ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ❤️ตอนที่ 58 [จบบริบูรณ์]❤️ -8/1/61-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ❤️ตอนที่ 58 [จบบริบูรณ์]❤️ -8/1/61-  (อ่าน 67739 ครั้ง)

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 7 [100%]<<

“พี่มีรถมะ...” ผมหันไปถาม ความรักมันเอนตัวซบอกพี่มะเดี่ยวอย่างน่าหมั่นไส้ โอ้ย...อะไรจะขนาดนั้นวะ

“ไม่มีอะ เดินเอา ถือว่าเป็นการออกกำลังกาย”

“งั้นพี่เดินไปเนอะ”

“ตลก” หัวผมโดนโบกไปหนึ่งทีไม่แรงนัก เพราะถ้าแรง ผมคงขำไม่ออก

“งั้นพี่ขี่นะ ผมไม่ปั่นให้พี่ซ้อนหรอก...ไม่น่าไหว” ตัวใหญ่อย่างกับอะไรดี หน่องปูดพอดีอะผมว่า

“เออ แต่จักรยานมึงแม่บ้านโคตรๆ”

“แหม่ เพื่อความสะดวกสบายของความรักไงพี่” ว่าแล้วยิ้มกว้างๆ พี่มะเดี่ยวยิ้มตามก่อนจะโยนกระเป๋าตัวเองมาให้ผมถือ

พี่เขาเป็นคนเอารถออกมาจากที่จอด ขยับกลับด้าน เอาความรักใส่ตะกร้าด้านหน้าหลังตัวเองคร่อมอานเรียบร้อย ผมขึ้นตามแล้วก็ให้พี่เขาปั่นไปยังร้านที่เขาจะกิน และเพื่อความปลอดภัย ผมจับเสื้อตรงเอวทั้งสองข้างของพี่เขาเอาไว้กันตก อะไรจะเกิดขึ้นเราไม่รู้นี่จริงไหมครับ ผมไม่ได้แต๊ะอั๋งพี่มะเดี่ยวเลยนา...จริงนา...

แต่ว่า...เหงื่อโชกกายขนาดนี้ กลิ่นตัวพี่เขายังไม่เหม็นเลยเลยแหะ นี่กินน้ำหอมเข้าไปเป็นเครื่องดื่มทุกคืนก่อนนอนใช่ไหมครับ เป็นพี่ชายผมนะ กลิ่นนี่หึ่งไม่อยากเข้าใกล้พวกมันเลย แต่พวกมันก็ชอบเอาสารร่างชุ่มเหงื่อตัวเองมาถูไถกับผม หรือไม่ก็รวบร่างผมเข้าไปกอดจนผมเหม็นตามพวกมันทุกที

“ทำไมมึงมาเรียนนี่วะ...” ปั่นไปตามทางอยู่ดีๆ พี่เขาก็เอ่ยถามขึ้น มันได้ยินไม่ชัดหรอกแต่ก็ได้ยิน

“อยากได้วิชาแน่นๆ เลยมาเรียนนี่น่ะพี่” ผมชะโงกหน้าไปด้านขวาเพื่อบอก กลัวพี่มะเดี่ยวได้ยินไม่ชัดไง

“เรียนครู...อยากเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ ครูมันเหนื่อยนะเว้ย เจอกับเด็กเพียบเลย แค่คิดก็ปวดหัวแล้วเนี่ย” ผมขำ มันจริงอย่างที่พี่เขาว่าแหละ เด็กๆ น่าปวดหัว

“แต่ก็น่าเอ็นดูนะ ผมก็ไม่เชิงอยากเป็นครูหรอก...แต่สงสารเด็กๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนดีๆ อะพี่ เลยว่าจะเปิดสอนแบบการกุศลไรงี้”

“โอ้โห...บ้านรวย”

“ก็นะ...มีอันจะกินอะ” ว่าแล้วผมก็ขำออกมาเสียงดัง พี่มะเดี่ยวแม่งไม่ขำกับผม เขาเล่นปั่นแบบซอกแซก เอียงซ้ายเอียงขวาจนน่าหวาดเสียว จากที่จับแค่ชายเสื้อก็ต้องกอดเอวพี่มันเอาไว้เดี๋ยวตก

ทันทีที่เอามือโอบรอบเอวหนา พี่มันก็เป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง เห่อๆ...ผมโดนแกล้งอีกแล้ว นี่ แกล้งผมมากๆ อะ มันไม่ได้ทำให้พี่เต้นเก่งขึ้นนะครับ แล้วก็ไม่ได้ทำให้พี่มะเดี่ยวสุดหล่อคนนี้รวยขึ้นเน้อ

“พี่แม่ง...อย่าแกล้งดิ” ต่อว่าได้แค่ในใจ เศร้ามากมาย ใครเล่าจะรู้นอกจากผมเองคนเดียว

“แกล้งมึงแล้วมีความสุขดี...”

“ผมไม่ได้มีความสุขด้วยหนิ”

“ก็ถ้ามึงมีความสุข จะเรียกว่าโดนแกล้งไหมละควาย!” น่านนนน โดนด่าอีกแล้ววว

“เป็นหมูแทนได้ปะ ไม่เป็นควายอะ มันดูโง่”

“ก็มึงดูโง่” จบ...จบแล้วชีวิตเดอะสาม กูหมดคำจะเถียงกับพี่มึงแล้วล่ะ

ผมนั่งหน้าบึ้งแทนที่จะต่อปากต่อคำพี่มะเดี่ยว พี่ท่านหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่รู้ป่านนี้กรามค้างไปหรือยัง หรือว่าผมควรคิดเสียว่า...ทำบุญ ก็ทำให้คนอื่นมีความสุขมันคือการทำบุญทำทานอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ พี่แกคงทำงานมากไปเลยเครียดอะเนอะ ก็เลยได้แต่ลงกับคนอื่นเขาไปวันๆ

“พี่ควรหาแฟนไว้แกล้งสักคน” พูดออกไปลอยๆ

“งั้นเอามึงเป็นไง...แกล้งสนุกดี”

“ม่ายยยยยย” ถ้าต้องเป็นแฟนพี่มึงเพื่อนโดนแกล้ง กูไม่มีวันเป็นครับพี่ ชิ...เจ็บใจ เถียงไรต่อไม่ได้

พี่มะเดี่ยวปั่นจักรยานยาวไปยังคอนโดที่เราอาศัย จอดรถไว้ที่ที่เขาจัดให้ เสร็จก็พากันเดินไปที่ร้านอาหารใต้คอนโด พี่มะเดี่ยวอุ้มความรักเหมือนมันเป็นลูกพี่เขาไปแล้ว แล้วความรักก็อ้อนเขาเหมือนเขาเป็นพ่อมัน ส่วนพ่อตัวจริงอย่างผมทำอะไรครับ...เดินถือกระเป๋า หึ..เบ๊คนนี้หล่อที่สุดในจักรวาลเลยล่ะ

“มึงไปซื้อดิ้ เอาไรก็ได้” พี่ท่านนั่งได้ก็สั่งผมต่อทันที ผมวางกระเป๋า เดินหงกๆ ไปสั่งอาหาร

สิ่งที่ผมสั่งนั้นดูโง่เง้าในสายตาทุกๆ คน แต่สำหรับผม...นี่แหละสุดยอดของอาหารไทยแล้ว เดาออกไหมอะไร ผมควรให้เวลาคิดหรือเปล่า หรือผมควรเฉลยเลยดีล่ะ ไม่ดีเนอะ คิดกันต่อไป ผมว่าเมนูนี้เดาไม่ยากหรอก แล้วเชื่อว่าเวลาเร่งรีบทุกคนก็มักสั่งเมนูนี้ เป็นเมนูที่สั่งแล้วได้กินเร็วที่สุดด้วย...

“กะเพราหมูสับไข่ดาวได้แล้วค่ะ” หึหึ...เดาถูกกันถ้วนหน้า ผมชอบเมนูนี้มาก เพราะมันมีหมู!

ผมตักพริกน้ำปลาราดลงไปบนไข่ดาวยางมะตูม เน้นพริกนิดหน่อย เพราะว่ามันจะอร่อยมากๆ แค่เห็นและได้กลิ่นน้ำลายก็สอได้ แหง่มๆ...ตักกินเลยได้ไหม ขี้เกียจเดินไปที่โต๊ะแล้วอะ ผมหิวมากๆ เหมือนกัน

“อะพี่ มาแล้ว...รวดเร็วทันใจ ได้ไวเหมือนโกหก” ผมวางกะเพราหมูลงตรงหน้าพี่เขา ไอ้ความรักมันอยู่ที่เก้าอี้ว่าง กินกล้วยของ..น่าจะพี่มะเดี่ยวละมั้ง ผมไม่พกกล้วยอะ เสร็จแล้วก็นั่งลง ยิ้มแป้นแล้นให้กับ...เอ่อ ทำไมหน้ากระอักกระอ่วนแบบนั้นละพี่

“เอาจานมึงมานี่” ไม่พูดเปล่า ดึงจานผมไปแหล่ว

ผมมองดูปฏิกิรยาพี่มะเดี่ยวด้วยความสนใจ พี่เขาค่อยๆ เขี่ยหมูสับมาโปะใส่จานของผมอย่างละเมียดละไม ตั้งใจประหนึ่งนี่คือข้อสอบแห่งชีวิต แถมยังมีการเขี่ยถั่วฟักยาวแยกออกจากหมูสับไว้ในจานตัวเองอีกด้วยนะ

“พี่ไม่กินหมู?” ทำขนาดนี้ไม่น่าถามอะ แต่ที่น่าแปลกคือ...อิสลามเขาจะทิ้งจานนี้เลยนะ ไม่เขี่ยหมูทิ้งแบบนี้นี่นา

“อืม พี่ลืมบอก...พี่ไม่กินหมูอะนะ”

“อิสลาม?”

“เปล่า ไม่กินเฉยๆ เนี่ยแหละ” พี่มันเขี่ยจนแทบไม่เหลือหมูในจาน มันอาจมีปนๆ เป็นชิ้นเล็กๆ ที่เขี่ยไม่ออกบ้าง พี่มันหน้าเบ้หนักมาก...คือกูไม่รู้ไงพี่

“ผมสั่งให้ใหม่ไหมพี่ ผมขอโทษ...ไม่รู้อะ” ผมรู้สึกผิดขึ้นมาเฉยเลย

“ไม่เป็นไร กินได้แค่ไม่กิน ตอนเด็กๆ บ้านอยู่ใกล้โรงเฉือดหมู กูได้ยินเสียงหมูโดนเฉือดทุกวัน...กูเลยสะเทือนใจวะ ไม่กินอีกเลย” พี่มันดันจานกลับมาให้ ตัวเองกินแค่ถั่วฟักยาวและไข่ดาวราดพริกน้ำปลา

“ถึงว่าพี่ดูห่วงความรัก”

“เออดิ กูกลัวมึงจะฆ่ามันจริงๆ” มองจานเขาแล้วจานตัวเอง...น่าสงสารอะพี่เอ้ย

“อะพี่ ผมให้” เอาวะ ไข่ดาวเพิ่มขึ้นน่าจะช่วยเรื่องสารอาหารได้ พี่มันก็ไม่ปฏิเสธนะ คงหิวแหละ ซ้อมเต้นโหดซะขนาดนั้น ป่านนี้ไส้ใกล้ขาดยังหนอ

“ใจ” เอ...หรือที่ความรักมันชอบพี่มะเดี่ยวมากเป็นเพราะพี่มะเดี่ยวไม่กินหมูวะ

สัญชาตญาณสัตว์มันดีนะ เห็นว่าถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์เลยจะมีกลิ่นตัวอีกแบบ หรือถ้าชอบกลิ่นเนื้อวัวมากๆ ก็จะมีกลิ่นตัวอีกแบบ ยิ่งพวกกินหมานี่กลิ่นตัวจะแรง อันนี้ไม่รู้จริงไหมนะ ผมเคยอ่านผ่านๆ เมื่อนานมาแล้ว ทีนี่พี่มะเดี่ยวไม่กินหมู ก็เลยไม่มีกลิ่นตัวแบบคนกินหมูอย่างผม ไอ้ความรักมันก็เลยรักเขามากอะไรแบบนี้อะ นี่ความคิดผมคนเดียว...มโนล้วนๆ

ไอสไตล์บอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ดังนั้นผมจึงสรุปสาเหตุที่ทำให้ความรักวิ่งเข้าหาพี่มะเดี่ยวด้วยวิธีจินตนาการ เอ้า...ก็จะให้ผมถามมันยังไงอะ มันตอบผมได้ที่ไหนจริงไหม ถ้ามันพูดได้ขึ้นมาสิ เออนั่นน่ะน่ากินมันซะ ก่อนที่มันจะกินเรา...หมูปีศาจ วะฮะฮ่า...

บ้าไปแล้วกู

“นั่งยิ้มอะไรของมึง บ้าไปแล้วอ่อ หรือว่ากะเพราเดี๋ยวนี้เขาใส่กัญชา” ฮื่อ...ทำไมต้องว่ากันแบบนั้น ผมแค่ตลกตัวเองเฉยๆ อะ

“เปล่า แค่...ขำอะไรในหัวนิดหน่อยอะ”

“อะไรล่ะ”

“ไม่บอกได้ปะละ” เถียงทันที ผมไม่พูดหรอก...ความคิดของผมมันบ้าบอคอแตกฉิบผายเลยนะเว้ย เกิดเล่าไปนะ พี่มะเดี่ยวแม่งต้องคิดว่าผมบ้าจริงอย่างแน่นอน

“บอกกูมา...” ไม่เห็นต้องมาโหมดโหดเลย

“อย่าดุดิ แค่คิดว่าถ้าความรักมันพูดได้เฉยๆ...”

“ก็แค่นั้น แล้วนี่มึงจะไม่กินหมูตัวเองจริงๆ ใช่ไหม” นี่พี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกเหรอเนี่ย ผมว่าพี่มะเดี่ยวจริงจังกับเรื่องไร้สาระแบบนี้มากเกินไปนะ

“ไม่หรอก ผมไม่กิน อีกอย่าง...ขุนมันไปมันก็โตได้แค่หกสิบกิโลเอง” หันไปมองหน้ามัน ดูหน้าซื่อตาขวางๆ นั่นสิ...โอ้ย น่ารักสุดใจขาดดิ้นเลย แบบนี้อะนะผมจะกินได้ลง แค่ลองคิดว่าต้องฆ่ามันเองกับมือแล้วน้ำตาพานจะไหล

“ก็ดี นึกว่ามึงแม่งโรคจิตจริงจังอะ เลี้ยงหมูเพื่อจะเฉือดกินเอง เหี้ย...คนที่ทำแบบนั้นได้นะแม่งต้องเหี้ยมากอะ” พี่เขาพูดเหมือนบ่น ผมเลยหันไปมองหน้าเขา ปรากฏว่าข้าวพี่ท่านหมดล่ะ ผมกินไปได้แค่ไม่กี่คำเอง

“พี่อะจริงจังเกิ้น”

“ก็ใครจะไปรู้ เกิดวันดีคืนดี ห้องตรงข้ามกูมีเสียงร้องของหมูขึ้นมาทำไง กูรับไม่ได้ จิตใจอ่อนไหว” ตอแหล...อุ้ย ผมไม่ควรคิดอะไรหยาบคายสินะ แต่แบบ สีหน้าของพี่แกมันเหมาะกับคำนี้จริงๆ นะเว้ย เอามือทาบอกอีก ประหนึ่งอกอีแป้นจะแตก ต๊ายยยยย ตัวก็เป็นเหรอ

“อาจจะมีนะ...ผมแกล้งมันอะ” รีบกระซวกตามพี่เขา ถึงจะรู้ว่าตัวเองต้องโดนทิ้งให้จ่ายค่าข้าวก็ตาม

“แล้วกูก็แกล้งมึงต่อ ดีๆ แกล้งมันเลย...เอาให้เยอะๆ” โอ้โห...สายตาคือฆ่ากูไปแล้วอ่ะ พี่ใจเย็นดิวะ อย่าโหดกับอะไรแบบนี้เลยเถอะ

“ล้อเล่นเอง” ว่าเสียงอ่อยแล้วกินข้าวต่อ

“แต่กูทำจริงนะ”

“ไม่ต้องก็ได้พี่ ผมเกรงใจอะ แฮ่...” เอ็นดูหน้าตาน่ารักของผมหน่อยสิพี่เอ้ย

เอ๊ะ...หรือเพราะผมหน้าเหมือนความรักวะ ก็เลยโดนแกล้งบ่อย เวลาผมมองหน้าไอ้ความรักอะนะ ผมจะรู้สึกหมั่นเขี้ยวมันมาก ทั้งรักทั้งเอ็นดูจนอยากขย้ำมันอะ ชอบแกล้งมัน เห็นมันโอดโอยแล้วมีความสุขยังไงบอกไม่ถูก พี่มะเดี่ยวแกล้งผมแล้วรู้สึกแบบนั้นปะวะ...น่าจะ

นี่เป็นวันแห่งการค้นพบข้อเท็จจริงของท่านมะเดี่ยว...ไม่กินหมูเพราะบ้านอยู่ใกล้โรงเฉือดหมู ความรักชอบพี่มะเดี่ยวเพราะพี่มะเดี่ยวไม่กินหมู แล้วพี่เขาชอบแกล้งผมเพราะหน้าผมเหมือนหมู อยากแกล้งความรักแหละ แต่สงสารไง เลยแกล้งผมแทน ปั๊ดโถ้ะ เดี๋ยวปั๊ดเอาโพเดียมทุ่มแม่ม

ความรักถูกอุ้มขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ มันนั่งหันหน้าเข้าหาพี่มะเดี่ยวและหันตูดนวลๆ ของตัวเองให้ผม แม่ง...น่าหมั่นเขี้ยว ผมชอบกัดตูดความรักนะ ไอ้ตรงสะโพกมันอะ เนื้อแน่นๆ เน้นๆ งับเข้าไปเต็มคำ จากนั้นมันก็จะร้องแล้วดีดผมหนึ่งที วิ่งดุ๊ดๆ ตูดส่ายไปส่ายมาหนีผมทั่วห้อง ฮ่าๆ....แค่คิดก็น่ารักแล้ว

“ทำไมถึงเลี้ยงหมูวะ” คิดอะไรเพลินๆ พี่เขาก็ถาม ผมรีบยัดคำสุดท้ายเข้าปาก

“เบื่อหมาอะพี่” จากนั้นตอบเหมือนที่เคยตอบทุกคนนั่นแหละ

“แค่เนี้ยอะนะ...”

