❥・ใจดวงที่สอง・❥
ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้
..ปาลิน..
อากาศประเทศไทยที่ดูจะหนักไปทางร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด ทำให้ในเวลาเที่ยงวันแบบนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกที่จะมานั่งตากแอร์ทานอาหารกันที่ชั้นสองของ
คาเฟทีเรียประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศสำหรับทำความเย็นไว้บริการ แน่นอนว่าต้องสบายกว่าชั้นล่างที่เปิดโล่งเพื่อรับลมจากภายนอกอาคารแน่นอน
“ปริญไม่เสียดายหรอที่ไม่ยอมเป็นเดือนคณะ ไม่งั้นป่านนี้นะ ได้เป็นเดือนมหาลัยคู่กับม่านไปแล้ว”
แก้วตา สาวร่างท้วมที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของม่านแพงเอ่ยขึ้น ขณะที่พวกผมนั่งทานข้าวกันอยู่
“น้อยไปสิแก ลินหน่ะ ร้ายจะตาย มีอย่างที่ไหนไปบอกพี่ๆวิดยาว่าเราขี้หึงมาก ไม่อยากทะเลาะกัน แล้วขอร้องให้ตัวเองไม่ต้องเป็นเดือนคณะเนี่ย คนขี้โกหก”
ม่านแพงไม่ลืมที่จะแลบลิ้นใส่ผมอย่างน่ามันเขี้ยวประกอบการประท้วง
“แล้วนี่ได้ตำแหน่งดาวมหาลัยมาได้ยังไงเนี่ย กินเลอะเทอะเป็นเด็กอนุบาลเลย”
ผมได้ทีล้อบ้าง ก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากให้คนช่างประท้วงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมเองก็รู้อยู่หรอกว่าการโกหกหน่ะมันไม่ดี แต่ตั้งแต่เปิดเทอมมา ดูเหมือนว่าผมมักมีความจำเป็นให้ทำเป็นประจำเสียด้วยสิ
“โอ๊ยยยย พวกแก สงสารหัวใจชั้นบ้าง หมู่นี้ทำงานหนั๊กหนัก ตั้งแต่มีคนสวยคนหล่อมาจีบกันให้ดูทุกวันเนี่ย จะกลายเป็นโรคหัวใจมั้ยนะ”
แก้วตายกมือขึ้นทาบกลางอกของตัวเองคล้ายจะยืนยันสิ่งที่พูด ผมจึงได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทางของเธอ
“แค่โรคหัวใจไม่พอนะ เดี๋ยวจะทำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยเลย”
ดูเอาเถอะ คนอย่างม่านแพงหน่ะหรือที่จะยอมโดนแซวฝ่ายเดียว เรื่องต่อล้อต่อเถียงนี่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง แล้วยังท่ายักคิ้วหลิ่วตานั่นอีก น่าตีจริงๆ
“ชิ ตัวอิจฉาแน่ๆ หน้าร้ายขนาดนี้ ปริญไม่ต้องสนใจหรอกนะ ไปหาคนใหม่ได้เลย”
แก้วตาก็น้อยหน้าเสียที่ไหน สองคนนี้ปะทะคารมกันเป็นประจำ เดือดร้อนผมนี่แหละต้องมานั่งไกล่เกลี่ย ถึงแม้จะรู้ว่าสาวๆเขาก็สนุกไม่น้อยที่ทำแบบนี้ เรียกได้ว่าลับฝีปากกระชับมิตรก็คงไม่ผิดหล่ะมั้ง
“ไม่มีทาง ปาลินรักม่านแพงที่สุดในโลก เนาะลินเนาะ”
นั่นไง แม่ตัวดียังลอยหน้าลอยตาตั้งท่าจะเถียงจนไม่ยอมทานข้าวต่อ
“จ้าๆ รักที่สุดในโลกนะ ทานข้าวเร็วคนเก่ง เดี๋ยวลินมีเรียนตอนบ่ายนะ”
ยกนี้ต้องยอมให้แม่ตัวดีชนะก่อน เพราะเดี๋ยวจะโยเยจนผมไม่ได้ไปเรียน
ส่วนแก้วตาหน่ะ เธอเป็นคนอารมณ์ดี ที่เถียงกับม่านก็ทำขำๆ เอาจริงๆเธอดูจะฟินมากกว่า เวลาผมพูดหวานๆแบบนี้กับม่าน
“ทีนี้ก็รู้แล้วสินะ ว่าลินหน่ะของใคร”
ดูสิ แทนที่จะยุติสงคราม ผมเลยอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนุ่มของคนที่ยังไม่เลิกเล่นไปหนึ่งที
คราวนี้เลยได้ค้อนวงโตมากจากสาวสวย กับเสียงหัวเราะร่วนจากแก้วตา
แก้วตานับว่าเป็นสีสันในชีวิตพวกผมในรั้วมหาลัยก็ว่าได้ เธอชอบมีเรื่องต่างๆมาเล่าให้เราฟังเป็นประจำ ซึ่งเรื่องส่วนมากก็หนีไม่พ้นประเด็นเด็ดประเด็นดังไปจนถึงเรื่องซุบซิบทั่วไปตามประสาผู้หญิงนี่แหละ เรียกได้ว่าเธอไม่เคยจะตกข่าวไหนๆของมหาลัยเลยสักเรื่อง และถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะต้องรับรู้เรื่องของคนอื่น แต่เพราะแก้วตาเป็นคนคุยสนุก การได้ฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆ ก็ช่วยทำให้ความเครียดที่สะสมมาจากห้องเรียนเบาบางลงได้ไม่น้อย
พวกเราทานกันไปเรื่อยๆ ฟังแก้วตาเล่านู่นเล่านี่ เธอแซวผมกับม่านแพงบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย สองสาวไม่มีเรียนต่อในตอนบ่าย จึงทำให้มีแค่ผมที่ต้องอยู่รอเรียนแล็บเคมีต่อจนถึงสี่โมงเย็น
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
คนที่เมื่อครู่พึ่งถูกแก้วตาจุดประเด็นเผาซะเกรียม เดินมานั่งลงยังเก้าอี้ที่เหลือเพียงตัวเดียวข้างผมอย่างถือวิสาสะ ผมหันไปมองคนมาใหม่ ที่กำลังวางจานข้าวผัดกับแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะก่อนที่จะมีใครอนุญาตเสียอีก
ถ้าตอนนี้พวกเรานั่งทานกันที่ม้านั่งยาวที่ชั้นหนึ่งก็คงไม่แปลกอะไร แต่นี่พวกผมนั่งกันอยู่ชั้นสองของคาเฟทีเรียที่มีโต๊ะกับเก้าอี้เข้าชุดกันจัดไว้ จึงแปลกไม่น้อยที่มีใครสักคนจะขอมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ในเวลาที่ยังมีโต๊ะและที่นั่งมากพอให้เลือกนั่ง
“หวัดดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่ภูนะ เรียนวิดยาประกันภัยปีสาม”
ตั้งแต่ศุกร์ที่แล้วจนกระทั่งจันทร์นี้ คนตรงหน้าก็ยังขยันทำให้ผมแปลกใจกับการกระทำของเขาได้อย่างไม่สิ้นสุด จากที่ตลอดภาคเรียน ชีวิตพวกผมกับพี่เขาแทบจะเป็นเส้นขนาน แต่หลังจากการบังเอิญเจอกันแบบงงๆในคืนนั้น อยู่ดีๆผู้ชายคนนี้ก็เป็นฝ่ายเดินยิ้มร่ามาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แล้วยังขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยท่าทางชิลล์ๆ
เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ คิ้วคมเข้มรับกับดวงตากลมโตฉายแววขี้เล่น ทรงผมที่เซ็ตไว้อย่างดีและจิลล์สามเหลี่ยมทรงเรขาคณิตสีดำ ยิ่งช่วยขับเน้นลุคแบดบอยให้ชัดขึ้น พอทุกอย่างรวมกันอยู่ในตัวคนคนเดียว ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้หล่อสมกับตำแหน่งขวัญใจสาวๆและเดือนมหาลัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเวลานี้ หน้าตาหล่อแค่ไหนก็ดูจะไม่สามารถช่วยอะไรพี่เขาได้เลย เพราะบรรยากาศที่อยู่ดีๆก็มาคุขึ้น ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า เดือนมหาลัยเจ้าของฉายา “ภูสอยดาว” ที่กำลังแจกจ่ายรอยยิ้มอยู่นี้ ดูจะไม่เป็นที่ต้อนรับสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับม่านแพงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม คนสวยนั่งหน้าบูดบึ้ง แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจที่มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ดวงตาคู่ใสเปลี่ยนเป็นเคืองขุ่น ในขณะที่แก้วตาหน้าแดงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขินคนหล่อ ก็คงเพราะเมื่อซักครู่พึ่งนินทาเจ้าตัวไปหยกๆ
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีคนพุ่งปราดเข้ามาแทรกเสียก่อน
“วรั้ยยยยยยย ตายแล้วววววววว การรวมตัวของดาวเดือนมหาลัยคนละรุ่นหรอค้าาาา ตายๆๆๆ ใจเจ๊จะรับไม่ไหว ความหล่อสวยพุ่งกระแทกใจเจ๊มาก ยิ่งนั่งข้างๆกันแบบนี้ ตายๆๆๆ”
เอาจริงๆคนที่จะตายอาจกลายเป็นผมกับม่านแพงก็ได้ เพราะเจ้าของเสียงสูงปรี๊ดนี่คือเจ๊มินนี่ดาวเทียมมหาลัย ซึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้มีการตายเกิดขึ้น ก็เพราะเจ๊แกเป็นแอดมินเพจ “มินนี่สสสสส์..มีเผือก” เห็นชื่อเพจฮาๆหาสาระไม่ได้แบบนี้ แต่ยอดคนกดไลค์และติดตามเพจที่ผมเคยเห็นก็เกือบห้าแสนแล้ว
เอาเป็นว่าดังมากๆ เพราะเพจนี้รวบรวมไว้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องรอบรู้ในรั้วมหาลัย การตามถ่ายคนสวยคนหล่อ การเผือกเรื่องรักๆเลิกๆตามชื่อเพจ และคนที่ติดตามก็ระดับนักสืบพันทิปกับขาเผือกดีๆนี่เอง ซึ่งนี่เลยคือสิ่งที่น่ากลัวของจริง
“นั่งก่อนสิมินนี่”
เสียงเดือนมหาลัยปีสามที่ไม่ได้รับเชิญ พูดชวนเจ๊มินนี่ให้ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งด้วยกัน ทำให้ม่านแพงกรอกตามองบนเลยทีเดียว ซึ่งดีนะที่เจ๊มินนี่ก็กำลังสาละวนลากเก้าอี้ตามคำชวนเลยไม่ทันเห็น
“แหม สองอาทิตย์ก่อนที่น้องปริญน้องม่านหลบหน้าไม่ยอมชี้แจงเรื่องสร้อยคอสุดเก๋ไก๋ นี่เจ๊ยังงอนอยู่เลยนะค้าาาา”
เจ๊มินนี่ทำแก้มป่องค้อนตามาทางผมสลับกับม่านแพง เหมือนเจ๊แกจะมีเรดาร์จับความไม่พอใจของม่านแพงได้ จึงชิงพูดน้อยใจขึ้นมาก่อน
“อุ๊ปส์”
เป็นแก้วตาครับ ที่คงเผลออุทานตามที่คิด ตอนนี้เลยรีบตะครุบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ดูผมจะตกข่าวอยู่คนเดียวนะเนี่ย”
ผู้ชายหน้ามึนที่เจอในผับเมื่อศุกร์ที่แล้วพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เป็นประเภทร่าเริงเกินเหตุจริงๆด้วยสินะ
“แหม ก็ซัมมีขาไม่แวะไปหามินนี่ในเพจเลยหนิคะ แท็กไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยจะสนใจกัน มินนี่น้อยใจเหมือนกันนะคะ”
เจ๊มินนี่ทำสีหน้าเหมือนเจ็บปวดสุดๆแล้วกุมมือคนตัวสูงมาทาบไว้ที่แก้มตัวเองราวกับคุ้นเคยกันมานาน
“อ้อ ที่แท้พี่ภูก็เป็นสามีเจ๊มินนี่นี่เอง ดีจังเลยนะคะ ม่านจะได้หมดห่วง”
ผมงงกับสิ่งที่ม่านแพงพูดไม่น้อย เพราะปกติมีอะไรม่านแพงจะเล่าให้ผมฟังเสมอ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะถามอะไรตอนนี้ จึงทำได้แค่รอฟังบทสนทนาเงียบๆ
“ว๊ายยย ซัมมีนอกใจเจ๊หรอคะน้องม่าน แล้วมีอะไรให้เจ๊ต้องจับตาดูเป็นพิเศษมั้ยคะเนี่ย”
ผู้หญิง(รวมเจ๊มินนี่ด้วยนี่แหละ) เป็นเพศที่ผมคิดว่าน่ากลัวมากๆ ผมพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ไม่มั่นใจนัก แต่คิดว่าม่านแพงกำลังจะขายความลับคนข้างๆผม ให้เจ๊มินนี่ไปขุดคุ้ย เรียกได้ว่าเผากันต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ว่าแต่ความลับอะไรกันหล่ะ เพราะที่แก้วตาเล่า ส่วนใหญ่ก็เอามาจากเพจเจ๊มินนี่ทั้งนั้น ม่านแพงไปรู้อะไรมากันแน่
“อุ๊ย ถ้าเจ๊มินนี่จะกรุณาขนาดนี้ ม่านก็จะไม่ขัดศรัทธาแล้วนะคะ แต่คงต้องถามพี่ภูซักหน่อย ว่าม่านควรกังวลกับเรื่องนี้รึเปล่า”
อยู่ดีๆก็เหมือนมีกองไฟถูกจุดขึ้นกลางโต๊ะ ม่านแพงจ้องหน้ารุ่นพี่ปีสามแบบจงใจและคาดคั้น ผมแปลกใจไม่น้อยที่ม่านแพงแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ว่าไม่ชอบคนข้างๆผมขนาดไหน
“โห อะไรกัน อยู่ดีๆก็มารุมพี่ซะงั้น แล้วที่สำคัญพี่ก็ยังโสดนะครับ การเป็นสามีมินนี่ที่มีคนหล่อๆนับร้อยรวมอยู่ด้วย นั่นไม่นับนะ”
ท่าทางสบายๆแบบนั้น ทำให้ผมยังยืนยันเหมือนวันแรกที่เจอกัน ผู้ชายคนนี้แก้ไขสถานการณ์ได้ดีจริงๆ
“ซัมมีคะ ทำไมพูดอย่างนั้นคะ คนอื่นก็แค่ทางผ่านนะคะ ถ้าไม่นับน้องปริญ อิอิ”
เจ๊มินนี่แกชอบหยอดผมครับ ตอดเล็กตอดน้อยตั้งแต่ในเพจยันตัวจริง ซึ่งผมก็ได้แค่ยิ้ม ไม่ก็หัวเราะน้อยๆแบบวันนี้
“ไม่ได้ค่ะ คนนี้ม่านหวงมาก”
ไม่พูดเปล่า ดาวมหาลัยคนสวยยังคว้ามือผมไปจับแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อย
“แหม สมบัติผลัดกันชมสิคะน้องม่าน มีของดีอย่าเก็บไว้คนเดียว”
เจ๊มินนี่แกก็เป็นแบบนี้ประจำครับ เจอแกทีไรเลยครื้นเครงตลอด จะมีก็แต่ที่ต้องคอยเสียวว่าจะมีเรื่องตัวเองไปโผล่ในเพจแกบ้างก็เท่านั้น
“จริงด้วยครับน้องม่าน มีของดีก็ต้องแบ่งปันนะ”
คนที่เจ๊มินนี่ยกให้เป็นสามีเบอร์หนึ่งหันมาบอกกับม่านแพง จนคนสวยของผมคิ้วกระตุกเลยทีเดียว แม้แต่แก้วตากับเจ๊มินนี่ยังหันมามองผมอย่างขอความเห็นกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ไม่ได้หรอกค่ะ พอดีว่าทั้งม่านทั้งลินขี้หวงมากทั้งคู่”
เธอยิ้มน้อยๆแต่ประกายตายังคุกรุ่น
“แหมๆๆ ข้อนี้เจ๊เชื่อนะคะน้องม่านขา ความหวงของน้องปริญเนี่ยแซ้บแซ่บซะด้วยสิ”
ในเมื่อยังไม่สามารถจับความนัยของม่านแพงและพี่ภูฟ้าได้แบบชัดๆ เจ๊มินนี่แกก็เบี่ยงประเด็นมาเล่นงานผมเสียดื้อๆ
“ขี้หวงขนาดนั้นเลยหรอเรา”
คนเดียวที่ยังคงคาแร็กเตอร์ร่าเริงได้อย่างไม่มีบกพร่องคือคนที่หันหน้ามาสบตาผมเนี่ยแหละ ยิ้มทั้งตาทั้งปาก จนเห็นเขี้ยวเล็กๆที่แก้วตาชอบเอามาเพ้อว่าสาวๆทั้งมหาลัยอยากโดนกัดดูสักที
“ค่ะ ขี้หวงมาก ไม่เชื่อก็เข้าไปดูในเพจเจ๊มินนี่ก็ได้นะคะ”
ผมกับแก้วตาที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเรียบร้อย หันมามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ม่านแพงโมโหเรื่องนี้อยู่เป็นอาทิตย์ๆ เห็นว่าพยายามจะขอให้เจ๊มินนี่ลบรูปนี้ตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที จนต้องปล่อยให้เรื่องนี้ซาไปเอง จึงค่อยเห็นดาวมหาลัยคนสวยอารมณ์ดีขึ้นมาได้ แต่นี่ถึงขั้นออกปากให้ไปดูรูปที่เธอแสนจะหงุดหงิดนั้นเอง นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ
“ว้ายยยยย รีบเข้าไปดูนะคะซัมมี แล้วอย่าลืมกดไลค์ให้เมียด้วย เมียจะได้อวดใครต่อใครได้ว่า ซัมมีจะทำสร้อยแบบนี้ให้”
เจ๊มินนี่ตอนนี้แกหน้าบานไปเรียบร้อย มือนึงก็รีบเข้าเพจไปเลื่อนหารูปที่แกต้องการ
“ไหนคะ มินนี่อยากได้สร้อยแบบไหน”
คนที่แพรวพราวทั้งคำพูดคำจาทั้งสายตาและรอยยิ้ม พูดขึ้นด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่วายเอาใจเจ๊มินนี่ด้วยการเอามือถือตัวเองขึ้นมากดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินด้วยตัวเอง งานนี้เจ๊มินนี่เลยยิ่งยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
“ก็เนี่ยอะค่ะซัมมี แบบนี้เลยนะคะ จะเยอะกว่านี้ก็ได้ค่าาา แล้วแต่ซัมมีจะดีไซน์ คิคิ”
แกทำตาปิ๊งๆให้ขนตาที่น่าจะปลอมของแกกระพือ พรึบๆ เหมือนในการ์ตูน จนผมต้องกลั้นขำ ภาพหน้าจอถูกเลื่อนให้คนนอกกลุ่มผมดู ซึ่งภาพนี้นี่แหละที่ทำให้ชีวิตผมระส่ำระส่ายอยู่เป็นอาทิตย์ๆ คิดไปแล้วก็ยังขนลุกอยู่เลย
“อืมมม สวยจังเลยนะครับ อยากได้บ้างจัง”
รุ่นพี่เดือนมหาลัยหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองกดตามไปไลค์ภาพนั้นถึงในเพจ ต้องยอมรับว่ามุมานะไม่น้อย เพราะรูปนั้นผ่านมาร่วมสองอาทิตย์แล้ว จึงต้องเลื่อนลงไปพอสมควรถึงจะเจอ
คนข้างๆหันมาสบตาม่านแพงกับผมเหมือนจะแซว แต่แปลกที่ท่าทางสบายๆก่อนหน้านี้กลับอันตธานหายไปจนหมด
ม่านแพงที่ทุกทีต้องอายไม่ก็โกรธกลับเลือกที่จะเงียบ แล้วลุกมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นแทน จากนั้นก็กวักมือเรียกแก้วตาที่ยังเพลิดเพลินกับการแสดงของเจ๊มินนี่อยู่ให้ลุกตาม และข้าวที่เหลือเกือบครึ่งจาน พวกเราก็คงไม่ได้ทานต่อแล้ว
“จะไปไหนคะน้องม่าน แหมๆ น้องม่านก็ เจ๊ก็แค่อยากจะใส่บ้างหนิคะ แต่ไม่รู้ว่าลิมิเต็ดอิดิชั่นรึเปล่า อยากด๊ายอยากได้”
เจ๊มินนี่เห็นพวกเราลุกขึ้น แต่ก็คงคิดว่าม่านแพงกำลังอาย เลยไม่วายแซวต่อ แกดัดเสียงให้เล็กกว่าเดิม ผมว่าตลกดีเลยต้องแอบหัวเราะเบาๆ เพราะม่านส่งสายตาคาดโทษมาให้แทบจะในทันที
“แหน๊ะ ส่งสายตาๆ สงสัยจะลิมิเต็ดจริง แล้วซัมมีขาหล่ะคะ สนใจทำให้เมียมั้ย”
แกเปลี่ยนเป้าหมายไปทางผู้ชายข้างผมที่อยู่ปีสามเหมือนกันแต่คนละคณะ
“ไว้ผมไปขอให้น้องปริญสอนก่อนนะมินนี่ เดี๋ยวเก่งเมื่อไหร่ จะรีบมาทำให้มินนี่เลย”
แววตาคล้ายไม่พอใจก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยท่าทางสบายๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หันไปสบตาตรงๆกับม่านแพงที่กอดแขนผมอยู่
“ลินมีเรียนบ่ายโมง ขอตัวก่อนนะคะเจ๊มินนี่”
ม่านแพงทำหน้าเหมือนนางร้ายในละครแบบที่แก้วตาชอบว่า แล้วหันไปบอกเจ๊มินนี่ที่หัวคิ้วขมวดหากันราวกับใช้ความคิดอย่างหนัก ผมเลยแค่ยิ้มให้เจ๊มินนี่คล้ายขอตัว
“ฝากเก็บจานของเราด้วยนะคะพี่ภู”
ม่านแพงยิ้มมุมปากให้กับเจ้าของชื่อก่อนจะกอดแขนผมให้เดินจากมา
..ภูฟ้า..
“โอ้โห โคตรกล้าอะมึง”
เสียงไอ้จั๊ดมันกำลังวิจารณ์รูปที่ผมยื่นหน้าจอไปให้ดู พวกผมกำลังเดินออกจากอาคารเรียนรวมในเวลาเกือบบ่ายสามโมง หลังจากที่อาจารย์สั่งงานและบอกเลิกคลาสเร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็นไปสิบนาที
“เผ็ดพริกร้อยเม็ดเลยแม่เอ๊ย”
คราวนี้เป็นเสียงไอ้ปาล์มที่คว้าเอามือถือของผมไปจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่แปลกหรอกที่ไอ้ปาล์มไอ้จั๊ดจะตาโตเป็นไข่ห่านตอนเห็นรูปนี้ ขนาดผมที่เห็นตอนแรกยังนึกสงสัยตัวเองอยู่เลย ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกมา
หน้าจอสมาร์ทโฟนแสดงรูปภาพของม่านแพง เฟรชชี่ดาวมหาลัยคนสวย ที่ผูกผ้าพันคอสีหวานแสนน่ารักไว้รอบคอ ถ้าไม่ติดที่ปมรูปโบว์ที่มัดเป็นทรงคล้ายดอกไม้จะคลายตัวออก จนทำให้ผ้าพันคอผืนสวย หลวมและร่นลงมาจากลำคอระหง เผยให้เห็นรอยคิสมาส์คเป็นทางยาวรอบคอ คล้ายสายสร้อยสีกุหลาบอย่างที่มินนี่แซว
“เหอะๆ ก็ดี๊ ดูรักกันดี ทั้งกลางวันกลางคืน”
ปกติผมเป็นคนไม่เคยคิดจะสนใจ ว่าผู้หญิงของผมผ่านอะไรมาบ้าง ตราบใดที่ผมยังไม่เบื่อ นั่นก็โอเคแล้ว แต่กับคราวนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้ ทั้งๆที่ม่านแพงก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับผม
และที่ทำให้ผมประหลาดใจสุดๆ ก็คงเป็นเรื่องของคนที่ทำรอยพวกนั้นขึ้นมา ไม่นึกเลยว่าหน้าซื่อๆเอ๋อๆอย่างไอ้เด็กนั่น จะมีบทรักร้อนแรงขนาดนี้
“อย่าทำหน้าเลว ไอ้ห่า กูกลัว นี่กูเพื่อนมึงน้า”
ไอ้ปาล์มเล่นบทเด็กใจป๊อดทำตัวสั่นตาหลุบมองพื้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะประเคนมะกอกลงกลางหัวเพื่อสร้างอุปกรณ์ประกอบฉากให้มันเข้าถึงบทบาทยิ่งกว่าเดิม
“โอ๊ยยยย หัวกูแตกเลยมั้ยเนี่ย โบกมาได้ ไอ้เวร”
ไอ้ปาล์มมันลูบหัวตัวเองป้อยๆก่อนจะกลับไปกินยำมาม่าของมันต่อ
“แต่น้องคนสวยเขาไม่ได้สนใจมึงไม่ใช่หรอวะ”
ผมหันไปส่งสายตาเอาเรื่องให้ไอ้จั๊ดในทันทีที่มันเปิดประเด็น มีอย่างที่ไหน ไม่ให้กำลังใจกัน แล้วยังจะซ้ำเติม
“เออใช่ ในผับวันนั้น กูเห็นมึงหายไปนานสองนาน เบอร์ก็ไม่เห็นจะได้ แถมยังตัวเปียก เลือดกำเดาไหลกลับมาอีก ถามจริงเหอะ มึงโดนตีนแฟนเขารึเปล่าวะ วันนั้นกูเห็นมึงเบลอๆเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เลยไม่ทันได้ซักอะไร”
“ไอ้ปาล์ม นั่นปากหรอที่พูด เดี๋ยวกูจะทำให้มึงพูดไม่ได้ไปซักสามวันเลยดีมั้ย ไอ้เพื่อนเฮงซวย”
“เอ๊า ก็มึงไม่เล่าซักที กูกับไอ้จั๊ดก็ต้องคิดอย่างนั้นสิวะ ถามว่าจะให้ไปกระทืบคืนให้รึเปล่าก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะมึง”
“จิ๊”
ผมรำคาญไอ้พวกนี้เต็มที เลยตัดบทด้วยการจิ๊ปากแล้วง้างมือเหมือนจะสำเร็จโทษไอ้ปาล์มอีกรอบ แต่มีหรือที่คนอย่างมันจะกลัว ยังมีหน้าไปหลบหลังไอ้จั๊ดแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมอีก มันน่านัก
“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แค่ตอบพวกกูมาว่ามีใครทำอะไรมึงรึเปล่า พวกกูจะได้จัดการให้”
ไอ้จั๊ดใช้เสียงเป็นการเป็นงานกับหน้าตาดุๆยุติการที่ผมกำลังไล่กระทืบไอ้ปาล์ม ในสายตาคนนอก คงเห็นว่าพวกเราเล่นเป็นเด็กๆ เหมือนเป็นแค่การเล่นไล่จับระหว่างผมกับไอ้ลิงปาล์มเสียมากกว่า แต่อยากจะบอกคนพวกนั้นว่า งานนี้เล่นจริงเจ็บจริง ถึงมันจะใช้ความเกรียนหลุดรอดเงื้อมมือผมไปได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง แต่ลองเผลอเมื่อไหร่ สัญญาเลยว่าจะฝากรอยช้ำบนตัวมันให้ได้ มีอย่างที่ไหน หลอกผมวิ่งไปวิ่งมาจนต้องมายืนหอบแบบนี้
“ใช่ๆ กูอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย ว่ากูต้องจัดการน้องปริญเพื่อแก้แค้นให้มึงมั้ย งานนี้ถ้าหวายรู้ ต้องเอากูตายแน่นอน แค่คิดก็สยองแล้ว”
ไอ้ปาล์มที่ยืนลิ้นห้อยเหมือนหมาหมดแรงอยู่ข้างๆไอ้จั๊ด ยังไม่วายพูดถึงแฟนไปด้วย หายใจทางปากไปด้วย ไม่เจียมสังขารจริงๆเลยมัน
“ห้ามทำอะไรเด็กนั่นนะเว่ย ไอ้เอ๋อมันไม่ได้ทำอะไรกูหรอก กูแค่อยากเปียกขำๆ แล้วก็แค่บังเอิญเลือดกำเดาดันไหล เรื่องก็มีแค่นั้น”
ผมขี้เกียจอธิบายตั้งแต่ต้น เลยตอบพวกมันแบบขอไปที ถึงแม้สีหน้าพวกมันสองคนจะแสดงออกชัดเจน ว่าต่อให้ผมอมพระทั้งโบสถ์มาพูด พวกมันก็ไม่มีทางเชื่อ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตราบใดที่ไม่ยุ่งกับไอ้เด็กเอ๋อ ที่กำลังจะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของผมก็พอ สำหรับเด็กนั่นแล้ว ผมแกล้งได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเสียหรอกที่จะให้ไอ้พวกนี้แย่งของเล่นของผมไป
“หล่อๆแบบน้องปาลินเนี่ยนะที่มึงเรียกไอ้เอ๋อ โอ้โห เล่นพูดซะกูไม่กล้าส่องกระจกมองหน้าตัวเองเลย”
“เออ ก็สำหรับกูมันเอ๋อ ใครจะทำไม”
เรื่องเถียงกับไอ้ปาล์มนี่เหมือนโปรแกรมที่ฝังอยู่ในหัวผมตั้งแต่จำความได้ คนอะไรทำหน้าตาได้อ้อนตีนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
“ก็ไม่ทำไม แต่อย่าพูดต่อหน้าแฟนกูหรือผู้หญิงคนอื่นนะเว่ย ถึงจะหล่ออย่างมึง แต่เด็กมันใหม่กว่า สดกว่า กระดูกยังกรุบๆแบบนี้ อย่างน้อยมึงต้องโดนมองแรงโทษฐานที่ไปว่าขวัญใจสาวๆเขาแน่ๆ งานนี้แหละที่อาจได้กินตีนจริงๆ ฮ่าๆๆ”
รูปประโยคที่เหมือนเตือนด้วยความหวังดี แต่แววตาระริกระรี้นี่กลับดูสะใจเป็นอย่างมาก นี่ผมควรคบมันเป็นเพื่อนต่อไปไหมเนี่ย รู้สึกคิดผิดยังไงไม่รู้ ที่หลวมตัวเป็นเพื่อนกับไอ้สองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก
“ผิดลูกผิดเมียเค้ารอบนี้ กูไม่รู้ไม่เห็นนะครับ กูบอกไว้ก่อน”
ไอ้จั๊ดที่กำลังทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนเข้าคู่กับโต๊ะแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกผมพูดขึ้น และประโยคนั้น ก็ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย
“ทำไมวะ มึงเพื่อนใครกันแน่”
ผมรีบนั่งตามมันลงมาเพื่อถามให้แน่ใจ มันเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้มีใจผดุงคุณธรรมตอนนี้
“ทุกทีแรดจริงกูก็เห็น ทอดสะพานเล่นหูเล่นตาให้มึงงี้ โคตรแพรวพราว อยากได้อยากโดนก็จัดไป กูไม่ขัดอยู่แล้ว แต่กับคู่นี้ กูยังไม่เห็นน้องเค้าชายตาแลมึงเลยนะเว่ย ซึ่งก็ถือว่าแปลกมาก ที่ทนเสน่ห์อดีตเดือนมหาลัยและป๊อปปูล่าโหวตด้วยคะแนนถล่มทะลายอย่างมึงมาได้ กูว่าไม่ธรรมดาหว่ะ บางทีเราก็ต้องถอยให้กับรักแท้นะครับเพื่อน”
ไอ้จั๊ดที่เคยอยู่ฝ่ายกองหนุน อยู่ดีๆก็เกิดมีศรัทธากับคำว่า “รักแท้” เสียอย่างนั้น ดูท่าการมีแฟนจะทำให้มันหันมากลัวกรรมตามสนองแล้วจริงๆ
“ไอ้จั๊ด มึงหุบปากไปเลย ไอ้ภูมันจะยิ่งอยากได้ ก็เพราะแม่งคำว่ารักแท้นี่แหละ”
ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะเป็นความจริงตามที่ไอ้ปาล์มพูดทุกอย่าง คนอย่างผม “ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้” และในเมื่อผมเคยได้ยินมาว่า “รักแท้คือแย่งชิง รักไม่จริงคือเสียสละ” ผมก็เลยอยากจะลองพิสูจน์ทฤษฎีนี้ก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่า สุดท้ายแล้ว ถ้าผมแย่งมาได้ ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันจะเรียกว่ารักแท้ได้อย่างไร หรือว่าที่จริงแล้ว คำว่า “รักแท้” มันก็คงเป็นแค่คำพูดสวยหรูของคนช่างฝันเท่านั้นเอง
。☆✼★━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━★✼☆。
*คาเฟทีเรีย (Cafeteria) หมายถึง ร้านอาหารที่ลูกค้าต้องบริการตนเอง ในเรื่องนี้ก็คือโรงอาหารนั่นเองค่ะ
❥
ดีใจมากเลยค่ะ ที่เห็นว่ามีคนสนใจเข้ามาอ่านรับฝากใจ ヾ(^ヮ^)ノ
แล้วยังมีคอมเมนท์จากคุณ JustWait คุณ P_Methayot และ คุณ Catka12 อีกด้วย
ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ใจฟูเหมือนจะลอยได้ (ꈍᴗꈍ)♡*:・。
ขอตอบและยืนยันตรงนี้ ว่าม่านแพง แพงสมชื่อแน่นอนค่ะ อิอิ
ส่วนจะเป็นยังไงต่อ ต้องรอติดตามกันนะคะ
ที่แน่ๆ #ภูฟ้าปาลิน เป็นนิยายฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งแน่นอน เย่! (๑˃̵ ᴗ ˂̵)و