อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 21
ผมตื่นมาในตอนเช้าของอีกวันโดยที่มีคนนอนอยู่ข้างๆ คนตัวสูงหน้านิ่งๆ นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน ผมค่อยๆ ย่องลงจากที่เตียงแสนนุ่มและอบอุ่นความจริงไม่ได้อยากจะออกจากอ้อมแขนของพี่ปีสักเท่าไหร่ แต่หน้าที่มันค้ำคออยู่ ผมเดิน เข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อออกไปตลาดตอนเช้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน จัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าให้เบาที่สุดกลัวพี่ปีตื่นขึ้นมาเสียก่อน ผมเดินออกจากประตูมาโผล่ที่ตลาดอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวันอย่างรวดเร็วทันใจ เดินซื้อตามรายการที่ลิสไว้ทั้งหมดและกลับบ้านก่อนเจ็ดโมง แวะซื้อโจ๊กให้สองหน่อที่นอนรออยู่ที่บ้านพร้อมกับปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้
แกรกกก เปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเงียบงัน ไฟบ้านยังไม่ได้เปิดสักดวง
“สงสัยยังไม่ตื่น” กลับมาแล้วบ้านมันเงียบเชียบ ผมเอาของสดที่ซื้อมาแยกไว้ให้พี่แก้วที่ร้าน ส่วนโจ๊กเอากลับเข้ามาในห้องครัวในบ้าน กำลังจะจัดจานก็ต้องสะดุ้ง สุดแรง
“กลับมาแล้วเหรอเพียว” พี่ปีครับเดินหัวยุ่งลงมาจากชั้นบน พอมาถึงก็คว้าผมเข้าไปจูบหนักๆ ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ฝืนอะไร ปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ เมื่อพอใจก็ผละออก
“หิวรึยัง?” ผมถามพร้อมกับยิ้มหวานๆ ให้เขา
“ยัง แต่กูขอกาแฟสักถ้วยสิเพียว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำแล้วจะได้กลับมากินข้าวพร้อมกัน” พี่ปีบอกแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะรอผมชงกาแฟมาให้ กาแฟดำน้ำตาลหนึ่งช้อนส่งกลิ่นหอม ชงเสร็จก็ เอาไปวางไว้ให้ตรงหน้า เขาจ้องหน้าผม เหมือนมีเรื่องจะถาม ดูจากสีหน้าเขาดูจะกังวลนิดๆ
“มีอะไรหรือเปล่าพี่”
“เอ่อ คือเมื่อคืน..มึง ตรงนั้น เป็นยังไงบ้าง” เขาชี้ไปที่ก้นของผม อ่า คือมันก็ปรกติดี เป็นพรสวรรค์ของยักษ์ละมั้งถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายได้รับบาดเจ็บ มันจะรักษาตัวเองในทันที ดังนั้นผมเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือติดขัดอะไรกับตรงนั้น แต่ถ้าเป็นมนุษย์มันก็คงจะต้องเจ็บบ้างใช่ไหมล่ะ เพราะขนาดของพี่ปีมันไม่ใช่เล็กๆ เลย ผมมองหน้าเขา แล้วยิ้มออกมา
“ก็เจ็บนิดหน่อย พอทนได้ แล้วพี่ถามทำไมเหรอ?” ผมก็พาลซื่อถามเรื่องเรื่องน่าอายแบบนั้นออกไป
“ก็เป็นห่วง เห็นว่าต้องไปตลาดแต่เช้า” เขายกกาแฟขึ้นจิบผมแอบเห็นมือพี่มันสั่นนิดๆ ด้วยคงจะกลัวผมเจ็บ
“อ่อ แฮะๆ” ยิ้มเขินๆ พอได้ยินเขาบอกว่าเป็นห่วง
“เออว่าแต่เมื่อเช้าไปตลาดยังไงกู ตื่นมาตอนหกโมงยังเห็นรถจอดอยู่เลย” ชิบหายละ ผมลืมคิดไปเลย
“อะ เอ่อ ผมไปแท็กซี่นะ ขี่เกียจขับรถ” แถจนสีข้างถลอก ยังไงซะความลับยังต้องเป็นความลับต่อไปจะให้ใครรรู้ไม่ได้
“อืม เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกัน มึงเองก็ไปนอนพักก่อนก็ได้ร้านเปิดสิบโมงไม่ใช่เหรอ” ครับร้านเปิดสิบโมงแต่เริ่มตั้งหม้อตอนแปดโมง ผมให้กุนแจร้านไว้กับพี่แก้วดอกหนึ่งเผื่อผมไม่ได้ออกมาเปิดร้านให้ เทโจ๊กใส่ถ้วยให้ พี่ปีกับไวรัล ที่อีกสักประเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้วเทของตัวเองใส่ชาม ตอกไข่ดิบลงไปอีกสองฟอง ก่อนจะเอาเข้าไปอุ่นในไมโคเวฟ เตรียมทั้งน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้กับคุณสามี รู้สึกเหมือนตัวเองทำหน้าที่เมียที่ดียังไงก็ไม่รู้ อร๊ายย พูดแล้วก็เขิน กินเสร็จก็โดนไล่ให้ไปนอน นี่พี่ปีคงเห็นหนังตาผมที่มันคอยจะปิดทุกสองนาทีแล้วคงทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปนอน ดูสิได้กันไม่ทันข้ามวัน ก็เบ่งอำนาจใส่เมียซะแล้ว
ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอีกรอบเพราะเดินตลาดสดมันมีแต่กลิ่นอาหารและฝุ่นควัน ก่อนจะล้มตัวนอน แต่ไม่คิดว่าจะหลับลึกรู้ตัวอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมง พี่ปีโทรเข้ามาสามสาย ผมรีบกดรับ
“ (ทำอะไรอยู่วะ!! ไม่รับสาย) ” น้ำเสียงเขาดูหงุดหงิด
“ผมหลับพี่ พึ่งจะตื่นนี่แหละ” หรอกเสียงตอบเขาไป แต่รู้สึกว่ามันจะแหบนิดๆ
“ (ไม่สบายรึเปล่า?) ” น้ำเสียงดูอ่อนลงพอได้ยินผมบอกว่าหลับ นี่คงกังวลเรื่องเมื่อคืนอยู่สิท่า
“เปล่าพี่ ผมแค่ง่วงเฉยๆ แล้วพี่อยู่ไหน”
“ (บริษัท วันนี้คงกลับบ้านช้าหน่อยมีนัดกับลูกค้า ไม่ต้องรอกินข้าวนะ) ” พอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านช้าผมก็ใจแป้วๆ
“อ่อ อื้อ”
“ (กูจะรีบกลับ หึหึ) ” พูดจบเขาก็วางสายไปเลย ผมนอนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่บนที่นอน แค่พี่ปีบอกว่าจะรีบกลับทำไมผมต้องยิ้มเหมือนดีใจขนาดนั้นด้วย เหอๆ มองเห็นความแรดของตัวเองลางๆละ ลุกจากที่นอนไปล้างหน้าไล่ความง่วงแล้วรีบลงไปที่ร้าน ลูกค้าเต็มร้านแล้ว ไวรัลกับตาวเดินเสริๆ มือเป็นระวิง พี่แก้วยิ่งแล้วใหญ่ ผมรีบเดินเข้าไปช่วยเก็บโต๊ะเพราะมีลูกค้ามายืนรอนั่งอยู่
“เชิญนั่งครับคุณลูกค้า” ผมรีบเก็บโต๊ะแล้วเชิญลูกค้านั่ง เดินเอาชามไปเก็บแล้วกลับมารับออเดอร์กับลูกค้า
“รับอะไรดีครับ^^”
“เอาเส้นใหญ่โฟต้มยำ”
“ไซ้ยักษ์ไซ้คนครับ”
“ไซ้ยักษ์ค่ะ”
“ยักย์นะครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า” ผมรับคำแล้วเอาบิลไปให้พี่แก้วทำยิ่งใกล้เที่ยงลูกค้ายิ่งเยอะ เอาน้ำใบเตยเย็นๆ ไปเสริฟให้ก่อนจะเดินไปรับออเดอร์โต๊ะอื่น
“พี่เพียว เดี๋ยวผมจะไปเรียนแล้วนะ” เสียงของไวรัลดังขึ้นผมหันไปมองก็พยักหน้า
“ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนเถอะ ที่เหลือพี่กับไอ้ตาวทำเอง”
“ครับๆ” มันวางชามก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินออกไปทางด้านหลัง
“เออ ตาวมึงโทรไปสั่งน้ำแข็งกับน้ำอัดลมร้านลุงวิทให้หน่อยสิ มันจะหมดแล้ว” ผมหันไปสั่งไอ้ตาวมันพยักหน้าแล้วเดินไปหลังร้าน
วันนี้ขายดีจนของที่ซื้อมาหมดก่อนเวลา พวกเราเลยได้เก็บร้านไว ผมเอาบิลทั้งหมดไปทำบัญชีในบ้านไอ้ตาวมันก็กลับไปแล้วเหลือพี่แก้วที่กำลังเก็บของ ผมเลยเรียกพี่แกไว้ก่อน
“พี่แก้วนมไอ้ตัวเล็กหมดรึยังครับ?”
“ก็กินได้อีกสามสี่วันจ้ะ ทำไมเหรอจ๊ะ”
“นี่ครับผมฝากพี่ซื้อผมไปฝากไอ้ตัวเล็กให้ผมด้วยนะ^^” ผมรู้ว่าพี่แก้วต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูก และที่สำคัญพี่แก้วเป็นคนขี้เกรงใจ พี่เขาจะไม่รับเงินง่ายๆ แน่
“เอ่อ น้องเพียว พี่ว่า”
“พี่แก้วเพียวฝากเงินนี่ซื้อนมให้น้องไม่ได้ให้พี่แก้ว รับไปเถอะครับตัวเล็กจะได้มีนมกิน” พี่แก้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรับเงินนั่นไป
“ขอบใจนะน้องเพียว”
“ไม่เป็นไรครับ พี่แก้วรีบกลับเถอะลูกรอนานแล้ว” จากนั้นพี่แก้วก็กลับไปผมเลยนั่งทำบัญชียาวๆ คิดอยู่ว่าจะซื้อเพิ่มมากกว่าเดิมดีไหม แต่ไม่ดีกว่า ผมกลัวของเหลือแล้วมันจะไม่สดและไม่อร่อย พอทำบัญชีร้านเรียบร้อยก็เดินออกมาเช็กของที่ต้องซื้ออีกรอบ พอเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเอาเงินไปฝาก
Rrrrrrr (พี่ทศ) พอเห็นเบอร์ว่าใครโทรมาผมรีบกดรับ
“ (ว่าไงเรา ว่างไหม)
“ว่างแล้วพี่”
“ (พรุ่งนี้ เราจะออกล่า) ” ง่ายๆ สั้นๆ
“ครับ?”
“ (เตรียมตัวด้วย ดึกๆ พี่จะไปรับ) ” ติ๊ด...
“เห้ยพี่ อะไรวะไม่ให้เตรียมตัวเลย แล้วกูจะบอกไปอ้พี่ปีมันว่าอะไรวะวู้” หัวเสียกับความมาไวไปไวของพี่ทศ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ คือผมจะหาข้ออ้างอะไรกับพี่ปีกับการออกไปข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ วะเนี้ยะ โอ้ยยยย น้ออ
ห้าโมงไวรัลก็กลับมาจากมหาวิทยาลัย วันนี้มันมีสารถีมาส่ง ไอ้เขื่อนครับพักนี้รู้สึกว่ามันจะมาบ้านผมบ่อยเกินไปแล้วต่างกับเพื่อผมอีกคน ไอ้นั่นโดนลากลงน้ำตลอด จนไม่มีเวลามาหาผม ชะตาชีวิตมันเป็นแบบนั้นผมไม่อาจจะฝืนมันได้ ไอ้เขื่อนเดินถือกระเป๋าของไวรัลเข้ามามันยักคิ้วใส่ผม
“มาทำอะไรบ่อยๆ วะ” ผมแกล้งหยอกมันเล่น
“มาหาข้าวฟรีกิน” ดู๊ ดูมันตอบ แมร่งทำยังกับบ้านผมเป็นโรงทานใครจะมาแดกข้าวฟรียังไงก็ได้ไรงี้หรอ
“ไม่ย้ายมาอยู่กับกูซะที่นี่เลยละแหม่” ผมประชด มันกลับยิ้มทะเล้นใส่เดินมาจับมือผม ทำตาเป็นประกาบวิบวับ ผมรีบสะบัดมือออก
“ได้เหรอ ถ้าได้กูจะได้ขนเสื้อผ้ามาเลย”
“พูดจริง?” ผมย้อนถามมัน
“ถ้ามึงจริงกูก็จริงอะ” สัส!!
“กูประชดเว้ย!”
“โด่วววว ไม่แน่จริงนี่หว่า ไหนว่ารักเพื่อน”
“แต่กุรักผัวมากกว่าเว้ย” เดินเข้าไปกระซิบเสียงเย็นๆ ข้างๆ หูมันแล้วหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ ไอ้เขื่อนมันทำหน้าตกใจก่อนจะด่าผมเสียงดังว่าแรด เออ กูยอมรับว่ากูแรด แต่กูพึ่งจะมาแรดตอนมีผัวอะนะ คึคึคึ
ยืนคุยกับมันจนลืมไปว่าเด็กน้อยของมันเดินหายไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้เขื่อนมันเดินกลับไปนั่งที่ห้องนั่นเล่นส่วนผมเดินเข้าครัวหาทำกับข้าวให้พวกมันรวมถึงพี่ปีคนหล่อของผมด้วย กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง ก็มีไก่ผัดขิง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดเผ็ดหมูสามชั้น ไวรัลมันขอไข่เจียวหมูสับด้วยอีกอย่างผมก็ทำให้ไม่ขัด เด็กกำลังกินกำลังนอน นี่ว่าจะซื้อซุปไก่ไว้บำรุงสมองมันด้วย ผมตักแบ่งกับข้าวเอาไว้ให้พี่ปีใส่ตู้กับข้าวเอาไว้แล้วเดินไปเรียกสองคนนั้นมา ไวรัลหน้าบึ้งๆ สงสัยไอ้เขื่อนคงไปแกล้งอะไรมันอีกแน่ๆ เลย
“มึงแกล้งมันเหรอเขื่อน” ผมถามพร้อมกับตักข้าวไปด้วย
“ป่าวนิ” มันตอบยิ้มๆ
“ตอแหล!!”
“-*- ไวรัล พูดให้มันดีๆ หน่อยไอ้เขื่อนมันโตกว่ามึงนะ”
“ขอโทษครับ” ไวมันยกมือไหว้ขอโทษไอ้เขื่อนกับผม หลังจากนั้นพวกเราก็จัดการกับอาหาตรงหน้าจนราบคาบนี่ถ้าไอ้ภูมาด้วยก็ไม่รู้ว่าจะพอกระเพาะมันหรือเปล่า กินเสร็จไอ้เขื่อนก็อาสาล้างจานให้ผมกับไวรัลเลยเดินมานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น
“พี่ดูยังเรื่องนี้อะ?” มันชูแผ่นหนังเรื่องไพเรทออฟอคาริเบี้ยนภาคล่าสุดมาให้ดู
“ยังเลย เปิดๆ เลยมึง” หันไปมองไอ้เขื่อนที่กำลังยืนหันหลังล้างจานอยู่ในครัวแล้วหันกลับมามองไอ้เด็กที่กำลังเปิดแผ่นหนังอยู่
“ไว กูถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่า?”
“มึงชอบไอ้เขื่อนมันบ้างป่าววะ”
“....”
“ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกับมันก็อย่าไปให้ความหวังมันนะเว้ย เห็นมากวนตีนแบบนี้ ไอ้เขื่อนมันเป็นคนที่จริงจังในเรื่องครอบครัวเรื่องความรักมากนะเว้ย” ผมพูดเตือน
“....”
“....”
“ผมแค่ยังไม่มั่นใจ...ว่าผมชอบผู้ชายรึเปล่า...กับพี่เขื่อนผมรู้สึกดีกับเขามากๆ รู้สึกดีจนไม่รู้ว่ามันแค่ความรู้สึกหรือความรักกันแน่พี่เพียว” น้ำเสียงที่ฟังดูท่าทางลำบากใจกับแววตาสับสนของมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ บางที่ ไวรัลมันคงต้องใช้เวลา มันยังเด็ก ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ยืนล้างจานเงียบๆ แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ไอ้เขื่อนถ้ามันมั่นใจ หรือต้องการอะไรแล้วมันจะทำให้ถึงที่สุด มันเป็นคนรักเดียวใจเดียวและมั่นคงมาก อย่างแฟนของมันคนล่าสุดเห็นว่าคบกันมาตั้งเจ็ดปี สุดท้ายก็เลิกกันเพราะว่าอดทนเรื่องความจนของไอ้เขื่อนมันไม่ไหวเลยตีตัวออกห่าง
“แต่ไอ้เขื่อนมันคงไม่ได้สับสนแบบมึง กูว่ามึงรีบทำให้ตัวเองรู้ใจตัวเองไวๆ เถอะ ก่อนที่เพื่อนกูมันจะหมดใจเสียก่อน ถึงเวลานั้นมึงนั่นแหละที่จะเสียใจ”
“ครับ..” ยิ่งพูดสีหน้ามันยิ่งสลดลงไปอีก สักพักไอ้เขื่อนก็เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เด็กของมัน
“เป็นอะไร ทำหน้าเศร้าแบบนั้นทำไมครับหืมม” ไอ้เขื่อนมันใช้เสียงสองที่ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุก
“พี่เขื่อนน ..นั่งนิ่งๆ สิ”
“ก็นิ่งแล้วนี่ไง หนูนั่นแหละอย่ายุกยิกสิ” -*-มันกระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ผมขี้เกียจฟังเลยหันมาสนใจหนังต่อ ดูได้แปปเดียวพี่ปีก็กลับมา เขาตรงมายังบ้านของผมทันที เดินหน้ายุ่งเข้ามาเชียว ผมรีบเดินไปหา พี่ปีคว้าตัวผมแล้วลากไปในครัว
“อื้อออ พี่” เขาบดจูบลงมาด้วยความเร่าร้อนและหิวกระหาย ลิ้นของเราเกี่ยวกระกวัดกันไปมา พี่ปีเอาแต่ใจกับผมมากๆ กว่าจะผละออกได้เล่นเอาขาผมอ่อนไปหมด
“พี่ปี เป็นอะไรเนี้ยะ” ผมเอ็ดเขาเบาๆ พร้อมกับจับใบหน้าหล่อๆ นั่นเอาไว้ก่อนที่มันจะเกินเลยไปมากกว่านี้
“ปล่าวนี่ ^^” ยิ้มตอแหลแบบนี้มีอะไรชัวเลย
“งานที่บริษัทมีปัญหาเหรอ?”
“ก็ มีบ้างนิดหน่อย ว่าแต่เพื่อนมึงมานานรึยัง” เขาพยายามเลี่ยงคำถามของผม ผมเลยใช้สายตาบังคับให้เขาพูดแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เขาเดินไปตักข้าวใส่จานผมเลยต้องเดินไปอุ่นอาหารให้เขา พี่ปีกินข้าวไปเงียบๆ จนหมดจาน แล้วดื่มน้ำตาม
“คืนนี้พี่จะนอนไหน บ้านผม หรือบ้านพี่”
“บ้านกู มึงไปเตรียมเสื้อผ้ามาไป จะได้กลับเลย”
“แต่เพื่อนผมยังอยู่”
“ช่างมันสิ มึงเป็นเมียมันรึไง? ไปเตรียมตัวเดี๋ยวสองคนนี้กูจัดการเอง” เขาไล่ให้ผมไปเก็บเสื้อผ้า จำใจต้องเดินขึ้นไปด้านบนไปเอาเสื้อผ้า
+++++++++++++++++++++++
(ปีมงคล)
ผมไล่ไอ้เตี้ยมันขึ้นไปจัดเสื้อผ้าเพื่อไปค้างบ้านผม ความจริงจะให้มันอาบน้ำจากที่นี่ไปเลยก็ได้แต่ วันนี้ผมอยากอาบน้ำพร้อมมัน วันนี้ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย หลักฐานบางอย่างที่สำคัญของผมหายไปข้อมูลในแฟรชไดร์ที่ภูผาให้ผมมันหายไป เหมือนโดนลบไฟล์ทั้งหมดในนั้น ผมเอาแฟรชไดร์ใส่ไว้ในลิ้นชักซ่อนไว้อย่างดี ในช่องลับ หลักฐานชิ้นเดียวที่ผมมีมันหายไปแล้ว คนชั่วมันเลยยังลอยนวลอยู่ ผมเดินไปหาสองคนนั้น
“ไวรัล เขื่อน” ผมเรียก
“อ่า..คุณปี กลับมาแล้วเหรอครับ^^”
“อืม...พวกคุณอยู่บ้านกันสองคนได้ใช่ไหม”
“ครับ แหม่ห่างกันไม่ได้เลยนะครับเดี๋ยวนี้ เมื่อก่อนละเห็นกัดกันจะตาย” ไวรัลมันแซวผมเลยส่งสายตาดุๆ ไปให้ มันหาได้กลัวผมสักนิดกลับกันมันกลับหัวเราะผมเสียงดังลั่น จนเขื่อนต้องปรามเอาไว้ ผมรอได้สักพักเพียวมันก็หอบเสื้อลงมาพร้อมกับเครื่องประทินผิวของมันอีกสองสามขวด ผมยื่นมือไปรับของในมือ มันส่งยิ้มหวานๆ มาให้เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ผมไม่อยากให้มันเครียดเรื่องของผมไปด้วย
“ปะพี่ อ่อ ไอ้เขื่อนมึงจะค้างที่นี่เลยรึเปล่า”
“อืม ทำไม?”
“เปล่า ถ้างั้นมึงปิดบ้านให้กูด้วยเดี๋ยวเช้ากูจะมาปลุก” เพียวมันหันไปสั่งเพื่อนของตัวเองแล้วเดินจูงผมออกจากบ้าน
“อ้าวน้องปี!!” เสียงแหลมๆ แสบแก้วหูดังมาจากรั้วข้างบ้าน ผมกับเพียงมันชะงักไปนิด
“-*-ยัยมนุษย์ป้านี่อีกแล้ว” ผมบ่นออกมาเบาๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ
“ป้าอร สวัดดีครับ เพียวไปก่อนนะครับพอดีมีธุระ” เพียวมันยิ้มแล้วยกมือไหว้ มันมีมารยาทครับ ผมก็มีแต่ไม่ใช่กับยัยมนุษย์ป้ามหาภัยจอมขี้เสือกแบบนี้ เพียวกับผมไม่ได้หยุดเดินรอให้มนุษย์ป้าได้เอ่ยทักอะไรอีก แต่ดูเหมือนป้าแกจะไม่เข้าใจ ปกรีบกระโจนออกมาจากรั้วบ้านของแกแล้วเดินมาขวางทางผมเอาไว้
“ธุระอะไรดึกๆ ดื่นค่ะคุณน้องให้ป้าไปเป็นเพื่อนไหม^-^” - -*
“= = ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีมันเป็นธุระของผมสองคน” ไอ้เพียวมันลากผมให้เดินไวขึ้น
“ธุระที่ไหนละคะ” ขนาดเดินเลี่ยงยังจะอุตส่าห์มาดักทางอีกผมชักจะหมดความอดทนกับความสอดรู้สอดเห็นของยัยป้านี่เต็มทน เพียวมันเห็นหน้าผมแล้วรีบลากผมเข้าบ้าน ผมสะบัดแขนออกแล้วหันกลับไปประจันหน้ากับยัยป้าผีบ้านี่
“ธุระบนเตียงครับป้าอร ผมจะเอากับเมียป้าจะตามไปดูด้วยไหมครับ ผมจะได้เปิดประตูบ้านรอ”
“*0* นะ นี่ น้องปี เอ่อมะ..เมีย” ถึงกลับไปไม่เป็น ป้าอรแกชี้นิ้วไปที่ไอ้เพียวแล้วชี้มาที่ผม หึหึหึ ผมยกยิ้มนิดๆ แล้วก้มลงจูบไอ้เพียวต่อหน้าป้าอรซะเลย ขี้เสือกดีนัก
“พี่..*0*..ทำอะไร อายป้าเค้า” ไอ้เพียวมันตีแขนผมแรงๆ แก้มมันขึ้นริ้วแดงๆ ด้วยความเขิน เห็นแล้วอยากจะขย่ำมันซะตรงนี้ คนอะไรเขินแล้วน่ารักเหี้ยๆ ผมพยายามเก็บสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยากให้ใครเห็น
“เข้าใจนะครับ ว่าไม่เสือก!” มันอานจะฟังแล้วดูแรงไป แต่กับผ็หญิงคนนี้ผมขอเป็นข้อยกเว้นครับ
“พี่ปี!!! ป้าอรครับพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบมันก็ลากผมเข้าบ้านทันที ผมแอบหันหลังไปแสยะยิ้มร้ายๆ ใส่ พอเข้ามาในบ้านมันก็ดุผมหาว่าผมเลี้ยงหมาไว้ในปาก ไม่มีสัมมาคารวะ โถไอ้เตี้ย ทำมาเป็นพูดดีวันก่อนผมยังแอบได้ยินมันด่าป้าอรลับหลังอยู่เลย ไม่อยากเถียงมันแล้วครับไล่ให้ขึ้นห้องผมจะล็อกบ้าน แล้ว อยากมีความเป็นส่วนตัว!!!
กลับขึ้นห้องก็เห็นว่าไอ้เตี้ยมันกำลังจะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอยู่พอดี ผมเลยอาสาช่วยมันถอด แต่ไม่รู้ถอดกันอีท่าไหน มันดันไปจบลงบนเตียง หึหึหึ ยอมรับเลยครับว่ากับผู้ชายครั้งแรกมันจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้พอครั้งที่สองมันยิ่งดีมากขึ้นไปอีก อยากจะทำมันกับมันนานๆ แต่มันดันหลับคาอกผมไปเสียก่อน น้ำเลยไม่ได้อาบกันทั้งคู่ จัดท่าให้มันนอนดีๆ ผมชอบมองมันตอนมันหลับ วงหน้าหวานๆ กับขนตางอนสวย ปากบางอมชมพูน่าจูบคิ้วมันก็สวย จมูกมันก็สวย ยิ่งตาของมันยิ่งสวยใหญ่ มองมันจนอิ่ม แล้วเดินเก็บเศษซากอารยธรรมที่ บนพื้นขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปเอางานที่ค้างอยู่ขึ้นมาทำ
ตีสาม
“อะ อื้อออ ห้าวววว” เสียงหวานๆ ของมันดังขึ้นมาตอนตีสาม ผมยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหันมาเห็นมันนั่งบิดขี้เกียจเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ มันหันมามองผมแล้วส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ชอบนะครับเวลามันยิ้มแบบนี้
“เป็นไงบ้าง” ผมหมายถึงตรงนั้น แต่มันกลับคิดไปอีกแบบ หึหึน่ารักจริงๆ
“-///- ก็ดี ..”
“แค่นั้น? เห็นร้องซะดัง นึกว่าจะชอบ” แอบแซะให้มันเขินเล่นๆ ยิ่งเวลาหน้ามันเหวอๆ อายแล้วโคตรตลก
“อะ อื้ออ กะ ก็ชอบ>///<” เห็นไหมครับว่ามันน่ารักขนาดไหน ไอ้เตี้ยมันค่อยๆ คลานลงจากที่นอน ท่าทางมันไม่ได้ง่อยเหมือนใครๆ ที่พูดไว้สักนิดเวลาโอนเอาหนักๆ ร่างกายมันอ่อนแรง เดินไมไหว หรือว่ามันเป็นประเภทผู้ชายอีดถึกทน มันม้วนตัวกำบผ้าห่มจนเป็นหนอนแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องไป คงจะไปจัดการตัวเองนั่นแหละมั้ง สักพักมันก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเดินอายๆ มาทางผมก่อนจะก้มลงหอมแก้ม หน้าหวานๆ ของมันขึ้นริ้วแดงทั้งสองข้าง
“หึหึ ที่หอมนี่หมายความว่ายังไง?”
“ก็แค่อยากหอม” มันยิ้มจนตาเป็นสระอิ ยิ้มมันดูแปลกๆ นะครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ
“เหรอ?” ผมถามเสียงนิ่งๆ แล้งจ้องไปที่ตาของมัน หึ นั่นไงครับ สายตาหลุกหลิกแบบนี้ มีพิรุทชัดๆ
“กะ...ก็ มีเรื่องจะขอ” ว่าแล้ว!!
“พูดมาสิ”
“พรุ่งนี้ขอไปเที่ยวกับเพื่อนได้ปะ สัญญาว่าจะกลับไม่ดึก”มันส่ง ยิ้มอ้อนๆ มาให้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันมีเพื่อนที่ไหนนอกจากไอ้สองคนนั้น
“เพื่อนคนไหน เขื่อน? ภูผา?”
“ปะ ..ป่าวเพื่อนที่สนิทกันเมื่อสมัยมอปลาย” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด ผมไม่เชื่อหรอกถ้ามันแสดงอาการเหงื่อตกมือสั่นแบบนี้ แมร่งไปกับไอ้หน้างูเห่านั่นชัว!!
“แน่ใจ?”
“อะ..อื้อออ”
“งั้นกูไปด้วย ^ ^”
“เห้ย พี่ไม่ต้อง!! ..คือผมไปแบบเพื่อนสมัยเรียน นัดกันไปเป็นกลุ่มเลย พี่ไปด้วยพวกมันจะอึดอัดเอา” รีบพูดซะจนลิ้นจะพันกันแบบนี้ ต้องใช่แน่ๆ
“ไม่ใช่ว่าเพื่อนสมัยมอปลายมึงนี่ชื่อ ทศลักษณ์ เหรอ”
“T^T (เสือกรู้อีก) ไม่ใช่”
“ก็ดีงั้นกูยิ่งสมควรไปด้วย หึหึหึ”
“ม่ายเอา....พี่ปีอ๊า...” มันลากเสียงยาวจนน่าถีบให้ตกเก้าอี้
“ก็บอกมาสิว่าไปกับใคร!!”
“จะเสียงดังทำไมเล่า!!”
“ก็บอกมาสิวะ โกหกกันอยู่ได้ มึงนะอ้าปากมากูก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่”
“รู้ได้ไง ไหนๆ ลองบอกมาดีว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่” มันทำหน้าท้าทาย -*-
“อย่ามากวนตีนเพียว จะบอกไม่บอกว่าจะไปกับใคร?”
“= =คนบ้าอะไรรู้ไปหมดทุกอย่าง เออ!! บอกก็ได้ ไปช่วยงานพี่ทศที่ร้านวันหนึ่งคนเค้าขาดแล้วเค้าก็ไม่มีใครที่ไว้ใจได้เลย เค้าเลยขอให้ผมช่วย แค่นี้ จะถามอะไรอีกไหม หึ-3-” มันทำหน้างอใส่ผมแล้วสารภาพออกมาจนหมด ให้ตายสิ นี่มันไปแอบติดต่อกันตอนไหนวะ ผมอยากจะถึ้งหัวตัวเองหนักๆ สรุปมันไปกับไอ้ทศหน้างูนั่นจริงๆ ด้วย ผมรู้สึกเหมือนลมมันตีขึ้นหน้า หัวร้อนไปหมด
“มันมารับกี่โมง”
“ห๊ะ?”
“กูถามว่ามันมารับกี่โมง!!!” เผลอตะคอกมันไปอีกรอบ ไอ้เตี้ยมันสะดุ้งจนเกือบหงายหลังตกเก้าอี้
“สีทุ่ม โอ้ยตกใจจะตะโกนทำไมเล่า”
“ร้านมันอยู่ที่ไหน”
“สีลม”
“ชื่อร้านละ?”
“อสุรา”
“ไปนอนไป กูจะทำงานต่อ”
“แล้วตกลงให้ไปไหม?”
“แล้วแต่มึงเถอะ เหอะ น่าจะเอาให้เดี้ยงจะได้ไม่ต้องออกไปแรดที่ไหนได้ แมร่ง” .
.....มีใครยังไม่รู้มั่งว่านอกจากผมจะปากหมาแล้ว ผมยังขี้หึงขี้หวงอีกด้วยนะ อยากบอกให้รู้ไว้....
แล้วเจอกันตอนหน้านะค่ะ