“อื้อ แค่นี้เลย”

“ปัญญาอ่อน” อ่าว อยู่ดีๆ ก็โดนด่าไปอีกดอก ไหน...มีใครได้นับไหมว่าเดอะสามผู้มีหน้าเหมือนหมูหุ่นเหมือนหมาคนนี้โดนพี่มะเดี่ยวด่าไปแล้วกี่ดอก แค่เจอกันครั้งแรกผมก็พลุนแล้วอะ ดีนะผมไม่ใช่คนเข้าคิดเจ้าแค้น ไม่งั้นจะทำเมียไปล่ะ...

โปรดดูสารร่างแห้งๆ เหมือนหมาอดข้าวอย่างผมกับพี่มะเดี่ยวที่หุ่นล่ำเหมือนกระทิงถึก แล้ววิเคราะห์สิว่าการที่ผมจะเอาพี่มะเดี่ยวทำเมียนั้น มีเปอร์เซ็นสำเร็จเท่าไหร่กัน อะไรนะ จะบอกว่าผมไม่มีทางทำได้ตั้งแต่ความคิดแล้วใช่ไหม...โห โคตรดูถูกอะ!

ใช่ไง...คุณดูถูก ถูกแล้ว ไม่ได้ตั้งแต่ความคิดแล้ว แล้วใครแคร์...ความคิดผม โลกของผม ผมจะคิดอะไรก็ได้!

.....100%.....

มีความมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันสองต่อสอง ความรักก็มองไป มองมา อยากเป็นความรัก...อยากอยู่ตรงกลางเขาสองคน ฮิ้วววว

คอมเมนต์ให้เค้าบ้างน้าาาา

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
พี่มะเดี่ยวมีมุมน่ารักอ่ะ ไม่กินหมูเพราะสงสารมัน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 8 [100%]<<

ผมแยกกับพี่มะเดี่ยวหน้าห้อง เขากลับห้องเขาและผมก็ต้องกลับห้องผม ก่อนจะเข้าห้องตัวเอง ผมจับขาหน้าความรักบ๊ายบายพี่เขาเล็กน้อย ซึ่งพี่เขาก็ยิ้มให้และบ๊ายบายกลับมาให้ ไม่ทำเพื่อผมแต่อย่างใด พี่แกทำเพื่อหมู เห็นหมูดีกว่าคน...

“ภูมิใจซะเถอะไอ้ความรัก มีคนหล่อกว่าไอ้พีชเอ็นดูมึงแล้ว” น่าอิจฉานะเนี่ย...ใครๆ ก็หลงรักหัวปักหัวปำกันทั้งนั้น ผมวางความรักลงที่พื้นพรม มันวิ่งขึ้นโซฟาตัวไม่สูงมากกลางห้องทันที ผมเดินตามไปเอารีโมตขึ้นมาจ่อปากยาวๆ ของความรัก

“ไม่ทราบว่า...คุณความรักไปทำเสน่ห์ที่ไหนมาครับ” เก๊กเสียงหล่อ ไม่ใช่แค่เสียงนะ ทั้งหน้าเลยเนี่ยแหละ

“อ๋อ ไม่ได้ทำหรอก....เกิดมาก็มีเสน่ห์แรงเลย” จากนั้นดัดเสียงความรักแบบกระเด๊ะๆ ตอบตัวเอง

“รบกวนแบ่งเสน่ห์ของความรักมาให้ผมบ้างได้ไหมครับ เผื่อพี่มะเดี่ยวจะเลิกแกล้งผมแล้วไปแกล้งความรักแทน” ดึงรีโมตมาจ่อปากตัวเองแล้วพูด กล่าวเสียงหล่อจบจ่อปากหมูอีกครั้ง

“ไม่ได้หรอก...อยากได้มากก็ตายแล้วเกิดเป็นหมูสิครับ” พากย์เสียงมันจบ ความรักก็สะบัดหน้าหนี ไรแว้...ยังเล่นไม่สะใจเลย

“ไม่เล่นแล้วๆ ไปอาบน้ำกัน” ถามความเห็นไปงั้นแหละ มันตอบผมได้แค่อู๊ดๆ ผมอุ้มความรักเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน

อีกอย่างที่สบายเวลาเลี้ยงหมูคือเวลาอาบน้ำ หมาจะขนยาว อาบแล้วต้องมานั่งเป่าขนจนเหนื่อย กว่าจะได้ทำอะไรเสียเวลามากๆ แต่หมูนะ อาบเสร็จ เอาผ้าเช็ดตัวถูๆ ไถๆ ตัวมันแป๊บเดียวตัวมันก็แห้งแล้ว ผมเลยสามารถเอามันอาบน้ำด้วยทุกวันได้ ไม่ได้อาบเช้าเย็นนะ แค่เย็นรอบเดียว กลัวมันไม่สบาย

ความรักนี่ก็ชอบเล่นน้ำ จะว่าขี้ร้อนก็ไม่น่าใช่นะ ห้องผมมีแอร์ แต่มันชอบเล่นน้ำมาก ผมเลยต้องเปิดน้ำใส่อ่างอาบระดับหนึ่งให้มันนอนแช่ ส่วนผมนั่งอาบอยู่นอกอ่าง เรียกว่าเป็นเจ้านายที่ดูต่ำต้อยกว่าลูกน้อง ใครบอกว่าแมวจะครองโลก...หมูตัวนี้ครองโลกแล้วต่างหาก

โลกของผมคนเดียวนะ อิอิ

วันเสาร์อาทิตย์เป็นวันที่ผมชื่นชอบเพราะสามารถเล่นเกมโต้รุ่งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องไปเรียน ระหว่างเล่นก็มีความรักนอนอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ กลางคืนเจ้านี่จะหลับยาวไม่ตื่นมาก่อกวน มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผมชอบเวลาที่ได้หันไปเห็นมันนอนหลับ ซุกผ้าห่มผืนสีเขียวอ่อนใบตอง หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม บางครั้งจะอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปหอมหน้าผากมันทีสองทีเบาๆ ไม่ให้มันรู้ตัว

ผมรักมันยิ่งกว่าแฟนทุกคนที่เคยคบ...ถ้าถามว่าใครเป็นตัวจริงสำหรับผม ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า ตัวๆ นั้นคือความรักนี่เอง ฮ่าๆ มนุษย์ผู้มีคบหมูเป็นแฟน ง่อวววว โคตรเท่ ไม่มีใครเหมือนผม

ตอนเช้า ผมกะว่าผมให้อาหารความรักแล้วผมจะหนีไปนอนบ้าง ทว่า...ความต้องการของผมเป็นอันตรธานหายไปเมื่อแม่โทรมาบอกให้ผมไปช่วยงานน้าที่ร้าน ผมไม่รู้ว่าน้าเปิดร้านวันเสาร์อาทิตย์ด้วย  ผมงอแงไม่อยากจะไปเพราะง่วงเต็มที แต่แม่บังคับ ไม่งั้นจะไม่จ่ายค่าเช่าห้องของเดือนนี้ให้ผม แล้วผมก็ต้องเป็นคนเจียดค่าขนมจ่ายเอง เอาง่ายๆ เรียกว่าหักค่าขนมเลยก็ได้นะ ไม่ต้องเรียกว่าไม่จ่ายค่าห้องให้หรอก มันไม่ต่างกัน

เมื่อมารดาต้องการ คนเป็นลูกก็ต้องทำตามอย่างมิอาจขัด เพราะค่าขนมที่ลดลงอาจทำให้ผมเอาเงินไปเปย์หมูตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมจึงต้องไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่ตาปรือเหมือนใกล้หลับเต็มที คว้าความรักใส่กระเป๋าเป้ สะพายไว้ด้านหน้าแล้วก็ออกเดินทางไปที่มหาลัย

อย่าคิดว่าวันเสาร์อวาทิตย์ที่มหาลัยจะเงียบเหงา ไม่เลย...มันมีทั้งคนมาทำกิจกรรมและมาใช้ห้องสมุด บางคนมีเรียนวันนี้หรือมีทำรายงานในวันนี้ ทำให้ร้านบีพีคอฟฟี่เต็มไปด้วยผู้คน เห็นความรักนั่งๆ นอนๆ บนเคาน์เตอร์แล้วก็อิจฉา ผมอยากนอนบ้าง ง่วงมาก เจอแสงเข้าไปอีกรู้สึกตัวเองเป็นแวมไพร์ขึ้นมาทันใด แสงอาจฆ่าผมได้ ผมควรบอกน้าบอยว่าผมกำลังจะตายในอีก...สาม...สอง...หนึ่ง

“อ่าวมะเดี่ยว” หันคอขวับไปทางเคาน์เตอร์ แล้วสิ่งที่ได้เจอก็คือพี่มะเดี่ยวคนดีคนเดิมของสามนี่เอง พี่ท่านกำลังลูบหัวความรักและยิ้มแย้มให้น้าๆ เขาใส่เสื้อยืดสีดำแขนยาวตัวใหญ่ และใส่กางเกงยีนส์รัดรูปยาวแค่เข่า รองเท้าผ้าใบสีดำ ดูเซอร์ขึ้นไปอีกเมื่อพี่ท่านไม่มัดผม

“เอาเครื่องดื่มเข้มๆ มากระแทกปากทีครับ” พี่ท่านหยอกเย้าใส่น้าผม บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าพวกเขารู้จักและสนิทกัน

“วิสกี้ไหมล่ะ เข้มถึงใจ” น้าภูมบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งพี่เขาก็หัวเราะ

“ล้อเล่นเหอะพี่ กาแฟสิกาแฟ ผมง่วงจะตายแล้วเนี่ย งานเข้าโคตรเยอะ ใกล้งานหนังสือทีไรนะสั่งอย่างกับนักวาดเป็นเครื่องจักร สั่งปุ้บเอาปั้บ นี่ละอยากให้มาทำเองจริง” เดอะสามเปล่าเสือก เดอะสามแค่เดินมาหาความรักเท่านั้นเอง ก็เลยได้ยินที่เขาพูดกับน้าๆ ของผม

“ก็แบบนี้ทุกปี ไม่ชินอีกเหรอ” น้าบอยเท้าคางยิ้มๆ ด้วยความที่น้าบอยเป็นแคชเชียร์ ทำให้ไม่ต้องขยับสารร่างไปไหน นั่งเฝ้าได้เลยทั้งวัน ส่วนบาริสต้าก็มีน้าภูมและพี่จุน

“ไม่ชินอะ ว่าแต่...น้องสามจะนั่งฟังเลยก็ได้นะ ไม่ต้องด้อมๆ มองๆ หรอก...เหมือนโรคจิต” พี่หันหน้ามาทางผมที่ยืนอยู่ด้านหลัง อยากจะร้องอุต๊ะ แต่ร้องไม่ได้...เดี๋ยวคนมองเยอะ

“ผมแค่จะมาหาความรัก...” แล้วผมก็เอาร่างตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์เหมือนพี่มะเดี่ยว พยายามจะดึงความรักมาทางตัวเอง แต่มันไม่ยอมมา จะลากขามันก็ไม่ได้ ทุกสายตาจะจับจ้องมาที่ผมทันที ผมก็เลยทำได้แค่นั่งลูบตูดหมูของตัวเองป่อยๆ

“เหรอ อะเคๆ...หาความรักก็หาความรัก ว่าแต่ได้นอนปะเนี่ย ตาโหลเชียว” พี่มันนั่งเท้าคางมองหน้าผม แล้วพี่มึงตาไม่โหลเลยอะ สภาพไม่ต่างจากกูเท่าไหร่อะพี่

“พี่ก็เป็น”

“พี่ทำงาน”

“อ่า...”

“เราละ”

“ทำง๊าน...” ผมเปล่าเสียงสูง ผมไม่มีพิรุทใดๆ ทั้งสิ้น แต่ว่านะ ผมจะโกหกพี่มันทำไมวะ บอกความจริงก็ไม่เสียหายปะ

“โกหกต้องตกนรก” น้าบอยพูดลอยๆ

“ง่า สามเล่นเกม” แล้วก็ต้องสารภาพออกไปเสียงอ่อยจนได้ ผมแค่เล่นเกมยันเช้า ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ

“มึงรู้ปะ...การอดนอนหรือการนอนไม่พออะ มันจะทำให้สมองมึงฟ่อ แล้วมึงก็จะโง่เว้ย” แล้วพี่มึงไม่ได้อดนอนเลยสินะ ไม่ได้นอนเลยสิ โอ้โห...ว่าเราแต่อิเหนาเป็นเอง

“รู้ แค่วันเดียวเอง” เพราะวันนี้คงโต้รุ่งไม่ไหว นี่ยังไม่ได้นอนเลย กลับไปต้องหลับเป็นตายแน่ๆ

น้าภูมเอากาแฟมาเสิร์ฟพี่มะเดี่ยว ผมตั้งใจจะนั่งฟัง...เอ้ย นั่งพัก แต่ไม่ได้ ลูกค้าเข้าพอดี ผมเลยต้องเดินไปรับออเดอร์ให้น้าภูมก่อนจะไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าออกไปแล้ว พี่มะเดี่ยวแกคุยอะไรกับน้าทั้งสองไม่รู้อยู่นาน เสร็จปุ้บ คว้ากระเป๋าใบโตของตัวเองไปยังมุมหนึ่งของร้าน โต๊ะนั้นผมเพิ่งจะเก็บและเช็ดไปเมื่อกี้

ก็ไม่ได้ตั้งใจมอง สายตามันกวาดๆ ไปเองอะเนาะ พี่เขาเอาไอแพดโปรออกมาพร้อมกับดอทเพน ปากกาเขียนไอแพดแหละ มองมือที่ขยุกขยุยวาดๆ เขียนๆ อะไรสักอย่าง พี่เขาดูตั้งใจนะ ดูตัดโลกทั้งใบออกเพื่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วผมก็ยังยืนยันว่าผมไม่ได้ยืนมองพี่เขาเลย ผมแค่เช็ดโต๊ะอยู่ใกล้เท่านั้นแหละ ก็เลยเห็นชัดแบบนี้

ชะอุ่ย!!!

หนีดีกว่า...พี่ท่านดันเงยหน้ามาสบตาพอดี หัวใจจะวายตาย มันตกใจไงละ กำลังสำรวจนู้นนี่นั่นของพี่มะเดี่ยวเพลินๆ เงยมาป๊ะ...อุต๊ะ ตกกะจุยเลยไง ผมเดินออกด้านข้างเป็นปูไปโต๊ะอื่นๆ จบลงที่หน้าเคาน์เตอร์ นั่งเล่นกับความรักด้วยความนุ่มละมุนละไม กัดซ้าย กัดขวา ฮ่าๆ...มีความสุขอะ

เล่นไปเล่นมา ผมก็ซุกพุงความรักหลับคาเคาน์เตอร์ไป ก็มันง่วงไง ก็คนมันยังไม่ได้นอนไง แม้จะปวดคอไปหน่อย แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ ความรักมันนอนให้ผมหนุนหลับอย่างรู้งาน เดี๋ยวตื่นมาผมจะให้รางวัลมันอย่างดีเชียวแหละ

“กลับไปนอนบ้านไหม...ไอ้ครูติดเกม” ผมแทบสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นด้านข้าง เป็นพี่มะเดี่ยวคนเดิมเพิ่มเติมคือกวนตีน...ไม่สิ กวนตีนอยู่แล้ว

“ก็ดีนะ...” ผมลุกขึ้นอย่างงัวเงีย นี่เพิ่งบ่ายกว่าๆ เอง

“กลับไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยน้าใหม่” โอ้ ผมอยากกราบน้าบอยสามทีด้วยความเทิดทูลและบูชา

“งั้นผมกลับนะ...รักน้า จุ้บๆ” ผมรีบถอดผ้ากันเปื้อนอย่างไว ไม่รีบกลับบ้านเท่าไหร่นะเอาจริงๆ

เอาความรักลงกระเป๋า เก็บทุกอย่างด้วยความว่องไวดุจพายุเฮอริเคน เสร็จแล้วก็ร่ำราน้าๆ พี่ๆ ทุกคนในร้าน มุ่งสู่จักรยานสีเขียวทรงแม่บ้าน ทว่าผมยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นคร่อม แฮนด์จักรยานของผมก็โดนมือหนาแย่งไปเสียก่อน ผมเงยหน้ามองพี่มะเดี่ยวด้วยความแปลกใจ ทำไมครับ อยากได้เหรอ ซื้อสิ ไม่กี่พันเองนะ

“กลับด้วยดิ ขี้เกียจเดินวะ”

“อ่าว...แล้วพี่มาทำไร”

“มากินกาแฟ” พี่มึงมากินไกลเนอะ ใต้คอนโดเราก็มีร้านกาแฟ สั่งที่นั่นกินก็ได้เหอะ ไม่เห็นต้องถ่อมาถึงนี่เลย

“ใกล้ๆ ก็มี”

“ไม่อร่อย ไม่ชอบ อยากมากินนี่...ปะ กลับกันเถอะความรัก” ไม่ถงไม่ถามความสมัคใจกูสักคำเลยพี่เอ้ย แต่ก็นะ ถือเสียว่าผมไม่ต้องปั่นเองก็แล้วกัน

แต่เมื่อพี่มะเดี่ยวคร่อมจักรยานเตรียมปั่น ผมก็ต้องขึ้นไปซ้อน จับเสื้อตรงเอวเขาเอาไว้เหมือนอย่างเคย พี่มันปั่นช้าๆ ค่อยๆ ปั่นไปเรื่อยตามทาง สายลมเอื่อยโคตรสบายสำหรับคนง่วงนอนอย่างผมมาก เพราะงั้น...ขอยืมหลังงีบหน่อยแล้วกันนะพี่นะ ไม่ถือว่าแตะอั๋งเน้อ ผมแค่ยืมอะ เหมือนพี่ยืมจักรยานผมนั่นแหละ

รู้ตัวอีกทีก็ตอนพี่มันจอดจักยานเข้าที่เรียบร้อยแล้วขยับตัวนั่นแหละ ผมสลึมสลือ ปรือตามองรอบด้าน เย้...ใกล้ถึงที่นอนแล้วล่ะ ที่นอนจ๋า รอข้าก่อนนะ ข้ากับความรักกำลังทยานขึ้นไปหาเจ้าด้วยความคิดถึงอันแรงกล้า

“น้ำลายไหลใส่เสื้อกูปะเนี่ย” หมดมู้ดเลย...เซ็ง

“ไม่ไหลหรอกหน่า”

“แน่ใจนะ ถ้าขึ้นห้องไปเจอคราบน้ำลายกูเอาคืนมึงแน่ เตรียมค่าซักรีดไว้ได้เลยล่ะ” ทำไมต้องดุอีกแล้วล่ะ ดุแอนด์ขู่กูตลอดเลยพี่

“คร้าบๆ” ผมจัดการล็อกรถจักรยานของตัวเอง พี่มะเดี่ยวสะพายกระเป๋าตัวเอง อุ้มความรักเดินนำไปที่ลิฟต์ ผมก็ต้องเดินตาม ดีที่วันนี้ผมไม่ได้ถือกระเป๋าให้พี่เขา ไม่งั้นกลายเป็นเบ๊จริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ

ระหว่างรอลิฟต์และเข้าไปยืนในลิฟต์ ผมโครงหัวตลอดเวลา เป็นพวกยืนนิ่งๆ แล้วมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ปกติจะยืนเล่นกับความรัก ทว่าวันนี้ผมไม่ได้เล่นกับมัน ไม่ได้อุ้มมัน ความรักกำลังทำคะแนนกับพี่มะเดี่ยวอยู่ มันคงอยากไปเป็นลูกเขาเต็มแก่แล้วแต่พูดกับผมไม่ได้เท่านั้นเอง

“จะนอนเลยใช่ไหม” มาถึงหน้าห้อง แทนที่จะคืนหมูให้กลับตั้งคำถามผมแทน ผมก็พยักหน้าสิครับ ผมง่วงอะ ผมต้องการการพักผ่อน

“ครับ”

“งั้นเอาความรักไว้ที่กูก่อนแล้วกัน มึงจะได้นอนหลับสบายๆ โอเคนะ...”

“อ่า...”

ปัง!

ครับ...ตามนั้นครับพี่ครับ ผมยังไงก็ได้ เอาที่พี่มึงสบายใจเลยอะครับ คนบ้าอะไร ถามกูแต่ไม่ฟังความเห็นกูเลย อนุญาตแล้วก็ยังไม่ได้พูดสักคำ อุ้มหมูชาวบ้านเขาเข้าห้องตัวเองหน้าด้านๆ โอ้โห...ผมละอยากจะด่าให้เสียคน ติดที่ว่าผมเป็นสุภาพชน ผมเลยไม่ด่าใคร

ที่สำคัญ เดอะสามคนนี้ง่วงครับ!

แต่ถึงจะง่วงแค่ไหน ผมก็ต้องอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าไปนอน ล้มตัวลงที่นอนทั้งที่หัวยังเปียก แต่ว่านะ...น้ำเย็นๆ นี่มันทำตาผมสว่างเลยวะ ผมหยิบมือถือมาเล่นอะไรนิดหน่อยเพราะไม่ง่วงเท่าตอนแรก แล้วก็ต้องได้พบกับข้อความในไลน์ เด้งรัวๆ ดีนะมือถือแพงมันเลยไม่ค้าง

“บ๊ะ....เดอะสามดังแล้วบ่หนิ” วิ่งเอาลิ้งก์หนึ่งมาให้ดู พอกดเข้าไปก็เจอกับภาพของผมคุกเข่าเอาดอกเข็มให้พี่มะเดี่ยว ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย พร้อมข้อความี่ว่า เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาขอความรักกันด้วยดอกเข็มนะรู้ยัง

ไม่รู้...เพิ่งรู้ตอนนี้เลย ผมเป็นคนติดเกม แต่ไม่ติดโซเชียลเท่าไหร่ วิ่งแชร์มาให้ตั้งแต่เมื่อวาน มัวแต่เคลียด่านคอลออฟดิวตี้อยู่ก็เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน มีคนมาเมนต์เป็นจำนวนมากมายมหาศาล พร้อมถามหาเฟซบุ๊กของผมและพี่มะเดี่ยวกันให้ขวัก

หาทำไม เอาไปก็กินไม่ได้นะเฮ้ย แล้วดูผู้หญิงสมัยนี้เขาเมนต์ ผมตาเหลือกตาลาน ประหนึ่งเป็นคนมาจากอดีตกาล มาเจอคนยุคปัจจุบันแล้วเซ้นซิทีฟ เดอะสามรับไม่ด้ายยยย เดอะสามไม่ปลื้มที่เหล่านางน้อยคอมเมนต์อยากเลียผู้ชายแบบเน้!

ถึงบอกว่าไม่มีอะไรเสียหายที่เขาเอามาแชร์กันอย่างนั้น แต่ผมสะเทือนใจกับคอมเมนต์พวกนั้นอ่า หนูๆ ไม่เอาไม่เมนต์อยากกินผู้ชายแบบนั้นสิ...เกิดความรักผมเป็นแบบนี้นะ ผมจะตีมันให้ตายเลย เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ต้องรักนวลสงวนตัว ไม่ใช่พูดจงพูดจาล่อเสือล่อตะเข้แบบน้านนะ

แล้วยังมีพวกที่อวยคู่ผมกับพี่มะเดี่ยวกันเป็นตุเป็นตะอีก อะไรนะ...มาค่ะ มาลงเรือลำเดียวกับเรา อันนี้คืออะไรผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย จะลงเรือไปไหน ลงเรือต้องไปท่าน้ำนะรู้ยัง ลงเรือในเฟซบุ๊กไม่ได้หรอก พยายามไขข้อข้องใจของตัวเอง จนรู้ว่า...ลงเรือหมายถึงมโนเรื่องคู่นี้ เขาต้องเป็นแฟนกัน เขาต้องรักกัน เราจะพายเรือลำนี้ไปให้ถึงฝั่งฝันด้วยกัน!

ผมแม่งนอนอ่านทุกคอมเมนต์ อ่านจนตาลาย อ่านจนกระทั่ง...หลับไป

.....100%.....

มีการดูแลความรักแทนกันด้วย~ เอ็นดูหมูหรือเอ็นหชดูเจ้าของหมูคะพี่มะเดี่ยว?

อ่านแล้วคอมเมนต์ให้เค้าหน่อนน้า ^^

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลงเรือด้วยคนสิคะ -///-

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เดอะสามสายเกรียนอ่ะ 55555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกกกกกกกกกกกก
สามน่ารัก ความรักก็อ้อร้อจริง ๆ อีหมูนี่
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 9 [100%]<<

พี่มะเดี่ยวเอาความรักมาส่งผมตอนสองทุ่มได้มั้ง เขารีบเอามาให้แล้วก็ออกไปข้างนอก เห็นว่ามีธุระต้องไปทำ ที่จริงไม่ต้องบอกผมก็ได้แหละ การที่พี่เอาความรักมาคืนผมตอนสองทุ่มก็ถือว่าดึกมากแล้วสำหรับการเอาลูกคนอื่นไป ผมก็รับมาเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร แค่ครับๆ จบ หนีเข้าห้องนอนต่อ ข้าวเย็นเหรอ...ช่างมันเหอะ ความรักกินแล้วผมก็สบายใจ ปล่อยมันวิ่งเล่นในห้องไป มันง่วงเมื่อไหร่มันก็จะหนีขึ้นมาซุกนอนบนเตียงกับผมเองแหละ

วันอาทิตย์ผมก็ไปช่วยงานที่ร้านน้าบอยเช่นเคย ความรักตามติดผมเป็นเงาเลยครับวันนี้ ไม่รู้อารมณ์ไหนของมัน ผมเดินไปทางไหน ก็เดินตาม ผมจะถูพื้นก็ยังจะเดินตาม เสิร์ฟน้ำก็เดินตาม เช็ดโต๊ะก็เดินตาม คนที่เห็นพากนเอ็นดูมันเป็นแถว ดูเป็นหมูแสนรู้ที่พยายามจะช่วยเจ้าของทำงานร้าน แต่ผมคิดว่ามันกำลังทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้านายที่คอยจับตาดูลูกน้องทำงานมากกว่า

ผมอยู่ช่วยงานน้าบอยตั้งแต่เปิดจนกระทั่งปิดร้าน วันนี้ไม่เห็นพี่มะเดี่ยวมาที่ร้านเหมือนเมื่อวาน ถ้าไม่กินกาแฟบนห้องก็กินใต้คอนโด หรือไม่ก็หลับเป็นตายอยู่ ขนาดกลับมาที่คอนโดแล้ว ผมก็ยังไม่เจอเขา

เอ้า...ไปเจอได้ไง เขาอยู่คนละห้องกับผมนะเอ้อ

คืนนี้ผมไม่ง่วงเท่าเมื่อวาน พออาบน้ำอาบท่าเสร็จผมก็นั่งจ๋องอยู่หน้าคอมพ์ทันที ไอ้เรื่องราวในโซเชียลนั่นน่ะ ผมไม่สนใจแล้ว...เพื่อนผมแซ็วจนผมหน้าบางไปหมด มันก็รู้ทั้งรู้อะนะว่าผมโดนแกล้ง ก็ยังจะมาแกล้งผมซ้ำเติมไปอีก ผมเลยตัดปัญหาด้วยการทำตัวเงียบๆ ไม่ตอบโต้อะไร ไม่โพสต์อะไรและไม่เล่นอะไรโซเชียลเลยครับ เล่นเกมในคอมพ์แทน อิอิ

ก๊อกๆ!

ขณะกำลังคิลศัครูมันๆ ประตูห้องโดนใครบางคนมาเคาะเอาในเวลาอย่างนี้ โอ้ย...ผมละอยากจะด่าจริงๆ ว่ามากวนคนอื่นเขาทำไม นี่ถ้าไม่มีธุระอะไรพีคๆ นะ พ่อจะเตะเปรี๊ยงก่อนจะจับทุ่มพื้นให้พื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ เลย

“คร้าบ...” ส่งเสียงเสร็จก็เปิดประตู พลันนึกขึ้นได้ว่าแม่ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ชิบล่ะ...กูลืม!!!

“นอนยัง ซื้อของกินมาเผื่อ...” เงยหน้านิดๆ มองพี่มะเดี่ยว ก่อนจะลดสายตาลงมามองผักในมือพี่ท่าน...

“เผื่อความรัก” แล้วแกก็ยิ้มหวาน

“อ่า...” ไม่ทันได้หันไปมองหาความรัก เจ้าหมูอ้วนตัวสองสีก็วิ่งดุ๊กๆ ออกมาคลอเคลียที่ขาพี่เขา แหม...รู้ดีนักนะมึงเนี่ย

พี่มะเดี่ยวก้มลงไปอุ้มไอ้ความรัก ไม่วายยัดเอาถุงผักใส่มือผมอีกต่างหาก ผมไม่ใช่เบ๊นะเนี่ย ได้แต่ส่งสายตาจิกกัดไปให้ความรัก ตอนนี้มันกำลังโดนพี่มะเดี่ยวคลอเคลียอยู่ แต่คลอเคลียอีท่าไหนไม่รู้ถึงเดินเข้ามาในห้องของผมได้หน้าตาเฉยเลย ไอ้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะไล่พี่เขาออกไปจากห้องด้วย

“ในนั้นมีถุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ เอาไปแกะใส่ชามมาสิไป” มีออกคำสั่งโดยไม่มองหน้า นี่ถือโอกาสมาใช้งานผมถึงที่ห้องหรืออย่างไรครับท่านพี่ เราเป็นแค่พี่น้องในชมรมกันเองนะขราบพ่วงด้วยพี่สนิทกันน้าผมเท่านั้นเอ๊ง....

“ครับ” แต่ผมก็ขานรับออกไป

มันเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใสที่มีแต่ลูกชิ้นปลา ผมพยายามพลิกถุงดูซ้ายขวาแล้วนะ ก็พบเจอแต่ลูกชิ้นปลา เส้น ผัก แค่เนี้ย เขาสั่งมาสองถุง ทั้งสองแม่งเหมือนกันเดี้ยะเลย คือพี่มึง...พี่มึงจะไม่คิดสั่งหมูให้กูเหรอ เอ๊ะ...เขาไม่ได้บอกว่าซื้อมาให้ผมนี่หว่า เออ งั้นนี่ก็ของพี่เขาคนเดียวสิเนอะ โอ้โห...ดีเหลือเกิน มากินห้องคนอื่น ใช้ถ้วยชามคนอื่นแล้วคนอื่นต้องมาล้างให้อย่างแน่นอน

“อ่าว ไมเอามาชามเดียวล่ะ มึงไม่กินเหรอ” ทันทีที่วางชามลงตรงหน้า พี่มะเดี่ยวก็ยิงคำถามใส่

“นั่นของผมเหรอ”

“เออดิ ซื้อมาเผื่อมึงด้วย ใช่...กูไม่ได้ถามเลยว่ามึงกินไรยัง แต่ช่างเหอะ กินๆ ไปซะ ไปเอาอีกถุงใส่ชามมากินกับกูเนี่ย” พูดเอง เออเองเสร็จสรรพเลยเว้ยเฮ้ยคนเรา

“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาเสื้อกับรองเท้าไปเปลี่ยน หรือจะใส่คู่เน่าๆ ของมึงซ้อมเต้นก็ได้นะ แต่กูไม่แนะนำให้มึงใส่ รองเท้าคอนเวิร์สมันแข็ง เจ็บตีน” พี่มะเดี่ยวพูดทั้งที่ผมยังเทก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว มันไม่ได้ไกลกันไง มองมาก็เห็นกันได้

“เอาจริงดิ ผมไม่รอดหรอก”

“ไม่ลองไม่รู้เว้ย ออมมันสอนเก่ง ไม่ต้องห่วงหรอก เริ่มเต้นไม่มีใครเขาให้มึงหมุนหัวตีลังกาหรอกหน่า กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ผู้ชายซะเปล่า” เขาก็พูดๆ ไป ผมนี่มองก๋วยเตี๋ยวในชาม...ทำไมไม่มีหมูวะ หันไปมองความรัก ตอนนี้มันกำลังกินกล้วยอยู่บนตักพี่มะเดี่ยว ส่วนพี่เขาปรุงเตี๋ยวอยู่

“ครับๆ” ตอบผ่านๆ ใช่...ให้มันผ่านเลยไปนั่นแหละ นี่ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำนะว่าพรุ่งนี้ถึงเวลาที่ต้องซ้อมเต้นกับพวกเขาแล้ว แถมยังมีคุณพี่ที่เต้นโหดมาอยู่ห้องข้างๆ นักเต้นด้วยกันน่าจะชอบ แต่ผมไม่ชอบเท่าไหร่เลย ไม่ได้ว่าพี่มะเดี่ยวนะ...ผมกลัวโดนแกล้ง

ในหัวผมมีแค่เรื่องนั้นแหละ อะไรก็ได้...แค่พี่เขาไม่แกล้งผม ผมยอมหมดเลย หนีพี่หนึ่งพี่สองมาแล้วอย่าต้องมาเจอพี่มะเดี่ยวแกล้งกันเลยเถอะ อยู่นั่นแม่ยังคอยเข้าข้าง อยู่นี่ไม่รู้จะให้ใครมาเข้าข้างผมดี เพื่อนแต่ละคนก็ช่วยกันทับถมซ้ำเติมผมสุดๆ จากการที่ผมและพี่เขาโด่งดังในเพจสาววาย

“มึงเห็นที่เขาแชร์ภาพมึงขอความรักจากกูยัง โคตรน่ารัก...คนถ่ายนี่เก่งมากเลย เดี๋ยวกูจะไปขอรูปจากเขา เอามาอัดเป็นโปสเตอร์แปะไว้ที่หน้าประตูห้อง เวลามึงเดินเข้าเดินออกมึงจะได้เห็นภาพที่ตัวเองคุกเข่าขอความรักจากกู ดีปะ...” กูรู้เว้ย ว่าพี่มึงกำลังแกล้งกันอยู่ ผมส่ายหน้าเบาๆ ส่ายแรงไม่ได้เดี๋ยวก๋วยเตี๋ยวหกใส่ตรีน

“จ้องแต่จะหาเรื่องแกล้งผม” บ่นลอยๆ ไม่ได้จงใจให้ใครได้ยินเลยนะ จริงๆ นะไม่เชื่อผมเหรอ   

“ฮ่าๆ ก็มึงน่าแกล้ง แล้วนั่นจะไม่ปรุงเหรอ” เห็นผมตักลูกชิ้นปลาเข้าปากก็เอ่ยถาม พี่ไม่ต้องซอกแซกเรื่องผมก็ได้เถอะ

“ไม่อะพี่ แต่พี่น่าจะซื้อเตี๋ยวหมูให้ผมนะ” ผมไม่ชอบลูกชิ้นปลาเลยอะ กลิ่นมันคาว แหวะ...

“หัดกินปลาบ้างมึงอะ กินแต่หมู หน้าเหมือนหมูไปหมดแล้ว” ก็ไม่ซีเรียสที่หน้าเหมือนหมูไง ถ้าซีเรียสจะกินทำไมละจริงไหม เอ้อ

“ไก่ก็ได้ ไม่ชอบปลา” ปลาที่ผมกินได้มีแค่ปลากระป๋องตราโรซ่าเท่านั้น มันไม่เหม็นคาวอะ แต่ถ้าเจอสามแม่ครัวผมบายเลย แม่งมีเกร็ด โอ้โห...คอดเกร็ดให้กูหน่อยคร้าบ

“ทำไมวะ คงไม่ใช่ที่บ้านทำฟาร์มปลานะ เลยไม่กินปลา” ผมส่ายหัว

“เปล่า มันคาว”

“อ่อ” แล้วแกก็กระซวกก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงเสร็จแล้ว

ความรักมันเดินไปเดินมาบนโซฟา หาของกินอีกละสิ กล้วยลูกเดียวมันจะไปพอยาไส้มันที่ไหนละจริงไหม ผมเลยวางถ้วย เดินไปเอาแอปเปิ้ลผ่าครึ่งมาให้มันอีกสองลูก ใส่จานพลาสติกสีเขียวพร้อม พี่มะเดี่ยวก็มองเงียบๆ อะแหละ ไม่ได้พูดอะไร มาเพื่อกินข้าวกับหมูโดยเฉพาะ

“อิ่มล่ะ ฝากล้างด้วย กูไปแล้วนะความรัก...รักวังโดนแดกละมึง” น่าน! กูว่าแล้ว...มากินห้องเขา มาใช้ถ้วยชามเขาและก็ให้เขาล้างให้ ถึงจะเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ผมตั้งถุงหนึ่งแต่ผมไม่สำนึกในบุญคุณบ้าบอหรอกนะ นี่มันทรมานผมชัดๆ ต่างหาก ต้องมากินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่มีกลิ่นคาว

“ครับ” บ่นในใจเป็นร้อย แต่พูดได้แค่นั้นแหละ แฮ่ๆ เดอะสามขี้ป๊อดด้วยนะรู้ไว้ซะ

ความรักมันหยุดกิน กระโดดลงพื้นเดินนำพี่มะเดี่ยวไปที่ประตู เป็นไงล่ะลูกชายผม...ดูแลแขกดีซะ แค่เขาไม่กินเผ่าพันธุ์มึงหน่อยนี่มึงก็ดูจะรักจะหลงเขาเหลือเกินนะ พี่มะเดี่ยวก้มเล่นกับหมูผมนิดหน่อยก่อนเปิดประตูแล้วโบกมือให้ความรัก ซึ่งมันก็ยังดีที่ไม่ออกไปข้างนอกกับเขา แค่นั่งรอส่งเขาเท่านั้น

“มาที่มึงได้แล้วความรัก” เมื่อประตูถูกปิดด้วยฝีมือพี่มะเดี่ยวผมก็เรียกความรักกลับมานั่งที่ตัวเองทันที

ซึ่งที่ของมันก็คือบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา ผมขยับเอาจานแอปเปิ้ลมาวางให้ เลื่อนชามเหลือแต่น้ำซุปของพี่มะเดี่ยวมาวางฝั่งนี้ เดี๋ยวความรักมันจะเผลอไปกิน ผมกลัวหมูตัวเองท้องเสีย ถึงจะหมั่นไส้อยากให้มันลองท้องเสียสักทีก็เหอะ แม่ง...หมูอะไรรู้ดีจริง

“ดูระริกระรี้กับพี่เขาจังนะมึงเนี่ย นี่กูยังเป็นป๊ามึงอยู่ไหมหือ” จิ้มหัวหมูสองทีจึ้กๆ

“อู๊ดๆ” มีการสบัดหน้าหนีมือ

“นี่แหนะ” เลยโขกหัวเจ้าความรักเบาๆ ไปหนึ่งดอก มันเงยหน้ามองตาขวาง

“จะหือกับป๊าเหรอความรัก เออจริงเปล่า...นอนพื้นนะไม่ต้องมานอนข้างป๊าเลยนะ แล้วป๊าก็จะไม่เอาแอปเปิ้ลมาให้กินแล้วด้วย ซื้อผักที่ทิ้งตามตลาดมาให้กินน่ะเอาไหม...เอาเปล่า” ขู่หมูเป็นวักเป็นเวร มีใครทำอย่างผมบ้าง...ต้องมีสิเนอะ ทุกคนต้องมีโมเมนต์ขู่สัตว์เลี้ยงตัวเองแบบนี้แน่นอน

ความรักส่งเสียงร้องอู้ดๆ พร้อมเดินเข้ามาเอาจมูกดุนมือผมไปวางบนหัวตัวเอง ทีงี้ละอ้อน ทีงี้ละทำเป็นตัวน่ารักขึ้นมาเชียวนะ เคยได้ยินเขาบอกว่าหมูสายพันธ์นี้ฉลาด มารู้ว่าจริงก็ตอนได้อยู่กับมันเนี่ยแหละ...มึงหมูหรือหมา เอ๊ะ หรือเป็นหมาที่เหมือนหมู

“ไปกินของตัวเองให้หมดเลย แล้วอย่าเถียงอีก ดุต้องนิ่งเฉย...ฟังและทำตาม โอเคไหม พยักหน้าสิโอเคไหม” ความรักพยักหน้าเบาๆ เอ้อ...ให้มันได้อย่างนี้ ให้มันฉลาดหลักแหลมแบบนี้สิลูกพ่อ

ผมก้มไปจุ้บหน้าผากมันหนึ่งที ปล่อยให้มันกลับไปกินแอปเปิ้ลที่เจ้าตัวชอบให้หมด ส่วนผมเองก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยวชามนี้ให้หมดเช่นกัน เห็นชามเปล่าด้านข้างแล้วมีอาการขัดใจนิดหน่อย พ่วงด้วยความหมั่นไส้ขึ้นอีกนิด พี่มันกวนตีนผมดีจริงๆ...แต่ก็...ไม่รู้สิ

เป็นความรู้สึกหมั่นไส้ที่ชวนยิ้มอะ...

แล้วก็ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจ ผมดันหยิบมือถือขึ้นมาโพสต์ข้อความลงไป เป็นข้อความสั้นๆ ที่น่าจะตีความยากนะ...โพสต์ลอยโคตรๆ อะว่า...ใต้ความกวนตีนมีความน่ารัก เสร็จแล้วก็วางมันทิ้งไว้ กินก๋วยเตี๋ยวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็เก็บกวาดทำความสะอาดทุกสิ่งทุกอย่าง เผื่อการเล่นเกมของผมจะได้ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้น ความรักนี่ไม่ต้องห่วง มันชอบมานอนเล่นอยู่บนตักผมเสมอ

ชีวิตหมูอะครับ...กินกับนอน

ช่วงเวลาเล่นเกมคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ผมว่ามันคือไทม์แมชชีนที่มีไว้ใช้นั่งไปอนาคต ยังไงน่ะเหรอ ก็แค่นั่งลงเล่น แป็บเดียวมันก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วน่ะสิครับ อย่างตอนนี้...เที่ยงคืนกว่า อุต๊ะ! ผมจำได้ว่าเพิ่งเล่นเองไม่ใช่เหรอ ตายๆ พรุ่งนี้ไม่ต้องตงไม่ต้องตื่นไปเรียนกันละม้างงงง

“ความรักไปนอนกัน” ได้ข่าวว่ามันก็นอนอยู่นะ

ผมสะกิดความรักเบาๆ ให้มันลุกขึ้น ปิดคอมพ์เสร็จเดินเข้าห้อง คือผมไม่ได้เปิดไฟเล่นเกมอะ แต่ก็ไม่ลืมตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนนอนหรอกนะ ล้มตัวลงนอนได้ความรักก็รีบมุดมานอนที่อกผมทันที

“ฝันดีล่ะมึง” จุ้บหน้าผากสากๆ ของมันหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู

“อู๊ด...” ด้วยความมโนล้วนๆ ผมคิดว่ามันบอกฝันดีผมเช่นกัน ฮ่าๆ

ช่วงเวลาตัดวาบมาถึงอีกครั้ง ผมสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงมือถือดังลั่นหู ด้วยความที่เดอะสามคนนี้กลัวนอนยาวไม่ตื่น ก็เลยเอามือถือมาวางปลุกใกล้ๆ อย่างนี้ แล้วเป็นไง...ขี้หูเต้นแต่เช้าเลย แม้กระทั่งไอ้ความรัก มันก็สะดุ้งเพราะผมเนี่ยแหละ

ผมเดินเอื่อยๆ ออกมาเอามื้อเช้าให้ความรักก่อนจะอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดนักศึกษาอย่างถูกระเบียบ ต้องเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เดอะสามไม่หล่อมากแต่น่าแดกนะครับ ฮุ่ย...หยาบคาย อ้อที่ลืมไม่ได้เลยคือผมต้องเอาเสื้อยืดไปเปลี่ยนด้วย กางเกงนี่ใส่ยีนส์สีดำ ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่เหมาะเท่าไหร่หรอกนะ ควรใส่สแล็กมากกว่า ดีที่ทางมหาลัยไม่เข้มงวดขนาดนั้น แค่เป็นสีดำถือว่าโอเค ส่วนรองเท้า...ไอ้เน่าคู่เดิม

ผมไม่มีรองเท้าเยอะแบบนั้น ไม่ได้จะเต้นด้วยเลยไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรสักอย่างในชีวิต มีความพร้อมสุดๆ ด้านเดียว คือเลี้ยงลูกหมูตัวนี้ให้เจริญเติบโตพร้อมเข้าโรงเชือด เอิ้กๆ ล้อเล่น...พูดให้พี่มะเดี่ยวได้ยินไม่ได้เลยเนี่ย มีหวังโดนแกล้งยันความรักบวช

ก็ถ้ามันบวชได้อะนะ...

ผมเอาความรักไปฝากน้าบอยแต่เช้า พร้อมเอาของกินและของใช้อื่นๆ ด้วย เหมือนเอาลูกมาเข้าเนิร์สเซอร์รี่อะครับ อะไรๆ มันก็ต้องพร้อมนิดหนึ่ง ไม่งั้นมันจะสร้างความเดือดร้อนให้น้า ไหนๆ น้าก็ดูแลความรักให้ผมฟรีแล้ว

ปั่นจักรยานสีเขียวเชยๆ เข้ามาจอดใต้คณะ ข้างๆ กันที่ประจำมีรถของวิ่งกับพีช พวกนี้สายส่องสาว มันเลยชอบมาเช้าๆ คณะเราผู้หญิงเรียนเยอะกว่าผู้ชายมากทีเดียว ผมตรงไปที่โต๊ะประจำใกล้ถังขยะ ดี๊ดี นั่งดมกลิ่นหอมชื่นจายแบบนี้แทบทุกวัน ดีนะที่กลิ่นมันไม่แรงมาก

“ไง...เดอะสามคนดัง” ดังบ้านมึงสิวิ่ง กูไม่ได้เปิดลำโพงติดกับตัวนะ

“โพสต์เมื่อคืนนี่เหมือนมีความนัยซ่อนอยู่...” พีชหรี่ตาจับผิด แต่อย่าคิดว่าเดอะสามคนนี้จะสะทกสะท้าน ความมึนเอาชนะทุกสิ่ง อ่อ...ยกเว้นตีน

“หิววะ...หาไรกินแป๊บ” วางกระเป๋าได้ผมก็ชิ่งก่อน ตรงไปยังร้านขายข้าวขาหมู สั่งมาเลยเน้นหมูพูนๆ หนึ่งจานถ้วน

“ไม่ต้องมาตีมึนเลยมึง โพสต์นั้นหมายถึงใคร”

“ถึง...” วิ่งไม่ยอมจบ มาถึงก็ซักต่อ ผมเลยลยทิ้งคำยาวๆ เพื่อให้พวกมันตั้งใจฟัง

“ถึงอะไรวะ ยึกยักจัง...” กูเพิ่งยึกยักได้สองวิเองสาดวิ่ง

“ถึง...”

“ถึงอีกทีกูโบกหัวทิ่ม” เลว ใช้ความรุนแรงกับกูได้ไง กูเพื่อนมึงนะเนี่ยนะ

“ถึงดินฟ้าอากาศและ...ความรัก” โอ้โห...ติดแฮชแท็กเดอะสามโคตรหล่อรัวๆ!

.....100%....

ถึงดินฟ้า อากาศ และ (___) จงเติมชื่อที่ถูกต้องในช่องว่าง~ อิอิ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อยากได้ความรักมาไว้ที่บ้านเลยยยยย :mew3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่มะเดี่ยวอยากได้ความรักหรือเจ้าของความรักกันแน่คะ อิอิ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 10 [100%]<<

“ความรักหรือพี่มะเดี่ยว จำได้นะว่ามึงกับเขาอยู่ห้องตรงข้ามกันอะ” พีชไม่ต้องมารู้เรื่องกูดีเลย

“เอ้า อยู่ห้องตรงข้ามกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนะมึง” ถูกมะ เพราะงั้นโพสต์ลอยๆ ของผมก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงพี่มัน แม้ว่าความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตามที

“เหรอ...” วิ่งส่งเสียงกวนตีน

“แน่นอน” ตีหน้ามึนแล้วกินข้าวต่อไม่สนใจเสียงหมูเสียงหมาสองตัว

พีชกับวิ่งพูดแต่เรื่องที่ผมดังในโซเชียล เย้าแหย่กันอยู่นั่น แต่ด้วยความมึนที่มีอยู่เต็มหัวใจ ทำให้ผมเมินพวกมันอย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังพูดเรื่องอื่นขึ้นมาดื้อๆ มันถามเรื่องนี้กูตอบเรื่องนั้น เป็นไงล่ะ...ชั้นเชิงชวนกินบาทาเท่ไหม ไม่แน่จริงอย่างเดอะสามผู้มีหน้าเหมือนหมูหุ่นเหมือนหมาทำไม่ได้นะบอกเลย

เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมพูดเรื่องพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว พวกมันก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย คราวนี้ผมสามารถร่วมวงสนทนาได้อย่างไม่อิดออด มันไม่เข้าตัวผมแล้วไงล่ะ ผมก็เลยคุยได้ จนกระทั่งเข้าเรียนและเรียนเสร็จในตอนเที่ยง ช่วงเวลาที่เรียน ผมตั้งใจกว่าพวกมันสองตัว เพราะผมต้องการเก็บความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่ออนาคตของผมเอง ผมอยากเป็นครูที่ดี...มีความรู้มากๆ เพื่อป้อนให้เด็กน้อยเหล่านั้น

ตอนบ่ายเรามีเรียนแค่ชั่วโมงเดียว เลิกคลาสเสร็จมุ่งหน้าไปที่ชมรมทันที ยกเว้นผมที่ขอตัวไปหาความรักที่ร้านน้าก่อน เขาไม่บังคับว่าต้องมาเวลานี้เวลานั้นนี่นา เพราะงั้นผมขอไปหาสุดที่รักสักครู่ไม่มีใครตายหรอกเนอะ ถูกไหม

“ไง...คิดถึงป๊าเปล่า” มาถึงผมก็โผเข้ากอดความรักเต็มอ้อมแขน มันก็เอาหน้ามาซุกๆ ไซ้ๆ ที่คอเหมือนคิดถึง...เหมือนน่ะเหมือน มโนเองล้วน

“เดี๋ยวป๊าไปซ้อมเต้น เอามึงไปไม่ได้นะ...รออยู่นี่ เป็นเด็กดีนะเข้าใจไหม” จ้องตาแล้วบอก ความรักจ้องตาตอบแต่ไม่พยักกหน้า

“เข้าใจแล้วพยักหน้าสิ เร็วๆ เลย” มันก็ยังนิ่ง

“พยักหน้าแบบนี้” ทำให้ดู ความรักก็นิ่งอยู่ดี

“ยังอีก...เร็วเดี๋ยวจุ้บแหม่งน้อยหนึ่งที” คราวนี้เอาของมาล่อ มันกลับหันหน้าไปทางอื่น อ่าว....นี่คือไม่ชอบ ไม่อยากให้จุ้บแหม่งมึงใช่ไหมความรัก นี่กูป๊ามึงน้า...มึงจะมาเมินป๊ามึงแบบนี้ไม่ได้

“ไม่งั้นกัดนะ” เอานี่แหละ ขู่ที่แสนจะดุร้าย ความรักหันมามองหน้าผม ดูตาขวางๆ ขึ้นมา แต่มันก็ยอมพยักหน้าให้ ฮ่าๆ...หมูใครนะ แสนรู้จริงๆ

“ดีมาก น่ารักที่สุดเลย...ความรักของใครก็ไม่รู้เนอะ” ลอยหน้าลอยตาใส่หมูตัวเอง เหมือนเป็นคนบ้าที่หลุดออกมาจาโรงพยาบาล หรือไม่ก็ขาดยามาเป็นเวลานาน ท่ามกลางสายตาของผู้คน ผมไม่สนใจใครเลย เอาแต่ฟัดหมูดุ้กดิ้กของตัวเองอย่างมีความสุข

ตัวมันก็ห๊อมมมมหอมอะนะ ดูแลดีก็เงี้ย น่าเย้ายวนไปหมดทุกสัดส่วน ฮ่าๆ ผมไม่ได้โรคจิตอยากตั้มหมูนะเว้ยเฮ้ย อย่าคิดมาก ก็แค่น่าฟัดเล่นด้วยความเอ็นดูเท่านั้นเอง พอชื่นใจแล้วผมก็สั่งโกโก้เย็นหนึ่งแก้ว รับมาดื่มฟรีไม่ยอมเสียตังค์ เดินออกมาจากร้านแบบหน้าด้านๆ

“กินมั้ง” มาถึงก็แย่งกูเลยนะวิ่ง

“อย่าหมดนะมึง กูยังกินไปได้ไม่กี่อึกเอง”

“เออ แค่อึกเดียว...” แล้วมันก็ดูดปื้ดดดดดดด สัตว์ อึกเดียวแต่หมดแก้ว!

“เฮ้ย....ทำอย่างงี้กูได้ไงวะ โอ้ย โกโก้กู โกโก้กู้ววววว” อยากจะทรุดแล้วร้องไห้ให้เหมือนพระเอกเอ็มวีโดนแฟนทิ้ง แต่ไม่ทำ...มันน่าอาย

“ฮ่าๆ รอน้ำแข็งมันละลายเอานะมึงนะ น้ำร้านน้าบอยมึงโคตรอร่อย กูชอบ” มึงชอบแต่ไม่ควรมาแย่งของกูปะวะ นี่ของกูนะ...มันของกูอะ ฮื่อๆ

โอดครวญให้ตายแต่ไม่มีใครเข้าใจมันรู้สึกอย่างไร...เดอะสามผู้นี้รู้ดีเป็นที่สุดเลยขอรับ

“ไอ้วิ่งมันหวังดีกับมึงนะ กลัวมึงกินน้ำเยอะแล้วจะเต้นไม่ได้” เหรอพีช...ใช่เหรอพีช

“ใช่ๆ พีชพูดถูก” มีคนเข้าข้างยิ่งยิ้มแป้นแล้นเข้าไปใหญ่เลยไอ้วิ่ง

“มึงไปซื้อคืนมาให้กูเลย”

“เลิกซ้อมเดี๋ยวซื้อคืนละกันนะ ปะ...เราไปซ้อมกัน พี่ออมรอสอนอยู่นู้นแล้ว พวกกูก็จะไปซ้อมกับพี่โซฮาน” เอาล่ะ ช่วงเวลาแห่งการโดนปล่อยเคว้งคว้างมาถึงแล้ว

“เปลี่ยนเสื้อก่อนนะมึง” พีชทักเมื่อเราสามคนกอดคอกันจะเดินเข้าสู่ฟลอเต้น

และด้วยความเป็นผู้ชายกันหมดเนี่ยแหละครับ ก็เลยถอดเสื้อนักศึกษาออกตรงที่วางกระเป๋า จากนั้นก็รื้อหาเสื้อยืดมาสวม ไม่ต้องไปอายอะไร คนที่นี่ถอดเสื้อเต้นเป็นปกติ วิ่งกับพีชเอาผมมาฝากพี่ออมก่อนจะแยกไปยังที่ของตัวเอง

“ลายเสื้อน่ารักเชียว นี่ใช่เจ้าความรักหรือเปล่าเนี่ย” พี่ออมแกทักขึ้นเมื่อมองลายเสื้อที่ผมสั่งสกรีนมาเป็นพิเศษ

“ใช่ครับพี่ มันน่ารักก็เลยเอามาสกรีน”

“น่ารักจริง แถมหน้าเหมือนเราด้วย” แล้วพี่แกก็ขำ ครับ...ผมรู้ตัวว่าผมหน้าเหมือนหมูฝุดๆ

“แฮ่ๆ” ยิ้มแป้นแล้นใส่

“มะ..อย่างแรกเราจะวอร์มร่างกายก่อน เป็นสิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนจะซ้อมเต้นหรือแม้แต่ออกกำลังกายชนิดอื่น ดูจากรูปร่างเรา เราคงไม่ค่อยออกกำลังกายแน่เลยใช่ไหม” ผมวิ่งไล่กับหมาและหมูบ่อยๆ นี่เรียกว่าออกกำลังกายไหม...ไม่สินะ

“ครับ ไม่ค่อยได้ออก”

“งั้นครั้งแรกมันจะเจ็บมาก...” แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงพี่มะเดี่ยว ผมรีบยกมือไหว้เป็นมารยาทเหมือนกับที่พี่ออมทำ

“นั่นสินะ...ทำบ่อยๆ มันก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ น้องสามก็ไม่ต้องกลัว” ผมไม่กลัวเรื่องเจ็บตอนวอร์มหรอก กลัวเจ็บตอนเต้นมากกว่าอะ

“เดี๋ยวพี่พาวอร์ม พี่ก็เพิ่งมาถึง...” พี่มะเดี่ยวเดินเอากระเป๋าไปวางกองๆ รวมกัน เสร็จแล้วก็เอารองเท้าออกมาเปลี่ยน ปกติแกใส่อีแตะเข้ามาน่ะครับ

“ตายล่ะ...สู้ๆ นะ” พี่ออมโบกมือหย่อยๆ เดินหนีไปไม่รอให้ผมยิงคำถาม ผมก็แค่อยากรู้ว่าผมจะตายยังไงเอง หันไปมองพี่มะเดี่ยว เอ...พี่มันจะแกล้งผมปะวะ!

“อ่าว ไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ กลัวเจ็บเหรอ...พี่จะทำเบาๆ นะไม่ต้องกลัว” รอยยิ้มพี่มึงอะน่ากลัวมาก เหมือนโรคจิตจะจับกูปล้ำเลยพี่ มองซ้ายแลขวา ขอคนอื่นมาช่วยวอร์มได้ไหม ไอ้พวกที่เต้นไม่เป็นก็ไม่เห็นโพล่หัวมา มีผมคนเดียวแบบนี้เศร้าใจมาก

“พี่อย่าแกล้งผมนะ...” ผมบอกเสียงหวาด อ้อนวอนขอร้องเอาไว้ก่อน ทำหน้าตาน่าร้ากกกก น่าสงสารใส่ ผมจะได้รับความเห็นใจ ทว่า...พี่แกกลับหัวเราะหึหึ

“พี่ไม่แกล้ง...” กูเชื่อพี่มึงก็บ้าแล้วเฮ้ย!

“หน้าพี่ไม่น่าเชื่อ”

“ใครๆ เขาก็เชื่อพี่ทั้งนั้น มีเราคนเดียวแหละไม่เชื่อ...นั่งลงมา เรามาวอร์มร่างกายกันดีกว่าเนอะ” ไม่พูดเปล่า ดึงมือผมนั่งกับเขาอีกต่างหาก

เรานั่งตรงข้ามกัน ตาสบตา สายตาก็จ้องมองกัน...เห่อๆ ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ พี่เขาหล่อ แต่น่ากลัวอะ พี่มะเดี่ยวเอาหนังยางรัดผมตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะให้ผมนั่งท่าเดียวกับเขา คือนั่งอ้าขา...ครับ อย่าคิดลึก แค่อ้าขากว้างๆ ไปด้านข้างแต่ละด้าน คล้ายๆ จะให้กว้างแบบร้อยแปดสิบองศาอะ แต่คนเคยทำจะรู้ว่า...มันไม่ไหว แม่งเจ็บ ผมทำได้แค่อ้าเลยช่วงไหล่ตัวเองไปหน่อยเดียว คนไม่ค่อยออกกำลังกายก็งี้แหละ

แต่เออ...ผมสะกิดใจไรนิดหน่อย เวลาอยู่ฟลอพี่มะเดี่ยวไม่กูมึงกับผมแหะ

“วันนี้พี่พูดเพราะ...” ผมเปรยเบาๆ พี่เขากำลังลังขยับเข้ามาใกล้ เอาล่ะ...จู่ๆ ความสยองพองขนก็เริ่มจู่โจมผมอย่างรุนแรง

“อยู่ในฟลอเลยต้องเพราะหน่อย หรือชอบให้พูดแบบนี้ตลอด” พี่เขาเอาเท้าตัวเองยันที่ข้อเท้าของผม ข้างละข้าง...งงไหมนั่งอ้าขาชนกัน...หันหน้าเข้าหากัน ไม่ซึ้งเลยบอกตามตรง ยิ่งพี่แกเริ่มถีบขาผมให้อ้าออกอีกผมก็เริ่มหน้าเบ้

“ก็ชอบ...จะจะเจ็บ” ความเจ็บเริ่มมาแล้วมึงเอ้ย...รับรู้ได้เลยว่ากล้ามเนื้อต้นขาด้านในมันกำลังยืดออก โอ้ย...

“ทนหน่อยสิ ไม่ค่อยทำก็แบบนี้ เจ็บไม่นานหรอกนะ...” รอยยิ้มพี่มึงเหมือนฆาตกรมาก พี่มะเดี่ยวดึงมือทั้งสองของผมไปจับไว้ ซ้ำร้ายคือดึงผมเข้าหาตัวเขาในจังหวะที่ขาเขาก็ถีบขาผมอ้าออก

“โอ้ย...พี่ครับ ผมเจ็บ” นี่ค่อยๆ ทำนะ...นี่ไม่ได้รุนแรงเลย แค่ค่อยๆ ถีบขาผมออกทีละน้อยเท่านั้นเอง

“หายใจลึกๆ...” เสียงทุ้มนุ่มดูชวนเคลิ้ม...ซะเมื่อไหร่ล่ะ!!!

“อื้อ...ผมเจ็บอะ...พี่ครับ....” เสียงกระท่อนกระแท่นมากตอนนี้ ผมแทบจะฝุ่บหน้าปล่อยน้ำตาไหล มือดึงขาถีบแบบนี้...ตายกูตาย

“นี่พี่ทำเบาๆ แล้วนะ...เอาหน่า สู้หน่อย ถ้าไม่ทำแบบนี้กล้ามเนื้อเราก็จะไม่ยืดหยุ่น” ไม่เอาไม่ยืดหยุ่นอะไรแล้ว พอทีเถอะ จากกลัวซ้อมเต้นแล้วตาย กลัววอร์มแล้วตายมากกว่าเนี่ยตอนนี้

“อ๊ะ...จะจะเจ็บ เจ็บ...บะเบาพี่ เบาหน่อย” ดึงช่วงตัวเข้าหากันแบบนี้ขายิ่งฉีกสิครับ

“อึ้บทีเดียวเลยนะ”

“จะบ้าเหรอ! มะไม่เอาสิ...ผมเจ็บ นะคร้าบ...ไม่เอาแล้วเจ็บ” หน้าอ้อนวอนในระยะที่ใกล้มาก พี่มะเดี่ยวยิ้มกว้างเต็มแก้ม กูเจ็บจะตายแล้วพี่...ใครให้พี่มีความสุขบนความทุกทรมานของผมกัน

“ก็ได้...ตึงหมดแล้วใช่ไหม” พี่มะเดี่ยวจับมือผมทั้งสองข้างด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือเอื้อมมาบีบๆ ที่ต้นขาของผมสลับทั้งสองข้างเพื่อดูว่ากล้ามเนื้อมันตึงแล้วจริงไหม จั้กจี้นิดๆ ปนเจ็บหน่อยๆ

“ตึงแล้ว...จะขาดแล้วเนี่ย”

“เวอร์เหอะ ยืดได้อีกนิดนะ” ตาเหลือกแป๊บ

“ไม่เอา พอก่อน พอก่อน พอก่อนพอก่อนนนน” ระรัวลิ้นพันกัน พี่แกเลยขำออกมา

“พูดเล่นแค่นี้เอง อะ...เอามือซ้ายไปแตะปลายเท้าขวา” พี่มะเดี่ยวปล่อยมือผม ให้ผมทำตามที่เขาบอกโดยยังยันขาผมเอาไว้ ไม่ได้กว้างถึงร้อยแปดสิบองศา น่าจะแค่ร้อยเดียว..แต่เจ็บนี้เท่าไหร่ก็ไม่สามารถระบุได้

ผมพยายามจะเอื้อมมือไปจับปลายเท้า ทว่ามันเจ็บและตึงเปรี๊ยะไปหมด ก็เลยไปไม่ถึง พี่มะเดี่ยวแม่งจัดการกับผมยังไงรู้ไหม...มันจับหลังผมดันไปทางปลายเท้า ผมนี่ร้องจ๊ากลั่นฟลอ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพกูก่อนเล้ยยยย

“ฮึก...เจ็บ” ยืดกลับมานั่งตัวตรง มองหน้าพี่มะเดี่ยวน้ำตาคลอ ไม่เชื่อว่าเจ็บ คุณลองทำดิ...อ่านไปทำไปอะ แน่จริงก็ทำเลย เดอะสามคนจริงขอท้า

“เหวย ขี้แยวะ แค่นี้ร้องห่มร้องไห้ ไม่เอาห้ามร้อง เจ็บแค่นี้ไม่ตาย มาทำต่อ พี่ไม่กดเราละ...เอาเท่าที่ทำได้อะ แตะปลายให้มากที่สุดข้างล่ะสิบครั้ง” จะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าพี่มะเดี่ยวไม่หยิกแก้มจนเจ็บไปด้วย

ผมเบ้ปากใส่ แต่ก็ยอมทำตาม พี่มะเดี่ยวไม่กดหลังอย่างที่บอก ให้ผมทำเท่าที่ทำได้ซึ่งแค่เข่าผมก็โอดครวญออกมาเบาๆ แล้ว ร่างกายผมแข็งกระทื่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เด็กเรียนคนอื่นเป็นอย่างผมไหม หรือมีผมคนเดียวที่เป็น

พอผมทำครบ พี่มะเดี่ยวก็ให้ผมทำแบบเดียวกันกับพี่เขาบ้าง ด้วยการเอาขาตัวเองไปถีบข้อทั้งสองข้างให้แหวกออก แต่ด้วยขาผมสั้นและพี่มะเดี่ยวขายาว ผมเลยต้องถีบตรงน่องของเขาแทน จากนั้นจับมือหนาๆ ของพี่มะเดี่ยว ดึงเข้าหาตัวเอง กล้ามเนื้อพี่เขามันยืดหยุ่นดีอะ ดึงพรืดเดียวขาแทบฉีกเกือบร้อยแปดสิบองศา ไม่พอ...หน้ายังใกล้จนลมหายใจเราตกกระทบกันอีกต่างหาก

“หน้าใกล้มากเลยเนอะ” ผมอุตส่าห์จะก้มหน้าหนี พี่เขาดันมากระซิบบอกอีก ยอมรับตรงๆ...เขิน

“พี่เงยหน้าสิ เหงยหน้ามองฟ้า” ผมบอก ใจแม่งเต้นระรัวไปหมด ลองมาอยู่ใกล้คนหล่อระยะประชิดแบบผมดูสิ ชายแท้ก็มีหวั่นอะบอกเลย

“ไม่เอา มองหน้าน้องสามดีกว่าเยอะ” หยึย...

“เสี่ยว”

“ฮะ...น้องสามเสียว!” อ๊ากกกกกกก ไอ้พี่มะเดี่ยว พี่จะตะโกนทำมายยยย คนอื่นแม่งหันมามองหมดเลยทีนี้ มันเป็นแค่การวอร์มอัพ แต่พอพี่พูดแบบนี้ในท่าทางแบบนี้ปุ้บ แม่งดูล่อแหลมขึ้นมาทันทีเลยเว้ยพี่

“ฮ่าๆ หน้าเราอย่างตลกอะ น่ารัก” หน้ากูเอ๋อตลกตรงไหน พี่แม่งบ้า ผมหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่เสือกต้องสบตาคนรอบด้าน เลยเปลี่ยนมามองต่ำแทน...โอ๊ะ ต่ำกว่าหน้าพี่มะเดี่ยวก็เจอเป้าแหะ

พอ...กูพอล่ะ หลับหูหลับตาไม่มองสิ่งใดอีกต่อไป พี่มะเดี่ยวแม่งก็วอร์มไปขำไป เอาเข้าไปเถิดคนเรา...ผมไม่ใช่แจ๊สชวนชื่นนะ แค่เห็นหน้าก็ขำแล้วอะไรแบบนั้นน่ะ ฮึ้ย...เกลียดความกวนตีนของพี่มันจังโว้ย!

......100%......

หลับตาฟังเสียงไม่มองภาพมันคงแบบ...สยิวพิลึกเนอะ >_<

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
นี่ถ้าฟังเสียงอย่างเดียว นี่คิดไปไกลแล้วนะ ฮ่าาาา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่เริ่มรุกแล้วว หยอดน้องอีกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 11 [100%]<<

พี่มะเดี่ยวแตะปลายเท้าทั้งสองข้างของตัวเองได้อย่างสบายๆ เห็นแล้วก็ทึ่งอะ เขาคงทำบ่อย ถึงขนาดก้มเอาหน้าผากแตะเข่าตัวเองได้อะ โอ้โห...ขอโอ้โหหลายๆ รอบ ความยืดหยุ่นนี้ท่านได้แต่ใดมาขอรับ กระผมอยากทำได้บ้าง แต่กระผมนั้นกลัวเจ็บเหลือเกิน พอทำท่านี้เสร็จ พี่มะเดี่ยวก็ให้ผมนั่งขัดตะหมาด ทว่ามันไม่เหมือนคนนั่งปกติหรอกนะ เอาฝ่าเท้าทั้งสองข้างชนกัน ทีนี้เข่ามันก็จะลอยอะครับ นึกออกไหม...ไม่ออกให้ทำตามเดอะสามกันนะครับ เอ้าทำ!

“โอ้ยยยยยย” ไอ้แสรสสสสสส พี่มึง...พี่ทำอะไรพี่บอกกูก๊อน เล่นมาใช้สองมือกดเข่าของผมลงชิดพื้นทั้งที่สองมือของผมจับเท้าตัวเองเอาไว้

“ร้องอะไรขนาดนั้นเฮ้ย เจ็บแค่นี้เอง กดหัวลง เอาหัววางไว้บนหลังมือเราอะ” พี่มะเดี่ยวปล่อยมือจากเข่า เขาอ้อมไปด้านหลังให้ดันหัวผมให้กดลงไปที่เท้า ผมก็ทำตามแหละ แล้วใครจะรู้ว่าพี่มันจะกดเข่าผมอีกรอบ

“อ๊า เจ็บบบบบ” เงยหน้าร้องเป็นหมูโดนเชือดเลยสาส

“กล้ามเนื้อเราแข็งมาก หัดออกกำลังกายมั้งนะเรา แค่นี้ทำร้อง” ไม่ว่าเปล่า กดหัวผมลงไปอีก

“ผมเจ็บ...”

“นับหนึ่งถึงสิบ ดังๆ” แม่งไม่ฟังกูเลย

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ!” กูนับรัวเป็นแร็ปเปอร์เลย

“นับช้าๆ เอาใหม่” พี่คร้าบ...ต้องทำอย่างไรพี่ถึงจะอ่อนโยนกับผม ไม่ทำร้ายผมแบบนี้ ไม่รุนแรงและทำให้ผมเจ็บแบบนี้ละครับพี่ ฮื่อออออ

“หนึ่ง...สอง...สาม...”

“เออ นับแบบนั้นแหละ”

“หก...เจ็ด...แปด...เก้า...สิบ แฮ่กๆ เจ็บอะ...เจ็บ” เงยหน้าได้ก็ครวญครางด้วยความเจ็บปวด

“ทีนี้นั่งเขย่าเข่าให้มันแตะพื้นทุกรอบ” พี่มะเดี่ยวเดินอ้อมมานั่งตรงหน้า เขาทำเหมือนที่ผมทำไปเมื่อกี้ ส่วนผมก็เขย่าเข่าให้โดนพื้นตามที่พี่แกบอก มันไม่เจ็บล่ะครับ...ไม่ได้โดนกดค้างเอาไว้ไง กล้ามเนื้อเลยไม่ตึงจนเกินไป

พี่มะเดี่ยวทำแบบผมโดยไม่ต้องให้ใครมากดเข่า เขาดึงเข้าชิดเป้า จับปลายเท้าตัวเองเอาไว้แล้วโน้มหน้าแตะเท้าได้อย่างสบายๆ นี่คือความต่างของคนทำเป็นประจำกับคนไม่ค่อยทำแบบผมน่ะครับ เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในขณะที่ผมร้องโอดโอยมันทุกท่าที่เขาให้ทำ

“หกสูงเป็นไหม...” ถามมาแบบนี้ผมก็ส่ายหน้าสิครับ

“ไม่ครับ”

“ทำอะไรเป็นบ้าง”

“ข้าวไข่เจียว...โอ้ย” หัวลั่นดังแป๊ะ ผมคิดว่าพี่เขาตบหัวผมเบาแล้วแต่มันก็แรงในความรู้สึกของผมอยู่ดี

“งั้นยืนขึ้น แล้วทำท่าหกสูง เดี๋ยวพี่จับขาให้ คิดว่าไม่ต้องบอกนะว่าหกสูงทำยังไง” เออ ไม่ต้องบอก ทำได้เหอะ แค่ทรงตัวไม่ได้เท่านั้น

ผมทำตามพี่มะเดี่ยวบอก กะระยะที่พื้น เอามือวางแล้วเตะขาแรงๆ ดีดตัวให้ตั้งตรงแบบกลับหัวกลับหาง พี่มะเดี่ยวรีบคว้าขาของผมเอาไว้ เกือบร่วงลงไปอีกรอบแล้วด้วยซ้ำ พี่เขาจัดให้ตัวผมตรง

“ทีนี้ก็วิดพื้น”

“ฮะ!!!” ความตกใจนี้ทำเอาเกือบล้มโครมใหญ่

“ทำสิครับ ทำเลย สิบทีปฏิบัติ!” ทำก็ทำ แขนกูสั่นพั่บๆ เลยให้ตาย

วิดพื้นแบบหกสูงหนักหนาสาหัสกว่าการวิดพื้นธรรมดา เพราะมันต้องรับน้ำหนักทั้งตัว ในขณะที่วิดพื้นปกติยังมีขารับน้ำหนักร่วมด้วย อันที่จริงพี่มึงควรให้กูวิดพื้นเหมือนมนุษย์มนาเขานะ ไม่น่าทำแบบนี้อะพูดจริงๆ ผมเริ่มทำได้สามทีแขนก็สั่นพั่บๆ พยายามฝืนต่อไป ดีที่มีคนดึงขาให้ ไม่งั้นผมหน้ากระแทกพื้นแน่นอน

“แฮ่กๆ....แฮ่กๆ...โอ้ย” ครบสิบได้เกือบตาย นี่แค่วอร์ม...บอกตัวเองซ้ำๆ ว่านี่มึงแค่วอร์มนะไอ้สาม

“ด๋อยวะ” ว่าจบ พี่ท่านก็หกสูง ขาตรงแด่วมาก ไม่ต้องมีใครมาจับให้เลย เสร็จก็วิดฮึ้บๆ โอ้มาย...ก๊อด!

คือแบบ...พี่มึงเก่งอยู่แล้วไง จะมองว่าคนไม่เก่ง เต้นไม่เป็นแบบผมด๋อยไม่ได้นะเว้ย เรามันคนละระดับกันอะนะ เพราะงั้นพี่ต้องสำเนียกตัวเองนิดหนึ่ง ว่าเดอะสามคนนี้มีดีแค่หน้าตาดีและน่ารักไปวันๆ เท่านั้น ไม่มีความสามารถอื่นใดเพื่อมาลบความด๋อยของพี่ได้ คำว่าด๋อยนี้นะ...ขอซื้อไปทิ้งมหาสมุทรแปสิฟิกเหอะวะ เอาไปทิ้งไกลๆ แม่งจะได้เอามาใช้กับผมแบบนี้ไม่ได้อีก

“ไม่เห็นเหนื่อย” เออ...พี่มึงไม่เหนื่อย แต่กูเหนื่อยไงพี่ แล้วพี่มะเดี่ยวแกทำยี่สิบครั้งด้วยนะ ไม่ใช่แค่สิบแบบผม

“ก็ผมเหนื่อย”

“ทำบ่อยๆ จะได้ไม่เหนื่อย...เราจะกินกับนอนแบบหมูไม่ได้ คนก็ต้องใช้ชีวิตแบบคน เข้าใจไหม มาทำต่อ...” ยังมีอีกเร้อะ!!!

แต่อย่างอื่น ไม่หนักเท่าตอนแรกแล้ว ให้กระโดดเชือกอากาศหนึ่งร้อยที เสร็จก็ก้มหน้ากอดเข่าตัวเองในท่ายืน แน่นอนว่าผมทำไม่ได้ เจ็บไปหมด เหนื่อยใจจะขาด ร้องไห้ในใจไปหลายรอบ อยากจะกลับไปกอดความรักแล้วโอดครวญให้ความรักฟังว่าพี่มะเดี่ยวของมันทำกับผมอย่างไรบ้าง พี่แม่งนะ...ทำแต่ละอย่างผมเจ็บไปหมดเลย ไม่มีความอ่อนโยน อะไรๆ ก็ใช้แต่ความรุนแรง

“แฮ่ก...เสร็จยังอะ”

“เรียบร้อย ซ้อมเต้นได้” พี่มะเดี่ยวยีหัวผมเบาๆ ผมไม่ได้หลบ ถึงหัวจะยุ่งเป็นรังนกแล้วก็ตาม

พี่มะเดี่ยวตั้งใจจะสอนท่าเต้นเบสิกให้ผม แต่พี่โซฮานเข้ามาตามพี่เขาก่อน พี่ออมจึงเป็นคนเข้ามาสอนผมเต้นด้วยตัวเอง คนที่ไม่มีพื้นฐานแบบผมก็ยังไม่มีใครมาเลยสักคน ผมต้องเผชิญหน้าคนเดียวหรือนี่ โฮ...

“ท่าแรกไม่ยาก เราเรียกกันว่าท็อปร็อกหรือฟุตเวิร์ก กีฬาทุกชนิดมีฟุตเวิร์กทั้งนั้น บีบอยก็ด้วย” พี่ออมอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟุตเวิร์กโดยทำตัวอย่างให้ผมดู อย่างเทควันโด้ก็มีฟุตเวิร์กแบบกระโดดด้วยปลายเท้าไปหน้าหลัง มวยไทยก็มี โดดเบาๆ ด้วยปลายเท้าอะไรงี้ มันทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็ว

“โดดขึ้นนับหนึ่ง แตะปลายเท้าด้านหน้านับสอง” พี่ออมทำตัวอย่าง มันไม่ยากครับ เท้าขวาเราแตะปลายเท้าด้านหน้าเท้าซ้าย เหมือนไขว่กันอะ เวลาแตะปลายเท้าด้านหลังก็ไขว่เหมือนกัน มีทั้งหน้า หลัง ซ้ายและขวา

“มือนี่ยนะ...ปกติคนไม่เป็นพี่จะให้เราทำแบบตายตัว คือนับหนึ่งตอนที่เรากระโดดให้กุมไว้ที่เป้า และพอแตะเท้านับสองให้กางแขนออกเหมือนกางปีกแบบนี้” พยักหน้ารับอย่างเดียวอะตอนนี้ ก็เข้าใจนะ ไม่ยาก ง่ายกว่าที่คิด แต่ทำไม...คนอื่นท็อปร็อกเขาสวยจังเลยเนอะ ต้องเต้นเก่งๆ ก่อนละมั้ง

“มาลองกัน...มันมีจังหวะกลองอยู่ แต่เราทำแบบนับเลขไปก่อน ไว้ชินแล้วจะเริ่มตามจังหวะกลอง” จังหวะกลองคือเพลงบีทที่พวกขาเปิดกันเนี่ยแหละ เท่าที่ฟังและสังเกต มันจะมีจังหวะแบบ ตึก ตึก โป๊ะ กระโดดขึ้นตึก ลงมาอีกทีก็ตึกแล้วแตะเท้าด้าหน้าในจังหวะโป๊ะ...ง่อววววว โคตรหล่อ

“โอ้...ทำตามจังหวะได้นี่ เก่งมาก เอาล่ะ...ทำไปเรื่อยๆ หน้าสองหลังสองแล้วก็ซ้ายขวาอย่างละสอง สลับไปมาอย่างนี้ ให้ลงตามจังหวะเพลง เดี่ยวพี่ไปดูเพลงที่บีทช้ากว่านี้ให้” คงเพราะผมทำได้เข้าจังหวะบ้าง ไม่ทันบ้างนั่นแหละ

ตอนแรกที่เริ่มทำ มันจะเกร็งเก้ๆ กังๆ ไปหมด สักพักผมก็เริ่มปล่อยมือให้ไปตามจังหวะเพลงแบบสบายๆ ดูบ้าง มันไม่ยากเท่าไหร่ แกว่งมือไปแกว่งมือมา ครู่เดียวมันก็ดูจะดีขึ้นมาบ้าง เห็นแว้บๆ ว่าพี่มะเดี่ยวหันมามอง...แต่พี่ออมให้ผมทำ ผมก็ทำต่อไป

และเหมือนจะซื่อไปหน่อย...ทำไม่หยุดถึงแม้มันจะจบเพลงไปแล้วสามเพลง ไอ้แสรส...เหนื่อย ใครว่าฟุตเวิร์กอย่างเดียวไม่เหนื่อยวะเนี่ย เหงื่อโทรมกายไปหมด หอบหายใจทางปาก แต่พี่ให้ทำ ผมก็ทำไง ไม่มีใครบอกให้หยุดกูก็ไม่หยุดอะ ที่จริงเอาท่านี้เป็นท่าวอร์มอัพก็ได้นะเว้ย กูว่าแม่งใช้ได้เหมือนกัน...เหนื่อยเหมือนกัน ไอ้เลวววว

“พอได้แล้วมั้งมึง จะท็อปร็อกเอาโล่เหรอ” โฮ....ในที่สุด วิ่งสุดที่รักก็เดินมาบอกให้ผมหยุด

“พี่ออมให้ทำไปเรื่อยๆ”

“ฟาย เหนื่อยก็พักได้เหอะ นั่งพักก่อน กูไปซื้อน้ำให้”

“โอ้ ขอบพระคุณท่านมากขอรับ” พนมมือไหว้งามๆ หนึ่งที

“ไม่เป็นไร ป๋าเลี้ยงเอง” พูดมาได้ป๋าเลี้ยงเอง มึงกินน้ำกูหมดแก้ว กูจำได้ไม่ลืมเลือนเลยเพื่อนยาก

ไอ้วิ่งไปไอ้พีชมานั่งพักข้างๆ มันเองก็ซ้อมจนเหงื่อท่วมเหมือนกัน พอนั่งลงข้างผม เจ้าตัวก็ถอดเสื้อยืดชุ่มเหงื่อของตัวเองออก แล้วก็เอามือเนี่ยแหละปัดเหงื่อที่ท่วมร่างกายอยู่ออก หุ่นมันดี๊ดี ดีแบบ น่าอิจฉาเลยล่ะครับ

“ทำไมซ้อมคนเดียวเลยวะ ไอ้อีกสองคนไม่เห็นมา”

“ไม่รู้วะ กูก็ไม่เห็นเนี่ยเลยต้องซ้อมคนเดียว แต่แม่งเหนื่อยเหมือนกันเนอะ พวกมึงแม่งบ้าเต้นเข้าไปได้ไงขนาดนั้น กูแค่นี้ก็หอบแล้วเนี่ย” ผมเอาเสื้อตัวเองกระพือพัดให้ความเย็นตัวเอง

“โอ้ย ท็อปร็อกไม่หยุดขนาดมึงกูก็เหนื่อย ขาอ่อนไปแล้วมั้ง เห็นเต้นกันโหดๆ อะ มันก็เต้นๆ หยุดๆ ถ้าทำรัวๆ ไม่หยุดแบบที่มึงทำอะ...มันต้องเหนื่อยอยู่แล้วเว้ย” พีชกอดคอผม...ซะเมื่อไหร่ เอาหน้ามาเสือกไสเสื้อกูซะงั้น จะเช็ดหน้าก็เสื้อตัวเองสิวะ

“สาม!” กำลังจะหันไปบ่นเพื่อนตัวเอง พี่มะเดี่ยวแม่งก็เสือกเรียกเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“ครับ”

“มานี่หน่อย” พี่มะเดี่ยวแกนั่งอยู่ที่มุมใกล้ลำโพง มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ พวกรุ่นใหญ่สิงอยู่ตรงนั้นแหละ แต่เมื่อพี่เขาเรียกผมก็ต้องไป พีชโบกมือไล่อีกต่างหาก

เดินเข้าไปใกล้พี่มันก็ให้ผมนั่งที่ม้าหินอ่อน จากนั้นเจ้าตัวหายไปไหนก็ไม่รู้ พี่โซฮานเข้ามาคว้าขวดน้ำบนโต๊ะดื่มอึกๆ เขาดูน่ารักนะ...หน้าหวานๆ ตัวเล็กๆ แต่ตาดุอะ ไม่ค่อยยิ้มให้รุ่นน้องเรื่อยเปื่อยเหมือนพี่มะเดี่ยว

“หิวปะ” หันขวับไปมองคนเรียก หายไปแต่ดันกลับมาพร้อมข้าวเปล่าพูนๆ จานเนี่ยนะ?

“ไม่อะพี่” เพิ่งจะซ้อมได้ไม่เท่าไหร่ มื้อเที่ยงก็ยัดไปแล้ว ไม่หิวเลยล่ะ นอกจากน้ำตอนนี้ผมไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น

“อ่อ หิว งั้นกินกัน...” เดี๋ยว...หูพี่มึงยังดีอยู่ไหม

“มึงยังไม่กินข้าวเหรอวะ” พี่โซฮานถามเพื่อนตัวเอง พี่มะเดี่ยวส่ายหน้า เขาเอากับข้าวที่ผมสงสัยอยู่สักพักแล้วว่าเขาจะกินกับอะไรวางลงบนโต๊ะ

ปลากระป๋อง...

“ปลากระป๋องไม่คาว กินได้ไม่ตาย เชื่อพี่ มะ...กินกัน เอาช้อนมาเผื่อด้วยนะเนี่ย” เออ เห็นแล้วล่ะว่าเอาช้อนมาสองคัน

“ไม่เป็นไรพี่ ผมไปซื้อกินเอาก็ได้”

“รวยว่างั้น พ่อแม่เลี้ยงดีเนอะ...เอาหน่า กินเหอะ ประหยัดไปอีกมื้อ” เอ้า...มีว่ากระทบกระเทียบกันอีก ผมไม่อยากกินกับพี่เขาอะ เกรงใจ ไม่อยากแย่งคนตัวใหญ่กิน อีกอย่าง...นั่นปลากระป๋อง มันไม่แย่เท่าลูกชิ้นปลาหรือปลาชิ้น แต่เลี่ยงได้ก็ไม่อยากกินอะนะ

“เป็นรุ่นน้องก็อย่าดื้อกับรุ่นพี่ เข้าใจไหมครับน้องสาม” พี่มะเดี่ยวนั่งข้างๆ แกยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดเสียงต่ำข่มขู่

“เอ้า...อย่าแกล้งน้องสิวะ” ดีมากพี่โซฮาน พี่ควรปกป้องผมอย่างนั้นแหละ เพื่อนพี่จ้องแต่จะแกล้งผม ทำไมก็ไม่รู้...แค่เรื่องจะกินหมูที่เลี้ยงไว้เท่านั้นเอง

“เออหน่า มะ...กิน”

“ครับ” โอดครวญได้แค่ในใจเท่านั้นแหละไอ้สามคนนี้น่ะ สุดท้ายก็ต้องนั่งกินข้าวกับปลากระป๋องยี่ห้องโรซ่า แถมผักสามสี เห่อๆ...วิตามินในนี้มีน้อยมาก น้อยจนแทบไม่เรียกว่ามีเลยด้วยซ้ำ

กินด้วยกันไม่พอ กินจานเดียวกันอีก แบ่งข้าวกันเป็นสองฝั่ง พี่มะเดี่ยวแกกินเร็ว คำหนึ่งโตๆ ส่วนผมเหรอ...กินเหมือนแมวกินมากอะ ทั้งที่ปกติเป็นคนกินเหมือนหมูแท้ๆ มันไม่ชอบนี่นา...เกรงใจไม่อยากแย่งแกด้วย ผมเนียนๆ เขี่ยข้าวเปล่าไปทางฝั่งพี่มะเดี่ยวที่คุยกับเพื่อน กินอยู่ก็ยังจะคุยกัน เอาผมมานั่งกินด้วยทำไมอันนี้สงสัยสุดๆ แต่สงสัยไปก็เท่านั้นแหละ ผมต้องกิน แค่นั้น...แค่กินเข้าไป

“อิ่ม ที่เหลือกินให้หมดด้วยนะ ไม่หมดกูเตะ” พูดคำว่ากูเตะใกล้ๆ เพื่อรักษาความสุขภาพเอาไว้ให้หยั่งยืน

“อ่า...” ข้าวที่ผมเขี่ยให้พี่เขาเหลือเพียบเลย ไหนว่าแบ่งเหมือนต่างคนต่างรับผิดชอบฝั่งตัวเอง แล้วไหงจบแบบนี้ได้ล่ะ

“กับก็ห้ามเหลือเข้าใจปะ เนี่ย...เงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น แล้วนี่ก็น้ำ กินเสร็จแล้วเอาไว้นี่แหละเดี๋ยวมีคนมาเก็บ” พี่มะเดี่ยวยีหัวผมเบาๆ เขากอดคอพี่โซฮานเดินเข้าฟลอ

จะไม่อาลัยอาวรณ์เลยถ้าพี่เขาไม่ได้เหลือข้าวเอาไว้ให้ผมเยอะขนาดนี้ เห็นตัวแค่นี้แล้วจะกินจุเหมือนความรักเหรอ บ้าเหอะ...ผมตัวเล็กก็กินน้อยตามขนาดตัวนั่นแหละเฮ้อ แค่กินบ่อย เอิ่ม...กินจุบจิบอะครับ แฮ่...

.....100%.....

พระเอกคนอื่นเขาเลี้ยงข้างหรูๆ พี่มะเดี่ยวเราก็หรู...หรา ปลากระป๋องนี่หรูมากเลยนะแหม

ทอร์คหน่อย...สมัยเราเต้นอะ เราจะมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่สนิทมาก แกเป็นอาจารย์คนแรกและก็เต้นด้วยกันนานมาก หลายปี พี่แกเป็นคนประสาท พูดจารู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นคนไม่มีความอ่อนโยนอะไรเลย แต่ในเวลาที่เราไม่มี...คือเราไปใช้ชีวิตอยู่กับเขาอะนะ นอนกลางดินกินกลางทรายตามประสาเด็กสรีทอะ แต่ไม่ได้ไปเปิดหมวก เงินมีแค่สามสิบบาท พี่เขาก็ไปซื้อข้าวมากับปลากระป๋อง เราก็ไม่มีเงิน ไม่ได้กินข้าว พี่เขาเอามาให้ มากินด้วยกันเพราะต่างก็ไม่มี ช้อนหนึ่งคันพี่เขาสละให้ ส่วนตัวเองใช้บัตรพนักงานตักข้าวกิน แกกินแบบรีบมาก ยัดๆ แล้วก็กินแต่น้ำ เราก็งงๆ จนมาเข้าใจตอนที่พี่เขาบอกอิ่ม ปลาเหลือเต็มกระป๋องและข้าวเหลือเยอะ พี่เขาบังคับเรากินให้หมด ไม่หมดกูเตะ...

เพราะมื้อนั้นจะเป็นมื้อเดียวของวันนี้ แล้วพี่เขาก็สละมันให้เราได้อิ่ม...มันเป็นความประทับใจ เราก็เลยอยากเอามันมาใส่ไว้ในนี้ มันคงดูไม่อ่อนโยน แต่มันมีความหมาย...น้ำเน่าเนอะ ฮ่าาาาา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักน่าขำ
อิพี่เดี่ยวดูมีหยอด มีหวง
theสามจับพี่ทำเมีย(ในมโนแลนด์)เลย 55
รออ่านต่อ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 12 [100%]<<

การกินเป็นความทุกข์ทรมานทันทีเมื่อ...ผมอิ่ม ผมอิ่มจริงๆ ขึ้นคอเลยอะตอนนี้ แต่ยังเหลืออีกหลายคำ ยัดมันเข้าไป ยัดเหมือนว่าหลังจากนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้กินข้าวอีกแล้ว ทั้งที่ความจริง เลิกชมรมก็ไปหาไรกินอีกอยู่ดีอะ แต่หลังจากหมดจาน...ผมคงไม่กินมื้อเย็นล่ะ

และด้วยความกลัวโดนพี่มะเดี่ยวเตะคอหัก แม้กระทั่งน้ำที่พี่ท่านเหลือเอาไว้ให้ผมก็กินหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เงยหน้า อ้าปาก เอาขวดน้ำมาเขย่า บีบและรีดดดด มันออกมาให้หมด นี่ผมไม่ได้ประชดประชันอะไรพี่เขาเลยนะเว้ย ทำไปทั้งหมดเนี่ยเพราะความกลัวล้วนๆ

จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็กลับไปโดนเพื่อนทั้งสองแซ็ว วิ่งส่งโกโก้เย็นมาให้ จากที่อยากกิน...ตอนนี้จุกจนไม่อยากเอาอะไรยัดใส่เข้าไปในท้องตัวเองอีกแล้วอะ ผมวางเอาไว้แบบนั้นก่อน นั่งเล่นนั่งย่อยอยู่พักใหญ่ พี่ออมเดินเข้ามาตามให้ไปซ้อม อยากจะบอกว่าถ้าพี่ให้ผมซ้อมตอนนี้ผมอาจจุกตายก็ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ไทม์และโจ้กำลังวอร์ม ส่วนผม พี่ออมสอนท่าใหม่ เรียกว่าซิกสเต็ป เป็นการเต้นแบบหอล่าง พี่ออมบอกว่าหอล่างกับหอบนต่างกันที่ความสูง เออ อันนั้นเข้าใจ อันอยู่ล่างมันก็เตี้ยเป็นเรื่องธรรมดา เห็นผมทำหน้าเอ๋อๆ ใส่พี่แกก็หัวเราะ คนที่นี่ชอบแกล้งเหรอ...โรคจิตกันเหรอครับถึงได้มากลั่นแกล้งเดอะสามคนนี้บ่อยนัก แต่พี่ออมไม่หัวเราะนาน ให้ผมทำตามพี่เขาด้วยการนั่งยองๆ ต้องยองโดยไม่ลงส้นด้วยนะ เสร็จก็เอามือทั้งสองเนี่ยวางไว้บนพื้นเป็นหลักค้ำ จากนั้นยืดขาไปด้านหลังเหมือนจะทำซิดอัพแต่ไม่ยืดตัวมากขนาดนั้น ตามด้วยยกมือซ้ายขึ้นสูงๆ สอดขาขวามาทางขาซ้าย...

พอๆ...อธิบายละงง ผมทำก็งง เอางี้นะ คุณต้องคิดถึงนาฬิกาที่เป็นวงกลมอะ เออ นาฬิกาไหนเดินเป็นทางตรงบ้างล่ะจริงไหม นี่ก็ทำเหมือนนาฬิกาครับ มือเนี่ยค้ำร่างทีละข้าง ส่วนขาให้ย้ายเป็นจังวะเหมือนนาฬิกามันเดินอะ เป็นวงกลม นาฬิกามีสิบสองจังหวะ...คือสิบสองชั่วโมง แต่ท่านี้ทำแค่หกจังหวะครับ มือต้องอยู่ติดพื้นตลอดด้วย

ทำครั้งแรกมันก็เงอะๆ งะๆ เก้งก้างตลกไปหมด พี่ออมสอนไปขำไป ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำตาม ทั้งที่แม่งจุกข้าวแบบ บรรลัยวายป่วงมาก เริ่มคล่องให้เพิ่มความเร็ว ตอนทำท็อปร็อกผมลงจังหวะได้ แต่พอเป็นซิกสเต็ปปุ้บ...ตึกตึกโป๊ะอะไรกูไม่รู้จัก! โอ้ย...มันลงจังหวะไม่ได้เลย เข้งขามันสอดไปสอดมาพันกันเบิ้ดดดด

ทำๆ หยุดๆ เต้นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักประมาณนั้นครับ พี่ออมต้องสอนไทม์กับโจ้ด้วยด้วย แต่พวกนั้นทำตามมาเร็วมาก ท็อปร็อกกันแป๊บเดียวก็ได้ ก็มันง่ายยิ่งกว่าข้อสอบเด็กปอสี่เสียอีก พอมาซิกสเต็ปแม่งก็สภาพเดียวกับผมเนี่ยและครับ ฮ่าๆ อย่างน้อยเดอะสามคนนี้ก็ไม่ด๋อยคนเดียว

“เริ่มจะคร่องแล้วสอนโพสต์เลยออม” เป็นพี่มะเดี่ยวที่โพล่งขึ้นมา ผมหยุดทำท่าเหมือนงมหากบเป็นวงกลมของตัวเองละนั่งหอบ ทำนานๆ ก็ทั้งเหนื่อยทั้งจุก

“ได้พี่ เอาล่ะ…เดี๋ยวท่าโพสต์แรกที่พี่จะสอนนั้นมีชื่อว่าเบบี้ฟีดนะ” พี่ออมนั่งคุกเข่า เอามือข้างขวาวางที่เอวด้านขวา แต่มือซ้ายวางตำแหน่งสูงขึ้นมามาก จากนั้นพี่เขาก็กดหัวลงวางกับพื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ขาทั้งสองข้างลอยขึ้น!!!

โอ้ววววว ถ้ากูทำ ข้าวกับปลากระป๋องในท้องกูพุ่งแน่!

“ท่ามันก็ประมาณนี้ ไม่ยากหรอก ทริกของท่าอยู่ที่เราต้องทำฐานให้เป็นสามเหลี่ยม ซึ่งก็มีมือขวาและซ้ายและหัว” เออ อันนี้ผมเข้าใจ ดูจากที่พี่เขาทำ ก็เห็นอยู่ว่าพอมันวางลงหมดแล้วมันจะเป็นสามเหลี่ยมพอดี แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผมอิ่มมากไงล่ะ

แต่เมื่อเขาให้ทำก็ต้องทำครับ ไทม์และโจ้เริ่มทำตามพี่ออมบอก ผมเองก็เช่นกัน โดยมีพี่มะเดี่ยวยืนอยู่ตรงหัวผมเนี่ย พี่จะรู้ไหมว่าพี่ได้ทำให้กระเพาะของผมนั้นอัดแน่นไปด้วยข้าวและน้ำจำนวนมหาศาล เรียกได้ว่า โน้มตัวลงไปปุ้บนะ...ข้าวนี่ขึ้นมาอยู่ที่คอของผมเลยล่ะครับ

ทำไปทำมาผมก็เกิดหลงรักพื้นซีเมนส์ แขนนี่พับหักหน้าทิ่มปูนเข้าเต็มรัก โอ้ย...ไอ้ความรักเอ้ย ป๊ามึงจะตายไหมวันเนี้ย เหนื่อยก็เหนื่อย แขนก็ล้า ตอนทำซิกสเต็ปมันกินพลังงานแขนไปไม่ใช่น้อยๆ พอทำเบบี้ฟีดอีก ก็ยิ่งบั่นทอนกำลังผมเข้าไปอีก นอนแผ่มันเลยล่ะกัน...เหนื่อยละถือว่าพักสักแป๊บ

“แอ๊ก....” พักบ้าบออะไร พี่มะเดี่ยวแม่ง...นั่งทับเฉยเลย!

“อ่าว พี่นึกว่ามีคนมาปูเสื่อให้นั่ง” ปูเสื่อบ้านพี่มึงเด่ ข้าวทะลักขึ้นคอเกือบพุ่งออกมาแหนะ

“หนักพี่...” ตัวโคตรหนัก หนักมากเหมือนโดนช้างเหยียบเอาไว้เลยอะ

“ไหน ซิดอัพซิ” ซิดบ้าซิดบออะไรของพี่มึง กูหนัก…ออกป๊ายยยย

“พี่ลุกดิ”

“ไม่ลุกอะ สามนิ่มดี…อยากนั่งนานๆ” แต่ไส้กูจะทะลุออกมาทางปากล่ะพี่

“ฮื่อออออ พี่ลุก”

“อ้อนวอนก่อน ไหนอ้อนวอนเขาทำกันยังไงน้า...” ไอ้พี่เลว มึงแกล้งกูอีกแล้วอะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ หาเรื่องแกล้งกันได้ตลอดเวลา

“พี่มะเดี่ยวคร้าบ...ลุกจากตัวน้องสามทีนะครับ น้องสามหนักมากเลย” พูดไปก็อึดอัดไป คือ...ลองไปโดนช้างล้มทับอาจจะเข้าใจความรู้สึกของสามคนนี้ก็เป็นได้

“ฮ่าๆ” อ่าว หัวเราะเฉย แต่ดีนะที่หัวเราะแล้วยังลุกจากตัวผมด้วย พี่มะเดี่ยวดึงให้ผมนั่งดีๆ

“หัดแรกๆ อย่าโหมมาก อย่าฝืนเกินไปมันจะบาดเจ็บ แล้วกินข้าวมาอิ่มๆ ให้นั่งพักก่อนอย่าเต้นเลย จุกตายขึ้นมาพี่ไม่รับผิดชอบนะครับน้องสาม” พี่มะเดี่ยวนั่งยองๆ ผมมองหน้า...ได้ข่าวว่าพี่ก็ยืนกดดันให้ผมทำนี่ครับ

“รู้แล้วครับ”

“รู้แล้วต้องทำตาม อะ...กินน้ำแล้วนั่งพักก่อน สามโพสต์ได้แล้วแค่ยังไม่แข็ง ของแบบนี้ต้องใช้เวลา สำคัญอยู่ที่ข้อมือ ชักบ่อยๆ มันจะได้แข็งแรง...” ยักคิ้วหลิ่วตา...ตลกล่ะ! ชักบ้าชักบออะไรพี่วะ โอ้ยเนาะ แล้วมาพูดใกล้ๆ สีหน้าเจ้าเล่แบบนี้...เสือไบอย่างผมจะไม่ทน เสหน้าหลบแป๊บ

“ครับ”

“ครับนี่คือจะทำตาม?” พยักหน้า

“ฮ่าๆ เออเว้ย...หน้าเหมือนพี่บอย แต่ซื่อบื้อผิดพี่บอยเลยอะ” แล้วพี่มันก็ยีหัวให้นกมาทำรังอยู่

“ก็พี่ให้ทำ...”

“ทำอะไร ชัก? ชักอะไรอะรู้ไหม” ส่ายหน้า ไม่รู้ แต่พูดว่าจะทำตามไปงั้นแหละ

“ไม่รู้ครับ”

“อยากรู้ปะ...มาหาพี่ที่ห้องคืนนี้ดิ เดี๋ยวพี่บอก” เดี๋ยวตบปากแตกเลยไอ้พี่บ้า แล้วดูสายตา...เจ้าเล่มาก เจ้าเล่ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ที่ผมได้พบได้เจอมาอีก ผมขยับถอยหลังเล็กน้อย ให้ตัวเองออกห่างจากพี่มะเดี่ยว

“ไม่อะ น่ากลัว”

“ฮ่าๆ...ล้อเล่น ซ้อมไป แต่ถ้าเอาจริงก็มาหาได้นะ” พี่เขาจับหัวผมโยกซ้ายโยกขวาก่อนจะทิ้งรอยยิ้มหวานเอาไว้แล้วจากไป

คือ...พี่มันเป็นยังไงอะผมไม่รู้หรอก แต่บอกได้ว่าพี่ไม่ควรหยอดเสือไบอย่างผม เพราะมันทำให้คิดลึกและ...ใจเต้นแรงมาก ให้ตายเหอะ ให้ตายเหอะ ไอ้สามคนนี้อยากจะถึ้งหัวตัวเองชะมัด ติดที่ว่าคนอื่นมองมามันจะน่าเกลียดมาก

ผมสลัดเรื่องพี่มะเดี่ยวออก เอาน้ำที่พี่เขาให้มากิน ไม่อยากไปคิดมาก...เขาดูขี้เล่นอะ ดูเฟรนลี่ สนุกสนานไปงั้นเอง ผมอาจฟรีกับทุกเพศที่เข้ามาหา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะเป็นเช่นกัน ดูแล้วพี่มะเดี่ยวก็แค่เล่นๆ เป็นชายแท้ที่ชอบแกล้งชอบหยอดน้องๆ เพราะงั้นผมไม่ควรคิดอะไรเกินเลยกับพี่เขา ชอบชายแท้ความผิดหวังมีสูงมาก เห็นเดอะสามเบ๊อะบ๊ะแบบนี้แต่สามก็ไม่ชอบทำร้ายตัวเองนะคร้าบผม

นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มซ้อมกันต่อ พี่ออมไม่ไปไหนไกล เธอคอยดูน้องๆ ซ้อมแล้วก็สอนให้เราทำคอมโบ คือเริ่มจากท็อปร็อก ลงมาซิกสเต็ปและจบด้วยโพสต์ มือใหม่อย่างเราๆ นั้นทำให้ลงจังหวะเป๊ะๆ ไม่ได้เลย อาจจะท็อปร็อกลงจังหวะ แต่อย่างอื่นก็แถๆ ไปนั่นแหละครับ

สำหรับผม...วันนี้ถือว่าได้อะไรมาเยอะทีเดียว ผิดจากที่คาดการณ์เอาไว้ว่า ผมจะไม่สามารถเต้นได้แบบที่พวกเขาเต้น แต่แค่วันแรก ท่าพื้นฐานก็ได้มาเยอะทีเดียว พี่ออมบอกว่ามันมีท่าโพสต์พื้นฐานอีกหลายท่า แต่ยังไม่สอน น้องๆ ยังข้อมือไม่แข็งพอ แล้วก็มีสอนให้เราทำท่าหกกบ เป็นท่าบริหารข้อมือนี่แหละ

โดยการเอามือวางไว้ข้างหน้า เอาเข่ามาวางบนศอกตัวเองแล้วโน้มตัวไปด้านหน้าให้ขาลอย ท่าแม่งทำแล้วตลกมากอะ แต่ต้องทำเพื่อให้เราสามารถต่อยอดท่าอื่นๆ ได้ พี่ออมค่อนข้างพอใจกับผลการสอนในครั้งนี้มากทีเดียว

ก่อนแยกย้ายก็เหมือนวันศุกร์ที่ต้องเล่นเอบีซี วันนี้ไม่มีข้อแม้สำหรับหน้าใหม่และพวกอ่อนด๋อยทั้งหมด ครับ...เมื่อไม่มีการประนีประนอม ก็วิดพื้นกันไป วิดแบบ...วิดแม่งทุกรอบ ทำได้แค่ที่เรียนรู้ไปวันนี้เท่านั้นเองอะ พี่มะเดี่ยวเองก็พยายามให้ผม ไทม์และโจ้ทำท่าที่พวกเขาตั้งโจทย์ เท่านั้นแหละ...ล้มระเนระนาดหมด

“เชี่ย...เหนื่อยอะ” เล่นเอบีซีเสร็จก็นั่งพัก ผมนี่นอนแผ่หลาประหนึ่งพ่อเป็นเจ้าของที่ทันที แต่ครับแต่...คนอื่นก็ทำเว้ย ไม่ใช่แค่เดอะสามผู้หน้าเหมือนหมูหุ่นเหมือนหมาคนเดียว

“สนุกปะวะ” วิ่งถาม ผมก็พยักหน้า

“หนุกดี แต่แม่งเหนื่อยวะ...กูระบมไปหมดเลย” พรุ่งนี้ผมลุกไม่ขึ้นก็ไม่ต้องสงสัยนะ แค่ฝึกโพสต์เบบี้ฟีด เอวผมก็เขียวแล้วล่ะ

“พรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหวโทรบอกพวกกูนะเว้ย” ไอ้พีชเอนมานอนทับพุง

“เอาละครับ…วันนี้เราจะปิดชมรมกันแค่นี้ สำหรับใครที่อยากซ้อมต่อให้ไปที่ห้างครับ แล้วถ้าใครจะกลับก็สามารถกลับได้เลย เราจะซ้อมกันตั้งแต่เที่ยงไปถึงห้าโมงเย็นแบบนี้ทุกวัน แล้ววันนี้ก็ถือว่าทุกคนตั้งใจซ้อมเป็นอย่างดี ปรบมือให้ตัวเองครับ” เสียงปรบมือดังระงม แต่ผมนี่แค่เปาะแปะเท่านั้น

“มึงไปกับพวกกูปะ ไปซ้อมกันต่อ แต่ถ้าไม่ไหวไปนั่งเล่นก็ได้ เอาความรักไปด้วย” วิ่งหันมาถาม ผมพยักหน้า ยังไงก็ไม่รีบกลับไปทำอะไรอยู่แล้วนอกจากเล่นเกม

“เอาดิ”

ตกลงกันเสร็จก็เก็บของ แต่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เราไปกันทั้งชุดนี้เลยครับ เหงื่อท่วมกายนี่แหละคือเสน่ห์ของชายหนุ่ม แต่ก่อนจะปั่นจักรยานไปร้านบีพีคอฟฟี่ ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน อยากล้างหน้าล้างมือให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปอุ้มเจ้าความรัก พอเข้ามาที่ห้องน้ำ ก็เจอพี่โซฮานกำลังล้างหน้าอยู่ ผมยิ้มแล้วก็ก้มหัวให้พี่เขา

“เป็นไง…สนุกไหม” พี่เขาถาม แต่ก็ไม่ได้ยิ้มให้ผม แค่ถามไปงั้น

“ก็สนุกดีครับ”

“อืม…ได้เต้นได้เล่นกับเพื่อนๆ มันต้องสนุกอยู่แล้วละเนอะ ว่าแต่เราชอบมะเดี่ยวเหรอ” พี่เขาหันมามองหน้า แล้ว…ผมควรตอบว่ายังไง คือไม่คิดว่าจะเจอคำถามนี้อะ ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

“ก็ชอบนะครับ...” ไม่รู้หรอกว่าถามแบบนี้หมายความแบบไหนบ้าง แต่สำหรับผม...คำตอบนี้ก็หลายทางเลยล่ะ ชอบทั้งหน้าตาและความอบอุ่นกวนตีน ไม่ชอบอย่างเดียว...แกล้งกันบ่อยไป

“เราเป็นเกย์เหรอ?” เขายิงคำถามมาอีก ผมไหวไหล่...ไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่เพราะว่าคำถามแบบนี้โดนมาบ่อยแล้ว ผมยิ้มให้พี่โซฮาน

“ผมเป็นไบครับ” อยากต่อว่าไบเบิล แต่เดี๋ยวหัวแตกก็เลยไม่ตอบ แล้วก็บอกพี่เขาอย่างภาคภูมิใจ สำหรับผม…การที่ผมเป็นแบบนี้ไม่เดือดร้อนใคร เพราะงั้นเลยภูมิใจในตัวเอง

“...” พี่โซฮานฟังแล้วก็เงียบ เขาเดินออกไปทั้งแบบนั้นเลย อะไรอ่า...ผมตอบอะไรผิดไปเหรอ ผมว่าผมไม่ได้กวนตีนอะไรพี่เขาเลยนะครับ

ผมเดินกลับมาที่กลุ่มเพื่อนๆ  พกความงงและไม่เข้าใจมาด้วย พี่มะเดี่ยวยืนหัวเราะกับวิ่งและพีช ผมพยายามแทรกตัวไปตรงกลางของวิ่งกับพีช ไม่ยืนใกล้พี่มะเดี่ยวเพราะเดี๋ยวเขาจะแกล้งผม ก็ไม่รังเกียจ...แต่ก็ไม่อยากโดนแกล้งปะละ

“เราจะไปรับความรักก่อนใช่ไหม”

“ครับ” พี่มะเดี่ยวถามแบบนี้จะเป็นถามใครไม่ได้นอกจากผม

“งั้นพี่ไปด้วย อยากกินกาแฟ”

“ครับ”

พี่มะเดี่ยวเอากระเป๋าตัวเองใส่ตะกร้าหน้ารถผมอย่างกับมันเป็นรถของพี่แกเอง ผมก็เลยตามเลยนั่นแหละ วางทับลงไปด้วย นี่แหนะ...ได้อยู่เหนือพี่แม่งแล้วโว้ย โคตรเท่ โคตรหล่อ บอกเลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้มีแค่เดอะสามคนนี้คนเดียว และคนที่จะมาภาคภูมิใจกับการเอากระเป๋าวางทับกระเป๋าคนที่ชอบแกล้งเราได้ก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น โถ...ก็ใครมันจะบ้าแบบผมกันละจริงไหม

ผมซ้อนท้ายพี่มะเดี่ยว คนขับรถของผมหล่อมาก หล่อลากดิน หล่อจนสาวๆ ต้องเหลียวหลังมองแล้ว...มองอีก มองจ้องเข้าไปให้ลึกลงจนถึงเนื้อหนังมังสา กับกล้ามเนื้อแน่นๆ หึหึ เดอะสามเห็นมาแล้ว...แน่นจริง

นั่งเชิดหน้าอยู่บนจักรยานได้ไม่นาน รถมาจอดหน้าร้านกาแฟของน้าผมเรียบร้อย พี่มะเดี่ยวรอให้ผมลงก่อนจะลงตาม พีชกับวิ่งมันจอดได้ก็ลิ่ววววว เข้าไปสั่งน้ำก่อนใครพวก ผมเดินตามหลังพี่มะเดี่ยวเข้าร้าน และก็ต้องชอกช้ำระกำใจเมื่อ...ความรักมันโผเข้าหาพี่มะเดี่ยวก่อนผม

นี่...ป๊ามึงยืนหัวโด่อยู่นี่ หันมาสนใจป๊ามึงหน่อยเฮ้ย แล้วพี่มะเดี่ยวก็อุ้มมัน จุ้บแหม่งมัน แล้วทำเหมือนความรักเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่เขาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่มันเป็นของผมเว้ย ของผม...

“ความรักดูป๊าเราสิ...หน้ายักษ์เชียวแหละ” ถ้าจะกระซิบให้ได้ยินขนาดนี้ พูดปกติก็ได้นะครับพี่มะเดี่ยว

“ผมอุ้มบ้างหงิ...” อ้าแขนขอหมูตัวเองจากคนอื่น คิดดูแล้วกันชีวิตสามอาภัพขนาดไหน

“อุ้มพี่เหรอ ได้ๆ เอาสิ...เข้ามาอุ้มพี่เลย” โอ้ยยยย เอาเก้าอี้ทุบหัวแม่ง ใครจะไปอุ้มพี่มึงไหววะ ตัวอย่างกับหมี โอ้ย เพลียจิตเพลียใจกับพี่มะเดี่ยวจริงโว้ยยยย ตบแล้วจับกดแม่ม!

.....100%.....

น้องสามเราโดนแกล้งจนดูเกรี้ยวกราด นี่ละอยากเชียร์ให้ทำจริงๆ ไอ้ตบแล้วจับกดเนี่ย...กล้าเปล่าตัว กล้าก็ทำเล้ยวย เอาเล้ยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องสามน่าเอ็นดูจริงๆ หมูยังเมิน

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คนพี่ขี้แกล้งงง :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
"ตบแล้วจับกดแม่ม!"

สามเป็นคนที่คิดการใหญ่นะ :katai5:

  :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด