่บนนั้น เพจ“มินนี่สสสสส์..มีเผือก” ที่พึ่งอัพเดตเมื่อไม่ถึงสามนาทีที่แล้ว และสาเหตุที่ทำให้พวกผมสามคนมีอาการเหมือนคนบ้าอยู่ในเวลานี้ นั่นก็เพราะ ในนั้นมีรูปผมบนรถราง รูปเด็กจืด แล้วก็รูปผม สลับไปสลับมาแบบนี้เกือบสิบๆรูป วันที่ที่มุมรูปข้างเครดิตเพจแสดงวันเวลาที่ผมเริ่มขึ้นรถราง คงมีใครสักคนหรือหลายคนถ่ายพวกเราไว้ ความคมชัดของรูป บอกได้เป็นอย่างดี ว่ามันไม่ได้มาจากมือถือเครื่องเดียวกัน





*****************


มินนี่สสสสส์..มีเผือก

เอ๊ะๆๆ อะไรยังไงกันคะ เจ๊งงไปหมด ทำไม๊ทำไมหลายวันมานี้มีแต่คนส่งรูปซัมมีเจ๊ทั้งคู่มาให้ไม่ขาดสาย แล้วก็จะต้องเป็นรถรางคันเดียวกัน เวลาเดียวกันตลอด! เฮ้ยยยยยยยแก พวกแกคิดอย่างที่เจ๊คิดเหมือนกันใช่แมะ เรื่องราวชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วนะคะน้องม่าน!! (งานนี้เราต้องยืมมือเมียหลวงจัดการให้เราค่ะ!!)

อุ๊ยยยย นี่เจ๊เปล่าชี้โพรง เปล่าเสี้ยมอะไรเลยนะคะ ก็แค่มีเด็กวิดยาเมาท์มาว่า นอกจากค่าย“รักน้อง”จะก่อกำเนิดคู่จิ้นคู่ใหม่ตามชื่อค่ายเป๊ะ! หลังจากนั้น เพจเจ๊ก็ถูกพวกหล่อน หล่อนและหล่อน เข้ามากรีดร้องโหยหวนทั้งดีใจทั้งเสียใจจนเพจแทบล่ม ไหนๆก็ไหนๆ เป็นคนสวยก็ต้องมีน้ำใจถูกแมะ เจ๊เลยจะแบ่งปันเรื่องผัวและผัวของเจ๊ให้ฟังอีกหน่อยก็ได้ เรื่องมีอยู่ว่า ก็วันที่น้องปริญ(ซัมมีปีหนึ่ง)กลับจากค่ายรับน้องวิดยานั่นแหละ ดันมีเหตุ???ให้ต้องกลับมากับภูขา(ซัมมีหลวงปีสาม)แบบสองต่อสอง บนรถคันเดียวกันด้วยอะแก๊

แล้วแหมมม อะไรจะบังเอิ๊ญบังเอิญเบอร์นี้คะ ก็ตั้งแต่วันนั้นใช่แมะ อยู่ดีๆซัมมีปีสามของเจ๊ ก็เปลี่ยนมาขึ้นรถรางซะงั้น ร้อยวันพันปีคนหล่อคนรวยอย่างซัมมีเจ๊เนี่ย ไม่เคยขึ้นเลยซักครั้งนะยะ ย้ำ!! ขีดเส้นใต้หนาๆ! ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว! แต่ตอนนี้ภาพที่เห็นมันคืออะไรกันคะ ซัมมีขา!!

#ใจเมียแตกสลาย #ลางร้ายเริ่มปรากฏ #ทีมม่านแพง #ผัวเธอผัวฉันและรักของเรา #ภูฟ้าปาลิน #นี่คู่จิ้นหรือคู่จริงคะ




ผมไม่ได้สนใจข้อความมากนัก แต่ที่ผมสนใจคือหนึ่งในรูปมากมายเหล่านั้น มีอยู่รูปหนึ่งที่เด็กจืดกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาห่วงใย! ย้ำ!! ไม่ได้คิดไปเอง(หรือถึงเข้าข้างตัวเองก็แค่นิดเดียวจริงจริ๊ง) น้องใช้ดวงตากลมโตใสแจ๋ว มองมาที่ผม! ตอนที่ผมหันไปทางอื่น!(อยากเตะตัวเองสักทีเหมือนกัน มึงมาเหม่ออะไรตอนนี้!!)


คนถ่ายก็ถ่ายออกมาได้ดีมากๆ องค์ประกอบทุกอย่างราวกับถูกถ่ายด้วยกล้องโปร โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่เจือแววห่วงใยที่ทำให้ผมแทบลอยได้ หัวคิ้วขมวดมุ่นน้อยๆ ตอนที่เห็นผมยกแขนเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผาก เพราะตรงท้ายรถที่ผมยืน หลังคามันมาไม่ถึง ดังนั้นพระอาทิตย์กับหัวผมเลยตั้งฉากกันแทบจะทำมุมเก้าสิบองศาเลยทีเดียว


“มึงงงงง!!”


ผมเบะปากหันไปทางไอ้ปาล์มไอ้จั๊ด ไม่รู้ว่ามีน้ำตาคลอด้วยไหม รู้แค่ว่าดีใจจนอยากร้องไห้ออกมาจริงๆแล้วตอนนี้


“น้องเป็นห่วงกู!!”


ความจริงข้อนี้ทำให้ผมมีความสุขจนแทบบินได้ ตอนประกาศชื่อรับตำแหน่งนางสาวไทยเค้าคงรู้สึกแบบนี้กันสินะ รู้สึกมงลงหัว รู้สึกน้ำตาจะไหล


“เออ มึงเออ กูเห็นแล้วครับเพื่อน แต่มึงเบาๆหน่อยได้มั้ยวะ กูอายแทน”


ฮิฮิฮิ


ต้องอายด้วยหรอวะ แล้วทำไมถึงต้องอายด้วยหล่ะ เรื่องดีๆแบบนี้ มันต้องตะโกน มันต้องป่าวประกาศสิถึงจะถูก แล้วทำไมมึงและมึงต้องมองกูด้วยสายตาเอือมๆอย่างนั้นด้วยหล่ะไอ้ปาล์มไอ้จั๊ด ชิ ไม่เป็นกูไม่เข้าใจหรอกเว่ย


*Saved*

*Use as wallpaper*

*Set Both*



ฮิฮิฮิ


โคตรฟินเลยโว้ยยยยยย




วันนี้ดูท่าความโชคดีของผม จะยังไม่หมดแค่นี้ หลังจากได้กำลังใจดี วันนี้ก็ว่าจะไปอ้อนคนซะหน่อย ฮิฮิฮิ ตอนแรกก็ใจแป้วว่าน้องมันจะไม่มีเยื่อใยอะไรให้เลย กับคนอื่นผมก็ไม่ยักกะใจบางแบบนี้ แต่พอเป็นคนนี้กลับคิดเล็กคิดน้อยไปหมด แค่น้องมันจะปิดประตูใส่ ใจผมนี่ก็แทบขาด แต่พอเห็นรูปนั้นแล้ว ฮิฮิฮิ บอกเลยว่ากำลังใจพี่ภูมาเต็ม


“ไปกันเลยมั้ย ไอ้ดื้อมาแล้ว”


ไอ้จั๊ดชวนเพราะเห็นเมียเด็กของมันกำลังเดินมาทางที่พวกผมนั่งอยู่


“เห้อออ รู้งี้จีบสาวในคณะดีกว่า มีงานคณะทีจะได้ไม่แห้งเหี่ยวเดียวดายอยู่แบบนี้”


บอกเลยว่ารำคาญหน้าโอเว่อร์แอคติ้งของไอ้ปาล์มมากตอนนี้


“เดี๋ยวหวายก็มาหลังเราเสร็จงานไงครับ”


น้องเท็นหันไปบอกไอ้ปาล์ม ที่พอได้ยินก็ทำหน้าระรื่นทันที พวกมันสี่คนจะไปกินไอติมกันต่อ หลังจากเสร็จงานเลี้ยงรวมสายรหัส ซึ่งผมบอกไปแล้วว่างานนี้ผมขอบาย เล่นไปกันครบคู่แบบนี้ ถึงไปก็คงรู้สึกไม่ต่างจากส่วนเกินดีๆนี่เอง


พวกผมเดินเข้ามาในโรงอาหารตอนเกือบหนึ่งทุ่ม คนเริ่มมากันหมดแล้ว แต่ผมยังหาเด็กจืดไม่เจอ แต่งานนี้ ผมเด็ดกว่านั้น


“ไอ้ภู ทางนี้เว่ย”


เสียงไอ้เอสพี่รหัสเด็กจืดตะโกนมาจากอีกฟากของคาเฟทีเรีย ผมโทรบอกมันก่อนหน้านี้ ว่าจะนั่งข้างสายมัน


“ไอ้จืดหล่ะ”


ผมถามหาเด็กจืดของผม ที่มองหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็น


“ฮะ ใครวะ น้องปีสองกูหรอ เดี๋ยวก็มา”


ลืมไปว่าน้องรหัสปีสองของมันโคตรเนิร์ด ไอ้เอสมันเลยได้ทีแกล้งกวนผม


“กวนนะมึง เดี๊ยะๆ แล้วน้องปีหนึ่งมึงอะ”


ผมถามถึงคนที่คิดถึงโดยไม่เสียเวลาเล่นลิ้นกับมันอีก


“อ๋อ นู่นนนน ขอไปหาแฟน เดี๋ยวมา”


มันยักคิ้วกวนๆส่งมา ก่อนจะชี้ไปทิศไกลลิบๆฝั่งซ้ายของคาเฟทีเรีย เนื่องจากคณะผมคนเยอะ ยิ่งรวมกันสี่ปีแบบนี้ มากันครบที ก็แทบเรียกได้ว่าปิดคาเฟทีเรียเลี้ยงนั่นแหละ


“พี่มึงอะ”


ผมถามถึงพี่ติง พี่ปีสี่ของมัน


“ติดแล็บหว่ะ มาไม่ได้”


“เออ พี่กูก็เหมือนกัน”


ช่วงนี้พี่ปีสี่ต้องทำโปรเจคจบการศึกษารวมถึงฝึกงาน เลยทำให้ไม่ค่อยว่างมาทำกิจกรรมกับน้องๆ วันนี้ผมกับไอ้เอส เลยกลายเป็นคนที่แก่ที่สุดในโต๊ะอย่างไม่ต้องสงสัย ฮิฮิฮิ ว่าแล้วก็หาเรื่องแกล้งเด็กดีกว่า


หลังจากคนมากันเกือบครบ พิธีกรจำเป็นซึ่งเป็นตัวแทนของรุ่นพี่ปีสี่ ก็กล่าวเปิดงานและสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น น้องรหัสผมก็มากันครบแล้ว ส่วนเด็กจืดก็กำลังเดินมาทางนี้


“อ้าว มาแล้วหรอ นั่งเลยปริญ”


ไอ้เอส มึงทำดีมาก เด็กจืดเหวอนิดหน่อยที่ต้องนั่งระหว่างผมกับไอ้เอส ไม่สนครับ งานนี้ผมเนียนไว้ก่อน


“อ่า ครับ”


ฮิฮิฮิ ฟิน


“คิดถึงจัง”


ผมลงมือทำคะแนน ทันทีที่เด็กจืดนั่งลง


“.....”


ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถลึงตาใส่ผมแทน เพราะผมกระซิบไม่เบาเท่าไหร่ โอ๊ย ยิ่งมองยิ่งน่ารักน่าฟัด


“เอาหล่ะครับ ถึงวันนี้พี่ๆปีสี่สายเราทั้งคู่จะมาไม่ได้ แต่พี่จะเพิ่มความอบอุ่นให้น้องๆ ด้วยการทานข้าวร่วมกันระหว่างสาย078กับ287แทนนะครับ”


ผมไม่ลืมที่จะยิ้มและพูดเพื่อสร้างบรรยากาศให้น้องๆผ่อนคลาย  หลังจากอาหารทยอยมาเสิร์ฟลงตรงหน้า พึ่งสังเกตด้วยว่า เลขรหัสเราต่างกันแค่ตัวหน้าและตำแหน่งสองตัวท้ายที่สลับกัน งานนี้ไอ้เอสมันยินดีปรีดาเป็นพิเศษ เพราะน้องรหัสของผมมีแต่คนสวยๆ


เราให้น้องแนะนำตัวเองทีละคน จากนั้นก็ลงมือทานกันโดยไม่มีพิธีรีตองให้วุ่นวาย สำหรับอาหารในมื้อนี้ ถือว่าไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด เพราะจุดประสงค์หลักของการจัดกิจกรรม ก็คือการเลี้ยงสายรหัสพร้อมกันทั้งคณะเท่านั้นเอง


“อันนี้อร่อยนะ”


ผมตักปลาทอดน้ำปลาให้เด็กจืด อาศัยเนียนจากตอนตักให้น้องรหัสตัวเอง แล้วมันก็นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือไง ก็เลยอ๊ะ ตักให้ซะหน่อยแล้วกัน ฮิฮิฮิ


“ขอบคุณครับ”


โถ เสียงหวานจ๋อยเลยพ่อคุณของพี่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยินเสียงใกล้ๆแบบนี้


“.......”


เด็กจืดหันมามองผม เพราะผมคงจ้องน้องมันมากไป อ๊ะๆๆ เนียนๆทำเป็นกินไปคุยไปก็ได้ ทั้งที่ความจริงอิ่มทิพย์แล้วเนี่ย ฮิฮิฮิ


“ไอ้ภูๆ กินเสร็จแล้ว พวกเราพาน้องไปเปิดหูเปิดตาดีมั้ยวะ”


ไอ้เอสมีสีหน้าระริกระรี้มากเลยครับตอนนี้ หลังจากที่มันได้พูดคุยและถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนให้สองสาวน้องรหัสผมฟัง โดยไม่ได้สนใจสายรหัสที่เป็นผู้ชายของมันเท่าไหร่ ก็อย่างที่บอก เพราะมันดันปากโป้งเฉลยสายรหัสไปตั้งแต่ต้นเทอม ตอนนี้มันเลยเลิกเห่อปาลินของผมไปแล้ว


“ได้ดิ มึงอยากไปที่ไหนอะ”


งานนี้เราต้องเนียนให้มากที่สุดครับ มันไม่เห่อน้องรหัสมัน แต่ผมนี่แหละทั้งรักทั้งเห่อ ทั้งอยากเห็นหน้าน้องมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นอะไรที่จะทำให้ได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว


“สาวๆ เอ้ย น้องๆอยากไปทานอะไรกันต่อไหมครับ”


ไอ้เอสเริ่มขายขนมจีบน้องปีหนึ่งปีสองของผมต่อ โดยมีผมคอยสอดส่องอยู่เป็นพักๆ ไอ้เอสมันเป็นคนดีครับ ถึงมันจะมีนิสัยห่ามๆ แต่เวลามีแฟน มันก็คบทีละคน ผมเลยไม่ห่วงมากนัก


“ดาวแล้วแต่พี่ภูเลยค่ะ”


น้องดาวน้องรหัสปีหนึ่งมองผมอายๆ เอ่อ อย่าพึ่งหางานให้พี่ครับน้องดาว


“ปาลินหล่ะครับ อยากทานอะไรดี ไอศกรีม นมปั่น หรือแอลกอฮอล์”


ได้โอกาสก็ต้องทำคะแนนครับงานนี้ เสียเวลาใจบางไปหลายวัน ป่านนี้เด็กจืดคงลืมผมไปหมดแล้ว


“....”


เด็กจืดถลึงตาใส่ผมอีกแล้ว แต่บอกเลย ว่าวันนี้พี่คือคนเก่งหัวใจแกร่ง ต่อให้โดนด่าเหมือนหมูเหมือนหมา พี่ก็จะไม่สะทกสะท้าน


“เอ้อ นั่นสิไอ้เป๋า น้องปริญ พวกมึงอยากกินอะไรกัน”


ไอ้เอสถามน้องรหัสปีสองและปีหนึ่งโดยระบุวรรณะที่มันตั้งเองนำหน้าชื่อไปด้วย ยังดีที่มันยังไม่ลืมว่าน้องมันนั่งอยู่ด้วย


“ไอศกรีมหรือนมก็ได้ แล้วแต่พี่เลยครับ”


เสียงเด็กจืดของผมหันไปตอบไอ้เอส ถ้าผมซื้อหวยคงถูกไปแล้ว เพราะเด็กจืดตัดแอลกอฮอล์ออกเป็นอย่างแรก ดูท่าว่าการไปผับแต่ละที คงไม่ได้มีที่มาจากเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย จืดสมชื่อจริงๆ เด็กจืดของพี่ ถึงน้องจะจืดแต่หวานสำหรับพี่เสมอนะจ๊ะ ผมหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวเพราะตลกความเสี่ยวที่ตัวเองคิดกับคนข้างๆ จึงได้สายตามองมาเป็นคำถามจากคนที่ทำให้ผมเป็นเอามากขนาดนี้ เลยได้โอกาสยิ้มหวานส่งกลับไปให้เสียเลย ฮิฮิฮิ ฟินหนักมากครับนาทีนี้


เมื่อไม่มีคนค้านอะไร สุดท้ายจึงลงเอยกัน ที่ร้านนมหน้ามหาลัย ถึงจะอนุบาลไปหน่อย แต่ถ้าเด็กจืดของพี่มีสีหน้าแช่มชื่น พี่ก็แฮปปี้ ติดอยู่แค่อย่างเดียว..


“ม่านเอานมสตรอเบอร์รี่ปั่นเพิ่มวิปครีม แล้วของลินเอานมจืดร้อน ไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มนะคะ”


เด็กมาร เอ๊ย เด็กม่านขอตามพวกผมมาด้วย และแน่นอนว่าไอ้เอสกับไอ้เป๋าน้องปีสองของมันนี่น่าระรื่นมากจนผมอยากจะด่าซักที เมื่อกี๊กูพึ่งชมมึงเป็นคนดีอยู่เลยนะ ทำไมตอนนี้มึงเปลี่ยนใจจากน้องรหัสกูแล้ว ไอ้ห่าเอส


“พี่ภูจะสั่งอะไรดีคะ”


แหนะ น้องมารที่นั่งตรงข้ามกับผม มียักคิ้วประกาศสงครามส่งมาให้ด้วย


“เอาเหมือนปาลินอีกหนึ่งที่แล้วกันครับ”


ผมยิ้มละไมแต่ส่งสายตาท้าทายไปทางน้องมาร ตั้งใจว่าต่อไปนี้จะเรียกเด็กนี่ แบบนี้แหละ ฮึ่ย


“ปริญกับม่านคบกันนานแล้วหรอจ๊ะ”


เสียงน้องผึ้งปีสองสายผมเองครับ


“อืมมม กี่ปีแล้วอะลิน สี่เนาะ”


ฮึ่ยยยย หมั่นไส้ หน้าระรื่นยิ้มหวานแขนนี่ก็กอดไปสิ คางก็จะซบไหล่ทำไม เดือดครับเดือด มีแต่ความอิจฉาล้วนๆ


“โหหห คบกันนานมากเลยอะ น่าอิจฉาจัง”


เสียงน้องดาวสายผมอีกแล้ว นี่พวกน้องกินเผือกแทนข้าวรึเปล่าครับ พาลโว้ยพาล อยากจะตัดสายก็วันนี้


“อุ๊ย ขอบคุณจ้า แต่ไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉาหรอกน้าาา”


พูดกับดาวแต่ตามองผม มือนี่ก็จับเด็กจืดขึ้นมาถูๆไถๆอยู่นั่นแหละ รู้สึกหงุดหงิดน้องมารสุดๆเลยตอนนี้ อยากจะดึงให้ห่างออกมาจากสุดที่รักของผมเสียจริงๆ


“อิจฉาสิ ก็ปริญหล่อแล้วยังได้แฟนสวยขนาดนี้”


ผมไม่ยอมแพ้ คว้ามือเด็กตรงหน้ามาจับๆบ้าง ทำเป็นลูบๆจะดูลายมือ งานนี้งานเนียนงานหน้ามึนต้องมา น้องมันจะดึงมือกลับผมก็ขืนแรงไว้ ชื่นใจจริงโว้ย


“พี่ภูดูลายมือเป็นหรอคะ ดูให้ดาวบ้างสิ”


รู้สึกว่างานจะเข้า น้องดาวยื่นมือขาวๆมาตรงหน้าผม เด็กจืดกับม่านแพงก็หันมายิ้มให้ผมอย่างคนรอดูเหตุการณ์สนุกๆต่อจากนี้ โว้ย ทำไมถึงซวยแบบนี้


“พี่ก็ดูไม่เป็นหรอกจ้ะ แค่อยากเห็นลายมือคนหล่อที่มีแฟนสวยหน่ะ”


แถสิครับรออะไร วันนี้งานแถต้องมา ต่อให้สีข้างถลอกปอกเปิก แต่ถ้าได้กุมมือนุ่มที่ผมยังเนียนไม่ยอมปล่อยอยู่ตอนนี้ ผมว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก






หลังทานพวกนมกับขนมปังปิ้งปังเย็นทั้งหลายจนอิ่มหนำ สาวๆก็ดูจะสนใจการถ่ายรูปเซลฟี่ขึ้นมาบ้าง


“พี่ภูคะ ถ่ายด้วยกัน”


เกร็งเลยครับงานนี้ มีสายตา(ว่าที่)แฟนจ้องอยู่ด้วย


“ลินจ๋า ถ่ายกันๆ”


แหน๊ะ เด็กมารนี่ก็เอาใหญ่ มีการหน้าแนบหน้า ดึงความสนใจเด็กจืดไปจากผมด้วย หัวร้อนโว้ย


“เราถ่ายรวมกันบ้างดีกว่าเนาะ”


ไอ้เอสกับไอ้น้องเป๋าพยักหน้าจนหัวแทบหลุดพอได้ยินผมพูดจบ แน่นอนว่าพวกมันอยากมีรูปกับสาวๆ ส่วนผมก็เนียนๆครับ ไปยืนข้างเด็กจืดที่ถอยมายืนด้านหลัง งานนี้ใกล้ได้ใกล้ โอบได้ต้องโอบ ฮิฮิฮิ เป็นช่วงเซลฟี่ที่ผมโคตรจะมีความสุขเลย ถึงแม้ว่าจะมีตัวมารคอยขัดขวางอยู่เรื่อยๆก็ไม่ได้ทำให้ความฟินผมลดน้อยลงได้เลย


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。




หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 17-09-2017 18:59:29
พี่ภู  นับวันจะยิ่งเหมือนโรคจิตบวกไบโพล่าเข้าไปทุกทีแล้วนะ  555   :laugh:
แอบกลัวแทนน้องลินนิด ๆ แฮะ  แต่ก็ถือว่าได้ผลนิ น้องเริ่มเห็นใจละ
แค่นี้ก็รู้เลยนะ ได้เป็นแฟนน้องลินเมื่อไหร่ พี่ภูได้เป็นนายกสมาคมเกลียมัวแน่อ่ะ สงสาร 555
น้องดื้อของพี่จั๊คมาแล้ว ชอบ ๆ น้องเท็นให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูอ่ะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-09-2017 20:15:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-09-2017 21:11:35
รู้สึกว่าอารมณ์พี่ภูจะเหวี่ยงไปมาดังรถไฟเหาะอยู่หน่อย ๆ นะ ฮา
เห็นคิดเองฟินเองน้อยใจเองเหวี่ยงเองแล้วตลกดี
พยายามเข้าล่ะพี่ภู
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 18-09-2017 00:13:12
 o13 พี่ภูคลั่งรัก....
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 18-09-2017 19:41:55
❥・ใจดวงที่๑๑・❥



โอกาส



..ปาลิน..



ผมคงจะเป็นคนปิดตัวเองอย่างที่ม่านแพงชอบพูดจริงๆ แต่ถ้ามันจะทำให้ผมปลอดภัย ผมว่าการปิดตัวเองมันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในเวลาที่ชีวิตผมมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งคนที่ผมรักและคนที่รักผม


เจ้าของฉายาภูสอยดาวไม่ได้มากวนผมและม่านแพงอีกหลังจบค่ายรักน้อง ผมมั่นใจว่าความเงียบของผม คือการตอบคำถามที่เขาเคยถามก่อนหน้านี้แล้ว ผมยินดีให้เขาเดินจากไป มากกว่าที่จะยอมให้เขาก้าวเข้ามาในโลกของผม และนานวันเข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำถูกแล้ว ที่ไม่เปิดโอกาสให้คนใจร้ายเดินเข้ามาได้อีก รุ่นพี่เดือนมหาลัยก็ไม่ต่างจากคนอื่น เข้ามาและเดินจากไปง่ายๆ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน โลกของผม จะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ


เราบังเอิญเดินเจอกันบ้างในบางครั้ง และนั่งรถรางคันเดียวกันบ้างในบางที แต่นั่นก็เพราะความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันเท่านั้น ตอนนี้พี่เขากลับไปเป็นเดือนมหาลัยที่มีดาวมากมายรายล้อม กลับไปอยู่ในโลกของเขา โลกที่ขนานกันกับโลกของผมอย่างสิ้นเชิง


ผมเคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งวันที่โลกอันสงบสุขของผมได้ถูกสั่นคลอนอีกครั้ง หลังจากที่เพจของเจ๊มินนี่ลงรูปผมกับเดือนปีสาม ที่ไม่รู้หามาจากไหนตั้งมากมาย และที่สำคัญคือผมไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองได้กลายเป็นนายแบบจำเป็นมาเป็นเวลาเกือบเดือน โดยมีฉากหลังเป็นรถรางและนักศึกษาที่เบียดเสียดกันในวันที่ผมมีเรียนในตอนเช้า และบางตาในวันที่ผมมีเรียนในตอนบ่าย


ในบรรดารูปมากมายเหล่านั้น มีแทบจะทุกอิริยาบถของผมและคนอายุมากกว่า มีตั้งแต่ตอนกำลังก้าวขึ้นรถ นั่งเหม่อๆ หน้าเหวอๆ หรือแม้กระทั่งตอนโหนจับราว ซึ่งส่วนมากจะเป็นภาพของเดือนมหาลัย ที่โดนวิญญาณสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเข้าสิง เพราะถึงแม้จะมีที่นั่งว่าง แต่เขาก็ยังเลือกที่จะยืนตรงชานพักเท้าด้านหลังรถที่ร่มเงาไปไม่ถึง ทุกภาพเรียงวันเวลาและมีเครดิตเพจแสดงเอาไว้ จึงทำให้ผมได้รู้ว่า การบังเอิญเจอกันระหว่างเรา มันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วก็ได้ จากเดิมที่ผมเคยเห็นเขาบนรถรางแค่ไม่กี่วัน แต่กลับกลายเป็นว่า มันคือทุกๆวันที่ผมมีเรียน ไม่ว่าจะในตอนเช้าหรือบ่ายก็ตาม และข้อความที่บรรยายพร้อมรูปก็ทำให้ผมมั่นใจว่าทุกอย่างคือความตั้งใจของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ไม่เคยขึ้นรถรางสักครั้ง ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่


แต่ที่แย่กว่านั้น ก็คือสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ตอนที่พี่รหัสผมพาออกมาเลี้ยงที่ร้านนมหน้ามหาลัย มันก็คงจะไม่เป็นไรมาก ถ้าไม่มีใครอีกคนมาด้วย เจ้าของมือปลาหมึกที่พยายามสัมผัสตัวผมอย่างแนบเนียน เอามืออ้อมมากอดเอวบ้าง กอดไหล่บ้าง แตะมือ หรือแม้แต่เอาหน้ามาใกล้ๆ ถึงแม้จะมีม่านแพงและสองสาวน้องรหัสของเขา คอยจ้องมองมาด้วยความไม่พอใจหรือแม้แต่สงสัยอยู่เป็นระยะ


ผมเห็นสีหน้าเก็บความสงสัยไม่มิดของปลายดาว เพื่อนร่วมรุ่นของผมที่เป็นน้องรหัสรุ่นพี่มือปลาหมึก เธอมองมาที่เราหลายต่อหลายครั้ง และถามคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมและม่านแพงไม่หยุด แต่จะโทษเธอก็ไม่ได้ ในเมื่อเพจเจ๊มินนี่ล้วนจุดประกายความสงสัยของคนทั้งมหาลัยไปหมดแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่รหัสของผม ที่บอกผมตั้งแต่เจอหน้ากันที่คาเฟทีเรียว่า


“ปริญ เห็นแบบนี้ พี่ก็หัวสมัยใหม่นะเว่ย ถ้ารักกันชอบกันกับไอ้ภู พี่ว่าก็ทำให้มันชัดเจนซะเถอะ สงสารน้องม่านแพงหว่ะ อีกอย่างนะ ถ้าได้ไอ้ภูเป็นน้องเขย พี่คงสบายไปทั้งชาติ ฮ่าๆๆๆ”


พี่เขาหัวเราะขำกับสิ่งที่ตัวเองพูด แต่แววตาที่จ้องมา กลับจริงจังเสียจนทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไร และไม่ได้ตอบอะไรเรื่องนี้อีก แค่ขอตัวเลี่ยงไปหาม่านแพงที่บอกว่าจะมารอกลับพร้อมกันกับผม


“โอเคค่ะ เดี๋ยวดาวส่งรูปให้ทุกคนนะคะ”


เสียงของดาว ช่วยฉุดผมขึ้นมาจากภวังค์ความคิด และยังช่วยให้ผม แทบจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่สถานการณ์ตอนนี้ใกล้จะยุติลงแล้ว


วันนี้เรื่องต่างๆล้วนถาโถมและประดังประเดเข้ามา จนผมตั้งรับแทบไม่ทัน แล้วไหนจะต้องมารับมือกับคนหน้ามึนอย่างพี่ภูสอยดาวที่กำลังจ้องตอบกลับม่านแพงอย่างท้าทาย ในขณะที่มือของเขา กำลังถูกผมพยายามแกะออกจากหัวไหล่ของผมอย่างทุลักทุเล


“ใครจะเดินกลับหอในบ้าง”


คำถามของพี่เอส ทำให้ผมยกมือข้างที่พึ่งจะได้รับอิสระจากเดือนมหาลัยปีสามขึ้นมา ผมต้องเดินไปส่งม่านแพงที่หอใน ซึ่งเป็นหอหญิงล้วน ที่ตั้งเยื้องไปทางด้านหลังของมหาวิทยาลัยก่อน และสาเหตุที่ม่านแพงต้องอยู่หอใน นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเพื่อนกับอธิการบดีคนปัจจุบัน แน่นอนว่าท่านไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตของพวกผม แต่ออกแนวโฆษณาให้พ่อแม่ม่านแพงเห็นถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ จนยอมส่งลูกสาวคนเดียวออกจากอ้อมอกมาอยู่นอกบ้านเป็นครั้งแรก


“เอ้า ทุกคนเลยหรอ ไอ้ภู มึงก็ด้วยหรอวะ”


พี่เอสหันไปถามคนหน้ามึน ที่เนียนยกมือกับพวกผมด้วย


“เออๆ กูจะไปส่งน้องรหัสกูก่อนค่อยกลับ”


และคำตอบนั้น จึงทำให้พวกเราทุกคน เดินมาตามทางเดินที่มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าต้นสูง เป็นอุปกรณ์ให้ความสว่างเพียงอย่างเดียว อากาศเย็นๆในตอนกลางคืนทำให้ผมสดชื่น เพราะมันคล้ายกับอากาศที่บ้านของผมที่เชียงใหม่


“ลิน หนาว”


ม่านแพงลูบแขนตัวเองไปมา


“อืม เอาไงดีหล่ะ”


ผมรู้ดีว่าม่านแพงเป็นคนขี้หนาว แต่วันนี้เราทั้งคู่ไม่ได้มีเสื้อคลุมหรือผ้าคลุมติดมาด้วย ถ้างอแงจะให้ผมกอด ผมคงต้องปฏิเสธก่อน เพราะเราอยู่ในมหาลัย และตรงนี้คนก็อยู่กันเยอะ เดี๋ยวม่านแพงจะเสียหายเอาได้


“กอดๆ”


นั่นไงหล่ะ ผิดคาดเสียที่ไหน ผมส่ายหน้าแต่ก็ลูบหัวคนที่เบะปากเพราะถูกขัดใจไปมาให้รู้ว่าผมกำลังโอ๋


“ไปเอาเสื้อในรถพี่มั้ย จอดอยู่แค่ตรงนี้เอง”


คนที่โดนม่านแพงหมายหัวให้เป็นศัตรูอันดับหนึ่ง คงจะฟังบทสนทนาของเราทั้งคู่อยู่ตั้งแต่แรก ถามแทรกขึ้นมา และผมคิดว่าม่านแพงจะต้องปฏิเสธแน่นอน


“จริงหรอคะพี่ภู ม่านขี้หนาวอะค่ะ ยังไงก็ต้องรบกวนด้วยนะคะ”


หื้ม ม่านแพงหนาวถึงขนาดยอมใส่เสื้อรุ่นพี่ภูสอยดาวเลยหรอ ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่ยังคงนิ่งและไม่ได้พูดอะไร เพื่อขยายความให้ผมเข้าใจถึงการกระทำของเธอสักนิด


“ไอ้เอส มึงพาน้องคนอื่นกลับก่อนเลยละกัน อากาศมันเย็น แล้วน้ำค้างก็ลงอีก เดี๋ยวจะไม่สบายกันหมด กูฝากไปส่งน้องผึ้งกับน้องดาวด้วย เดี๋ยวกูไปเอาเสื้อในรถให้น้องม่านแพงก่อน แล้วเดี๋ยวกูไปส่งน้องสองคนนี้เอง”


คนที่จัดแจงแผนการการเดินทางกลับให้พวกเราทั้งหมด หันไปคุยกับพี่รหัสของผม ที่ก็คงได้ยินอยู่ก่อนแล้วว่าผมและม่านแพง จะต้องเดินไปที่รถของเพื่อนเขาก่อน


พี่ผึ้งกับดาวมองมาที่พวกเรา ด้วยความสงสัยอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ตรงกันข้ามกับสีหน้าแสดงความอยากรู้อยากเห็น พวกเธอแค่นิ่งฟังตอนที่พี่ภูตกลงกับพี่เอสเงียบๆ จากนั้นจึงยกมือไหว้พี่รหัสตัวเองเพื่อบอกลา และเดินไปพร้อมพี่เป๋าพี่เอส โดยไม่ลืมที่จะยิ้มกว้างและโบกมือเพื่อบอกลาผมและม่านแพงก่อนไป ผมกับม่านแพงก็ไหว้พี่เอส พี่ผึ้งและพี่เป๋า ก่อนเราจะเดินไปทางลานจอดรถของมหาลัย พร้อมกันกับคนที่ทำให้ผมตกเป็นเป้าสายตาและหัวข้อสนทนาของทุกคนในมหาลัยอย่างเลี่ยงไม่ได้


คนที่เดินนำผมและม่านแพง ผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง จนผมเห็นม่านแพงแอบหัวคิ้วกระตุกอยู่หลายที แต่ก็ยังพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย


ปิ๊บบบ


เจ้าของรถคันหรูกดรีโมทเพื่อปลดล็อคปอร์เช่ คาเยนน์สีขาวที่จอดอยู่คันเดียวในเวลานี้


“ม่าน”


ผมเรียกเบาๆ พร้อมทั้งส่งสายตาเป็นคำถามไปให้คนสวยที่เดินอยู่ข้างกัน


“ขึ้นมาสิลิน เดี๋ยวพี่ภูก็ขับรถไปส่งพวกเราที่คอนโดเองแหละ ใช่มั้ยคะพี่ภู”


แทนที่จะตอบผม ม่านแพงกลับพูดและแสดงออกอย่างเอาแต่ใจ เธอถือวิสาสะเชิญตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถของคนที่กำลังสาละวนหาเสื้อคลุมให้เธออยู่ท้ายรถ ผมยอมรับว่าตอนนี้ ผมตามความคิดม่านแพงไม่ทัน และไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่ถ้าเธอเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้วขนาดนั้น ผมก็จำใจต้องขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ถึงแม้จะไม่ต้องการทำตามความเอาแต่ใจของดาวมหาลัยคนสวยสักนิด


ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่กำลังสงสัยในสิ่งที่ม่านแพงทำ แต่เจ้าของรถก็คงจะรู้สึกมึนงงไม่น้อย พอได้สติถึงได้เห็นคนมีสีหน้าแปลกใจ ตามขึ้นมานั่งข้างม่านแพง โดยมีผมนั่งอยู่เบาะหลัง





“อ่าาา ถึงแล้วครับ”


เป็นรุ่นพี่เดือนปีสามที่เอ่ยทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมาก่อน เนื่องจากตลอดทาง ยังไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว


“ม่านแค่บอกว่าคอนโดนะคะ พี่ภูรู้ได้ยังไงว่าม่านจะมาคอนโดA”


ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าแม่ตัวดีจะทำอะไร


“ก็คนที่พี่จีบอยู่ที่ไหน พี่ก็ต้องรู้สิครับ”


พี่ภูฟ้าหันมายักคิ้วกวนๆส่งให้ม่านแพง ส่วนผมก็อยากจะเปิดประตูเดินออกไปให้รู้แล้วรู้รอด


“เอ๊ พี่ภูจีบใครอยู่หรอคะ ม่านไม่เห็นรู้เลย”


ม่านแพงยังไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เลือกที่จะตามน้ำไปกับรุ่นพี่ปีสาม ที่หันมามองหน้าเธอตรงๆ


“พี่ก็..จีบแฟนน้องม่านอยู่นี่ไงหล่ะครับ”


คนที่ชะตาใกล้ขาด ดูจะยังไม่รู้ตัว มิหนำซ้ำยังมีการหันมายิ้มแล้วขยิบตาส่งให้ผมด้วย


“จีบแฟนคนอื่นมันผิดนะคะ”


ถ้าในรถจะเกิดเสียงอะไรสักอย่างหลังจากนี้ ผมว่าก็คงจะเป็นเสียงประกายตาที่ม่านแพง ใช้จ้องตอบพี่ภูฟ้าแน่ๆ ถึงผมจะเคยเล่าให้ม่านแพงฟังแล้วว่าอดีตเดือนมหาลัยได้ยินเรื่องที่เราไม่ใช่แฟนกันแล้ว แต่ผมก็ยังคงคาดเดาไม่ออกว่าม่านแพงคิดจะทำอะไรกันแน่


“น้องม่านก็เลิกกับแฟนซักทีสิครับ พี่จะได้ไม่ผิด”


ประโยคร้ายๆจากปากเจ้าของฉายาภูสอยดาว ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดคาดมากนัก


“พี่ภู!!!” 


แต่เป็นม่านแพงเอง ที่ดูจะรับไม่ได้กับคำตอบนั้น


“ทำไมหล่ะครับน้องม่าน พี่พูดผิดตรงไหน”


คนกวนโมโหก็ยังคงกวนโมโหต่อไป


“ไม่ยักรู้นะคะว่านอกจากชอบของคนอื่นแล้วพี่ยังชอบเพศเดียวกันด้วย”


แต่ม่านแพงก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้ เมื่อประโยคที่น่าจะจี้ใจดำผู้ชายอย่างเดือนมหาลัยปีสามถูกส่งออกมาจากริมฝีปากคู่สวย


“พี่เองก็พึ่งรู้ไม่นานมานี้เอง ยอมรับว่าก็บ้าบอไปอยู่หลายวันเหมือนกัน แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วหล่ะ ก็ในเมื่อคนที่พี่ชอบดันเป็นผู้ชายนี่นา”


ผมหลบสายตาที่จ้องมาจากกระจกมองหลังโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป สิ่งเดียวที่รู้ คือผมอยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด


“อ้อ หรอคะ งั้นต่อให้ครอบครัว เพื่อน หรือคนทั้งมหาลัยจะรู้ ก็ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”


กึกกกก


ม่านแพงกำลังหยิบประเด็นที่ผมไม่โอเคที่สุดขึ้นมาพูด เธอไม่ได้หันกลับมา แต่แววตาที่สะท้อนผ่านกระจกมองหลังเต็มไปด้วยคำว่าขอโทษ ผมถอนใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาอีกคู่ที่กำลังมองผ่านกระจกมายังผมได้


“อืมมม ก็โอเคนะ รู้เยอะๆสิดี จะได้ไม่มีใครกล้ามาแย่ง”


คนที่คงจะอารมณ์ดีตลอดเวลา ยิ้มและยักคิ้วส่งมาให้ผมผ่านกระจกมองหลัง ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดที่หันกลับมา


“แล้วครอบครัวพี่จะรับได้แน่หรอคะ”


ม่านแพงเริ่มมองเหยียด เธอคงรู้สึกว่าคำตอบเมื่อกี๊ของรุ่นพี่เดือนมหาลัยนั้น สวยงามเกินไป


“เอาจริงๆก็ไม่รู้หรอก ว่าจะรับได้มั้ย แต่พี่มันเป็นคนดื้อด้านมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่พี่ปักใจไปแล้วด้วยหน่ะนะ”


ผมไม่อยากฟังบทสนทนาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆอีกต่อไปแล้ว รู้สึกแค่ว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้


“คนอื่นจะรับได้หรือไม่ได้แล้วจะยังไงหล่ะ  ถ้าอยากให้คนอื่นยอมรับ ก็ควรเริ่มจากตัวเองก่อนรึเปล่า และพี่ก็มั่นใจว่าตอนนี้พี่ยอมรับตัวเองได้แล้ว ส่วนเรื่องต่อจากนี้ ยังไงมันก็ต้องยากอยู่แล้ว มองยังไงมันก็ไม่ง่ายแน่ๆ แต่การจะผ่านเรื่องยากๆพวกนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่แค่คนเดียว แต่มันเป็นหน้าที่ของเราสองคน ขอแค่ให้โอกาสกันบ้าง”


ผมหันไปสนใจถนนมืดๆของมหาลัยที่อยู่ด้านนอก ตอนนี้หมอกที่ไม่รู้ที่มา กำลังทอดตัวปกคลุมบรรยากาศรอบนอกจนทำให้แสงจากหลอดไฟ ทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก


“แล้วทุกวันนี้ที่เห็นรูปพี่ภูในทุกที่ที่ลินอยู่นี่หมายความว่ายังไงคะ”


ม่านแพงยังคงถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย


“ก็อย่างที่บอก พี่ขอแค่โอกาส อยากให้หันมามองพี่บ้าง ให้พี่ได้อยู่ในสายตาบ้างได้รึเปล่า”


ผมยังจับจ้องกับถนนของมหาลัยที่นานๆจะมีรถยนต์ผ่านมาสักคัน


“แล้วจะทำได้นานแค่ไหน”


ยอมรับว่าลึกๆแล้วผมก็สงสัยไม่ต่างกันกับม่านแพง


“ลองเชื่อใจพี่ซักครั้งได้มั้ย”


คำพูดเหมือนจะบอกม่านแพง แต่ถึงแม้ผมหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา ผมอยากจะตอบอะไรสักอย่างกลับไป แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ


“ชอบลินมากหรอคะ”


ผมไม่เข้าใจว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่


“อื้ม มากๆเลย เล่นของใส่พี่รึเปล่าเนี่ย”


เสียงหัวเราะเบาๆของคนอายุมากกว่า ยังคงดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน


“มากถึงขั้นที่จะเรียกว่ารักได้รึเปล่า”


ผมไม่รู้ว่าควรจะอยู่ตรงนี้ต่อไปหรือเปล่า


“ได้สิ แต่ขอพี่ไปบอกกับเจ้าตัวก่อนนะ ตอนนี้คงพูดลอยๆยังไม่ได้”


คำถามคำตอบบ้าบอของสองคนนี้ ยิ่งทำให้ผมอยากหายตัวออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด


“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าพี่รักลินจริง ในเมื่อพี่ก็พึ่งรู้ใจตัวเองว่าชอบผู้ชาย”


ผมอยากจะถอนหายใจแรงๆสักที รู้สึกอึกอัดจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีกับเหตุการณ์ในตอนนี้


“อย่าว่าแต่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายเลย แม้แต่คำว่ารัก ก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ พี่เลยจะบอกว่าไม่ต้องแน่ใจในตัวพี่ตอนนี้ก็ได้ แต่ตัวพี่หน่ะ มั่นใจในตัวเองแล้ว และมั่นใจด้วยว่ามันมากพอจะทำให้พี่หยุดที่ใครสักคน”


“แน่ใจแค่ไหนว่าจะไม่ทำให้ลินเสียใจ”


ม่านแพงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ล้านเปอร์เซนต์”


“ไม่อยากฟัง”


ผมพลั้งปากออกไปตามที่คิด และเพราะหมายความตามที่พูดทุกคำ จึงไม่รีรอที่จะเสียมารยาทและเปิดประตูลงมาเลย ไม่รู้ว่าตัวเองเอาความกล้ามาจากไหนถึงเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าทำดีแล้ว ถึงจะไม่รู้สึกตามนั้นเลยสักนิด


ตอนแรกผมนึกว่าม่านแพงจะตามผมลงมา แต่เปล่าเลย ม่านแพงยังเลือกที่จะนั่งนิ่งอยู่บนรถยนต์คันหรู ผมที่ถึงแม้จะไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกแม้นาทีเดียว ก็จำยอมต้องยืนรอม่านแพงอยู่ใต้เสาไฟเพียงต้นเดียวในบริเวณนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


“ไปกันเถอะ”


คือประโยคเดียวที่ผมได้ยินจากม่านแพง หลังจากลงมาจากรถยนต์ที่จอดติดเครื่องอยู่ริมทางเท้าเกือบยี่สิบนาที เราเดินจากมาเงียบๆ สุดท้ายผมที่รอเธออธิบายเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปก่อน เพราะม่านแพงบอกแค่เพียงว่า “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”



..ภูฟ้า..



ผมกำลังบิดตัวเป็นเกลียวไปมาบนที่นอน หน้าร้อนไปหมด เขินอย่างกับหนุ่มน้อยริรักอย่างที่ไอ้ปาล์มพูดจริงๆ


ม่านแพงตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊ค โดยระบุสถานะโสดตามสัญญา นั่นก็หมายความว่าเด็กจืดของผม โสดทั้งเรื่องจริงและเรื่องอุปโลกน์ ฮิฮิฮิ อารมณ์ดีเหมือนจะมีปีกลอยได้แล้วตอนนี้


ผมก็ไม่รอช้า รีบทำตามที่ตกลงกับเธอไว้เมื่อคืนทันที


“ม่านจะให้โอกาสพี่พิสูจน์ตัวเอง จะลองให้พี่ลองปีนกำแพงหัวใจของลินดู ถ้าพี่ทำได้ ม่านก็จะดีใจมากเพราะม่านอยากเห็นเพื่อนมีความสุข แต่กลับกัน ถ้าโอกาสที่ม่านให้พี่ ถูกพี่เอามาใช้ทำร้ายลิน ม่านจะทำทุกทางให้มั่นใจว่า ชีวิตนี้พี่จะไม่มีวันได้มีความสุขอีกเลย”


นั่นคือหนึ่งในหลายประโยคที่ม่านแพงบอกกับผม แววตาของเธอทอประกายเอาจริงอย่างไม่ปิดบัง ผมนับถือใจม่านแพงนะ เธอเด็ดเดี่ยวและรักเพื่อน ผมไม่ได้ตอบรับเธอส่งๆ ผมรับปากเธอเพราะผมก็รับปากหัวใจตัวเองแบบเดียวกัน



Bhufah Sitthithananon
ขออนุญาตจีบครับผม -with Palin Lipanakul




ฮิฮิฮิ ผมแท็กรูปแอบถ่ายตอนเด็กจืดนอนหลับบนรถไปด้วย ภาพโคตรจะมุ้งมิ้งตัลล้าก เด็กจืดก็ไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ เวลานอนจะดูน่าฟัดเป็นพิเศษ หน้าใสๆ แก้มนุ่มๆขาวๆ ขนตาเป็นแพ ปากนิด จมูกหน่อย ผมก็เริ่มยาวคลอเคลียรับกับกรอบหน้า ยิ่งทำให้ภาพๆนี้มีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก มากจนทำให้ผมรู้สึกแอบหวงหน่อยๆแล้วแฮะ ลบดีมั้ยเนี่ย หรือใส่เครดิตบนรูปด้วยดี จะได้รู้ว่าคนนี้ผมจอง


ผมนอนบิดไปบิดมาเพราะเขินที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ในขณะที่โทรศัพท์ผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆกัน แต่ผมไม่รับหรอก เพราะตอนนี้ผมรอสายเข้าจากคนแค่คนเดียว


ฮิฮิฮิ


โทรมาแล้ว


“สวัสดีครับ”


ต้องเก๊กๆ ฮิฮิฮิ


“พี่ภู นี่พี่ทำอะไรครับ”


เสียงเหวี่ยงมากๆๆ ฮิฮิฮิ มีความสุข เด็กจืดโทรหาโผ๊มมมม


“ก็ลินโสดแล้ว พี่ก็ขอจีบไง เป็นอะไรหื้ม นอนไม่พอหรอครับ ทานข้าวรึยัง พี่ไปหามั้ย”


ฮิฮิฮิ วันนี้วันเสาร์จะดักรอที่ป้ายรถรางก็ไม่ได้ แต่ขอหยอดหน่อย เผื่อฟลุ๊คได้เจอหน้า


“ไม่ต้องมาเรียกว่าลินเลยนะ!!”


ตู้วหูววว หวงชื่อด้วย


“อ๊ะๆๆ ยอมแล้วครับ เรียกที่รักแทนก็ได้เนาะ”


ฮิฮิฮิ ให้เรียกอะไรพี่ก็ยอมจ้า


“พี่ภู!! แค่กๆๆๆ”


“ไม่สบายหรอครับ?”


เสียงไอของคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เรียกความสนใจของผมได้ในทันที


“ไม่ต้องมายุ่ง ลบสเตตัสเฟซบุ๊คพี่เดี๋ยวนี้เลยนะ แค่กๆๆ”


หรือว่าจะป่วยเพราะรอม่านแพงเมื่อคืนกันนะ ความจริงผมก็อยากชวนให้กลับมานั่งด้วยกันบนรถ แต่ติดที่ม่านแพงมีเรื่องอยากจะคุยกับผมแค่สองคน จะบอกให้ไปรอในคอนโดก่อนก็คงไม่ยอมอีก คู่เพื่อนสองคนนี้ดูจะหวงกันมากเสียด้วย ถ้าไม่ติดที่ว่าม่านแพงรับปากว่าจะช่วยผมจีบเด็กจืด ผมต้องกลุ้มใจความสัมพันธ์สองคนนี้แน่ๆ เห้อ ตั้งแต่คิดมีแฟนเป็นผู้ชาย ทำไมใจมันบางไปหมดทุกเรื่องขนาดนี้ก็ไม่รู้


“โอ๋ๆๆ ไม่เสียงดังนะครับ เจ็บคอหมดแล้วเนี่ย หื้มมม”


แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาใจบาง เพราะนี่คือเวลาที่เหมาะกับการทำคะแนนที่สุด ฮิฮิฮิ


“ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”


“พี่ลบไม่เป็นอะครับ เดี๋ยวพี่เอาโทรศัพท์ไปให้ลินลบให้ถึงที่เลยน้าาา เท่านี้นะครับ งดใช้เสียงนะ จุ๊บๆ”


ผมรีบพูดตัดบทเพราะกลัวคนตรงหน้าปฏิเสธ โทรมาอีกก็ทำใจแข็งไม่รับซะเลย


ฮิฮิฮิ


ได้เวลาดูแลคนป่วยแล้ว!


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


พี่ภูไม่ได้เป็นไบโพล่าร์นะคะ พี่ภูเป็นบ้า 55555  :hao7:

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 18-09-2017 20:40:52
พี่ภู อะไรจะมุ้งมิ้งติงต๊องได้ขนาดนี้ เชื่อคำที่ว่า ความรักทำให้คนเป็นบ้าได้แล้วล่ะ 555  :laugh:
ชอบม่านแพงอ่ะ เด็ดเดี่ยวจริง ๆ รักและหวังดีกับน้องลินเหลือเกิน
ม่านให้โอกาสแล้ว พี่ภูก็พยายามปีนกำแพงใจน้องลินให้ได้ล่ะ
น้องลินเคยเจ็บช้ำจากใครมาน้อ ก็รุ่นพี่มอหกนั่น เป็นความรักที่ยังไม่ได้เริ่มไม่ใช่เหรอ
รู้สึกสงสารน้องลินเบา ๆ ต้องรับมือกับพี่ภูโหมดนี้ ขอเอาใจช่วยน้องลินแทนแล้วกันนะ ฮาาา
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-09-2017 21:31:56
หลอนกับเสียง ฮิฮิฮิ ในใจของพี่ภูสอยดาวนี่จริง ๆ ฮา
พอมีความรักแล้วรู้สึกว่าพี่เขามุ้งมิ้งขึ้น ไม่สมกับหน้าตาเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-09-2017 22:34:45
555 พี่ภูน่ารักตะมุตะมิแทนน้องลินไปเลยอ่ะ

ตื้อเท่านั้นจะครองโลกเนอะพี่ภู. :)

 :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:

เอ๊ะ เอ๊ะ. สติ๊กเกอร์หื่นไปไหมเนี่ย อิ อิ

..

.
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 18-09-2017 22:41:25
 :o8:  :-[  :impress2: พี่ภูไมากากแล้วค่ะ...
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๑ღ "โอกาส" P.2 ☛18.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-09-2017 15:51:31
ชอบความ ฮิฮิฮิ ของพี่ภู
เชียร์พี่ภูให้น้องลินยอมยื่นกุญแจ (กำแพงใจ) ให้แบบไม่รู้ตัวนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 19-09-2017 18:12:20
❥・ใจดวงที่๑๒・❥


วันที่น้องป่วย



..ปาลิน..



เพราะตากน้ำค้างรอม่านแพงวางแผนการร้ายกับไอ้พี่บ้านั่นเมื่อคืนแน่ๆ เช้านี้ผมเลยตื่นมาพร้อมกับไข้หวัดและอาการเจ็บคอ กะจะเช็ดตัวแล้วลงไปซื้อข้าวกับยาแก้เจ็บคอขึ้นมาทานเสียหน่อย แต่โทรศัพท์ที่สั่นจนน่ากลัวทำให้ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง


เริ่มแรกก็เป็นพวกคนที่กระหน่ำถามเข้ามาทุกช่องทางว่าเลิกกับม่านแพงแล้วหรอ ผมที่ยังงงๆเลยไม่ทันได้ตอบอะไร พอเลื่อนไปดูสเตตัสแม่ตัวดี ถึงได้รู้ว่าผมถูกปลดจากตำแหน่งแฟนกำมะลอแล้ว ซึ่งนั่นก็ยังไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ตามมาด้วยแจ้งเตือนคำขอแท็กผมจากรูป ซึ่งเป็นรูปที่ผมถูกแอบถ่ายตอนหลับบนรถ ที่สำคัญยังมีแคปชั่นบ้าๆของเจ้าของรถนั่นด้วย ขนาดผมไม่ได้กดอนุญาตให้แสดงที่หน้าฟีดเฟซบุ๊คผม แต่แจ้งเตือนที่บอกว่ามีคนกดไลค์หรือคอมเมนท์มากแค่ไหน ก็ยังมีเข้ามาไม่หยุด


แบบนี้มันคือการสมรู้ร่วมคิดกันชัดๆ ผมจะโทรไปต่อว่าแม่ตัวดี แต่ทั้งม่านแพงทั้งคิตตี้ชิงปิดเครื่องด้วยกันทั้งคู่ ชัดเจนเลยว่ามีการวางแผนกันมาอย่างดี เราจะได้เห็นดีกันแน่ ยัยสองแสบ!


พอคิดบัญชีกับทางนี้ยังไม่ได้ เลยต้องเลื่อนหาเบอร์ผู้สมรู้ร่วมคิดหมายเลขสาม จากประวัติรายการโทรเข้าโทรออก เพราะผมเคยลบชื่อที่บันทึกไว้ออกไปแล้ว กว่าจะหาเจอก็ทำเอาแบตเตอรี่โทรศัพท์ผมลดไปเกือบยี่สิบเปอร์เซนต์ เพราะข้อความและแจ้งเตือนทุกช่องทาง ยังเด้งเตือนไม่หยุด ฮึ่มมมมมม ผมชักจะโมโหแล้วนะ!!


แต่ความโมโหเหมือนจะส่งไปไม่ถึง ซ้ำร้ายยังย้อนกลับมาหาผมและทำให้ผมโมโหมากขึ้นเสียอีก ก็คนที่ผมตั้งใจโทรไปเอาเรื่อง ดันเอาแต่พูดจาบ้อบอไร้สาระ พูดเองเออเอง แล้วก็วางสายไปเฉยเลย โอ๊ยยยย อยากฆ่าคน!!!


แค่กๆๆๆ


แต่รอผมหายป่วยก่อนแล้วกัน ฮึ่ย!!



..ภูฟ้า..



ผมแวะซื้อโจ๊กหมูใส่ไข่ไม่ใส่ขิง แบบที่ผมชอบเห็นน้องสั่งทานเป็นมื้อเช้า แน่นอนว่าสามห่อ เผื่อผม และคนป่วยในมื้อกลางวันด้วย เจ็บคอแบบนี้ โจ๊กกับน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลน่าจะช่วยให้ไม่ระคายคอมากนัก


ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ที่ตัวเองจำเลขและชั้นได้จนขึ้นใจ คอนโดนี้จะเข้ามาแต่ละทีก็ใช่ว่าจะง่าย ดีนะที่ตอนนี้ผมมีคีย์การ์ดที่ขอยืมมาจากไอ้นิค เพื่อนภาคไบโอซึ่งอยู่ถัดห้องเด็กจืดขึ้นไปอีกสองชั้น ส่วนกุญแจห้องและคีย์การ์ดอันเดิมที่ได้มาจากสาวที่เคยคั่ว ก็ต้องจำใจคืนเขาไป เพราะกลัวว่าถ้าน้องมันรู้เข้า จะทำให้จีบยากกว่าเดิม ดังนั้นอะไรที่ตัดความเสี่ยงออกได้ ผมก็ต้องทำ โดยเฉพาะแต่ละคะแนนจากเด็กจืด ดูท่าว่าจะไม่ได้มาง่ายๆ ผมจึงควรต้องรอบคอบและระวังจะโดนหักคะแนนให้มากกว่าเดิม


ก๊อกๆๆ


ผมเคาะประตูสามครั้งตามมาตรฐาน แต่หัวใจผมเนี่ยสิ ดันบีบตัวแรงและถี่รัวแซงหน้าไปแล้วสามสิบเท่า จนผมกลัวว่ามันอาจจะดังกว่าเสียงเคาะประตูเสียอีก แค่คิดว่าจะได้เจอหน้าคนบางคน ผมก็ตื่นเต้นขนาดนี้แล้ว หรือเด็กจืดจะทำคุณไสยใส่ผมจริงๆกันนะ


แค่กๆๆๆ


“เปิดช้า”


ผมทำแก้มพอง แบบที่เคยเห็นเด็กตรงหน้าทำแล้วน่ารัก เพื่อเรียกคะแนนสงสาร แต่ยิ่งทำยิ่งดูเหมือนจะทำให้คนป่วยอาการแย่กว่าเดิมแฮะ


แค่กๆๆๆๆๆๆๆ


“พี่ลบรึยังเนี่ย แล้วมาทำไม”


คนที่ไอจนเหนื่อย ยังอุตส่าห์ใช้แววตาเคืองๆมองมาที่ผม หึ ตัวเองน่ารักขนาดนี้ คิดว่าทำหน้าดุแล้วจะน่ากลัวหรือไง


“มาดูแลคนป่วยครับ”


ผมจัดการชูถุงเสบียงมากมายขึ้นมาให้คนตรงหน้าได้เห็น แล้วจึงส่งยิ้มที่คิดว่าใสซื่อที่สุดส่งไปให้


แค่กๆๆๆ


“กลับไปเถอะ ผมทานแล้ว”


คนป่วยตอบแบบไร้เยื่อใยมากๆ แต่ไอ้เรามันหน้าด้านครับ ก็เบียดตัวแทรกผ่านประตูเข้าไปเลยเนียนๆ


“เห็นๆอยู่ว่าตัวเองป่วยหนัก อย่าเล่นตัวสิ มานี่มา มาดูพี่ซื้อแต่ของโปรดเรามาทั้งนั้น”


ผมถือวิสาสะคว้าข้อมือเจ้าของห้องที่ยังจับบานประตูค้างไว้ให้เดินเข้ามาด้วยกัน เพื่อประตูจะได้ทำหน้าที่ปิดกั้นโลกภายนอกอย่างที่มันควรจะเป็น


แค่กๆ


“ปล่อยครับ”


“อยากให้ปล่อยก็ต้องเชื่อฟังพี่ ไปนั่งลงรอทานข้าวทานยาเลย”


“ผมทานแล้ว”


“ไม่เชื่อ”


แค่กๆๆ


“ก็ผมทานแล้วจริงๆ ทั้งข้าวทั้งยา”


“ข้าวกับอะไร ละยาด้วย ไปซื้อตอนไหน”


“ข้าว ก็นมจืดในตู้เย็นนั่นแหละ ส่วนยาก็พาราไง”


ดื้อใหญ่แล้วครับเด็กคนนี้ เห็นผมรักผมหลงเข้าหน่อยก็ตั้งท่าจะเถียงจนไอหน้าแดงไปหมด


“ถ้าไม่หยุดพูด หรือยังไม่เชื่อฟัง พี่จะจูบแล้วนะ”


ถึงผมจะคาดโทษ แต่ก็ยอมรับว่าอยากให้น้องยังยืนยันที่จะดื้อต่อจริงๆ


“จะจูบแบบแลกเอนไซม์ด้วยนะ กลัวไม่กลัว”


ผมหรี่ตาทำหน้าแบบตาแก่หื่นกามให้คนตรงหน้าหวาดระแวง จนเผลอยกมือขึ้นปิดหมับเข้าที่ปากตัวเอง


“อื้ม แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย มานั่งนี่มา”


เปล่าหรอก น้องมันก็น่ารักตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ไม่อยากชมเดี๋ยวดื้อไม่ยอมฟังกันอีก


ผมจูงมือคนที่ถลึงตามองผมจนตากลมๆนั่นแทบหลุดออกมา มือก็ประกบปิดปากตัวเองไว้แน่น ให้มานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เอาโจ๊กใส่ชาม เทน้ำเต้าหู้กับน้ำเปล่าอย่างละแก้ววางลงข้างๆ พร้อมด้วยแก้วเล็กๆบรรจุยาหลายขนาน ที่ผมปรึกษาเภสัชกรหน้ามหาลัยมาแล้ว จากนั้นจึงส่งสายตากดดันให้เด็กดื้อลงมือทาน ส่วนตัวเองก็แกะโจ๊กอีกชามมานั่งทานที่ฝั่งตรงข้าม


ต่างคนก็ต่างนั่งทานโจ๊กในชามของตัวเองเงียบๆ ก็แค่การทานมื้อเช้าด้วยกัน แต่ทำไมผมรู้สึกมีความสุขมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ว่าคนป่วยจะคิดเหมือนกันมั้ย แต่อย่างน้อยผมก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าคนตรงหน้าไม่ได้เกร็งเวลาที่อยู่กับผมเหมือนทุกที คงเป็นเพราะป่วย กลไกการป้องกันตัวเองที่ม่านแพงชอบเรียกว่า“กำแพง” นั้น ก็เลยดูจะเบาบางลงไปด้วย


“เปิดทีวีมั้ย”


ผมมองตามสายตาน้องไปยังรีโมททีวีบนโซฟา คนป่วยหันมามองผมอย่างช่างใจอยู่แป๊บนึง ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ผมเห็นน้องตั้งท่าจะลุกไปหยิบด้วยตัวเอง เลยจัดการกดคนป่วยให้นั่งลงที่เดิม แล้วเป็นฝ่ายเดินไปหยิบมาให้น้องเอง


“เดี๋ยวพี่เอาให้ แล้วถ้าไม่ดื้อเนี่ย ไม่ได้ห้ามพูดซะหน่อย กลัวขนาดนั้นเลยหรอเรา”


ผมส่งรีโมทในมือให้คนป่วยที่ยังไม่ยอมละสายตาขึ้นมาจากถ้วยโจ๊ก ทานใกล้หมดแล้วด้วย สงสัยคำขู่ผมจะเป็นผลจริงๆ เลยต้องพูดเพื่อลดความน่ากลัวลงหน่อย


น้องไม่ตอบอะไร แต่กลับช้อนตามองผมแบบอ้อนๆแทน จะรู้ตัวบ้างมั้ย ว่าไอ้ท่าทางที่บอกว่า “ผมอิ่มแล้ว” เนี่ย น่ารักขนาดไหน


“ครับๆ อิ่มแล้วก็พอนะ ทานยาแล้วไปนอนดูทีวีได้”


เป็นเวลาชั่วขณะหนึ่งที่แววตาดีใจฉายขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะหันไปจัดการยาสามสี่เม็ดตรงหน้าแล้วดื่มน้ำตาม คนป่วยทำท่าจะเก็บชามทั้งของตัวเองและของผม ที่พึ่งทานหมดไปล้าง


“หยุดเลยเรา พี่ทำเอง ไปนอนดูทีวีเลยนะ”


“ทำได้”


ดูสิ เห็นตามใจเข้าหน่อย เริ่มดื้ออีกแล้ว


“แต่พี่อยากทำให้ ให้พี่ทำนะครับ”


ได้ผลแฮะ คราวนี้คนป่วยไม่ดื้อต่อ และเลือกที่จะไปนั่งจุมปุ๊กบนโซฟา เพื่อดูการ์ตูนประจำเช้าวันเสาร์แทน ผมล้างชามและแก้วจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะอินบ็อกไปบอกม่านแพงให้รับทราบ ว่าผมกำลังดูแลคนป่วยอยู่ ผมต้องคอยรายงานเรื่องน้องกับม่านแพงเป็นระยะๆ ไม่อย่างนั้นเธอขู่ว่าจะไม่ช่วยผมต่อ ซึ่งผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน


จะว่าไปแล้ว ผมว่าเรื่องดีๆหลายๆอย่างที่เกิดกับผมในช่วงนี้ คงต้องยกความดีความชอบให้เพจของมินนี่ เพราะรูปที่ปาลินมองผมแค่นั้น กลับทำให้ผมมีกำลังใจมากมาย และยังทำให้ม่านแพงตัดสินใจว่าจะลองช่วยผมดู เพราะเธอบอกว่านานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กจืดใช้สายตาแบบนั้นมองใคร สายตาแบบไหนกันนะ จะใช่สายตาแบบที่น้องกำลังหันมามองผมอยู่ตอนนี้มั้ย พอผมมองกลับไป ดวงตาคู่นั้นก็หันกลับไปดูการ์ตูนเสียแล้ว


“ตัวหายร้อนรึยัง ไหนพี่ดูซิ”


ผมตามไปนั่งข้างๆ เอามืออังหน้าผากของคนป่วยที่ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมสัมผัสแต่โดยดี ตัวรุมๆที่ผมรับรู้ได้ตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามา ทำให้ผมอดเป็นห่วงไม่ได้


“เช็ดตัวดีกว่านะ จะได้นอนสบาย”


ถึงจะยังเช้าอยู่ แต่ยามีฤทธิ์ทำให้ง่วง ยิ่งพึ่งทานข้าวอิ่มๆ อีกไม่นานคนป่วยคงจะฝืนความง่วงไม่ไหว


“เดี๋ยวทำเองครับ”


“ถ้าทำเองจะจับปล้ำ”


ต้องขู่ครับคนนี้ ถึงใจจะอยากทำจริงก็ตาม


“กะละมังเล็กอยู่ใต้อ่างล้างจาน”


น่ารักเชียวคราวนี้ กะจะลองให้ดื้อซะหน่อย


“ถอดเสื้อครับ”


ผมถือกะละมังที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กกลับมาหาเด็กที่ตาเริ่มปรือ คนที่เคยไม่อายที่จะเดินในผับทั้งๆที่เสื้อเปียกๆหายไปไหนนะ วันนี้เห็นแต่คนอึกอักกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น ยิ่งท่าทางเผลอเม้มปากเพราะกังวลใจนี่ยิ่งน่าฟัดจริงๆ


“ไม่ทำอะไรหรอก พี่จะพยายามห้ามใจตัวเอง”


ผมไม่อยากสัญญาว่าจะไม่แอบหาเศษหาเลยหรือแม้แต่ใช้สายตาเก็บภาพผิวเนื้อนุ่มๆนั่น แต่ก็จะพยายามอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้ต้องการแค่ร่างกาย แต่ผมอยากได้หัวใจด้วย


“หน่านะ มาเร็ว ง่วงแย่แล้วเรา จะนั่งหลับอยู่แล้วเนี่ย”


ผมทำใจแข็งถอดเสื้อน้องออกเอง ตอนแรกน้องก็จะยื้อไว้แหละ แต่พิษไข้กับยาคงกำลังโจมตีจนง่วง พอผมส่งสายตาดุๆไปให้ จึงยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี


ผมบิดผ้าจนหมาดแล้วค่อยๆลูบไปตามหน้าผากมน แก้มนุ่ม เรื่อยลงมายังปลายคาง ซอกคอ และไหปลาร้าได้รูป พยายามไม่โฟกัสที่มือตัวเองให้มาก เพราะกลัวจะห้ามใจไม่ไหว จนเผลอจับคนป่วยกดกับโซฟาเบด ที่ในเวลานี้ดูจะอยู่ถูกที่ถูกทางเสียจนน่ากลัว


คนป่วยที่คงจะเขินไม่น้อย เพราะริ้วแดงๆปรากฏขึ้นให้เห็นที่สองข้างแก้ม จนผมอดใจไม่ไหวจริงๆ


ฟอดดดด


หลังจากประสาทการควบคุมตัวเองได้พังไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงทำได้เพียงใช้สายตาอ้อนๆขอลุแก่โทษ ในข้อหาห้ามใจตัวเองไม่อยู่ส่งไปให้คนป่วย จำใจผละออกมาจากแก้มหอมด้วยความเสียดาย  ยิ่งใกล้ก็ยิ่งอยากสัมผัส พอได้สัมผัสแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่ายังไม่พอ ยังอยากที่จะทำมากกว่านี้ อยากจะใกล้ชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของน้อง อยากจะรู้ว่าจะดังจนน่ากลัวเหมือนกันกับผมบ้างหรือเปล่า


“ค่าดูแลชื่นใจแบบนี้ ขอพี่ดูแลตลอดไปเลยได้รึเปล่า”


ปากไม่รักดีก็ดันพูดออกไปตามที่ใจคิด ผมลอบมองสีหน้าคนป่วย เพื่อเตรียมตัวรับคำพิพากษาที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่นาทีข้างหน้าด้วยใจไม่เป็นสุขนัก น้องใช้ฟันขบริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ เหมือนเด็กที่กำลังเตรียมตัวจะงอแงเต็มที่ ก่อนจะทำหน้างุ้ยๆ แล้วช้อนสายตาเคืองๆขึ้นมามองผม ที่วิญญาณได้ออกจากร่าง เพราะโดนความน่ารักน่ารังแกของน้องที่ทวีคูณจากเวลาปกติล้านเท่าแดเมจไปเรียบร้อยแล้ว


“ห้ามทำอีกเลยนะ!”


หน้างุ้ยๆกับปากเจ่อๆที่ผ่านการรังแกโดยเจ้าตัว ยิ่งทำให้ผมต้องกลั้นหายใจกับภาพที่เห็น นึกขอบคุณกับโทษสถานเบาที่น้องมอบให้ แต่ก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำเพราะกลัวคนป่วยจะเปลี่ยนใจ


ผมหันไปชุบผ้ากับน้ำแล้วบิดใหม่อีกครั้ง ก่อนจะบรรจงเช็ดผิวเนื้อนุ่มต่ออย่างพยายามตั้งสติ ค่อยๆขยับมือเช็ดต่ำลงมาจากกระดูกไหปลาร้า ลงมายังหน้าอกที่มียอดสีชมพูขวางอยู่ ราวกับจะทดสอบความอดทนของผม จนต้องกัดปากหลับตา และสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายทีกว่าจะผ่านไปได้ ไม่กล้าสบตากับคนป่วยเลยด้วยซ้ำ เพราะหน้าร้อนๆของผมในตอนนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่าจะกลายเป็นสีแดงแค่ไหน


ความทรมานของผมยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะผ้าที่ถูกบิดจนหมาด ยังคงลากไล้ลงมายังกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เด่นนูนขึ้นเพราะความเกร็งตัวของเจ้าของ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างห้ามไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าอะไรอะไรของตัวเองจะเริ่มปวดหนึบขึ้นมา จึงรีบหันไปโฟกัสที่การชุบผ้ากับน้ำแล้วบิดจนหมาดอีกรอบ จากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งซ้อนหลังคนป่วย แล้วเริ่มตั้งสมาธิเช็ดทั่วหลังเนียนขาว ที่เอาแต่เชิญชวนผมอย่างร้ายกาจนั้นต่อจนเสร็จ


เหนื่อยมากครับงานนี้ เพราะใจผมเต้นรัวจนแทบหลุดออกมา หน้าก็คงแดงไปหมด ที่สำคัญลูกชายผมที่ถูกผมทรมานโดยการอดมาเป็นเดือนๆก็ประท้วงซะจนผมปวดหนึบไปหมด เห็นทีว่าส่งคนป่วยนอนแล้ว ผมต้องปราบเจ้าลูกชายตัวดี ให้สงบลงสักหน่อยแล้ว


“อย่าพึ่งใส่เสื้อนะ”


ผมรีบห้ามคนป่วยที่ไม่ยอมมองหน้าผม


“เดี๋ยวพี่เอาเสื้อตัวใหม่ให้”


ผมถือวิสาสะเปิดเข้าไปในห้องนอนของน้อง เมื่อไม่มีเสียงท้วงตามมา เลยเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อยืดเนื้อนุ่มสีฟ้าอ่อน ออกมาส่งให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหยิบไปสวม


“อยากเช็ดข้างล่างด้วยมั้ย เดี๋ยวพี่เตรียมกะละมังไว้ให้ในห้องน้ำนะ”


ผมรู้ตัวดีว่าไม่ได้จิตใจแข็งแกร่งอะไร เลยไม่กล้าเช็ดให้น้องเอง ก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะว่าทำไมอะไรอะไรที่ก็มีไม่ต่างกันกับผม ถึงทำให้“รู้สึก”แตกต่างได้ขนาดนี้ แต่จะประมาทไม่ได้เลยจริงๆ ก็ในเมื่อคนตรงหน้า ดันมีอิทธิพลต่อใจผมไปเสียทุกอย่างขนาดนี้


ผมยื่นส่งกางเกงนอนขายาวสีน้าเงินเข้มให้น้องถือไว้ก่อน จากนั้นตัวเองก็ไปเปลี่ยนผ้าผืนใหม่มาชุบน้ำแล้วบิดจนหมาด วางไว้ที่ข้างอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ก่อนจะไปจูงเด็กตัวสูงที่ก้มหน้างุด เพราะสบายตัวแล้วคงจะง่วงเต็มที่ให้เดินตามเข้ามา


อดใจไม่ได้เลยหอมเหม่งเด็กง่วงไปทีอย่างขอกำลังใจ จากนั้นก็รีบปิดประตูแล้วหนีออกมาก่อนจะโดนคาดโทษทบต้นทบดอก ดีที่วันนี้น้องโดนพิษไข้เล่นงาน ประโยคห้ามไม่ให้ผมเอาเปรียบ เลยไม่มีตามมาอีกเพราะคนป่วยดูจะเสียแรงจากการไอจนเจ็บคอไปหมด ทำให้ผมทั้งสงสารทั้งย่ามใจในเวลาเดียวกัน


ผมพาตัวเองมายืนรอเด็กจืดที่หน้าห้องน้ำ แค่คิดตามว่าตอนนี้น้องกำลังทำอะไรอยู่บ้าง เจ้าลูกชายตัวดีของผมก็เริ่มมีอาการอีกแล้ว รอไม่ถึงห้านาที เด็กตัวหอมก็เปิดประตูออกมา ดีนะที่ผมกำราบเจ้าลูกชายให้สงบใจไว้ได้ทัน ไม่งั้นต้องโดนน้องไล่ออกจากห้องแน่ๆ


“ไปนอนนะ เดี่ยวบ่ายโมงพี่ปลุกทานข้าวทานยา”


พึ่งอิ่มได้ไม่นาน ถ้าปลุกขึ้นมาทานข้าวตั้งแต่เที่ยง คงจะเร็วเกินไปหน่อย


“ดื่มน้ำเต้าหู้ก่อนมั้ย จะได้หลับสบาย”


มื้อเช้าน้องยังไม่ได้ดื่มของโปรดเลยสักนิด คงเพราะจะอิ่มเกินไปจนดื่มไม่ไหว ผมเลยเก็บไว้ให้ในตู้เย็น เดี๋ยวอุ่นแป๊บเดียวก็ดื่มได้แล้ว


“แปรงฟันแล้ว”


เด็กน้อยปรือตาบอกผม ทั้งน่ารักและน่าฟัดเลย ให้ตายเถอะ


“โอเค งั้นก็นอนก่อนก็ได้”


ผมจูงมือคนที่ง่วงได้ที่ให้ตามเข้ามาในห้องนอน รู้สึกอุ่นๆที่ตรงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แค่น้องปล่อยให้ผมดูแลแบบนี้ ผมก็ถือว่าเป็นวันดีๆแล้วหล่ะ


“หลับตาครับ”


คนป่วยยังดูกังวลบางอย่าง


“ไม่ฉวยโอกาสหรอกหน่า ถ้าทำ พี่ทำตอนรู้ตัวดีกว่า”


ผมห่มผ้าให้ แล้วยิ้มให้เด็กที่ยังไม่ยอมหลับตาเพราะมัวเอาแต่จ้องผมตาแป๋ว ริ้วแดงๆข้างแก้มก็น่าเอ็นดูจนผมอดใจไม่ไหว


“ไม่นอนซักที งั้นพี่ขอจูบนะ”


ผมโน้มหน้าลงไปหาปากสีชมพูซีดที่ยังน่ารักเสมอแม้ยามป่วย แต่ไม่ทันได้ทดสอบความนุ่มก็มีมือมาปิดไว้ก่อน ผมยิ้มใส่ตาคู่สวยแล้วจูบย้ำไปยังหลังมือขาวนั้นแทน


“ชื่นใจจัง”


ผมหัวเราะขำคนป่วยที่ไม่รู้หน้าแดงจากพิษไข้หรือเพราะความเขินกันแน่ และตอนนี้ยังนอนหันหลังหนีผมไปเรียบร้อยแล้วด้วย ผมหันไปปิดม่านเพื่อให้คนป่วยนอนสบาย แล้วจึงเดินออกจากห้องมาด้วยใจฟูๆ การมาดูแลน้องในวันนี้ ทำให้ผมพึ่งเข้าใจ ว่าการรักใครสักคน มันทำให้เรามีความสุขและอยากดูแลเขาตลอดเวลาแบบนี้นี่เอง




ระหว่างที่น้องหลับ ผมก็กลับบ้านตัวเอง เพื่อไปอ้อนป้าจวง คนเก่าคนแก่ควบตำแหน่งพี่เลี้ยงของผม ให้ทำกับข้าวรสชาติอ่อนๆให้สักสองสามอย่าง พราะผมกลัวว่าคนป่วยอาจจะเบื่อโจ๊ก และจะได้เตรียมเผื่อมื้อเย็นด้วยเลย จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะอ้อนป้าแกให้ทำต้มยำรสเด็ด ผัดคะน้าหมูกรอบและข้าวสวยร้อนๆสำหรับผม


จากนั้นก็เตรียมชุดไปนอนค้างด้วย เผื่อน้องใจอ่อนยอมให้นอนเฝ้าไข้ แล้วก็ไม่ลืมจะจัดการอะไรอะไรไว้ก่อน ก็ยอมรับว่ากลัวตัวเองตบะแตกอยู่เหมือนกัน จากคนแปลกหน้าไม่ก็รุ่นพี่ร่วมคณะ ดีไม่ดีจะกลายเป็นคนที่น้องเกลียดเอาได้ เอ๊ะ หรือตอนนี้ก็เป็นอยู่แล้ว


แกร๊ก


ผมเปิดประตูห้องที่แอบหยิบกุญแจออกไปด้วยก่อนหน้านี้ แล้วก็ต้องช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้า หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้น เพราะผู้ชายที่ผมรักกำลังก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับหัวเข่าตัวเองอยู่บนโซฟา ภาพที่เห็นห่างไกลกับประโยคของม่านแพงที่โทรหาผมเพื่อบอกว่า “ลินจะชอบงอแงเวลาไม่สบาย” ไปมากจนผมทำอะไรไม่ถูก


พอน้องได้ยินเสียงประตูก็เงยหน้าขึ้นมาจนผมเห็นดวงตาที่บวมช้ำ นี่ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ผมรีบวางของลงบนโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปหาคนป่วยที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆอย่างน่าสงสาร


“เป็นอะไรไปครับคนดี บอกพี่หน่อยได้มั้ย”


ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ แล้วกอดปลอบคนที่ดูเปราะบางราวจะบุบสลายเสียให้ได้อย่างแผ่วเบา แค่เห็นน้องร้องไห้ ใจผมก็เจ็บปวดไปหมด น้องสะอึกสะอื้นพยายามที่จะหยุดน้ำตาตัวเอง แต่นั่นยิ่งทำให้ดูน่าสงสารเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะจูบซับความทุกข์บนเปลือกตาคู่สวย ไล่ลงมาจูบสองข้างแก้มที่เปียกชื้น จมูกรั้น ปลายคาง แต่เว้นริมฝีปากนุ่มหยุ่นไว้อย่างตัดใจ ก่อนจะใช้สองมือประคองหน้า แล้วค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาให้กับคนป่วย ที่ตัวร้อนเหมือนไข้จะกลับมาอีกครั้งเพราะร้องไห้มากไป


“ปวดหัวมั้ย”


น้องพยักหน้าให้กับผมแทนคำตอบ


“ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้”


ผมกำลังจะผละออกมา แต่ก็ต้องแปลกใจที่ชายเสื้อผมถูกเกี่ยวรั้งด้วยนิ้วเรียวๆนั่น


“ไปด้วยกันมั้ย”


ผมเดาเอาว่าน้องคงไม่อยากอยู่คนเดียว และก็คงจะจริง เพราะน้องยังคงไม่ปล่อยชายเสื้อผมตอนที่เราสองคนลุกขึ้นยืนแล้ว แน่นอนผมมีความสุขมาก แต่ก็ต้องแกะมือน้องออก จะได้เอามากุมไว้ดีๆ ยิ้มให้กับเด็กงอแงที่เบะปากขึ้นวูบหนึ่งที่ผมแกะมือออก แค่เพียงครึ่งวัน น้องก็ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าคนเราจะสามารถมีความสุขได้มากมายขนาดไหนกันนะ ทำไมยิ่งอยู่ด้วยกัน ผมก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆขนาดนี้ มากเสียจนผมเริ่มกลัวว่า จากนี้ผมคงจะขาดน้องไม่ได้อีกแล้ว



..ปาลิน..



ผมไม่ชอบเวลาที่ตัวเองป่วย เพราะความสามารถในการตัดสินใจของผมจะย่ำแย่ลงทุกที ดูได้จากการที่ยอมให้คนเจ้ากี้เจ้าการเข้ามาในห้อง ยอมทำตามที่คนเอาแต่ใจบอกให้ทำ แล้วไหนจะยอมถูกเอาเปรียบอยู่เรื่อยๆนั่นอีก แต่ก็ต้องยอมรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าการที่ได้เป็นคนสำคัญสำหรับใครสักคน ทำให้ผมมีความสุขไม่น้อย


แค่ไม่กี่ชั่วโมงผมก็ดูจะโลภอย่างร้ายกาจ ก็แค่ตัวเองฝันร้ายอย่างทุกที ก็แค่ตื่นมาไม่เจอใคร ทำไมถึงได้อ่อนแอขนาดที่ต้องร้องไห้ออกมากันนะ


“อร่อยมั้ย”


“ครับ”


“ไม่ต้องฝืนทานนะ เอาเท่าที่ไหว แต่ให้พอมีอะไรรองท้องก่อนทานยาซะหน่อย”


คนตรงหน้าคงเห็นผมทานด้วยความลำบาก ผมเจ็บคอ แถมยังไข้ขึ้นอีกรอบ เพราะความงี่เง่าของตัวเองที่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ปวดหัวก็ปวด แต่เพราะคนตัวโตเอาแต่โม้ถึงเมนูอาหารแต่ละจานให้ฟังด้วยประกายตามีความสุข และเพราะเห็นใจคุณป้าจวงที่อุตส่าห์ทำมาให้ ผมจึงพยายามฝืนกลืนอาหารหน้าตาน่าทานเข้าไปอีกคำ


“ต้มยำฝีมือป้าจวงยิ่งเด็ดเลยนะ ไว้หายป่วยแล้วพี่จะให้แกทำมาให้ทาน เดี๋ยวบอกแกให้ใส่กุ้งให้ด้วย”


“กุ้ง?”


“อ้อ พี่แพ้หน่ะ ปกติที่บ้านเลยไม่เคยซื้อมา แต่ต้มยำทะเลรวมมิตรก็ควรจะมีกุ้งด้วยสิเนาะ ถึงจะอร่อย”


“ไม่ก็ได้”


“หื้ม?”


“ไม่ต้องใส่กุ้งหรอก”


“ห่วงพี่หรอ น่ารักเกินไปแล้วเราเนี่ย”


ผมไม่ตอบอะไรอีก ความร้อนที่ข้างแก้มกำลังจู่โจมผมอีกแล้ว ผมควรจะทานยาแล้วนอนพักเสียที อาการไข้กำเริบแบบนี้จะได้หายเร็วๆ


“วางไว้แล้วไปแปรงฟันเตรียมนอนกลางวันได้แล้วนะครับคุณเด็ก”


คนตัวโตบอกผมด้วยดวงตาล้อๆ ไม่ป่วยบ้างให้รู้ไป ผมยังปวดหัวอยู่ เลยยอมเชื่อฟังหรอกนะ หลังจากแปรงฟันก็เดินไปขึ้นเตียงเตรียมนอนอีกรอบ


“อย่าพึ่งนอนนะ นั่งพิงหัวเตียงไว้ก่อน จะได้ไม่เป็นกรดไหลย้อน”


เสียงคนที่ล้างจานอยู่หน้าซิงค์น้ำตะโกนเข้ามาบอก แล้วผมจะทำอะไรแก้เบื่อดีหล่ะ จัดการเปิดโทรศัพท์มือถือที่ปิดหนีความอยากรู้อยากเห็นของใครหลายคนตั้งแต่เช้า นี่ก็จะบ่ายสองโมงแล้ว น่าจะซาแล้วรึเปล่า


แต่ผมคิดผิด เพราะทันทีที่ภาพหน้าจอปรากฏ แจ้งเตือนนับร้อยนับพันก็จู่โจมผมจนไม่ทันได้ตั้งตัว


“ดูอะไรอยู่เรา หน้าเครียดเชียว”


นอกจากม่านแพง อีกคนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาก็โผล่หน้าเข้ามาให้ผมคาดโทษ ผมยื่นภาพหน้าจอที่มีสเตตัสหน้าอายของผู้ชายคนนี้เพื่อให้เห็นสาเหตุของปัญหา


“โห ยอดไลค์สองหมื่น ความเห็นหมื่นสอง นี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงนะเนี่ย”


“ลบเดี๋ยวนี้เลย”


“ไม่ลบ”


ทำหน้าระรื่นไม่พอ ยังสอดตัวเข้ามานอนข้างๆอีก


“งั้นกลับไปเลย”


“โห ใจร้ายอะ เดี๋ยวร้องไห้คิดถึงพี่ไม่รู้ด้วย”


อยากจะตอบว่าไม่มีทาง แต่เรื่องหน้าอายเมื่อตอนบ่ายทำให้ไม่กล้าพูดแบบนั้น


“โอ๋ๆๆ ไม่เล่นแล้วครับ ลบก็ได้อะ”


สุดท้ายทุกคนก็คงเหมือนกัน


“แต่มีข้อแม้นะ”


ผมหันไปสบตากับคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ


“ลินก็ต้องตอบคำถามในสเตตัสพี่ก่อนสิ”


หรือผู้ชายคนนี้จะแตกต่างจากคนอื่น..


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


มีต่อข้างล่างอีกน้า ฮิฮิฮิ (ᅌᴗᅌ✿)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 19-09-2017 18:24:54
..ภูฟ้า..



“ว่าไงครับ”


ตอนแรกผมกะจะให้เวลาคนข้างๆคิดก่อนเพราะไม่อยากเร่งรัดน้องมาก แต่หลังจากเห็นน้ำตาน้อง ผมก็บอกตัวเองว่าผมไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่ที่รู้จัก อยากสำคัญกว่านั้น อยากมีสิทธิ์ดูแลน้องบ้าง อย่างน้อยในฐานะคนที่มาจีบก็ยังดี


“ถ้าบอกว่าไม่หล่ะ”


“ก็จะไม่ยอมลบสเตตัส จะได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้ ว่าคนนี้ภูฟ้าจอง”


ผมดึงตัวคนที่ตาเริ่มปรือแต่ยังนอนไม่ได้ให้พิงลงมาที่อก จัดการโอบเอวไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก็วางคางลงบนไหล่คนป่วยที่บางกว่าผมไม่มาก เอียงหน้าเข้าหาซอกคอหอมกรุ่นเพื่อให้กำลังใจตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมโยกตัวเพื่อกล่อมคนป่วยไปด้วย


ที่ไม่ดิ้นเพราะพิษไข้หรือเพราะมีใจกันแน่นะ


“งั้นก็ลบ อายคนอื่นเค้า”


เด็กตัวหอมหยิบโทรศัพท์ผมที่วางอยู่บนผ้าห่มขึ้นมาวางบนมือผม


“พี่ขออนุญาตจีบนะครับ”


ผมยื่นหน้าเพื่อให้ริมฝีปากชิดกับแก้มแดงตอนพูดประโยคนี้ เห็นแก้มที่ยิ่งขึ้นสีเลยอดไม่ได้ที่จะจูบแล้วกดจมูกตามลงไปหอมผิวนุ่ม


“อื้อออ ยอมแล้ว ลบซักทีสิ”


โคตรน่ารัก ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเปิดแอพลิเคชั่นสีน้ำเงินขึ้นมาให้คนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหน้าผมเห็นด้วย


“จะลบแล้วนะ ไม่เสียดายความรักพี่หรอ แคปไว้รึยังหื้ม”


ผมล้อคนป่วยที่ก้มหน้างุด แต่ตาก็คอยจ้องโทรศัพท์เขม็ง ผมเลยโดนศอกถองสีข้างไม่แรงแต่ไม่เบามาหนึ่งที


“อู่ยยย ว่าที่แฟนพี่มือหนักจัง”


“ลบเลย อยากโดนอีกมั้ย”


คราวนี้หันหน้ามาคาดโทษด้วยแฮะ


“ครับๆ พี่หน่ะ เชื่อฟังจะตาย”


ผมกดลบสเตตัสที่ยอดไลค์เกือบแตะเลขสองหมื่นห้าพันไลค์ แต่ลบก็ดี บอกแล้วไงว่ารูปนั้นเด็กจืดโคตรน่ารัก ผมก็หวงของผมเหมือนกัน


“จะทำอะไร”


“อัพสเตตัส”


ผมกอดเด็กจืดให้แน่นขึ้น จะได้ไม่กวนการอัพสเตตัสใหม่ของผม รีบพิมพ์รีบอัพ จากนั้นก็กดปิดหน้าจอมันซะเลย


Bhufah Sitthithananon

คนน่ารักอนุญาตให้จีบแล้ว แต่เค้าบอกให้ลบสเตตัสนั้น #ตามใจเสมอ #ใครแคปทันยกมือขึ้น #จองแล้วนะครับ -with Palin Lipanakul



“ทำอะไรเนี่ย”


นั่นไง คนถูกจองเริ่มโวยวาย


“อ้าว ยี่สิบนาทีแล้วหนิ นอนได้ อะ นอนน้า นอน”


แก้ตัวไม่ได้ก็ต้องแถไปเรื่องอื่นแทน


“ไม่ต้องมากอดเลย จะนอนแล้ว ปล่อย”


“นอนกับพี่ฝันดีนะจะบอกให้”


คนที่พยายามดิ้นในตอนแรก ดูจะยอมสงบลงได้เพราะคำว่า“ฝันดี” ความจริงผมก็ยังไม่รู้ว่าน้องฝันว่าอะไร แต่พอถามว่าทำไมถึงร้องไห้ น้องกลับตอบผมแค่ว่า“ฝันร้าย” เพียงเท่านั้น


“นอนนะครับ จะได้หายไวๆ”


ผมจัดหมอนให้น้องได้นอนสบายๆ เมื่อเช้าผมแอบเข้ามาดูคนป่วยนอน เห็นชอบนอนตะแคงซ้าย เลยจัดการให้ตัวเองอยู่ฝั่งขวาแล้วกอดน้องไว้ซะเลย เพราะคนป่วยไม่ดิ้นงอแง การจัดสรรการนอนของผมเลยเป็นไปได้อย่างราบรื่น ผมเลือกที่จะขยับหมอนให้สูงกว่า เพราะอยากให้คนตัวขาวซบกับอกผมได้พอดี


ลมหายใจสม่ำเสมอของคนในอ้อมกอดเป็นเหมือนกำลังใจให้ผมหายเหนื่อย การวิ่งตามหัวใจใครสักคน ยากแค่ไหน ผมเองก็พึ่งมารู้ตอนได้เจอกับคนคนนี้


ผมเริ่มคิดตามที่ปาลินพูด ความรักระหว่างผู้ชายสองคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่วินาทีนี้ คนในอ้อมแขนผม ทำให้ผมมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า นี่แหละคือความรักที่ตลอดมาผมไม่เคยคิดจะศรัทธา ในที่สุดผมก็ได้เจอ




“พี่ภู”


“พี่ภู”


“หิวแล้ว”


ผมปรือตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแหบปร่าของคนเป็นไข้


“ขออีกห้านาทีน้า”


ผมหลับสบายที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ไม่ได้ป่วย แต่กลับนอนเพลินกว่าคนป่วยเสียอีก


“งั้นปล่อยก่อน”


สิ่งมีชีวิตตัวนิ่มๆหอมๆเริ่มประท้วงเพื่อออกจากอ้อมแขนผม


“หอมก่อนแล้วถึงจะปล่อย”


“หิวแล้วนะ หิวๆๆๆ อยากกินน้ำเต้าหู้จังเลย”


แหนะ รู้จักใช้เล่ห์ด้วยนะเนี่ย แค่นี้พี่ก็ยกให้ทั้งใจแล้วครับ


“โอเคครับ โอเค เดี๋ยวจะไปอุ่นให้เดี๋ยวนี้เลย”


ทำยังไงได้หล่ะครับ ก็(ว่าที่)แฟนผมอยากกินนี่นา ผมเลยลุกไปอุ่นน้ำเต้าหู้ ดูเวลาก็เป็นเวลาหกโมงแล้ว มิน่าตอนตื่นขึ้นมารู้สึกห้องมืดไปหมด


“พี่ภู”


เดี๋ยวนี้น่ารักครับ พี่ภูอย่างนั้น พี่ภูอย่างนี้ น่ารักเป็นบ้า กลัวก็แต่พอหายป่วยจะไม่ยอมเรียกแล้วนี่แหละ


“ครับ?”


“ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวทำเอง”


นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำ พอไข้เริ่มลดก็เริ่มมาตรการกีดกันผมทันที


“คนใจร้าย เย็นแล้วเนี่ย พี่กลับบ้านไม่ไหวหรอก”


อ้อนครับ ต้องอ้อน เสื้อผ้าก็ขนมาแล้ว ใครจะยอมกลับง่ายๆ


“แล้วใครว่าอะไรรึยัง จะบอกให้ไปอาบน้ำ เดี๋ยวอุ่นกับข้าวให้”


ช็อค เหมือนมีค้อนปอนด์มาทุบหัว นี่ผมฝันอยู่รึเปล่านะ


“อู้ยยย”


ผมหยิกแขนตัวเองเพื่อเช็คว่าไม่ได้ฝันไป เจ็บสิครับงานนี้ แต่เห็นคนป่วยหัวเราะเป็นครั้งแรกของวันแบบนี้ เห็นทีจะต้องจดไว้ว่ามุกตลกเจ็บตัวนี่ได้ผล




พอทานข้าวกันเสร็จ พวกเราก็นั่งดูหนังที่ผมขนแผ่นDVDมาจากบ้านให้น้องเลือก ตอนหยิบก็หยิบมามั่วๆ แต่ไม่นึกว่าน้องจะเลือกดู The Time Traveler’s Wife ที่น่าจะเป็นของแม่ไม่ก็พี่สาวผม เรื่องนี้ผมก็ยังไม่เคยดู


ไม่รู้ว่าน้องชอบหนังโรแมนติค หรือเพราะหนังเรื่องอื่นๆที่ผมขนมาเป็นหนังแนวบล็อกบัสเตอร์(Blockbuster)เรื่องดังที่น้องคงดูไปหมดแล้ว แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมกลับนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้น้องเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมา


หนังว่าด้วยเรื่องของนักท่องเวลาที่ความผิดปกติทางยีนทำให้เขาสามารถเดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตและอนาคต แต่ความสามารถนี้กลับไม่สามารถควบคุมเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ได้ ทำให้ภรรยาของเขาทำได้แค่อดทนรอเพื่อที่จะได้รักและได้อยู่ร่วมกัน หนังให้ข้อคิดหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด


ฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครหลายคนรู้อยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนกันหล่ะที่ทำได้ ผมกุมมือคนข้างๆให้แน่นขึ้น ทันทีที่ End credit ขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะกลิ่นไอของหนังยังล้อมรอบเราไว้ ผมว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีมากๆของวันนี้ เพราะมันคือความเงียบ ที่ทำให้เราใกล้กันมากขึ้น






หลังจากดูหนังจบ น้องก็เข้าไปเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรอีก เพราะเห็นว่าอาการป่วยของน้องดีขึ้นมาก และก็เพราะยังไม่อยากถูกไล่ออกไปนอนนอกห้อง เลยไม่กล้าอาสาจะเช็ดตัวให้อีก กลัวเดี๋ยวเผลอทำหน้าหื่นจนน้องไม่ไว้ใจแล้วจะเป็นเรื่อง


“เลือกได้รึยัง ว่าปีสองอยากเข้าภาคไหน”


ผมถามหลังจากเห็นคนตัวขาวเดินออกมาจากห้องน้ำ ถึงผมจะผิวขาวแต่ผมว่าผิวเรายังต่างกันอยู่ดี ผิวน้องจะขาวอมชมพู โดยเฉพาะตามพวงแก้ม ข้อนิ้ว หรือข้อศอกก็จะยิ่งชมพูเป็นพิเศษ และเพราะกลัวตัวเองจินตนาการเตลิดเลยต้องสบัดหัวแรงๆให้ภาพฟุ้งซ่านหายไปก่อน


“ยังไม่แน่ใจ แต่คงไม่เลือกคณิตศาสตร์ประกันภัยแน่ๆ มีรุ่นพี่ไม่เต็มบาท”


โถ่ ไอ้เรารึก็หวังดี ที่ทำไปก็เพราะห่วงสวัสดิภาพตัวเองนั่นแหละ เดี๋ยวโดนจับปล้ำจะหาว่าไม่เตือน


“ครับๆๆ แล้วสนใจภาคไหนหล่ะ”


ผมอยากรู้จริงๆเลยเก็บเรื่องหื่นไว้ก่อน


ในการเรียนปีหนึ่งของคณะวิทย์จะยังไม่มีการระบุภาควิชา เนื่องจากมหาวิทยาลัยของผมจะมีให้เลือกตอนจะขึ้นปีสอง โดยใช้เกรดเป็นเกณฑ์ ซึ่งภาควิชาทั้งหมดก็ได้แก่ ภาควิชาเคมี ภาควิชาชีววิทยา ภาควิชาฟิสิกส์ ภาควิชาคณิตศาสตร์ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพและภาควิชาพฤกษศาตร์ ซึ่งการเลือกภาคตอนขึ้นปีสองก็ไม่ต่างจากการแอดมิดชั่นรอบสองอยู่ดี


“พี่เลือกภาคmathอันดับหนึ่งเลยรึเปล่า”


“ใช่สิ พี่แอดเข้ามอนี้เพราะอยากเรียนด้านประกันภัยนี่แหละ เงินดี ฮ่าๆๆ”


ตอนแรกผมก็พิจารณาจากความสนใจและเงินนี่แหละ เอาจริงๆนะ ผมว่าการให้เด็กเลือกว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไรตอนอายุสิบแปดสิบเก้า มันค่อนข้างจะยากทั้งกับวุฒิภาวะและประสบการณ์ เพราะการเรียนในไทยเน้นให้เรียนเก่ง แต่ไม่ได้ให้เน้นหาความถนัด กลายเป็นปัญหาการซิ่วไม่ก็ปัญหาหลังเรียนจบที่ไม่อยากทำงานตรงสายที่จบมา ผมเลยอยากให้น้องรีบหาตัวเองให้เจอ


“แล้วเราหล่ะ ทำไมเลือกคณะนี้ กะจะซิ่วรึเปล่าเนี่ย”


ต้องถามดักไว้ครับ เด็กส่วนใหญ่ชอบใช้คณะผมเป็นทางผ่าน เพราะสอบไม่ติดหมอหรือคณะที่คะแนนสูงๆ เรียกง่ายๆว่าเรียนไปก่อนเพื่อรอซิ่ว


“ตอนม.ปลายผมชอบทำโครงงานวิทยาศาสตร์หน่ะ สนุกดี”


“หู้ววว โล่งอก นึกว่าจะซิ่วหนีพี่ซะอีก”


“ทันมั้ย”


แหน๊ะ มีอารมณ์ขันนะเราหน่ะ แต่บอกเลยนะว่า


“ไม่ทันแล้ว เพราะจะจับไม่ปล่อยเลย”


ผมเอื้อมมือไปจูงคนป่วยที่เริ่มตาปรือให้เดินตามเข้ามาในห้องนอน คราวนี้ไม่ต้องจัดท่านอนแล้ว เพราะน้องเดินไปนอนด้วยความเคยชิน จนผมนี่แหละเป็นฝ่ายต้องแอบยิ้ม แล้วปิดไฟเดินตามไป


“ฝันดีนะครับ”


ฟอดดด


“อื้อออ อย่ากวน”


คืนนี้คงเป็นคืนที่ผมหลับฝันดีที่สุดเลย



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


วันนี้ยาวมาก จัดหนักจัดเต็ม ฮ่าๆๆ Σd(゚∀゚)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ สำหรับคนแต่งนี่ถือเป็นกำลังใจหลักเลยค่ะ รู้ซึ้งก็วันนี้ ฮา(´∀` )

เมื่อวานมีคนทวิตติดแท็ก #ภูฟ้าปาลิน ในทวิตด้วย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ดีใจแทบเซิ้งรอบบ้าน ฮ่าๆๆ

ทุกวันนี้คือตั้งตารอให้ถึงตอนจบไวๆ เพราะรู้สึกใช้เวลาในการอ่านซ้ำๆ แก้ไข และแต่งเพิ่มเรื่อยๆ

จนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ฮา ಥ∀ಥ

ในขณะเดียวกันก็สนุกดีค่ะ และจะดีใจมากถ้าทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกเหมือนกัน

ปล แอบอยากรู้ว่าคนอ่านคิดถึงยังไงกับการมีหรือไม่มีncคะ หรือชอบแบบตัดเข้าโคมไฟ ฮ่าๆๆ (///∇///✿)

 

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 19-09-2017 19:05:51
น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-09-2017 19:40:33
 :hao3: nc สิค่ะหลายๆตอนเลยยยย...(อยากแอบดูเรื่องพี่ภูกับน้องลิน)  :hao6: ไม่อยากให้จบเลยค่ะ...คิดถึง...ขอตอนพิเศษแยอะๆยาวๆนะค่ะ(คนอ่านโลภค่ะ)  :hao3:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-09-2017 20:37:07
มีncมาสักเล็กสักกะน้อย ก้อดีนะ. 555

น้องลินน่ารัก ให้พี่ฟ้าได้ชื่นใจหน่อยน้าาาา

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

...

.
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๒ღ "วันที่น้องป่วย" P.2 ☛19.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2017 10:11:52
เห็นน้องเรียก พี่ภูๆ แล้วอยากจะให้น้องป่วยบ่อยๆ เลยล่ะ  :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 20-09-2017 20:29:24
❥・ใจดวงที่๑๓・❥



พี่ก็มีซิกแพค



..ภูฟ้า..




ก๊อกๆๆ


เสียงเคาะประตูดังแว่วมาให้ได้ยินอยู่หลายครั้งก่อนจะหยุดไป ภาวะคล้ายคนกึ่งหลับกึ่งตื่น ทำให้ผมไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินเท่าไหร่นัก แต่ก็เลือกที่จะพยายามสลัดความงัวเงีย แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงมาดูเวลา


ตัวเลขดิจิตอลที่มาพร้อมแสงสะท้อนแยงตา บอกให้ผมได้รู้ว่า ตอนนี้พึ่งจะล่วงเข้าสู่เวลาตีห้าของเช้าวันใหม่ได้เพียงไม่กี่นาที ความง่วงงุนและความอบอุ่นของร่างกายคนในอ้อมแขน ยิ่งทำให้ผมไม่อยากผละไปไหน  โดยเฉพาะในเวลาที่แม้แต่แสงแรกของวันก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น แล้วใครกันหล่ะ ที่จะมีธุระจำเป็นขนาดนั้น


ระหว่างที่สมองกำลังประมวลผล สองแขนของผมก็กอดกระชับคนในอ้อมแขนให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม ยิ้มให้กับความสุขที่มากมายจนแทบล้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าได้ตื่นมาเจอคนคนนี้ในทุกเช้า ผมจะกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกอย่างแน่นอน


ก๊อกๆๆ


คราวนี้เสียงเคาะประตูดูจะดังใกล้เข้ามามากกว่าเดิม เพราะเสียงที่ว่าดังอยู่แค่หน้าประตูห้องนอนเท่านั้น ผมจำใจสลัดความง่วงแล้วลุกขึ้นนั่ง โดยยังมีแขนของคนป่วยที่อาการดีขึ้นมากแล้วกอดอยู่ที่เอว และเรื่องที่น้องทำตอนไม่รู้ตัวนี้เอง ที่ทำให้ผมยิ้มกว้างอยู่ในเวลานี้


แกร๊ก


“ลินจ๋า ม่านมาแล้ว”


แสงไฟที่ลอดเข้ามาจากด้านนอก ทำให้ผมต้องหรี่ตาเพื่อมองคนมาใหม่ ม่านแพงชะงักไปเมื่ออาศัยแสงที่สาดมาถึงปลายเตียง
 ทำให้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนนั้นน่าจะไม่ใช่เจ้าของห้อง


“พี่ภู?”


“อื้อ พี่เอง แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่ออกไปคุยด้วย ปล่อยปาลินนอนก่อนเถอะ น้องยังไม่หายดี”


ม่านแพงพยายามมองฝ่าความมืดเข้ามาด้านใน แต่ก็ไม่ได้ก้าวผ่านประตูห้องนอนเข้ามา ผมอาศัยแสงจากประตูที่เธอเพียงเปิดแง้มไว้ ก่อนจะเดินตามเธอออกไปยังห้องนั่งเล่น ไม่ลืมที่จะยิ้มให้คนป่วยที่ยังนอนหลับสบาย และก็ไม่ลืมจูบหน้าผากเนียนเพื่อขอกำลังใจ


“ว่ายังไงเรา ทำไมมาหาเพื่อนแต่เช้าเลย”


ผมคิดเอาเอง ว่าผมเริ่มสนิทกับม่านแพงมากขึ้น หลังจากเปิดใจคุยกับเธอในรถเมื่อวันก่อน เธอให้โอกาสและสัญญาว่าจะช่วยผม ซึ่งเธอก็ทำตามนั้นทุกอย่าง ม่านแพงแลกเปลี่ยนเรื่องราวของปาลิน ในขณะที่ผมก็ต้องคอยรายงานเป็นระยะ ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนของเธอ คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว


“ไม่เห็นบอกเลย ว่าพี่ค้างที่นี่ กับลิน บนเตียง”


ม่านแพงเปิดประเด็นทันทีที่ผมทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาไม่ไกลจากเธอนัก


“คนป่วยใจดีหน่ะ พี่มัวแต่ดีใจเลยไม่ทันได้บอก นี่ก็พาน้องนอนตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่ม ขอโทษทีนะม่าน”


แค่พูดถึงน้อง ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งๆที่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะยิ้มสักนิด


“ลินอนุญาต?”


“ครับ”


ผมเหมือนลูกเขยที่กำลังถูกพ่อตาสอบสวน จะพูดห้วนๆก็กลัวท่านจะไม่ยกลูกสาวให้ ม่านแพงหรี่ตามองผมคล้ายจับพิรุธ


“พี่ทำอะไรลินรึเปล่า”


มาแล้วครับ คำถามที่ชวนเหงื่อตก


“เอ่อ ก็..”


เขินสิครับ อยู่ดีๆคนอย่างไอ้ภูฟ้าก็หน้าบางขึ้นมา ม่านแพงเลยยิ่งหรี่ตาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม


“ก็..ก็กอดกับหอม”


อยู่ดีๆผมก็เงอะงะเหมือนมือไม้จะหาที่วางไม่ได้ ตาก็เอาแต่มองฝ่ามือตัวเอง เหมือนบนนั้นมีอะไรน่าสนใจหนักหนา รู้ว่าตัวเองอาการหนักก็ตอนยกมือขึ้นมาเกาคอตัวเองอย่างงกๆเงิ่นๆนี่แหละ


“แล้วลินก็ยอม?”


“ครับ”


ม่านแพงให้ความรู้สึกคุกคามมากกว่าที่จะเป็นแม่ยาย เอาเป็นว่าขนาดไม่มีหนวดกับปืน ภาพพ่อตาจอมเฮี้ยบยังลอยมาเลย เธอทิ้งตัวไปนั่งพิงพนักโซฟา มือก็ยกขึ้นมาลูบคางอย่างคนใช้ความคิด ถึงในสมองผม จะเห็นเหมือนลูบหนวดไปแล้วก็ตาม


แกร๊ก


“พี่ภู?”


เสียงติดแหบที่เรียกชื่อผม ทำให้เราทั้งคู่หันกลับไปมอง


คนป่วยกำลังยกมือขึ้นขยี้ตา เพราะดูท่าจะยังปรับสายตาให้ชินกับแสงจ้าไม่ได้


“ทำไมตื่นเร็วจังครับ”


ผมเดินไปหาเด็กพึ่งหายไข้ที่ยังไม่หยุดขยี้ตา น้องทำหน้าอ้อนๆทันทีที่ผมไปหยุดอยู่ตรงหน้า และช็อตที่แดเมจหัวใจผมที่สุด ก็คือการที่น้องยกมือขึ้นมากำชายเสื้อผมไว้ แล้วช้อนตาขึ้นมามองจนผมเกือบเผลออุทานว่าน่ารักออกมาดังๆ จะเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า ถ้าผมจะอยากให้น้องป่วยนานกว่านี้อีกสักหน่อย


“ลิน”


น้องเอียงคอเพราะคงคิดว่าตัวเองหูฝาด


“ลินจ๋า”


ม่านแพงพุ่งตัวมากอดเด็กที่ยังงัวเงียของผมแล้วลากให้ไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน


“ม่านมาได้ไง”


คนงัวเงียที่ตอนนี้น่าจะตื่นแล้ว หันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย นาฬิกาดิจิตอลบนผนังบอกเวลาตีห้าครึ่ง ถึงม่านแพงน่าจะมีกุญแจเข้านอกออกใน แต่ยังไงก็ดูแปลกอยู่ดีที่จะมาในเวลาแบบนี้


“เค้ามารับลินไปพัทยา”


“หื้ม พัทยา?”


“ช่ายยยยย ก็แม่ตัวดีหน่ะสิ หนีเค้าไปถ่ายชุดโป๊ๆ”


ม่านแพงทำท่าฟึดฟัด โดยที่สองแขนก็ยังไม่คลายออกจากการกอดรัด(ว่าที่)แฟนผมอยู่


“อะแฮ่ม”


อยากให้รู้ว่าผมอยู่ด้วย และผมก็อิจฉาจะบ้าตายอยู่แล้ว


“นี่ใครอะลิน มานอนนี่ได้ไง”


ม่านแพงได้ทีผลักไสผมออกจากวงโคจรเสียเลย ฮึ่ย อุตส่าห์เลิกเรียกว่าเด็กมารแล้วนะ


“ฮ่าๆๆ นี่หรอ คนรับใช้เราเอง”


เด็กจืดก็น้อยหน้ากันที่ไหน หัวเราะเสียงใส ตบมุกกับม่านแพงหน้าตาเฉย ฮึ่ย มันเขี้ยวนัก เดี๋ยวจับจูบจนหน้างุ้ยเลยนี่


“ดีจังเลยนะ คนรับใช้คนนี้เนี่ย ทำให้ลินทั้งร่าเริงและหัวเราะได้ขนาดนี้ อืม นับว่ามีประโยชน์จริงๆด้วย”


ม่านแพงอมยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กน้อยที่ขำมุกตัวเองจนน้ำตาเล็ด เธอหันมามองผม แล้วแอบยกนิ้วโป้งข้างที่ยังกอดเด็กจืดส่งมาให้ผมด้วย ส่วนผมหน่ะหรอครับ แทบอยากลุกขึ้นเต้นทันทีที่พ่อตาเปิดไฟเขียวให้แบบนี้




เราสามคนใช้เวลาเตรียมตัวและทานอาหารง่ายๆที่ผมอุ่นจากไมโครเวฟ เด็กจืดถูกม่านแพงจับไปเช็ดตัวในห้องนอน ถึงผมจะหวงแต่ก็ไม่คิดจะตามไป ผมมาทีหลัง และผมรู้ดีว่าความสุขที่ผ่านมาของปาลินมาจากความใส่ใจของม่านแพง ผมไม่หวังจะให้โลกของน้องมีแต่ผมคนเดียว ผมแค่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกของน้องก็พอ พอคิดแบบนี้แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ นี่ถ้าไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดมาได้ยิน หรือแค่มีโอกาสเห็นผมปรนนิบัติพัดวีปาลิน มันสองคนคงแทบพาผมไปเช็คสมอง ไม่ก็หาหมอไสยศาสตร์ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิต นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ให้กับใครสักคน


ผมเป็นลูกชายคนเล็กและลูกหลงที่อายุห่างจากพี่สาวคนโตถึงเก้าปี และยังเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูล แน่นอนว่าความรักและความใส่ใจของทุกคนต้องมีให้ผมอย่างท่วมท้น ผมไม่ใช่คนขาดความรัก เลยต้องทำตัวมีปัญหาเพื่อตามหารักแท้หรอกนะ ผมแค่เป็นพวกไม่เคยศรัทธากับคำๆนี้ จะเรียกว่าปรับตัวเข้ากับชีวิตในอนาคตก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะยังไงผมก็ต้องถูกจับคลุมถุงชน ไม่ต่างจากพ่อแม่ และพี่สาวของตัวเอง ยังไงเงินทองและธุรกิจก็กำหนดชะตาชีวิตผมเอาไว้แล้ว จนได้มาเจอคนคนนี้..




ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับการเดินทางกระทันหันในครั้งนี้นัก รู้แค่ม่านแพงคงจะไปหาเพื่อนที่ไปถ่ายรูปอะไรสักอย่างที่ชลบุรี และผมก็โชคดีที่น้องอนุญาตให้ตามมาด้วย


 “พี่ๆ จอดข้างรถคันนี้แหละ”


ม่านแพงกับเด็กจืดที่แข่งกันหลับมาตลอดทาง ตื่นขึ้นมาชี้ให้ผมจอดรถยังช่องจอดที่เธอต้องการ


“หนอย ดูนะ กล้าเอาป้าย“แฟนหวงมาก”ออกจากกระจกรถด้วย คอยดูเถอะ วันนี้เราได้เห็นดีกันแน่!”


ม่านแพงที่ตื่นมาก็กลายร่างเป็นระเบิดลูกย่อมๆ บ่นพรางชี้มือไปยังมินิคูเปอร์สีแดงที่ผมพึ่งจอดเทียบ เธอเปิดประตูลงทันทีที่ผมจอดสนิท แล้วสาละวนกดโทรออกหาใครสักคนอย่างเอาเป็นเอาตาย


ฟอดดดด


พ่อตาไม่อยู่เราต้องรีบทำกำไรครับ


จุ๊บ


“อื้อออ พี่ภู”


เมื่อแก้มนุ่มยังไม่สามารถเติมความปรารถนาให้ผมได้หมด ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังหน้าผากเนียนแล้วประทับริมฝีปากลงไปไม่เบานัก ฮึ่ย อยากฟัด


“ถึงแล้วครับผม”


“รู้แล้ว”


คนนอนเพลินที่บอกว่าตัวเองรู้แล้ว ยกผ้าห่มที่ผมให้เอามาด้วยขึ้นบังหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือเพราะอยากนอนต่อ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร แค่น้องไม่ว่าเรื่องที่ผมแอบชื่นใจ ผมก็ยิ้มหน้าบานแล้วหล่ะ


ก๊อกๆๆ


“ลินๆ ตื่นเร็ว เราจะเข้าไปจัดการคน! น่าฟาดใหญ่แล้วเนี่ย!”


ม่านแพงเคาะกระจกฝั่งผมไม่เบานัก และพยายามมองทะลุฟิล์มหนาเข้ามาด้านใน ทำให้คนที่ยังมีผ้าห่มปิดถึงคิ้ว ต้องยอมเอาผ้าลง อยากจะขำแต่ก็กลัวคนพึ่งตื่นจะงอแง ผมชี้ๆกับหน้าง่วงๆ น่าเอ็นดูจนผมต้องช่วยปรับเบาะ แล้วลูบหัวจัดทรงผมให้คนขี้เซา จากนั้นจึงพากันออกมาจากรถ ก่อนที่ม่านแพงจะอาละวาดไปมากกว่านี้


ผมจัดการซื้อบัตรผ่านประตูเข้าสวนน้ำให้เราทั้งสามคน ถึงจะมาทะเล แต่ดูเหมือนคนที่ทั้งคู่จะมาหา มีถ่ายงานอะไรสักอย่างที่สวนน้ำแห่งนี้


“คิตตี้!!”


ทันทีที่เข้ามาด้านใน ม่านแพงก็จูงมือเพื่อนตัวเองให้เดินตามหาคนไปทั่ว จนผมกลัวว่าปาลินจะไข้กลับมาเพราะออกแรงเยอะไป แต่ยังโชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน ทั้งคู่ก็เจอเป้าหมายที่ต้องการ


“ตัว?”


ทีมงานที่กำลังเซ็ตฉากการถ่ายทำอะไรสักอย่าง หันมามองพวกผมเป็นตาเดียว ท่ามกลางความมึนงงที่เกิดขึ้น ดูจะมีหนึ่งคนที่สามารถเรียกสติตัวเองได้ก่อน


“เอ่อ พี่ปั้นคะ นี่เพื่อนๆของคิตตี้เองค่ะ พอดีเพื่อนมาให้กำลังใจคิตตี้หน่ะค่ะ”


แม่กระต่ายน้อยที่ผมจำได้ หันไปบอกคนที่ใส่เสื้อยืดสกรีนลายDirector ท่าทางคงตำแหน่งใหญ่ไม่เบาแฮะ


“โห ไม่บอกก็รู้เลยเนี่ย หล่อสวยกันทุกคนขนาดนี้ เพื่อนน้องคิตตี้คนน่ารักแน่ๆ”


พี่ปั้นอะไรนี่ดูสายตากรุ้มกริ่มไม่เบา หลังจากยิ้มเจ้าชู้ใส่แม่กระต่ายน้อยที่ชื่อคิตตี้ ก็หันมาใช้สายตาแทะโลมม่านแพงอย่างไม่ปิดบัง


หมับ


เด็กจืดกอดเอวม่านแพงแล้วลากเข้ามาประชิดตัว วันนี้ม่านแพงก็ยังสวยเหมือนทุกที แต่ชุดมาสวนน้ำของเธอนี่สิที่เปรี้ยวเข็ดฟันจนนึกว่าหลุดออกมาจากหน้าปกFHM


“เอ่อ พี่ปั้นขา ขอคิตตี้คุยกับเพื่อนแป๊บนึงนะคะนะ”


สาวหมวยสวยและเซ็กซี่ตรงหน้าหันไปยิ้มอ่อนหวาน ทำเสียงอ้อนใส่คนที่ดูมีอำนาจที่สุดในเวลานี้


“อะ..เอ้อ อื้มได้จ้ะ ยังไงก็อย่าลืมชวนเพื่อนๆมาถ่ายด้วยกันนะ ยิ่งคนเยอะ ภาพจะได้ยิ่งสวย”


คนที่เหมาะสมกับคำว่าลุงมากกว่าคำว่าพี่พูดขึ้น ไม่วายหันมาเลียริมฝีปากแล้วหลิ่วตาให้ม่านแพง นี่ถ้าเด็กจืดเป็นแฟนม่านแพงตัวจริงคงถลาไปตั๊นหน้าไอ้คนหื่นกามพรรค์นั้นแน่ๆ ขนาดผมแค่มาด้วยเฉยๆ ยังอยากพุ่งเข้าไปกระทืบไอ้หื่นนี่สักที


“เค้าบอกตัวแล้วใช่มั้ยว่าห้ามมา!! ทำไมตัวไม่เคยฟังกันบ้าง!!”


พอเหลือแต่เรา คนที่สูงน้อยที่สุดในนี้ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาจนผมตกใจ แต่ความตกใจดูจะไม่จำเป็นแล้วในเวลานี้ เพราะความช็อคทำให้ผมนิ่งค้างกับสิ่งที่ได้ยินไปแล้ว พึ่งเข้าใจว่าเวลารักใครมากๆแต่ถูกเขาปั่นหัวเหมือนเป็นแค่ของเล่น มันเจ็บได้ขนาดนี้นี่เอง ผมไม่รู้ว่าม่านแพงที่เคยบอกว่าจะช่วยผมกำลังทำอะไรอยู่ และเด็กจืดกำลังคิดอะไร ถึงยอมให้ผมตามมาเจอผู้หญิงอีกคนของเขา


“เฮ้ย พี่! ไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ”


ผมหลบตาไม่ทัน เด็กจืดเลยทันได้เห็นสายตาของผมที่จ้องน้องกับผู้หญิงคนนั้นอยู่



..ปาลิน..


ผมตกใจกับสายตาที่พี่ภูมองมาทางผม สายตาคู่นั้นทั้งเสียใจ ตัดพ้อและเจ็บปวด ผมทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในหัวเต็มไปด้วยคำถามถึงสาเหตุ ที่ทำให้คนร่าเริงอยู่เสมอแบบพี่ภูฟ้า แสดงความท้อแท้ออกมาได้ขนาดนี้


ผมหรอ?


เป็นเพราะผมใช่ไหม?


ชั่วแวบหนึ่งที่ความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำผม มันทำให้ผมรู้สึกหลงระเริงและดีใจ ดีใจที่ทำให้ผู้ชายคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าขาดผมไม่ได้ และเขาจะเป็นทุกข์แค่ไหน ถ้าผมฝากหัวใจไว้ที่คนอื่นแล้ว


“ฟังผมก่อนนะ”


แต่เพราะทนความรู้สึกผิดที่เห็นแววตาหม่นเศร้าคู่นั้นไม่ได้ ผมจึงปล่อยมือที่โอบเอวม่านแพง แล้วเปลี่ยนมาใช้มันกุมมือของคนมื่อสั่นเอาไว้แทน


“ไปคุยกันในรถนะม่าน ถ้าเกินสิบนาทีเราจะไปตามนะ และย้ำว่า ห้าม!ทำ!รอย!”


ผมหันไปสั่งม่านแพงที่กำลังลากแขนคิตตี้เดินไปทางที่เราพึ่งเข้ามา วันนี้คิตตี้มาถ่ายโฆษณาสวนน้ำ ที่ผมกับม่านแพง ก็พึ่งรู้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนมานี่แหละ คราวนี้คนตัวเล็กปิดได้เงียบจริงๆ แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถเล็ดลอดความเป็นห่วงของม่านแพงไปได้ เสียหน่อยเดียวก็ตรงที่เคลียร์กันแล้วชอบจบลงที่รอยคิสมาส์คทั่วตัว เหมือนอย่างตอนที่ม่านแพงมีรอยรอบคอนั่นก็ฝีมือคิตตี้เค้าหล่ะ


“ไปนั่งอันนั้นกันครับ”


ผมดูนาฬิกาข้อมือเพื่อกะเวลาตามที่บอกม่านแพง แล้วจึงหันกลับมาสนใจคนที่ผมยังกุมมืออยู่ ข้อดีของพี่ภูที่ผมเห็นได้ชัด คือพี่เขายอมที่จะรับฟัง ไม่ตวาด หรือโมโหแล้วหนีกลับไปก่อน


ผมจัดแจงยื่นข้อมือของเราทั้งคู่ให้คนที่คอยจัดการเรื่องเครื่องเล่น บนข้อมือของทุกคนที่มาเล่นสวนน้ำแห่งนี้ จะมีแท็กพลาสติกที่มีโค้ดไว้สแกนตามเครื่องเล่นต่างๆสวมอยู่ แต่เพราะผมยังตัวรุมๆและเจ็บคออยู่นิดหน่อย จึงเลือกที่จะพาพี่ภูมานั่งเรือแพทรงกลม ที่ผมดูแล้วว่ามันเหมาะสำหรับการนั่งชิลล์ปล่อยให้แพไหลไปเองตามกระแสน้ำ


“พี่ภูครับ”


“....”


คนที่ยังเงียบมาสักพักก็ยังคงเงียบต่อไป


“โกรธผมอยู่หรอ”


ผมถามออกไปเพราะเดาเอาว่าพี่ภูก็น่าจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรนี่นา แต่ทำไมพี่เขายังทำหน้าหงอยขนาดนี้ หรือที่จริงแล้วพี่ภูหวงม่านแพง


“หรือว่าพี่ชอบม่าน”


เป็นผมเองที่ฟุ้งซ่านและอยากถามให้แน่ใจ วันอาทิตย์ถึงปกติคนน่าจะเยอะ แต่นี่พึ่งแปดโมงกว่าๆจึงทำให้ทั้งลำธารเทียมแห่งนี้มีแค่ผมและพี่ภู


“ไม่ใช่นะครับ เราก็รู้ว่าพี่รักใคร”


ประโยคซื่อๆของพี่ภูทำให้ผมรู้สึกเหมือนไข้จะกลับ ยิ่งตอนพี่เขาหันมาสบตาผมตรงๆเป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้าใจผิด ก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีใครเอากลองมาตีรัวอยู่ที่อกผมอย่างนั้นแหละ


“แล้วทำไมพี่ภูยังทำหน้าแบบนั้นอยู่หล่ะ”


“ก็พี่ใจเสียหนิ”


“ครับ?”


“ไม่รู้หล่ะ เพราะเรานั่นแหละ ทำให้พี่เป็นแบบนี้ รับผิดชอบเลยนะ”


ผมยิ้มขำให้กับมุกเด็กๆของคนอายุมากกว่า ความจริงพี่เขาก็มีมุมนี้เยอะเหมือนกัน หลังจากที่รู้จักกันมา


“ไม่ต้องหัวเราะเลยนะ ลินหน่ะ ต้องโอ๋พี่ด้วย”


ดูเขาสิ ทำปากยู่เหมือนเด็กโดนขัดใจแล้วยังทำหน้างอนอีก แล้วผมจะไม่ขำได้อย่างไร


“ครับๆ โอ๋ๆนะ”


ผมตามน้ำผู้ใหญ่งอแง ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือห่วงยางทรงกลม ด้านตรงข้ามกับผม


หมับ


“พี่ภู!”


คนงอนเป็นเด็กอยู่ดีๆก็แปลงร่างเป็นปลาหมึก แล้วคว้าตัวผมเข้าไปกอดเสียอย่างนั้น


“ปล่อยเลยนะ เดี๋ยวเรือคว่ำ”


มีอย่างที่ไหน พอเรือผ่านเข้ามาในอุโมงค์เท่านั้นแหละ คนฉวยโอกาสก็หวิดจะทำเรือคว่ำเสียได้ เพราะเรานั่งถ่วงน้ำหนักอยู่คนละฝั่ง พอพี่เขาขยับตัวเท่านั้นแหละ เรือก็โคลงเคลงทันที


“แสดงว่าถ้าไม่อยู่บนเรือก็กอดได้”


หมั่นไส้คนยิ้มร่าที่ผละออกจากผม นั่งเอาแขนกอดอก แล้วอีกมือก็ลูบคางตัวเองคล้ายกำลังครุ่นคิด แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ท่าทางแบบนี้ก็เจ้าเล่ห์ชัดๆ


“ไม่ต้องพูดเลย จะสิบนาทีแล้ว ไปตามสองคนนั้นกันเถอะครับ”


“โอ๊ะๆๆ อยากให้พี่กอดเร็วๆก็ไม่บอก”


คนเจ้าเล่ห์จัดการวักน้ำพาผมและตัวเองขึ้นฝั่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากอุโมงค์ที่เราพึ่งลอดผ่านมาเมื่อกี๊


หมับ


ทันทีที่ขึ้นจากแพได้ พี่ภูที่ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ริมฝั่ง ก็เป็นฝ่ายยื่นมือเพื่อดึงผมขึ้น แต่คนเจ้าเล่ห์ก็ยังเป็นคนเจ้าเล่ห์ ทันทีที่ผมขึ้นมาได้ก็ถูกพี่ภูกอดไว้ทันที


“ปล่อยเลยนะ คนเยอะ”


ผมรู้สึกอายเหมือนที่ผมพูดไปนั่นแหละ ถึงจะยังเช้ามาก แต่บนฝั่งตอนนี้ก็เริ่มมีคนมาเที่ยวกันหนาตาขึ้นบ้างแล้ว


“พี่โคตรดีใจเลยอะ”


พี่ภูที่ปล่อยผมแล้ว แต่หน้ายังยิ้มพรายทั้งปากทั้งตา


“เรื่องที่แต๊ะอั๋งผมหน่ะหรอ”


ผมหรี่ตา เตรียมจะเปรยว่าจะไปฟ้องม่านแพงให้พี่ภูฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคจากคนหน้ายิ้มที่เปลี่ยนเป็นจริงจังพูดขึ้นก่อน


“ทุกเรื่องเลย ทั้งเรื่องที่ยอมให้พี่มาด้วย เรื่องที่เป็นห่วงความรู้สึกพี่ แล้วก็เรื่องที่ยอมให้พี่จีบ”


ถ้าบนหน้าผมมีเทอร์โมมิเตอร์ ป่านนี้คงแสดงขีดแดงที่เลขหลักร้อยแน่ๆ อยู่ดีๆก็มาใช้ตาซื่อๆกับประโยคที่ฟังแล้วทำให้หัวใจรู้สึกอุ่นขึ้นแปลกๆบอกผมแบบนี้ แล้วอย่างนี้ผมควรจะทำอย่างไรกับหัวใจตัวเองดีหล่ะ มันทั้งเห็นแก่ตัวและโลภมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มจะควบคุมมันไม่ได้แล้ว




วันนี้ม่านแพงคงจะโกรธมากจริงๆ เธอไม่ได้ชวนคิตตี้ทะเลาะอย่างทุกที แต่กลับเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรสักคำเลยต่างหาก ซึ่งผมว่าแบบนี้ กลับสร้างความกดดันและบรรยากาศตึงเครียดมากกว่าการทะเลาะกันเสียอีก


“ไม่เป็นไรนะคิตตี้ เดี๋ยวค่อยเคลียร์กันดีๆ ตั้งใจทำงานนะ”


ผมกอดคิตตี้ที่ลานจอดรถ โดยมีรถของพี่ภูบังเราทั้งคู่ไว้อยู่ ม่านแพงเดินกลับเข้าไปด้านในแล้ว คิตตี้จึงหน้าหงอยลงอย่างที่เห็น

 
“ขอโทษนะลิน แต่เค้าอยากทำงานนี้จริงๆนะ ตอนแรกที่แคสติ้งไม่ผ่านก็เฟลจะแย่ พอรู้ว่าคนที่ถูกเลือกไว้เกิดไม่สบายกระทันหัน แล้วแบบนี้จะให้ปฏิเสธได้ยังไงหล่ะ”


คิตตี้ช้อนสายตาสำนึกผิดขึ้นมองผม พอเห็นแบบนี้แล้ว ก็ได้แต่ถอนใจออกมา


“ลินก็เข้าใจนะ แต่ตอนแอบไปแคสติ้ง ก็ทะเลาะกันไปทีแล้วไม่ใช่หรอ คิตตี้ก็ต้องเข้าใจม่านด้วย เป็นใครก็คงไม่อยากให้คนที่เรารักปิดบังหรอก โดยเฉพาะต้องมาทำงานกับคนเจ้าชู้แบบคุณปั้นอะไรนั่น”


“ก็เพราะรู้ไงว่าตานั่นเจ้าชู้เลยไม่อยากให้ม่านมา เกิดนายนั่นหมายตาม่านขึ้นมา แล้วใช้วิธีสกปรก เค้าจะทำยังไง”


เห้อ ผมหล่ะอ่อนอกอ่อนใจกับความขี้หึงของทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างหวงและหึงอีกคนมากๆ แต่ดาวมหาลัยกับเน็ตไอดอล จะหลีกเลี่ยงการเจอผู้คนและเก็บซ่อนความสวยได้ยังไงกัน


“เอาหน่า ตั้งใจทำงานก่อนค่อยคิด รีบทำจะได้เสร็จเร็วๆนะ”


ผมยิ้มให้กำลังใจคิตตี้ ก่อนจะพาเดินกลับเข้าไปด้านใน ซึ่งม่านแพงและพี่ภูฟ้า ที่ถูกผมขอให้เดินตามม่านแพงมา ยืนรออยู่ก่อนแล้ว




การถ่ายโฆษณาเป็นไปด้วยความราบรื่น จนกระทั่งม่านแพงเดินเข้าไปคุยบางอย่างกับคุณปั้น ผมไม่ทันเห็นด้วยซ้ำ ว่าเธอลุกไปตอนไหน เพราะมัวแต่มองคิตตี้ที่กำลังเข้าฉากนั่งเครื่องเล่นที่เป็นเรือยางขนาดใหญ่แล้วสไลด์ตัวลงมาจากสไลด์เดอร์สูงชันกว่ายี่สิบเมตร ขนาดผมเองยังรู้สึกว่าน่าหวาดเสียวมากๆเลย


“ลิน”


ม่านแพงที่เงียบมาเกือบสองชั่วโมงเรียกผมที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่เห็นม่านแพงเดินกลับมาจากการคุยกับคุณปั้น


“หื้ม ว่าไงม่าน”


ผมรอฟังประโยคแรกที่เธอจะพูด หลังจากมีแต่พี่ภูและผมบ้างในบางครั้ง ที่ผูกขาดการพูดคุยนับตั้งแต่เริ่มการถ่ายทำ


“ฉากต่อไปหน่ะ เราไปถ่ายด้วยกันเถอะลิน”


“ฮึ? ว่าไงนะม่าน”


“ก็ม่านเห็นอิตาผู้กำกับปรึกษากับทีมงานว่าจะปรับเนื้อหาให้มีเลิฟไลน์ระหว่างคิตตี้กับนายตัวประกอบฝรั่งนั่น ม่านยังไม่ได้เตรียมใจมาเลย ม่านทนไม่ได้หรอก”


การทำงานในวงการบันเทิง คงจะหลีกเลี่ยงการทำงานกับเพศตรงข้ามไม่ได้ ม่านแพงก็ต้องปรับตัวกับเรื่องนี้พอสมควร แต่ทุกทีคิตตี้ทำอะไรก็จะบอกก่อน โดยเฉพาะถ้าต้องเข้าซีนกับเพื่อนร่วมงานผู้ชาย ดังนั้นม่านแพงเลยมีเวลาทำใจอยู่เป็นเดือนๆเลยทำให้ผ่านมาได้ แต่วันนี้ดูจะไม่ใช่อย่างนั้น


“ม่านไปคุยละ ว่าม่านกับลินจะยอมเป็นตัวประกอบเอง แล้วให้ลินเป็นคนเข้าซีนแทนอิตาฝรั่งนั่น”


ถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าในห่วงยางขนาดใหญ่ที่ต้องนั่งถ่วงน้ำหนักกันสี่คน จะมีผม ม่านแพง คิตตี้ และตัวประกอบอีกคน


“อิพี่ปั้นอะไรนั่นรีบรับข้อเสนออย่างไว แต่ดีที่ยังพูดกันรู้เรื่องว่าห้ามโฟกัสม่าน ขืนพ่อเห็น โดนด่าตาย โคตรโชคดีเลยเนี่ย ที่พาลินมาด้วย มีหน้ามาถามว่าเพื่อนมีซิกแพคมั้ย ถ้าไม่มีก็คงไม่ยอม ชิ จะขายสวนน้ำหรือขายอะไร เกลียดจริงๆเลย”


ม่านแพงยังบ่นกระปอดกระแปดต่อไป ขณะที่รอไปเข้าฉากที่ว่า ซึ่งผมว่าไม่น่ายาก ก็แค่ขึ้นไปนั่งเล่นให้ดูสนุกๆก็พอ


“ทำไมต้องมีซิกแพค”


เสียงพี่ภูถามขึ้นมาก่อน


“ก็เดี๋ยวต้องใส่กางเกงเหมือนอิตาฝรั่งนั่นไง เดี๋ยวพี่เขาเอาอีกตัวมาให้เปลี่ยน หรือไม่ก็แค่ถอดเสื้อออกก็พอ”


“ไม่มีทาง แบบนี้พี่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน”


หน้าผมชักจะร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้เวล่ำเวลาอีกแล้ว ดีนะที่พี่ภูมัวแต่จ้องตาม่านแพงอยู่


“อิพี่ภู!!”


“แล้วอีกอย่างลินก็ยังไม่หายดีเลยนะม่าน ขึ้นไปถ่ายแบบนั้น ใช่ว่าถ่ายรอบเดียวจะเสร็จนะ”


“แล้วพี่จะให้ม่านทำยังไง”


ม่านแพงดูจะอ่อนลงเมื่อพี่ภูพูดถึงอาการป่วยของผม ทำให้ผมนึกโมโหตัวเองที่มาป่วยตอนที่เพื่อนกำลังต้องการความช่วยเหลือ


“ไม่เป็นไรครับ ผมดีขึ้นแล้ว”


ตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องช่วยเพื่อน ลำพังแค่นี้ม่านแพงกับคิตตี้ก็คงต้องเคลียร์กันนาน ถ้าเกิดมีนายแบบฝรั่งนั่นด้วย งานนี้ไม่อยากจะคิดเลย


“ม่านแพง ให้ลินรออยู่นี่ พี่จะถ่ายแทนเอง พี่ก็หล่อ หุ่นก็ดีกว่า ซิกแพคก็ชัดกว่า สูงกว่าอีกต่างหาก ถึงจะไม่ขาวเท่า แต่เค้าไม่ได้ขายครีมคงไม่ว่าอะไรหรอก ส่วนคิตตี้ก็เพื่อนว่าที่แฟน พี่ไม่คิดเกินเลยอยู่แล้ว ม่านให้พี่ทำเถอะ”


ประโยคบรรยายสรรพคุณตัวเอง ที่ถ้าเป็นเวลาปกติคงโดนม่านแพงด่าว่ามั่นหน้า ถูกส่งมายังคนที่ขมวดคิ้วรอการตัดสินใจจากเธอ ส่วนผมก็ทำได้แค่หลบสายตาคนที่หันมามอง ตั้งแต่ตอนที่พูดคำว่า“ว่าที่แฟน”อย่างไม่อายปากนั่นแล้ว หรือผมจะเป็นไข้ขึ้นมาอีกแล้วกันนะ รู้สึกตัวรุมๆด้วยเนี่ย


“ก็ได้”


เป็นม่านแพงที่ยอมจำนน ซึ่งแน่นอนว่าผมหมดสิทธิ์โต้แย้งอะไรได้ ลำพังให้ผมเงยหน้าขึ้นมาตอนนี้ ผมยังทำได้ยากเลย



 
。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีต่อคับ..♡´・ᴗ・`♡  

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 20-09-2017 20:41:22
..ภูฟ้า..


“ครับ? เป็นอะไรหื้ม ทำไมทำหน้าแบบนั้น”


เด็กที่พึ่งหายไข้ช้อนตาใสๆขึ้นมามองผม เราอยู่กันในห้องแต่งตัวที่ทางกองจัดไว้ให้ ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้พี่ภูคนนี้มากๆ


ฟอดดด


อดไม่ได้จริงๆ ก็อยากน่ารักเองทำไม ถึงน้องจะไม่โวยวาย แต่หน้างุ้ยๆก็กลับมาอีกแล้ว


“เป็นอะไรครับ อยากเอาคืนพี่หรอ อ๊ะๆ พี่ให้หอมสองข้างเลย”


ผมก้มลงไปทำแก้มป่องอยู่หน้าน้อง แต่แทนที่จะถูกหอม กลับเป็น


เปี๊ยะ


“พี่เจ็บนะครับ”


ผมเบะปากประท้วงรอยที่ข้างแก้ม ถึงจะไม่แรง แต่ผมมั่นใจว่าน่าจะแดงแน่ๆ


“สมน้ำหน้า”


ดูสิ ดูปากงุ้ยๆนั่นพูดเข้า เดี๋ยวก็จับกิน ให้พูดจาไม่น่ารักไม่ได้อีกเลยนี่


“มีอะไร ไหนบอกพี่ซิ”


หรือจะไม่พอใจที่ผมจะแสดงแทน แต่เรื่องที่จะยอมให้เด็กจืดของผมโชว์เนื้อหนังมังสานี่ฝันไปได้เลย ขาวใสออร่าวิงค์ๆอย่างนั้น ผมไม่ยอมให้ใครเห็นด้วยแน่ๆ ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ควรบังคับน้องจนเกินไป แต่เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ ถ้าไปเที่ยวกับเพื่อนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นโฆษณาของสวนน้ำชื่อดังเชียวนะ แบบนี้ยิ่งยอมไม่ได้เลย


“โกรธที่พี่ไม่ยอมให้แสดงหรอ”


ผมโล่งใจที่น้องส่ายหัวเพื่อตอบคำถามของผม


“แล้วเป็นอะไรครับ”


ผมยังห่วงว่าคนที่พึ่งอาการดีขึ้น จะไข้กลับเพราะอากาศร้อนจัดและความชื้นของสวนน้ำ แต่ก็รู้ว่าน้องคงอยากจะช่วยเพื่อนด้วยเหมือนกัน ถ้าเมื่อวานไม่ป่วย บางทีวันนี้ผมอาจต้องยอมน้องก็ได้ เพราะตามจริงแล้ว ตัวผมเองก็ยังไม่มีสิทธิ์จะห้ามอะไรคนตรงหน้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว


“......”


น้องดูมีเรื่องในใจที่อยากพูด แต่ยังไม่กล้าพูดออกมา เด็กจืดเป็นเด็กซื่อๆ โกรธใครจริงๆเป็นหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ ผมเลยกลัวว่าน้องจะลำบากใจกับสิ่งที่ผมกำลังทำให้เขาอยู่


“เพราะออยล์นี่หรอ”


ผมมองตามสายตาน้องไปยังขวดบรรจุออยล์สีใส ที่เมื่อกี๊พี่ช่างแต่งหน้า บอกว่าให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเดี๋ยวพี่เขาจะทาให้ น้องกัดปากตัวเอง แต่ไม่ได้ตอบอะไร


“ออยล์ขวดนี้ทำไมครับ”


นอกจากจะโชคดีที่เรื่องในใจน้อง ไม่ใช่ประโยคตัดรอน เช่น พี่ทำให้ผมอึดอัด แต่ตรงกันข้าม มันกลับเป็นแสงแห่งความหวังที่ผมสัมผัสได้


“ทำไมครับ ลินก็อยากทาหรอ พี่ทาให้มั้ย”


ผมอารมณ์ดี แค่คิดว่าน้องกำลังรู้สึกยังไง เลยส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนตัวขาวที่พักนี้ชอบเปลี่ยนเป็นสีชมพู แต่คราวนี้นอกจากจะไม่เขินแล้ว น้องยังจ้องผมแบบเอาเรื่องอีกด้วย


“ไหน คนดีบอกพี่สิครับ พูดให้พี่ฟังนะ พี่ใจเสียแล้วเนี่ย ไม่รู้โดนลินโกรธเพราะอะไร”


ก็ยังเป็นผมที่เว้าวอนอยากฟังสิ่งที่อยู่ในใจน้องชัดๆจากปากเจ้าตัว


“ไม่ต้องมากอดเลย ไปให้พี่คนนั้นทาให้เลยไป”


ช็อตนี้พี่ภูตาย


ฟอดดดด


ชักจะน่ารักเกินไปแล้วนะ แหนะ มีช้อนตามอง เดี๋ยวก็ทั้งกอดทั้งหอม ไม่ปล่อยเลยนี่


“หวงพี่หรอ ดีใจจัง”


ผมยิ้มให้น้อง ขณะที่สองแขนก็กอดคนขี้หวงให้แน่นขึ้น รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ที่น้องเริ่มแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมามากขึ้น


“ใครหวง”


“หึๆ ไม่หวงก็ไม่หวงครับ แต่พี่วานให้ลินทาออยล์ให้พี่หน่อยนะ พอดีไม่อยากให้ใครมาลูบตัวหน่ะ นอกจากว่าที่แฟน”


ผมกระซิบชิดใบหูคนขี้หวงที่ผมดึงเข้ามากอดไว้ น้องคงไม่รู้จะจัดการกับการรุกรานของผมยังไง เลยก้มหน้างุดซุกกับอกผม ที่เป็นทางหนีเดียวในเวลานี้


“ได้มั้ยครับ”


ผมยังถามต่อ เพราะคนขี้เขินไม่ยอมตอบอะไรสักคำ


“อื้อ เพราะเห็นว่าช่วยม่านกับคิตตี้หรอกนะ”


โอ๊ย โคตรน่ารักเลยน้องครับ ใจพี่โดนแอทแทคเพราะความน่ารัก จนบางไปหมดแล้ว


น้องผละออกจากอกผมแล้วดันให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ มือขาวเทออยล์จนชุ่มฝ่ามือ แล้วก็เริ่มลงมือทาแขนให้ผม ทั้งๆที่ยังก้มหน้าเกือบชิดอกอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้ท้วงอะไรเพราะเดี๋ยวคนใจดีจะบอกให้ผมทาเอง ผมเลยต้องกลั้นยิ้มแล้วทำตัวเองให้เงียบเข้าไว้


“หันหลังหน่อย”


ผมก็หันให้อย่างว่าง่าย แต่ความรู้สึกสบายที่แขน พอย้ายมาเป็นหลัง ทำไมมันถึงทำให้ผมเริ่มร้อนขึ้นมาแบบนี้หล่ะ ไหนจะมือนุ่มๆ กับกลิ่นหอมๆของเจ้าของสัมผัสที่แผ่นหลังผมนั่นอีก


“อ.เอ่อ ข้างหน้าพี่ภูทาเองละกัน”


อยู่ดีๆคนที่ยังทำภารกิจไม่เสร็จจะล้มเลิกกลางคัน มีหรอที่ผมจะยอม


“ทาให้พี่หน่อยนะครับ พี่ทาเองแล้วเดี๋ยวมือลื่นเวลาจับเครื่องเล่น”


ผมคว้าข้อมือน้องเอาไว้ แถได้ก็ต้องแถสิครับงานนี้ น้องทำหน้าลังเลแต่ก็ผงกหัว ยอมให้ความร่วมมือ


ผมรู้สึกว่าคิดผิดนิดหน่อยที่บอกให้น้องทาด้านหน้าให้ ฝ่ามือนุ่มที่ลูบวนอยู่ที่หน้าอก ทำผมแทบครางฮือออกมาอย่างลืมตัว พยายามตั้งสติและกัดฟันแน่น แต่ก็ดูจะไม่ช่วยอะไร ยิ่งตอนฝ่ามือน้องลากต่ำลงมายังหน้าท้อง เจ้าลูกชายของผมก็เริ่มประท้วงหาแม่อย่างดื้อรั้น จนผมต้องขบกรามแน่นเพื่อปรามลูกตัวเอง


น้องก็ดูจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงรีบเร่งมือที่ปัดป่ายทั่วหน้าท้องของผมให้เสร็จเสียที แต่ยิ่งเร่งตัวผมก็ยิ่งเกร็งอย่างห้ามไม่ได้ เขินก็เขินหื่นก็หื่นเลยตอนนี้


“เสร็จแล้ว”


น้องเขินจนแดงไปทั้งตัว ไม่ต่างกับผลเชอรี่ลูกโต ที่ผมอยากจะลองกัดดูสักที


“แต่พี่ยังไม่เสร็จเลย”


ผมพูดเสียงพร่าข้างหูน้อง จนใบหูที่เป็นสีชมพูอยู่แล้ว ยิ่งเปลี่ยนเป็นแดงแปร๊ดเลยทีเดียว


“พี่ภู! เสร็จรึยัง ออกมาได้แล้ว”


เป็นน้องมาร เอ๊ย น้องม่านที่ตะโกนเรียกอยู่หน้าประตู ผมเลยจำใจต้องผละออกมาจากเด็กขี้เขินที่เผลอสบตาผมแล้วกลับไปก้มหน้างุดเหมือนเดิม


ปาลินไม่ได้ดูนุ่มนิ่มแบบน้องเท็นเมียเด็กของไอ้จั๊ด น้องก็เป็นผู้ชายหล่อๆ ที่มีมุมน่ารักเยอะๆก็เท่านั้น แต่ไม่ว่าผมจะมองยังไง สายตาของผมก็ดันใส่ฟิลเตอร์ฟรุ้งฟริ้งเข้าไปในทุกการกระทำของน้องอย่างห้ามไม่ได้ ทำอะไรก็น่ารักน่าฟัดไปหมด


“พี่ภู เสร็จยังเนี่ย กางเกงตัวเดียวพี่เปลี่ยนนานขนาดนั้นเลยหรอ แล้วนี่ลินอยู่ด้วยใช่มั้ย”


มาแล้วครับโหมดพ่อตาหวงลูกสาว ถ้าผมไม่ตอบอะไรไป มีหวังได้หัวแบะ


“เสร็จแล้วจ้า เสร็จแล้ว พี่กับลินจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”


ผมกุมมือน้องพาออกมาด้วยกัน ม่านแพงพอเห็นผมทาออยล์จนตัววาวเรียบร้อยแล้วก็เลยเลิกบ่น ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นกางเกงสามส่วนลายกราฟฟิค ส่วนม่านแพงเปลี่ยนจากบิกินี่ทรงสปอร์ตสีขาวที่สวมทับด้วยกางเกงยีนส์ขาสั้น และเสื้อตาข่ายที่ไม่ได้ช่วยปิดอะไร มาเป็นชุดว่ายน้ำวันพีซสีเนื้อที่โคตรจะเว้าลึกทั้งหน้าและหลัง เผยให้เห็นผิวเนียนและทรวดทรงองค์เอว ที่ต้องยอมรับว่าดีมากๆ


“โอ๊ยยยย”


คนที่บิดเอวผมจนแทบช้ำไม่มีท่าทีว่าจะสงสารแม้แต่น้อย แถมยังมองถลึงตาดุๆให้ผมอีกต่างหาก


“อู่ยยย ว่าที่แฟนพี่มือหนักจัง แบบนี้พี่จะกล้านอกลู่นอกทางได้ยังไง”


หยอดครับหยอด ถึงจะต้องง้อแต่ก็ไม่ลืมจะหยอดไปด้วย


“อย่ามัวแต่จีบกัน ป้ะ พี่ภู ไปได้แล้ว”


พ่อตาผมบ่นขึ้นมาไม่จริงจังนัก ตอนนี้ใจคงไปอยู่กับคิตตี้ที่เปลี่ยนจากชุดวันพีชกระโปรงชมพูในตอนเช้า มาเป็นบิกินี่สีเหลืองที่มีเพียงแค่เสื้อคลุมตัวบางสีขาวสวมทับ ยอมรับเลยว่าม่านแพงและคิตตี้นี่เรื่องความเซ็กซี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ


ฟอดดด


เหมือนจะไม่พอใจที่ผมมองเพื่อนเขาด้วยสายตาแบบผู้ชายเวลาเห็นคนสวย เด็กน้อยของผมเลยพองแก้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ได้โอกาสผมเลยหอมแก้มขาวๆนุ่มนั่นซะเลย แล้วรีบเดินออกมาก่อนจะมีคนเขินแล้วโวยวายกลบเกลื่อน




“พี่โคตรเจ๋งเลยหว่ะ ที่ทำให้ลินยอมขนาดนี้”


ม่านแพงมองหน้าผมอึ้งๆ แล้วพูดขึ้นตอนเรากำลังเตรียมตัวเข้าฉาก ไอ้ผมก็นึกว่าม่านแพงที่เดินนำมาก่อนแล้ว จะไม่เห็นที่ผมแอบหอมน้องเสียอีก ใจหายแว๊บเลย นึกว่าจะโดนด่าซะแล้ว


“ม่านก็เจ๋งนะ รักแฟนจนยอมมาถ่ายอะไรแบบนี้”


ยอมรับว่าผมตกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าม่านแพงมีแฟนเป็นผู้หญิง ที่สำคัญยังเป็นคนเดียวกับที่เด็กจืดควงเย้ยผมในผับวันนั้นด้วย และที่แปลกใจมากกว่าก็เพราะม่านแพงคนที่ปฏิเสธทุกโมเดลลิ่งและแมวมองตามที่ผมเคยได้ยินมา กลับยอมใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายโฆษณาเป็นตัวประกอบ เพื่อให้แฟนตัวเองทำงานได้ราบรื่นหายห่วงนี่แหละ เธอคงเห็นเหมือนผม ว่าคิตตี้ดูจะเกร็งๆกับนายแบบฝรั่งตาสีฟ้าคนนั้น จนการถ่ายธรรมดาแบบไม่มีเลิฟไลน์ก็ยังกินเวลาไปหลายเทค เอ่อ ว่าแต่ แล้วกับผมจะรอดหรอเนี่ย




..ปาลิน..


คนที่จับพลัดจับผลูมาเป็นตัวประกอบจำเป็น ดูจะช่วยให้การถ่ายทำโฆษณาเป็นไปได้ดียิ่งกว่าดีเสียอีก ดีจนน่าหมั่นไส้ทีเดียว


“คัท ดีมากๆ น้องภูนี่ใช้ได้เลยนะ สายตาสื่อความหมายดี รูปหล่อขึ้นกล้อง หุ่นก็ดีอีก”


เสียงผู้กำกับที่ตบมือพออกพอใจกับซีนเมื่อครู่ จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ฉายาภูสอยดาว ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ทำให้เดือนมหาลัยปีสามแพรวพราวทั้งท่าทางและแววตา แถมยังเผื่อแผ่บรรยากาศสดใสไปทั่ว ทั้งกับสาวๆที่เข้าฉากด้วยกัน และทั้งกับทีมงานที่ดูจะเป็นปลื้มกับพี่เขาทุกคน


หึ


คนเจ้าชู้


“เบื่อหรอครับ หน้าบึ้งเชียว”


คนที่เป็นลูกรักคนใหม่ของทุกคนในกองเดินเข้ามาหาผม


“อีกฉากเดียวนะ ทนแป๊บนึง”


ชิ มีหน้าเอามือมาโยกหัวผมอีก


“ไหน งอนอะไร ดื่มน้ำมั้ย พี่ไปเอามาให้”


หมับ ผมคว้าแขนพี่เขาไว้


บางทีก็เกลียดความใส่ใจที่ทำให้ผมโกรธเขาไม่ลง


“ไม่เอาหรอครับ”


แล้วยังเกลียดท่าทางซื่อๆกับยิ้มเอ็นดูแบบนี้ด้วย


“คนเจ้าชู้”


ทนเกลียดไม่ไหว เลยหลุดปากพูดออกไป


“เมื่อก่อนหน่ะใช่ ตอนนี้ไม่แล้ว”


ฟอดดด


นอกจากขโมยหอมแก้มแล้วยังขยิบตาก่อนเดินตามพี่ทีมงานที่มาเรียก เพื่อกลับไปถ่ายต่ออีก ส่วนผมก็พูดอะไรไม่ออกและไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยเลือกที่จะจำลองตัวเองเป็นรูปปั้น จะโวยวายก็ไม่ได้ เมื่อกี๊ไม่รู้มีใครเห็นบ้าง ทีมงานก็ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะนักท่องเที่ยวที่มามุงดูการถ่ายทำนี่อีก เกลียดจริงๆเลย ผมหน่ะเกลียดผู้ชายที่ชื่อภูฟ้าที่สุดเลย


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


วันนี้ก็ยาวน้าาา (●⌒v⌒●)

ที่ถามเรื่องnc เพราะมือลั่นเกินเบอร์มากค่า ฮ่าๆๆๆ

กลัวจะไม่เหมาะสมรึเปล่านะ ฮ่าๆๆ เขิน

ไว้ลุ้นเอาละกันเนาะว่าจะตัดหรือจะโผล่มาตอนไหน


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 20-09-2017 22:40:30
เกลียดจริงๆหรอจ๊ะน้องลิน กิ้วๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-09-2017 23:11:02
จ้า เกลียดจ้าปาลิน หึหึ
งานนี้ถ้าเพจเผือกมีรูปไปลงนี่คงดังกระฉ่อนไปทั่ว ม. ค่า
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-09-2017 02:18:13
 o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-09-2017 08:43:49
พี่ภูทำดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ว่าแต่ "เพราะยังไงผมก็ต้องถูกจับคลุมถุงชน ไม่ต่างจากพ่อแม่ และพี่สาวของตัวเอง"
ไอ้ประโยคนี้ของพี่ภูรบกวนเคลียร์ตัวเองดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-09-2017 12:24:55
 :m1:  น่ารักกกก  ทั้งพี่ภูทั้งน้องลิน  แหม  ต่างฝ่ายต่างหวงกัน ออกนอกหน้าเชียว
พี่ภูนี่ก็นะ ขนาดน้องลินเป็นว่าที่แฟน ยังโดนหอมเอา ๆ จนแก้มช้ำหมดแล้วมั้งนั่น
นี่ชอบมาก ที่พี่ภูพูดกับน้องลินเพราะจังเลย ครับอย่างนั้น ครับอย่างนี้ น่ารัก
น้องลินก็อ้อนเก่งจริงนะ เอะอะก็ช้อนตาขึ้นมอง พี่ภูถึงอดใจไม่ไหว จับฟัดอย่างเดียวเลย 555
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๓ღ "พี่ก็มีซิกแพค" P.2 ☛20.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: ลุลา ที่ 21-09-2017 20:51:53
 o7 สนุกมากเลยเธอ  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 21-09-2017 21:48:05
❥・ใจดวงที่๑๔・❥



ฝันร้ายของปาลิน



..ปาลิน..



วันนี้ทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยความราบรื่น ตั้งแต่อากาศที่เป็นใจ ฟ้าใส และเคมีของนักแสดง ผมมีโอกาสได้นั่งอยู่หลังผู้กำกับ ที่คอยดูจอมอนิเตอร์ระหว่างการถ่ายทำ จึงทำให้ได้รู้ว่าภาพที่ออกมาดูดีจริงๆ ได้ยินทีมงานพูดกันว่าช็อตที่เป็นเลิฟไลน์ดีมาก ดีจนตอนตัดต่อคงต้องมีการปรับให้มีฉากตรงนี้มากกว่าเดิม ผมก็เห็นด้วยตามที่ได้ยิน เพราะเคมีของคิตตี้และคนที่บอกว่าตัวเองเป็นมือสมัครเล่น กลับช่วยส่งเสริมกันและกันจนโดดเด่น เห็นแล้วก็ดีใจกับคิตตี้ที่ผลงานคงจะเป็นที่พูดถึงในเร็วๆนี้ ส่วนกับอีกคน ก็คงไม่ต่างกัน


“ขอบคุณลินมากเลยนะ”


เป็นคิตตี้ที่พูดกับผม ตอนที่เราเดินมายังรถมินิคูเปอร์สีแดงของเธอที่จอดอยู่


“ขอบคุณเรื่องอะไร”


ผมลูบกลุ่มผมนุ่ม แล้วจัดการโยกศรีษะของคนตัวเล็กเบาๆ


“ก็เรื่องที่มาให้กำลังใจ เรื่องที่อยู่รอทั้งวัน แล้วก็เรื่องที่ให้ยืมพี่ภูฟ้า”


คนตัวเล็กที่แสงแดดและน้ำคลอรีน ไม่ได้ลดทอนความน่ารักของเจ้าตัวลงไปแม้สักนิด พูดกับผมด้วยรอยยิ้มและประกายตาซุกซน


“บ้า พี่ภูอยากช่วยเอง แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราด้วย พี่เขาไม่ใช่ของของเราซักหน่อย”


ผมทำหน้าไม่ถูก ที่อยู่ดีๆคนอายุมากกว่าก็ถูกยกให้เป็นของผม แล้วที่สำคัญพี่เขาก็ไม่ใช่สิ่งของเสียหน่อย


“คิคิคิ จะเชื่อก็ได้ แต่พูดก็พูดเถอะ คนนี้เค้าให้สามผ่านเลยนะลิน ตอนที่เข้าฉากแล้วต้องชวนกันคุยนะ ตอนแรกเค้าก็เกร็งๆ แต่พอพี่ภูเอาแต่พูดเรื่องลินไม่หยุด เค้าก็เลยเพลินเลยอะ รู้ตัวอีกทีก็เลยหยุดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”


หื้ม ฟังดูเริ่มจะแปลกๆแล้วแฮะ ทำไมฉากเลิฟไลน์กลายเป็นการพูดถึงเรื่องผมไปซะได้หล่ะ


“เล่ามาให้หมดเลยนะ ว่าคุยอะไรกันบ้าง”


ผมหรี่ตาเตรียมคาดคั้นผู้ต้องสงสัย ที่ทำตัวหลุกหลิกเสียจนดูมีพิรุธยิ่งกว่าเดิม


“อ๊ะ ม่านกับพี่ภูมาแล้ว ลินอวยพรให้เค้าด้วยนะ ไปละๆ”


คิตตี้รีบเบี่ยงประเด็น แล้ววิ่งปรู๊ดไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมินิคูเปอร์ของเจ้าตัว เมื่อเห็นม่านแพงกับพี่ภูฟ้าที่มีสีหน้าเครียดๆเดินมาทางนี้ ไหนบอกว่าไปหาผู้กำกับ วันนี้การถ่ายทำก็ราบรื่นดีนี่นา ทำไมสีหน้าถึงเป็นอย่างนั้นได้หล่ะ


“ลินกลับกับพี่ภูนะ เดี๋ยวม่านจะจัดการคนบางคนก่อน”


ผมไม่แปลกใจที่ม่านแพงจะกลับกับคิตตี้ แต่ก็พึ่งเข้าใจประโยคที่คิตตี้ขอให้ผมอวยพรให้เธอ นั่นก็เพราะตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ ม่านแพงและคิตตี้ยังไม่มีเวลาปรับความเข้าใจกันเลยหน่ะสิ


“ค่อยๆพูดกันนะม่าน แล้วก็ขับรถดีๆ ถ้าอารมณ์ยังไม่ดีก็อย่าพึ่งกลับ”


ผมอดห่วงไม่ได้ เพราะสองคนนี้อารมณ์ร้อนทั้งคู่


“อื้ม”


ม่านแพงเพียงยิ้มให้ผม แล้วหันไปมองพี่ภู


“ฝากลินด้วยนะพี่ คนนี้หัวใจม่านเลยนะ”


“หัวใจคิตตี้ด้วย”


คนที่ยังมีชนักติดหลัง ไม่วายรีบแสดงตัวด้วยอีกคน ถึงแม้จะทำได้แค่โผล่ตัวออกมาจากกระจกฝั่งคนนั่งก็ตาม


“ได้สิครับ หัวใจดวงนี้พี่รับฝากแล้วไม่คืนด้วยนะ”


พูดกับสองสาวแต่ตามองที่ผม ถึงแม้จะยิ้ม แต่แววตากลับไม่ได้ยิ้มตามอย่างทุกที จากที่ควรจะหมั่นไส้ ผมเลยกลายเป็นทำตัวไม่ถูกแทน


“พี่ภูๆ อย่าลืมพาลินกินกุ้งเผาร้านโปรดก่อนกลับนะ เดี่ยวให้ลินบอกทาง เวลานี้กำลังดีเลย วิวสวย”


ม่านแพงที่สตาร์ทรถเตรียมขับออกจากลานจอดยังไม่วายห่วงผม กระจกที่คิตตี้ยังไม่ปิดขึ้นไป จึงถูกใช้เป็นช่องทางเพื่อสื่อสารกับคนโตกว่าที่ก็ยังไม่ทันได้ปิดประตูรถเช่นกัน


“อื้ม ไม่ต้องห่วง”


พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แต่เพราะพี่เขาหันหลังอยู่ ผมจึงไม่รู้ว่าพี่ภูกำลังมีสีหน้าแบบไหน พอขึ้นมานั่งข้างกัน ถึงได้รู้ว่า วันนี้พี่ภูดูจะเหนื่อยไม่น้อย หรือผมควรขับแทนพี่เขาดีนะ ยังไม่ทันได้ถามออกไป พี่ภูก็จัดการสตาร์ทรถ และขับตามม่านแพงออกไปจากลานจอด


“พี่ต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาครับ”


พี่ภูหันมายิ้มตอนที่รถใกล้จะถึงประตูทางออก


“ทานร้านอื่นเถอะครับ”


เป็นผมเอง ที่รู้สึกไม่อยากไปทานที่ร้านโปรดอย่างทุกที


“ลินเคยมีความทรงจำอะไรที่นั่นหรอ ถึงไม่อยากไป”


คนที่เมื่อครู่ฝืนยิ้มแต่ตาไม่ได้ยิ้มสักนิด หันมาถามผมด้วยแววตาปวดร้าวโดยไม่ปิดบังอีกต่อไป


“พี่ภู พี่แพ้กุ้งนะครับ ร้านนั้นเมนูส่วนใหญ่เป็นกุ้งนะ แต่ถ้าพี่อยากไป ก็เลี้ยวซ้ายขับเลียบหาดไปเรื่อยๆ ซักสิบห้านาทีก็ถึงครับ”


ผมไม่เข้าใจว่าพี่ภูเป็นอะไร แต่ผมแค่เป็นห่วงว่าคนแพ้กุ้งจะไปร้านกุ้งเผา แล้วนั่งดูผมทานอร่อยคนเดียวเนี่ยสิ


“ให้พี่พาไปนะ พี่อยากไป”


ผมพยักหน้าตอบไป แม้แววตาแข็งๆของพี่ภูจะอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นี้แล้ว แต่รอยวูบไหวกลับยังเห็นได้ชัด แม้เราจะสบตากันแค่เพียงไม่กี่วินาทีก็ตาม




เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านโปรดของผม ม่านแพงและคิตตี้ นี่ถ้าสองคนนั้นไม่โกรธกันอยู่ คงได้มาทานของโปรดกับผมแล้วหล่ะ นึกๆแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง แต่เรื่องนั้นคงต้องให้เวลากับทั้งคู่ก่อน


“พี่ขอโทษนะ”


“ครับ?”


พี่เขาขอโทษผมเรื่องอะไร จะว่าเรื่องจอดรถข้างทางก็ไม่น่าใช่ เพราะตลอดแนวนี้คนอื่นก็จอดกัน แล้วก็ไม่ได้เป็นที่ห้ามจอดด้วย


“ขอโทษที่เคยบอกว่าไม่เชื่อ ว่าความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายไม่น่าจะไปกันรอด”


ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆพี่ภูถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะฟัง


“ลงกันเถอะครับ”


ผมเปิดประตูลงมาก่อน ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ แสงสีส้มที่เป็นฉากหลังของอาคารไม้สองชั้น บอกได้เป็นอย่างดีว่าพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า เราโชคดีที่ได้ที่นั่งติดระเบียง มองเห็นวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ผมเลือกจะสั่งอาหารที่ไม่มีกุ้งอย่างระมัดระวัง เมื่อคนแพ้กุ้งยังนั่งเงียบไม่ออกความเห็นใดๆ


“เอากุ้งเผาโลนึงด้วยครับ”


ประโยคแรกที่คนเอาแต่เงียบพูดขึ้น กลับเป็นการสั่งอาหารที่ตัวเองทานไม่ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่าพี่เขากำลังใส่ใจผมอยู่


“พี่ภู พี่ได้ยินอะไรมาครับ”


วันนี้พี่ภูอยู่กับสองสาวทั้งวัน คงได้ยินเรื่องอะไรมาแน่ๆถึงได้มีสีหน้าแบบนี้


“พี่ขอโทษที่ตอกย้ำแผลของลินนะครับ”


นี่สองสาวเล่าอะไรไป ทำไมแต่ละประโยคของพี่ภูถึงจริงจังขนาดนี้


“พี่ไปฟังอะไรมาครับ”


“ก็เรื่อง..”


“เรื่องคนที่ผมเคยชอบ?”


ผมถอนหายใจเมื่อรู้ว่าต้องคุยเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมเจ็บอีกต่อไปแล้ว จะมีทิ้งเอาไว้ก็แค่ฝันร้ายที่ยังตามมาหลอกหลอนในบางคืน ที่ร่างกายหรือจิตใจอ่อนแอก็เท่านั้น


“อย่าพูดคำนั้นได้รึเปล่า พี่ว่าพี่ไม่โอเคเท่าไหร่ เนี่ยอีกนิดก็ร้องไห้แล้ว”


ผมหัวเราะกับคนที่เบะปาก ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ตามที่บอกจริงๆ


“ม่านแพงกับคิตตี้ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก แค่บอกว่าเคยมีคนขี้ขลาดเข้ามาในชีวิตลิน ถึงพี่จะเคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันจะไม่ยั่งยืน แต่เพราะคนคนนั้นไม่ใช่พี่ไง ถ้าเป็นพี่ ถ้าเป็นเรา มันต้องเป็นไปได้สิ พี่ไม่สัญญานะว่ามันจะง่ายหรือราบรื่น แต่พี่สัญญาได้ ว่าพี่จะไม่ขี้ขลาดในเรื่องของเรา”


พอได้พูด คนที่เอาแต่เงียบมานาน กลับพูดไม่หยุด ประโยคยาวๆถูกถ่ายทอดให้ผมฟังโดยที่ไม่ต้องถาม จนเป็นผมเองที่เกิดสงสัยขึ้นมา ว่าสายตาจริงจังแบบนั้นจะโกหกกันได้หรือเปล่า แต่เพราะผมไม่เคยได้เห็นสายตาแบบนี้สักครั้ง ทั้งที่เคยอยากเห็น อยากให้คนที่ผมชอบ เขาพูดให้ความมั่นใจและมองผมแบบนี้บ้าง เพราะมันเป็นความปรารถนาลึกๆในใจ พอได้มาโดยไม่ทันตั้งตัว เลยรู้สึกเหมือนใจที่ผมล็อคไว้อย่างแน่นหนา มันคลายตัวออกจนน่ากลัวว่าผมจะห้ามมันไม่ได้


“ให้พี่จีบแล้ว ต้องให้โอกาสพี่ด้วยนะ เปิดใจให้พี่บ้าง พี่เลือกแล้วว่าต้องเป็นลิน ยังไงก็ต้องเป็นลิน พี่ไม่แคร์สายตาคนอื่นหรอกนะ ไม่สนด้วยว่าคนอื่นจะพูดยังไง ที่พี่สนใจ ก็มีแค่ความรู้สึกของเรา”


คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นมาเกลี่ยความเปียกชื้นออกจากหางตาของผม ไม่รู้ว่าเพราะคนตรงหน้า คำพูดพวกนั้น หรือเพราะแสงสีส้มที่ทาบทาเกลียวคลื่นจนเรืองรองที่ทำให้ผมอ่อนไหวได้ขนาดนี้



..ภูฟ้า..


ผมยิ้มกว้างเท่าที่จะกว้างได้ ตั้งแต่ที่น้องยอมให้ผมเกลี่ยน้ำใสออกจากหางตาคู่สวยโดยไม่ปัดออก คนมองมาที่เราไม่น้อย เนื่องจากร้านแห่งนี้ส่วนใหญ่จะมาทานกันเป็นครอบครัว น้อยที่จะเห็นคู่รัก เพราะผมคิดว่านอกจากวิวที่สวยจนหยุดหายใจ บรรยากาศจอแจภายในร้านก็ดูจะขัดขวางความโรแมนติคไม่น้อย ดังนั้นเป้าสายตาทุกคู่จึงจับจ้องมาที่ผู้ชายสองคน ที่เหมือนกำลังง้องอนกันท่ามกลางอาหารเต็มโต๊ะ


น้องใส่ใจผมมาก ตั้งแต่ที่จำได้ว่าผมแพ้กุ้ง ทั้งที่ผมงี่เงาพูดประชดไร้สาระออกไป แต่น้องก็ไม่โกรธ ดูเหมือนน้องก็พยายามปรับตัวเข้ากับผมโดยไม่รู้ตัว มุมน่ารักมากมายที่น้องแสดงออกเฉพาะกับผม ทำให้ผมหัวใจพองโต ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักผู้ชาย ผู้ชายที่ชื่อปาลิน ถึงแม้ผมจะเคยเชื่อ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายมันคงไปไม่รอด แต่คนอย่างผม นายภูฟ้า สิทธิธนานนท์คนนี้แหละ ที่จะทำให้มันเป็นไปได้เอง แต่ก่อนอื่น..


“ใจพี่พี่ให้ปาลินคนนี้ไปแล้ว ไม่คิดเอาคืน แต่ใจลินยังไม่ต้องให้พี่ตอนนี้ก็ได้ ขอแค่ฝากพี่ไว้ก็ยังดี”



ผมยิ้มให้คนน้องที่หันไปก้มหน้าก้มตาแกะกุ้งทันทีที่ผมพูดจบ คนอ่อนไหวเมื่อกี๊หายไปแล้ว แต่ผมได้คนน่ารักที่กำลังเขินมาแทน เราทานกันเรื่อยๆ ซึมซับบรรยากาศดีๆระหว่างกัน อาหารอร่อย เสียงคลื่นและพระอาทิตย์ดวงโตที่ค่อยๆลับขอบฟ้า ทำให้ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้




“เฮ้อออ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน”


ก็ไม่อยากกลับนี่นา ถึงจะสตาร์ทรถแล้วแต่ก็ยังทำใจกลับกรุงเทพไม่ได้ ไม่รู้ว่ากลับไปแล้ว น้องจะให้โอกาสที่ผมขอไว้รึเปล่า


“ผมขับให้มั้ย”


ชิ คนน่ารักมักใจร้ายจริงๆด้วย


“ไม่เอา ไม่ให้ขับ เดี๋ยวลินขับเร็ว แล้วจะถึงเร็ว พี่ไม่ยอมหรอก”


อีกอย่างที่น้องยอมผมมาสักพัก คือการที่ยอมให้ผมเรียกน้องว่าลิน โดยไม่ว่าอะไร


“พี่ยังไม่อยากกลับหรอ งั้นไปเดินเล่นที่ชายหาดกันก่อนมั้ย”


และความใจดีที่หยิบยื่นมาให้จนผมไม่ทันตั้งตัว


“เล็กๆน้อยๆพี่ก็คิดเข้าข้างตัวเองหมดนะ รู้ไว้เลย”


ไม่รู้หล่ะ อนุญาตให้จีบแล้ว น้องก็ต้องรู้ตัวไว้ด้วย ว่าทุกอย่างที่น้องทำมันทำให้ผมคิดไกล


“จะคิดก็คิดสิ ผมไม่ได้ห้ามซักหน่อย ผมไม่ใช่พวกชอบเล่นกับความรู้สึกใครอยู่แล้ว”


จากนั้นน้องก็ปล่อยหมัดน็อคใจผม ด้วยคำพูดและรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของวันนี้




เรามาเดินเล่นกันยังชายหาดที่คนใจดีเล่าให้ฟังว่าสมัยเรียนชอบแอบขับรถมากันกับม่านแพงและคิตตี้ พอเล่าถึงตรงนี้ผมแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเลยทีเดียว


“พี่ภูอยากถามอะไรมั้ย”


เป็นคนข้างๆที่จับความรู้สึกของผมได้ก่อน แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมจะฟังหรือเปล่า จึงยังไม่ได้ตอบอะไรออกไป


“ก็เรื่อง คนที่ผมเคย เอ่อ คนคนนั้นหน่ะ”


น้องคงรู้แล้วว่าผมใจบาง ขอบคุณนะครับที่ไม่พูดคำนั้นออกมา เพราะถ้าไม่ใช่พูดบอกกับผม ผมก็คงไม่อยากฟังน้องพูดว่า“ชอบ”กับใครอีก ถึงจะมีคำว่า“เคย”นำหน้าก็ตาม


“ลินอยากเล่ามั้ย”


ที่มั่นใจว่ารักน้องมาก เพราะหนึ่งในนั้นก็เพราะผมแคร์คนข้างๆนี่มากเหลือเกิน ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขา ผมจะกังวลและคิดมากเสมอ ถ้าเป็นกับคนอื่นนี่ไม่มีวันหรอก ที่ผมจะมาคอยถามไถ่ความรู้สึก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมคบใครได้ไม่นาน ขี้เกียจเอาใจ ขี้เกียจสนใจความรู้สึก นานวันเข้าก็ยิ่งขี้เกียจประคับประคองความสัมพันธ์ไปโดยปริยาย


เราเดินเล่นอยู่ริมหาด แน่นอนว่าผมไม่พาน้องไปใกล้น้ำทะเลแน่นอน อยากจะขอจับมือ แต่ก็กลัวน้องปฏิเสธ


“ขอจับมือได้มั้ย”


แต่ความต้องการเอาชนะความใจบางได้ในวินาทีสุดท้าย ผมจึงถามออกไป ตอนนี้คนเริ่มบางตาลงแล้ว จะมีให้เห็นเยอะหน่อยก็เวลาเดินผ่านบาร์เบียร์ที่ตั้งประปรายอยู่ริมหาด


“พี่ไม่อายคนอื่นหรอ”


คำถามซื่อๆ ถูกส่งมาจากเจ้าของดวงตาซื่อๆที่ผมหลงใหล


“อายทำไมหล่ะ ถ้าลินยอมนะ ให้ทำมากกว่านี้ พี่ยิ่งมีความสุขเลย”


ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้น้อง ตอนนี้มืดแล้ว ทำให้ผมเห็นสีหน้าน้องไม่ชัด อาศัยแสงจันทร์กับแสงไฟริมถนน ที่ทำให้รู้ว่าน้องกำลังมองผมอยู่


“อ๊ะ ให้โอกาสแล้วนะ”


น้องยื่นมือมาหน้าผม ในขณะที่สมองของผม กลับยังเลือกไม่ถูกว่าจะแสดงความรู้สึกยังไงออกไป ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และมีความหวัง โดยเฉพาะประโยคสั้นๆที่กำลังดังวนซ้ำไปซ้ำมา จนผมอยากลองหยิกตัวเองซักที ว่าไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย


ผมหันไปยิ้มกว้างให้กับน้อง อยากให้รู้ว่าผมมีความสุขมากแค่ไหนกับโอกาสที่น้องมอบให้ และไม่ลืมจะกุมประสานมือนุ่มของคนใจดี เพื่อพาออกเดินเลียบหาดไปด้วยกัน เป็นวินาทีที่โคตรจะมีความสุขเลย อยากจะโทรบอกพ่อ บอกแม่ บอกพี่ฝัน บอกไอ้จั๊ดไอ้ปาล์ม บอกม่านแพงคิตตี้ และบอกทุกคนที่มหาลัยให้รู้ให้หมด


“คนคนนั้นเค้าเป็นรุ่นพี่ รุ่นเดียวกับพี่ภู”


ถึงแม้จะดีใจที่น้องเริ่มเล่าเรื่องอดีตออกมาเอง แต่ใจฟูๆเมื่อกี๊ ก็สั่นไหวไม่น้อย


“ตอนนั้นผมย้ายจากเชียงใหม่มาอยู่กับป้า ผมเข้าเรียนม.ปลายที่โรงเรียนเอกชนของครอบครัวม่านแพง เลยทำให้ได้เจอม่าน คิตตี้ และคนคนนั้น”


ผมกุมมือน้องแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว นึกโกรธพระจันทร์ข้างแรมที่ทำให้เห็นหน้าน้องไม่ชัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น


“คนคนนั้นเป็นคนดังของโรงเรียน เขาร้องเพลงเพราะ ตอนแรกผมก็แค่ชอบฟังเสียงเขา เป็นเหมือนแฟนคลับที่สนใจเรื่องของคนที่เราชื่นชม แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขากลายเป็นคนที่ผมรู้สึกมากกว่าชื่นชม”


ความรู้สึกตอนนี้คืออยากโดดทะเล ไม่อยากฟังอะไรแล้วทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำได้ ก็คือยิ้มให้กำลังใจคนที่ยอมเล่าเรื่องที่เคยทำให้ตัวเองเจ็บปวด


“ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ที่คนคนนั้นจำผมได้ หลังจากที่ผมไปฟังเขาร้องเพลงหลายต่อหลายครั้ง และเป็นเขาที่ทักผมก่อน เราเริ่มคุยกันมากขึ้นในฐานะพี่น้อง จากไลน์ก็กลายมาเป็นโทรศัพท์ จากไม่กี่นาทีก็กลายมาเป็นชั่วโมงๆ ตอนนั้นมันเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี ถึงพี่เขาจะไม่ยอมให้ใครรู้เรื่องระหว่างเรา แต่สำหรับผม แค่นั้นก็พอใจแล้ว”


รู้สึกถึงแรงบีบที่ใจตัวเองที่มาพร้อมกับแรงบีบที่ฝ่ามือ เพราะตัวเองฝืนยิ้มให้น้องไม่ได้ เลยเลือกที่จะหันไปมองทะเลแทน


“แต่ทุกอย่างมันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด หลังจากที่คุยกันมาเกือบปี อยู่ดีๆก่อนที่คนคนนั้นจะเรียนจบ เขาก็บอกให้ผมเอาของขวัญเรียนจบไปให้ที่คอนโด ปกติเขาจะไม่ยอมเจอผมนอกโรงเรียน ผมเลยดีใจมาก”


ผมกำมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือน้องจนเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่าใจผมเลยสักนิด อยากบอกน้องว่าไม่ต้องเล่าต่อได้มั้ย แต่ปากผมกลับพูดอะไรไม่ออก


“พี่เขาขอมีอะไรกับผม”


ผมห้ามตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ มืออีกข้างที่กำไว้จนเจ็บก็เปลี่ยนมาลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ น้องหยุดเดินเมื่อเห็นว่าผมไม่โอเคเท่าไหร่


“พี่ภูอยากฟังต่อมั้ย”


ผมพยักหน้าทั้งที่ฝืนใจ น้องใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อเล่าเรื่องที่น้องปิดล็อคมันไว้พร้อมกับหัวใจตัวเอง แล้วผมที่อยากให้น้องเปิดใจให้ มีสิทธิ์อะไรที่จะไปทำลายความกล้าของน้อง


“ผมไม่ได้มีอะไรกับคนคนนั้นหรอก”


ประโยคนั้นเหมือนน้ำที่รดใจเหี่ยวๆของผม จากคนที่ไม่เคยแคร์ว่าคนที่คบจะมีอดีตยังไง แต่พอเป็นน้อง ผมมั่นใจว่าไม่ได้รังเกียจ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ตัวผมเองยังผ่านมาตั้งเท่าไหร่ แต่ที่ผมกำลังรู้สึก มันคือ“ความอิจฉา” อิจฉาที่คนคนนั้นเคยได้ใจน้องไป และผมคงแทบคลั่งตายเพราะความอิจฉาที่เหมือนไฟสุมใจ ถ้าน้องเคยให้ทั้งใจและกายกับไอ้เหี้ยนั่นด้วย


“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมีเสียงผู้หญิงมาเคาะห้องตอนผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ เขาบอกจะออกไปดูแป๊บเดียว แต่ก็ไม่กลับมาอีกเลยตลอดคืน ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่ที่ยอมเขาง่ายๆ แค่เขาพูดไม่กี่คำ ผมก็พร้อมจะยอมทุกอย่าง ยอมไม่คาดหวัง ยอมเป็นพี่เป็นน้อง ยอมปิดทุกอย่างเป็นความลับ ยอมเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยอมจะมีอะไรกับเขา ทั้งที่คำว่าชอบหรือรักซักครั้งก็ไม่เคยได้ยิน โง่เพราะรอเขากลับมาหา และยิ่งรู้สึกโง่มากกว่าเดิมเมื่อวันต่อมา เขาตั้งสเตตัสคบกับดาวโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ข้างๆ แล้วเลือกที่จะไม่ตอบไลน์หรือรับสายผมอีกเลย”


สมกับที่ม่านแพงด่าไอ้เหี้ยนั่นว่าคนขี้ขลาด คุยกันมาตั้งนาน แต่หลบๆซ่อนๆไม่ยอมให้ใครรู้ แล้วยังมีหน้าหลอกน้องมาทำระยำ แต่สุดท้ายก็ทิ้งน้องไว้ให้จมกับความอับอายและสับสน ใช้ความรักที่เด็กซื่อๆมอบให้ ย้อนมาทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น แม่ง โคตรเหี้ย แอบสืบเพื่อไปกระทืบมันดีมั้ยวะ


“ผมโง่ใช่มั้ย น่าอายเนาะ โคตรของโคตรโง่เลย”


ผมคว้าตัวน้องมากอดทันทีที่น้องพูดแบบนั้น คนที่ไม่เคยพูดคำหยาบสักคำ นี่คงเป็นประโยคที่หยาบที่สุดของน้องแล้ว แต่ผมไม่ยอมหรอก เพราะแทนที่น้องจะด่าไอ้เหี้ยนั่น กลับเป็นตัวเอง


“ไม่โง่ซักนิด ลินไม่โง่ซักนิดเลยนะ”


ผมกระชับอ้อมแขนเพื่อกอดน้องที่กำลังสะอื้นให้แน่นขึ้น เป็นผมก็คงเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลย คนที่เราชอบมาเป็นปี สุดท้ายกลับทำเหมือนเราคิดไปเองคนเดียว แล้วยังมีหน้ามาทำลายความรู้สึกทุกอย่าง ด้วยการปล่อยให้รอและหนีหน้าแบบนี้หน่ะหรอ ผมขบกรามแน่นเมื่อรู้สาเหตุที่น้องปิดตัวเอง ไม่แปลกที่น้องจะไม่เชื่อใจใครอีกต่อไป ขนาดคนที่คุยกันมานานยังทำกันได้ขนาดนี้ แล้วคนอื่นหล่ะ แล้วผมหล่ะ


“ให้แค่ใจพี่ก็พอ พี่ขอแค่นี้นะครับ”


ประโยคหล่อๆที่ในชีวิตนี้ผมยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะพูด กลับออกจากปากผมด้วยความตั้งใจ ผมมั่นใจในทุกคำที่พูดไป และมั่นใจว่านอกจากเรื่องการปิดตัวเอง แผลในใจของน้องคงรวมไปถึงความสัมพันธ์ทางกาย ถ้าต้องเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ตอกย้ำบาดแผลนั้น ผมยอมโลกสวยด้วยมือเราตลอดไปก็ได้ ขอแค่น้องไม่ต้องร้องไห้ก็พอ



..ปาลิน..


ฝันร้ายของผมไม่ได้น่ากลัวเหมือนในหนังฆาตกรรม ไม่ได้มีเลือด หรือแม้แต่ภูติผีปีศาจ

ทั้งหมดที่ผมเห็นในฝัน มันก็แค่ตัวผมที่ยังเด็กกว่านี้

สวมชุดคลุมอาบน้ำที่เหมือนจะย้ำเตือนความใจง่ายและความโง่เขลาของตัวเอง

กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าบานประตูสีดำที่ผมพึ่งเคยสัมผัสเพียงครั้งเดียว

นอกจากเสียงร้องไห้ราวจะขาดใจของผมในวันวาน

อีกเสียงที่ผมเกือบลืมไปแล้วกลับดังย้ำๆซ้ำๆจนผมแทบบ้า

เสียงนั้นไม่ได้โกรธเกรี้ยวหรือด่าทอ แต่กลับเป็นน้ำเสียงใจดีที่บอกผมว่า

“เดี๋ยวพี่จะกลับมานะลิน”

แต่ผมคนในฝันที่โง่เง่ากับทุกเรื่อง กลับฉลาดที่จะรู้ว่า..

ต่อให้ร้องไห้แทบตาย..เขาก็ไม่มีวันกลับมา



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ฝันร้ายของน้องลิน เหมือนเป็นปมในใจ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกต่ำต้อยและดูถูกตัวเอง

ตอนนั้นน้องยังเด็กและยอมทุกอย่างเพื่อความรัก

น้องน่ารักน่าสงสารขนาดนี้ ต่อไปพี่ภูต้องรักและดูแลน้องให้มากๆนะรู้มั้ย

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่า แฮปปี้และช่วยเพิ่มกำลังใจได้มากเลย (´ ᴗ`✿)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 22-09-2017 08:06:36
โอ๋ ๆ น้า น้องลิน กอดปลอบ ๆ  :กอด1:
เข้าใจคำว่า ความรักที่ยังไม่ได้เริ่ม ของน้องลินแล้ว
ก็ไอ้รุ่นพี่นั่น มันไม่ได้รักน้องลิน เลวมาก ฮึ่ยย แค้น ๆ
แต่นี่ดีใจมาก ที่รุ่นพี่นั่น ไม่ได้กลับมา น้องลินเราจึงเสียแค่ใจที่ให้ไป
ซึ่งพี่ภูพร้อมมาก ที่จะรักษาแผลในใจน้องริน พี่ภูตอนนี้หล่อจริงจังอ่ะ 555
แต่แค่รักษาใจน้องไปก่อนนะ อย่างอื่นอย่าเพิ่ง โลกสวยด้วยมือเราไปก่อนเน้อ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2017 08:38:56
สักวันถ้าพี่ภูพิสูจน์ให้น้องเห็นว่าพี่รักน้องลินจริงพี่ภูคงไม่ได้โลกสวยด้วยมือเราอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-09-2017 13:29:14
เราคิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมาลิน แล้วเราจะใจง่ายเหมือนเดิมหรือเปล่า ไม่ได้ตำหนิอดีตที่ผ่านมา แค่กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม :ling3:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-09-2017 20:44:06
 o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-09-2017 22:37:03
พยายามเข้านะพี่ภู
รักน้องอย่าทำน้องเสียใจนะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๔ღ "ฝันร้ายของปาลิน" P.3 ☛21.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-09-2017 01:29:39
 :hao3: morning kaaa...ตื่นมาไม่เจอพี่ภูน้องลิน...หมดแรงไปทำงาน....  :ling2: รอค่ะ....  :mew1:
หัวข้อ: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 23-09-2017 18:57:33
❥・ใจดวงที่๑๕・❥



แคตตาล็อกของพี่ภู



..ปาลิน..


วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า คนอาสามาส่งก็มีเรียนเช้าไม่ต่างกัน ตอนนี้คนวอแวเลยยังตื๊อผมไม่หยุด


“นะลินนะ ดูต่อก่อน”


พี่ภูยังคะยั้นคะยอที่จะให้ผมดูสไลด์พรีเซนเทชั่นที่พี่เขาทำมาในไอแพดอยู่ดี ถึงผมจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม


“อีกยี่สิบนาทีจะเข้าเรียนแล้วนะครับ พี่ไปได้แล้ว”


ผมไล่คนหน้ามึน ที่ยังยัดเยียดแคตตาล็อกให้ผมไม่หยุด


“ลินเลือกมาอย่างน้อยคนนึงก่อนสิ นะๆๆ นะครับนะ”


ผู้ใหญ่ใจเด็กยังคงงอแงต่อไป คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองเราทั้งคู่ไม่หยุด ก็ตอนนี้พวกเรายืนกันอยู่ที่โถงกลางของอาคารเรียนรวม ซึ่งนักศึกษาหลายคณะต้องมาใช้ห้องเรียนที่มีอยู่มากมาย แบ่งออกเป็นหลายห้องและหลายขนาด โดยเฉพาะในเวลาเช้าแบบนี้ แต่เดือนมหาลัยใจอนุบาลตรงหน้า ก็ดูจะไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาสักนิด พี่เขายังคงโยเยจะให้ผมเลือกผู้หญิงและผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมให้ได้


“งั้นผมเลือกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ใช่มั้ย เอ เลือกคนสวยหรือคนหล่อดีนะ หรือทั้งคู่เลยดี”


พี่ภูมีสีหน้าคล้ายลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะทำท่าทางจริงจังจ้องตรงมาที่ผม


“ต่อให้หล่อกว่าพี่หรือสวยกว่านี้ ขอแค่ใจลินอยู่ที่พี่ พี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”


คนบ้าบอก็ยังคงเป็นคนบ้าบอ ประโยคเสียงดังฟังชัดเรียกเสียงครางฮือจากชาวเผือก ที่หลุดมาดเนียนแอบฟังผมกับเดือนมหาลัยปีสามคุยกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เห็นทีคราวนี้เพจเจ๊มินนี่คงได้แตกอีกรอบ หลังจากช่วงนี้หวิดระเบิดไปหลายที โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่มีการเอาโฆษณาสวนน้ำที่กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามไปลง จากนั้นชาวเผือกก็ทั้งแคปทั้งตัดต่อgifและวีดีโอมาหวีดคนตรงหน้าผมอยู่เป็นอาทิตย์ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงไปได้เลย


“งั้นผมเลือกคนนี้ก็ได้ พี่ภูไปได้แล้ว”


แน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่ต้องยกธงขาว เพราะทนความรบเร้าและสายตาอยากรู้อยากเห็นต่อไปไม่ไหว


“โห ลินอะ แล้วทำไมต้องเลือกคนที่หล่อที่สุดด้วยหล่ะ”


หื้ม ก็พี่เขาบอกเลือกใครก็ได้ ผมก็เลยชี้ส่งๆไปคนนึงก็เท่านั้น


“งั้นไม่เลือกซักคนก็ได้ครับ”


เป็นผมที่ยอมแพ้อีกรอบ แต่คนที่ทำแก้มพองก็ยิ่งพองแก้มให้น่าจิ้มกว่าเดิม ท่าทางแกล้งแอ๊บแบ๊วของเจ้าตัวนี่น่าตีน้อยเสียที่ไหนกันหล่ะ ผมเลยต้องยั้งมือไว้ เพราะมัวเล่นกันไปกันมา เดี๋ยวพี่ภูจะไม่ยอมไปเรียนสักที แล้วตึกที่พี่เขามีเรียนวันนี้ ก็ดันอยู่อีกฟากของอาคารเรียนรวมเลยก็ว่าได้


“โอเคครับ โอเค พี่ยอมแล้ว นี่เห็นว่าพี่หล่อกว่า ดีกว่า รักลินมากกว่าหรอกนะ พี่เลยยอม”


คนแกล้งงอนรีบเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างเอาใจ ส่วนผมก็แทบอยากจะมุดดิน หนีความหน้าไม่อายของคนอายุมากกว่าและความจอแจของประชากรเผือก ที่ดูจะเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว


“เห้ย ไอ้ภู”


เสียงของเพื่อนพี่ภูที่ผมจำได้จากตอนไปค่ายรักน้อง ดังขึ้นทางด้านหลังของเรา


“เออ ว่าไง”


พี่ภูทำหน้าเหนื่อยๆหันไปมองเพื่อนตัวเอง จนผมต้องพยายามกลั้นขำท่าปากพะงาบๆเหมือนจะด่าแต่ยังนึกคำไม่ออกของเพื่อนพี่เขา คนที่ชื่อพี่ปาล์ม


“ฮ่าๆๆ มึงนี่ก็แม่ง ทำไอ้ปาล์มไปไม่เป็นเลย”


คราวนี้เป็นพี่คนที่สูงพอๆกันกับพี่ภูพูดขึ้น พี่คนนี้ชื่อพี่จั๊ดเป็นแฟนพี่เท็นคนน่ารัก ที่ผมชอบมอง จุ๊ๆ อย่าบอกม่านแพงกับพี่ภูนะครับ ผมว่าพี่เค้าน่ารักและใจดีมากๆ พี่เท็นเคยเป็นพี่กลุ่มของผมตอนค่ายรับน้องก่อนเปิดเทอม ผมเลยประทับใจพี่เขาเป็นพิเศษ


“เออ ไอ้จั๊ด มึงดูมันสิ ติดแฟนจนลืมเพื่อน โต๊ะเต๊อะ เพื่อนเพิ่นอะไรไม่สนใจหรอก ไม่เคยไปหา”


พี่ปาล์มทำหน้าตาเรียกร้องความสงสารได้ตลกที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ต่างจากพี่จั๊ดเลยตอนนี้ มีแค่พี่ภูนี่แหละที่หน้าหงิกไปเรียบร้อยแล้ว


“หยุดเลยไอ้ปาล์ม มึงจะมาทำให้น้องหัวเราะขโมยหัวใจใครต่อใครแบบนี้ไม่ได้ กูหวงของกู กูจะเก็บไว้ดูคนเดียว”


ขนาดผมว่าช่วงนี้ฟังอะไรแบบนี้จากคนที่คอยแต่จะเนียนเอาเปรียบผมบ่อยๆ เอะอะก็พูดประโยคหวานๆ เอะอะก็หอมแก้ม จนผมนึกว่าตัวเองมีภูมิต้านทานและทักษะหลบหลีกที่พัฒนาขึ้นมากแล้วเสียอีก แต่ประโยคแกล้งงอแงเมื่อกี๊ก็ทำให้รู้ว่า ผมยังอ่อนหัดอยู่มากทีเดียว


“มึงนั่นแหละไอ้ภู น้องหน้าแดงหมดแล้ว น่ารักกว่าเดิมอีกนะมึง”


พี่จั๊ดหัวเราะไปพูดไป แต่ผมที่หน้าร้อน กลับถูกคนขี้หวงดันให้มายืนหลบมุมอยู่ข้างหลังพี่เขาเสียอย่างนั้น


“หู้ยยยย หมั่นไส้ ไอ้ขี้หวง อย่าให้กูเห็นมึงด่าไอ้จั๊ดเรื่องนี้อีกนะมึง กูจะด่ามึงให้หนักกว่ามันอีก”


“ฮ่าๆๆ เออใช่ มึงจำไว้เลยนะไอ้ภู แล้วนี่ยังไม่ได้เป็นแฟนน้องเค้าไม่ใช่หรือไง ถามเค้าแล้วหรอว่าหวงได้หรือเปล่า”


พวกพี่เขาล้อกันหนักมากจนผมทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะสายตาอ้อนๆกับปากเบะๆของพี่ภูที่หันมามองผมเหมือนน้องหมาเวลาอ้อนเจ้าของนั่นอีก


“ลินเห็นมั้ยอะ พี่เถียงพวกมันไม่ได้เลยเนี่ย ลินต้องช่วยพี่นะ บอกพวกมันไปเลยว่าลินตกลงเป็นแฟนพี่แล้ว”


คนเนียนทำหน้าบู้บี้จนไม่เหลือมาดเดือนมหาลัย เห็นทีวันนี้พี่เขาจะลบภาพซิกแพคตัวเองที่มีเต็มเพจเจ๊มินนี่ด้วยหน้างอแงนี่แหละ แค่คิดก็ขำแล้ว


“หน้ามึงอ้อนตีนมากอะไอ้ภู น้องปริญจัดให้มันซักข้างหน่อยเร็ว พี่อยากเห็นมันโดนตีนซักที”


พี่ปาล์มเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตผม เพราะถึงพี่ภูจะทำเหมือนพูดเล่น แต่สายตาพี่เขา บอกชัดเจนว่าคิดตามนั้นจริงๆ


“น้องต้องไปเรียนแล้ว พวกมึงอย่ามากวน”


“ละทีพวกกูเห็นมึงยืนกวนน้องเค้ามาตั้งนานนี่ไม่นับใช่มั้ย”


ผมยิ้มให้พี่ปาล์มอย่างห้ามไม่ได้ เลยได้อาการแก้มพองจากพี่ภูที่ยังไม่หันกลับไปหาเพื่อนตัวเอง


“มึงหนักมากอะไอ้ภู ละนี่ไม่คิดจะแนะนำตัวพวกกูอย่างเป็นทางการหรอวะ กูว่าที่เพื่อนแฟนน้องเค้าเลยนะเว่ย”


พี่จั๊ดยังคงพูดไปยิ้มไป


“โอ้โห มึงพูดเข้าหูกูก็วันนี้เลยไอ้จั๊ด ลินจ๋า นี่ไอ้พี่จั๊ด กับไอ้พี่ปาล์มนะ เพื่อนที่พี่จับฉลากได้มา”


โอ๊ยยย


ผมหัวเราะให้กับคำพูดของคนตรงหน้า ที่ยอมหลีกทางให้ผมยกมือไหว้เพื่อนพี่เขาทั้งสองคน ดูท่าพี่เขาจะสนิทกันมาก เพราะผมเห็นพี่ปาล์มฟาดหัวพี่ภูหลังจากพูดจบไม่เบานัก เล่นเอาคนโดนฟาดต้องยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเองทีเดียว


“พี่ชื่อปาล์มนะน้องปริญ อยากให้ลงไม้ลงมือกับไอ้ภู เรียกใช้บริการพี่ได้เสมอ”


“ได้เลยครับ ผมจะติดต่อพี่ปาล์มทันที”


“ลินอะ”


ผมรับมุกพี่ปาล์ม เลยโดนกุมมือไปแกว่งๆโดยจอมเรียกร้องความสนใจ


“สวัสดีครับน้องปริญ อยากรู้อะไรเรื่องไอ้ภูถามพวกพี่ได้เลยนะ พวกพี่จะเผามันให้เกรียมเลย”


พี่จั๊ดยิ้มให้ผม ทำให้ผมต้องกลั้นขำแล้วยิ้มตอบพี่เขา ก่อนจะเห็นพี่เขามองนาฬิกาตัวเอง แล้วเหลียวมองหาใครสักคน พอเห็นพี่เท็นเดินมาเท่านั่นหล่ะ ถึงได้รู้สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายหน้าดุ ผิวสีแทนและมีหุ่นแบบนักกีฬายิ้มหวานขนาดนี้


“มาพอดี สายเสมอเลยนะมึงไอ้ดื้อ”


คำพูดมึงกู แต่แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างปิดไม่มิด พี่เท็นก็ยิ้มจนตาหยีเห็นเหล็กดัดฟันแสนน่ารักส่งมาให้พี่จั๊ด ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจที่โดนมือหนาขยี้จนผมฟูเลยสักนิด


“อื้อ มาก็ดีเลย น้องเท็น นี่ปริญ ปาลิน ปีหนึ่งคณะเรา ว่าที่แฟนพี่เอง”


คนที่ยังไม่ปล่อยมือผม ชูมือที่ยังกุมอยู่ขึ้นมาให้พี่เท็นดู จนผมรู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆขึ้นมาอีกแล้ว


“คนที่ทำให้พี่ภูฟ้าต้องดมครีมหน่ะหรอครับ”


หื้ม? ดมครีม? ผมส่งสายตาสงสัยไปให้พี่ภู แต่พี่เขาหน้าแดงหลบตาผมไปแล้ว ส่วนพี่ๆคนอื่นๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะก๊าก จนพวกเราตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง หื้ม อะไรคือการดมครีมกันนะ ขนาดคนหน้ามึนอย่างพี่ภูยังเขินเลย มันจะเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่านะ


“ไม่ต้องไปล้อไอ้ภูมันเลยนะไอ้ดื้อ พูดแล้วก็อยากตบกระโหลกเพื่อนตัวเองอีกแล้วเนี่ย”


พี่จั๊ดยิ่งทำให้ผมอยากรู้ ว่าการดมครีมคืออะไร แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป เพราะถ้าพี่ภูอยากเล่าก็คงจะเล่าเอง


“พวกมึงนี่ก็พอเถ้อะ ความขี้หวงนี่ไม่ได้น้อยหน้ากันเล้ย แต่ตอนนี้กูอยากรู้ ว่าอีกแค่ห้านาที มึงจะไปเรียนทันยังไงห้ะไอ้ภู”


พี่ปาล์มทำให้ผมได้สติ ว่าคนที่พึ่งหายจากอาการหน้าแดง ต้องขับรถไปเรียนยังตึกอันไกลโพ้น


“พี่ภูไปได้แล้วครับ”


“โถ่ลินอะ ก็พี่ไม่อยากไปเรียนแล้ว พี่อยากอยู่กับลินนี่นา”


ผมแกล้งทำหน้าดุมองคนงอแงที่อยากโดดเรียนขึ้นมาเสียดื้อๆ


“เห้อ ไปก็ได้ครับ เจอกันตอนเที่ยงนะ อ้อเท็น พี่ฝากเรื่องน้องดิวหน่อยดิ สรุปว่าลินเลือกละ พี่อุตส่าห์เอาไปซ่อนไว้คนหลังๆนะเนี่ย”


ก่อนไปพี่ภูยังไม่วายฝากฝัง“แคตตาล็อกเพื่อน”ที่พี่เขาเตรียมการมาอย่างดี มีทั้งรูป ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา พื้นฐานครอบครัว ลักษณะนิสัยคร่าวๆ และบทวิเคราะห์ความเข้ากันได้กับผม นี่แหละครับสาเหตุที่พี่ภูตื๊อผมอยู่นานสองนาน ตั้งแต่เราทานข้าวเช้าที่คาเฟทีเรียกันแล้วด้วยซ้ำ


พรีเซนเทชั่นแคตตาล็อกที่ว่า มีรายชื่อทั้งหมดแค่สิบคนเท่านั้น แต่พี่ภูก็เปิดแล้วเล่าถึงแต่ละคนซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่ลืมที่จะคอมเมนท์และสรุปคะแนนเป็นเปอร์เซนต์ของแต่ละคนเพื่อบอกผมอีกต่างหาก สงสัยพี่เขาจะอาการหนักจริงๆ หมายถึงนิสัยเด็กๆเนี่ย ดูท่าจะกู่ไม่กลับแล้ว


“พี่เท็นไม่ต้องใส่ใจหรอกนะครับ พี่ภูพูดไปอย่างนั้นแหละ”


ผมหันมาบอกพี่เท็นทันทีที่พี่ภูโบกมือแล้วเดินลงอาคารไปแล้ว


“หื้อ ได้ไง เรื่องนี้พี่ภูเอาจริงนะปริญ เห็นพี่ภูไปไล่สืบหา อะไรนะพี่จั๊ด ที่พี่ภูบอก”


“กัลยาณมิตร”


“ฮ่าๆๆ เอ้อ นั่นแหละ พี่ภูจะหากัลยาณมิตรในคณะให้ปริญหน่ะ พี่เค้าคงกลัวปริญเหงา เพราะไม่มีเพื่อนสนิทอยู่คณะเดียวกัน”


พี่เท็นหัวเราะจนหน้าแดง เรียกสายตาเอ็นดูจากแฟนพี่เขาที่มองอยู่ในทันที คู่นี้น่ารักมากๆเลย ผมชอบเห็นพี่จั๊ดคอยดูแลพี่เท็นอยู่ตลอด ถึงแม้พี่แกจะมีท่าทางห่ามๆและลุคดุๆแบบนั้น แต่พออยู่กับพี่เท็น บรรยากาศรอบตัวพี่จั๊ดก็กลายเป็นสีพาสเทลขึ้นมาทันที


“ตามใจมันหน่อยเห้อน้องปริญ นี่พวกพี่ก็จะเป็นบ้า เพราะต้องคอยไปไล่สืบว่าใครนิสัยดี ไม่พูดมาก ไม่จู้จี้น่ารำคาญ ใจกว้าง ใจดี มีน้ำใจนักกีฬา โอ๊ยยย อีกเยอะ เอาเป็นว่าในสิบคนที่มันให้ปริญเลือกหน่ะ ช้างเผือกชัดๆ”


เป็นพี่ปาล์มที่ไขความกระจ่างให้กับผม ว่าข้อมูลที่พี่ภูรวบรวมมา พี่เขาตั้งใจไปสืบเสาะและต้องไหว้วานเพื่อนมากแค่ไหน บางทีความใส่ใจแบบแปลกๆของพี่เขา กลับทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันยิ่งใหญ่จนทำให้ใจผมอุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว


“แล้วไปไงมาไงถึงเลือกน้องรหัสไอ้ดื้อได้หล่ะ”


พี่จั๊ดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้กับผม


“ผมสุ่มมั่วหน่ะครับ”


ผมสารภาพออกไปตรงๆ


“ฮ่าๆๆๆ เออดีเนาะ ชี้มั่วๆยังได้คนที่หล่อที่สุดมาเลย นี่ไอ้ภูมันคิดตั้งหลายวันว่าจะใส่ชื่อน้องดิวน้องรหัสน้องเท็นมาเป็นตัวเลือกด้วยดีรึเปล่า”


ผมชอบที่พี่ปาล์มเป็นคนชอบเล่าชอบคุย จนทำให้คนที่ไม่ช่างถามอย่างผม ได้รู้เรื่องราวมากมายจากคนช่างเล่าอย่างเขา


“แล้วเขาจะยอมเป็นเพื่อนกับผมหรอครับ”


ผมจำเป็นต้องถามในสิ่งที่ผมยังไม่สบายใจเท่าไหร่นัก จริงอยู่ที่พี่ภูหวังดีอยากหาเพื่อนให้กับผม ตัวผมก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าพี่ภูต้องการแบบนั้น เพราะพอได้ฟังการคัดเลือกช้างเผือกที่ปาล์มเล่ามาแล้วนั้น ทั้งสิบคนนี้ก็คงจะนิสัยดีจริงๆ ติดอยู่ก็แต่จะกลายเป็นการมัดมือชกอีกฝ่ายเกินไปรึเปล่าเนี่ยสิ


“ไม่ต้องห่วงน่า ปริญน่ารักนิสัยดีขนาดนี้ ใครก็ต้องอยากเป็นเพื่อนด้วย”


พี่เท็นตบบ่าผมปุๆ ในขณะที่พี่จั๊ดก็มองตามมือแฟนพี่เขาเขม็งแต่ไม่ได้ว่าอะไร ผมเลยยิ้มให้กับทั้งคู่ รู้สึกว่าพี่ภูก็เป็นอีกคนที่โชคดีในเรื่องเพื่อน ซึ่งทำให้ผมเหมือนจะได้รับความใจดีจากเพื่อนพี่เขาตามไปด้วยเลย


“ฮัลโหลดิว อ้อ อาจารย์เข้าแล้วหรอ จริงดิ พอดีน้องปริญยังไม่มีที่นั่งหน่ะ อ่า ได้ๆ ขอบใจนะ”


เสียงคุยโทรศัพท์พี่เท็นเรียกสติให้ผมต้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เลยแปดโมงมาสามนาทีแล้ว แต่ตัวผมที่บอกให้พี่ภูห้ามเข้าห้องเรียนสาย กลับเป็นคนทำเสียเอง


“เอ่อ พี่ๆครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”


ผมยกมือไหว้พี่ปาล์ม พี่จั๊ดและพี่เท็น ก่อนจะขอตัวเข้าห้องเรียน ที่อยู่เยื้องไปทางฝั่งซ้ายของพวกเราเพียงเท่านั้น นึกเคืองตัวเองที่คุยเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าอาจารย์เดินเข้าห้องไปแล้ว ตามที่ได้ยินพี่เท็นคุยโทรศัพท์กับน้องรหัสของพี่เขา


“ปริญไปนั่งฝั่งขวานะ ดิวนั่งอยู่ริมๆเลยอะ มีที่นั่งว่างด้วย ลองทำความรู้จักกันดู”


ผมยิ้มให้ความใจดีของพวกพี่เขาอีกรอบ ไม่วายนึกถึงตัวการใหญ่ที่คงวางแผนจะให้ผมผูกมิตรกับเพื่อนแบบค่อยเป็นค่อยไป นึกดีใจที่พี่เขาไม่ได้บังคับอีกฝ่ายให้มาเป็นเพื่อนกับผม แค่ช่วยจัดการให้เราได้เริ่มต้นบทสนทนาระหว่างกันก็เท่านั้น


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีต่อจ้า >3<

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 23-09-2017 19:44:18
..ภูฟ้า..


เด็กจืดทำตามที่รับปากว่าจะให้โอกาสผม น้องยอมให้ผมไปรับไปส่งที่ตึกเรียน แถมบางวันยังอนุญาตให้ผมไปกินข้าวด้วยอีกต่างหาก วันไหนแจ็คพ็อต ก็ได้เจอกันทั้งเช้าสายบ่ายเย็น อย่าถามเลยว่าผมฟินแค่ไหน ใช้คำว่านิพพานดูจะอธิบายได้ถูกกว่า


“พี่ภู!!”


แน่นอนว่าที่ไหนมีปาลิน ที่นั่นต้องมีม่านแพงและแก้วตา และเสียงนี้จะเป็นเสียงใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ดาวมหาลัยคนโหด ฟังไม่ผิดหรอกครับ โหดมากๆด้วย แต่ละวันผมต้องคอยรองรับอารมณ์เธอในแต่ละเรื่อง แต่ทุกเรื่องล้วนเกี่ยวกับเด็กจืด ผมจึงก้มหน้าก้มตาให้เธอโขกสับด้วยความเต็มใจ


“พี่ภูต้องจัดการ “เพจแอนตี้ปาลิน” อะไรนี่เดี๋ยวนี้เลยนะ หนอย กล้าดียังไงมาแอนตี้ลินของฉัน อย่าให้รู้นะว่าเป็นอดีตแฟนคนไหนของพี่ ม่านจะตบไม่เลี้ยงเลยคอยดู”


“ไหน ขอดูหน่อย”


ผมรีบคว้าโทรศัพท์ของม่านแพงที่ยื่นมาตรงหน้า สิ่งที่เห็นจากหน้าจอ ทำให้ขีดความอดทนของผมขาดผึง ไม่ต่างจากดาวมหาลัยคนสวยที่กำลังโมโหจนน่ากลัว เพจบ้าๆนั่น เต็มไปด้วยรูปตัดต่อ เรื่องดราม่าใส่สีตีไข่ หรือแม้แต่ข้อความทุเรศๆที่พูดถึงเด็กจืดอย่างหยาบคาย แต่ละอย่างในนั้น ถ้าน้องได้เห็น คงบั่นทอนจิตใจเด็กจืดของผมไม่น้อย ไอ้คนสร้างเพจนั่น เห็นทีจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ซะแล้ว


“เดี๋ยวพี่จัดการเอง ม่านทำยังไงก็ได้ อย่าให้ลินเห็นก็พอ”


ผมบอกม่านแพงเสียงเครียด แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าทันที เมื่อเด็กตัวขาวที่ขโมยหัวใจของผม กำลังเดินกลับมาพร้อมจานผัดไทในมือ ผมมองแล้วก็ได้แต่ระบายยิ้มอ่อนๆส่งไปให้ คนน่ารักก็ยังเป็นคนน่ารัก คนที่น่าจะชอบกุ้งมาก แต่กลับไม่เคยทานกุ้งให้ผมเห็นสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่รู้ว่าน้องรู้สึกกับผมยังไง แต่ผมรู้สึกตกหลุมรักความใส่ใจเล็กๆน้อยๆของน้องจนถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งรู้จักยิ่งเห็นมุมน่ารักของน้องมากขึ้นเรื่อยๆ


“คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรอ เห็นหน้าเครียดเชียว”


เสียงแก้วตาที่กำลังนั่งลงข้างม่านแพง ทำให้ผมได้เห็นความสงสัยในดวงตาสีนิลของเด็กน้อยของผม ความจริงน้องก็อาจจะสงสัยไม่ต่างจากแก้วตา แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ช่างซักไซ้ และจะรอฟังเฉพาะเรื่องที่คนอื่นพร้อมจะเล่าเท่านั้น น้องเลยไม่ถามออกมา


“เรากำลังพนันกับพี่ภูหน่ะแก้ว ว่าลินจะยอมให้พี่ภูไปส่งที่บ้านสวนมั้ย”


ผมหูตั้งหางกระดิก เมื่อม่านแพงแปลงวิกฤตเป็นโอกาสเพื่อเปิดทางให้ผม ทำดีมากครับน้องม่าน พี่สัญญาเลย ว่าจะไม่บอกใครว่าน้องคือผู้หญิงอีกคนในโฆษณาสวนน้ำ ที่คนตามหากันจนตั้งเป็นชาเลนจ์ในเฟซบุ๊ค ส่วนผมที่หน้าโชว์หรา จนไม่ต้องเดาและไม่ต้องตามหา ก็ได้อานิสงค์นอกเหนือจากจำนวนเงินค่าขนมที่ทางกองถ่ายโอนมาไม่ต่างจากนักแสดงหลักอย่างคิตตี้ ก็คือการมีใบเบิกทางที่ใช้เข้าสู่วงการบันเทิง เอาไว้ใช้เวลาผมเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะทำต่อ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือกระแสของโฆษณาที่ฮิตเป็นไวรัลอยู่ในขณะนี้ ก็ช่วยดึงความสนใจของคนในมหาลัย ให้มัวสนใจแต่ผม แทนที่จะเป็นประเด็นรักๆเลิกๆของผม เด็กจืดและม่านแพง แต่ถึงจะดีใจ ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่จะต้องสะสางกับคนที่คิดร้ายกับเด็กจืดอยู่ดี ผมจะต้องทำให้แน่ใจ ว่าน้องจะไม่ระแคะระคายเรื่องนี้


“อ๋อ บ้านสวนของป้าปริญที่นนท์อะนะ ปริญจะกลับบ้านหรอ”


บ้านที่นนทบุรี น่าจะเป็นบ้านของป้า คนที่น้องมาอาศัยอยู่ด้วยตั้งแต่เรียนม.ปลาย ว่าแล้วก็อยากไปไหว้ฝากตัวเป็นว่าที่หลานเขยคุณป้าอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดที่ไม่รู้ว่าน้องจะโอเครึเปล่า ถ้าผมเข้าไปก้าวก่ายเรื่องในครอบครัว


“อื้ม ไม่ได้กลับนานแล้ว ป้าบ่นทุกครั้งที่โทรมาเลย”


เด็กน่ารักของผมหัวเราะน้อยๆ เล่าให้เพื่อนฟัง น้องหัวเราะได้น่ารัก จนผมไม่อยากเห็นน้องเศร้าอีกเลย ผมอยากให้น้องมีเพื่อนที่ไว้ใจได้ นอกเหนือจากม่านแพงและแก้วตาที่เรียนอยู่ต่างคณะ ส่วนคิตตี้ก็ต่างมหาลัยเลยด้วยซ้ำ จะได้เจอกันทีก็เสาร์อาทิตย์นู่นเลย


คณะผมเรียนยากครับ ผมหมายถึงถ้าคุณตั้งมาตรฐานการเรียนของคุณให้อยู่ในระดับดีถึงดีมาก เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง เด็กเก่งๆระดับเด็กทุนประเทศหรือทุนมหาลัยก็เยอะ แน่นอนว่าเด็กขยันอย่างเด็กจืดของผม ก็สมควรจะมีเพื่อนให้น้องพึ่งพาในด้านการเรียนหรือการปรับตัวในคณะได้ด้วย จึงเป็นที่มาของการหาเพื่อนให้น้อง ไม่รู้ว่าน้องดิวนั่นเอาจริงๆแล้วจะดีเหมือนเปลือกที่ผมอุตส่าห์คัดแล้วคัดอีกนี่รึเปล่า แต่อย่างน้อยผมว่าเรื่องความเข้ากันได้ก็ต้องให้น้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนตัวผมก็เป็นคนคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาให้น้องได้เลือกก็เท่านั้น


“ตัดใจเถอะพี่ภู ลินไม่ให้ไปส่งหรอก”


มัวแต่จ้องเด็กน่ารักและคิดอะไรเพลินๆ จนลืมล็อตเตอรี่ที่ดาวมหาลัยพึ่งเสี่ยงโชคให้หมาดๆ พอเธอชงซ้ำ ผมเลยรีบเรียกสติตัวเอง ก่อนจะหันไปทำหน้าอ้อนคนประกาศผลรางวัล ด้วยท่าทางเหมือนหมาอ้อนขอขนม สองมือของผมกำขึ้นเสมออก และไม่ลืมจะแลบลิ้น ส่งเสียงหอบหายใจเหมือนเจ้าวู้ดดี้ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่แม่ผมเลี้ยงไว้ น้องเลยได้ทีหัวเราะท่าทางของผมจนน้ำตาซึม แต่วินาทีนี้ขอบอกเลย ว่าต่อให้กระโดดลอดห่วงผมก็ทำได้ ถ้าจะทำให้น้องอารมณ์ดีขนาดนี้


“ให้พี่ไปนะครับนะ นะๆๆ พี่สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน”


ผมทำท่าอ้อนๆเอาหัวถูไถกับแขนน้องที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ พอได้ทีไม่มีใครว่า เลยยิ่งถูคนตัวหอมจนน้องหัวเราะเพราะจั๊กจี๋ ส่วนผมก็ฟินแบบเนียนๆครับงานนี้


“พอเลยๆ อิตาพี่ภู หน้าฟินเกิ๊น ไม่มีหมาที่ไหนเค้าคิดหื่นกับเจ้าของหรอกนะ”


เป็นน้องมารที่เข้ามาขัดขวางผมอีกแล้ว โถ่ คนเขาทำหน้าฟินไม่ใช่หน้าหื่นซักนิดเลยเหอะ


“อ้อ พี่ภูคะ เห็นเพจเจ๊มินนี่แทบแตก นี่พี่ภูก็ไปอ้อนลินแบบนี้ที่อาคารเรียนรวมใช่มั้ยคะเนี่ย”


สาวน้อยอารมณ์ดีอย่างแก้วตาเปลี่ยนจากการนั่งขำผม มาเป็นการตั้งคำถามที่ผมเกือบลืมนึกไปเลย หลังจากโฆษณาสวนน้ำออกฉาย แจ้งเตือนในเฟซบุ๊คผมก็แทบค้างเพราะมีแต่คนแสดงความสนใจกันไม่หยุด ดังนั้นผมเลยปิดการแจ้งเตือนเอาไว้


“พี่ยังไม่ได้ดูเลยอะ แป๊บนึงนะ”


ผมกลัวมีคนนิสัยไม่ดีใช้โอกาสนี้มาโจมตีน้องอีก เลยอดเครียดไม่ได้


“เหม็นความรักเว่อร์ หวานเกิ๊น”


ม่านแพงแขวะผม แต่ทำให้ผมรู้สึกเครียดน้อยลงได้บ้าง เพราะนั่นแปลว่าเธอได้อ่านเนื้อหาหรือดูรูปที่คงจะมีชาวเผือกส่งไปมากมายเต็มเพจนั่นแล้ว


“น่ารักมากอะ เห็นแล้วอยากสมัครเป็นFCภูฟ้าปาลินเลย”


ผมเห็นด้วยตามที่แก้วตาพูดทุกอย่าง เห็นทีว่าผมจะได้รูปหน้าจอโทรศัพท์รูปใหม่อีกแล้วสิ ฮิฮิฮิ


“แล้วก็ห้ามเอาไปตั้งเป็นภาพหน้าจอแล้วนะ”


คนรู้ทันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แหน๊ะ รู้ใจพี่ซะด้วย


“รู้ใจกันขนาดนี้ ต้องยอมเป็นแฟนพี่เลยนะ”


หยอดสิครับรออะไร


“ทานได้แล่ว!”


“แหน๊ะ เสียงสูงนะเราหน่ะ แล้วว่าแต่เพื่อนใหม่เราไปไหน”


ไอ้จั๊ดโทรมารายงานว่าจัดการให้เด็กจืดไปนั่งข้างน้องหล่อน้องรหัสน้องเท็นเรียบร้อยแล้ว เหอะ แต่หล่อน้อยกว่าผมเถอะ มาดตี๋ๆ เด็กเรียน ใส่แว่นแบบนั้น ปาลินของผมไม่ชอบหรอกเนอะ


“กลับบ้านที่สระบุรีครับ พ่อมารับ”


น้องดิวนี่เข้าคอนเซปท์เด็กอนามัย นิสัยดี นอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ถึงจะหล่อแต่ไม่ได้ใช้ความหล่อให้เป็นประโยชน์สักนิด ชีวิตนี่ขาวบริสุทธิ์แนวเดียวกับเด็กจืดเลย อีกนิดเดียวคือพร้อมออกบวชแน่ๆ และสิ่งที่ทำให้ผมตัดน้องมันออกจากทำเนียบเพื่อนของเด็กจืดไม่ลง เพราะน้องมันเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือเพื่อน โดยเฉพาะช่วงสอบ น้องมันเลยเป็นที่รู้จักและที่รักของเพื่อนที่เรียนอ่อนทุกคน


“เพื่อนใหม่?”


“อื้อ วันนี้เราทำความรู้จักกับเพื่อนที่คณะ ชื่อว่าดิว นิสัยดีเลยนะม่าน”


เด็กจืดยิ้มหวานจนเห็นฝัน ส่งไปให้ม่านแพง


“โอ้ มาย ก็อด!! ลินยอมคบเพื่อนใหม่ เดี๋ยวนะ แป๊บนึง ขอโทรไปบอกคิตตี้ก่อน รายนั้นต้องดีใจจนร้องไห้แน่ๆ”


ม่านแพงตกใจเบอร์ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของผม เพราะเธอเป็นคนบอกกับผมเองว่า เพราะเรื่องเก่าๆทำให้ปาลินปิดตัว ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงเรื่องเพื่อนด้วย ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อตอนเรียนม.ปลาย ม่านแพงกับคิตตี้แค่สองคนก็ดูจะเพียงพอแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้รั้วมหาลัยที่กว้างใหญ่ การเปิดใจก็เป็นสิ่งสำคัญ คนเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว และน้องก็เช่นกัน น้องไม่จำเป็นต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้น้องมีผมและใครอีกหลายคนที่พร้อมจะประคับประคองความสุขในทุกวันของน้องเอง


“ให้พี่ไปส่งบ้านป้านะครับ”


พอม่านแพงลุกออกไปคุยโทรศัพท์ ผมจึงหันไปถามน้องอีกรอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แท็กซี่เดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ


“พี่ภูไม่มีธุระที่ไหนหรอครับ”


ตามจริงผมก็ควรจะไปVela แต่คิดไปคิดมาไปกับน้องดีกว่าแน่นอนอยู่แล้ว


“มีไปส่งว่าที่แฟนครับ แต่รอเค้าอนุญาตอยู่”


แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าน้องตั้งสองวัน ใจของผมก็เหี่ยวเป็นลูกโป่งขาดลมไปเลย


“ก็ได้ครับๆ แต่ป้าผมดุนะ โดนดุแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”


คนตัวขาวไม่วายขู่จนผมแอบเกร็งเลยทีนี้ โถ่ น้องครับ




เราใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะมาถึงบ้านป้าน้อง ที่อยู่ถัดเข้ามาในเขตจังหวัดนนทบุรี แน่นอนว่าวันศุกร์แห่งชาติรถย่อมติดเป็นธรรมดา แต่ที่ดูจะทำให้การจราจรเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน ก็เห็นจะเป็นฝนที่ตกหนักเสียจนรถผมแทบกลายร่างเป็นเรือ ดีนะที่น้องยอมให้ผมมาส่ง ตอนนี้คนตัวขาวเลยดำดิ่งกับห้วงความฝันไปเป็นที่เรียบร้อยร้อย


“ขอให้เป็นฝันดีนะครับ”


ผมก้มจูบหน้าผากเนียนที่แสนรักใคร่ ยิ้มให้กับคนใจดีที่ยอมวางใจในหมาป่าเขี้ยวกุดอย่างผมแล้ว เห็นได้จากที่ฝนตกดังขนาดนี้แต่น้องก็ยังหลับปุ๋ยอย่างน่ารัก จนผมได้รูปหน้าจอโทรศัพท์รูปใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ระหว่างที่น้องหลับและรถก็ดูจะคืบคลานอย่างกระดึ๊บๆ ผมเลยจัดการทักแชทเฟซบุ๊คของเพจ“มินนี่สสสสส์..มีเผือก”ทันที และแน่นอนว่าคนที่ตอบผมก็คือมินนี่ที่พึ่งตั้งฉายาให้ผมเป็นผัวมหาชน จากภาพซิกแพคที่แคปมาจากโฆษณาความยาวไม่ถึงนาที


ผมต้องการให้มินนี่ช่วยทำให้คนเข้าใจน้องในทางที่ถูกต้อง อยากให้ทุกคนได้รู้ ว่าเป็นผมเองที่ตามจีบและขอความรักจากปาลิน โชคดีที่มินนี่ที่ใครหลายคนรู้จักกับมินนี่ที่ผมรู้จัก ดูจะแตกต่างกันไม่น้อย ผมมีโอกาสรู้จักกับมินนี่ตอนรับน้องรวมของมหาลัยตอนปีหนึ่ง แน่นอนว่าตอนนั้นเธอยังไม่ได้เป็นตัวแม่ในแวดวงกอสซิปของมหาลัย และในสายตาผมเธอเป็นคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เธออยากเป็นนักข่าวบันเทิง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดเพจนี้ขึ้นมา หลังจากผมบรรยายความต้องการของตัวเองให้มินนี่ฟังหนึ่งย่อหน้าใหญ่ๆ มินนี่ในโหมดเคร่งขรึมกลับถามผมมาแค่ว่า


“คนนี้จริงจังหรอ”


ผมจึงตอบเธอไปด้วยประโยคคำถามสั้นๆไม่ต่างกัน


“แล้วมินนี่เคยเห็นเราทำให้ใครขนาดนี้รึเปล่า”




“พี่ภูเลี้ยวซ้ายแยกหน้า”


“พี่ภูอยากทานอะไรมั้ย”


“พี่ภูมองเห็นทางมั้ย”


“พี่ภูเมื่อยรึเปล่า”


คนที่พึ่งตื่นไม่นาน เลยยังลืมตัวพูดจาน่ารัก พี่ภูอย่างนั้น พี่ภูอย่างนี้ และคำลงท้ายประโยคแสนสุภาพก็หายไปด้วย ผมชอบเวลาน้องพูดแบบนี้ เพราะมันช่วยลดความห่างเหินจนใจผมแทบระเบิด แต่จะทักไม่ได้เลย เดี๋ยวคนมีกำแพงใหญ่โต จะโบกอิฐฉาบปูน กันไม่ให้ผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม


“จอดทำไมครับ”


นั่นไง เลยเวลาแฮปปี้ไทม์ของผมแล้ว


“ซื้อขนมฝากคุณป้าครับ”


ผมยิ้มเอาใจคนพึ่งตื่น


“คุณป้าชอบทานขนมอะไร ลงไปช่วยพี่เลือกหน่อยเร็วคุณเด็ก”


คุณเด็กที่ผมเรียกทำแก้มพองอย่างน่ารัก เห้อ ทำไมเวลาผมเอาไปทำตามไม่เห็นจะน่ารักแบบนี้เลยเนี่ย


ฟอดดดด


“ชื่นใจจัง”


ผมยิ้มล้อคนที่หลบไม่ทันอย่างทุกที เดี๋ยวนี้ชักจะเก่งใหญ่แล้ว รู้หมดว่าผมจะขโมยหอมแก้มตอนไหน


เปี๊ยะ


และมือหนักด้วย เอะอะตี เอะอะต่อย ผมแทบช้ำไปทั้งตัวแล้วครับเดี๋ยวนี้


“ลงไปเลยครับ”


ตีนะ แต่ลงท้ายว่าครับ แหนะ มีส่งสายตาดุๆมาอีก ผมเลยต้องรีบหุบยิ้มแล้วตามคนเขินแล้วใช้ความรุนแรง เข้าไปในร้านขนมไทยเจ้าดัง


เราได้ขนมไทยมาให้คุณป้าหลายอย่าง ทั้งจ่ามงกุฎ ช่อม่วง สาคูไส้หมูและลูกชุบ ซึ่งคุณป้าก็แสนจะใจดี ชมความอร่อยและขอบใจผมไม่ขาดปาก ตรงกันข้ามกับที่เด็กจืดเคยแกล้งขู่ผมไว้อย่างสิ้นเชิง


ป้านางเป็นพี่สาวคนเดียวของพ่อเด็กจืด ป้าแกเป็นคนธรรมะธัมโม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนหัวสมัยใหม่ทีเดียว อาจจะเพราะป้านางเรียนจบในระดับปริญญาทั้งตรี โทและเอกจากต่างประเทศ แกจึงค่อนข้างเปิดรับกับผมที่ไม่เคยปิดบังสายตารักใคร่ที่ใช้มองเด็กจืดได้เลย แกแซวว่าสงสัยพ่อเด็กจืดจะได้ลูกเขย ถึงแม้ว่าน้องจะเป็นลูกคนเดียวของที่บ้านก็ตาม


ป้านางเป็นคนคุยสนุก แกเล่าเรื่องต่างๆมากมายระหว่างทานอาหารด้วยกัน โดยมีผมเป็นคนซักถาม และน้องคอยยิ้มและหัวเราะน้อยๆ เวลาได้ฟังเรื่องที่ตลกหรือขบขันถูกใจเจ้าตัว


“ภูจริงจังกับน้องมั้ยลูก”


ป้ายิ้มให้กับผมขณะที่เราออกมานั่งรับลมที่ชานบ้าน ขณะที่น้องกำลังปอกผลไม้ช่วยป้าแม่บ้านอยู่ในห้องครัว


“ผมรักน้องมากครับป้า และผมจริงจังกับน้องจริงๆ”


ผมยิ้มตอบป้านาง ที่จ้องตากับผมแค่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่แกจะทอดสายตาไปยังภาพบรรยากาศเบื้องหน้า ที่พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับขอบฟ้า


สุดลูกหูลูกตาของบ้านหลังนี้ มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความเขียวชะอุ่ม ภาพร่องสวนที่ทอดตัวเป็นแนวยาว ซึ่งมีทั้งทุเรียนพันธุ์ก้านยาว มังคุด กระท้อน มะปรางและชมพู่มะเหมี่ยวถูกปลูกเป็นแนวคั่นด้วยร่องน้ำ ที่น้ำถูกผันเข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ป้านางไม่ใช่ชาวสวน แกบอกผมว่าแกเป็นเพียงมือสมัครเล่น ที่เน้นจ้างชาวบ้านมาปลูกให้ เนื่องจากป้านางเป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่ในกระทรวง แน่นอนว่างานประจำของแก คงทำให้ไม่สามารถปลีกตัวมาเป็นชาวสวนได้เต็มเวลา


“ความรักหน่ะ มันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากนะภู”


ป้าบอกกับผม หลังจากที่เรานั่งซึมซับภาพพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน โดยต่างคนต่างจมจ่อมอยู่กับภาพแสงสีทองตรงหน้าและความคิดตัวเอง ก่อนที่ป้านางจะเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นก่อน


“ผมพึ่งรู้จักกับความรักครับป้า”


ผมสารภาพกับป้าออกไปตรงๆ


“แต่น้องเคยรู้จักแล้วนะ แต่มันจบไม่ดีนัก ภูรู้ใช่มั้ยลูก”


ป้าหันมามองผมด้วยสายตาเอ็นดู


“ครับ ผมรู้”


“มันก็นานมากแล้วหล่ะนะ แต่ป้าว่าสิ่งที่ติดอยู่ในใจปริญตอนนี้ไม่ใช่ความรักหรอก แต่คือการโทษและไม่ยอมให้อภัยตัวเองมากกว่า”


ผมพึ่งรู้จักน้องได้ไม่นาน ผมจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอะไรคือสิ่งที่น้องกลัวกันแน่ “ความรัก”หรือ“การโทษตัวเอง” แต่ผมก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง


“ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ผมก็หวังว่าจะเอาชนะมันได้ครับ”


ผมบอกป้านาง ที่ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา


“ป้าก็เคยผิดหวังกับความรัก จนเลือกที่จะเป็นโสดอย่างในตอนนี้ ถึงแม้จะมีความสุขดี แต่ป้าก็หวังจะเห็นปริญมีใครสักคนเคียงข้าง มันคงจะดีกว่า ถ้าเราสามารถแบ่งปันทุกข์สุขของเราให้ใครซักคนได้ฟัง สำหรับป้าแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหน ความรักก็คือความรัก”


ป้ามองสบตากับผม ก่อนจะเผยรอยยิ้มใจดีที่ช่วยแบ่งปันความกล้าให้กับใจผมได้อย่างมากมาย


“ขอให้ภูชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอยู่เสมอนะลูก ป้าเชื่อว่าอีกไม่นาน น้องก็จะเห็นเหมือนกับที่ป้าเห็น”


ผมประนมมือไหว้ป้านางด้วยใจเป็นสุข วันนี้ป้านางอาจจะเป็นผู้ใหญ่แค่คนเดียวที่ยอมรับเรื่องราวความรักที่ผมมีให้น้องอย่างไร้ข้อกังขาหรืออคติ แต่ผมเชื่อว่าวันข้างหน้า ผมจะทำให้ทั้งน้องและคนอื่นๆ ได้รู้ว่าความรักของผม ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าความรักแบบหญิงชายเลยแม้แต่น้อย






“ไม่อยากกลับเลย”


ผมเริ่มงอแงเพราะได้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว หลังจากที่ผมทั้งทานมื้อเย็น ขนมไทยและตามด้วยผลไม้ จนเวลาล่วงเลยมาจนสองทุ่มแล้ว


“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่ภูขโมยป้านาง”


น้องยิ้มขำกับการแซวของตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอก ว่าผมรู้สึกอบอุ่นและเหมือนได้เป็นลูกหลานคนหนึ่งของป้านาง ทั้งๆที่พึ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง


“ไม่ขโมยป้านางหรอก อยากจะขโมยหลานป้านางต่างหาก”


ผมรีบทำคะแนน ก่อนจะไม่ได้ทำไปอีกตั้งสองวัน


“กลับไปเลย สงสัยคำพูดพี่จะน้ำเน่า เนี่ย ยุงชุมเลย”


น่าตีจริงเชียว ทะเล้นตาใสใหญ่แล้ว ดูท่ายิ้มทั้งปากทั้งตานั่นสิ


ฟอดดด


เป็นไงหล่ะ คนที่โม้เจื้อยแจ้วเงียบไปแล้วในตอนนี้


“เดี๋ยวก็ฟ้องป้าเลย คนนิสัยไม่ดี”


น้องคาดโทษผม ทั้งๆที่เราเดินออกมายังหน้าบ้านแล้ว


“เดินกลับไปฟ้องเลย พี่ไม่กลัวหรอก ป้ายกลินให้พี่แล้วเหอะ”


ฟอดดดด


ผมทำหน้าทะเล้นเลียนแบบน้อง แล้วขโมยหอมแก้มนุ่มอีกรอบ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถหนีหมัดคนขี้เขินที่ส่งมา ไม่ลืมที่จะเปิดกระจกและส่งจูบให้ด้วย เรียกหน้างุ้ยๆให้เห็นได้ชัดถึงแม้จะมองผ่านกระจกมองหลังก็ตาม น่ารักชะมัด เด็กจืดของผม


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ลงพี่ภูน้องลินนะคะ /เอาหัวโขกพื้น

เมื่อวานตัดสินใจว่าจะแต่งเพิ่ม เพราะเหลือสต็อคไว้แค่2ตอน

ถ้าลงก็จะกลายเป็นจบห้วนเกินไป เลยหายไปแต่งเพิ่มมาค่ะ

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ขอชดเชยด้วยตอน๑๕ยาวๆเนาะ (≚ᄌ≚)ℒℴѵℯ❤
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-09-2017 19:55:03
 :mew1: ได้ยินว่าแต่เพื่มก็  :heaven ไม่อยากให้จบเลย..พีภูเดือนมหาลัยใจอนุบาลกำลังลุยแบบน่ารักส่วนน้องลินก็กำลังรับแบบน่าหยิก...จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากจะขอว่าอยากอ่านnc ของคู่นี้จัง  :hao3: อย่ารู่ว่าจะน่ารักแค่ไหน..  :hao7:  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-09-2017 21:24:54
โถถถ ก็นึกว่าแคตตาล็อคอะไร พี่ภูน่ารักเสียจริงมีความเป็นห่วง
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-09-2017 22:06:45
ทุ่มทุนมากพี่ภู
ปล. เดือนนี้ยังเดือน 9 อยู่นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 23-09-2017 22:09:42
อ่านไปก็สงสัยไป ว่าพี่ภูคะยั้นคะยอให้น้องเลือกใคร เลือกทำไม โห
พี่ภู สุดยอดเลย ใส่ใจทุกรายละเอียดของน้อง ว่าที่แฟนน่ารักมากกกก
หวังว่าดิวจะเป็นเพื่อนที่ดีของน้องลินได้ สงสารน้อง คงเหงาน่าดู
ว่าแต่ ไอ้เพจแอนตี้ปาลินนี่ มาจากไหน น่าโมโหจริง  ๆ   :m16:
น้องลินแสนดีน่ารักขนาดนี้ ยังเกลียดกันได้ลงนี่มันแย่จริง ๆ
พี่ภูจัดการด่วน ๆ อย่าให้น้องได้เห็นเพจเชียวนะ T^T
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-09-2017 11:08:06
สนุกเกินไปแล้วเรื่องนี้
ชอบที่ตัวละครในเรื่องนี้มีแต่คนดีๆ เข้าใจคนอื่น ยกเว้นไอรุ่นพี่เลวตอนมอปลายคนนั้น
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๕ღ "แคตตาล็อกของพี่ภู" P.3 ☛23.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-09-2017 19:06:35
พี่ภูตอนแรกๆนี่คือหมาป่าล่าเนื้อชัดๆ ทั้งเจนจัด เจ้าแผนการ แถมทำตัวดุๆกับน้องด้วย
แต่พอรู้ว่าชอบลินเท่านั้นล่ะ นางก้อกลายร่างเปนโกลเด้นรีทีฟเวอร์ทันที ชอบบบบบบบบ
รออ่านตอนต่อไปจร้า ^^
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 24-09-2017 19:54:56
❥・ใจดวงที่๑๖・❥



วันที่เธอไม่อยู่



..ปาลิน..



เสียงซุบซิบนินทาเรื่องผม ม่านแพง และพี่ภูฟ้ายังมีมาให้ได้ยินเป็นระยะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำใจให้ชินได้ เพราะไม่ว่าจะเรื่องไหน ก็มีชื่อผมเข้าไปเอี่ยวเสมอ


หลายต่อหลายคนฟันธงเอาเอง ว่าผมกับม่านแพงต้องเลิกกันอย่างสิ้นเยื่อขาดใย โดยมีพี่ภูฟ้าเป็นมือที่สาม บางคนก็มั่นใจว่าผมกำลังจับปลาสองมือจนทำให้เกิดรักสามเศร้า คนที่ชอบผมกับม่านแพง ก็โจมตีพี่ภู ส่วนคนที่ชอบพี่ภูหรือม่านแพง ก็ร่วมมือกันโจมตีผม มีคอมเมนท์มากมายทั้งในเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม ในเพจเจ๊มินนี่ หรือแม้กระทั้งคนที่กล้าออกความเห็นตรงๆต่อหน้าผม


ปัญหาดูจะหนักหนากว่าที่ผมคิด แต่ในขณะเดียวกันก็เบาบางกว่าที่ผมคาด ม่านแพงกับพี่ภูดูจะร่วมมือกันเพื่อกันผมออกจากทุกปัญหา ดาวมหาลัยคนสวยอัพเฟซบุ๊คยาวเหยียดเพื่ออธิบายว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นในรูปแบบเพื่อนมานานแล้ว และเราทั้งคู่สบายใจที่จะเป็นแบบนั้น ไม่ได้โกหกเรื่องที่เราเลิกกันตอนไหน แต่เลือกจะบอกว่าผมยังเป็นเพื่อนคนสำคัญที่เธอแคร์ที่สุด เรายังทำทุกอย่างด้วยกันเหมือนวันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ จนทำให้พวกที่คิดว่าเราเสแสร้ง ยังต้องยอมเงียบเพื่อหาหลักฐานว่าเราจบกันไม่สวยมายืนยัน แต่มันจะไปมีได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อเราต่างยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันเสมอ


นอกจากม่านแพง คนที่ป่าวประกาศว่าจะจีบผมก็ไม่รู้ทำอิท่าไหน ถึงบังคับให้เจ๊มินนี่เขียนอวยผมกับเขาได้ทุกวี่ทุกวัน อารมณ์เหมือนการสะกดจิตหมู่โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ มีคนไม่น้อยที่เปลี่ยนจากแอนตี้มาเป็นFC เพียงแค่เจ๊มินนี่ขยันเขียนโมเมนท์เซอร์วิสแฟนๆหรือเหล่าสาววายทั้งหลายให้ได้จิ้นกันเรื่อยๆ แล้วไหนจะการที่เดือนมหาลัยปีสาม ขยันมาทานมื้อเที่ยงกับพวกผมบ่อยๆ จนเรียกได้ว่าแทบจะทุกวัน นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วไปเกิดเป็นความเคยชินเวลาเห็นทั้งผม ม่านแพง และพี่ภูฟ้าอยู่ด้วยกัน นานเข้าๆจึงเงียบไปเพราะยังไม่มีประเด็นให้ขุดคุ้ยต่อ


แต่ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดมาก อาจจะเพราะคนที่ขอโอกาสเริ่มทำตัวไม่สมควรที่จะได้รับโอกาส เรื่องความเจ้าชู้ไม่ได้มีมาเข้าหูอีกนับตั้งแต่วันที่เขาประกาศว่าจะขอจีบ ม่านแพงกับแก้วตาก็ดูจะเป็นหูเป็นตา คอยสอดส่องพฤติกรรมมารายงาน โดยที่ผมคิดว่า บางทีมันอาจจะมากเกินกว่าที่ผมควรจะรับรู้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ทักท้วงไป เพราะเข้าใจถึงความหวังดีของทั้งคู่


ผมยังนึกขอบคุณด้วยซ้ำที่แก้วตาไม่โกรธ เมื่อพวกผมสารภาพเรื่องระหว่างผมกับม่านแพงออกไป เธอทำแค่เพียงยิ้มกว้างและบอกว่า“ขอบคุณนะที่เลือกจะเล่าให้ฟัง” ความใจดีของแก้วตายิ่งทำให้ผมและม่านแพงรู้สึกผิด เราสองคนเลยสัญญากันว่า ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องปิดบังแก้วตาอีก ถึงแม้พวกเราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงเทอม แต่แก้วตาก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าเธอคือเพื่อนที่เชื่อใจได้ และพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังพวกเราด้วยความเต็มใจ พวกผมจึงชวนแก้วตาไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เรียกได้ว่าตอนนี้คิตตี้เลยได้คนคอยสอดแนมม่านแพงคนใหม่ แทนผมที่ชอบโดนเธอบ่นว่าขาดเรดาร์ในการทำงานไปโดยปริยาย


ส่วนดิวที่ผมเริ่มทำความรู้จักกันมาได้สักระยะ ก็เป็นคนนิสัยดีอย่างที่เคยมีคนให้คำนิยามว่าช้างเผือกไว้จริงๆ ดิวเป็นคนมีนิสัยง่ายๆ แต่นั่นก็นับว่าเป็นข้อเสียอยู่ไม่น้อย เพราะมันทำให้เขา ชอบถูกเอาเปรียบจากเพื่อน ประเภทที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์ สำหรับผม ดิวดูน่าสงสารมากกว่าที่ควรจะอิจฉาที่มีเพื่อนมากมาย ดังนั้นผมจึงคิดทำการใหญ่ โดยมีม่านแพงและแก้วตาคอยเป็นฝ่ายสนับสนุน ผมเริ่มกันดิวออกมาจากคนเหล่านั้น และหันมาใช้เวลากับพวกผมให้มากขึ้น ผมคิดเอาเองว่าดิวก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาก เพราะสิ่งเดียวที่ผมและดิวต้องการไม่ต่างกัน คือ การยอมรับในตัวตนของกันและกัน


หลังจากไปค้างที่บ้านป้าคราวก่อน นี่ก็เป็นเวลาสามอาทิตย์แล้ว และแน่นอนว่าฤดูกาลสอบปลายภาคกำลังใกล้เข้ามา ผมจึงเลือกที่จะไปค้างที่นั่นอีกในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนที่ผมจะเริ่มยุ่งกับการเตรียมตัวสอบจนไม่ได้กลับไป ป้าผมเป็นคนใจดีและคอยสนับสนุนผมในทุกเรื่อง ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะเล่าทุกอย่างให้ป้าฟัง ยกเว้นเรื่องที่ตลอดทั้งสัปดาห์ คนที่ป้ามักเรียกตามผมว่า“พี่ภู”ได้หายหน้าไป


การหายไปของคนที่เคยมาก่อกวนทำให้ผมนึกแปลกใจกับพฤติกรรมคนรอบข้าง ม่านแพงกับแก้วตาเลิกเล่าถึงเรื่องต่างๆของพี่ภูโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ นั่นก็คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าพี่เขาหายไปไหน แม้แต่พี่ปาล์มพี่จั๊ด เพื่อนสนิทที่พี่ภูพึ่งแนะนำให้ผมรู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ยังมาถามหาพี่เขากับผม พอผมไม่สามารถให้คำตอบได้ พวกพี่เขาก็มีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่าพี่ภูหายไปไหน มีเพียงพี่จั๊ดที่โทรกลับมาบอกผมว่า พี่ภูอยู่ที่บ้าน แต่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปหา พี่เขาเลยยังไม่ได้คุยกับพี่ภู พี่จั๊ดบอกผมให้ใจเย็นๆ ผมก็เพียงแต่รับปาก ถึงแม้จะอยากบอกพี่เขาว่า ใจผมเย็นจนแทบเป็นน้ำแข็งแล้ว มันทั้งหดเกร็งและชาหนึบ จนหลายครั้งที่ผมต้องยกมือเพื่อทาบไว้ที่กลางอก เพราะกลัวว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ


มื้อเที่ยงก็ผ่านไปง่ายๆโดยไร้วี่แววใครคนนั้น การติดต่อทุกช่องทางของเราดูจะสงบนิ่งมาตลอดตั้งแต่เขาหายไป มีเพียงผู้หญิงหลายคนของเขา ที่ยังพยายามแสดงตัวกับผมไม่เลิก ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งของขวัญหรือหลักฐานต่างๆ ที่เดือนมหาลัยปีสามเคยทำให้ หรืออาจจะยังทำอยู่ ผมก็ไม่อาจรู้ได้


แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเธอไม่ได้บอกผม ก็คือคนที่พวกเธอกำลังทวงสิทธิ์ในตัวอยู่นี้ ตัวเขาหายไปไหน ผมไม่ได้ติดต่อไป เพราะไม่รู้จะถามอะไร “ทำไมถึงหายไป” เป็นประโยคที่ผมแค่คิด แต่เมื่อขาดการติดต่อกลับมา ผมก็เริ่มเข้าใจ ว่าผมก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น ดื้อรั้นและจมอยู่กับคนที่ไม่เคยเป็นของเรา นึกโกรธตัวเองที่ปล่อยให้คนใจร้าย มีอิทธิพลกับใจผมอีกแล้ว ไม่รู้จักจำ


“ลิน”


“ลิน!”


“ปาลิน!!”


ผมตกใจกับเสียงของม่านแพงจนเผลอทำช้อนหล่น ช่วงนี้ผมซุ่มซ่ามไปหน่อย ก็รู้ตัวนะ แต่ยังแก้ไม่หาย


“โถ่ลิน นั่งหงอยใจลอยไปไหนแล้วเนี่ย”


“อ่า โทษทีนะม่าน ม่านว่ายังไงนะ”


ผมเก็บช้อนขึ้นมาโดยไม่คิดที่จะขอคันใหม่ ไหนๆก็ไม่หิวอยู่แล้ว ฝืนทานไปก็คงเปล่าประโยชน์


“ลินโอเคมั้ย”


“อ้อ โอเค แค่เหนื่อยนิดหน่อย”


ม่านแพงมองผมอยู่สักพัก แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด ลูบหัวเบาๆแบบที่ผมชอบ


“ไม่โอเคขนาดนี้ทำไมยังฝืนอยู่หล่ะ”


“เราโอเค”


“แล้วร้องไห้ทำไม”


ผมก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้ำตาไหลออกมา พึ่งรู้ก็ตอนที่ม่านแพงทักนี่แหละ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกมากนัก ม่านแพงมักจะเรียกผมว่า“พวกชอบเก็บความรู้สึก” แต่ตั้งแต่รู้จักกับคนที่ผมไม่รู้ว่าหายไปไหน ผมกลับร้องไห้ต่อหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง นี่ผมอ่อนแอขนาดนี้เลยหรืออย่างไรนะ


“ดีใจจังที่ลินร้องไห้ออกมา”


ม่านแพงยังกอดผมไว้เหมือนเดิม ตอนนี้เรากำลังทานอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ร้านโปรดของม่านแพง เราเลือกนั่งกันในห้องซึ่งจัดสรรไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกล้าเผยด้านอ่อนแอออกมา


“ลินรู้มั้ย ตั้งแต่รู้จักกันมาสี่ปี ลินยังไม่เคยร้องไห้ให้ม่านเห็นเลย ขนาดเรื่องพี่พอร์ช ลินก็ไม่เคยร้อง ม่านรู้ว่าลินรู้สึกแย่แค่ไหน แต่ลินก็ไม่เคยแชร์มันออกมาเลยซักครั้ง วันนี้ม่านอาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ก็ยังอยากบอกให้ลินได้รู้ ว่าม่านหน่ะ ดีใจมากๆเลยนะ ที่ลินยอมร้องไห้กับม่าน ขอบคุณนะลิน ที่ยอมให้ม่านเห็นมุมนี้ของลิน”


ผมกอดม่านแพงให้แน่นขึ้น ไม่รู้เลยว่าตลอดมาม่านแพงจะเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ขนาดไหน ผมก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง และก็คงไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ


“ขอโทษนะม่าน”


“ขอโทษทำไม วันนี้เป็นวันดีๆของม่านเลยนะ เราต้องฉลองด้วยการกินไปร้องไห้ไปให้สาแก่ใจเลยนะลิน”


คนสวยหัวเราะอยู่ข้างหูผม ทั้งๆที่ผมก็ควรจะขำกับประโยคน่ารักของเธอ แต่ผมกลับร้องไห้มากขึ้นแทน



..ภูฟ้า..


ผมกำลังจะกลายเป็นบ้า ที่แน่ๆคือบ้าเพราะความคิดถึง หลายวันมานี้มีเรื่องมากมายกำลังรอให้ผมกลับไปสะสาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้รับเพราะความเป็น“ลูก” ถูกพ่อของผมริบคืนด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะทำให้ผมตาสว่าง พ่อขังผมไว้ในห้องนอนอยู่เป็นอาทิตย์เพื่อให้ผมเปลี่ยนใจ เรื่องน้ำเน่าที่ผมเองก็เคยคิดว่ามีแต่ในละครเท่านั้น พอได้เจอกับตัวถึงได้รู้ ว่าแท้จริงแล้วบทละครอาจสร้างมาจากชีวิตจริงของใครสักคนก็ได้ บางทีเรื่องต่อไปอาจถูกสร้างมาจากชีวิตผม


ครอบครัวของผมประกอบธุรกิจส่งออกข้าว ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรอันเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ แน่นอนว่ากิจกาจที่มีมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด นับวันก็จะยิ่งโตวันโตคืน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการดองระหว่างลูกชายคนเดียวของตระกูล กับลูกสาวของคู่ค้าคนสำคัญในแต่ละรุ่น การคลุมถุงชนมีสืบต่อกันมาจนเป็นธรรมเนียม ตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ และแน่นอนว่าตามจริงแล้วต้องรวมผมด้วย


แต่ในเมื่อวินาทีที่ผมเจอปาลิน ชะตาชีวิตก็เหมือนจะถูกขีดให้เดินไปในทางที่ต่างออกไป ฟังดูอาจโง่เขลาและยังเด็ก แต่ในเมื่อไม่เคยมีใครไม่เคยพลาด แล้วทำไมผมจะต้องกลัวว่าปลายทางของถนนที่ผมเลือกจะเป็นอย่างไร ในเมื่อระหว่างทางผมได้มีปาลิน ต่อให้สุดท้ายแล้ว หัวใจของน้องจะไม่ได้รอผมอยู่ที่เส้นชัย แต่ผมก็มั่นใจว่าจะไม่เสียใจที่เลือกทางนี้


แน่นอนว่าพ่อรับไม่ได้ที่ผมชอบผู้ชาย พ่อด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่ในชีวิตนี้ผมไม่เคยได้ยินพ่อพูดสักครั้ง ส่วนแม่ก็ร้องไห้และเอาแต่โทษตัวเอง ผมรู้สึกเป็นคนบาป ที่ทำให้พ่อแม่เสียใจและผิดหวัง แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกท่าน เหลือเพียงลูกชายที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากหัวใจ ผมที่เป็นแบบนั้น สุดท้ายแล้วก็คงจะทำให้พวกท่านเสียใจอยู่ดี แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ผมแน่ใจว่าการรักษาหัวใจของผมไว้ เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการพิสูจน์ตัวเอง ยังจะมีคุณค่ามากกว่า เพราะอย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสทำให้พวกท่านยอมรับผมได้ในสักวัน


เมื่อการประนีประนอมไม่อาจเกิดขึ้นได้ ผมจึงทำสิ่งที่ดูต่างออกไปจากในละคร ผมยังทานข้าวที่ป้าจวงทำมาให้ ออกกำลังกายท่าง่ายๆ อ่านหนังสือบ้างในบางครั้ง และนอนหลับเมื่อรัตติกาลเข้ามาเยี่ยมกราย ผมไม่ได้ทรมานตัวเองแบบที่ในละครชอบทำ เพราะผมไม่รู้ว่าพ่อจะขังผมนานแค่ไหน ดังนั้นผมต้องพร้อมที่จะไปเจอน้องในสภาพไม่ต่างจากเดิม อยากให้น้องรู้ ว่าการเลือกน้องไม่ได้ทำให้ชีวิตผมล้มเหลว แต่การเลือกน้อง คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว


พ่อไม่ได้ขังผมนานเท่าที่ผมคิด นับไปแล้วก็แค่เจ็ดคืนเท่านั้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผมยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนใจ หรืออาจเห็นว่าผมไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจที่ถูกขังอยู่แค่ในห้องนอนตัวเองแม้แต่น้อย และอีกส่วนก็คงเพราะการสอบปลายภาคกำลังใกล้เข้ามา ไม่รู้ว่าแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากแค่ไหน ถึงทำให้พ่อปล่อยผม แต่พ่อก็จัดการไล่ผมออกจากบ้านทันที โดยมีเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ติดตัวออกมาเพียงแค่นั้น ถ้าไม่กลัวพ่อจะได้ใจ ก่อนเดินออกมา นอกจากคำขอโทษที่ผมได้บอกพ่อกับแม่ไป ผมคงจะบอกพ่อไปแล้วด้วย ว่าผมคิดถึงปาลินแทบเป็นแทบตาย ตั้งแต่วันแรกที่พ่อขังผมแล้ว


ผมต้องไปรบกวนเพื่อน ทั้งไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดเป็นธุระให้ผมหยิบยืมเงินและรถ จากนั้นก็ไปทำเอกสารใหม่ทั้งหมด โดยเลือกเฉพาะที่จำเป็นอย่างบัตรประชาชนกับใบขับขี่ เพราะโดนยึดไปหมดทั้งกระเป๋าสตางค์ทั้งกุญแจรถ ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนมากนัก จะรบกวนพี่ฝันพี่สาวของผมที่ตอนนี้กำลังท้องอ่อนๆ และอยู่ในช่วงไปเยี่ยมพ่อแม่สามีที่อิตาลี ก็กลัวจะทำให้คนท้องเครียดเกินไป ถึงแม้พ่อคงไปพูดเรื่องผมให้พี่เครียดเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ในเมื่อผมบอกพ่อเองว่าผมจะพิสูจน์ตัวเอง จะทำให้พ่อเห็น ว่าการรักผู้ชายด้วยกัน มันไม่ได้ทำให้ชีวิตผมตกต่ำอย่างที่พ่อพูด ผมจึงยินดีที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง


ครั้งนี้ผมรู้ว่าผมกำลังเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและหัวใจของผม รู้ดีว่ามันเสี่ยงแค่ไหนที่เดินเข้าไปบอกพ่อว่าผมรักผู้ชาย ผู้ชายคนที่เขาอาจไม่รับรักผมตอบ อาจจะเป็นความกล้าบ้าบิ่น แต่ให้ย้อนเวลากลับไป ผมก็คงทำเหมือนเดิมอยู่ดี


“สวัสดีค่ะ”


ปลายสายไม่ใช่เสียงของคนที่ผมกำลังคิดถึงจนแทบบ้า


“ม่านแพงหรอ ขอพี่พูดกับลินหน่อย”


นาทีนี้ผมต้องการกำลังใจจากคนที่ผมกำลังเดิมพันทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจเขามา แต่ตั้งแต่เช้าที่พยายามโทรหา น้องก็ไม่ยอมรับสายสักที ไม่รู้ว่าไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก หรือเพราะกำลังติดธุระสำคัญ


“อ๋อ นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนใจร้ายที่ทำให้เพื่อนฉันร้องไห้นี่เอง”


ผมพึ่งซื้อโทรศัพท์และซิมใหม่ แน่นอนว่าม่านแพงเลยไม่รู้ว่าใครโทรเข้ามาในตอนแรก


“ฮะ ใครร้องไห้ ลินหรอ ลินร้องไห้ทำไม”


ผมตกใจกับประโยคจิกกัดของม่านแพง ไม่ใช่เพราะเธอปีนเกลียวกับผม แต่เพราะม่านแพงบอกว่าปาลินร้องไห้ และที่สำคัญคือมีผมเป็นต้นเหตุ


“แล้วลินอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหา”


ผมคิดว่าการเจอหน้า คงจะดีกว่าการคาดเดาสถานการณ์เอาเอง


“มาก็ดี จะได้ด่าต่อหน้า มาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหน้ามหาลัย แล้วก็เข้ามาห้องA1ได้เลย”


ยิ่งรู้จัก ผมยิ่งคิดว่าม่านแพงเหมือนแก๊งเพื่อนนางเอกในละครหลังข่าว คอยเป็นปากเป็นเสียงและคอยปกป้องผลประโยชน์ให้กับนางเอกใจดีที่ชอบถูกนางร้ายเอาเปรียบ แต่ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ ผมก็เลยพอจะเบาใจได้บ้าง ในเวลาที่ผมไม่ได้อยู่ข้างๆปาลิน




ความร้อนใจทำให้ผมเผลอเหยียบคันเร่งรถเก๋งอีโค่คาร์ของบ้านไอ้ปาล์มจนเกือบมิด ดีที่วันนี้ถนนหนทางดูจะเป็นใจให้ผมอยู่บ้าง


“หลับหรอ”


ผมใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงร้านอาหารที่ว่า อาทิตย์นี้แน่นอนว่าผมขาดเรียนทั้งอาทิตย์ นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่ผมได้เฉียดเข้ามาใกล้กับบริเวณมหาวิทยาลัย หลังจากเปิดประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นออก ภาพที่ทำให้ใจผมกระตุกก็ปรากฏแก่สายตา


“อือ ร้องไห้จนหลับ”


ม่านแพงกำลังลูบหัวให้กับคนที่ผมคอยแต่คิดถึงมาทั้งสัปดาห์ แก้มขาวดูจะซีดลงไม่น้อย ผมตกใจกับแพขนตาชุ่มหยาดน้ำตา ขนาดหลับ คนตรงหน้าผมก็ยังร้องไห้


“เกิดอะไรขึ้น”


ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอ ผมมองสบตากับม่านแพงอย่างต้องการคำอธิบายให้กับสิ่งที่เห็น


“หิวอะ ขอกินก่อน”


เธอมองไปยังเซ็ตปลาดิบที่ยังพร่องไปไม่เท่าไหร่ น้ำแข็งที่วางอยู่บนภาชนะรูปเรือก็ดูจะละลายไปมากแล้ว


“กินเถอะ พี่ดูลินเอง”


ผมเข้าไปนั่งขัดสมาธิข้างม่านแพง เพื่อทำการย้ายหัวทุยของเด็กงอแง ให้วางลงบนตักผมแทน ม่านแพงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลุกกลับไปนั่งอีกฝั่งแล้วลงมือทาน ผมมองคนบนตักแล้วอดยิ้มไม่ได้ พอเห็นหน้าก็รู้เลยว่าผมคิดถึงปาลินมากมายแค่ไหน มากมายเสียจนทำให้ตัดสินใจได้ ว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมจากไปไหนอีกแล้ว




“ตื่นแล้วหรอครับ หลับสบายมั้ย”


ผมยิ้มให้กับคนที่ยังไม่ลืมตา ขนตาเป็นแพเหมือนตุ๊กตา กำลังต่อสู้กับความง่วงที่ดูจะไม่ได้กล้ำกลายมาหลายวันแล้ว เปลือกตาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติกระพริบอยู่สองสามทีก่อนจะลืมขึ้น เราสบตากันนานเท่าไหร่ผมก็ไม่แน่ใจ ในดวงตาคู่นั้น ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมก็มั่นใจ ว่าผมเห็นร่องรอยตัดพ้อระคนยินดีอย่างปิดไม่มิด


“ม่านอยู่ไหน”


คนที่นอกจากตื่นมาเพื่อจ้องตากับผมแล้วก็ยังไม่ลืมจะถามหาเพื่อนตัวเอง


“กลับไปแล้วครับ เห็นว่าจะไปรับคิตตี้”


ยอมรับว่าแรกๆผมเคยกลัวอาการเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อระหว่างชายหญิง แต่พอทำความคุ้นเคยกัน นอกจากเรื่องที่ม่านแพงรักแฟนมาก อีกเรื่องที่ผมมั่นใจ ก็คือม่านแพงเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง เธอคงไม่ยอมให้ผมจีบปาลินแน่ ถ้าเธอคิดเกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อน ส่วนคนของผม ผมก็ขอใช้สัญชาตญาณตัดสินแล้วกัน


“อ้อ”


คนนอนเต็มอิ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหลับตาลงอีกครั้ง สงสัยจะกำลังจูนตัวเองที่พึ่งตื่น น่ารักชะมัด


ฟอดดดด


ไม่เคยจะอดใจได้จริงๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่มีปฏิกิริยาขัดขืนผมเลยยิ่งได้ใจ จัดการกดจมูกเข้ากับแก้มนิ่มอีกข้างอย่างนึกเอ็นดูคนพึ่งตื่น ที่ทำผมคิดถึงจนแทบบ้าตลอดหลายวันมานี้


ฟอดดดด


“ชื่นใจจัง”


ผมยิ้มใส่ดวงตาสีนิลที่ผมโหยหามาหลายวัน ปาลินก็ยังคงเป็นปาลิน คนที่ชอบใช้ความเงียบสื่อสาร น้องจัดการกดกริ่งเพื่อเรียกพนักงานมาเช็คบิล ซึ่งผมก็พึ่งรับรู้พร้อมน้อง ว่าม่านแพงจัดการไปเรียบร้อยแล้ว


“กลับเลยมั้ย”


น้องไม่ตอบ แต่เลือกจะสวมรองเท้าและเดินนำผมออกไปทางหน้าร้าน เอาหล่ะ ไม่ใช่ว่าน้องพูดน้อยเป็นปกติหรอก แต่ตอนนี้ปาลินกำลังโกรธผมต่างหาก


“ไหนบอกซิ ว่าโกรธพี่เรื่องอะไร ใช่เรื่องที่พี่หายไปรึเปล่า”


ก็ยังมีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา


“เฮ้อ โดนพ่อขังไว้ตั้งหลายวัน รถกับตังค์ก็โดนยึด ใจก็ให้เด็กปีหนึ่งตัวขาวพูดน้อยๆไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่ตัวแล้วสินะเรา”


ได้ผลครับคราวนี้ น้องหันกลับมาจ้องตาผมเหมือนกำลังจับพิรุธ ได้ทีเรียกร้องความสนใจ ผมเลยยิ้มกว้างแล้วจูงมือเรียวให้เดินไปด้วยกัน


“วันนี้อีโค่คาร์ก่อนนะ รถจ่ายกับข้าวบ้านไอ้ปาล์มมัน”


ผมหัวเราะเมื่อเห็นน้องทำหน้าตกใจ ที่เห็นผมกดรีโมทรถเก๋งอีโค่คาร์สีเขียวมะนาว คนน่ารักกับส่วนสูงร้อยแปดสิบที่เข้ากันได้ดีในสายตาผม หันมาจ้องตาผมอีกรอบ วันนี้ถ้าผมเป็นปลากัด น้องคงท้องไปแล้ว


“ขึ้นรถก่อนนะ อยากรู้อะไรเดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังหมดเลย”


ความเงียบดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ล้อมรอบเราทั้งคู่ไว้ในเวลานี้ อาจจะเพราะระยะทางสั้นแสนสั้นจากรั้วมหาลัยด้านหนึ่งมายังอีกด้าน น้องที่ยังตกอยู่ในห้วงความคิด และผมที่ตกอยู่ในห้วงความคิดถึง จึงยังไม่มีใครเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น


ผมพาเด็กจืดกลับมาส่ง ก่อนจะถือโอกาสเนียนแทรกตัวเข้าห้องน้องเสียเลย จากนี้จะเข้านอกออกในคงไม่ง่ายแล้ว เพราะคีย์การ์ดก็ถูกยึดไปพร้อมกระเป๋าสตางค์นั่นแหละ เมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ พอเห็นว่าน้องไม่ได้โวยวายอะไร ตั้งแต่ที่ผมเดินตามเข้ามาในคอนโด ก็เลยได้แต่ยิ้มหน้าบาน ไม่รู้ว่าน้องคิดถึงผมไม่ต่างกัน หรือเพราะผมยังติดค้างคำอธิบายกับน้องอยู่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมก็เลือกที่จะมีความสุขกับทุกวินาทีที่มีกับคนที่ผมรักก่อน


พอได้รับอนุญาตโดยการไม่คัดค้าน ผมจึงเดินไปเอนหลังที่โซฟาเบดที่ผมคิดถึง ตบมือปุๆลงข้างตัว ให้เจ้าของห้องที่ยังยืนเคว้งคว้างมานอนข้างกัน


“มามะๆ มานอนฟังดีๆจะได้ไม่เมื่อย”


ยอมรับว่าหลอกเด็ก ก็เด็กมันน่าหลอกจะให้ทำยังไง


“ถ้ายอมมาดีๆจะนอนนิ่งๆมือไม่ซน แต่ถ้าให้พี่ลุกไปหา จะเกิดอะไรขึ้นพี่ไม่รู้ด้วยน้า”


ได้ผลครับ ถึงจะหน้างอ แต่ก็ยอมมานั่งลงข้างๆ


“เริ่มเล่าจากไหนดี เยอะแยะไปหมดเลยแฮะ”


ผมอยากให้น้องพูดบ้าง อยากได้ยินเสียงน่าฟังนั้นอีก


“ไม่มีใครอยากฟังแน่ๆเลย เหนื่อยมาทั้งวัน งั้นของีบก่อนดีกว่า”


ผมตั้งท่าจะนอนเพราะน้องยังนั่งหันหลังให้ และยังไม่ยอมจะพูดอะไรสักคำ


เวลาผ่านไปสักพัก จนผมเกือบจะหลับไปจริงๆ เพราะความเหนื่อยล้าสะสม การได้กลับมาอยู่ในห้องที่อบอวลไปด้วยเด็กจืด ยิ่งทำให้ผมเคลิ้มจนอยากปล่อยตัวปล่อยใจให้ลืมเรื่องหนักๆตลอดหลายวันนี้ลง


“หายไปไหนมา”


เสียงที่ผมอยากได้ยินมาตลอดถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพู ที่ผมอยากลองชิมว่าจะหวานแค่ไหน ยังไม่ทันได้ใช้สมอง สองมือของผมก็ทำตามที่หัวใจต้องการในทันที


ผมลุกขึ้นนั่ง เพื่อประคองหน้าน้องให้หันกลับมาสบตากัน ความคิดถึงทำให้ผมยอมห่างจากน้องแค่ระยะฝ่ามือกั้น ก่อนจะจ้องลึกลงไปในตาคู่สวยเพื่อขออนุญาต แววตาประหม่าที่ฉายกลับมาจากตาคู่สวย ทำให้ผมเพียงกดจูบแผ่วเบา คล้ายผีเสื้อตัวน้อยกำลังชิมน้ำหวานเหนือกลีบปากนุ่ม เนิ่นนานในความรู้สึก และสุขล้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้ หลังจากจูบแรกของเราจบลง ผมก็ยังไม่คิดจะผละออกจากความหอมหวานของคนตรงหน้า ยังคงคลอเคลียอ้อยอิ่ง ไม่ได้รุกล้ำไปมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างระหว่างเราให้มากจนเกินไป


“ไปต่อสู้เรื่องของเรามาครับ”


ผมยิ้มให้น้อง ก่อนจะกดย้ำริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากน้องอีกครั้ง น้องช้อนดวงตาสั่นไหวขึ้นมาสบตากับผม คราวนี้กลีบปากนุ่ม ที่มักจะรอฟังเรื่องราวต่างๆด้วยความสงบ กลับเป็นฝ่ายถามคำถามที่ทำให้ผมได้รู้ ว่าผมมีอิทธิพลกับใจน้องมากมายแค่ไหน


“พี่ภูจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย”


ผมยิ้มให้กับคำถามน่ารัก ของคนที่ยังไม่กล้าจะเดิมพันหัวใจตัวเองกับความรักครั้งใหม่


“ถึงต่อให้ลินไล่ จากนี้พี่ก็จะไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว”


ผมจูบซับสองแก้มนุ่ม หน้าผากมน ปลายจมูกรั้น ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปากนิ่ม ด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ล้นใจ จนกระทั่งดวงตาคู่สวยปิดลงราวกับอนุญาตให้ผมได้ชิมรสหวานที่มากกว่านี้ ใจผมสั่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กลีบปากก็เริ่มขบเม้มลงไปบนริมฝีปากสวยอีกครั้งอย่างเผลอไผล


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีต่อฮับ (〃‿〃✿)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 24-09-2017 20:01:46
เมื่อความหวามไหวเข้ามาแทนที่ความถวิลหา ผมจึงกดแทรกเรียวลิ้นไปตามร่องหยัก เพื่อให้ความอุ่นชื้นหันเหความสนใจคนในอ้อมกอดให้ยอมเผยอปากตาม ลิ้นร้อนของผมค่อยๆเข้าไปทักทายลิ้นนุ่มอย่างหยอกเย้า เริ่มจากเกี่ยวรัดโอนอ่อน ก่อนจะเร่งจังหวะนำทางให้เด็กที่ไม่ประสาตอบสนองการล่อลวงของผมอย่างย่ามใจ น้องเป็นนักเรียนที่ดี จนตอนนี้เสียงจูบของเราเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงผมจะมีประสบการณ์มามากมาย แต่กับคนที่รัก ครั้งนี้คือครั้งแรก


ทุกรสสัมผัสระหว่างเรา ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เสียจนใจผมแทบกระเด้งกระดอนออกมาจากอก เสียงอืออาจากกลีบปากนุ่ม ปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในตัวผม จนเกือบกลายร่างเป็นหมาป่า ที่เตรียมขย้ำและจับลูกแกะลงท้อง ถ้าไม่ได้สติและห้ามใจตัวเองไว้ก่อน


“พอก่อนนะ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหว”


ผมถอนจูบออกมาอย่างแสนเสียดาย เมื่อปล่อยให้น้องหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ใต้ร่าง อะไรๆก็ดูจะเป็นใจไปเสียหมด บรรยากาศ สถานที่ เสียงหอบหายใจ และไอความร้อนจากร่างกายของเราทั้งคู่ จนผมอยากจะโยนทุกเรื่องออกจากหัว แล้วชิมความหวานตรงหน้าด้วยความเอาแต่ใจ


แต่ก็ทำได้แค่เพียงคิด เพราะผมรักน้องมากมายเหลือเกิน มากจนอยากจะให้น้องรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของผม ไม่อยากเอาเปรียบน้องไปมากกว่านี้ ถึงแม้กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายผมจะกำลังเรียกร้องหาน้องจนแทบคลั่ง


ผมรั้งตัวคนที่นอนระทวยให้เข้ามาซบอยู่กับอก การมองหน้าน้องในเวลานี้ดูจะเสี่ยงเกินไป น้องเซ็กซี่มาก ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยเห็นใครที่สามารถล่อลวงผมได้ขนาดนี้ ดวงตาปรือปรอยหวานเชื่อมเหมือนภูติสวรรค์ที่ถูกล่อลวงด้วยรสสัมผัส ปากบางบวมเจ่อไม่ต่างจากลูกเชอร์รี่ผลสวย ทั้งฉ่ำวาวและหวานลิ้น แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลากลับน่ารักขึ้นหลายส่วน ไรผมชื้นเหงื่อไล้ล้อมกรอบหน้าจนดูทั้งน่าสงสารและน่ารังแก จนผมต้องพยายามข่มใจ ที่ปรารถนาจะให้เหงื่อเม็ดสวยผุดพรายมากกว่านี้ไว้ให้ลึกที่สุด


“ตอนนี้พี่ไม่เหลืออะไรแล้ว ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เพราะสารภาพกับท่านไปว่า “พี่รักผู้ชาย” แต่พี่ไม่โกรธท่านนะ ถึงจะใจร้ายขังลูกชายสุดหล่อคนนี้ไว้ตั้งหลายวัน แต่พ่อก็ยังให้พี่กินข้าวกินน้ำ ถึงจะโดนตัดพ่อตัดลูก แต่ก็ยังดีที่คงไม่โดนตัดออกจากใจ เพราะไม่อย่างนั้นท่านคงไม่แม้แต่จะโกรธด้วยซ้ำ แต่ที่โกรธมาก ก็คงเพราะรักมาก เลยผิดหวังมาก”


ผมมองสบดวงตาใสซื่อที่ฉายแววปวดร้าว ไม่อยากทำให้น้องเสียใจ แต่ก็อยากให้น้องเข้าใจ ว่าถ้าเลือกผม ชีวิตน้องจากนี้ก็คงจะไม่ง่ายเช่นกัน


“ตอนนี้พี่เป็นแค่ นายภูฟ้า สิทธิธนานนท์คนธรรมดา คนที่ต้องขยันให้มากจะได้มีตังค์มาจ่ายค่าเทอม ค่ากินอยู่ และค่าที่พัก ขับรถอีโค่คาร์คันเล็กที่ยืมมาจากเพื่อน และอีกไม่นานก็คงต้องเอาไปคืน เป็นเทวดาตกสวรรค์ที่คงมีความสุขที่สุดในโลก ถ้านายปาลิน ลิปนากุลรับรัก”


ผมก้มลงไปมองคนที่เงยหน้าขึ้นมาจากอกผม เพื่อให้ดวงตาของเราประสานกัน


“ภูฟ้ารักปาลินนะครับ”


ผมยิ้มให้กับคนในอ้อมกอดที่เป็นคนเดียวกับที่อยู่ในหัวใจด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี


“ปาลินยังไม่ต้องรักภูฟ้าก็ได้”


“..................”


“แต่..มาเป็นแฟนกันนะครับ พี่อยากดูแลลิน”


“..................”


“ถึงพี่จะไม่มีตังค์แต่พี่ก็ยังหนุ่……………...”


กลีบปากที่ผมยอมตัดใจกลับบดเบียดเข้าหาอวัยวะที่ผมใช้บอกความในใจด้วยตัวเอง ท่าทางไม่ประสาที่จะต้องเป็นคนเปิดเกม ยิ่งทำให้สติผมเตลิด ผมครางอื้ออึงไม่ต่างจากคนใต้ร่าง เมื่อไฟร้อนเริ่มแผดเผาพวกเราไปทั่วทุกตารางนิ้ว เมื่อได้โอกาสจึงอาศัยความช่ำชอง เปลี่ยนกลับมาเป็นคนมอมเมาน้องด้วยรสจูบเร่าร้อน จนน้องกระสับกระส่ายด้วยความทรมานอย่างไม่อาจห้ามได้


ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากเยลลี่นุ่มหยุ่นมายังใบหูสวย คนไม่ประสาครางกระเส่า เมื่อผมค้นพบจุดอ่อนไหวของเจ้าตัว ทั้งขบเม้มและปล่อยลมอุ่นร้อนไปหมุนวนใบหูนิ่มจนขึ้นสีแดงระเรื่อ ร่างโปร่งที่พึ่งเคยสัมผัสรสกามารมณ์เป็นครั้งแรก ถึงกับส่ายหน้าหนีสัมผัสวาบหวามที่ผมปรนเปรอให้ สองมือขาวทั้งเอื้อมทั้งคว้าตัวผมให้เข้ามาใกล้ ส่วนริมฝีปากบางคู่สวย ก็ถูกขบกลั้นเสียงครางเอาไว้ จนเริ่มขึ้นสีซีด


“เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


ผมเว้าวอนขอความรัก ก่อนจะจูบย้ำซ้ำๆที่ริมฝีปากสวย ด้วยกลัวปากน้องจะเป็นแผล


“อื้อ ก็เป็นแล้วไง”


คนที่ยอมเป็นแฟนหมาดๆจูบตอบผมอย่างน่ารัก แก้มแดงจากทั้งรสปรารถนาและความเขินอาย ทำให้ผมแทบคลั่ง น้องหลับตาราวกับต้องการปิดกั้นความกระหายและโหยหาที่ไม่คุ้นชินของตัวเอง แต่เพราะสีหน้าแบบนั้นต่างหาก ที่จุดไฟร้อนขึ้นมาในตัวผมอย่างไม่อาจห้ามได้


ผมจูบน้องด้วยความรู้สึกท่วมท้นที่โหมกระหน่ำ ส่งผ่านความรักและความปรารถนาไปกับลิ้นร้อน ที่ปรนเปรอลิ้นนุ่มจนเกิดเป็นเสียงเฉอะแฉะน่าอาย น้องครางแผ่วเมื่อความหวามไหวถูกไฟปรารถนาจุดขึ้นอีกครั้ง ผมผละออกมามองหน้าน้องที่ถูกความต้องการล่อลวงไปแล้วด้วยความรักใคร่ อยากจะ“รัก”น้อง แต่ก็อยากรอให้น้องพร้อมที่จะเปิดใจ“รัก”ผมด้วย ไม่ว่านานแค่ไหน หรือต่อให้วันนั้นไม่มีวันจะมาถึง แต่ผมก็ยินดีจะรอ


ภาพคนตัวขาวที่ถูกไฟราคะชักนำจนบิดเร่าด้วยความทรมาน ทำให้ผมอยากช่วยปลดเปลื้องความต้องการของน้อง เพราะรู้ดีว่าความเป็นชายที่แข็งขืนจะทำให้น้องเจ็บจุกจนแทบหายใจลำบาก หากไม่ได้รับการปลดปล่อย


“ให้พี่ช่วยนะครับ”


เสียงขออนุญาตของผม ที่พยายามควบคุมให้หายกระเส่า ดูท่าว่าจะไม่ได้ผล ไม่ต่างจากคนใต้ร่าง ที่กำลังครางอื้ออึงตอบรับไม่เป็นภาษา ทันทีที่ใบหูถูกกระตุ้น ผมหันไปปลดซิปกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำของน้องเพื่อถอดออกให้พ้นผิวเนื้อนุ่ม ภาพความขาวเนียนตรงหน้าทำผมอดใจไม่ไหว ที่จะเลิกเสื้อน้องขึ้นจนเห็นตุ่มไตสีชมพูสวย มืออีกข้างก็ไม่ลืมที่จะลูบไล้กลางกาย ตลอดความยาวท่อนร้อนผ่านเนื้อผ้าบางที่ขวางกั้น เรียกเสียงครางอย่างสุขสมให้เจ้าของร่างขาวที่หลับตาแน่น น้ำตาจากความวาบหวามเอ่อล้นหางตา ยิ่งดูเย้ายวนจนทำให้ผมต้องครอบปากลงไปชิมเม็ดทับทิมกลางอกขาว


ถึงแม้จะไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเพื่อนกับเพศเดียวกัน แต่สัญชาตญาณดิบในตัว ก็นำทางผมมาไกลจนแทบหยุดใจไม่ไหว ลิ้นร้อนของผมลากผ่านยังปลายยอดสวยทั้งสองข้าง จนแผ่นอกขาวที่ถูกกลืนกินแทบจะลอยเหนือโซฟาอย่างไม่อาจห้ามได้ น้องตัวสั่นกับรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย ผมจึงเร่งดูดเม้มให้เกิดความเสียวซ่านมากขึ้น มือก็ทำหน้าที่ปรนเปรอกลางกายขาวตามจังหวะรัวลิ้นบนยอดอกสวย เร่งเร้าและฝากรสสัมผัสรัญจวนให้น้องครางฮือเป็นระยะ


เมื่อคนใต้ร่างเริ่มทนไม่ไหว ผมจึงช่วยจับจูงน้องไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก มือผมแทรกผ่านปราการด่านสุดท้ายที่ห่อหุ้มส่วนแข็งขืนของน้องไว้ จากนั้นจึงลูบไล้แก่นกายอุ่นร้อนด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ผมใช้ประสบการณ์ในการปรนเปรอตัวเองมาใช้กับคนตรงหน้า เพราะไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครที่ไหน ผมจึงเลือกจะเติมเต็มน้องตามความต้องการของตัวเอง


มือที่ชักรูดกอบกุมท่อนร้อนเป็นจังหวะ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนถูกปรนเปรอเสียจนผมแทบคลั่ง นอกจากเร่งมือเพื่อนำน้องไปสู่ความสุขสม ปลายนิ้วของผมก็ช่วยเพิ่มความเสียวซ่านให้คนที่คล้ายจะไปถึงสวรรค์อยู่รอมร่อ ด้วยการขยี้ปลายส่วนอ่อนไหวกลางกายด้วยความเร่งร้อน กายขาวขึ้นสีชมพูไปทุกที่ที่ผมสัมผัสผ่าน เปลือกตาก็เริ่มจมอยู่ใต้น้ำอุ่นร้อน เสียงครางไม่เป็นภาษาถูกส่งออกมาจากริมฝีปากคู่สวยเป็นระยะ จนเมื่อความต้องการของน้องถึงจุดสูงสุด


“พี่..พี่ภู … อ๊ะ….”


น้ำสีขาวอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นไปยังหน้าท้องสวยของเจ้าตัว ผมมองภาพนั้นแล้วถึงกับเผลอสบถโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันช่วยน้องทำความสะอาดตัวด้วยซ้ำ ความเจ็บปวดกลางกายบังคับให้ผมต้องรีบเดินไปล็อคตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เพราะสัมผัสและภาพน้องยังติดตา ไม่นานผมก็กำราบเจ้าลูกชายให้สงบลงได้ แต่ผมคงจะประมาทความเย้ายวนของน้องเกินไป ทันทีที่ลูก(ไม่)น้อยของผมพ่นพิษเรียบร้อย ความปวดหนึบก็เล่นงานผมติดๆอีกสองครั้งถ้วน ทำเอาทั้งพ่อและลูกชายหอบกระเส่าเพื่อโกยอากาศเข้าปอดกันแทบไม่ทัน


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


เขินจัง แต่มีให้เขินอีกนะ ฮิฮิฮิ (⁄ ⁄◕⁄‿⁄◕⁄ ⁄✿)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ และทวิตติดแท็ก #ภูฟ้าปาลิน เลยค่ะ

ใกล้จบแล้วน้า ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานะคะ

ปล เมื่อวานแอบเขิน ใส่เดือนผิด ใจร้อนไปนิด อยากให้ถึงเดือนสิบไวๆ ขอบคุณที่ทักนะคะ


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 24-09-2017 22:54:25
เย้ๆ ดีใจที่เราด้อ่านมีความคิดว่าพ่อคาสโนว่าฆ่าไม่ได้ตายอย่างอีพี่ภูตอนแรกไปไหน ทำไมเหลืออีพี่ภูคนผีบ้าของน้องลิน โอ่ย ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้ความกากของอิคนพี่น้องลินน่ารักมากเลย อยากให้ผ่านเรื่องร้ายไปด้วยกันนะทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-09-2017 23:23:59
ภูฟ้าจอมคลั่ง(รักปาลิน) ฮา
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 25-09-2017 07:17:41
 :o8:  :-[  :impress2: nc แบบเบาๆบางๆ...แต่ทำให้เราเขินมากกกกก  :o8:  :-[  :impress2: พี่ภูสู้ๆ...ขอให้ที่บ้านรับได้เร็วๆๆๆน้าาา ...น้องลินออกจะน่ารัก...ถ้าได้เจอนะต้องหลงรักหัวปักดินเหมือนพี่ภูแน่ๆ  :call:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-09-2017 09:43:29
สู้ๆ นะพี่ภู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๖ღ "วันที่เธอไม่อยู่" P.3 ☛ 24.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 25-09-2017 10:46:42
พี่ภู สุดยอดเลยค่ะ คือ ไม่ใช่แค่กล้าบอกกับพ่อแม่ว่ารักผู้ชาย
แต่ยังกล้าที่จะฉีกกฎคลุมถุงชนสองตระกูลที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษด้วย ยอดเยี่ยม
แต่คราวนี้ ทำให้พี่ภูได้รู้แล้วสินะ ว่าน้องลินให้ใจพี่ภูไปมากขนาดไหนแล้ว  :-[
ใจน้องได้มาแล้ว ตอนนี้ก็ต้องพยายามให้พ่อแม่ยอมรับให้ได้ ชอบความคิดของพี่ภู
เรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลา ขอแค่มีคนที่เรารักอยู่เคียงข้างก็มีแรงสู้แล้วเนอะพี่ภู
เชื่อว่าความน่ารักแสนดีของน้องลิน จะทำให้พ่อแม่พี่ภูยอมรับน้องได้ในสักวันแน่ ๆ
เอาใจช่วยพี่ภูและน้องลิน รอตอนต่อไปน้า
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 25-09-2017 22:17:29
❥・ใจดวงที่๑๗・❥



การกลับมาของคนที่เคยมีกุญแจ



..ปาลิน..



หลังจากพี่ภูกลับมารอบนี้ก็ยิ่งทำตัวเอาแต่ใจมากกว่าเดิม ตามจริงจะโทษเขาแค่ฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะผมก็ชอบตามใจเขาเสียจนเคยตัว


“ลินจ๋า อั้มหน่อย”


เสียงคนขี้เกียจที่อ้อนขอให้ป้อนองุ่นฟังดูน่าหมั่นไส้ ในขณะที่เจ้าตัวกดโทรศัพท์มือถือไม่หยุด หัวก็เอาเปรียบตักผมอยู่ แล้วไหนจะปากที่คอยอ้าเป็นลูกนกตอนรอแม่นกป้อนอาหารนั่นอีก


ใจหนึ่งก็อยากจะบ่น แต่พอเห็นแววเหนื่อยล้าที่ทับกลบประกายตาเจิดจ้าของ“ภูฟ้าคนเก่า” ก็ทำให้เลือกที่จะไม่บ่น ซ้ำร้ายยังใจอ่อนยอมตามใจ“ภูฟ้าคนใหม่” เสียจนเคยตัว นอกเหนือจากการพยายามรับผิดชอบตัวเองให้มากขึ้น ทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายต่างๆ ความจริงคนคนนี้ก็ยังเป็น“ภูฟ้าคนที่รักผมมาก”คนเดิมอยู่ดี


“ลินครับ ยิ้มอะไร แอบคิดถึงใครที่ไหนหรือเปล่า”


มาแล้วครับ มุมงอแง


“แย่จัง โดนจับได้ซะแล้ว”


หน้างอแบบที่เด็กเล็กๆทำคงน่ารัก ถูกส่งมาให้ผมอย่างขัดใจ


“ในเวลาที่พี่หาเลี้ยงครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง ลินก็ห้ามนอกใจพี่สิ”


ปากยู่แบบเด็กสามขวบนี่น่าหยิกเสียจริงเชียว ภูฟ้าคนดังเดือนมหาลัยคนนั้นหายไปไหนกันนะ คนที่เคยมั่นใจในตัวเองและถือดี ดูเหมือนเขาคนนั้นจะหายไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วหล่ะมั้ง


ตอนนี้ผมตกหลุมพรางคนที่ทำตัวเด็กน้อยใส่นี่แหละครับ และก็คงจะไปไหนไม่รอดแล้ว ความจริงก็คงจะรู้ตัวเองตั้งแต่วันที่ป่วย ความวอแวของคนคนนี้ไม่เคยทำให้ผมรำคาญได้จริงจังสักครั้ง และยิ่งมั่นใจ เมื่อวันหนึ่งคนที่เคยพูดว่าขอโอกาสกลับหายตัวไป ผมเหมือนจะรับความเสียใจครั้งนี้ไม่ได้ มันเหมือนจะขาดอากาศหายใจ มันทรมานจนใจผมเจ็บไปหมด ถึงไม่อยากจะยอมรับ แต่วินาทีที่ตื่นมาเห็นหน้าคนในความคิดถึงอีกครั้ง ทำให้รู้เลยว่า จากนี้คงปล่อยผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้แล้ว


ผมทำตัวก๋ากั่นอย่างที่ม่านแพงชอบบ่น ด้วยการยอมให้พี่ภูย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะในทันทีที่เป็นแฟนกันเมื่อสองเดือนก่อนหรอก แต่ก็มาคิดๆดูแล้ว ทำไมผมต้องให้แฟนตัวเองไปรบกวนคนอื่นด้วย ตอนแรกพี่ภูจะเช่าคอนโดแถวมหาลัย แต่ไม่มีที่ไหนว่างเลย เพราะพึ่งผ่านช่วงการสอบไฟนอลเทอมหนึ่งมาได้ไม่นาน ยังไม่ใช่การปิดเทอมใหญ่ ที่จะมีคนย้ายเข้าย้ายออกเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญหอพักหรือคอนโดแถวนี้ต้องจองกันข้ามปีถึงจะได้ห้องดีๆสักห้อง แน่นอนว่าด้วยความเร่งรีบที่มี พี่ภูจึงต้องไปเช่าคอนโดเพื่อนอยู่ จะเรียกว่าเช่าก็ไม่ถูกนัก เพราะเพื่อนพี่เขาไม่ยอมรับเงิน พี่ภูโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปตั้งหลายทีกับเรื่องนี้ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการอนุญาตให้พี่ภูมาอยู่ด้วยกันเสียเลย ทีนี้อยากจ่ายค่าห้องก็จ่ายไป ส่วนเรื่องดูแลพี่ภูเดี๋ยวผมทำเอง


“คืนนี้พี่ไปVelaนะ”


พอผมยัดองุ่นเข้าปากผู้ใหญ่งอแงก็เลิกโวยวาย เคี้ยวตุ้ยๆมือก็เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูรายรับรายจ่ายประจำวันของVela


ใช่ครับ ผับหรูที่เราพบกันครั้งแรก มีพี่ภูเป็นหุ้นส่วน แม้จะแค่35% แต่ก็มากพอให้พี่ภูอยู่ได้สบายๆไปอีกหลายปีแม้ไม่ต้องทำงาน พี่ภูบอกว่าเขาเริ่มจากการเล่นหุ้นให้เงินมันงอกเงยตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย พอมีมากพอก็เอามาช่วยรุ่นพี่ที่สนิทสามคนเพื่อเปิดVela ตอนแรกก็กะแค่ช่วยลงเงิน ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้Velaจะกลายมาเป็นธุรกิจที่พี่ภูทุ่มเทให้สุดตัว ไม่ใช่แค่ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ แต่ในฐานะคนที่กำลังพิสูจน์ตัวเอง


ผมพึ่งรู้ว่าพี่ภูเก่งแค่ไหนหลังจากเป็นแฟนกันแล้ว ปัญหาหรือภาระหลายอย่างที่ก่อนเป็นแฟน พี่ภูไม่ยอมให้ผมช่วยแบก ตอนนี้ก็ไม่ยอมหรอก แต่ก็เล่าให้ฟังทุกเรื่อง เราแชร์ทั้งทุกข์และสุข และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากแค่ไหน


“ลินๆ ชวนม่านแพงกับคิตตี้เร็ว เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”


ประกายตาแบบนักธุรกิจทำให้ผมยิ้มขำ พี่ภูชอบหลอกล่อสองสาวให้ไปถล่มแกครับ แลกกับการที่ลูกค้ามากันแน่นร้านจนพี่ภูนับเงินไม่หวาดไม่ไหว ก็วินวินกันหมดแหละนะ ผมเลยไม่ได้ท้วงอะไร แค่รอเป็นแผนกเก็บกู้คนเมาก็พอ


“คงมาดึกๆแหละครับ เห็นว่าม่านจะพาคิตตี้ไปล่องเรือดินเนอร์อะไรสักอย่างนี่แหละ หลังจากนั้นถึงจะมาให้เสี่ยภูฟ้าเลี้ยง”


คนถูกเรียกเสี่ยหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมบอกแล้วว่าวินวินทั้งสาม นี่ม่านแพงก็ไลน์มาบอกผมตั้งแต่เช้าว่าจะไปVela คงกะพาคิตตี้ไปเซอร์ไพรส์ก่อน


“พี่ไม่มีเวลาพาลินไปดินเนอร์แบบนั้นบ้างเลยอะ ขอโทษนะครับ”


พี่ภูลุกขึ้นมานั่งสบตาและกุมมือผมไว้ ประกายวูบไหวในตาคล้ายจะขอโทษผมนอกเหนือจากแค่คำพูด


“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ภูยังยอมถูกไล่ออกจากบ้านเพื่อผมเลย อีกอย่าง ผมทานข้าวเย็นที่Velaก็หรูทุกมื้ออยู่แล้ว พี่ภูไม่เห็นต้องกังวลสักนิด พี่ภูงานยุ่ง ผมเข้าใจ”


ผมยิ้มให้คนชอบคิดมากตรงหน้า พี่ภูฟ้าคนที่พี่จั๊ดพี่ปาล์มชอบเผาให้ฟัง ดูจะเป็นคนละคนกับพี่ภูฟ้าของผม พี่ภูฟ้าคนนี้จะให้ทุกเรื่องของผมเป็นที่หนึ่งเสมอ ความสุขของผมดูจะเป็นนโยบายของพี่เขา ซึ่งแน่นอนว่าผมมีความสุขมาก


“เดี๋ยวนี้ยิ่งน่ารักใหญ่แล้วนะเรา ไม่มีสมาธิทำงานแล้วเนี่ย ใจเต้นแรงเกิน”


ผมบิดแก้มพี่ภูอย่างมันเขี้ยว คนอะไรชอบเอาแต่พูดประโยคเลี่ยนๆ มันเขี้ยวมากๆเข้า เลยหอมแรงๆที่แก้มไปสองฟอดเสียเลย



..ภูฟ้า..


“พี่ไปดูทางนั้นแป๊บนึงนะลิน”


ผมเดินมากระซิบที่หูเพื่อรายงานคนรัก เดี๋ยวนี้ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดมันก็แซวตลอดแหละครับว่ากลัวเมีย ซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอก เพราะทั้งกลัวและเกรงใจจริงๆคนนี้


น้องพยักหน้าส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม จนอดใจไม่ไหว ต้องประคองหน้ามาจุ๊บเหม่งไปที


“ทำงานเลยมึงไอ้ห่า น้องปริญเดี๋ยวพวกกูเฝ้าให้ วันนี้เดินวนมาโต๊ะนี้จนทางจะสึกแล้วครับ”


เสียงไอ้ปาล์มที่พึ่งได้วีซ่าจากเมียให้มาร้านเหล้าได้ หลังจากไปยืนแอ๊วสาวแล้วเมียจับได้ จนคว้าถังน้ำแข็งทุบหัวไอ้ปาล์มจนถังยุบ ขาดทุนเลยครับเจ้าของร้านอย่างผม


“น้องเท็นครับ พี่ฝากลินด้วยนะครับ”


แฟนไอ้จั๊ดคือคนที่น่าไว้ใจที่สุดในตอนนี้ หลังจากม่านแพงกับคิตตี้เมาได้ที่ก็นัวกันซะหนุ่มๆครางฮือจนต้องจับลงมานั่งโซฟาดีๆก่อน ไอ้ปาล์มก็เอาแต่เหล่สาว ไอ้จั๊ดก็กินเหล้าฟรีเหมือนกลัวผมไม่ล้มละลาย ส่วนปาลินคนซื่อเดี๋ยวโดนคนมาล่อลวง ซึ่งพี่ภูยอมไม่ได้แน่นอน


“ไปเถอะครับ ลูกน้องพี่ก็เต็มร้าน ใครจะกล้าทำอะไร”


น้องเท็นยิ้มโชว์เหล็กดัดสีฟ้าใสส่งมาให้ผม ถึงจะสูงร้อยห้าสิบกว่าๆแต่เรื่องการดูแลและคุมสถานการณ์คนเมานี่เด็ดจนผมอยากซื้อตัวให้มาทำงานให้


ผมพยักหน้าให้ก่อนจะหันไปดูที่รักของผมกำลังถูกยื้อแย่งโดยม่านแพงกับคิตตี้อยู่คนละข้าง สองผัวเมียนี่สายเมาแล้วเรื้อนครับ คนสวยๆนี่ยิ่งตัวดี ผมระอาใจจนต้องยอมปล่อยไปก่อน


..ลืมตาเพื่อจะพบว่าไม่มีเธอ

อยู่บนโลกใบที่เคยเจอ

กับความรักที่มันสวยงาม


อยากทำใจอยากจะรับความเป็นไป

อยากจะไม่มัวมาอาลัย

แต่ก็ไม่วายคิดถึงเธอ..



อ่า ไม่ได้ยินเพลงนี้มานานแล้วแฮะ เสียงนักร้องที่กำลังฮ็อตในเวลานี้ขับขานบทเพลงฮิตเมื่อหลายปีมาแล้ว และแน่นอนว่าบทเพลงนี้คุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะมันเคยเป็นเสียงริงโทนของปาลินก่อนที่เราจะเป็นแฟนกัน แน่นอนว่าตอนนี้น้องเปลี่ยนแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ผมหน้าบานทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะน้องเปลี่ยนเป็นเพลง “เปล๊า” ที่ผมเคยร้องให้น้องตอนไปค่ายที่ทะเลด้วยกัน


พอร์ช พิชญุตม์ คือชื่อคนที่ผมทุ่มเงินหลายหลักเพื่อให้มาโชว์ตัวเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นักร้องหนุ่มเจ้าของดวงตาที่เหมือนยกยิ้มอยู่ตลอดเวลากลับเบี้ยวเอาในวินาทีสุดท้าย จนผมน็อตหลุดอาละวาดทางต้นสังกัดไปไม่น้อย ทางนั้นขอโทษขอโพย แล้วบอกจะติดต่อกลับมาเพื่อเล่นให้ฟรี ลองไม่ฟรีสิจะได้เจอกันในศาล ค่ามัดจำและค่าตัวทั้งหมด ผมก็ได้คืนกลับมาแค่ครึ่งเดียว และไหนจะตารางงานที่คอนเฟิร์มไม่ได้ว่าจะมาแน่ๆวันไหน ทำให้ผมอารมณ์เสียและเลือกที่จะไม่โปรโมทให้ตัวเองเสียหน้าเปล่าๆถ้าเกิดนักร้องเบี้ยวอีก


“กลับไปหาลิน”


ม่านแพงที่เดินเซนิดๆมาหาผม ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ปาลินไม่มีทางให้ม่านแพงเดินคนเดียวในผับแน่ๆ ถึงผับนั้นจะมีผมเป็นหุ้นส่วนก็ตาม


ผมไม่ได้ซักม่านแพงต่อ เพราะเข้าใจได้ดีจากสีหน้าของม่านแพง ปาลินของผมกำลังแย่ ไม่กายก็ใจ


ผมไม่ลืมที่จะจูงมือม่านแพงกลับมาด้วย เจ้าของหัวใจของผมกำลังจ้องไปบนเวทีนั้นราวกับกำลังมองหาอะไรสักอย่าง


“ผู้ชายคนนี้เคยมีกุญแจกำแพงของลิน”


ม่านแพงบอกกับผมแค่นั้นก็ผละไปนั่งข้างคิตตี้ที่กำลังร้องไห้ ผมมั่นใจว่าคนอารมณ์อ่อนไหวแบบคิตตี้กำลังร้องไห้แทนคนข้างๆเธอ ใจผมกระตุก เรื่องราวทุกอย่างมันลงล็อค ผมมองกลับไปบนเวที และนึกเกลียดเพลงนี้ที่ปาลินเคยตั้งเป็นเพลงรอสาย เกลียดเสียงนุ่มที่เลือกจะร้องเพลงเก่าแสนเก่าแทนผลงานเพลงสุดฮิตของเจ้าตัว เกลียดตัวเองที่ไม่หนักแน่นให้มากกว่านี้ ในวันที่ผมรู้สึกเหมือนจะแพ้


น้องหันมามองผมที่ยังคงยืนอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรกับสถานการณ์แปลกๆตอนนี้ ผมกลัวว่าทันทีที่เพลงจบลงแล้วสปอร์ตไลท์สว่างขึ้น ผมจะเห็นแววตาอาวรณ์ของน้องที่มีให้กับคนบนเวที ผมคงทนไม่ได้ ผมควรหันหลังเดินจากไป เพื่อตั้งหลักก่อน แต่สองเท้าโง่เง่าก็กลับจงรักภักดีต่อใจที่ให้คนอื่นไปแล้ว ไม่รู้ว่าผมยืนโง่ๆอยู่แบบนั้นนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องมายืนข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่


“มายืนทำไมตรงนี้ครับ”


ผมไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไปดี


“กลับบ้านเรานะ ลินง่วงแล้ว”


น้องซบหน้าลงกับไหล่ผม ประโยคเรียกชื่อตัวเองแสนออดอ้อน ที่น้อยแสนน้อยจะพูดให้ผมได้ยินสักครั้ง ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากนุ่ม สองแขนที่กอดผมไว้ทำให้ผมพึ่งได้สติว่าตัวเองกำลังสั่น


“กลับบ้านเรากันครับ”


ผมกอดตอบน้องให้แน่นกว่าเดิม ก่อนที่เราจะหมุนตัวแล้วเดินจากมา


รถเก๋งแบรนด์ญี่ปุ่นราคาเกือบสองล้านบาทเคยเป็นอีกความภาคภูมิใจของผม ถึงแม้จะยังต้องผ่อนรายเดือนเพื่อเอาเงินไปใช้หมุนเวียนในการทำธุรกิจ แต่ผมก็พยายามลดภาระโดยการวางเงินดาวน์ให้มากกว่าครึ่งของราคาจริง แผนการอันรัดกุมของผมดูจะน่ารำคาญมากในเวลานี้ เมื่อเห็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันกับชื่อนักร้องคนดังจอดอยู่ข้างๆ ในช่องจอดที่ผมเป็นคนสั่งเด็กให้เตรียมไว้เองด้วยซ้ำ ผมนึกเสียใจที่ตัวเองไม่ทุ่มเงินทั้งหมดไปกับรถคันหรูสักคัน เวลาที่มาจอดอยู่ข้างกันแบบนี้ ผมจะได้ไม่รู้สึกตัวเองตัวเล็กลงขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบกลับไปเอารถคันที่หรูที่สุดของผมมาจอดเทียบ แต่วันนี้ผมมีแค่รถที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสมรรถนะในการชิงชัย คนที่ผมกุมมืออยู่เหมือนจะมีเรดาร์จับความรู้สึกพ่ายแพ้ของผมได้ น้องกระตุกมือผมแล้วยิ้มให้


“ชอบคันนี้ รักคนนี้”


น้องชี้มือไปยังรถไฮบริดสีขาวของเรา ก่อนจะจิ้มนิ้วเรียวลงมาที่อกผม ผมยิ้มให้กับความน่ารักของน้อง ก่อนจะกอดขอบคุณคนข้างๆอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องพูดคำว่ารัก แต่น้องเคยพูดเวลาที่ถูกผมบังคับด้วยความเจ้าเล่ห์ เช่นการจั๊กจี้ หรือเวลาทำรักให้น้อง แต่ครั้งนี้น้องพูดมันออกมาเอง ผมจึงรู้สึกเหมือนต้นไม้เหี่ยวๆที่ได้รับน้ำ


“ลิน”


มีไม่กี่คนที่เรียกน้องว่าลินได้ นอกจากม่านแพง คิตตี้ ผม และดูเหมือนเจ้าของรถคันข้างๆก็เป็นหนึ่งในนั้น น้องตบหลังผมสองสามทีก่อนที่เราจะคลายอ้อมแขนออกจากกัน


“สวัสดีครับพี่พอร์ช”


น้องไหว้คนที่มีไฝเม็ดเล็กใต้ตาด้วยความสุภาพ


“เอ่อ สวัสดีครับ สบายดีใช่มั้ย”


“สบายดีครับ อ้อ นี่พี่ภูฟ้าครับ อายุเท่ากันกับพี่พอร์ช แต่พี่พอร์ชน่าจะรู้จักพี่ภูในฐานะหุ้นส่วนของร้านไปแล้ว งั้นผมขอแนะนำให้รู้จักในฐานะแฟนผมครับ”


ผมดีใจจนอยากร้องตะโกนออกมา หน้าของคนหล่อตรงหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด


“อ่า ครับ สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณภูฟ้า ผมเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของลินหน่ะครับ”


สาบานได้ว่าจากนี้จะหาชื่อใหม่มาเรียกปาลิน ไม่อยากซ้ำกับที่“คนอื่น”เรียก


“อ้อ ครับ ผมไม่ยักรู้ว่าลินเป็นน้องโรงเรียนคุณพอร์ช ไม่งั้นคงฝากทาบทามให้มาเล่นที่ร้านผมบ้าง”


ไม่จ้างอีกแล้วโว้ย ต่อให้จะดังกว่านี้ขนาดไหน เอ็งก็อย่าหวังจะได้มาเหยียบร้านข้า


“ยินดีครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าผมขอยืมตัวลินซักสิบนาทีได้มั้ยครับ พอดีมีเรื่องอยากคุยหน่ะครับ”


โอ้โห นี่เห็นกูมีมารยาทเข้าหน่อยก็หวังเคลมเมียกูเลยนะมึง กำลังจะง้างปากบอกว่าไม่ได้ แต่เพราะแรงบีบที่มือทำให้ต้องหันไปสบตากับคนที่ผมแพ้ให้เสมอ รอยยิ้มที่ผมแสนรักยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งตั้งแต่วินาทีนั้น ผมก็รู้แล้วว่าผมพลาด มันทำให้การตัดสินใจของผมมีปัญหาและทำให้ผมตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆออกไป


“คุยในรถแล้วกัน ลินจะได้ไม่ร้อน”


เสียงผมเองครับ เสียงไอ้ควายที่ควรเตรียมตัวไปไถนาได้แล้ว แต่จะให้ยืนคุยกัน ก็เป็นผมเองที่ใจบางกลัวน้องเมื่อยน้องร้อน มัวแต่ห่วงน้องจนกระทั่งความคิดควายๆที่ติดอยู่ที่ปากถูกส่งออกไป จะเปลี่ยนใจก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว


“ขอบคุณครับ ผมขอแค่สิบนาที”


ไอ้เชี่ยนักร้องหน้าหล่อ กดรีโมทปลดล็อค แล้วเดินมาเปิดประตูให้น้องเข้าไปนั่ง ก่อนตัวเองจะอ้อมไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับรถคันหรูของเจ้าตัว พอเห็นภาพนั้น หัวเข่าผมก็แทบทรุด ถึงจะด่าตัวเองว่าควายอีกกี่พันครั้งก็คงไม่สาสม แถมยังจะสงสารควายอีกด้วย


เพราะกลัวมันจะพาน้องหนีไป ผมจึงขึ้นมานั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์เตรียมพร้อมอยู่บนรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆมัน อยากจะมองเข้าไปในรถ แต่ฟิล์มรถมันก็มืดชิบหาย จนผมนึกด่าตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ใจก็ทรมานจนเหมือนจะขาดเสียให้ได้


พูดตรงๆก็กลัวแหละครับ กลัวน้องเลือกมัน ถึงรู้ว่ามันได้ทำโอกาสที่น้องเคยให้ หลุดมือไปแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็ได้ชื่อว่าเป็น“คนที่เคยมีกุญแจ” ส่วนผมก็ยังก้ำกึ่งว่าน้องให้กุญแจมาด้วยความเต็มใจหรือน้องยังไม่ได้ให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด


ก๊อกก๊อกก๊อก


กระจกฝั่งคนนั่งถูกเคาะขึ้น ผมรีบปลดล็อคเมื่อเห็นว่าเป็นน้อง


“ใจคอจะทิ้งกันไว้ข้างนอก ให้ยุงหามจริงๆหรอครับ”


น้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสที่ผมไม่อยากเดาที่มา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาน้อง รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรงเต็มที


“กลับบ้านเรากันนะครับ”


ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้น้ำเสียงแบบไหนบอกคนตรงหน้า รู้แต่ว่าความรู้สึกอยากร้องไห้มันประดังประเดเข้ามาแทบจะในทันทีที่น้องผงกหัวตอบรับคำชวน



..ปาลิน..


ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ภูเอาแรงมาจากไหนถึงขับรถมาถึงคอนโดได้ ไม่ใช่เพราะว่าระยะทางไกลหรือพี่ภูเมา แต่เป็นเพราะท่าทางเหมือนคนหมดสิ้นพลังใจนั่นต่างหากที่ทำให้ผมกังวล


“พี่ภู”


ผมเรียกคนที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ผมไม่ชอบแววตาเหมือนคนยอมแพ้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างของพี่ภูในตอนนี้เลย ผู้ชายที่กล้าเดิมพันทุกอย่างกับความรัก ผู้ชายที่กล้าหาญคนนั้นหายไปไหนกันนะ


“พี่ภูครับ”


รอยยิ้มซีดเซียวถูกส่งมาให้ผม ในวินาทีนั้นผมจึงได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดของพี่ภู ผมเป็นโลกทั้งใบของพี่ภู ผมจึงเป็นคนกำความทุกข์และสุขของพี่ภูไว้ด้วยสองมือ ถ้าผมบีบพี่ภูคงต้องทุรนทุราย แต่ถ้าผมคลายผมก็ต้องมั่นใจว่าไม่เผลอทำหัวใจพี่ภูตกหล่นระหว่างทาง


“พี่ภูครับ อาบน้ำด้วยกันนะ”


ผมข่มความอาย แล้วเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาก่อน ผมบอกแล้วว่าพี่ภูไม่ใช่คนเดียวกับที่พี่จั๊ดพี่ปาล์มเล่า ตลอดเวลาสองเดือนที่เป็นแฟนกันมา ถึงแม้พี่เขาจะนอนกอดผมอยู่บนเตียงเดียวกันทุกคืน แต่พี่ภูยังไม่เคยล่วงเกินผมมากไปกว่าการจูบ ลูบไล้ หรือปรนเปรอนอกร่างกายให้ผมเพียงเท่านั้น


ผมรู้ว่าพี่เขาก็ต้องการผม แต่การข่มใจของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าพี่ภูรักและถนอมผมมากขนาดไหน ที่ผ่านมาผมก็แค่อายที่จะบอกพี่ภูว่า “ผมก็ต้องการพี่ภูนะ” แต่วันนี้ ผมอยากทำให้พี่ภูมั่นใจในความรู้สึกของผมเหมือนกัน


“ลิน เอ่อ น้องว่ายังไงนะครับ”


ดูเหมือนพี่ภูจะคิดมากกับการที่พี่พอร์ชเรียกชื่อผมอย่างสนิทสนม ความจริงแล้วม่านแพงเป็นคนเรียกผมแบบนี้ เป็นพี่พอร์ชเองที่เรียกตามม่านแพงกับคิตตี้อีกที ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าการถูกเรียกแบบไหน จะมีความสำคัญยังไง จนกระทั่งพี่ภูทำให้ผมรู้ว่า ชื่อนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน


“น้องอยากอาบน้ำพร้อมพี่ครับ”


หน้าผมร้อนจนแทบไหม้ เพราะสติที่หลุดลอยของพี่ภูแท้ๆเลย ที่ทำให้ผมต้องข่มความอายพูดใหม่อีกรอบ แถมยังต้องแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่น่าอายกว่าเดิมอีกต่างหาก


“น้อง”


เหมือนพี่ภูจะอยากเลิกเรียกผมว่าลินจริงๆ ตัวผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชื่ออยู่แล้ว ถ้าพี่ภูชอบ ผมก็ชอบ


“ว่าไงครับ ผมก็อายเป็นนะ”


“น้อง”


พี่ภูเรียกผมด้วยเสียงโหยหาจนผมขนลุก ความร้อนแปลกๆเหมือนถูกจุดขึ้นที่ไหนซักแห่งในร่างกายของผม พี่ภูเดินมากอดเอวผมไว้ ดวงตาคมจ้องลึกราวกับกำลังค้นหาความหวาดกลัวจากดวงตาผม


“พี่กลัวหยุดตัวเองไม่ได้”


“ก็ไม่ต้องหยุดสิครับ”


ถ้าม่านแพงมาได้ยินคงกัดลิ้นตาย ส่วนคิตตี้คงร้องไห้เหมือนคุณแม่ที่มีลูกสาวท้องก่อนวัยอันควร แต่ผมก็คงเป็นเด็กใจแตกจริงๆ เพราะเมื่อสายตาคมปราบที่บรรจุลูกไฟนับร้อยลูกมองมาที่ผม ผมก็รู้สึกรุ่มร้อนราวกับกำลังถูกความร้อนนั้นโลมเลียร่างกายจนแทบไหม้


“น้องจะเจ็บนะครับคนดี”


ในที่สุดสาเหตุที่พี่ภูไม่ยอม“รัก”ผมก็ถูกเฉลย แต่เพราะพี่ภูเป็นคนชอบคิดมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของผม ทำให้ผมเชื่อว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นอีก


“พี่ภูไม่อยาก“รัก”น้องหรอครับ”


อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง คนอื่นเค้า“รัก”ยาก“รัก”เย็นแบบนี้มั้ยครับเนี่ย ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหน้าผมกับยางอายอันไหนจะบางกว่ากัน


“พี่กลัวน้องฝันร้าย”


ในที่สุดผมก็ได้รู้เหตุผลที่สอง


“พี่ภูยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่หรอครับ”


ผมพยายามข่มความอายเอาไว้ ก่อนจะทำใจกล้า ออดอ้อนบดเบียดตัวเองเข้าหาอกอุ่นที่คุ้นเคย มือก็ลากไปตามท้ายทอย โครงหน้า สันกราม ลงมายังอกแกร่งที่ผมซบอยู่ทุกคืน เขี่ยนิ้วหมุนวนรอบฐานอกจนพี่ภูกัดปาก แต่เพราะพี่ภูไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมจึงไม่ยอมหยุดมือ


“ดื้อจังเลยครับคนดี”


พี่ภูจับมือซนของผมไปทำโทษโดยการกดจูบย้ำๆซ้ำๆ ทั้งเลียทั้งขบเม้มดูดดุนทั่วซอกนิ้ว ลากเรื่อยไปจนถึงปลายนิ้ว ก่อนจะดูดนิ้วผมทีละนิ้วจนเกิดเป็นเสียงชื้นแฉะน่าอาย ลิ้นร้อนโชว์ทักษะความชำนาญเสียจนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ ความหวามไหวแล่นปราดทั่วร่างของผม ราวกับมีกระแสไฟฟ้านับล้านช็อตตั้งแต่หัวจรดเท้า


“พี่ภู”


“อย่ายั่วพี่สิครับ”


ไม่รู้ว่าผมส่งเสียงแบบไหนออกไป แต่ที่มั่นใจคือแววตาของผมคงจะเว้าวอนสุดๆ เลือดในกายผมถูกสูบฉีดไปเลี้ยงทุกส่วน โดยเฉพาะท่อนเนื้อกลางลำตัวที่ถูกเลือดเติมเต็มจนแข็งขืน ทั้งผลักทั้งดันกางเกงตัวโปรดของผมเพื่อรอการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


มีต่อนะ ฮริ้ง >////<


หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 25-09-2017 22:28:28
..ภูฟ้า..


ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแมวน้อยของผมที่ตอนนี้กำลังกลายร่างเป็นแมวยั่วสวาท เสียงไอ้จั๊ดที่คอยไซโคผมว่าครั้งแรกจะเจ็บจนเหมือนจะตายตามที่เมียมันเคยบอก แถมมีขู่ผมด้วยว่าเมียมันเข้าโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์หลังจาก“ทำรัก”กับมัน ผมรักถนอมของผมขนาดนี้ ถ้าต้องเห็นน้องเจ็บตัวจนเข้าโรงพยาบาลเพราะตัวเอง สู้ผมยอมโลกสวยด้วยมือต่อไปดีกว่า


แต่วันนี้คนตรงหน้าดูจะไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย เคยบอกไปแล้วว่าน้องเซ็กซี่ แต่วันนี้คำว่าโคตรเซ็กซี่ยังดูจะน้อยไป โคตรเอกซ์เบอร์นี้ ให้ได้อารมณ์ตรงตามภาพและเสียง ก็ต้องบอกว่าน้องโคตรยั่วเ-


ผมขบสันกรามจนขากรรไกรเจ็บไปหมด เมื่อความต้องการสวนทางกับความอดทนในใจ ยิ่งผมกำลังปะทุขนาดนี้น้องอาจยิ่งเจ็บ ผมไม่อยากสร้างบาดแผลให้น้อง และยิ่งกว่านั้นคือผมไม่ต้องการเป็นฝันร้ายของน้อง


“พี่ภู”


เสียงกระเส่ากับดวงตาฉ่ำเยิ้มทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เลือดในกายทุกหยดกำลังพาความร้อนไปรวมกันที่กลางลำตัว ผมกลั้นหายใจเพราะกลัวสูดฟีโรโมนคนตรงหน้าเข้าไป


“คนดี ให้พี่ช่วยนะ”


ผมประคองแก้มนิ่มของเด็กช่างยั่วขึ้น กดจูบแผ่วเบาซ้ายทีขวาทีอย่างขอกำลังใจให้ตัวเอง ดันตัวให้คนอายุน้อยกว่าพิงไปกับโต๊ะอาหาร ก่อนจะยกตัวคนที่หนักน้อยกว่าผมมากให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น แล้วจัดการลากเก้าอี้ตามมานั่งลงตรงหว่างขาเด็กตัวขาวที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูจากความเขินอาย มือหนาของผมถูไถส่วนโป่งนูนของน้องจนเต็มความยาว ทำช้าเร็วสลับกับนวดคลึงส่วนหัวผ่านเนื้อผ้า


จนเมื่อเห็นว่าน้องเริ่มจะไม่ไหว จึงปลดซิปแล้วถอดกางเกงทั้งในและนอกของน้องออกด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่ได้รับการปลดปล่อย ความเป็นชายของน้องก็ชี้หน้าผมแทบจะในทันที ผมชันขาน้องขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ในขณะที่สองแขนของน้องก็ยังดันเพื่อพยุงตัวไว้อยู่ ผมยืนขึ้นใช้มือขวาแกะกระดุมน้องอย่างแผ่วเบา ในขณะที่มือซ้ายก็เริ่มชักรูดให้น้องจนได้รางวัลเป็นเสียงครางแหบพร่า


เมื่อความสุขสมเริ่มทะยานขึ้นสูง ผมจึงไม่รอช้าที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเริ่มลงมือกินอาหารอันโอชะตรงหน้า เริ่มจากการลากลิ้นไล้เลียตามซอกขาขาว โดยไม่ลืมที่จะขบเม้มแสดงความเป็นเจ้าของไปทุกที่ที่ลากลิ้นผ่าน รอยกุหลาบสีหวานถูกแต่งแต้มให้ภาพตรงหน้ายิ่งน่าย่ำยีให้ครางไม่หยุด กับคนคนนี้เท่าไหร่ก็คงไม่พอ


ผมครอบปากลงไปกลืนกินกลางกายน้องให้เข้าไปจนสุด น้องผวาเฮือกขึ้นมาสอดมือไปกับเส้นผมของผมไว้คล้ายเป็นบังเหียน ยามเมื่อผมดูดเข้าดูดออกรัวเร็วจนน้องแทบคลั่ง มือขาวก็จะขยุ้มดึงจนผมต้องรัวลิ้นตอบสนองที่ปลายท่อนร้อนสีแดงเข้มที่กำลังรอการปะทุ ล่อหลอกนำพาทั้งดูดทั้งเม้มตลอดลำจนเกิดเป็นเสียงหยาบโลนที่ยิ่งช่วยทวีความเสียวกระสันจนน้องต้องบิดเกร็ง เมื่อแขนไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวเอง น้องจึงปล่อยหลังเนียนสัมผัสแนบไปกับโต๊ะอาหาร ในขณะที่มือสวยยังไม่หยุดบังคับทิศทางการขึ้นสวรรค์ ผมเร่งจังหวะชักรูดด้วยสองมือ ในขณะที่ส่วนปลายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ลิ้นร้อนและริมฝีปากที่ห่อตัวเพื่อรูดรั้งถี่รัว เสียงครางและเสียงหอบหายใจถี่กระชั้น ดังสลับกันจนผมต้องรีบเร่งความเร็วเพื่อพาน้องไปสวรรค์ ดินแดนที่ผมเคยพาน้องไปหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ผมรู้ว่า อีกไม่นานผมก็จะพาน้องไปถึงที่นั่นอีกครั้ง


ผมใช้ลิ้นละเลงทั่วส่วนหัวจนน้องบิดไปมาอย่างน่าสงสาร เสียงครางแหบพร่าฟังไม่เป็นภาษาดังออกมาจากริมฝีปากคู่สวย เมื่อของเหลวสีขาวขุ่นถูกปล่อยเข้ามาจนล้นโพรงปากผม ผมกลืนและเลียคราบรักที่เปรอะเปื้อนจนเกลี้ยง ก่อนจะก้มจูบทั่วหน้าสวยอย่างหลงรัก อุ้มคนหมดแรงเข้าไปนอนบนเตียง ก่อนจะหันออกมาเพื่อไปจัดการตัวเองก่อน


ผมรีบถอดกางเกงออกเพื่อปลดปล่อยความคับแน่น ปิดฝาชักโครกเพื่อใช้นั่งในท่าถนัด มือร้อนเพราะพึ่งผ่านการปรนเปรอคนรักทำให้เกิดเป็นความเสน่หาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ จากนั้นจึงรัวมือที่กำรอบแก่นกายตัวเองจนสุดความยาวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก่อนที่ผมจะแตะขอบฟ้า เสียงไขประตูก็ทำให้ผมต้องตกใจ


น้องเปิดประตูเข้ามาในขณะที่ตัวเองยังเปลือยเปล่า ผมที่กำลังหอบหายใจติดขัดจากรสสวาทที่ชักนำด้วยมือตัวเองก็นิ่งค้างไปเพียงเล็กน้อย อารมณ์ผมมาไกลจนเกินจะหยุด ยิ่งมีตัวเร่งปฎิกิริยาอยู่ใกล้ๆ หัวใจผมก็ยิ่งสูบฉีดเลือดจนแทบหลุดออกมาจากอก ทำได้แค่หลับตาแล้วขบกรามแน่นเพื่อให้สมาธิจดจ่อแค่การปรนเปรอตัวเอง และไม่นานน้ำรักอุ่นร้อนก็ถูกฉีดพ่นออกมาจากเจ้าลูกชายของผม


ผมยังหลับตาสูดปากให้กับความเสียวซ่าน อกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเพื่อส่งออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ยังไม่ทันจะลืมตาขึ้น คนทรยศสองคนก็กำลังร่วมมือกันเล่นงานผมอยู่


ผมเผลอสบถด้วยเสียงกระเส่า เมื่อลิ้นเล็กของคนที่แอบไขประตูเข้ามาในห้องน้ำกำลังโลมเลียไปทั่วลูกชายของผม ที่ตื่นมาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การร่วมมือกันโดยคนที่ผมรักสองคนกำลังทำผมแทบคลั่ง เมื่อลืมตามาก็เห็นภาพที่ทำให้ผมเกือบกัดลิ้นตัวเอง


น้องนั่งคุกเข่าลงบนพื้นตรงหว่างขาผม แมวยั่วสวาทตัวขาวช้อนตาฉ่ำเยิ้มขึ้นมามองผมจนผมแทบกระแทกสวนท่อนร้อนระรัวในโพรงปากอุ่น พยายามกุมสติที่เหลือน้อยมากเอาไว้เมื่อลิ้นไม่ประสายังปัดป่ายไล้เลียขึ้นลงไปตามความเป็นชายของผม ดูดดุนจนผมเผลอครางด้วยความเสียวซ่าน และยิ่งเมื่อปลายลิ้นร้อนกับโพรงปากกำลังเลียนแบบสิ่งที่ผมทำให้น้องเมื่อครู่ ปากบางกลืนกินท่อนเนื้อจนแทบมิดลำ ผมสูดปากครางฮือกับเด็กที่เลียนแบบผมจนเก่งกาจ โพรงปากที่เร่งเร้าครอบดูดถี่รัวที่ปลายยอด ทำให้ผมอดไม่ไหวจนต้องจับหัวทุยโยกเข้าออกตามจังหวะที่ผมกระแทกสวน รัวเร็วจนผมชาวาบไปทั้งกาย ก่อนจะปลดปล่อยพิษเจ้าลูกชายเข้าสู่โพรงปากอุ่นที่พยายามกลืนกินจนหมด แต่ด้วยปริมาณทำให้น้ำรักบางส่วนไหลย้อยเปรอะมุมปากเกิดเป็นภาพชวนเสียวที่ส่งผลให้เจ้าลูกชายผมตื่นตัวเป็นครั้งที่สาม


ผมไม่เคยยอมให้น้องช่วย เพราะผมรู้ว่าจะไม่สามารถยั้งตัวเองได้ น้องเป็นเหมือนกัญชาสำหรับผม เสพติด มอมเมา และขาดไม่ได้


“พี่ภู “รัก”น้องนะครับ”


เสียงเว้าวอนของน้องเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึงลงพร้อมสติของผม ผมลุกขึ้นยืนเพื่อหาตัวช่วยในการรักน้อง จำได้ว่าไอ้จั๊ดเคยซื้อเซ็ตของขวัญ(มันเรียกแบบนั้น)ให้ผมอยู่ เหมือนจะเก็บไว้ที่ชั้นหลังกระจกห้องน้ำ แต่พอเปิดมากลับว่างเปล่า


“อ๊ะ อื๊ออออ”


ไม่ต้องหานานกว่านี้ เมื่อหันกลับไปตามเสียง ภาพที่เห็นก็ทำให้ความผิดชอบชั่วดีของผมขาดวิ่น น้องกำลังใช้เจลหล่อลื่นกลิ่นซากุระที่ไอ้จั๊ดซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นชโลมจนทั่วนิ้วเรียว ปลายนิ้วที่ไล้วนตามจีบพับบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังอยากลองแต่ไม่กล้า


แล้วที่เด็ดสุดคือท่าแมวคลานของน้องนี่แหละ ช่องทางรักลอยเด่นหราเชิญชวนให้ผมรีบคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแยงลิ้นเข้าไปเปิดทางให้ น้องเสียวจนผวาเฮือกร้องครางอื้ออึงจนน่าสงสาร ซึ่งคงได้ผลกับผมตอนที่ยังมีสติ แต่เพราะเวลานี้สติสัมปชัญญะของผม ดูเหมือนจะปลิดปลิวไปกับความเย้ายวนของน้องแล้ว นอกจากจะไม่ช่วยทำให้ผมหยุด กลับยิ่งคอยแต่เร่งเร้าให้ผมรังแกน้องให้สาแกใจตัวเองอีกด้วย


ก้อนกลมขาวนุ่มหยุ่นสองก้อน ถูกตะปบแหวกออกด้วยสองมือของผม ก่อนจะใช้ลิ้นเร่งสำรวจทางเข้าฉ่ำหวานอย่างย่ามใจ ยิ่งน้องกรีดเสียงสุขสมผมก็ยิ่งระรัวลิ้นย้ำ เมื่อลูกชายผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวจึงต้องตัดใจผละออกมาชโลมนิ้วกับเจลหล่อลื่น กลั้นใจใส่นิ้วแรกเข้าไปชำแรกช่องทางรักของน้อง รู้ก็รู้ว่าน้องจะเจ็บแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ทำได้แค่พยายามให้นุ่มนวลที่สุด ก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้าไปคว้านช่องรักที่ทั้งตอดทั้งดูด จนแทบรอความรู้สึกที่ถูกกลืนกินนี้แทบไม่ไหว


น้องกรีดร้องปนสะอื้นเรียกชื่อผมไม่หยุด ผมก็ได้แต่จูบกลางหลังแล้วขบเม้มล่อหลอกให้น้องถูกหันเหความสนใจ อีกมือก็ช่วยปรนเปรอกลางกายจนน้องแอ่นสะท้านจากการถูกรักทั้งหน้าและหลัง รู้ดีว่าสองนิ้วยังไม่พอกับขนาดกลางกายของตัวเอง เมื่อน้องถูกมอมเมาจนทะยานแตะสวรรค์ไปอีกครั้ง นิ้วที่สามและสี่จึงค่อยๆชำแรกและแช่ค้างช่องทางรักเพื่อให้น้องปรับตัวช้าๆ ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็อยากให้น้องมีความสุขด้วยกันในครั้งแรกของเรา ความอดทนถูกนำมาใช้อีกครั้ง ก่อนที่สี่นิ้วในช่องทางรักจะเริ่มขยับคว้านจนน้องหมดแรงซบหน้าลงกับพื้น


“อ๊ะๆๆ พี่ภู”


“ฮืออออ เสียว อื้อๆๆ น้องเสียว ฮือออ”


“อ๊าาา ตรงนั้น อ๊ะพี่ภู อ๊าาา”


น้องแตะสวรรค์อีกรอบ แต่คราวนี้เพราะความเสียวซ่านจากช่องทางด้านหลังเพียงอย่างเดียว ผมจึงไม่ลังเลที่จะแทรกท่อนร้อนของตัวเองที่ใส่ถุงยางอนามัยไว้เรียบร้อยแล้วเข้าไปทีละนิดทีละนิด


“โอ๊ยยยย ซี๊ดดดด รัดแน่นจนพี่จะแตกอยู่แล้วคนดี”


“อ๊ะ อ๊าาา พี่ภู”


“โคตรเด็ดเลยเมียจ๋า ซี้ดดด”


ทุกครั้งที่ผมพูดจาหยาบโลนเหมือนน้องจะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดความเสียวซ่าน ช่องร้อนที่กำลังกลืนกินผมตอดถี่รัวทุกครั้งที่ผมกระซิบคำลามกข้างหูจนผมแทบจะแตก


เมื่อแช่ไว้จนช่องรักน่าจะปรับตัวตามขนาดใหญ่โตของเจ้าลูกชายผมได้ ผมก็ประคองเอวน้องให้ลุกขึ้นยืนหน้ากระจก สองแขนน้องเท้าค้ำกับขอบอ่าง ในขณะที่สองมือผมก็โอบประคองเอวคอดพอดีมือให้รับแรงกระแทกถี่รัว ภาพสะท้อนจากหน้ากระจกยิ่งอีโรติกเร้าอารมณ์สุดๆ ผมใช้มือข้างหนึ่งบังคับประคองหน้าหวานที่มีหยาดน้ำตาและเหงื่อผสมปนเปกันจนเกิดเป็นความเซ็กซี่จนผมต้องสูดปากเพื่อเด้งสะโพกรัวใส่ไม่ยั้ง


น้องที่ร้องครางเสียงดังเป็นเวลานานคงแทบไม่มีเสียงแล้ว จึงได้ยินแค่เสียงครางอื้ออึงในคอยามเมื่อผมกระแทกระรัวยังจุดกระสัน ผมไม่ลืมจะตอดเม้มครางกระเส่าข้างหูสวยเพื่อเร้าอารมณ์ คางน้องก็ยังถูกผมบังคับให้มองภาพในกระจก เมื่อทุกความเสียวมารวมกัน ณ จุดเดียว ก็ถึงเวลาที่จะพาน้องไปแตะสวรรค์อีกรอบ


“เมียจ๋า แตกพร้อมกันนะทูนหัว”


ผมครางกระเส่าอย่างออดอ้อน เมื่อสัญชาตญาณดิบชักนำเราทั้งคู่มาจนถึงปลายทาง ผมดึงเจ้าลูกชายออกจนเกือบสุดลำ ก่อนจะกระแทกเน้นๆไปอีกสองสามครั้งจนน้องกระตุกเกร็ง ฉีดน้ำรักอุ่นร้อนเปรอะไปทั่วพื้นกระเบื้อง ผมไม่รอช้ารีบตามน้องไป กระแทกถี่รัวอีกไม่นานจนน้องหวีดร้องแล้วปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ผมจึงได้โอกาสปลดปล่อยจนเต็มถุงยาง รอน้องรีดน้ำเจ้าลูกชายผมจนหมดฤทธิ์แล้วจึงถอนตัวออกมาจากความอุ่นร้อนที่ผมติดใจ แต่เพราะรู้ว่าเป็นครั้งแรก จะให้รังแกน้องจนตัวเองอิ่มหนำก็คงทำไม่ลง


“รักนะครับ”


ผมหันตัวน้องให้มาซบอยู่ที่อกแกร่ง กอดประคองถ่ายทอดความรู้สึกแสนรักใคร่ไปให้คนในอ้อมกอด


“ปาลินรักภูฟ้านะครับ แล้วก็เลิกอิจฉาคนอื่นได้แล้ว ทั้งตัวทั้งใจผมยกให้พี่ไปหมดแล้ว”


ถ้อยคำบอกรักที่ทำให้ผมอุ่นซ่านในอก ผมก้มลงจูบซับตามหน้าผากชื้นเหงื่อ เปลือกตาสวย สองข้างแก้ม จมูกรั้น แล้วจึงจบลงที่จูบอ้อยอิ่งเพื่อส่งผ่านความถวิลหาให้แก่กัน


“พี่ภูไม่ต้องมีกุญแจเพื่อไขกำแพงใจของผมหรอกนะ”


ผมเลิกคิ้วเพื่อรอฟังสิ่งที่น้องกำลังจะพูดด้วยความแปลกใจ


“เพราะกำแพงของผมมันคงพังลงตั้งแต่ได้เจอพี่แล้วหล่ะครับ”


ผมหัวเราะตามเสียงหัวเราะแหบปร่าของคนในอ้อมแขน ความสุขที่ผมได้รับท่วมท้นเสียจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้เจอน้อง และได้รักน้องให้มากเท่าที่คนคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้ นึกขอบคุณความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองที่กล้าเสี่ยง ขอบคุณพ่อที่ไล่ผมออกจากบ้านจนทำให้ผมได้เรียนรู้และเติบโต ขอบคุณน้อง ที่เกิดมาเพื่อเติมเต็มอีกครึ่งชีวิตของผมให้สมบูรณ์ ผมสัญญาว่าไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ ผมจะทำให้ “ปาลิน” เป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกของ “ภูฟ้า” และจะทำให้ทุกคืนวันของเราอบอวลไปด้วยความรักระหว่างกันและกันตราบเท่าที่ผมยังหายใจ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


#ภูฟ้าปาลิน มาจากความรู้สึกอยากแต่งนิยายที่มีแนวคิดว่า
ถ้าเจอคนที่ใช่ คนคนนั้นก็จะเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกเรื่อง เราอยากดีเพื่อเค้า เท่าที่เราจะทำได้ (◠‿◠✿)
ตอนนี้ก็มาถึงโค้งสุดท้าย ใกล้จบจริงๆแล้ว อะไรที่อยากทำก็ได้ทำ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน
ทุกคอมเมนท์และทวิตติดแท็ก คือกำลังใจมากๆเลย อยากบอกว่า "You made my day" นะคะ
ปล ขอฟีดแบ็กฉากอัศจรรย์หน่อยน้า เมื่อวานเครียดมาก เพราะลงncกรุบกริบ คนแต่งก็แต่งครั้งแรก
และที่สำคัญโทนของเรื่องก็ไม่น่าจะมาร้อนแรงเบอร์นี้ด้วย (⁄ ⁄◕⁄ω⁄◕⁄ ⁄✿) รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีคนเมนท์
เลยเครียดเลย กลัวคนอ่านช็อค แบบว่าอิคนเขียนทำอะไรฟระ ฮ่าๆๆๆ
แต่วันนี้อาจหาญกว่าเดิมด้วยการลงตอนนี้ บางทีก็เกลียดตัวเอง ฮือ ทึ้งหัว
 

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 25-09-2017 23:18:00
เร่าร้อนมากหนูลิน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-09-2017 00:36:04
โถ ความรู้สึกพ่ายแพ้ของภูฟ้านี้ แต่สุดท้ายก็เหมือนได้ครอบครองโลกทั้งใบใช่ไหมล่ะ 
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-09-2017 06:44:02
ดีงามทั้งความน่ารักของพี่ภูและน้อง ร้อนแรงสมกับที่กักเก็บมานาน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2017 08:52:20
 :m25: :m25: :m25:
ในที่สุดที่ภูก็ได้กินน้องแล้วววววว
เราชอบที่พี่ภูเรียกลินว่าน้อง แบบฟังแล้วเหมือนจะละลายแทนลิน
ยิ่งพี่ภูเรียกน้องว่าเมียยิ่งโคตรเขินแทนลินอ่ะ
ตอนยังไม่ได้กินน้องก็ทั้งรักทั้งหวง นี่ได้กินน้องสมใจแล้วทีนี้พี่ภูจะอาการหนักกว่าเดิมไหมเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 26-09-2017 09:13:35
พี่ภูน่ารักอะ ทั้งรักทั้งหลงปาลินมากๆ
แต่ก็กลัวใจ คนเจ้าชู้แบบพี่ภูจะมีกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม
กลัวว่าวันนึงจะทำน้องเสียใจ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 26-09-2017 12:16:20
 :m25: นี่ขนาดเขียน(เรือ่งและnc) ครังแรกนะเนี่ย...ทำเอาเรา  :jul1:  :jul1:  :jul1:
ชอบค่ะ...เก่งมากๆเลยกับการเขียนเรื่องครั้งแรก...อ่านสนุกมาก..มีวินัยในการลงเรื่องให้เราอ่านอย่างมีความสุขทุกวันแบบสม่ำเสมอ... เลยกลายเป็นว่าทุกเช้า(ถ้าทำงานเช้า) ตื่นมาเปิดหาน้องลินพี่ภูก่อนไปbrewing my coffee อีก..... ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ... ขอให้มีตอนพิเศษมากๆหลายๆตอนนะค่ะ.  o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 26-09-2017 13:20:09
พี่ภูน้องลิน ร้อนแรงทั้งคู่ ไม่มีใครยอมใครเลย หูยยย อ่านแล้วเขิน >////<
จริง ๆ ไม่ค่อยกล้าคอมเม้นท์เกี่ยวกับ nc น่ะค่ะ มันอ่านแล้วเขินจริง ๆ 555
จะบอกว่าคนเขียน เขียนฉากนี้ได้ดีเลยค่ะ นึกภาพตามได้เป็นฉาก ๆ เลย
มันเลยยิ่งทวีความเขินจริง ๆ นะ ขอบคุณมากเลยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-09-2017 16:12:25
อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกันในรถอ่ะคับ แต่อ่านเอ็นซีแล้วเขินนิดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๗ღ "คนที่เคยมีกุญแจ" P.3 ☛ 25.09.17
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 27-09-2017 00:51:07
รอติดตามมมมม
หัวข้อ: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 27-09-2017 01:27:15
❥・ใจดวงที่๑๘・❥



ใจดวงสุดท้าย



..ภูฟ้า..


ไม่รู้ว่าไอ้จั๊ดมันหลอกผม เมียเด็กของมันบอบบาง หรือมันทำรุนแรงกับน้องกันแน่ เพราะหลังจากที่เด็กจืดของผมกลายร่างเป็นเด็กช่างยั่ว ก็ถูกผมเอาแต่ใจไปไม่น้อย แต่ตอนนี้นอกจากแก้มแดงๆกับลมหายใจอุ่นๆ ก็ยังไม่เห็นว่าคนน่ารักของผม จะมีทีท่าว่าจะไม่สบายตรงไหนเลย มิหนำซ้ำยังดูหลับสบาย เสียจนผมอยากจะลักหลับใจจะขาดแล้วเนี่ย


ถึงแม้เมื่อคืนจะเอาเปรียบน้องจนดึกดื่น แต่เพราะความสุขที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกาย และเพราะกังวลว่าน้องจะไข้ขึ้น ผมจึงหลับไม่ค่อยสนิทนัก จนแล้วจนรอดเลยเปลี่ยนมาเป็นนอนกอดคนที่ผมรัก แล้วใช้โอกาสนี้ถ่ายภาพเขาไว้ด้วยสองตา ให้มากเท่าที่จะมากได้เสียเลย


ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าน้องรักผม ไม่ใช่เพราะคำว่ารักที่น้องบอก แต่เป็นเพราะการกระทำของน้อง น้องยอมก้าวออกมาจากกำแพงของตัวเองเพื่อผมหลายต่อหลายครั้ง น้องที่ไม่อยากเปิดใจรับเพื่อนใหม่ กลับยอมผูกมิตรกับเพื่อนหลายคนในคณะ โดยเฉพาะไอ้น้องดิว ที่ก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับน้อง และกลายมาเป็นเงาตามตัวน้องอีกคน แต่ผีก็ยังเห็นผี ดูก็รู้ว่าไอ้น้องหล่อนี่คงจะชอบน้องแก้วตา สาวน้อยร่างอวบผู้เป็นความสดใสและเสียงหัวเราะประจำกลุ่ม แต่เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง เพราะผมอยากให้มันเผชิญความลำบากด้วยตัวเอง ฮ่าๆๆ


นอกจากเรื่องที่เห็นได้ชัดอย่างการยอมเปิดใจมากขึ้น เรื่องเล็กๆน้อยๆที่แสนน่ารักของน้องก็มีอีกมากมาย เช่นการที่น้องพยายามไม่ทานกุ้ง เพราะไม่อยากทานของอร่อยแค่คนเดียว จนผมต้องบังคับสั่งมาให้ทานหลายต่อหลายครั้ง การที่น้องยอมพูดความต้องการของน้อง เช่น การตั้งสเตตัสคบกันกับผมในเฟซบุ๊ค เอาจริงๆผมก็พึ่งรู้ ว่าน้องมีมุมเด็กขี้หวงไม่น้อยเหมือนกัน แน่นอนว่าผมดีใจและยิ้มหน้าบานไปหลายวัน


น้องมีเรื่องทำให้ผมประหลาดใจไม่หยุด ทั้งการบอกให้ผมย้ายมาอยู่ด้วยกัน และการที่น้องยอมให้ผมเป็นเจ้าของทั้งกายและใจ แค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว


“อื๊อ พี่ภู..พอแล้ว”


เสียงคนตัวขาวที่ยังเพลียประท้วงฝ่ามือผมที่เริ่มซุกซนอีกรอบ ถึงเมื่อคืนจะเอาแต่ใจไปแค่รอบเดียว แต่ผมก็พาน้องกลับมาแทะเล็มอยู่ที่เตียงเกือบทั้งคืน เรียกได้ว่า ไม่มีพื้นที่ไหนในร่างกายน้องที่ผมยังไม่ได้แสดงความรักใคร่


ฟอดดด


“พอแล้วก็ได้ครับ พี่ไปซื้อโจ๊กมาให้ทานก่อนนะ”


ผมหอมแก้มนุ่มของเด็กงอแงเพราะโดนปลุก น้องกระพริบตาถี่ๆ พยายามมองสู้แสงโคมไฟสีอุ่นที่เปิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน


“ไม่ให้ไป กอดๆ พี่ภูกอดๆ”


หลังจากเป็นแฟนกัน แฮปปี้ไทม์ของผมก็ขยายเวลามากขึ้นเรื่อยๆ การอ้อนตาใสของน้องก็มีให้เห็นเกือบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ยิ่งถ้าป่วยหรือพึ่งตื่น คนอายุน้อยกว่าก็ยิ่งสรรหาความน่ารักมาอ้อนผมเป็นพิเศษ จนแต่ละวันผมยิ่งรักยิ่งหลงน้องมากขึ้นเรื่อยๆ


หลายคนที่เคยปรามาสว่าเดี๋ยวผมก็เบื่อน้อง ก็เริ่มไม่กล้าออกมาวิจารณ์กันอีก ในเมื่ออาการหลงน้องจนโงหัวไม่ขึ้นของผม แนวโน้มมีแต่จะเพิ่มไม่มีลด จนเป็นที่เลื่องลือกันทั่วมหาลัย ถึงขั้นมีเพจภูฟ้าปาลินFC ซึ่งผมก็ว่าน่ารักดี ขนาดตัวผมยังตามไปกดไลค์และเซฟรูปบ่อยๆเลย ยิ่งในเพจ“มินนี่สสสสส์..มีเผือก”นี่ยิ่งทำให้คนสนใจคู่เรามากขึ้น มินนี่ขยันสรรหาเรื่องของผมและน้องไปลงทุกวัน เมื่อชาวเผือกชอบ เพจก็ยิ่งดัง ส่วนผมก็ได้แสดงความเป็นเจ้าของน้องในแบบของผม ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้ามาจีบหรือระรานน้อง ช่วยให้ผมเบาใจไปได้เยอะเลย


“อะๆ กอดๆอีกครึ่งชั่วโมงนะ เดี๋ยวเจ็ดโมงแล้วต้องยอมให้พี่ออกไปซื้อข้าวมาให้ทานนะ”


ผมสอดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา ที่กว่าผมจะตัดใจยอมผละออกมาจากคนตัวนุ่ม ก็กินเวลาไปไม่น้อย


“อื้อๆ”


น้องขยับตัวเข้าหาอ้อมกอดของผม แล้วพูดอู้อี้อยู่กับอก จนผมต้องก้มไปหอมกลุ่มผมนุ่มของคนน่ารักเสียหลายที และไม่ลืมที่จะลูบหลังกล่อมเบาๆให้คนติดสัมผัสได้นอนหลับสบาย


“น้อง”


“อื้อ”


“ฝันดีนะครับ ถ้าตื่นแล้ว เล่าเรื่องในรถให้พี่ฟังหน่อยนะ”


ผมระบายยิ้มส่งให้คนง่วง ที่พยายามขับไล่ความงัวเงีย ก่อนจะช้อนตากลมใสขึ้นมาสบกันกับผม


“เล่าเลยก็ได้ครับ”


น้องกระชับอ้อมแขนที่กอดเอวผมไว้ให้แน่นขึ้น ก่อนจะยิ้มละลายใจส่งกลับมาให้กัน เห็นน้องยิ้มได้แบบนี้ ใจของผมก็รู้สึกสงบลงได้อย่างน่าประหลาด


“อืม ผมก็รู้ว่าพี่พอร์ชกลายเป็นนักร้องดังไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่Vela พอได้เจอกันหลังจากผ่านมาตั้งสามสี่ปี ก็อึ้งๆเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดี ถามว่าชอบพี่เขาอยู่มั้ย หลังจากได้เจอ ก็ตอบได้เลยว่าไม่ แค่รู้สึกว่าการจากกันแบบแย่ๆ มันทำให้กระอักกระอ่วนใจเวลาที่ได้เจอ”


น้องจับจ้องสีหน้าผมตลอดเวลาที่เริ่มเล่า ผมเลยกระชับอ้อมแขนให้น้องรู้ว่าผมยินดีจะฟังจริงๆ อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมไม่คิดจะโปรโมทหรือโฆษณาถึงนักร้องคนนี้ให้ร้านผมเสียเครดิตอีก ทั้งน้องและผมจึงมีเรื่องที่ต่างคนต่างไม่รู้เกี่ยวกับการปรากฏตัวของพอร์ช พิชญุตม์อยู่ไม่น้อย ตัวน้อง ที่ไม่รู้ว่าจะได้มาเจอกับมันในสถานการณ์ที่ตัวเองเป็นคนรักของเจ้าของผับ กับมันที่กลายมาเป็นนักร้องคนพิเศษของค่ำคืนนั้น และตัวผม ที่พึ่งรู้ว่า“ไอ้เหี้ย”ที่ผมด่าในใจเป็นพันๆครั้ง จะเป็นคนเดียวกันกับทายาทไฮโซและศิลปินที่กำลังขึ้นหม้ออยู่ในเวลานี้


“ตลกดีนะครับ ที่พอได้เจอกันอีกครั้ง พี่เขากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”


ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม ส่งกลับไปให้คนที่กำลังถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นสาเหตุให้ผมใจแกว่งในค่ำคืนที่ผ่านมา


“พี่เขาขอโทษกับเรื่องวันนั้น ขอโทษกับทุกเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกแย่”


ผมรู้สึกตัวเองโตขึ้นมาก ก็เพราะเลือกที่จะไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหา อย่างตอนเพจแอนตี้น้องนั่น ผมก็แค่จัดการสั่งสอน ด้วยการตามหาตัวจากเลขIPอินเตอร์เน็ต และรวบรวมหลักฐานหมิ่นประมาทเตรียมเข้าแจ้งความพร้อมทนายความก็เท่านั้น แต่เพราะคนทำยังเป็นแค่เด็กปีหนึ่งที่ยังพอมีอนาคต และที่สำคัญคือถ้าเข้าแจ้งความ น้องก็ต้องรับรู้ ผมเลยเลือกที่จะบอกขอบเขตความสามารถของผมและแสดงให้ดูอีกเล็กน้อย เช่นการส่งหลักฐานทั้งหมดให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเด็กคนนั้น และไม่ลืมจะย้ำให้ได้รู้ ว่าถ้าหากยังไม่วางมือจากน้อง จะได้เจอกับอะไรที่น่ากลัวกว่านี้มาก


และกับเรื่องนี้ ถึงผมจะอยากกระทืบไอ้นักร้องนั่นให้จมดิน แต่เพราะกลัวจะกลายเป็นคนขี้ขลาดยิ่งกว่าที่เคยด่ามัน ผมเลยกะแค่สั่งสอน ด้วยการพูดความจริง ก็แค่บอกถึงพฤติกรรมการเบี้ยวงานให้คนในแวดวงผมรู้ เชื่อแน่ว่านิสัยอย่างมัน คงมีคนเคยโดนเหมือนกันอยู่ไม่น้อย แล้วก็จะรอดู ว่าคนที่ขาดวินัยในอาชีพ จะไปได้ไกลสักแค่ไหน ในแวดวงที่คลื่นลูกใหม่มาแรงแซงคลื่นลูกเก่าจนเป็นวัฏจักรอยู่แบบนี้


“แล้วน้องโอเคมั้ย”


ผมอยากรู้ว่าน้องตอบมันไปว่ายังไง


“ผมก็บอกไปแล้ว ว่าไม่โอเค”


ผมขมวดคิ้วแทบจะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


“คนนิสัยแย่ที่ชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่น สมควรได้รับการให้อภัยจากแค่คำว่าขอโทษคำเดียวหรอครับ”


ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบน้องว่าอะไรดี ความจริงผมควรสะใจที่น้องไม่ให้อภัยมัน แต่เพราะกลัวความโกรธจะผูกมัดให้น้องยังลืมมันไม่ได้ ผมก็เลยไม่แน่ใจนัก ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร


“ผมบอกพี่เขาไป ว่าผมคนที่โกรธทั้งพี่เขาและตัวเองก็ยังไม่ได้หายไปไหน แค่เลือกที่จะไม่เอามาถือไว้ให้หนัก แต่เลือกที่จะใช้เป็นบทเรียนในชีวิตก็เท่านั้น ถ้าร้องขอการอภัยจากผมตอนนี้ ผมยังไม่สามารถพูดได้จากใจ ว่าผมไม่โกรธเขา แต่ถามว่าผมมัวแต่คิดแค้นรึเปล่า ก็บอกเลยว่าไม่ ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว”


ผมยิ้มให้คนฉลาดตอบ ก่อนจะจุมพิตหน้าผากมนของคนที่ผมรัก เท่าที่ฟัง น้องก็ไม่ได้แยแสอะไรมันแล้ว แต่แค่ไม่อยากให้มันลืม ว่าตัวเองเคยทำเหี้ยไว้แค่ไหนสินะ


“แต่ตลกมากเลยนะพี่ภู วันนี้ที่พี่เขามีทุกอย่าง ความสามารถ ชื่อเสียง เงินทอง แต่กลับเหมือนไม่มีใครเลย ประกายตาร่าเริงก็หายไปแล้ว พี่เขาถึงกับถามผมว่าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย จะยอมทิ้งพี่ภูมาหาเขาได้หรือเปล่า”


กึก


ไอ้เหี้ยพอร์ช


จากที่อยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้น้องพึ่งได้ ตอนนี้ผมชักคันตีนอยากตามไปกระทืบมันให้จมดินอีกแล้ว


“อย่าทำหน้าบึ้งขนาดนั้นสิครับ”


น้องชันตัวขึ้นมาจูบเบาๆที่ริมฝีปากผม ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้


“ผมบอกพี่เขาไปแล้ว ว่าต่อให้พี่ภูไล่ ลินก็ไม่ไปไหนหรอก”


น้องหัวเราะร่วนกับหน้าบูดๆของผม ช่วยไม่ได้หรอก ก็ผมรักผมหวงของผมนี่นา


“แล้วก็บอกไปแล้วด้วยนะ ว่าต่อไปถ้าบังเอิญเจอกัน ไม่ต้องทักหรอก ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ให้เรียกชื่อเล่น ไม่ก็ชื่อจริงไปเลย เพราะชื่อ“ลิน”หน่ะ เก็บไว้ให้คนที่รักเรียกเท่านั้น”


ประโยคน่ารักของน้องทำให้ใจเหี่ยวๆของผมพองฟูจนแทบลอยได้ น้องใส่ใจผมเสมอ คนอื่นอาจจะคิดว่า เป็นผมที่เอาแต่วิ่งตามน้องอยู่ฝ่ายเดียว แต่สำหรับผม กลับรู้สึกว่าผมไม่ได้วิ่งอยู่ลำพัง แต่เป็นเราทั้งคู่ที่จูงมือกันก้าวผ่านแต่ละวันอย่างมีความหมาย ผมอาจจะแสดงออกมากมายในสายตาคนอื่น แต่เปล่าเลย ความใส่ใจของน้อง ก็แสดงออกมากมายในสายตาผมไม่ต่างกัน


จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ


ผมพรมจูบรัวๆไปทั่วผิวหน้าเนียนอย่างรักใคร่และมันเขี้ยวคนช่างพูด เรียกเสียงหัวเราะเพราะความจั๊กจี้จากคนใต้ร่าง จนบรรยากาศในห้องนอนของเราสดชื่นขึ้นเป็นกอง


“อื๊อออออ พี่ภู!”


อยากสดชื่นกว่านี้ เลยอุ้มคนน่ารักให้ขาเกี่ยวเอวผมไว้ ก่อนจะพาลุกขึ้นทั้งๆที่น้องยังประท้วงอยู่


“พี่ภู ลินเจ็บ”


เวรละไง เล่นไม่ดู เผลอทำเมียเจ็บ


“พี่ขอโทษครับ เจ็บมากมั้ย ลินเจ็บตรงไหน”


ผมรีบย่อตัวให้น้องนั่งลงกับเตียง ทั้งๆที่ขายังเกี่ยวเอวผมไว้


“ก็เจ็บตรงนั้นไงเล่า!”


ป้าบบบ


นั่นไง โดนคนขี้เขินทำร้ายร่างกายไปหนึ่งที โทษฐานอุ้มท่าที่ทำให้น้องเจ็บ โดนตีแต่มีความสุขแฮะ งานนี้ผมเลยหุบยิ้มไม่ได้ เรียกสายตาดุๆจากคนหน้าแดงที่มองคาดโทษมาทางนี้


“ครับผมๆ ไว้หายแล้วลองท่าเมื่อกี๊กันเนาะ”


ปึบบบ


แหะๆๆ คราวนี้เลยได้หมอนใบโต ฟาดเข้ามาจนเต็มหน้าเลยครับ


“ไม่คุยด้วยแล้ว!!”


งานนี้คนเขินจนงอนเลยเดินปึงปังด้วยความเก้ๆกังๆไปยังห้องน้ำ น่ารักเป็นบ้าเลยน้องครับ ใจพี่บางหมดแล้ว


“อาบด้วยกันนะจ๊ะเมียจ๋า”


ผมอาศัยความหน้ามึนรีบวิ่งตามและแทรกตัวเข้าไปก่อนที่น้องจะปิดประตู ถึงจะเข้าไปได้ แต่ก็โดนทั้งหยิกทั้งตีเลยคราวนี้ แหม ทีเมื่อคืนใครกันที่ไขกุญแจมายั่วเราให้ตบะแตกนะ ชิชะ สงสัยต้องทวนความจำซะแล้ว


“อื๊อออ พี่ภู แปรงฟันอยู่ อื๊ออ อ๊ะ ..อ.อ๊ะ”



..ปาลิน..


กว่าจะได้ทานข้าวเช้าก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เป็นเพราะพี่ภูคนเดียวแท้ๆ แต่คนต้นเหตุกลับกำลังบ่นงึมงำไม่หยุด เรื่องที่ผมทานข้าวไม่ตรงเวลา ถึงแม้พี่เขาจะบ่นตัวเอง แต่ก็อดทำให้ผมอายไม่ได้นี่นา จะพูดซ้ำๆย้ำๆทำไม ว่าเอาเปรียบผมยังไงบ้าง


“หยุดบ่นเลยนะพี่ภู”


ทนความบ้าบอของพี่ภูไม่ได้ ก็เลยต้องห้ามเสียหน่อย คนหน้าไม่อาย บ้าบอที่สุด


“ครับผม แล้วลินเจ็บมากมั้ย”


พี่ภูหายงอนเรื่องชื่อผมแล้ว เลยยอมกลับมาเรียกผมว่าลินเหมือนเดิม


“เจ็บมากกกกกก ต่อไปห้ามพี่ภูทำอีกเลยนะ”


ผมเก๊กหน้าดุมองพี่ภู ซึ่งก็ทำให้คนที่รังแกผมอย่างเอาแต่ใจตลอดเช้านี้หน้าจ๋อยไปเลย สมน้ำหน้า มีอย่างที่ไหน พอรู้ว่าตื่นมาผมก็ยังแข็งแรงดี ไม่ได้เป็นอะไรมากมายแบบที่พี่ภูกลัว พี่แกก็จัดหนักจัดเต็ม แทบทำให้ผมลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลยทีเดียว


“โถ่ ลินจ๋า คนดีของพี่ ให้พี่รักหนูนะ นะๆๆๆ”


บ้าบอใหญ่แล้วเดี๋ยวนี้ คำก็หนู สองคำก็เมียจ๋า


เปี๊ยะๆๆๆๆ


“โอ๊ยๆๆๆๆ เมียจ๋า ผัวเจ็บนะครับ”


นั่นไงหล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำ


ป้าบ!


“โอ๊ย ยอมแล้ว พี่แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง”


คนโดนตียิ้มเผล่จนน่าโดนตีอีกรอบ


“ไปแต่งตัวเลย เดี๋ยวไปแคสงานสายนะ”


เดี๋ยวนี้พี่ภูขยันทำงานมาก มากจนบางทีผมก็อดห่วงไม่ได้ ไหนจะเรียน บริหารVela เล่นหุ้น และเดี๋ยวนี้ก็เริ่มรับงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาอีกด้วย ดีที่ตอนนี้มหาลัยอยู่ในช่วงปิดภาคเรียนที่หนึ่ง คนที่ไม่เคยได้พัก เลยมีเวลาหายใจหายคอได้บ้าง ส่วนผมที่พี่ภูมอบหมายหน้าที่ที่แสนสำคัญให้เพียงสองอย่าง ก็คือตั้งใจเรียนและมีความสุข เลยอดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือพี่ภูบ้าง เช่น ตอนนี้พี่เขาก็ยอมให้ผมขับรถให้นั่งบ้างแล้ว หลังจากผมอ้อนให้พี่ภูสอนผมขับจนคล่องกว่าเดิม นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้พี่ภูมีความสุข นั่นก็คือการตามใจพี่ภูและอ้อนพี่เขาให้มากๆ





หลังจากไปส่งพี่ภูที่สตูดิโอสำหรับแคสติ้งงาน ผมก็มาทำภารกิจลับ ที่ผมแอบทำมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว


“น้องลิน”


“สวัสดีครับคนสวย”


เสียงทักทายของผม เรียกรอยยิ้มให้ประดับบนหน้าสวย ของคนที่กำลังเปิดประตูขึ้นมานั่งเคียงข้างกันกับผม


“ไปส่งพี่ภูเรียบร้อยแล้วหรอคะ”


“พี่ภูคือใครครับ ไม่เห็นรู้จักเลย ใจผมมีแต่คนสวยคนเดียวเลยนะ”


นาทีนี้ผมต้องแอบทิ้งพี่ภูไว้ก่อน เพราะอยากทำคะแนนกับคนที่ยิ้มทั้งปากทั้งตา ซึ่งกำลังหัวเราะถูกใจกับสิ่งที่ผมบอกเธอ


“ดีจังเลย วันนี้ได้ควงหนุ่มโสด ว่าแต่เราจะไปไหนกันดีคะ”


ตุ๊กตาหน้ารถของผมมีสีหน้าสดชื่น จนผมอดยิ้มตามไม่ได้


“ไปตลาดนัดสวนจตุจักรกันครับ”


ผมหัวเราะกับคนตาโตที่กำลังอ้าปากค้าง ก็แน่หล่ะ เห็นบ่นว่าอยากไปมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปสักที


“น้องลินน่ารักที่สุดเลย”


ฟอดดดด


ไม่ว่าอยู่กับใคร แก้มผมก็ต้องช้ำแน่ๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มตอบคนที่ดีใจเหมือนเด็กๆ


ตลาดนัดสวนจตุจักรในเวลาเกือบบ่ายสอง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งไทยและต่างชาติ คนสวยของผมตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างเสียจนผมต้องจับมือเอาไว้ เพราะกลัวจะคลาดกัน


“ดูเครื่องแก้วนั่นสิคะน้องลิน สวยมากเลย”


“อุ๊ย โมบายแบบนั้นก็น่ารัก”


“ขนมอะไรคะนั่น น่าทานมากเลย”


“โหหห มีขายเพื่อนวู้ดดี้เต็มเลยค่ะ น่ารักจัง”


ผมที่มือหนึ่งถูกคนตื่นตาตื่นใจจับจูงไปจนทั่วตลาดนัด ส่วนอีกมือก็ถือของที่คนสวยเลือกสรรและจับจ่ายสินค้าจนแทบล้นอยู่นานสองนาน แต่กลับดูจะไม่รู้สึกเมื่อยเลยสักนิด


“ร้อนมั้ยครับ พักดื่มน้ำก่อนดีมั้ย”


เป็นผมที่ห่วงว่าร่างบอบบางของคนตรงหน้า จะทนความร้อนของแดดประเทศไทยไม่ได้เสียก่อน


“อุ๊ย ลืมไปเลย เราเดินกันมาจะสองชั่วโมงแล้วหรอคะเนี่ย น้องลินเหนื่อยมั้ยคะ ปะๆๆ พักกันค่ะ”


คนสวยยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมามองเวลา ก่อนจะทำหน้าไม่สบายใจหันมาทางผม


“ไม่เหนื่อยเลยครับ คนสวยนั่นแหละ เหนื่อยรึเปล่า”


“น้องลินนี่ปากหวานจนน้ำตาลสดแก้วนี้ต้องจืดไปแล้วแน่เลย”


คนยิ้มหวานที่พึ่งนึกได้ว่าเรายังไม่ได้ดื่มน้ำกันสักหยด หลังจากเดินเข้านอกออกในแต่ละซอยของตลาดนัดแห่งนี้เป็นเวลานาน จึงจัดการรีบซื้อน้ำตาลสดที่ตั้งแผงอยู่ไม่ห่างจากเราสองคนมากนัก ก่อนจะยื่นแก้วที่พึ่งรับมาจากคนขายยื่นมาตรงปากผม แล้วยังใจดีใช้มืออีกข้างจับหลอดให้ผมดื่มได้ถนัดๆอีก


“ขอบคุณครับ”


ฟอดดด


ผมยิ้มหวานและไม่ลืมจะหอมกลับคนใจดีอีกหนึ่งฟอด เรียกเสียงหัวเราะมีความสุขจากคนที่พึ่งเคยมาจตุจักรได้เป็นอย่างดี เห็นทีงานนี้ถ้าพี่ภูรู้ผมคงโดนงอนหนักแน่ๆ


พวกเราเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ จนตอนนี้ผมไม่สามารถจูงมือคนสวยได้แล้ว เพราะถุงมากมายถูกกำจนเต็มสองมือ


“ว้าย ของเต็มมือน้องลินเลย”


คนสวยที่หลังจากพักเหนื่อย ก็เดินต่อจนเกือบเย็น หันมาทำสีหน้าตกใจ หลังเห็นของในมือผม


เปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ฉันไม่ได้ชอบเธอ

รู้สึก นิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ

บอกว่าเปล๊า ฉันไม่ได้รักเธอ

เปล๊า ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้สึกชัดไป

ก็ช่วยแกล้งทำเป็นเชื่อได้หรือเปล่า



เพราะถือของจนเต็มสองมือ เลยเป็นคนสวยที่ช่วยล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของผม ที่กำลังแผดเสียงเพลงของคุณภูฟ้าเขาหล่ะ แน่นอนว่าพี่ภูเห็นผมตั้งเสียงรอสายเป็นออริจินอลเวอร์ชั่นเลยเกิดการยอมไม่ได้ เจ้าตัวเลยเอาไปอัดเป็นเสียงตัวเองแทนซะเลย บ้าบอ บอกแล้วว่าพี่ภูหน่ะบ้าบอที่สุด


“นี่หน้าไม่อายขนาดนี้เลยหรอคะเนี่ย”


คนสวยที่จำเสียงของเจ้าของเพลงรอสายได้ หัวเราะร่วนมองมาที่ผม


“รับเถอะครับ เดี๋ยวจะงอแงยิ่งกว่านี้”


ผมยิ้มขำคนที่กำลังอึ้งและขบขันกับความเป็นเอามากของพี่ภู


“สวัสดีค่ะ”


“ลิน? ไม่ทราบว่านั่นใคร? ผมขอสายเจ้าของโทรศัพท์หน่อยครับ”


เสียงที่ดังจากลำโพงที่คนสวยใจดีเปิดให้ผมได้ฟังด้วยกัน


“แหม คำก็ลิน สองคำก็ลิน แล้วยังจำเสียงกันไม่ได้อีก จะงอนแล้วนะคะเนี่ย”


ผมหัวเราะเมื่อเห็นว่าคนปลายสายนิ่งอึ้งไปแล้ว


“แม่? นั่นแม่หรอครับ? แม่ไปอยู่กับน้องได้ยังไงครับ”


พี่ภูดูจะตกใจเอามากๆกับภารกิจลับของผม


“ก็พี่ภูนั่นแหละ แอบเก็บน้องลินไว้คนเดียว เชอะ คุณแม่ก็เลยต้องมาขโมยสิคะ น่ารักขนาดนี้”


การสนทนาของเราเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ จนคนที่เดินไปเดินมาหันมามองกันใหญ่ แต่คุณแม่คุณลูกคู่นี้เขาเหมือนกันอย่างกับร่างโคลนนิ่ง แน่นอนว่านอกจากจะไม่อายแล้ว ยังมีความสุขกับภาษากายและการแสดงออกถึงความรักอันเปี่ยมล้นนี่ด้วย


หลังจากเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการเมื่อสองเดือนก่อน ผมก็พยายามเปิดใจกับหลายๆอย่างมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นมีพี่ภูเป็นตัวแปร ผมไม่สบายใจที่เป็นสาเหตุที่พี่ภูถูกไล่ออกจากบ้าน ถึงพี่ภูจะสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องระหว่างเราให้ทุกคนรับรู้ แต่สำหรับผู้ใหญ่ เรื่องของเราก็ยังยากที่จะยอมรับได้ ตัวผมโชคดีที่หลังจากโทรบอกที่บ้าน ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ขอให้พาพี่ภูไปเยี่ยมพวกท่านที่เชียงใหม่บ้างก็เท่านั้น แต่เรื่องทางบ้านพี่ภูนี่สิที่ทำให้ผมหนักใจ


ผมปรึกษากับม่านแพงคิตตี้พี่จั๊ดและพี่ปาล์ม จนได้ข้อสรุปว่า ผมควรลองเข้าหาที่บ้านพี่ภูบ้าง เริ่มจากการไปสวัสดีและแนะนำตัวเองกับพี่พาฝัน พี่สาวของพี่ภู โชคดีที่ผมสามารถไปทำความคุ้นเคยและเข้าหาพี่ฝันได้บ่อย เพราะเธอมีร้านเสริมสวยและห้องเสื้อครบวงจรอยู่ที่ห้างไม่ไกลจากมหาลัย พี่ฝันเป็นคนสวย ใจดีและมีความคิดทันสมัย เธอไม่ได้ตกใจจนเกินไปกับเรื่องระหว่างผมและพี่ภู เธอบอกกับผมเพียงว่า


“ก็รักไปแล้วนี่เนอะ จะให้ทำยังไงได้หล่ะ จะเพศไหนถ้ารักก็คือรัก มีตั้งหลายคนที่แค่คิดจะรักยังไม่กล้าเลย พี่ภูมิใจในตัวภูนะ แล้วก็จะเป็นคนที่อยู่ข้างๆเราทั้งคู่เอง”


เพราะพี่ภูงานยุ่ง ผมเลยมีเวลามาขลุกอยู่กับพี่ฝันที่ร้านได้บ่อยๆ พี่ฝันกำลังท้อง ผมจึงอยากดูแลพี่เขาให้มากๆ เพราะสามีพี่ฝันต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานเป็นว่าเล่น พอเริ่มสนิทกัน พี่ฝันก็ชอบเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง สอนผมหลายอย่าง และสอนให้ผมอย่ากลัวที่จะรัก เพราะพี่ฝันเคยขี้ขลาด จึงไม่อยากให้ผมหรือพี่ภูเป็นแบบเธอ ผมไม่ได้ซักพี่ฝันมากนัก ถ้าพี่ฝันสบายใจที่จะเล่า วันหนึ่งพี่ฝันคงเล่าเรื่องที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเธอเอง หรือไม่อย่างนั้น เธอคงเลือกที่จะฝังกลบมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด เพื่อเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าแทน


พี่ฝันช่วยผมหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่อยากจะเจอคุณพ่อคุณแม่ของเธอ แน่นอนว่าคุณพ่อที่เป็นคนไล่พี่ภูออกจากบ้าน ดูจะยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่ ผมจึงเริ่มจากการเข้าไปสวัสดีและแนะนำตัวกับคุณแม่พี่ภู ที่พี่ฝันนัดให้มาเจอกันที่ร้านของพี่ฝัน ตอนแรกก็กลัวมากว่าจะโดนต่อว่าไม่มากก็น้อย แต่ตรงกันข้าม เพราะคุณแม่ของพี่ภูท่านดีกับผมมาก คอยถามไถ่และชวนคุย ทำให้คนพูดน้อยอย่างผม ได้มีช่วงเวลาดีๆร่วมกับท่านเกือบจะทุกสัปดาห์


จากการเจอกันและทานอาหารที่ห้าง ตอนนี้ผมเลยอยากพาท่านมาเที่ยวในที่ที่ท่านไม่เคยมา อย่างตลาดนัดสวนจตุจักร ความจริงผมก็ยังไม่ค่อยโอเคกับสภาพตัวเองที่โดนพี่ภูเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อย แต่นัดแล้วก็ไม่อยากให้ท่านรอเก้อ จึงทำตามแผนเดิมที่ตัวเองวางไว้ ถึงแม้จะต้องกัดฟันข่มความเจ็บบ้างก็ต้องทน พอนึกถึงตัวการแล้วก็อยากยื่นมือลอดสายโทรศัพท์ไปหยิกเสียจริงเชียว



“โถ่ แม่ครับ แม่กับน้องอยู่ไหนเนี่ย บอกผมมาเถอะ ผมร้อนใจจะแย่แล้ว เดี๋ยวผมไปหานะ”



เสียงร้อนรนของพี่ภูยิ่งทำให้คนสวยที่พิมพ์เดียวกันเป๊ะกับพี่ภูยิ้มถูกใจ



“พี่ภูจะต้องตกใจ ถ้าคุณแม่บอกว่าตอนนี้น้องลินพาคุณแม่มาเที่ยวที่ไหน”


คุณแม่ติดเรียกพี่ภูตามผมมาสักพักแล้ว จนผมต้องกลั้นขำ เมื่อได้ยินคนที่คงงงไม่น้อย ตอนถูกแม่ตัวเองเรียกแทนตัวต่างไปจากเดิม


“แม่ครับ อยู่ไหนครับ ขอผมคุยกับน้องได้มั้ย น้องไม่สบายอยู่นะแม่”



ฉ่าาาา



เสียงหน้าผมที่ร้อนแทบไหม้ คุณแม่พี่ภูมีสีหน้าตกใจ หันมามองหน้าผมทันที



“น้องลิน น้องลินไม่สบายทำไมไม่บอกแม่หล่ะลูก ปะๆๆ กลับกันนะคะ นี่แม่ก็มัวแต่เดินเพลินเลย”


คุณแม่หน้าเสียไปเลยเมื่อได้ยินพี่ภูพูดแบบนั้น จนผมอดคาดโทษตัวการที่เป็นต้นเหตุไม่ได้


“ผมสบายดีครับคุณแม่ ไม่ต้องไปฟังพี่ภูนะครับ”


ผมยิ้มส่งให้คุณแม่พี่ภูได้สบายใจ


“แม่ครับ ลินจ๋า อยู่ไหนกัน พี่อยากไปหา”


แต่ลูกชายของท่าน ดูจะไม่ยอมเลิกงอแงง่ายๆ


“พี่ภูไม่มีรถ รออยู่นั่นเลยครับ เดี๋ยวผมกับคุณแม่จะไปรับนะ”


ผมคุยนัดแนะกับพี่ภูอีกนิดหน่อยก่อนจะพาคุณแม่ไปรับพี่ภูที่สตูดิโอที่ผมไปส่งไว้เมื่อบ่าย ตอนแรกๆพี่เขาก็ชอบงอแงให้ผมไปอยู่ด้วยถ้าผมว่าง แต่พักหลังๆเริ่มจะไม่อยากให้ผมอยู่รอแล้ว เพราะชอบมีคนชวนผมให้แคสติ้งด้วย และบางคนก็เข้าหาเพราะเจตนาอื่น ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้พี่ภูเลือกที่จะขับรถไปเอง หรือให้ผมไปรับไปส่งเพียงเท่านั้น




“ทำไมแม่ถึงอยู่กับน้องได้ครับเนี่ย”


พี่ภูถามทันทีที่ก้าวขึ้นรถ ดูท่าคนพึ่งเสร็จงานจะไม่ชินกับการต้องนั่งเบาะหลังของรถตัวเองสักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเลยได้เห็นหน้าตาน่าขำของพี่ภูที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


“แม่ก็จะมาแย่งน้องลินจากพี่ภูไง”


“โถ่ แม่ครับ”


“ผมชวนคุณแม่ออกมาเที่ยวเองครับ โดยมีพี่ฝันเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ”


ผมหัวเราะขำคุณแม่คุณลูก ที่โยเยใส่กันตั้งแต่เห็นหน้า


ฟอดดดดด


ฟอดดดดด



คนหน้าไม่อายยื่นหน้ามาหอมแก้มแม่ตัวเองที่นั่งฝั่งซ้าย ก่อนจะหอมแก้มผมที่เป็นสารถีอยู่ฝั่งขวา


“พี่ภูครับ ทำอะไรเนี่ย”


ถึงจะรู้ว่าดุไปก็ไม่เป็นผล แต่ก็ต้องปรามกันบ้าง ยิ่งนับวันยิ่งหน้าไม่อายใหญ่แล้ว ระหว่างทางที่จะมารับพี่ภู ผมก็โดนคุณแม่พี่เขาซักถามอาการป่วย จนผมหน้าร้อนแล้วร้อนอีก กว่าจะบ่ายเบี่ยงที่จะลงรายละเอียดได้ก็แทบแย่ เพราะเข้าใจดีว่าคุณแม่ท่านเป็นห่วง แล้วดูลูกชายตัวการของคุณแม่สิ ยังมีหน้ามาหอมแก้มผมให้ต้องอายอีกแล้ว อันตรายต่อหัวใจจริงๆเลย ผู้ชายบ้าบออย่างพี่ภูเนี่ย แต่ถ้าจะให้ผมห้ามพี่ภูไม่ให้แสดงความรักต่อหน้าคนอื่นแบบจริงจัง ผมก็ไม่อยากทำ เพราะการได้เป็นคนรักและถูกรัก ทำให้ผมมีความสุขมาก  พี่ภูดูแล ให้เกียรติ และกล้าที่จะบอกใครต่อใครว่าผมคือคนรัก ไม่ต้องบอกก็รู้เลย ว่าตัวผมนั้นโชคดีมากแค่ไหน ที่ได้รักกับผู้ชายคนนี้ “ภูฟ้าของผม”


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

ขอโทษที่มาผิดเวลาค่ะ พยายามจะแต่งตอนนี้ให้จบ
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สมบูรณ์อย่างที่ใจต้องการ
นับไปนับมาก็เกินหนึ่งพันคำแล้ว เลยขอเอาครึ่งแรกที่พอใจแล้วมาลงก่อน
ครึ่งหลังขอเกลาอีกนิด แต่งเพิ่มอีกหน่อย แล้วจะมาลงให้ได้อ่านภายในวันนี้นะคะ (❦ ᴗ ❦ ✿)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-09-2017 10:15:27
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 27-09-2017 10:23:15
 :hao5:สนุกมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจยิ่มทั้งเรื่องเลย พอเห็นว่าเป็นตอนจบก็ใจหายนิดๆเราเพิ่งได้อ่านเมื่อสองวันก่อนเผลอแปบเดียวจบแล้ว เรื่องราวของภูฟ้าปาลินน่ารักมากเลยค่ะ มันสะท้อนให้เห็นถึงความรักที่เปลี่ยนให้ทั้งคนดีขึ้นมันอบอวลทั่วทั้งเรื่องเลยรักแบบนิยามไม่ได้แต่มีความสุขค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ภาษาอ่านง่ายเหมือนอ่านบันทึกจากความรู้สึกของคนสองคนที่รักกันมาก
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 27-09-2017 11:17:54
รักกันหวานชื่นจริง ๆ พี่ภูน้องลิน  :m1:
ชอบมากกับภารกิจลับของน้องลิน เอาชนะใจครอบครัวพี่ภู
ทั้งพี่ฝัน ทั้งคุณแม่ โดยเฉพาะคุณแม่เนี่ย ดูจะหลงลูกสะใภ้น่าดู น่ารักมาก
เหลือคุณพ่ออีกคน ถึงจะไม่ง่าย แต่มั่นใจ ว่าเมื่อพี่ภูพิสูจน์ตัวเองได้ขนาดนี้แล้ว
แถมยังมีกองหนุนอย่างคุณแม่และพี่ฝัน สุดท้ายความดีและจริงใจของน้องลิน
ยังไงก็ต้องทำให้คุณพ่อยอมรับได้แน่ ๆ เอาใจช่วยน้องลินกับพี่ภูจ้า
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-09-2017 11:52:06
เขิน ดีจังเลยนะน้องง คุณแม่น่ารักมากเลย
ถ้าเป็นแบบตอนนี้ไปเรื่อยๆ
เราว่าเดี๋ยวคุณพ่อจะใจอ่อนเองล่ะค่ะ คิ
ชอบมากเลย คู่นี้หวานมากๆ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่๑๘ღ "ใจดวงสุดท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 27-09-2017 18:01:32
ใจดวงที่๑๘



ใจดวงสุดท้าย..(ครึ่งหลัง)



..ภูฟ้า..


ผมตกใจมากที่รู้ว่าน้องกับแม่และพี่สาวของผมสนิทสนมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ผมยุ่งกับการบริหารทั้งเงินและเวลา จนไม่ระแคะระคายเลยสักนิด ว่าคนน่ารักของผมได้ปฏิบัติภารกิจพิชิตใจคนที่บ้านผมอยู่ ผมอยากจะกอดและจูบจอมวางแผนที่ทำเพื่อผมขนาดนี้ให้หนำใจเลยเชียว ถ้าไม่ติดว่าแผนการวันนี้ที่คนน่ารักตั้งใจจะเฉลยมิชชั่นเกือบสองเดือนของตัวเองด้วยความภูมิใจกับผมนั้น มีไคลแมกซ์อยู่ที่การพาผมและแม่ไปทานข้าวที่บ้านสวนนนทบุรีของป้านาง


น้องอยากจะแนะนำท่านทั้งสองให้รู้จักกัน เพราะต่างฝ่ายต่างเคยได้ฟังน้องเล่าถึงกันและกันให้ฟังบ่อยๆ งานนี้เลยเป็นผมที่ยิ้มหน้าบานกับความแสนดีของน้อง ขนาดแม่ผมยังชมไม่ขาดปาก ว่าแม่โชคดีที่ได้น้องมาเป็นแฟนลูกชาย เพราะท่านจะได้หมดห่วงที่ผมลอยไปลอยมาเสียที


ผมรู้สึกแปลกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่แม่รับได้ ผมเชื่อว่าเรื่องทุกอย่างต้องอาศัยเวลา และนึกขอบคุณที่น้องเป็นคนช่วยร่นระยะเวลานั้นจนแม่ผมเปิดใจ พอมาคิดๆดูแล้ว ก็หายแปลกใจ ที่น้องดูจะเดาใจว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไรได้เสียทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า อาหารการกิน หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่ผมชอบทำเวลาอยู่ที่บ้าน เห็นทีงานนี้แม่สามีกับลูกชายคนใหม่ของเขา จะร่วมมือกันทำเสน่ห์ใส่ผมจนไปไหนไม่รอดแน่ๆ


ทันทีที่พวกเรามาถึงบ้านป้านางในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ป้านางก็ทำให้พวกผมประหลาดใจด้วยแขกของป้า


“พ่อ! แม่!”


คนตัวขาวที่พอเดินเข้าไปในบ้านป้านางได้ ก็รีบวิ่งปรู๊ดไปกอดพ่อแม่ตัวเองทันที ผมมั่นใจว่าถึงได้เจอกันข้างนอก ผมก็ยังสามารถบอกได้ว่าใครคือแม่ของเด็กจืด ผู้หญิงยิ้มใจดีที่ประพิมพ์ประพายคล้ายกันกับน้องราวกับพิมพ์เดียวกันนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ให้กำเนิดของคนรักผมแน่นอน ผมยกมือไหว้แม่น้องก่อนจะหันไปไหว้พ่อที่ยืนยีหัวเด็กขี้อ้อนอยู่ข้างๆกัน ท่านเป็นผู้ชายมาดสุขุม แววตามุ่งมั่นและผิวคร้ามแดด บอกได้เป็นอย่างดี ว่าเจ้าของฟาร์มกล้วยไม้ชื่อดังของประเทศ ทำงานหนักแค่ไหนในการก่อร่างสร้างตัว


“ไหว้พระเถอะจ้ะลูก”


แม่น้องยิ้มใจดีส่งมาให้กับผม


“ฮ่าๆๆ ตัวจริงลูกเขยเราหล่อกว่าในโทรศัพท์อีกนะแม่นะ”


ผมและน้องมีโอกาสวีดีโอคอลคุยกันกับพ่อและแม่น้องบ่อยๆ ส่วนมากพวกท่านก็มักเป็นฝ่ายถามไถ่ความเป็นอยู่และสุขภาพของผมกับน้อง ท่านสอนข้อคิดให้เรามากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเราและการถ้อยทีถ้อยอาศัย ผมมีความสุขที่พวกท่านรับเรื่องของเราได้ รู้สึกขอบคุณพวกท่านมากเหลือเกินที่เปิดใจให้กับผมมากมายขนาดนี้


หลังจากแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ แม่ผม แม่น้องและป้านาง ก็ดูจะคุยถูกคอกันไม่น้อย จนตอนนี้ถึงขั้นพากันไปคุยต่อในห้องนั่งเล่นด้านใน ส่วนเด็กน่ารักของผมที่บ่นงุ้งงิ้งเรื่องที่พ่อแม่ตัวเองมาโดยไม่บอกจนพอใจแล้ว ก็อาสาไปช่วยป้าแม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารมื้อเย็น ในขณะที่ผมกับพ่อน้องจิบเบียร์กันอยู่ที่ห้องรับแขกด้านนอก


“กิจการเป็นยังไงบ้างหล่ะเรา”


เป็นพ่อน้องที่ถามขึ้นก่อน


“ยุ่งหน่อยครับพ่อ ตอนนี้ผมกำลังจะเปิดร้านอาหาร ก็เลยอยู่ในช่วงหาทำเลและติดต่อเรื่องจิปาถะ แล้วก็มีผับที่หุ้นกับรุ่นพี่ที่ต้องคอยไปดู”


อีกหนึ่งเรื่องที่พ่อแม่น้อง มักจะคอยถามไถ่ผมด้วยความเป็นห่วง ก็คือเรื่องเรียนและการทำธุรกิจ ท่านอยากให้ผมบริหารเวลาให้เป็น และไม่อยากให้วู่วามในการลงทุนจนเกินไปนัก


“การมีกิจการตั้งแต่อายุยังน้อยมันก็ดี แต่อย่าหักโหมจนเกินไปนะเรา สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญนะรู้มั้ย”


แน่นอนว่าเรื่องสุขภาพ คือเรื่องที่ท่านมักจะเป็นห่วงและถามถึงในทุกครั้งที่ได้คุยกันเสมอ


“ทราบครับพ่อ น้องก็ช่วยดูแลผมดีมากๆเลยครับ”


ผมยิ้มให้กับพ่อตา ที่เผื่อแผ่ความรักและเมตตาให้กับผมไม่ต่างจากลูกแท้ๆ


“สำหรับพ่อหน่ะนะ ลูกคือของขวัญ ให้เขาได้แค่ชีวิต ส่วนเรื่องอื่นก็ให้เขาได้เลือกเอง พ่อก็ทำได้แค่คอยเฝ้ามองและระวังไม่ให้เขาเดินในทางที่ไม่ปลอดภัย ไม่เคยคิดฝันว่า“ของขวัญที่มีชีวิต”นี้ จะต้องตอบแทนหรือให้อะไรกับพ่อหรอก แค่เขาเกิดมาเป็นลูกพ่อ พ่อก็ดีใจมากแล้ว ทุกวันนี้ก็แค่หวังให้ปริญมีสุขภาพแข็งแรง กินอิ่มนอนหลับ พ่อไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ ดังนั้นตอนนี้ภูมาเป็นลูกพ่ออีกคน พ่อก็อยากเห็นภูมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขนะภูนะ”


ผมตื้นตันกับทัศนคติและความเป็นห่วงของพ่อน้อง อดปลื้มใจแทนเด็กดีของผมไม่ได้ พึ่งเจอตัวจริงและพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ผมก็ทราบได้ทันที ว่าน้องมีพื้นฐานจิตใจดีมาจากใคร ถ้าไม่ใช่พ่อและแม่


ผมไม่ได้อิจฉาที่น้องมีพ่อแม่ที่เข้าใจ ในขณะที่พ่อผมไม่เข้าใจ และแม่ก็พึ่งจะเปิดใจรับได้ไม่นาน ความตื้นตันที่เกิดขึ้น มาจากการที่ผมสัมผัสได้ว่า ในเส้นทางอันยาวไกลต่อจากนี้ อย่างน้อยก็จะมีสายตาแห่งความห่วงใยและหวังดี คอยเฝ้ามองพวกเราอยู่เสมอ


“แล้วพ่อไม่คิดหรอครับ ว่าอยู่กับผม ผมอาจจะพาน้องไปในทางที่ผิด”


ผมสงสัยว่าอะไร ที่ทำให้ท่านยอมให้ลูกชายคนเดียวมีคนรักเป็นผู้ชายโดยไม่คัดค้าน


“พาน้องไปก็คือไปด้วยกันใช่มั้ยหล่ะ ขอแค่ภูไม่ปล่อยมือปริญ ต่อให้ทางที่เดินมันไกลหรือผิดทาง พอรู้ตัวว่ามันผิด ก็พากันหาทางเดินใหม่ก็พอ”


รอยยิ้มที่คล้ายกับของคนในหัวใจผมถูกส่งมาให้ แววตาอารีย์และคำพูดให้ข้อคิด ทำให้ผมพนมสองมือขึ้นเพื่อกราบท่านแนบตัก ผมรักและเคารพผู้ชายคนนี้จากใจ ไม่ใช่แค่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดคนที่ผมรัก แต่ท่านคือบุคคลต้นแบบที่ผมอยากดำเนินรอยตาม


“ขอบคุณมากนะครับพ่อ ผมจะจับมือน้องเดินด้วยความระมัดระวัง จะไม่ใช้อารมณ์และจะรับฟังน้องให้มาก จะเติมเต็มทุกวันและเวลาของเราด้วยรอยยิ้มและความสุขครับ”


ผมยิ้มตอบคนที่ยังลูบหัวผมอยู่ ไออุ่นจากอุ้งมือใหญ่ ทำให้หัวใจของผมอบอุ่น บทสนทนาบนโซฟาของเราดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง


“พ่อ!”


เป็นพ่อผมที่เดินเข้ามาในบ้านป้านาง


“อ้าว ไอ้รงค์”


ผมหันไปมองพ่อน้อง ที่เรียกชื่อพ่อผมด้วยความสนิทสนม ตอนนี้ผมมึนงงไปหมด อาจจะตั้งแต่ที่รู้ว่าน้องสนิทกับแม่ผมเลยนั่นแหละ แล้วพอมาเจอเรื่องที่ทำให้แปลกใจอีกรอบ ผมก็เลยไม่รู้ ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงก่อนดี


“ไอ้นันท์!!”


ยังไม่ทันที่สมองของผมจะได้ประมวลผม ก็มีเรื่องให้งงกว่าเดิม ที่อยู่ดีๆ ก็มาได้ยินพ่อตัวเอง เรียกคนอื่นว่า“ไอ้”


“มาแล้วหรอคะคุณรงค์”


สมองผมเลิกประมวลผลไปแล้ว เมื่อป้านางเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นด้านใน แล้วยังทำท่าว่าจะเป็นคนนัดพ่อผมมาด้วย


“คุณคะ​​!!”


ดีนะที่อย่างน้อย แม่ผมก็กำลังงงหนักไม่ต่างกันกับผม ทันทีที่เดินตามป้านางออกมาแล้วเห็นสามีตัวเอง






อาหารมื้อนี้รวบรวมคนที่มีความรู้สึกต่างกันแบบสุดขั้วเอาไว้ เด็กน้อยของผมประหม่าจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนผมต้องแอบบีบมือน้องใต้โต๊ะเพื่อให้กำลังใจ โต๊ะอาหารทรงกลม ทำให้เห็นสีหน้ากันและกันได้อย่างชัดเจน ฝั่งซ้ายของน้องคือแม่และพ่อของตัวเอง ถัดไปก็เป็นพ่อผม ตามด้วยแม่ผม และป้านางที่นั่งอยู่ระหว่างผมกับแม่


“วันนี้มีแต่เรื่องให้ผมแปลกใจไม่หยุดเลยนะครับ”


ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามทำให้บรรยากาศบนโต๊ะไม่กระอักกระอ่วนมากไปกว่านี้ พ่อผมแทบจะไม่ชายตามองผมกับน้องสักนิด น้องเลยหน้าเศร้าลงอย่างสังเกตได้เลยทีเดียว


“ป้าเป็นคนชวนพ่อเรามาทานข้าวกับป้าเองลูก ตอนแรกก็ว่านามสกุลคุ้นๆ จนได้คุยกับคุณณรงค์ถึงได้รู้ว่ามีลูกชายลูกสาวชื่อ ภูฟ้ากับพาฝัน แต่เรื่องที่คุณณรงค์กับตานันท์เป็นเพื่อนเรียนอังกฤษกัน อันนี้ป้าก็พึ่งรู้ ดีเลยที่วันนี้ได้เจอกันพร้อมหน้า เพื่อนเก่าเพื่อนแก่นี่เนอะ คงได้คุยกันสนุกเลย”


ป้านางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับเรื่องที่ตัวเองเล่า ตอนนี้ผมเลยเข้าใจแล้ว ว่าการเรียกที่สนิทสนมขนาดนี้ของพ่อผมกับพ่อน้องมาจากไหน


“ในที่สุดก็ได้รู้ ว่าเอ็งนี่เองไอ้รงค์ ที่เป็นพ่อไดโนเสาร์เต่าล้านปี แหมะ ถ้ารู้แต่แรกจะด่าเช้าแช่งเย็นเลยหว่ะ”


คราวนี้เป็นพ่อน้องที่หัวเราะขึ้นบ้าง ตลอดเวลาที่ผมคบกับน้อง ทั้งพ่อและแม่น้องไม่ได้ซักถามว่าผมเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อาจจะเป็นเพราะผมสารภาพกับพวกท่านตั้งแต่แรกว่าที่บ้านผมยังรับเรื่องของเราไม่ได้ พวกท่านจึงเพียงรับฟังและไม่ได้วิจารณ์อะไรกับเรื่องนี้ เพียงแค่แนะนำให้คนเป็นลูกอย่างผมต้องคอยเข้าหาและพิสูจน์ให้พวกท่านได้เห็น แล้วสักวันพ่อแม่ผมคงเข้าใจ


“พูดมากเหมือนเดิมนะเอ็ง”


พ่อผมไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้โวยวายที่ป้านางใช้ประโยชน์จากตำแหน่งราชการที่พ่อผมเกรงใจ เชิญท่านมาทานข้าวกับพวกเราโดยไม่ทราบล่วงหน้า ดูท่าปาลินจะถอดแบบป้านางในเรื่องความเจ้าแผนการนี่แหละ น้องเซอร์ไพรส์ผมเรื่องแม่ผม ส่วนป้านางเซอร์ไพรส์พวกเราทุกคนเรื่องพ่อแม่น้องและพ่อของผม


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อป้านางชวนพ่อผมคุยเรื่องธุรกิจใหม่ที่พ่อผมกำลังสนใจ พ่อน้องก็ต่อกันติดกับพ่อผมแทบจะในทันที ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อกันเป็นสิบๆปีแล้ว ส่วนแม่ผมกับแม่น้องก็คลายสีหน้ากังวลลงได้มาก เหลือก็แต่คนข้างตัวนี่แหละ ที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่


“อ้าว พี่ภู เล่าเรื่องธุรกิจเราบ้างสิลูก ปล่อยให้คนแก่พูดกัน คงจะกร่อยหมดแล้ว”


ป้านางเปิดทางให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นบ้าง หลังจากที่ผู้ใหญ่ผูกขาดบทสนทนาอยู่นานแล้ว ผมหันไปยิ้มให้ป้า แต่อีกมือก็ใช้บีบขาน้องเบาๆเพื่อให้กำลังใจ


“ผมหุ้นกับรุ่นพี่อีกสามคนเปิดผับครับ เปิดมาได้สามปีแล้ว ชื่อVela กิจการก็ไปได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ผมอยากจะเริ่มธุรกิจของตัวเอง เลยคิดไว้หลายอย่าง ก็กะว่าจะเริ่มจากการเปิดร้านอาหารไทย แนวฟิวชั่นฟู้ด น่าจะเข้าที่เข้าทางเร็วๆนี้ครับ”


ผมยิ้มหลังจากจบการอัพเดตสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ให้ผู้ใหญ่บนโต๊ะรวมไปถึงคนตัวขาวข้างๆฟัง ตอนแรกกะจะเอาไว้เซอร์ไพรส์เด็กจืด แต่เพราะความอยากอวดพ่อตา ผมที่โม้ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงต้องหยิบยกแผนการในอนาคตของเรา ขึ้นมาพูดอีกครั้ง เรียกตาโตๆของน้องให้จ้องมาที่ผมอย่างคาดโทษทีเดียว


“น่าสนใจดีนะลูกนะ เนี่ยป้าว่า ไหนๆคุณณรงค์ก็กำลังสนใจธุรกิจผักออแกนิค พี่ภูก็ควรใช้ข้าวและผักของที่บ้านนะ แล้วตั้งชื่อร้านตามด้วยคำว่า by ข้าวธนานนท์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะลูก ทั้งได้โปรโมทวัตถุดิบดีๆจากบ้านตัวเอง แล้วยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวร้านได้ด้วย”


จบวันนี้ผมคงต้องขอยกนิ้วให้ป้านางเลยครับ ทั้งเรื่องที่เชิญพ่อผมมา แล้วไหนจะวิธีการเจรจาของป้าอีก งานนี้เรียกได้ว่า ทั้งแนบเนียนและแยบยล ตอนนี้ถึงคุณณรงค์จะอยากปฏิเสธคำแนะนำ ก็คงจะทำได้ยาก เพราะไอเดียของป้านางนั้น มีแต่ข้อดีอย่างที่ท่านว่าจริงๆ


“ไอเดียคุณป้าดีมากเลยครับ แต่ผมคงต้องถามพ่อก่อน ว่าท่านจะยอมมั้ย”


ผมเลยได้แต่ยิ้มหน้าบาน ตอบรับคำแนะนำของป้าอยู่ตอนนี้


“เออ เอาแบบนี้สิไอ้รงค์ ที่พี่นางแนะนำเนี่ย เข้าท่าเลยนะเว้ย”


เป็นพ่อตาผมที่ช่วยกันเสริมทัพ


“แล้วผมจะลองคิดดูนะครับคุณวรางคณา”


แค่ได้ยินว่าพ่อผมแบ่งรับแบ่งสู้ และไม่ขัดคำแนะนำของป้านาง ใจผมก็ชื้นขึ้นเป็นกอง พ่อผมเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าท่านไม่เห็นว่าคำแนะนำนั้นมีประโยชน์ ป่านนี้ก็คงจะปฏิเสธตรงๆไปแล้ว ถึงแม้อาจจะทำให้ป้านางไม่พอใจก็ตาม


“เอาหล่ะๆ ยังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลย งั้นเริ่มจากฝั่งข้าก่อน นี่แม่เจ้าปริญ และนี่เจ้าปริญลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของข้า เอ็งจำได้มั้ยวะ”


ผมกับน้องหันไปจ้องพ่อตัวเองเป็นตาเดียว ถึงพวกท่านจะเป็นเพื่อนเก่ากัน แต่ผมก็ไม่นึกว่าพ่อผมจะเคยเจอน้องด้วย


“อื้ม จำได้”


หื้มมม


“พ่อเคยเจอน้องแล้วหรอครับ”


เป็นผมเองที่โพล่งถามออกไป โดยไม่ทันยั้งปาก


“ก็เจ้าลูกคนนี้หล่ะนะ กว่าจะได้มาก็ยากแสนยาก ทั้งบนบานศาลกล่าว ทั้งพึ่งหมอและวิทยาศาสตร์ พ่อเองกับแม่เจ้าปริญ นี่ทั้งเสียใจและเสียน้ำตาไปหลายปี๊บเลยหล่ะ ลงมาทำกิ๊ฟท์ที่กรุงเทพแต่ละที ก็ได้พ่อตาภูนี่แหละที่คอยมาเยี่ยม”


ความรู้ใหม่ที่พ่อน้องเป็นคนไขความกระจ่างแทนพ่อผมที่ยังเงียบ ทำให้ผมหันไปยิ้มให้น้องที่หันมองผมอยู่ก่อนแล้ว


“นี่ก็ผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้วสินะ ตอนนั้นขอบคุณมากๆนะคะคุณรงค์”


แม่น้องที่ผมพึ่งรู้ว่าเคยเจอพ่อของผม เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง


“งั้นเพื่อนคุณรงค์ที่เคยเล่าก็คือคุณจันทร์กับคุณนันท์สินะคะ โถ น้องลินของแม่ บุญของหนูที่ได้มาอยู่กับคุณทั้งสองนะคะ”


แม่ผมออกตัวแรงต่อหน้าพ่อผม ด้วยการเรียกแทนตัวน้องว่าลูกเรียบร้อยแล้ว ดีมากครับแม่ พวกเราจะต้องช่วยกันก่อกบฏ ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม ทับทิมกรอบที่ถูกวางลงตรงหน้า ดูจะน่าสนใจน้อยกว่าบทสนทนาของผู้ใหญ่ ที่ผมตั้งใจฟังอยู่ตอนนี้


“บุญของพวกเรามากกว่านะคะ ไม่รู้ว่าตาหนูเป็นลูกเทวดาที่ไหนมาเกิดรึเปล่า มาเกิดยากเกิดเย็น ขอพรแล้วขออีก บนก็แล้ว แท้งก็หลายรอบ จนสุดท้ายได้แกมาสมใจ ต้องเดินสายแก้บนอยู่เป็นปีๆ”


แม่น้องหัวเราะทันทีที่พูดจบ จนผมยังต้องแอบขำลูกเทพที่โดนแม่ตัวเองแซว น้องอายแต่ทำอะไรไม่ได้ เลยเผลอพองแก้มอย่างน่ารักน่ามันเขี้ยวอยู่ข้างๆผม จนเป็นผมเองที่ต้องยั้งตัวไว้ไม่ให้คว้าน้องมาฟัดแรงๆซักที


“เฮ้อ เอ็งก็เห็นเองกับตานะไอ้รงค์ อย่างชีวิตข้า กว่าจะได้เจ้าปริญมา เมียข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แท้งแล้วแท้งอีก ท้อก็ท้อ ลำบากลำบนยอมทนทุกอย่าง เงินก็เสียไปไม่น้อยกว่าจะได้เห็นหน้าลูก ตอนนั้นข้ากับเมียก็ถามกันอยู่ทุกวัน ว่าจะเลิกล้มความตั้งใจที่จะมีลูกได้หรือยัง จะดันทุรังกันไปถึงไหน แล้วถ้าได้แกมาแล้ว เราต้องการอะไรจากลูกกันแน่”


พอเล่าถึงตรงนี้ พ่อเด็กที่ต้องอาศัยทั้งแรงกายแรงใจและแรงเงินกว่าจะได้ลูกชายคนเดียวมาเชยชม ก็หันไปสบตากับพ่อผมตรงๆ


ผมพึ่งรู้ว่าเรื่องขำขันเมื่อสักครู่ แท้จริงแล้วแลกมาด้วยหยาดน้ำตาและความอดทนอดกลั้น น้องเกิดมาจากความรักความทุ่มเท เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่แสนมีค่าของครอบครัว


ผมหันไปมองเด็กที่กว่าจะมาเกิดบนโลกนี้ ก็ทำให้พ่อแม่ใจหายใจคว่ำอยู่หลายรอบ ด้วยความรู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่น้องมากมายเหลือเกิน ที่ในวันนั้นท่านทั้งสอง ไม่ล้มเลิกความตั้งใจและให้กำเนิดเด็กชาย ผู้เป็นดั่ง“ของขวัญที่มีชีวิต” ให้กับครอบครัวน้องเองและให้กับชีวิตของผมด้วย


“แต่วินาทีที่เห็นหน้าเจ้าปริญ ข้ากับเมียก็ตอบตัวเองได้ทันที ว่าไม่เลยหว่ะ เราสองคนไม่ได้ต้องการอะไรจากลูกเลย ไม่มีเรื่องคาดหวังว่าลูกจะต้องเป็น หรือประสบความสำเร็จในด้านไหน แค่ลูกเกิดมา ก็เป็นเหมือนของขวัญล้ำค่า ขอแค่เขามีความสุขและแข็งแรง ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว”


น้องที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองล้ำค่าเพียงใด กำลังกอดแขนแล้วซบไปที่ไหล่ของแม่ตัวเองอย่างน่าเอ็นดู จนพ่อและแม่น้องยังอดที่จะเอามือมาลูบหัวเด็กน้อยของครอบครัวไม่ได้ ผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น แล้วบังเอิญที่สบตากับพ่อตัวเอง ที่กำลังจ้องภาพนั้นอยู่เช่นกัน


“สุขภาพที่แข็งแรงเรายังสร้างให้ลูกได้นะเว้ยไอ้รงค์ แต่ความสุขหล่ะ ถึงเอ็งจะมีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่เอ็งก็ซื้อความสุขให้ลูกไม่ได้หรอก ถ้าเขาเจอความสุขของเขาแล้ว เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังจะต้องการอะไรอีกวะ”


ผมสะอึกกับคำพูดแบบเพื่อนถึงเพื่อนของพ่อน้อง ความเด็ดเดี่ยวและความคิดแบบนี้นี่เอง ที่ทำให้ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ในการเข้ามาเป็นลูกชายอีกคนของครอบครัว แววตาวูบไหวของพ่อผม ทำให้ผมยังแทบกลั้นหายใจ ผมรู้ว่าสำหรับพ่อเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลา แต่อย่างน้อยการที่พ่อยอมนั่งทานข้าวพร้อมหน้ากันแบบนี้ และยอมรับฟังการถ่ายทอดเรื่องในวันวานจากเพื่อนเก่า ก็ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมกับน้องแล้ว


พ่อของผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่เป็นแม่ผม ที่เลือกที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นแทน


“ขอบคุณคุณนันท์และคุณจันทรามากนะคะ ที่มอบลูกชายที่แสนมีค่าอย่างน้องปริญ ที่ดิฉันติดเรียก“น้องลิน”ตามตาภูไปแล้ว ให้ตาภูได้รักและดูแล ตาภูนี่ก็ลูกหลงค่ะ เป็นลูกชายที่ห่างจากพี่สาวเขาตั้งหกปี เลยติดจะเอาแต่ใจตัวเองและดื้อรั้นไม่น้อย”


แม่ผมที่ทั้งพูดประโยคซึ้งๆและทั้งเผาลูกชายตัวเองจนเกรียม หันไปทางพ่อแม่น้องด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า ก่อนจะพูดต่อ


“ลูกชายดิฉันก็เคยเป็นเด็กเกเรไม่น้อย แต่ตั้งแต่เจอน้อง ตาภูก็ตั้งใจที่จะเป็นคนรักที่ดี จนคนเป็นแม่เองยังอดภูมิใจไม่ได้ และก็ขอบคุณที่คุณทั้งสอง รวมถึงพี่นางด้วยนะคะ ที่เอ็นดูตาภู ตัวดิฉันเองก็เอ็นดูและหลงรักน้องลินไม่ต่างจากตาภูเลยค่ะ ยิ่งรู้จักน้องลิน ดิฉันก็ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมตาภูถึงยืนยันว่าต้องเป็นคนนี้”


ประโยคขอบคุณครอบครัวน้องจากใจ ถูกเอ่ยออกมาจากปากผู้หญิงที่ผมรักที่สุด หัวใจผมบีบรัดและหดเกร็ง เมื่อสัมผัสได้ถึงความรัก ที่แม่มีให้กับเราสองคนอย่างมากมายเหลือเกิน ผมคว้ามือน้องมากุมไว้ที่หน้าขาตัวเอง ก่อนจะบีบกระชับถ่ายทอดความอบอุ่นจากใจผมไปยังเจ้าของมือขาว ที่บีบมือผมตอบกลับมาราวกับจะรับรู้ได้


ท้ายประโยคแม่ไม่ได้มองมาที่ผม แต่หันไปมองคนที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาเกือบสามสิบปี ถึงจะไม่ได้เริ่มจากความรัก แต่ผู้ชายคนนี้ก็ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเคียงข้างกันมากับแม่ ผมไม่เคยถามว่าแม่รักพ่อมั้ย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจ คือความผูกพันที่พันธนาการท่านทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา


ถ้าลูกคือโซ่ทองคล้องใจ ผมกับพี่ฝันก็คงเป็นโซ่สองเส้นที่รัดพันแขนขาพ่อแม่จนไม่อาจแยกจากกันได้ แต่สำหรับผมกับน้อง ถึงเราจะไม่มีโซ่เส้นที่ว่า แต่ใจผมที่อยู่กับน้องและใจน้องที่อยู่กับผม ก็ลงสลักเข้าล็อคกันอย่างแน่นหนาเรียบร้อยแล้ว


แม่ยกมือขึ้นไปวางทาบหลังมือคู่ชีวิตของท่าน ก่อนจะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจส่งให้กับผู้ชายที่เต็มไปด้วยแววตาของคนที่ยังคิดไม่ตก


“ผมขอบคุณมากนะครับ สำหรับความรักที่ทุกคนมอบให้ผมและน้อง ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีนัก แต่ผมสัญญาว่าผมจะพยายามเป็นลูกที่ดีขึ้น จะตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบ ขยันอดทน และพิสูจน์ให้ได้เห็น ว่าผมสามารถดูแลทุกคนที่ผมรักได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนที่ผมรัก ก็หมายรวมถึงครอบครัวผม ครอบครัวน้อง และปาลินคนรักของผม”


เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังจะเงียบลงอีกครั้ง ผมจึงพนมมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทุกท่าน ผมเชื่อว่านี่คือโอกาสอันดีที่ผมจะได้พูดในสิ่งที่ผมต้องการ โดยเฉพาะข้อความที่ไม่ต่างจากคำสัญญาเหล่านั้น ผมอยากให้ทุกคนในที่นี้ได้มั่นใจ ว่าต่อให้อะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะพยายามเพื่อทุกคนที่ผมรัก ทั้งพ่อแม่ผม ป้านาง พ่อแม่น้อง และเด็กตัวขาวคนข้างๆ ที่กำลังยกมือขึ้นมาไหว้ผู้ใหญ่ไม่ต่างจากที่ผมทำก่อนหน้านี้


“ผมขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณพ่อกับแม่และป้านาง และขอโทษคุณพ่อคุณแม่พี่ภูนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะยังเป็นคนที่บกพร่อง แต่ผมก็ยังอยากขอโอกาสที่จะได้อยู่เคียงข้างพี่ภู คนที่คอยเติมเต็มผมให้สมบูรณ์ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ต้องเปิดใจรับผมตอนนี้ก็ได้ครับ แค่ขออนุญาตรับฝากหัวใจดวงนี้ให้ผมได้ดูแล”


น้องมองมาที่ผมเพื่อสื่อความหมาย ของคำว่า“หัวใจดวงนี้” จนผมอดยิ้มให้กับความรักและความกล้าหาญของน้อง ที่มีให้ผมไม่ได้ เรียกริ้วแดงให้ปรากฏบนแก้มขาวอย่างน่าเอ็นดู


ประโยคหล่อๆที่น้องแย่งผมพูดไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้ใจผมอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ประโยคขอรับฝากหัวใจ ที่ครั้งนึงผมเคยใช้ขอโอกาสกับน้อง ตอนนี้กลับถูกน้องใช้เพื่อขอโอกาสจากพ่อแม่ผมบ้าง


“ได้สิจ๊ะลูก ฝากหัวใจแม่ด้วยนะจ๊ะน้องลิน”


เป็นแม่ผมที่น้ำตารื้นจากคำขอซื่อๆของเด็กซื่อๆ อารมณ์อ่อนไหวของแม่ผม คงยากจะเก็บซ่อนไว้ในเวลาแบบนี้


“ครับคุณแม่”


น้องยิ้มและตอบรับแม่ผมด้วยความมั่นใจเต็มล้น จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้


“ก็ล็อคไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะโอกาสมีแค่ครั้งเดียว”


เป็นพ่อผมที่อยู่ดีๆก็พูดประโยคเท่ๆออกมา ด้วยสีหน้านิ่งๆ เรียกสีหน้าประหลาดใจจากทุกคนบนโต๊ะอาหาร ไม่เว้นแม้แต่ผมที่สมองเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนไปชั่วขณะ นึกดีใจที่ตัวเองไม่เผลอทำช้อนหลุดมือ จนทำลายบรรยากาศอุ่นๆที่ถูกจุดขึ้นจากคนที่ยอมทิ้งมาดมาพูดอะไรแบบนี้


ผมหันไปยิ้มให้น้อง อยากให้น้องรู้สึกได้ถึงความสุขที่ล้นปรี่อยู่กลางใจผม เจ้าของมืออุ่นที่ผมกุมไว้หันมามองสบตากันด้วยความรู้สึกมากมายที่สะท้อนกลับมา หยาดน้ำใสแวววาวสะท้อนอยู่ในตาคู่สวย จนผมอดที่จะบีบมือนุ่มให้แน่นขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้คนที่พึ่งได้โอกาสจากพ่อผม ให้ตอบรับความเมตตานั้น


“ขอบคุณมากครับ”


ผมและน้องพนมมือไหว้ขอบคุณพ่อของผมที่ให้โอกาสเราทั้งคู่ ท่านเพียงพยักหน้ารับ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ผมกับน้องยิ้มได้แล้ว ป้านางและพ่อแม่ของน้องยิ้มให้กำลังใจส่งมาทางเรา ไม่ต่างจากแม่ของผม ที่ยิ้มไปก็เช็ดน้ำตาแห่งความดีใจไปด้วย ส่วนคนตัวขาวข้างๆ ก็บีบมือผมแน่นราวกับจะสื่อสารถึงความเต็มตื้นที่เอ่อล้นใจ ผมบีบมือตอบและไม่ลืมที่จะส่งความรู้สึกทั้งหมดของผมผ่านทางสายตาไปให้คนในหัวใจ


ตอนนี้คำว่าความสุขคงจะยังน้อยไปกับสิ่งที่ผมกำลังรู้สึก ถึงแม้จะไม่ใช่การยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเราอย่างเป็นทางการ แต่การยินยอมให้โอกาสตามที่น้องร้องขอ ก็บอกได้เป็นอย่างดี ว่าพ่อยอมเปิดใจในเรื่องที่ผมกับน้องคบกันแล้ว และผมเชื่อว่า จากนี้คงเป็นหน้าที่ที่เราสองคนต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น ว่าต่อให้วันข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงไหน คนที่เราเลือกจะ“รับฝากใจ”ก็ยังมีเพียงกันและกัน


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีแถมอีกนิดนึงนะคะ  (ꈍᴗꈍ)ε`*)  

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 27-09-2017 19:45:34
♡━━━━ ใจส่งท้าย ━━━━♡


"โห ไม่ค่อยจะเว่อร์เลยอะพี่ภู"

สาวสวยหุ่นดีเดินเข้ามาทักชายหนุ่มที่มีแต่รอยยิ้มประดับอยู่บนหน้า ถึงแม้ดูจะเหนื่อยกับการต้อนรับแขกและคนที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีตลอดทั้งเช้า แต่เจ้าของดวงตาทรงเสน่ห์ ก็ยังไม่มีสีหน้าอิดโรยให้เห็น

"ฮ่าๆๆ ไม่เว่อร์ก็ไม่ใช่พี่หน่ะสิ นี่ยังคิดเลยว่าควรทำคัทเอาท์แล้วเอารูปขึ้นโชว์ด้วยดีรึเปล่า"

ป้าบบบบ

ฝ่ามือขาวของเจ้าของดวงตากลมใส ฟาดเข้าไม่แรงนักที่ต้นแขนชายคนรัก

"พี่ภูหยุดบ้าบอได้แล้ว"

คนสูงน้อยกว่าเอ่ยปราม ด้วยน้ำเสียงติดขุ่น

"อู่ยยย ลินจ๋า แหะๆๆ พี่ล้อเล่นจ้า"

คนโดนฟาด หางลู่หูตกไม่ต่างจากโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ที่โดนเจ้าของเอ็ด เลยรีบหันไปทำตาปริบๆพะเน้าพะนอเอาใจคนรัก ก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระเช้าดอกไม้จากสาวสวย ที่มองมาด้วยสายตาเอือมๆ

"เกลียดอะพี่ภู เห็นพี่แล้วหมั่นไส้จริงๆนะ ไม่รู้ลินโดนคุณไสยรึเปล่า ถึงยอมคบกับพี่"

หญิงสาวเบะปากใส่คนอายุมากกว่า แล้วไม่วายทำหน้าเอือมๆส่งให้อีกรอบ

"นั่นปากหรอครับน้องมาร ไปโน่นเลยไป พี่จัดโต๊ะVIPไว้ให้แล้ว"

ต่อกรยังไงก็มักจะแพ้ เพราะแม่สาวคนสวยมีแบ็คอัพดีอย่างคนตัวขาวที่เป็นเจ้าของงานอีกคน ดังนั้นชายหนุ่มจึงหวังสงบศึกโดยการขับไล่

"พี่ภู ลิน ยินดีด้วยนะ ขอให้มีแต่ความสุข เฮงๆรวยๆนะจ๊ะ"

สาวน่ารักตัวเล็กที่เอาแต่ยิ้มขำกับการลับฝีปากเมื่อครู่ เขย่งตัวขึ้นจุ๊บแก้มขาวของเพื่อนรัก ก่อนจะยิ้มหวานแล้วจูงมือแฟนสาวที่ตั้งท่าจะตีกับเจ้าของงานอีกคน ให้เดินไปยังโต๊ะที่เตรียมไว้

"พี่ปาล์ม พี่หวาย พี่จั๊ด พี่เท็น สวัสดีครับ"

คนมีลิปสติกสีชมพูติดแก้ม ที่กำลังถูกชายคนรักหน้างอใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดออกให้ พนมมือไหว้ชายหญิงที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยประกายตาสดใส

"ยินดีด้วยนะน้องปริญ ต่อไปก็เก็บเงินทุกบาทเลยนะ เอาให้ไอ้ภูใช้แค่วันละร้อยพอ"

คนผิวแทนที่เดินเคียงข้างมากับชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก

"เยอะไปไอ้จั๊ด ยี่สิบก็เหลือๆ ฮ่าๆๆ"

ผู้มาใหม่อีกคน ยังไม่วายหยอกเย้าเจ้าของงาน

"เงียบไปเลยไอ้ปาล์มไอ้จั๊ด ไปนั่งกับสองลิงที่โต๊ะVIPนู่นไป"

แต่ดูเหมือนเจ้าของงานขี้คร้านจะเล่นด้วย

"มันเป็นอะไรอะน้องลิน วันดีๆมัวหน้าบูดอยู่ได้"

คนหน้าตี๋ที่ควงมากับแฟนสาวเอ่ยทักคนที่พึ่งถูกเช็คความเรียบร้อยจากคนหน้าบูดจนเป็นที่พอใจแล้ว

"อ๋อ คิตตี้จูบแก้มผมหน่ะครับ พี่ภูเลยงอแง"

คนถูกงอแงใส่ เลยต้องเฉลยสาเหตุ พร้อมกับรับทั้งซองและกล่องของขวัญที่ถูกส่งมาจากคนน่ารักที่ใส่เหล็กดัดฟันกับสาวหน้าคมที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าบ่อยนัก

"ถุ้ยยย กูก็นึกว่าอะไร ถ้าน้องคิตตี้จูบแก้มไอ้ดื้อ กูนี่จะเอาปากตัวเองทาบไปตามรอยเลย บอกเลยว่าฟิน"

คนผิวแทนไม่วายเล่นมุกที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว

"โอ๊ยยยย ดื้อ! เจ็บนะเนี่ย หยิกมาได้"

ถึงจะประท้วง แต่ปากยังยิ้มให้กับคนใส่เหล็กดัดฟันที่กำลังพองแก้มงอน

"สมน้ำหน้ามึง กระทืบไอ้จั๊ดมันเลยครับน้องเท็น ไอ้คนไม่รักครอบครัว ไม่เหมือนพี่ สี่ห้องหัวใจมีแต่ปาลินคนเดียว"

คนหน้าบูดที่อารมณ์ดี จากมุกตลกเจ็บตัวของเพื่อน ได้ทีจึงรีบโฆษณาสรรพคุณตัวเอง

"หู้ยยยย เกลียดมึงหว่ะไอ้ภู ไปๆที่รักจ๋า ไอ้จั๊ดน้องเท็นไปเถอะหว่ะ อยู่ใกล้ไอ้ภูแล้วกูกลัวตีนกระตุก"

กลุ่มคนที่สร้างความครึกครื้นไม่น้อยได้เดินจากไป ไม่นานนักชายหนุ่มตัวสูงสวมแว่นสายตา ก็เดินมาคู่กันกับสาวน่ารักร่างอวบ

"พี่ภู ปริญ สวัสดีค่ะ"

"สวัสดีครับพี่ภู หวัดดีปริญ"

สองคนที่มาใหม่ เอ่ยคำทักทายและไม่ลืมจะยื่นกระเช้าดอกไม้แทนความยินดีส่งให้

"สวัสดีจ้าน้องแก้วตา ดีหว่ะ ไอ้ดิว"

เจ้าของงานที่อายุมากกว่าเอ่ยต้อนรับแขก

"ขอบคุณทั้งสองคนเลยนะ ดอกไม้สวยมากเลย"

คนตัวขาวที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกได้ดีกว่าอีกคน ยิ้มสดใสส่งให้เพื่อน ก่อนจะรับกระเช้าดอกไม้ในมือมาส่งให้ชายคนรักเอาไปเก็บ

"ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะคะ รักกันยืนยาว ร่ำรวยๆ"

"ฮ่าๆๆ พูดได้ดี ขอบคุณครับน้องแก้วตา"

เมื่อพออกพอใจกับคำอวยพร คนอายุมากที่สุดจึงยิ้มร่า

"มีโอกาสก็มองคนในงานแล้วนอกใจเลยนะปริญ"

ดูท่าคนขึ้นง่าย จะถูกกวนตลอดวัน

"อ้าวไอ้ดิว เดี๊ยะๆ น้องแก้วอย่ายอมเป็นแฟนมันง่ายๆนะ พี่ไม่ชอบขี้หน้ามัน"

พอเจอกวนมา อารมณ์เจ้าของงานเลยชักจะขุ่นอีกแล้ว

"พี่ภูก็ไปฟังดิวเนาะ แก้วตาพาดิวไปนั่งโต๊ะVIPทางนั้นได้เลยนะ ม่านกับคิตตี้อยู่นั่นแล้ว"

คนห้ามทัพส่งยิ้มและผายมือให้เพื่อนตัวเองเข้าไปด้านในงาน

“ยินดีด้วยเว่ยน้องเขยกับปริญคนหล่อของพี่”

คราวนี้เป็นตาผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกสองคนเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับเจ้าของงาน

“ของกูมั้ยเอส ลินของกู”

ความหึงของเจ้าของงานดูจะอันตรายไม่น้อย

“เออๆ ถุ้ย น้องรหัสกูมั้ยเล่า”

คนที่เป็นน้องรหัสยกมือไหว้พี่รหัสตัวเองและพี่ปีสองสายคนโตกว่าด้วยหน้าแดงๆ

“สวัสดีครับพี่เอส พี่เป๋า พี่ผึ้ง และดาว ขอบคุณที่มากันนะครับ”

คนที่ยังเขินรับซองและกล่องของขวัญที่พี่รหัสมอบให้

“เออๆ ขอบคุณเว่ยที่มา ขอบคุณน้องๆทุกคนมากเลยนะ พี่เตรียมโต๊ะสายเรากับ287ไว้แล้ว ไปนั่งได้เลย”

เจ้าภาพเริ่มเป็นการเป็นงาน เมื่อหันไปคุยกับน้องรหัสตัวเอง และไม่ลืมที่จะหันมาส่งยิ้มให้คนรัก เมื่อเห็นว่าแขกเริ่มมากันครบแล้ว

"วรั้ยยยยย ซัมมีทั้งสองของมินนี่"

สาวไม่แท้คนสวย วิ่งมายังเจ้าภาพทั้งสองด้วยจริตนางงาม เธอจับมือถือแขนเจ้าภาพทั้งสองคนแล้วพยายามจะหอมแก้มทั้งคู่

"หยุดเลยมินนี่ เดี๊ยะๆ กล้าหอมลินของเราหรอ"

"พี่ภูของผม ผมก็หวงครับ"

เมื่อโดนพร้อมใจกันเบรค คนสวยที่แกล้งทำท่าแง่งอนก็ยื่นส่งผ้ากันเปื้อนคู่รักที่จัดอยู่ในตะกร้าส่งให้คนทั้งคู่

"ลำไยค่ะ แหม จะสามคนผัวเมียหน่อยก็ไม่ได้ ชิ"

สาวสวยสะบัดหน้าพรืดแล้วหันไปเกาะแขนสต๊าฟหล่อล่ำ ที่เข้ามาช่วยเชิญแขกไปนั่งในงาน เรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี

"พี่ภู น้องลิน จะได้ฤกษ์แล้วลูก มาเตรียมตัวเร็ว"

ผู้มีศักดิ์เป็นป้า เดินมาตามหลานทั้งสองให้ไปเตรียมตัวประกอบพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นศิริมงคล



ตอนนี้แขกผู้มีเกียรติและนักข่าว ต่างก็รอเก็บภาพแห่งความประทับใจของพิธีเปิดร้านอาหารแนวฟิวชั่นฟู๊ด "ภูฟ้าปาลิน  by ข้าวธนานนท์"

ภายในงานถูกตกแต่งด้วยความเรียบหรู ดอกกล้วยไม้สีขาวถูกจัดเป็นซุ้มทิ้งตัวลงคล้ายหยาดฝนจนทั่วเพดาน กลิ่นหอมอบอวลของทั้งกล้วยไม้งามและอาหารที่ทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายและสายตา จนแขกที่มาต่างดื่มด่ำกับทั้งบรรยากาศ อาหารตาและอาหารจานหลัก ที่อร่อยจนใครต่อใครพากันชมไม่ขาดปาก งานนี้เจ้าภาพที่มีสายสิญจน์พันจนรอบข้อมือคล้ายคนแต่งงานใหม่มากกว่าที่จะเป็นเจ้าของร้านจึงอดภูมิใจไม่ได้

คำชมของบรรดาเพื่อนฝูงและแขกเหรื่อ เทียบไม่ได้เลยกับคำชมจากบุพการี โดยเฉพาะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทค้าส่งข้าวและผักออแกนิคชื่อดัง ที่อุตส่าห์ให้ยืมชื่อมาต่อท้ายชื่อร้าน โดยแลกกับการที่คนพี่ ต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทของท่านในวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนเจ้าของฟาร์มกล้วยไม้ก็ได้แต่ยิ้มหน้าบาน รับออเดอร์และคำชมถึงคุณภาพและความงามของดอกกล้วยไม้เสียจนหุบยิ้มไม่ได้  ด้านทางสามสาววัยกลางคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดพิธีสงฆ์ไม่ต่างจากการบายศรีสู่ขวัญบ่าวสาว ก็ยิ้มหน้าบานเมื่อมองภาพที่คนพี่กำลังเช็ดเหงื่อให้คนน้อง และคนน้องก็กำลังทำไม่ต่างกัน

การเปิดร้านอาหารที่มีชื่อไม่ต่างจากเจ้าของร้าน ไม่ใช่เพียงการเริ่มต้นธุรกิจ หากแต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเจ้าของร้านอย่างเป็นทางการอีกด้วย แม้จะไม่ได้ป่าวประกาศ แต่แขกที่มาก็ย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความรักที่ลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ

"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับพี่ภู ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขและกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ลินรักพี่นะ"

เจ้าของร้านที่อายุน้อยกว่าเขย่งจูบที่ริมฝีปากของคนที่กอดประคองเอวตัวเองไว้ด้วยความรักล้นใจ

"พี่ก็ขอบคุณลินที่เกิดมาให้พี่ได้รัก ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่และทำให้พี่ได้มีโอกาสเป็นผู้ชายที่ดี ภูฟ้ารักปาลินนะครับ"

เจ้าของร้านอีกคนพูดบอกความรู้สึกในใจ ก่อนจะจูบตอบคนตัวขาว แต่คราวนี้กลับไม่ใช่สัมผัสเพียงแผ่วเบาอย่างในคราแรก

ความหวานล้ำซ่านสาดทั่วโพรงปากนุ่ม ลิ้นร้อนหยอกเย้าและทักทายลิ้นนุ่มด้วยความรักและโหยหา คนอายุน้อยกว่าตอบสนองการถูกชักจูงด้วยเสียงครางแหบปร่า ดวงตาปรือปรอยและแก้มแดง ต่างทำหน้าที่ยั่วเย้าใครอีกคนให้ไม่สามารถประคองสติไว้ได้อีกต่อไปแล้ว

มือใหญ่ลากเลื้อยไปตามผิวเนียนภายใต้เสื้อเชิ้ตพอดีตัว สะกิดหยอกเย้าตุ่มไตสีชมพูจนคนถูกกระตุ้นบิดเร่า

"พ.พี่ภู ม..ไม่ได้นะ ทุกคนรออยู่"

คนถูกหลอกให้ขึ้นมาหยิบของบนห้องนอนที่คนเจ้าเล่ห์ตั้งใจสร้างเป็นเรือนหอ เอ่ยประท้วงแผ่วเบา

"แป๊บเดียวนะคนดี นะครับนะ พี่อยากรักลินจะแย่อยู่แล้ว"

ไม่พูดเปล่า ฝ่ามืออุ่นยังปลดซิปกางเกงคนตัวขาวด้วยความเอาแต่ใจ เผยให้เห็นกายขาวนวลเนียนล้อแสงไฟ จนคนมองต้องลอบกลืนน้ำลาย

"พี่ภู อ๊ะ อื๊อออ ยังส่งแขกกลับไม่หมดเลย"

เจ้าของร้านตัวขาว ยังห่วงภารกิจการเปิดกิจการที่ยังไม่ลุล่วงดี ที่ชั้นหนึ่งและสองของตึกขนาดสามชั้นแห่งนี้

"รอไม่ไหวแล้วครับเมีย"

คนเจ้าเล่ห์อาศัยจุดอ่อนที่ใบหูสวยของคนรัก กระซิบเสียงพร่า คำเรียกสนิทสนมบอกถึงความสัมพันธ์ที่มักใช้พูดกันแค่สองคน บอกได้เป็นอย่างดีว่าไฟรักกำลังจะเผาไหม้ลามเลียสองร่างที่กำลังเคลิ้มกับรสสัมผัสได้มากแค่ไหน

"เบาๆนะพี่ภู มีAfter partyอีกนะ"

คนน้องที่ถูกคนพี่ล่อลวงกลางกายจนตกหลุมพราง เอ่ยบอกเสียงพร่า

"ครับผม พี่จะรักหนูเบาๆนะ"

หมาป่าเจ้าเล่ห์จ้องมองเหยื่อด้วยแววตาแสนรัก ก่อนจะเริ่มละเลียดชิมความหวานของลูกแกะตัวขาวอย่างย่ามใจ รอยยิ้มร้ายถูกจุดขึ้นเมื่อลูกแกะบิดเร่าด้วยไฟปรารถนา ดูท่าว่าลูกแกะผู้โชคร้ายจะยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง และไม่รู้ตัวเลยว่า เสียงครางเครือจากปากนุ่ม ยิ่งช่วยพัดโหมความคิดด้านมืดของเจ้าหมาป่าให้ยากที่จะระงับ แน่นอนว่าคืนนั้นเจ้าลูกแกะจึงถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์จับกินอย่างเอาแต่ใจ ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดทั้งคืน

。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


THE END
ในที่สุด #ภูฟ้าปาลิน ก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเมนท์ และทุกทวิตติดแท็ก
ที่ช่วยเป็นแรงใจและทำให้เราทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ (^з^)-☆Chu!!
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันอย่างยาวนานกว่ายี่สิบวันนะคะ เพราะความเกเรของคนเขียน เลยทำให้สิบแปดตอน
แต่ใช้เวลายี่สิบวัน >< ไม่มีอะไรจะแก้ตัว นอกจากรักนะจุ๊บๆ
ขอบคุณที่ทำให้พี่ภูน้องลิน มีชีวิตในโลกจินตนาการของทุกคน
หวังว่าจะได้พบกันเร็วๆนี้ในตอนพิเศษ (*^3^)/~♡
แต่ขอลั้นลาปลดระวางความเครียดที่สะสมมาเกือบเดือนนี้ก่อนนะคะ แล้วจะพาพี่ภูน้องลินกลับมาให้หายคิดถึงกัน

ปล เรามีความง่อยในเรื่องพล็อตมากค่ะ อาศัยพลิ้วไหวไปตามแป้นพิมพ์ คิดสดก็พูด ฮ่าๆๆๆ
ดังนั้นใครอยากเห็นพี่ภูน้องลิน ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ลองรีเควสกันเข้ามานะคะ
ถ้าไม่เกินความสามารถ จะmade to orderของเมนท์ที่น่าสนใจเลยค่ะ
 


แฟนเพจ เพื่อติดตามเรื่องนี้ ตอนพิเศษ และนิยายในอนาคต
https://www.facebook.com/Sugarstackstory/

คอมเมนท์หรือพูดคุยในทวิตเตอร์
Twitter @Sugar_stack (https://twitter.com/Sugar_stack)

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-09-2017 19:51:17
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 27-09-2017 21:55:59
จบอย่างแฮปปี้ มีความสุขทุกคน ดีใจด้วยพี่ภูน้องลิน   :m1:
เพราะรักแท้ของทั้งคู่ ทำให้ในที่สุดก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับได้แล้ว
เรื่องนี้ ที่ประทับใจที่สุด คือความรักที่พี่ภูมีต่อน้องลิน รักครั้งแรกที่ยอมเดิมพันกับทุกอย่าง
เพื่อให้ได้ใจน้อง แล้วในที่สุด ก็ได้รับความรักมากมายจากน้องลินคนดี
ความรักของพี่ภู คือสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตของน้องลินจริง ๆ ไม่อย่างนั้น
น้องก็คงยังจมอยู่กับอดีตที่ขมขื่น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ไม่เต็มที่
เราชอบทั้งคู่ ที่เมื่อรู้ตัวว่ารักอีกฝ่ายแล้ว ก็มั่นคงไม่มีหวั่นไหว
ทั้งพี่ภูที่เคยเจ้าชู้มาก่อน ทั้งน้องลิน ที่ไม่สนใจใด ๆ เมื่อเจอคนรักเก่าที่ทำให้เสียใจ
ชอบเพื่อน ๆ ของทั้งคู่มาก ๆ ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนในทางที่ดีเสมอ
ที่สำคัญ ประทับใจความขยันในการลงเรื่องของคนเขียนมากค่ะ สม่ำเสมอดีมาก
ไม่ทิ้งช่วงให้คนอ่านรอนาน ภาษาที่ใช้ก็ดี อ่านแล้วลื่นไหลไม่มีสะดุด คำผิดไม่มีเลย ชื่นชมจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ เรื่องนี้ พอจบแล้วก็ใจหายแปลก ๆ นะ 555
ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่รู้สึกว่า เปิดเข้าเล้ามา ต้องมีเรื่องนี้มาอัพตอนใหม่ให้อ่านในทุกวัน
พอหายไปต้องคิดถึงพี่ภูน้องลินแน่เลย  ยังไงก็รอตอนพิเศษนะคะ อย่าลืมพาคู่รักมาให้หายคิดถึงน้า
ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-09-2017 23:58:53
ตอนจบซึ้งมาก
ชอบตรงน้องลินลูกเทพนี่แหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 28-09-2017 13:19:42
 o13 โอ๊ยยยยยจบแล้ว...ไม่อยากให้จบเลยค่ะ...  :mew1: คิดถึง  :mew1: ขอบคุณมากนะค่ะ...ชอบมาก...ถ้าถามว่าอนพิเศษชอบแบบไหน..จะว่าอะไรไหมค่ะ...ถ้าขอแบบบ หวานนนนน จนเลือดทะลักล้นภูเลยค่ะ  :jul1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 28-09-2017 23:24:13
 :-[
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-09-2017 19:26:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 30-09-2017 12:52:18
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบความบ้าบอของพี่ภู
โดยเฉพาะ "ดมครีม" 55555
ฮามากตอนที่ต้องพี้ครีม
มีความคลั่งสูงมาก
ลุคแบดๆ หายไปไหนหมด
มีตอนพิเศษอีกไหมคะ
อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ
จะมีมาให้อ่านไหมคะ
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ming88 ที่ 30-09-2017 13:45:12
น่ารักมากค่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 01-10-2017 00:09:24
ทำไมเราเพิ่งเจอออออออออกรี๊ดดดดดดดดมันดีมากค่ะคุณโดยเฉพาะฉากสวนดอกไม้ ฮือออออพี่ภูคนหื่นกับหนูลินดาวยั่วเราเขินนนนนนนขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่ขีดเขียนมาให้อ่านกันนะคะ รอตอนพิเศษนะคะแอบอยากอ่านเรื่องพี่พอร์ชอยากจับนางเป็นผู้โดนกระทำมีซัมมีบ้างโผล่มานิดเดียวแต่ตราตึงคนนี้
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 01-10-2017 09:19:55
สนุกมาก ตอนแรกนึกว่าจะเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ดราม่าหนักๆ แต่อ่านๆ ไปฟิลกู๊ด ชอบตรงนี้แหล่ะเบาๆ มีดราม่าเล็ก อ่านแล้วฟินยิ้มๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 01-10-2017 11:56:40
สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ให้ติดตาม
รอตอนพิเศษพี่ภู น้องลินนะคะ
และจะติดตามเรื่องต่อๆ ไปค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 01-10-2017 13:05:39
สนุกมากกกกกก o13
เขียนดีค่ะ อ่านเพลินเลย :hao7:
รอตอนพิเศษนะคะ เอายาวๆๆๆๆ 5555 :laugh:
รอเรื่องใหม่ด้วย สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-10-2017 16:48:23
น่ารักมากๆจ้ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 02-10-2017 17:55:18
น่ารักมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 02-10-2017 18:33:55
สนุกมากค่ะอ่านรวดเดียวจบเลย.
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 02-10-2017 23:09:20
อ่านยาวรวดเดียวจบเลย
ฮาพี่ภูคนมุ้งมิ้ง

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 04-10-2017 00:45:15
 :m31:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 04-10-2017 22:59:31
ดีงาม..พี่ฟ้าแมนมากน้องลินก็น่ารัก..ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Gottomon ที่ 06-10-2017 01:55:35
สนุกมากค่ะ รุ้สึกว่าพี่ภูบ้าบอมากเลย 55555
แต่ก็ชอบนางอะ ยิ่งตอนพี้ครีมยิ่งฮา คลั่งน้องมาก
พ่อเสือสิ้นลาย กร๊าก
ส่วนน้องลิน น่ารักตรงที่ดูนิ่งๆเงียบๆ
แต่มีมุมมุ้งมิ้ง ยิ่งตอนอ้อนไม่รู้ตัวนี่บั่บบ ฮึ้ยยยสักทีมั้ยย 55
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
รอตอนพิเศษค่ะ ><
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 06-10-2017 17:29:23
อ่านรวดเดียวจบเลย น่ารักมากๆๆ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยาย :)
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Mooncake ที่ 07-10-2017 23:14:15
อ่านจบแล้ว แง๊
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ นิยายสนุกมากๆ
ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ ^^
เห็นว่าแต่งเป็นเรื่องแรก การดำเนินเรื่องรวมถึงสำนวนก็ดีมากๆค่ะ อีกอย่างที่ประทับใจคือ คำผิดมีน้อยมากๆ

จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 08-10-2017 17:22:29
อ่านแล้วประทับใจมาก ชอบพี่ภูน้องลิน ตลกพี่ภูดมครีม เอ็นดูน้องลินที่อยากมอบความมั่นใจให้พี่ภู
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 08-10-2017 21:37:12
ดีค่ะ ชอบบบบบบบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 09-10-2017 13:57:46
อ่านรวดเดียวจบ น่ารักมาก  :-[
ชอบความมุ้งมิ้งของพี่ภูมากมาย
พอรู้ว่ารักน้องลินปุ๊บ ความมุ้งมุ้งออกนอกหน้ามาก  :hao3:
อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยบอกตรงๆ
แต่ก็เข้าใจและขอบคุณที่เอานิยายฟิลล์กู้ดดีๆ มาให้อ่านกันนะจ๊ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 10-10-2017 14:11:52
น่ารักมากๆเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 10-10-2017 16:56:13
เรื่องไหน พระเอกเรียกแทนนายเอกในประโยคใดๆ ว่า "คนดี"  คันหัวใจพาลจะไ่ม่อยากอ่านต่อทุกเรื่องเลย T  T จัักกะจี๋ค่ะ ยิ่งพระเอกที่ผู้ชายมากๆ นี่ ผู้ชายจริงๆ จะเรียกแฟนว่า "คนดี" บ่อยมั้ยคะ ใครรู้บ้าง
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-10-2017 19:40:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 11-10-2017 03:02:40
ขอแปะ 1 ทีจ้ะ >< เดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-10-2017 19:43:39
ขอบคุณมาก ผลงานดีมาก พี่ภูฟ้าน้องปาลิน อบอุ่นสุดๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 12-10-2017 03:30:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: gibebk ที่ 12-10-2017 19:33:28
 :o8:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 15-10-2017 22:52:12
ปาลินน่ารักกกกกกก
พี่ภูถือว่าโชคดีนะเนี้ยได้เมียดี อิอิ
อิจฉาเลยยย
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 16-10-2017 01:35:29
ขำพี่ภูมาก น้องลินน่ารักอะไรขนาดนี้ อ่านที่พี่ภูบรรยายแล้วอยากฟัดด้วยคน  :-[
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 18-10-2017 12:36:44
จากอ่านตอนแรกคิดว่าจะดราม่า :z3:
ฟู่วววว โล่งมาก พยายามเชื่อคนเขียนว่าฟิลกู้ด 5555

พี่ภูตอนแรกมาอย่างเสือเลยค่ะ
บอกมาสิฉายาที่ได้มานะจับสลากมา
 :hao6:

เขียนเรื่องได้ดีจัง ไม่งง ค่อยเป็นค่อยไป
ฉาก nc หวานมากก ชอบบบบ ขออีกก :hao7:
น้องลินก็น่ารักมากกก น่าจับหอมแก้ม ฟอดๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 19-10-2017 02:28:13
ตอนแรกรู้สึกเอื่อยๆ แต่กลางๆพอเริ่มรักกัน ฟินมากค๊าาาา   พี่ภูนี่รักเมียหลงเมีย เป็นเอามากๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-10-2017 02:50:49
มาสวัสดีคนเขียนค่ะ  :mc4: (และแอบทวงตอยพิเศษไส่ไข่ค่ะ) คิดถึงน้องปาลิและพี่ภูเลยเข้ามาอ่านเป็นรอบ....ที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 19-10-2017 19:01:35
พี่ภูน่ารัก อยากได้แบบนี้
 :mew1: :mew1: :mew1:
เอาน้องลินด้วยก็ดี
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 20-10-2017 05:30:55
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-10-2017 16:45:21
พี่ภูจากเสือมาเป็นแมวน้อยเลย น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 23-10-2017 05:25:43
พี่ภูมันร้าย 5555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 24-10-2017 22:07:36
จบแล้วววว ใจบางเลยยยย
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 25-10-2017 00:49:05
สนุกมากค่ะ พี่ฟ้ากับน้องลินน่ารักมากกก
ถึงจะเป็นเรื่องแรกแต่แต่งได้ดีค่ะ บรรยายกระชับไม่มากไป
ขอบคุณมากนะคะะ มีเรื่องใหม่ไวๆน้าา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 25-10-2017 01:38:47
เนื้อเรื่องน่ารักมากกกกกกก
อ่านแล้วหลงรักตัวละคร ~
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-10-2017 01:32:27
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-10-2017 02:09:59
น่ารักมากมาย :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-10-2017 16:33:53
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 05-11-2017 11:15:04
สนุกมากเลยค่ะ น้องน่ารัก พี่ภูก็น่าเลิฟ อิอิ
ฉากรักกันดี้ดี 5555555
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 10-11-2017 02:49:17
พี่ภู น่ารัก  น้องก็น่ารัก   :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่หนึ่งღ
เริ่มหัวข้อโดย: aonan5042 ที่ 10-11-2017 02:57:04
เปิดมาตอนแรกก็น่าติดตามแล้ววววววว ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะคะว่าเป็นนิยายเรื่องแรกของคนเขียน เขียนได้ลื่นไหล ภาษาดี น่าอ่านมากๆค่าาาาาา เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สองღ
เริ่มหัวข้อโดย: aonan5042 ที่ 10-11-2017 03:15:20
สนุกมากค่าาาาาา เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 13-11-2017 06:36:10
ชอบบบบบ แต่งดีมากๆๆๆๆ ขอบคุณคนแต่งมากเลยนะค้าาาา จะติดตามต่อไปนะคะะะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-12-2017 20:36:00
น่ารักทั้งพี่ภูน้องลิน แต่พี่ภูดูจะมุ้งมิ้งกว่าน้องไปอีก

ขอบคุณคนแต่งมากๆ นะคะ  :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 07-12-2017 23:00:39
โอ๊ยยย คุณคะ อ่านแล้วฟิน
ฟินไปยาวๆ
ฟินไปสามบ้านแปดบ้าน
เชื่อเถอะ เป็นนิยายฟิวกู๊ดที่ทำเอาคนอ่านลอยติดเพดาน
อะไรจะดีปานนี้
ชอบมาก
คิดถึงmu มากมาย
อ่านแล้วอินโครตตตต
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 09-12-2017 15:12:15
ชอบมากๆเลยค่ะ น่ารักกก
น้องน่ารัก พี่ภูก็น่ารักกก
ชอบเรื่องนี้ ประทับใจ /////
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Cuddlemoon ที่ 23-12-2017 05:41:40
ทำไมน้องแซ่บแบบนี้ ไรท์เก่งมากเลยอะขนาดแต่งครั้งแรกนะคือมันดีมากไม่ติดขัดอ่านแล้วมันน่ารำคาญเลย เห็นแต่ความอ่อนโยนที่อิพี่พยายามดูแลน้อง งื้ออออเขิน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 02-01-2018 21:40:08
สนุกมากครับ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 04-01-2018 20:03:35
 :hao3:อยากได้ตอยพิเศษจังเลยค่าาาาา
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 10-01-2018 12:33:39
คนเขียนอยู่muใช่มั้ยคะ? บรรยากาศในนี้คือแบบใช่เลยอะ
อยากรู้จะมีตอนพิเศษมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-02-2018 21:27:40
น่ารักมาก...กกกกกกกกก   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-02-2018 11:43:15
 :L2:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: dino94 ที่ 11-02-2018 02:48:40
น่ารักมากพี่ภูนี่เหมือนหมาโกลเด้นจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 26-02-2018 12:21:59
ตามมาจากแนะนำนิยาย ไม่ผิดหวังจริง ๆ น่ารักมากกก น้องลินน่ารักสุดๆ รักน้องงง

ขอบคุณที่มาแบ่งปันนิยายดีๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงพิเศษღ "ใจส่งท้าย" P.4 ☛ 27.09.17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-03-2018 14:54:25
มีคนแนะนำมานานแล้ว เราเพิ่งได้เข้ามาอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องแรก หาคำผิดแทบไม่เจอด้วย สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบพัฒนาการของตัวละครที่ค่อยๆโตขึ้นปลดล็อคกันไปทีล่ะเลเวล น้องลินน่ารักมากๆเลยค่ะ ลืมไปเลยว่าสูงร้อยแปดสิบ อยากกอดให้จมอก น้องงงงงง  :impress2:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 26-03-2018 16:28:39
♡ ใจแถม ♡



..ปาลิน..



“น้องงงงงงงงง”

คนโตแต่ตัวหันมาเบะปากเรียกผมด้วยสีหน้าแบบเด็กขี้ฟ้อง นิ้วชี้เรียวก็ยังชี้ค้างไปยังหน้าจอแท็บเล็ตที่พึ่งถูกเจ้าของลงโทษให้นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น หัวคิ้วขมวดมุ่นบ่งบอกถึงปัญหาแสนสาหัสที่เจ้าตัวกำลังเผชิญอยู่

แต่พอผมทำท่าจะก้มลงไปคว้าตัวการของปัญหาขึ้นมาดู พี่ภูก็รีบรวบตัวผมไว้ไม่ให้เข้าใกล้ แถมยังใช้เท้าเขี่ยแท็บเล็ตที่น่าสงสาร ให้ไถลไปไกลกว่าเดิมมากขึ้นอีก

“พี่ภู”

ผมคาดโทษกับคนที่ใส่อารมณ์กับข้าวของ คนมีความผิดเลยรีบก้มหน้างุด ซบหน้าตัวเองกับแผ่นหลังของผมคล้ายสำนึกผิด

“ขอโทษครับ”

เสียงอ่อยๆมาพร้อมกับแรงกอดรัดที่เอวของผม

“พี่ภูเป็นอะไรครับ บอกผมได้มั้ย”

ผมลูบหลังมือของคนที่ยังไม่ปล่อยผมลงจากตัก อยากให้พี่ภูรู้ว่าผมพร้อมจะอยู่เคียงข้างและรับฟังพี่ภูเสมอ

“ก็ ก็คือว่า”

พี่ภูยังอ้ำอึ้งกับข้อสงสัยของผม ความจริงผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะปกติพี่ภูก็ชอบแอบหาทางกีดกันผมออกจากปัญหานานับประการ ที่ล้วนแต่ดาหน้ามาทดสอบเรื่องของเราอยู่เรื่อยๆ แต่ผมก็อยากสู้เพื่อพี่ภูบ้างเหมือนกันนี่นา

“พี่ภูครับ”

ผมตบปุๆที่หลังมือคนโตกว่า ก่อนจะลุกจากตักอุ่นแสนสบาย เพื่อมาประคองสองแก้มของคนอมทุกข์ให้ได้หันมาสบตากัน

ฟอด ฟอด

เติมพลังให้สักหน่อย รุ่นนี้เลี้ยงไม่ยากเท่าไหร่ ใส่ถ่านก้อนสองก้อนก็อยู่ได้ทั้งวัน

“ชื่นใจจัง”

คนที่ทำหน้าเหมือนโลกจะถล่มเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มาตอนนี้กลับมีสีหน้ายิ่งกว่าดอกไม้ที่พึ่งได้น้ำ

“ถ้าได้ตรงนี้ด้วย ต้องมีแรงเล่าแน่เลย”

ลืมบอกไป ว่าเวลางอแงจะกินถ่านเป็นพิเศษ

จุ๊บ

ถึงจะเปลืองถ่านไปบ้าง แต่ก็นับว่าคุ้มค่าการลงทุน

“มีแรงเลยเนี่ย สมองปลอดโปร่งจนคิดอะไรดีๆออกแล้ว”

คนที่ทำตัวน่าสงสัยมาเป็นอาทิตย์ๆยิ้มกริ่ม ราวกับกำลังจะมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้น ทั้งๆที่หลายวันที่ผ่านมาดึกๆดื่นๆก็ไม่ยอมหลับยอมนอน ถ้าไม่กวนผมจนเหนื่อยก็แอบไปทำอะไรลับๆล่อๆกับแท็บเล็ตเจ้าปัญหานั่นแหละ

“ไม่ดุพี่นะครับ ไม่กล้าทำแล้ว”

คนโตกว่ายิ้มอ้อนส่งมาให้ผม ก่อนจะจับตัวผม ทึ่ก็ไม่เคยโกรธพี่ภูอยู่แล้ว ให้กลับมานั่งบนตักพี่เขาเหมือนเดิม จะต่างไปก็ตรงที่ คราวนี้ผมเป็นฝ่ายหลบสายตาร้อนแรงที่จ้องมองผมไม่วางตา

“พี่ชอบท่านี้ ชอบเวลาโดนเมียขย่ม”

คนที่พออารมณ์ดีแล้ว ก็แทนที่ด้วยความเจ้าเล่ห์ทันที กระซิบบอกผมเบาๆที่ข้างหู กระซิบเฉยๆไม่ว่า ยังจงใจให้ริมฝีปากร้อนของตัวเองมาสัมผัสถูกอวัยวะไวสัมผัสของผมด้วย

“ก็เห็นชอบทุกท่านั่นแหละ”

อดไม่ได้เลยเผลอท้วงออกไป

“ไหน ท่าไหนบ้าง บอกพี่หน่อย หื้ม”

ลิ้นร้อนและริมฝีปากหยุ่นชื้น เริ่มรุกรานผิวเนื้อของผมอย่างเอาแต่ใจ พอเอียงคอจะหนี ก็ถูกสองมือของคนมากประสบการณ์ จับสะโพกให้บดเบียดลงไปยังหน้าตักแกร่งของตัวเอง

ความอุ่นร้อนของบางอย่างที่ดุนดันอยู่ข้างใต้ ทำให้ผมต้องขืนตัวเองไม่ให้สัมผัสลงไปตรงๆ

“ปล่อยเลยนะคนมีความผิด”

รู้ตัวดีว่าไม่เคยทัดทานสัมผัสเสน่หาของพี่ภูได้สักครั้ง ถ้าพี่ภูเป็นไฟ ผมคงเป็นน้ำมัน พออยู่ใกล้กัน ก็มีแต่โหมเชื้อเพลิงให้ลุกไหม้

แต่ประเด็นนี้ยังเคลียร์ไม่จบ จะปล่อยไปก็ไม่ได้ ช่วงนี้ยิ่งชอบเนียนๆ เอะอะก็เตียง เอะอะก็ระเบียง จนเจ้าตัวได้ใจ มีแต่จะเรียกร้องและโลภขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด

“ลินจ๋า พี่อยาก”

ลูกไม้เดิมๆที่ผมก็ยอมกระโดดตามลงไปทุกครั้ง ถูกเอามาใช้อีกรอบ

“อยากก็ไม่ให้ ถ้าพี่ภูไม่บอก ก็อดไปยาวๆเลยนะ”

ต้องมีใจแข็งกันบ้าง เดี๋ยวนี้พอเห็นพี่ภูทำงานเหนื่อย ผมก็อยากตามใจ แต่ดูท่าว่าคนถูกตามใจ ชักจะเหลิงจนเสียคนแล้ว

“หื้ออ ลินอะ ให้รอถึงเที่ยงคืนพี่ใจขาดตายพอดี นี่พึ่งหกโมงเย็นเองนะ”

คนที่มือเริ่มลูบไล้เข้ามาในเสื้อของผมพูดประท้วง ปากก็พูดอีกอย่าง ปลายนิ้วก็ทำอีกอย่าง จนผมที่เป็นคนถูกกระทำ เริ่มจะคุมสติตัวเองด้วยความยากลำบาก

“หยุดเลยนะ ถ้าไม่เชื่อกัน ลินจะไม่บอกรักพี่แล้ว”

ผมหมายถึงวีดีโอคลิปเติมความหวาน ที่พี่ภูอ้อนให้ผมส่งไปให้ทุกวัน ตอนแรกก็เขินๆที่ต้องทำอะไรแบบนี้ แต่พอพี่ภูเป็นฝ่ายเริ่มก่อน การเป็นคนรับก็ทำให้ผมได้รู้ถึงความสุขจากวีดีโอความยาวไม่ถึงนาทีนั้นได้เป็นอย่างดี พอตัวเองมีความสุข ก็อยากทำให้คนรักของผมมีความสุขไม่ต่างกัน

“พี่ต้องใจขาดตายแน่ๆถ้าเป็นแบบนั้น”

คราวนี้ได้ผล เพราะพี่ภูหยุดการกระทำเอาแต่ใจ แล้วหันมาสบตากับผมตรงๆ

“อ่า คนใจร้าย บอกเค้าให้หยุด แต่ตัวเองกลับทำหน้าน่ารังแกขนาดนี้”

หยุดแต่ไม่วายประท้วง แล้วใครกันหล่ะที่รังแกผมก่อน ไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย ที่ทำเสื้อผ้าตัวเองหลุดรุ่ยจนหัวไหล่และผิวเนื้อบางส่วนโผล่ออกมา หรือแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักพี่ภู ก็เพราะพี่ภูทำตัวเองทั้งนั้น

“จะบอกไม่บอก”

ผมจงใจบดเบียดสะโพกกับตักแกร่ง กัดปากน้อยๆให้รู้ว่าจงใจยั่ว

“น้องงงง”

คนใจจะขาดสวนสะโพกตัวเองขึ้นมาตอนที่ผมไม่ทันตั้งตัว

“ผิดกติกา ใบเหลือง”

ผมเลียนแบบท่าผู้ตัดสินในสนามฟุตบอล แล้วขมวดคิ้วดุ เพราะพี่ภูยังไม่ยอมเล่าในสิ่งที่ผมสงสัย

“ลินอ่าาา ให้พี่รักหนูก่อนน้า เที่ยงคืนปุ๊บพี่ยอมบอกทุกอย่างเลย”

พี่ภูเว้าวอน ไม่วายทำหน้าตาเหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลายลงตรงหน้า

“งั้นก็อด”

ผมลุกจากตักพี่ภูด้วยความข่มใจ การอยู่ด้วยกันก็ต้องมีกติกาบ้าง ถึงแม้ผมจะต้องไประงับความรู้สึกและอะไรต่อมิอะไรเองก็ตาม

“ลินจ๋า”

พี่ภูเดินตามมารวบตัวผมไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะกดจมูกหอมหลังคอ จนผมต้องเผลอกัดปากเพราะความหวามไหว ดีนะที่พี่ภูไม่เห็น

“ถ้าไม่เล่า ก็ไม่ต้องมาจับ ปี๊ด! ใบแดง”

ทำใจแข็งบอกออกไป ตามด้วยเดินหนีเข้าห้องนอน แล้วล็อคประตูเสียเลย

“เปิดประตูให้พี่หน่อยนะครับ เมียจ๋า”

มีหน้ามาเรียกกันว่าเมีย คราวนี้อย่าหวังว่าผมจะยอมพี่ภูง่ายๆนะ ไม่มีทาง!



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

#ภูฟ้าปาลิน
มีต่อค่ะ แค่กๆๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar_stack ที่ 26-03-2018 17:08:25
♡ ใจแถม ♡



..ภูฟ้า..

ผมเหมือนคนหนีเสือปะจระเข้ อาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากงานในร้านทั้งภูฟ้าปาลินและVelaจะพร้อมใจกันยุ่งจนไม่ได้หายใจหายคอแล้ว งานที่บริษัทก็เรียกว่าหนักหนาเอาการเลยทีเดียว แล้วไหนจะมีถ่ายโฆษณา ที่เซ็นสัญญากันมานาน แต่พึ่งได้ฤกษ์ถ่ายเมื่อสามวันที่แล้วนั่นอีก

แต่ตอนนี้ที่ร้ายแรงที่สุด ก็เห็นจะเป็นการที่ผมกับลูกชายที่ยังแข็งขืนถูกไล่ให้อยู่นอกห้อง เราสองคนที่ไม่มีที่ไปและยังต้องการความรักความอบอุ่นจากคนในห้อง ก็เลยได้แต่เดินไปเดินมา ไม่ต่างจากเสือติดจั่นเลยสักนิด

ซ้ำร้าย พอเผลอนึกถึงหน้าคนในห้อง ที่เมื่อครู่พึ่งถูกไฟราคะมอมเมาจนตาฉ่ำเยิ้ม ผมนี่ก็ถึงกับเข่าทรุด ต้องกอบกุมลูกชายตัวเอง เพื่อสงบกายสงบใจยุบหนอยุบหนอกันก่อน

ยิ่งนานวันเข้า น้องก็ยิ่งมีเสน่ห์มากมายมามัดใจผมให้ดิ้นไม่หลุด เรียกให้ถูก ต้องบอกว่าไม่คิดจะดิ้นขัดขืนเลยสักนิดมากกว่า

รู้ทั้งรู้ว่าถ้ายอมบอกน้องออกไป น้องต้องเข้าใจและก็ปลอบผมไม่ให้คิดมากแน่ๆ แต่บางเรื่องโดยเฉพาะเรื่องนี้ ผมก็มีความต้องการเอาชนะ จนยอมถอยไม่ได้จริงๆ

สักพักพอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ และสามารถปราบลูกชายตัวเองได้แล้ว ไฟแค้นในอกก็ผลักให้ผมต้องรีบมาเปิดคอมพิวเตอร์ที่ห้องทำงานทันที ผมกรอกตัวอักษรภาษาอังกฤษไม่กี่ตัวลงบนช่องค้นหา ไม่นานหน้าเว็บไซต์ที่ผมจำได้ขึ้นใจก็ปรากฏออกมาให้เห็น พื้นหลังสีส้มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาร่วมอาทิตย์ กระตุ้นให้อะดรีนาลีนในร่างกายผมฉีดพล่านทุกครั้งที่จ้องมอง โดยเฉพาะตัวเลขแสดงสถิติบนนั้น ก็ยิ่งกดดันให้ผมเข้าสู่ภาวะสงคราม ที่มีผมเป็นแม่ทัพ

“เวรเอ๊ย”

ผมหัวเสียจนเผลอสบถเสียงดัง เมื่ออะไรๆก็ดูจะไม่ค่อยเป็นใจให้ผมสักเท่าไหร่ ดีที่นั่งอยู่ในห้องทำงานตัวเอง ไม่อย่างนั้นน้องอาจจะออกมาดูแน่ๆว่าผมเป็นอะไร จะให้ล็อคห้องก็ไม่อยากทำ เพราะเดี๋ยวน้องมาหาแล้วเข้าไม่ได้ คราวนี้แหละที่ผมกับเจ้าลูกชายตัวดีคงได้กลายเป็นลูกกำพร้าแน่ๆ

เมื่อยังหงุดหงิดไม่หาย ผมเลยต่อสายหาไอ้จั๊ด รอไม่นานปลายสายก็รับ

“ขอเอากับเมียบ้างได้มั้ย มึงจะจิกกูเช้าสายบ่ายเย็นขนาดนี้ไม่ได้เว่ย”

ไอ้จั๊ดพูดแค่นี้แล้วตัดสายไป ไอ้ห่า ไอ้เพื่อนเวร ถ้ากูอด มึงก็ต้องอด

ผมกดโทรกลับไปรัวๆ ในขณะที่นิ้วชี้ก็ยังคลิกเมาส์ที่หน้าจอด้วยใจระทึกไม่หยุด

“สัดภู!! เดี๋ยวกูทำให้! ไอ้เหี้ย!! วาง!!!”

หึหึหึ มึงทนความหน้าด้านของกูไม่ไหวหรอกไอ้จั๊ด เพราะมันเคยเป็นบ้าเป็นบอปิดโทรศัพท์หนีเพื่อนตอนเฮิร์ทเรื่องความรัก หลังจากนั้นมันเลยสัญญาว่าจะรับสายผมกับไอ้ปาล์มทุกครั้งที่โทรหา เป็นไงหล่ะมึง กรรมติดจรวด

เหยื่อรายต่อไป รอไม่นานก็รับสาย

“อื๊อออ พี่ภู ม..ม่าน ยังไม่ว่าง เดี๋ยวทำให้ วางนะ”

คราวนี้เป็นน้องคิตตี้รับ ก็ดีครับ โทรทีเดียว ตามได้สองคนเลย

เป้าหมายต่อไป

“โอ๊ยยย กูแดกข้าวไป มือก็กดมือถือยิกๆไปด้วยเนี่ย”

ไอ้ปาล์มเพื่อนรักรีบพูดก่อนที่ผมจะจองล้างจองผลาญมัน

“บอกหวายกับเพื่อนๆด้วย”

ถึงมันจะรู้หน้าที่ ก็อดไม่ได้ที่จะสำทับให้มันบอกแฟนและเพื่อนๆด้วย

“เออ รู้แล้วโว้ย เมียกูนี่แหละที่จิกกูยิ่งกว่ามึงอี๊กกก เพี๊ยะ”

เสียงตบแบบฟูลHD ดังมาตามสาย ได้ฟังแล้วก็ยิ่งเกิดความฮึกเหิม ถูกต้องแล้ว เวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลามาใจบาง สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร!

ว่าแล้วก็โทรรัวๆหาทุกคอนแท็คในลิสต์ นิ้วที่กดเมาท์ก็ยังกดต่อไปอย่างไม่ลดละ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าผมดำดิ่งตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกไปแล้ว

ก๊อกๆๆ

ก๊อกๆๆๆ

ก๊อกๆๆๆๆ

ถ้ามีอีกครั้งผมคงหัวแบะแน่ๆ ด้วยดวงชะตายังไม่ถึงฆาต เลยทำให้สะดุ้งกับเสียงเคาะประตูครั้งสุดท้าย จนต้องรีบละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ แล้วกดปิดหน้าจอไว้ก่อน นึกแปลกใจที่น้องไม่ได้เปิดเข้ามาอย่างทุกที แต่ก็แอบโล่งใจไปด้วย เพราะผมกำลังอยู่ในโหมดบ้าระห่ำจนไม่ทันรู้ตัว

เปิดประตูออกไปแทนที่จะเห็นเจ้าของหัวใจผมยืนทำหน้างุ้ย แต่มองซ้ายมองขวาก็ไม่มี หรือน้องจะโกรธที่ผมไม่เปิดประตูให้ จนหนีกลับไปแล้ว

ใจหนึ่งก็อยากตามไปเลย แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากทิ้งเพื่อนพ้องที่กำลังสู้รบให้สู้เพียงลำพัง ระหว่างที่ลังเลใจอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นซองสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่หน้าประตู

พอเปิดออกดูเท่านั้นแหละ ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า สนามรบขาดแม่ทัพคนเดียว ยังเดินหน้าได้ แต่สนามรักนั้นไซร้ จะขาดพี่ไปได้อย่างไรหล่ะจ๊ะน้องจ๋า
 
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

ผมที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง พอเปิดประตูแล้วก็แทบทรุดกับสิ่งที่เห็น

น้องงงงงงง น้องค้าบบบบบบบ น้องของพี่!!!!!

ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจผมแทบวาย รูปโพลารอยด์ในมือที่ทำให้ผมยอมทิ้งเพื่อนพ้องนับพันนับหมื่น ก็ยังเทียบไม่ได้กับของจริงสักนิด ภาพลูกแมวน้อยแบบ2Dร่วงลงไปกับพื้น โดยที่ผมไม่คิดจะเก็บ

นั่นก็เพราะลูกแมวแบบ4Dxxxตรงหน้ากำลังทำให้ผมเสียสติ ณ จุดนี้ บอกเลยว่าถึงตายก็ยอม แต่ก่อนตายขอกลืนลูกแมวช่างยั่วนี่ลงท้องก่อน!!

“เดี๋ยวก่อน! นี่คืออะไร”

ลูกแมวขี้ยั่วตรงหน้าอยู่ดีๆก็กลายร่างเป็นแม่เสือ เบรคผมที่ถอดเสื้อผ้าด้วยความไวแสงจนหัวทิ่ม ภาพหน้าจอมือถือที่น้องเปิดค้างไว้ก็เล่นทำเอาผมและเจ้าลูกชายแทบหด ยืนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรกระโจนขึ้นเตียงเลย หรือควรยกธงขาว

“เอ่อ คือว่า คือ”

ผมนี่ถึงกับไปไม่เป็น เพราะไม่คิดว่าน้องจะมาไม้นี้

“แหะๆๆ ก็คือว่า คือแบบนี้นะครับที่รัก”

ประจบก่อนครับ ค่อยๆคลานขึ้นบนเตียงช้าๆ มือก็ทำปูไต่กระดึ๊บๆจนเกือบจะถึงขาอ่อน ที่จงใจโผล่ออกมาจากผ้าห่ม

“หยุด คุยกันก่อน”

แม่เสือแต่ใส่หูแมวสีขาวนุ่มฟู หันมาตะปบมือผมที่เกือบได้แตะผิวเนื้อนุ่ม จนครางหงิง

“ยอมแล้วจ้า”

ใส่เสื้อผ้าปิดทั้งตัวผมยังยอมศิโรราบแล้ว นี่เล่นมีไอเทมหูแมวและอะไรต่อมิอะไรอีกก็ไม่รู้ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม อยากมุดเข้าไปขยำขยี้แล้วทำให้ครางเป็นแมวเซา แต่ก็ได้แต่บอกตัวเองให้อดใจไว้ ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไป อาจโดนแมวเซาขย้ำตายได้

ตากลมโตของคนที่โคตรจะน่ารังแก จ้องมองเพื่อกดดันผมอยู่ แต่ไอ้ลูกชายไม่รักดีแทนที่จะกลัวกลับระริกระรี้เรียกร้องความสนใจ จนน้องหันไปมอง

“หยุดคิดทะลึ่ง แล้วมาอธิบายดีๆเลยนะ”

หน้างุ้ยๆคือฟางเส้นสุดท้าย ที่เป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่า ถ้ายังเงียบอยู่ ผมจะถึงแก่ความตายในไม่ช้า

“ก็ไอ้พอร์ชนั่นแหละ มันกวนตีนพี่ก่อน”

ผมหลบตาคู่สวยก่อนจะกระดึ๊บๆแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม ถึงจะหน้าด้านแต่ผมก็พอจะมียางอายอยู่บ้าง จะให้อธิบายไปลูกชายชี้หน้าน้องไปแบบนี้ ก็คงจะไม่ดี

น้องก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะผิวเนื้อที่เห่อแดงตั้งแต่สองข้างแก้มจนถึงใบหูนิ่ม ก็บอกได้เป็นอย่างดี ว่าคนที่ทำเป็นเก๊กหน้าดุ ความจริงเขินมากแค่ไหน

“ว่ามา”

เสียงดุ แต่ตาก็เอาแต่มองที่ฝ่ามือตัวเอง ส่วนผมยิ่งแล้วใหญ่ ละสายตาจากหูแมวสีขาวนุ่มฟูที่น้องใส่อยู่ไม่ได้เลย โมเอะโคตรๆ โอ๊ย ใจพี่

“ก็นิตยสารนี้เค้ามีเปิดโหวตที่สุดแห่งปี แล้วพี่ก็ไปอยู่ในโพลนั้นด้วย”

ผมชี้ไปยังหน้าจอสีส้มด้วยใจระทึก แถบผลโหวตแบบเรียลไทม์ทำให้สติของผมเริ่มกลับมาอยู่ในสมรภูมิแห่งศักดิ์ศรี

“แล้วทีนี้”

น้องคงเห็นว่าผมเอาแต่จ้องภาพหน้าจอ เลยจับตัวการมากดปิดหน้าจอเสียเลย

“ก็ทีนี้ โพลสุดยอดหนุ่มสุดฮ็อตมาแรงก็มีพี่กับมันด้วย”

ผมว่าเสียงอ่อย

“อ่าฮะ ช่วงหลายวันนี้พี่ภูเลยขยันลงรูปถอดเสื้อสินะ”

น้องหันมาใช้ตากลมโตกับหูแมวสุดแสนจะน่ารักนั่น คาดคั้นผมต่อ ผมนี่ถึงกับปรับอารมณ์ตัวเองไม่ถูกเลยทีเดียว หื่นก็หื่น กลัวตายก็กลัว

“เปล่านะจ๊ะ งานทั้งนั้น พี่ไปถ่ายแบบให้เค้า ก็ต้องโปรโมตช่วยเค้าบ้าง”

แถได้ต้องแถไปก่อนครับ ทีไอ้พอร์ชมันยังเอะอะลงคลิปร้องเพลง เอะอะลงคลิปถ่ายแบบเลย

“แล้ว..”

น้องรอให้ผมพูดต่อ

“แล้วก็มีอีกโพลด้วยจ้า”

หลายวันมานี้ที่ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะผมกลัวแพ้ผลโหวตสุดยอดหนุ่มสุดฮ็อตมาแรงอะไรนั่นหรอก

“.....”

น้องเอาแต่จ้องให้ผมพูดต่อ

“แหะๆ ก็คืออีกโพลหน่ะนะลินจ๋า คือโพลสุดยอดคู่จิ้นขวัญใจโซเชียลจ้ะ”

ผมกุมมือน้องขึ้นมาแนบที่แก้ม ส่งสายตาออดอ้อนเว้าวอนให้น้องตัดสินโทษสถานเบา

“แล้วยังไงต่อ”

คนยังเล่นบทแมวดุ ได้ทีเลยบิดแก้มผม จนผมต้องรีบตะครุบเล็บแมวเอาไว้ ก่อนจะได้แผลจริงๆ

“ก็ใครๆก็รู้ว่าพี่กับลินหน่ะคู่จริง ให้สัมภาษณ์ที่ไหน พี่ก็บอกหมดว่ามีเมี- เอ๊ยแฟนแล้ว มีแต่ไอ้พอรช์นั่นแหละ ไร้สาระ ทำเป็นมาโปรโมตคู่จิ้นปลอมๆของตัวเอง หึ ใครก็รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วยังมีหน้าจะมาทำหวานออกสื่อ อยากเอาชนะคู่เรา”

เรื่องรางวัลหนุ่มฮ็อตอะไรนั่น มันจะเอาก็เอาไป ผมไม่ใส่ใจเท่าไหร่ มันเป็นนักร้องดาวรุ่ง แฟนคลับมากมาย ในขณะที่ผมรับแค่งานถ่ายแบบ เดินแบบ ถ่ายโฆษณา จะให้ไปฮ็อตสู้มัน ก็คงจะยาก ถึงแม้ตอนที่น้องโชว์ภาพที่หน้าจอนั่น จะทำให้ผมแอบเห็นว่าคะแนนผมกับมันสูสีกันมากๆก็เถอะ

“ก็มันรางวัลคู่จิ้น ไม่ได้บอกว่ารางวัลคู่จริงซักหน่อย”

ผมทิ้งตัวนอนแผ่กับเตียง ให้น้องเห็นไปเลยว่าผมกับลังทำอารยะขัดขืน ที่น้องพูดเข้าข้างมัน

“แล้วที่สำคัญพี่ภูยังคอยกวนคนนั้นคนนี้ให้โหวตให้ด้วยใช่รึเปล่าหล่ะ เดือดร้อนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันหมด”

ใครนะมันขี้ฟ้อง คอยดูเถอะ ถ้าผมรู้ผมจะตามไปเอาคืนให้สาสม

“แล้วไม่ต้องไปตามหาเลยนะว่าใครบอกลิน เห็นช่วงนี้ลินไม่มีเรียน อยู่แต่กับร้านแล้วคิดจะปิดหูปิดตาลินหรอ”

น้องไม่วายคาดโทษผมล่วงหน้า

“เปล่านะจ๊ะ แต่มันเรื่องหยุมหยิม พี่ไม่อยากเอามากวนใจลิน”

หึ ฝันไปเถอะว่าผมจะให้น้องได้เห็นรูปไอ้พอร์ช ถึงผมจะหล่อกว่า แต่ผมก็ยอมไม่ได้

จุ๊บ

“แค่ชนะใจลินยังไม่พอหรอ”

Knock Out! ช็อตนี้พี่ภูตาย กลัวตัวเองวิญญาณออกจากร่างเลยหลับตาลงก่อน แต่น้องก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมสงบใจตัวเองได้นาน

“ไม่พอหรอครับ”

ถ้าตอนนี้มีเลือดกำเดาไหลเป็นเอฟเฟกต์ด้วยก็คงจะไม่แปลก ลูกแมวที่ยอมออกมาจากผ้าห่ม คลานขึ้นมานั่งอยู่กึ่งกลางตัวผม จนเจ้าลูกชายผมแข็งขืนอย่างรู้หน้าที่

“พอจ้ะ รางวัลอะไรพี่ก็ไม่อยากได้แล้ว”

การทำอารยขัดขืนเมื่อครู่ถือเป็นโมฆะ ผมเอื้อมมือไปกระตุกสายยูกาตะสีพีชที่น้องสวมอยู่ให้เผยออก ถึงจะน่ารักและเข้ากับน้องมากๆ แต่ผิวเนื้อที่ผ้าเนื้อดีห่อหุ้มอยู่นั้น ก็หอมหวานน่าชิมด้วยลิ้นยิ่งกว่าแค่มองด้วยตาเป็นไหนๆ

“เอามาจากไหนครับ”

อดไม่ได้เลยถามถึงที่มาของหูแมวและชุดน่ารักที่น้องสวมอยู่

“อันนี้จากคิตตี้ อันนี้จากม่านแพง บอกว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้พี่ภู”

น้องชี้ไปที่ชุดสีสวยและหูแมวนุ่ม คนที่ทำใจกล้าเมื่อครู่ พูดไปพูดมาก็เขินจนก้มลงมาซุกอยู่ที่อกของผม ข้างบนก็ถูกความน่ารักจู่โจม ข้างล่างก็ถูกเนื้อนิ่มหยอกเย้าเชิญชวน ผมนี่ฟินจนแทบกระอักเลือด โหวตอะไร โพลไหนก็เอาไว้ก่อน นาทีนี้ชนะไม่ชนะก็ไม่สำคัญแล้ว

“ไหน ขอพี่ชิมหน่อย ว่าของขวัญพี่หวานมั้ย”

ผมพูดเสียงกระเส่ากับใบหูนิ่ม แรงอารมณ์ที่เกิดจากการสัมผัสคนในอ้อมกอด เป็นเหมือนเชื้อไฟชั้นดีที่ช่วยเร่งอุณหภูมิในห้องให้โหมกระพือ จนไม่อาจห้ามได้

“มีอีก”

น้องพูดเบาๆ แต่เพราะอยู่ใกล้กันจนแทบจะหลอมรวม ผมเลยได้ยินชัดทุกคำ

“มีอะไรอีกครับ”

ถามออกไป แต่มือก็ไม่ได้หยุดปัดป่ายฟอนเฟ้นไปทั่วตารางผิวเนื้อใต้ชุดยูกาตะ ผมจงใจไม่ถอดออกจนหมด แต่เลือกที่จะเปิดชิมทีละส่วนอย่างย่ามใจ

ชุดแบบญี่ปุ่นถูกผมร่นขึ้นสูงจนเห็นขาอ่อน สาบเสื้อที่พ่ายแพ้ต่อแรงเสน่หาก็เผยออ้าเผยให้เห็นหน้าอกขาวสล้างและเม็ดทับทิมสีสวย ที่แอ่นไหวชูชันไปตามการถูไถสะโพกของผมกับปราการด่านในสุด

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมก้อนเนื้อที่ถูกผมถูไถและบดกระแทกเบาๆ ถึงสร้างความเสียวซ่านและการเด้งรับจากคนที่กลายร่างเป็นแมวขี้ยั่วอย่างเต็มตัวแล้วได้ขนาดนี้ ไม่ต้องรอให้ถาม พวงหางสีขาวก็อวดตัวเองออกมาจากเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ย

“น้อง”

ผมแทบหยุดหายใจ เผลอเรียกน้องออกมาอย่างลืมตัว คนขี้ยั่วที่โดนผมจับได้แล้วว่า“มีอีก”ที่ว่าหมายถึงอะไร จงใจบดเบียดขนนุ่มกับกลางกายผม คล้ายอยากอวดของเล่นใหม่ ทุกครั้งที่น้องกระแทกกระทั้นอย่างเอาแต่ใจ เสียงครางหวานก็ดังออกมาจากปากคู่สวย ที่เอาแต่เผยอเชิญชวนหลอกล่อจนผมครางฮือ

อดทนต่อไปไม่ไหว เลยจับเด็กตัวขาวกดลงกับเตียงเสียเลย ก้อนเนื้อนุ่มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงลอยเด่นหราอยู่ตรงหน้าผม หางแมวฟูฟ่องก็ส่ายไปส่ายมา คล้ายจะทดสอบความป่าเถื่อนของผมให้เผยออกมา

ผมใช้สองมือกอบกุมก้อนเนื้อนุ่มให้แยกออก ตาก็จับจ้องที่โคนหางที่ผลุบเข้าผลุบออกทุกครั้งที่หางขยับ ลูกแมวที่ส่วนหวามไหวโดนรังแกก็ครางเสียงพร่าหวานหู ผมที่ถูกไฟสวาทครอบงำจนไม่อาจถอนตัวได้ก็ยิ่งได้ใจ รูดรั้งส่วนหวามไหวของลูกแมวใต้ร่างจนปริ่มน้ำ

คนที่ขาอ่อนจนผมต้องใช้อีกมือรั้งสะโพกไว้ ถูกไฟปรารถนาล่อหลอกโดยสมบูรณ์ เจ้าแมวที่พึ่งกระตุกหลั่งไปไม่นาน แอ่นก้นจนหางส่ายระไประมากับอกของผม

ทนไม่ไหวกับความขี้ยั่วมากๆ ก็กลืนกินก้อนนุ่มตรงหน้าเสียเลย เริ่มจากชิมรสและขบเม้ม เสียงครางผะแผ่วที่เป็นเหมือนรางวัล ทำให้ผมยิ่งได้ใจ ทั้งใช้ลิ้นซอกซอนและขบกัดไปตามผิวเนื้อขาว เริ่มจากก้อนนุ่ม ขาอ่อนด้านใน และวกกลับมาที่โคนหางอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างกำลังจะไม่ไหว ผมจับโคนหางแมวคว้านไปมา เริ่มจากหมุนวนช้าๆ ตามมาด้วยเข้าสุดออกสุดจนน้องเริ่มประท้วง

“ฮื้ออ ไม่แกล้งแล้ว”

ดวงตาฉ่ำน้ำใสที่หันมาอ้อนวอน นอกจากจะไม่ได้ทำให้ผมรามือจากการรังแก กลับกันผมกลับอยากจะรังแกให้ร้องหนักกว่านี้ ใครจะอดใจได้กับคนช่างยั่วตรงหน้า รู้ใจผมไปหมดว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง สอนไม่กี่ครั้งก็ทำได้ดีเสียจนผมยกให้เป็นศิษย์เอก

“อยากได้อะไรก็ทำเอง”

อยากทดสอบวิชาลูกศิษย์เสียหน่อย เลยได้รับค้อนกลับมาเป็นรางวัล ปากคว่ำๆเบะๆเจ้าตัวคงคิดว่าทำให้คนที่มองคันยิบๆที่หัวใจได้สินะ เปล่าเลยครับน้อง พี่อยากแกล้งน้องให้ครางชื่อพี่ไม่หยุดไปจนเช้าเลยมากกว่า

คนที่แดงไปทั้งตัว เสื้อผ้าหลุดรุ่ย ผลักให้ผมนั่งลงบนส้นเท้าตัวเอง ก่อนที่เจ้าลูกแมวตัวดีจะโก่งตัว โชว์อะไรต่อมิอะไรอยู่หน้าผม มือก็เล่นหางตัวเองไปด้วย ปากก็ร้องเรียกหาผม ด้วยสรรพนามที่นานๆทีจะได้ยินไปด้วย

“ผัวจ๋า เมียอยาก”

แทบแดดิ้นลงแทบเท้า แต่เพราะอยากให้น้องได้โชว์ฝีมือ เลยหลับตาข่มใจกับภาพตรงหน้าเสียเลย น้องที่คงเห็นว่าผมยังแกล้งไม่หยุด เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ช่วยตัวเองจากทั้งหน้าและหลัง ขนาดฝืนตัวเองไม่ให้ลืมตามอง ยังได้ยินเสียงสัมผัสเฉอะแฉะ และสรรพนามบนเตียงที่ใช้เรียกผมทุกครั้งที่ครางหวิวด้วยความเสียวซ่าน

“ผัวจ๋า อ๊ะๆ อื้ออ อยากได้ของผัว อื๊ออ อ๊ะๆ อ๊าาา”

จะทนไม่ไหวแล้วจับน้องกระแทกแรงๆอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าสัมผัสร้อนชื้นโผเข้าโลมเลียหยอกล้อกับลูกชายผมก่อน ยิ่งหลับตาแล้วใช้จินตนาการนำทางแบบนี้ ผมที่ได้รับการปรนเปรอด้วยปากนุ่ม ก็แทบเผลอกระแทกสวนกลับไปหลายครั้ง ดีที่ยั้งใจไว้เพราะกลัวน้องสำลัก เลยได้แต่จับหัวทุยโยกตามจังหวะที่จะพาผมไปยังสวรรค์

ผมกระตุกเกร็งจนน้องต้องจับจับสะโพกผมไว้แน่น ลิ้นเล็กปัดป่ายหยอกเย้าและเล็มเลียทำความสะอาดคราบรักของผมจนเกลี้ยง ผมที่พ่ายแพ้ลืมตามองน้องจนสติเตลิดเมื่อครู่ ก็ได้แต่หอบหายใจเหนื่อยกับความเก่งกาจของเจ้าลูกศิษย์ตัวดี

ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ คนที่ผมอยากทดสอบวิชาก็ดันผมให้เข่าแตะพื้น และนั่งบนส้นเท้าเหมือนเดิม ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนาน น้องที่เอาหางแมวออกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ก็ดันตัวเองนั่งทับกลางตัวผมจนเราสองคนครางร้องสุขสมขึ้นพร้อมกัน

“จะเก่งเกินไปแล้ว”

ผมกระซิบเสียงพร่ากับลูกศิษย์ที่นับวันยิ่งพัฒนา คนที่ได้รับคำชมนอกจากจะหันมายักคิ้วให้แล้ว ยังถอนสะโพกขึ้นเกือบสุด ก่อนจะนั่งแรงๆลงมาทันทีจนผมถึงกับสูดปาก

ยังไม่พอ น้องยังพิสูจน์ความสามารถตัวเองด้วยการควบคุมจังหวะ ถอนเข้าถอนออกจนผมซี้ดปากอย่างอดไม่ไหว

แต่ลูกศิษย์ก็ยังไม่เก่งพอเมื่อเทียบกับอาจารย์ ผมเลิกแกล้งน้อง เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป สองมือตะปบเข้ากับแก้มก้นนุ่ม ก่อนจะกระแทกกายสวนตามแรงอารมณ์ จนน้องร้องครางด้วยความสุขสม ปลดปล่อยออกมาอีกรอบ

ส่วนผมที่ถึงแม้จะพอใจกับผลงานตัวเอง แต่ก็ยังไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นั้น ยังคงกระแทกกระทั้นปรนเปรอจนน้องครางเสียงพร่า เสียงปลุกเร้าเวลาน้องเรียกก็เป็นพลังอย่างดีที่ทำให้ผมเร่งเร้าจังหวะจนคนใต้ร่างทนไม่ไหว

“จูบ จูบเมียหน่อย”

น้องหันมาร้องขอด้วยตาฉ่ำปรอย ผมจึงโน้มไปจูบปากนุ่มอย่างหลงใหล แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมหยุดจังหวะสอดประสานของเราทั้งคู่

“รักเมียนะครับ”

ผมกดจูบย้ำกับปากอิ่ม ก่อนจะกระซิบและดูดชิมติ่งหูสวยจนน้องร้องขอ

“อื้ออ รักเหมือนกัน ไม่ไหวแล้วพี่ภู”

น้องบิดตัวด้วยความทรมาน การรุกรานทั้งบนและล่างทำให้สติคนตัวขาวปลิดปลิวไปแล้ว

“ครับ พร้อมกันนะ”

ผมเคยขัดน้องที่ไหน รักถนอมก็ปานนี้ กัดฟันเสือกกายกระแทกกระทั้นจนเสียงหยาบโลนดังก้อง เน้นย้ำเพียงไม่กี่ที เราทั้งคู่ก็กระตุกและปลดปล่อยห้วงเสน่หาที่ลามเลียให้สงบลง

หลังจากถอดถอนเพื่อให้น้องสบายตัว ผมจึงจูบซับเปลือกตาคู่สวย สองข้างแก้ม และจมูกโด่งด้วยความรัก น้องลืมตามายิ้มตอบผม ก่อนที่เราทั้งคู่จะส่งผ่านความรู้สึกหวานล้ำให้แก่กัน ผ่านทางรสจูบ




ติ๊งๆๆๆ

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังระรัวไม่หยุด และเพราะกลัวจะรบกวนการหลับไหลของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมจึงต้องรีบคว้ามาปิดเสียงไว้ มองคนที่ลงทุนใส่หูแมวหางแมวมาอ้อนผมแล้วก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู น้องแสนดีกับผมมาก ทั้งดูแลและเอาใจใส่เสมอ หลายครั้งที่น้องไม่พูด แต่เลือกที่จะแสดงให้เห็นแทน

อย่างเช่นในตอนนี้ น้องคงกลัวว่าผมจะรู้สึกไม่ดีถ้าแพ้ให้กับไอ้พอร์ชที่เป็นศิลปินชื่อดัง แต่เปล่าเลย เพราะผลที่พึ่งแสดงผ่านหน้าจอของเว็บไซต์สีส้ม ทำให้ผมมีความสุขจนอยากปลุกน้องขึ้นมาชื่นชมกับความสำเร็จของผม

แน่นอนว่าตำแหน่งหนุ่มฮ็อตตกเป็นของไอ้พอร์ช ด้วยคะแนนห่างกับผมแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ ถึงจะยอมรับว่าเสียดายนิดหน่อย แต่มีเรื่องอื่นให้ยินดียิ่งกว่า

ผมจ้องมองภาพจากสำนักข่าวที่ทยอยเอาผลโหวตไปลงในเว็บข่าวออนไลน์บ้างแล้ว แน่นอนว่าเรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์ดีจนยิ้มไม่หุบอยู่ในตอนนี้ นั่นก็เพราะคู่ผมกับน้อง คว้าคะแนนโหวตมาได้อย่างถล่มทลาย ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยังเป็นรองคู่ไอ้พอร์ชอยู่มาก

ฮิฮิฮิ

แน่นอนว่าพี่ภูคนนี้มีเทคนิค ถึงจะต้องยอมเผื่อแผ่ความน่ารักของน้องให้คนอื่นได้เห็นบ้าง แต่ก็นับว่าคุ้มไม่น้อย เพราะตอนนี้ผลจากคลิปสั้นๆที่ผมพึ่งอัพลงเฟซบุ๊กไปก่อนจะถูกแมวเรียกไปกินหรือเป็นฝ่ายกินแมวก็ไม่แน่ใจ กำลังแพร่หลายอยู่ในทุกโซเชียลและเนื้อข่าวที่พูดถึงโพลที่ได้รับชัยชนะ แน่นอนว่านักธุรกิจที่มีอาชีพเสริมเป็นงานในวงการอย่างผม ย่อมเป็นที่จับตามองจากสื่อทุกแขนง ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงธุรกิจและร้านอาหาร งานนี้นอกจากจะสามารถเพิ่มกระแสให้กับตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ได้แล้ว ยังทำให้ทุกคนได้รู้อีกด้วยว่า ปาลินเป็นของภูฟ้า และเราสองคนรักกันมากแค่ไหน


Bhufah Sitthithananon

ภูฟ้ารักปาลินนะครับ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจของพี่ในทุกวัน  -with Palin Lipanakul

0:00 พี่ภูเหนื่อยมั้ย เป็นห่วงนะครับ

0:14 วันนี้ลินทำกับข้าวด้วยนะ รีบกลับบ้านเรานะครับ

 0:27 ห้ามงอนน้า ลินมีสอบ กลับช้านะครับ

0:35 อย่าลืมทานข้าวนะครับ

0:40 พี่ภู! ทำไมถึงลงแต่รูปไม่ใส่เสื้อครับ

0:47 คิดถึงพี่แล้ว

0:50 พี่ภูๆ ลินรักพี่ภูมากๆเลยนะครับ

130,427 Views 32,075 Likes



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


หายไปนานด้วยหลายสาเหตุ แต่เหตุผลหลักๆคือหมดไฟค่ะ 555555 *สารภาพผิด*
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนไปอ่านนิยายวายแนวแฟนตาซีมา เลยทำให้ไฟลุกอยากแต่งบ้าง
จนเป็นที่มาของเพจFB เด็กดีและธัญ จะได้ลงเรื่องใหม่แบบที่คนอ่านสามารถได้รับแจ้งเตือนได้
แต่ก่อนอื่นคือต้องแต่งให้จบก่อนเพราะด้นสดอีกแล้ว 555555

ข่าวดีอีกเรื่องก็คือ ตอนนี้พี่ภูน้องลินจะได้ตีพิมพ์แล้วค่ะ เย่ๆ
แต่ต้องปลุกไฟในตัวเองให้ลุกโชนเพื่อตอนพิเศษอีก3ตอนในเล่ม
อยากแต่งตอนพี่ภูรับปริญญา และโอกาสอื่นๆด้วย อิอิ แอบสปอย

เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็คือ มีโอกาสได้เห็นรีวิว #ภูฟ้าปาลิน จากในทวิตเตอร์
สำหรับคนแต่งแล้ว ฟีดแบคก็เหมือนยาบ้า พอได้อ่านก็จะใจฟูๆลอยๆเพ้อ
จากที่ห่อเหี่ยวอยู่ ก็ปั่นโลด ได้มาเกือบ800คำ 5555555
เป็นที่มาของใจแถมในวันนี้ค่ะ

สำหรับทุกคอมเมนท์ไม่ว่าจะช่องทางไหน ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว ก็อยากจะบอกจากใจ ว่าขอบคุณนะคะ

สุดท้ายนี้ ได้โปรดรอรูปเล่มของ #ภูฟ้าปาลิน สักนิด หลังจากได้เสพฟีดแบคเมื่อวาน
คิดว่าน่าจะมีสรรพคุณให้ผู้แต่งล่องลอย และปั่นมาได้ในเร็ววันนี้ค่ะ
(สัญญากับสำนักพิมพ์ไว้ว่าสิ้นเดือนนี้ มาลองให้คุกกี้ทำนายกัน ><)

ปล. สรรพคุณของฟีดแบคทำให้นิยายไม่กี่หน้า มีสารบัญแล้วด้วยค่ะ แหะๆ อายจัง
หวังว่าจะทำให้อ่านง่ายขึ้น และมีความสุขในการอ่านนะคะ



UPDATE 14.04.19
พี่ภูน้องลินมีให้สั่งจากหน้าเว็บแล้วนะคะ
บวกตอนพิเศษเพิ่มจากตอนนี้อีก4ตอน รับรองจุใจแน่ๆ
ใครอยากรู้ว่าจากนี้อิพี่จะรักน้องได้เว่อร์แค่ไหน
และน้องจะน่ารักจนใจสั่นได้มากเท่าไหร่
จิ้มลิงค์ตามไปได้เลย

http://bodhipublishing.lnwshop.com/ (http://bodhipublishing.lnwshop.com/)

ปกหน้าหลังแสนน่ารัก มาพร้อมโปสการ์ดกับที่คั่นหนังสือ
แล้วยังมีสแตนดี้พี่ภูพี้ครีมจากตัวน้องให้จับจองอีกด้วย
น่ารักจนใจน้วยไปหมด พลาดไม่ได้แล้วน้า  ><
อย่าลืมไปรับพี่ภูน้องลินมาอยู่ด้วยนะคะ




แฟนเพจ เพื่อติดตามเรื่องนี้ ตอนพิเศษ และนิยายในอนาคต
https://www.facebook.com/Sugarstackstory/

คอมเมนท์หรือพูดคุยในทวิตเตอร์
Twitter @Sugar_stack (https://twitter.com/Sugar_stack)

 
 
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 26-03-2018 19:18:24
ปกติก็ยั่วเก่งอยู่แล้ว พอกลายเป็นแมวแล้วคูณสิบ!
 :haun4: :z1: :o8:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-03-2018 20:11:28
ใจบางมากๆค่าาา อยากเรียกน้องค้าบบบบ แบบพี่ภู ฮืออออ แสนดีไปหมดเลยค่ะ น้องงงงงงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2018 20:41:46
 :haun4:  :haun4:  :haun4:

 :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 26-03-2018 20:55:00
โถ น้องลิน ได้แฟนบวกลูกชายมาทีเดียวเลยสินะ
พี่ภูนี่จะอ่านตอนนู้น หรือมาอ่านตอนนี้ ก็ยังน่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยนนะคะ 555
แต่ยังไงพี่ภูก็รักน้องลินที่หนึ่ง แม่น้องลินอย่างเราก็เลยรักพี่ภูด้วย
อ่านเรื่องนี้ทีไรก็มีความสุขค่ะ คนเขียนเก่งมาก ยินดีด้วยที่ได้ตีพิมพ์นะคะ
เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า  :L1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 26-03-2018 21:58:16
งื้ออออมันดีงามใจบางไปหมดแล้วน้องงงง
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 27-03-2018 11:52:37
ชอบความไม่ตรงปกของพี่ภู ข้างนอกแบดบอยแต่ข้างในหัวใจคิตตี้สามขวบ ลินคือน่ารัก เป็นนายเอกสูง180ที่น่าทะนุถนอมที่สุด!!! อ่านแล้วอุ่นหัวใจมากๆค่ะ ติดอยู่แค่นิดเดียวคือจบไวจัง อยากให้มีตอนพิเศษสัก50ตอน55555555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 27-03-2018 15:14:14
ร้อนแรงมากหนูเอ๋ย   :jul1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 31-03-2018 00:52:39
ทำไมพี่ภูที่ตอนแรกเหมือนจะโหดดันกลายเป็นพ่อบ้านใจกล้าไปซะได้ วงวาร55555 น้องลินก็น่าร้ากกกอยากมีไว้ที่บ้านจังเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-04-2018 21:02:36
เราชอบพล็อตตตต ตลกอะ จะจีบดาวแต่กลายเป็นมาติดบ่วงแฟนดาวแทน น่ารักดีอะ เราชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เกื้อกูลกัน ให้ความรู้สึกว่านี่คือเพื่อนจริงๆ ชอบความพยายามของภูฟ้าในการตะล่อมน้องให้รักให้เปิดใจ ที่คงไว้ในความเป็นสุภาพบุรุษ ชอบความคิดในการเลี้ยงลูกของบ้านปาลิน คุณพ่อคุณแม่น่ารักมากกกกกก ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องน่ารักๆให้เราได้อ่าน เป็นเรื่องที่มีแต่รอยยิ้มจริงๆค่ะ ฮิฮิฮิ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-04-2018 22:53:15
โอมายก็อด..ดดดดดดดดด   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 02-04-2018 00:15:24
งุ้ยยยย โมเอะมากๆ  :music:  อีตาพี่ภูก็ยังเป็นผู้ชายมุ้งมิ้งอยู่เช่นเดิม 555
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 02-04-2018 16:54:01
 :ling1: ดิ้นๆๆๆๆๆ ลินน่ารัก ฮือออออ อยากได้ จะเอาๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 09-04-2018 00:53:16
อยากตีตัวเองมากๆเลยค่ะ ทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้ เรารักมากกกกก พี่ภูคือมนุษย์ร่างมาร์เวลใจคิตตี้มากๆ อุทานว่าเกียดอิพี่เป็นร้อยครั้ง ในส่วนของน้องลิน พี่รักหนูลูกคนดี และทีาติดตาตรึงใจสุดคือฉาก nc ค่ะ ขอสารภาพตรงนี้เลยว่าอ่านนิยายวายมาเกือบ10 ปี ไม่เคยเห็นใครอลังการถึงขนาดต้องใช้4 นิ้วแบบพี่ภูมาก่อน กรี๊ดมาก มากๆๆๆๆๆจริงๆค่ะ และมาตายอีกรอบกับตอนพิเศษ น้องงงงงงงงง น้องค้าบบบบบบย พี่ยอมแล้ว
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 16-04-2018 19:42:32
ชอบพี่ภู รักไลง ปาลินมากกก

ขอบสุดตอนพี่เขาอ้อนแฟนนี่แหละ น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2018 21:35:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-04-2018 21:45:22
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 07-05-2018 18:03:41
 :o8: :o8: :o8: น้องลินพี่ภูแซบเกินห้ามใจ  :pighaun: :jul1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-05-2018 19:59:06
ชอบเรื่องนี้ที่สุด อ่านซำ้หลายรอบแล้ว
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-05-2018 09:41:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 17-05-2018 22:30:34
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งพี่ภูทั้งน้องลิน อ่านเพลินๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: colloniiz ที่ 21-05-2018 18:54:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 21-05-2018 22:15:12
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะ สนุกมาเลยค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 31-05-2018 20:28:21

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-06-2018 00:20:09
ดีมากกก ชอบมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 21-06-2018 01:23:04
เอ็นดูววววภูฟ้าปาลิน
สนุกมากกๆๆๆเลยค่ะ  ภาษาก็ดีมากเลย
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 06-07-2018 17:54:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่ห้า+ตอนพิเศษღ (☛´∀`*)☛ 12.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-07-2018 15:18:58
ว่าแล้วเชียว เราว่าแล้วว่าละหว่างลินกันม่านแพงดูแปลกๆ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจดวงที่สิบღ "รถรางรอรัก" P.2 ☛17.10.17
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-07-2018 16:14:00
ชั้นละเกลียดอิเสียงขำ ฮิฮิฮิ แกจังอิพี่ภู เหมือนมันหลอนๆอยู่ข้างหูตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-07-2018 17:09:54
ชอบตอนที่พ่อแม่เขามาเจอกัน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-07-2018 17:17:15
 :pighaun:  :haun4:  เหิกกกกก
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 22-07-2018 18:06:51
ทำไมพึ่งได้อ่านนนน น่ารักมากๆเลยค่ะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 26-07-2018 10:24:26
แงงงง จบซะแล้วว นารักมากเลยย เอ็นดูความน้องลิน งุ้ยไปหมดเลยลูกกกก
อิจอิพี่ภูไปหมด อยากเลี้ยงดูน้องลินบ้างงงง   :ling1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-09-2018 18:10:34
ขอบคุณมากค่ะ ตามอ่านยาวเลย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 14-09-2018 03:52:04
ใจบาง ตามพี่ภูไปติดๆ...ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีกับความรักของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 15-09-2018 01:47:19
อ่านรวดเดียวจนจบเลย
ฮื่อ ดีงามไปหมดดด ชอบมาก
พี่ภูคือคนกากที่แท้55555 แต่ความรักที่มีให้น้องคือยอมจริง
น้องก็ยั่วเก่ง น่ารักนุ่มนิ่มไปหมด ทำหน้างุ้ยตลอดเวลา โอ้ย ความน่ารักของโลกมากเวอร์
ขอบคุณคนแต่งนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 17-09-2018 13:23:28
 :L2:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 20-09-2018 00:24:34
สนุกมากเลยจ้าา เราชอบนะรวมๆ ภาษาดี ลำเลียงเรื่องดี ติดอยู่นิสัยของพระเอกคิดว่าเเบ๊วเกินไปแบบหลงน้องเกินอะ ประมาณว่าอะไรจะรักปานนั้น
หัวข้อ: Re: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 02-10-2018 16:05:29
อ่านจบแล้วได้แต่ร้องว่า น้องงง
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: badsimaro ที่ 29-10-2018 22:52:14
ฮือออน่ารักมากกกกกกก ขอบคุณนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 31-10-2018 00:10:22
ทำไมนะรักขนาดนี้ ใจบางงง  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะครับ
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 04-11-2018 02:49:34
น้องค้าบบบบบ แงงงงงงง
พี่ภูพระเอกกากแห่งปี5555555 หล่อแต่เด๋อมากพี่ ส่วนน้องก็คือน้องงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 13-11-2018 00:51:01
ตามนิยายเรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์เลย และไม่คิดว่า18ตอนจะสามารถทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกสนุกไปกับการเขียนที่ไรท์ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเหมาะสมถึงจะสั้นไปสำหรับเราแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าในการอ่าน ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้และกำลังอยู่ในช่วงทำรูปเล่ม ดีใจมากที่มาทันที่จะได้ไม่พลาดการพรีฯเรื่องนี้แน่นอนนนค๊าาาาาา ขอบคุณที่แต่งนิยายออกมาให้อ่านนะคะ  :mew1:
ปล.รู้สึกหวงพี่ภูนิดหน่อยที่ไปรับงานถ่ายแบบให้คนอื่นเห็นรูปร่าง รู้สึกแทนน้องปาลินแทนได้มั้ยยยย อิอสิส55  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6 UPDATE!☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 25-11-2018 20:37:36
พึ่งเข้ามาอ่านนน ปาลินคนดี ยั่วเก่งงงว ปล.เราชอบชื่อนี้มากเลย
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 22:31:26
เป็นอีกเรื่องที่ต้องอ่าน
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 01-12-2018 23:17:36
ชอบการพี้ครีมของพี่ภูมาก ๆ ค่ะ จะอูดหนุนเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 10-12-2018 21:36:55
นิยายสนุกมาก พี่ภูมุ้งมิ้งสุด  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Jenney108 ที่ 15-12-2018 09:25:27
น่ารักกกกก สนุกมากคะ อ่านรวดเดียวเลยคะ รออ่านเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 17-12-2018 15:15:38
ชอบพี่ภูคิดบวกนะ ตอนที่พ่อกีดกัน จับขังไว้ แบบไม่ทำร้ายตัวเอง เราต้องพิสูจน์ตัวเอง น้องลินก็น่ารัก อร๊ายยยย
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 18-12-2018 20:34:15
 :-[
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 20-12-2018 13:16:51
น่ารัก หวานๆ ดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 24-01-2019 14:10:37
น้อง!!!! โซฮอตมาก
โอยลุ้น ลุ้นมากกกกกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :hao6: o13
หัวข้อ: Re: Pre-order ถึง17ธคจ้า*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 08-02-2019 17:10:56
โหยยย เรื่องนี้น่ารักมากๆเลย พี่ภูกับน้องลิน  :sad4:

ขอบคุณนักเขียนมากๆเลย สนุกจริงๆ อ่านรวดเดียวจบ เพลินมาก :-[
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 23-04-2019 20:23:16
สนุกมากค่ะ น้องลินน่ารักมาก อิพี่ก็คืองุ้งงิ้งสุด 555555555555555555 ตลกตอนพี้ครีม เพ้อมาก
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 27-04-2019 10:32:23
งู้ยยยยย เด็กช่างยั่ว ตีตายเลยยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 28-04-2019 18:10:58
น่ารักมากๆ  :กอด1:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 24-11-2019 13:29:11
 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: งานดีและงานเสียเลือดเสียเนื้อมากกกก :haun4:
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: WJTOr1994 ที่ 24-11-2019 19:48:14
ใจบาง กะนิยายเรื่องนี้ ฟินจิกหมอนไปเลย5555 ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 21-03-2020 11:47:50
ชอบมากๆๆ คือเหมือนเราเคยอ่านเรื่องนี้แหละ แต่จำไม่ได้พอมาอ่านก็คุ้นๆ โอ้ว น่ารักมาก


ขอบคุณคนเขียนนะคะ สนุกอะ ฟินน
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Pitachio ที่ 11-08-2020 21:35:49
 :hao4:
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 02-01-2021 12:00:22
 :mew1:
หัวข้อ: Re: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 10-01-2021 19:56:16
ขอบคุณมากจ้าเป็นนิยายที่น่ารักมากๆ :L2: :pig4: