***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61  (อ่าน 13779 ครั้ง)

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 







































แฟนเพจของ สามภพ

https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2018 08:10:03 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3








บนโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลายสัญชาติหลากหลายเชื้อพันธุ์ หลากหลายพันธุกรรม ทั้งมนุษย์ เทวา ปักษา มัจฉา วานร กินรี ไม่เว้นแม้แต่ ยักษ์ หลายๆ คนอาจจะเคยฟังนิทานก่อนนอน หรือเรื่องเล่าต่างๆ มามากมาย บางคนเชื่อว่ามันมีจริงบางคนก็ว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง เอาไว้หลอกเด็กๆ ให้เชื่อฟัง แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องเล่าหรือนิทานปรัมปรานั้น มีอยู่ในโลกจริงๆ

ผมชื่อ เวรัม เปรมบดินทร์  หรือเรียกสั้นๆ ว่า เพียว ก็ได้ ผมเป็นยักษ์ตัวเล็กๆ ที่แฝงตัวอยู่กับพวกมนุษย์ ความจริงรูปร่างหน้าตาผมก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกมนุษย์ แต่งแค่อย่างเดียวคืออำนาจและพลังวิเศษ แถมด้วยการเป็นอมตะ และการเป็นอมตะแบบนี้มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะรักหรือผูกพันกับมนุษย์เพราะว่าพวกมนุษย์มีอายุขัยผมคงทนไม่ได้ถ้าเห็นพวกเขาตายลงต่อหน้าต่อตา

การเป็นยักษ์ใช่ว่าจะสบาย เป็นยักษ์ต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เพื่อให้ใครจับได้ เป็นยักษ์ต้องไม่เปิดเผยตัวตนให้ใครได้รู้ เป็นยักษ์ต้องหัดใจเย็นกับพวกมนุษย์ ที่สำคัญเป็นยักษ์ต้องไม่รักใคร ครอบครัวผมเป็นมังสวิรัติ ผมทรมานกับการที่ต้องอดทนในการที่ไม่กินเนื้อ เนื้อเป็นแหล่งโปรตีน เนื้อทำให้ร่างกายเจริญเติบโต เพราะแบบนี้แหละมั้งที่ทำให้ผมสูงแค่ ร้อยเจ็ดสิบเซ็น ไม่ขาดไม่เกิน จากที่รู้ๆ มาจากเพื่อนยักษ์ผมเป็นยักษ์ที่เตี้ยที่สุด แต่ว่า พ่อแม่ห้ามผมไม่ได้หรอกในเมื่อออกมามาใช้ชีวิตข้างนอกแล้ว ผมจะทำกินอะไรก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ เนื้อๆๆๆๆ


ผมอาศัยอยู่ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยมนุษย์ตัวเป็นๆ ผมมีเพื่อนบ้านที่คอยสอดส่องดูแลเรื่องในบ้านไม่ว่าผมจะทำอะไร ที่ไหน กับใคร เพื่อนบ้านผมจะรู้ไปหมด รู้เหมือนว่าเขามาอาศัยอยู่ในบ้านกับผม หรือที่มนุษย์ชอบเรียก ว่า อะไรนะ “ขี้เสือก” ใช่ ขี้เสือก คำนี้แหละ มนุษย์ขี้เสือกสร้างความลำคานให้ผมไม่น้อย เพราะเจ้าหล่อนจะคอยปีนรั้วบ้านที่ติดกับกับของผม หล่อนจะมาพร้อมกล้องส่องทางไกลอันเล็กๆ พร้อมกับโทรศัพท์มือถือเอาไว้โทรเม้าท์มอยกับเพื่อนของเขา มีบ้างบางครั้งที่ผมสั่งสอนหล่อน แต่หล่อนก็ไม่เคยจำสักที

ผมเป็นยักษ์ที่พ่อแม่ไล่ให้ออกมาใช้ชีวิตตนเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าโตแล้วเจ้าต้องออกมาเผชิญโลกกว้างด้วยตัวคนเดียวและสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง แล้วยักษ์แคระอย่างผมคงจะหาเมียได้หรอก นอกจากเพื่อนบ้านมนุษย์ขี้เสือกแล้ว ผมยังมีเพื่อนบ้านที่เป็นมนุษย์ที่ทำตัวลึกลับมากๆ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็แปดเดือนเข้าไปแล้วผมยังไม่เคยเห็นเพื่อนบ้านคนนี้เลยสักครั้ง อาจจะแค่เห็นแวบๆ แบบปลายเส้นผม แต่ไม่เคยเห็นแบบจังๆ สักครั้ง รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ชาย

ผมเป็นยักษ์ที่เรียนจบแล้ว และกำลังจะหางานทำ เรียนวนมันแทบจะทุกสาขาวิชา ทุกคณะ และเกือบจะทุกมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำ ก็ผมอยู่มาสองร้อยแปดปี แต่หน้าผมมันอยู่ที่สิบแปดปี เรียนจนเป็น อัจฉริยะ เรียนจบก็ทำงาน ทำงานได้สิบปีก็ลาออก ไปสมัคเรียนใหม่ วนซ้ำๆ กันแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ผมถึงต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้ใครจำได้  ตอนนี้ที่บ้านผมหมวกรับปริญญา กับใบประกาศนีย์บัตรกลายเป็นของตกแต่งบ้านผมไปเรียบร้อย

เป็นยักษ์ก็ต้องมีเพื่อนเหมือนกันนะอาจจะเป็นแค่เพื่อนในช่วงสั้นๆ เพื่อนที่ต้องมีไว้เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เพื่อนของผมชื่อ เขื่อน กับ ภูผา เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยกับยักษ์แบบผม ทั้งคู่เป็นเด็กวัดที่ขยันและมีมานะ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากจะมีเพื่อนอะไรหรอกเพราะอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่วันนั้น มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะผมโดนรังแก คุณอาจจะขำนะ ว่าเป็นถึงยักษ์ทำไมถึงโดนรังแก ได้ เป็นยักษ์ก็จริงแต่เราทำร้ายมนุษย์จนถึงแก่ความตายไม่ได้ เพราะว่าบทลงโทษของการฆ่านั้นร้ายแรงยิ่งกว่าตายเสียอีก และผมยังเป็นแค่ยักษ์วัยรุ่น การควบคุมพลังของตัวเองเลยยาก ผมอาจจะพลั้งมือฆ่าใครตายไปก็ได้ เพราะฉะนั้นผมเลยยืนเป็นเป้านิ่งให้พวกอันธพาลมันซ้อมเล่น เพราะถึงพวกมันจะตีผมจนมือมันแตก ผมก็ไม่เจ็บหรือรู้สึกอะไร ร่างกายผมมันจะรักษาตัวเองทันทีที่บาดเจ็บ เขื่อนกับภูผาเดินมาเห็นเข้าพอดี เลยช่วยผมไว้จากอันธพาลพวกนั้น

พอจะเข้าใจชีวิตยักษ์ๆ ของผมรึยังครับ ฟังดูลำบากเนอะแต่ก็เอาเถอะเกิดเป็นยักษ์ต้องอดทน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2017 01:44:20 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มีข้อความที่ผิดค่ะ ตรงย่อหน้าก่อนจบ ~~ผมเรียนจบแล้ว และกำลังจะหางานทำ...ผมเรียนอยู่ปีสาม~~
ประมาณนี้อ่ะ ไม่ได้ลอกมาเป๊ะๆ นะ ลองตรวจดูอีกทีนะคะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จิ้มๆๆๆๆ
รออออ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



อสุรา ล่ารัก 1

เกิดเป็นยักษ์ต้องอดทน โดนรถชนก็ห้ามตาย...





“เห้ออออออ จะทำงานอะไรดีวะ” เสียงถอนหายใจของผมที่ดังมาหลายรอบแล้วด้วยความเบื่อหน่าย งานทุกอย่างผ่านมือผมมาหมดแล้ว ทั้งผู้บริหาร กรรมกร พนักงานในห้าง หรือแม้กระทั่งเด็กเสิร์ฟในร้านหมูกระทะ ผมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เป็นอมตะของผม เพราะผมต้องคอยปกปิดตัวตนแล้วแกล้งตายเวียนวนซ้ำๆ มาหลายร้อยปี ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านในมือถือเอกสารสำคัญในการสมัคงาน เอาไว้มองมันซ้ำไปวนมา เหมือนคนที่คิดไม่ตก ความจริงถ้าผมไม่ทำงานก็ได้นะเพราะเงินที่ผมหามาได้ตลอดชีวิตอมตะของผมมันก็มากเสียชนิดที่ผมไม่ต้องทำงานไปอีกสองสามร้อยปีก็ว่าได้ ไหนจะเงินปันผลจากหุ้นส่วนในโรงแรมที่ผมเคยเป็นหุ้นส่วนใหญ่ (แล้วแกล้งตายโดยที่มีเงินมรดกจากเงินปันผลมอบให้แก่ญาติห่างๆ ซึ่งมันก็เป็นตัวผมอีกนั่นแหละ)

“หรือเราจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองดีวะ” มันเป็นความคิดที่ดีถ้าผมจะลงทุนประกอบธุรกิจเป็นของตัวเอง เอาแบบ เล็กๆ อยู่รอดในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ขายอะไรดี

“ขายก๋วยเตี๋ยว” ความคิดหนึ่งมันผุดขึ้นมา ขายของกินนี่แหละดีสุดเพราะมนุษย์ทุกคนต้องกิน ยักษ์อย่างผมยังต้องกินเลยผมรีบกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนรักสองหน่อของผมทันที ผมกะว่าจะให้พวกมันมาร่วมหุ้นด้วย รอสายไม่นานไอ้เขื่อนก็กดรับ

“โหลๆ มึงๆ ว่างป่าว” ผมรีบถาม รู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้

“เออ ว่างมีไรว่ามา//นิมนต์ครับหลวงตา//” ไอ้เขื่อนตอบกลับมา ผมได้ยินเสียงไอ้ภูผามันคุยกับหลวงตาอยู่ใกล้ๆ

“กุมีธุรกิจจะมาเสนอพวกมึงสองคน”

“ธุรกิจอะไรของมึงวะ” ไอ้เขื่อนตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆ

“ร้านก๋วยเตี๋ยว” ผมบอกพวกมันไป รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ

“.....”

“อ่าวเงียบทำไมอะมึง โหล” มันคงกำลังคิดอยู่แน่ๆ เลย

“ไอ้เพียว นี่มึงล้มหัวฟาดพื้นรึไงห๊ะมึงคิดอะไรอยู่ พวกกูเรียนวิศวะ มึงจะให้พวกกูไปขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อ!!! ” เสียงไอ้เขื่อนมันตหวาด ออกมาจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“โห่มึง ธุรกิจอะธุรกิจมึงจะคิดมากทำไมวะ กูก็เรียนเหมือนมึงกูยังไม่คิดมากเลย” เรียนวิศวะทำไมจะขายก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ใครห้ามวิศวะขายก๋วยเตี๋ยวไหนบอก เพียวมาสิ แม่จะไปตบกะบาลให้คว่ำ

“มึงไปคิดให้ดีๆ เอาที่มันเป็นสาระ เอาให้เหมาะกับตัวมึง”

“นี่แหละเหมาะกับกูแล้ว ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้าใคร” อยากจะหยุดเมื่อไหร่ ก็หยุดได้ อู้ก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องมีใครมาว่ามาบังคับ ดีออก

“แล้วแต่มึงเหอะ แค่นี้นะกูจะถวายเพลให้หลวงตาแล้ว ปัญญาอ่อนจริงมึง เดี๋ยวกูจะบอกไอ้ภูมันให้ แล้วมึงก็เตรียมตัวโดนเทศได้เลย”

ตรู๊ดดดดดดดดดดด

“อะ อ่าววางไปเฉยเลย ไอ้พวกนี้นี่” ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่มันผ่านโทรศัพท์ไม่รู้ละผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะขายก๋วยเตี๋ยว หลังจากวางสายพวกมันผมก็มานั่งคิดว่า ขายก๋วยเตี๋ยวมันต้องทำอะไรบ้าง เริ่มจากการหาทำเล ผมยกโน้ตบุค ออกมาที่ศาลาพักผ่อนในสวน และเริ่มเปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล สมัยนี้อะไรๆ มันก็สะดวกสบายไปหมด นั่งงมหาข้อมูลเป็นชั่วโมงๆ จนรู้สึกว่ามีใครบางคนแอบจ้องมองผมอยู่จากพุ่มไม้ข้างบ้าน คือศาลาพักมันติดกับรั้วเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ชายที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง ปรกติเขาจะไม่ค่อยออกมาตอนกลางวันนักหรอก นอกจากจะออกมารดน้ำต้นไม้บ้างเป็นบางวัน ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาชัดสักครั้ง เพราะเวลาออกมาเจอเขาทีไร พี่เขาก็รีบชิ่งเข้าไปในบ้านตลอด ชอบทำตัวลึกลับ เหมือนพวกโรคจิต พอเขารู้ว่าผมเห็นเขาก็รีบเดินเข้าบ้านไปเลย คือ อะไรของเขา ผมละสายตาจากแผ่นหลังกว้างๆ นั่นแล้วหันกลับมาสนใจพื้นที่ทำมาหากินของผมต่อ

ดูไปดูมา ธุรกิจขนาดเล็กที่ผมวาดฝันเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมเข้าไปดูรีวิวร้านก๋วยเตี๋ยวสารพัดรูปแบบ ทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ต้มยำ เย็นตาโฟก๋วยเตี๋ยวโบราณ ก๋วยเตี๋ยวไข่ สารพัดที่เขาจะครีเอทออกมา เดี๋ยวนี้อะไรก็มีแต่การแข่งขันกันทั้งนั้น ผมนั่งคิดวิเคาะห์อยู่หลายตลบว่าจะขายแบบไหน เอาเป็นว่าผมจะขายเย็นตาโฟนี่แหละ เพราะผมชอบกินเย็นตาโฟไง แล้วเรื่องทำเล ไม่เห็นจะยาก ก็หน้าบ้านผมนี่แหละ ฮ่าๆ ขายกับคนในหมู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหนไกล พอได้บทสรุป ผมก็ลิสเอาข้อมูลใส่กระดาษ หาเบอร์ช่างมาต่อเติมบ้านให้เป็นร้านอาหาร แล้วก็ออกไปตลาดหาซื้อวัตถุดิบมาลองทำน้ำซอสเย็นตาโฟดูเพราะผมอยากได้รสชาติในแบบของตัวเอง ไม่ซ้ำใครและอร่อยด้วย

หลายอย่างในชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป ผมมองรายการที่ต้องซื้อในมือด้วยความรู้สึกที่ปวดหัวนิดๆ ในมือมีของหลายอย่างดูพะรุงพะรังไปหมด มีของบางอย่างที่ผมไม่รู้จักและมันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในส่วนผสม

“เต้าหู้ยี้ มันคืออะไรวะ” ผมยืนอ่านมันมาสักพักแล้ว เดินวนไปวนมาอยู่ในตลาดจนเมื่อยขา

“อ้าวน้องเพียว วันนี้มาจ่ายตลาดเองเลยเหรอคะ” เสียงนี้ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร ยัยป้ามหาภัยที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆ ผมไงครับ ผมลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปปั้นหน้ายิ้มใส่แก

“ครับ” ตอบไปสั้นๆ เพราะไม่อยากจะคุยด้วย ผมกำลังจะก้าวหนี แต่ป้าแกก็ร้องทักขึ้นมาอีก

“แล้วหาอะไรอยู่รึเปล่าจ๊ะให้พี่ช่วยไหม” แทนตัวเองว่าพี่นี่ไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองเลยใช่ไหม เห้อ อยากจะตัดบทนะครับ แต่ว่ามันจะดูเสียมารยาทไป ผมเลยหันไปตอบแกยิ้มๆ ว่า “ก็ได้ครับ”

“แล้วเพียวหาอะไรอยู่เหรอไหนเอาให้พี่อรดูซิ” คุณป้าอรเธอคว้าเอากระดาษที่ผมจดเอาไว้ไปดู แต่มือคุณเธอนี่สิครับ ลากตั้งแต่ข้อศอกผมจนสุดมือ แบบนี้มันเข้าข่ายลวนลามผมชัดๆ ขนลุกมากๆ ด้วย แต่จะแสดงออกไปว่ากลัวป้าเขาก็ไม่ได้ผมเลยได้แต่ปั้นหน้ายิ้มรับสายตาอ่อยๆ ของป้าแกไปพร้อมกับขยับตัวออกห่าง

“เต้าหู้ยี้ครับ” ผมบอกป้าอรส่งยิ้มหวานมาให้

“ตามมาสิจ๊ะเดี๋ยวพี่พาไปซื้อ” เอาเถอะครับ สายตาป้าแกเหมือนกำลังหลอกเด็กสี่ขวบไปทำอนาจารยังไงยังนั้น แถมแกยังคว้ามือที่ผมให้เดินตามแกไปอีก

“ลากกูเป็นลูกเลย” ผมได้แต่ว่าป้าแกอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดออกไปหรอกครับ แกลากผมไปหยุดอยู่ที่ร้านขายของแห้งร้านหนึ่ง มีอาแปะแก่ๆ นั่งพัดแมลงวันออกจากกองปลาหมึกตากแห้งอยู่

“แปะๆ เอาเต้าหู้ยี้ให้ชั้นขวดหนึ่งสิ” ป้าอรแกหันไปสั่ง แล้วอาแป๊ะก็ลุกไปหยิบมาให้ ผมรีบรับมาแล้วรีบจ่ายเงินไม่อยากอยู่นานเดี๋ยวพี่อร เอ้ย ป้าอรแกจะหลอกให้ผมไปไหนกับแกอีก ผมรีบยกมือไหว้ขอบคุณแล้วก็เผ่นออกมา ไม่รอให้แกได้ถามหรือคุยอะไรอีก ผมวิ่งมาที่รถมอเตอร์ไซต์ที่จอดไว้อีกฝั่งของถนนแล้วก็ขี่กลับมาที่บ้านทันที ผมเอาของทั้งหมดจัดใส่ตู้เย็นไว้ เอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้วันนี้เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน ผมเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มในห้องแล้วเดินไปที่ศาลา ผมชอบนอนกลางวันที่นี่ครับมันเย็นสบายดีไม่เปลืองค่าไฟด้วย โยนหมอนไปที่กระดานไม้ที่มีไว้นั่ง ซึ่งมันกว้างพอที่ผมจะนอนพลิกไปมาได้สบายๆ พอล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มมาคลุมถึงคอผมก็หลับลึก





ซ่า......

ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีหยดน้ำมากมายกระเด็นมาใส่หน้า หรือว่าฝนตก ผมรีบลืมตาแล้วตะโกนโหวกเหวกเสียงดังลั่น เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด

“ฝนตก ฝนตก ฝนตกโว้ย” ผมหันไปมองรอบๆ ก็ต้องตกใจเพราะไอ้ฝนที่ทำผมตื่น มันคือน้ำจากสายยางรดน้ำต้นไม้ มันกำลังพุ่งมาจากอีกฝั่ง ของรั้วบ้าน ผมมองตามสายน้ำที่พุ่งใส่ผมไม่หยุดจนไปหยุดที่สายตาดุๆ เขาจิกตามองผมนิดหนึ่งแล้วสะบัดหน้าหนี เดินเข้าบ้านไปเฉย ไม่ขอโทษผมสักคำ แถมหน้าเขาผมก็ยังเห็นไม่ชัดอยู่ดีเพราะพุ่มไม้มันสูง

“เฮ้ยยย คุณ นี่ กลับมาขอโทษผมเดี๋ยวนี้เลยะ ไอ้บ้าเอ้ย” ผมตะโกนเรียกเขาพอเขาไม่หันกลับมา ผมก็ด่าไปอีก คนบ้าอะไร เจอหน้าคนหล่อแล้วเดินหนี เป็นผีปอบรึไงถึงไม่กล้าสบตาคน ผมโมโหเขามากๆ เลยตอนนี้ ละสายตาอาฆาตจากเขาก็เดินเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เปียกโชกไปตากที่ราว สายตาก็คอยมองไปบ้านนู้น ว่าจะโผล่หัวออกมาเมื่อไหร่ หึ โผล่หน้ามาเมื่อไหร่แม่จะด่าให้ไฟแลบเลยคอยดู ในขณะที่ผมกำลังนึกด่าไอ้มนุษย์ใจหยาบคนนั้น จู่ๆ ป้าอรแกก็โผล่มาจากอีกรั้วของบ้าน หน้าแกยิ้มมาแต่ไกล เล่นเอาผมสยอง ป้าแกกวักมือเรียกผมให้ไปหา

“อะไรของป้าแกอีกวะ” ผมบ่นเบาๆ กับตัวเองก่อนจะเดินไปหาแก

“ครับป้าอร”

“มานี่ๆ พี่ทำบัวลอยมาฝากหนูกับคุณปี”

“คุณปี? ” ผมทำหน้าสงสัยป้าอรแกยิ้มเหมือนเอือมๆ ที่ผมมาอยู่ได้สักพักแล้วแต่ไม่รู้จักคนที่ชื่อปีอะไรนั่น

“ก็ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ บ้านหนูไงจ้ะหลังนั้นนะ” ป้าแกชี้ไปที่บ้านหลังนั้น

“อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณนะครับป้าอร” ป้าแกยิ้มหวานใส่แล้วทำตาเยิ้มๆ มองผ่านผมไปที่บ้านหลังนั้น เอ่อ คือป้าจะรวบหมดทั้งสองหลังเลยเหรอครับ ผมมองตามสายตาแกไป

“แล้วเขาเป็นใครเหรอครับ” นี่ผมคงติดเชื้อขี้เสือกของป้าแกมานิดๆ ละ

“อันนี้ป้าก็ไม่รู้นะ รู้แต่ว่า เขานะหล่อ รวย” พูดแล้วทำหน้าเคลิ้มๆ เล่นเอาผมเดินถอยหลังไปสองสามก้าว

“แต่ถ้าน้องเพียวอยากรู้ พี่อรไปสืบมาให้ก็ได้ค่ะ”

“ไม่ต้องครับผมไม่ได้อยากรู้เรื่องของชาวบ้านเขาหรอกนะครับ เอ่อขอบคุณสำหรับบัวลอยนะครับผมขอตัว” ลิ้นผมแทบจะพันกันเพราะรีบพูดจะได้ออกมาจากตรงนั้นไวๆ เบื่อกับสายตาแทะโลมของป้าแก



ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ร้านที่ผมวาดฝันเอาไว้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ท่ามกลางความขัดแย้งของเพื่อนๆ ที่แวะเวียนมาช่วยผม คือมันช่วยครับแต่ก็บ่นไปด้วย บ่นอะไรนักหนาไม่รู้ มึงจะทำไหวเหรอบ้างละ จะไปรอดไหมบ้างละ ทำเลไม่ดีบ้างอะไรแบบนี้แต่ผมไม่ฟังหรอกครับ ไม่ได้รั้นนะ แต่ผมเชื่อว่าผมทำได้และจะทำมันได้ดีด้วย ตอนนี้ผมยืนดูช่างที่เข้ามาต่อเติมร้านบริเวณสวนหน้าบ้านโดยเอารั้วด้านหน้าออกแล้วทำเป็นห้องกระจกกึ่งปูนมีลานไม้ด้านหน้าไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งกินแบบธรรมชาติๆ เพราะผมจะทำหลังคาให้เป็นแบบไม้เลื้อย เหมือนสวนในเทพนิยาย ตอนนี้งานเริ่มเสร็จเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่ตกแต่งกับซื้อของเข้าร้าน

“ไอ้เพียวมึงคิดว่ามันจะเวิร์คเหรอวะ นี่มันในหมู่บ้านนะเว้ย ไม่ใช่ทำเลทองแถวทองหล่อ” ไอ้ภูมันยกน้ำออกมาให้พวกช่างๆ เข้ากิน ผมพยักหน้า

“เวิร์คดิ หมู่บ้านออกจะใหญ่มีแต่คนรวยๆ อยู่”

“นี่มึงกะจะขายแค่คนในหมู่บ้านรึไง”

“ก็ ไม่เชิงหรอก มึงกูแค่อยากขายก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้ขายเพชรจะคิดอะไรมาก ขายแค่พออยู่ได้มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟพอแล้ว” ผมบอกมันไป ไอ้ภูเบ้ปากใส่

“แล้วเมื่อไหร่จะรวย”

“ทำไมต้องรวยด้วยวะ แค่มีพอแดก พอใช้ก็พอป่าววะ จะฟุ่มเฟือยไปทำไม นี่กูไม่หนีไปอยู่ดอยทำไร่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” อยู่แบบพอเพียงอย่างที่ในหลวงท่านเคยสอนไว้ ชีวิตแบบนั้นดีจะตายผมชอบ

“นี่มึงไม่คิดถึงอนาคตเลยรึไง ถ้ามึงมีครอบครัวมีเมียมีลูก มึงคิดว่าการขายก๋วยเตี๋ยวในนี้มันจะเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียมึงได้รึไงวะ” ไอ้ภูมันดูจริงจังมากอาจจะเพราะมันเป็นเด็กกำพร้าเป็นเด็กวัดมันเลยจริงกับเรื่องพวกนี้มากๆ

“เอาน่ามึงก็อย่าไปว่ามันเลยไอ้ภู อีกอย่างหน้าอย่างมันจะหาเมียได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ ไปๆ กูสั่งส้มตำร้านป้าเฉื่อยไว้นานแล้ว ป่านนี้คงเสร็จพอดีมึงไปเอาเป็นเพื่อนกูหน่อย” ไอ้เขื่อนครับมันเดินมาจากไหนไม่รู้พูดฉอดๆ แล้วก็ลากไอ้ภูมันออกไป นี่ผมยังไม่ได้เถียงมันเรื่องหาเมียไม่ได้เลยนะ ผ่านไปสักพักมันก็กลับมาพร้อมส้มตำไก่ย่างชุดใหญ่สองชุดให้ช่างชุดหนึ่งกับของพวกผมอีกชุด พวกเรามานั่งกินกันที่ศาลาพัก ผมกับไอ้ภูช่วยกันแกะใส่จานไอ้เขื่อนเดินไปหยิบน้ำเย็นๆ มาให้ เมื่อทุกอย่างพร้อมผมก็ลงมือกินกันอย่างเมามัน ของผมเป็นตำปูปลาร้า ส่วนไอ้ภูมันกินเผ็ดไม่ได้ไอ้เขื่อนเลยสั่งตำไทยไข่เค็มไว้ให้ มีไก่ย่าง ไส้อ่อนย่าง คอหมูย่าง ต้มแซบ โอ๊ยยยเป็นตาแซบ ซัดกันนัวเนียมือแทบจะพันกัน

“เออ เมื่อกี้กูยังพูดไม่จบ ไอ้เขื่อนมึงหาว่ากูจะหาเมียไม่ได้อย่างนั้นเหรอวะ มึงดูถูกกูมากไปแล้วนะ” ผมเอาปีกไก่ที่แทะอยู่ชี้หน้ามันอย่างเคืองๆ มันหัวเราะใส่ผม

“ก็กูดูถูกไง ไม่ได้ดูผิดไปแม้แต่สักนิดเดียว มึงเคยดูหนังหน้าตัวเองไหมเพื่อน ตลอดสี่ปีที่ผ่านมามีหญิงคนไหนมาแลมึงบ้างไหม กูเห็นแต่หมาตัวผู้ที่คอยตามดมตูดมึง” - -ไอ้นี่พูดจาเลอะเทอะ

“สัส พูดจา กูแค่ไม่ได้ปล่อยเสน่ห์หรอกเว้ย ไม่งั้นนะหญิงไม่ตกถึงท้องพวกมึงหรอก” ผมว่าแล้วแทะไก่ในมือต่อ ใครมันจะกล้ามีความรักกันละ ถ้าเกิดรักจริงขึ้นมาแล้วแฟนผมตายก่อน ผมจะทำใจได้ไหมไม่รู้ แค่ไอ้สองคนนี้ผมก็แทบจะทำใจไม่ได้แล้วถ้าเห็นพวกมันแก่ตายแล้วผมยังมีชีวิตอยู่

“เหรอออออออ/เหรออออ” พวกมันประสานเสียงมาพร้อมกันแล้วผลักหัวผมกันคนละที ไอ้พวกนี้นี่ ผมแก่กว่าพวกคุณนะครับ เกรงใจผมด้วย

“เดี๋ยวก่อนๆ กูจะหาเมียให้ได้ก่อนพวกมึง” ผมท้า

“ไม่ต้องยังไงพวกกูก็ไม่คิดว่ามึงจะได้เมีย ไอ้เพียวมึงนะอย่าไปมีเลยเมียสงสารผู้หญิงเขามีผัวนั่นแหละดีแล้ว หน้าแบบนี้ หุ่นแบบนี้ แรงก็มีจิ๊ดหนึ่งจะไปปกป้องใครเขาได้ มีผัวให้เขาปกป้องมึงดีกว่ากูแนะนำ” ไอ้เขื่อนมันพูดออกมาได้ยังไงแถมไอ้ภูมันก็พยักหน้าเห็นด้วยอีก

“บ้า จะมีผัวได้ไงกูเป็นผู้ชาย แล้วอีกอย่างไอ้ภูมึงก็ไม่ได้ต่างอะไรจากกูมากมายมึงก็ต้องมีผัวดิ” ผมค้านแถมยังลากไอ้ภูลงมาด้วย

“เรื่อง!! กูเป็นเด็กวัดนะมึง ถึกอย่าบอกใคร เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้กูเป็นนักมวยเก่านะเว้ย” มันบอกพร้อมกับยืดอกแคบๆ ของมันอย่างภาคภูมิใจ

“แต่ต่อยไม่เคยชนะกูสักครั้ง ไอ้อ่อน” ไอ้เขื่อนมันขัดจนผมขำก๊ากออกมา ไอ้ภูมันหันไปมองค้อนเพื่อนเด็กวัดของมันทันทีพร้อมกับทำหน้างอนๆ แล้วไม่พูดกับไอ้เขื่อนเลย จนไอ้เขื่อนต้องง้อด้วยการไปซื้อไอติมรถเข็นมาให้กินมันถึงจะยอมคุยด้วย กินของคาวของหวานจนอิ่มก็นั่งตีพุงอยู่ตรงศาลสนั่นแหละครับรอย่อย แล้วค่อยเอาจานไปเก็บ ล้าง สักพักไอ้สองคนนั้นก็ขอตัวกลับเพราะต้องเตรียมตัวไปสมัคงานผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ขับรถออกไปส่งมันที่วัดแล้วเลยไปไหว้หลวงตา แล้วกลับมาทดลองทำน้ำซอสอีกหลายๆ สูตรแล้วเอาไปให้เพื่อนบ้านชิม เหอะๆ เขาก็บอกว่าอร่อยกันทุกบ้านยกเว้นอยู่บ้านเดียว บ้านไอ้ผู้ชายโรคจิตที่รั้วมันติดกับบ้านผมยังไงละ ผมรู้ว่ามันอยู่บ้าน รถคันหรูของมันก็จอดอยู่ในบ้าน รองเท้าก็อยู่ แต่มันไม่ยอมออกมาครับ นี่ผมกดออดจนมือหงิกแล้วมันก็ไม่ยอมโผล่มาสักที

“ไอ้มนุษย์ไม่มีมารยาท” ผมยืนด่าแล้วถือชามเย็นตาโฟกลับมาบ้านด้วยความหงุดหงิด นี่ก็เย็นมากแล้วมื้อเย็นก็เลยเป็นเย็นตาโฟของไอ้มนุษย์เงาคนนั้นไป กินไปดูหนังไปจนดึก เลยลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน แต่ก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่าง ไฟในสวนของบ้านไอ้คุณปีมันเปิดอยู่แล้วผมก็เห็นแผ่นหลังกว้างๆ ของมันกล้ามเป็นมัดๆ ผิวแม่งขาวอย่างกับหิมะ มันนึกคึกอะไรมาออกกำลังกายตอนดึกๆ แบบนี้วะ ด้วยความอยากรู้ว่าหนังหน้ามันจะเหมือนนิสัยแย่ๆ ของมันผมเลยแอบย่องไปที่ข้างๆ รั้ว แอบมองมัน ด้วยความริษยานิดๆ จะกล้ามใหญ่ไปไหน จะหุ้นดีไปไหน ชิ แอบจิกตาใส่ด้วย ในขณะที่แอบด่ามันในใจ จู่ๆ มันก็หันหน้ามาทางผมที่แอบดูมันอยู่และตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นใบหน้าของมันชัดๆแบบ โฟร์ดี

*0* ไอ้เชี้ยะแมร่งงง หล่อบรรลัย ใบหน้าหล่อๆ ของมันที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ไหนจะกล้ามท้องที่ขึ้นเป็นลอนสวยจนผมอิจฉา

ตึก ตึก ตึก ตึก นี่ใจผมมันเต้นแรงอะไรเบอร์นี้ นี่ผมใจเต้นแรงกับไอ้คนไม่มีมารยาทพรรคนี้นะเหรอ

ผมเดินถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลัก เกิดมาสี่ร้อยกว่าปีพึ่งจะมาใจเต้นแรงเหมือนสาวแรกแย้มแบบนี้ แถมกับผู้ชายด้วยเนียะอะนะ ด้วยความที่ผมตกใจเดินถอยหลังจนไปชนกับถังน้ำแล้วล้มทับมันแตก

โพล๊ะ!!!!

“ใครวะ!!! ”

“ฉิบหายแล้วกู” วันนี้ไม่ใช่เขาที่รีบหนีเข้าบ้านแต่เป็นผมเองที่ใส่ตีนหมาวิ่งหน้าตั้งหนีเข้าบ้านแทน



แมร่งเอ้ย ไอ้หัวใจมึงหยุดเต้นสักทีสิวะ

เกิดเป็นยักษ์นะเว้ยจะมาไก่อ่อนแบบนี้ไม่ได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขตอนแนะตัวให้แล้วนะครับ ขอบคุณมากๆนะที่บอก






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 1 22/8/60
«ตอบ #6 เมื่อ22-08-2017 08:18:05 »

ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คุณปี นี่ใช่มนุษย์ปะ
หลบหน้า หลบตา ไม่สบตาใคร
แต่แอบฉีดน้ำใส่ยักษ์แคระเราซะนี่

เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟอย่างเดียวเหรอ
ถ้าอยู่ใกล้บ้านจะแวะไปอุดหนุนบ่อยๆ
แล้วแอบส่องคุณปีชะแว้บบบบ
ว่าแต่เขื่อน กับภูผา หล่อมั้ยนะ
นี่แอบจิ้น เขื่อน ภูผา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คุณปี เพียว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 1 22/8/60
«ตอบ #7 เมื่อ22-08-2017 08:48:03 »

คุณปีช่างลึกลับ ค่าตัวแพงเหลือเกินนะพ่อคุณ ฮา

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 2 24/8/60
«ตอบ #8 เมื่อ24-08-2017 08:54:29 »

อสุรา ล่ารัก

ตอนที่ 2 ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บแก ฮ่าๆๆๆๆ





ในที่สุดร้านก๋วยเตี๋ยวของผมก็เสร็จสมบูรณ์ วินาทีแรกที่เห็นมันเต็มตาบอกได้เลยครับว่างานนี้รวยแน่ๆ เพราะร้านผมมันสวยสะดุดตาจนใครๆ ก็เหลียวมอง ไหนจะไอ้ผู้ชายหน้าตาดีสองคนยืนแจกใบปลิว ฉลองเปิดร้านใหม่อยู่หน้าร้าน กับโปรโมชั่น ซื้อ1แถม1 มีคนมารุมมันสองคนเต็มไปหมดครับ ทั้งลูกเด็กเล็กแดง โดยเฉพาะ สาวๆ นี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใส่พวกมันไม่หยุดหย่อน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศผมเอาเครื่องเสียงออกมาเปิดเพลงมันๆ เป็นการเรียกลูกค้า และผลตอบรับมันก็ดีมากๆ ลูกค้าชมไม่ขาดปาก ว่าอร่อย ร้านสวย และไม่ร้อน ผมยืนยิ้มอยู่หน้าเตา รู้สึกดีจริงๆ ครับ หายเหนื่อยเลย

11.30น.

“เห้ย พวกมึง พักได้แล้ว มากินข้าวก่อน” ผมตะโกนเรียกไอ้เพื่อนรักสองคนนั้นเข้ามาในร้านที่เปิดแอร์เย็นๆ เอาน้ำชามะนาวเย็นๆ มาเสริฟให้พวกมัน ทันทีที่ตูดมันแตะเก้าอี้

“เหนื่อยเลยดิ อะกินน้ำกินท่าก่อน เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน” ผมรีบไปทำเย็นตาโฟให้พวกมันกิน

“ไม่หรอกกูแค่ยืนแจกใบปลิว” ปากบอกว่าไม่แต่ทำไมหน้ามึงบูดอย่างนั้นวะผมมองหน้าไอ้เขื่อนมันนิดๆ

“คึคึ ไม่เหนื่อยแต่เปลืองตัวฉิบหาย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนบ้านมึงนะเพียวก็เตะเจาะยางไปละ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ลวนลามพวกกูอยู่ได้” ไอ้ภูมันบอกขำๆ แถมยังทำท่าขยาดใส่ป้าอรอีก ฮ่าๆ

“นี่พวกมึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ” ผมถามแล้วหัวเราะออกมากับวีรกรรมของมนุษย์ ป้าข้างบ้าน

“ชินห่าอะไร ไม่ลวนลามด้วยมือก็ลวนลามทางสายตา ดูสิมองพวกเราเหมือนจะกลืนลงท้อง หึ้ย ขนลุก” ไอ้เขื่อนทำท่าขนลุกพร้อมกับพยักหน้าไปทางหน้าร้าน ที่ป้าอรแกยืนคุยกับเพื่อนๆ ของแก นี่ก็คงไม่พ้นเรื่องร้านผมอีกนั่นแหละ

“เอ้ากินจะได้พัก ใบปลิวไม่ต้องแจกแล้ว ของกูจะหมดละ” ผมบอกพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกัน นั่งมองลูกค้าที่กำลังทานเย็นตาโฟฝีมือผมด้วยความเอร็ดอร่อย รู้สึกดีอะ ดีมากๆ ...



ผ่านพ้นไปได้หนึ่งวันเล่นเอาผมแทบจะสิ้นแรงดิ้นตาย สองคนนั้นอยู่ช่วยจนผมปิดร้านแล้วก็กลับไปเมื่อตอนทุ่มกว่าๆ มันบอกพรุ่งนี้จะมาช่วยใหม่จนกว่าผมจะหาลูกน้องได้ เกรงใจมันอยู่เหมือนกัน ไหนจะงานที่พวกมันต้องออกไปหาพักหลังๆ มานี่มันมาขลุกอยู่แต่กับผมเสียส่วนใหญ่ นั่งพักจนเหงื่อเริ่มแห้งก็ว่าจะไปอาบน้ำ หันไปมองนาฬิกา สองทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปตลาดแต่เช้าอีก ผมเดินไปที่สวนหลังบ้านจำได้ว่าเอาผ้าไปตากไว้ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เก็บเลย เดินทะลุหลังบ้านไป ข้างรั้วที่ผมขึงลวดกับเสาไม้ไว้ทำราวตากผ้า เสื้อผ้าผมห้อยอยู่หลายตัว แต่มีบางตัวที่มันหายไป เสื้อยืดลายเป็ดสีเหลืองของผม หันไปมองรอบๆ บ้านก็ไม่มี ใครมันกล้าขโมยเสื้อเป็ดของผม!!!

หันไปหันมา สายตาก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง ไอ้คุณปีมันก้มเก็บอะไรสักอย่างที่พื้น พอมันเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ

“เสื้อกู!!! ” คือผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังนะแต่ว่ามันตกใจไง ไอ้คุณปีมันหันมามองหน้าผมนิดๆ แล้วทำหน้าเหมือนเห็นแมลงสาบอยู่ มันโยนเสื้อผมข้ามรั้วมาอัดหน้าผมเต็มๆ

“อย่าเอาของสกปรกมาใส่ไว้บ้านคนอื่น” น้ำเสียงมันนิ่งๆ เรียบเหมือนคนไร้อารมณ์ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังด่าผมอยู่

“ซักแล้วเหอะ ไม่ดมดูมั่งรึไง แล้วอีกอย่าง ผมจะไปรู้ได้ไงว่าเสื้อผมมันไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่ใช่ว่าคุณแอบสอยไปรึไง หึ เห็นแอบมองอยู่ตั้งนาน ชอบผมนะสิ” ครับพูดไปงั้นแหละยั่วโมโหมัน ลำคานสายตาคุณชายของมัน มองจิกเหมือนผมเป็นคนรับใช้บ้านมันอย่างไงอย่างนั้น

“ถ้าเรียนจบมาแล้วสมองคิดได้แค่นั้น แนะนำกลับไปเรียนชั้นปฐมใหม่ เผื่ออะไรๆ จะได้ดีขึ้น” พูดนิ่งแล้วหันหลังเดิน “อ่อ แล้วต่อไปก็ช่วยอย่าส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขา มันน่ารำคาญรู้ไว้ซะด้วย” มันยังมีน่าหันหลังกลับมาด่าผมอีก ด่าที่เรียกว่าผมไม่ได้แทรกเลยให้ตายสิ เลือดขึ้นหน้าเลยครับ หัวไหม้แล้วตอนนี้ ไอ้มนุษย์ปากปีจอ เดี๋ยวเถอะมึง...

ผมส่งสายตาอาฆาตโกรธแรงมาก จนฟ้าร้องเสียงดัง เหมือนในหนัง เพราะอารมณ์ผมของผมมันส่งถึงสภาพอากาศบริเวณนั้นๆ ด้วยถ้าผมเศร้าฝนก็จะตก ถ้าผมโมโหฟ้าก็จะร้องถ้าผมอารมณ์อากาศก็จะดีตาม

“ไอ้คุณปี มึงๆ เจอกูแน่” ผมรีบเก็บผ้าเข้าบ้านไปอาบน้ำให้เย็นลง แล้วคิดแผนเอาคืนไอ้คุณชายหน้านิ่งนั่นทันทีจนหันไปเห็นตุ๊กแกเพื่อนรักที่เกาะอยู่ตรงต้นไม้นอกหน้าต่าง

“หึหึหึ ช่วยพี่หน่อยนะน้อง” ผมจับตุ๊กแกใส่ถุงกระดาษ แล้วยืนอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง แค่นึกว่าอยากไปที่ไหนแล้วเปิดประตูผมก็จะไปอยู่นะที่ๆ แห่งนั้นทันที นึกถึงห้องนอนไอ้คุณปีแล้วเปิดประตูเข้าไป

“เป็นระเบียบชะมัด” ผมอดที่จะแขวะออกมาไม่ได้นอกจากจะหล่อดูดี แถมยังเจ้าระเบียบ ผมมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งโทนขาวดำ ในห้องมีอะไรมาก นอกจากชั้นหนังสือ ทีวี ตู้เย็น แล้วก็โต๊ะทำงาน เตียงคิงไซต์ ผมเดินสำรวจไปทั่ว ห้องของเขามีรูปวาดมากมายตกแต่ง สวยๆ ทั้งนั้นแต่จะสะดุดตาก็คงจะเป็นรูปสีน้ำขนาดใหญ่บนหัวนอน มันเป็นรูปของเขาดูๆ แล้วก็เท่ดี แต่ผมไม่สนใจหรอกหยิบเอาตุ๊กแกในถุงเอาไปวางไว้บนที่นอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้

“ฝากไว้สักคืนนะครับคุณปีแล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเอาคืน ก๊ากกก” หัวเราะไร้เสียงแล้วรีบเปิดประตูกลับมาที่บ้านตัวเอง ยืนรอตรงหน้าต่างฟังเสียงที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น



5 นาทีผ่านไป

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องโหยหวน และหวาดกลัวของบ้านข้างๆ ดังพร้อมกับเพื่อนตีนเหนียวของผม

ตับๆๆๆๆๆๆๆๆ ตั๊บแก ตั๊บแก

“คึคึคึคึ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะลั่นกับผลงานตัวเอง สบายใจละ อาบน้ำนอนดีกว่า





(ปี ทอร์ค)

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมไอ้สัตว์น่ากลัวพวกนี้ถึงมาอยู่ในห้องผม แถมอยู่บนเตียงของผมอีก ผมขยะแขยงสัตว์จำพวกเลื้อยคลาน แต่ที่เกลียดที่สุดคือแมลงสาบ แล้วมัน มันมาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง ไอ้ตุ๊กแกนั่นมันจ้องผมตาเป็นมัน แถมแลบลิ้นเลียอีกให้ตายหัวใจผมหัวลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ขาสั่นไปหมดเมื่อกี้ก็กรี๊ดลั่นจนแต๋วแตก เพราะความตกใจ

“อยู่ตรงนี้นิ่งๆ นะมึงอย่าขยับไปไหน” ผมบอกไอ้สัตว์ตัวร้าย ก่อนจะรีบวิ่งผ่านหน้ามันไปลงไปในครัวหากระป๋องเปล่าๆ กับกระดาษแข็ง ผมกับมันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และมันต้องเป็นฝ่ายไป ก่อนขึ้นบันไดผมเห็นตะกร้าหวายวางไว้เลยไปหยิบมาครอบหัวตัวเองแล้วเดินกลับไปที่ห้อง ไอ้ตุ๊กแกมันฟังคำสั่งผมดีมากมันนอนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผมค่อยๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของมัน ดวงตาของมันหมุนตามผมอย่างช้าๆ

“จะมองทำไมหันไปทางนู้น” ผมว่ามันเสียงดัง ยืนทำใจอยู่พักก่อนจะรวบรวมความกล้า เอากระป๋องครอบมันแล้วใช้กระดาษแข็งซ้อนมันมา ตุ๊กแกมันดิ้น ผมรีบวิ่งไปทางหน้าต่าง โยนทั้งหมดออกไปทางนั้น แล้วยืนหอบหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง

“ก๊ากกกกก สมน้ำหน้า” เสียงหัวเราะสะใจของใครบางดังขึ้นฝั่งตรงข้ามผม หน็อยไอ้เด็กบ้านี่มันคงจะเห็นหมดเลยสินะถึงได้หัวเราะเยาะผมแบบนั้น

ความจริงผมก็ไม่ได้อะไรกับเด็กมันมากนักหรอก แค่เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกขัดลูกตา เป็นผู้ชายประสาอะไร หน้างี้หวานหยด ตาโตเหมือนผู้หญิง ไหนจะปากชมพูเล็กๆ ที่พูดมากจนน่ารำคาญ ยิ่งเวลามันพาเพื่อนมาบ้านนะ อย่าให้พูด เสียงดังโวยวาย ไม่รู้จะยิ้มจะหัวเราะอะไรนักหนา ทำผมเสียสมาธิในการทำงานหมด ผมอยากอยู่เงียบๆ สงบๆ ถึงไปหนีออกมาซื้อบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ แต่เมื่อแปดเดือนก่อน ตั้งแต่ได้หน้าอ่อนนี่มันย้ายเข้ามาใช้รั่วบ้านร่วมกับผมแล้ว ความสงบสุขผมก็หายไปทันที มันเป็นคนที่ทำอะไรเสียงดัง ถมยังซุ่มซ่าม ชอบออกมาแหกปากร้องเพลงข้างๆ บ้านผม มันรู้ไหมว่างานผมมันกองท่วมหัวต้องใช้สมาธิมากมายขนาดไหน ผมต้องมานั่งทนฟังเสียงร้องของมันที่เหมือนหมาฉี่ใส่สังกะสีฟังแล้วปวดหัว อยากจะรู้นักว่าทำไมพ่อแม่มันถึงได้ปล่อยลูกให้มาใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้ ผมส่ายหัวให้กับไอ้หน้าอ่อนที่เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะกระโดดถีบสักที ล้มตัวลงนอนบนที่นอนสะอาดๆ ของตัวเองแล้วหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ ให้มันสงบและเรียกสติกลับมา พรุ่งนี้มีประชุมเช้าผมต้องรีบนอน ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน

(จบพาทคุณปี)





การตื่นเช้าไปตลาดนี่มันเป็นอะไรที่ทรมานร่างกายของผมสุดๆ กว่าจะขุดร่างตัวเองจากที่นอนได้ก็เกือบจะตีห้า น้ำท่าไม่อาบแล้วแค่ล้างหน้าแปรงฟันพอ รีบลงมาด้านล่างคว้ากุญแจรถได้ก็รีบออกจากบ้านถอยรถออกมาทัน ขับไปถึงกลางซอย เห็นเงาตะคุ่มๆ ตัวสูงๆ วิ่งเหยาะๆ อยู่ ในระยะนี้ผมรู้เลยว่าใคร

ปิ้น บีบแตรใส่ จนอีกคนสะดุ้งแล้วก็รีบเร่งรถหนี หันไปมองกระจกหลัง ไอ้คุณปีมันยืนชี้แล้วด่าไล่หลังมา แหม่ ความหล่อนี่ไม่ได้เลี้ยงหมาในปากให้เชื่องเลย ผมหัวเราะขำกับท่าทีของเขา แล้วหันมาสนใจถนนต่อ พอมาถึงตลาดผมก็เลือกซื้อของสด พวกหมู หมึก กุ้งหอย ผักของสดต่างๆ ที่ต้องใช้ ขายวันต่อวันไม่ตุนของ หมดคือหมด เพราะลูกค้าจะได้กินแต่ของที่สดใหม่ทุกวัน กว่าจะซื้อของเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ขับรถกลับมาบ้าน ก็เห็นไอ้คุณชายแต่งตัวหล่อ ออกจากบ้านพอดีเขาใส่สูทเต็มยศในมือมีกระเป๋าเอกสาร มาดเหมือนนักธุรกิจ หล่อเนี๊ยบไปอีก ผมมองตามเขาอย่างไม่รู้ตัว จนรู้สึกว่าเขาก็มองผมตอบเช่นกัน แต่ไม่มองแบบหลงใหลนะ มองแบบ มึงมองเหี้ยอะไร มองแบบหาเรื่อง เขาแสยะยิ้มร้ายๆ มาให้ ก่อนจะใช้สายตาแบบเดิมที่เขาชอบมองผม แล้วขับรถออกไป

สงสัยผมกับเขาคงญาติดีกันไม่ได้แน่ๆ



หลายวันผ่านพ้นไปด้วยดีทั้งรายได้ของร้านแล้วก็ชีวิตผม ตอนนี้ผมหาลูกน้องได้แล้วนะครับเป็นเด็กพม่า หน้าตาดีคนหนึ่งมันชื่อ “ไว” มันพูดไทยได้แต่ฟังคำสั่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องผมไปเจอมันโดนวัยรุ่นไล่ตีมาเลยช่วยไว้ มันบอกว่ามันทำงานอยู่ที่ก่อสร้างไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ทำมาหลายที่หลายงานจนมาเจอกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งแล้วชอบเขาแอบตามเขามา พอจีบได้และกำลังจะไปอยู่ด้วยกัน ผัวผู้หญิงคนนั้นดันมาตามเสียก่อนมันเลยโดนไล่ตีมา ผมสงสารมองๆ แล้วมันน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ให้มันกินอยู่ที่บ้านเลย ค่าแรงก็วันละ สองร้อย ถ้าวันไหนขายดีมีทิปให้ต่างหาก

ไอ้ไวเป็นเด็กขยันครับอายุสิบเก้า สั่งอะไรทำหมด แถมยังเป็นคนซื่อๆ ออกแนวบื้อนิดๆ ผมชอบแกล้งมันครับ แต่ไอ้ที่แกล้งหนักกว่าผมคือเขื่อน รายนั้นเห็นไอ้ไวเป็นไม่ได้ เข้าไปแหย่มันตลอดจนไอ้ไว กลัวที่จะอยู่ใกล้มันไปเลย

“ไว โต๊ะ เจ็ดเอาเสิร์ฟที” ผมส่งชามก๋วยเตี๋ยวให้ไวมันไปเสิร์ฟ

“ครับลูกพี่”

“เออ เสร็จแล้วเก็บโต๊ะ สามด้วยนะ เดี๋ยวกูไปเอาของในบ้านแปป” ผมสั่งมันไว้ ที่จริงมันก็เป็นงานอยู่แหละ แต่มันจะช้านิดๆ ผมเลยต้องกระตุ้นมัน เดินเข้ามาในบ้านหยิบเอาของนิดหน่อยแล้วก็ออกไปหน้าร้านเหมือนเดิม อ่อลืมบอกไปไอ้เขื่อนกับภูมันได้งานแล้วนะครับ เป็นวิศวะกรในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเงินเดือนมันสูงมาก ตามที่มันหวังเอาไว้ พวกมันจะแวะมาหาผมวันเว้นวันถ้าว่างอะนะ

บ่ายสามของก็หมดแล้ว รายได้ก็เป็นที่น่าพอใจคุ้มเหนื่อย ขายตั้งแต่สิบโมง ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยสิแต่มันก็สนุกดี

“ไว ไว เก็บร้านเลย เดี๋ยวพาไปเดินตลาดนัด” ผมบอกกับไวที่กำลังเช็ดพื้นร้านอยู่

“จริงเหรอลูกพี่ ผมกำลังอยากไปพอดี จะไปซื้อของ” ผมพยักหน้าแล้วช่วยมันเก็บร้าน เดินเอาถังใส่เงินไปทำบัญชีที่ศาลาข้างรั้วมุมโปรด วันนี้ขายได้ หกพันหักค่าแรง ทุน แล้วยังเหลืออีกตั้งเยอะผมแยกเงินที่ต้องซื้อวันพรุ่งนี้ไว้ต่างหากแล้วเอากำไรเก็บใส่กล่องจะเอาไปฝากธนาคารตอนออกไปตลาดนัดเปิดท้ายใกล้กับโครงการหมู่บ้าน

“เก็บเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะไว”

“ครับลูกพี่” มันรับคำแล้ววิ่งไปที่ห้องของมันที่อยู่ชั้นล่าง ผมเองก็ขนของขึ้นห้องของผมไปอาบน้ำเหมือนกันเหม็นเหงื่อจะแย่ อาบน้ำแต่งตัวลงมาก็เจอไอ้ไวมันแต่งตัวหล่อประแป้งขาวเต็มหน้า เห็นแล้วก็ปล่อยก๊ากก ออกมา แล้วบอกให้มันไปล้างออก มันตลก

“โห่ พี่ หมดหล่อเลย” มันมองค้อนผมนิดๆ มันเอาส่วนไหนคิดว่าการปะแป้งขาวทั้งหน้าแล้วหล่อ

“ใครบอกมึงแบบนั้นห๊ะ ไอ้ไว”

“พ่อผมที่ย่างกุ้ง” แหม่ มั่นหน้ามากเลยนะมึง

“เหรอ เออ ฝากบอกพ่อมึงด้วยนะว่า อย่าสอนอะไรที่ผิดๆ กับมึงอีก” ผมส่ายหัวไปมากับสีหน้าเหนื่อยใจของมัน “ไปๆ ขึ้นรถ เดี๋ยวพาแว้น”

“ครับๆ” ไวมันเดินไปเปิดประตูรั้ว ผมเดินไปเอา ซูเมอร์ เอ็ก สีเหลืองออกมาแล้วขี่ไปรับไอ้ไวที่ยืนรอปิดประตูอยู่หน้าบ้าน ปิดล็อกเรียบร้อยก็กระโดดซ้อนท้ายทันที ผมพาแว้นไม่นานก็ถึงตลาด

“อยากกินอะไรวันนี้ป๊าเลี้ยงเต็มที่” ผมตบลงที่กระเป๋าสตางค์

“จริงนะพี่ พี่ไม่หักจากค่าแรงผมที่หลังแน่นะ” ผมถามพร้อมกับมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ ไอ้นี่เห็นผมเป็นคนยังไงวะ

“จริงสิวะ เรื่องมาก จ่ายเองนะเว้ย” ผมแกล้งขู่ มันรีบกระโดดเกาะแขนผมทันที เห็นแล้วขำ ผมกับไอ้ไวเดินดุของด้วยความเพลิดเพลิน ตามประสา ซื้อนู้นซื้อนี่ ไอ้ไวมันเดินไปซื้อเสื้อยืดแบบสองตัวร้อยมาใส่ ซึ่งผมก็ออกให้ เห็นว่ามันขยันดีมันยกมือไหว้ผมใหญ่ ผมบอกไม่ต้องไหว้ หรอกแค่นี้เอง นี่ผมซื้อกางเกงยีนให้มันอีกตัวจะได้สลับกับตัวที่มันใส่อยู่เห็นใส่มาสี่วันละ ไม่รุ้ป่านี้ไข่มันเน่ารึยัง เดินจนเมื่อยเลยแวะร้านจิ้มจุ่มร้านดัง นั่งกินจนท้องจะแตก ก็พากันกลับบ้าน ขี่กลับแทบไม่ไหว ไอ้ไวมันอาสาจะขี่ให้ ไอ้ผมก็กลัวเจอด่านเลยไม่อยากเสี่ยง ขี่เองดีกว่า พอขี่มาเรื่อยๆ เห็นรถคันหรูคุ้นตาจอดเสียอยู่ ไอ้ไวมันจำได้

“พี่ๆ นั่นรถคุณปี ที่อยุ่ข้างบ้านเรานี่”

“เอออ แล้วไง ช่างมันดิ” ใครจะสนไอ้มนุษย์น่านิ่งแบบมันกัน

“จอดช่วยเขาไหมพี่ ผม ซ่อมรถเป็นนะ”

“ไม่ กุรีบ”

“โห่พี่น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์อะ มีไหม ช่วยเขาเหอะ” เหอะ...พอดีกูไม่ใช่มนุษย์กูเป็นยักษ์

“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“น่าพี่ ช่วยเขาได้บุญนะ พี่ไม่ชอบเหรอบุญอะ” ไอ้นี่อ้างบุญอ้างบาปใส่กูอีก ผมกลอกตาบน อย่างจำยอม เพราะการช่วยเหลือมนุษย์มันเป็นกุศลอย่างหนึ่งที่ยักษ์พึงกระทำ ขี่เข้ามาใกล้เห็นไอ้คุณปีมันก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ารถ สภาพนี่ดูไม่ได้เลย เสื้อเชิตสีขาวๆ ตอนนี้มีแต่คราบน้ำมัน หน้าหล่อๆ ของมันก็มีแต่เขม่าดำๆ ติดเต็มไปหมด เห็นแล้วก็ขำ ไอ้คุณปีมันหันมามองแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง สงสัยขำดังไปหน่อย คึคึคึ

“คุณปี ผมช่วย ผมซ่อมเป็น” มันชั่งใจอยู่พักแล้วพยักหน้าอนุญาต ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ ใส่มัน เหมือนผู้ชนะ คือมันต้องพึ่งคนของผม พอนึกๆ ดูแล้วก็สะใจดี ผมนั่งดู เด็กพม่ามันซ่อมรถอยู่ที่มอเตอร์ไซของตัวเอง ไอ้ไวมันก้มเงยๆ จับนู้นจับนี่ ถอดอันนั้นอันนี้ เสร็จแล้วมันก็เดินไปสตาร์ทรถ

แกร็กๆๆๆ บลื่นนนน

“ติดแล้ว” ไอ้ไวยิ้มยิงฟันขาวๆ ใส่ไอ้หน้านิ่ง

“ขอบใจมากนะไว อะนี่ค่าตอบแทน” คุณปีส่งแบงก์ห้าร้อยให้ไอไวเป็นค่าตอบแทน

“หูยยยย ใจดีจัง ขอบคุณครับ” ไอ้ไวยกมือไหว้ด้วยความดีใจมันรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าทันที

“เสร็จแล้วก็ไปได้ละ ไอ้ลูกจ้าง แหม่ เห็นเงินเข้าหน่อยลืมนายจ้างอย่างกูเลยนะมึง ไปๆ อยู่แถวนี้แม่งอากาศเป็นพิษ” พูดแล้วจิกตาใส่ไอ้คนตัวสูง มันเองก็ไม่แพ้ผมนะครับ ส่งสายตาจิกๆ ตอบกลับมาด้วย สงสัยอยากนอนกับตุ๊กแกอีก ไอไวเห็นพวกผมพร้อมจะวางมวยกัน มันเลยกระโดดขึ้นรถแล้วเร่งให้ผมกลับทันที

“พี่นี่ก็จ้องแต่จะกัดเค้าเนอะ” มันว่าให้ผมหลังจากขี่เข้ามาในซอยหมู่บ้าน

“ไอ้นี่ ตกลงกูเป็นนายจ้างมึงหรือว่ามันกันแน่ห๊ะ” ผมตวาดใส่

“ก็ต้องพี่ดิ แต่ ผมสงสัยไง เค้าไปทำอะไรให้พี่เหรอ”

“ไม่รู้รู้แต่ว่ากูไม่ชอบขี้หน้ามัน มันหยิ่ง มันขี้เก๊ก ที่สำคัญแมร่งทำตัวลึกลับ”

“ไม่ใช่เขาหล่อกว่าพี่เหรอ รวยกว่า ด้วย” -*- วอนโดนตีนแล้วไหมล่ะ ไอ้พม่า

“ถ้ามึงพูดอีกคำเดียวกูจะขี่มอไซชนเสาไฟฟ้าให้ดู” ผมบิดคันเร่งขู่

“เห้ยพี่ไม่เอา ผมยังไม่ได้เมียไปฝากพ่อกับแม่เลย ไม่เอา” ไอ้ไวมันร้องเสียงหลง ผมหัวเราะเยาะมันออกมา

“ทีหลังมึงอย่าชมมันให้กูได้ยินอีก ไม่งั้นชะตามึงขาดแน่”

“คร๊าบบบ ลูกพี่คร๊าบบบ ไว ขอโทษษษษษษษษ” หึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่ายักษ์อย่างกูก็โหดเป็น



หลังจากขู่ไอ้ไวเรียบร้อยผมก็ใช้ให้มันเอาของเข้าไปเก็บ แล้วเดินมาที่สวน สำรวจดูรอบๆ บ้าน ว่ามีอะไรผิดแปลกไปรึเปล่า เดินไปสักพักเสียงรถของไอ้คนข้างบ้านก็แล่นเข้ามาจอด ผมมองแล้วเบะปากใส่ เหอะ รวยกว่าตรงไหน มาดูเงินในสมุดบัญชีผมไหม เยอะกว่าของมันอีก พูดแล้วก็หมั่นไส้ จับตุ๊กแกโยนใส่แมร่ง - -*












ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 2 24/8/60
«ตอบ #9 เมื่อ24-08-2017 20:18:33 »

คุณปีรำคาญน้องที่เสียงดัง ส่วนเพียวไม่ของมนุษย์หน้านิ่ง ลงตัว ฮ่าๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไป

การ์ตูนน่ารักน่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 2 24/8/60
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-08-2017 20:18:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
«ตอบ #10 เมื่อ27-08-2017 03:37:24 »




อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 3

อสุรา แปล ว่าอสูรที่ไม่กินสุรา ใช่เหรออออออ






วันอาทิตย์ เป็นวันหยุดของร้าน “ยักษ์เย็นตาโฟ” เป็นไงชื่อร้านเก๋ไหม พึ่งตั้งเมื่อ สองวันก่อน นี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว กับการขายก๋วยเตี๋ยว วันหยุดพักผ่อน ผมก็อยากจะพักผ่อน สมองบ้าง อยากปลดปล่อยอารมณ์สุนทรีย์ เลยโทรไปชวนสองหน่อ ไอ้เขื่อนกับภูผา

Rrrrrrrrrr

“โหล ภู เย็นว่างป่าววะ จะชวนไปกินเหล้า” ผมรีบถามทันทีที่มันรับสาย

“อื้อ หือ โทรมาชวนพวกกุแต่หัววันไม่เกรงใจหลวงตากูเลยนะได้เพียว” เสียงขุ่นๆ ของภูผาดังลอดออกมา

“โห่มึงอะ นานๆ ทีเหอะ ตกลงว่าไง ไปป่าว” มันเงียบไปสักพัก

“เออ ไปก็ไป กูก็รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ เหมือนกัน เดี๊ยวชวนไอ้เขื่อนให้” ภูมันตอบกลับมาในที่สุด

“เออๆ ตอนเย็นกูไปรับที่วัดนะ”

“เออ แค่นี้กูกวาดลานวัดอยู่” แหม่ขยันจริงเพื่อนผม หันไปมองนาฬิกา แปดโมงจะเก้าโมงแล้วกับข้าวยังไม่ได้ทำเลย หันไปมองหาลูกน้องสัญชาติพม่าของตัว เห็นหลังไวๆ อยู่หลังบ้าน เดินตามไปดูว่ามันทำอะไร เห็นมันก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงโอ่งรองน้ำฝน

“ทำอะไรไอ้ไว” ผมทักมันหันมามองแล้วยิ้มฟันขาว

“ปลูกผักชีพี่” ครับมันปลูกจริงๆ มันเอาล้อยางนอกเก่าๆ จากไหนไม่รู้มาเอาดินที่ผมใช้ปลูกต้นไม้มาเทใส่จนเต็ม เห็นกองรากผักชีกองไว้ข้างโอ่ง

“ปลูกทำไม ซื้อเอาก็ได้” ผมบอก

“โห่พี่นี่ไม่รู้จักประหยัดเลย เห็นไหมนู้นนะนู้น ดูเขาเป็นตัวอย่างบ้าง” มันชี้ไปที่หลังบ้านของไอ้หน้านิ่งนั่น ตรงกำแพงหลังบ้านของคุณปีมีสวนผักลอยฟ้าอยู่ครับ คือไอ้คุณปีเค้าเอาขวดน้ำอัดลมที่ไม่ใช้แล้วมาทำเป็นกระถางปลูก ห้อยไว้เป็นชั้นๆ มีแต่ผักสลัด ผักไฮโดร ตามประสาคุณชายเค้ากินนั่นแหละครับ พอมองตามนิ้วมันเสร็จก็หันกลับมามองค้อนจิกตาใส่มัน

“นี่!!! เดี๋ยวนี้หัดว่ากูแล้วเหรอห๊ะ” ผมแว๊ดใส่อย่างไม่จริงจังนัก มันกลัวจนหดคอหนี

“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ ใครมันจะไปกล้าว่าพี่กันละ” เมื่อกี้มึงยังหาว่ากูฟุ่มเฟือยอยู่เลย-*-

“เนี้ยะ ผักชีโลละ ร้อย ปลูกเองใช้เอง ปลอดภัยกว่าด้วย” มันว่าพร้อมกับเอารากผักชีฝังดินแล้วรดน้ำ ก็จริงอย่างที่มันว่า ผักชีแพงมากและจำเป็นมากด้วย ผมไม่เถียงที่มันพูดก็เลยปล่อยเลยตามเลยอยากทำอะไรก็ทำ ปล่อยมัน ผมเดินไปที่เครื่องซักผ้า เห็นผ้าอยุ่ในเครื่องพึ่งซักเสร็จพอดี คงเป้นไอไวนั่นแหละที่ซักเอาไว้ ผมเลยหยิบใส่ตะกร้าหวานเอามาตากที่ข้างบ้าน ลืมถามมันเลยว่าจะกินอะไร เลยตะโกนถามมันไป

“ไว ไอ้ไว ข้าวเช้าอยากกินอะไร” ผมตะโกน

“อะไรก็ได้พี่ ที่ไม่ใช่ผัดกะเพราไก่ เบื่อ” มันตะโกนกลับมา แหม่ไอ้นี่มีบนเรื่องกับข้าวอีก

“ผัดพริกแกงหมูสามชั้นละกันนะมึง”

“คร๊าบบบบ” เป็นอันว่ามื้อเช้าคือผัดพริกแกงหมูสามชั้น ผมสะบัดผ้าในมือเอาไม้แขวนใส่แล้วยกขึ้นแขวนกับ ราวลวด เสื้อผ้าของผมทั้งหมด ตากเสร็จก็เอาของไอ้ไวใส่เครื่องแล้วกดซัก ระหว่างรอก็เข้าครัวไปทำกับข้าว รอไวมันทำงานบ้านเสร็จก็จะกินพร้อมกัน



“เออ ไวมึงมีบัตร ต่างด้าวยังวะ” ผมถามมันตอนที่เรากำลังกินข้าวเช้ากันอยู่ ผมมองหน้ามันแล้วหันไปมองจอทีวีต่อ

“......” มันเงียบ

“เอ้า กูถามเนี๋ยะ ได้ยินไหม” มันไม่ตอบแต่กลับเลี่ยงคำถามผม

“ผมปลูก พวกผักสวนครัวอย่างอื่นไว้ด้วยนะ รอมันโต คงประหยัดเงินพี่ได้เยอะ”

“-*- “

“เออพี่ เย็นนี้ผมขอไปหาเพื่อนที่งานก่อสร้างนะ จะไปเก็บของที่ทิ้งไว้ด้วย” จู่ๆ มันก็พูดออกมา เหมือนมันขออนุญาต

“อะ เอ่ออ เอาสิ เย็นนี้กูก็มีนัดเหมือนกัน มึงก็รีบไปรีบกลับมาเฝ้าบ้านด้วยละกัน”

“ครับ”



หลังจากอาหารเช้า ผมกับไวก็แยกกันไปทำภารกิจส่วนตัว ห้องของไว้อยู่ที่ชั้นล่าง ผมขึ้นไปข้างบน เล่นเกม ดูซีรี่ย์ ฆ่าเวลา มื้อเที่ยงกะสั่งพิษซ่ามากินกับไอ้ไว แต่มันบอกมันไม่ค่อยชอบแป้งมันเยอะแล้วก็เลี่ยนด้วย - - สรุปมันเป็นลูกจ้างผมจริงๆ นะเหรอ แหม่สั่งผมหยังกะมันเป็นเจ้านาย เลยต้องเปลี่ยนเมนูกัน เป็นส้มตำร้านป้าเฉื่อย แทน สั่งตอนสิบเอ็ดโมงได้ ได้บ่ายสองเฉื่อยสมชื่อป้าแกจริงๆ แต่รู้อะไรไหม ของป้าแกอร่อยมาก นานแค่ไหนผมก็ทนหิวได้ พอได้เวลาก็ใช้ไอไวมันไปเอา ร่างโปร่งๆ ของมันวิ่งแจ้นออกจากบ้านทันที สงสัยจะหิวจัด ผมเดินไปเอาพวกจานชามไปรอที่ศาลานั่งเล่นข้างบ้าน รอไอ้ไวมา รอไม่ถึงห้านาทีมันก็มาพร้อมกับถุงส้มตำ น้ำตก ต้มแซบ ปลาดุกย่าง ไก่ย่าง มันรีบวิ่งมาที่ ศาลาทันที พวกเรารีบแกะอาหาร พวกนั้นแล้วเทใส่จานทันที แล้วเหมือนปอบลงครับ ผู้ชายกระเพาะยักษ์สองคนกินทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหิวโหย จนสายตาผมไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่มองผมผ่าน ผ้าม่านจากบบนชั้นสอง ผมหันไปสบตาแล้วแสยะยิ้ม ยักคิ้วใส่อย่างไม่ใส่ใจ

นี่คงอิจฉาที่ผมมีชีวิตที่ดีมีเพื่อนคุย หึ สงสัยจะเหงา เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ผมยังไม่เห็นใครมาเยี่ยมหรือ มีเพื่อนมาหาเลยสักครั้ง และจากคำบอกเล่าของป้าอรที่แกลงทุนไปสืบมาให้ ป้าอรแกบอกว่า ไอ้คุณปีอะไรเนี้ยะ เป็นลูกเศรษฐี เป็นผู้ดีมีเงิน โดนไล่ออกจากบ้าน โดนแฟนทิ้ง เลยจิตตก ไม่ยอมพบหรือพูดคุยกับใคร เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน มีส่วนท้ายที่ป้าอรแกบอก เล่นเอาผมขนลุกแปลกๆ เขาบอกว่าคุณปีเป็นฆาตกรโรคจิต

ละสายตาจากใบหน้าหล่อร้ายของเขาแล้วหันมาสนใจไก่ย่างในมือ มันเป็นอะไรที่สุขที่สุดแล้วครับ ยักษ์ชอบเนื้อมากๆ โดยเฉพาะผมที่ฝืนมันทุก กฎเกณฑ์ของบ้าน นั่งกินจนเรอออกมาเสียงดัง

“อุ้ย พี่ทำอะไรน่าเกลียด” ไอ้ไวครับมันว่าผมอีกแล้ว-*-

“เออ น่ามึงจะอายอะไร คนกันเอง”

“เห้อออออ สงสารคนที่จะมาเป็นเมียพี่จริงๆ”

“ไอ้นี่” ผมยกขาขึ้นมาหมายจะถีบมัน แต่มันดันหลบแล้วรีบยกจานเข้าไปเก็บ ไวเป็นลิงจริงๆ นั่งพักท้องได้สักพักหนังตามันก็หย่อน เลยเดินเข้าบ้านไปนอนดีกว่าตื่นมาคงได้เวลาพอดี



16.30น.

ตื่นมาก็เจอไอไวมันแต่งตัวออกข้างนอก ผมเลยให้กุญแจกับมันไว้เผื่อมันกลับมาก่อนผมจะได้เข้าบ้านได้ นี่ผมคงไม่ได้ไว้ใจมันมากเกินไปใช่ไหม แต่ก็ช่างเถอะใครมันจะกล้าขโมยของบ้านยักษ์อย่างผม เดินไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อเตรียมตัวไปรับไอ้คุณเพื่อนทั้งสองที่วัด ผมเคยถามมันนะว่าทำไมไม่ออกมาเช่าบ้านอยู่กันจะไปอยู่วัดทำไม มันตอบกลับมาว่าหลวงตาแก่แล้วไม่มีคนดูแล มันเป็นห่วง

ขับรถมาถึงบริเวณวัด จอดตรงกุฏิหลวงตา แล้วเดินขึ้นไปหา เห็นไอ้สองคนนั้นนั่งพัดวีสนทนาธรรมกับหลวงตา แต่ดูท่ามันจะโดนเทศนาเสียมากกว่า พอหลวงตาเห็นผมก็ส่งสายตาตำหนิมาให้ผมยกมือก้มกราบหลวงตาแล้วคลานไปหาสองคนนั้น

“ไงเราไม่เห็นหน้าคร่าตาเสียนาน บุญจะหนุนนำไหม” หลวงตาหลี่ตามมองผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ครับหลวงตา”

“สุราเมรัยมันเป็นสิ่งไม่ดี ยังจะสุขที่จะเสพมันอีก”

“นานครั้งครับ” ผมส่งสายตาให้พวกมันออกไปกันได้แล้ว หลวงตาแกก็คงจะรู้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ แล้วพยักหน้าให้พวกผมไปได้แล้ว

“อย่าเมาจนขาดสติ”

“ครับหลวงตา” พวกเราประสานเสียงกันตอบแล้วก้มกราบลา ก่อนจะพากันออกจากวัด

ไปถึงร้าน พนักงานก็พาไปยังโซนชั้นสอง โซนที่มีโต๊ะนั่งสบายๆ และคนไม่เยอะ เพราะเป็นชั้นวีไอพีที่ผมโทรจองเอาไว้ สั่งอาหารและเครื่องดื่ม พวกเราดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ทั้งคุยทั้งเต้นลืมอายุไปเลย

“ไอ้เพียววววววว คึคึคึ” เอาแล้วครับไอ้ภูผาเมาแล้วเลื้อยอีกแล้วมันเดินมานั่งซบไหล่ผม แล้วช้อนตาหวานใส่

“อารายยยย มีไรครับคน ฉวยยย”

“สวย บ้านมึง สิกูหล่ออออ”

“หยุดเลยพวกมึง” ไอ้เขื่อนมันดึงไอภูผาออกจากตัวผมแล้วจับให้นั่งดีๆ มีแค่มันที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา ผมนี่เริ่มกึ่มๆ ละ แต่ยังไหว

“น้องเขื่อน รินเหล้าให้พี่หน่อยสิจ้ะ” ผมยืนแก้วเปล่าไปให้มัน มันรับแล้ววางลงที่เดิม

“พอเลย ดึกแล้วเนี้ยะ กลับกันได้ยัง” มันถาม เพราะถ้าปล่อยให้ไอ้ภูเมามากกว่านี้มันถล่มวัดแน่

“เออๆ กลับก็ได้วะ แต่กุขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ปวดฉี่” ผมจะลุกแต่ไอ้ภูมันจับแขนเอาไว้แล้วยิ้มหวาน

“ภูไปด้วยน้า เพียวคนสวยยยย” ผมกลอกตาบนแล้วพยุงมันขึ้น แอบเซนิดๆ ดีที่ไอ้เขื่อนมันจับเอาไว้

“ไปดีๆ นะเว้ย เดี๋ยวกูเรียกเขามาเก็บเงินเลย แล้วอย่าไปหาเรื่องใครนะไอ้ภู”

“ครับพ่อเขื่อน” ไอ้ภูมันรับคำแล้วกอดคอพากันเดิน ไอ้ภูถ้ามันเมามาก ปากมันหมาครับ แถมขี้โวยวายด้วย

กว่าจะเดินมาถึงห้องน้ำ เล่นเอาเหนื่อยกันทั้งคู่ผมรู้สึกปวดท้อง เลยเข้าห้องส้วมทิ้งไอ้ภูให้ยืนรอยู่ด้านนอก

“ภูรอกูแปปนะมึง กูปวดขี้”

“อืออออ” มันยืนเอนไปเอนมาตรงโถฉี่ผมเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“เพียวว ถอดกางเกงให้กูหน่อยสิ” ไอ้ภูมันพูดกับใครวะ

“ปวดฉี่ เพียววว ยืนนิ่งๆ นะภูจะยืนพิง” -*-กูนั่งอึอยู่นี่กูจะยืนนิ่งๆ ได้ยังไง

“หึหึ” เสียงใครวะ เสียงมันหัวเราะออกมา ทำเอาอึผมหด รีบล้างแล้วใส่กางเกงออกไป ก็เจอไอ้ภูยืนยิ้มล้างมืออยู่ที่อ่าง

“ขอบใจจะน้องเพียวคนสวย”

“ภูมึงคุยกับใครวะเมื่อกี้”

“กับมึงไง นี่เห็นของกูแล้วห้ามบอกใครนะมึง และที่สำคัญเอาของมึงออกมาให้กูดูเลย” มันพูดเสียงยานๆ แถมจะถอดกางเกงผมด้วย

“เห้ยภู มึง ไปๆ กลับบ้านผมรีบลากมันออกมาทั้งๆ ที่ตัวเองก็มึนหัวไม่น้อย เดินออกมาก็เจอไอ้เขื่อนยืนรอ มันแบกไอ้ภูกับผมไปที่รถ ไอ้เขื่อนเป็นคนขับกลับ ผมกับไอ้ภูนอนพิงหัวกันอยู่เบาะหลัง ไม่ไหวครับมึนหัวสุดๆ

“ถึงแล้วเพียว” เสียงแว่วของเพื่อนรักดังมาแต่ไกล แรงสะกิดที่ไหล่ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ไอ้เขื่อนมันเปิดประตูรถอีกฝั่งแล้วลากไอ้ภูลงมา

“มึงรีบเข้าบ้านนะเพียวรถแท็กซี่กูมาแล้ว” มันบอกผมยืนพิงประตูรถเอาไว้แล้วโบกมือให้มัน

“อึก อืออ มึงรีบพามันกลับไปเหอะ บ้านกุอยู่ตรงนี้ไม่ต้องห่วง” ผมบอกมัน ไอ้เขื่อนพยักหน้าแล้วลากไอ้ภูขึ้นรถแท็กซี่ออกไป ผมเดินไปที่ประตูแล้วกดกริ่งหน้าบ้าน เรียกไอ้ไวให้ออกมาเปิดประตูให้

ติ้งหน่องๆๆๆๆๆๆ กดมันรัวๆ เพราะผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว

“ไว ไอ้ไวเว้ยย” ทำไมมันไม่ออกมาสักทีวะ ผมเริ่มจะหงุดหงิด ยืนก็แทบจะไม่อยู่ เลยเอาตัวพิงประตูรั้วไว้

“อึก...ไม่ไหวแล้วนะเว้ยย ถ้ามึงไม่ออกมา กูอ้วกแน่” ตาลายไปหมดแล้วครับ



แกรกกกก

“ทำไมช้านักวะ อุก กูโคตรจะไม่ไหวเลย” ผมรู้สึกว่าประตูมันเปิดออก แล้วก็เห็นว่ามีคนยืนอยู่ คงเป็นไอ้ไว ผมเห็นไม่ชัด มือผมคว้าไหล่มันแล้วล้มตัวลงซบกับอกมันทันทีไม่ไหวครับโลกมันเอง

“.....”

“พากูเข้าบ้านหน่อย แมร่งหมุนไปหมดเลยหัวกูเนี้ยะ” ผมบอกเสียงอ้อแอ้

“....” วันนี้มันมาแปลกครับไม่บ่นผมเป็นแม่เหมือนทุกที กลิ่นน้ำหอมมันก็แปลกๆ ปรกติได้กลิ่นแต่แป้งทานาคา ไม่รู้แหละสงสัยมันคงไปหาสาวมามั้ง

“ไว อึก...กูอยากอ้วกอะ พาไปอ้วกหน่อยนะ” มันไม่ตอบครับ ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมัน แล้วตัวผมก็ลอยหวือ ขึ้นจากพื้นรู้ตัวอีกทีหน้าก็จุ่ม ลงกับโถส้วมแล้ว มันกดหัวผมลงไปในชักโครก เหมือนแค้นผมเลย แต่เวลานี้ไม่มีเวลาเงยหน้ามาด่ามันหรอกครับ ผมรีบเอาไอ้ของที่ค้างคาในกระเพาะออกมาจนหมด โล่งเลย

แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรงไปเสียดื้อๆ อยากนอน นอนตรงนี้ได้ไหม

“ไว....กูง่วง กูนอนนะ ขอบใจมึงมาก” ครอกฟี้





(คุณปีพาท)

ติ้งหน่องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงกดออดแบบรัวๆ ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านงานอยู่บนโต๊ะทำงาน เล่นเอาผมสะดุ้ง ผมลุกออกจากโต๊ะเพื่อจะไปดูว่าใครมาหาดึกดื่นป่านนี้แถมไม่มีมารยาทกดอ่อนบ้านคนอื่นเสียงดัง กดทีเดียวก็รู้แล้วว่ามาหา บ้านไม่มีออกรึไงก็ไม่รู้เดินหัวเสียออกมาที่ประตูหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงโวยวายเรียกชื่อไอ้เด็กคนใช้บ้านข้างๆ เสียงเหมือนคนเมา อีกต่างหาก พอผมเปิดประตูรั้ว ร่างร่างหนึ่งก็ล้มลงมาปะทะกับอกของผม ผมรีบจับร่างนั้นไว้ก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้น กลิ่นเหล้านี่หึ่งเลย



“ทำไมช้านักวะ อุก กูโคตรจะไม่ไหวเลย” เสียงหวานๆ ของมันบ่นแล้วช้อนตาขึ้นมามองผม

“....”

“พากูเข้าบ้านหน่อย แมร่งหมุนไปหมดเลยหัวกูเนี้ยะ” มันพูดอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันไม่ยอมปล่อยผม เกาะแน่นเป็นลูกลิงเลย ไม่ว่าผมจะพยายามแกะมันออกสักเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นผล ผมเลย เลยตามเลยลากคนเมาเข้ามาในบ้าน เสียงมันอ้อแอ้น่าถีบมาก ยิ่งเห็นยิ่งหมันไส้

“ไว อึก...กูอยากอ้วกอะ พาไปอ้วกหน่อยนะ” มันทำเสียงอ้อน พร้อมกับเกาะแขนผมไว้แน่นทำท่าจะอ้วกใส่ ผมเลยรีบอุ้มมันแล้วพาไปที่ห้องน้ำจับหัวมันยัดใส่ชักโครกด้วยความหมั่นไส้ กดมันไว้ไม่ยอมให้มันเงยหน้าขึ้นมา ดมอึดมฉี่กูให้ชุ่มปอด หึหึ หอมไหมล่ะมึง มันโก่งคออ้วกออกมาจนหมด ผมเลยเอาที่สายยางฉีดตูดฉีดน้ำล้างปากให้มัน จมูกก็แดง ปากก็แดง ตัวก็เล็ก ผู้ชายรึเปล่าวะผมได้แต่ถามในใจ

“ไว....กูง่วง กูนอนนะ ขอบใจมึงมาก” ครอกฟี้แล้วมันก็หลับไปจริงๆ ครับหลับคาชักโครกเลย ผมได้แต่ยืนเสยผมด้วยความหงุดหงิดใจ จะเอายังไงกับมันดีวะ ตัดสินใจอุ้มมันออกมาจากห้องน้ำแล้วเอาไปวางไว้ที่โซฟา ให้มันนอนตรงนี้แหละ เช้าค่อยเรียกไอ้ไวมันมาเก็บศพเจ้านายมัน หันหลังให้คนเมาแล้วกลับไปนั่งทำงานต่อ ทำได้พักเดียว ก็เกิดเรื่องเลยครับ

โครมมมม

“โอ๊ยยยเสียงมันร้องลั่นผมรีบวางงานที่ใกล้จะเสร็จแล้วเดินออกไปดูเห็นมันนอกลิ้งอยู่หน้าห้องน้ำ เสื้อผ้าเปียกหมดกางเกงก็ไม่ใส่ ผมนี่ยืนอึ้งเหมือนโดนค้อนทุบหัว ทำไมเจอมันทีไรมีแต่เรื่องทุกที

“ทำบ้าอะไรของมึงวะ” ผมอดไม่ได้ที่จะเอ็ดใส่มัน มันหันมายิ้มหวานให้

“อึก...ร้อน อยากอาบน้ำ อึก..ไว ช่วยหน่อย” เห็นสภาพแล้วอยากเอาไปโยนทิ้งนอกบ้าน น้ำมันเลอะพื้นด้านนอกเต็มไปหมด หงุดหงิดชะมัดเลย มันยื่นมือทั้งสองข้างมาให้ผม เหมือนอยากให้ช่วย ผมเดินอ้อมไปด้านหลังพยุงให้มันลุกขึ้น แต่กับคนเมาที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่มันเอนไปเอนมาจนผมเกือบจะล้มไปด้วย

“อยู่นิ่งๆ สิวะ”

“เร็วๆ สิร้อนจะตายอยู่แล้ว” มันพูด

“ก็บอกให้อยู่นิ่งๆ ผมพยายามจะถอดเสื้อผ้ามันออกแต่มันก็ดิ้นไปมา แถมพื้นก็ลื่น ผมเลยช้อนตัวมันอุ้มขึ้นไปข้างบน พาไปห้องนอน ที่ห้องน้ำมันกว้างแล้วมีอ่างอาบน้ำ ผมโยนมันลงอ่าง แบบไม่ถนอมเลย เหนื่อยกับไอ้หน้าอ่อนนี่สุดๆ

“เจ็บ อึก เบาๆ สิ” มันไม่ลืมตามามองเลยนะครับว่าใครที่ช่วยมันอยู่

“ถอดเสื้อ”

“ถอดให้หน่อย” -*-อดท นไว้ ปีมงคล มึงห้ามน็อตหลุดกับไอ้เด็กบ้านี่เด็ดขาด ไอ้เพียวมันยกแขนขึ้นสุดเพื่อที่ผมจะได้ถอดเสื้อให้มัน

“กางเกงด้วย” จะถอดหมดก็กะไร แค่นี้ก็ทุเรศสายตาพอแล้ว ผมมองร่างกายที่เหลือแต่ชั้นในของไอ้เด็กนี้แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ผิวขาวๆ ของมันนุ่มและลื่นมือมาก ผิวเหมือนเด็กทารกเลย มันนั่งขัดสมาธิแล้วมองหน้าผม

“อาบสิ” มีสั่งผมอีกไอ้เด็กบ้านี่ ผมยกมือจะตบกะโหลกมันแต่ก็ต้องชะงักกับสายตาอ้อนๆ ของมัน

ตึกตักๆ จู่ๆ ใจก็เต้นแรงสะงั้น ปากสีสดนั่นคลี่ยิ้มออกมานิดๆ

“อาบให้เพียวหน่อยน้า” อ้อน อ้อนมาก อ้อนตีนกูมากเลย เวรเอ้ย ผมทนไม่ไหวครับ อยากจะจับมันกดน้ำให้มันตายๆ ไปซะรำคาน ผม รีบๆ อาบให้มันเสร็จๆ จับมันห่อผ้าเช็ดตัวแล้วอุ้มออกมาจากห้องน้ำ วางมันลงตรงตู้เสื้อผ้า มันเอนไปเอนมาเหมือนคนที่น้ำในหูไม่เท่ากัน มือก็ต้องคอยจับมันไว้ไม่ให้มันล้มเอาหน้าฟาดพื้นอีกมือก็ควานหาชุดนอนตัวเก่าที่ใส่ไม่ได้แล้วออกมา นานหน่อยเพราะหาไม่ถนัด หันมาอีกทีมันก็ยืนถอดกางเกงใน ม้วนเป็นเลขแปดอยู่ที่พื้น ไร้ซึ่งยางอาย แถมยังส่งยิ้มหวานมาให้

“มันชื้นไม่ชอบเดี๋ยวไข่เหม็นอับ”

“ไอ้...” ผมหมดคำพูดที่จะด่ามันแล้วครับจับเสื้อยัดใส่ตัวมันทันที แค่เสื้อผมก็คลุมเลยเข่ามันแล้ว ให้ตายจะตัวเล็กไปไหน พอแต่ตัวเสร็จมันก็คลานขึ้นที่นอนผม

“ขอบใจมึงมากนะไว เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะให้เงินพิเศษมึง ลงไปนอนได้แล้วไปดึกมากแล้ว” มันเอ่ยปากไล่เจ้าของบ้านอย่างผมให้ไปนอนข้างล่าง เยี่ยม มึงจะปีนเกลียวไปไหน ผมยืนเท้าเองมองคนที่หลับแล้วกรนออกมาเบาๆ ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไร กันวะ อยากจะตะโกนแล้วด่ามันแรงๆ แต่พอนึกถีงเวลามันอ้อนทำไมผมถึงได้ใจอ่อน ทำไมผมถึงไปใจดีกับมันทั้งๆ ที่ทันไม่จำเป็นเลยสักนิด

บอกได้คำเดียวเลยตอนนี้ คือหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองสุดๆ ไปเลยตอนนี้ เดินกระแทกตัวออกมาจากห้องนอนตัวเอง ลงมาเก็บซากที่มันทำเละไว้ หันไปมองนาฬิกา ตีสองกว่าแล้ว ผมคงต้องนอนบ้าง คืนนี้จะไปนอนไหน ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันยึดเตียงผมไปแล้ว จะไปนอนกับมันก็ทำใจยากอยู่กลัวอดใจไม่ไหว ฆ่ามันตายเสียก่อน



สภาพหลังสู้กับคนเมา



สภาพคนเมา




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2017 22:32:43 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
«ตอบ #11 เมื่อ27-08-2017 07:29:38 »

โถถถถ คุณปีคนดี...ย์ ถ้าน้องยักษ์ตื่นมาต้องอาละวาดแน่เลยอะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
«ตอบ #12 เมื่อ27-08-2017 11:58:22 »

เห็นหมดเลย ตื่นมาจะเป็นยังไงเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
«ตอบ #13 เมื่อ27-08-2017 12:48:47 »

เอาละสิ เพียวเมา เข้าบ้านผิด
อ้อนปีอีกด้วย ให้ปีถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้ อะจ๊ากกกกก
นอนบ้านเขา ยึดเตียงเขาอีก
ตื่นมาจะเป็นไงนะ
จะอาละวาดรึเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
«ตอบ #14 เมื่อ30-08-2017 08:47:53 »



อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 4

แบบนี้ก็ได้เหรออออออ


“โอยยย ปวดหัวนี่มันกี่โมงแล้วเนี้ย” ผมคลำหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา แปดโมงกว่า ฉิบหายแล้วคราวนี้ ตื่นเลยครับจากอาการแฮ้งค์เมื่อสักครู่ ตลาดไปไม่ทันแล้ว ผมลุกจากที่นอนแล้วพุ่งพรวดเข้าห้องน้ำทันที ยิ่งรีบก็ยิ่งรน จนจับอะไรไม่ถูกมันอยู่ผิดที่ไปหมด

ซ่า....

เฮือกกกก ตกใจหมด

จู่ๆ ก็มีเสียงน้ำไหลดังมาจากหลังม่านกันน้ำและมีเงาของผู้ชายตัวใหญ่ยืนอาบน้ำอยู่ ผมรีบหันไปมองทันที ใครมันมาใช้ห้องน้ำของผม ไวเท่าความคิดมือผมเอื้อมไปตวัดผ้าม่านออกทันที และสิ่งที่เห็น

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“เชี้ยยย”

ผมร้องว๊ากกด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะคนที่ยืนอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ แต่เป็น มันไอ้นั่น ไอ้งูนั่นมันกำลังตั้งชี้หน้าผมแล้วผู้ชายคนนั้นที่หัวมีแต่ฟองสบู่หันมาทางผม มันเข้ามาอยู่ที่ห้องผมได้ยังไง มันๆ เข้ามาตอนไหน ไอ้คุณปีมันรีบปิดม่านทันที

“ออกไปรอข้างนอก” มันบอกเสียงนิ่งๆ ผมกวาดสายตามองรอบๆ มันไม่คุ้นตาผมเลยสักนิด และพอผมดึงสติกลับมาได้

“ไม่ใช่ห้องกูนี่หว่า” ผมอุทานออกไป

“ก็ใช่นะสินี่มันบ้านกู” เท่านั้นแหละผมแทบจะร้องกรี๊ดออกมาอีกรอบ รีบวิ่งออกมาก่อนที่ไอ้คุณปีจะก้าวออกจากอ่างน้ำในห้องน้ำ ผมเปิดวาปมาที่ห้องของตัวเองทันที เอาหลังยืนพิงประตูไว้แล้วจับหัวใจตัวเอง ให้มันสงบลง จะใจเต้นอะไรนักกับอิแค่ผู้ชายแก้ผ้าให้ดู ผมตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมาขามันสั่นไปหมด

ปังๆๆๆๆๆ

“พี่เพียว พี่ ตื่นยังวู้ว เรียกนานแล้วนะเนี้ย ไม่เปิดผมโทรเรียกกู้ภัยแล้วนา” เสียงใสๆ ของไวมันตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้องพร้อมกับทุบประตูเสียงดัง และเสียงมันนั่นแหละที่เรียกให้ผมตั้งสติได้ ผมรีบเปิดประตูออกไป

“กูยังไม่ตาย มึงจะเรียกพี่ปอเค้ามาลำบากทำไม” พอมันเห็นผมมันก็ทำหน้าตกใจใส่

“พี่เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดๆ ตื่นๆ” ไอ้ไวมันจ้องหน้าผม ผมรีบหลบแล้วปิดประตูอัดใส่หน้ามัน

“พี่วันนี้ไม่เปิดร้านรึไง” มันตะโกนถามจากด้านนอก

“ไม่ขาย... มึงไปเขียนป้ายติดไว้ว่าหยุด1วัน ยักษ์ไม่สบาย”

“เอางั้นเหรอพี่” มันถามด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจ

“เออ ไปสิวะ”

“ว่าแต่พี่ไม่เป็นไรแน่นะ”

“สบายดี กูสบายมาก แค่ตกใจอะไรนิดหน่อย” ช่วงท้ายผมเบาลง

“พี่....มีไรบอกผมได้นะ”

“อืม” แล้วมันก็เงียบหายไป ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน นึกทบทวนว่าตัวเองไปอยู่บ้านนั้นไปยังไง

“ไปอยู่บ้านเขาได้ยังไงวะไอเพียว” ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น อยากจะร้องไห้ เอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไปมา ผมว่าผมไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วค่อยมานั่งคิดดีกว่า

“เมา เขื่อนพากลับบ้าน กด ออดเรียกไอ้ไว ไอ้ไว ไอ้ไว” พอทบทวนบางอย่างได้ผมก็รีบวิ่งลงไปด้านล่าง ลงไปก็เจอไอ้ไวมันเดินสวนกลับเข้ามาตรงสวนหน้าบ้านพอดี ผมรีบจับมันไว้

“มีอะๆ ไรรึเปล่าพี่” มันทำหน้างงๆ

“มีแล้วมึงก็ต้องตอบกูมาให้ห้ามโกหก”

“อ่า..ครับๆ”

“เมื่อ คืน กูกด ออดเรียกมึงใช่ไหม”

“เปล่า เมื่อคืนพี่ไม่ได้กลับเข้ามาในบ้าน มีแต่รถจอดอยู่” มันตอบออก คำตอบของมันเล่นเอาผมช็อก

“เมื่อคืนมึงไม่ได้ออกมารับกูที่หน้าบ้านใช่ไหม” มันส่ายหน้าไปมา แล้วมองผมด้วยแววตาซื่อๆ

“ผมจะไปรู้ได้ไงว่าพี่กลับมาบ้านตอนไหน เมื่อคืนผมหลับสบายมาก” มันยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปทิ้งผมไว้ข้างหลัง

“ไม่จริง ไม่จริง” ผมได้แต่พูดคำนั้นซ้ำๆ วนไปวนมา เดินถอยหลังอย่างช้า แล้วหนังม้วนเมื่อคืนมันก็ฉายซ้ำในมโนภาพของผม

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมกรี๊ดลั่นจนไอ้ไวตกใจ แต่ที่มันช็อกมากกว่ารู้ความจริงคือไอ้คุณปีมันยืนมองผมจากหน้าบ้านของมัน แล้วแสยะยิ้มร้ายๆ พร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนมาให้

(“หึหึ”) ผมได้ยินเสียมันหัวเราะเยาะผมด้วย ผมรีบหันหลังแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน อับอายขายขี้หน้าให้ตายเถอะ มันเห็นของผมหมดทุกอย่าง ทุกอย่างเลยแน่ๆ เมื่อเช้ารู้สึกว่าช่วงล่างมันเย็นๆ ด้วย หรือว่า เมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ ก.ก.น นอน.... เหี้ยหนักกว่าเดิมอีก มันเห็นหมดเลยยยยย ฮรือออออ ยักษ์อยากตาย

วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่นั่งมึน งานการไม่ทำปล่อยให้ไอ้ไวเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้งงานบ้าน ทั้งมื้ออาหาร ส่วนผมนั่งตาลอยอยู่ตรงศาลา..ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อคืน มันเสียหน้าและผมก็ทำใจไม่ได้ นั่งจนเด็กพม่ามันเอาข้าวมาให้ที่ศาลา

“ผมว่าพี่อาการหนักนะเนี้ยะ”

“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบมันเสียงเหนื่อยๆ

“แล้วเมื่อคืนพี่ไปนอนที่ไหนมา” มันจะมาถามจี้ใจดำผมทำไมวะT^T

“ก็ ก็...” ยังไม่ทันจะตอบเสียงกดออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมกลืนคำตอบนั่นลงคอ แล้วหันไปบอกให้ไวมันไปดู มันวิ่งไปที่หน้าบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับผู้ชายที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากที่สุดในตอนนี้

“หึหึ” หัวเราะเสียงเย็นๆ แบบนี้อีกแล้วผมไม่ชอบเลยผมตวัดสายตาไม่พอใจไปให้เขา

“พี่คุณปีเขามาหาอะ” เออกูรู้แล้วไม่ต้องมาย้ำ ผมหันไปตวัดสายตาดุๆ ใส่ไอ้เด็กพม่า

“ไว ทีหลังมึงอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาบ้านกูอีก” ไอ้ไวดูจะตกใจที่ผมพูดแบบนั้น ไม่เว้นแม้แต่เขา

“อะ เอ่ออ คุณปีเขาไม่ใช่คนแปลกหน้านะพี่” ยัง ยังจะปกป้องมันอีก ไอ้คุณปีมันหันไปยิ้มหวานให้ไอ้ไว

“แปลกหน้าสำหรับกู”

“แต่ กูคิดว่าไม่นะในเมื่อ เราต่างคนต่างเห็น...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบผมก็กระโจนเอามือไปอุดปากเขา ไอ้ไวมันทำหน้างง มันมองผมกับคุณปีสลับกันไปมา

“เห็นอะไรพี่” ขี้เสือกอีกแล้ว

“ไม่มีอะไรมึงมีอะไรก็ไปทำไป” คุณปีแกะมือผมออกจากปากเขาได้ในทันที

“เห็น” แหนะไอ้นี่นิยังจะมาพูดอีก

“คุณปี!!! หุบปากเลยนะไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือนคุณไม่ได้” ผมยกนิ้วขึ้นชี้ขู่เขา ไอ้ไวรู้รู้โลกรู้ขอบอกเลย ถ้าไอ้เขื่อนกับไอ้ภูมันรู้มันล้อผมยันลูกบวชแน่

“เก่งจริงตัวแค่นี้” เขาเน้นคำว่าแค่นี้แล้วมองต่ำลงไป เขายืนกอดอกมองผม

“ไวมึงมีอะไรก็ไปทำปะ เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง” ผมพูดกับไวแต่ตาผมยังจ้องหน้าเขาไม่วาง

“ครับๆ” แล้วไวมันก็เดินออกไป เหลือแค่ผมกับเขา เราจ้องหน้ากันนิดๆ แต่ดูเหมือนไอ้หน้านิ่งเขาจะรู้สึกชอบใจที่ยั่วโมโหผมได้มากกว่า

“มาทำไม” ผมเปิดประเด็น

“เอาเสื้อผ้ามาคืน ความจริงก็ไม่ได้อยากจะเข้ามานักหรอกนะ” เขาโยนถุงเสื้อผ้าลงที่พื้น

“แล้วเข้ามาทำไมมิทราบ”

“ก็แค่อยากจะมาดูอะไรนิดหน่อยให้มันแน่ใจ หึหึ”

“ดูอะไรของมึง” เขาไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแสยะยิ้มกวนๆ ผมรีบยกมือขึ้นปิดตัวเอง

“เหอะดูทำเข้า เห็นกูเป็นคนโรคจิตรึไง ไม่ได้พิศวาสเลย ไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด แต่จะว่าไป...” เขาเว้นช่วงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมชนิดที่ผมเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาใกล้ๆ จมูกโด่งเหมือนสันเขา หน้าเนียนใสไร้ริ้วรอย ไหนจะดวงตารีๆ เหมือนเหยี่ยวนั่นอีก ใกล้กันจนปลายจมูกแตะกัน ใจผมมันเต้นระรัว อย่างห้ามไม่อยู่

“อะ..อะไร”

“ผิวมึงก็ลื่นมือกูดีเหมือนกัน อันนั้นก็เล็กดูกระจุ่มกระจิ๊มดี น่ารักๆ” นี่มันล้อเลียนผมชัดๆ จากที่ใจเต้นแรงเพราะความหล่อ ตอนนี้ใจมันเต้นแรงเพราะหมาในปากเขามากกว่า

“เหอะ ของตัวเองดีตายแหละ ขนาดอยุ่ตรงหน้ายังมองไม่เห็นไปตีบไว้ตรงไหน หึหึ ตูดก็ยาน เชอะ” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ไอ้คุณปีนั่นหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูแถมยังทำหน้าโหดใส่ผมอีก ใครจะกลัว นี่มันเขตบ้านผม อาณาเขตยักษ์ใครก็ทำอะไรผมไม่ได้ทั้งนั้น

“หึหึ แน่ใจว่ามองไม่เห็นแล้วเมื่อเช้าวิ่งหนีทำไม อายละสิที่ของของ มึงเล็กกว่าของกู” เขาพูดเสียงดัง นี่กะเอาให้ป้าอรได้ยินใช่ไหม

“จะเสียงดังทำไมวะ” ผมเอ็ด

“ก็มันเรื่องจริงเรื่องจริง แล้วเรื่องเมื่อคืนคุณจะรับผิดชอบยังไง เล่นบ้านผมเละไปหมด แถมยังอ่อยผมด้วย” ผมขี้เกียจจะเถียงกับเขาแล้วยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเอง ผมต้องจัดการเรื่องนี้

“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ แล้วเรื่องเมื่อคืนถือสะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น คุณเห็นของผม ผมเห็นของคุณ ถือว่าเจ้ากัน ที่สำคัญผมเมา ผมไม่ได้ตั้งใจไปบ้านคุณสักหน่อย และอีกอย่างนะไม่ได้อ่อยคุณอย่าเข้าใจผิด คุณนะไม่ใช้สเป็กผมสักนิด คุณไม่มีทางได้เห็นขนไข่ผมหรอก แล้วอีกอย่างนะ ผมเมาเข้าใจตรงกันนะ แค่นี้จบ!!!! ” ผมพูดแบบไม่ต้องหายใจกลัวเขาจะเถียงแทรกขึ้นมาอีก

“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ นี่มาทำให้ผมลำบาก ขอบคุณสักคำก็ไม่มี บ้าป่าววะ”

“เออ แบบนี้แหละ หมดธุระแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว นู้นประตูเชิญ” ผมไล่เขาทันที เสียงสูดหายใจลึกๆ ของเขาดังขึ้น ใบหน้าโกรธจัด แต่เขาก็ไม่ได้ไม่ต่อล้อต่อเถียงทำแค่เพียงยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แล้วเดินหันหลังให้ก่อนจะหยุดตรงหน้าประตู หันมามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เล็กไปหมด แถมสมองยังเล็กตามไปอีก” พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนผมสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอมันยังใช้สายตามาหยามผมอีก

“ไอ้ ไอ้ ไอ้” อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองไอ้คุณปีมันหัวเราะเยาะผมด้วยความสะใจ

“ของกูไม่เล็กนะเว้ย” ผมตะโกนออกไป ก็มันไม่เล็กจริงๆ นี่

ผมตื่นไปตลาดแต่เช้าวันนี้ต้องเปิดร้านแล้ว ผมพ่วงไวมันมาด้วย ซื้อของสดเสร็จก็พามันไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยแล้วพากันกลับบ้าน เตรียมเปิดร้าน สิบโมงทุกอย่างก็พร้อมขาย ตลอดวันมีลูกค้าแวะมาไม่ขาดสาย ยิ่งช่วงเที่ยงลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ ผมยืนลวดเส้นใส่ชามได้คล่องขึ้น ทำอะไรได้เร็วขึ้นไวเองก็เช่นกัน ผมสร้างเพจร้านขึ้นมาและอัพรูปลง แนะนำลูกค้าให้กดไลค์กดแชร์จะรับส่วนลด ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่อยากจะคุยซักเท่าไหร่นะครับ ตอนนี้ผมฮอตมาก มีคนขอผมถ่ายรูปเยอะเลย ไอ้ไวก็โดนแต่มันหนีไปหลังร้านทุกครั้งที่มีคนขอถ่ายรูปกับมัน ไม่รู้จะอายอะไร จะได้ช่วยกันโปรโมทร้านด้วย

บ่ายสามโมงของก็หมดได้เวลาปิดร้าน ช่วยกันเก็บจนเสร็จจะได้พักแล้วออกไปหาอะไรกิน เอาเงินวันนี้ไปเข้าธนาคารด้วย ผมกำลังจะยกหม้อก๋วยเตี๋ยวออกจากเคาน์เตอร์ ไวมันล้างจานอยู่หลังร้าน ผมเอาหม้อไปให้มันล้าง แล้วกลับมาจัดการส่วนที่เหลือ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จไวๆ

หลังจากเก็บร้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินที่ตลาด แว้นไปเหมือนเคย ระหว่างทางไอ้เขื่อนโทรมาบอกจะแวะมาหาที่บ้าน เป็นอันว่าต้องซื้อกับข้าวเข้าไปแทน มีหลายอย่างทั้งผัดเผ็ดหมูป่า ยำหอยแครง ต้มจืดสาหร่าย ไวมันอยากกินต้มเล้งเลยแวะร้านเจ้าอร่อยซื้อให้มัน แวะร้านขนมหวานซื้อมาอีกสี่ห้าอย่างเอาไว้ล้างปาก กลับมาถึงบ้านก็เจอไอ้เพื่อนตัวแสบยืนรออยู่ที่ประตูรั้ว แต่ทำไมมันมาคนเดียว แต่ไอ้ไวครับพอจอดรถแล้วเห็นเพื่อนผมปุ๊ปมันก็หลบที่หลังผมทันทีไม่รู้จะกลัวอะไรไอ้เขื่อนมันนัก

“ไอ้ภูไปไหน ทำไมไม่มาด้วย” เพื่อนตัวสูงผมยักไหล่ให้

“ไม่รู้ช่วงนี้ทำตัวดูมีลับลมคมใน หายออกจากวัดบ่อยๆ” เขื่อนบอกเสียงหน่ายๆ แล้วหันไปจ้องคนที่อยู่ด้านหลังผม มันยกยิ้มร้ายๆ ใส่

“มึงลูกน้องกู เว้นไว้สักคน ประสาทมันจะเสียแล้วนั่น”

“กูก็ไม่ได้ทำอะไรมันนี่”

“ไปๆ เข้าบ้าน จะได้กินข้าว” ผมผลักไอ้เพื่อนตัวโตให้เดินเข้าไปในบ้าน และช่วยกันไปเอาจานชามออกมากินข้าวกันที่สวนข้างบ้าน มันมีโต๊ะที่เหมาะสำหรับทานมื้อค่ำหรือปาร์ตี้ ฟ้ามืดแล้วผมเลยเปิดไฟสวยๆ ในสวนให้มันสว่างขึ้นมา

กินไปคุยไป ไวมันเงียบตลอดไม่ช่างจ้อเหมือนที่เคย จนผมผิดสังเกต มันแอบชำเลืองมองไอ้เขื่อนตลอด ไอ้เขื่อนเองก็ไม่แพ้มัน จ้องลูกน้องกูอยู่นั่นแหละ

“มึงจะจ้องมันทำไมไอ้เขื่อน จะจ้องจนมันท้องเลยรึไง” ผมเอ็ดใส่มันหันมายิ้ม

“ก็อยากจะจ้องจนท้องอยู่เหมือนกัน” ไอ้ไวสะดุ้งนิดๆ แถมหน้ามันยังแดงๆ เหมือนเขินอะไรสักอย่าง นี่ผมพลาดอะไรไปไหม ผมมองหน้าพวกมัน

“หึหึ กูแกล้งมันเล่นมึงก็คิดมากไปได้” ในเมื่อมันบอกแบบนั้นผมก็ทำใจยอมเชื่อมันก็ได้ แต่อย่าให้จับได้แบบคาหนังคาเขานะ พ่อจะจับแหกอกทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องเลย

คุยได้สักพักก็ได้ยินเสียงของหล่นดังตุบเหมือนของหนักๆ หล่นอยู่ข้างบ้าน เป็นไอ้ไวที่พุ่งก่อนคนแรกเห็นมันขาสั้นๆ มันนี่ไวกว่าใครเลย

“พี่ปี!!! ” เสียงหวานๆ ของมันร้องลั่น มันยิ่งทำให้ผมเร่งฝีเท้าไปหาพวกเขา

“ตัวเล็ก” คุณปีเรียกใครว่าตัวเล็ก - -*

พอเดินไปถึงก็เห็นไอ้คุณปีนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น รอบๆ ตัวมีเศษกิ่งไม้ที่พึ่งหักลงมา เขามองพวกผมนิดๆ

“คุณปี คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” เป็นไอ้เขื่อนที่ถามด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจมากๆ

“...” เขาไม่ตอบแต่พยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ดูท่าจะไม่ไหว

“สงสัยข้อเท้าจะเคล็ดเดินไหวไหมครับคุณปี”เขื่อนมันพยุงคุณปีขึ้นมา

“ผมไม่เป็นไรคุณธันวา โอ้ยย” แค่ก้าวขาลงน้ำหนักก็ร้องออกมา

“เหอะ ปากเก่งจริงๆ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิจะฝืนทำไม” ผมพูดลอยๆ ออกมา แอบชำเลืองมองมันนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นห่วงนะสมน้ำหน้ามากกว่า

“ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ” ไอ้เขื่อนออกความคิดเห็น ดูจากอาการแล้วคงไม่พ้นขาหัก

“ไปหาหมอเหอะครับพี่ปี” ไอ้ไวนี้มันชักจะยังไง ห่วงออกนอกหน้าเหลือเกิน คุณปีพยักหน้านิดๆ คงทนเสียงรบเร้าไม่ไหว

“เพียวไปเอารถออกไป กูจะพาคุณปีเขาไปโรงพยาบาล”

“เอ้า แล้วทำไมต้องรถกูละ รถเขาก็มี” เรื่องอะไรต้องมาใช้รถผมด้วย

“อย่าเรื่องมาก เร็วดิวะ” มันเร่ง ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้คนตัวสูงทีทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำตัวเองเจ็บตัวแล้วยังมาเดือดร้อนคนอื่นอีก ไอ้มนุษย์เจ้าปัญหา ผมเชิดหน้าสะบัดบ๊อบใส่แล้วเดินไปเอารถยนต์ของตัวเองออกมาจอดรอที่หน้าบ้าน เขื่อนมันพยุงตัวคุณปีมานั่งที่เบาะหลังจะได้ยืดขา

“มึงไปกับคุณปีนะ เดี๋ยวกุต้องไปหาไอ้ภูมันก่อน มันเป็นห่าอะไรไม่รู้ มันโทรมาแล้วร้องไห้ใส่ บอกว่าอยู่ที่สะพานพระราม8 กูเป็นห่วงมันมึงช่วยคุณปีเค้าหน่อยนะมึง” มันขอร้อง

“แล้วทำไมมึงต้องเป็นห่วงเค้าขนาดนั้นวะ”

“คุณปีเป็นเจ้านายกู”

“!!!!! ”ตกใจสิครับ ไอ้คุณปีมันมาเป็นเจ้านายเพื่อนผมได้ยังไง

“รู้แล้วก็ดูแลเขาให้ดีด้วยละ”ไอ้เขื่อนมันสั่งเสียงเข้ม นี่กลัวว่าผมจะซ้ำเขารึไงก็ไม่รู้

“ไวเฝ้าบ้านนะเดี๋ยวพี่มา”ผมบอก ไอ้ไวมันยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่ประตูหลังแล้วมองคนบนรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักจนไอ้คุณปีมันพูดปลอบนั่นแหละ

“พี่ไม่เป็นไรหรอกเข้าบ้านเถอะ” มันยิ้มอ่อนๆ ส่งไปให้ไอ้ไว ยิ้มที่ดุเป็นผู้ชายแสนดี แสนอบอุ่น เหอะ กะจะเต๊าะลูกน้องกูอีกคนละสิ ฝันไปเถอะ ไอ้เด็กนี่มันยิ่งซื่อๆอยู่เดี๋ยวจะโดนหลอกฟันฟรี ไม่ได้ๆ

“ไวเข้าบ้าน” ผมสั่งเสียงเข้ม มันทำท่าจะรอจนกว่าผมจะออกไป ผมเลยใช้สายตากดดันมันจนมันเดินเข้าบ้านปิดประตูรั้วเรียบร้อย ส่วนไอ้เขื่อนโบกแท็กซี่หายไปแล้ว ไอ้ภูมันไปเจออะไรมาวะถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น แถมยังไปอยู่ที่แม่น้ำอีก ไม่ใช่มันจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหรอกเหรอวะ

เราเงียบกันมาตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล มันเป็นอะไรที่ผิดปรกติมาก ที่พวกเราไม่ต่อล้อต่อเถียงกัน มาถึงผมก้เรียกบุรุษพยาบาลมาช่วย จนเข้าห้องฉุกเฉินไป ออกมาอีกทีที่ขาไอ้คุณปีก็ใส่เฝือกอ่อนออกมา นี่ถึงขั้นขาหักเลยเหลือ

“ญาติคุณปีมงคลรึเปล่าคะ” เสียงคุณพยาบาลถามขณะที่เดินเข็นรถวีลแชล์คุณปีออกมา

“ผมเป็นเพื่อนบ้านเขาครับ”

“เชิญรับยาและจ่ายเงินด้านนี้เลยค่ะ” -*- อ่าวแล้วทำไมกูต้องมาเสียตังให้มันอีกวะเนียะเดินตามพยาบาลไปแบบงงๆ จู่ๆ ก็เสียเงินซะงั้น พอรับยาฟังหมออธิบายเรื่องการดูแลคนป่วยจ่ายตังแล้วก็เดินออกมาหาคนขาหักที่ตอนนี้กำลังใช้ไม้พยุงตัวเองลุกขึ้นจากรถเข็น ด้วยท่าทีสบายๆ

“ซุ่มซ่ามแล้วยังจะมาทำให้คนอื่นเขาลำบากอีก”มองค้อนนิดๆ  แล้วก็แขวะมันครับเอาให้หนังหลุดไปเลยเลย

“ที่พูดมานี่ ย้อนดูตัวเองแล้วรึยัง” ไอ้คุณปีใช้น้ำเสียงนิ่งๆแล้วมองมาที่ผม (แหนะมียอกย้อนกูอีก เดี๋ยวเตะตัดขาซะเลยนี่)

“อ๋อออ จะทวงบุญคุณ”ผมทำเสียงกวนๆกลับยืนกอดอกจ้องตาเขาบ้าง

“เหอะคิดได้แค่นั้น ก็ตามใจ” ก่อนที่จะเขาเดินเลี่ยงผมออกไป แล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูหมายจะขึ้นแต่ทำไม่ได้ เขาหันมามองผมเหมือนใช้สายตาเรียกให้ไปหา

“อวดเก่งดีนักทำไมไม่ขึ้นเองละ”อดไม่ได้ที่จะว่า เขาจิกตาใส่

“พูดมากมาช่วยหน่อย” ด้วยความที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขาเลยลีลานิดๆเดินช้าๆมองนู้นมองนี่ไป

“เร็วสิวะ”เขาเร่งสีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่คงจะเจ็บ

“เอ่อรู้แล้วละน่า ตัวหยั่งกับควายใครเขาจะยกไหววะ” ผมบ่นขณะที่ช่วยพยุงคนตัวโตขึ้นเบาะหลัง แต่ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าผมหลายเท่า ในจังหวะที่ดันตัวมันขึ้นเบาะมันดันทิ้งน้ำหนักตัวลงไปผมเลยลอยหวือ ตามลงไปด้วย ไอ้บ้านี่ หน้าผมกระแทกเข้ากับหน้าอกแข็งๆ ของมันแถมตัวผมยังทับตัวมันไว้อีก

ผมเงยหน้าขึ้นในจังหวะเดียวกับมันที่ก้มหน้ามา กำลังจะอ้าปากด่า แต่ว่า

จุ๊บ *0*

ปากเราแตะกันด้วยความบังเอิญ สมองผมมันหยุดทำงานไปชั่วขณะ ส่วนไอ้คุณปีมันก็ตะลึงตาค้าง ทั้งผมทั้งมันค้างกันอยู่อย่างนั้น พอได้สติมันก็รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตที่ตัว เราเด้งออกจากกันในทันที ผมยกมือขึ้นแตะปากตัวเองแล้วมองหน้ามัน ด้วยความช็อก พอคิดได้ก็รีบเอามือถูปากตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

“ยี้ แหวะ ไอ้คุณปี ไอ้...” ผมอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก

“อะ..อะไร อย่าทำเป็นรังเกียจหน่อยเลย กูมากกว่าที่ต้องทำแบบนั้น สกปรก แหวะจูบกับแมลงสาบ ยี้” มันสะดิ้ง เล่นใหญ่กว่าผมจนไปไม่เป็น ผมทั้งมองค้อน จิกตา ด่าทางสายตา ส่งไปให้ มันยังไม่สะทกสะท้าน แถมยังมีหน้ามาสั่งผมอีก

 -*-

“ยะ ..ยืนบื้ออยู่ทำไม ขึ้นรถสิวะจะได้กลับบ้านสักที จะกลับไปแปรงฟัน” -////- พูดแล้วทำไมต้องหน้าแดงใส่ เหอะเขินกูก็บอกมาเหอะไอ้หน้านิ่ง พอเห็นริ้วแดงๆ บนหน้ามันก็นึกสนุกขึ้นมา อิท่าทางแบบนี้จูบแรกแน่ๆ

“เออออ...ก็จะกลับไปแปรงเหมือนกัน” ว่ากระแทกใส่แล้วขึ้นประจำที่คนขับไอ้คุณปีเขาก็จัดท่านั่งตัวเองดีๆ แล้วทำเก๊กมองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับเสียงฟึดฟัดใส่ อ่อนด๋อยบอกเลยไอ้ท่าทีแบบนี้ เข้าทางผมครับขอบอก เดี๋ยวพี่ยักจะเล่นให้อ่อนระทวยไม่กล้าหือกับพี่อีก ผมมองกระจกหลัง เห็นมันนั่งหน้าแดงแล้วยกยิ้มร้าย

เสร็จยักษ์แน่มึง

+++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่นะคะ แฮะๆ

+++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่นะคะ แฮะๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2017 22:34:06 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
«ตอบ #15 เมื่อ30-08-2017 10:51:43 »

น่าสงสัย คุณปี ทำอะไรถึงตกลงมาในบ้านเพียว  :katai1:

ปี ไม่สงสัยเหรอ ว่าเพียวออกจากบ้านตัวเองยังไง
กลอนประตูยังสอดขวางจากข้างใน
หรือเป็นแบบกดล็อกเฉยๆ

ว่าแต่เขื่อนทำไมไม่เคยบอกเพียวว่าเจ้านายตัวเองคือคุณปี
เรื่องนี้ไม่เห็นจะทำเฉยๆเลย

แล้วภู มีลับลมคมในอะไร แถมร้องไห้อีก แปลกๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
«ตอบ #16 เมื่อ31-08-2017 08:25:22 »

ชักอยากเผือกเรื่องของเพื่อนๆยักษ์กับไวเสียแล้วสิ

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3




อสุรา ล่ารัก

ตอนที่ 5 มันไม่ตลกเลยสักนิด



.......อาการใจเต้นแรงแบบนี้มันคืออะไร ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ทุกๆ ครั้งที่ต้องสบตากับเขาใจผมมันจะสั่น และเต้นแรงอย่างสาเหตุไม่ได้ อย่างเช่นตอนนี้.........มันไม่ตลกเลยสักนิด

เวรัมย์..





หลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมให้ไวมันพาคุณปีไปส่งที่บ้านของเขา ส่วนตัวเองก็กลับเข้าบ้านตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก เพราะฉะนั้นผมจะเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับคุณปีเสียที เรื่องที่เราเอาปากชนกันมันแค่บังเอิญและเป็นอุบัติเหตุ และมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมทั้งนั้น เขาไม่ใช่จูบแรกของผมด้วยซ้ำทำไมผมต้องเอาสมองอันชาญฉลาดของผมไปคิดเรื่องบ้าๆ พวกนั้นด้วย



12.30น

“ไวโต๊ะห้า กับโต๊ะแปด เอาน้ำเสิร์ฟโต๊ะ สี่ด้วย” ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน จนผมหัวหมุนไปหมด ไม่อยากจะเชื่อว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ที่เปิดอยู่ในหมู่บ้านของผมมันจะขายดีแบบเทน้ำเทท่าขนาดนี้ สงสัยต้องจ้างคนมาเพิ่มแล้วมั้งแบบนี้ พอลูกค้าเริ่มซาในช่วงบ่ายพวกผมก็เลยได้พักบ้าง ผมยืนพิงเคาน์เตอร์ หลังร้านพักเหนื่อย ยืนซับเหงื่อที่ไหลออกมาพลางมองไปรอบๆ ร้านจนมาสะดุดกับไอ้เด็กพม่าหน้าตาดี

“พี่เพียว ผมขอไปดูคุณปีได้ไหม” มันยืนอยู่ตรงหน้าผมและกำลังถอดผ้ากันเปื้อนที่มีโลโก้ของร้านออก

“ไปเพื่อ” ผมถามมันกลับ มันช้อนดวงตาน่าสงสารของมันมองมาที่ผม

“คือพี่ปีเขาอยู่คนเดียว แล้วเขาก็ขาหัก ผมว่าเราควรที่จะมีน้ำใจเพื่อนบ้านบ้าง” ผมหรี่ตาจับผิดมันทันที อะไรจะห่วงไอ้คนข้างบ้านปานนั้นขนาดผมที่เป็นเจ้านายมัน มันยังไม่ห่วงเท่าไอ้คุณปีเลย

“ไม่ใช่หลงรักเขาแล้วเรอะ” ผมแกล้งถาม มันรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธทันที

“ไม่ ไม่ พี่ พอดีว่าคุณปีเขาใจดีกับผมมากเลย เขาซื้อขนมมาฝากผมบ่อยๆ ด้วย” มันรีบตอบกลัวผมจะเข้าใจผิด

“เหรอกูไม่เห็นรู้” มันอึกอักเหมือนคนมีความลับ มันส่งยิ้มแหย่ๆ มาให้ผม แบบนี้มันน่าสงสัย

“ก็พี่กับเค้าไม่ค่อยจะลงลอยกันสักเท่าไหร่” มันตอบออกมาใช่ผมกับมันไม่ค่อยจะถูกกัน เหม็นขี้หน้ากันมากด้วย พูดเลย

“ก็จริงของมึง เห้ออเบื่อจะพูดกับมึงละ จะไปก็ไป รีบไปรีบกลับด้วยละ” เป็นคำสั่งกลายๆ หวังว่ามันคงจะเข้าใจ

“คะ...ครับ” พอผมอนุญาตมันก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที ไม่ได้เกรงใจเจ้านายอย่างกูเลย ระหว่างที่ว่างผมก็เก็บนู้นเก็บนี่ไปเรื่อย จนไปเจอเข้ากับป้ายที่ผมเคยบอกให้มันเขียนเมื่อตอนนั้น ตอนที่ผมเมาแล้วเข้าบ้านผิด ป้ายกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของไอ้ไว มันเขียนภาษาไทยเป็นด้วยเหรอผมตั้งคำถามกับตัวเอง แถมมันยังลายมือสวยมากๆ ด้วย ผมค่อยๆ ว่างแผ่นป้ายนั้นลงที่เดิม

เก็บความสงสัยเอาไว้ ผมนึกขึ้นได้ว่าเราต้องการพนักงานเพิ่ม ดังนั้นผมจึงต้องเขียนป้ายประกาศรับพนักงาน1ตำแหน่งพร้อมกับคุณสมบัติอีกนิดหน่อย เห้อขอให้ได้พนักงานไวๆ ผมกับไอ้ไวจะตายเอา เหนื่อยขาลากทุกวัน เอาป้ายไปติดหน้าร้าน ไวมันก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาพอดี มันชะงักกับป้ายรับสมัคพนักงาน

“พี่จะรับคนเพิ่มเหรอ ดีๆ” มันยิ้มดีใจแล้วเดินเข้าไปในร้าน

“มึงอ่านออกด้วยเหรอไว” ผมถามมันไปอย่างนั้น

“อะ..เอ่ออ ผมเดาเอานะพี่ เห็นเลขหนึ่งเลยคิดว่ารับสมัคคนงาน ผมเห็นป้ายพวกนี้บ่อยๆ แฟนผมมันเคยสอนไว้” มันตอบแล้วรีบเดินเข้าไปหลังบ้าน เออ พม่าอ่าน เขียนภาษาไทยได้ด้วยเยี่ยมเลย ผมมองตามหลังเล็กๆ ของมันด้วยความสงสัย มันกลับออกมาพร้อมกับข้าวต้มที่ผมทำไว้เมื่อเช้า

“เอาไปไหน” ผมยกมือขวางมันเอาไว้

“พี่ปีไม่สบาย” มันตอบเสียงอ่อย แล้วมองชามข้าวที่ตัวเองถืออยู่

“เหรอ งั้นส่งมันมานี่เดี๋ยวกุจะไปทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีเอง มึงเฝ้าร้านไว้” ผมแย่งชามข้าวต้มจากมือมันถือไว้ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ หึหึหึ คุณชายหน้านิ่งไม่สบายเหรอ สงสัยต้องไปเยี่ยมสักหน่อยแล้ว

“พี่เพียวยิ้มน่ากลัวอะ ผมว่าผมเอาไปให้พี่ปีเองดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปทำอะไรพี่ปีเอา” ไวมันไม่ไว้ใจผม ผมตีหน้ายุ่งใส่มัน

“เออ น่า กูไปเอง ไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีไว้ไง มึงอยากให้กูญาติดีกับไอ้คุณปีไม่ใช่เหรอ นี่ไงกูกำลังจะไปสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น” ผมรีบเดินออกมาจากร้าน เดินไปยังบ้านของเขาทันที เปิดประตูเข้ามาก็ไม่เจอใคร ผมปิดประตูแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

“ตัวเล็กมาแล้วเหรอ มาช่วยพี่หน่อยสิ” เสียงมันดังมาจากห้องน้ำ ผมรีบวางชามข้าวที่ถือมาลงกับโต๊ะรับแขกแล้วเดินไปตามเสียงนั่น แผ่นหลังกว้างยืนเอียงพิงกับผนังห้องน้ำ มือหนึ่งถือไม้ค้ำยันไว้อีกมือก็พยายามจะปลดตะขอกางเกง ผมยืนมองเขาแต่ยังไม่เข้าไปช่วย

“ยืนมองทำไมครับ อายเหรอ” เขาพูดกับผมด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มและแหบนิดๆ นี่คงคิดว่าผมเป็นไอ้ไวสิท่าผมไม่หลงเสน่ห์ไอ้คุณปีง่ายๆ หรอก เชอะ

“ไวรัล พี่ปวดฉี่ เร็วสิครับ” ทำไมพอฟังเสียงเขาแล้วขาผมได้ขยับไปเอง

“.....” ผมไม่พูดแต่กลับเดินไปซ้อนหลังเขาแล้วค่อยๆ ปลดตะขอกางเกงให้เขา โดยที่ใบหน้าผมแนบชิดกับแผ่นหลังกว้างๆ นั่น ผมได้กลิ่น กลิ่นกายของเขามันหอมมากยั่วน้ำลายยักษ์อย่างผมมาก -*- ผมซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาอยู่อย่างนั้น มันอบอุ่น เสียงลมหายใจเขา กลิ่นของเขา เหมือนมนต์สะกด นี่มันอะไรกัน ทำไมผมถึงได้ทำตัวแปลกประหลาดแบบนี้นะ

“หึหึหึ หลังกูมันน่าซบมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เปลี่ยนจากน้ำเสียงนุ่มๆ เป็นเสียงเข้มๆ เล่นเอาผมสะดุ้งแล้วรีบถอยห่างออกมาทันที หน้าผมร้อนเพราะรู้สึกอาย สติผมกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าผมเผลอไปกับแผ่นหลังนั่นนานเท่าไหร่ แต่ว่ามันทำให้ผมต้องขายหน้าอีกแล้ว ให้ตายเหอะ ผมสบตากับเขาใบหน้าหล่อของเขา ไอ้คุณปียกยิ้มร้ายๆ มาให้

“ใครบอก แค่จะมาดูเท่านั้นแหละว่าตายรึยัง” ผมเดินหนีออกมาจากห้องน้ำในขณะที่เขากำลังพยายามใส่กางเกงกลับเข้าที่เดิมแต่มันคงจะยากเกินไป เลยได้แค่รูดซิปขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว ขอบกางกางมันหมิ่นเหม่มาก จะหลุดไม่หลุดแหล่ เขาเดินตามผมออกมาแล้วก็พ่นประโยคยอกย้อนผม

“เหรอ พอดีกูหนังเหนียวยังไม่ตายง่ายๆ หรอก” เหอะ!!! กลอกตาบนใส่แล้วเดินสำรวจบ้านเขาไปเรื่อยจะเรียกว่ากลบเกลื่อนความอายก็ได้ ไอ้คุณปีพาร่างตัวเองมานั่งที่โซฟาแล้วยกขาพาดกับเก้าอี้ตัวเล็กๆ

“นี่ถามจริงเข้ามาบ้านคนอื่นแล้วมาเดินสำรวจแบบนี้ ที่บ้านไม่ได้สอนมารยาทมารึไง” ผมหันกลับมามองเขาแล้วยักไหล่ใส่ ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ บ้านเขาตกแต่งด้วยสไตล์เรโทร มีแต่ของเก่าๆ เท่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของในยุค80 มีสีขาวดำเป็นสีพื้นตัดกับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ เกือบทั้งหมด ต่างจากบ้านผมที่ออกแนวร่วมสมัย อยู่กับเรื่องเก่าๆ แล้วมันชวนให้รู้สึกเหงา

“ไวมันฝากเอาข้าวมาให้” ผมชี้ไปที่ชามข้าวที่วางเอาไว้หลังจากสำรวจจนพอใจ เขามองตาม ผมแอบร่ายมนตร์นิดหน่อยใส่ชามข้าวต้ม

“เหรอ” เขายกชามนั้นขึ้นมาดม ก่อนจะใช้ช้อนตักขึ้นมาชิม



พรวดดดดดด

“ทำไมมันเค็มแบบนี้ละ” เขาพ่นเอาข้าวต้มแสนอร่อยของผมออกมาเต็มพื้น พร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย สีหน้าเขาดูตลกชะมัด

“คิคิคิคิ กินให้อร่อยนะครับคุณชาย” พูดจบก็เดินลั่นลาออกมาไม่ทันได้ฟังคำด่าที่เขาพ่นใส่ไล่หลังมาสักคำ

“ไอ้เด็กบ้าที่แกล้งกันเหรอ อ๊ากกก อย่าให้ลุกไปได้นะพ่อจะจับทุ่มลงบ่อปลาเลยคอยดู” นี่คงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่ๆ เดินยิ้มกลับมา ไวมันมองหน้าผมนิดๆ อย่างจับผิด

“พี่ไปแกล้งพี่ปีอีกแล้วใช่ไหม” กลับมาก็เจอไอ้ไวยืนรออยู่ แหม่ห่วงกันจริงๆ เลยนะ

“เป๊ลานี่ ใครจะไปบ้าแกล้งคนป่วย มึงอะคิดมาก” คึคึคึ ผมเดินผ่านหน้าไอ้ไวไปอย่างไม่สนใจ เดินไปดูหม้อและเช็กของที่ขาดจะได้ซื้อตอนเช้า

ปิดร้านก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเจอกันตอนเย็นทีเดียว ขึ้นมาอาบน้ำเปิดคอมเล่นเกม เช็กแฟนเพจ มีคนมากดถูกใจเพียบเลย แถมยังคอมเม้นท์ชมว่าก๋วยเตี๋ยวผมอร่อย อีกด้วย คึคึ นั่งดูนู่นดูนี่ไปสักพักก็เริ่มง่วง ผมเลยปิดคอมแล้วล้มตัวนอนบนที่นอน นอนได้สักพัก ไวมันก็เดินขึ้นมาเคาะห้อง ผมงัวเงียตื่นไปเปิดประตูเห็นมันอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนจะออกไปข้างนอก

“มีไรวะ” ผมถามแล้วยกมือขึ้นมาปิดปากหาว กลัวกลิ่นปากผมจะลอยไปกระแทกหน้ามัน

“คือผมจะออกไปข้างนอกได้ไหมพี่ ไปหาเพื่อนแปปเดียว” มันขอผมออกไปหาเพื่อน

“เออ ไปเหอะแล้วจะกลับมาแดกข้าวเย็นไหม”

“คงไม่พี่ แต่ว่าผมจะรีบกลับมา ระหว่างที่ผมออกไปผมวานพี่ไปดูพี่ปีให้ผมหน่อยได้ไหมพี่” -*-ผมมองหน้ามันนิ่งๆ

“ทำไมกูต้องไปดูมันอีกวะ” เริ่มจะอารมณ์เสียนิดๆ ละ

“น่า นะพี่ พี่ปีเขาเดินเหินไม่ถนัด พี่ก็รู้”

“เออ กุรู้ แต่ที่กูอยากรู้ ว่าทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ ทำตัวเองขาหักเอง แถมยังทำกิ่งมะม่วงกูหักอีกมันใช่เรื่องไหม” ผมดุมัน ไอ้ไวหน้าสลดลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันล้มเลิกความตั้งใจ

“นะพี่ ผมเป็นห่วงพี่ปี ที่สำคัญเพราะผมพี่ปีถึงได้ตกต้นไม้” หืมหมายความว่ายังไง ผมรอให้มันพูดต่อ

“คือ ผมบ่นว่าอยากกินมะม่วง พี่ปีเลยจะสอยมะม่วงให้”

“เหอะ ซื้อกินเอาก็ได้ อยากกินก็บอกสิ” มันก้มหน้าลง มองพื้นทันทีที่ผมดุ

“ขอโทษครับ” มันพูดออกมาในที่สุด ไวมันเป็นเด็กซื่อๆ แถมหน้าตาน่ารัก ถ้ามันไม่ตัวสูงกว่าผมนิดหน่อยอะนะ

“เห้ออ ช่างเหอะจะไปก็ไปเดี๋ยวกูไปดูคุณชายเขาให้เอง” บอกอย่างนั้นแหละครับให้มันสบายใจ ไอ้ไวมันยกมือไหว้ผมแล้วเดินลงไปด้านล่าง มันดูรีบๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกเดินเข้าห้องมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปที่ครัวทำมื้อเย็นง่ายๆ อย่างข้าวผัดไข่ลาวากับซุปมิโซะที่ผมซื้อมิโซะซุปสำเร็จเอาไว้แค่เอามันไปละลายน้ำแล้วต้มให้เดือดใส่เต้าหู้ลงไปก็กินไปแล้ว ตักข้าวใส่จานแล้วเอามานั่งกินหน้าทีวี ดูรายการทำอาหารไปซดน้ำซุปไป เห้ออ อะไรมันจะสุขได้เท่านี้กันละครับ กินเสร็จก็เอาจานไปเก็บ มองในกระทะยังเหลือข้าวอยู่ข้างๆ กันมีหม้อซุปสาหร่ายวางไว้ มองมันแล้วลังเลอยู่พัก

“แล้ว ทำไมต้องไปคิดถึงมันด้วยวะ” ผมตักข้าวใส่กล่องกับซุปใส่ถุงร้อนเตรียมไว้ก่อนจะถืออาหารทั้งหมดออกจากเดินตรงไปยังบ้านของไอ้คุณปี กดออดสักพัก เจ้าของบ้านก็เดินโดยมีไม้ค้ำพยุงตัวเอาไว้ออกมา ไอ้คุณปีมันมองผมค้อนๆ แล้วเดินมาหาที่ประตูรั้ว หน้าบอกบุญไม่รับสักนิด สงสัยคงจะยังเคืองเรื่องเมื่อบ่ายอยู่แน่ๆ แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็น



“ทำมาเผื่อ” ยื่นถุงอาหารไปให้

“ไม่ได้ขอ” เขาตอบกลับมาเสียงห้วน -*-คนเข้าอุตส่าห์นึกถึงไอ้บ้านี่

“นี่ คนเค้าทำมาให้ก็รับๆ ไปสิ” ผมยัดถุงอาหารที่เตรียมใส่มือเขา

“ก็บอกว่าไม่ได้ขอไงละ เอากลับไป” เขาผลักของในมือกลับมาให้ผม แล้วเดินหนีเข้าบ้าน

“นี่ จะหนีไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ” ผมไม่ยอมหรอกเสียเวลาเดินมาแล้วผมไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่

“ก็บอกว่าไม่กินๆ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอไง” เขาหันมาตะคอกใส่ผม ใบหน้าหล่อดูโกรธจัด

“แล้วทำไมต้องตะคอก” ผมว่ากลับ เปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้ามาในเขตบ้านของเขา

“ก็คนอย่างมึงมันพูดไม่รู้เรื่องไง” เขาหันมาบีบต้นแขนผมอย่างแรง มันเจ็บนะ เพราะผมไม่ทันได้ระวังตัว

“พูดไม่รู้เรื่องยังไงไม่ทราบ”

“เถียงกูฉอดๆ นี่ไง” เขาตะคอกใส่อีก

“ปล่อยนะมันเจ็บ” ผมพยายามจะดึงแขนตัวเองออก แต่แรงเขาเยอะมากจะทำแรงๆ ก็ไม่ได้เดี๋ยวจะทำให้ไอ้คุณปีเขาเจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีก ผมเลยได้แต่ขืนตัวเองไว้

“สำออย” เขาด่าแล้วยอมปล่อยมือจากต้นแขนผม มันขึ้นริ้วแดงๆ เป็นรอยนิ้วมือของเขาชัดมาก หันไปมองหน้าเขา ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะมาด่าแรงได้ ผมเลยจิกตาใส่ อยากจะสาปเขาให้เป็นมดแดงแล้วจับมาบี้จริงๆ

“ไวมันบอกให้ผมมาดูคุณ ที่มาเพราะน้องมันขอร้องหรอก รับปากมันแล้วก็ต้องทำ ไม่ได้อยากจะมาเลยสักนิด ไม่ชอบเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านดุเหมือนหมา แถมปากยังหมาอีก” ผมโยนถุงใส่อาหารให้เขา ดีที่เขารับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันคงลงไปนอนที่พื้น พอเขารับถุงนั่นผมก็เดินออกมาจากบ้านเขาทันที ไม่อยากอยู่นาน ไม่ชอบเดี๋ยวจะฆ่าคนตายเอา บาปผมอีก เดินกลับมาด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว มันรู้สึกน้อยใจ กับคำพูดของเขา ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตั้งแง่รังเกียจผมขนาดนั้น จะโกรธเรื่องข้าวเมื่อบ่ายก็ดูจะเด็กน้อยเกินไปไหม ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธเขามากๆ เลยทำไมคนหน้าตาดีถึงได้ใจร้ายนักก็ไม่รู้...



คุณปี พาร์ท

เมื่อตอนกลางวัน ไอ้เด็กนั่นมันทำผมไว้แสบมา มันข้าวต้มเกลือ ย้ำว่าเกลือทั้งถุงมาให้ผมกิน คนยิ่งหิวๆ เจอแบบนั้นเข้าไปยิ่งโมโห มันแกล้งผมชัดๆ ยอมรับเลยว่าโกรธและโมโหที่มันมาลูบคมผมแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามันอายุน้อยกว่าผมมาก ผม สามสิบสองแล้วนะ มันไม่น่าจะเกิน ยี่สิบห้า แต่มันมาทำปีนเกลียวกับผมแบบนี้ บอกเลยไม่ชอบสุดๆ ทำไมมันไม่เอาอย่างเพื่อนมัน นายธันวา รายนั้นดูจะมีสำมาคารวะมากกว่าแถมยังตั้งใจทำงานอีก ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเจอธันวาที่นี่เหมือนกัน โลกมันกลมที่พนักงานในบริษัทเป็นเพื่อนกับไอ้แมลงสาบเพียวนั่น ไอ้เด็กบ้านั่นมันชอบทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนที่ไร้น้ำใจสุดๆ และเป็นเด็กที่ผมควรจะอยู่ห่างๆ เข้าไว้ ถ้าไม่ติดว่าไวรัลอยู่บ้านนั้นนะ ผมไม่มีทางจะเข้าไปเหยียบหรือยุ่งอะไรกับมันโดยเด็ดขาด คุณคงอยากรู้ละสิว่าไวรัลเกี่ยวอะไรกับผม ผมยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของผมกับไวรัลต้องเก็บเป็นความลับ ให้ใครรู้ไม่ได้

หลังจากที่อดมื้อกลางวันไปผมก็ต้องกัดฟันทนกินมาม่าคัพไป ขาเจ็บแบบนี้ทำอะไรไม่ถนัดหรอกครับแม้กระทั่งอาบน้ำ นี่ยังคิดอยู่เลยว่าจะอาบน้ำยังไงถ้าไม่มีคนช่วย ไวรัลเองก็ใช่จะว่างมาช่วยผมได้ตลอด เพื่อนผมก็ไม่ค่อยจะมี เพราะผมเป็นคนโลกแคบครับ ชอบอยู่กับตัวเองมากกว่าจะอยู่รวมกับคนหมู่มากๆ มันน่ารำคาญ เสียงดังวุ่นวายผมนอนเล่นบนโซฟา ไปเรื่อยๆ จนเผลอหลับไป ตื่นมาก็ฟ้ามืดแล้ว ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านดัง เดินทุลักทุเลออกไปดู คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ ไอ้เด็กแมลงสาบนั่นยืนกดออดอยู่หน้าบ้านผม หน้าตามันดูสดใสในมือมีถุงใส่กล่องอะไรไม่รู้ เดินออกไปหามัน มันยื่นถุงนั้นมาให้ ผมไม่รับและไล่มันกลับ มันไม่ยอม เดินมาหาผมถึงในบ้าน ผมรู้สึกหงุดหงิดมากที่เห็นมันดื้อด้านไม่ยอมฟัง จนเผลอทำมันเจ็บตัว ใบหน้าหวานๆ ของมันบิดเบี้ยวเพราะเจ็บแขนที่ผมบีบมันซะแรง ใจกระตุกเลยครับตอนมันบอกว่าเจ็บ ผมปล่อยออกแทบจะทันทีแต่ก็ไม่วายจะเอ่ยปากด่ามัน ก็มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ พอปล่อยมันก็จิกตามองผมแล้วพ่นคำที่ทำเอาผมสะอึก มันด่าผมเป็นหมา ไม่ได้โกรธหรอกครับแต่รู้สึกว่าเสียงมันสั่นแปลกๆ ตากลมๆ ของมันแดงนิดๆ เหมือนคนจะร้องไห้ มันโยนกล่องข้าวในถุงมาให้ดีนะผมรับไว้ได้ทัน ตกใจเลย มันเดินหนีออกไปแล้ว ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นไป รู้สึกผิดนิดๆ นะ หลังจากที่มันไปแล้วผมก็เดินกลับเข้าบ้าน มองดุข้าวในมือ ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ หลังจากที่มีประสบการณ์มาแล้ว ผมเดินเข้าไปในครัว มันลำบากนิดหน่อยที่ต้องมีไม้ค้ำยัน เพราะผมยังลงน้ำหนักไปที่ข้อเท้าไม่ได้

เปิดกล่องอาหารออกมา มันยังร้อนอยู่ ข้างในเป็นข้าวผัดที่มีไข่แดงกับชีสอยู่ตรงกลาง หน้ามันไม่ค่อยสวยเพราะโดนกระแทกมาหลายที หันไปเจอถุงน้ำซุปเลยแกะใส่ชาม กล้ากลัวๆ ที่จะชิมมัน รสชาติเค็มจัดจนเวียนหัวมันยังสยองอยู่เลย ผมค่อยๆ เอาช้อนแตะที่ซุปก่อนแล้วเอามาแตะที่ลิ้น อืม รสชาติมันปรกติ ผมเลยถอนหายใจอย่างโล่งอก ต่อมาก็คงจะเป็นข้าว ชิมแล้วอร่อยดี ผมยกทั้งสองอย่างมานั่งกินที่หน้าทีวี กินเพลินจนหมดทั้งสองอย่าง

22.00น.

ผมมองนาฬิกา ดึกป่านนี้แล้วผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย ภาระหนักมาเยือนแล้ว ผมค่อยๆ เดินขึ้นบันได กลัวเหมือนกันนะที่จะตกลงมาแต่ทำยังไงได้ผมตัวคนเดียว จะร้องไห้ใครที่ไหนมาช่วย เดินผ่านหน้าต่างเห็นไปบ้านนั้นยังเปิด มองทะลุไปเห็น เพียวมันเดินไปเดินมาแล้วชะเง้อมามองทางบ้านผม เป็นอะไรของมัน ผมไม่อยากจะสนใจ เดินขึ้นบันไดช้าๆ ทีละขั้นดีที่มันไม่สูงเท่าไหร่ เดินจนเกือบจะถึงอยู่แล้วแต่ดันพลาด ไม่ค้ำมันไปสะดุดกับอะไรไม่รู้ คิดไว้แล้วว่าต้องเจ็บตัวซ้ำสองแน่ๆ

วุบบบบ

เหมือนมีลมพัดผ่านร่างผมไปไวมาก และรู้สึกถึงแรงประคองทางด้านหลังเอาไว้ เสียงลมหายใจหอบดังให้ได้ยิน มองมือที่กอดผมเอาไว้จากทางด้านหลัง มือเล็กๆ กำลังกอดผมแน่น

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ทำไมไม่ระวังวะ” น้ำเสียงดุๆ ของมันผมจำได้ดี ไอ้เด็กเพียว

“มึงมาได้ยังไง”

“วิ่งมาไงถามได้”

“วิ่งมา” ผมไม่อยากจะเชื่อคำของมันหรอก คนบ้าอะไรจะวิ่งไวขนาดนั้น เพราะเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนที่ผมจะหงายหลังมันยังเดินอยู่ในบ้านของมันอยู่เลยไม่มีทางที่มันจะวิ่งมาที่นี่ได้ทันแน่ๆ เพียวมันดันผมให้ยืนดีๆ ผมทรุดตัวลงนั่งกับขั้นบันได เพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าขึ้นมา

“เป็นยังไงมั่ง เจ็บเหรอ ไปหาหมอไหม” น้ำเสียงตื่นๆ ของมันตอนมองที่ข้อเท้าของผมทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆ

“ไม่เป็นไร มันแค่เจ็บ” ผมบอกปัดและพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง เพียวมันสอดมือเข้ามาที่ใต้รักแร้ผมแล้วออกแรงยกตัวผม แปลกมากทั้งๆ ที่มันตัวเล็กกว่าผมมาก แต่มันกลับยกผมได้สบายๆ

“จะไปไหน บอกสิ” มันถามผม แต่ไม่ยอมมองหน้าผม ผมไม่ได้ง่อยที่จะให้มันมาช่วยแบบนี้ ผมพยายามจะดึงแขนมันออกแต่ก็โนเสียงจิ๊ในลำคอ เหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“อย่าดื้อได้ปะ” น้ำเสียงติดลำคานของมันยิ่งทำให้ผมไม่อยากจะรับความช่วยเหลืออะไรจากมันทั้งนั้น

“กลับไป” ผมกดเสียงลงต่ำ

“สังขารเป็นแบบนี้ยังจะเรื่องมากอีก ถ้าเมื้อกี้มาไม่ทัน มึงไม่ได้กลายเป็นผีเฝ้าบ้านหลังนี้ไปแล้วรึไง” มันว่าใส่เสียงดังอย่างไม่พอใจ มือมันก็ยังไม่ปล่อยจากตัวผมเลย มันช้อนสายตากวนๆ ของมันมองผม

“เรื่องของกูอีกนั่นแหละ ปล่อยได้ละกูเดินเองได้”

“เหอะทำพูดเข้า” มันไม่ฟังผมหรอกครับ มันพยุงผมขึ้นไปบนบันไดขึ้นบนสุด มันกึ่งจูงกึ่งลากผมเข้าไปในห้อง

“จะอาบน้ำใช่ไหม” ผมขมวดคิ้วมันมายุ่งอะไรกับผมนักหนาวะ เมื่อกี้ยังด่าผมฉอดๆ งอลกลับบ้านอยู่เลย

“จะมาดูแลกูทำไมมิทราบ ไม่ได้ขอ” ผมว่ามันแรงๆ เผื่อมันจะรับรู้อะไรๆ บ้างว่าผมไม่ชอบขี้หน้ามัน

“เออ เสือกเองแหละ จะอาบน้ำก็ถอดเสื้อผ้าจะอาบให้” มันบอกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ สักพักมันก็ออกมา ผมยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ถอดอะไรทั้งนั้น พอมันเห็นมันก็ชักสีหน้าใส่ทันที

“เป็นมนุษย์นี่เข้าใจยากเนอะ” มันประชดอะไรของมัน

“....”

“ถอดสิหรือจะอาบทั้งอย่างนี้ มันดึกแล้ว กูก็อยากพักบ้างนะเว้ย” มันเริ่มหงุดหงิดอีก ผมส่ายหน้าไม่ยอมหรอก

“กลับไปสิ” มันจ้องหน้าผมเขม็ง นี่ไล่ขนาดนี้ยังมาไปอีก มันเป็นแมลงสาบประเภทไหนกัน

“เห้ออ สงสัยต้องใช้กำลัง”

“เห้ยจะทำอะไร” มันเดินมาแล้วกระชากเสื้อผมเพื่อที่จะถอดออกทางหัว ผมขืนมันเต็มที่ จู่ๆ จะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้

“อยู่เฉยๆ พิการขาเดี้ยงแล้วยังเสร่ออีก” ปากมันนี่นะมันน่าเอาหนังยางดีดจริงๆ

“เพียว กูแก่กว่ามึงนะ สำมาคาราวะนะหัดมีบ้าง” ผมดุใส่เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก มันหันมามองหน้าผมแล้วแสยะยิ้ม เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายคนขาเดี้ยงแบบผมจะไปสู้แรงอะไรของมันได้มันจับผมถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงในสีแดง มันหน้าแดงนิดๆ เวลาต้องมองหรือสบตากับผม

“ไปสิน้ำเต็มอ่างแล้วมั้ง กูจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้” เพียวบอกพร้อมกับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของผมมันยืนมองสักแล้วหยิบ กกนตัวใหม่ออกมาให้

“เอาไปใส่ในห้องน้ำด้วย” ผมรับกกนมาถือแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ เหนื่อยกับมันมาก เดินเข้าห้องน้ำก็เห็นเก้าอี้ตัวเล็กวางไว้ข้างอ่างนี่คงต้องนั่งขอบอ่างแล้ววางขาบนเก้าอี้เอา เฝือกจะได้ไม่ต้องโดนน้ำ ผมใช้เวลาอาบนานหน่อย เพราะมันไม่ถนัด กลับออกมาก็เจอเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวห้อยไว้ที่ประตู หยิบมาพันเอว จะใส่กกนก็ลืม เดินมาที่ข้างเตียงเห็นมันนอนหลับตาอยู่บนที่นอนของผม เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่ามันหลับไปแล้ว

ตึก ตึกๆ ตึกๆ

เสียงหัวใจมันดังขึ้นมาตอนมองหน้าไอ้เด็กนี่ชัดๆ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนมีแรงดึงดูดให้ผมก้มลงไปมองมันใกล้ๆ แพขนตายาวทาบทับกับแก้วใสๆ ของมันทำไมถึงได้น่าดูจังในตอนนี้ ริมฝีปากสีแดงๆ ทำไมมันถึงได้รู้สึกว่ามันจะหวานก็ไม่รู้ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันอีกนิด

พรึบ

“เห้ยย จะทำอะไรวะ” นั่นดิผมกำลังจะทำอะไร - -*

+++++++++++++++++++++++++++++++



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2017 23:47:22 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนหยิกเล็บ ก็เจ็บปาก
เอ้ย.......ขิงก็รา ข่าก็แรง
จะดีๆกันตอนไหนเนี่ย
ทั้งที่เริ่มหวั่นไหวต่อกันแล้ว  :z3: :z3: :z3:

ไว มีชื่อเต็มว่าไวรัล อื้อหือ  :hao7:
นี่ชื่อคนพม่าแน่รึ
เหมือนสนิทกับปี เกินกว่าธรรมดานะ
ต้องมีเบื้องสักเบื้องแน่เลย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไวกับคุณปีนี่ยังไง
ปล. เห็น ไวรัล แล้วนึกถึงไวรัสอะ  :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
หนุกๆ
ยังมีตัวแปลกๆ ในตำนานอีกใช่ไหมนี่

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3




อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 6

จูบ



“จะทำอะไร” ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าหล่อๆ ของคุณปีอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ตกใจจนเผลอผลักเขากระเด็นออกไปอีกทางหลังกระแทกพื้นทันทีคงจะเจ็บหน้าดู

ผลัก!!! ตุบ

“โอ้ยยย”

“เห้ยย ” ผมรีบลุกไปดูเขาทันที ใบหน้าหล่อนั่นเหยเกด้วยความเจ็บปวด รู้สึกผิดในใจแต่ก็ตีหน้านิ่งเอาไว้

“แรงเยอะเป็นบ้า เลยมึงนี่ เจ็บเลยเห็นไหม!! ” แล้วจะมาตะคอกกูทำไม-*-ก็กูตกใจ แค่นี้ไม่ตายหรอก แหม บุญเท่าไหร่แล้วที่โดนฟ้าผ่าเอา

“ละ..แล้วมึงจะทำอะไรกูละ โรคจิตเหรอ จะแอบหอมแก้มกันรึไง” รู้สึกร้อนหน้านิดๆ กระดากปากที่ต้องพูดออกไปด้วย

“โอ๊ยย ให้ตายเอาอะไรคิด ถ้ากูคิดจะจูบนะมึงคงไม่มีแรงมาด่ากูได้แบบนี้หรอก” ดูทำพูดเข้าแค่ปากโดนกันที่โรงพยาบาลตัวยังสั่น หน้ายังแดงเป็นตูดลิงอยู่เลย ผมถลึงตาใส่เขาเองก็ถลึงตากลับมาเช่นกัน ไอ้คุณปีมันพยายามจะลุกครับแต่ลุกไม่ได้มันคงหงุดหงิดมากกว่าเดิมแน่ๆ ยืนกอดอกมองมันนิ่งๆ ไม่ช่วยหรอก กูหยิ่ง

“ลุกเองไม่ได้ก็น่าจะรู้ ทำไมไม่มาช่วย” เขากดเสียงลงต่ำอย่างไม่พอใจ

“ขอร้องกูสิ” ผมยกยิ้มนิดๆ ไอ้คุณปีทำท่าฮึดฮัดใส่เหมือนจะไม่ยอมแถมชี้หน้าใส่ผมด้วย

“งั้นก็นั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคืนก็แล้วกัน” ผมทำท่าจะเดินออก ได้ยินเสียงเขาขบกรามดังกอดๆ แล้วสะใจชะมัด ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมามองผมแบบอาฆาตแล้วพูดว่า

“ช่วยหน่อย” ห้วนเสียจนอยากจะเดินทิ้งให้เน่าตายอยู่ที่พื้น

“เห้อน้ำเสียงห้วนแบบนี้ใครจะอยากช่วย เอาหวานๆ เพราะๆ เป็นไหม” ผมใช้นำเสียงที่คิดว่ายียวนเต็มที่กับ และมันก็ได้ผลครับหน้าเขาบูดยิ่งกว่าเดิมอีก คึคึคแกล้งเขาแล้วสนุกดีจัง ผมแสร้งทำเป็นยืนกอดอก

“น้องเพียวครับ ช่วยพี่หน่อยนะครับ พี่ปีเจ็บขาลุกไม่ขึ้นเลย” น้ำเสียงทุ้มนุ่มไม่ได้ออดอ้อนแต่เป็นการขอร้องที่เล่นเอาใจผมสั่น เขามองผมด้วยสายตาขอร้องมันดูละมุนจนทำตัวไม่ถูกเกิดคาดอีกแล้ว แบบนี้ผมจะไปต่อยังไงละ

“อะ อืมม ก็ได้ เห็นว่าขาเจ็บหรอกนะ” ผมยอมเดินไปพยุงเขาขึ้นมาจากพื้น และพาเขาไปนั่งที่เตียง ผ้าเช็ดเกือบหลุดออกจากเอวหนาของเขา พอมองใกล้ๆ แบบหุ่นเขาดีชะมัด

“หึหึ”

หมับ!!! ตุบ

“เห้ยยยย อุ๊บ...” ไม่ได้ทันตั้งตัวหรือตั้งสติอะไรทั้งนั้น พอถึงเตียงปุ๊ปเขาก็พลิกตัวผมให้ลงนอนกับที่นอนแล้วขึ้นคร่อมผมทันที ยังไม่ทันได้อ้าปากด่า ปากเขาก็กระแทกเข้ามา ย้ำว่ากระแทก ได้รสเค็มๆ ทันทีแต่เขาไม่หยุด ไอ้คุณปีมันไม่ยอมหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนใส่ผม ปากมันลากไปทั่วปากผม ทั้งดูดทั้งเม้มสะเปะสะปะไปหมด จนผมหายใจไม่ทัน และตั้งรับเขาไม่ทันด้วย เขาจูบผมเหมือนจะอยากเอาชนะผม เหอะได้ อยากลองเล่นกับยักษ์ใช่ไหม แล้วจะรู้ว่ายักษ์แบบผมนะช่ำชองขนาดไหน เปลี่ยนจากที่ให้เขาเป็นคนรุกเป็นผมที่เริ่มไล่ต้อนเขา เปิดปากรับเอาลิ้นของเขาเข้ามาพร้อมกับหยอกล้อเขาให้ไหลตาม พลิกจากอยู่ล่างเป็นขึ้นบนได้อย่างง่ายดาย สองมือกดเขาไว้ไม่ให้ขยับ ส่งสายตาหวานฉ่ำบนยั่วยวนไปให้ ขบเม้มริมฝีปากเขาทั้งบนและล่าง แต่เหมือนอีกคนจะเตลิดไปไกล เขาฉกเอาลิ้นของผม เกี่ยวพันไปมา อย่างเอาแต่ใจ เสียงจูบของเราดังขึ้นเรื่อยเหมือนสมรภูมิรบ ต่างคนต่างไม่ยอม ต่างคนต่างอยากเอาชนะ เขาจูบเก่งผมยอมรับแต่ไม่ได้ทำให้ผมเคลิ้มเสียเท่าไหร่ เพราะมันเป็นจูบที่ท้าทายกันเสียมากกว่า เราจูบกันจนผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันดันขึ้นมาจากผ้าเช็ดตัวของเขา ตรงที่ผมนั่งทับอยู่ ผมรับรู้ถึงอันตรายของตัวเองทันที

“นี่สำหรับความอวดดีของมึง” เสียงเขาดุมากจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ และเขากำลังจะก้มลงมาอีกผมรีบดันอกเขาไว้

“พอแล้ว...” ผมรีบบอก ขืนมากกว่านี้ไม่ผมก็เขาที่ต้องเสียเอกราชแน่ๆ

“หึหึ แค่นี้ก็ยอมแพ้ อ่อน” คิ้วกระตุกเลย แต่ถ้าดึงดันต่อไปคงจะเข้าแผนเขาเสียมากกว่า ผมยอมถอยเพื่อความปลอดภัยของร่องตูดผมดีกว่า

“หึหึ ใครกันแน่ที่อ่อน จูบเหมือนเด็กอนุบาลแบบนี้” ความจริงมันไม่ใช่เลย ก็อย่างที่บอกเขาเก่ง

“ลองอีกทีไหม”

“ลองให้โง่ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” ผมรีบขยับตัวหนีแต่เขาดันจับเอาไว้เสียก่อน

“มาพนันกันไหม” นึกบ้าอะไรขึ้นมาอีกจะมาพนันอะไร

“พนันอะไร”

“พนันว่าใครจะรักใครก่อน”

“กับใคร กับคุณนะเหรอไม่มีทาง” ผมรีบส่ายหัวทันที

“ไม่กล้า”

“เหอะคนอย่างเพียวไม่มีคำว่าไม่กล้าอยู่ในหัวสมอง” ฆ่าได้หยามไม่ได้เว้ย

“งั้นมาพนันกัน”

“ได้” เอ้า เหี้ยเลยที่นี้ อยากจะตบปากตัวเองให้แตก โง่ไปตามเขาทำบ้าอะไรวะไอ้เพียว

“สามเดือน กับเงินร้อยล้าน ถ้าทำได้ทุกๆ อย่างของกูจะเป็นของมึงคนเดียว ในทางกลับกันทุกๆ อย่างของมึงจะเป็นของกู ยกเว้นตัวกับใจของมึง”

“ตกลง” ถึงผมจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่บ้างกับข้อตกลงช่วงท้ายนั่นคือเขาไม่ได้ต้องการผมจริงๆ เขาแค่อยากจะเอาชนะผม คุณปียกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าแผนการ เห็นแบบนั้นแล้วผมยิ่งอยากเอาชนะ ผมเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่ ผมมั่นใจว่าเขาต้องตกหลุมรักผมก่อนแน่นอน



“สิบล้านถ้ามึงทำให้กูรักมึงได้ แต่ถ้าไม่ สิบล้านมึงต้องจ่ายให้กู”

“สิบล้านน้อยไป ร้อยล้านไปเลยดีกว่า” ผมเพิ่มเงินพนันทันที ดูไอ้หน้านิ่งมันจะอึ้งไม่น้อยมีลังเลด้วย เหอะ ตังไม่พออะดิ จนว่ะ

“หึหึไม่กล้าเหรอ ไหนว่ามั่นใจไง รึว่าไม่มีน้ำยา” ไซโคเข้าไป เงินกองอยู่ข้างหน้าเห็นๆ

“หึหึ ร้อยล้านก็ร้อยล้าน อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” เขายิ้มมุมปากอีกแล้ว นี่คงมั่นใจ หึ แล้วจะรู้สึก

“ครับคุณปี ไปแล้วนะครับว่าที่แฟน” ผมตัดสินใจเป็นฝ่ายไล่ล่ารักจากเขาก่อน ไอ้คุณปียกยิ้มพราย

“มาลองกันสักตั้ง” แววตาแลดู จะมั่นใจว่าผมพิชิตใจเขาไม่ได้แน่นอน มั่นใจไปเถอะครั้งนี้ผมจะชนะแล้วเงินร้อยล้านก็จะมากองอยู่ตรงหน้าผม เดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ถามว่ามันรู้สึกดีไหมก็ไม่นะแย่ไหม ก็เปล่า มันแค่รู้สึก เหมือนเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ของของ เขามา กลับมาคิดแผนว่าจะเอาหัวใจของมนุษย์หน้านิ่งจอมเย็นชามาได้ยังไงดีกว่า



05.00น.เช้าวันใหม่ที่ต้องไปตลาด อยากจะเปิดประตูแล้วถึงหน้าตลาดแต่ทำไม่ได้ไอไวมันนั่งรออยู่ด้านล่าง ต้องไปแบบปรกติมนุษยชนเขา หาเรื่องเหนื่อยให้ตัวเองทำไมไม่รู้ บ่นตัวเองเสร็จก็ต้องรีบลงไปด้านล่างเดี๋ยวคุณพม่าเขาจะเอ็ดเอาอีก

“ไปไอ้ไว เอ่อแล้วเมื่อคืนกลับมากี่โมง”

“ตีหนึ่ง” มันตอบแบบขอไปทีแล้วเดินไปเปิดรั้วให้ผมเอารถออก แล้วก็รอปิดรั้วเหมือนเดิม ซื้อของจนครบแล้วเดินมากินโจ๊กร้อนๆ กลับมาก็เตรียมของเปิดร้านเลย ผมให้ไอ้ไวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยสลับกับผม วันนี้ขายดีเหมือนเดิม น้ำซอสของผมก็หมดแล้วสงสัยวันนี้ต้องออกไปตลาดรอบสอง ผมให้ไวเก็บของคนเดียววันนี้ เพราะจะออกไปซื้อของที่ตลาด มันก็ทำโดยที่ไม่บ่นอะไร ผมขับรถออกมาและซื้อของตามที่จดไว้ เดินมาเจอพวกของทะเล ดันอยากกินสุกี้หม้อไฟขึ้นมา ผมเลยซื้อของพวกนั้นกลับมาด้วย พอมาถึงรถก็โทรชวนสองหน่อนั่นมากินด้วย หวังว่ามันคงจะว่างกัน จะได้ถามถึงเรื่องวันนั้นด้วยว่าไอ้ภูมันเป็นอะไรถึงได้ร้องไห้ กลับมาไวมันก็ทำงานเสร็จหมดแล้ว แต่ตัวมันหายไปไหนไม่รู้ เอาของไปเก็บในครัว และลงมือทำซอสแล้วก็เตรียมของทำหม้อไฟ รอนานไอ้ไวก็ไม่กลับมาสักทีผมเลยเดินไปตามที่บ้านข้างๆ เหลือบไปเห็นป้าอรแกทำลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าบ้านคุณปีพอดี ผมเลยเดินเลี่ยงมาทางหลังบ้าน เห็นหลังไอ้คุณปีผ่านไปเมื่อกี้เลยรีบเรียกไว้

“นี่ นี่ๆ ” ผมเรียกเขาหันมาแล้วทำหน้ายุ่งใส่

“กูไม่ได้ชื่อนี่ กูชื่อ ปีมงคล จำใส่หัวเอาไว้ด้วย” มีจิกตาใส่ด้วย

“ปีไวอยู่นั่นรึเปล่า”

“พี่ปี เรียกใหม่” -*-คือกูแก่กว่ามึงป่าววะ แต่ก็ต้องเรียกเพราะหน้าผมเด็กกว่าไอ้คุณปีเยอะ

“พี่ – ปี ไวอยู่นั่นรึเปล่า” เน้นคำว่าพี่ปีใส่แม่ง ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจอย่างเอือมๆ

“อยู่ มันกำลังทำกับข้าวให้อยู่”

“อ่าวเหรอ งั้นบอกมันไม่ต้องทำ แล้ว พี่ก็มากินกับพวกผมเลยสิ” ไอ้คุณปีมองหน้าผมนิดๆ

“ไม่ต้อง กูจะกินที่บ้าน” เขาบอกด้วยเสียงและสีหน้าที่เย็นชา แค่นี้ทำอะไรไอ้เพรียวไม่ได้หรอก

“เตรียมของเสร็จแล้วจะไปรับนะครับ” ผมยิ้มทำหน้ามึนใส่แล้วเดินกลับไปยกของ เห็นไวมันเดินกลับมาหน้ายุ่งๆ

“เป็นไรวะ” ผมถามมันส่ายหน้าแล้วเดินมายกของช่วยผม

“พี่เขื่อนจะมาด้วยใช่ไหมพี่เพียว”

“อืม” มันทำหน้าเซ็งทันที

“ผมไม่กินด้วยได้ไหม ผมไม่อยากเจอเขา” จะกลัวอะไรไอ้เขื่อนนักหนาก็ไม่รู้ มันออกจะเอ็นดูซะขนาดนั้น ผมรู้ว่าเพื่อนผมมันเป็นแบบนี้ไม่มีอะไรหรอก

“ไม่เป็นไรน่า” ผมปลอบแต่ดูเหมือนไวมันจะไม่อยากเจอเพื่อนผมจริงๆ

“เป็นสิพี่ พี่ไม่เห็นสายตาของพี่เขื่อนเหรอ” มันยกชามขึ้นมาวางกลางโต๊ะแล้วมองหน้าผมอย่างอ้อนวอน

“ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวกูช่วยกันให้” รอไม่นานพวกนั้นก็มาถึงครับ นั่งแท็กซี่กันมาพวกมันน่าจะซื้อรถกันได้แล้วมั้งงานก็มีทำเงินเดือนก็เยอะ พวกมันเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโดยเฉพาะไอ้เขื่อน มันยิ้มยิงฟันขาวมาแต่ไกล

“ไงจ๊ะน้องพม่าของพี่เขื่อน” มาถึงก็ทักเด็กผมก่อนเลยเพื่อนยืนหัวโด่อยู่นี่ไม่ทักเดี๋ยวไม่ให้ แ_กเลยนี่

“พี่ภูสวัสดีครับ” ไวมันทำเป็นไม่สนใจอีกคนแล้วหันไปยกมือไหว้ไอ้ภูแทน รายนั้นเอ็นดูไวมันอยู่แล้วก็เลยยิ้มหวานกลับไปให้พร้อมกับยกมือยีหัว แต่พอเขื่อนมันจะทำมั่ง รายนั้นรีบยกมือขึ้นปัดทันที เห็นหน้าไอ้เขื่อนแล้วก็ขำเพราะมันเหวอรับประทาน

“เดี๋ยวกูไปตามพี่ปีก่อน”

“พี่ปี!!! ” พอผมพูดจบพวกมันก็ร้องออกมาพร้อมกัน จะตกใจอะไรนักหนาอ่อลืมบอกไปไอ้ภูรู้เรื่องที่เจ้านายมันเป็นเพื่อนบ้านผมแล้ว ไอ้เขื่อนเล่าให้ฟัง มันเลยไม่เซ้าซี้อะไรมาก

“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะไอ้เพียว” ผมยักไหล่ไม่ตอบ กวนตีนพวกมันก่อนจะเดินอาดๆ ออกจากบ้านไปพาถังเงินเคลื่อนที่ออกมาจากบ้าน พอมาถึงเจ้าของบ้านก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์ใส่ เห็นเขากำลังตักข้าวไข่เจียวเข้าปาก

“หยุด!!! ” ผมร้องห้ามเขาหันมามองนิดหนึ่งแล้วเอาข้าวช้อนนั้นเข้าปาก ไม่สนใจเสียงหวานๆ ของผมสักนิด

“ก็บอกว่าให้ไปกินด้วยกัน”

“ก็บอกว่าไม่ไปไง”

“ดื้อ”

“มึงก็ด้าน” โหย ยอกย้อนได้เจ็บแสบ ผมเดินไปแย่งจานข้าวตรงหน้าเขามาถือไว้ไม่ให้เขากินต่อ ขาเดี้ยงแบบนี้ทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน

“ลุกจะพาไปบ้าน” ไอ้คุณปีมันถอนหายใจเสียงดังเหมือนคนไม่สนอารมณ์ผมไม่สนหรอกในเมื่อลงเล่นเกมความรักแล้วผมไม่มีทางถอยเด็ดขาด ผมนั่งลงข้างๆ เขาแล้วช้อนตาหวานใส่

“ไปกินข้าวกับเพียวนะครับพี่ปี” โดนอ้อนแบบนี้จะไปไหนรอด

“นี่อ้อน หรือว่า อะไร” เขาทำเสียงเยาะนิดๆ แล้วสะบัดแขนข้างที่ผมเกาะไว้ออก พร้อมกับยกมือปัดเหมือนรังเกียจ-*- อย่ามาจับตัวกูให้เห็นนะแม่ง

“อ้อนไง นะๆ ” ต้องแกล้งตอแหลไปอีกกู ปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดประโยคที่จะทำให้อ้วกออกมา

“จะไปก็ไปแต่บอกไว้ก่อนกูไม่ได้พิศวาสอะไรมึงหรอกนะ แล้วทีหลังไม่ต้องทำหน้าอ้อนตีนแบบนั้นอีกมันทุเรศ” เขาพยุงตัวขึ้นโดยใช้ไม้ค้ำ นอกจากจะเย็นชาแล้วปากยังหมาอีก อย่าให้ถึงทีของผมบ้างละกัน เขาเดินกะเพลกๆ นำหน้าไปผมได้แต่ยืนแยกเขี้ยวให้เขาด้านหลัง มาถึงพวกมันก็เสียบปลั๊กหม้อไฟรอแล้ว มาถึงก็จัดที่นั่งกันผมนั่งข้างคุณปีส่วนที่เหลือนั่งฝั่งตรงข้ามแต่ที่เด็ดกว่าคือไอ้ไวมันดันนั่งติดกับไอ้เขื่อนนี่สิ เห็นหน้าลูกน้องตัวเองแล้วตลกหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนปวดขี้ ส่วนคนที่นั่งข้างๆ ผมก็ไม่พูดไม่จาเหมือนไม่ได้พกปากมาด้วย ถามคำตอบคำ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น เห็นแล้วเหนื่อยใจ นี่นั่งรอของให้หม้อสุก พอสุกก็แย่งกันกินยกเว้นคนอายุมากสุด (ไม่ใช่ผมนะอันนี้ยกเว้น) นั่งมองผมด้วยหางตา

คือจะกินก็บอกดิวะ มองด้วยหางตาแบบนั้นเดี๋ยวก็ตักแต่น้ำซุปให้กินซะเลยนี่

“จะเอาอะไรบ้าง” หันไปถามเขาด้วยความหมั่นไส้นิดๆ

“ผักอย่างเดียว” ตอบมาสั้นๆ และไร้โทนเสียง ผมมองบนใส่อย่างเอือมๆ ก่อนจะตักผักต้มสุกให้

“น้ำจิ้มไหม” เขาส่ายหัวไม่เอา แล้วมันจะไปอร่อยอะไรละ ผมเลยตักน้ำจิ้มใส่ถ้วยเขาไปช้อน โดนมองตาค้อนใส่ไปทีหนึ่ง พวกเรานั่งกินไปคุยกันไป ถามไอ้ภูว่าวันนั้นร้องไห้ทำไมมันก็ไม่ยอมตอบหันไปหาไอ้เขื่อนก็ทำเมินเออ ใช่สิ กูมันคนนอกไปแล้ว ทำหน้าเชิดใส่แล้วก้มหน้าก้มตากินของตัวเองต่อ เหลือบมองคนข้างๆ รายนั้นนั่งหน้าแดงปากแดง เหงื่อออกเต็มหน้า ใบหน้าหล่อๆ นั่นดูทรมานกับอาหารที่กิน นี่เขากินเผ็ดไม่ได้สินะ มิน่า ผมยื่นขันเงินใส่น้ำเย็นๆ ส่งให้ พอรับไปก็ซดอึกๆ ลงคอแล้วร้อง “เห้อออ” ออกมาเสียงดัง ทำเอาขำกันทั้งโต๊ะ..รีบเปลี่ยนถ้วยใหม่ให้คุณเขาก่อนที่องค์จะลงใสผมอีก ครั้งนี้เขากินได้อย่างสบายๆ



“อย่าสิพี่เขื่อน” เสียงแหวดังลั่นขึ้นมาทุกๆ ห้านาที ไอ้เขื่อนมันตั้งอกตั้งใจหยอกเด็กพม่าของมันตลอดเวลาจนผมนึกรำคาญ

“มึงจะไปแกล้งอะไรมันนักหนาวะไอ้ห่านิ แกล้งจนมันไม่ชอบขี้หน้ามึงแล้วไม่รู้ตัวไง” ผมว่ามัน ตามันก็ยังลอยหน้าลอยตาเต๊าะเด็กผมไม่เลิก

“ภูผา ช่วงนี้คุณดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นอะไรรึเปล่า ผมเห็นคุณเหม่อๆ ” น้ำเสียงทุ้มฟังสบายหูกว่าที่คุยกับผมมาก เขาวางช้อนและมองไปที่ภูเพื่อนผม มันเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ ไอ้นี่มีเรื่องอะไรแล้วไม่บอกเพื่อนอีกแล้ว เกิดมีเรื่องอะไรร้ายแรงจะได้ช่วยกันทัน แมร่งเป็นแบบนี้ตลอดเลย ผมเองก็มองมันอย่างคาดคั้น

“ก็นิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรมากบอสไม่ต้องเป็นห่วง” มันตอบแล้วหันไปกินต่อ มือหนึ่งก็กดโทรศัพท์ยิกๆ

“อย่าโกหกนะภู กูไม่อยากให้มึงโดนแบบครั้งนั้นหรอกนะ ไม่เข็ดเหรอ เรื่องอีริชชี่นะ” เมื่อปีก่อนภูมันโดนหลอกครับเสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ ไม่เป็นผู้เป็นคนเลย พวกผมปลอบมันอยู่นาน กว่าจะพามันออกจากโรคซึมเศร้าได้ อันตรายมากนะครับโรคแบบนี้ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงมาก

“เออ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกน่า กูแค่เจอผี” ผมตอบออกมาเล่นเอาผมขนลุกเลย

“ผี!! ผีอะไรพี่ภู” ไอ้ไวครับมันตาขาวมากถ้าเป็นเรื่องพวกนี้

“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าผีจริงๆ หรือว่าคน”

“เอาพระไหม ผมมีเยอะนะ” แหม่ลูกน้องผมเสนออะไรไม่ได้ดูเลยว่ามันอยู่วัดจะไปกลัวอะไรแบบนั้น

“ที่พี่อยู่พระก็เยอะเหมือนกัน มันยังไม่กลัวเลย” ไอ้ภูมันตอบ นี่ที่คิดหนักก็ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่มันเจอเป็นคนหรือว่าผีสินะ

“แล้วมึงละไอ้เขื่อนอยู่ห้องเดียวกันไม่เจอบ้างไง”

“เจอ” มันตอบเล่นเอาขนลุกกันทั้งโต๊ะ เฮี้ยนขนาดเข้าวัดได้นี่ถือว่าโหดพอตัวเลยนะ ผมไม่ค่อยได้เจอผีพวกนี้บ่อยนักหรอก เพราะพวกนั้นกลัวยักษ์ครับกลัวว่าผมจะขโมยวิญญาณเขา เอาอะไรคิด สิ่งที่พวกนั้นควรจะกลัวคือยมทูตมากกว่า

“เฮี้ยนมาก หล่อมาก”

“มันตามหลอกหลอนกูทุกคืนเลยเพียว มันบอกว่าจะเอากูไปอยู่ด้วย มันบอกว่ากุคือเจ้าสาวของมัน เจ้าสาวพ่องง!!! กุผู้ชายไอ้สัส” ภูมันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา มันโดนหนักเลยนะเนี๊ยะ เห็นทีผมคงต้องจัดการอะไรบางอย่างซะแล้ว

“ผมก็มีผีตามรังควานเหมือนกันนะพี่เพียว” ไอ้ไวมันโพลงออกมาแล้วหันไปจ้องไอ้เขื่อนตาเขียว

“ผีที่ไหนบอกพี่มาหนูเดี๋ยวพี่จัดการมันเอง” ไอ้ไวกรอกกตาบนใส่

“ก็พี่นั่นแหละ ไอ้ผีทะเล เอามืออกจากเอวผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไอ้ไวครับมันตะโกนใส่หน้าไอ้เขื่อน ไอ้คุณปีนั่งส่งสายตาดุๆ ไปให้ลูกน้องตัวเองนิดๆ แบบว่ามึงทำอะไรคนของกู

“อะไรพี่กลัวหนูตกลงไปต่างหากละ” แหม่ไอ้หน้าด้าน อยากจะด่ามันแบบออกเสียงแต่เกรงใจความหล่อของมัน ผมเลยให้ไวสลับที่นั่งกับไอ้ภูพวกมันเลยเงียบได้สักที หันมาหาไอ้คุณชาย นั่งเหมือนคนอิ่มจัดแต่ตาก็จ้องไอ้เขื่อนอยู่

“อิ่มแล้ว เหรอ นี่ยังมีของหวานอีกนะ” ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืน

“อะไรวะ” เป็นไอ้ภูที่หูตั้งหางกระดิกก่อนใครเพื่อน

“น้ำแข็งไส”

“*0*” ของชอบมันละอะไรเย็นๆ เนี้ย เดินเข้าทางหลังบ้านด้วยความขี้เกียจเลยแอบใช่พลังตัวเองนิดหน่อยผมดีดนิ้วดังเป๊าะ ถาดน้ำแข็งไสก็มาอยู่ในมือผม แล้วเดินออกมาแล้วเอาไปตั้งไว้กลางวง พวกนั้นเคลียพื้นที่ไว้ให้ เครื่องไม่มรไรมากขนมปังหั่นเต๋ากับเฉ่าก๊วย แล้วก็ทับทิมกรอบแล้วก็พวกผลไม้เบอร์รี่ มีน้ำแดงกับนมเปรี้ยวรสรวมเบอร์รี่ แล้วก็นมข้นหวาน ต่างคนต่างตักของตัวเองชอบ อย่างเมามัน ผมเองก็ตักทับทิมกรอบกับผลไม้ใส่ถ้วยตักน้ำแข็งแล้วราดด้วยนมเปรี้ยว คึคึคึ ร้อนๆ แบบนี้ได้ถ้วยนี้ไป สดชื่นเลย

“ของกูละ” อ่าวหันไปหาต้นเสียงทีนั่งทำหน้าเหี้ยมใส่ อ่าวนี่ยังไม่ได้กินกับเขาเหรอ

“ตักสิ” ผมยื่นถ้วยเปล่าให้ เขาตีคิ้วมุ่นใส่ให้อีก อะไรวะ

“ตักสิ เอาผลไม้กับนมเปรี้ยว” สั่งแบบนี้คือตักแดกเองไม่ได้ โอเค ผมตักตามที่เขาสั่งแล้วยื่นให้

“ขอบใจ” ยังพอมีมารยาทที่จะพูดขอบคุณผมออกมา เขาตักน้ำแข็งไสกินอย่างช้าๆ เรียกว่าระเลียดคงจะเหมาะกว่า

“พี่ปีครับ” ไวหันมาเรียก ปีเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“ว่าไงครับ ยาหลังอาหารพี่เอามารึเปล่าครับ”

“อ่า พี่ลืมเลย”

“งั้นไวไปเอาให้ อยู่ในห้องใช่ไหม”

“ครับ ขอบใจนะ” ทำไมผมรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างสองคนนี้ มันต้องมีเงี่ยนงำ เอ๊ยเงื่อนงำแน่ๆ ดูสายตาเอ็นดูของไอ้คุณปีที่มองน้องพม่าของผมสิ มันแปลกๆ นะว่าไหม ไอ้ไววิ่งออกไปแล้ววิ่งกลับมาพร้อมกับยาในมือ มันแกะยาออกมาให้คุณปีของมันแล้วส่งให้อีกคนเอาไปกิน ร่างสูงตบยาเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำเข้าไป ผมมองเขาทุกการกระทำ เวลาเขาเงยหน้าดื่มน้ำ ช่วงคอเขาทั้งขาวและยาวมาก เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปซุกไซร้ เห้ยไม่ใช่ เห็นแล้วอิจฉาเว้ย ผมไม่ได้หื่นขนาดนั้น พอเขากินยาเสร็จก็หันไปหาไอ้เขื่อนถามเรื่องงานนิดหน่อย เขาเป็นคนพูดน้อยเนอะเท่าที่สังเกต นับคำได้ ถ้าคุยแบบปรกตินะ ไม่นับรวมเวลาด่านะ อันนั้นเร็วจนนับคำไม่ทัน

“จะกลับได้ยัง” เสียงเข้มๆ หันมาถามผม หืม ถามกูเหรอจะให้กูกลับไปไหน

“คือ? ”

“กูจะกลับได้รึยัง” อ๋ออ แล้วก็พูดไม่เคลีย

“ง่วงแล้วเหรอ พึ่งจะ สามทุ่ม”

“อืม”

“เดี๋ยวไปส่งงั้น เออ พวกมึงกูไปส่งพี่ปีก่อนนะพี่เขาง่วง” พวกมันส่งสายตาล้อๆ มาให้ ล้อทำห่าอะไรกูยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย รอกูได้ตังก่อนกุจะซื้อบ้านซื้อรถให้พวกมึงทุกคนเลยคอยดู

“พี่ง่วงแล้วเหรอ ไวว่าจะปรึกษาอะไรพี่หน่อย” ไอ้ไวครับมันเดินมาช่วยผมพยุงไอ้คุณปีแล้วกระซิบกัน ผมแอบเอาหูเข้าไปฟังใกล้ๆ คือไม่ได้เสือกนะ แค่อยากรู้

“ไว้พรุ่งนี้นะ วันนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่” เขาหันมาจิกตาใส่ผม เหมือนผมไปเสือกเรื่องของเขากับไอ้ไว ผมมองค้อนคืน ก็บอกว่าไม่ได้เสือกไง วู้ว

“มีอะไรปรึกษาพี่ก็ได้นะน้องพม่า” เสียงหยอกๆ ของไอ้เขื่อนลอยมาเลยครับ ไอ้นี่ก็เสือกหูดีอีก

“พม่า พ่อง!!!! ” มันไม่ได้ด่าออกเสียงนะครับ ฮ่าๆๆๆ สะใจ เล่นเอาไอ้เขื่อนเหวอรอบสอง ผมว่า เด็กพม่าผมก็แสบใช่เล่นนะ เดินพยุงคนตัวโตกว่าออกมาจากที่ตรงนั้นเปิดประตูบ้านพาเขาเข้าไป นี่ก็ว่าจะพาไปอาบน้ำตัดขน เดินไปจนถึงบันได

“กูว่ามึง” โดนสายตาดุปานหมาบ้าหันมามองนี่รีบเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน “เอ่อ ผมว่า พี่ปีเอาที่นอนมานอนข้างล่างดีกว่าปะวะ ขึ้นลงลำบาก” ผมเสนอตามที่ผมคิดเพราะถ้าขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ต้องมีคอหักตายเข้าสักวัน แล้วไอ้เฝือกที่นี่ก็อีกสีวันกว่าจะถอดได้

“อืม” เขาตอบสั้นเหมือนเคย ผมเลยอาสาเอาพวกที่นอนหมอนมุ้งลงมาปุที่ห้องรับแขก โดยใช้พื้นที่หน้าทีวี เอาพวกโต๊ะกับโซฟาไปหลบด้านข้างแล้วปูที่นอนให้ ไอ้คุณปีเขาทำแค่นั่งมองจากมุมหนึ่งของบ้านเท่านั้น ทำเสร็จพาไปอาบน้ำ ต่อจากนี้ไปผมจะมาดูแลเขาทุกวัน หึหึๆ เพื่อเงินร้อยล้าน ผมทำได้ทุกอย่าง นี่ถือเป็นภารกิจแรกที่จะพิชิตใจเจ้าชายเย็นชา

สู้โว้ยยยยย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++










อ่านแล้วช่วยเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสุราล่ารัก ตอนที่ 7



           หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากมื้อเย็นมื้อนั้นพวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างยุ่งจนไม่มีเวลาไปมาหาสู่กัน อย่างที่เคย ผมเองก็ยุ่งอยู่กับร้านจนเวลาพักแทบจะไม่มี เรื่องรับสมัคพนักงานเพิ่มก็ยังไม่เห็นแววว่าใครจะมาสมัค นี่ก็รอจนหลังแข็งไปหมดละยังไม่โผล่มาสักคน หรือต้องเอาไปลงประกาศในเพจ อืม ผมมว่าน่าจะได้พนักงานเร็วขึ้น ตอนนี้พึ่งจะสิบโมงกว่าๆ ผมยังเตรียมของไม่เสร็จเลย ไอ้ไวก็ไม่รู้เป็นอะไรหน้าซีดๆ เหมือนคนนอนน้อย ผมเลยบอกให้มันจัดโต๊ะเสร็จก็เข้าไปนอนพักสองชั่วโมง เช้าๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ เที่ยงแล้วค่อยออกมาช่วย พอมันจัดโต๊ะให้เรียบร้อยก็ไล่มันเข้าไปนอนในบ้าน มันก็ดื้อจะไม่ยอมผมเลยขู่จะตัดเงินเดือนมัน ถึงได้ยอมเข้าไปนอน ผมกลัวว่ามันจะน็อกเอา ดูท่าทางแล้วมันก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย อ่อแล้วอีกอย่างไอ้คุณปีพ่อคนดีของน้องไว เขาถอดเฝือกแล้วนะเมื่อวาน เดินซะคล่องเชียว

“พี่อยู่ได้แน่นะ”

“เออ มึงเข้าไปนอนเหอะเที่ยงๆ กูจะไปปลุก” มันพยักแล้วเดินเข้าบ้านไป ผมเดินไปเช็ดกระจกหน้าให้ใสแจ๋วจนมองเห็นหน้าพ่อค้าหล่อๆ อย่างผมได้ชัดเจน เช็ดไปเช็ดมาก็สบตาเข้ากับใครบางคน ดวงตาสีชาสวยๆ เหมาะกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขา ผมอยากจะยิ้มต้อนรับเขานะถ้าเขาจะยิ้มให้ผมบ้าง ไม่ใช่เวลาเจอหน้าผมชอบทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออกทุกที

“เอาก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง เส้นบะหมี่ไม่เอาปลาหมึกกรอบ” ห๊ะสั่งมาเป็นชุด งงสิครับ วันนี้มาแปลกทุกทีไม่เห็นอยากจะมาเหยียบที่ร้านผม แล้ววันนี้นึกยังไงออกมากินก๋วยเตี๋ยวร้านที่ผมได้ ยืนมองหน้าเขาแบบงงๆ ได้สักพักก็เจอเสียง ดุๆ ตอกใส่หน้าว่า “ก๋วยเตี๋ยว เมื่อไหร่จะได้หรือต้องให้กูไปทำแดกเอง” พอตั้งสติได้ก็เดินไปทำให้เขา เสิร์ฟให้ถึงที่พร้อมกับน้ำจับเลี้ยงที่ต้มเองเมื่อเช้าหอมชื่นใจอร่อยอย่าบอกใครอันนี้ให้ฟรีไม่คิดตัง พอวางชามที่ใส่เครื่องให้เป็นพิเศษ ก็นั่งทำหน้าปั้นยิ้มใส่เขา เอาให้หวานจนมดขึ้น จ้องอยู่นาน จนเขาวางตะเกียบที่กำลังคีบเส้นอยู่ลง

“หน้ากูเหมือนพ่อมึงรึไง” ทำเป็นเสียงเข้มใส่ ไม่กลัวหรอก หน้ามึงไม่ได้เหมือนพ่อกูหรอกแต่หน้าแบบมึงอะผัวกูในอนาคต ....-*- นี่กูคิดอะไรออกไป สติลูกสติ ไม่เอา คิดใหม่เลย อะอึ่มๆ หน้ามึงเหมือน ถังเงินของกูไง ร้อยล้านเลยนะเว้ยเห้ยยยต้องพูดจาดีๆ กับคุณเขา ไม่งั้นเงินร้อยล้านผมชวดแน่ๆ แถมยังจะต้องเสียเงินให้เขาอีก ไม่เอาหรอก

“วันนี้นึกยังถึงได้มากินก๋วยเตี๋ยวร้านผม” ไม่พูดออกไปหรอกไอ้ที่คิดอะ มันแสลงปาก แสลงหู

“ของในตู้เย็นหมด เห็นว่าของที่นี่พอแดกได้ก็เลยมา” เขาตอบนิ่งๆ แล้วคีบเลือดหมูกินดูท่าจะถูกใจเขาอยู่นะกินไม่บ่นออกมาสักคำ

“อ่อ นึกว่าคิดถึงใครในร้าน” หยอดเขาหน่อยเผื่อเขาจะหวั่นไหวรักผมขึ้นมา แต่คำตอบที่ได้เล่นเอาผมใจสั่นไม่น้อยเลย

“ก็มี” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แล้วยิ้มนิดๆ แหนะๆ แสดงว่าเริ่มมีใจให้กันแล้วอะดิมุมปากนี่กระตุกยิ้มขึ้นมาทันที

“ใครหรอ” ทำตาวิ้งๆ ใส่หวังโปรยเสน่ห์เต็มที่

“น้องไว” คำตอบเล่นเอาสะอึก -*- ขยับไปนั่งข้างๆ เขาเอามือเท้าคางไว้ข้างอีกข้างจับที่ไหล่เขา

“แน่ใจเหรอว่าคิดถึงแค่ไวคนเดียว”

“เสียงมึงตอแหลมาก ออกไปห่างๆ อย่ามากวนดิจะกินข้าว” ตอบแล้วก็ใช้มือผลักหัวผมออกจนแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ดีที่จับโต๊ะเอาไว้ทันอยากจะยกขาถีบเขาสักที่แต่ก็ไม่กล้ากลัวเขาตาย ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา อยากจะสาปก็กลัวบาปตืดตัว โอ๊ยหงุดหงิดแท้

“ทำไมต้องทำรุนแรงกับเค้าด้วยล่ะ ฮื้ออ” ผมไม่ยอมแพ้กับความรุนแรงของเขา ผมทำหน้าอ้อนๆ พุดจาหวานๆ ใส่ เหอะๆ กระดากปากตัวเองมากเลยตอนนี้ ไม่คิดว่าผมจะลงทุนทำขนาดนี้ อายเลยนะเนี้ยะ ที่ยังยิ้มหวานใส่คนตรงหน้าได้นี่หน้าด้านล้วนๆ เลยครัช ไอ้คุณปีเขาส่งสายตานิ่งๆ มาให้

“กู-จะ-แดก-ข้าว” เน้นย้ำมาที่ละคำจนน่าขนลุก ถอยก้าวหนึ่งก็ได้วะ ยอมถอยออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังยืนอ่อยเขาอยู่เหมือนเดิม

“อร่อยไหม” แอบหวังนิดๆ ว่าเขาจะเอ่ยปากชม แต่ก็นะ ไอ้คุณปีเป็นยังไงก็เป็นไอ้คุณปีวันยังค่ำ ไม่มีหรอกคำพูดที่ดีๆ

“ดีกว่าแดกน้ำล้างจานหน่อย” ไม่ได้ผิดหวังกับคำตอบมันเลยสักนิด -*-มันออกจะอร่อยทำไมพูดจาพล่อยๆ แบบนี้นะ ตบซะทีดีไหมเนียะ

“แสดงว่าเคยแดก เอ้ยกินแล้วสิ” ตอกกลับเขาไปด้วยรอยยิ้ม ที่ดูก็รู้ว่าตอแหล ฮ่าๆ

“เสือก” แหนะด่ากูอีกละ ผมกลอกตาบนใส่อย่างเบื่อหน่ายกับคำพูดของเขา ไม่ยุ่งด้วยแล้วดีกว่า เดินเลี่ยงออกมาทำงานของตัวเอง เช็ดนู่นเช็ดนี่ให้มันสะอาด เดินเติมเครื่องปรุง จัดโต๊ะ ให้เข้าที่

“ไวไปไหน” ไอ้คุณปีมันถามหลังจากที่มองผมทำงานได้สักพัก

“มันไม่ค่อยสบาย เลยให้มันไปพัก” ผมตอบในระหว่างนั้นก็มีลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เข้ามาในร้านผมรีบเดินไปต้อนรับแล้วจดเมนูทันที

“โฟทะเลโป๊ะแตกพิเศษหกชาม เส้นใหญ่หมดนะครับ อีกคนเอาเส้นหมี่ขาวหมูนะครับ” จดออเดอร์ที่ได้ก็รีบเอาน้ำจับเลี้ยงไปเสิร์ฟ ทำคนเดียวมันจะวุ่นๆ หน่อย เอาน้ำให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เตรียมทำเย็นตาโฟทำทีเดียวหกชาม รอไม่นานผมก็ต้องยกไปเสิร์ฟ ไปทีละสองชามครับเยอะกว่านั้นคว่ำใส่หัวลูกค้าแน่ เดินไปเสิร์ฟได้แค่ สองชามลูกค้าก็เข้ามาอีก สั่งอีกสองชาม ผมต้องรีบเร่งมือเพราะกลัวลูกค้ารอนาน จะเดินไปยกที่เหลือมาเสิร์ฟ แต่คนตัวสูงที่พึ่งนั่งด่าผมเมื่อกี้ ลุกขึ้นยกชามที่เหลือไปเสิร์ฟให้หน้าตาเฉย ดูจะเก้กังหน่อยแต่ก็พอได้อยู่ เขาพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อพับ ดูดีชะมัด อิจฉารู้ไว้ซะด้วย

“ยืนทำไม เข้าไปทำก๋วยเตี๋ยวสิ ลูกค้าจะรอนาน” สั่ง แถมทำหน้าดุใส่ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นญาติกับหมาพิตบลูรึไงก็ไม่รู้ กัดเก่งจัง

“คร๊าบบบๆ คุณพ่อ” ประชดตามกำลังศรัทธา แล้ว เดินเข้าไปทำก๋วยเตี๋ยวตามออเดอร์ที่เขาสั่งไว้ อีกคนก็ยกไปเสิร์ฟให้โดยที่ไม่บนสักคำ เห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

“ยิ้มอะไร” -*-

“เปล่า แค่คิดว่าพี่ปีในลุคนี้ก็ดูน่ารักดี” หยอดครับหยอด หยอดบ่อยๆ สักวันมันก็ต้องกร่อนบ้างละวะ ผมยิ้มหวานส่งให้ ไอ้คุณปีเขาทำท่าขนลุกใส่ เออ กูยักษ์นะไม่ใช่แมลงสาบถึงจะได้ทำท่าขยะแขยงใส่ขนาดนั้น หมดอารมณ์จะเต๊าะต่อเลยดูสิ

“พี่ครับ ขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งครับ” เสียงลูกค้าตะโกนออกมาผมรีบไปหยิบน้ำที่อยู่ในตู้เย็น จนสะดุดขาเก้าอี้

หมับ!!!

“นอกจากจะโง่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก” นี่ท่าจะช่วยกันแล้วมาด่าทีหลังแบบนี้ปล่อยให้หน้าหล่อๆ ของกูกระแทกพื้นไปเหอะ เจ็บน้อยกว่าที่มึงด่ากูว่าโง่อีก ไอ้คุณปีมันเอาแขนช้อนตัวผมไว้ไม่ให้หน้าทิ่มครับ อยากจะขอบคุณแต่ไม่ดีกว่า

“ปล่อยสินะเอาไปให้น้องเค้า” ค้างอยู่ท่านั้น เขาเองก็ไม่ได้ปล่อยมือจากเอวผมทั้งๆ ที่ผมก็ยืนได้แล้ว หันไปมองเขาแล้วมองไปที่มือที่กอดอยู่

“อะ..เออ ก็ไปสิ” เขาปล่อยมือแล้วยกขึ้นเกาที่หู หูแดงๆ ดูน่ารักดี ผมได้แต่อมยิ้มนิดๆ ใช้สายตาชำเลืองมองเขา ดูก็รู้ว่าเขินผมเหมือนกัน

“.....”

“งั้นกูกลับก่อนละกัน นี่ตังค่าก๋วยเตี๋ยว” ควักเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ผม

“ไม่ต้องหรอกให้กินฟรี ตอบแทนที่ช่วยดูลูกค้าให้” ผมบอกกลับไป ไอ้คุณปียักไหล่นิดๆ เหมือนไม่ได้หนักหนาอะไรแล้วก็เก็บเงินเข้ากระเป๋า

“ความจริงจะมากินฟรีทุกวันเลยก็ได้นะ ไม่ว่าหรอก”

“กู ไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยว” ตอบกลับมาสั้นๆ ห้วนๆ แบบนี้ทุกที จะตอบให้มันยาวๆ กว่านี้ไม่ได้รึไงวะ

“แล้วมากินทำไม”

“-*- โง่แล้วความจำสั้นอีกเนอะ ก็บอกไปแล้วว่ากับข้าวที่บ้านไม่มี” เออจริงมันบอกแล้วนี่หว่า แต่กูไม่ได้โง่นะเว้ยกูอายุมากแล้วมันต้องหลงลืมเป็นธรรมดาดิวะ ไม่อยากจะเถียงเดี๋ยวจะโดนด่าอีกเลยโบกมือไล่เขาให้กลับบ้านไปเถอะ พอไอ้คุณปีมันออกพ้นประตูร้าน บรรดาสาวๆ ก็ออกอาการทันทีครับ

“พี่คะๆ พี่คนเมื่อกี้เป็นใครเหรอคะ แล้วพี่เขามีแฟนรึยัง คนอะไรหล่อหมดจดทุกตารางนิ้ว” แหม่ชะนีน้อยคนหล่อกว่ามันยืนหัวโด่อยู่นี่ไม่ชมกันบ้างเดี๋ยวก็คิดค่าอาหารคูณสองสะเลยนี่ มาทำตาวิบวับใส่ผัวในอนาคตผมของผมได้ ไม่ใช่ละ ผมหมายถึงถังเงินถังทองของผม ไอ้ร้อยล้าน ผมไม่สามารถปั้นหน้ายักษ์ใส่ลูกค้าได้ครับแต่หมั่นไส้นิดๆ ที่มีคนชมแต่มันไม่ชมผมบ้าง

“อ่อ เขาชื่อปีมงคล ครับ อยู่บ้านข้างๆ พี่เองครับ”

“แล้วพี่ปีเค้ามีแฟนรึยังอะคะ”

“อ่อ มันมีเมียแล้วครับ อย่าสนใจมันเลย แต่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าน้องนี่โสดสนิทนะครับ” บอกน้องชะนีเขาไปเผื่อเขาจะสนใจยกหัวใจมาให้ดูแล

“แหะๆ พอดีว่าพี่ไม่เป๊คหนูอะ หนูชอบหล่อเข้มๆ แบบพี่เขา” ตอบกลับมาหน้านี่แทบหงาย แหม่ชอบหล่อแบบเข้มๆ เข้มตรงไหนขาวเหมือนผีจูออนขนาดนั้น

“มันเข้มตรงไหนครับน้อง ต้องแบบพี่นี่สิ หล่ออินเตอร์”

“หน้าเขาเข้มไงพี่ ดูเงียบๆ น่าค้นหาดี เห้อเสียดายจังมีเมียซะละ” คึคึคึ ดีมากครับน้องชะนีตัดใจไปเลย เพราะมันเป็นของพี่ ไอ้เข้มที่น้องบอกอะ ฮ่า ขำในใจซะดังลั่น สกัดดาวร่วงลงสะใจดี ในเมื่อผมไม่ได้มันก็ไม่มีสิทได้เหมือนกัน

12.00น.

ไอ้ไวตื่นมาช่วยหน้าร้าน หน้าตามันดูดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเยอะ แต่ก็ยังดูซีดๆ อยู่เหมือนกันจะถามว่ามันไปทำอะไรมาก็ลืมเพราะลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นจนไม่มีเวลาที่จะคุยกัน เหนื่อยแต่คุ้มค่า พอหมดลูกค้าก็เตรียมเก็บร้านจะได้พักไวๆ ผมรอจนเก็บของทุกอย่างเสร็จ รอเย็นๆ จะออกไปตลาด ซื้อของมาทำกับข้าวกิน วันนี้อยากกินผัดเผ็ดปลาดุก ไอ้ไวเห็นมันบ่นๆ ว่าอยากินหมูทอด เลยกะจะไปตลาดซื้อของสดมาทำกินกัน



....................................

“ไวมึงเอาของพวกนี้ไปเก็บที่รถก่อนนะ แล้วไปเจอกันที่ร้านน้ำปั่นนะ” ผมยื่นกุญแจรถยนต์ส่งให้มัน เพราะของที่ซื้อเริ่มเยอะกลัวมันจะถือไม่ไหว เรามาถึงตลาดตอนห้าโมงกว่าๆ มาตลาดนัดทีไรเงินในกระเป๋าผมบรรลัยทุกที คือเห็นอะไรก็อยากซื้ออยากกินไปหมด

“ครับลูกพี่” รับเอากุญแจแล้ววิ่งหายไปพร้อมของสด ผมเดินไปที่ร้านน้ำปั่นเจ้าประจำร้านนี้ปั่นได้ถูกใจผมสุดแล้ว พอมาถึงก็สั่งเผื่ไอ้ไวมันด้วยขานั้นชอบกินน้ำแครอทผสมมะเขือเทศ ผมชอบกินน้ำกล้วยหอมสดใส่แอปเปิล สั่งไปอย่างละแก้วแล้วยืนรอเด็กพม่ามันกลับมา

“พี่สั่งให้ผมรึยัง” มาถึงก็ถาม ดูท่าจะหิวน้ำ

“สั่งแล้ว” ผมตอบกลับแล้วหันไปมองของอย่างอื่นตลาดนี่เป็นตลาดนัดเปิดท้ายขนาดใหญ่ครับมีของเยอะแยะมากมายทั้งของกินของใช้ อาหารผักสด มีหมด พอได้น้ำก็เดินดูของไปเรื่อยอันไหนน่าสนใจก็แวะ อย่างเช่นร้านนี้ ร้านขายเสื้อผ้าครับ ร้านเจ้าประจำของผมกับไอ้ไว

“อ่าวน้องเพียว น้องไว มาๆ วันนี้มีแบบใหม่มา” พี่บีมคนขายหน้าตาดี มีกล้ามเป็นมัดๆ กวักมือเรียกผมเข้าไป ผมกับไวไม่ได้อิดออด เดินตรงดิ่งไปดูเสื้อผ้าทันที เหอๆ เสียทรัพย์อีกแล้วสินะกูได้แต่ถอนหายใจนิดๆ แต่อย่างว่าละนะ มีเงินก็ต้องใช้เดี๋ยวปลวกมันจะขึ้นเอา เลือกมาได้สองตัว ไอ้ไวได้มาสองตัวเหมือนกันแต่คนละแบบผมควักเงินจ่าย ไอไวก็ด้วยแต่ผมห้ามไว้เพราะผมอยากซื้อให้มัน

“ไม่ต้องกูจ่ายเอง เก็บเงินไว้ส่งไปบ้านมึงเหอะ ลำบากไม่ใช่เหรอ” มันยิ้มอ่อนๆ มาให้แล้วขอบคุณผม มันเป็นเด็กดีผมรู้ อะไรที่พอช่วยได้ผมก็จะช่วย

ซื้อของเสร็จก็เดินดูอย่างอื่นต่อ ได้มาอีกสองสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีของไอ้คุณปีด้วย กลับมาถึงบ้านก็หกดมงจะทุ่มหนึ่งแล้วพึ่งลงมือทำกับข้าวดีนะหุงข้าวไว้ก่อนออกไปตลาด ผมรีบทำมื้อเย็นเพราะเริ่มจะหิวมีไวมาเป็นลูกมือช่วยอีกแรง ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จ วันนี้ได้หนังใหม่มาดูสองสามเรื่อง กะว่าจะนั่งกินหน้าทีวีดูหนังไปด้วย เมื่ออาหารพร้อมผมกับไวก็ไปอาบน้ำแล้วมานั่งกินข้าวด้วยกัน อร่อยครับมื้อนี้มีแต่ของชอบ ลงมาก็เห็นไวมันตักข้าวใส่จานไว้ให้ผมเดินไปเปิดเครื่องเล่นซีดี เอาหนังที่ซื้อมา สามแผ่นร้อย ใส่เครื่องเล่น กดเล่นแล้วมานั่งกินข้าว อเวนเจอร์ภาก1 ก็เริ่มฉาย





25.30น.

ดูหนังเพลิน เลยเวลานอนมาสักพักแล้ว กำลังจะต่อเรื่องที่สามหันไปมองนาฬิกาแล้วก็ถอนหายใจทำไมเวลาแบบนี้มันถึงได้น้อยนัก รีบเก็บของและเศษซากขนมที่ซื้อมาจากตลาด เก็บล้างแล้วพากันเข้านอน เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปตลาด หนักแน่พรุ่งนี้ เดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เข้าไปอาบน้ำอีกรอบ แล้วคลานขึ้นที่นอน ต้องรีบนอนเดี๋ยวจะตื่นไม่ทัน





ทุกๆ วันมันวนลูปไปแบบนี้ตลอดช่วงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา มีบ้างที่คุณชายปีเขาแวะมาที่ร้าน แต่ไม่ได้แวะมากินนะแวะเอาขนมมาให้น้องไวเขาแล้วก็กัดผมเป็นงานอดิเรก ชอบจริงเวลาเขาพูดจาจิกกัดใส่ เพราะผมจะได้มีโอกาสได้คุยกับเขา หยอกเขาบ้างเพราะผมไม่มีเวลาเลย เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก็เห็นไวมันกวาดบ้านอยู่ ทักทายมันนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าครัว วันนี้วันอาทิตย์ ไม่ได้เปิดร้าน เลยตื่นสายหน่อย ตอนนี้แปดโมงกว่าๆ เข้ามาในครัวค้นตู้เย็นหาของมาทำอาหารเช้า มีไข่ มีกุ้ง กับผักอีกหลายอย่าง เมนูวันนี้คงเป็น ไข่ตุ๋นกุ้ง กับผัดผัก ทำเสร็จก็เรียกไวมันมากินข้าว เห็นมันยืนคุยกับพี่ชายสุดที่รักของมันอยู่ข้างรั้วเดินเข้าไปหาพวกนั้นช้าๆ ตาก็มองไอ้คุณปีไปด้วย มันรู้ว่าผมกำลังมองไปที่มัน รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่มุมปากของเขาดูแล้วน่าหมั่นไส้ เดินไปจนถึงรั้วสะกิดไอ้เด็กพม่ามันเบาๆ ใบหน้าใสๆ ของมันหันมายิ้มฟันขาวใส่

“ว่าไงพี่”

“กูมาตามไปกินข้าว มึงนี่เป็นลูกจ้างภาษาอะไรวะให้นายจ้างอย่างกุมาตามไปกินข้าวเนี้ยห๊ะ” ผลักหัวมันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“เหรอพี่ ถ้าอย่างนั้นผมชวนพี่ปีมากินด้วยได้ไหม นะ” แหม่เข้าทางผมเลยทีนี้ ยืนกอดอกไว้ท่านิดๆ ก่อนจะเอ่ยปาก

“ก็มาสิไม่ได้ว่าอะไร” พูดจบก็เดินหันหลังเข้าบ้านทันที ที่รีบเดินไม่ใช่อะไรครับนึกขึ้นได้ว่าลืมหุงข้าว ฮ่าๆ เข้ามาในครัวก็รีบเลยครับเอาข้าวซาวน้ำแล้วตั้งหม้อ เปิดตู้เย็นหาวุ้นเส้นกับเต้าหู้หลอดมาทำต้มจืดเพิ่มอีกอย่าง สักพวกเขาก็เดินเข้ามาในบ้าน

“รอแป๊บนะมึง กูลืมหุงข้าว” แอบเดินไปกระซิบข้างๆ หูลูกน้องตัวเอง ไอไวมันขำครับแต่ไม่ดัง

“เดี่ยวผมถ่วงเวลาให้” ดีมาก ผมรีบเดินกลับเข้าไปในครัวทำทุกอย่างให้เสร็จ

สิบหน้านาทีผ่านไป

“เสร็จแล้ว” กวักมือเรียกไวที่กำลังคุยกับคุณชายอย่างออกรสออกชาติให้มาช่วยยก แต่ไอ้คนที่ไม่ได้เรียกมันกลับลุกขึ้นยืนและเดินมาด้วย

“พี่ปีจะช่วยเหรอครับ”

“อืม ไปสิไว พี่หิว” ผมยืนอึ้งนิดๆ ไม่คิดว่าเขาจะมาช่วย หรืออะไร แต่แบบเห้ย มาอย่างเหนือ เหนือความคาดหมายของผมมากมายทีเดียว มองเขายกจานกับข้าวออกไปตั้งที่โต๊ะกินข้าว ผมเองก็ยกหม้อข้าวออกไป กำลังร้อนๆ เลย เดินกลับมาหยิบน้ำแดงเฮลบลูบอยที่ผสมแช่เย็นเอาไว้ออกจากตู้เย็นมาสองขวดแก้วอีกสามใบ กำลังจะตักข้าวเข้าปากจู่ๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขัดเสียก่อน ไอไวมันอาสาไปดูให้

“พี่ แย่แล้ว ป้าอรมาหา” ฉิบหายหายละครับป้าอรแกยิ่งจุ้นจ้านขี้เสือกอยู่ด้วย แล้วนี่แกกลับจากไปทัวว์บ้านเกิดที่เชียงใหม่แล้วเหรอวะผมรีบวางช้อนลง แล้วหันไปมองใบหน้านิ่งๆ ของไอ้คุณปี เห็นมันแอบถอนหายใจแบบเบื่อหน่ายมากออกมา

“เดี๋ยวกูไปรับหน้าเอง พวกมึงกินก่อนเลยก็ได้” ครับบอกแบบนั้นแล้วเดินออกไปหายัยป้ามหาภัยที่ห่างหายไปจากชีวิตผมได้เกือบสองอาทิตย์ ตอนนี้แกกลับมาแล้วครับ จะกลับมาทำม้ายยยยย เดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตอแหลขั้นสุด เห็นป้าอรแกยืนชะเง้อคอยาวมองมาข้างใน พอผมเดินออกมาแกก็รีบกวักมือเรียกให้ไปหา

“พี่ซื้อของมาฝาก ของดังเจ้าอร่อยเลยนะ” แกชูถุงน้ำพริกหนุ่มกระปุกละยี่สิบบาทที่มาพร้อมกับถุงแคปหมูให้ดู ยังไม่ทันจะยื่นมือไปรับ

“ทานข้าวกันอยู่เหรอพอดีเลย พี่เองก็ยังไม่ได้ทานข้าว ขอฝากท้องด้วยคนสิ” ไม่ต้องตอบมันหรอกครับเพราแกเล่นเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้ามาเลย แหม่แล้วจะขอกูเพื่อ เดินตามหลังแกไปครับ พอคนด้านในเห็นว่าผมไม่ได้มาแค่คนเดียวก็ทำหน้าอึ้งๆ ไอ้ไวมันอ้าปากถามไร้เสียงว่าผมปล่อยให้ยัยป้านี่เข้ามาได้ยังไง ตอบกลับไปว่ากุไม่ได้เชิญเว้ย แกมาเอง

“อ้าวน้องปี วันนี้มาทานข้าวบ้านนี้เหรอคะ แหมบังเอิญจังเลยนะคะ สงสัยจะเป็นพรหมลิขิต” แกส่งสายตาหวานๆ พร้อมกับพูดจีบปากจีบคอใส่ไอ้คุณปีที่นั่งอยู่เงียบๆ ก่อนที่ป้าแกจะหย่อน ไม่สิเรียกว่าล้มใส่ไอ้ปีดีกว่า ป้าแกนั่งเก้าอี้ที่ผมนั่งครับ ซึ่งมันติดกับเก้าอี้ของไอ้คุณปีเขา ไอ้คุณปีพอเห็นว่ายัยป้ามานั่งข้างก็ทำหน้าแบบว่าอึไม่ออกขึ้นมา เป็นไงละมึงแอบขำมันนะครับแต่ก็สงสาร

“เอ่อครับ” ตอบกลับสั้นๆ แล้วกินข้าวต่อ

“นี่หนูไปเอาถ้วยกับจานมาให้พี่หน่อยสิจ้ะเอามาใส่น้ำพริกหนุ่ม” อ่าวอีป้าไหนว่าจะเอามาฝากกูวะ ไอไวมันรีบเดินเข้าไปหยิบชามมาให้ ป้าแกจัดแจงเทน้ำพริกใส่ถ้วยแกะแคบหมูใส่จานเรียบร้อยก่อนจะนั่งกินข้าวของผมอย่างหน้าตาเฉย แล้วเจ้าของอย่างกุจะต้องอยู่ส่วนไหนของอาหารมื้อนี้เหรอครับมึงครับ ไอไวมันมองอย่างอึ้งๆ ไอ้คุณปีก็ไม่แพ้กันครับ ถึงกับวางช้อนเลยทีเดียวเชียว

“อ้าวน้องเพียวนั่งสิคะไม่ต้องเกรงใจ น้ำพริกเจ้านี้อร่อยมากพี่คอนเฟริมมม” มียกนิ้วโป้งใส่กุอีกเออ เชิญคุณมึงตามสบายเลยครับ ผมยิ้มให้ป้าแกนิดๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ไอ้ไว ที่มันเดินไปหยิบจานใบใหม่แล้วตักข้าวให้ผม

“เป็นไงละพี่ อึ้งเลยดิ” มันกระซิบ

“เออ แมร่งเกิดมาไม่เคยเจอคนอะไรมึนได้ใจ” กระซิบตอบกลับมันไป พร้อมกับตักข้าวกิน

“น้องเพียงทำกับข้าวอร่อยดีนะคะ สงสัยแบบนี่พี่คงต้องมาฝากท้องบ่อยๆ แล้ว”

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ค่อยทำหรอกครับนานๆ ที”

“อะไรกันถ่อมตัวจริง ขนาดเย็นตาโฟยังอร่อยขนาดนั้นจริงไหมคะน้องปี” คุยกับผมแต่วกกลับไปหาไอ้คุณปีมันแบบเนียนๆ ที่บอกว่าอร่อยก็เพราะได้แดกฟรีไงครับ แหมทำมาเป็นพูดดด โด่ววววว นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านแก่ๆ นะ ไม่อย่างนั้นโดนเตะออกนอกบ้านไปนานแล้ว โถ่ ....รู้ไว้ว่าเจ้าของบ้านเป็นยักษ์ ดุมาก ผมมองป้าอรแกตักกับข้าวใส่จานตัวเองแล้วแทบอยากจะร้องไห้ ตักทีพวกผมนี่แทบจะไม่ได้กิน ไม่ได้มีความเกรงใจกันสักนิด

พออิ่มแกก็สะบัดตูดหนีเลยครับ อ้างว่าต้องไปร้านตัดผมนัดช่างไหว ห่าราก อยากแดกของฟรีก็บอก เลยกินไม่อิ่มกันทั้งสามคนครับ ผมเดินไปค้นตู้เหลือไข่อยู่สามฟองพอดีชั่งใจว่าจะผัดข้าวหรอทำไข่ดาวดี

“ไวมึงจะกินไข่ดาวหรือข้าวผัดดีวะ แมร่งไม่อิ่มเลยห่าเอ้ย” บ่นใส่ลูกน้องตัวเองไปด้วย ไอ้ไวมันหันไปถามพี่ชายสุดที่รักของมัน

“พี่ปีกินไรดีอะ”

“ข้าวผัด ได้เยอะดี” ถูกของมันนะได้เยอะอิ่มด้วย ผมเดินไปค้นตู้ดีนะยังมีผักคะน้าอยู่สองสามต้นกับผักชี พอถูๆ ไถๆ ได้ ลงมือผัดข้าวที่เหลือครึ่งหม้อ ได้มาสามจานใหญ่ ผมทำพริกน้ำปล้าบีบมะนาวใส่ด้วยอร่อยกว่ากับข้าวเมื่อกี้อีกนะ กินจนเรอออกมาเบาๆ แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันเสือกได้ยิน มันหันมาจิกใส่รู้เลยว่าแอบด่าผมในใจสายตามันฟ้อง

“น่าเกลียดวะพี่” พี่มันด่าในใจแต่ไอ้นี่ด่าออกมาซึ่งๆ หน้า ไม่ได้เกรงใจความเป็นเจ้านายของกุเลยสักนิด ไอ้ลูกจ้าง!!!

“อะไร กูเรอเสียงเบาจะตาย”

“โห่ กล้าพูดผมนั่งอยู่ยังได้ยินเบาตรงไหน”

“เบาสำหรับกู กินเสร็จก็เก็บล้างเลยนะมึง” ขี้หน้าคาดโทษมันที่บังอาจมาว่าผม

“พี่ช่วยนะไว”

“ไม่ต้องพี่นะ มานี่กับผมเลย” ลากเขาออกมาหน้าบ้านครับ กินเสร็จก็เรียกใช้แรงงานเลยครับเอาให้คุ้มค่าข้าวที่ทำให้กิน

“อะไรของมึง” ทำหน้าไม่พอใจใส่ผมอีกกละ

“ผมอยากปลูกผักลอยฟ้าแบบบ้านพี่อะ”

“แล้ว”

“ช่วยทำหน่อย”

“เรื่องอะไรอยากแดกก็ทำเองดิ” แหม่ปฏิเสธเสียงแข้งเดี๋ยวๆ

“งั้นคายข้าวที่กินออกมาให้หมด”

“จะบ้ารึไง ไอ้เพียว” แวดใส่ผมเหมือนผมเป็นแมลงสาบเลย

“เอ้ากินแล้วก็ต้องตอบแทนกันมั่งดิ” มันกลอกตาบนใส่ผมครับ ฮ่าๆ

“วันหลังอย่าริอาจมาชวนกูแดกอีกนะมึง” คุณปีเขากัดฟันพูดใส่ครับ แหม่ไม่ธรรมดามีส่งสายตาอาฆาตมาให้ด้วย หลังจากอาฆาตผมแล้วคุณปีเขาก็สั่งให้เอาขวดเปล่าที่ไม่ใช้แล้วกับเชือกมาครับ พร้อมกับสาธิตให้ดูว่าต้องทำยังไงบ้างดูไปก็เหมือนจะง่ายนะครับ ผมลองทำเองตามที่เขาสอน เรามานั่งทำกันที่ศาลาไม้ครับ ขวดน้ำอัดลมที่ไวมันเก็บไว้ขายผมเอาออกมาล้างคว่ำไว้ เอาออกมาตัดตามที่เขาสอน

“เจาะรูให้กว้างหน่อย”

“....”

“ช้าๆ ค่อยๆ คัตเตอร์มันคม”

“รู้แล้วน่า” นี่ก็ไซโคไม่หยุดมือกูสั่นไปหมดแล้วเนี้ยะ

พรึบ ฉึก!!!

“อ่าว” ร้องอ่าวออกมาเพราะออกแรงมากไปมีดมันเลยแฉลบโดนนิ้วตัวเองลึกพอควร เลือดพุ่งเลยครับ

ปรี๊ดดดดดดดดด -*-

“อ่าวเหี้ยไรละ เอามือมานี่ แมร่งซุ่มซ่าม โง่ฉิบหายเลยมึงเนี้ยะ” ด่าได้เจ็บครับ เขากระชากมือผมแล้วบีบไว้แน่นก่อนจะลากผมไปที่ก๊อกน้ำข้างรั้ว เปิดน้ำล้างแผลให้ คำพูดกับการกระทำมันช่างตรงกันข้ามกันมาก ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมาย สักพักแผลมันก็จะสมานของมันเอง แต่ไอ้คนข้างๆ ผมนี่สิดูจะตกใจเอามากๆ ล้างน้ำเสร้จก็ลากผมเข้าบ้านเรียกหากล่องปฐมพยาบาลทันที ไอ้ไวมันเห็นว่าผมเลือดออกก็ตีลีตาเหลือกหากล่องพยาบาลเยครับ อยากจะบอกมันเหมือนกันว่าไม่มีหรอกไอ้ของแบบนั้น เพราะผมรักษาตัวเองได้ ของแบบนั้นเลยไม่จำเป็นสักนิด

“พี่ เอาของพวกนั้นไปเก็บไว้ไหน ผมหาไม่เจอ” มันวิ่งมาหาหน้าตาตื่น

“ไม่มีเหรอสงสัยกุเก็บทิ้งไปแล้วมั้ง” ทำหน้าเนียนๆ ตอบกลับไป

“มึงบ้ารึเปล่าเนี้ยะของจำเป็นมึงเก็บทิ้งเนี้ยะนะ ไวไปบ้านพี่ เอากล่องยาหลังตู้เย็นมาไป” พอได้ยินมันก็รีบวิ่งออกไปเลยครับ

“ใครจะไปรู้ว่าจะบาดเจ็บละ” ทำหน้ายู่ใส่เขาเพราะแรงบีบที่นิ้ว

“ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอก เขาถึงได้ให้เราเตรียมพร้อมไว้ไง โตป่านนี้แล้วทำไมถึงคิดไม่ได้” ไอ้คุณปีเขาพูดเสียงนิ่งๆ นุ่มๆ แต่ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที อยากจะอธิบายคันปากจะตายแล้วครับแต่บอกไม่ได้ ไม่นานไวมันก็วิ่งกลับมาพร้อมอุปกรณ์และยาทำแผล ร่างสูงเริ่มทำแผลให้ผมอย่างเบามือ เรานั่งติดกันโดยที่เขาจับมือผมเอาไว้แน่น เวลาเขาทำแผลให้สีหน้าที่เขาแสดงออกมาดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงผมจริงๆ มันดูอ่อนโยน เวลาเอาแอลกอฮอล์ราดรอบๆ แผลเขาทำหน้าหยีเหมือนจะแสบแทนผม ไอ้ไวด้วย

“ซี๊ดดด พี่ไม่แสบเหรอ ผมแค่มองก็แสบแทนแล้ว” เออวะลืมเลยว่าต้องแสบแผล

“สะ แสบดิ อะ โอ้ยย” ร้องออกมาทันทีครับ

“มึงรู้สึกช้าไปไหมไอ้เพียว กูใส่ยาแดงแล้วมึงจะมาร้องเอาอะไรป่านนี้”

“แฮะๆ” หัวเราะแก้เขิลสิครับงานนี้


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
continue next time ...ชอบไหม มันจะเรื่อยๆนะไม่หวือหวาอะไรมากมาย



ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไว ไม่ใช่คนพม่าใช่มั้ย
แต่ที่มาสมัครงานร้านเพียว
ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ
แถมทำไมรู้จักมักคุ้นกับคุณปี  :katai1: :katai1: :katai1:
เหมือนจะดีขึ้นนิ้ดนึง หรือเท่าเดิมระหว่างคุณปีกับเพียว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ยังไม่เห็นแววที่เขาจะรักกันเลยค้า

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสุรา ล่ารัก ตอน ที่ 8 การปรากฎตัวของพรายน้ำ



เช้าวันจันทร์ที่สดใส วันนี้เปิดร้านสายครับ กว่าจะตั้งร้านเสร็จก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมง พักเหนื่อยได้ไม่ถึงสิบนาที ลูกค้าก็เข้า ทำงานวนไปจนถึงเวลาปิดร้าน จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในร้าน ถามเราว่ารับสมัคแม่ครัวไหม ผมรีบตอบรับทันทีว่ารับ พาเขาเดินเข้านั่งในร้านรอผมสัมภาษณ์งาน ดูพี่แกตื่นๆ เลยยกน้ำเก๊กฮวยมาให้แกดื่มจะได้ใจเย็นลง พี่แกเล่าว่าเมื่อก่อนแกทำงานโรงงานพอท้องเริ่มทำงานไม่ไหวเขาเลยจ้างออกมาอยู่บ้านญาติใกล้ๆ กับหมู่บ้านผม แกมีลูกเล็ก ดูๆ แล้วหน่วยก้านก็ใช้ได้ แกทำกับข้าวเป็นก๋วยเตี๋ยวก็พอได้ ผมเลยรับเข้าทำงาน พี่แกดีใจมาบอกว่าตกงานมาหลายเดือนแล้ว เงินที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอลงทุกวัน จนจะไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน แค่ฟังก็สงสารครับ แต่เหตุผลเหนือสิ่งอื่นใดที่ผมรับเธอคนนี้เข้าทำงาน เธอเป็นหลานของเพื่อนผมเมื่อ ห้าสิบปีก่อน เพื่อนรักที่ตายจากผมไปทีละคนๆ

“พี่แก้วเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้เลยนะครับ เริ่มงานแปดโมงเช้าถึงสามโมงเย็น ค่าแรง สามร้อยห้าสิบบาทต่อวัน หยุดทุกวันอาทติย์และตามราชการนะครับ”

“ขอบคุณนะน้องเพียว” พี่แก้วยิ้มดีใจที่ได้งานทำ

“ไม่เป็นไรครับถือว่าช่วยๆ กัน”

ส่งพี่แก้วเสร็จก็เดินเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นไวมันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ก็ไม่ได้ทักอะไรมัน เดินออกบ้านตรงไปยังบ้านอีกหลัง ไม่เจอหน้ามาสองวันละคิดถึง เดินไปเปิดประตูรั้วบ้านเขาโดยที่เขายังไม่อนุญาตนี่ว่าเสียมารยาทมากพอแล้ว นี่เล่นเดินเข้าไปด้านในประดุจตัวเองเป็นเจ้าของบ้านแบบนี้หวังว่าคงไม่โดนไล่เหมือนอย่างที่เป็นมาหรอกนะ

“พี่ปี พี่ปี อยู่ไหม โหล..ไปไหนของเขาวะ” ตะโกนเรียกจนคอแทบแตกก็ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน ผมเลยเดินไปดูที่หลังบ้าน เห็นเขานอนอยู่บนเปลหวายสานใต้ต้นไม้ ดวงตาปิดสนิท แอบมาหลับอยู่ตรงนี้นี่เอง ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปหา กะว่าจะทำให้เขาตกใจเล่น ใกล้เข้า ใกล้อีกนิด จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา คนอะไรดูดีแม้กระทั่งตอนหลับ ดูขนตาดิ ยาวจนน่าอิจฉา ปากก็อมชมพูสวย แต่ไม่น่าเลี้ยงหมาไว้ในปากเลย ผมทำหน้าล้อเลียนเขาเวลาด่าผม แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ยกมือทำท่าตบหัวเขาด้วยความหมั่นไส้

หมับ พรึบ!!!!

“ทำอะไรของมึงไอ้เพียว” ถูกจ้องด้วยดวงตาดุๆ แล้วรู้สึกขนลุกอยู่บนอกเขา เพราะพี่ปีดึงตัวผมให้ล้มทับลงไปใกล้ชิดที่เห็นแม้กระทั่งรูหุมขน จ้องหน้าพี่มันนิดๆ แล้วตอบแบบเสียงตอแหล

“ปล๊าวว นี่” เอ้อออ จะเสียงสูงทำไม๊ไอ้เพียว ยิ้มสู้พี่มันหน้าด้านๆ นี่แหละครับ

“ตอแหล เห็นตากุหลับแต่กูไม่ได้หลับนะไอ้เพียว” พี่มันว่า.. แล้วเสือกไม่ตื่นตั้งแต่กูเรียกละวะ กวนตีนนี่หว่า

“แสดงว่าแกล้งไม่ได้ยินที่ผมเรียกอะดิ” พี่มันพรุลมหายใจออกมาหนักๆ

“มึงน่าจะรู้นะว่าคนเขาไม่ขานตอบแสดงว่าเขาไม่อยากจะเสวนาด้วย”

“อ่าวนี่พี่ไม่อยากคุยกับผม เหรอ” ใจแป้วไปนิดที่โดนเขาตอบกลับมาน่านิ่งๆ แบบนี้ อุตส่าห์อาบน้ำหอมๆ มาหา

“เออ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”

“นี่พี่หลอกด่าผมรึเปล่าเนี้ยะ ไม่รู้แหละ อุตส่าห์มาหาไม่อยากคุยด้วยก็จะคุย หน้าด้านพอ”

“เห้อออ นี่มึงไม่เข้าใจที่กุพูดเหรอ ว่าไม่อยากคุย กูจะพักผ่อน”

“ก็พักไปสิ เอาหูไว้ฟังผมก็พอ”

“-*- จิ๊ไอ้นี่” พี่มันตั้งท่าจะถีบผม แต่ขอโทษกูไวกว่า ผมรีบเด้งตัวออกจากเปลแล้วนั่งลงตรงพื้นไม้ขัดเงาข้างๆ เขาด้านหลังเป็นบ่อปลามีน้ำตกด้วยสวยดี

“ก็แค่จะมาถามว่าวันนี้จะกินอะไร เออ ผมได้แม่ครัวแล้วนะ ทีนี้ผมก็จะได้มีเวลาจีบพี่แบบนอนสต๊อปสักที” พี่ปีมันเริกคิ้วสูงแล้วหันมาหาผม

“เหอะ นี่มึงเอาจริงเหรอเรื่องที่พนันกัน”

“เอาจริงดิ ร้อยล้านเลยนะ”

“ถ้ามึงแพ้มึงมีปัญญาจ่ายกุเหรอถามจริง” แหม่ทำมาเป็นดูถูกเดี๋ยวๆ เอาสมุดบัญชีมาฟาดหน้าซะเลยนี่

“มีละกัน แล้วพี่คิดเหรอว่าผมจะแพ้” พูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะจูบเขาอยู่แล้ว

“.....”

“ครั้งนั้นพี่ยังเคลิ้มจนจะเอาผมเป็นเมียอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวบ้างเหรอ” ผมยกยิ้มอย่างมีชัยที่เหนือกว่าเขา

“มึงคิดอย่างนั้น ก็แล้วแต่มึง จะบอกอะไรไว้อย่างนะ ระหว่างความใคร่ กับความรักมันต่างกัน มึงลองแยกออกดีๆ แล้วมึงจะรู้ว่าวันนั้นกูแค่ใคร่” คำตอบของพี่มันเล่นเอาผมหน้าตึงเลยครับ แค่ความใคร่เหรอ เหอะ คอยดูเถอะยักษ์ตนนี้จะเอาความใคร่ของพี่มาเป็นความรักของผมให้ได้ คอยดู!!!

“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอของพี่ปีทำให้ผมรู้สึกหน้าตึงเข้าไปอีก ด่าอีกนิดนี่หน้ากูฉีกแน่ ผมเบะปากใส่อย่างมายอม

“ระวังเถอะจะกลืนน้ำลายตัวเอง”

“มึงเองก็อย่ามาหลงรักกูก็แล้วกัน ออกไปได้แล้วกูจะนอน” พูดเสร็จก็หลับตาหันหลังให้ ไม่สนใจผมอีกเลย คอยดุเหอะ ไอ้เพียวคนนี้จะเอาหัวใจพี่มันบีบให้เละคามือเลยคอยดู แค้น โว้ยยยยย เดินปึงปังออกจากบ้านเขา ดีเย็นชาดีนักข้าวไม่ต้องแดก ไม่ทำให้แล้ว เหอะ โมโห คนบ้าอะไรปากคอเราะร้ายยิ่งกว่านางร้ายในละคร มาถึงบ้านก็เห็นเด็กพม่ามันนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่โซฟา

“ไอ้ไวมึงอ่านออกด้วยเหรอวะ”

“อะ เอ่อ ผมดูแต่ภาพเอาพี่” มันตอบกลับมา สีหน้ามันมีพิรุธแหะ

“เหรอ เออ แล้วป้ายหน้าร้านมึงเขียนเองเหรอ”

“อะ เอ่อ ปะ ป่าวพี่ ผมให้พี่ปีเขียนให้”

“เหรอ กุก็นึกว่ามึงเขียนเอง”

“มีอะไรรึเปล่าพี่” หน้ามันซีดลงไปนิด แววตามันดุสั่นๆ ไอ้นี่มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย

“ก็ไม่มีไร เห็นลายมือมันสวยดี ก้นึกว่ามึงเขียนเอง” จ้องหน้ามันอย่างจับผิด

“อะพี่ ผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้วจะเขียนได้ไง อีกอย่างผมไม่ใช่คนไทยเสียหน่อยจะไปเขียนภาษาไทยได้ยังไงเล่า” เหอๆ รัวลิ้นตอบมาเชียวนะมึง ได้ อย่างให้กูจับได้คาหนังคาเขานะมึง แม่จะถลกหนังตากแห้งเลยคอยดู

“จริงของมึง” ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาอีกตัว

“พี่แล้วเย็นนี้จะกินอะไรอะ”

“ไม่รู้วะมึงอะอยากกินอะไร” ปัญหาระดับชาติอีกแล้วครับเรื่อง จะกินอะไรดี ผมกับมันมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด

“เกี๊ยวน้ำไหม หน้าปากซอย”

“ก็ได้พี่”

“มืดๆ ขี่มอไซออกไปกิน มึงก็อาบน้ำอาบท่าได้แล้ว”

“ครับ”



18.30น.

ขี่มอไซต์ออกมากินบะหมี่เกี๊ยวหน้าปากซอยกับไอ้ไว สั่งพิเศษหมี่สามก้อนคนละชาม เจ้านี้อร่อยครับ กินกันจนอิ่มเรียกคิดเงินกลับบ้านแต่ไอ้ไวมันดันอยากกินบัวลอยอีกร้านหนึ่ง ผมมองไปที่ร้านนั้น เห็นยมทูตสองตนกำลังยืนรออะไรบางอย่าง ทันทีที่เห็นผมรู้เลยว่าในอีกไม่กี่นาทีนี้จะต้องมีคนตายแน่นอน ยมทูตสองตนนั้นก้มหัวทักทายผมเล็กน้อย

“ไม่ต้องกินแล้วกลับบ้านเดี๋ยวกุทำให้กินอร่อยกว่าเยอะ” รั้งมันไว้ก่อนที่มันจะเดินไปซื้อบัวลอย ร้านนั้น

“หุยกว่าจะได้กิน” มันว่าแล้วจะเดินไปที่ร้านนั้นอีก ผมเห็นผู้ชายวัยรุ่นสองคนเดินไปซื้อบัวลอยร้านนั้นตัดหน้าไอ้ไวไปเพียงเสี้ยววินาที เสียงเร่งคันเร่งของรอมอเตอไซดังขึ้น สองคนนั้นสินะที่ยมทูตจะต้องมารับตัวไป ผมไม่สามารถช่วยชีวิตของพวกเขาได้ กรรมใครกรรมมัน ผมไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

ปัง! ปัง!

“ว้ายยยยย ช่วยด้วยๆ มีคนถูกยิง” สิ้นเสียงปืน ทุกอย่างก็ดูวุ่นวายไปหมด ผมรีบดึงไอ้ไวที่กำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าให้ถอยห่างออกมา

“พะ..พี่ มะ มีคนโดนยิง..มีคนตาย พี่” หน้ามันซีด ปากสั่น คงตกใจน่าดู

“เออ รู้แล้วกลับบ้าน มึงจะไปมองทำไม หันมา” จับหัวมันให้หันไปมองทางอื่น ไอ้นี่ก็ดื้อเหลือเกิน

“น่ากลัวฉิบหาย นี่ถ้าพี่ไม่รั้งผมไว้ คนที่โดนยิงอาจจะเป็นผมก็ได้”

“เลิกพูดได้แล้ว” พามันซ้อนรถแล้วขี่กลับบ้าน

มาถึงก็เจอไอ้เขื่อนยืนรออยู่หน้าบ้านมาไงวะทำไมไม่เห็น

“อ่าวมึง ไม่เห็นกูนั่งกินบะหมี่ที่หน้าปากซอยเหรอ” มันส่ายหัว หน้ามันดูเหนื่อยๆ

“เพียวคืนนี้กูค้างนี่นะมึง” ไอ้เขื่อนมันบอกตอนที่เดินเข้ามาในบ้าน ไอ้ไวปิดประตูรั้วอยู่

“ไมวะ แล้วไอ้ภูละ ไม่มาด้วยเหรอ”

“มา เดี๋ยวมันตามมาทีหลัง ไปรับใครไม่รู้มาด้วย” มันตอบเสียงเหนื่อยแล้วนั่งบนโซฟาตัวยาว พอไอ้ไวเดินเข้ามามันก็รีบเก็กแล้วส่งยิ้มหวานเลี่ยนๆ ไปให้ ผมมองตามัน แมร่งโคตรจะแพรวพราว

ป๊าปปปป

“โอ้ย ไอ้เชี้ยะ เพียวตบกูทำไม” มันร้องลั่นแล้วหันมาตวาดใส่ผม

“มองลูกน้องกุแบบนั้นคิดอะไรอยู่” พอได้ยินผมถามไอไวมันชะงักเลยครับแล้วมองไปที่ไอ้เขื่อน

“คิด”

“คิด”

“คิดว่า เมื่อไหร่น้องไวจะรับรักกูสักที”

เกิดอาการที่เรียกว่าเดทแอร์ขึ้นมาระหว่างพวกเรา ไอ้ไวมองไอ้เขื่อนแบบจะกินเลือดจะกินเนื้อตรงข้ามกับอีกคน ส่งสายตาหวานแทบจะกินไวมันไปทั้งตัว ส่วนผมไม่ต้องพูดถึงอึ้งอยู่

“มึงว่าอะไรนะ”

“กูชอบน้องไว ไวรัลครับ”

“อย่าพูดเสียงแบบนั้นกูขนลุก” เสียงมันหวานเลี่ยนจนผมรับไม่ได้ ไอ้ไวนี่สิครับยืนหน้าตึงเป็นหนังหมูลนไฟเลย หูก็แดง แสดงว่ามันกำลังโกรธมากๆ แน่

“น้องไวครับ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยสักคืนสิ” ไม่พูดป่าวไอ้นี่แมร่งลุกตามตูดไอ้ไวที่วิ่งหนีมันทัน

“อ๊ากกก พี่เพียว เอาไอ้ผีทะเลนี่ไปไกลๆ ผมที พี่เขื่อนออกไปนะ นี่มันห้องผม”

“นอนด้วยน้า”

“ไม่เอาเว้ย ไม่ออกใช่ไหม ไม่ออก กูถีบนะ ออกไป๊” เสียงไอ้ไวมันร้องโหยหวนขับไล่ไอ้ปลาไหลอย่างไอ้เขื่อน ร่างสุงใหญ่ยิ้มทะเล้นใส่คนตัวเล็กที่เอาแต่ผลักเขาออกอย่างสนุกสนาน

ไอ้เขื่อนสุดท้ายแล้วก็แพ้ลูกถีบของไอ้ไวครับ เด็กพม่ามันเล่นเอาตีนยันยอดอกไอ้เขื่อนออกมากันเลยทีเดียว พอเห็นว่าเข้าห้องนั้นไม่ได้ก็เดินกลับมาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นสุข

“ยังไงมึง เอาจริงเหรอกับไอ้เด็กนั้น” ถามมันเพื่อความแน่ใจ เพราะไอ้เขื่อนมันไม่เคยสนใจใครมากเท่าไอ้เด็กพม่านี่เลย และปรกติแล้วมันจะเป็นคนที่เงียบๆ ดูโตเป็นผุ้ใหญ่กว่าพวกผมสองคน แต่พอมาเจอไอ้เด็กพม่าคนนี้ มันกลับดูสดใสมุ้งมิ้งแลดูพูดมากกว่าปรกติอีก มันพยักหน้าตอบ

“อืมคนนี้แหละ กูถูกชะตา”

“แต่น้องมันเป็นผู้ชายนะเว้ย”

“แล้วไง เป็นผุ้ชายแล้วมันไม่ดีตรงไหน”

“ไหนมึงว่าอยากจะสร้างครอบครัว”

“ก็นี่ไงจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว” มันตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง ผมเองก็อึ้งกับคำพูดของมัน แล้วผมละเมื่อไหร่ถึงจะคิดเรื่องสร้างครอบครัว อายุก็เยอะแล้วด้วย ยักษ์รุ่นผมส่วนใหญ่แต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้วมั้งมีหลายคู่ที่เลือกคู่ครองเป็นมนุษย์และพวกเขาก็มักจะพบชะตากรรมที่โหดร้ายเสมอ นั่นคือการต้องทนมองคนรักจากไปเสมอๆ ส่วนลูกหลานก็จะได้รับพร นั่นคือชีวิตที่เป็นอมตะไม่เจ็บไม่ตายแบบผม พ่อแม่ผมก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกันพวกท่านเลยไม่ต้องเจ็บปวดกับความตาย นั่นแหละครับความรักมันเลือกไม่ได้หรอกว่าเราจะรัดกับใคร ผมมองเพื่อนผมด้วยแววตาที่เชื่อมั่นว่าคนอย่างมันสามารถสร้างครอบครัวที่ดีได้แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

“กูไม่ห้ามถ้ามึงคิดจริงจัง แต่อย่าทำมันเสียใจนะ ไม่อย่างนั้นกูจะสาปแช่งมึงให้พบเจอแต่คนหลอกลวง กูรักมันเหมือนน้องคนหนึ่ง ไอ้ไวมันเป็นเด็กซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัยกับใคร กูขอ”

“เออรู้แล้วละน่า นี่กุก็จีบน้องมันทุกวันนะ ไม่เห็นมันจะสนใจกูเลย” ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง มันไปจีบกันตอนไหนวะ

“ทุกวัน ทุกวันยังไงวะ”

“ก็ทั้งโทร ทั้งไลน์” แมร่งซุ่มครับนี่ผมไม่รู้เลยนะว่ามันได้เบอร์ลุกน้องผมไปตอนไหน แหม่ไอ้นี่ร้ายจริงๆ

“ร้ายนักนะมึง”

“ถึงร้ายกูก็รักจริงเว้ย อ่า น้องไวจะไปไหนครับ” ไอไวมันออกมาได้ยินพอดีครับ เด็กนั่นพอได้ยินก็หูแดงเดินหนีไปหลังบ้านเลย ไอ้เขื่อนมีเหรอจะปล่อยผ่าน เดินตามไปติดๆ

“เห้ออ จะมีแฟนกันหมดแล้วเหรอวะ ไอ้ภูก็อีกคน ป่านนี้ทำไมยังไม่มาอีก” บนไม่ถึงนาทีมันก็โผล่หัวมาครับ แต่คนที่มันพามาด้วยนี่สิ เห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ธรรมดาแน่นอน กินไอของพลังมันสูงมาก ผมเดินไปเปิดประตูให้มันพร้อมกับมองไปทางด้านหลัง

“มึงพาใครมาด้วยไอ้ภู” ผมถามมันเสียงเข้มแต่ตามองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า คนคนนั้นไม่สิภูติตนนั้นก็มองมาที่ผมเช่นเดียวกัน

“เอ่อ คืออ เพื่อนใหม่กูเอง” มันตอบตะกุกตะกักออกมา

“เหรอ แล้วมาจากไหนละ” ผมไม่ได้ถามเพื่อนผมหรอกถามไอ้คนข้างหลังมัน

“หึหึ ดุใช่เล่นนะครับ” มันไม่ตอบคำถามผมแต่กลับพูดจากวนประสาทผม ตาขวานี่กระตุกยิกๆ เลย

“ถ้าไม่ตอบกุไม่ให้เข้าบ้าน” ผมจ้องเขม็งไปที่มัน หรือที่ไอ้ภูมันบอกว่ามีผีตามรังควานจะเป็นไอ้ผีบ้าตัวนี้วะ

“เพียวมึงอะ”

“ก็ให้มันตอบมาเส้!!! ” เผลอเสียงดังใส่ครับ มันสัญชาตญาณของยักษ์ที่เป็นเหนือกว่าวิญญาณ หรือจะเรียกว่าผู้คุมวิญญาณก็ได้มีหน้าที่กำจัดดวงวิญญาณชั่วร้าย คือมันคล้ายๆ อาชีพเสริมของยักษ์จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ถ้าทำบุญบารมีก็เพิ่ม พลังก็เพิ่มอะไรแบบนี้แต่ ส่วนใหญ่ผมขี้เกียจไง บาปก็ไม่ได้สร้างเพิ่มก็เลยไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่บุญมันก็ย่อมหมดลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ขยันสร้าง ฮ่าๆ

“มึงจะเสียงดังทำไมวะ ไอ้เพียว ให้พวกกูเข้าบ้านก่อนได้ไหมเล่า” ไอ้ภุมันดุใส่ แถมมองผมตาขวางๆ อีก

“กูรู้ แต่ถ้ามันไม่ตอบก็ไม่ต้องเข้า อย่าคิดแม้แต่จะโกหกกูด้วย” ผมไม่รู้ว่ามันมีเจตนาอะไรถึงได้ตามไอ้ภูขนาดนี้ กันไว้ดีกว่าแก้ ช่วงนี้ไอ้ภูดวงกำลังจะตก

“บอกไปมึงจะเชื่อเหรอ”

“บอกมาก่อนเชื่อไม่เชื่อเดี๋ยวว่ากันอีกที” จ้องเขม็งไม่ยอมหรอกถ้ามันคิดร้ายแล้วให้เข้ามาในเขตบ้านได้บรรลัยกันทั้งคนทั้งยักษ์ครับ

“งั้นผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ผมหันไปหาไอ้เขื่อน แตะเอวเพื่อนผมดันให้เข้าไปในบ้านก่อน

“พี่อย่าไปกวนประสาทไอ้เพียวมันนะพี่ ไอ้เพียวมันโมโหร้ายมาก” มีเตือนคนอื่นมึงต้องเตือนตัวเองมากกว่าไอ้ภู

“อืมรู้แล้ว เข้าไปในบ้านก่อนนะครับเดี๋ยวพี่ตามเข้าไป” กูไม่ให้เข้ามึงก็เข้าไม่ได้ไอ้ผีพราย

“เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่านะครับน้องยักษ์” มันแสยะยิ้มร้ายมาให้ แหม่คิดว่าจะกลัวเหรอ

“มายุ่งกับเพื่อนผมทำไม”

“เจ้าสาว”

“-*- “

“เพื่อนคุณคือเจ้าสาวของผม”

“พูดบ้าอะไรของคุณ”

“ภูผา หนีผมไม่พ้นหรอก”

“อย่ายุ่งกับเพื่อนผม” โกรธครับตอนนี้กลัวด้วย ลมแรงพัดไปทั่วทั้งบริเวณจนต้นไม้ไหวเอนอย่างน่ากลัว

“หึหึ คุณก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนคุณอายุสั้น เขาอยู่ได้แค่อายุ25” ความจริงที่ผมลืมมันไปนานแล้วตั้งแต่เจอสองคนนั้น แต่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงชะตาของใครได้ผมจึงเลือกที่จะลืมมัน และดูแลเพื่อนผมคนนี้ตลอดมา

“อึก...”

“ภูผาเป็นของผม และมันจะไม่มีวันที่เขาจะไปจากผมได้” น้ำเสียงเขาน่ากลัวขึ้นมาทันที ตกใจกับหน้าเขียวๆ ของเขาที่สว่างวาบขึ้นมา

“ถ้ามันไม่เจอคุณมันอาจจะอายุยืนมากกว่านี้” ผมบอกแค่นั้นแล้วหันหลังให้เขา เดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกกังวลเพื่อนผมบุญมันน้อย ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ขอแค่ยืดเวลาไปสักนิดก็ยังดี เดินเข้ามาเจอมันนั่งคุยกับเขื่อนอย่างออกรสออกชาติ มีไวร่วมวงด้วยผมมองแล้วรู้สึกมีความสุขนะรอยยิ้มของพวกมันทำให้ผมมีความสุขและผมก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไป ผีพรายตนนั้นเดินเข้ามาในบ้าน และกวาดมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ นี่คงจะมองหายักษ์ตนอื่นๆ ละสิ

“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”

“อืม”

“พ่อ แม่ คนรักละ”

“ตายหมดแล้ว ส่วนคนรักไม่มี” โกหกเรื่องพ่อแม่ไป เพราะผมบอกกับเพื่อนๆ แบบนั้น อยู่ตัวคนเดียว ผมมองเขาอย่างจับผิด คิดจะเก็บข้อมุลรึไง

“หึหึ คงเหงาน่าดู”

“ยุ่ง” ผมตวัดสายตาไม่พอใจไปให้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างๆ ไอ้ภู กอดมันแน่น กลัวความรู้สึกของตัวเองชะมัด แค่มองหน้าคนที่จะพรากเอาเพื่อนผมไปน้ำตามันก็จะไหล เลยซุกหน้าลงที่แผ่นหลังมัน

“เพียวทำอะไรของมึงวะ” ร่างบางหันไปมองคนที่มาด้วย เขากำลังส่งสายตาไม่พอใจมาให้คนที่กอดตนเองอยู่

“อือออ กูคิดถึงมึงอะ”

“ปล่อยก่อน มึงกูอึดอัด มึงรัดแน่นกูหายใจไม่ออก”

“ปล่อย” นำเสียงเย็นๆ ของพรายหนุ่มทำเอาทุกคนชะงัก ไม่เว้นแม้กระทั่งยักษ์ที่กำลังจมกับความคิด





 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:


ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3




อสุราล่ารัก ตอนที่ 9 ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ



        นับตั้งแต่พวกมันย่างเท้าเข้ามาในบ้าน ผมก็หาความสงบสุขในชีวิตไม่เจอ นี่ยังไม่รวมไอ้มนุษย์หน้านิ่งที่ไอ้ไวมันไปเชิญมาอีก ผมกำลังหาอะไรในครัวให้พวกมันกินกันครับ ค้นๆ ดูมีแต่ผักกับไข่กับหมูอีกนิดหน่อย คงไม่พ้นข้าวผัดอีกนั่นแหละ วุ่นวายในครัวอยู่พักหนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับข้าวผัดกะละมังใหญ่ ผมเอากะละมังสเตนเลสที่ใช้แช่ผักมาใส่ครับง่ายดี แล้วยกจานมาให้พวกมันตักกินเอาเอง ใจดีทำพริกน้ำปลาให้ด้วย ผมหันไปมองพี่ปี เขากลืนน้ำลายลงคอนิดๆ คือหิว อยากกิน แต่ทำเป็นคอตั้งใส่ ผมละเหนื่อยกับความท่าเยอะของเขาจริงๆ เดินไปนั่งข้างๆ แล้วถาม


“หิวเหรอ” เขาทำหน้านิ่งใส่ไม่ตอบ ผมเลยตักข้าวผัดใส่จานให้เขาแล้ววางไว้ตรงหน้า


“ทำอะไร”


“ผมรู้ว่าพี่หิว กินสิยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ” บอกเขาเสียงอ่อนๆ ยอมลงให้เขาสักวัน วันนี้ผมเหนื่อยมาก เขาหันมาสบตากับผม เหมือนจะเขินแล้วก็สงสัยว่าผมรู้ได้ยังไง


“ท้องร้องขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้ว กินสิ” คะยั้นคะยอให้เขากิน จนสุดท้ายก็ยอมตักเข้าปาก ทีนี้ไม่ยอมวางช้อนเลยครับ สงสัยจะหิวมาก ไอ้ไวกับไอ้เขื่อนก็เถียงกันงุ้งงิ้งฟังแล้วปวดหัว ส่วนไอ้ภูมันลากไอ้ผีบ้านั้นไปที่ศาลา ผมแอบออกไปดุนะครับ เห็นมันเอากะละมังใส่น้ำให้ไอ้ผีธารเอาขาจุ่มน้ำไว้ นี่แหละคือข้อจำกัดของพวกผีพรายอยู่บนบกได้ไม่นานแถมอิทฤทธิ์ก็ลดลงด้วย

       เดินกลับมาเลยขอตัวไปอาบน้ำรู้สึกเหนียวตัว แล้วก็ปวดหัวด้วย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งบนที่นอนหยิบเอาสมุดบันทึกออกมาสมุดเล่มนี้บันทึกช่วงชีวิตผมที่ผ่านๆ มาเอาไว้ หยิบออกมาอ่านจนมาสะดุดกับชื่อของคนคนหนึ่งที่ผมเกือบจะลืมเขาไปแล้ว เด็กชายตัวน้อยที่ผมช่วยเขาเอาไว้ ตอนนั้นเด็กนั่นวิ่งเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ผมก็ไปเดินเล่นที่นั่นเหมือนกัน เขาวิ่งเล่นกับลูกหมาตัวหนึ่งผมนั่งมองเขา มันช่างสดใสอะไรแบบนี้ เวลาเขาหัวเราะดูเขามีความสุขมาก ผมเองก็เคยมีช่วงที่มีความสุขแบบนี้เหมือนกัน ก่อนที่ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ทว่าเพียงแค่ผมเห็นแววตาใสซื่อของเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ภาพเขาที่จมอยู่ก้นบึงก็ปรากฏให้เห็นผมรู้ว่ามันเป็นชะตากรรมของเขา ผมตัดสินใจเดินออกมาจากที่แห่งนั้นและพยายามจะไม่สนใจเด็กคนนั้นอีก แต่ขาผมกลับไม่ก้าวไปไหนเลยทำได้เพียงแค่หันหลังให้ และไม่สนใจเสียงโวยวายของใครทั้งนั้น ผมยุ่งไม่ได้แต่ผมก็ไม่อาจจะทนปล่อยให้เด็กคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาได้เหมือนกัน ผมตัดสินใจหันหลังกลับไปและกระโจนลงน้ำพาเขาขึ้นมา ผมช่วยเขาไว้ได้ เด็กนั่นยิ้มให้ผม ทั้งๆ ที่สติก็ยังไม่ครบ ดวงตากลมๆ นั่นจ้องหน้าผมตลอด ผมทำให้เวลาหยุดนิ่งมีแต่ผมกับเด็กคนนี้ที่สามารถขยับตัวและพูดได้

“ขอบคุณนะฮะพี่สาว”


“....”


“ไว้ผมโตขึ้นผมจะแต่งงานกับพี่สาว เพราะพี่ช่วยผมเอาไว้” คำพูดของเด็กสิบขวบทำไมมันถึงทำให้หัวใจผมสั่นได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้ เขาจับมือผมไว้แน่นและเอาแหวนวงหนึ่งที่สวมติดนิ้วเขาแล้วดึงมันออกมามอบให้ผม


“สัญญานะครับว่าจะรอผมโต” ผมไม่ทันตอบตกลงอะไรมันก็สลบไปแล้ว ผมลุกออกมาจากที่ตรงนั้นก่อนที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นปรกติ พ่อแม่เขามาเห็นลูกเขาในสภาพที่นอนนิ่งตัวเปียก ก็พากันส่งโรงพยาบาล ผมมองออกไปจนสุดสายตา


“ท่านไม่น่าเข้ามายุ่ง” เสียงของใครบางคนพูดขึ้น


“หึ คิดจะเอาชีวิตเด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ผีพรายอย่างพวกแกดีแต่ทำบาปทำกรรม”

พรายชั่วตนนั้นหายวับไปทันทีที่ผมเริ่มแผลงฤทธิ์ ใส่ เด็กคนนั้นรอด ผมกำแหวนที่เขาให้ไว้



กลับมาปัจจุบัน

       ในมือผมมีแหวนวงนั้นอยู่ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง ป่านนี้เด็กนั่นคงแต่งานมีลูกไปแล้ว อายุก็คงจะประมาณสามสิบต้นๆ เป็นไงมั่งก็ไม่รู้ ผมเก็บแหวนลงที่เดิมมันอยู่ในกล่องไม้ใบเล็กๆ ที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง เก็บสมุดบันทึกนั่นลงไปด้วย จู่ๆ ความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็เริ่มมีขึ้นมาอีก ผมเกือบลืมสายตากับคำพูดของเขาไปแล้ว ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ ของตัว แล้วคิดอะไรจนเพลิน เพลินจนหลับ

แกรก...

        ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ เขาเดินมาที่เตียงนอนของเจ้าของห้องและจ้องมองคนที่หลับสนิทด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง

“แอบมาหลับอยู่นี่เอง” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจนผมรู้สึกตัวแล้วต่อยๆ ลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลาของพี่ปีมันอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

“อื้ออ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยันตัวขึ้นนั่ง เขาไม่ตอบแต่กลับแตะมือมาที่หน้าผากของผมแล้วแตะมันลงไป

“ตัวมึงร้อน” เขาบอก

“เหรอไม่เห็นรู้เลย” ความจริงผมไม่เคยป่วยเลยนะตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมาความจริงผมไม่ควรจะป่วยอะไรทั้งนั้นแต่ผมคงลืมนึกไปว่าครึ่งหนึ่งของผมคือมนุษย์

“ตอนนี้ก็รู้ซะ ปวดหัวใช่ไหม” ผมพยักหน้าแทนคำตอบใช่ผมกำลังปวดหัว

“งั้นนอนลงไป” ถ้าฟังไม่ผิดเขาสั่งให้ผมนอนลงไปอย่างนั้นเหรอ

“เพื่อนๆ ยังอยู่ข้างล่างอยู่เลย ผมจะไปดูพวกมัน”

“นอนเถอะ ให้พวกนั้นเค้าได้อยู่เป็นคู่ๆ นะดีแล้ว” พี่ปีบอกเสียงดุๆ แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำในมือมีกะละมังใบเล็กที่ผมเอาไว้แช่เท้าออกมาพร้อมกับผ้า ที่ผมเอาไว้เช็ดเท้าอีกเช่นเดียว เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าพี่แกจะเอาผ้านั่นมาเช็ดตัวผม

“พี่จะทำอะไร”

“เช็ดตัวมึงไงตัวร้อนเหมือนไฟ นอนลงดีๆ” มือใหญ่ของเขากดผมลงกับที่นอนแล้วเริ่มเช็ดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา

      -*-ให้ตายเถอะผมไม่ทันได้พูดอะไรสักคำเขาก็เออ ออ เองทุกอย่างแถมเอาผ้าเช็ดมาเช็ดหน้าผมอีก อยากจะกรีดร้องดังๆ ให้หูเขาแตกแต่ก็ทำไม่ได้    มันก็รู้สึกไม่มีแรงเสียอย่างนั้น เหมือนอ่อยเขาแต่เปล่าเลย ไข้มันกินแรงไปจนหมด

“เช็ดข้างในได้ไหม”

“แต่ผมอาบน้ำแล้วนะ ไม่ต้องหรอกมั้ง”

“อืม รอแป๊บเดี๋ยวกุลงไปเอายามาให้” เขาบอกแบบนั้นด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ดูต่างจากที่แล้วมามาก ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ นั่นไปด้วยหัวใจที่สับสน รอได้สักพักเขาก็ขึ้นมาพร้อมกับยาและน้ำ

“ลุกขึ้นมากินยาก่อนแล้วค่อนนอน” ฝ่ามืออุ่นกำลังพยุงผมให้ลุกนั่งแล้วยื่นยากับน้ำให้ พี่ปีนั่งอยู่บนที่นอนโดยที่มือเขาประคองผมเอาไว้ หันไปสบตาสีอ่อนๆ ของเขา

“ขอบคุณครับ”

“นอนเถอะ เดี๋ยวปิดบ้านให้ พวกนั้นคงหาที่นอนเองได้” ผมพยักหน้า ไอ้สองคนนั้นมันมาค้างที่บ้านผมบ่อยสมัยยังเรียนอยู่เลยรุ้หมดว่าอะไรอยู่ที่ไหนผมเลยไม่กังวลสักเท่าไหร่

“พี่ปี...อยู่เป็นเพื่อนเพียวก่อนได้ไหม” จู่ๆ มือผมก็ไปคว้าเอาข้อมือเขาไว้แล้วพูดออกไป ผมไม่ได้อ่อยนะ แต่เวลาไม่สบายมันจะอ่อนแอเป็นพิเศษ พูดจริงไม่ได้โกหก สาบาน

“.....”

“ถ้าพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” พูดเสียงอ่อยๆ แล้วหลับตาลงอย่างคนอ่อนแรง

“กูพูดอะไรรึยัง นอนไป” พูดแบบนี้แสดงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเหรอ พี่เขาเดินไปลากโซฟาตัวยาวหน้าทีวีมาที่ปลายเตียง

“พี่จะกลับบ้านเหรอ”

“อืม เดี๋ยวกุกลับไปอาบน้ำแล้วจะกลับมาใหม่ นอนซะ” เขาสั่งแค่นั้นก็เดินออกไป ผมล้มตัวนอนหลับตามันรู้สึกสบายใจนิดๆ ที่เขาบอกว่าจะกลับมา และเขาก็กลับมาจริงๆ ครับมาในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มพร้อมหมอนกับผ้าห่ม ผมหลับไปแล้วแต่ลืมตาเมื่อตอนเขาเปิดประตูเข้ามา

“พวกนั้นนอนกันหมดแล้ว” เหมือนเขารู้ว่าผมจะถามอะไร

“ปิดไฟเลยนะ”

“ครับ” พอไฟดับทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมขยับนอนตะแคงเพื่อที่จะได้มองเห็นเขาผ่านความมืด ผมได้ยินเสียงลมหายใจที่ชัดเจนของเขา ม่านตาเขายังเปิดกว้างอยู่ เหมือนเรากำลังสบตากันและกัน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ผมรู้แค่ว่าเขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นใจดี และเวลานี้ผมสมควรจะนอนไม่อย่างนั้นไข้ผมคงจะสูงไปมากกว่านี้

++++

(คุณปีพาท)

                         รู้อะไรไหม ว่าเด็กกวนประสาทอย่างไอ้เด็กเพียวมันก็มีส่วนที่น่ารักน่าถีบอยู่เหมือนกันตั้งแต่มันมาหาเมื่อตอนเย็นมาถามว่าจะกินอะไร ตอนนั้นผมง่วงแล้วก็เหนื่อยมากหลังจากกลับมาจากบริษัท ผมต้องจัดการพวกที่เอารัดเอาเปรียบกับบริษัทของผมอย่างจริงจังหลังจากปล่อยพวกเขามานานเกินไป เพราะพวกเขาเป็นญาติของผมญาติที่ผมเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน หลังจากที่พ่อแม่ผมจากไปพวกเขาก็เหมือนแร้งที่พุ่งแต่จะฉีกเนื้อผมออกเป็นชิ้นๆ แน่นอนหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของบริษัทเป็นของผม ทุกๆ อย่าที่พ่อผมสร้างมากำลังจะโดนแร้งพวกนั้นแย่งไป อณาจักรเตชะดำรงกุล ที่ผมพยายามอย่างสุดชีวิตในการรักษามันเอาไว้ ทุกๆ วันเจอแต่ปัญหาทุกวันผมเจแต่คนที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์จากตัวผม ผมไม่มีใคร มีคนให้ปรึกษา ผมมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนแต่ทุกคนล้วนแต่มีหน้าที่ของตัวเอง ผมคงไม่สามารถเอาทุกอย่างไปวางโครมให้เพื่อนผมช่วยได้ทั้งหมด แต่รู้อะไรไหมตั้งแต่ผมได้รู้จักกับไอ้เด็กข้างบ้านแบบจริงๆจังๆมันทำให้ผมหายเครียด ผมต้องมารู้สึกถึงความวุ่นวายในชีวิตที่ทำให้ผมลืมเรื่องร้ายในแต่ละวันไปได้แม้จะช่วงขณะหนึ่งก็ตาม การที่ผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไอ้เด็กเพียวไม่ได้หมายความว่าผมจะเกลียดมันนะครับ ผมแค่รำคาญเสียงมันแค่นั้น แถมตอนที่มันท้าพนันเรื่องความรักสีหน้ามันจริงจังมากแถมวงเงินพนันมันก็สูงเกินไปสำหรับตัวมัน มันแค่เด็กจบใหม่แล้วมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมันจะเอาเงินมากไหนเยอะขนาดนั้น ความคิดเด็กที่พยายามจะเอาชนะ ผมมองมันแล้วนึกถึงตัวเองที่กระหายที่จะชนะจนก้าวพลาดลงหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้และมันก็จะเป็นแบบนั้นเป็นแบบผมเมื่อตอนอายุเท่ามัน

               ที่บอกว่าบางทีมันก็ทำตัวน่ารักน่าถีบคงเป็นเมื่อตอนเย็นที่มันมาหาแล้วถามว่าจะกินอะไรตอนเย็นนั่นแหละผมไม่ได้ตั้งใจจะดึงให้มันล้มมาบนตัวของแต่เชื่อไหมตอนผมสบตากับมันแบบนั้น ได้ยินเสียงหัวใจของมันที่ดังออกมา ผมว่าเงินร้อยล้านอีกไม่นานมันคงอยู่ในมือของผมอย่างแน่นอน

               ตอนเย็นไวรัลมาตามไปที่บ้านพวกเขามีปาตี้กัน พอมาถึงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดมันเป็นการรวมญาติกันมากกว่า ทุกคนมีคู่ของตัวเองทั้งไวรัลที่ดูเหมือนจะโดนนายเขื่อนจีบ ภูผาก็พาใครไม่รู้มาด้วยแต่ไอ้เด็กเพียวนั้นเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่นั่งจ้องเขาเป็นหมาหวงที่เลยทีเดียวมองแล้วก็แอบขำในใจ มันขู่คนที่ชื่อธารนั่นทั้งปากทั้งสายตา ตลกชะมัด จนเพื่อนมันบ่นว่าหิวนั่นแหละถึงได้ละสายตาไป ได้ มันเดินเข้าไปในครัวสักพักก็เดินกลับออกมากับข้าวผัดเป็นกะละมังกลิ่นนี่หอมมาก แต่ว่าตอนนั้นผมปฏิเสธมันไปแถมไล่มันอีก จะให้มานั่งกินก็กระไรอยู่ เลยได้แต่ทำคอแข็งกลืนน้ำลาย

“หิวเหรอ” มันหันมาถาม หิวดิใครบ้างที่เห็นของน่ากินอยู่ตรงหน้าแล้วไม่หิวบ้าง ผมทำหน้านิ่งไม่อยากให้มันรู้เดี๋ยวมันล้อ

“....” พอผมไม่ตอบมันก็ตักเข้าใส่จานมาวางไว้ตรงหน้าผมแล้วส่งสายตาบังคับให้ผมกิน

“ทำอะไร”

“ผมรู้ว่าพี่หิว กินสิยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ” ทั้งน้ำเสียงและสายตามันมันบ่งบอกว่ามันรู้ว่าผมกำลังหิวมันไม่ล้อเลียนผมหรอกแถมยังใช้สายตาอ้อนๆ อีก แต่จะว่าไปสีหน้ามันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เห็นไอ้ไวมันเล่าว่าตอนออกไปกินข้าวหน้าปากซอยเจอคนยิงกันตาย มันคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ บนหน้าผากมีเหงื่อออกเป็นเม็ดๆ ด้วย ผมกินข้าวที่มันเอามาให้อร่อยครับฝีมือดีเลยทีเดียว สักพักมันก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำ ผมก็คุยกับไวรัลแทนผมบอกไม่ได้ว่าไวรัลเกี่ยวอะไรกับผมมันเป็นความลับ ไอ้เด็กเพียวมันขึ้นไปนานมาก ผมเลยเดินแยกกับพวกนั้นขึ้นไปดูมันที่ห้อง

                 เปิดประตูมาก็เจอมันนอนตัวร้อนอยู่เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเลยเช็ดตัวให้มันบังคับมันกินยา ตัวมันร้อนมากเหมือนไฟเลย พอทำทุกอย่างเสร็จก็จะกลับบ้าน แต่เชื่อไหมว่ามันจับมือผมแล้วพูดเสียงอ้อนๆ เสียงอ่อยๆ แววตามัน คำพูดมันทำให้ผมไม่สามารถทิ้งมันไปได้ ใจผมเต้นแรงไม่หยุด ขาแทบจะก้าวไม่ออก เสียงแม่งน่าสงสารมากจะให้ทิ้งมันไว้ก็เหมือนจะใจร้ายเกินไป แต่ว่าผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยกลับมาอาบน้ำก่อนขนหมอนผ้าห่มของตัวเองไปด้วยกลับมามันทำเหมือนจะหลับแต่ก็ลืมตาขึ้นมาดูผม

“ปิดไฟนะ”

“ครับ” เวลาไม่สบายมันว่าง่ายมากๆ ให้ตายสิ พอไฟดับผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเลยล้มตัวนอนที่โซฟาหันหน้าไปหามัน เห็นมันมองผมตาแป๋ว ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ แล้วก็นอนหลับไป

ตกดึก..

“อะ อือออ ฮึก...ทิว...ขอโทษ...นาวาคิดถึง...” อ่าเสียงไอ้เพียวมันละเมอปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา มันนอนกระสับกระส่ายอยู่ในความมืด ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟ เหงื่อมันออกเต็มไปหมดหน้าซีดจนขาว ผมรีบประคองตัวมันไว้ ทำไมตัวร้อนเป็นไฟแบบนี้ละ มองสภาพมันแล้วถ้าไม่รีบทำให้ไข้ลดมีหวังช็อกแน่ๆ รีบเดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวมันให้ ถอดเสื้อนอนของมันออกจนเห็นผิวขาวเนียนของมัน

อึก...ไม่คิดว่าข้างในมันจะดูดีแบบนี้ ผมสูดลมหายใจลึก ไม่คิดว่าการมองรูปร่างของผู้ชายด้วยมันจะสามารถทำให้ใจเราเต้นแรงได้ด้วย ผมเช็ดคอ เช็ดหน้าอกมันลงมาเรื่อยๆ

“อื้ออ นะ หนาว เพียวหนาว แม่ไม่เอา ไม่เช็ด” มันเอามือปัดผ้าออกเหมือนรำคาน

“นิ่งๆ สิ”

“ฮืออออ ก็บอกว่าไม่เอาไง ฮึก” งอแงชิบหาย อยากจะตบหัวมันสักทีจะได้เลิกดินสักทีแต่ทำคนป่วยมันบาปทำไม่ลงหรอกครับ จับแขนมันทั้งสองข้างกดไว้เหนือหัวด้วยมือเดียว แล้วใช้อีกมือเช็ดให้ เหนื่อยมากบอกเลยเพราะขนาดมันหลับมันยังดื้อได้ขนาดนี้

“เป็นผู้ชายทำไมต้องร้องไห้ด้วย” ดุครับกะอีแค่เช็ดน้ำตานี่ไหลออกมาเป็นหยดๆ

“ฮืออออออออออออ จะฟ้องพ่ออออออ”

“-*- ไอ้นี่” หลับหูหลับตาร้อง แถมจะฟ้องพ่ออีก นี่มึงอายุเท่าไหร่แล้ววะห๊ะ ตบแมร่งตกเตียงเลยดีไหม แหม่

“ฮึก...พอแล้วหนาวแล้ว ยักษ์ก็หนาวเป็นนะไม่รู้เหรอ” มันบ่นออะไรงึมงำไม่รู้จับใจความไม่ได้ จับมันลุกนั่ง

แปะๆ

“เห้ยไอ้ขี้แงตื่น..ลืมตาขึ้นมา” ผมตบหน้ามันเบาๆ เพื่อเรียกสติให้ มันพยายามจะปรือตาขึ้นมานะครับแต่ลืมได้นิดเดียวก็หลับต่อ

“อึก...อืออ ปวดหัว”

“กูก็ปวด ไอ้สัส ดูแลยากยิ่งกว่าฮัสกี้ที่บ้านกูอีก” บ่นใส่มันเสียงขุ่น ง่วงก็ง่วงเหนื่อยก็เหนื่อยไม่น่าหลวมตัวหลงเชื่อแววตามันเลยให้ตายสิ วางมันลงที่เดิมแล้วหายาแก้ไข้ที่หยิบติดมือมาด้วยตอนกลับบ้าน แกะออกมาสองเม็ดเดินกลับมาจับกลอกปากมันแล้วกรอกน้ำตาม มันจะบ้วนทิ้งเลยเอามืออุดปากเอาไว้จนมันยอมกลืนลงไป

“แค๊กๆ ...อึก” มันลืมตาขึนมานิดๆ

“พี่ปี” เรียกชื่อผมแล้วนอนหลับไปอีก เออ เรียกกูเพื่อ ผมวางมันลงจัดท่านอนให้มันเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้ากลับไปให้เหมือนเดิมห่มผ้าให้ด้วย กำลังจะลุก แต่โดนมันกอดเอวเอาไว้

“นอนบนนี้นะ” เสียงมันลอดออกจากใต้ผ้าห่ม

“ไม่”

“แต่ผมหนาว”

“ก็ห่มผ้าให้แล้วนี่ไง อย่าเรื่องมาก”

“แค่อยากมีคนกอด”

“-*- เรื่องของมึงเหอะกูจะไปนอนที่โซฟาแกะมือเล็กนั่นออกแล้วเดินใจเต้นเป็นกลองกลับมานอนที่เดิม จับหน้าอกตัวเองไว้กลัวมันจะหลุดออกมาด้านนอก มันนี่อันตรายจริงๆ เลย

“พี่....คร๊อกฟี้”

....นี่แหละมุมน่ารักน่าถีบของมัน...

(จบพาทปีมงคล)



ห้าววววว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน รู้สึกว่าวันนี้ดูจะอุ่นๆ เหมือนนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ เลยอะ

         พอลืมตาขึ้นมาก็เจอเลยครับ หมีตัวใหญ่หน้าตาหล่อๆ ที่นอนกอดผมเอาไว้ ตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทำไมผมถึงมานอนซุกอกเขาอยู่แบบนี้ละ นอนใจเต้นมองหน้าเขาแบบ4ดี ปากเม้มแน่น ไม่กล้าหายใจแรงกลัวเขาตื่น ขยับก็ไม่ได้กลัวมากได้แต่นอนแข็งๆ อยู่แบบนั้น

ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจผมนี่ก็จะเต้นแรงไปไหน โอ้ยยย เพียวเอ้ยจะตายไหมนั่น

“อืออ” แรงกอดกระชับมีมากขึ้น เขาเอามือกดหัวผมให้แนบลงกับอกเขามากกว่าเดิม ทำบ้าอะไรของพี่เขาวะ หายใจไม่ออกโว้ยย โวยวายใส่เขาในใจ อยากจะดิ้นออกจากตรงนี้มากแต่ก็กลัวว่าจะตื่นมาแล้วเห็นว่าผมเขินเขาอยู่

“นอนต่อเถอะ วันนี้หยุดร้านสักวัน” เสียงอ่อนนุ่มกระซิบข้างๆ หูผมเงยหน้าขึ้นมาอง พี่ปีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

“ตะ...แต่ว่า”

“นอนเถอะเมื่อคืนมึงกวนกูทั้งคืนเลย” กูไปกวนอะไรเมิ้งงงงงง แล้วจู่ๆ มาใช้น้ำเสียงแบบนั้นขนลุกนะเว้ย

“อะ..หายใจไม่ออกปล่อยก่อนได้ไหม” พยายามเปร่งเสียงตัวเองออกไปให้เขาได้รับรู้ว่ากุกำลังจะขาดใจตาย เพราะอ้อมกอดของเมิงไอ้คุณปี ใจกุจะทะลุแล้วเนี้ย ฮรืออออ

“อืม” เขายอมคลายอ้อมกอดออกผมรีบดีดตัวลุกขึ้นทันที พี่แกลืมตาข้ามามองผมนิดๆ ก่อนจะเอามือวาวีดไข้ให้

“ตัวยังร้อนอยู่ มึงยังปวดหัวอยู่รึเปล่า”

“ปวด นิดหน่อย” ตอบกลับไปเบาๆ

“เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยา ลงมานอนก่อนสายๆ ค่อยตื่น กูง่วงมาก” โดนเขาดึงกลับลงไปนอนที่เดิม เออ งง งงกับตัวเองที่ยอมง่ายๆ งงกับเขาที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ....ยอมทำตาที่เขาบอกอย่างง่ายๆ เลยไม่ขัดขืนสักนิด เหมือนสมยอม นี่ถ้าเขาหน้ามืดข่มขืนผม ผมคงยอมเขาแน่ๆ ไอ้เพียวมึงรักษาหน้าคนแมนบ้างดิวะ...ยอมเขาง่ายๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าแรด



    สายๆก็โดนปลุกขึ้นมากินข้าวกินยา แต่คนปลุกไม่ใช่คนที่นอนกอดผมนะครับ เป็นไอ้ภูที่เดินเอาข้าวมาให้กินถึงห้อง สังเกตหน้ามันดูหมองๆ อาจจะเป็นเพราะมันอยู่ใกล้ชิดกับผีละมั้ง

“มึงเป็นยังไงบ้างวะเพียว”

“ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ห่วงตัวมึงเองก่อนดีกว่าไหมภู มึงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อนมึงคนนั้นมันตัวอันตราย” เมื่อได้โอกาสที่อยู่กับมันสองคนผมเลยต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“คะ..คือกู”

“เลิกยุ่งกับมันซะก่อนที่มันจะสายเกินไป มันทำให้มึงมีสภาพแบบนี้ ยิ่งอยู่ใกล้มันมึงจะยิ่งแย่ เชื่อกูนะภู” ผมจับแขนมันแล้วเขย่าเบาๆ ผมห่วงมัน ผมไม่อยากเสียมันไป แค่อยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกสักสองสามปีก็ยังดี ขอแค่ยื้เวลาของมันได้ยากแค่ไหนผมก็จะทำ

“เพียว มึงอย่าพึ่งมาบังคับอะไรกูตอนนี้ได้ไหมวะ กูอึดอัดมึงห่วงกูเข้าใจนะเว้ย แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดไว้ตลอดหรอก กูบอกอะไรกับมึงตอนนี้ไม่ได้ นะกูขอร้องอย่าบีบบังคับกู” สีหน้ามันเครียดจัดผมเองก็เครียดเหมือนกัน มันเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม

“แล้วพี่ธารอะไรของมึงเขาไปไหนแล้วละ”

“กลับ วังน้ำ เอ้ย กลับบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”

“เหรอ หึอยู่บนบกได้ไม่นานจริงๆ ด้วย” ผมพึมพำคนเดียว ไม่อยากให้ภูมันรู้ว่าผมรู้ว่าพี่ธารของมันคือผีพราย

“กูกินข้าวหมดแล้ว ไหนยากูละ” ถามหายามันก็ยื่นมาให้

“เออ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุณปีเขานอนห้องมึงเหรอ”

พรวดดด!!

“แค๊กๆ มึงเอาอะไรมาพูด ไม่มี๊” ใจสั่นเลยครับกลัวเพื่อนล้อว่าเอาผู้ชายมานอนกกที่ห้อง

“เหรอเหมือนเมื่อเช้ากูเห็นเขาเดินออกจากบ้านมึงอะ หรือกูตาฝาด” ใจนี่หล่นลงตาตุ่มเลย กินน้ำจนหมดแก้วแล้วส่งแก้วคืนให้มัน

“อืมตาฝาดกูจะเอาเขามานอนด้วยทำไมกันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“อืมๆ กูก็ว่ากัดกับมึงทุกวันจะมาเป็นแฟนมึงได้ไง แต่ถ้ามึงจะหาผัว เอ๊ย แฟน กูว่าคุณปีเขาก็ดีนะ เขาน่าจะดูแลมึงได้”

“ระ เหรอ มึงคิดงั้นเหรอวะ”

“อืม” มันพยักหน้าแล้วเดินเอาชามกับแก้วน้ำไปเก็บ พร้อมกับชับว่าให้ผมพักผ่อนเยอะๆ วันนี้พวกมันจะอยู่นี่ทั้งวัน เพื่อดูแลผม ไอ้เขื่อนดุจะตกใจไม่น้อยเพราะผมไม่เคยไม่สบายให้มันเห็นเลย ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าไม่สบายคือ ร้อยปีก่อน นานมากกกกก ล้มตัวนอนลงอีกครั้ง นอนคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้ว ก็เขินดีที่เขาตื่นแล้วออกไปก่อนที่ผมจะตื่นไม่อย่างนั้นก็คงไม่รุ้จะทำหน้ายังไง มันเขินอะ เขินจนนอนบิดไปมาบนที่นอน เหมือนหนอนโดนตีน

........










เค้าขอกำลังใจหน่อยน้าาาาา

ฝากกดไลค์เพจด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2017 07:50:22 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณปี เพียว หวั่นไหวกันทั้งคู่

เด็กที่คุณเพียวช่วยตอนตกน้ำคือคุณปีสินะ
แต่คุณปีคิดว่าเพียวเป็นผู้หญิง
มีให้แหวน โตขึ้นจะแต่งงานด้วย
คุณปีโตขึ้น หน้าตาเปลียนไป ต่างฝ่ายต่างจำกันไม่ได้

ภู หน้าหมองเพราะอยู่กับธารที่เป็นพรายน้ำ
ที่ว่าภู เป็นเจ้าสาวของธาร
ภู จะต้องตายมั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด