ตอนที่ 22
เวลาผมอ่านนิยาย บางทีผมก็คิดนะว่าความรักในนั้นทำไมสตอรี่มันดูมีอะไรจังวะ ตัดภาพมาที่ชีวิตรักประกายม่วงของผมโคตรจะเรื่อยเลย ผมคบกับพี่ปลัดมาสักพักใหญ่ๆแล้วแต่ทุกวันที่ผมใช้ชีวิตมันช่างธรรมด๊า ธรรมดา แบบที่ถ้าเป็นโรตีก็คงเป็นโรตีธรรมดาไม่ราดนมโรยน้ำตาล แต่ในทุกความธรรมดานั้น ทำไมผมถึงรู้สึกดีที่พี่มันสม่ำเสมอจัง
อ้อ ต่อให้คบกันมาหลายเดือน กรุงศรีผมก็ยังอยู่ครบดี จุ๊ๆไว้นะครับว่าหวิดกรุงแตกมาหลายรอบแล้ว แม่ทัพปืนใหญ่ฝั่งนั้นเขาขยันงัดประตูด้วยการดมนู่นดมนี่ หลังๆชักเริ่มมีไล้มือเข้ามาให้เสื้อด้วย บอกเลยว่าแม่ทัพตัวนี้อันตรายมากจริงๆ
“นั่งหน้ามุ่ยเชียว” นินทาในความคิดก็ไม่ได้นะครับ รายนี้เหมือนมีญาณ ผมหันไปมองต้นเหตุที่เดินเกาพุงมานั่งซบไหล่ผม วันนี้เป็นเดย์ออฟของพี่มันครับ นานๆทีจะมีเพราะเพิ่งผ่านช่วงทำธีสิทที่พี่มันยุ่งวุ่นวายนักหนากับถ่ายซีรี่ส์รัวๆมาแล้ว ช่วงนี้เลยเหมือนเป็นโกลเด้นวีคของพี่มันก่อนที่กองละครอีกเรื่องจะเริ่มถ่าย เจ้าตัวเลยใช้ชีวิตอยู่แค่นอนๆกินๆอ้อนๆเป็นหมายักษ์
“พี่ว่าช่วงนี้ผมอ้วนขึ้นป่ะ”
“นิดหน่อย แต่ดีแล้ว” ดีอะไรของพี่มันวะ ยังจะเอื้อมมือมาจับพุงอีก ตีเพี๊ยะเข้าให้หนึ่งทีมือปลาหมึกก็ไม่มีทีท่าจะหดกลับ
“จนจะจบปีสองอยู่แล้ว ผมยังไม่ได้ขึ้นเพจคิ้วท์บอยเลย” คิดแล้วก็เส้าอาทิ้ดจั้นอั้งคาร จนเพจคิ้วท์ด็อกเปิดจนปิดไปแล้วผมก็ยังไม่ได้ขึ้น เพจคิ้วท์บอยมีตาหามียายไม่!!!
“ดีแล้ว” อยากซื้อคำว่าดีแล้วของพี่มันไปขายทิ้งจัง
“พูดได้ดิ ตัวเองขึ้นจนแทบเป็นมาสคอตเพจอยู่แล้ว”
“ก็ติดบุญคุณเขาไว้เลยต้องตอบแทนหน่อย”
“ตอบแทนไร”
“ถ้าไม่ขึ้นเป็นคิ้วท์บอยจะได้เจอคนแถวนี้ไหม” พี่ปลัดยกมือขึ้นผลักหัวผม
“หมายถึงผม? “
“หึ ยามใต้หอ”
แนะๆ มีมาทำเป็นตบมุกหน้าตาย ถึงงั้นก็ไม่ตลกด้วยหรอก ผมไถเพจคิ้วท์บอยจนนิ้วแทบถลอก พี่ปลัดนี่ขึ้นบ่อยจนเบื่อขี้หน้าพอๆกับเดือนเดือดฝั่งวิศวะ แต่ก็คนละตลาดกันครับ ฝั่งนั้นน้องๆ หนูๆ เขากรี๊ดความเถื่อนที่มาพร้อมกับเสื้อชอป ส่วนพี่ปลัดเขาจะมาสายหล่อนิ่งๆ หล่อแบบผู้ดี หล่อไปวันๆ หล่ออะไรนักหนา รำคาญ มามองหน้าผมดีๆนี่บอกเลยว่า...
เออ ก็น่ารักเอาเรื่องเลยนะ จริงๆนะ!!!
“ไม่ไหวแล้ว”
“อะไร” พี่ปลัดกระดกคิ้วถาม
“ผมจะไปเล่นฟิตเนส ฟิตร่างกายซะหน่อย” ว่าแล้วก็เดินไปคุ้ยเสื้อกล้ามมาใส่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เสื้อผม มันคือเสื้อบาสไอ้มิตรที่ผมตบมาเป็นของตัวเอง มันเป็นเสื้อกล้ามบาสสีดำสกรีนสีแดง เดาเอาว่าคงเป็นชุดบาสของการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ไอ้มิตรเคยบ้าดูอยู่ มันบ้าขนาดมีชุดบาสของทุกโรงเรียนในการ์ตูนเลยนะครับ ตัดภาพมาที่เวลาเรียนตบลิขวิดชาวบ้านใช้ ถุ้ย
กำลังคุ้ยหากางเกงที่เข้ากับเสื้อจู่ก็มีแขนล่ำยักษ์พาดมาที่เอวพร้อมกับหน้าที่ซุกเข้ามาที่คอ หมายักษ์ขี้อ้อนตัวเดิมและตัวเดียว
“พี่เห็นกางเกงที่ลายเดียวกับเสื้อตัวนี้ป่ะ ไม่ได้ใส่นานลืมไปแล้วว่าเก็บไว้ไหน”
“พรุ่งนี้กูมีงานนะ” เสียงกระซิบอ้อนๆดังขึ้นข้างหูพร้อมกับแรงงับเบาๆที่ไหล่
“พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวเล่นฟิตเนสเสร็จแล้วคุณจะขึ้นมาดูเนทฟลิกซ์เป็นเพื่อน” ผมยกมือขึ้นขยี้ๆหัวพี่ปลัด ตอนนั้นเองที่ตาก็ปรายไปเห็นกางเกงที่หาอยู่พอดี ไปหลบอยู่โซนพี่ปลัดมันได้ไงเนี่ย
“นอนกันนะ” ยังไม่หยุด ตัวก็ยักษ์อ้อนเป็นแมวเลย
“พี่ก็นอนไปสิ เดี๋ยวเล่นเสร็จจะมาปลุก” ผมกำลังคิดว่าการไปเล่นฟิตเนสของผมมันไปเกี่ยวอะไรกับการพักผ่อนของพี่มันวะถึงมางอแงอยู่นั่นแหล่ะ
“คุณ”
“ไมงอแงจังว้า”
“คุณ” ผมผู้ผ่านศึกอ้อนมาหลายสนามเลยตัดสินใจศอกท้องพี่มันให้กระเถิบหนีเพื่อจะเดินไปเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำ พอออกมาก็เจอพี่ปลัดที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดออกกำลังกายขมวดคิ้วหน้ามุ่ยรออยู่ อารมณ์ไหนอีกเนี่ย งอแงอยากจะพักแต่ก็เปลี่ยนชุดไปออกกำลังกายด้วยเฉยเลย
“อ้าว ไม่พักแล้วหรอ”
“เออ” ตอบเสียงตึงก่อนจะเดินนำไปเปิดประตูห้อง แปลกคน สงสัยจะอยากฟิตกล้ามก่อนถ่ายงานใหม่ ลงมาถึงชั้นฟิตเนสคนก็แน่นเฉกเช่นเดิมเหมือนครั้งแรกที่ผมมาใช้บริการ อ่อ ครั้งที่ผมคิ้วตกนั่นแหล่ะครับ ครั้งแรกและครั้งเดียว ลาขาดมาหลายเดือน
ผมเลือกเครื่องเล่นที่มีเยอะที่สุดนั่นก็คือลู่วิ่งโดยมีเทรนเนอร์หน้าบูดส่วนตัวมาคอยให้คำแนะนำ ช่วยวอร์มก่อนเล่น คอยปรับนู่นปรับนี่ให้เพราะพี่แกเซียน ปกติถ้าไม่เล่นที่คอนโดพี่ปลัดจะขับรถไปเล่นฟิตเนสบนห้างแถวคอนโดที่สมัครบริการไว้ ผมก็เคยไปนั่งรออยู่ครั้งสองครั้ง เห็นแล้วนึกนับถือใจพี่มันนะครับเพราะต้องออกกำลังกายเป็นเซทๆตามที่เทรนเนอร์บอกไว้ แต่ละเครื่องแต่ละท่าที่พี่มันออกผมนี่ยอมแพ้ไปสั่งป๊อปคอร์นดูหนังรอแทน
และถึงเทรนเนอร์ปลัดของผมจะดูอารมณ์ไม่ดีแต่ก็เดินไปเล่นนู่นเล่นนี่ปกติ ตัดภาพมาที่ผมผู้ตั้งปนิธานมาเพื่อนออกกำลังกายที่แท้จริงผ่านไปไม่ถึงสามนาทีเหนื่อยเหมือนวิ่งในนรก พูดจริงๆนะครับวิ่งลู่เนี่ยเหนื่อยโคตร ขนาดพี่ปลัดมันปรับให้วิ่งไม่เร็วมากแล้วนะ ฮืออออ แล้วเหลือระยะให้วิ่งอีกตั้งเยอะ เหนื่อยแล้วอ้ะ
ฝืนวิ่งต่อไปสักพักก็ทนไม่ไหวดึงไอ้ตัวฉุกเฉินที่พี่ปลัดหนีบกับกางเกงผมไว้ออกทำให้เครื่องหยุดอัตโนมัติ ยังไม่ทันก้าวลงจากเครื่องโลกก็หมุนๆ จนต้องหยุดยืนนิ่งๆ
อ๋อยยยยยย เรามันเข้ากันไม่ได้จริงๆนะไอ้ลู่วิ่ง!!!
คราวที่แล้วก็คิ้วแตก คราวนี้ก็เวียนหัว แงงงงงงงงงงงงงงงงง
“สามนาทีเนี่ยนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวผม
“เหนื่อยแล้วอ่ะ ฮืออออ”
“ออกกำลังกายก็ต้องเหนื่อยสิ” ผมเดินเซๆไปนั่งลงบนเครื่องเล่นอีกเครื่องที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“ขอพักก่อน นี่สามนาทีผมก็เหงื่อออกแล้วเนี่ย” ผมยกน้ำขึ้นดื่ม หมดสิ้นแล้วเส้นทางหุ่นดี ผมยอมอวบเป็นก้อนดีกว่าเหนื่อยตายเพราะวิ่ง พี่ปลัดมองผมแล้วส่ายหัวรัว
“เหนื่อยก็ขึ้นห้อง”
“อ๋อยยยย”
“อ๋อยอะไรหล่ะ ไป ขึ้นห้อง”
ฮืออออออ ไม่มีกีฬาอะไรที่ไม่เหนื่อยเลยหรอออออ
สุดท้ายก็ยอมแพ้ต่อความเหนื่อยขึ้นลิฟต์กลับห้องมาแต่โดยดี หาชุดเล่นกีฬาห้านาทีเพื่อลงไปวิ่งสามนาทีแล้วขึ้นห้อง สิ้นเปลืองเวลาชีวิตโคตรๆ
ขึ้นห้องมาก็มานอนแปะบนเตียงท่ามกลางแอร์เย็นๆ เนี่ยแหล่ะคือความสงบสุขของมวลมนุษยชาติ พี่ปลัดเข้าไปล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยก็เดินตามมานอนทับผม ทับแบบทับเฉยๆนะครับ แต่พี่มึงช่วยดูหุ่นนิดหนึ่ง ทับมาได้ ตับเกือบไปรวมตัวกับไตแล้ว
“หนักนะเนี่ยพี่ปลัด”
“ลองเรียกกูไทสิ”
“อารมณ์ไหนอ่ะ”
“ลอง” เสียงเข้มดังพร้อมจมูกที่มาฟุดๆฟิดๆที่คอผม ดี สำลักความเหม็นเหงื่อตายไปเลย
“พี่ปลัดไท”
“กูชื่อไทไม่ใช่ปลัดไท”
“ไม่ชินอ่ะ เรียกปลัดเหมือนเดิมไม่ได้อ่อ” ผมดิ้นดุ๊กดิ๊กให้พี่มันลงไปจากตัวเนื่องจากทนความหนักไม่ไหว พี่มันก็ยอมกลิ้งลงไปนอนข้างๆแต่ก็ยังคงพาดแขนมาพาดเอวผม
“ไม่อยากเรียกกูแตกต่างจากคนอื่นหรอไง”
“แตกต่างจากคนอื่นให้ไปเหมือนไทมีนเงี้ยหรอ ไม่เอา” ไม่ได้โกรธนะครับแต่แค่พอเรียกชื่อพี่มันว่าไทแล้วมันพาลไปนึกถึงไทมีนตลอด ไม่ได้โกรธจริงๆแต่ก็แอบยกตีนขึ้นเตะขาพี่มันไปหนึ่งที มดกัดแล้วขามันสะดุ้ง ไม่ได้โกรธ ไม่ได้โกรธธธธธ ฮึ่ย
“อ๋อ หึงหรอ”
“ไม่ได้หึงแค่คันนม” แค่แปล็บๆที่อกเนี่ย
“เนี่ย เรียกหึง”
“เปล่า คันนมเฉยๆ”
“หึงนี่”
“หิวข้าว ไปอาบน้ำดีกว่า” ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆทั้งสิ้นหิวข้าวกับอาบน้ำ แต่ช่างมัน เรามันคนติสต์ๆ
ผมลุกขึ้นนั่ง คุยแล้วหงุดหงิด ออกไปหาไรกินดีกว่า แต่ทว่ายังเดินไม่ทันพ้นเตียง พี่ปลัดก็คว้าแขนผมลงเตียงไปดั้งอั้กไม่มีความอ่อนโยนใดๆทั้งสิ้นกับพี่มัน ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรุนแรง ผมว่าธาตุแท้พี่มันจริงๆต้องเป็นพวกชอบความรุนแรงแน่เลยอ่ะ
“คุณ” พี่ปลัดนอนคว่ำหน้าแต่พาดแขนหมับมาที่คอผมที่นอนหงายอยู่ ไม่รู้จะเรียกว่าใกล้ชิดกันแบบแนบเนื้อหรือวางแผนฆาตกรรมดี คืออันนี้แขนหรือขาวะ ทำไมมันหนักอะไรขนาดนี้
“หือ?”
“อึ๊บๆกันไหม”
...
ห๊ะ!!!!!!!
รวมพลที่ประตูเมือง!!!!!!!
รหัสแดงมาแล้ว!!!!!
“ดะ ดะ เดี๋ยว ยะ ยัง ไม่ได้อาบน้ำ เอ่อ เหงื่อ อ่า ฝนจะตก” เวรแล้ว ณ จุดนี้เหลืออะไรให้ประตูผมพ้นภัยบ้าง ไม่เชิงว่ายังไม่พร้อมนะครับ แต่เดี๋ยวก่อน เท่าที่อ่านและค้นคว้ามามันต้องมีเจลมีอะไรด้วยสิ จู่ๆมาย่อยกชิดจ้วงแทงอะไรกัน ฮืออออออออ
“...”
“ดูหนัง!!! พี่ปลัดไปดูหนังกัน!!!” ผมหันข้างไปหาพี่ปลัดซึ่งก็พบว่าพี่มันนอนจ้องมาก่อนอยู่แล้ว อะฮื่อ กลัวแล้วจ้า
“อือ ดูหนังก็ดูหนัง” พี่ปลัดจ้องมาที่ผมนิ่งๆก่อนจะเด้งตัวขึ้น
ส่วนผมก็รีบลี้ภัยกรุงแตกออกมานอกห้อง หายใจเข้าพุทธหายใจออกพฤหัสสองสามทีถึงค่อยรวมสติได้รีบยกมือถือมาไลน์หาพรรคพวก
Khuncool : มึงงงงงงงง
ErvinSmith : ว่า?
Khuncool : กรุงเกือบแตก แม่ทัพขอตีประตูแต่กูไหวตัวทัน
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : กูเกลียดมึงอ่ะคุณ ไอ้เหี้ย ภาพมา
ErvinSmith : กรุงศรียังไม่แตก รายงานจากตู้เอทีเอ็มกรุงศรี
T. : .
เกลียดชุมโจรที่ไม่เคยจะมีส่วนร่วมแต่ก็หนีจากพวกมันไม่ได้ ฮือๆ ผมเหล่ตามองพี่ปลัดที่เดินผ่านผมไปเข้าห้องน้ำ พี่มันโกรธป่ะวะนั่น เห้ย ผมไม่ได้รังเกียจพี่มันนะ แต่ผมแค่ตกใจอ่ะ อยู่ดีๆมาขอตีป้อมใครมันจะไปตั้งตัวทัน
Khuncool : มึงว่าพี่มันโกรธกูป่ะวะ
T. : ถ้าจะโกรธเพราะมึงไม่ให้ก็ปล่อยให้โกรธไปเถอะ
T. : แต่เดาว่าพี่มันไม่โกรธหรอก
T. : มั้ง
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : ช่วงสาระมีอยู่จริง
“คุณ เชครอบหนังด้วย” ผมเงยหน้าจากมือถือเมื่อพี่ปลัดตะโกนมากห้องน้ำ
“ครับบบ”
Khuncool : มึง กูกลัวอ่ะ ฮืออออ
Khuncool : ถ้ากูท้องหล่ะ
ErvinSmith : มึงไปกังวลเรื่องอื่นเถอะ
ErvinSmith : โอเมก้าเวิร์สหรอไอ้สัด
T. : ใช่ โลกไม่อนุญาตให้ผลิตคนโง่เพิ่มอีกต่อไปแล้ว
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : ยืดอกพกถุงด้วยนะ
ErvinSmith : ถุงยาง?
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : ถุงปุ๋ย!!!
T. : พกไปปลูกต้นไม้หรอสัด
ฮืออออออออออออออออ รู้อยู่แล้วโว้ยว่าท้องไม่ได้แต่มันก็ขอคลายเครียดหน่อยแล้วก็ตบมุกกันช่วยคลายเครียดได้จจริงๆ พวกกองโจรสามช่า ผมกดออกจากแอพไลน์เพื่อดูตารางหนัง ปรากฏว่ามีรอบใกล้ๆอีกสี่สิบนาทีพอดีเลยเลือกจองไปสองที่นั่ง
“พี่ปลัด ผมซื้อตั๋วไปเลยนะ”
“เอาที่นั่งหลังสุดนะ”
“ครับบบ” แพงขึ้นมาหน่อยแต่ไม่เป็นไรเพราะล็อคอินเป็นของพี่ปลัดตัดบัตรพี่มัน จองเสร็จก็เปิดแอพลุยต่อ
Khuncool : ตายในสนามรบยังไงให้สภาพดีสุดวะ
T. : พี่มันคงชินกับสภาพส้นตีนของมึงแล้ว ตายแบบไหนก็ไม่สะเทือน
ErvinSmith : มึงหาโอกาสแล้วเปิดเวปดูก่อนลงสนามจริง
Khuncool : กูอ่านมาเยอะแล้ว
Khuncool : 99% บอกเจ็บมาก
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : มึงอาจจะเป็นอีก 1%
Khuncool : อีก 1% ปวดขี้ทำต่อไม่ได้
มิคกี้แต่ไม่ยูชอน : ถือว่ากูไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน
ErvinSmith : แม่จ๋า หนูมาทำไรที่นี่
“ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก” เหยออออ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงดังมาจากด้านหลัง
“อะ อะ เอ่อ ไอ้แทนทักมา”
“ไปแต่งตัวก่อน เดี๋ยวไปไม่ทัน” อ่า จริงจังเบอร์นี้แหล่ะครับเวลาไปดูหนัง พี่ปลัดจะชอบดูตั้งแต่โฆษณายันเครดิตท้ายเรื่องเลยต้องรีบไปก่อนโฆษณาเริ่ม ผมเลยต้องวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุเ แน่นอนว่าต้องใส่ฮู้ดเพราะผมเป็นพวกขี้หนาวยิ่งในโรงหนังนี่หนาวทุกที่ครับ ถ้าครั้งไหนไปดูหนังแล้วไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวไปนี่ผมจะดูหนังไม่อยู่สุขเลย
พอออกมาพี่ปลัดก็ควงกุญแจรถรออยู่พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะมาให้ ดีที่บรรยากาศไม่ได้อึมครึมแต่อย่างใด พี่ปลัดยังคงเอาหัวมาวางบนไหล่ผมตอนลงจากลิฟต์และยังคงดมหัวผมอยู่เหมือนปกติ พอหาที่จอดรถได้ก็รีบดิ่งขึ้นไปชั้นโรงหนังไม่ลืมซื้อป๊อปคอร์นรสเกลือหนึ่งกล่องกับรสคาราเมลอีกหนึ่งกล่องซึ่งก็ได้มาจนพูดไม่รู้ว่าเพราะมาดูบ่อยจนพี่พนักงานจำหน้าได้แล้วหรือพี่เขาตักให้พิเศษเพราะผมน่ารัก เดาเอาว่าอย่างหลัง เพราะผมน่ารัก
หนังก็สนุกแต่จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดีที่เลือกหนังแอคชั่นถ้าเลือกหนังโรแมนติกเห็นทีผมคงจะเครียดกว่าเดิม ซึ่งครับ เรื่องที่ผมเครียดก็คือเรื่องเดิม
อึ๊บๆ...
เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
เขามีจนเครียดกินเหล้าแต่ผมหล่อเครียดกินป๊อปคอร์น พูดไปอย่างดิบอย่างดีว่าไม่กลัวแล้วแต่ที่ไหนได้คลุกวงในทีไรผมหนีตลอด ไม่สามารถระบุได้ด้วยว่ากลัวอะไร รู้แต่ว่ากลัว ฮือออออ
“มาดูหนังหรือมากินป๊อปคอร์น” พี่ปลัดเอนหัวมาซบผม เพราะว่าเลือกเบาะหลังสุดมันจะเป็นที่นั่งแบบโซฟาคู่เลยสามารถเอนมาซบกันได้ไม่มีที่วางแขนกั้นให้ลำบาก
“ผมก็ดูอยู่เถอะ”
“คุณ”
“ครับ? “
“กูไม่ได้เร่ง ไม่ต้องเครียด” เห้ย อัปดุลมาอีกคนแล้ว
“เครียดไรไม่ได้เครียด”
“มึงเปิดมือถือวางไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ตั้งใจเสือกแต่มันเห็นพอดี”
อ่า...
ชุมโจรกู๊!!!
เวรแล้ว เห็นหมดเลยสิ เห็นไอ้1% ปวดขี้ด้วยหรือเปล่าวะ ล่กเลยล่ก
“ผม... ”
“ไม่ได้เร่ง แต่กูจะบอกว่ากูพร้อมแล้ว” พี่ปลัดกระดึ๊บตูดเข้ามาเบียดผมแล้วเอาหัวถูๆไหล่ พูดเรื่องเสีย่งตายแต่ทำตัวอ้อน ย้อนแย้งอะไรของพี่มัน
“พร้อมอะไรของพี่” ผมหันไปพูด ดีที่ไม่มีใครนั่งใกล้ส่วนใหญ่เขาไปนั่งกันตรงกลางๆมากกว่าเสียงเลยไม่ค่อยกวนใครมากนัก
“ทำไม”
“เจลก็ไม่มี”
“...”
“ผมอ่านมาแล้วมันต้องใช้เจล” ผมหันไปกระซิบหน้าจริงจัง
“กูมีอยู่ในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักขวาในกล่องเหล็ก”
“ถุงยาง”
“มีอยู่ใต้นาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง”
“อ้าว แล้วก็ไม่บอก”
“...”
“ไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะพี่” ทำหน้าเครียดเหมือนปวดขี้แล้วขี้ไม่ออกเลย
“สรุปพร้อมหรือไม่พร้อม หนังผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว”
“ขอเวลาทำใจจนหนังจบนะ”
“ได้”
พี่ปลัดหันตัวกลับไปดูหนังต่อส่วนผมได้แต่สูดลมหายใจเอาหัวพิงไหล่พี่ปลัดพร้อมกับทำใจไปด้วย วันนี้แหล่ะกรุงศรีจะแตกแล้วแน่นอน บอกตรงๆว่าเป็นมิติใหม่แห่งการดูหนังมากครับ ไม่เคยเลยในชีวิตที่ดูหนังจนจบเรื่องแล้วยังจำชื่อพระเอกไม่ได้ พอหนังจบพี่ปลัดก็ลุกขึ้นยืนทันทีทันใด
“อ้าว แต่เครดิตยังไม่จบเลย”
“ไม่ดูแล้ว วันนี้รีบ” พี่ปลัดคว้ามือผมแล้วดึงขึ้นจากเก้าอี้แต่ผมก็ไม่ลืมคว้าป๊อปคอร์นที่ยังเหลือออกมาด้วย
ออกมาจากโรงหนังก็ยังไม่กลับครับ ผมขอแวะร้านยากับหนังสือในห้างก่อน สำหรับร้านยาคงไม่ต้องสงสัยนะครับว่าผมจะซื้อยาอะไรเตรียมไว้ ศึกษามาดีขนาดนี้ อ่านเวปสิบแปดบวกทุกวันก่อนนอน ส่วนร้านหนังสือนั้นก็เพื่อหาข้อมูลยืนยันอีกรอบก่อนศึกจริง ดีนะตอนที่มาหาหนังสือให้ไอ้มิตรคราวที่แล้วผมเห็นไอ้ล็อคหนังสือนิยายวายอยู่ อย่าถามนะครับว่าผมรู้ได้อย่างไง คือปกเป็นผู้ชายสองคนไม่กอดคอก็ซบกัน คาดเดาว่าคงไม่ใช่พ่อกับลูกชายหรอก อย่างน้อยๆก็เอาไปเปิดเป็นกรณีศึกษาก่อนลงมือทำจริง
“คุณ มึงจะซื้อนิยายนี่ไปทำไม”
“เอาไว้ศึกษาไงพี่ ครั้งแรกมันต้องมีขั้นตอน”
“กูรู้วิธีทำอยู่แล้ว”
“แต่ผมไม่รู้นี่!! “ ยังจะมาอวดอีก!!! ไม่สนแล้วครับ ผมหยิบมาผ่านๆแล้วเอาไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์ จากนั้นก็เปิดอ่านไปตลอดทางกลับหอ อ่านไปได้ประมาณยี่สิบหน้าก็ถึงหอพอดี
... ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่า
นี่มันนิยายดราม่านี่หว่า โคตรเศร้าเลยอ่ะ น้ำตาจะไหล ฮือออออ สงสารนายเอก อินมากเลย อยากไลน์ไปด่าพระเอกว่าทำไมพูดจาหมาไม่แดกแบบนั้น นี่ขนาดอ่านไปไม่กี่บทนะเนี่ย เดินปาดน้ำตาป้อยๆมาจนถึงห้องก็เพิ่งจะนึกออก
ก่อนจะสงสารนายเอกนิยาย มึงควรสงสารตัวเองก่อนไอ้คุ๊ณณณณณ
กรุงศรีจะแตกแล้ว!!!
รหัสแดง!!!
--
ขอบคุณสำหรับรีพลายด้านบนมากนะคะ จะนำไปแก้ไขค่ะ
แล้วก็ขอบคุณสำหรับนักอ่านทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านด้วยนะคะ <3
