*✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *✿❀ LOCK IT UP!❥ รับฝากใจ ❀✿**ใจแถมღ P.6☛ 16.03.18 [END]  (อ่าน 162585 ครั้ง)

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ภูทำดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ว่าแต่ "เพราะยังไงผมก็ต้องถูกจับคลุมถุงชน ไม่ต่างจากพ่อแม่ และพี่สาวของตัวเอง"
ไอ้ประโยคนี้ของพี่ภูรบกวนเคลียร์ตัวเองดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
 :m1:  น่ารักกกก  ทั้งพี่ภูทั้งน้องลิน  แหม  ต่างฝ่ายต่างหวงกัน ออกนอกหน้าเชียว
พี่ภูนี่ก็นะ ขนาดน้องลินเป็นว่าที่แฟน ยังโดนหอมเอา ๆ จนแก้มช้ำหมดแล้วมั้งนั่น
นี่ชอบมาก ที่พี่ภูพูดกับน้องลินเพราะจังเลย ครับอย่างนั้น ครับอย่างนี้ น่ารัก
น้องลินก็อ้อนเก่งจริงนะ เอะอะก็ช้อนตาขึ้นมอง พี่ภูถึงอดใจไม่ไหว จับฟัดอย่างเดียวเลย 555
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ลุลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่๑๔・❥



ฝันร้ายของปาลิน



..ปาลิน..



วันนี้ทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยความราบรื่น ตั้งแต่อากาศที่เป็นใจ ฟ้าใส และเคมีของนักแสดง ผมมีโอกาสได้นั่งอยู่หลังผู้กำกับ ที่คอยดูจอมอนิเตอร์ระหว่างการถ่ายทำ จึงทำให้ได้รู้ว่าภาพที่ออกมาดูดีจริงๆ ได้ยินทีมงานพูดกันว่าช็อตที่เป็นเลิฟไลน์ดีมาก ดีจนตอนตัดต่อคงต้องมีการปรับให้มีฉากตรงนี้มากกว่าเดิม ผมก็เห็นด้วยตามที่ได้ยิน เพราะเคมีของคิตตี้และคนที่บอกว่าตัวเองเป็นมือสมัครเล่น กลับช่วยส่งเสริมกันและกันจนโดดเด่น เห็นแล้วก็ดีใจกับคิตตี้ที่ผลงานคงจะเป็นที่พูดถึงในเร็วๆนี้ ส่วนกับอีกคน ก็คงไม่ต่างกัน


“ขอบคุณลินมากเลยนะ”


เป็นคิตตี้ที่พูดกับผม ตอนที่เราเดินมายังรถมินิคูเปอร์สีแดงของเธอที่จอดอยู่


“ขอบคุณเรื่องอะไร”


ผมลูบกลุ่มผมนุ่ม แล้วจัดการโยกศรีษะของคนตัวเล็กเบาๆ


“ก็เรื่องที่มาให้กำลังใจ เรื่องที่อยู่รอทั้งวัน แล้วก็เรื่องที่ให้ยืมพี่ภูฟ้า”


คนตัวเล็กที่แสงแดดและน้ำคลอรีน ไม่ได้ลดทอนความน่ารักของเจ้าตัวลงไปแม้สักนิด พูดกับผมด้วยรอยยิ้มและประกายตาซุกซน


“บ้า พี่ภูอยากช่วยเอง แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราด้วย พี่เขาไม่ใช่ของของเราซักหน่อย”


ผมทำหน้าไม่ถูก ที่อยู่ดีๆคนอายุมากกว่าก็ถูกยกให้เป็นของผม แล้วที่สำคัญพี่เขาก็ไม่ใช่สิ่งของเสียหน่อย


“คิคิคิ จะเชื่อก็ได้ แต่พูดก็พูดเถอะ คนนี้เค้าให้สามผ่านเลยนะลิน ตอนที่เข้าฉากแล้วต้องชวนกันคุยนะ ตอนแรกเค้าก็เกร็งๆ แต่พอพี่ภูเอาแต่พูดเรื่องลินไม่หยุด เค้าก็เลยเพลินเลยอะ รู้ตัวอีกทีก็เลยหยุดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”


หื้ม ฟังดูเริ่มจะแปลกๆแล้วแฮะ ทำไมฉากเลิฟไลน์กลายเป็นการพูดถึงเรื่องผมไปซะได้หล่ะ


“เล่ามาให้หมดเลยนะ ว่าคุยอะไรกันบ้าง”


ผมหรี่ตาเตรียมคาดคั้นผู้ต้องสงสัย ที่ทำตัวหลุกหลิกเสียจนดูมีพิรุธยิ่งกว่าเดิม


“อ๊ะ ม่านกับพี่ภูมาแล้ว ลินอวยพรให้เค้าด้วยนะ ไปละๆ”


คิตตี้รีบเบี่ยงประเด็น แล้ววิ่งปรู๊ดไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมินิคูเปอร์ของเจ้าตัว เมื่อเห็นม่านแพงกับพี่ภูฟ้าที่มีสีหน้าเครียดๆเดินมาทางนี้ ไหนบอกว่าไปหาผู้กำกับ วันนี้การถ่ายทำก็ราบรื่นดีนี่นา ทำไมสีหน้าถึงเป็นอย่างนั้นได้หล่ะ


“ลินกลับกับพี่ภูนะ เดี๋ยวม่านจะจัดการคนบางคนก่อน”


ผมไม่แปลกใจที่ม่านแพงจะกลับกับคิตตี้ แต่ก็พึ่งเข้าใจประโยคที่คิตตี้ขอให้ผมอวยพรให้เธอ นั่นก็เพราะตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ ม่านแพงและคิตตี้ยังไม่มีเวลาปรับความเข้าใจกันเลยหน่ะสิ


“ค่อยๆพูดกันนะม่าน แล้วก็ขับรถดีๆ ถ้าอารมณ์ยังไม่ดีก็อย่าพึ่งกลับ”


ผมอดห่วงไม่ได้ เพราะสองคนนี้อารมณ์ร้อนทั้งคู่


“อื้ม”


ม่านแพงเพียงยิ้มให้ผม แล้วหันไปมองพี่ภู


“ฝากลินด้วยนะพี่ คนนี้หัวใจม่านเลยนะ”


“หัวใจคิตตี้ด้วย”


คนที่ยังมีชนักติดหลัง ไม่วายรีบแสดงตัวด้วยอีกคน ถึงแม้จะทำได้แค่โผล่ตัวออกมาจากกระจกฝั่งคนนั่งก็ตาม


“ได้สิครับ หัวใจดวงนี้พี่รับฝากแล้วไม่คืนด้วยนะ”


พูดกับสองสาวแต่ตามองที่ผม ถึงแม้จะยิ้ม แต่แววตากลับไม่ได้ยิ้มตามอย่างทุกที จากที่ควรจะหมั่นไส้ ผมเลยกลายเป็นทำตัวไม่ถูกแทน


“พี่ภูๆ อย่าลืมพาลินกินกุ้งเผาร้านโปรดก่อนกลับนะ เดี่ยวให้ลินบอกทาง เวลานี้กำลังดีเลย วิวสวย”


ม่านแพงที่สตาร์ทรถเตรียมขับออกจากลานจอดยังไม่วายห่วงผม กระจกที่คิตตี้ยังไม่ปิดขึ้นไป จึงถูกใช้เป็นช่องทางเพื่อสื่อสารกับคนโตกว่าที่ก็ยังไม่ทันได้ปิดประตูรถเช่นกัน


“อื้ม ไม่ต้องห่วง”


พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แต่เพราะพี่เขาหันหลังอยู่ ผมจึงไม่รู้ว่าพี่ภูกำลังมีสีหน้าแบบไหน พอขึ้นมานั่งข้างกัน ถึงได้รู้ว่า วันนี้พี่ภูดูจะเหนื่อยไม่น้อย หรือผมควรขับแทนพี่เขาดีนะ ยังไม่ทันได้ถามออกไป พี่ภูก็จัดการสตาร์ทรถ และขับตามม่านแพงออกไปจากลานจอด


“พี่ต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาครับ”


พี่ภูหันมายิ้มตอนที่รถใกล้จะถึงประตูทางออก


“ทานร้านอื่นเถอะครับ”


เป็นผมเอง ที่รู้สึกไม่อยากไปทานที่ร้านโปรดอย่างทุกที


“ลินเคยมีความทรงจำอะไรที่นั่นหรอ ถึงไม่อยากไป”


คนที่เมื่อครู่ฝืนยิ้มแต่ตาไม่ได้ยิ้มสักนิด หันมาถามผมด้วยแววตาปวดร้าวโดยไม่ปิดบังอีกต่อไป


“พี่ภู พี่แพ้กุ้งนะครับ ร้านนั้นเมนูส่วนใหญ่เป็นกุ้งนะ แต่ถ้าพี่อยากไป ก็เลี้ยวซ้ายขับเลียบหาดไปเรื่อยๆ ซักสิบห้านาทีก็ถึงครับ”


ผมไม่เข้าใจว่าพี่ภูเป็นอะไร แต่ผมแค่เป็นห่วงว่าคนแพ้กุ้งจะไปร้านกุ้งเผา แล้วนั่งดูผมทานอร่อยคนเดียวเนี่ยสิ


“ให้พี่พาไปนะ พี่อยากไป”


ผมพยักหน้าตอบไป แม้แววตาแข็งๆของพี่ภูจะอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นี้แล้ว แต่รอยวูบไหวกลับยังเห็นได้ชัด แม้เราจะสบตากันแค่เพียงไม่กี่วินาทีก็ตาม




เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านโปรดของผม ม่านแพงและคิตตี้ นี่ถ้าสองคนนั้นไม่โกรธกันอยู่ คงได้มาทานของโปรดกับผมแล้วหล่ะ นึกๆแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง แต่เรื่องนั้นคงต้องให้เวลากับทั้งคู่ก่อน


“พี่ขอโทษนะ”


“ครับ?”


พี่เขาขอโทษผมเรื่องอะไร จะว่าเรื่องจอดรถข้างทางก็ไม่น่าใช่ เพราะตลอดแนวนี้คนอื่นก็จอดกัน แล้วก็ไม่ได้เป็นที่ห้ามจอดด้วย


“ขอโทษที่เคยบอกว่าไม่เชื่อ ว่าความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายไม่น่าจะไปกันรอด”


ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆพี่ภูถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะฟัง


“ลงกันเถอะครับ”


ผมเปิดประตูลงมาก่อน ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ แสงสีส้มที่เป็นฉากหลังของอาคารไม้สองชั้น บอกได้เป็นอย่างดีว่าพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า เราโชคดีที่ได้ที่นั่งติดระเบียง มองเห็นวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ผมเลือกจะสั่งอาหารที่ไม่มีกุ้งอย่างระมัดระวัง เมื่อคนแพ้กุ้งยังนั่งเงียบไม่ออกความเห็นใดๆ


“เอากุ้งเผาโลนึงด้วยครับ”


ประโยคแรกที่คนเอาแต่เงียบพูดขึ้น กลับเป็นการสั่งอาหารที่ตัวเองทานไม่ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่าพี่เขากำลังใส่ใจผมอยู่


“พี่ภู พี่ได้ยินอะไรมาครับ”


วันนี้พี่ภูอยู่กับสองสาวทั้งวัน คงได้ยินเรื่องอะไรมาแน่ๆถึงได้มีสีหน้าแบบนี้


“พี่ขอโทษที่ตอกย้ำแผลของลินนะครับ”


นี่สองสาวเล่าอะไรไป ทำไมแต่ละประโยคของพี่ภูถึงจริงจังขนาดนี้


“พี่ไปฟังอะไรมาครับ”


“ก็เรื่อง..”


“เรื่องคนที่ผมเคยชอบ?”


ผมถอนหายใจเมื่อรู้ว่าต้องคุยเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมเจ็บอีกต่อไปแล้ว จะมีทิ้งเอาไว้ก็แค่ฝันร้ายที่ยังตามมาหลอกหลอนในบางคืน ที่ร่างกายหรือจิตใจอ่อนแอก็เท่านั้น


“อย่าพูดคำนั้นได้รึเปล่า พี่ว่าพี่ไม่โอเคเท่าไหร่ เนี่ยอีกนิดก็ร้องไห้แล้ว”


ผมหัวเราะกับคนที่เบะปาก ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ตามที่บอกจริงๆ


“ม่านแพงกับคิตตี้ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก แค่บอกว่าเคยมีคนขี้ขลาดเข้ามาในชีวิตลิน ถึงพี่จะเคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันจะไม่ยั่งยืน แต่เพราะคนคนนั้นไม่ใช่พี่ไง ถ้าเป็นพี่ ถ้าเป็นเรา มันต้องเป็นไปได้สิ พี่ไม่สัญญานะว่ามันจะง่ายหรือราบรื่น แต่พี่สัญญาได้ ว่าพี่จะไม่ขี้ขลาดในเรื่องของเรา”


พอได้พูด คนที่เอาแต่เงียบมานาน กลับพูดไม่หยุด ประโยคยาวๆถูกถ่ายทอดให้ผมฟังโดยที่ไม่ต้องถาม จนเป็นผมเองที่เกิดสงสัยขึ้นมา ว่าสายตาจริงจังแบบนั้นจะโกหกกันได้หรือเปล่า แต่เพราะผมไม่เคยได้เห็นสายตาแบบนี้สักครั้ง ทั้งที่เคยอยากเห็น อยากให้คนที่ผมชอบ เขาพูดให้ความมั่นใจและมองผมแบบนี้บ้าง เพราะมันเป็นความปรารถนาลึกๆในใจ พอได้มาโดยไม่ทันตั้งตัว เลยรู้สึกเหมือนใจที่ผมล็อคไว้อย่างแน่นหนา มันคลายตัวออกจนน่ากลัวว่าผมจะห้ามมันไม่ได้


“ให้พี่จีบแล้ว ต้องให้โอกาสพี่ด้วยนะ เปิดใจให้พี่บ้าง พี่เลือกแล้วว่าต้องเป็นลิน ยังไงก็ต้องเป็นลิน พี่ไม่แคร์สายตาคนอื่นหรอกนะ ไม่สนด้วยว่าคนอื่นจะพูดยังไง ที่พี่สนใจ ก็มีแค่ความรู้สึกของเรา”


คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นมาเกลี่ยความเปียกชื้นออกจากหางตาของผม ไม่รู้ว่าเพราะคนตรงหน้า คำพูดพวกนั้น หรือเพราะแสงสีส้มที่ทาบทาเกลียวคลื่นจนเรืองรองที่ทำให้ผมอ่อนไหวได้ขนาดนี้



..ภูฟ้า..


ผมยิ้มกว้างเท่าที่จะกว้างได้ ตั้งแต่ที่น้องยอมให้ผมเกลี่ยน้ำใสออกจากหางตาคู่สวยโดยไม่ปัดออก คนมองมาที่เราไม่น้อย เนื่องจากร้านแห่งนี้ส่วนใหญ่จะมาทานกันเป็นครอบครัว น้อยที่จะเห็นคู่รัก เพราะผมคิดว่านอกจากวิวที่สวยจนหยุดหายใจ บรรยากาศจอแจภายในร้านก็ดูจะขัดขวางความโรแมนติคไม่น้อย ดังนั้นเป้าสายตาทุกคู่จึงจับจ้องมาที่ผู้ชายสองคน ที่เหมือนกำลังง้องอนกันท่ามกลางอาหารเต็มโต๊ะ


น้องใส่ใจผมมาก ตั้งแต่ที่จำได้ว่าผมแพ้กุ้ง ทั้งที่ผมงี่เงาพูดประชดไร้สาระออกไป แต่น้องก็ไม่โกรธ ดูเหมือนน้องก็พยายามปรับตัวเข้ากับผมโดยไม่รู้ตัว มุมน่ารักมากมายที่น้องแสดงออกเฉพาะกับผม ทำให้ผมหัวใจพองโต ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักผู้ชาย ผู้ชายที่ชื่อปาลิน ถึงแม้ผมจะเคยเชื่อ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายมันคงไปไม่รอด แต่คนอย่างผม นายภูฟ้า สิทธิธนานนท์คนนี้แหละ ที่จะทำให้มันเป็นไปได้เอง แต่ก่อนอื่น..


“ใจพี่พี่ให้ปาลินคนนี้ไปแล้ว ไม่คิดเอาคืน แต่ใจลินยังไม่ต้องให้พี่ตอนนี้ก็ได้ ขอแค่ฝากพี่ไว้ก็ยังดี”



ผมยิ้มให้คนน้องที่หันไปก้มหน้าก้มตาแกะกุ้งทันทีที่ผมพูดจบ คนอ่อนไหวเมื่อกี๊หายไปแล้ว แต่ผมได้คนน่ารักที่กำลังเขินมาแทน เราทานกันเรื่อยๆ ซึมซับบรรยากาศดีๆระหว่างกัน อาหารอร่อย เสียงคลื่นและพระอาทิตย์ดวงโตที่ค่อยๆลับขอบฟ้า ทำให้ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้




“เฮ้อออ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน”


ก็ไม่อยากกลับนี่นา ถึงจะสตาร์ทรถแล้วแต่ก็ยังทำใจกลับกรุงเทพไม่ได้ ไม่รู้ว่ากลับไปแล้ว น้องจะให้โอกาสที่ผมขอไว้รึเปล่า


“ผมขับให้มั้ย”


ชิ คนน่ารักมักใจร้ายจริงๆด้วย


“ไม่เอา ไม่ให้ขับ เดี๋ยวลินขับเร็ว แล้วจะถึงเร็ว พี่ไม่ยอมหรอก”


อีกอย่างที่น้องยอมผมมาสักพัก คือการที่ยอมให้ผมเรียกน้องว่าลิน โดยไม่ว่าอะไร


“พี่ยังไม่อยากกลับหรอ งั้นไปเดินเล่นที่ชายหาดกันก่อนมั้ย”


และความใจดีที่หยิบยื่นมาให้จนผมไม่ทันตั้งตัว


“เล็กๆน้อยๆพี่ก็คิดเข้าข้างตัวเองหมดนะ รู้ไว้เลย”


ไม่รู้หล่ะ อนุญาตให้จีบแล้ว น้องก็ต้องรู้ตัวไว้ด้วย ว่าทุกอย่างที่น้องทำมันทำให้ผมคิดไกล


“จะคิดก็คิดสิ ผมไม่ได้ห้ามซักหน่อย ผมไม่ใช่พวกชอบเล่นกับความรู้สึกใครอยู่แล้ว”


จากนั้นน้องก็ปล่อยหมัดน็อคใจผม ด้วยคำพูดและรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของวันนี้




เรามาเดินเล่นกันยังชายหาดที่คนใจดีเล่าให้ฟังว่าสมัยเรียนชอบแอบขับรถมากันกับม่านแพงและคิตตี้ พอเล่าถึงตรงนี้ผมแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเลยทีเดียว


“พี่ภูอยากถามอะไรมั้ย”


เป็นคนข้างๆที่จับความรู้สึกของผมได้ก่อน แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมจะฟังหรือเปล่า จึงยังไม่ได้ตอบอะไรออกไป


“ก็เรื่อง คนที่ผมเคย เอ่อ คนคนนั้นหน่ะ”


น้องคงรู้แล้วว่าผมใจบาง ขอบคุณนะครับที่ไม่พูดคำนั้นออกมา เพราะถ้าไม่ใช่พูดบอกกับผม ผมก็คงไม่อยากฟังน้องพูดว่า“ชอบ”กับใครอีก ถึงจะมีคำว่า“เคย”นำหน้าก็ตาม


“ลินอยากเล่ามั้ย”


ที่มั่นใจว่ารักน้องมาก เพราะหนึ่งในนั้นก็เพราะผมแคร์คนข้างๆนี่มากเหลือเกิน ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขา ผมจะกังวลและคิดมากเสมอ ถ้าเป็นกับคนอื่นนี่ไม่มีวันหรอก ที่ผมจะมาคอยถามไถ่ความรู้สึก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมคบใครได้ไม่นาน ขี้เกียจเอาใจ ขี้เกียจสนใจความรู้สึก นานวันเข้าก็ยิ่งขี้เกียจประคับประคองความสัมพันธ์ไปโดยปริยาย


เราเดินเล่นอยู่ริมหาด แน่นอนว่าผมไม่พาน้องไปใกล้น้ำทะเลแน่นอน อยากจะขอจับมือ แต่ก็กลัวน้องปฏิเสธ


“ขอจับมือได้มั้ย”


แต่ความต้องการเอาชนะความใจบางได้ในวินาทีสุดท้าย ผมจึงถามออกไป ตอนนี้คนเริ่มบางตาลงแล้ว จะมีให้เห็นเยอะหน่อยก็เวลาเดินผ่านบาร์เบียร์ที่ตั้งประปรายอยู่ริมหาด


“พี่ไม่อายคนอื่นหรอ”


คำถามซื่อๆ ถูกส่งมาจากเจ้าของดวงตาซื่อๆที่ผมหลงใหล


“อายทำไมหล่ะ ถ้าลินยอมนะ ให้ทำมากกว่านี้ พี่ยิ่งมีความสุขเลย”


ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้น้อง ตอนนี้มืดแล้ว ทำให้ผมเห็นสีหน้าน้องไม่ชัด อาศัยแสงจันทร์กับแสงไฟริมถนน ที่ทำให้รู้ว่าน้องกำลังมองผมอยู่


“อ๊ะ ให้โอกาสแล้วนะ”


น้องยื่นมือมาหน้าผม ในขณะที่สมองของผม กลับยังเลือกไม่ถูกว่าจะแสดงความรู้สึกยังไงออกไป ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และมีความหวัง โดยเฉพาะประโยคสั้นๆที่กำลังดังวนซ้ำไปซ้ำมา จนผมอยากลองหยิกตัวเองซักที ว่าไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย


ผมหันไปยิ้มกว้างให้กับน้อง อยากให้รู้ว่าผมมีความสุขมากแค่ไหนกับโอกาสที่น้องมอบให้ และไม่ลืมจะกุมประสานมือนุ่มของคนใจดี เพื่อพาออกเดินเลียบหาดไปด้วยกัน เป็นวินาทีที่โคตรจะมีความสุขเลย อยากจะโทรบอกพ่อ บอกแม่ บอกพี่ฝัน บอกไอ้จั๊ดไอ้ปาล์ม บอกม่านแพงคิตตี้ และบอกทุกคนที่มหาลัยให้รู้ให้หมด


“คนคนนั้นเค้าเป็นรุ่นพี่ รุ่นเดียวกับพี่ภู”


ถึงแม้จะดีใจที่น้องเริ่มเล่าเรื่องอดีตออกมาเอง แต่ใจฟูๆเมื่อกี๊ ก็สั่นไหวไม่น้อย


“ตอนนั้นผมย้ายจากเชียงใหม่มาอยู่กับป้า ผมเข้าเรียนม.ปลายที่โรงเรียนเอกชนของครอบครัวม่านแพง เลยทำให้ได้เจอม่าน คิตตี้ และคนคนนั้น”


ผมกุมมือน้องแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว นึกโกรธพระจันทร์ข้างแรมที่ทำให้เห็นหน้าน้องไม่ชัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น


“คนคนนั้นเป็นคนดังของโรงเรียน เขาร้องเพลงเพราะ ตอนแรกผมก็แค่ชอบฟังเสียงเขา เป็นเหมือนแฟนคลับที่สนใจเรื่องของคนที่เราชื่นชม แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขากลายเป็นคนที่ผมรู้สึกมากกว่าชื่นชม”


ความรู้สึกตอนนี้คืออยากโดดทะเล ไม่อยากฟังอะไรแล้วทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำได้ ก็คือยิ้มให้กำลังใจคนที่ยอมเล่าเรื่องที่เคยทำให้ตัวเองเจ็บปวด


“ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ที่คนคนนั้นจำผมได้ หลังจากที่ผมไปฟังเขาร้องเพลงหลายต่อหลายครั้ง และเป็นเขาที่ทักผมก่อน เราเริ่มคุยกันมากขึ้นในฐานะพี่น้อง จากไลน์ก็กลายมาเป็นโทรศัพท์ จากไม่กี่นาทีก็กลายมาเป็นชั่วโมงๆ ตอนนั้นมันเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี ถึงพี่เขาจะไม่ยอมให้ใครรู้เรื่องระหว่างเรา แต่สำหรับผม แค่นั้นก็พอใจแล้ว”


รู้สึกถึงแรงบีบที่ใจตัวเองที่มาพร้อมกับแรงบีบที่ฝ่ามือ เพราะตัวเองฝืนยิ้มให้น้องไม่ได้ เลยเลือกที่จะหันไปมองทะเลแทน


“แต่ทุกอย่างมันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด หลังจากที่คุยกันมาเกือบปี อยู่ดีๆก่อนที่คนคนนั้นจะเรียนจบ เขาก็บอกให้ผมเอาของขวัญเรียนจบไปให้ที่คอนโด ปกติเขาจะไม่ยอมเจอผมนอกโรงเรียน ผมเลยดีใจมาก”


ผมกำมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือน้องจนเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่าใจผมเลยสักนิด อยากบอกน้องว่าไม่ต้องเล่าต่อได้มั้ย แต่ปากผมกลับพูดอะไรไม่ออก


“พี่เขาขอมีอะไรกับผม”


ผมห้ามตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ มืออีกข้างที่กำไว้จนเจ็บก็เปลี่ยนมาลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ น้องหยุดเดินเมื่อเห็นว่าผมไม่โอเคเท่าไหร่


“พี่ภูอยากฟังต่อมั้ย”


ผมพยักหน้าทั้งที่ฝืนใจ น้องใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อเล่าเรื่องที่น้องปิดล็อคมันไว้พร้อมกับหัวใจตัวเอง แล้วผมที่อยากให้น้องเปิดใจให้ มีสิทธิ์อะไรที่จะไปทำลายความกล้าของน้อง


“ผมไม่ได้มีอะไรกับคนคนนั้นหรอก”


ประโยคนั้นเหมือนน้ำที่รดใจเหี่ยวๆของผม จากคนที่ไม่เคยแคร์ว่าคนที่คบจะมีอดีตยังไง แต่พอเป็นน้อง ผมมั่นใจว่าไม่ได้รังเกียจ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ตัวผมเองยังผ่านมาตั้งเท่าไหร่ แต่ที่ผมกำลังรู้สึก มันคือ“ความอิจฉา” อิจฉาที่คนคนนั้นเคยได้ใจน้องไป และผมคงแทบคลั่งตายเพราะความอิจฉาที่เหมือนไฟสุมใจ ถ้าน้องเคยให้ทั้งใจและกายกับไอ้เหี้ยนั่นด้วย


“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมีเสียงผู้หญิงมาเคาะห้องตอนผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ เขาบอกจะออกไปดูแป๊บเดียว แต่ก็ไม่กลับมาอีกเลยตลอดคืน ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่ที่ยอมเขาง่ายๆ แค่เขาพูดไม่กี่คำ ผมก็พร้อมจะยอมทุกอย่าง ยอมไม่คาดหวัง ยอมเป็นพี่เป็นน้อง ยอมปิดทุกอย่างเป็นความลับ ยอมเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยอมจะมีอะไรกับเขา ทั้งที่คำว่าชอบหรือรักซักครั้งก็ไม่เคยได้ยิน โง่เพราะรอเขากลับมาหา และยิ่งรู้สึกโง่มากกว่าเดิมเมื่อวันต่อมา เขาตั้งสเตตัสคบกับดาวโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ข้างๆ แล้วเลือกที่จะไม่ตอบไลน์หรือรับสายผมอีกเลย”


สมกับที่ม่านแพงด่าไอ้เหี้ยนั่นว่าคนขี้ขลาด คุยกันมาตั้งนาน แต่หลบๆซ่อนๆไม่ยอมให้ใครรู้ แล้วยังมีหน้าหลอกน้องมาทำระยำ แต่สุดท้ายก็ทิ้งน้องไว้ให้จมกับความอับอายและสับสน ใช้ความรักที่เด็กซื่อๆมอบให้ ย้อนมาทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น แม่ง โคตรเหี้ย แอบสืบเพื่อไปกระทืบมันดีมั้ยวะ


“ผมโง่ใช่มั้ย น่าอายเนาะ โคตรของโคตรโง่เลย”


ผมคว้าตัวน้องมากอดทันทีที่น้องพูดแบบนั้น คนที่ไม่เคยพูดคำหยาบสักคำ นี่คงเป็นประโยคที่หยาบที่สุดของน้องแล้ว แต่ผมไม่ยอมหรอก เพราะแทนที่น้องจะด่าไอ้เหี้ยนั่น กลับเป็นตัวเอง


“ไม่โง่ซักนิด ลินไม่โง่ซักนิดเลยนะ”


ผมกระชับอ้อมแขนเพื่อกอดน้องที่กำลังสะอื้นให้แน่นขึ้น เป็นผมก็คงเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลย คนที่เราชอบมาเป็นปี สุดท้ายกลับทำเหมือนเราคิดไปเองคนเดียว แล้วยังมีหน้ามาทำลายความรู้สึกทุกอย่าง ด้วยการปล่อยให้รอและหนีหน้าแบบนี้หน่ะหรอ ผมขบกรามแน่นเมื่อรู้สาเหตุที่น้องปิดตัวเอง ไม่แปลกที่น้องจะไม่เชื่อใจใครอีกต่อไป ขนาดคนที่คุยกันมานานยังทำกันได้ขนาดนี้ แล้วคนอื่นหล่ะ แล้วผมหล่ะ


“ให้แค่ใจพี่ก็พอ พี่ขอแค่นี้นะครับ”


ประโยคหล่อๆที่ในชีวิตนี้ผมยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะพูด กลับออกจากปากผมด้วยความตั้งใจ ผมมั่นใจในทุกคำที่พูดไป และมั่นใจว่านอกจากเรื่องการปิดตัวเอง แผลในใจของน้องคงรวมไปถึงความสัมพันธ์ทางกาย ถ้าต้องเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ตอกย้ำบาดแผลนั้น ผมยอมโลกสวยด้วยมือเราตลอดไปก็ได้ ขอแค่น้องไม่ต้องร้องไห้ก็พอ



..ปาลิน..


ฝันร้ายของผมไม่ได้น่ากลัวเหมือนในหนังฆาตกรรม ไม่ได้มีเลือด หรือแม้แต่ภูติผีปีศาจ

ทั้งหมดที่ผมเห็นในฝัน มันก็แค่ตัวผมที่ยังเด็กกว่านี้

สวมชุดคลุมอาบน้ำที่เหมือนจะย้ำเตือนความใจง่ายและความโง่เขลาของตัวเอง

กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าบานประตูสีดำที่ผมพึ่งเคยสัมผัสเพียงครั้งเดียว

นอกจากเสียงร้องไห้ราวจะขาดใจของผมในวันวาน

อีกเสียงที่ผมเกือบลืมไปแล้วกลับดังย้ำๆซ้ำๆจนผมแทบบ้า

เสียงนั้นไม่ได้โกรธเกรี้ยวหรือด่าทอ แต่กลับเป็นน้ำเสียงใจดีที่บอกผมว่า

“เดี๋ยวพี่จะกลับมานะลิน”

แต่ผมคนในฝันที่โง่เง่ากับทุกเรื่อง กลับฉลาดที่จะรู้ว่า..

ต่อให้ร้องไห้แทบตาย..เขาก็ไม่มีวันกลับมา



。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


ฝันร้ายของน้องลิน เหมือนเป็นปมในใจ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกต่ำต้อยและดูถูกตัวเอง

ตอนนั้นน้องยังเด็กและยอมทุกอย่างเพื่อความรัก

น้องน่ารักน่าสงสารขนาดนี้ ต่อไปพี่ภูต้องรักและดูแลน้องให้มากๆนะรู้มั้ย

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่า แฮปปี้และช่วยเพิ่มกำลังใจได้มากเลย (´ ᴗ`✿)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2017 22:13:47 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
โอ๋ ๆ น้า น้องลิน กอดปลอบ ๆ  :กอด1:
เข้าใจคำว่า ความรักที่ยังไม่ได้เริ่ม ของน้องลินแล้ว
ก็ไอ้รุ่นพี่นั่น มันไม่ได้รักน้องลิน เลวมาก ฮึ่ยย แค้น ๆ
แต่นี่ดีใจมาก ที่รุ่นพี่นั่น ไม่ได้กลับมา น้องลินเราจึงเสียแค่ใจที่ให้ไป
ซึ่งพี่ภูพร้อมมาก ที่จะรักษาแผลในใจน้องริน พี่ภูตอนนี้หล่อจริงจังอ่ะ 555
แต่แค่รักษาใจน้องไปก่อนนะ อย่างอื่นอย่าเพิ่ง โลกสวยด้วยมือเราไปก่อนเน้อ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
สักวันถ้าพี่ภูพิสูจน์ให้น้องเห็นว่าพี่รักน้องลินจริงพี่ภูคงไม่ได้โลกสวยด้วยมือเราอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราคิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมาลิน แล้วเราจะใจง่ายเหมือนเดิมหรือเปล่า ไม่ได้ตำหนิอดีตที่ผ่านมา แค่กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม :ling3:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พยายามเข้านะพี่ภู
รักน้องอย่าทำน้องเสียใจนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3: morning kaaa...ตื่นมาไม่เจอพี่ภูน้องลิน...หมดแรงไปทำงาน....  :ling2: รอค่ะ....  :mew1:

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่๑๕・❥



แคตตาล็อกของพี่ภู



..ปาลิน..


วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า คนอาสามาส่งก็มีเรียนเช้าไม่ต่างกัน ตอนนี้คนวอแวเลยยังตื๊อผมไม่หยุด


“นะลินนะ ดูต่อก่อน”


พี่ภูยังคะยั้นคะยอที่จะให้ผมดูสไลด์พรีเซนเทชั่นที่พี่เขาทำมาในไอแพดอยู่ดี ถึงผมจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม


“อีกยี่สิบนาทีจะเข้าเรียนแล้วนะครับ พี่ไปได้แล้ว”


ผมไล่คนหน้ามึน ที่ยังยัดเยียดแคตตาล็อกให้ผมไม่หยุด


“ลินเลือกมาอย่างน้อยคนนึงก่อนสิ นะๆๆ นะครับนะ”


ผู้ใหญ่ใจเด็กยังคงงอแงต่อไป คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองเราทั้งคู่ไม่หยุด ก็ตอนนี้พวกเรายืนกันอยู่ที่โถงกลางของอาคารเรียนรวม ซึ่งนักศึกษาหลายคณะต้องมาใช้ห้องเรียนที่มีอยู่มากมาย แบ่งออกเป็นหลายห้องและหลายขนาด โดยเฉพาะในเวลาเช้าแบบนี้ แต่เดือนมหาลัยใจอนุบาลตรงหน้า ก็ดูจะไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาสักนิด พี่เขายังคงโยเยจะให้ผมเลือกผู้หญิงและผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมให้ได้


“งั้นผมเลือกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ใช่มั้ย เอ เลือกคนสวยหรือคนหล่อดีนะ หรือทั้งคู่เลยดี”


พี่ภูมีสีหน้าคล้ายลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะทำท่าทางจริงจังจ้องตรงมาที่ผม


“ต่อให้หล่อกว่าพี่หรือสวยกว่านี้ ขอแค่ใจลินอยู่ที่พี่ พี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”


คนบ้าบอก็ยังคงเป็นคนบ้าบอ ประโยคเสียงดังฟังชัดเรียกเสียงครางฮือจากชาวเผือก ที่หลุดมาดเนียนแอบฟังผมกับเดือนมหาลัยปีสามคุยกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เห็นทีคราวนี้เพจเจ๊มินนี่คงได้แตกอีกรอบ หลังจากช่วงนี้หวิดระเบิดไปหลายที โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่มีการเอาโฆษณาสวนน้ำที่กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามไปลง จากนั้นชาวเผือกก็ทั้งแคปทั้งตัดต่อgifและวีดีโอมาหวีดคนตรงหน้าผมอยู่เป็นอาทิตย์ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงไปได้เลย


“งั้นผมเลือกคนนี้ก็ได้ พี่ภูไปได้แล้ว”


แน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่ต้องยกธงขาว เพราะทนความรบเร้าและสายตาอยากรู้อยากเห็นต่อไปไม่ไหว


“โห ลินอะ แล้วทำไมต้องเลือกคนที่หล่อที่สุดด้วยหล่ะ”


หื้ม ก็พี่เขาบอกเลือกใครก็ได้ ผมก็เลยชี้ส่งๆไปคนนึงก็เท่านั้น


“งั้นไม่เลือกซักคนก็ได้ครับ”


เป็นผมที่ยอมแพ้อีกรอบ แต่คนที่ทำแก้มพองก็ยิ่งพองแก้มให้น่าจิ้มกว่าเดิม ท่าทางแกล้งแอ๊บแบ๊วของเจ้าตัวนี่น่าตีน้อยเสียที่ไหนกันหล่ะ ผมเลยต้องยั้งมือไว้ เพราะมัวเล่นกันไปกันมา เดี๋ยวพี่ภูจะไม่ยอมไปเรียนสักที แล้วตึกที่พี่เขามีเรียนวันนี้ ก็ดันอยู่อีกฟากของอาคารเรียนรวมเลยก็ว่าได้


“โอเคครับ โอเค พี่ยอมแล้ว นี่เห็นว่าพี่หล่อกว่า ดีกว่า รักลินมากกว่าหรอกนะ พี่เลยยอม”


คนแกล้งงอนรีบเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างเอาใจ ส่วนผมก็แทบอยากจะมุดดิน หนีความหน้าไม่อายของคนอายุมากกว่าและความจอแจของประชากรเผือก ที่ดูจะเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว


“เห้ย ไอ้ภู”


เสียงของเพื่อนพี่ภูที่ผมจำได้จากตอนไปค่ายรักน้อง ดังขึ้นทางด้านหลังของเรา


“เออ ว่าไง”


พี่ภูทำหน้าเหนื่อยๆหันไปมองเพื่อนตัวเอง จนผมต้องพยายามกลั้นขำท่าปากพะงาบๆเหมือนจะด่าแต่ยังนึกคำไม่ออกของเพื่อนพี่เขา คนที่ชื่อพี่ปาล์ม


“ฮ่าๆๆ มึงนี่ก็แม่ง ทำไอ้ปาล์มไปไม่เป็นเลย”


คราวนี้เป็นพี่คนที่สูงพอๆกันกับพี่ภูพูดขึ้น พี่คนนี้ชื่อพี่จั๊ดเป็นแฟนพี่เท็นคนน่ารัก ที่ผมชอบมอง จุ๊ๆ อย่าบอกม่านแพงกับพี่ภูนะครับ ผมว่าพี่เค้าน่ารักและใจดีมากๆ พี่เท็นเคยเป็นพี่กลุ่มของผมตอนค่ายรับน้องก่อนเปิดเทอม ผมเลยประทับใจพี่เขาเป็นพิเศษ


“เออ ไอ้จั๊ด มึงดูมันสิ ติดแฟนจนลืมเพื่อน โต๊ะเต๊อะ เพื่อนเพิ่นอะไรไม่สนใจหรอก ไม่เคยไปหา”


พี่ปาล์มทำหน้าตาเรียกร้องความสงสารได้ตลกที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ต่างจากพี่จั๊ดเลยตอนนี้ มีแค่พี่ภูนี่แหละที่หน้าหงิกไปเรียบร้อยแล้ว


“หยุดเลยไอ้ปาล์ม มึงจะมาทำให้น้องหัวเราะขโมยหัวใจใครต่อใครแบบนี้ไม่ได้ กูหวงของกู กูจะเก็บไว้ดูคนเดียว”


ขนาดผมว่าช่วงนี้ฟังอะไรแบบนี้จากคนที่คอยแต่จะเนียนเอาเปรียบผมบ่อยๆ เอะอะก็พูดประโยคหวานๆ เอะอะก็หอมแก้ม จนผมนึกว่าตัวเองมีภูมิต้านทานและทักษะหลบหลีกที่พัฒนาขึ้นมากแล้วเสียอีก แต่ประโยคแกล้งงอแงเมื่อกี๊ก็ทำให้รู้ว่า ผมยังอ่อนหัดอยู่มากทีเดียว


“มึงนั่นแหละไอ้ภู น้องหน้าแดงหมดแล้ว น่ารักกว่าเดิมอีกนะมึง”


พี่จั๊ดหัวเราะไปพูดไป แต่ผมที่หน้าร้อน กลับถูกคนขี้หวงดันให้มายืนหลบมุมอยู่ข้างหลังพี่เขาเสียอย่างนั้น


“หู้ยยยย หมั่นไส้ ไอ้ขี้หวง อย่าให้กูเห็นมึงด่าไอ้จั๊ดเรื่องนี้อีกนะมึง กูจะด่ามึงให้หนักกว่ามันอีก”


“ฮ่าๆๆ เออใช่ มึงจำไว้เลยนะไอ้ภู แล้วนี่ยังไม่ได้เป็นแฟนน้องเค้าไม่ใช่หรือไง ถามเค้าแล้วหรอว่าหวงได้หรือเปล่า”


พวกพี่เขาล้อกันหนักมากจนผมทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะสายตาอ้อนๆกับปากเบะๆของพี่ภูที่หันมามองผมเหมือนน้องหมาเวลาอ้อนเจ้าของนั่นอีก


“ลินเห็นมั้ยอะ พี่เถียงพวกมันไม่ได้เลยเนี่ย ลินต้องช่วยพี่นะ บอกพวกมันไปเลยว่าลินตกลงเป็นแฟนพี่แล้ว”


คนเนียนทำหน้าบู้บี้จนไม่เหลือมาดเดือนมหาลัย เห็นทีวันนี้พี่เขาจะลบภาพซิกแพคตัวเองที่มีเต็มเพจเจ๊มินนี่ด้วยหน้างอแงนี่แหละ แค่คิดก็ขำแล้ว


“หน้ามึงอ้อนตีนมากอะไอ้ภู น้องปริญจัดให้มันซักข้างหน่อยเร็ว พี่อยากเห็นมันโดนตีนซักที”


พี่ปาล์มเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตผม เพราะถึงพี่ภูจะทำเหมือนพูดเล่น แต่สายตาพี่เขา บอกชัดเจนว่าคิดตามนั้นจริงๆ


“น้องต้องไปเรียนแล้ว พวกมึงอย่ามากวน”


“ละทีพวกกูเห็นมึงยืนกวนน้องเค้ามาตั้งนานนี่ไม่นับใช่มั้ย”


ผมยิ้มให้พี่ปาล์มอย่างห้ามไม่ได้ เลยได้อาการแก้มพองจากพี่ภูที่ยังไม่หันกลับไปหาเพื่อนตัวเอง


“มึงหนักมากอะไอ้ภู ละนี่ไม่คิดจะแนะนำตัวพวกกูอย่างเป็นทางการหรอวะ กูว่าที่เพื่อนแฟนน้องเค้าเลยนะเว่ย”


พี่จั๊ดยังคงพูดไปยิ้มไป


“โอ้โห มึงพูดเข้าหูกูก็วันนี้เลยไอ้จั๊ด ลินจ๋า นี่ไอ้พี่จั๊ด กับไอ้พี่ปาล์มนะ เพื่อนที่พี่จับฉลากได้มา”


โอ๊ยยย


ผมหัวเราะให้กับคำพูดของคนตรงหน้า ที่ยอมหลีกทางให้ผมยกมือไหว้เพื่อนพี่เขาทั้งสองคน ดูท่าพี่เขาจะสนิทกันมาก เพราะผมเห็นพี่ปาล์มฟาดหัวพี่ภูหลังจากพูดจบไม่เบานัก เล่นเอาคนโดนฟาดต้องยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเองทีเดียว


“พี่ชื่อปาล์มนะน้องปริญ อยากให้ลงไม้ลงมือกับไอ้ภู เรียกใช้บริการพี่ได้เสมอ”


“ได้เลยครับ ผมจะติดต่อพี่ปาล์มทันที”


“ลินอะ”


ผมรับมุกพี่ปาล์ม เลยโดนกุมมือไปแกว่งๆโดยจอมเรียกร้องความสนใจ


“สวัสดีครับน้องปริญ อยากรู้อะไรเรื่องไอ้ภูถามพวกพี่ได้เลยนะ พวกพี่จะเผามันให้เกรียมเลย”


พี่จั๊ดยิ้มให้ผม ทำให้ผมต้องกลั้นขำแล้วยิ้มตอบพี่เขา ก่อนจะเห็นพี่เขามองนาฬิกาตัวเอง แล้วเหลียวมองหาใครสักคน พอเห็นพี่เท็นเดินมาเท่านั่นหล่ะ ถึงได้รู้สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายหน้าดุ ผิวสีแทนและมีหุ่นแบบนักกีฬายิ้มหวานขนาดนี้


“มาพอดี สายเสมอเลยนะมึงไอ้ดื้อ”


คำพูดมึงกู แต่แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างปิดไม่มิด พี่เท็นก็ยิ้มจนตาหยีเห็นเหล็กดัดฟันแสนน่ารักส่งมาให้พี่จั๊ด ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจที่โดนมือหนาขยี้จนผมฟูเลยสักนิด


“อื้อ มาก็ดีเลย น้องเท็น นี่ปริญ ปาลิน ปีหนึ่งคณะเรา ว่าที่แฟนพี่เอง”


คนที่ยังไม่ปล่อยมือผม ชูมือที่ยังกุมอยู่ขึ้นมาให้พี่เท็นดู จนผมรู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆขึ้นมาอีกแล้ว


“คนที่ทำให้พี่ภูฟ้าต้องดมครีมหน่ะหรอครับ”


หื้ม? ดมครีม? ผมส่งสายตาสงสัยไปให้พี่ภู แต่พี่เขาหน้าแดงหลบตาผมไปแล้ว ส่วนพี่ๆคนอื่นๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะก๊าก จนพวกเราตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง หื้ม อะไรคือการดมครีมกันนะ ขนาดคนหน้ามึนอย่างพี่ภูยังเขินเลย มันจะเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่านะ


“ไม่ต้องไปล้อไอ้ภูมันเลยนะไอ้ดื้อ พูดแล้วก็อยากตบกระโหลกเพื่อนตัวเองอีกแล้วเนี่ย”


พี่จั๊ดยิ่งทำให้ผมอยากรู้ ว่าการดมครีมคืออะไร แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป เพราะถ้าพี่ภูอยากเล่าก็คงจะเล่าเอง


“พวกมึงนี่ก็พอเถ้อะ ความขี้หวงนี่ไม่ได้น้อยหน้ากันเล้ย แต่ตอนนี้กูอยากรู้ ว่าอีกแค่ห้านาที มึงจะไปเรียนทันยังไงห้ะไอ้ภู”


พี่ปาล์มทำให้ผมได้สติ ว่าคนที่พึ่งหายจากอาการหน้าแดง ต้องขับรถไปเรียนยังตึกอันไกลโพ้น


“พี่ภูไปได้แล้วครับ”


“โถ่ลินอะ ก็พี่ไม่อยากไปเรียนแล้ว พี่อยากอยู่กับลินนี่นา”


ผมแกล้งทำหน้าดุมองคนงอแงที่อยากโดดเรียนขึ้นมาเสียดื้อๆ


“เห้อ ไปก็ได้ครับ เจอกันตอนเที่ยงนะ อ้อเท็น พี่ฝากเรื่องน้องดิวหน่อยดิ สรุปว่าลินเลือกละ พี่อุตส่าห์เอาไปซ่อนไว้คนหลังๆนะเนี่ย”


ก่อนไปพี่ภูยังไม่วายฝากฝัง“แคตตาล็อกเพื่อน”ที่พี่เขาเตรียมการมาอย่างดี มีทั้งรูป ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา พื้นฐานครอบครัว ลักษณะนิสัยคร่าวๆ และบทวิเคราะห์ความเข้ากันได้กับผม นี่แหละครับสาเหตุที่พี่ภูตื๊อผมอยู่นานสองนาน ตั้งแต่เราทานข้าวเช้าที่คาเฟทีเรียกันแล้วด้วยซ้ำ


พรีเซนเทชั่นแคตตาล็อกที่ว่า มีรายชื่อทั้งหมดแค่สิบคนเท่านั้น แต่พี่ภูก็เปิดแล้วเล่าถึงแต่ละคนซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่ลืมที่จะคอมเมนท์และสรุปคะแนนเป็นเปอร์เซนต์ของแต่ละคนเพื่อบอกผมอีกต่างหาก สงสัยพี่เขาจะอาการหนักจริงๆ หมายถึงนิสัยเด็กๆเนี่ย ดูท่าจะกู่ไม่กลับแล้ว


“พี่เท็นไม่ต้องใส่ใจหรอกนะครับ พี่ภูพูดไปอย่างนั้นแหละ”


ผมหันมาบอกพี่เท็นทันทีที่พี่ภูโบกมือแล้วเดินลงอาคารไปแล้ว


“หื้อ ได้ไง เรื่องนี้พี่ภูเอาจริงนะปริญ เห็นพี่ภูไปไล่สืบหา อะไรนะพี่จั๊ด ที่พี่ภูบอก”


“กัลยาณมิตร”


“ฮ่าๆๆ เอ้อ นั่นแหละ พี่ภูจะหากัลยาณมิตรในคณะให้ปริญหน่ะ พี่เค้าคงกลัวปริญเหงา เพราะไม่มีเพื่อนสนิทอยู่คณะเดียวกัน”


พี่เท็นหัวเราะจนหน้าแดง เรียกสายตาเอ็นดูจากแฟนพี่เขาที่มองอยู่ในทันที คู่นี้น่ารักมากๆเลย ผมชอบเห็นพี่จั๊ดคอยดูแลพี่เท็นอยู่ตลอด ถึงแม้พี่แกจะมีท่าทางห่ามๆและลุคดุๆแบบนั้น แต่พออยู่กับพี่เท็น บรรยากาศรอบตัวพี่จั๊ดก็กลายเป็นสีพาสเทลขึ้นมาทันที


“ตามใจมันหน่อยเห้อน้องปริญ นี่พวกพี่ก็จะเป็นบ้า เพราะต้องคอยไปไล่สืบว่าใครนิสัยดี ไม่พูดมาก ไม่จู้จี้น่ารำคาญ ใจกว้าง ใจดี มีน้ำใจนักกีฬา โอ๊ยยย อีกเยอะ เอาเป็นว่าในสิบคนที่มันให้ปริญเลือกหน่ะ ช้างเผือกชัดๆ”


เป็นพี่ปาล์มที่ไขความกระจ่างให้กับผม ว่าข้อมูลที่พี่ภูรวบรวมมา พี่เขาตั้งใจไปสืบเสาะและต้องไหว้วานเพื่อนมากแค่ไหน บางทีความใส่ใจแบบแปลกๆของพี่เขา กลับทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันยิ่งใหญ่จนทำให้ใจผมอุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว


“แล้วไปไงมาไงถึงเลือกน้องรหัสไอ้ดื้อได้หล่ะ”


พี่จั๊ดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้กับผม


“ผมสุ่มมั่วหน่ะครับ”


ผมสารภาพออกไปตรงๆ


“ฮ่าๆๆๆ เออดีเนาะ ชี้มั่วๆยังได้คนที่หล่อที่สุดมาเลย นี่ไอ้ภูมันคิดตั้งหลายวันว่าจะใส่ชื่อน้องดิวน้องรหัสน้องเท็นมาเป็นตัวเลือกด้วยดีรึเปล่า”


ผมชอบที่พี่ปาล์มเป็นคนชอบเล่าชอบคุย จนทำให้คนที่ไม่ช่างถามอย่างผม ได้รู้เรื่องราวมากมายจากคนช่างเล่าอย่างเขา


“แล้วเขาจะยอมเป็นเพื่อนกับผมหรอครับ”


ผมจำเป็นต้องถามในสิ่งที่ผมยังไม่สบายใจเท่าไหร่นัก จริงอยู่ที่พี่ภูหวังดีอยากหาเพื่อนให้กับผม ตัวผมก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าพี่ภูต้องการแบบนั้น เพราะพอได้ฟังการคัดเลือกช้างเผือกที่ปาล์มเล่ามาแล้วนั้น ทั้งสิบคนนี้ก็คงจะนิสัยดีจริงๆ ติดอยู่ก็แต่จะกลายเป็นการมัดมือชกอีกฝ่ายเกินไปรึเปล่าเนี่ยสิ


“ไม่ต้องห่วงน่า ปริญน่ารักนิสัยดีขนาดนี้ ใครก็ต้องอยากเป็นเพื่อนด้วย”


พี่เท็นตบบ่าผมปุๆ ในขณะที่พี่จั๊ดก็มองตามมือแฟนพี่เขาเขม็งแต่ไม่ได้ว่าอะไร ผมเลยยิ้มให้กับทั้งคู่ รู้สึกว่าพี่ภูก็เป็นอีกคนที่โชคดีในเรื่องเพื่อน ซึ่งทำให้ผมเหมือนจะได้รับความใจดีจากเพื่อนพี่เขาตามไปด้วยเลย


“ฮัลโหลดิว อ้อ อาจารย์เข้าแล้วหรอ จริงดิ พอดีน้องปริญยังไม่มีที่นั่งหน่ะ อ่า ได้ๆ ขอบใจนะ”


เสียงคุยโทรศัพท์พี่เท็นเรียกสติให้ผมต้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เลยแปดโมงมาสามนาทีแล้ว แต่ตัวผมที่บอกให้พี่ภูห้ามเข้าห้องเรียนสาย กลับเป็นคนทำเสียเอง


“เอ่อ พี่ๆครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”


ผมยกมือไหว้พี่ปาล์ม พี่จั๊ดและพี่เท็น ก่อนจะขอตัวเข้าห้องเรียน ที่อยู่เยื้องไปทางฝั่งซ้ายของพวกเราเพียงเท่านั้น นึกเคืองตัวเองที่คุยเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าอาจารย์เดินเข้าห้องไปแล้ว ตามที่ได้ยินพี่เท็นคุยโทรศัพท์กับน้องรหัสของพี่เขา


“ปริญไปนั่งฝั่งขวานะ ดิวนั่งอยู่ริมๆเลยอะ มีที่นั่งว่างด้วย ลองทำความรู้จักกันดู”


ผมยิ้มให้ความใจดีของพวกพี่เขาอีกรอบ ไม่วายนึกถึงตัวการใหญ่ที่คงวางแผนจะให้ผมผูกมิตรกับเพื่อนแบบค่อยเป็นค่อยไป นึกดีใจที่พี่เขาไม่ได้บังคับอีกฝ่ายให้มาเป็นเพื่อนกับผม แค่ช่วยจัดการให้เราได้เริ่มต้นบทสนทนาระหว่างกันก็เท่านั้น


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีต่อจ้า >3<

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 21:37:30 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
..ภูฟ้า..


เด็กจืดทำตามที่รับปากว่าจะให้โอกาสผม น้องยอมให้ผมไปรับไปส่งที่ตึกเรียน แถมบางวันยังอนุญาตให้ผมไปกินข้าวด้วยอีกต่างหาก วันไหนแจ็คพ็อต ก็ได้เจอกันทั้งเช้าสายบ่ายเย็น อย่าถามเลยว่าผมฟินแค่ไหน ใช้คำว่านิพพานดูจะอธิบายได้ถูกกว่า


“พี่ภู!!”


แน่นอนว่าที่ไหนมีปาลิน ที่นั่นต้องมีม่านแพงและแก้วตา และเสียงนี้จะเป็นเสียงใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ดาวมหาลัยคนโหด ฟังไม่ผิดหรอกครับ โหดมากๆด้วย แต่ละวันผมต้องคอยรองรับอารมณ์เธอในแต่ละเรื่อง แต่ทุกเรื่องล้วนเกี่ยวกับเด็กจืด ผมจึงก้มหน้าก้มตาให้เธอโขกสับด้วยความเต็มใจ


“พี่ภูต้องจัดการ “เพจแอนตี้ปาลิน” อะไรนี่เดี๋ยวนี้เลยนะ หนอย กล้าดียังไงมาแอนตี้ลินของฉัน อย่าให้รู้นะว่าเป็นอดีตแฟนคนไหนของพี่ ม่านจะตบไม่เลี้ยงเลยคอยดู”


“ไหน ขอดูหน่อย”


ผมรีบคว้าโทรศัพท์ของม่านแพงที่ยื่นมาตรงหน้า สิ่งที่เห็นจากหน้าจอ ทำให้ขีดความอดทนของผมขาดผึง ไม่ต่างจากดาวมหาลัยคนสวยที่กำลังโมโหจนน่ากลัว เพจบ้าๆนั่น เต็มไปด้วยรูปตัดต่อ เรื่องดราม่าใส่สีตีไข่ หรือแม้แต่ข้อความทุเรศๆที่พูดถึงเด็กจืดอย่างหยาบคาย แต่ละอย่างในนั้น ถ้าน้องได้เห็น คงบั่นทอนจิตใจเด็กจืดของผมไม่น้อย ไอ้คนสร้างเพจนั่น เห็นทีจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ซะแล้ว


“เดี๋ยวพี่จัดการเอง ม่านทำยังไงก็ได้ อย่าให้ลินเห็นก็พอ”


ผมบอกม่านแพงเสียงเครียด แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าทันที เมื่อเด็กตัวขาวที่ขโมยหัวใจของผม กำลังเดินกลับมาพร้อมจานผัดไทในมือ ผมมองแล้วก็ได้แต่ระบายยิ้มอ่อนๆส่งไปให้ คนน่ารักก็ยังเป็นคนน่ารัก คนที่น่าจะชอบกุ้งมาก แต่กลับไม่เคยทานกุ้งให้ผมเห็นสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่รู้ว่าน้องรู้สึกกับผมยังไง แต่ผมรู้สึกตกหลุมรักความใส่ใจเล็กๆน้อยๆของน้องจนถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งรู้จักยิ่งเห็นมุมน่ารักของน้องมากขึ้นเรื่อยๆ


“คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรอ เห็นหน้าเครียดเชียว”


เสียงแก้วตาที่กำลังนั่งลงข้างม่านแพง ทำให้ผมได้เห็นความสงสัยในดวงตาสีนิลของเด็กน้อยของผม ความจริงน้องก็อาจจะสงสัยไม่ต่างจากแก้วตา แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ช่างซักไซ้ และจะรอฟังเฉพาะเรื่องที่คนอื่นพร้อมจะเล่าเท่านั้น น้องเลยไม่ถามออกมา


“เรากำลังพนันกับพี่ภูหน่ะแก้ว ว่าลินจะยอมให้พี่ภูไปส่งที่บ้านสวนมั้ย”


ผมหูตั้งหางกระดิก เมื่อม่านแพงแปลงวิกฤตเป็นโอกาสเพื่อเปิดทางให้ผม ทำดีมากครับน้องม่าน พี่สัญญาเลย ว่าจะไม่บอกใครว่าน้องคือผู้หญิงอีกคนในโฆษณาสวนน้ำ ที่คนตามหากันจนตั้งเป็นชาเลนจ์ในเฟซบุ๊ค ส่วนผมที่หน้าโชว์หรา จนไม่ต้องเดาและไม่ต้องตามหา ก็ได้อานิสงค์นอกเหนือจากจำนวนเงินค่าขนมที่ทางกองถ่ายโอนมาไม่ต่างจากนักแสดงหลักอย่างคิตตี้ ก็คือการมีใบเบิกทางที่ใช้เข้าสู่วงการบันเทิง เอาไว้ใช้เวลาผมเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะทำต่อ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือกระแสของโฆษณาที่ฮิตเป็นไวรัลอยู่ในขณะนี้ ก็ช่วยดึงความสนใจของคนในมหาลัย ให้มัวสนใจแต่ผม แทนที่จะเป็นประเด็นรักๆเลิกๆของผม เด็กจืดและม่านแพง แต่ถึงจะดีใจ ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่จะต้องสะสางกับคนที่คิดร้ายกับเด็กจืดอยู่ดี ผมจะต้องทำให้แน่ใจ ว่าน้องจะไม่ระแคะระคายเรื่องนี้


“อ๋อ บ้านสวนของป้าปริญที่นนท์อะนะ ปริญจะกลับบ้านหรอ”


บ้านที่นนทบุรี น่าจะเป็นบ้านของป้า คนที่น้องมาอาศัยอยู่ด้วยตั้งแต่เรียนม.ปลาย ว่าแล้วก็อยากไปไหว้ฝากตัวเป็นว่าที่หลานเขยคุณป้าอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดที่ไม่รู้ว่าน้องจะโอเครึเปล่า ถ้าผมเข้าไปก้าวก่ายเรื่องในครอบครัว


“อื้ม ไม่ได้กลับนานแล้ว ป้าบ่นทุกครั้งที่โทรมาเลย”


เด็กน่ารักของผมหัวเราะน้อยๆ เล่าให้เพื่อนฟัง น้องหัวเราะได้น่ารัก จนผมไม่อยากเห็นน้องเศร้าอีกเลย ผมอยากให้น้องมีเพื่อนที่ไว้ใจได้ นอกเหนือจากม่านแพงและแก้วตาที่เรียนอยู่ต่างคณะ ส่วนคิตตี้ก็ต่างมหาลัยเลยด้วยซ้ำ จะได้เจอกันทีก็เสาร์อาทิตย์นู่นเลย


คณะผมเรียนยากครับ ผมหมายถึงถ้าคุณตั้งมาตรฐานการเรียนของคุณให้อยู่ในระดับดีถึงดีมาก เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง เด็กเก่งๆระดับเด็กทุนประเทศหรือทุนมหาลัยก็เยอะ แน่นอนว่าเด็กขยันอย่างเด็กจืดของผม ก็สมควรจะมีเพื่อนให้น้องพึ่งพาในด้านการเรียนหรือการปรับตัวในคณะได้ด้วย จึงเป็นที่มาของการหาเพื่อนให้น้อง ไม่รู้ว่าน้องดิวนั่นเอาจริงๆแล้วจะดีเหมือนเปลือกที่ผมอุตส่าห์คัดแล้วคัดอีกนี่รึเปล่า แต่อย่างน้อยผมว่าเรื่องความเข้ากันได้ก็ต้องให้น้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนตัวผมก็เป็นคนคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาให้น้องได้เลือกก็เท่านั้น


“ตัดใจเถอะพี่ภู ลินไม่ให้ไปส่งหรอก”


มัวแต่จ้องเด็กน่ารักและคิดอะไรเพลินๆ จนลืมล็อตเตอรี่ที่ดาวมหาลัยพึ่งเสี่ยงโชคให้หมาดๆ พอเธอชงซ้ำ ผมเลยรีบเรียกสติตัวเอง ก่อนจะหันไปทำหน้าอ้อนคนประกาศผลรางวัล ด้วยท่าทางเหมือนหมาอ้อนขอขนม สองมือของผมกำขึ้นเสมออก และไม่ลืมจะแลบลิ้น ส่งเสียงหอบหายใจเหมือนเจ้าวู้ดดี้ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่แม่ผมเลี้ยงไว้ น้องเลยได้ทีหัวเราะท่าทางของผมจนน้ำตาซึม แต่วินาทีนี้ขอบอกเลย ว่าต่อให้กระโดดลอดห่วงผมก็ทำได้ ถ้าจะทำให้น้องอารมณ์ดีขนาดนี้


“ให้พี่ไปนะครับนะ นะๆๆ พี่สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน”


ผมทำท่าอ้อนๆเอาหัวถูไถกับแขนน้องที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ พอได้ทีไม่มีใครว่า เลยยิ่งถูคนตัวหอมจนน้องหัวเราะเพราะจั๊กจี๋ ส่วนผมก็ฟินแบบเนียนๆครับงานนี้


“พอเลยๆ อิตาพี่ภู หน้าฟินเกิ๊น ไม่มีหมาที่ไหนเค้าคิดหื่นกับเจ้าของหรอกนะ”


เป็นน้องมารที่เข้ามาขัดขวางผมอีกแล้ว โถ่ คนเขาทำหน้าฟินไม่ใช่หน้าหื่นซักนิดเลยเหอะ


“อ้อ พี่ภูคะ เห็นเพจเจ๊มินนี่แทบแตก นี่พี่ภูก็ไปอ้อนลินแบบนี้ที่อาคารเรียนรวมใช่มั้ยคะเนี่ย”


สาวน้อยอารมณ์ดีอย่างแก้วตาเปลี่ยนจากการนั่งขำผม มาเป็นการตั้งคำถามที่ผมเกือบลืมนึกไปเลย หลังจากโฆษณาสวนน้ำออกฉาย แจ้งเตือนในเฟซบุ๊คผมก็แทบค้างเพราะมีแต่คนแสดงความสนใจกันไม่หยุด ดังนั้นผมเลยปิดการแจ้งเตือนเอาไว้


“พี่ยังไม่ได้ดูเลยอะ แป๊บนึงนะ”


ผมกลัวมีคนนิสัยไม่ดีใช้โอกาสนี้มาโจมตีน้องอีก เลยอดเครียดไม่ได้


“เหม็นความรักเว่อร์ หวานเกิ๊น”


ม่านแพงแขวะผม แต่ทำให้ผมรู้สึกเครียดน้อยลงได้บ้าง เพราะนั่นแปลว่าเธอได้อ่านเนื้อหาหรือดูรูปที่คงจะมีชาวเผือกส่งไปมากมายเต็มเพจนั่นแล้ว


“น่ารักมากอะ เห็นแล้วอยากสมัครเป็นFCภูฟ้าปาลินเลย”


ผมเห็นด้วยตามที่แก้วตาพูดทุกอย่าง เห็นทีว่าผมจะได้รูปหน้าจอโทรศัพท์รูปใหม่อีกแล้วสิ ฮิฮิฮิ


“แล้วก็ห้ามเอาไปตั้งเป็นภาพหน้าจอแล้วนะ”


คนรู้ทันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แหน๊ะ รู้ใจพี่ซะด้วย


“รู้ใจกันขนาดนี้ ต้องยอมเป็นแฟนพี่เลยนะ”


หยอดสิครับรออะไร


“ทานได้แล่ว!”


“แหน๊ะ เสียงสูงนะเราหน่ะ แล้วว่าแต่เพื่อนใหม่เราไปไหน”


ไอ้จั๊ดโทรมารายงานว่าจัดการให้เด็กจืดไปนั่งข้างน้องหล่อน้องรหัสน้องเท็นเรียบร้อยแล้ว เหอะ แต่หล่อน้อยกว่าผมเถอะ มาดตี๋ๆ เด็กเรียน ใส่แว่นแบบนั้น ปาลินของผมไม่ชอบหรอกเนอะ


“กลับบ้านที่สระบุรีครับ พ่อมารับ”


น้องดิวนี่เข้าคอนเซปท์เด็กอนามัย นิสัยดี นอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ถึงจะหล่อแต่ไม่ได้ใช้ความหล่อให้เป็นประโยชน์สักนิด ชีวิตนี่ขาวบริสุทธิ์แนวเดียวกับเด็กจืดเลย อีกนิดเดียวคือพร้อมออกบวชแน่ๆ และสิ่งที่ทำให้ผมตัดน้องมันออกจากทำเนียบเพื่อนของเด็กจืดไม่ลง เพราะน้องมันเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือเพื่อน โดยเฉพาะช่วงสอบ น้องมันเลยเป็นที่รู้จักและที่รักของเพื่อนที่เรียนอ่อนทุกคน


“เพื่อนใหม่?”


“อื้อ วันนี้เราทำความรู้จักกับเพื่อนที่คณะ ชื่อว่าดิว นิสัยดีเลยนะม่าน”


เด็กจืดยิ้มหวานจนเห็นฝัน ส่งไปให้ม่านแพง


“โอ้ มาย ก็อด!! ลินยอมคบเพื่อนใหม่ เดี๋ยวนะ แป๊บนึง ขอโทรไปบอกคิตตี้ก่อน รายนั้นต้องดีใจจนร้องไห้แน่ๆ”


ม่านแพงตกใจเบอร์ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของผม เพราะเธอเป็นคนบอกกับผมเองว่า เพราะเรื่องเก่าๆทำให้ปาลินปิดตัว ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงเรื่องเพื่อนด้วย ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อตอนเรียนม.ปลาย ม่านแพงกับคิตตี้แค่สองคนก็ดูจะเพียงพอแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้รั้วมหาลัยที่กว้างใหญ่ การเปิดใจก็เป็นสิ่งสำคัญ คนเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว และน้องก็เช่นกัน น้องไม่จำเป็นต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้น้องมีผมและใครอีกหลายคนที่พร้อมจะประคับประคองความสุขในทุกวันของน้องเอง


“ให้พี่ไปส่งบ้านป้านะครับ”


พอม่านแพงลุกออกไปคุยโทรศัพท์ ผมจึงหันไปถามน้องอีกรอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แท็กซี่เดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ


“พี่ภูไม่มีธุระที่ไหนหรอครับ”


ตามจริงผมก็ควรจะไปVela แต่คิดไปคิดมาไปกับน้องดีกว่าแน่นอนอยู่แล้ว


“มีไปส่งว่าที่แฟนครับ แต่รอเค้าอนุญาตอยู่”


แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าน้องตั้งสองวัน ใจของผมก็เหี่ยวเป็นลูกโป่งขาดลมไปเลย


“ก็ได้ครับๆ แต่ป้าผมดุนะ โดนดุแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”


คนตัวขาวไม่วายขู่จนผมแอบเกร็งเลยทีนี้ โถ่ น้องครับ




เราใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะมาถึงบ้านป้าน้อง ที่อยู่ถัดเข้ามาในเขตจังหวัดนนทบุรี แน่นอนว่าวันศุกร์แห่งชาติรถย่อมติดเป็นธรรมดา แต่ที่ดูจะทำให้การจราจรเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน ก็เห็นจะเป็นฝนที่ตกหนักเสียจนรถผมแทบกลายร่างเป็นเรือ ดีนะที่น้องยอมให้ผมมาส่ง ตอนนี้คนตัวขาวเลยดำดิ่งกับห้วงความฝันไปเป็นที่เรียบร้อยร้อย


“ขอให้เป็นฝันดีนะครับ”


ผมก้มจูบหน้าผากเนียนที่แสนรักใคร่ ยิ้มให้กับคนใจดีที่ยอมวางใจในหมาป่าเขี้ยวกุดอย่างผมแล้ว เห็นได้จากที่ฝนตกดังขนาดนี้แต่น้องก็ยังหลับปุ๋ยอย่างน่ารัก จนผมได้รูปหน้าจอโทรศัพท์รูปใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ระหว่างที่น้องหลับและรถก็ดูจะคืบคลานอย่างกระดึ๊บๆ ผมเลยจัดการทักแชทเฟซบุ๊คของเพจ“มินนี่สสสสส์..มีเผือก”ทันที และแน่นอนว่าคนที่ตอบผมก็คือมินนี่ที่พึ่งตั้งฉายาให้ผมเป็นผัวมหาชน จากภาพซิกแพคที่แคปมาจากโฆษณาความยาวไม่ถึงนาที


ผมต้องการให้มินนี่ช่วยทำให้คนเข้าใจน้องในทางที่ถูกต้อง อยากให้ทุกคนได้รู้ ว่าเป็นผมเองที่ตามจีบและขอความรักจากปาลิน โชคดีที่มินนี่ที่ใครหลายคนรู้จักกับมินนี่ที่ผมรู้จัก ดูจะแตกต่างกันไม่น้อย ผมมีโอกาสรู้จักกับมินนี่ตอนรับน้องรวมของมหาลัยตอนปีหนึ่ง แน่นอนว่าตอนนั้นเธอยังไม่ได้เป็นตัวแม่ในแวดวงกอสซิปของมหาลัย และในสายตาผมเธอเป็นคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เธออยากเป็นนักข่าวบันเทิง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดเพจนี้ขึ้นมา หลังจากผมบรรยายความต้องการของตัวเองให้มินนี่ฟังหนึ่งย่อหน้าใหญ่ๆ มินนี่ในโหมดเคร่งขรึมกลับถามผมมาแค่ว่า


“คนนี้จริงจังหรอ”


ผมจึงตอบเธอไปด้วยประโยคคำถามสั้นๆไม่ต่างกัน


“แล้วมินนี่เคยเห็นเราทำให้ใครขนาดนี้รึเปล่า”




“พี่ภูเลี้ยวซ้ายแยกหน้า”


“พี่ภูอยากทานอะไรมั้ย”


“พี่ภูมองเห็นทางมั้ย”


“พี่ภูเมื่อยรึเปล่า”


คนที่พึ่งตื่นไม่นาน เลยยังลืมตัวพูดจาน่ารัก พี่ภูอย่างนั้น พี่ภูอย่างนี้ และคำลงท้ายประโยคแสนสุภาพก็หายไปด้วย ผมชอบเวลาน้องพูดแบบนี้ เพราะมันช่วยลดความห่างเหินจนใจผมแทบระเบิด แต่จะทักไม่ได้เลย เดี๋ยวคนมีกำแพงใหญ่โต จะโบกอิฐฉาบปูน กันไม่ให้ผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม


“จอดทำไมครับ”


นั่นไง เลยเวลาแฮปปี้ไทม์ของผมแล้ว


“ซื้อขนมฝากคุณป้าครับ”


ผมยิ้มเอาใจคนพึ่งตื่น


“คุณป้าชอบทานขนมอะไร ลงไปช่วยพี่เลือกหน่อยเร็วคุณเด็ก”


คุณเด็กที่ผมเรียกทำแก้มพองอย่างน่ารัก เห้อ ทำไมเวลาผมเอาไปทำตามไม่เห็นจะน่ารักแบบนี้เลยเนี่ย


ฟอดดดด


“ชื่นใจจัง”


ผมยิ้มล้อคนที่หลบไม่ทันอย่างทุกที เดี๋ยวนี้ชักจะเก่งใหญ่แล้ว รู้หมดว่าผมจะขโมยหอมแก้มตอนไหน


เปี๊ยะ


และมือหนักด้วย เอะอะตี เอะอะต่อย ผมแทบช้ำไปทั้งตัวแล้วครับเดี๋ยวนี้


“ลงไปเลยครับ”


ตีนะ แต่ลงท้ายว่าครับ แหนะ มีส่งสายตาดุๆมาอีก ผมเลยต้องรีบหุบยิ้มแล้วตามคนเขินแล้วใช้ความรุนแรง เข้าไปในร้านขนมไทยเจ้าดัง


เราได้ขนมไทยมาให้คุณป้าหลายอย่าง ทั้งจ่ามงกุฎ ช่อม่วง สาคูไส้หมูและลูกชุบ ซึ่งคุณป้าก็แสนจะใจดี ชมความอร่อยและขอบใจผมไม่ขาดปาก ตรงกันข้ามกับที่เด็กจืดเคยแกล้งขู่ผมไว้อย่างสิ้นเชิง


ป้านางเป็นพี่สาวคนเดียวของพ่อเด็กจืด ป้าแกเป็นคนธรรมะธัมโม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนหัวสมัยใหม่ทีเดียว อาจจะเพราะป้านางเรียนจบในระดับปริญญาทั้งตรี โทและเอกจากต่างประเทศ แกจึงค่อนข้างเปิดรับกับผมที่ไม่เคยปิดบังสายตารักใคร่ที่ใช้มองเด็กจืดได้เลย แกแซวว่าสงสัยพ่อเด็กจืดจะได้ลูกเขย ถึงแม้ว่าน้องจะเป็นลูกคนเดียวของที่บ้านก็ตาม


ป้านางเป็นคนคุยสนุก แกเล่าเรื่องต่างๆมากมายระหว่างทานอาหารด้วยกัน โดยมีผมเป็นคนซักถาม และน้องคอยยิ้มและหัวเราะน้อยๆ เวลาได้ฟังเรื่องที่ตลกหรือขบขันถูกใจเจ้าตัว


“ภูจริงจังกับน้องมั้ยลูก”


ป้ายิ้มให้กับผมขณะที่เราออกมานั่งรับลมที่ชานบ้าน ขณะที่น้องกำลังปอกผลไม้ช่วยป้าแม่บ้านอยู่ในห้องครัว


“ผมรักน้องมากครับป้า และผมจริงจังกับน้องจริงๆ”


ผมยิ้มตอบป้านาง ที่จ้องตากับผมแค่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่แกจะทอดสายตาไปยังภาพบรรยากาศเบื้องหน้า ที่พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับขอบฟ้า


สุดลูกหูลูกตาของบ้านหลังนี้ มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความเขียวชะอุ่ม ภาพร่องสวนที่ทอดตัวเป็นแนวยาว ซึ่งมีทั้งทุเรียนพันธุ์ก้านยาว มังคุด กระท้อน มะปรางและชมพู่มะเหมี่ยวถูกปลูกเป็นแนวคั่นด้วยร่องน้ำ ที่น้ำถูกผันเข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ป้านางไม่ใช่ชาวสวน แกบอกผมว่าแกเป็นเพียงมือสมัครเล่น ที่เน้นจ้างชาวบ้านมาปลูกให้ เนื่องจากป้านางเป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่ในกระทรวง แน่นอนว่างานประจำของแก คงทำให้ไม่สามารถปลีกตัวมาเป็นชาวสวนได้เต็มเวลา


“ความรักหน่ะ มันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากนะภู”


ป้าบอกกับผม หลังจากที่เรานั่งซึมซับภาพพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน โดยต่างคนต่างจมจ่อมอยู่กับภาพแสงสีทองตรงหน้าและความคิดตัวเอง ก่อนที่ป้านางจะเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นก่อน


“ผมพึ่งรู้จักกับความรักครับป้า”


ผมสารภาพกับป้าออกไปตรงๆ


“แต่น้องเคยรู้จักแล้วนะ แต่มันจบไม่ดีนัก ภูรู้ใช่มั้ยลูก”


ป้าหันมามองผมด้วยสายตาเอ็นดู


“ครับ ผมรู้”


“มันก็นานมากแล้วหล่ะนะ แต่ป้าว่าสิ่งที่ติดอยู่ในใจปริญตอนนี้ไม่ใช่ความรักหรอก แต่คือการโทษและไม่ยอมให้อภัยตัวเองมากกว่า”


ผมพึ่งรู้จักน้องได้ไม่นาน ผมจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอะไรคือสิ่งที่น้องกลัวกันแน่ “ความรัก”หรือ“การโทษตัวเอง” แต่ผมก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง


“ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ผมก็หวังว่าจะเอาชนะมันได้ครับ”


ผมบอกป้านาง ที่ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา


“ป้าก็เคยผิดหวังกับความรัก จนเลือกที่จะเป็นโสดอย่างในตอนนี้ ถึงแม้จะมีความสุขดี แต่ป้าก็หวังจะเห็นปริญมีใครสักคนเคียงข้าง มันคงจะดีกว่า ถ้าเราสามารถแบ่งปันทุกข์สุขของเราให้ใครซักคนได้ฟัง สำหรับป้าแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหน ความรักก็คือความรัก”


ป้ามองสบตากับผม ก่อนจะเผยรอยยิ้มใจดีที่ช่วยแบ่งปันความกล้าให้กับใจผมได้อย่างมากมาย


“ขอให้ภูชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอยู่เสมอนะลูก ป้าเชื่อว่าอีกไม่นาน น้องก็จะเห็นเหมือนกับที่ป้าเห็น”


ผมประนมมือไหว้ป้านางด้วยใจเป็นสุข วันนี้ป้านางอาจจะเป็นผู้ใหญ่แค่คนเดียวที่ยอมรับเรื่องราวความรักที่ผมมีให้น้องอย่างไร้ข้อกังขาหรืออคติ แต่ผมเชื่อว่าวันข้างหน้า ผมจะทำให้ทั้งน้องและคนอื่นๆ ได้รู้ว่าความรักของผม ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าความรักแบบหญิงชายเลยแม้แต่น้อย






“ไม่อยากกลับเลย”


ผมเริ่มงอแงเพราะได้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว หลังจากที่ผมทั้งทานมื้อเย็น ขนมไทยและตามด้วยผลไม้ จนเวลาล่วงเลยมาจนสองทุ่มแล้ว


“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่ภูขโมยป้านาง”


น้องยิ้มขำกับการแซวของตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอก ว่าผมรู้สึกอบอุ่นและเหมือนได้เป็นลูกหลานคนหนึ่งของป้านาง ทั้งๆที่พึ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง


“ไม่ขโมยป้านางหรอก อยากจะขโมยหลานป้านางต่างหาก”


ผมรีบทำคะแนน ก่อนจะไม่ได้ทำไปอีกตั้งสองวัน


“กลับไปเลย สงสัยคำพูดพี่จะน้ำเน่า เนี่ย ยุงชุมเลย”


น่าตีจริงเชียว ทะเล้นตาใสใหญ่แล้ว ดูท่ายิ้มทั้งปากทั้งตานั่นสิ


ฟอดดด


เป็นไงหล่ะ คนที่โม้เจื้อยแจ้วเงียบไปแล้วในตอนนี้


“เดี๋ยวก็ฟ้องป้าเลย คนนิสัยไม่ดี”


น้องคาดโทษผม ทั้งๆที่เราเดินออกมายังหน้าบ้านแล้ว


“เดินกลับไปฟ้องเลย พี่ไม่กลัวหรอก ป้ายกลินให้พี่แล้วเหอะ”


ฟอดดดด


ผมทำหน้าทะเล้นเลียนแบบน้อง แล้วขโมยหอมแก้มนุ่มอีกรอบ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถหนีหมัดคนขี้เขินที่ส่งมา ไม่ลืมที่จะเปิดกระจกและส่งจูบให้ด้วย เรียกหน้างุ้ยๆให้เห็นได้ชัดถึงแม้จะมองผ่านกระจกมองหลังก็ตาม น่ารักชะมัด เด็กจืดของผม


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。



ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ลงพี่ภูน้องลินนะคะ /เอาหัวโขกพื้น

เมื่อวานตัดสินใจว่าจะแต่งเพิ่ม เพราะเหลือสต็อคไว้แค่2ตอน

ถ้าลงก็จะกลายเป็นจบห้วนเกินไป เลยหายไปแต่งเพิ่มมาค่ะ

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ขอชดเชยด้วยตอน๑๕ยาวๆเนาะ (≚ᄌ≚)ℒℴѵℯ❤
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2018 11:11:34 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mew1: ได้ยินว่าแต่เพื่มก็  :heaven ไม่อยากให้จบเลย..พีภูเดือนมหาลัยใจอนุบาลกำลังลุยแบบน่ารักส่วนน้องลินก็กำลังรับแบบน่าหยิก...จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากจะขอว่าอยากอ่านnc ของคู่นี้จัง  :hao3: อย่ารู่ว่าจะน่ารักแค่ไหน..  :hao7:  o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โถถถ ก็นึกว่าแคตตาล็อคอะไร พี่ภูน่ารักเสียจริงมีความเป็นห่วง
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทุ่มทุนมากพี่ภู
ปล. เดือนนี้ยังเดือน 9 อยู่นะคะ อิอิ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
อ่านไปก็สงสัยไป ว่าพี่ภูคะยั้นคะยอให้น้องเลือกใคร เลือกทำไม โห
พี่ภู สุดยอดเลย ใส่ใจทุกรายละเอียดของน้อง ว่าที่แฟนน่ารักมากกกก
หวังว่าดิวจะเป็นเพื่อนที่ดีของน้องลินได้ สงสารน้อง คงเหงาน่าดู
ว่าแต่ ไอ้เพจแอนตี้ปาลินนี่ มาจากไหน น่าโมโหจริง  ๆ   :m16:
น้องลินแสนดีน่ารักขนาดนี้ ยังเกลียดกันได้ลงนี่มันแย่จริง ๆ
พี่ภูจัดการด่วน ๆ อย่าให้น้องได้เห็นเพจเชียวนะ T^T
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกเกินไปแล้วเรื่องนี้
ชอบที่ตัวละครในเรื่องนี้มีแต่คนดีๆ เข้าใจคนอื่น ยกเว้นไอรุ่นพี่เลวตอนมอปลายคนนั้น

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พี่ภูตอนแรกๆนี่คือหมาป่าล่าเนื้อชัดๆ ทั้งเจนจัด เจ้าแผนการ แถมทำตัวดุๆกับน้องด้วย
แต่พอรู้ว่าชอบลินเท่านั้นล่ะ นางก้อกลายร่างเปนโกลเด้นรีทีฟเวอร์ทันที ชอบบบบบบบบ
รออ่านตอนต่อไปจร้า ^^

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่๑๖・❥



วันที่เธอไม่อยู่



..ปาลิน..



เสียงซุบซิบนินทาเรื่องผม ม่านแพง และพี่ภูฟ้ายังมีมาให้ได้ยินเป็นระยะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำใจให้ชินได้ เพราะไม่ว่าจะเรื่องไหน ก็มีชื่อผมเข้าไปเอี่ยวเสมอ


หลายต่อหลายคนฟันธงเอาเอง ว่าผมกับม่านแพงต้องเลิกกันอย่างสิ้นเยื่อขาดใย โดยมีพี่ภูฟ้าเป็นมือที่สาม บางคนก็มั่นใจว่าผมกำลังจับปลาสองมือจนทำให้เกิดรักสามเศร้า คนที่ชอบผมกับม่านแพง ก็โจมตีพี่ภู ส่วนคนที่ชอบพี่ภูหรือม่านแพง ก็ร่วมมือกันโจมตีผม มีคอมเมนท์มากมายทั้งในเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม ในเพจเจ๊มินนี่ หรือแม้กระทั้งคนที่กล้าออกความเห็นตรงๆต่อหน้าผม


ปัญหาดูจะหนักหนากว่าที่ผมคิด แต่ในขณะเดียวกันก็เบาบางกว่าที่ผมคาด ม่านแพงกับพี่ภูดูจะร่วมมือกันเพื่อกันผมออกจากทุกปัญหา ดาวมหาลัยคนสวยอัพเฟซบุ๊คยาวเหยียดเพื่ออธิบายว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นในรูปแบบเพื่อนมานานแล้ว และเราทั้งคู่สบายใจที่จะเป็นแบบนั้น ไม่ได้โกหกเรื่องที่เราเลิกกันตอนไหน แต่เลือกจะบอกว่าผมยังเป็นเพื่อนคนสำคัญที่เธอแคร์ที่สุด เรายังทำทุกอย่างด้วยกันเหมือนวันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ จนทำให้พวกที่คิดว่าเราเสแสร้ง ยังต้องยอมเงียบเพื่อหาหลักฐานว่าเราจบกันไม่สวยมายืนยัน แต่มันจะไปมีได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อเราต่างยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันเสมอ


นอกจากม่านแพง คนที่ป่าวประกาศว่าจะจีบผมก็ไม่รู้ทำอิท่าไหน ถึงบังคับให้เจ๊มินนี่เขียนอวยผมกับเขาได้ทุกวี่ทุกวัน อารมณ์เหมือนการสะกดจิตหมู่โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ มีคนไม่น้อยที่เปลี่ยนจากแอนตี้มาเป็นFC เพียงแค่เจ๊มินนี่ขยันเขียนโมเมนท์เซอร์วิสแฟนๆหรือเหล่าสาววายทั้งหลายให้ได้จิ้นกันเรื่อยๆ แล้วไหนจะการที่เดือนมหาลัยปีสาม ขยันมาทานมื้อเที่ยงกับพวกผมบ่อยๆ จนเรียกได้ว่าแทบจะทุกวัน นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วไปเกิดเป็นความเคยชินเวลาเห็นทั้งผม ม่านแพง และพี่ภูฟ้าอยู่ด้วยกัน นานเข้าๆจึงเงียบไปเพราะยังไม่มีประเด็นให้ขุดคุ้ยต่อ


แต่ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดมาก อาจจะเพราะคนที่ขอโอกาสเริ่มทำตัวไม่สมควรที่จะได้รับโอกาส เรื่องความเจ้าชู้ไม่ได้มีมาเข้าหูอีกนับตั้งแต่วันที่เขาประกาศว่าจะขอจีบ ม่านแพงกับแก้วตาก็ดูจะเป็นหูเป็นตา คอยสอดส่องพฤติกรรมมารายงาน โดยที่ผมคิดว่า บางทีมันอาจจะมากเกินกว่าที่ผมควรจะรับรู้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ทักท้วงไป เพราะเข้าใจถึงความหวังดีของทั้งคู่


ผมยังนึกขอบคุณด้วยซ้ำที่แก้วตาไม่โกรธ เมื่อพวกผมสารภาพเรื่องระหว่างผมกับม่านแพงออกไป เธอทำแค่เพียงยิ้มกว้างและบอกว่า“ขอบคุณนะที่เลือกจะเล่าให้ฟัง” ความใจดีของแก้วตายิ่งทำให้ผมและม่านแพงรู้สึกผิด เราสองคนเลยสัญญากันว่า ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องปิดบังแก้วตาอีก ถึงแม้พวกเราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงเทอม แต่แก้วตาก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าเธอคือเพื่อนที่เชื่อใจได้ และพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังพวกเราด้วยความเต็มใจ พวกผมจึงชวนแก้วตาไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ เรียกได้ว่าตอนนี้คิตตี้เลยได้คนคอยสอดแนมม่านแพงคนใหม่ แทนผมที่ชอบโดนเธอบ่นว่าขาดเรดาร์ในการทำงานไปโดยปริยาย


ส่วนดิวที่ผมเริ่มทำความรู้จักกันมาได้สักระยะ ก็เป็นคนนิสัยดีอย่างที่เคยมีคนให้คำนิยามว่าช้างเผือกไว้จริงๆ ดิวเป็นคนมีนิสัยง่ายๆ แต่นั่นก็นับว่าเป็นข้อเสียอยู่ไม่น้อย เพราะมันทำให้เขา ชอบถูกเอาเปรียบจากเพื่อน ประเภทที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์ สำหรับผม ดิวดูน่าสงสารมากกว่าที่ควรจะอิจฉาที่มีเพื่อนมากมาย ดังนั้นผมจึงคิดทำการใหญ่ โดยมีม่านแพงและแก้วตาคอยเป็นฝ่ายสนับสนุน ผมเริ่มกันดิวออกมาจากคนเหล่านั้น และหันมาใช้เวลากับพวกผมให้มากขึ้น ผมคิดเอาเองว่าดิวก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาก เพราะสิ่งเดียวที่ผมและดิวต้องการไม่ต่างกัน คือ การยอมรับในตัวตนของกันและกัน


หลังจากไปค้างที่บ้านป้าคราวก่อน นี่ก็เป็นเวลาสามอาทิตย์แล้ว และแน่นอนว่าฤดูกาลสอบปลายภาคกำลังใกล้เข้ามา ผมจึงเลือกที่จะไปค้างที่นั่นอีกในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนที่ผมจะเริ่มยุ่งกับการเตรียมตัวสอบจนไม่ได้กลับไป ป้าผมเป็นคนใจดีและคอยสนับสนุนผมในทุกเรื่อง ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะเล่าทุกอย่างให้ป้าฟัง ยกเว้นเรื่องที่ตลอดทั้งสัปดาห์ คนที่ป้ามักเรียกตามผมว่า“พี่ภู”ได้หายหน้าไป


การหายไปของคนที่เคยมาก่อกวนทำให้ผมนึกแปลกใจกับพฤติกรรมคนรอบข้าง ม่านแพงกับแก้วตาเลิกเล่าถึงเรื่องต่างๆของพี่ภูโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ นั่นก็คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าพี่เขาหายไปไหน แม้แต่พี่ปาล์มพี่จั๊ด เพื่อนสนิทที่พี่ภูพึ่งแนะนำให้ผมรู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ยังมาถามหาพี่เขากับผม พอผมไม่สามารถให้คำตอบได้ พวกพี่เขาก็มีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่าพี่ภูหายไปไหน มีเพียงพี่จั๊ดที่โทรกลับมาบอกผมว่า พี่ภูอยู่ที่บ้าน แต่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปหา พี่เขาเลยยังไม่ได้คุยกับพี่ภู พี่จั๊ดบอกผมให้ใจเย็นๆ ผมก็เพียงแต่รับปาก ถึงแม้จะอยากบอกพี่เขาว่า ใจผมเย็นจนแทบเป็นน้ำแข็งแล้ว มันทั้งหดเกร็งและชาหนึบ จนหลายครั้งที่ผมต้องยกมือเพื่อทาบไว้ที่กลางอก เพราะกลัวว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ


มื้อเที่ยงก็ผ่านไปง่ายๆโดยไร้วี่แววใครคนนั้น การติดต่อทุกช่องทางของเราดูจะสงบนิ่งมาตลอดตั้งแต่เขาหายไป มีเพียงผู้หญิงหลายคนของเขา ที่ยังพยายามแสดงตัวกับผมไม่เลิก ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งของขวัญหรือหลักฐานต่างๆ ที่เดือนมหาลัยปีสามเคยทำให้ หรืออาจจะยังทำอยู่ ผมก็ไม่อาจรู้ได้


แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเธอไม่ได้บอกผม ก็คือคนที่พวกเธอกำลังทวงสิทธิ์ในตัวอยู่นี้ ตัวเขาหายไปไหน ผมไม่ได้ติดต่อไป เพราะไม่รู้จะถามอะไร “ทำไมถึงหายไป” เป็นประโยคที่ผมแค่คิด แต่เมื่อขาดการติดต่อกลับมา ผมก็เริ่มเข้าใจ ว่าผมก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น ดื้อรั้นและจมอยู่กับคนที่ไม่เคยเป็นของเรา นึกโกรธตัวเองที่ปล่อยให้คนใจร้าย มีอิทธิพลกับใจผมอีกแล้ว ไม่รู้จักจำ


“ลิน”


“ลิน!”


“ปาลิน!!”


ผมตกใจกับเสียงของม่านแพงจนเผลอทำช้อนหล่น ช่วงนี้ผมซุ่มซ่ามไปหน่อย ก็รู้ตัวนะ แต่ยังแก้ไม่หาย


“โถ่ลิน นั่งหงอยใจลอยไปไหนแล้วเนี่ย”


“อ่า โทษทีนะม่าน ม่านว่ายังไงนะ”


ผมเก็บช้อนขึ้นมาโดยไม่คิดที่จะขอคันใหม่ ไหนๆก็ไม่หิวอยู่แล้ว ฝืนทานไปก็คงเปล่าประโยชน์


“ลินโอเคมั้ย”


“อ้อ โอเค แค่เหนื่อยนิดหน่อย”


ม่านแพงมองผมอยู่สักพัก แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด ลูบหัวเบาๆแบบที่ผมชอบ


“ไม่โอเคขนาดนี้ทำไมยังฝืนอยู่หล่ะ”


“เราโอเค”


“แล้วร้องไห้ทำไม”


ผมก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้ำตาไหลออกมา พึ่งรู้ก็ตอนที่ม่านแพงทักนี่แหละ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกมากนัก ม่านแพงมักจะเรียกผมว่า“พวกชอบเก็บความรู้สึก” แต่ตั้งแต่รู้จักกับคนที่ผมไม่รู้ว่าหายไปไหน ผมกลับร้องไห้ต่อหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง นี่ผมอ่อนแอขนาดนี้เลยหรืออย่างไรนะ


“ดีใจจังที่ลินร้องไห้ออกมา”


ม่านแพงยังกอดผมไว้เหมือนเดิม ตอนนี้เรากำลังทานอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ร้านโปรดของม่านแพง เราเลือกนั่งกันในห้องซึ่งจัดสรรไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกล้าเผยด้านอ่อนแอออกมา


“ลินรู้มั้ย ตั้งแต่รู้จักกันมาสี่ปี ลินยังไม่เคยร้องไห้ให้ม่านเห็นเลย ขนาดเรื่องพี่พอร์ช ลินก็ไม่เคยร้อง ม่านรู้ว่าลินรู้สึกแย่แค่ไหน แต่ลินก็ไม่เคยแชร์มันออกมาเลยซักครั้ง วันนี้ม่านอาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ก็ยังอยากบอกให้ลินได้รู้ ว่าม่านหน่ะ ดีใจมากๆเลยนะ ที่ลินยอมร้องไห้กับม่าน ขอบคุณนะลิน ที่ยอมให้ม่านเห็นมุมนี้ของลิน”


ผมกอดม่านแพงให้แน่นขึ้น ไม่รู้เลยว่าตลอดมาม่านแพงจะเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ขนาดไหน ผมก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง และก็คงไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ


“ขอโทษนะม่าน”


“ขอโทษทำไม วันนี้เป็นวันดีๆของม่านเลยนะ เราต้องฉลองด้วยการกินไปร้องไห้ไปให้สาแก่ใจเลยนะลิน”


คนสวยหัวเราะอยู่ข้างหูผม ทั้งๆที่ผมก็ควรจะขำกับประโยคน่ารักของเธอ แต่ผมกลับร้องไห้มากขึ้นแทน



..ภูฟ้า..


ผมกำลังจะกลายเป็นบ้า ที่แน่ๆคือบ้าเพราะความคิดถึง หลายวันมานี้มีเรื่องมากมายกำลังรอให้ผมกลับไปสะสาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้รับเพราะความเป็น“ลูก” ถูกพ่อของผมริบคืนด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะทำให้ผมตาสว่าง พ่อขังผมไว้ในห้องนอนอยู่เป็นอาทิตย์เพื่อให้ผมเปลี่ยนใจ เรื่องน้ำเน่าที่ผมเองก็เคยคิดว่ามีแต่ในละครเท่านั้น พอได้เจอกับตัวถึงได้รู้ ว่าแท้จริงแล้วบทละครอาจสร้างมาจากชีวิตจริงของใครสักคนก็ได้ บางทีเรื่องต่อไปอาจถูกสร้างมาจากชีวิตผม


ครอบครัวของผมประกอบธุรกิจส่งออกข้าว ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรอันเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ แน่นอนว่ากิจกาจที่มีมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด นับวันก็จะยิ่งโตวันโตคืน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการดองระหว่างลูกชายคนเดียวของตระกูล กับลูกสาวของคู่ค้าคนสำคัญในแต่ละรุ่น การคลุมถุงชนมีสืบต่อกันมาจนเป็นธรรมเนียม ตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ และแน่นอนว่าตามจริงแล้วต้องรวมผมด้วย


แต่ในเมื่อวินาทีที่ผมเจอปาลิน ชะตาชีวิตก็เหมือนจะถูกขีดให้เดินไปในทางที่ต่างออกไป ฟังดูอาจโง่เขลาและยังเด็ก แต่ในเมื่อไม่เคยมีใครไม่เคยพลาด แล้วทำไมผมจะต้องกลัวว่าปลายทางของถนนที่ผมเลือกจะเป็นอย่างไร ในเมื่อระหว่างทางผมได้มีปาลิน ต่อให้สุดท้ายแล้ว หัวใจของน้องจะไม่ได้รอผมอยู่ที่เส้นชัย แต่ผมก็มั่นใจว่าจะไม่เสียใจที่เลือกทางนี้


แน่นอนว่าพ่อรับไม่ได้ที่ผมชอบผู้ชาย พ่อด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่ในชีวิตนี้ผมไม่เคยได้ยินพ่อพูดสักครั้ง ส่วนแม่ก็ร้องไห้และเอาแต่โทษตัวเอง ผมรู้สึกเป็นคนบาป ที่ทำให้พ่อแม่เสียใจและผิดหวัง แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกท่าน เหลือเพียงลูกชายที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากหัวใจ ผมที่เป็นแบบนั้น สุดท้ายแล้วก็คงจะทำให้พวกท่านเสียใจอยู่ดี แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ผมแน่ใจว่าการรักษาหัวใจของผมไว้ เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการพิสูจน์ตัวเอง ยังจะมีคุณค่ามากกว่า เพราะอย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสทำให้พวกท่านยอมรับผมได้ในสักวัน


เมื่อการประนีประนอมไม่อาจเกิดขึ้นได้ ผมจึงทำสิ่งที่ดูต่างออกไปจากในละคร ผมยังทานข้าวที่ป้าจวงทำมาให้ ออกกำลังกายท่าง่ายๆ อ่านหนังสือบ้างในบางครั้ง และนอนหลับเมื่อรัตติกาลเข้ามาเยี่ยมกราย ผมไม่ได้ทรมานตัวเองแบบที่ในละครชอบทำ เพราะผมไม่รู้ว่าพ่อจะขังผมนานแค่ไหน ดังนั้นผมต้องพร้อมที่จะไปเจอน้องในสภาพไม่ต่างจากเดิม อยากให้น้องรู้ ว่าการเลือกน้องไม่ได้ทำให้ชีวิตผมล้มเหลว แต่การเลือกน้อง คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว


พ่อไม่ได้ขังผมนานเท่าที่ผมคิด นับไปแล้วก็แค่เจ็ดคืนเท่านั้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผมยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนใจ หรืออาจเห็นว่าผมไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจที่ถูกขังอยู่แค่ในห้องนอนตัวเองแม้แต่น้อย และอีกส่วนก็คงเพราะการสอบปลายภาคกำลังใกล้เข้ามา ไม่รู้ว่าแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากแค่ไหน ถึงทำให้พ่อปล่อยผม แต่พ่อก็จัดการไล่ผมออกจากบ้านทันที โดยมีเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ติดตัวออกมาเพียงแค่นั้น ถ้าไม่กลัวพ่อจะได้ใจ ก่อนเดินออกมา นอกจากคำขอโทษที่ผมได้บอกพ่อกับแม่ไป ผมคงจะบอกพ่อไปแล้วด้วย ว่าผมคิดถึงปาลินแทบเป็นแทบตาย ตั้งแต่วันแรกที่พ่อขังผมแล้ว


ผมต้องไปรบกวนเพื่อน ทั้งไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดเป็นธุระให้ผมหยิบยืมเงินและรถ จากนั้นก็ไปทำเอกสารใหม่ทั้งหมด โดยเลือกเฉพาะที่จำเป็นอย่างบัตรประชาชนกับใบขับขี่ เพราะโดนยึดไปหมดทั้งกระเป๋าสตางค์ทั้งกุญแจรถ ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนมากนัก จะรบกวนพี่ฝันพี่สาวของผมที่ตอนนี้กำลังท้องอ่อนๆ และอยู่ในช่วงไปเยี่ยมพ่อแม่สามีที่อิตาลี ก็กลัวจะทำให้คนท้องเครียดเกินไป ถึงแม้พ่อคงไปพูดเรื่องผมให้พี่เครียดเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ในเมื่อผมบอกพ่อเองว่าผมจะพิสูจน์ตัวเอง จะทำให้พ่อเห็น ว่าการรักผู้ชายด้วยกัน มันไม่ได้ทำให้ชีวิตผมตกต่ำอย่างที่พ่อพูด ผมจึงยินดีที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง


ครั้งนี้ผมรู้ว่าผมกำลังเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและหัวใจของผม รู้ดีว่ามันเสี่ยงแค่ไหนที่เดินเข้าไปบอกพ่อว่าผมรักผู้ชาย ผู้ชายคนที่เขาอาจไม่รับรักผมตอบ อาจจะเป็นความกล้าบ้าบิ่น แต่ให้ย้อนเวลากลับไป ผมก็คงทำเหมือนเดิมอยู่ดี


“สวัสดีค่ะ”


ปลายสายไม่ใช่เสียงของคนที่ผมกำลังคิดถึงจนแทบบ้า


“ม่านแพงหรอ ขอพี่พูดกับลินหน่อย”


นาทีนี้ผมต้องการกำลังใจจากคนที่ผมกำลังเดิมพันทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจเขามา แต่ตั้งแต่เช้าที่พยายามโทรหา น้องก็ไม่ยอมรับสายสักที ไม่รู้ว่าไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก หรือเพราะกำลังติดธุระสำคัญ


“อ๋อ นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนใจร้ายที่ทำให้เพื่อนฉันร้องไห้นี่เอง”


ผมพึ่งซื้อโทรศัพท์และซิมใหม่ แน่นอนว่าม่านแพงเลยไม่รู้ว่าใครโทรเข้ามาในตอนแรก


“ฮะ ใครร้องไห้ ลินหรอ ลินร้องไห้ทำไม”


ผมตกใจกับประโยคจิกกัดของม่านแพง ไม่ใช่เพราะเธอปีนเกลียวกับผม แต่เพราะม่านแพงบอกว่าปาลินร้องไห้ และที่สำคัญคือมีผมเป็นต้นเหตุ


“แล้วลินอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหา”


ผมคิดว่าการเจอหน้า คงจะดีกว่าการคาดเดาสถานการณ์เอาเอง


“มาก็ดี จะได้ด่าต่อหน้า มาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหน้ามหาลัย แล้วก็เข้ามาห้องA1ได้เลย”


ยิ่งรู้จัก ผมยิ่งคิดว่าม่านแพงเหมือนแก๊งเพื่อนนางเอกในละครหลังข่าว คอยเป็นปากเป็นเสียงและคอยปกป้องผลประโยชน์ให้กับนางเอกใจดีที่ชอบถูกนางร้ายเอาเปรียบ แต่ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ ผมก็เลยพอจะเบาใจได้บ้าง ในเวลาที่ผมไม่ได้อยู่ข้างๆปาลิน




ความร้อนใจทำให้ผมเผลอเหยียบคันเร่งรถเก๋งอีโค่คาร์ของบ้านไอ้ปาล์มจนเกือบมิด ดีที่วันนี้ถนนหนทางดูจะเป็นใจให้ผมอยู่บ้าง


“หลับหรอ”


ผมใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงร้านอาหารที่ว่า อาทิตย์นี้แน่นอนว่าผมขาดเรียนทั้งอาทิตย์ นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่ผมได้เฉียดเข้ามาใกล้กับบริเวณมหาวิทยาลัย หลังจากเปิดประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นออก ภาพที่ทำให้ใจผมกระตุกก็ปรากฏแก่สายตา


“อือ ร้องไห้จนหลับ”


ม่านแพงกำลังลูบหัวให้กับคนที่ผมคอยแต่คิดถึงมาทั้งสัปดาห์ แก้มขาวดูจะซีดลงไม่น้อย ผมตกใจกับแพขนตาชุ่มหยาดน้ำตา ขนาดหลับ คนตรงหน้าผมก็ยังร้องไห้


“เกิดอะไรขึ้น”


ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอ ผมมองสบตากับม่านแพงอย่างต้องการคำอธิบายให้กับสิ่งที่เห็น


“หิวอะ ขอกินก่อน”


เธอมองไปยังเซ็ตปลาดิบที่ยังพร่องไปไม่เท่าไหร่ น้ำแข็งที่วางอยู่บนภาชนะรูปเรือก็ดูจะละลายไปมากแล้ว


“กินเถอะ พี่ดูลินเอง”


ผมเข้าไปนั่งขัดสมาธิข้างม่านแพง เพื่อทำการย้ายหัวทุยของเด็กงอแง ให้วางลงบนตักผมแทน ม่านแพงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลุกกลับไปนั่งอีกฝั่งแล้วลงมือทาน ผมมองคนบนตักแล้วอดยิ้มไม่ได้ พอเห็นหน้าก็รู้เลยว่าผมคิดถึงปาลินมากมายแค่ไหน มากมายเสียจนทำให้ตัดสินใจได้ ว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมจากไปไหนอีกแล้ว




“ตื่นแล้วหรอครับ หลับสบายมั้ย”


ผมยิ้มให้กับคนที่ยังไม่ลืมตา ขนตาเป็นแพเหมือนตุ๊กตา กำลังต่อสู้กับความง่วงที่ดูจะไม่ได้กล้ำกลายมาหลายวันแล้ว เปลือกตาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติกระพริบอยู่สองสามทีก่อนจะลืมขึ้น เราสบตากันนานเท่าไหร่ผมก็ไม่แน่ใจ ในดวงตาคู่นั้น ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมก็มั่นใจ ว่าผมเห็นร่องรอยตัดพ้อระคนยินดีอย่างปิดไม่มิด


“ม่านอยู่ไหน”


คนที่นอกจากตื่นมาเพื่อจ้องตากับผมแล้วก็ยังไม่ลืมจะถามหาเพื่อนตัวเอง


“กลับไปแล้วครับ เห็นว่าจะไปรับคิตตี้”


ยอมรับว่าแรกๆผมเคยกลัวอาการเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อระหว่างชายหญิง แต่พอทำความคุ้นเคยกัน นอกจากเรื่องที่ม่านแพงรักแฟนมาก อีกเรื่องที่ผมมั่นใจ ก็คือม่านแพงเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง เธอคงไม่ยอมให้ผมจีบปาลินแน่ ถ้าเธอคิดเกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อน ส่วนคนของผม ผมก็ขอใช้สัญชาตญาณตัดสินแล้วกัน


“อ้อ”


คนนอนเต็มอิ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหลับตาลงอีกครั้ง สงสัยจะกำลังจูนตัวเองที่พึ่งตื่น น่ารักชะมัด


ฟอดดดด


ไม่เคยจะอดใจได้จริงๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่มีปฏิกิริยาขัดขืนผมเลยยิ่งได้ใจ จัดการกดจมูกเข้ากับแก้มนิ่มอีกข้างอย่างนึกเอ็นดูคนพึ่งตื่น ที่ทำผมคิดถึงจนแทบบ้าตลอดหลายวันมานี้


ฟอดดดด


“ชื่นใจจัง”


ผมยิ้มใส่ดวงตาสีนิลที่ผมโหยหามาหลายวัน ปาลินก็ยังคงเป็นปาลิน คนที่ชอบใช้ความเงียบสื่อสาร น้องจัดการกดกริ่งเพื่อเรียกพนักงานมาเช็คบิล ซึ่งผมก็พึ่งรับรู้พร้อมน้อง ว่าม่านแพงจัดการไปเรียบร้อยแล้ว


“กลับเลยมั้ย”


น้องไม่ตอบ แต่เลือกจะสวมรองเท้าและเดินนำผมออกไปทางหน้าร้าน เอาหล่ะ ไม่ใช่ว่าน้องพูดน้อยเป็นปกติหรอก แต่ตอนนี้ปาลินกำลังโกรธผมต่างหาก


“ไหนบอกซิ ว่าโกรธพี่เรื่องอะไร ใช่เรื่องที่พี่หายไปรึเปล่า”


ก็ยังมีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา


“เฮ้อ โดนพ่อขังไว้ตั้งหลายวัน รถกับตังค์ก็โดนยึด ใจก็ให้เด็กปีหนึ่งตัวขาวพูดน้อยๆไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่ตัวแล้วสินะเรา”


ได้ผลครับคราวนี้ น้องหันกลับมาจ้องตาผมเหมือนกำลังจับพิรุธ ได้ทีเรียกร้องความสนใจ ผมเลยยิ้มกว้างแล้วจูงมือเรียวให้เดินไปด้วยกัน


“วันนี้อีโค่คาร์ก่อนนะ รถจ่ายกับข้าวบ้านไอ้ปาล์มมัน”


ผมหัวเราะเมื่อเห็นน้องทำหน้าตกใจ ที่เห็นผมกดรีโมทรถเก๋งอีโค่คาร์สีเขียวมะนาว คนน่ารักกับส่วนสูงร้อยแปดสิบที่เข้ากันได้ดีในสายตาผม หันมาจ้องตาผมอีกรอบ วันนี้ถ้าผมเป็นปลากัด น้องคงท้องไปแล้ว


“ขึ้นรถก่อนนะ อยากรู้อะไรเดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังหมดเลย”


ความเงียบดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ล้อมรอบเราทั้งคู่ไว้ในเวลานี้ อาจจะเพราะระยะทางสั้นแสนสั้นจากรั้วมหาลัยด้านหนึ่งมายังอีกด้าน น้องที่ยังตกอยู่ในห้วงความคิด และผมที่ตกอยู่ในห้วงความคิดถึง จึงยังไม่มีใครเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น


ผมพาเด็กจืดกลับมาส่ง ก่อนจะถือโอกาสเนียนแทรกตัวเข้าห้องน้องเสียเลย จากนี้จะเข้านอกออกในคงไม่ง่ายแล้ว เพราะคีย์การ์ดก็ถูกยึดไปพร้อมกระเป๋าสตางค์นั่นแหละ เมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ พอเห็นว่าน้องไม่ได้โวยวายอะไร ตั้งแต่ที่ผมเดินตามเข้ามาในคอนโด ก็เลยได้แต่ยิ้มหน้าบาน ไม่รู้ว่าน้องคิดถึงผมไม่ต่างกัน หรือเพราะผมยังติดค้างคำอธิบายกับน้องอยู่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมก็เลือกที่จะมีความสุขกับทุกวินาทีที่มีกับคนที่ผมรักก่อน


พอได้รับอนุญาตโดยการไม่คัดค้าน ผมจึงเดินไปเอนหลังที่โซฟาเบดที่ผมคิดถึง ตบมือปุๆลงข้างตัว ให้เจ้าของห้องที่ยังยืนเคว้งคว้างมานอนข้างกัน


“มามะๆ มานอนฟังดีๆจะได้ไม่เมื่อย”


ยอมรับว่าหลอกเด็ก ก็เด็กมันน่าหลอกจะให้ทำยังไง


“ถ้ายอมมาดีๆจะนอนนิ่งๆมือไม่ซน แต่ถ้าให้พี่ลุกไปหา จะเกิดอะไรขึ้นพี่ไม่รู้ด้วยน้า”


ได้ผลครับ ถึงจะหน้างอ แต่ก็ยอมมานั่งลงข้างๆ


“เริ่มเล่าจากไหนดี เยอะแยะไปหมดเลยแฮะ”


ผมอยากให้น้องพูดบ้าง อยากได้ยินเสียงน่าฟังนั้นอีก


“ไม่มีใครอยากฟังแน่ๆเลย เหนื่อยมาทั้งวัน งั้นของีบก่อนดีกว่า”


ผมตั้งท่าจะนอนเพราะน้องยังนั่งหันหลังให้ และยังไม่ยอมจะพูดอะไรสักคำ


เวลาผ่านไปสักพัก จนผมเกือบจะหลับไปจริงๆ เพราะความเหนื่อยล้าสะสม การได้กลับมาอยู่ในห้องที่อบอวลไปด้วยเด็กจืด ยิ่งทำให้ผมเคลิ้มจนอยากปล่อยตัวปล่อยใจให้ลืมเรื่องหนักๆตลอดหลายวันนี้ลง


“หายไปไหนมา”


เสียงที่ผมอยากได้ยินมาตลอดถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพู ที่ผมอยากลองชิมว่าจะหวานแค่ไหน ยังไม่ทันได้ใช้สมอง สองมือของผมก็ทำตามที่หัวใจต้องการในทันที


ผมลุกขึ้นนั่ง เพื่อประคองหน้าน้องให้หันกลับมาสบตากัน ความคิดถึงทำให้ผมยอมห่างจากน้องแค่ระยะฝ่ามือกั้น ก่อนจะจ้องลึกลงไปในตาคู่สวยเพื่อขออนุญาต แววตาประหม่าที่ฉายกลับมาจากตาคู่สวย ทำให้ผมเพียงกดจูบแผ่วเบา คล้ายผีเสื้อตัวน้อยกำลังชิมน้ำหวานเหนือกลีบปากนุ่ม เนิ่นนานในความรู้สึก และสุขล้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้ หลังจากจูบแรกของเราจบลง ผมก็ยังไม่คิดจะผละออกจากความหอมหวานของคนตรงหน้า ยังคงคลอเคลียอ้อยอิ่ง ไม่ได้รุกล้ำไปมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างระหว่างเราให้มากจนเกินไป


“ไปต่อสู้เรื่องของเรามาครับ”


ผมยิ้มให้น้อง ก่อนจะกดย้ำริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากน้องอีกครั้ง น้องช้อนดวงตาสั่นไหวขึ้นมาสบตากับผม คราวนี้กลีบปากนุ่ม ที่มักจะรอฟังเรื่องราวต่างๆด้วยความสงบ กลับเป็นฝ่ายถามคำถามที่ทำให้ผมได้รู้ ว่าผมมีอิทธิพลกับใจน้องมากมายแค่ไหน


“พี่ภูจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย”


ผมยิ้มให้กับคำถามน่ารัก ของคนที่ยังไม่กล้าจะเดิมพันหัวใจตัวเองกับความรักครั้งใหม่


“ถึงต่อให้ลินไล่ จากนี้พี่ก็จะไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว”


ผมจูบซับสองแก้มนุ่ม หน้าผากมน ปลายจมูกรั้น ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปากนิ่ม ด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ล้นใจ จนกระทั่งดวงตาคู่สวยปิดลงราวกับอนุญาตให้ผมได้ชิมรสหวานที่มากกว่านี้ ใจผมสั่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ กลีบปากก็เริ่มขบเม้มลงไปบนริมฝีปากสวยอีกครั้งอย่างเผลอไผล


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。

มีต่อฮับ (〃‿〃✿)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
เมื่อความหวามไหวเข้ามาแทนที่ความถวิลหา ผมจึงกดแทรกเรียวลิ้นไปตามร่องหยัก เพื่อให้ความอุ่นชื้นหันเหความสนใจคนในอ้อมกอดให้ยอมเผยอปากตาม ลิ้นร้อนของผมค่อยๆเข้าไปทักทายลิ้นนุ่มอย่างหยอกเย้า เริ่มจากเกี่ยวรัดโอนอ่อน ก่อนจะเร่งจังหวะนำทางให้เด็กที่ไม่ประสาตอบสนองการล่อลวงของผมอย่างย่ามใจ น้องเป็นนักเรียนที่ดี จนตอนนี้เสียงจูบของเราเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงผมจะมีประสบการณ์มามากมาย แต่กับคนที่รัก ครั้งนี้คือครั้งแรก


ทุกรสสัมผัสระหว่างเรา ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เสียจนใจผมแทบกระเด้งกระดอนออกมาจากอก เสียงอืออาจากกลีบปากนุ่ม ปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในตัวผม จนเกือบกลายร่างเป็นหมาป่า ที่เตรียมขย้ำและจับลูกแกะลงท้อง ถ้าไม่ได้สติและห้ามใจตัวเองไว้ก่อน


“พอก่อนนะ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหว”


ผมถอนจูบออกมาอย่างแสนเสียดาย เมื่อปล่อยให้น้องหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ใต้ร่าง อะไรๆก็ดูจะเป็นใจไปเสียหมด บรรยากาศ สถานที่ เสียงหอบหายใจ และไอความร้อนจากร่างกายของเราทั้งคู่ จนผมอยากจะโยนทุกเรื่องออกจากหัว แล้วชิมความหวานตรงหน้าด้วยความเอาแต่ใจ


แต่ก็ทำได้แค่เพียงคิด เพราะผมรักน้องมากมายเหลือเกิน มากจนอยากจะให้น้องรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของผม ไม่อยากเอาเปรียบน้องไปมากกว่านี้ ถึงแม้กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายผมจะกำลังเรียกร้องหาน้องจนแทบคลั่ง


ผมรั้งตัวคนที่นอนระทวยให้เข้ามาซบอยู่กับอก การมองหน้าน้องในเวลานี้ดูจะเสี่ยงเกินไป น้องเซ็กซี่มาก ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยเห็นใครที่สามารถล่อลวงผมได้ขนาดนี้ ดวงตาปรือปรอยหวานเชื่อมเหมือนภูติสวรรค์ที่ถูกล่อลวงด้วยรสสัมผัส ปากบางบวมเจ่อไม่ต่างจากลูกเชอร์รี่ผลสวย ทั้งฉ่ำวาวและหวานลิ้น แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลากลับน่ารักขึ้นหลายส่วน ไรผมชื้นเหงื่อไล้ล้อมกรอบหน้าจนดูทั้งน่าสงสารและน่ารังแก จนผมต้องพยายามข่มใจ ที่ปรารถนาจะให้เหงื่อเม็ดสวยผุดพรายมากกว่านี้ไว้ให้ลึกที่สุด


“ตอนนี้พี่ไม่เหลืออะไรแล้ว ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เพราะสารภาพกับท่านไปว่า “พี่รักผู้ชาย” แต่พี่ไม่โกรธท่านนะ ถึงจะใจร้ายขังลูกชายสุดหล่อคนนี้ไว้ตั้งหลายวัน แต่พ่อก็ยังให้พี่กินข้าวกินน้ำ ถึงจะโดนตัดพ่อตัดลูก แต่ก็ยังดีที่คงไม่โดนตัดออกจากใจ เพราะไม่อย่างนั้นท่านคงไม่แม้แต่จะโกรธด้วยซ้ำ แต่ที่โกรธมาก ก็คงเพราะรักมาก เลยผิดหวังมาก”


ผมมองสบดวงตาใสซื่อที่ฉายแววปวดร้าว ไม่อยากทำให้น้องเสียใจ แต่ก็อยากให้น้องเข้าใจ ว่าถ้าเลือกผม ชีวิตน้องจากนี้ก็คงจะไม่ง่ายเช่นกัน


“ตอนนี้พี่เป็นแค่ นายภูฟ้า สิทธิธนานนท์คนธรรมดา คนที่ต้องขยันให้มากจะได้มีตังค์มาจ่ายค่าเทอม ค่ากินอยู่ และค่าที่พัก ขับรถอีโค่คาร์คันเล็กที่ยืมมาจากเพื่อน และอีกไม่นานก็คงต้องเอาไปคืน เป็นเทวดาตกสวรรค์ที่คงมีความสุขที่สุดในโลก ถ้านายปาลิน ลิปนากุลรับรัก”


ผมก้มลงไปมองคนที่เงยหน้าขึ้นมาจากอกผม เพื่อให้ดวงตาของเราประสานกัน


“ภูฟ้ารักปาลินนะครับ”


ผมยิ้มให้กับคนในอ้อมกอดที่เป็นคนเดียวกับที่อยู่ในหัวใจด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี


“ปาลินยังไม่ต้องรักภูฟ้าก็ได้”


“..................”


“แต่..มาเป็นแฟนกันนะครับ พี่อยากดูแลลิน”


“..................”


“ถึงพี่จะไม่มีตังค์แต่พี่ก็ยังหนุ่……………...”


กลีบปากที่ผมยอมตัดใจกลับบดเบียดเข้าหาอวัยวะที่ผมใช้บอกความในใจด้วยตัวเอง ท่าทางไม่ประสาที่จะต้องเป็นคนเปิดเกม ยิ่งทำให้สติผมเตลิด ผมครางอื้ออึงไม่ต่างจากคนใต้ร่าง เมื่อไฟร้อนเริ่มแผดเผาพวกเราไปทั่วทุกตารางนิ้ว เมื่อได้โอกาสจึงอาศัยความช่ำชอง เปลี่ยนกลับมาเป็นคนมอมเมาน้องด้วยรสจูบเร่าร้อน จนน้องกระสับกระส่ายด้วยความทรมานอย่างไม่อาจห้ามได้


ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากเยลลี่นุ่มหยุ่นมายังใบหูสวย คนไม่ประสาครางกระเส่า เมื่อผมค้นพบจุดอ่อนไหวของเจ้าตัว ทั้งขบเม้มและปล่อยลมอุ่นร้อนไปหมุนวนใบหูนิ่มจนขึ้นสีแดงระเรื่อ ร่างโปร่งที่พึ่งเคยสัมผัสรสกามารมณ์เป็นครั้งแรก ถึงกับส่ายหน้าหนีสัมผัสวาบหวามที่ผมปรนเปรอให้ สองมือขาวทั้งเอื้อมทั้งคว้าตัวผมให้เข้ามาใกล้ ส่วนริมฝีปากบางคู่สวย ก็ถูกขบกลั้นเสียงครางเอาไว้ จนเริ่มขึ้นสีซีด


“เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


ผมเว้าวอนขอความรัก ก่อนจะจูบย้ำซ้ำๆที่ริมฝีปากสวย ด้วยกลัวปากน้องจะเป็นแผล


“อื้อ ก็เป็นแล้วไง”


คนที่ยอมเป็นแฟนหมาดๆจูบตอบผมอย่างน่ารัก แก้มแดงจากทั้งรสปรารถนาและความเขินอาย ทำให้ผมแทบคลั่ง น้องหลับตาราวกับต้องการปิดกั้นความกระหายและโหยหาที่ไม่คุ้นชินของตัวเอง แต่เพราะสีหน้าแบบนั้นต่างหาก ที่จุดไฟร้อนขึ้นมาในตัวผมอย่างไม่อาจห้ามได้


ผมจูบน้องด้วยความรู้สึกท่วมท้นที่โหมกระหน่ำ ส่งผ่านความรักและความปรารถนาไปกับลิ้นร้อน ที่ปรนเปรอลิ้นนุ่มจนเกิดเป็นเสียงเฉอะแฉะน่าอาย น้องครางแผ่วเมื่อความหวามไหวถูกไฟปรารถนาจุดขึ้นอีกครั้ง ผมผละออกมามองหน้าน้องที่ถูกความต้องการล่อลวงไปแล้วด้วยความรักใคร่ อยากจะ“รัก”น้อง แต่ก็อยากรอให้น้องพร้อมที่จะเปิดใจ“รัก”ผมด้วย ไม่ว่านานแค่ไหน หรือต่อให้วันนั้นไม่มีวันจะมาถึง แต่ผมก็ยินดีจะรอ


ภาพคนตัวขาวที่ถูกไฟราคะชักนำจนบิดเร่าด้วยความทรมาน ทำให้ผมอยากช่วยปลดเปลื้องความต้องการของน้อง เพราะรู้ดีว่าความเป็นชายที่แข็งขืนจะทำให้น้องเจ็บจุกจนแทบหายใจลำบาก หากไม่ได้รับการปลดปล่อย


“ให้พี่ช่วยนะครับ”


เสียงขออนุญาตของผม ที่พยายามควบคุมให้หายกระเส่า ดูท่าว่าจะไม่ได้ผล ไม่ต่างจากคนใต้ร่าง ที่กำลังครางอื้ออึงตอบรับไม่เป็นภาษา ทันทีที่ใบหูถูกกระตุ้น ผมหันไปปลดซิปกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำของน้องเพื่อถอดออกให้พ้นผิวเนื้อนุ่ม ภาพความขาวเนียนตรงหน้าทำผมอดใจไม่ไหว ที่จะเลิกเสื้อน้องขึ้นจนเห็นตุ่มไตสีชมพูสวย มืออีกข้างก็ไม่ลืมที่จะลูบไล้กลางกาย ตลอดความยาวท่อนร้อนผ่านเนื้อผ้าบางที่ขวางกั้น เรียกเสียงครางอย่างสุขสมให้เจ้าของร่างขาวที่หลับตาแน่น น้ำตาจากความวาบหวามเอ่อล้นหางตา ยิ่งดูเย้ายวนจนทำให้ผมต้องครอบปากลงไปชิมเม็ดทับทิมกลางอกขาว


ถึงแม้จะไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเพื่อนกับเพศเดียวกัน แต่สัญชาตญาณดิบในตัว ก็นำทางผมมาไกลจนแทบหยุดใจไม่ไหว ลิ้นร้อนของผมลากผ่านยังปลายยอดสวยทั้งสองข้าง จนแผ่นอกขาวที่ถูกกลืนกินแทบจะลอยเหนือโซฟาอย่างไม่อาจห้ามได้ น้องตัวสั่นกับรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย ผมจึงเร่งดูดเม้มให้เกิดความเสียวซ่านมากขึ้น มือก็ทำหน้าที่ปรนเปรอกลางกายขาวตามจังหวะรัวลิ้นบนยอดอกสวย เร่งเร้าและฝากรสสัมผัสรัญจวนให้น้องครางฮือเป็นระยะ


เมื่อคนใต้ร่างเริ่มทนไม่ไหว ผมจึงช่วยจับจูงน้องไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก มือผมแทรกผ่านปราการด่านสุดท้ายที่ห่อหุ้มส่วนแข็งขืนของน้องไว้ จากนั้นจึงลูบไล้แก่นกายอุ่นร้อนด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ผมใช้ประสบการณ์ในการปรนเปรอตัวเองมาใช้กับคนตรงหน้า เพราะไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครที่ไหน ผมจึงเลือกจะเติมเต็มน้องตามความต้องการของตัวเอง


มือที่ชักรูดกอบกุมท่อนร้อนเป็นจังหวะ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนถูกปรนเปรอเสียจนผมแทบคลั่ง นอกจากเร่งมือเพื่อนำน้องไปสู่ความสุขสม ปลายนิ้วของผมก็ช่วยเพิ่มความเสียวซ่านให้คนที่คล้ายจะไปถึงสวรรค์อยู่รอมร่อ ด้วยการขยี้ปลายส่วนอ่อนไหวกลางกายด้วยความเร่งร้อน กายขาวขึ้นสีชมพูไปทุกที่ที่ผมสัมผัสผ่าน เปลือกตาก็เริ่มจมอยู่ใต้น้ำอุ่นร้อน เสียงครางไม่เป็นภาษาถูกส่งออกมาจากริมฝีปากคู่สวยเป็นระยะ จนเมื่อความต้องการของน้องถึงจุดสูงสุด


“พี่..พี่ภู … อ๊ะ….”


น้ำสีขาวอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นไปยังหน้าท้องสวยของเจ้าตัว ผมมองภาพนั้นแล้วถึงกับเผลอสบถโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันช่วยน้องทำความสะอาดตัวด้วยซ้ำ ความเจ็บปวดกลางกายบังคับให้ผมต้องรีบเดินไปล็อคตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เพราะสัมผัสและภาพน้องยังติดตา ไม่นานผมก็กำราบเจ้าลูกชายให้สงบลงได้ แต่ผมคงจะประมาทความเย้ายวนของน้องเกินไป ทันทีที่ลูก(ไม่)น้อยของผมพ่นพิษเรียบร้อย ความปวดหนึบก็เล่นงานผมติดๆอีกสองครั้งถ้วน ทำเอาทั้งพ่อและลูกชายหอบกระเส่าเพื่อโกยอากาศเข้าปอดกันแทบไม่ทัน


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


เขินจัง แต่มีให้เขินอีกนะ ฮิฮิฮิ (⁄ ⁄◕⁄‿⁄◕⁄ ⁄✿)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ และทวิตติดแท็ก #ภูฟ้าปาลิน เลยค่ะ

ใกล้จบแล้วน้า ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานะคะ

ปล เมื่อวานแอบเขิน ใส่เดือนผิด ใจร้อนไปนิด อยากให้ถึงเดือนสิบไวๆ ขอบคุณที่ทักนะคะ



ออฟไลน์ krayfanxing

  • เออนั่นล่ะ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เย้ๆ ดีใจที่เราด้อ่านมีความคิดว่าพ่อคาสโนว่าฆ่าไม่ได้ตายอย่างอีพี่ภูตอนแรกไปไหน ทำไมเหลืออีพี่ภูคนผีบ้าของน้องลิน โอ่ย ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้ความกากของอิคนพี่น้องลินน่ารักมากเลย อยากให้ผ่านเรื่องร้ายไปด้วยกันนะทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ภูฟ้าจอมคลั่ง(รักปาลิน) ฮา

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :o8:  :-[  :impress2: nc แบบเบาๆบางๆ...แต่ทำให้เราเขินมากกกกก  :o8:  :-[  :impress2: พี่ภูสู้ๆ...ขอให้ที่บ้านรับได้เร็วๆๆๆน้าาา ...น้องลินออกจะน่ารัก...ถ้าได้เจอนะต้องหลงรักหัวปักดินเหมือนพี่ภูแน่ๆ  :call:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
พี่ภู สุดยอดเลยค่ะ คือ ไม่ใช่แค่กล้าบอกกับพ่อแม่ว่ารักผู้ชาย
แต่ยังกล้าที่จะฉีกกฎคลุมถุงชนสองตระกูลที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษด้วย ยอดเยี่ยม
แต่คราวนี้ ทำให้พี่ภูได้รู้แล้วสินะ ว่าน้องลินให้ใจพี่ภูไปมากขนาดไหนแล้ว  :-[
ใจน้องได้มาแล้ว ตอนนี้ก็ต้องพยายามให้พ่อแม่ยอมรับให้ได้ ชอบความคิดของพี่ภู
เรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลา ขอแค่มีคนที่เรารักอยู่เคียงข้างก็มีแรงสู้แล้วเนอะพี่ภู
เชื่อว่าความน่ารักแสนดีของน้องลิน จะทำให้พ่อแม่พี่ภูยอมรับน้องได้ในสักวันแน่ ๆ
เอาใจช่วยพี่ภูและน้องลิน รอตอนต่อไปน้า
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:

 

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
❥・ใจดวงที่๑๗・❥



การกลับมาของคนที่เคยมีกุญแจ



..ปาลิน..



หลังจากพี่ภูกลับมารอบนี้ก็ยิ่งทำตัวเอาแต่ใจมากกว่าเดิม ตามจริงจะโทษเขาแค่ฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะผมก็ชอบตามใจเขาเสียจนเคยตัว


“ลินจ๋า อั้มหน่อย”


เสียงคนขี้เกียจที่อ้อนขอให้ป้อนองุ่นฟังดูน่าหมั่นไส้ ในขณะที่เจ้าตัวกดโทรศัพท์มือถือไม่หยุด หัวก็เอาเปรียบตักผมอยู่ แล้วไหนจะปากที่คอยอ้าเป็นลูกนกตอนรอแม่นกป้อนอาหารนั่นอีก


ใจหนึ่งก็อยากจะบ่น แต่พอเห็นแววเหนื่อยล้าที่ทับกลบประกายตาเจิดจ้าของ“ภูฟ้าคนเก่า” ก็ทำให้เลือกที่จะไม่บ่น ซ้ำร้ายยังใจอ่อนยอมตามใจ“ภูฟ้าคนใหม่” เสียจนเคยตัว นอกเหนือจากการพยายามรับผิดชอบตัวเองให้มากขึ้น ทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายต่างๆ ความจริงคนคนนี้ก็ยังเป็น“ภูฟ้าคนที่รักผมมาก”คนเดิมอยู่ดี


“ลินครับ ยิ้มอะไร แอบคิดถึงใครที่ไหนหรือเปล่า”


มาแล้วครับ มุมงอแง


“แย่จัง โดนจับได้ซะแล้ว”


หน้างอแบบที่เด็กเล็กๆทำคงน่ารัก ถูกส่งมาให้ผมอย่างขัดใจ


“ในเวลาที่พี่หาเลี้ยงครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง ลินก็ห้ามนอกใจพี่สิ”


ปากยู่แบบเด็กสามขวบนี่น่าหยิกเสียจริงเชียว ภูฟ้าคนดังเดือนมหาลัยคนนั้นหายไปไหนกันนะ คนที่เคยมั่นใจในตัวเองและถือดี ดูเหมือนเขาคนนั้นจะหายไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วหล่ะมั้ง


ตอนนี้ผมตกหลุมพรางคนที่ทำตัวเด็กน้อยใส่นี่แหละครับ และก็คงจะไปไหนไม่รอดแล้ว ความจริงก็คงจะรู้ตัวเองตั้งแต่วันที่ป่วย ความวอแวของคนคนนี้ไม่เคยทำให้ผมรำคาญได้จริงจังสักครั้ง และยิ่งมั่นใจ เมื่อวันหนึ่งคนที่เคยพูดว่าขอโอกาสกลับหายตัวไป ผมเหมือนจะรับความเสียใจครั้งนี้ไม่ได้ มันเหมือนจะขาดอากาศหายใจ มันทรมานจนใจผมเจ็บไปหมด ถึงไม่อยากจะยอมรับ แต่วินาทีที่ตื่นมาเห็นหน้าคนในความคิดถึงอีกครั้ง ทำให้รู้เลยว่า จากนี้คงปล่อยผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้แล้ว


ผมทำตัวก๋ากั่นอย่างที่ม่านแพงชอบบ่น ด้วยการยอมให้พี่ภูย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะในทันทีที่เป็นแฟนกันเมื่อสองเดือนก่อนหรอก แต่ก็มาคิดๆดูแล้ว ทำไมผมต้องให้แฟนตัวเองไปรบกวนคนอื่นด้วย ตอนแรกพี่ภูจะเช่าคอนโดแถวมหาลัย แต่ไม่มีที่ไหนว่างเลย เพราะพึ่งผ่านช่วงการสอบไฟนอลเทอมหนึ่งมาได้ไม่นาน ยังไม่ใช่การปิดเทอมใหญ่ ที่จะมีคนย้ายเข้าย้ายออกเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญหอพักหรือคอนโดแถวนี้ต้องจองกันข้ามปีถึงจะได้ห้องดีๆสักห้อง แน่นอนว่าด้วยความเร่งรีบที่มี พี่ภูจึงต้องไปเช่าคอนโดเพื่อนอยู่ จะเรียกว่าเช่าก็ไม่ถูกนัก เพราะเพื่อนพี่เขาไม่ยอมรับเงิน พี่ภูโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปตั้งหลายทีกับเรื่องนี้ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการอนุญาตให้พี่ภูมาอยู่ด้วยกันเสียเลย ทีนี้อยากจ่ายค่าห้องก็จ่ายไป ส่วนเรื่องดูแลพี่ภูเดี๋ยวผมทำเอง


“คืนนี้พี่ไปVelaนะ”


พอผมยัดองุ่นเข้าปากผู้ใหญ่งอแงก็เลิกโวยวาย เคี้ยวตุ้ยๆมือก็เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูรายรับรายจ่ายประจำวันของVela


ใช่ครับ ผับหรูที่เราพบกันครั้งแรก มีพี่ภูเป็นหุ้นส่วน แม้จะแค่35% แต่ก็มากพอให้พี่ภูอยู่ได้สบายๆไปอีกหลายปีแม้ไม่ต้องทำงาน พี่ภูบอกว่าเขาเริ่มจากการเล่นหุ้นให้เงินมันงอกเงยตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย พอมีมากพอก็เอามาช่วยรุ่นพี่ที่สนิทสามคนเพื่อเปิดVela ตอนแรกก็กะแค่ช่วยลงเงิน ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้Velaจะกลายมาเป็นธุรกิจที่พี่ภูทุ่มเทให้สุดตัว ไม่ใช่แค่ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ แต่ในฐานะคนที่กำลังพิสูจน์ตัวเอง


ผมพึ่งรู้ว่าพี่ภูเก่งแค่ไหนหลังจากเป็นแฟนกันแล้ว ปัญหาหรือภาระหลายอย่างที่ก่อนเป็นแฟน พี่ภูไม่ยอมให้ผมช่วยแบก ตอนนี้ก็ไม่ยอมหรอก แต่ก็เล่าให้ฟังทุกเรื่อง เราแชร์ทั้งทุกข์และสุข และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากแค่ไหน


“ลินๆ ชวนม่านแพงกับคิตตี้เร็ว เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”


ประกายตาแบบนักธุรกิจทำให้ผมยิ้มขำ พี่ภูชอบหลอกล่อสองสาวให้ไปถล่มแกครับ แลกกับการที่ลูกค้ามากันแน่นร้านจนพี่ภูนับเงินไม่หวาดไม่ไหว ก็วินวินกันหมดแหละนะ ผมเลยไม่ได้ท้วงอะไร แค่รอเป็นแผนกเก็บกู้คนเมาก็พอ


“คงมาดึกๆแหละครับ เห็นว่าม่านจะพาคิตตี้ไปล่องเรือดินเนอร์อะไรสักอย่างนี่แหละ หลังจากนั้นถึงจะมาให้เสี่ยภูฟ้าเลี้ยง”


คนถูกเรียกเสี่ยหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมบอกแล้วว่าวินวินทั้งสาม นี่ม่านแพงก็ไลน์มาบอกผมตั้งแต่เช้าว่าจะไปVela คงกะพาคิตตี้ไปเซอร์ไพรส์ก่อน


“พี่ไม่มีเวลาพาลินไปดินเนอร์แบบนั้นบ้างเลยอะ ขอโทษนะครับ”


พี่ภูลุกขึ้นมานั่งสบตาและกุมมือผมไว้ ประกายวูบไหวในตาคล้ายจะขอโทษผมนอกเหนือจากแค่คำพูด


“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ภูยังยอมถูกไล่ออกจากบ้านเพื่อผมเลย อีกอย่าง ผมทานข้าวเย็นที่Velaก็หรูทุกมื้ออยู่แล้ว พี่ภูไม่เห็นต้องกังวลสักนิด พี่ภูงานยุ่ง ผมเข้าใจ”


ผมยิ้มให้คนชอบคิดมากตรงหน้า พี่ภูฟ้าคนที่พี่จั๊ดพี่ปาล์มชอบเผาให้ฟัง ดูจะเป็นคนละคนกับพี่ภูฟ้าของผม พี่ภูฟ้าคนนี้จะให้ทุกเรื่องของผมเป็นที่หนึ่งเสมอ ความสุขของผมดูจะเป็นนโยบายของพี่เขา ซึ่งแน่นอนว่าผมมีความสุขมาก


“เดี๋ยวนี้ยิ่งน่ารักใหญ่แล้วนะเรา ไม่มีสมาธิทำงานแล้วเนี่ย ใจเต้นแรงเกิน”


ผมบิดแก้มพี่ภูอย่างมันเขี้ยว คนอะไรชอบเอาแต่พูดประโยคเลี่ยนๆ มันเขี้ยวมากๆเข้า เลยหอมแรงๆที่แก้มไปสองฟอดเสียเลย



..ภูฟ้า..


“พี่ไปดูทางนั้นแป๊บนึงนะลิน”


ผมเดินมากระซิบที่หูเพื่อรายงานคนรัก เดี๋ยวนี้ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดมันก็แซวตลอดแหละครับว่ากลัวเมีย ซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอก เพราะทั้งกลัวและเกรงใจจริงๆคนนี้


น้องพยักหน้าส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม จนอดใจไม่ไหว ต้องประคองหน้ามาจุ๊บเหม่งไปที


“ทำงานเลยมึงไอ้ห่า น้องปริญเดี๋ยวพวกกูเฝ้าให้ วันนี้เดินวนมาโต๊ะนี้จนทางจะสึกแล้วครับ”


เสียงไอ้ปาล์มที่พึ่งได้วีซ่าจากเมียให้มาร้านเหล้าได้ หลังจากไปยืนแอ๊วสาวแล้วเมียจับได้ จนคว้าถังน้ำแข็งทุบหัวไอ้ปาล์มจนถังยุบ ขาดทุนเลยครับเจ้าของร้านอย่างผม


“น้องเท็นครับ พี่ฝากลินด้วยนะครับ”


แฟนไอ้จั๊ดคือคนที่น่าไว้ใจที่สุดในตอนนี้ หลังจากม่านแพงกับคิตตี้เมาได้ที่ก็นัวกันซะหนุ่มๆครางฮือจนต้องจับลงมานั่งโซฟาดีๆก่อน ไอ้ปาล์มก็เอาแต่เหล่สาว ไอ้จั๊ดก็กินเหล้าฟรีเหมือนกลัวผมไม่ล้มละลาย ส่วนปาลินคนซื่อเดี๋ยวโดนคนมาล่อลวง ซึ่งพี่ภูยอมไม่ได้แน่นอน


“ไปเถอะครับ ลูกน้องพี่ก็เต็มร้าน ใครจะกล้าทำอะไร”


น้องเท็นยิ้มโชว์เหล็กดัดสีฟ้าใสส่งมาให้ผม ถึงจะสูงร้อยห้าสิบกว่าๆแต่เรื่องการดูแลและคุมสถานการณ์คนเมานี่เด็ดจนผมอยากซื้อตัวให้มาทำงานให้


ผมพยักหน้าให้ก่อนจะหันไปดูที่รักของผมกำลังถูกยื้อแย่งโดยม่านแพงกับคิตตี้อยู่คนละข้าง สองผัวเมียนี่สายเมาแล้วเรื้อนครับ คนสวยๆนี่ยิ่งตัวดี ผมระอาใจจนต้องยอมปล่อยไปก่อน


..ลืมตาเพื่อจะพบว่าไม่มีเธอ

อยู่บนโลกใบที่เคยเจอ

กับความรักที่มันสวยงาม


อยากทำใจอยากจะรับความเป็นไป

อยากจะไม่มัวมาอาลัย

แต่ก็ไม่วายคิดถึงเธอ..



อ่า ไม่ได้ยินเพลงนี้มานานแล้วแฮะ เสียงนักร้องที่กำลังฮ็อตในเวลานี้ขับขานบทเพลงฮิตเมื่อหลายปีมาแล้ว และแน่นอนว่าบทเพลงนี้คุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะมันเคยเป็นเสียงริงโทนของปาลินก่อนที่เราจะเป็นแฟนกัน แน่นอนว่าตอนนี้น้องเปลี่ยนแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ผมหน้าบานทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะน้องเปลี่ยนเป็นเพลง “เปล๊า” ที่ผมเคยร้องให้น้องตอนไปค่ายที่ทะเลด้วยกัน


พอร์ช พิชญุตม์ คือชื่อคนที่ผมทุ่มเงินหลายหลักเพื่อให้มาโชว์ตัวเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นักร้องหนุ่มเจ้าของดวงตาที่เหมือนยกยิ้มอยู่ตลอดเวลากลับเบี้ยวเอาในวินาทีสุดท้าย จนผมน็อตหลุดอาละวาดทางต้นสังกัดไปไม่น้อย ทางนั้นขอโทษขอโพย แล้วบอกจะติดต่อกลับมาเพื่อเล่นให้ฟรี ลองไม่ฟรีสิจะได้เจอกันในศาล ค่ามัดจำและค่าตัวทั้งหมด ผมก็ได้คืนกลับมาแค่ครึ่งเดียว และไหนจะตารางงานที่คอนเฟิร์มไม่ได้ว่าจะมาแน่ๆวันไหน ทำให้ผมอารมณ์เสียและเลือกที่จะไม่โปรโมทให้ตัวเองเสียหน้าเปล่าๆถ้าเกิดนักร้องเบี้ยวอีก


“กลับไปหาลิน”


ม่านแพงที่เดินเซนิดๆมาหาผม ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ปาลินไม่มีทางให้ม่านแพงเดินคนเดียวในผับแน่ๆ ถึงผับนั้นจะมีผมเป็นหุ้นส่วนก็ตาม


ผมไม่ได้ซักม่านแพงต่อ เพราะเข้าใจได้ดีจากสีหน้าของม่านแพง ปาลินของผมกำลังแย่ ไม่กายก็ใจ


ผมไม่ลืมที่จะจูงมือม่านแพงกลับมาด้วย เจ้าของหัวใจของผมกำลังจ้องไปบนเวทีนั้นราวกับกำลังมองหาอะไรสักอย่าง


“ผู้ชายคนนี้เคยมีกุญแจกำแพงของลิน”


ม่านแพงบอกกับผมแค่นั้นก็ผละไปนั่งข้างคิตตี้ที่กำลังร้องไห้ ผมมั่นใจว่าคนอารมณ์อ่อนไหวแบบคิตตี้กำลังร้องไห้แทนคนข้างๆเธอ ใจผมกระตุก เรื่องราวทุกอย่างมันลงล็อค ผมมองกลับไปบนเวที และนึกเกลียดเพลงนี้ที่ปาลินเคยตั้งเป็นเพลงรอสาย เกลียดเสียงนุ่มที่เลือกจะร้องเพลงเก่าแสนเก่าแทนผลงานเพลงสุดฮิตของเจ้าตัว เกลียดตัวเองที่ไม่หนักแน่นให้มากกว่านี้ ในวันที่ผมรู้สึกเหมือนจะแพ้


น้องหันมามองผมที่ยังคงยืนอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรกับสถานการณ์แปลกๆตอนนี้ ผมกลัวว่าทันทีที่เพลงจบลงแล้วสปอร์ตไลท์สว่างขึ้น ผมจะเห็นแววตาอาวรณ์ของน้องที่มีให้กับคนบนเวที ผมคงทนไม่ได้ ผมควรหันหลังเดินจากไป เพื่อตั้งหลักก่อน แต่สองเท้าโง่เง่าก็กลับจงรักภักดีต่อใจที่ให้คนอื่นไปแล้ว ไม่รู้ว่าผมยืนโง่ๆอยู่แบบนั้นนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องมายืนข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่


“มายืนทำไมตรงนี้ครับ”


ผมไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไปดี


“กลับบ้านเรานะ ลินง่วงแล้ว”


น้องซบหน้าลงกับไหล่ผม ประโยคเรียกชื่อตัวเองแสนออดอ้อน ที่น้อยแสนน้อยจะพูดให้ผมได้ยินสักครั้ง ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากนุ่ม สองแขนที่กอดผมไว้ทำให้ผมพึ่งได้สติว่าตัวเองกำลังสั่น


“กลับบ้านเรากันครับ”


ผมกอดตอบน้องให้แน่นกว่าเดิม ก่อนที่เราจะหมุนตัวแล้วเดินจากมา


รถเก๋งแบรนด์ญี่ปุ่นราคาเกือบสองล้านบาทเคยเป็นอีกความภาคภูมิใจของผม ถึงแม้จะยังต้องผ่อนรายเดือนเพื่อเอาเงินไปใช้หมุนเวียนในการทำธุรกิจ แต่ผมก็พยายามลดภาระโดยการวางเงินดาวน์ให้มากกว่าครึ่งของราคาจริง แผนการอันรัดกุมของผมดูจะน่ารำคาญมากในเวลานี้ เมื่อเห็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันกับชื่อนักร้องคนดังจอดอยู่ข้างๆ ในช่องจอดที่ผมเป็นคนสั่งเด็กให้เตรียมไว้เองด้วยซ้ำ ผมนึกเสียใจที่ตัวเองไม่ทุ่มเงินทั้งหมดไปกับรถคันหรูสักคัน เวลาที่มาจอดอยู่ข้างกันแบบนี้ ผมจะได้ไม่รู้สึกตัวเองตัวเล็กลงขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบกลับไปเอารถคันที่หรูที่สุดของผมมาจอดเทียบ แต่วันนี้ผมมีแค่รถที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสมรรถนะในการชิงชัย คนที่ผมกุมมืออยู่เหมือนจะมีเรดาร์จับความรู้สึกพ่ายแพ้ของผมได้ น้องกระตุกมือผมแล้วยิ้มให้


“ชอบคันนี้ รักคนนี้”


น้องชี้มือไปยังรถไฮบริดสีขาวของเรา ก่อนจะจิ้มนิ้วเรียวลงมาที่อกผม ผมยิ้มให้กับความน่ารักของน้อง ก่อนจะกอดขอบคุณคนข้างๆอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องพูดคำว่ารัก แต่น้องเคยพูดเวลาที่ถูกผมบังคับด้วยความเจ้าเล่ห์ เช่นการจั๊กจี้ หรือเวลาทำรักให้น้อง แต่ครั้งนี้น้องพูดมันออกมาเอง ผมจึงรู้สึกเหมือนต้นไม้เหี่ยวๆที่ได้รับน้ำ


“ลิน”


มีไม่กี่คนที่เรียกน้องว่าลินได้ นอกจากม่านแพง คิตตี้ ผม และดูเหมือนเจ้าของรถคันข้างๆก็เป็นหนึ่งในนั้น น้องตบหลังผมสองสามทีก่อนที่เราจะคลายอ้อมแขนออกจากกัน


“สวัสดีครับพี่พอร์ช”


น้องไหว้คนที่มีไฝเม็ดเล็กใต้ตาด้วยความสุภาพ


“เอ่อ สวัสดีครับ สบายดีใช่มั้ย”


“สบายดีครับ อ้อ นี่พี่ภูฟ้าครับ อายุเท่ากันกับพี่พอร์ช แต่พี่พอร์ชน่าจะรู้จักพี่ภูในฐานะหุ้นส่วนของร้านไปแล้ว งั้นผมขอแนะนำให้รู้จักในฐานะแฟนผมครับ”


ผมดีใจจนอยากร้องตะโกนออกมา หน้าของคนหล่อตรงหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด


“อ่า ครับ สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณภูฟ้า ผมเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของลินหน่ะครับ”


สาบานได้ว่าจากนี้จะหาชื่อใหม่มาเรียกปาลิน ไม่อยากซ้ำกับที่“คนอื่น”เรียก


“อ้อ ครับ ผมไม่ยักรู้ว่าลินเป็นน้องโรงเรียนคุณพอร์ช ไม่งั้นคงฝากทาบทามให้มาเล่นที่ร้านผมบ้าง”


ไม่จ้างอีกแล้วโว้ย ต่อให้จะดังกว่านี้ขนาดไหน เอ็งก็อย่าหวังจะได้มาเหยียบร้านข้า


“ยินดีครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าผมขอยืมตัวลินซักสิบนาทีได้มั้ยครับ พอดีมีเรื่องอยากคุยหน่ะครับ”


โอ้โห นี่เห็นกูมีมารยาทเข้าหน่อยก็หวังเคลมเมียกูเลยนะมึง กำลังจะง้างปากบอกว่าไม่ได้ แต่เพราะแรงบีบที่มือทำให้ต้องหันไปสบตากับคนที่ผมแพ้ให้เสมอ รอยยิ้มที่ผมแสนรักยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งตั้งแต่วินาทีนั้น ผมก็รู้แล้วว่าผมพลาด มันทำให้การตัดสินใจของผมมีปัญหาและทำให้ผมตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆออกไป


“คุยในรถแล้วกัน ลินจะได้ไม่ร้อน”


เสียงผมเองครับ เสียงไอ้ควายที่ควรเตรียมตัวไปไถนาได้แล้ว แต่จะให้ยืนคุยกัน ก็เป็นผมเองที่ใจบางกลัวน้องเมื่อยน้องร้อน มัวแต่ห่วงน้องจนกระทั่งความคิดควายๆที่ติดอยู่ที่ปากถูกส่งออกไป จะเปลี่ยนใจก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว


“ขอบคุณครับ ผมขอแค่สิบนาที”


ไอ้เชี่ยนักร้องหน้าหล่อ กดรีโมทปลดล็อค แล้วเดินมาเปิดประตูให้น้องเข้าไปนั่ง ก่อนตัวเองจะอ้อมไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับรถคันหรูของเจ้าตัว พอเห็นภาพนั้น หัวเข่าผมก็แทบทรุด ถึงจะด่าตัวเองว่าควายอีกกี่พันครั้งก็คงไม่สาสม แถมยังจะสงสารควายอีกด้วย


เพราะกลัวมันจะพาน้องหนีไป ผมจึงขึ้นมานั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์เตรียมพร้อมอยู่บนรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆมัน อยากจะมองเข้าไปในรถ แต่ฟิล์มรถมันก็มืดชิบหาย จนผมนึกด่าตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ใจก็ทรมานจนเหมือนจะขาดเสียให้ได้


พูดตรงๆก็กลัวแหละครับ กลัวน้องเลือกมัน ถึงรู้ว่ามันได้ทำโอกาสที่น้องเคยให้ หลุดมือไปแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็ได้ชื่อว่าเป็น“คนที่เคยมีกุญแจ” ส่วนผมก็ยังก้ำกึ่งว่าน้องให้กุญแจมาด้วยความเต็มใจหรือน้องยังไม่ได้ให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด


ก๊อกก๊อกก๊อก


กระจกฝั่งคนนั่งถูกเคาะขึ้น ผมรีบปลดล็อคเมื่อเห็นว่าเป็นน้อง


“ใจคอจะทิ้งกันไว้ข้างนอก ให้ยุงหามจริงๆหรอครับ”


น้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสที่ผมไม่อยากเดาที่มา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาน้อง รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรงเต็มที


“กลับบ้านเรากันนะครับ”


ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้น้ำเสียงแบบไหนบอกคนตรงหน้า รู้แต่ว่าความรู้สึกอยากร้องไห้มันประดังประเดเข้ามาแทบจะในทันทีที่น้องผงกหัวตอบรับคำชวน



..ปาลิน..


ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ภูเอาแรงมาจากไหนถึงขับรถมาถึงคอนโดได้ ไม่ใช่เพราะว่าระยะทางไกลหรือพี่ภูเมา แต่เป็นเพราะท่าทางเหมือนคนหมดสิ้นพลังใจนั่นต่างหากที่ทำให้ผมกังวล


“พี่ภู”


ผมเรียกคนที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ผมไม่ชอบแววตาเหมือนคนยอมแพ้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างของพี่ภูในตอนนี้เลย ผู้ชายที่กล้าเดิมพันทุกอย่างกับความรัก ผู้ชายที่กล้าหาญคนนั้นหายไปไหนกันนะ


“พี่ภูครับ”


รอยยิ้มซีดเซียวถูกส่งมาให้ผม ในวินาทีนั้นผมจึงได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดของพี่ภู ผมเป็นโลกทั้งใบของพี่ภู ผมจึงเป็นคนกำความทุกข์และสุขของพี่ภูไว้ด้วยสองมือ ถ้าผมบีบพี่ภูคงต้องทุรนทุราย แต่ถ้าผมคลายผมก็ต้องมั่นใจว่าไม่เผลอทำหัวใจพี่ภูตกหล่นระหว่างทาง


“พี่ภูครับ อาบน้ำด้วยกันนะ”


ผมข่มความอาย แล้วเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาก่อน ผมบอกแล้วว่าพี่ภูไม่ใช่คนเดียวกับที่พี่จั๊ดพี่ปาล์มเล่า ตลอดเวลาสองเดือนที่เป็นแฟนกันมา ถึงแม้พี่เขาจะนอนกอดผมอยู่บนเตียงเดียวกันทุกคืน แต่พี่ภูยังไม่เคยล่วงเกินผมมากไปกว่าการจูบ ลูบไล้ หรือปรนเปรอนอกร่างกายให้ผมเพียงเท่านั้น


ผมรู้ว่าพี่เขาก็ต้องการผม แต่การข่มใจของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าพี่ภูรักและถนอมผมมากขนาดไหน ที่ผ่านมาผมก็แค่อายที่จะบอกพี่ภูว่า “ผมก็ต้องการพี่ภูนะ” แต่วันนี้ ผมอยากทำให้พี่ภูมั่นใจในความรู้สึกของผมเหมือนกัน


“ลิน เอ่อ น้องว่ายังไงนะครับ”


ดูเหมือนพี่ภูจะคิดมากกับการที่พี่พอร์ชเรียกชื่อผมอย่างสนิทสนม ความจริงแล้วม่านแพงเป็นคนเรียกผมแบบนี้ เป็นพี่พอร์ชเองที่เรียกตามม่านแพงกับคิตตี้อีกที ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าการถูกเรียกแบบไหน จะมีความสำคัญยังไง จนกระทั่งพี่ภูทำให้ผมรู้ว่า ชื่อนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน


“น้องอยากอาบน้ำพร้อมพี่ครับ”


หน้าผมร้อนจนแทบไหม้ เพราะสติที่หลุดลอยของพี่ภูแท้ๆเลย ที่ทำให้ผมต้องข่มความอายพูดใหม่อีกรอบ แถมยังต้องแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่น่าอายกว่าเดิมอีกต่างหาก


“น้อง”


เหมือนพี่ภูจะอยากเลิกเรียกผมว่าลินจริงๆ ตัวผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชื่ออยู่แล้ว ถ้าพี่ภูชอบ ผมก็ชอบ


“ว่าไงครับ ผมก็อายเป็นนะ”


“น้อง”


พี่ภูเรียกผมด้วยเสียงโหยหาจนผมขนลุก ความร้อนแปลกๆเหมือนถูกจุดขึ้นที่ไหนซักแห่งในร่างกายของผม พี่ภูเดินมากอดเอวผมไว้ ดวงตาคมจ้องลึกราวกับกำลังค้นหาความหวาดกลัวจากดวงตาผม


“พี่กลัวหยุดตัวเองไม่ได้”


“ก็ไม่ต้องหยุดสิครับ”


ถ้าม่านแพงมาได้ยินคงกัดลิ้นตาย ส่วนคิตตี้คงร้องไห้เหมือนคุณแม่ที่มีลูกสาวท้องก่อนวัยอันควร แต่ผมก็คงเป็นเด็กใจแตกจริงๆ เพราะเมื่อสายตาคมปราบที่บรรจุลูกไฟนับร้อยลูกมองมาที่ผม ผมก็รู้สึกรุ่มร้อนราวกับกำลังถูกความร้อนนั้นโลมเลียร่างกายจนแทบไหม้


“น้องจะเจ็บนะครับคนดี”


ในที่สุดสาเหตุที่พี่ภูไม่ยอม“รัก”ผมก็ถูกเฉลย แต่เพราะพี่ภูเป็นคนชอบคิดมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของผม ทำให้ผมเชื่อว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นอีก


“พี่ภูไม่อยาก“รัก”น้องหรอครับ”


อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง คนอื่นเค้า“รัก”ยาก“รัก”เย็นแบบนี้มั้ยครับเนี่ย ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหน้าผมกับยางอายอันไหนจะบางกว่ากัน


“พี่กลัวน้องฝันร้าย”


ในที่สุดผมก็ได้รู้เหตุผลที่สอง


“พี่ภูยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่หรอครับ”


ผมพยายามข่มความอายเอาไว้ ก่อนจะทำใจกล้า ออดอ้อนบดเบียดตัวเองเข้าหาอกอุ่นที่คุ้นเคย มือก็ลากไปตามท้ายทอย โครงหน้า สันกราม ลงมายังอกแกร่งที่ผมซบอยู่ทุกคืน เขี่ยนิ้วหมุนวนรอบฐานอกจนพี่ภูกัดปาก แต่เพราะพี่ภูไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมจึงไม่ยอมหยุดมือ


“ดื้อจังเลยครับคนดี”


พี่ภูจับมือซนของผมไปทำโทษโดยการกดจูบย้ำๆซ้ำๆ ทั้งเลียทั้งขบเม้มดูดดุนทั่วซอกนิ้ว ลากเรื่อยไปจนถึงปลายนิ้ว ก่อนจะดูดนิ้วผมทีละนิ้วจนเกิดเป็นเสียงชื้นแฉะน่าอาย ลิ้นร้อนโชว์ทักษะความชำนาญเสียจนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ ความหวามไหวแล่นปราดทั่วร่างของผม ราวกับมีกระแสไฟฟ้านับล้านช็อตตั้งแต่หัวจรดเท้า


“พี่ภู”


“อย่ายั่วพี่สิครับ”


ไม่รู้ว่าผมส่งเสียงแบบไหนออกไป แต่ที่มั่นใจคือแววตาของผมคงจะเว้าวอนสุดๆ เลือดในกายผมถูกสูบฉีดไปเลี้ยงทุกส่วน โดยเฉพาะท่อนเนื้อกลางลำตัวที่ถูกเลือดเติมเต็มจนแข็งขืน ทั้งผลักทั้งดันกางเกงตัวโปรดของผมเพื่อรอการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


มีต่อนะ ฮริ้ง >////<


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2017 00:01:41 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ Sugar_stack

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • Page FB Sugar_stack
..ภูฟ้า..


ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแมวน้อยของผมที่ตอนนี้กำลังกลายร่างเป็นแมวยั่วสวาท เสียงไอ้จั๊ดที่คอยไซโคผมว่าครั้งแรกจะเจ็บจนเหมือนจะตายตามที่เมียมันเคยบอก แถมมีขู่ผมด้วยว่าเมียมันเข้าโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์หลังจาก“ทำรัก”กับมัน ผมรักถนอมของผมขนาดนี้ ถ้าต้องเห็นน้องเจ็บตัวจนเข้าโรงพยาบาลเพราะตัวเอง สู้ผมยอมโลกสวยด้วยมือต่อไปดีกว่า


แต่วันนี้คนตรงหน้าดูจะไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย เคยบอกไปแล้วว่าน้องเซ็กซี่ แต่วันนี้คำว่าโคตรเซ็กซี่ยังดูจะน้อยไป โคตรเอกซ์เบอร์นี้ ให้ได้อารมณ์ตรงตามภาพและเสียง ก็ต้องบอกว่าน้องโคตรยั่วเ-


ผมขบสันกรามจนขากรรไกรเจ็บไปหมด เมื่อความต้องการสวนทางกับความอดทนในใจ ยิ่งผมกำลังปะทุขนาดนี้น้องอาจยิ่งเจ็บ ผมไม่อยากสร้างบาดแผลให้น้อง และยิ่งกว่านั้นคือผมไม่ต้องการเป็นฝันร้ายของน้อง


“พี่ภู”


เสียงกระเส่ากับดวงตาฉ่ำเยิ้มทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เลือดในกายทุกหยดกำลังพาความร้อนไปรวมกันที่กลางลำตัว ผมกลั้นหายใจเพราะกลัวสูดฟีโรโมนคนตรงหน้าเข้าไป


“คนดี ให้พี่ช่วยนะ”


ผมประคองแก้มนิ่มของเด็กช่างยั่วขึ้น กดจูบแผ่วเบาซ้ายทีขวาทีอย่างขอกำลังใจให้ตัวเอง ดันตัวให้คนอายุน้อยกว่าพิงไปกับโต๊ะอาหาร ก่อนจะยกตัวคนที่หนักน้อยกว่าผมมากให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น แล้วจัดการลากเก้าอี้ตามมานั่งลงตรงหว่างขาเด็กตัวขาวที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูจากความเขินอาย มือหนาของผมถูไถส่วนโป่งนูนของน้องจนเต็มความยาว ทำช้าเร็วสลับกับนวดคลึงส่วนหัวผ่านเนื้อผ้า


จนเมื่อเห็นว่าน้องเริ่มจะไม่ไหว จึงปลดซิปแล้วถอดกางเกงทั้งในและนอกของน้องออกด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่ได้รับการปลดปล่อย ความเป็นชายของน้องก็ชี้หน้าผมแทบจะในทันที ผมชันขาน้องขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ในขณะที่สองแขนของน้องก็ยังดันเพื่อพยุงตัวไว้อยู่ ผมยืนขึ้นใช้มือขวาแกะกระดุมน้องอย่างแผ่วเบา ในขณะที่มือซ้ายก็เริ่มชักรูดให้น้องจนได้รางวัลเป็นเสียงครางแหบพร่า


เมื่อความสุขสมเริ่มทะยานขึ้นสูง ผมจึงไม่รอช้าที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเริ่มลงมือกินอาหารอันโอชะตรงหน้า เริ่มจากการลากลิ้นไล้เลียตามซอกขาขาว โดยไม่ลืมที่จะขบเม้มแสดงความเป็นเจ้าของไปทุกที่ที่ลากลิ้นผ่าน รอยกุหลาบสีหวานถูกแต่งแต้มให้ภาพตรงหน้ายิ่งน่าย่ำยีให้ครางไม่หยุด กับคนคนนี้เท่าไหร่ก็คงไม่พอ


ผมครอบปากลงไปกลืนกินกลางกายน้องให้เข้าไปจนสุด น้องผวาเฮือกขึ้นมาสอดมือไปกับเส้นผมของผมไว้คล้ายเป็นบังเหียน ยามเมื่อผมดูดเข้าดูดออกรัวเร็วจนน้องแทบคลั่ง มือขาวก็จะขยุ้มดึงจนผมต้องรัวลิ้นตอบสนองที่ปลายท่อนร้อนสีแดงเข้มที่กำลังรอการปะทุ ล่อหลอกนำพาทั้งดูดทั้งเม้มตลอดลำจนเกิดเป็นเสียงหยาบโลนที่ยิ่งช่วยทวีความเสียวกระสันจนน้องต้องบิดเกร็ง เมื่อแขนไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวเอง น้องจึงปล่อยหลังเนียนสัมผัสแนบไปกับโต๊ะอาหาร ในขณะที่มือสวยยังไม่หยุดบังคับทิศทางการขึ้นสวรรค์ ผมเร่งจังหวะชักรูดด้วยสองมือ ในขณะที่ส่วนปลายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ลิ้นร้อนและริมฝีปากที่ห่อตัวเพื่อรูดรั้งถี่รัว เสียงครางและเสียงหอบหายใจถี่กระชั้น ดังสลับกันจนผมต้องรีบเร่งความเร็วเพื่อพาน้องไปสวรรค์ ดินแดนที่ผมเคยพาน้องไปหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ผมรู้ว่า อีกไม่นานผมก็จะพาน้องไปถึงที่นั่นอีกครั้ง


ผมใช้ลิ้นละเลงทั่วส่วนหัวจนน้องบิดไปมาอย่างน่าสงสาร เสียงครางแหบพร่าฟังไม่เป็นภาษาดังออกมาจากริมฝีปากคู่สวย เมื่อของเหลวสีขาวขุ่นถูกปล่อยเข้ามาจนล้นโพรงปากผม ผมกลืนและเลียคราบรักที่เปรอะเปื้อนจนเกลี้ยง ก่อนจะก้มจูบทั่วหน้าสวยอย่างหลงรัก อุ้มคนหมดแรงเข้าไปนอนบนเตียง ก่อนจะหันออกมาเพื่อไปจัดการตัวเองก่อน


ผมรีบถอดกางเกงออกเพื่อปลดปล่อยความคับแน่น ปิดฝาชักโครกเพื่อใช้นั่งในท่าถนัด มือร้อนเพราะพึ่งผ่านการปรนเปรอคนรักทำให้เกิดเป็นความเสน่หาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ จากนั้นจึงรัวมือที่กำรอบแก่นกายตัวเองจนสุดความยาวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก่อนที่ผมจะแตะขอบฟ้า เสียงไขประตูก็ทำให้ผมต้องตกใจ


น้องเปิดประตูเข้ามาในขณะที่ตัวเองยังเปลือยเปล่า ผมที่กำลังหอบหายใจติดขัดจากรสสวาทที่ชักนำด้วยมือตัวเองก็นิ่งค้างไปเพียงเล็กน้อย อารมณ์ผมมาไกลจนเกินจะหยุด ยิ่งมีตัวเร่งปฎิกิริยาอยู่ใกล้ๆ หัวใจผมก็ยิ่งสูบฉีดเลือดจนแทบหลุดออกมาจากอก ทำได้แค่หลับตาแล้วขบกรามแน่นเพื่อให้สมาธิจดจ่อแค่การปรนเปรอตัวเอง และไม่นานน้ำรักอุ่นร้อนก็ถูกฉีดพ่นออกมาจากเจ้าลูกชายของผม


ผมยังหลับตาสูดปากให้กับความเสียวซ่าน อกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเพื่อส่งออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ยังไม่ทันจะลืมตาขึ้น คนทรยศสองคนก็กำลังร่วมมือกันเล่นงานผมอยู่


ผมเผลอสบถด้วยเสียงกระเส่า เมื่อลิ้นเล็กของคนที่แอบไขประตูเข้ามาในห้องน้ำกำลังโลมเลียไปทั่วลูกชายของผม ที่ตื่นมาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การร่วมมือกันโดยคนที่ผมรักสองคนกำลังทำผมแทบคลั่ง เมื่อลืมตามาก็เห็นภาพที่ทำให้ผมเกือบกัดลิ้นตัวเอง


น้องนั่งคุกเข่าลงบนพื้นตรงหว่างขาผม แมวยั่วสวาทตัวขาวช้อนตาฉ่ำเยิ้มขึ้นมามองผมจนผมแทบกระแทกสวนท่อนร้อนระรัวในโพรงปากอุ่น พยายามกุมสติที่เหลือน้อยมากเอาไว้เมื่อลิ้นไม่ประสายังปัดป่ายไล้เลียขึ้นลงไปตามความเป็นชายของผม ดูดดุนจนผมเผลอครางด้วยความเสียวซ่าน และยิ่งเมื่อปลายลิ้นร้อนกับโพรงปากกำลังเลียนแบบสิ่งที่ผมทำให้น้องเมื่อครู่ ปากบางกลืนกินท่อนเนื้อจนแทบมิดลำ ผมสูดปากครางฮือกับเด็กที่เลียนแบบผมจนเก่งกาจ โพรงปากที่เร่งเร้าครอบดูดถี่รัวที่ปลายยอด ทำให้ผมอดไม่ไหวจนต้องจับหัวทุยโยกเข้าออกตามจังหวะที่ผมกระแทกสวน รัวเร็วจนผมชาวาบไปทั้งกาย ก่อนจะปลดปล่อยพิษเจ้าลูกชายเข้าสู่โพรงปากอุ่นที่พยายามกลืนกินจนหมด แต่ด้วยปริมาณทำให้น้ำรักบางส่วนไหลย้อยเปรอะมุมปากเกิดเป็นภาพชวนเสียวที่ส่งผลให้เจ้าลูกชายผมตื่นตัวเป็นครั้งที่สาม


ผมไม่เคยยอมให้น้องช่วย เพราะผมรู้ว่าจะไม่สามารถยั้งตัวเองได้ น้องเป็นเหมือนกัญชาสำหรับผม เสพติด มอมเมา และขาดไม่ได้


“พี่ภู “รัก”น้องนะครับ”


เสียงเว้าวอนของน้องเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึงลงพร้อมสติของผม ผมลุกขึ้นยืนเพื่อหาตัวช่วยในการรักน้อง จำได้ว่าไอ้จั๊ดเคยซื้อเซ็ตของขวัญ(มันเรียกแบบนั้น)ให้ผมอยู่ เหมือนจะเก็บไว้ที่ชั้นหลังกระจกห้องน้ำ แต่พอเปิดมากลับว่างเปล่า


“อ๊ะ อื๊ออออ”


ไม่ต้องหานานกว่านี้ เมื่อหันกลับไปตามเสียง ภาพที่เห็นก็ทำให้ความผิดชอบชั่วดีของผมขาดวิ่น น้องกำลังใช้เจลหล่อลื่นกลิ่นซากุระที่ไอ้จั๊ดซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นชโลมจนทั่วนิ้วเรียว ปลายนิ้วที่ไล้วนตามจีบพับบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังอยากลองแต่ไม่กล้า


แล้วที่เด็ดสุดคือท่าแมวคลานของน้องนี่แหละ ช่องทางรักลอยเด่นหราเชิญชวนให้ผมรีบคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแยงลิ้นเข้าไปเปิดทางให้ น้องเสียวจนผวาเฮือกร้องครางอื้ออึงจนน่าสงสาร ซึ่งคงได้ผลกับผมตอนที่ยังมีสติ แต่เพราะเวลานี้สติสัมปชัญญะของผม ดูเหมือนจะปลิดปลิวไปกับความเย้ายวนของน้องแล้ว นอกจากจะไม่ช่วยทำให้ผมหยุด กลับยิ่งคอยแต่เร่งเร้าให้ผมรังแกน้องให้สาแกใจตัวเองอีกด้วย


ก้อนกลมขาวนุ่มหยุ่นสองก้อน ถูกตะปบแหวกออกด้วยสองมือของผม ก่อนจะใช้ลิ้นเร่งสำรวจทางเข้าฉ่ำหวานอย่างย่ามใจ ยิ่งน้องกรีดเสียงสุขสมผมก็ยิ่งระรัวลิ้นย้ำ เมื่อลูกชายผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวจึงต้องตัดใจผละออกมาชโลมนิ้วกับเจลหล่อลื่น กลั้นใจใส่นิ้วแรกเข้าไปชำแรกช่องทางรักของน้อง รู้ก็รู้ว่าน้องจะเจ็บแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ทำได้แค่พยายามให้นุ่มนวลที่สุด ก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้าไปคว้านช่องรักที่ทั้งตอดทั้งดูด จนแทบรอความรู้สึกที่ถูกกลืนกินนี้แทบไม่ไหว


น้องกรีดร้องปนสะอื้นเรียกชื่อผมไม่หยุด ผมก็ได้แต่จูบกลางหลังแล้วขบเม้มล่อหลอกให้น้องถูกหันเหความสนใจ อีกมือก็ช่วยปรนเปรอกลางกายจนน้องแอ่นสะท้านจากการถูกรักทั้งหน้าและหลัง รู้ดีว่าสองนิ้วยังไม่พอกับขนาดกลางกายของตัวเอง เมื่อน้องถูกมอมเมาจนทะยานแตะสวรรค์ไปอีกครั้ง นิ้วที่สามและสี่จึงค่อยๆชำแรกและแช่ค้างช่องทางรักเพื่อให้น้องปรับตัวช้าๆ ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็อยากให้น้องมีความสุขด้วยกันในครั้งแรกของเรา ความอดทนถูกนำมาใช้อีกครั้ง ก่อนที่สี่นิ้วในช่องทางรักจะเริ่มขยับคว้านจนน้องหมดแรงซบหน้าลงกับพื้น


“อ๊ะๆๆ พี่ภู”


“ฮืออออ เสียว อื้อๆๆ น้องเสียว ฮือออ”


“อ๊าาา ตรงนั้น อ๊ะพี่ภู อ๊าาา”


น้องแตะสวรรค์อีกรอบ แต่คราวนี้เพราะความเสียวซ่านจากช่องทางด้านหลังเพียงอย่างเดียว ผมจึงไม่ลังเลที่จะแทรกท่อนร้อนของตัวเองที่ใส่ถุงยางอนามัยไว้เรียบร้อยแล้วเข้าไปทีละนิดทีละนิด


“โอ๊ยยยย ซี๊ดดดด รัดแน่นจนพี่จะแตกอยู่แล้วคนดี”


“อ๊ะ อ๊าาา พี่ภู”


“โคตรเด็ดเลยเมียจ๋า ซี้ดดด”


ทุกครั้งที่ผมพูดจาหยาบโลนเหมือนน้องจะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดความเสียวซ่าน ช่องร้อนที่กำลังกลืนกินผมตอดถี่รัวทุกครั้งที่ผมกระซิบคำลามกข้างหูจนผมแทบจะแตก


เมื่อแช่ไว้จนช่องรักน่าจะปรับตัวตามขนาดใหญ่โตของเจ้าลูกชายผมได้ ผมก็ประคองเอวน้องให้ลุกขึ้นยืนหน้ากระจก สองแขนน้องเท้าค้ำกับขอบอ่าง ในขณะที่สองมือผมก็โอบประคองเอวคอดพอดีมือให้รับแรงกระแทกถี่รัว ภาพสะท้อนจากหน้ากระจกยิ่งอีโรติกเร้าอารมณ์สุดๆ ผมใช้มือข้างหนึ่งบังคับประคองหน้าหวานที่มีหยาดน้ำตาและเหงื่อผสมปนเปกันจนเกิดเป็นความเซ็กซี่จนผมต้องสูดปากเพื่อเด้งสะโพกรัวใส่ไม่ยั้ง


น้องที่ร้องครางเสียงดังเป็นเวลานานคงแทบไม่มีเสียงแล้ว จึงได้ยินแค่เสียงครางอื้ออึงในคอยามเมื่อผมกระแทกระรัวยังจุดกระสัน ผมไม่ลืมจะตอดเม้มครางกระเส่าข้างหูสวยเพื่อเร้าอารมณ์ คางน้องก็ยังถูกผมบังคับให้มองภาพในกระจก เมื่อทุกความเสียวมารวมกัน ณ จุดเดียว ก็ถึงเวลาที่จะพาน้องไปแตะสวรรค์อีกรอบ


“เมียจ๋า แตกพร้อมกันนะทูนหัว”


ผมครางกระเส่าอย่างออดอ้อน เมื่อสัญชาตญาณดิบชักนำเราทั้งคู่มาจนถึงปลายทาง ผมดึงเจ้าลูกชายออกจนเกือบสุดลำ ก่อนจะกระแทกเน้นๆไปอีกสองสามครั้งจนน้องกระตุกเกร็ง ฉีดน้ำรักอุ่นร้อนเปรอะไปทั่วพื้นกระเบื้อง ผมไม่รอช้ารีบตามน้องไป กระแทกถี่รัวอีกไม่นานจนน้องหวีดร้องแล้วปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ผมจึงได้โอกาสปลดปล่อยจนเต็มถุงยาง รอน้องรีดน้ำเจ้าลูกชายผมจนหมดฤทธิ์แล้วจึงถอนตัวออกมาจากความอุ่นร้อนที่ผมติดใจ แต่เพราะรู้ว่าเป็นครั้งแรก จะให้รังแกน้องจนตัวเองอิ่มหนำก็คงทำไม่ลง


“รักนะครับ”


ผมหันตัวน้องให้มาซบอยู่ที่อกแกร่ง กอดประคองถ่ายทอดความรู้สึกแสนรักใคร่ไปให้คนในอ้อมกอด


“ปาลินรักภูฟ้านะครับ แล้วก็เลิกอิจฉาคนอื่นได้แล้ว ทั้งตัวทั้งใจผมยกให้พี่ไปหมดแล้ว”


ถ้อยคำบอกรักที่ทำให้ผมอุ่นซ่านในอก ผมก้มลงจูบซับตามหน้าผากชื้นเหงื่อ เปลือกตาสวย สองข้างแก้ม จมูกรั้น แล้วจึงจบลงที่จูบอ้อยอิ่งเพื่อส่งผ่านความถวิลหาให้แก่กัน


“พี่ภูไม่ต้องมีกุญแจเพื่อไขกำแพงใจของผมหรอกนะ”


ผมเลิกคิ้วเพื่อรอฟังสิ่งที่น้องกำลังจะพูดด้วยความแปลกใจ


“เพราะกำแพงของผมมันคงพังลงตั้งแต่ได้เจอพี่แล้วหล่ะครับ”


ผมหัวเราะตามเสียงหัวเราะแหบปร่าของคนในอ้อมแขน ความสุขที่ผมได้รับท่วมท้นเสียจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้เจอน้อง และได้รักน้องให้มากเท่าที่คนคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้ นึกขอบคุณความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองที่กล้าเสี่ยง ขอบคุณพ่อที่ไล่ผมออกจากบ้านจนทำให้ผมได้เรียนรู้และเติบโต ขอบคุณน้อง ที่เกิดมาเพื่อเติมเต็มอีกครึ่งชีวิตของผมให้สมบูรณ์ ผมสัญญาว่าไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ ผมจะทำให้ “ปาลิน” เป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกของ “ภูฟ้า” และจะทำให้ทุกคืนวันของเราอบอวลไปด้วยความรักระหว่างกันและกันตราบเท่าที่ผมยังหายใจ


。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。


#ภูฟ้าปาลิน มาจากความรู้สึกอยากแต่งนิยายที่มีแนวคิดว่า
ถ้าเจอคนที่ใช่ คนคนนั้นก็จะเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกเรื่อง เราอยากดีเพื่อเค้า เท่าที่เราจะทำได้ (◠‿◠✿)
ตอนนี้ก็มาถึงโค้งสุดท้าย ใกล้จบจริงๆแล้ว อะไรที่อยากทำก็ได้ทำ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน
ทุกคอมเมนท์และทวิตติดแท็ก คือกำลังใจมากๆเลย อยากบอกว่า "You made my day" นะคะ
ปล ขอฟีดแบ็กฉากอัศจรรย์หน่อยน้า เมื่อวานเครียดมาก เพราะลงncกรุบกริบ คนแต่งก็แต่งครั้งแรก
และที่สำคัญโทนของเรื่องก็ไม่น่าจะมาร้อนแรงเบอร์นี้ด้วย (⁄ ⁄◕⁄ω⁄◕⁄ ⁄✿) รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีคนเมนท์
เลยเครียดเลย กลัวคนอ่านช็อค แบบว่าอิคนเขียนทำอะไรฟระ ฮ่าๆๆๆ
แต่วันนี้อาจหาญกว่าเดิมด้วยการลงตอนนี้ บางทีก็เกลียดตัวเอง ฮือ ทึ้งหัว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2017 00:23:26 โดย Sugar_stack »

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โถ ความรู้สึกพ่ายแพ้ของภูฟ้านี้ แต่สุดท้ายก็เหมือนได้ครอบครองโลกทั้งใบใช่ไหมล่ะ 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด