❣ เจ้าพระยาที่รัก ❣ ท่าเรือที่ 20 : ปลาทองน้อยกลางฝูงฉลาม (17/12/2018) p.09
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❣ เจ้าพระยาที่รัก ❣ ท่าเรือที่ 20 : ปลาทองน้อยกลางฝูงฉลาม (17/12/2018) p.09  (อ่าน 87867 ครั้ง)

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เป็นแฟนกันแล้ววว  :-[

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
กลัวใจเกียร์ ที่ขอเป็นแฟนเสร็จ จะแอดวานซ์ขอเป็นเมียต่อเลยนี่ดิ

นางรอของนางมานานแล้วด้วย ฮ่า ๆๆๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใจระทวยตั้งแต่ทาโกยากิไส้"มึง" แล้ว ยังจะมีปลาทองไปให้เลี้ยงอีก สมใจพี่ท่านละทีนี่ :a2:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ในที่สุดก้อเปนแฟนกันแล้ววววววว >\\\\\<

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ไม่ฝากก็ดูแลอย่างดีอยู่แล้วลูกเจ้า o18

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17

ออฟไลน์ putt__p

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พึ่งตามอ่านจนทัน เราชอบมากกกกกๆๆๆๆ :katai2-1: อ่านแล้วอินมาก ชอบทุกการกระทำของทั้งคู่
รีบมาต่อไวๆน๊าาาา เราเป็นกำลังใจให้ :กอด1: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
เรือด่วนพิเศษที่ 1


สงกรานต์ก็ต้องเล่นน้ำสิ




   ร้อน ร้อนมากร้อนมาย ร้อนจนอยากตะกายถามดวงอาทิตย์ว่า เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ฮืออออ แค่ก้าวเข้าเดือนเมษายนก็เหมือนซ้อมก้าวเท้าลงนรกเลยครับ แล้วร้อนขนาดนี้ นิสิตเภสัชศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 อย่างผมก็ยังต้องมาเรียนตามปกติ ตอนเรียนในห้องแอร์ก็เย็นสบายดีหรอกครับ แต่พอก้าวออกจากห้องเรียนเท่านั้นแหละ ไม่ไหวๆ เลยต้องมาอาศัยร้านกาแฟติดแอร์นั่งพักรอแดดร่มลมตกแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน

   “ร้อนจนอยากเปิดแอร์นอนอยู่บ้านเลยว่ะอิน”

   “โลกร้อนก็เพราะมึงนั่นแหละเจ้า”

   “แหนะๆจะชมว่ากูหล่อร้อนแรง so dam hot หรือเพื่อน

   “เปล่า หน้าผากมึงอ่ะ สาดแสงแข่งกับดวงอาทิตย์เลยนะ ฮ่า ๆ”

   “โหย ปากมึงนะอิน พอมีแบ็คดีคุ้มหัวแล้วซ่าส์เลยนะ”

   “แน่นอน”

   “แหม ไม่มีปฏิเสธเลยน้า”

   อินยักไหล่ ยิ้มมุมปากไม่สนใจคำเอ่ยแซวของผม ก็แหงสิ มันคบกับพี่พีมาจะ 2 ปี แล้ว มันคงไม่มาเขินอะไรหรอก แต่เอาจริง ๆ ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้เขิน ยิ้มหวานประกายตามีความสุขอะไรนะ เพราะความรักของมันโคตรหนักหน่วง การที่มันผ่านมาได้จนมีรอยยิ้มแบบนี้ ผมรู้สึกยินดีและมีความสุขไปกับมันด้วยจริงๆ ส่วนตัวผมนั้น ชีวิตทั่วไปก็มีความสุขดี เรียนหนักขึ้น หนักขนาดที่ว่าแม่ยอมให้ผมย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มหา’ลัย เพราะรับไม่ได้กับสภาพผมที่เป็นซากแห้งๆเวลากลับถึงบ้าน พอได้มาอยู่คอนโดชีวิตก็เลยดีขึ้นมานิดหน่อย ส่วนชีวิตรัก หึ ดีมากจนคนทั้งโลกต้องอิจฉาผม ฮ่าๆ

   “แล้วหยุดยาวมึงมีแพลนไปเที่ยวไหนปะ”

   “ไม่มีหรอก มีแค่ไปทำบุญให้พ่อ กูคงอยู่บ้านกับแม่แหละ”

   “อ่าว แล้วพี่พีไม่ชวนไปไหนหรอ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้พี่เขายุ่งๆ ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ กูยังไงก็ได้” เพื่อนตัวขาวพูดพลางเอาหลอดคนสตรอว์เบอร์รี่สมูทตี้ไป แววตาไม่ได้ฉายความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็แค่ไม่ได้มีรอยยิ้มอย่างที่ควรจะเป็น

   “ถามแต่กู แล้วมึงอ่ะ พี่เกียร์จะพาไปไหน”

   “แหะๆ กูน่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับมึงว่ะ”

   “หือ? เป็นไปได้หรือวะ”

   “ได้ดิ ก็พี่เกียร์ยุ่งมาก เริ่มงานที่บริษัทบ้านตัวเองยังไม่ถึงปี พี่มันกำลังเรียนรู้งานหนักมาก เหมือนอยากพิสูจน์ความสามารถอ่ะ กูก็เลยยังไม่ได้คุยหรือถามอะไรเลย ที่ผ่านๆมาก็ไม่ค่อยได้หยุดหรอก” ใช้ส้อมจิ้มเค้กช็อคโกแลตเข้าปากดับความรู้สึกปั่นป่วนในใจเล็กๆ

   “อืม พอจะคิดตามออก”

   “งั้นแสดงว่าหยุดยาวช่วงสงกรานต์กูกับมึงยังไม่มีแพลนเหมือนกันสินะ”

   “อาฮะ”

   “งั้นดี จะได้มาสร้างแพลนเที่ยวด้วยกัน เดี๋ยวไว้ไปชวนไอ้ภาคด้วย”

   “จะไปไหน” หัวคิ้วของเพื่อนสนิทตัวขาวกระตุกชนกันแสดงความสงสัย

   “เอ้า ก็ไปลั้นลาตามประสาคนโสด...”

   “...”

   “ชั่วคราว ฮ่าๆ”

   “ฮ่าๆ อย่าไปพูดให้พี่เกียร์ได้ยินนะเจ้า เดี๋ยวจะซวยเดินลำบากอีก”

   “ไอ้อิน!!!”

   “ฮ่าๆ เขินหรือน้องเจ้า ชินได้แล้วมั้ง”

   “เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปชินวะ!”

   แดดที่สาดส่องแผดเผาโลกมนุษย์อยู่ตอนนี้ คงสู้ความร้อนที่มาสุมอยู่บนหน้าผมไม่ได้แน่ๆ อาการที่ไม่เคยรู้สึกชินสักทีกับการที่ต้องถูกแซว “เรื่องอย่างว่า” แม้ว่าจะคบกับพี่เกียร์มาเกือบ 3 ปี แล้วก็ตาม แค่นึกถึงก็สามารถทำให้ขนอ่อนลุกไปทั้งตัวได้ เพราะอยากบอกว่า แดดประเทศไทยก็ร้อนแรงสู้พี่เกียร์ไม่ได้ เจ้าขอประกาศไว้ตรงนี้!!!

   “หน้าแดงไปยันหูแล้วนะเจ้าพระยา ฮ่าๆ คิดไปถึงไหน”

   “หะ!!..ไอ้อิน!!!” รีบก้มหน้าดูดนมเย็นปั่นกันอายเลยครับตอนนี้











   เมื่อก้าวเข้าสู่สัปดาห์ที่จะได้มีวันหยุดยาวเนื่องจากเทศกาลวันปีใหม่ไทย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ได้จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีไทยด้วยการจัดงานวันสงกรานต์ โดยให้นิสิตแต่ละคณะมาร่วมกันออกร้านขายสินค้าย้อนยุค การละเล่นไทย และซุ้มกิจกรรมต่างๆ มีเวทีกลางเป็นรำวงย้อนยุค ภายในงานก็เปิดโอกาสให้มีการสาดน้ำ ปะแป้งกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งกิจกรรมนี้ก็จัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปี และในปีนี้....

   เร่เข้ามาคร้าบบบบ สาวน้อยตกน้ำ หนุ่มน้อยตกน้ำคณะอักษร น่ารักๆรอทุกคนแล้วนะคร้าบ  3 ลูก ยี่สิบครับ ยี่สิบ!!

   ไอติมโบราณหวานๆเย็นๆชื่นใจดับร้อนรุ่มดั่งไฟสุมทรวงค่า ทางนี้ค่า

   ปลาหมึกย่างสดๆย่างใหม่ๆร้อนๆทางนี้ครับผมมมมม น้ำจิ้มรสเด็ดแซ่บสะเด็ดเจ็ดย่านน้ำ ต้องปลาหมึกสถาปัตย์ครับ

   โยนห่วงเสี่ยงทาย โยนได้รับหัวใจ mc ไปเลยคร้าบบบบ ห่วงไหนหล่อ ห่วงไหนโดนใจ โยนเข้าไปเล้ยยยย สงกรานต์นี้วิศวะเราเป็นห่วงทุกคนนะคร้าบบบบบ



   เสียงเรียกลูกค้าจากหลายคณะดังแข่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ละซุ้มก็งัดกลเม็ดเด็ดล่อตาล่อใจผู้เข้าชมงานที่ผ่านไปมาได้อย่างดี ส่วนคณะเภสัชฯของผมนั้น ก็ไม่น้อยหน้า เรียกรวมของดีประจำคณะแทบจะทุกชั้นปีมายืนเรียกลูกค้าให้มาซื้อไอติมหลอดสีสันสดใสชวนลิ้มลอง และแน่นอน รุ่นพี่หลีดคณะปี 3 อย่างผมก็ไม่รอดจากคำอ้อนวอนให้มาช่วยของน้องปี 2 ที่เป็นหัวเรือหลักในการจัดซุ้มในวันนี้

   “ไอติมหลอดหวานๆเย็นๆมั้ยคร้าบ ซื้อ 5 แท่ง แถมฟรีไปเลย 1 แท่งคร้าบบบ”

   “เอา 5 แท่งค่ะ แต่ของแถมเป็นถ่ายรูปคู่กับพี่เจ้าได้มั้ยคะ...คิคิ” สาวน้อยสองคนเอ่ยต่อรองสินค้า ดูจากป้ายห้อยคอก็ยืนยันได้ว่าทั้งสองคนอยู่ปี 1

   “ได้สิครับ ถ่ายรูปได้ แล้วพี่ก็แถมไอติมให้ด้วยนะ” ยิ้มกว้างส่งไปให้สองสาวรุ่นน้อง

   “พี่เจ้าใจดีจังเลย มาค่ะ ยิ้มค่า หนึ่ง...สอง...สาม”

   แช๊ะ!

   “ขอบคุณคร้าบบบ”

   “ไปแล้วนะคะ เดี๋ยวไปบอกต่อให้เพื่อนมาซื้อเยอะๆเลยค่ะ” น้องผมสั้นประบ่าเอ่ยน้ำเสียงสดใส

   “น่ารักที่สุดเลยครับ” และรอยยิ้มกว้างของผมก็ถูกส่งตอบกลับไปเช่นเคย



   ยืนเรียกลูกค้าอยู่นาน ไอ้อินที่คอยเป็นคนช่วยหยิบใส่ถุงใสให้ลูกค้าก็ตั้งใจทำอย่างขะมักเขม้น พอนานๆเข้าก็ชักจะหิว ผมเลยจะชวนอินไปหาอะไรกินแล้วก็ไปเดินเล่นสักหน่อย อาจจะแวะไปเยี่ยมชมซุ้มวิศวะฯ ของไอ้ภาคด้วย

   “อิน ไปเดินเล่นหาอะไรกินปะ”

   “ตอนนี้เลยหรือ? แล้วใครจะช่วยขาย” อินเงยหน้าขึ้นจากถังไอติมแล้วกวาดตาไปรอบๆ มันคงจะเกรงใจคนอื่นๆถ้าหนีออกมาก่อน

   “เออน่า คนช่วยเยอะแยะ กูหิวอ่ะ”

   “โอเคๆ ไปก็ไป”

   “ทุกคนคร้าบบบ เจ้ากับอินขอไปหาอะไรกินก่อนน้า หิวจังเลย ไว้เดี๋ยวกลับมาช่วยนะครับ” ตะโกนบอกพี่ๆน้องๆในซุ้ม ใช้ความน่ารักและยิ้มหวานๆให้เป็นประโยชน์ ฮ่าๆ แต่คือจริงๆพวกผมก็อยู่ช่วยมาตั้งแต่เปิดซุ้มแล้ว จะพักบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ คนช่วยขายเยอะมาก ผัดเปลี่ยนเวียนกันทีก็แทบจะไม่ครบคนแล้ว

   “จ้า แต่พักไปเลยก็ไม่เป็นไรนะน้องเจ้า” พี่จ๋าที่ยุ่งอยู่ตรงถังน้ำแข็งก็หันมาบอกผมกับอิน

   “คนช่วยพอแน่ๆใช่มั้ยครับพี่จ๋า”

   “โหย พออยู่แล้ว ไปเดินเล่นกันเถอะ ขอบคุณที่มาช่วยน้องปี 2 นะ”

   “ยินดีและเต็มใจมากครับ คณะเรานี่เนอะ พวกผมไปนะครับ”

   “จ้า”

   “สวัสดีครับ” ทั้งผมและอินก็ยกมือไหว้เอ่ยลารุ่นพี่ที่น่ารัก ตอนปี 2 พี่จ๋าดูแลพวกผมดียังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม น่ารักที่สุดอ่ะ











   พอเดินออกมาจากซุ้มก็ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน แค่อยากออกมาเดินเล่นแล้วก็หาอะไรกินไปเรื่อย ผมก็เลยพาอินเข้าซุ้มนี้ออกซุ้มโน้น โดนขอปะแป้ง สาดน้ำบ้างเล็กน้อย เสื้อผ้าที่ใส่วันนี้ก็เป็นธีมลายดอกเข้ากับเทศกาลอย่างดี กางเกงขาสั้นเสมอเข่าสีขาว รองเท้าแตะอดิดาสรุ่นยอดฮิต และที่สำคัญผมกับไอ้อินนัดกันแต่งเหมือนกันเป๊ะ ก็เลยทำให้สะดุดตาใครหลายคนจนมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปอยู่ไม่น้อย




   เดินเพลินๆก็มาถึงซุ้มของคณะวิศวะฯ ที่จัดเป็นซุ้มการละเล่นโยนห่วงลงขวด แต่ที่แอดวานซ์กว่าการโยนห่วงทั่วไปคือ แทนที่จะตั้งขวดไว้ที่พื้นแล้วให้โยน แต่พวกนี้เอามาปรับให้คนมาถือขวด แล้วการเลือกคนมาถือนั้นก็จัดว่าเรียกลูกค้าได้อย่างดี ของดีประจำคณะ คิวท์บอย เซ็กซี่บอยมีกี่คนก็ขนกันมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ถือขวด แต่ท่าถือนี่ก็แอบติดเรทอยู่หน่อยๆนะครับผมว่า

   “ขอโทษครับ”

   “หะ..ครับ” ผมหันไปตามเสียงทักที่อยู่ข้างๆ

   “ขอปะแป้งหน่อยได้มั้ยครับ” เจ้าของคำถามตั้งท่ารอพร้อมแนบฝ่ามือที่เต็มไปด้วยดินสอพองเหลวๆเข้าที่แก้มผม ถ้าหากผมอนุญาต

   “อ๋อ ครับๆ ได้ครับ”

   สิ้นเสียงอนุญาตของผมมือหนาที่เต็มไปด้วยดินสอพองแฉะๆ ก็ลูบเข้ามาที่แก้มทั้งสองข้าง สัมผัสเบาๆที่ลูบวนอยู่ข้างแก้มก็ชวนให้รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่พอรู้ว่ามันนานเกินไปแล้วก็เลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าสบตากับเจ้าของมือที่วางบนแก้มผมเพื่อส่งสัญญาณว่านานไปแล้ว

   “เอ่อ ขอโทษครับ แหะๆ” เหมือนคนตรงหน้าจะรับรู้การสื่อสารทางสายตาของผมถึงได้เอ่ยขอโทษ แล้วยังเกาหัวเก้อๆ เอ่อ แป้งเต็มมือเลยนะนั่น หัวขาวเลยทีเดียว

   ว่ากันตรงๆ ผมก็รู้ตัวนะครับว่าสายตาที่เขามองมา กับการกระทำดูเก้ๆกังๆแบบนี้หมายความว่ายังไง มีแฟนมาแล้วตั้งหนึ่งคนทำไมจะเดาไม่ได้ล่ะเนอะ

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “คะ..คือว่า เอ่อ..ผม..”

   “...?”

   “ผมขอ...”

   “ไอ้เจ้า! ไอ้อิน!” เสียงเข้มดังโพล่งขึ้นมาด้านหลังของผม
 
   “พ่อมึงมา ฮ่าๆ” อินหันมาทำหน้ากลั้นขำใส่ผม คือมึงจะกลั้นทำไม มึงขำไปแล้วนะอิน คือไม่ต้องคิดนะครับว่าเป็นพี่เกียร์ พ่อผมคือใครทุกคนก็น่าจะรู้ดี

   “มาถึงหน้าซุ้มคณะกู แล้วทำไมไม่โทรหากูวะ มายืนทำอะไรตรงนี้”

   “เอ่อ..”

   “แล้วมึงมีอะไรกับเพื่อนกู ไอ้การ์ด”

   การ์ด??

   “ผม..ผมมาขอปะแป้งพี่เจ้าเฉยๆครับ”

   อ๋อ สรุปว่าคนที่มาปะแป้งผมนี่เป็นรุ่นน้องไอ้ภาคเองหรอ

   “ให้มันแค่ปะแป้งเฉยๆนะมึง ถ้ามากกว่านั้นมึงอยู่ยากแน่” ไอ้ภาคหันไปคุยกับรุ่นน้องมันเสียงเข้ม แถมมีชี้หน้าขู่อีก

   “น้องมันแค่ปะแป้งเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า ดุจริงมึง นี่เพื่อนหรือพ่อหะ?”

   “ก็เพื่อน แต่เป็นเพื่อนที่พ่อทูนหัวมึงฝากดู จบมั้ย...ส่วนมึงถ้าว่างก็ไปช่วยเพื่อนมึงในซุ้ม ถ้างานออกมาไม่เรียบร้อย กูซ่อมยกรุ่นแน่” ไอ้ภาคหันมาพูดกับผมก่อนจะหันไปข่มขู่รุ่นน้องที่ชื่อการ์ดอีกรอบ

   “ครับๆ” รุ่นน้องมันก็ยกมือไหว้ลาแล้วก็วิ่งเข้าซุ้มไป

   “พ้นรับน้องมาแล้ว ยังไม่หลุดมาดอีกหรือครับพี่วินัย” อินเอ่ยแซวเพื่อนตัวสูง ที่นอกจากจะเป็นเดือนคณะประจำรุ่นแล้ว ตอนนี้ยังมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในพี่วินัยของปี 3 อีก นี่ขนาดไม่ได้เป็นเฮดว้ากยังดุขนาดนี้

   “กูไม่ดุก็ได้นะ แต่เดี๋ยวโทรตามพี่เกียร์มาแทน”

   “ขู่น้องไม่พอ มาขู่กูอีกนะ พี่มันคงว่างรับโทรศัพท์มึงหรอก กูโทรยังไม่ค่อยจะว่าง” ไม่ได้น้อยใจครับ ไม่ได้น้อยใจจริงๆ

   “แหมมมมม น้อยใจหรือครับน้องเจ้า ฮ่าๆ หน้ามึงโคตรตลก”

   “เชี่ยไรของมึงอีกเนี่ย หยุดล้อกูเลยนะ” ผมยกนิ้วชี้หน้าไอ้เพื่อนตัวสูงจอมปากเสีย

   “โอ๋ๆ ไม่ล้อละ แล้วนี่พวกมึงไม่ช่วยงานคณะหรอ”
 
   “ช่วยแล้ว แต่ขอออกมาก่อน พอดีไอ้เจ้ามันหิว” อินทัชเอ่ยตอบ

   “งั้นไปนั่งหลังซุ้มกูมั้ย พวกสาวๆก็อยู่” สาวๆที่ว่าคงจะหมายถึงส้ม มิวซ์ แยม แล้วก็ชาวแก๊งทำพานสมัยปี 1 สินะ

   “ไปๆ” ผมกับอินพยักหน้ารับคำชวนของภาคแล้วก็เดินตามภาคไปที่หลังซุ้มคณะวิศวกรรมศาสตร์








   บริเวณหลังซุ้มมีลานขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่หลายจุด มองผ่านๆกะด้วยสายตาแล้วแทบจะทุกโต๊ะถูกจับจองด้วยนิสิตที่มีเสื้อช็อปสีเด่นเป็นเอกลักษณ์ พูดง่ายๆก็คือเดินเข้าดงวิศวะฯ นั่นแหละครับ แต่พูดตามความจริงผมก็ชินแล้วเพราะตอนพี่เกียร์ยังเรียนอยู่นี่ ผมก็ตกอยู่ในสถานการณ์ยืนงงในดงวิศวะฯ บ่อยอยู่เหมือนกัน มีช่วงหลังๆที่เป็นรุ่นน้องหน้าใหม่นี่แหละ ที่ยังคงมีสายตาสงสัยเวลาผมมาหาไอ้ภาคที่คณะ

   “เจ้า! อิน! มานั่งนี่ๆ ไอ้แทนลุกเลยมึง” เสียงสดใสของสาวตัวเล็กๆอย่างส้มก็โพล่งขึ้นมาเมื่อเงยหน้าสบตากับผมและอิน แถมยังไล่ที่ให้พวกผมอีก ดีจริงๆ ฮ่าๆ

   “มาๆ นั่งเลยๆ” แยมก็เป็นอีกคนที่รีบขยับที่ให้พวกผม

   “ไม่เจอกันนานเลยนะ” แทนเอ่ยทักผม

   “หืม? เรามาหาภาคบ่อยจะตาย แทนแหละ มัวแต่ไปติดสาวอักษร เลยไม่เจอเรา”

   “โอ๊ะ ฮ่าๆ ความจริงด้วยสิมึง” ไอ้ภาคมันหัวเราะเยาะเย้ยใส่ไอ้แทนที่ทำหน้าเหวอกับการแซวของผม

   “เจ้าพระยาเล่นกูแล้วไง” ผมเลยยักคิ้วใส่ไอ้แทนไปทีนึง เจ้ารู้เจ้าเห็นหมดแหละ

   “แล้วนี่ไปไงมาไงถึงได้เดินมานี่คะ...คุณสะใภ้วิศวะฯทั้งสอง คิคิ”

   “..!!” ผม

   “...” อิน

   “ฮิ้วววววววววววววว”

   “ฮิ้วอะไรเล่า อย่าเรียกแบบนี้ดิส้ม ใช่ที่ไหน” ที่พูดอ่ะผมไม่ได้โกรธ แต่เขิน

   “หน้าอินโคตรแดงอ่ะ โอ้ยยยย น่ารัก แย่งพี่พีได้ปะวะ” มิวซ์ตบมือเสียงดังชอบใจกับอาการเขินอายของพวกผม

   “คิดผิดคิดใหม่ได้นะ จะแย่งอินจากพี่พี แค่คิดก็ขนลุกละ” แยมยกมือลูบแขนตอกย้ำคำพูด

   “กูก็พูดเล่นเหอะมึง ใครจะกล้า”

   “พอๆเปลี่ยนเรื่องเลย” ถ้าผมปล่อยไปเดี๋ยวก็วกกลับมาแซวผมอีก บางทีก็อยากถามว่าแซวมาจะ 3 ปีแล้ว ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง รู้ว่าผมเขินง่ายก็สนุกกันใหญ่เลยนะ

   “จ้าๆ เปลี่ยนเรื่องก็ได้จ้า”

   “เออ เจ้า อิน พรุ่งนี้ไปเล่นสงกรานต์ที่ไหนอ่ะ” ส้มเป็นฝ่ายเปิดประเด็นใหม่

   “ยังไม่ได้คิดอ่ะ นี่ก็ว่าจะเดินมาถามมึงเหมือนกันไอ้ภาค พรุ่งนี้ไปไหนวะ” ตอบคำถามของส้มก่อนที่จะเงยหน้าไปหาไอ้เพื่อนหน้าหล่อที่นั่งตรงพนักพิงเก้าอี้ตัวที่ผมกับอินนั่งอยู่

   “อ้าว แล้วพี่เกียร์..”

   “พี่เกียร์ไม่ว่างมั้ง ไม่เห็นพูดอะไร คงงานยุ่ง กูไม่อยากกวน ไปกับมึงดีกว่า ไปไหนดีวะ” ผมรีบรัวความในใจตัดหน้าก่อนที่มันจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ

   “นี่มึงงอนพี่เขาปะเนี่ย”

   “เห้ย ไม่งอน กูเข้าใจ กูถึงจะขอไปกับมึงเนี่ย แล้วค่อยโทรไปขอ ยังไงไปกับมึงพี่เกียร์ก็ไม่ห้ามหรอก”

   “เอางั้นหรอวะ” ไอ้ภาคขมวดคิ้วสงสัยใส่ผม

   “เออ เอางี้แหละ สรุปจะไปไหน...ทุกคนไปเล่นที่ไหนอ่ะ เราไปด้วยดิ” พอไอ้ภาคมันลีลาไม่ตอบสักที ผมเลยหาแนวรวมอย่างพวกสาวๆแล้วก็แทน

   “พวกเราว่าวันแรกตอนกลางวันจะไปสยามอ่ะ แล้วตอนเย็นจะไปอาร์ซีเอ”

   “เห้ยยย เราไปด้วยยยย อินพรุ่งนี้มานอนคอนโดกับกูมั้ย เดี๋ยวกูโทรขออาอรให้” ผมนี่รีบเลยครับ ไปอาร์ซีเอเลยนะ ผมจะพลาดได้ไง

   “อ่า สยามอ่ะ กูว่าพี่เกียร์ไม่ห้ามหรอก แต่อาร์ซีเอนี่ มึงคิดดีแล้วหรอเจ้า” อินสะกิดถามผม คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่อินคิด

   “ดีแล้วดิ มึงก็ไป ไอ้ภาคก็ไป ทุกคนก็ไป พี่เกียร์ไม่ได้หวงกูขนาดนั้น”

   “หรออออออออออออ” ประสานเสียงรอบโต๊ะแบบพร้อมเพรียงกันมากครับ

   “ง่ะ ทำไมทุกคนไม่เชื่อเจ้า ฮือออออ แยม ให้เราไปด้วยนะ” ผมผุดลุกไปนั่งกระแซะเบียดแยมแล้วเอาหน้าไถต้นแขนแยมเพื่ออ้อนขอความเมตตา

   “เอ่อ พวกเราไม่มีปัญหา อยากให้เจ้ากับอินไปด้วยอยู่แล้ว แต่...”

   “เรื่องพี่เกียร์ปล่อยให้เป็นหน้าที่เรา ไปได้ชัวร์” ผมทำหน้ามุ่งมั่น พยักหน้าหงึกๆใส่ทุกคน คอยดูนะพรุ่งนี้ทุกคนจะต้องตกใจที่ผมทำได้ พี่เกียร์ไม่ได้โหดขนาดนั้น ตามใจผมจะตาย

   “ก็ถ้ามึงขอได้ กูก็ไม่มีปัญหา รอเป็นบอดี้การ์ดให้พวกมึงอยู่แล้ว เอ้อ แล้วมึงอ่ะอิน ต้องขอเหมือนกัน ถูกมั้ย?” เพื่อนสนิทหน้าหล่อหันมาพูดกับผมแล้วก็ถามเพื่อนตัวขาวที่นั่งเงียบมาหลายนาที

   “แหะๆ เอ่อ เจ้า ภาค คือว่า...นี่อ่ะ อ่านเองเลย” อินยื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้าบทสนากับพี่พีบนแอพลิเคชันสีเขียว


   P :
            พรุ่งนี้จะพาแม่ไปทำบุญให้พ่อใช่มั้ย
             พี่เคลียร์งานเสร็จแล้ว
            เดี๋ยวพาไปเองนะ


   “เพิ่งส่งมาให้กูเมื่อกี้อ่ะ กูว่ากูคงไม่ได้ไปด้วยแล้วว่ะ”

   “โอ้โห เหมือนรู้อ่ะ พี่พีมีญาณทิพย์ปะวะ แต่ไม่เป็นไร สงกรานต์มีตั้งสามวัน งั้นที่เหลือเราก็ไปด้วยกันได้หมดเนอะ ต้องสนุกแน่ๆ” ผมรีบสรุปประเด็นของโปรแกรมการลั้นลาในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงวันพรุ่งนี้

   “จ้า สนุกแน่” เสียงมึงไม่เห็นสนุกเลยนะภาค แต่สนที่ไหน ชิ



มีต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2


   เวลายามเย็นที่ตอนนี้กิจกรรมได้จบลงไปแล้ว แต่ละคนก็เก็บซุ้มแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็ไม่ต่างกันแต่ผมไม่ได้กลับคอนโดหรอกครับ แต่กำลังจะไปห้างดังใกล้มหา’ลัยตามที่นัดแนะกับเจ้าของร่างสูงในตำแหน่งแฟนของผม
 
   RrrrrrrrrRrrrrrrrr

   <3 P’ GEAR <3


   “ครับผม”

   (ถึงไหนแล้วเตี้ย)

   “บีทีเอสครับ แล้วนี่โมโหหิวหรือไง มาตงมาเตี้ยอะไรครับ” คบกันมาจะ 3 ปี ชื่อเรียกแทนตัวผมก็มีมากขึ้นแบบแปรผันตรงเลยครับ จนขี้เกียจจะห้ามละ แต่บางชื่อที่ห้ามไม่ได้โกรธหรอกครับ แต่เขินมากๆต่างหาก

   (ใช่ หิวมาก กินปลาทองได้ทั้งตัวอ่ะ)

   “ปลาทองตัวนิดเดียว ไม่อิ่มหรอก ฮ่าๆ” เฉไฉแก้เขินตามนิสัยของตัวเอง เพราะจริงๆก็รู้ว่าพี่เกียร์จะสื่ออะไร

   (ขำหรอเตี้ย เดี๋ยวเถอะ รีบๆมาเลย)

   “ทำไม สรุปคือหิวใช่มั้ยเนี่ย”

   (เปล่า...คิดถึง อยากเห็นหน้ามึงอ่ะ)

   ...ก็ว่าไป๊...

   ที่ผ่านมาเขินยังไง ตอนนี้ก็ยังเขินอย่างนั้น

   ไอ้บ้าเอ้ยยยยย ฮืออออ


   “คร้าบบบบ หยอดตลอด จีบตลอด”

   (แน่นอน กูจะจีบมึงไปทั้งชีวิตอ่ะ)

   “พอเลยๆ วางแล้ว จะรีบเดิน”

   พอกดวางก็รีบเดิน รีบเขินให้จบๆไปเนี่ยยยยย  ไปเขินต่อหน้าก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งคบกันผมก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เคยชนะพี่เกียร์ได้เลย ชอบทำให้ใจเต้นแรงอยู่เรื่อย


   แพ้ราบคาบ..!!





   เดินมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่นัดแนะกันไว้ ผมก็แทบไม่ต้องใช้เวลาในการสแกนสายตามองหาคนตัวสูงเลย เพราะพี่เกียร์เล่นทำตัวแผ่ออร่าเด่นกระแทกตาด้วยเชิ้ตสุภาพสีขาว พับแขนขึ้นมาถึงช่วงศอก เข้าคู่กับกางเกงแสล็คเข้ารูปสีกรมท่า รองเท้าหนังเงาวับ มาดประธานบริษัทมาเลย ถ้าสวมเสื้อสูทคลุมทับอีกชั้นนี่พร้อมไปเป็นนายแบบบนปกหนังสือธุรกิจคอลัมน์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเลยนะ พี่เกียร์ที่นั่งอยู่ริมกระจกอีกฝั่งของร้านก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนมองหาผมอยู่พอดี พอสบตากันรอยยิ้มที่มักจะไม่ปรากฎเวลาอยู่ในที่สาธารณะก็คลี่ออกกว้าง จนเป็นไปได้ยากที่จะไม่ยิ้มตอบกลับไป


   ก้าวเดินเข้าไปและเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามที่เว้นว่างไว้สำหรับผม ใบหน้าของคนที่แทบจะไม่ได้เจอกันในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาฉายแววสดใส แต่ก็ยังคงหลงเหลือความอ่อนล้าให้เห็นอยู่ดี สังเกตได้จากใต้ตาที่คล้ำกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมเข้มลดรัศมีความหล่อเหลาลงได้เลย

   พอได้เห็นหน้าและแววตาที่คุ้ยเคย มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกบางอย่างในหัวใจที่มันฟุ้งๆให้หลอมรวมเป็นรูปร่าง

   รูปร่างของความคิดถึง

   “คิดถึง” เสียงบางเบาหลุดออกจากริมฝีปากบางได้รูปของผม

   กึก

   “หึหึ มาไม้ไหนอีกเอ๋อ” เสียงหัวเราะในลำคอที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เกียร์มาพร้อมกับแววตาที่ฉายความแปลกใจที่ผมบอกคิดถึงออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

   “โห่ พี่อ่ะ หมดกันความโรแมนติก” ผมนี่ได้แต่ออกอาการหน้ามู่ ยู่ปาก

   “ฮ่าๆ นี่จะโรแมนติกหรอ” พี่เกียร์ยิ้มกว้างแววตาขบขันให้กับท่าทางของผม

   “ก็ใช่สิ ไม่เจอหน้าตั้งหลายวันนะ”

   “งั้นเดี๋ยวกูไปลาออก”

   “เห้ย ลาออกทำไม”

   “ลาออกมาอยู่กับมึง 24 ชั่วโมงเลยไง”

   “จะบ้าหรอพี่ ไม่ได้ๆ จะลาออกไม่ได้นะ”

   “ห่วงบริษัทกู?”

   “เปล่า เดี๋ยวพี่ไม่มีเงินเลี้ยงผมทำไงอ่ะ ระวังพ่อผมมาเอาผมคืนนะ รับปากไว้แล้วนี่ ฮ่าๆ”

   “ร้ายนักนะ เดี๋ยวจะโดน”

   “ขู่เก่ง!”

   “ไม่ได้ขู่เก่งอย่างเดียวนะ ทำอย่างอื่นก็เก่ง หึ”พูดไม่พอยังแถมมาด้วยสายตาวาววับเป็นมหาป่าเจ้าเล่ห์เลย

   “...!!” ได้แต่กะพริบตาปริบๆ พูดไม่ออกแต่สมองที่ห้ามไม่ได้ก็คิดไปไกลโขแล้ว

   เจ้าไม่ได้ใจบาปนะ



   พอคิดว่าเถียงสู้พี่เกียร์ไปก็จะเข้าตัวเปล่าๆ ก็เลยก้มหน้าก้มตามองอาหารในเมนู เลือกตามความเคยชินเวลาที่กินข้าวด้วยกัน และส่วนใหญ่ผลมันก็มักจะออกมาเป็นว่าผมเลือกอาหารที่พี่เกียร์ชอบ และพี่เกียร์ก็จะเลือกเมนูที่ผมชอบ มันจะออกมาเป็นอย่างนี้เสมอจนอดที่จะยิ้มไปกับความใส่ใจเล็กๆน้อยๆนี้ไม่ได้

   ตอนจีบเอาใจใส่ผมยังไง คบมาจนถึงปัจจุบันพี่เกียร์ก็ยังคงเป็นแบบนั้นเสมอ

   ไม่ให้รักได้ไงล่ะเนอะ







   เมื่ออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟก็ไม่มีการรีรอใด ทั้งผมและพี่เกียร์ก็ต่างลงมือทานมีบ้างที่คีบนั่นคีบนี่ให้กัน คุยกันถึงเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งปกติถ้าเจอกันทุกวันเราก็จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันแบบนี้ เวลาที่ไม่ได้เจอเราก็จะคุยกันผ่านโทรศัพท์หรือไม่ก็วีดีโอคอล โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

   “พี่เกียร์ พรุ่งนี้วันสงกรานต์อ่ะ”

   “อาฮะ แล้ว?” เป็นคำถามสั้นๆที่มาพร้อมกับสายตาวาววับเพียงชั่วครู่ แล้วก็กลับไปแววตานิ่งสงบเหมือนเดิม

   “คือว่าเจ้าอยากไปเที่ยวเล่นน้ำวันสงกรานต์ แต่เจ้าเห็นว่าพี่เกียร์ยุ่งมากๆ น่าจะไม่ว่างพาเจ้าไปใช่มะ เจ้าก็เลยคิดว่าเจ้าจะไปเล่นน้ำกับไอ้ภาคกับเพื่อนๆคณะมันดีกว่า ให้เจ้าไปนะ” ชื่อเรียกแทนตัวที่ผมมักจะใช้เวลาที่ต้องอ้อนขออะไรพี่เกียร์ เพราะไม่มีครั้งไหนเลยที่พี่เกียร์จะขัดใจ อิอิ

   “ไปที่ไหน?” ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามวางตะเกียบในมือแล้วยกแขนมาวางประสานกันบนโต๊ะ

   “ที่สยามนี่เอง ปลอดภัย สบายหายห่วง” เอ่ยบอกแค่โปรแกรมตอนกลางวันไปก่อนแล้วกัน โปรแกรมตอนเย็นเดี๋ยวค่อยว่ากัน

   “บอกพ่อกับแม่ยังครับ” อ่า มีครับต่อท้ายมานี่ คืออยู่ในโหมดจริงจังแน่นอน

   “เจ้ายังไม่ได้บอก มาบอกพี่เกียร์ก่อน ยังไงพ่อกับแม่ก็อนุญาตครับ เพราะภาคไปด้วย”

   “อืม อย่าลืมบอกพ่อกับแม่”

   “ครับๆ ไม่ลืมแน่นอน กลับคอนโดแล้วโทรเลย” เอาล่ะครับ มองเห็นความสำเร็จอยู่ไม่ไกล อิอิ

   “แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ รู้ใช่มั้ยว่าพี่เป็นห่วง”

   “อ่า...” เสียงทุ้มนุ่มละมุนหัวใจมาพร้อมกับแววตาอ่อนโยนของพี่เกียร์ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดในใจเล็กๆที่ไม่บอกความจริงทั้งหมด

   “...”

   “ครับ รู้ครับ เจ้าจะดูแลตัวเองดีๆ”

   “อืม งั้นเล่นให้สนุก” คำอนุญาตเสียงเรียบๆที่ตอนแรกผมอยากได้ยินนักหนา แต่พอได้ยินทำไมมันรู้สึกแปลกๆ มันหวิวๆยังไงไม่รู้ มีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่ช่างเถอะ

   “ขอบคุณคร้าบบบบ แฟนเจ้าน่ารักที่สุดในโลก มาๆ เจ้าป้อน อ้ามมมม”

   “หึหึ ไม่ค่อยจะดีใจเลยนะเอ๋อ”

   “คิคิ”

   เย้!!







   ใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงในการกินและเดินเล่น พอเริ่มเมื่อยและความง่วงเริ่มคืบคลานเราทั้งสองคนเลยตัดสินใจกลับ พี่เกียร์ขับรถมาส่งผมที่คอนโดแต่มีหรือที่คนอย่างพี่เกียร์จะกลับไปง่ายๆ เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าคนตัวสูงจะตามขึ้นมานั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องผมก่อน

   “พี่เกียร์จะอาบน้ำหรือเปล่า” เห็นคนหน้าหล่อยังอยู่ในชุดเกือบเต็มยศมาดนักธุรกิจแล้วอึดอักแทน

   “เจ้าอาบก่อนเลย”

   “อ่า ก็ได้ครับ”

   พอตกลงกันได้ก็ปล่อยพี่เกียร์นอนเหยียดขาที่ยาวเลยของของโซฟาในห้องนั่งเล่น ตัวผมก็เดินเข้ามาอาบน้ำชำระร่างกายในส่วนของห้องนอนที่มีเพียงห้องเดียว ขนาดของห้องที่พ่อซื้อให้ผมมันไม่ได้เล็กหรือใหญ่ มันพอดีสำหรับการอยู่คนเดียว มีบ้างที่ภาคกับอินจะมานอนค้างช่วงที่อ่านหนังสือสอบกันหนักๆ แต่คนที่จะมาค้างบ่อยที่สุดก็ไม่ใช่ใคร คนตัวสูงที่นอนพักสายตาอยู่ด้านนอกนั่นแหละ บ่อยจนเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเกือบครึ่งนั้นเป็นของพี่เกียร์


   ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีสำหรับการอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเปิดประตูห้องออกมายังห้องนั่งเล่น ก็เห็นคนตัวสูงนั่งขมวดคิ้วจ้องโทรศัพท์อยู่ รังสีความกดดันแผ่ออกมาจนสัมผัสได้ สงสัยจะเครียดเรื่องงานอีกแน่ๆ บางทีก็รู้สึกอยากช่วยแต่ด้วยความสามารถของผมที่รู้ดีว่าช่วยงานอะไรพี่มันไม่ได้แน่นอน ก็คงจะมีทางเดียวที่จะช่วยได้คือช่วยทางใจ


   ย่างเท้าก้าวเดินเข้าไปยืนด้านหลังโซฟาที่คนหน้าเครียดนั่งอยู่ ยกแขนเรียวเล็กของตัวเองโอบรอบคอพี่เกียร์ไว้ ยื่นหน้าวางคางไว้ที่ลาดไหล่ที่มีกล้ามเนื้อแน่น กลิ่นกายความเป็นชายที่คุ้นเคยลอยเตะเข้าที่จมูก เป็นความเคยชินที่ผมชอบให้เราได้ใกล้กันแบบนี้ บางครั้งก็นั่งคลอเคลียกันใกล้ๆไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆผมก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย

   “ดูอะไรครับ ทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้น” ยกนิ้วชี้ข้างขวากดคลึงตรงหว่างคิ้วที่ขมวดเข้ามาชนกันจนเป็นปมยุ่งๆ

   “วันนี้ที่มหา’ลัย มีอะไรยังไม่ได้เล่าให้กูฟังมั้ย” เสียงเรียบเย็นเฉียบส่งผ่านออกมา เจ้าของเสียงเอียงคอมามองหน้าผมในระยะประชิด แววตาจ้องจับผิดอะไรบางอย่าง

   “หือ? เรื่องอะไรอ่ะ ผมก็เล่าหมดแล้วนะที่มหา’ลัยจัดงานวันสงกรานต์อ่ะ” มีเรื่องอะไรอีกอ่ะ มันก็มีเท่าที่เล่านี่

   “แน่ใจนะเตี้ย”

   “อื้อ แน่ใจสิ มีอะไรหรือเปล่า” ผมยืดตัวขึ้นยืนตรงแล้วเดินอ้อมโซฟาไปนั่งลงข้างๆคนหน้ามุ่ย ไปรู้อะไรมาอีกเนี่ย

   “แล้วนี่คืออะไร” สิ้นประโยคนี้พี่เกียร์ก็ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอฉายภาพหน้าไทม์ไลน์ของแอพลิเคชันสีน้ำเงิน


   ไทม์ไลน์ของเพจ

   เพจ U Cute boy

   รูปงานวันนี้

   “เห้ย!!! ถ่ายตอนไหนวะ” ผมตาโตจ้องรูป 3 รูปที่เพจรวมคนหน้าตาดีของมหาวิทยาลัยผมได้ลงไว้ และที่ผมต้องตกใจขนาดนั้นก็เพราะว่า


   U Cute Boy

   ว้ายยยยยยย เหยี่ยวข่าวของเพจตาดีไปเห็นโมเมนต์สีชมพูฟุ้งในงานวันสงกรานต์วันนี้ค่า แค่ปะแป้งกันทำไมสายตาจะต้องอ่อนโยนเบอร์นั้นเล่า คนโดนปะแป้งนี่หน้าตาคุ้นๆเนอะ น่ารักขนาดนี้ใครจำไม่ได้ก็แปลกแล้ว ว่าแต่ เจ้าของหัวใจน้องเจ้าจะว่ายังไงคะ มีน้องใหม่หน้าหล่อมาขอปะแป้งด้วยสายตาละมุนเบอร์นี้ งานนี้เรือผี #การ์ดเจ้า จะโดนยิงหรือจะวิ่งฉิวน้า ให้พี่เกียร์ทำนายกัน คิคิ #พี่เกียร์น้องเจ้า #ยาใจพี่เกียร์ #เกียร์เจ้า #น้องการ์ดพี่เจ้า #การ์ดเจ้า#UCuteboy #USongkransFestival


   **แนบรูปตอนน้องการ์ดปะแป้งเจ้าพระยาด้วยสายตาโคตรละมุน


   5,352 Likes 247 Comments 1,496 Shares

   Dreamy : สายตาอ่อนโยนแต่ความหล่อไม่อ่อนโยนกับใจพี่เลยนะน้อง

   Iiiitoy : เก็บกระเป๋าก้าวขึ้นเรือผีเงียบๆ ของใหม่มันต้องกร้าวใจกว่าเส้ #การ์ดเจ้า

   Khunnay : โอ้ยยยย ฉันเขินสายตาเขา พี่เจ้ากินไม่ได้นะน้องการ์ด

   No mild : ปลาทองมึงจะโดนแมวคาบไปแดกแล้วมึง @Arunwich Gear

   Phakphoom PHAK : เดี๋ยวกูเที่ยวเผื่อนะมึง ฮ่าๆ @jaoyajaopraya

   Read more...


   
   “แหะๆ” ไล่สายตาอ่านความบรรลัยตรงหน้าคร่าวๆแล้วก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้คนที่ทำหน้าดุอยู่ข้างๆ

   “อธิบายมา” โอ้โห สวมมาดครูฝ่ายปกครองเชียวนะ

   “ก็แบบว่า..ว่า คือว่าน้องเขามาขอปะแป้งเฉยๆ เจ้าก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน มันเป็นเทศกาลอ่ะเนอะ ก็เลยไม่ได้ห้าม”

   “อยู่กันสองคน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นย้ำกับคำถาม

   “สองคนที่ไหนเล่า ไอ้อินก็ยืนใกล้ๆเจ้าเนี่ย แต่คนถ่ายนี่ก็นะ ทำไมถ่ายเหลือแค่สองคนก็ไม่รู้” นับถือใจคนถ่ายมาก ว่าต้องบาปแค่ไหนเนี่ยยยยย หางานให้ผมเลย

   “...”

   “ง่ะ ไม่งอนสิ ไม่มีอะไรจริงๆคร้าบ”

   “แล้วทำไมไม่เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก”

   “ก็มันไม่มีอะไรสำคัญไง ขนาดเจ้ายังลืมเลย โอ๋ๆ เลิกทำหน้ายุ่งได้แล้วคร้าบ”

    ตอนนี้ทำอะไรก็ทำหมดอ่ะครับ เอ่ยเสียงสองงุ้งงิ้งแล้วก็เบียดตัวเข้าไปนั่งชิดกับร่างสูง ชิดแบบที่แทบจะเกยขึ้นไปนั่งตักแล้ว ศีรษะที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มปกคลุมแถมเพิ่งสระมาหมาดๆก็ไถวนอยู่ตรงต้นแขนแน่น กลายร่างเป็นแมวสัก 10 นาทีเพื่อความปลอดภัย

   ติ๊ง!
   ติ๊ง!
   ติ๊ง!
   ติ๊ง!


   เสียงแจ้งเตือนของแอพลิเคชั่นไลน์ของโทรศัพท์พี่เกียร์ดังขึ้น ซึ่งโทรศัพท์ที่คนตัวสูงยังกำอยู่ในมือก็วางในตำแหน่งที่ทั้งเขาและผมมองเห็น

   No mild : พวกมึง พรุ่งนี้เย็นไปเล่นสงกรานต์ที่อาร์ซีเอกัน

   No mild : ไอ้แทนมันไลน์มาชวน

   No mild : ไอ้เกียร์ มึงไปอยู่แล้วช่ะ เห็นว่าไอ้ภาคกับน้องเจ้าไปด้วยนี่

   No mild : ไปเถอะพวกมึง กูอยากแดนซ์!!!



   เหี้ยแล้วไง!!!


   พี่มายด์โว้ยยยยยยยยย


   “เจ้า”

   “แหะๆ”

   ใจเย็นๆนะตัวเอง อย่าเพิ่งหักคอเค้า ฮืออออออ

   “หมายความว่าไง”

   “แหะๆ ฟังเจ้าก่อนนะ คือว่าคิดไว้เฉยๆไงว่าเล่นที่สยามเสร็จอาจจะไปเล่นที่อาร์ซีเอต่อ”

   “...”

   “แค่อาจจะไง แต่จริงๆเจ้าก็อยากไปอ่า อยากไปเล่นน้ำ พวกสาวๆชวน” พี่เกียร์รู้ว่าผมหมายถึงสาวที่ไหน เพราะผมจะชอบเรียก 3 สาว ส้ม แยม มิวซ์ แบบนี้

   “อยากเล่นน้ำ?”

   “ครับ เจ้าอยากไปเล่นน้ำที่อาร์ซีเอ”

   “หึ”

   “ให้เจ้าไปนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอก ไม่โกรธเจ้าน้า นะๆ นะครับ” สกิลการอ้อนมีแค่ไหนผมงัดมาหมดเลยงานนี้

   “อยากเล่นน้ำทำไมไม่บอก”

   “หื้อ?”

   “กูก็อยากเล่น” เอ่ยพร้อมแววตาวาววับกับรอยยิ้มมุมปากกระชากใจ

   “จริงอ่ะ พี่จะไปด้วยหรอ ได้ๆเดี๋ยวผมรีบบอกไอ้ภาคเลย” ด้วยความดีใจผมรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟาที่เรานั่งอยู่ หมายมั่นจะโทรบอกไอ้ภาคเพื่อนรัก

   “ไม่ต้องบอก” เจ้าของนัยน์ตาคมคว้าโทรศัพท์ออกจากมือผมก่อนที่จะได้กดโทร

   “ทำไมอ่ะ”

   “เดี๋ยวกูบอกเอง”

   “อ่า โอเค งั้นผมไปเตรียมเสื้อผ้าของวันพรุ่งนี้ดีกว่า”

   หมับ!

   “เห้ย!”


   วินาทีที่พยุงตัวจะลุกขึ้นจากโซฟากลับมีมือหนามาคว้าเอวผมไว้แบบไม่มันได้ตั้งตัว ทำให้เสียหลักล้มนั่งทับลงบนตักของผู้ก่อเหตุ แขนแกร่งรวบรัดกระชับแน่นที่เอวบางๆของผม ยังไม่ทันอ้าปากทักท้วง สัมผัสที่ชวนให้ขนอ่อนทั้งตัวลุกชันก็ย่ำกราย จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียแผ่วเบาอยู่บริเวณต้นคอด้านหลัง ลมหายใจอุ่นรดรินจนรู้สึกร้อนรุ่ม มือหนาลูบไล้เอวคอดผ่านผ้าเนื้อบางก็ชวนให้วูบโหวงไปทั้งกาย ใจเต้นไม่เป็นส่ำกับสัมผัสล่อลวงใจที่พร้อมจะตอบรับในครั้งนี้

   “พะ..พี่เกียร์ ปล่อยก่อนครับ เจ้าจะไปเตรียมเสื้อผ้า”

   “ไม่จำเป็น” เสียงทุ่มปะปนไปด้วยความแหบพร่าเอ่ยจนไอร้อนโลมเลียซอกคอขาว

   “จำเป็นสิ ปล่อยก่อนครับ”

   “เล่นน้ำกับกู เสื้อผ้าไม่จำเป็นหรอก”

   “มะ..หมายความว่าไง”

   “ก็เห็นอยากเล่นน้ำ”

   “...”

   “ก็กำลังจะพาเล่น ‘น้ำ’ ให้หายอยากนี่ไงเจ้า”

   “ห๊ะ..อะ..อื้อออออ”

   ปากบางที่อ้าเผยอเตรียมจะทักท้วงกลับถูกจู่โจมด้วยความไวแสงด้วยปากหนานุ่มหยุ่นที่ทาบทับดูดดึงจนเปียกฉ่ำ ลิ้นร้อนชุ่มน้ำเริ่มโลมเลียตามรอยแยกของปากบาง เชื่องช้าแต่หวามไหวกับทุกสัมผัส สติที่เคยมีเพื่อควบคุมร่างกายให้ประท้วงห้ามกับล่องลอยปล่อยร่างกายให้ระทวยโอนอ่อนตอบรับสัมผัส ปากบางอ้าเผยอเย้ายวนชวนให้ร่างสูงเร่งส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดพันพัวกับลิ้นเล็ก ที่ไม่ว่าจะถูกสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่ประสาในกามกิจเหมือนคนที่กำลังชักนำอยู่นี้

   ไม่เคยชนะพี่ได้เลย

   “กูหยุดยาว จะอยู่เล่นน้ำกับมึงทุกวันเลย จุ๊บ”

   “อื้ออออ อะ...อา”

   มันใช่น้ำแบบนี้ที่ไหนเล่า!!

   สัมผัสเร่าร้อนของสองกายที่กอดก่ายสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน และคงเป็นจังหวะเดียวแบบนี้ไปทั้งคืน

   และอีกกี่คืนไม่รู้

   ฮือออออออ


   ใครบอกว่าเล่นน้ำจะคลายร้อน

   ทำไมผมร้อนกว่าเดิม

   นาวเบิร์น เบบี้เบิร์น !!!!






TBC
(12/04/2018)
****************************************************
ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ไทย และสนุกสนานในวันสงกรานต์นะคะ
เดินทางปลอดภัยทุกคนนะคะ


ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ขุ่นพี่เกียร์เล่นน้ำกับน้องเจ้าทุกวันเลย
Happy Songkran มากๆ 555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เต้นฉลองที่น้องเจ้าได้เล่นน้ำกับพี่เกียร์สองต่อสอง  :z2: :a11: :a3: :a14:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อิป้าหมาบ้าของอินชีคงอิจฉาน้องของชี
ส่วนอุบัติเหตุอะป้าหมาบ้าเหมือนอยู่เบื้องหลังเลยนะ
คือไม่รู้สิเราแค่รู้สึกแปลกๆ
ส่วนเด็กๆเล่นน้ำให้สนุกน่ะ..

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เจ้าเอ้ยยย เล่นน้ำนี้มันจะเหนื่อยหน่อย ๆ เด้อ

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
แหมมมมมมเล่น"น้ำ"สงกรานต์กันสนุกไหมอ่ะ :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
แอบมองคนเล่นน้ำในที่ร่ม  :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พออ่าน ก็นึกแล้วว่า เจ้าไม่ได้เล่นน้ำที่อาร์ซีเอแน่ๆ  :z3:
ก็พี่เกียร์ ต้องชวนเล่นน้ำกันสองคนเท่านั้น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
5555555 เล่นน้ำฉ่ำเลยเนอะน้องเจ้า :laugh: อิจฉา เอ้ย สงสารน้องอดไปเล่นสงกรานต์กับเพื่อนเลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบมาก
โอยยยย ชั้นไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งเห็นเรื่องนี้  :z3:

อ่านรวดเดียวเลย ฟินมาก ตัวจะระเบิดตามน้องเจ้าทุกครั้งที่โดนพี่มันหยอด  :-[
ตอนเค้าไปเดทกันทำเอาอยากไปตามรอยพี่เกียร์น้องเจ้าเลยค่ะ

สนุกมาก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
ท่าเรือที่ 15
3 ปีที่เจ้าลืม




Gear’s Part
 


3 ปีที่แล้ว...



ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย~~



เสียงเพลงชาติไทยดังขึ้นในเวลาแปดนาฬิกาตรงท่ามกลางเสียงงึมงำที่ร้องเพลงชาติตามเสียงต้นสาย กิจกรรมหน้าเสาธงของเด็กไทยซึ่งไม่เว้นแม้แต่โรเรียนคริสต์ที่เรียกครูผู้สอนว่ามาสเตอร์อย่างโรงเรียนผม แดดยามเช้าในเวลานี้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกแผดเผาด้วยแดดยามเที่ยงวัน ทั้งๆที่มีหลังคาโดมคลุมหัวก็ยังไม่สามารถต้านพลังทำลายล้างของดวงอาทิตย์สุดร้อนแรง

ตู้มๆ ปิ้วๆ

“มึงอย่าหนีดิวะ มาตีป้อมฝั่งนี้ก่อน”

“เลือดกูจะหมดแล้ว”

“ไอ้เหี้ย มันซุ่มอยู่ตรงนี้ 3 ตัว”


เสียงมนุษย์เพศชายที่ใช้คำหน้าหน้าว่านายมา 3 ปี กำลังโหวกเหวกโวยวายแข่งกับเสียงกิจกรรมหน้าเสาธงที่ทั้งหมดถือวิสาสะไม่เข้าร่วมตามอำเภอใจ แต่ละคนกำลังมุ่งมั่นในการทลายป้อมปราการของคู่ต่อสู้ในเกมชื่อดังที่เหล่าวัยรุ่นวัยเรียนติดกันงอมแงม แต่ดูท่าแล้วงานนี้แพ้ราบคาบแน่นอน

"ไปอดหลับอดนอนจากไหนมาวะมึง" เพื่อนหน้าตี๋หัวเกรียนทรงสกินเฮดข้างตัวมันใช้ศอกสะกิดผมที่ฟุบหลับบนโต๊ะนักเรียนแล้วถามทั้ง ๆ ที่ตายังจ้องโทรศัพท์อยู่

"เรียนพิเศษ" คำตอบสั้นๆหลุดออกจากปากด้วยเสียงเรียบเบา

"หื้อ? เรียนหนักหรือวะ สรุปพ่อมึงจะให้เข้าวิศวะฯให้ได้เลยใช่ปะ" ไอ้หัวสกินเฮดคนเดิมที่ทุกคนเรียกมันว่า เต้ กดออกจากหน้าเกมแล้วหันมาถามผมอย่างตั้งใจ

"อืม เฟืองมันเรียนบริหารแล้ว กูก็ต้องเรียนวิศวะฯไปช่วยงานต่อ" 


งานที่ว่าก็คือบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่พ่อผมเป็นประธานบริษัทซึ่งสืบทอดมาจากรุ่นปู่ และก็คงไม่พ้นผมกับพี่ชายที่ต้องสานต่อกิจการอันรุ่งเรืองนี้ ตัวผมก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไรที่จะต้องแบกรับความคาดหวังอันใหญ่หลวงนี้ โชคดีนิดหน่อยที่ไม่ได้มีความฝันชัดเจนว่าอยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร ก็เลยไม่มีความทุกข์ใจมากเท่าไหร่ที่ไม่ได้ทำตามความฝัน ผมโตมามีกินมีใช้ เรียนโรงเรียนดี ๆ ก็ เพราะบริษัทนี้ ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะยินดีรับหน้าที่ดูแลต่อ แต่ในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นผมก็ยังขอเที่ยวเล่นตามประสาเด็กหนุ่มคนหนึ่งก่อน

"มึงโอเคใช่เปล่าวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์ เพื่อนลูกครึ่งอเมริกาตาสีฟ้าร่างยักษ์หันมาถามผมอีกคน

"ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไม่โอเคนี่หว่า" ผมเงยหน้าขึ้นมาบิดคอซ้ายขวาคลายความเมื่อยล้าจากการก้มหน้านาน ๆ "กูก็ไม่ได้มีความฝันจะเรียนอะไรสักหน่อย เรียนวิศวะ ฯ ไปช่วยพ่อกูก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ ว่าแต่พวกมึงเหอะ เอาไงวะ" ผมย้อนถามเหล่าเพื่อนสนิทที่กอดคอกันโดนครูทำโทษมาตั้งแต่สมัยประถม

"กูคงไปเรียนเมกา แม่กูจะย้ายไปอยู่ที่นู่นยาวละ" คริสตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองตั้งแต่แรก

"ขายบ้านที่นี่เลยหรือวะ" เต้ถามพลางหยิบทาโร่ขึ้นมากิน

"อืม ขายบ้านใหญ่ แต่กูขอไว้แค่คอนโดของกู เผื่อกลับมาหาพวกมึงจะได้มีที่ซุกหัวนอน" เด็กหนุ่มลูกครึ่งยักคิ้วตอบเพื่อนหัวเกรียน

"ดีมากเพื่อน ไปดีมาดีนะมึง"

"กูยังไม่ไปไหมล่ะไอ้นี่" สิ้นคำตอบไอ้เต้ก็โดนคริสกระชากห่อทาโร่ออกไปจากมือ "แล้วไอ้พี มึงอ่ะเอาไง"

"ที่เดียวกับไอ้เกียร์มั้ง" บุคคลที่มีนิสัยเฉยชาที่สุดในกลุ่มเอ่ยตอบแบบขอไปที

"เห้ย! นี่มึงกะจะผูกข้อต่อแขนอยู่ด้วยกันไปยันตายหรือไง แยกๆกันบ้างเถอะ" ไอ้เต้เจ้าเดิมก็ยังคงสานต่อประเด็นนี้ต่อไป

ไอ้พีมองเหล่ด้วยหางตา "เสือก"  เชือดนิ่มๆ

"ไอ้คริส ไอ้พีมันด่ากู มึงด่ามันให้กูหน่อย" ไม่พูดอย่างเดียว ไอ้เต้ยังจับแขนไอ้คริสเขย่าเหมือนเด็กงอแงอยากได้ของเล่น

"สมควร"

"ฮ่า ๆ" เสียงหัวเราะจากทุกคนในกลุ่มยกเว้นไอ้เต้ที่กำลังทำหน้างอง้ำ มันคงคิดว่าน่ารักมากมั้ง


อย่างที่บอก พวกเราทั้ง 3 คน เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษาปีแรก เข้ามาเรียนที่โรงเรียนชายล้วนนี้พร้อมกันที่ฝ่ายประถม คนแรกที่เข้ามาทักผมคือไอ้เต้ เด็กชายหน้าตี๋ บ่งบอกชัดเจนว่ามีเชื้อสายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เด็กชายผู้ไม่เคยหยุดพูด พูดจนตัวเองหลับ มันเข้ามาชวนผมเขี่ยการ์ดยูกิ ตอนนั้นผมกับมันก็ตัวเท่า ๆ กันนี่แหละ อยู่กับมันแล้วไม่เครียดดีก็เลยเล่นตามน้ำมันไป

ส่วนไอ้พีได้อยู่กลุ่มเพราะจับสลากได้นั่งข้างกัน ครูประจำชั้นก็ให้เป็นบัดดี้ดูแลกัน ไอ้พีมันเป็นคนไม่ค่อยพูด อยู่รอดแบบไม่ตีกันตายด้วยคำว่า 'อะไรก็ได้ , ตามใจมึง' จนมาถึงทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้ไอ้คนพูดมากอย่างไอ้เต้ก็เลยเหมือนเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของกลุ่ม ไอ้พีก็เลยพลอยพูดมากขึ้นกว่าเดิม

พอกลางเทอมก็มีเด็กต่างชาติ ผิวขาวซีด ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลอ่อน ตัวเล็กๆผอมๆเข้ามาเรียนในห้องเรา เด็กนั่นแนะนำตัวว่าชื่อคริสโตเฟอร์ ทุกคนก็เลยเรียกมันสั้นๆว่าคริส ปัญหาใหญ่ของไอ้คริสตอนนั้นก็คือเรื่องภาษา มันฟังและพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ผมเคยถามมันตอนโตซึ่งได้ความว่าแม่มันพูดกับมันด้วยภาษาไทย แต่ส่วนใหญ่อยู่กับพ่อ ก็เลยใช้ภาษาไทยไม่บ่อย ทีนี้ด้วยความที่ตัวเล็ก พูดกับใครไม่รู้เรื่อง แล้วมาใช้ชีวิตในโรงเรียนชายล้วน ก็ไม่พ้นที่จะโดนแกล้ง

ตอนแรกพวกผมก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่พอมันโดนแกล้งหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนไอ้พีไปเห็นว่าแอบร้องไห้ในห้องน้ำนั่นแหละ ถึงได้ดึงเข้ามาอยู่กลุ่มด้วย ไอ้พีมันตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็ก เพื่อนในห้องก็เลยเกรงๆมันอยู่พอตัว พอเรียนมาด้วยกันจนถึงปัจจุบันที่อยู่ชั้นมัธยมปีสุดท้ายนี้ ทุกคนโตขึ้นหมดโดยเฉพาะไอ้คริส ที่ร่างยักษ์ตามเชื้อชาติและพันธุกรรมทางพ่อมัน มีไอ้เต้คนเดียวที่หยุดความสูงไว้ตั้งแต่ ม. 3 โดนเพื่อนล้อจนมันขี้เกียจด่า





ตอนนี้พวกผมโดดกิจกรรมเข้าแถวมารวมหัวกันอยู่ในห้องเรียนประจำชั้นของตัวเองและถือเป็นความโชคดีที่สุดที่วันนี้มาสเตอร์ประจำวันไม่ขึ้นมาตรวจอาคารเรียนจับเด็กเกเรไปทำโทษ

“ว่าแต่มึงเถอะ ถามแต่คนอื่น ตัวเองคิดไว้ยัง” ไอ้คริสมันหันกลับมาตั้งคำถามกับเพื่อนตัวแสบ

“คิดแล้วดิวะ” ไม่พูดเปล่าแถมยักคิ้วกวนตีนให้อีกสองที ตีนผมนี่กระตุกเลย
 
“คิดไว้ว่า”

ไอ้เต้ทำหน้าเจ้าเล่ห้ คำตอบน่าจะวอนโดนด่า“คณะไหนก็ได้ที่ผู้หญิงสวยๆ” ว่าแล้วไง

“โห่ ไอ้ควายยยยย” ตามควายมาก็คือฝ่ามือหนาฟาดลงหัวเกรียนเบาๆ

“โอ้ย! กูเจ็บนะไอ้ยักษ์”

“หยุด! กูรำคาญ” เสียงเย็นราบเรียบจากไอ้พีถือเป็นประกาศิตจบศึกปัญญาอ่อน

“เออ ไอ้เกียร์ แล้วมึงจะเข้าที่เดียวกับพี่เฟืองปะ” ยังคงเป็นคนเดิมที่อยากรู้อยากใส่ใจเพื่อนไม่จบไม่สิ้น

“ไม่รู้ ติดที่ไหนก็เรียนที่นั่นแหละ”

“ส่วนไอ้พีก็คงคำตอบเดียวกับไอ้เกียร์ กูไม่ถามก็ได้” พูดเอง เออเองเสร็จสรรพ แล้วก็เปิดเกมส์มาเล่นต่อ น่าถีบชิบหาย





 
คาบเรียนช่วงเช้าผ่านไปแบบหนักหนาสาหัสพอสมควร เพราะมีแต่วิชาหนักๆทั้งนั้น ผ่านกันมาในสภาพอิดโรยเต็มที และเมื่อเป็นช่วงเวลาของการพักกลางวันของชั้นมัธยมปลาย ทำให้โรงอาหารไม่ได้มีเสียงดังโวยวายมากเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากรอบพักของมัธยมต้นอย่างสิ้นเชิง โรงเรียนผมคนเยอะก็เลยต้องแบ่งพักแบบนี้ครับ

ระหว่างเดินก็มีรุ่นน้องที่รู้จักเข้ามาทักตามประสานักกีฬาโรงเรียน ถ้าพูดแบบไม่อ้อมค้อมกลุ่มพวกผมก็เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง ซึ่งผมยินดีมากที่ความเป็นจุดเด่นมาจากความสามารถตัวเอง แต่ก็เป็นเหตุผลส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ที่รู้จักและเกรงใจก็เพราะบารมีไอ้พี่ชายจอมกวนประสาทของผมนั่นแหละสร้างไว้ ชื่อเสียงเรื่องท้าตีท้าต่อยของมันนี่ดังกระฉ่อนมาก

บางครั้งผมก็ได้มีไปแจมบ้างถ้าสาเหตุมาจากผม ไม่พ้นเรื่องคู่อริหมั่นไส้เพราะแฟนมันทิ้งมาตามกลุ่มพวกผม แต่ทุกครั้งที่ปัญหาจะมาเกิดที่ผม ไอ้เฟืองพี่ชายของผมมันก็จะจัดการกันผมออกมาจากเรื่องนั้น แล้วพาพวกไปยำเอง ผมเคยหงุดหงิดมันจนระเบิดลงไปทีว่าทำไมไม่ให้ผมจัดการปัญหาด้วยตัวเอง


มันตอบมาแค่ว่า ‘เหลือลูกชายไว้ให้พ่อแม่ภูมิใจสักคน ซึ่งไม่ใช่กูแน่ๆ’


ผมไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่ก็ยอมทำตาม เพราะเป็นสิ่งเดียวที่มันกล้าขอผม ผมกับเฟืองอายุห่างกันแค่ปีเดียวก็เลยไม่ค่อยมีโมเมนต์เรียกพี่เรียกน้องเท่าไหร่
 





ระหว่างที่ผมนั่งจองโต๊ะให้พวกเพื่อนที่ไปซื้อข้าว ส่วนผมก็ฝากไอ้คริสซื้อมาให้

“อะ..เอ่อ พี่เกียร์ครับ” ผมเงยหน้าตามเสียงเรียกก็เห็นเด็ก ม.ต้น ผมทรงนักเรียนยืนก้มหน้าไม่สบตาผมอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะไม้ยาว
 
“ครับ”

“คะ..คือว่า…ผม”

“หมดเวลาพักของ ม.ต้นแล้ว ทำไมไม่ขึ้นเรียน” ผมสวนประโยคยาวเหยียดออกไปก่อนที่รุ่นน้องจะพูดจบ

“ผมกำลังจะไปเรียนครับ”

“ก็ไปสิ”

เด็กนั่นสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนเตรียมตัวเตรียมใจอะไรสักอย่าง
 
“คือผมชื่อเซฟนะครับ ผมจะบอกว่า ผมชอบพี่มาก ชอบตั้งแต่พี่อยู่ ม.4 แล้ว แล้วตอนนี้พี่อยู่ ม.6 ผมก็อยากจะสารภาพความในใจก่อนที่จะไม่มีโอกาสครับ พี่ไม่ต้องตอบรับผมก็ได้นะ ผมแค่อยากบอก ฟู่ว…” สิ้นเสียงเป่าปากของเด็กตรงหน้า ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆจากปากผม 

สิ่งที่ผมทำก็แค่ส่งรอยยิ้มเอ็นดูไปให้เด็กที่ยังไม่ประสาเรื่องความรัก แต่ก็กล้าพอที่จะมาสารภาพกับคนที่ชอบ

“โหย น้อง ใจกล้ามากนะเนี่ย พี่เห็นคนอื่นจะบอกทียังบอกผ่านการ์ด น้องนี่แน่จริงว่ะ” ไอ้เต้ที่มันเดินกลับมาเห็นฉากสำคัญพอดี วางจานข้าวลงบนโต๊ะแล้วเดินไปตบบ่ารุ่นน้องเบาๆ

“เอ่อ คือผม…” ริ้วสีแดงจางๆที่พาดแก้มขาวยาวไปจนถึงใบหูแสดงชัดว่ารุ่นน้องใจกล้ามีอาการอย่างไร

“หึหึ พี่ขอบใจน้องนะที่ชอบพี่ แต่กลับไปตั้งใจเรียนก่อน ไว้โตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคิด” ผมจ้องหน้าคนที่ไม่ยอมสบตาผมตั้งแต่มายืนตรงนี้

“ครับ ขอบคุณครับที่พี่ไม่ด่าผม ไว้ผมโต ผมจะมาบอกชอบพี่อีกครั้งนะครับ” เด็กน้อยใจกล้าก็ยังคงยืนหยัดในความตั้งใจของตัวเอง

ไอ้เต้ยกนิ้วโป้งให้น้องเซฟ“เหยด น้องนี่มันสุดยอดจริงๆ รักมั่นคงซะด้วย ฮ่า ๆ” 

“ขอบคุณครับ”

“เออ ไปเรียนได้แล้วไป” ไอ้เต้เอ่ยพลางยกมือไล่น้องไปเรียน

ไอ้เต้ยังไม่ทันโบกมือรอบที่สองรุ่นน้องใจกล้าก็หันหลังวิ่งฉิวกลับไปทางอาคารเรียนของชั้นมัธยมต้น
 
“มีอะไรวะ” ไอ้คริสที่กลับมาพร้อมจานข้าวสองจานในมือเอ่ยถามพร้อมวางจานข้าวตรงหน้าผมหนึ่งจานแล้วเดินไปนั่งลงข้างไอ้เต้

“เหมือนเดิม หนุ่มน้อยวัยใส รวบรวมความกล้ามาสารภาพรักกับรุ่นพี่สุดป๊อบ” ไอ้เต้ก็ยังคงเป็นคนที่อธิบายเหตุการณ์ธรรมดาให้เหมือนฉากในละครได้ดีเหมือนเดิม ไอ้เพื่อนเวร

“ฮ่า ๆ อีกแล้วหรือวะ เทอมนี้คนที่เท่าไหร่แล้ววะ” ไอ้คริสถึงกับวางช้อนแล้วหัวเราะใส่ผม

“เห้ย แต่คนนี้โคตรกล้า ไม่ยื่นการ์ดนะเว้ย สารภาพสด ๆ บทไม่ต้อง ฮ่า ๆ” คู่ขาหัวเกรียนของไอ้คริสก็ยังไม่หยุดชื่นชมรุ่นน้องคนนั้น
 
“ไอ้พี เพื่อนมึงนี่ขายดีในหมู่หนุ่มน้อยจริง ๆ”

ไอ้พีที่มานั่งข้างผมได้ครู่หนึ่งก็เงยหน้ามองเพื่อนลูกครึ่ง “ก็นี่โรงเรียนชายล้วน”

“แต่กูกับไอ้เต้ไม่เห็นจะมี”

“มึงหน้าเหี้ยไง” เชือดนิ่มอีกหนึ่งดอกจากคุณชายพี

“สัด! กูก็หล่อเหอะ สาว ๆ หญิงล้วนโรงเรียนข้าง ๆ มาตามกูเป็นพรวน” ไอ้เพื่อนร่างยักษ์ยังคงโอ้อวดในความหล่อของตัวเอง
 
“มึงติดหนี้เขาเปล่า เขาเลยมาตามทวงเป็นพรวน ฮ่า ๆ โอ้ย!! ตีกูอีกแล้วนะ”

“ก็มึงปากเสีย”

“กูพูดความจริงเหอะ เห้ย นั่นหมูกู เอาคืนมานะไอ้ยักษ์!!!”

ผมกับไอ้พีหันมาสบตากันแล้วก็อดที่จะ “เฮ้อ” ใส่กันเบาไม่ได้ จะจบ ม.6 แต่แม่งยังตีกันเป็นเด็กอนุบาล ผมขี้เกียจห้ามก็เลยนั่งตักข้าวใส่ปากเงียบ ๆ ปล่อยอ๊อกรบกับคนแคระไป ไม่ได้รบการแย่งแหวนเหมือนในหนังเดอะลอร์ดออฟเดอะริงหรอกครับ รบกันแย่งหมูทอด ปวดกะบาล






หลังจากใช้เวลาในการพักกลางวันจนเต็มอัตราที่โรงเรียนอนุญาต พวกผมก็ชวนกันขึ้นเรียนในคาบบ่าย ก็ยังดีที่วันนี้เป็นวิชาไม่ชวนเข้าเฝ้าพระอินทร์เท่าไหร่ ผมเข้าใจว่า ม.6 ตารางเรียนก็น่าจะประมาณนี้ ไม่ได้หนักวิชาพื้นฐานมากแล้ว เหมือนให้นักเรียนมีเวลาเตรียมตัวสอบ หาที่เรียนอะไรก็ว่าไป 

ตึ่ง ตึง ตึง ตึ้ง ตึง

เสียงระฆังดิจิตอลดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาในคาบเรียนสุดท้ายของวันแล้ว เพื่อนในห้องเรียนก็ต่างเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมที่จะออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่ใช้ชีวิตอยู่วันละหลายชั่วโมง 

หลายคนกลับบ้าน หลายคนไปเที่ยวพักผ่อนตามห้าง และมีอีกพวกคือไปเรียนพิเศษตามคอร์สที่ลงไว้ ซึ่งผมกับไอ้พีก็ถูกจัดอยู่ในประเภทสุดท้ายเช่นกัน

ปกติผมไม่ได้เรียนพิเศษหรอกครับ เป็นพวกเรียนแค่ในห้อง มันก็มีหลับบ้าง เล่นบ้าง แต่เกรดผมไม่เคยออกมาแย่กว่าที่ควรจะเป็น 

แต่พอขึ้น ม.6 มาแล้วต้องพยายามเข้าคณะที่พ่อวางแผนไว้ให้ผม ก็เลยต้องพยายามขึ้นมาหน่อย เห็นว่าคณะนี้ในมหาวิทยาลัยชื่อดังก็ไม่ได้เข้าง่ายๆ ซึ่งผมก็ไม่ลำบากต้องขวนขวายไปลงคอร์สเอง เพราะแม่ของผมจัดการให้เสร็จสรรพ ผมก็มีหน้าที่ไปเรียนให้คุ้มเงินที่เสียก็พอ


วันนี้ก็คงไม่ต่างจากทุกวันหรอก ผมกับไอ้พีจะขับมอเตอร์ไซต์กำลังขับเคลื่อนมากกว่ารถยนต์บางรุ่นคนละคันไปที่ตึกรวมโรงเรียนสอนพิเศษชื่อดัง

ระหว่างที่พวกเราทั้ง 4 คนกำลังสะพายกระเป๋าเดินลงบันไดมายังชั้นล่างสุด

“พี่เกียร์ๆ พี่เกียร์ครับ เฮ่อ เฮ่อ ฟู่ว…” รุ่นน้องคนหนึ่งที่น่าจะอยู่ ม.5 สังเกตจากจำนวนจุดสีแดงบนปกคอเสื้อ วิ่งมาตัดหน้าพวกผมทันทีที่เท้าแตะบันไดขั้นสุดท้าย

อาการเหนื่อยหอบของคนตรงหน้าเพราะคงจะรีบวิ่งมาก็สร้างความสงสัยให้พวกผมทั้งกลุ่ม

“มีอะไร วิ่งหนีอะไรมา” ผมขมวดคิ้วถามเสียงเรียบ

“เปล่าพี่ เปล่า ๆ ไม่ได้หนี แต่…แต่ ฮึบ ฟู่ว…” ประโยคตะกุกตะกักที่จับใจความได้บางคำก็ยังไม่ช่วยคลายความสงสัยได้
 
“มึงใจเย็น ๆ ก่อนน้อง หายใจก่อน กูล่ะกลัวมึงหอบแดกตาย” ไอ้เต้สวมรอยเป็นรุ่นพี่แสนดียกสมุดมาพัดให้รุ่นน้อง
 
“ฮึบ! โอเคแล้วครับ ขอบคุณครับพี่เต้”
 
ไอ้เต้เลยเก็บสมุดลงกระเป๋าเหมือนเดิม “เออ แล้วมีอะไรกับเพื่อนกู”

“ผมไม่มีพี่ แต่ผมมีเรื่องต้องบอก”

“เรื่องอะไร” คิ้วที่เพิ่งคลายลงก็เริ่มขมวดเข้ามาอีกครั้ง

“คืองี้พี่ เมื่อกี้เพื่อนผมที่เรียนโรงเรียนชายล้วนกางเกงดำแถวปากคลองอ่ะ มันส่งคลิปเด็กช่างน่าจะประมาณ 10 คนได้พี่ กำลังเหมือนจะยกพวกไปมีเรื่องอ่ะ” รุ่นน้องมันหยุดหอบหายใจอีกครั้ง
 
“แล้ว?” ไอ้คริสตีหน้าเข้มถามรุ่นน้อง

“คือผมกับเพื่อนก็ดูเรื่อย ๆ แล้วในคลิปอ่ะพี่ ผมเห็นพี่เฟือง ผมจำไม่ผิดแน่ ๆ ผมไม่รู้ว่าพี่เฟืองเกี่ยวอะไรไหม แต่ผมคิดว่าผมต้องมาบอกพี่อ่ะ”

“กูขอดูคลิป” ผมยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากคนบอกข่าว

“แปบ ๆ ครับ” รุ่นน้องผู้หวังดีกดปลดล็อคโทรศัพท์ ก็เห็นเป็นหน้าคลิปวีดีโอที่ยังหยุดค้างไว้อยู่ “นี่ครับ”

ผมรับมากดเล่นวีดีโอเริ่มจากช่วงต้น โดยมีเพื่อนอีกสามคนมาชะโงกหน้าดูอยู่ด้านหลัง วีดีโอเล่นไปจนเกือบจะจบผมก็ได้เห็นบุคคลที่รุ่นน้องผมบอกว่าเป็นพี่ชายของผมอยู่ในคลิปที่ดูเหตุการณ์จะไม่จบด้วยดีเท่าไหร่

ถ้ารุ่นน้องยังจำพี่ชายผมได้ ทำไมผมจะจำไม่ได้ว่าคนที่สงสัยคือเฟืองจริง ๆ

“เชี่ยแล้วไง” ไอ้เต้หลุดอุทานออกมาหลังจากคลิปจบลง

“เดี๋ยวกูโทรหามันก่อน” ผมรีบล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงนักเรียนเพื่อหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาไอ้พี่ชายจอมซ่าส์


หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ใน-


“เชี่ยเอ้ย ปิดเครื่อง !” ผมกดตัดสายทั้งที่เสียงตอบรับอัตโนมัติยังพูดไม่จบ คิ้วผมยิ่งขมวดเป็นปมกับปัญหาที่กำลังเจอ

“มึงใจเย็นก่อนไอ้เกียร์” ไอ้คริสยกมือตบบ่าผมเบาๆ

ไอ้พีที่ยืนขมวดคิ้วไม่ต่างจากผมก็ยกมือจับไหล่รุ่นน้อง “มึงชื่อไร”

“เวย์ครับ”
 
“ไอ้เวย์มึงฟังกู กูวานมึงไปบอกเพื่อนให้ช่วยตามดูห่าง ๆ ได้ไหม แล้วบอกมาเป็นระยะว่าอยู่ตรงไหน เอาโทรศัพท์มึงมา” ไอ้เวย์ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้พี “นี่เบอร์กู ได้เรื่องยังไงโทรมา”

“ครับ ๆ”

“แล้วบอกเพื่อนมึงว่าตามห่าง ๆ ระวังตัวเอง ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ให้หนี”

“ครับ”
 
“เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ เดี๋ยวผมโทรเลยตอนนี้” ไอ้เวย์ที่เหมือนได้รับบทเป็นหนึ่งในฮีโร่ก็รีบทำหน้าที่ด้วยความว่องไว

“จะไปคันเดียวกันหรือคนละคัน” ไอ้พีหันมาถามผม
 
“คนละคัน ไอ้เต้มึงไปกับไอ้คริส” ฝากฝังไอ้หัวเกรียนไว้กับไอ้คริส เพราะมีมันคนเดียวที่ไม่ได้ขับมอเตอร์ไซต์มาโรงเรียน ม๊ามันหวงลูกชายมาก กลัวขับไปชนใครเขา

“โอเค” ไอ้คริสรับคำ

“งั้นไป” สิ้นเสียงไอ้พี ผมกับพวกมันก็รีบวิ่งไปโรงจอดรถของนักเรียนเพื่อขับสายฟ้าลูกรักไปย่านปากคลองตลาด ถ้าไปซอยที่เป็นทางลัด ก็ใช้เวลาไม่นานมาก






(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
ความเร็วของรถคู่ใจที่เร็วเกินกว่ามอเตอร์ไซต์ทั่วไปก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เดาว่าจะเกิดเรื่อง คอยดูนะ ถ้าจบเรื่องนี้ผมจะให้พ่อตัดเงินเดือนไอ้พี่เหี้ย


รถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สามคันก็มาจอดไว้ตรงอาคารสีเหลือง ๆ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา รอการติดต่อจากรุ่นน้องที่ชื่อเวย์ สิ่งเดียวที่ผมกังวลตอนนี้คือกลัวว่าจะมาไม่ทัน ปกติพี่ชายผมมันก็ชำนาญเรื่องต่อยตีอยู่แล้ว เพื่อนฝูงที่มีก็ไม่ใช่น้อย ๆ แต่ตอนนี้คือกลุ่มคนที่มันกำลังจะมีเรื่องด้วยไม่ใช่เด็กนักเรียนมัธยมอย่างเมื่อก่อนไง ที่อาวุธหนักสุดก็สนับมืดเหล็ก ไม้หน้าสาม ว่ากันไป แต่คนกลุ่มนี้อาจจะมีอาวุธที่อันตรายมากกว่า ถึงจะเรียนมหาลัยปี 1 มึงก็ยังก่อเรื่องได้นะ แม่งเอ้ย


RrrrrrrRrrrrrrr

ยืนถอนหายใจกันเงียบ ๆ จนได้รับการติดต่อมา ไอ้พีกดเปิดลำโพงให้สามารถได้ยินทุกคน

“ฮัลโหล”

“(พี่พีปะครับ)”

“เออ ว่าไง”

“(เพื่อนผมมันตามทันครับ อยู่ซอยเล็ก ๆ ข้างตลาดขายดอกไม้)”

“บอกพิกัดที่ง่ายกว่านี้ได้ปะวะ” ไอ้คริสตะโกนถามคนปลายสาย

“(ตอนนี้พวกพี่อยู่ไหนแล้ว)”

“หน้าอาคารสีเหลือติดแม่น้ำเจ้าพระยา” ผมเอ่ยตอบคำถามรุ่นน้อง

“(ไอ้นิว มึงถามพวกมันดิ๊ มีอะไรให้สังเกตง่าย ๆ มั่ง เดินจากอาคารยอดพิมานอ่ะมึง)” เสียงไอ้เวย์ที่น่าจะหันไปคุยกับเพื่อนอีกคน “(แปบ ๆ นะพี่ ผมให้เพื่อนถามอยู่)”

“แล้วมึงรู้ไหม สถานการณ์ตอนนี้เป็นไง ฝั่งพี่กูมีกี่คน” เอ่ยถามสิ่งที่กังวลและภาวนาว่าขอให้ยังไม่เกิดขึ้น

“(ยังไม่มีอะไรพี่ เหมือนพี่เฟืองเจรจาอยู่ ฝั่งพี่เฟืองใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกันมีอยู่ 3 คนครับ)” ไอ้เวย์อธิบายอย่างละเอียดเหมือนมันอยู่ตรงนั้นเอง ถ้าผ่านไปด้วยดีผมจะไถเงินไอ้เฟืองพามันไปเลี้ยงข้าวแม่ง

“(พี่ ๆ ปากซอยเป็นตึกร้าง เดี๋ยว ๆ แปบครับ)” 

“มีอะไร”
 
“(เพื่อนผมมันบอกให้พวกพี่อ้อมไปอีกทาง อยู่ด้านหลัง เข้าทางนี้จะไปเจอฝั่งพี่เฟือง)”

“แล้วมันไปยังไงวะ!” ไอ้เต้ที่ออกอาการหงุดหงิดก็เริ่มเก็บอาการไม่อยู่ ตะคอกถามออกไปเสียงดัง

“(พี่เดินเลียบอาคารสีเหลืองไปทางซ้ายเรื่อย ๆ ซ้ายแบบหันหน้าออกจากอาคารนะพี่ เดินไปแล้วมองขวามือจะเห็นซอยที่มีร้านซ่อมรถ แต่เดินจากซอยนั้นไปอีก 3 ซอยครับ)”

“ขอบใจมึงมากเวย์” คำขอบคุณของผม

“(ไม่เป็นไรครับ)”

“บอกเพื่อนมึงออกมาได้แล้ว ระวังอย่าให้มันจับได้ล่ะ” ไอ้พีออกคำสั่งกับรุ่นน้องอีกครั้ง

“(ครับ ๆ ระวังตัวกันด้วยนะพี่)”

“เออ ขอบใจ” ไอ้คริสกล่าวปิดบทสนทนา แถมยังกดวางทันที “รอเหี้ยอะไรล่ะ ไปดิวะ”


แทบไม่ต้องมีใครพูดซ้ำ ขาของผมทุกคนก็ก้าวไปทางตำแหน่งที่รุ่นน้องบอกมาอย่างรวดเร็ว ไอ้เต้ที่ว่าตัวเตี้ยกว่าพวกผม พอเวลามันวิ่งก็เร็วพอตัว

พอวิ่งผ่านซอยที่มีร้านซ่อมรถพวกผมก็เริ่มผ่อนแรงลดความเร็วในการวิ่งลง กลายเป็นค่อย ๆ เดินหากลุ่มคนที่กำลังมีเรื่องกัน
ถ้านับซอยตามที่ไอ้เวย์บอก ซอยข้างหน้าก็เป็นซอยเป้าหมายแล้ว 

ไอ้พียกนิ้วชี้มาแนบปาก “ชู่…”

ผมกับไอ้พีใช้กำแพงของอาคารเป็นที่กำบังแล้วค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกไปเพื่อสอดส่องสถานการณ์ โดยมีไอ้คริสกับไอ้เต้ที่แยกกันไปยืนอีกฝั่ง

 
มองจากตรงนี้ผมเห็นแผ่นหลังภายใต้ชุดนักศึกษาของพี่ชายแท้ ๆ พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน ฝั่งตรงข้ามก็เป็นกลุ่มชายวัยรุ่นสวมเสื้อช็อปประมาณ 7 คน และจากระยะนี้ก็ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นกำลังเจรจาอะไรกัน

“กูว่าเข้าไปใกล้กว่านี้ดีกว่าว่ะ” ผมกันไปพูดกับไอ้พี

“งั้นแยกกัน ไปหลบหลังเสาตรงนู้น” 

ผมพยักหน้าตกลง “โอเค”




ผมกับไอ้พีแยกกันตามที่ตกลง ผมหันไปส่งสัญญาณให้ไอ้คริสกับไอ้เต้ว่าให้มันหลบอยู่ตรงนี้ก่อน เพราะคิดว่าแบ่งเป็น 2 ทีมน่าจะคล่องตัวกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นไอ้เต้จะได้โทรแจ้งตำรวจหรือรถพยาบาลทัน

พอย้ายที่หลบซ่อนได้ บริเวณที่ผมยืนอยู่ก็พอจะได้ยินเสียงคุยกันของทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นอาคารร้างเสียงรบกวนแทบไม่มี

“สรุปมึงจะเอาไงวะ เมื่อไหร่เพื่อนมึงจะมา” เสียงไอ้เฟืองตะโกนถามฝ่ายนั้น

“จะรีบไปไหนวะ ยังไงวันนี้มึงก็โดนตีนพวกกูอยู่ดี”

“หึ แล้วคิดว่าพวกกูจะยืนอยู่เฉย ๆ ว่างั้น?” ประโยควอนโดนตีนมากพี่ชายกู

“ปากเก่งนะมึง”
 
“พวกมึงมีอะไรคาใจก็รีบเคลียร์ พวกกูไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น” อันนี้น่าจะเป็นเสียงเพื่อนที่มหาลัยของไอ้เฟือง ตอนนี้ผมงงแค่ว่าทำไมเพื่อนสมัยมัธยมกลุ่มเดียวกับไอ้เฟืองไม่มาด้วย

“รอเจ้าของเรื่องคาใจนี้หน่อยเถอะน่า”

“กูว่ามันชักจะปัญญาอ่อนเกินไปแล้วนะ กับแค่ผู้หญิงคนเดียว กูก็บอกแล้วว่า ผู้หญิงของน้องมึงมันมาตื้อน้องชายกูเอง”


น้องชาย? กูนี่หว่า


“ไอ้สัด! มึงอย่ามาน่าตัวเมีย โยนความผิดให้ผู้หญิง” ไอ้ฝ่ายเสื้อช็อปเริ่มหัวเสีย

“กูไม่ได้โยน ก็เขาทิ้งน้องมึงมาตื้อน้องชายกูจริง ๆ กูก็แค่ลองบอกข้อแลกเปลี่ยนให้มาสนใจกูแทน แค่นั้นเขาก็ใจง่ายตอบตกลงแล้ว” นี่มันเรื่องอะไรวะ ผู้หญิงคนไหนอีกวะ

“ถ้าไม่เพราะน้องชายมึง หรือเพราะมึง เขาก็ไม่เลิกกับรุ่นน้องกูหรอกโว้ย!!” ไอ้หัวเกรียนถือไม้หน้าสามตะคอกตอบกลับไอ้เฟือง
ผมว่าผมทนไม่ไหวแล้วไอ้เหี้ย

ผมตัดสินเดินออกจากที่หลบซ่อน “ผู้หญิงร่านเอง อย่ามาโทษกูกับพี่กู”

“ไอ้เกียร์!! มึงมาไงวะ” นอกจากคู่อริจะตกใจแล้ว พี่ชายผมก็ตกใจไม่ต่างกัน จบเรื่องแล้วมีเคลียร์ยาวแน่ไอ้พี่เวร

“เอาไว้กูค่อยเคลียร์กับมึงทีหลัง” ผมบอกเสียงเรียบ

แล้วไอ้พีก็เดินออกมาจากที่หลบซ่อนเหมือนกัน ประเมินสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถ้าตะลุมบอนจริงก็สูสี เพราะจำนวนคนและขนาดตัวไม่ต่างกันเท่าไหร่ พวกผมเสียเปรียบตรงไม่มีอาวุธอะไรมาป้องกันเลย

“เออ มาทั้งพี่ทั้งน้องก็ดี กูจะได้ยำตีนทีเดียว” ไอ้หัวโจกฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงดังด้วยรอยยิ้มเหยียด

ผมล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงนักเรียน แสดงออกให้เห็นถึงความสบายอกสบายใจเต็มที่ “กูใช้เวลามานี่ 15 นาที หาพวกมึงอีก 10 นาที ซุ่มดูอีก 5 นาที รวมแล้วก็เกือบครึ่งชั่วโมง หึ ขู่มาครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่เหนื่อยหรือวะ หรือว่าเก่งแต่ปาก” ผมยิ้มเหยียดใส่กลับไป

“ไอ้เหี้ย!! อย่ามาปากดีกับกู” ไอ้หัวโจกหัวเสียแบบเก็บอาการไม่อยู่

“มึง กูว่าไม่ต้องรอไอ้เดชละ หมั่นตีนชิบหาย” ลูกกระจ๊อกฝ่ายอริเริ่มขยับมือขยันอาวุธ

ไอ้หัวหน้ามันหันมามองพวกผมอีกครั้ง ดูจากแววตามันแล้ว การกวนตีนของผมประสบความสำเร็จอย่างมาก เรียกตีนมาแล้วไง เฟือง ผม ไอ้พี ที่เรียนมวยไทย เรียนเทควันโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ได้งัดมาใช้ทุกท่าก็วันนี้แหละ

“งั้นก็ไม่ต้องรอ ยำแม่งให้เละ!!”

สิ้นเสียงคำสั่งของไอ้หัวหน้า กลุ่มคนที่เป็นอริก็พุ่งตรงเข้าใส่พวกผม หางตาผมเห็นไอ้คริสมันวิ่งออกมาจากที่หลบซ่อนเพื่อเข้ามาช่วยผม

ตุ๊บ!
 
ปึก!

เชี่ยเอ้ย!

ผลัก!

ผัวะ!
 
ฟึบ!

เสียงกระทบกันของร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้แบบตะลุมบอน ตอนแรกที่รวมกันเป็นกระจุก พวกผมก็เริ่มวิ่งกระจายตัวเพื่อง่ายต่อการจัดการ



ผมวิ่งนำไอ้คู่อริ 2 คนเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ที่มองจากตรงนี้เห็นอาคารสีเหลืองที่เป็นจุดจอดรถ ถ้าผมวิ่งเข้าไปทางที่มีคนเยอะ มันก็เสี่ยงที่คนอื่นจะเดือดร้อนแน่ ๆ ถ้าพวกมันไม่หยุด


ผมเลยวิ่งไปอีกทางเป็นซอยข้างโรงเรียนหนึ่ง ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดเพราะแสงอาทิตยใกล้จะลับขอบฟ้า และไม่รู้ว่าไอ้ 2 คนนั้นมันแยกกันวิ่งตอนไหน ถึงได้มีอีกคนมาตัดหน้าผม เชี่ยแล้วไง

หนีไม่ได้ก็สู้ สองต่อหนึ่งก็ยังพอมีลุ้น แต่หนักใจตรงท่อนเหล็กในมือมันนั่นแหละครับ
 
“กูเอามึงตายแน่!! มึง…” สิ้นเสียงไอ้หัวฟูที่ถือท่อนเหล็กในมือ มันก็พุ่งเข้าใส่ผมทันที

งัดทักษะการป้องกันตัวที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กออกมาใช้ งานนี้ท่าไม้ตายไหนก็ได้ที่ทำให้พวกมันสลบก่อน

ปึก!]

“โอ้ย!” ท่อนเหล็กหนากระทบเข้ามาที่กลางหลังผมอย่างแรง ด้วยฝีมือของไอ้หน้าสิวอีกคน

“เก่งนักใช่ไหม!”

ปึก!
 
ผมถูกตีเข้าที่ตำแหน่งเดิม อาการเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายช้าขึ้นไปอีก แต่ผมก็พยายามตั้งสติ
 
พลั่ก!!
 
ผัวะ!!
 
ผมสวนหมัดคืนเข้าที่หน้าของไอ้หัวฟู พอได้จังหวะผมก็เตะเข้าที่ข้อมือมันอย่างแรงจนท่อนเหล็กหลุดจากมือ
 
“โอ้ย!!” จัดการคนหนึ่งได้ แต่มันยังมีอีกคน ผมโดนท่อนเหล็กตีที่ไหล่ขวา ปลายท่อนเหล็กโดนหางคิ้วจนเริ่มได้กลิ่นคาวเลือด
เลือดที่ไหลเข้าตา ทำให้ผมพลาดท่าอย่างหนัก

ตุ๊บ! ตั๊บ!
 
“โอ้ย!”

ระหว่างที่ผมกำลังพยายามปัดป้องส่วนสำคัญจากเท้าสองคู่สี่ข้างของพวกมันอยู่นั้น

“ตำรวจ ๆ ทางนี้ครับ ทางนี้ มีคนโดนทำร้ายครับ คุณตำรวจ ๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่คาดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้ชาย

“ไอ้เชี่ย ไปก่อนมึง” ไอ้หน้าสิวมันชะงักเท้าแล้วหันไปพูดกันเพื่อนมัน

จังหวะนั้นผมเลยพยายามยันตัวขึ้น
 
“ใช่ครับ ๆ ทางนี้ กำลังรุมเลยครับ”
 
“ไปเว้ยมึง!” ไอ้หัวฟูมันหยุดยำตีนผม แล้วรีบวิ่งนำเพื่อนมันไปทิศตรงข้ามกับเสียงผู้หวังดี

 
ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งได้ ก็ยกมือปาดเลือกที่ยังคงไหลออกจากหางคิ้ว อาการเจ็บเสียดที่แผ่นหลังก็ชัดเจนจนต้องนิ่วหน้าให้กับความเจ็บปวด


ยังไม่ทันลุกขึ้นยืนก็มีเงาของคนมาบังแสงไฟทาบทับตัวผม


“นาย เป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม” เสียงเล็กที่เป็นเสียงเดียวกับที่ตะโกนเรียกตำรวจเมื่อครู่นี้

“ไหว”

คนที่น่าจะตัวเล็กกว่าผม ก็เข้ามาอาสาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน “ฮึ่บ! ตัวหนักจัง”
 
“หึ”
 
“ให้เราพาไปหาหมอไหม”
 
พอผมยืนขึ้นจนสุดตัวก็พบว่าผู้หวังดีตัวเล็กกว่าผมจริง ๆ กลายเป็นว่าตอนนี้เขาต้องเงยหน้ามาถามผมที่มีแสงไฟส่องจากด้านหลัง


กึก!

 
“นี่นาย เราถามว่าให้เราพาไปหาหมอไหม”

“…” นัยน์ตากลมใสที่จ้องมา
 
“เฮ้ ได้ยินเราไหม”

“…” ขนตายาวเป็นแพ

“เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่าโดนซ้อมจนเอ๋อนะ เฮ้! นาย!”

“ห๊ะ!” เสียงตอบรับหลุดออกจากลำคอพร้อมกับสติของผมที่กลับมา

“ฟังรู้เรื่องไหม ให้เราพาไปหาหมอหรือเปล่า เลือดไหลไม่หยุดเลย” นิ้วชี้เรียวเล็กชี้ไปยังหางคิ้วข้างขวาที่ยังมีเลือดซึมอยู่ 

“ไม่เป็นไร”

คนตัวเล็กเอียงคอมองหน้าผม“แน่ใจนะ”


ตึกตัก ตึกตัก
 
ทำไมใจสั่นวะ


“อะ..อืม แน่ใจ”

“โรงเรียนไม่ได้อยู่แถวนี้นี่ ทำไมมามีเรื่องไกลจัง แล้วนี่ยังอยู่ในชุดนักเรียนอีกนะ ดีที่พวกสารวัตรนักเรียนไม่มาเจอ เฮ้อ ทำไมไม่ตั้งใจเรียนนะ” เจ้าของนัยน์ตากลมร่ายยาวแถมยังมาถอนหายใจใส่กันอีก
 
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“นี่นาย! เราไม่ใช่เด็กนะ เราอยู่ ม.4 แล้ว!”

“ก็ยังเด็กกว่าอยู่ดี”

“หึ่ย เราอุตส่าห์ช่วยนะ รู้งี้ปล่อยให้โดนซ้อมก็ดี” คิ้วเรียวได้รูปขมวดเป็นปม แสดงอาการชัดว่าไม่พอใจกับคำพูดของผม


หน้าตาน่าแกล้งชะมัด

ถ้าแกล้งให้ร้องไห้จะเป็นไง
 
คิดอะไรของกูวะ


“ขอบใจ”

“…”

“แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้ มันอันตราย” ผมรีบบอกฮีโร่ตัวเล็กไว้ก่อน ป้องกันนิสัยคนดีที่เกิดอยากเข้าไปช่วยใครอีก ครั้งนี้ยังดีที่ไอ้พวกนั้นเลือกที่จะวิ่งหนี แทนที่จะวิ่งใส่พยานบุคคลหน้าซื่อบื้อนี่

“เราเอาตัวรอดได้น่า”

“ทำเป็นเก่ง”

“เอ๊ะ! นี่-”


RrrrrrrRrrrrrr
 
คนตัวเล็กล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนสีดำที่กำลังสั่นขึ้นมากดรับ

“ครับ”

“…”

“ว่าไงนะครับ!...โอเคครับ ครับ ๆ”

“…?”

เจ้าของเสียงใสกดวางสายแล้วหันมามองหน้าผมด้วยท่าทีรีบร้อน “นี่นาย เราไปก่อนนะ อย่าลืมไปหาหมอด้วยล่ะ”

“อ่า”

ยังไม่ทันตอบอะไร คนนัยน์ตากลมก็หมุนตัววิ่งห่างออกไป แต่ยังหันกลับมาโบกมือให้ผม “ไปแล้ว ๆ โอ้ย!”
 
“เห้ย!”

สะดุดขาตัวเองล้มเฉยเลยครับ

“เราไม่เป็นไร ไปแล้ว ๆ” ยันตัวลุกขึ้นได้ก็วิ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว
 
ผมที่ยืนมองตามก็ทำได้แค่ส่ายหัวให้กับความซุ่มซ่ามของฮีโร่ตัวเล็ก

“เลือดท่วมหน้าแต่เสือกยืนยิ้มนะกู หึหึ” ยิ้มเยาะให้กับความไม่เป็นตัวเองของผม

“ขอบคุณนะ”
 

เวลาอันแสนสั้นที่ได้รับความช่วยเหลือและพูดคุย สั้นมากจนแม้กระทั่งชื่อก็ไม่รู้

 
สิ่งที่ยังคงติดในหัวผมชัดเจนที่สุดตอนนี้ก็คง…
 
“ตากลม แก้มป่อง…เหมือนปลาทอง”

รอยยิ้มผุดขึ้นมาง่ายดายเพียงแค่ทวนฉายานี้ในใจ แม้เจ้าของฉายาไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ผมว่าถ้าเขามีโอกาสได้รู้ ผมคงจะโดนขมวดคิ้ว ทำแก้มป่องใส่แน่นอน
 










ปัจจุบัน...



นัยน์ตากลมเบิกกว้างคล้ายว่าตกใจอย่างมาก “จำได้แล้ว!! พี่เป็นเด็กเกเรปากเสียคนนั้นหรือ?!”

“ห๊ะ! มึงเรียกว่าไงนะ”

“ก็เด็กเกเรปากเสียไงเล่า ฮ่า ๆ ผมอุตส่าห์เป็นฮีโร่ไปช่วย ยังว่าผมเด็กอีก” ปลาทองของผมหัวเราะจนตาหยีน่าเอ็นดู

ผมยกมือขยี้ผมนุ่มที่ปกคลุมศีรษะของน้อง “ก็ตอนนั้นมึงเด็กจริง ๆ นี่ ตัวเล็กนิดเดียว” เจ้าพระยาหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม ท่าทางที่น่าจะมาฟัดให้แก้มยืด

“แล้วตอนนั้นพี่ตามหาผมจริง ๆ อ่ะ” เด็กข้างตัวยังคงสงสัยไม่เลิก

ผมหันกลับไปมองสายน้ำ “อืม”

“ไม่ท้อหรือ แน่ใจหรือว่าจะเจอ”

“ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง รู้แค่ว่าอยากเจอ” เสียงทุ้มเรียบเอ่ยเบาๆคลอไปกับเสียงน้ำกระทบฝั่ง

“ขอบคุณครับ”

ผมหันกลับมามองหน้าแฟนหมาดๆของตัวเอง “ขอบคุณอะไรหืม?”

ขอบคุณที่ตามหา ขอบคุณที่จำได้ และขอบคุณที่ไม่ปล่อยผมไป” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาหลังเอ่ยประโยคสำคัญจบ

ผมยิ้มตอบกลับไปให้คนตัวเล็ก “ยินดี



 
ใครจะรู้ว่าการเจอพบใครสักคนในช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำ แต่ผมกลับจดจำใบหน้าของเขาคนนั้นได้เป็นอย่างดี 

หลายอาทิตย์นับจากนั้นที่เฝ้าวนเวียนสถานที่เดิม ๆ เพราะคิดแค่ว่าอาจจะได้พบเจอ

หลายเดือนที่จมอยู่กับความรู้สึกบางอย่างจนก่อเกิดเป็นความสับสนในใจ
 
ผมยังเป็นผู้ชาย ผมยังชอบผู้หญิง แต่ผม…ลืมเขาไม่ได้

และเป็นปีที่พยายามผลักความทรงจำ แก้มขาว และนัยน์ตากลมที่แวววาวเหมือนมีน้ำอยู่ในตาเสมอ กดทั้งหมดเข้าไปอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของลิ้นชักความทรงจำ ตัดใจปิดตายมันไว้ตรงนั้น…


 
…จนวันนี้…


 
วันที่เป็นเหมือนความฝัน

มากกว่าการได้เจอกันอีกครั้ง คือ การได้ดูแลหัวใจกันและกัน
 


ตลอดไป…












*TBC
(29/04/2018)
********************************************************
ทำเหมือนใกล้จะจับ ยังค่ะ ความรักเพิ่งเริ่มต้น ฮ่าๆ
คุยกันได้ที่แท็ก #เจ้พระยาที่รัก ในทวิตเตอร์นะคะ อยากคุยกับทุกคนมากๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นการระลึกถึงความหลังที่ระทึกจริง ๆ  :laugh3:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด