พิมพ์หน้านี้ - ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: สามภพ ที่ 20-08-2017 00:37:53

หัวข้อ: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 20-08-2017 00:37:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 



(http://www.mx7.com/i/087/gwGOb4.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q4Z3qWnn4WhDk6)






(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)







(http://www.mx7.com/i/19d/FgV2V5.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3QaUjpu9drFBZFu)






(http://www.mx7.com/i/29c/VVN92V.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q9abTtF22rTC3h)






(http://www.mx7.com/i/04a/jJxl4t.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3QaFMhwwoITjk6Z)



(http://www.mx7.com/i/026/4JelNa.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3QFRUitDXtiAYDU)


แฟนเพจของ สามภพ

https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/ (https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/)


หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ยักษ์แนะนำตัว
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 20-08-2017 00:39:33



(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)




บนโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลายสัญชาติหลากหลายเชื้อพันธุ์ หลากหลายพันธุกรรม ทั้งมนุษย์ เทวา ปักษา มัจฉา วานร กินรี ไม่เว้นแม้แต่ ยักษ์ หลายๆ คนอาจจะเคยฟังนิทานก่อนนอน หรือเรื่องเล่าต่างๆ มามากมาย บางคนเชื่อว่ามันมีจริงบางคนก็ว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง เอาไว้หลอกเด็กๆ ให้เชื่อฟัง แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องเล่าหรือนิทานปรัมปรานั้น มีอยู่ในโลกจริงๆ

ผมชื่อ เวรัม เปรมบดินทร์  หรือเรียกสั้นๆ ว่า เพียว ก็ได้ ผมเป็นยักษ์ตัวเล็กๆ ที่แฝงตัวอยู่กับพวกมนุษย์ ความจริงรูปร่างหน้าตาผมก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกมนุษย์ แต่งแค่อย่างเดียวคืออำนาจและพลังวิเศษ แถมด้วยการเป็นอมตะ และการเป็นอมตะแบบนี้มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะรักหรือผูกพันกับมนุษย์เพราะว่าพวกมนุษย์มีอายุขัยผมคงทนไม่ได้ถ้าเห็นพวกเขาตายลงต่อหน้าต่อตา

การเป็นยักษ์ใช่ว่าจะสบาย เป็นยักษ์ต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เพื่อให้ใครจับได้ เป็นยักษ์ต้องไม่เปิดเผยตัวตนให้ใครได้รู้ เป็นยักษ์ต้องหัดใจเย็นกับพวกมนุษย์ ที่สำคัญเป็นยักษ์ต้องไม่รักใคร ครอบครัวผมเป็นมังสวิรัติ ผมทรมานกับการที่ต้องอดทนในการที่ไม่กินเนื้อ เนื้อเป็นแหล่งโปรตีน เนื้อทำให้ร่างกายเจริญเติบโต เพราะแบบนี้แหละมั้งที่ทำให้ผมสูงแค่ ร้อยเจ็ดสิบเซ็น ไม่ขาดไม่เกิน จากที่รู้ๆ มาจากเพื่อนยักษ์ผมเป็นยักษ์ที่เตี้ยที่สุด แต่ว่า พ่อแม่ห้ามผมไม่ได้หรอกในเมื่อออกมามาใช้ชีวิตข้างนอกแล้ว ผมจะทำกินอะไรก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ เนื้อๆๆๆๆ


ผมอาศัยอยู่ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยมนุษย์ตัวเป็นๆ ผมมีเพื่อนบ้านที่คอยสอดส่องดูแลเรื่องในบ้านไม่ว่าผมจะทำอะไร ที่ไหน กับใคร เพื่อนบ้านผมจะรู้ไปหมด รู้เหมือนว่าเขามาอาศัยอยู่ในบ้านกับผม หรือที่มนุษย์ชอบเรียก ว่า อะไรนะ “ขี้เสือก” ใช่ ขี้เสือก คำนี้แหละ มนุษย์ขี้เสือกสร้างความลำคานให้ผมไม่น้อย เพราะเจ้าหล่อนจะคอยปีนรั้วบ้านที่ติดกับกับของผม หล่อนจะมาพร้อมกล้องส่องทางไกลอันเล็กๆ พร้อมกับโทรศัพท์มือถือเอาไว้โทรเม้าท์มอยกับเพื่อนของเขา มีบ้างบางครั้งที่ผมสั่งสอนหล่อน แต่หล่อนก็ไม่เคยจำสักที

ผมเป็นยักษ์ที่พ่อแม่ไล่ให้ออกมาใช้ชีวิตตนเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าโตแล้วเจ้าต้องออกมาเผชิญโลกกว้างด้วยตัวคนเดียวและสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง แล้วยักษ์แคระอย่างผมคงจะหาเมียได้หรอก นอกจากเพื่อนบ้านมนุษย์ขี้เสือกแล้ว ผมยังมีเพื่อนบ้านที่เป็นมนุษย์ที่ทำตัวลึกลับมากๆ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็แปดเดือนเข้าไปแล้วผมยังไม่เคยเห็นเพื่อนบ้านคนนี้เลยสักครั้ง อาจจะแค่เห็นแวบๆ แบบปลายเส้นผม แต่ไม่เคยเห็นแบบจังๆ สักครั้ง รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ชาย

ผมเป็นยักษ์ที่เรียนจบแล้ว และกำลังจะหางานทำ เรียนวนมันแทบจะทุกสาขาวิชา ทุกคณะ และเกือบจะทุกมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำ ก็ผมอยู่มาสองร้อยแปดปี แต่หน้าผมมันอยู่ที่สิบแปดปี เรียนจนเป็น อัจฉริยะ เรียนจบก็ทำงาน ทำงานได้สิบปีก็ลาออก ไปสมัคเรียนใหม่ วนซ้ำๆ กันแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ผมถึงต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้ใครจำได้  ตอนนี้ที่บ้านผมหมวกรับปริญญา กับใบประกาศนีย์บัตรกลายเป็นของตกแต่งบ้านผมไปเรียบร้อย

เป็นยักษ์ก็ต้องมีเพื่อนเหมือนกันนะอาจจะเป็นแค่เพื่อนในช่วงสั้นๆ เพื่อนที่ต้องมีไว้เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เพื่อนของผมชื่อ เขื่อน กับ ภูผา เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยกับยักษ์แบบผม ทั้งคู่เป็นเด็กวัดที่ขยันและมีมานะ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากจะมีเพื่อนอะไรหรอกเพราะอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่วันนั้น มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะผมโดนรังแก คุณอาจจะขำนะ ว่าเป็นถึงยักษ์ทำไมถึงโดนรังแก ได้ เป็นยักษ์ก็จริงแต่เราทำร้ายมนุษย์จนถึงแก่ความตายไม่ได้ เพราะว่าบทลงโทษของการฆ่านั้นร้ายแรงยิ่งกว่าตายเสียอีก และผมยังเป็นแค่ยักษ์วัยรุ่น การควบคุมพลังของตัวเองเลยยาก ผมอาจจะพลั้งมือฆ่าใครตายไปก็ได้ เพราะฉะนั้นผมเลยยืนเป็นเป้านิ่งให้พวกอันธพาลมันซ้อมเล่น เพราะถึงพวกมันจะตีผมจนมือมันแตก ผมก็ไม่เจ็บหรือรู้สึกอะไร ร่างกายผมมันจะรักษาตัวเองทันทีที่บาดเจ็บ เขื่อนกับภูผาเดินมาเห็นเข้าพอดี เลยช่วยผมไว้จากอันธพาลพวกนั้น

พอจะเข้าใจชีวิตยักษ์ๆ ของผมรึยังครับ ฟังดูลำบากเนอะแต่ก็เอาเถอะเกิดเป็นยักษ์ต้องอดทน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ยักษ์แนะนำตัว
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 20-08-2017 11:56:54
มีข้อความที่ผิดค่ะ ตรงย่อหน้าก่อนจบ ~~ผมเรียนจบแล้ว และกำลังจะหางานทำ...ผมเรียนอยู่ปีสาม~~
ประมาณนี้อ่ะ ไม่ได้ลอกมาเป๊ะๆ นะ ลองตรวจดูอีกทีนะคะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ยักษ์แนะนำตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-08-2017 11:58:51
จิ้มๆๆๆๆ
รออออ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ยักษ์แนะนำตัว
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-08-2017 12:07:43
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 1เกิดเป็นยักษ์ต้องอดทน
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 22-08-2017 00:08:52
(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)


อสุรา ล่ารัก 1

เกิดเป็นยักษ์ต้องอดทน โดนรถชนก็ห้ามตาย...





“เห้ออออออ จะทำงานอะไรดีวะ” เสียงถอนหายใจของผมที่ดังมาหลายรอบแล้วด้วยความเบื่อหน่าย งานทุกอย่างผ่านมือผมมาหมดแล้ว ทั้งผู้บริหาร กรรมกร พนักงานในห้าง หรือแม้กระทั่งเด็กเสิร์ฟในร้านหมูกระทะ ผมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เป็นอมตะของผม เพราะผมต้องคอยปกปิดตัวตนแล้วแกล้งตายเวียนวนซ้ำๆ มาหลายร้อยปี ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านในมือถือเอกสารสำคัญในการสมัคงาน เอาไว้มองมันซ้ำไปวนมา เหมือนคนที่คิดไม่ตก ความจริงถ้าผมไม่ทำงานก็ได้นะเพราะเงินที่ผมหามาได้ตลอดชีวิตอมตะของผมมันก็มากเสียชนิดที่ผมไม่ต้องทำงานไปอีกสองสามร้อยปีก็ว่าได้ ไหนจะเงินปันผลจากหุ้นส่วนในโรงแรมที่ผมเคยเป็นหุ้นส่วนใหญ่ (แล้วแกล้งตายโดยที่มีเงินมรดกจากเงินปันผลมอบให้แก่ญาติห่างๆ ซึ่งมันก็เป็นตัวผมอีกนั่นแหละ)

“หรือเราจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองดีวะ” มันเป็นความคิดที่ดีถ้าผมจะลงทุนประกอบธุรกิจเป็นของตัวเอง เอาแบบ เล็กๆ อยู่รอดในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ขายอะไรดี

“ขายก๋วยเตี๋ยว” ความคิดหนึ่งมันผุดขึ้นมา ขายของกินนี่แหละดีสุดเพราะมนุษย์ทุกคนต้องกิน ยักษ์อย่างผมยังต้องกินเลยผมรีบกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนรักสองหน่อของผมทันที ผมกะว่าจะให้พวกมันมาร่วมหุ้นด้วย รอสายไม่นานไอ้เขื่อนก็กดรับ

“โหลๆ มึงๆ ว่างป่าว” ผมรีบถาม รู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้

“เออ ว่างมีไรว่ามา//นิมนต์ครับหลวงตา//” ไอ้เขื่อนตอบกลับมา ผมได้ยินเสียงไอ้ภูผามันคุยกับหลวงตาอยู่ใกล้ๆ

“กุมีธุรกิจจะมาเสนอพวกมึงสองคน”

“ธุรกิจอะไรของมึงวะ” ไอ้เขื่อนตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆ

“ร้านก๋วยเตี๋ยว” ผมบอกพวกมันไป รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ

“.....”

“อ่าวเงียบทำไมอะมึง โหล” มันคงกำลังคิดอยู่แน่ๆ เลย

“ไอ้เพียว นี่มึงล้มหัวฟาดพื้นรึไงห๊ะมึงคิดอะไรอยู่ พวกกูเรียนวิศวะ มึงจะให้พวกกูไปขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อ!!! ” เสียงไอ้เขื่อนมันตหวาด ออกมาจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“โห่มึง ธุรกิจอะธุรกิจมึงจะคิดมากทำไมวะ กูก็เรียนเหมือนมึงกูยังไม่คิดมากเลย” เรียนวิศวะทำไมจะขายก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ใครห้ามวิศวะขายก๋วยเตี๋ยวไหนบอก เพียวมาสิ แม่จะไปตบกะบาลให้คว่ำ

“มึงไปคิดให้ดีๆ เอาที่มันเป็นสาระ เอาให้เหมาะกับตัวมึง”

“นี่แหละเหมาะกับกูแล้ว ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้าใคร” อยากจะหยุดเมื่อไหร่ ก็หยุดได้ อู้ก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องมีใครมาว่ามาบังคับ ดีออก

“แล้วแต่มึงเหอะ แค่นี้นะกูจะถวายเพลให้หลวงตาแล้ว ปัญญาอ่อนจริงมึง เดี๋ยวกูจะบอกไอ้ภูมันให้ แล้วมึงก็เตรียมตัวโดนเทศได้เลย”

ตรู๊ดดดดดดดดดดด

“อะ อ่าววางไปเฉยเลย ไอ้พวกนี้นี่” ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่มันผ่านโทรศัพท์ไม่รู้ละผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะขายก๋วยเตี๋ยว หลังจากวางสายพวกมันผมก็มานั่งคิดว่า ขายก๋วยเตี๋ยวมันต้องทำอะไรบ้าง เริ่มจากการหาทำเล ผมยกโน้ตบุค ออกมาที่ศาลาพักผ่อนในสวน และเริ่มเปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล สมัยนี้อะไรๆ มันก็สะดวกสบายไปหมด นั่งงมหาข้อมูลเป็นชั่วโมงๆ จนรู้สึกว่ามีใครบางคนแอบจ้องมองผมอยู่จากพุ่มไม้ข้างบ้าน คือศาลาพักมันติดกับรั้วเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ชายที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง ปรกติเขาจะไม่ค่อยออกมาตอนกลางวันนักหรอก นอกจากจะออกมารดน้ำต้นไม้บ้างเป็นบางวัน ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาชัดสักครั้ง เพราะเวลาออกมาเจอเขาทีไร พี่เขาก็รีบชิ่งเข้าไปในบ้านตลอด ชอบทำตัวลึกลับ เหมือนพวกโรคจิต พอเขารู้ว่าผมเห็นเขาก็รีบเดินเข้าบ้านไปเลย คือ อะไรของเขา ผมละสายตาจากแผ่นหลังกว้างๆ นั่นแล้วหันกลับมาสนใจพื้นที่ทำมาหากินของผมต่อ

ดูไปดูมา ธุรกิจขนาดเล็กที่ผมวาดฝันเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมเข้าไปดูรีวิวร้านก๋วยเตี๋ยวสารพัดรูปแบบ ทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ต้มยำ เย็นตาโฟก๋วยเตี๋ยวโบราณ ก๋วยเตี๋ยวไข่ สารพัดที่เขาจะครีเอทออกมา เดี๋ยวนี้อะไรก็มีแต่การแข่งขันกันทั้งนั้น ผมนั่งคิดวิเคาะห์อยู่หลายตลบว่าจะขายแบบไหน เอาเป็นว่าผมจะขายเย็นตาโฟนี่แหละ เพราะผมชอบกินเย็นตาโฟไง แล้วเรื่องทำเล ไม่เห็นจะยาก ก็หน้าบ้านผมนี่แหละ ฮ่าๆ ขายกับคนในหมู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหนไกล พอได้บทสรุป ผมก็ลิสเอาข้อมูลใส่กระดาษ หาเบอร์ช่างมาต่อเติมบ้านให้เป็นร้านอาหาร แล้วก็ออกไปตลาดหาซื้อวัตถุดิบมาลองทำน้ำซอสเย็นตาโฟดูเพราะผมอยากได้รสชาติในแบบของตัวเอง ไม่ซ้ำใครและอร่อยด้วย

หลายอย่างในชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป ผมมองรายการที่ต้องซื้อในมือด้วยความรู้สึกที่ปวดหัวนิดๆ ในมือมีของหลายอย่างดูพะรุงพะรังไปหมด มีของบางอย่างที่ผมไม่รู้จักและมันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในส่วนผสม

“เต้าหู้ยี้ มันคืออะไรวะ” ผมยืนอ่านมันมาสักพักแล้ว เดินวนไปวนมาอยู่ในตลาดจนเมื่อยขา

“อ้าวน้องเพียว วันนี้มาจ่ายตลาดเองเลยเหรอคะ” เสียงนี้ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร ยัยป้ามหาภัยที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆ ผมไงครับ ผมลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปปั้นหน้ายิ้มใส่แก

“ครับ” ตอบไปสั้นๆ เพราะไม่อยากจะคุยด้วย ผมกำลังจะก้าวหนี แต่ป้าแกก็ร้องทักขึ้นมาอีก

“แล้วหาอะไรอยู่รึเปล่าจ๊ะให้พี่ช่วยไหม” แทนตัวเองว่าพี่นี่ไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองเลยใช่ไหม เห้อ อยากจะตัดบทนะครับ แต่ว่ามันจะดูเสียมารยาทไป ผมเลยหันไปตอบแกยิ้มๆ ว่า “ก็ได้ครับ”

“แล้วเพียวหาอะไรอยู่เหรอไหนเอาให้พี่อรดูซิ” คุณป้าอรเธอคว้าเอากระดาษที่ผมจดเอาไว้ไปดู แต่มือคุณเธอนี่สิครับ ลากตั้งแต่ข้อศอกผมจนสุดมือ แบบนี้มันเข้าข่ายลวนลามผมชัดๆ ขนลุกมากๆ ด้วย แต่จะแสดงออกไปว่ากลัวป้าเขาก็ไม่ได้ผมเลยได้แต่ปั้นหน้ายิ้มรับสายตาอ่อยๆ ของป้าแกไปพร้อมกับขยับตัวออกห่าง

“เต้าหู้ยี้ครับ” ผมบอกป้าอรส่งยิ้มหวานมาให้

“ตามมาสิจ๊ะเดี๋ยวพี่พาไปซื้อ” เอาเถอะครับ สายตาป้าแกเหมือนกำลังหลอกเด็กสี่ขวบไปทำอนาจารยังไงยังนั้น แถมแกยังคว้ามือที่ผมให้เดินตามแกไปอีก

“ลากกูเป็นลูกเลย” ผมได้แต่ว่าป้าแกอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดออกไปหรอกครับ แกลากผมไปหยุดอยู่ที่ร้านขายของแห้งร้านหนึ่ง มีอาแปะแก่ๆ นั่งพัดแมลงวันออกจากกองปลาหมึกตากแห้งอยู่

“แปะๆ เอาเต้าหู้ยี้ให้ชั้นขวดหนึ่งสิ” ป้าอรแกหันไปสั่ง แล้วอาแป๊ะก็ลุกไปหยิบมาให้ ผมรีบรับมาแล้วรีบจ่ายเงินไม่อยากอยู่นานเดี๋ยวพี่อร เอ้ย ป้าอรแกจะหลอกให้ผมไปไหนกับแกอีก ผมรีบยกมือไหว้ขอบคุณแล้วก็เผ่นออกมา ไม่รอให้แกได้ถามหรือคุยอะไรอีก ผมวิ่งมาที่รถมอเตอร์ไซต์ที่จอดไว้อีกฝั่งของถนนแล้วก็ขี่กลับมาที่บ้านทันที ผมเอาของทั้งหมดจัดใส่ตู้เย็นไว้ เอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้วันนี้เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน ผมเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มในห้องแล้วเดินไปที่ศาลา ผมชอบนอนกลางวันที่นี่ครับมันเย็นสบายดีไม่เปลืองค่าไฟด้วย โยนหมอนไปที่กระดานไม้ที่มีไว้นั่ง ซึ่งมันกว้างพอที่ผมจะนอนพลิกไปมาได้สบายๆ พอล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มมาคลุมถึงคอผมก็หลับลึก





ซ่า......

ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีหยดน้ำมากมายกระเด็นมาใส่หน้า หรือว่าฝนตก ผมรีบลืมตาแล้วตะโกนโหวกเหวกเสียงดังลั่น เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด

“ฝนตก ฝนตก ฝนตกโว้ย” ผมหันไปมองรอบๆ ก็ต้องตกใจเพราะไอ้ฝนที่ทำผมตื่น มันคือน้ำจากสายยางรดน้ำต้นไม้ มันกำลังพุ่งมาจากอีกฝั่ง ของรั้วบ้าน ผมมองตามสายน้ำที่พุ่งใส่ผมไม่หยุดจนไปหยุดที่สายตาดุๆ เขาจิกตามองผมนิดหนึ่งแล้วสะบัดหน้าหนี เดินเข้าบ้านไปเฉย ไม่ขอโทษผมสักคำ แถมหน้าเขาผมก็ยังเห็นไม่ชัดอยู่ดีเพราะพุ่มไม้มันสูง

“เฮ้ยยย คุณ นี่ กลับมาขอโทษผมเดี๋ยวนี้เลยะ ไอ้บ้าเอ้ย” ผมตะโกนเรียกเขาพอเขาไม่หันกลับมา ผมก็ด่าไปอีก คนบ้าอะไร เจอหน้าคนหล่อแล้วเดินหนี เป็นผีปอบรึไงถึงไม่กล้าสบตาคน ผมโมโหเขามากๆ เลยตอนนี้ ละสายตาอาฆาตจากเขาก็เดินเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เปียกโชกไปตากที่ราว สายตาก็คอยมองไปบ้านนู้น ว่าจะโผล่หัวออกมาเมื่อไหร่ หึ โผล่หน้ามาเมื่อไหร่แม่จะด่าให้ไฟแลบเลยคอยดู ในขณะที่ผมกำลังนึกด่าไอ้มนุษย์ใจหยาบคนนั้น จู่ๆ ป้าอรแกก็โผล่มาจากอีกรั้วของบ้าน หน้าแกยิ้มมาแต่ไกล เล่นเอาผมสยอง ป้าแกกวักมือเรียกผมให้ไปหา

“อะไรของป้าแกอีกวะ” ผมบ่นเบาๆ กับตัวเองก่อนจะเดินไปหาแก

“ครับป้าอร”

“มานี่ๆ พี่ทำบัวลอยมาฝากหนูกับคุณปี”

“คุณปี? ” ผมทำหน้าสงสัยป้าอรแกยิ้มเหมือนเอือมๆ ที่ผมมาอยู่ได้สักพักแล้วแต่ไม่รู้จักคนที่ชื่อปีอะไรนั่น

“ก็ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ บ้านหนูไงจ้ะหลังนั้นนะ” ป้าแกชี้ไปที่บ้านหลังนั้น

“อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณนะครับป้าอร” ป้าแกยิ้มหวานใส่แล้วทำตาเยิ้มๆ มองผ่านผมไปที่บ้านหลังนั้น เอ่อ คือป้าจะรวบหมดทั้งสองหลังเลยเหรอครับ ผมมองตามสายตาแกไป

“แล้วเขาเป็นใครเหรอครับ” นี่ผมคงติดเชื้อขี้เสือกของป้าแกมานิดๆ ละ

“อันนี้ป้าก็ไม่รู้นะ รู้แต่ว่า เขานะหล่อ รวย” พูดแล้วทำหน้าเคลิ้มๆ เล่นเอาผมเดินถอยหลังไปสองสามก้าว

“แต่ถ้าน้องเพียวอยากรู้ พี่อรไปสืบมาให้ก็ได้ค่ะ”

“ไม่ต้องครับผมไม่ได้อยากรู้เรื่องของชาวบ้านเขาหรอกนะครับ เอ่อขอบคุณสำหรับบัวลอยนะครับผมขอตัว” ลิ้นผมแทบจะพันกันเพราะรีบพูดจะได้ออกมาจากตรงนั้นไวๆ เบื่อกับสายตาแทะโลมของป้าแก



ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ร้านที่ผมวาดฝันเอาไว้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ท่ามกลางความขัดแย้งของเพื่อนๆ ที่แวะเวียนมาช่วยผม คือมันช่วยครับแต่ก็บ่นไปด้วย บ่นอะไรนักหนาไม่รู้ มึงจะทำไหวเหรอบ้างละ จะไปรอดไหมบ้างละ ทำเลไม่ดีบ้างอะไรแบบนี้แต่ผมไม่ฟังหรอกครับ ไม่ได้รั้นนะ แต่ผมเชื่อว่าผมทำได้และจะทำมันได้ดีด้วย ตอนนี้ผมยืนดูช่างที่เข้ามาต่อเติมร้านบริเวณสวนหน้าบ้านโดยเอารั้วด้านหน้าออกแล้วทำเป็นห้องกระจกกึ่งปูนมีลานไม้ด้านหน้าไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งกินแบบธรรมชาติๆ เพราะผมจะทำหลังคาให้เป็นแบบไม้เลื้อย เหมือนสวนในเทพนิยาย ตอนนี้งานเริ่มเสร็จเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่ตกแต่งกับซื้อของเข้าร้าน

“ไอ้เพียวมึงคิดว่ามันจะเวิร์คเหรอวะ นี่มันในหมู่บ้านนะเว้ย ไม่ใช่ทำเลทองแถวทองหล่อ” ไอ้ภูมันยกน้ำออกมาให้พวกช่างๆ เข้ากิน ผมพยักหน้า

“เวิร์คดิ หมู่บ้านออกจะใหญ่มีแต่คนรวยๆ อยู่”

“นี่มึงกะจะขายแค่คนในหมู่บ้านรึไง”

“ก็ ไม่เชิงหรอก มึงกูแค่อยากขายก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้ขายเพชรจะคิดอะไรมาก ขายแค่พออยู่ได้มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟพอแล้ว” ผมบอกมันไป ไอ้ภูเบ้ปากใส่

“แล้วเมื่อไหร่จะรวย”

“ทำไมต้องรวยด้วยวะ แค่มีพอแดก พอใช้ก็พอป่าววะ จะฟุ่มเฟือยไปทำไม นี่กูไม่หนีไปอยู่ดอยทำไร่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” อยู่แบบพอเพียงอย่างที่ในหลวงท่านเคยสอนไว้ ชีวิตแบบนั้นดีจะตายผมชอบ

“นี่มึงไม่คิดถึงอนาคตเลยรึไง ถ้ามึงมีครอบครัวมีเมียมีลูก มึงคิดว่าการขายก๋วยเตี๋ยวในนี้มันจะเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียมึงได้รึไงวะ” ไอ้ภูมันดูจริงจังมากอาจจะเพราะมันเป็นเด็กกำพร้าเป็นเด็กวัดมันเลยจริงกับเรื่องพวกนี้มากๆ

“เอาน่ามึงก็อย่าไปว่ามันเลยไอ้ภู อีกอย่างหน้าอย่างมันจะหาเมียได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ ไปๆ กูสั่งส้มตำร้านป้าเฉื่อยไว้นานแล้ว ป่านนี้คงเสร็จพอดีมึงไปเอาเป็นเพื่อนกูหน่อย” ไอ้เขื่อนครับมันเดินมาจากไหนไม่รู้พูดฉอดๆ แล้วก็ลากไอ้ภูมันออกไป นี่ผมยังไม่ได้เถียงมันเรื่องหาเมียไม่ได้เลยนะ ผ่านไปสักพักมันก็กลับมาพร้อมส้มตำไก่ย่างชุดใหญ่สองชุดให้ช่างชุดหนึ่งกับของพวกผมอีกชุด พวกเรามานั่งกินกันที่ศาลาพัก ผมกับไอ้ภูช่วยกันแกะใส่จานไอ้เขื่อนเดินไปหยิบน้ำเย็นๆ มาให้ เมื่อทุกอย่างพร้อมผมก็ลงมือกินกันอย่างเมามัน ของผมเป็นตำปูปลาร้า ส่วนไอ้ภูมันกินเผ็ดไม่ได้ไอ้เขื่อนเลยสั่งตำไทยไข่เค็มไว้ให้ มีไก่ย่าง ไส้อ่อนย่าง คอหมูย่าง ต้มแซบ โอ๊ยยยเป็นตาแซบ ซัดกันนัวเนียมือแทบจะพันกัน

“เออ เมื่อกี้กูยังพูดไม่จบ ไอ้เขื่อนมึงหาว่ากูจะหาเมียไม่ได้อย่างนั้นเหรอวะ มึงดูถูกกูมากไปแล้วนะ” ผมเอาปีกไก่ที่แทะอยู่ชี้หน้ามันอย่างเคืองๆ มันหัวเราะใส่ผม

“ก็กูดูถูกไง ไม่ได้ดูผิดไปแม้แต่สักนิดเดียว มึงเคยดูหนังหน้าตัวเองไหมเพื่อน ตลอดสี่ปีที่ผ่านมามีหญิงคนไหนมาแลมึงบ้างไหม กูเห็นแต่หมาตัวผู้ที่คอยตามดมตูดมึง” - -ไอ้นี่พูดจาเลอะเทอะ

“สัส พูดจา กูแค่ไม่ได้ปล่อยเสน่ห์หรอกเว้ย ไม่งั้นนะหญิงไม่ตกถึงท้องพวกมึงหรอก” ผมว่าแล้วแทะไก่ในมือต่อ ใครมันจะกล้ามีความรักกันละ ถ้าเกิดรักจริงขึ้นมาแล้วแฟนผมตายก่อน ผมจะทำใจได้ไหมไม่รู้ แค่ไอ้สองคนนี้ผมก็แทบจะทำใจไม่ได้แล้วถ้าเห็นพวกมันแก่ตายแล้วผมยังมีชีวิตอยู่

“เหรอออออออ/เหรออออ” พวกมันประสานเสียงมาพร้อมกันแล้วผลักหัวผมกันคนละที ไอ้พวกนี้นี่ ผมแก่กว่าพวกคุณนะครับ เกรงใจผมด้วย

“เดี๋ยวก่อนๆ กูจะหาเมียให้ได้ก่อนพวกมึง” ผมท้า

“ไม่ต้องยังไงพวกกูก็ไม่คิดว่ามึงจะได้เมีย ไอ้เพียวมึงนะอย่าไปมีเลยเมียสงสารผู้หญิงเขามีผัวนั่นแหละดีแล้ว หน้าแบบนี้ หุ่นแบบนี้ แรงก็มีจิ๊ดหนึ่งจะไปปกป้องใครเขาได้ มีผัวให้เขาปกป้องมึงดีกว่ากูแนะนำ” ไอ้เขื่อนมันพูดออกมาได้ยังไงแถมไอ้ภูมันก็พยักหน้าเห็นด้วยอีก

“บ้า จะมีผัวได้ไงกูเป็นผู้ชาย แล้วอีกอย่างไอ้ภูมึงก็ไม่ได้ต่างอะไรจากกูมากมายมึงก็ต้องมีผัวดิ” ผมค้านแถมยังลากไอ้ภูลงมาด้วย

“เรื่อง!! กูเป็นเด็กวัดนะมึง ถึกอย่าบอกใคร เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้กูเป็นนักมวยเก่านะเว้ย” มันบอกพร้อมกับยืดอกแคบๆ ของมันอย่างภาคภูมิใจ

“แต่ต่อยไม่เคยชนะกูสักครั้ง ไอ้อ่อน” ไอ้เขื่อนมันขัดจนผมขำก๊ากออกมา ไอ้ภูมันหันไปมองค้อนเพื่อนเด็กวัดของมันทันทีพร้อมกับทำหน้างอนๆ แล้วไม่พูดกับไอ้เขื่อนเลย จนไอ้เขื่อนต้องง้อด้วยการไปซื้อไอติมรถเข็นมาให้กินมันถึงจะยอมคุยด้วย กินของคาวของหวานจนอิ่มก็นั่งตีพุงอยู่ตรงศาลสนั่นแหละครับรอย่อย แล้วค่อยเอาจานไปเก็บ ล้าง สักพักไอ้สองคนนั้นก็ขอตัวกลับเพราะต้องเตรียมตัวไปสมัคงานผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ขับรถออกไปส่งมันที่วัดแล้วเลยไปไหว้หลวงตา แล้วกลับมาทดลองทำน้ำซอสอีกหลายๆ สูตรแล้วเอาไปให้เพื่อนบ้านชิม เหอะๆ เขาก็บอกว่าอร่อยกันทุกบ้านยกเว้นอยู่บ้านเดียว บ้านไอ้ผู้ชายโรคจิตที่รั้วมันติดกับบ้านผมยังไงละ ผมรู้ว่ามันอยู่บ้าน รถคันหรูของมันก็จอดอยู่ในบ้าน รองเท้าก็อยู่ แต่มันไม่ยอมออกมาครับ นี่ผมกดออดจนมือหงิกแล้วมันก็ไม่ยอมโผล่มาสักที

“ไอ้มนุษย์ไม่มีมารยาท” ผมยืนด่าแล้วถือชามเย็นตาโฟกลับมาบ้านด้วยความหงุดหงิด นี่ก็เย็นมากแล้วมื้อเย็นก็เลยเป็นเย็นตาโฟของไอ้มนุษย์เงาคนนั้นไป กินไปดูหนังไปจนดึก เลยลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน แต่ก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่าง ไฟในสวนของบ้านไอ้คุณปีมันเปิดอยู่แล้วผมก็เห็นแผ่นหลังกว้างๆ ของมันกล้ามเป็นมัดๆ ผิวแม่งขาวอย่างกับหิมะ มันนึกคึกอะไรมาออกกำลังกายตอนดึกๆ แบบนี้วะ ด้วยความอยากรู้ว่าหนังหน้ามันจะเหมือนนิสัยแย่ๆ ของมันผมเลยแอบย่องไปที่ข้างๆ รั้ว แอบมองมัน ด้วยความริษยานิดๆ จะกล้ามใหญ่ไปไหน จะหุ้นดีไปไหน ชิ แอบจิกตาใส่ด้วย ในขณะที่แอบด่ามันในใจ จู่ๆ มันก็หันหน้ามาทางผมที่แอบดูมันอยู่และตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นใบหน้าของมันชัดๆแบบ โฟร์ดี

*0* ไอ้เชี้ยะแมร่งงง หล่อบรรลัย ใบหน้าหล่อๆ ของมันที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ไหนจะกล้ามท้องที่ขึ้นเป็นลอนสวยจนผมอิจฉา

ตึก ตึก ตึก ตึก นี่ใจผมมันเต้นแรงอะไรเบอร์นี้ นี่ผมใจเต้นแรงกับไอ้คนไม่มีมารยาทพรรคนี้นะเหรอ

ผมเดินถอยหลังออกมาเพื่อตั้งหลัก เกิดมาสี่ร้อยกว่าปีพึ่งจะมาใจเต้นแรงเหมือนสาวแรกแย้มแบบนี้ แถมกับผู้ชายด้วยเนียะอะนะ ด้วยความที่ผมตกใจเดินถอยหลังจนไปชนกับถังน้ำแล้วล้มทับมันแตก

โพล๊ะ!!!!

“ใครวะ!!! ”

“ฉิบหายแล้วกู” วันนี้ไม่ใช่เขาที่รีบหนีเข้าบ้านแต่เป็นผมเองที่ใส่ตีนหมาวิ่งหน้าตั้งหนีเข้าบ้านแทน



แมร่งเอ้ย ไอ้หัวใจมึงหยุดเต้นสักทีสิวะ

เกิดเป็นยักษ์นะเว้ยจะมาไก่อ่อนแบบนี้ไม่ได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขตอนแนะตัวให้แล้วนะครับ ขอบคุณมากๆนะที่บอก

(http://www.mx7.com/i/0c3/cSVuj9.jpg)
 (http://www.mx7.com/view2/A46rRI80BbIqJrWw)

(http://www.mx7.com/i/2f9/cvTeu3.jpeg) (http://www.mx7.com/view2/A46s47nSwwkJB7F9)

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 1 22/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2017 08:18:05
ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คุณปี นี่ใช่มนุษย์ปะ
หลบหน้า หลบตา ไม่สบตาใคร
แต่แอบฉีดน้ำใส่ยักษ์แคระเราซะนี่

เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟอย่างเดียวเหรอ
ถ้าอยู่ใกล้บ้านจะแวะไปอุดหนุนบ่อยๆ
แล้วแอบส่องคุณปีชะแว้บบบบ
ว่าแต่เขื่อน กับภูผา หล่อมั้ยนะ
นี่แอบจิ้น เขื่อน ภูผา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คุณปี เพียว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 1 22/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-08-2017 08:48:03
คุณปีช่างลึกลับ ค่าตัวแพงเหลือเกินนะพ่อคุณ ฮา
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 2 24/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 24-08-2017 08:54:29
อสุรา ล่ารัก

ตอนที่ 2 ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บแก ฮ่าๆๆๆๆ





ในที่สุดร้านก๋วยเตี๋ยวของผมก็เสร็จสมบูรณ์ วินาทีแรกที่เห็นมันเต็มตาบอกได้เลยครับว่างานนี้รวยแน่ๆ เพราะร้านผมมันสวยสะดุดตาจนใครๆ ก็เหลียวมอง ไหนจะไอ้ผู้ชายหน้าตาดีสองคนยืนแจกใบปลิว ฉลองเปิดร้านใหม่อยู่หน้าร้าน กับโปรโมชั่น ซื้อ1แถม1 มีคนมารุมมันสองคนเต็มไปหมดครับ ทั้งลูกเด็กเล็กแดง โดยเฉพาะ สาวๆ นี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใส่พวกมันไม่หยุดหย่อน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศผมเอาเครื่องเสียงออกมาเปิดเพลงมันๆ เป็นการเรียกลูกค้า และผลตอบรับมันก็ดีมากๆ ลูกค้าชมไม่ขาดปาก ว่าอร่อย ร้านสวย และไม่ร้อน ผมยืนยิ้มอยู่หน้าเตา รู้สึกดีจริงๆ ครับ หายเหนื่อยเลย

11.30น.

“เห้ย พวกมึง พักได้แล้ว มากินข้าวก่อน” ผมตะโกนเรียกไอ้เพื่อนรักสองคนนั้นเข้ามาในร้านที่เปิดแอร์เย็นๆ เอาน้ำชามะนาวเย็นๆ มาเสริฟให้พวกมัน ทันทีที่ตูดมันแตะเก้าอี้

“เหนื่อยเลยดิ อะกินน้ำกินท่าก่อน เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน” ผมรีบไปทำเย็นตาโฟให้พวกมันกิน

“ไม่หรอกกูแค่ยืนแจกใบปลิว” ปากบอกว่าไม่แต่ทำไมหน้ามึงบูดอย่างนั้นวะผมมองหน้าไอ้เขื่อนมันนิดๆ

“คึคึ ไม่เหนื่อยแต่เปลืองตัวฉิบหาย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนบ้านมึงนะเพียวก็เตะเจาะยางไปละ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ลวนลามพวกกูอยู่ได้” ไอ้ภูมันบอกขำๆ แถมยังทำท่าขยาดใส่ป้าอรอีก ฮ่าๆ

“นี่พวกมึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ” ผมถามแล้วหัวเราะออกมากับวีรกรรมของมนุษย์ ป้าข้างบ้าน

“ชินห่าอะไร ไม่ลวนลามด้วยมือก็ลวนลามทางสายตา ดูสิมองพวกเราเหมือนจะกลืนลงท้อง หึ้ย ขนลุก” ไอ้เขื่อนทำท่าขนลุกพร้อมกับพยักหน้าไปทางหน้าร้าน ที่ป้าอรแกยืนคุยกับเพื่อนๆ ของแก นี่ก็คงไม่พ้นเรื่องร้านผมอีกนั่นแหละ

“เอ้ากินจะได้พัก ใบปลิวไม่ต้องแจกแล้ว ของกูจะหมดละ” ผมบอกพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกัน นั่งมองลูกค้าที่กำลังทานเย็นตาโฟฝีมือผมด้วยความเอร็ดอร่อย รู้สึกดีอะ ดีมากๆ ...



ผ่านพ้นไปได้หนึ่งวันเล่นเอาผมแทบจะสิ้นแรงดิ้นตาย สองคนนั้นอยู่ช่วยจนผมปิดร้านแล้วก็กลับไปเมื่อตอนทุ่มกว่าๆ มันบอกพรุ่งนี้จะมาช่วยใหม่จนกว่าผมจะหาลูกน้องได้ เกรงใจมันอยู่เหมือนกัน ไหนจะงานที่พวกมันต้องออกไปหาพักหลังๆ มานี่มันมาขลุกอยู่แต่กับผมเสียส่วนใหญ่ นั่งพักจนเหงื่อเริ่มแห้งก็ว่าจะไปอาบน้ำ หันไปมองนาฬิกา สองทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปตลาดแต่เช้าอีก ผมเดินไปที่สวนหลังบ้านจำได้ว่าเอาผ้าไปตากไว้ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เก็บเลย เดินทะลุหลังบ้านไป ข้างรั้วที่ผมขึงลวดกับเสาไม้ไว้ทำราวตากผ้า เสื้อผ้าผมห้อยอยู่หลายตัว แต่มีบางตัวที่มันหายไป เสื้อยืดลายเป็ดสีเหลืองของผม หันไปมองรอบๆ บ้านก็ไม่มี ใครมันกล้าขโมยเสื้อเป็ดของผม!!!

หันไปหันมา สายตาก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง ไอ้คุณปีมันก้มเก็บอะไรสักอย่างที่พื้น พอมันเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ

“เสื้อกู!!! ” คือผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังนะแต่ว่ามันตกใจไง ไอ้คุณปีมันหันมามองหน้าผมนิดๆ แล้วทำหน้าเหมือนเห็นแมลงสาบอยู่ มันโยนเสื้อผมข้ามรั้วมาอัดหน้าผมเต็มๆ

“อย่าเอาของสกปรกมาใส่ไว้บ้านคนอื่น” น้ำเสียงมันนิ่งๆ เรียบเหมือนคนไร้อารมณ์ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังด่าผมอยู่

“ซักแล้วเหอะ ไม่ดมดูมั่งรึไง แล้วอีกอย่าง ผมจะไปรู้ได้ไงว่าเสื้อผมมันไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่ใช่ว่าคุณแอบสอยไปรึไง หึ เห็นแอบมองอยู่ตั้งนาน ชอบผมนะสิ” ครับพูดไปงั้นแหละยั่วโมโหมัน ลำคานสายตาคุณชายของมัน มองจิกเหมือนผมเป็นคนรับใช้บ้านมันอย่างไงอย่างนั้น

“ถ้าเรียนจบมาแล้วสมองคิดได้แค่นั้น แนะนำกลับไปเรียนชั้นปฐมใหม่ เผื่ออะไรๆ จะได้ดีขึ้น” พูดนิ่งแล้วหันหลังเดิน “อ่อ แล้วต่อไปก็ช่วยอย่าส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขา มันน่ารำคาญรู้ไว้ซะด้วย” มันยังมีน่าหันหลังกลับมาด่าผมอีก ด่าที่เรียกว่าผมไม่ได้แทรกเลยให้ตายสิ เลือดขึ้นหน้าเลยครับ หัวไหม้แล้วตอนนี้ ไอ้มนุษย์ปากปีจอ เดี๋ยวเถอะมึง...

ผมส่งสายตาอาฆาตโกรธแรงมาก จนฟ้าร้องเสียงดัง เหมือนในหนัง เพราะอารมณ์ผมของผมมันส่งถึงสภาพอากาศบริเวณนั้นๆ ด้วยถ้าผมเศร้าฝนก็จะตก ถ้าผมโมโหฟ้าก็จะร้องถ้าผมอารมณ์อากาศก็จะดีตาม

“ไอ้คุณปี มึงๆ เจอกูแน่” ผมรีบเก็บผ้าเข้าบ้านไปอาบน้ำให้เย็นลง แล้วคิดแผนเอาคืนไอ้คุณชายหน้านิ่งนั่นทันทีจนหันไปเห็นตุ๊กแกเพื่อนรักที่เกาะอยู่ตรงต้นไม้นอกหน้าต่าง

“หึหึหึ ช่วยพี่หน่อยนะน้อง” ผมจับตุ๊กแกใส่ถุงกระดาษ แล้วยืนอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง แค่นึกว่าอยากไปที่ไหนแล้วเปิดประตูผมก็จะไปอยู่นะที่ๆ แห่งนั้นทันที นึกถึงห้องนอนไอ้คุณปีแล้วเปิดประตูเข้าไป

“เป็นระเบียบชะมัด” ผมอดที่จะแขวะออกมาไม่ได้นอกจากจะหล่อดูดี แถมยังเจ้าระเบียบ ผมมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งโทนขาวดำ ในห้องมีอะไรมาก นอกจากชั้นหนังสือ ทีวี ตู้เย็น แล้วก็โต๊ะทำงาน เตียงคิงไซต์ ผมเดินสำรวจไปทั่ว ห้องของเขามีรูปวาดมากมายตกแต่ง สวยๆ ทั้งนั้นแต่จะสะดุดตาก็คงจะเป็นรูปสีน้ำขนาดใหญ่บนหัวนอน มันเป็นรูปของเขาดูๆ แล้วก็เท่ดี แต่ผมไม่สนใจหรอกหยิบเอาตุ๊กแกในถุงเอาไปวางไว้บนที่นอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้

“ฝากไว้สักคืนนะครับคุณปีแล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเอาคืน ก๊ากกก” หัวเราะไร้เสียงแล้วรีบเปิดประตูกลับมาที่บ้านตัวเอง ยืนรอตรงหน้าต่างฟังเสียงที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น



5 นาทีผ่านไป

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องโหยหวน และหวาดกลัวของบ้านข้างๆ ดังพร้อมกับเพื่อนตีนเหนียวของผม

ตับๆๆๆๆๆๆๆๆ ตั๊บแก ตั๊บแก

“คึคึคึคึ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะลั่นกับผลงานตัวเอง สบายใจละ อาบน้ำนอนดีกว่า





(ปี ทอร์ค)

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมไอ้สัตว์น่ากลัวพวกนี้ถึงมาอยู่ในห้องผม แถมอยู่บนเตียงของผมอีก ผมขยะแขยงสัตว์จำพวกเลื้อยคลาน แต่ที่เกลียดที่สุดคือแมลงสาบ แล้วมัน มันมาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง ไอ้ตุ๊กแกนั่นมันจ้องผมตาเป็นมัน แถมแลบลิ้นเลียอีกให้ตายหัวใจผมหัวลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ขาสั่นไปหมดเมื่อกี้ก็กรี๊ดลั่นจนแต๋วแตก เพราะความตกใจ

“อยู่ตรงนี้นิ่งๆ นะมึงอย่าขยับไปไหน” ผมบอกไอ้สัตว์ตัวร้าย ก่อนจะรีบวิ่งผ่านหน้ามันไปลงไปในครัวหากระป๋องเปล่าๆ กับกระดาษแข็ง ผมกับมันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และมันต้องเป็นฝ่ายไป ก่อนขึ้นบันไดผมเห็นตะกร้าหวายวางไว้เลยไปหยิบมาครอบหัวตัวเองแล้วเดินกลับไปที่ห้อง ไอ้ตุ๊กแกมันฟังคำสั่งผมดีมากมันนอนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผมค่อยๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของมัน ดวงตาของมันหมุนตามผมอย่างช้าๆ

“จะมองทำไมหันไปทางนู้น” ผมว่ามันเสียงดัง ยืนทำใจอยู่พักก่อนจะรวบรวมความกล้า เอากระป๋องครอบมันแล้วใช้กระดาษแข็งซ้อนมันมา ตุ๊กแกมันดิ้น ผมรีบวิ่งไปทางหน้าต่าง โยนทั้งหมดออกไปทางนั้น แล้วยืนหอบหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง

“ก๊ากกกกก สมน้ำหน้า” เสียงหัวเราะสะใจของใครบางดังขึ้นฝั่งตรงข้ามผม หน็อยไอ้เด็กบ้านี่มันคงจะเห็นหมดเลยสินะถึงได้หัวเราะเยาะผมแบบนั้น

ความจริงผมก็ไม่ได้อะไรกับเด็กมันมากนักหรอก แค่เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกขัดลูกตา เป็นผู้ชายประสาอะไร หน้างี้หวานหยด ตาโตเหมือนผู้หญิง ไหนจะปากชมพูเล็กๆ ที่พูดมากจนน่ารำคาญ ยิ่งเวลามันพาเพื่อนมาบ้านนะ อย่าให้พูด เสียงดังโวยวาย ไม่รู้จะยิ้มจะหัวเราะอะไรนักหนา ทำผมเสียสมาธิในการทำงานหมด ผมอยากอยู่เงียบๆ สงบๆ ถึงไปหนีออกมาซื้อบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ แต่เมื่อแปดเดือนก่อน ตั้งแต่ได้หน้าอ่อนนี่มันย้ายเข้ามาใช้รั่วบ้านร่วมกับผมแล้ว ความสงบสุขผมก็หายไปทันที มันเป็นคนที่ทำอะไรเสียงดัง ถมยังซุ่มซ่าม ชอบออกมาแหกปากร้องเพลงข้างๆ บ้านผม มันรู้ไหมว่างานผมมันกองท่วมหัวต้องใช้สมาธิมากมายขนาดไหน ผมต้องมานั่งทนฟังเสียงร้องของมันที่เหมือนหมาฉี่ใส่สังกะสีฟังแล้วปวดหัว อยากจะรู้นักว่าทำไมพ่อแม่มันถึงได้ปล่อยลูกให้มาใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้ ผมส่ายหัวให้กับไอ้หน้าอ่อนที่เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะกระโดดถีบสักที ล้มตัวลงนอนบนที่นอนสะอาดๆ ของตัวเองแล้วหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ ให้มันสงบและเรียกสติกลับมา พรุ่งนี้มีประชุมเช้าผมต้องรีบนอน ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน

(จบพาทคุณปี)





การตื่นเช้าไปตลาดนี่มันเป็นอะไรที่ทรมานร่างกายของผมสุดๆ กว่าจะขุดร่างตัวเองจากที่นอนได้ก็เกือบจะตีห้า น้ำท่าไม่อาบแล้วแค่ล้างหน้าแปรงฟันพอ รีบลงมาด้านล่างคว้ากุญแจรถได้ก็รีบออกจากบ้านถอยรถออกมาทัน ขับไปถึงกลางซอย เห็นเงาตะคุ่มๆ ตัวสูงๆ วิ่งเหยาะๆ อยู่ ในระยะนี้ผมรู้เลยว่าใคร

ปิ้น บีบแตรใส่ จนอีกคนสะดุ้งแล้วก็รีบเร่งรถหนี หันไปมองกระจกหลัง ไอ้คุณปีมันยืนชี้แล้วด่าไล่หลังมา แหม่ ความหล่อนี่ไม่ได้เลี้ยงหมาในปากให้เชื่องเลย ผมหัวเราะขำกับท่าทีของเขา แล้วหันมาสนใจถนนต่อ พอมาถึงตลาดผมก็เลือกซื้อของสด พวกหมู หมึก กุ้งหอย ผักของสดต่างๆ ที่ต้องใช้ ขายวันต่อวันไม่ตุนของ หมดคือหมด เพราะลูกค้าจะได้กินแต่ของที่สดใหม่ทุกวัน กว่าจะซื้อของเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ขับรถกลับมาบ้าน ก็เห็นไอ้คุณชายแต่งตัวหล่อ ออกจากบ้านพอดีเขาใส่สูทเต็มยศในมือมีกระเป๋าเอกสาร มาดเหมือนนักธุรกิจ หล่อเนี๊ยบไปอีก ผมมองตามเขาอย่างไม่รู้ตัว จนรู้สึกว่าเขาก็มองผมตอบเช่นกัน แต่ไม่มองแบบหลงใหลนะ มองแบบ มึงมองเหี้ยอะไร มองแบบหาเรื่อง เขาแสยะยิ้มร้ายๆ มาให้ ก่อนจะใช้สายตาแบบเดิมที่เขาชอบมองผม แล้วขับรถออกไป

สงสัยผมกับเขาคงญาติดีกันไม่ได้แน่ๆ



หลายวันผ่านพ้นไปด้วยดีทั้งรายได้ของร้านแล้วก็ชีวิตผม ตอนนี้ผมหาลูกน้องได้แล้วนะครับเป็นเด็กพม่า หน้าตาดีคนหนึ่งมันชื่อ “ไว” มันพูดไทยได้แต่ฟังคำสั่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องผมไปเจอมันโดนวัยรุ่นไล่ตีมาเลยช่วยไว้ มันบอกว่ามันทำงานอยู่ที่ก่อสร้างไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ทำมาหลายที่หลายงานจนมาเจอกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งแล้วชอบเขาแอบตามเขามา พอจีบได้และกำลังจะไปอยู่ด้วยกัน ผัวผู้หญิงคนนั้นดันมาตามเสียก่อนมันเลยโดนไล่ตีมา ผมสงสารมองๆ แล้วมันน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ให้มันกินอยู่ที่บ้านเลย ค่าแรงก็วันละ สองร้อย ถ้าวันไหนขายดีมีทิปให้ต่างหาก

ไอ้ไวเป็นเด็กขยันครับอายุสิบเก้า สั่งอะไรทำหมด แถมยังเป็นคนซื่อๆ ออกแนวบื้อนิดๆ ผมชอบแกล้งมันครับ แต่ไอ้ที่แกล้งหนักกว่าผมคือเขื่อน รายนั้นเห็นไอ้ไวเป็นไม่ได้ เข้าไปแหย่มันตลอดจนไอ้ไว กลัวที่จะอยู่ใกล้มันไปเลย

“ไว โต๊ะ เจ็ดเอาเสิร์ฟที” ผมส่งชามก๋วยเตี๋ยวให้ไวมันไปเสิร์ฟ

“ครับลูกพี่”

“เออ เสร็จแล้วเก็บโต๊ะ สามด้วยนะ เดี๋ยวกูไปเอาของในบ้านแปป” ผมสั่งมันไว้ ที่จริงมันก็เป็นงานอยู่แหละ แต่มันจะช้านิดๆ ผมเลยต้องกระตุ้นมัน เดินเข้ามาในบ้านหยิบเอาของนิดหน่อยแล้วก็ออกไปหน้าร้านเหมือนเดิม อ่อลืมบอกไปไอ้เขื่อนกับภูมันได้งานแล้วนะครับ เป็นวิศวะกรในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเงินเดือนมันสูงมาก ตามที่มันหวังเอาไว้ พวกมันจะแวะมาหาผมวันเว้นวันถ้าว่างอะนะ

บ่ายสามของก็หมดแล้ว รายได้ก็เป็นที่น่าพอใจคุ้มเหนื่อย ขายตั้งแต่สิบโมง ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยสิแต่มันก็สนุกดี

“ไว ไว เก็บร้านเลย เดี๋ยวพาไปเดินตลาดนัด” ผมบอกกับไวที่กำลังเช็ดพื้นร้านอยู่

“จริงเหรอลูกพี่ ผมกำลังอยากไปพอดี จะไปซื้อของ” ผมพยักหน้าแล้วช่วยมันเก็บร้าน เดินเอาถังใส่เงินไปทำบัญชีที่ศาลาข้างรั้วมุมโปรด วันนี้ขายได้ หกพันหักค่าแรง ทุน แล้วยังเหลืออีกตั้งเยอะผมแยกเงินที่ต้องซื้อวันพรุ่งนี้ไว้ต่างหากแล้วเอากำไรเก็บใส่กล่องจะเอาไปฝากธนาคารตอนออกไปตลาดนัดเปิดท้ายใกล้กับโครงการหมู่บ้าน

“เก็บเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะไว”

“ครับลูกพี่” มันรับคำแล้ววิ่งไปที่ห้องของมันที่อยู่ชั้นล่าง ผมเองก็ขนของขึ้นห้องของผมไปอาบน้ำเหมือนกันเหม็นเหงื่อจะแย่ อาบน้ำแต่งตัวลงมาก็เจอไอ้ไวมันแต่งตัวหล่อประแป้งขาวเต็มหน้า เห็นแล้วก็ปล่อยก๊ากก ออกมา แล้วบอกให้มันไปล้างออก มันตลก

“โห่ พี่ หมดหล่อเลย” มันมองค้อนผมนิดๆ มันเอาส่วนไหนคิดว่าการปะแป้งขาวทั้งหน้าแล้วหล่อ

“ใครบอกมึงแบบนั้นห๊ะ ไอ้ไว”

“พ่อผมที่ย่างกุ้ง” แหม่ มั่นหน้ามากเลยนะมึง

“เหรอ เออ ฝากบอกพ่อมึงด้วยนะว่า อย่าสอนอะไรที่ผิดๆ กับมึงอีก” ผมส่ายหัวไปมากับสีหน้าเหนื่อยใจของมัน “ไปๆ ขึ้นรถ เดี๋ยวพาแว้น”

“ครับๆ” ไวมันเดินไปเปิดประตูรั้ว ผมเดินไปเอา ซูเมอร์ เอ็ก สีเหลืองออกมาแล้วขี่ไปรับไอ้ไวที่ยืนรอปิดประตูอยู่หน้าบ้าน ปิดล็อกเรียบร้อยก็กระโดดซ้อนท้ายทันที ผมพาแว้นไม่นานก็ถึงตลาด

“อยากกินอะไรวันนี้ป๊าเลี้ยงเต็มที่” ผมตบลงที่กระเป๋าสตางค์

“จริงนะพี่ พี่ไม่หักจากค่าแรงผมที่หลังแน่นะ” ผมถามพร้อมกับมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ ไอ้นี่เห็นผมเป็นคนยังไงวะ

“จริงสิวะ เรื่องมาก จ่ายเองนะเว้ย” ผมแกล้งขู่ มันรีบกระโดดเกาะแขนผมทันที เห็นแล้วขำ ผมกับไอ้ไวเดินดุของด้วยความเพลิดเพลิน ตามประสา ซื้อนู้นซื้อนี่ ไอ้ไวมันเดินไปซื้อเสื้อยืดแบบสองตัวร้อยมาใส่ ซึ่งผมก็ออกให้ เห็นว่ามันขยันดีมันยกมือไหว้ผมใหญ่ ผมบอกไม่ต้องไหว้ หรอกแค่นี้เอง นี่ผมซื้อกางเกงยีนให้มันอีกตัวจะได้สลับกับตัวที่มันใส่อยู่เห็นใส่มาสี่วันละ ไม่รุ้ป่านี้ไข่มันเน่ารึยัง เดินจนเมื่อยเลยแวะร้านจิ้มจุ่มร้านดัง นั่งกินจนท้องจะแตก ก็พากันกลับบ้าน ขี่กลับแทบไม่ไหว ไอ้ไวมันอาสาจะขี่ให้ ไอ้ผมก็กลัวเจอด่านเลยไม่อยากเสี่ยง ขี่เองดีกว่า พอขี่มาเรื่อยๆ เห็นรถคันหรูคุ้นตาจอดเสียอยู่ ไอ้ไวมันจำได้

“พี่ๆ นั่นรถคุณปี ที่อยุ่ข้างบ้านเรานี่”

“เอออ แล้วไง ช่างมันดิ” ใครจะสนไอ้มนุษย์น่านิ่งแบบมันกัน

“จอดช่วยเขาไหมพี่ ผม ซ่อมรถเป็นนะ”

“ไม่ กุรีบ”

“โห่พี่น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์อะ มีไหม ช่วยเขาเหอะ” เหอะ...พอดีกูไม่ใช่มนุษย์กูเป็นยักษ์

“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“น่าพี่ ช่วยเขาได้บุญนะ พี่ไม่ชอบเหรอบุญอะ” ไอ้นี่อ้างบุญอ้างบาปใส่กูอีก ผมกลอกตาบน อย่างจำยอม เพราะการช่วยเหลือมนุษย์มันเป็นกุศลอย่างหนึ่งที่ยักษ์พึงกระทำ ขี่เข้ามาใกล้เห็นไอ้คุณปีมันก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ารถ สภาพนี่ดูไม่ได้เลย เสื้อเชิตสีขาวๆ ตอนนี้มีแต่คราบน้ำมัน หน้าหล่อๆ ของมันก็มีแต่เขม่าดำๆ ติดเต็มไปหมด เห็นแล้วก็ขำ ไอ้คุณปีมันหันมามองแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง สงสัยขำดังไปหน่อย คึคึคึ

“คุณปี ผมช่วย ผมซ่อมเป็น” มันชั่งใจอยู่พักแล้วพยักหน้าอนุญาต ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ ใส่มัน เหมือนผู้ชนะ คือมันต้องพึ่งคนของผม พอนึกๆ ดูแล้วก็สะใจดี ผมนั่งดู เด็กพม่ามันซ่อมรถอยู่ที่มอเตอร์ไซของตัวเอง ไอ้ไวมันก้มเงยๆ จับนู้นจับนี่ ถอดอันนั้นอันนี้ เสร็จแล้วมันก็เดินไปสตาร์ทรถ

แกร็กๆๆๆ บลื่นนนน

“ติดแล้ว” ไอ้ไวยิ้มยิงฟันขาวๆ ใส่ไอ้หน้านิ่ง

“ขอบใจมากนะไว อะนี่ค่าตอบแทน” คุณปีส่งแบงก์ห้าร้อยให้ไอไวเป็นค่าตอบแทน

“หูยยยย ใจดีจัง ขอบคุณครับ” ไอ้ไวยกมือไหว้ด้วยความดีใจมันรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าทันที

“เสร็จแล้วก็ไปได้ละ ไอ้ลูกจ้าง แหม่ เห็นเงินเข้าหน่อยลืมนายจ้างอย่างกูเลยนะมึง ไปๆ อยู่แถวนี้แม่งอากาศเป็นพิษ” พูดแล้วจิกตาใส่ไอ้คนตัวสูง มันเองก็ไม่แพ้ผมนะครับ ส่งสายตาจิกๆ ตอบกลับมาด้วย สงสัยอยากนอนกับตุ๊กแกอีก ไอไวเห็นพวกผมพร้อมจะวางมวยกัน มันเลยกระโดดขึ้นรถแล้วเร่งให้ผมกลับทันที

“พี่นี่ก็จ้องแต่จะกัดเค้าเนอะ” มันว่าให้ผมหลังจากขี่เข้ามาในซอยหมู่บ้าน

“ไอ้นี่ ตกลงกูเป็นนายจ้างมึงหรือว่ามันกันแน่ห๊ะ” ผมตวาดใส่

“ก็ต้องพี่ดิ แต่ ผมสงสัยไง เค้าไปทำอะไรให้พี่เหรอ”

“ไม่รู้รู้แต่ว่ากูไม่ชอบขี้หน้ามัน มันหยิ่ง มันขี้เก๊ก ที่สำคัญแมร่งทำตัวลึกลับ”

“ไม่ใช่เขาหล่อกว่าพี่เหรอ รวยกว่า ด้วย” -*- วอนโดนตีนแล้วไหมล่ะ ไอ้พม่า

“ถ้ามึงพูดอีกคำเดียวกูจะขี่มอไซชนเสาไฟฟ้าให้ดู” ผมบิดคันเร่งขู่

“เห้ยพี่ไม่เอา ผมยังไม่ได้เมียไปฝากพ่อกับแม่เลย ไม่เอา” ไอ้ไวมันร้องเสียงหลง ผมหัวเราะเยาะมันออกมา

“ทีหลังมึงอย่าชมมันให้กูได้ยินอีก ไม่งั้นชะตามึงขาดแน่”

“คร๊าบบบ ลูกพี่คร๊าบบบ ไว ขอโทษษษษษษษษ” หึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่ายักษ์อย่างกูก็โหดเป็น



หลังจากขู่ไอ้ไวเรียบร้อยผมก็ใช้ให้มันเอาของเข้าไปเก็บ แล้วเดินมาที่สวน สำรวจดูรอบๆ บ้าน ว่ามีอะไรผิดแปลกไปรึเปล่า เดินไปสักพักเสียงรถของไอ้คนข้างบ้านก็แล่นเข้ามาจอด ผมมองแล้วเบะปากใส่ เหอะ รวยกว่าตรงไหน มาดูเงินในสมุดบัญชีผมไหม เยอะกว่าของมันอีก พูดแล้วก็หมั่นไส้ จับตุ๊กแกโยนใส่แมร่ง - -*




(http://www.mx7.com/i/2c9/27VhEP.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4pi84ydGRo3csR7)


(http://www.mx7.com/i/2f9/cvTeu3.jpeg) (http://www.mx7.com/view2/A46s47nSwwkJB7F9)


(http://www.mx7.com/i/17d/5NvPlr.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4piwb6AYlXx05Sr)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 2 24/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-08-2017 20:18:33
คุณปีรำคาญน้องที่เสียงดัง ส่วนเพียวไม่ของมนุษย์หน้านิ่ง ลงตัว ฮ่าๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไป

การ์ตูนน่ารักน่ะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 27-08-2017 03:37:24
(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)


อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 3

อสุรา แปล ว่าอสูรที่ไม่กินสุรา ใช่เหรออออออ






วันอาทิตย์ เป็นวันหยุดของร้าน “ยักษ์เย็นตาโฟ” เป็นไงชื่อร้านเก๋ไหม พึ่งตั้งเมื่อ สองวันก่อน นี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว กับการขายก๋วยเตี๋ยว วันหยุดพักผ่อน ผมก็อยากจะพักผ่อน สมองบ้าง อยากปลดปล่อยอารมณ์สุนทรีย์ เลยโทรไปชวนสองหน่อ ไอ้เขื่อนกับภูผา

Rrrrrrrrrr

“โหล ภู เย็นว่างป่าววะ จะชวนไปกินเหล้า” ผมรีบถามทันทีที่มันรับสาย

“อื้อ หือ โทรมาชวนพวกกุแต่หัววันไม่เกรงใจหลวงตากูเลยนะได้เพียว” เสียงขุ่นๆ ของภูผาดังลอดออกมา

“โห่มึงอะ นานๆ ทีเหอะ ตกลงว่าไง ไปป่าว” มันเงียบไปสักพัก

“เออ ไปก็ไป กูก็รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ เหมือนกัน เดี๊ยวชวนไอ้เขื่อนให้” ภูมันตอบกลับมาในที่สุด

“เออๆ ตอนเย็นกูไปรับที่วัดนะ”

“เออ แค่นี้กูกวาดลานวัดอยู่” แหม่ขยันจริงเพื่อนผม หันไปมองนาฬิกา แปดโมงจะเก้าโมงแล้วกับข้าวยังไม่ได้ทำเลย หันไปมองหาลูกน้องสัญชาติพม่าของตัว เห็นหลังไวๆ อยู่หลังบ้าน เดินตามไปดูว่ามันทำอะไร เห็นมันก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงโอ่งรองน้ำฝน

“ทำอะไรไอ้ไว” ผมทักมันหันมามองแล้วยิ้มฟันขาว

“ปลูกผักชีพี่” ครับมันปลูกจริงๆ มันเอาล้อยางนอกเก่าๆ จากไหนไม่รู้มาเอาดินที่ผมใช้ปลูกต้นไม้มาเทใส่จนเต็ม เห็นกองรากผักชีกองไว้ข้างโอ่ง

“ปลูกทำไม ซื้อเอาก็ได้” ผมบอก

“โห่พี่นี่ไม่รู้จักประหยัดเลย เห็นไหมนู้นนะนู้น ดูเขาเป็นตัวอย่างบ้าง” มันชี้ไปที่หลังบ้านของไอ้หน้านิ่งนั่น ตรงกำแพงหลังบ้านของคุณปีมีสวนผักลอยฟ้าอยู่ครับ คือไอ้คุณปีเค้าเอาขวดน้ำอัดลมที่ไม่ใช้แล้วมาทำเป็นกระถางปลูก ห้อยไว้เป็นชั้นๆ มีแต่ผักสลัด ผักไฮโดร ตามประสาคุณชายเค้ากินนั่นแหละครับ พอมองตามนิ้วมันเสร็จก็หันกลับมามองค้อนจิกตาใส่มัน

“นี่!!! เดี๋ยวนี้หัดว่ากูแล้วเหรอห๊ะ” ผมแว๊ดใส่อย่างไม่จริงจังนัก มันกลัวจนหดคอหนี

“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ ใครมันจะไปกล้าว่าพี่กันละ” เมื่อกี้มึงยังหาว่ากูฟุ่มเฟือยอยู่เลย-*-

“เนี้ยะ ผักชีโลละ ร้อย ปลูกเองใช้เอง ปลอดภัยกว่าด้วย” มันว่าพร้อมกับเอารากผักชีฝังดินแล้วรดน้ำ ก็จริงอย่างที่มันว่า ผักชีแพงมากและจำเป็นมากด้วย ผมไม่เถียงที่มันพูดก็เลยปล่อยเลยตามเลยอยากทำอะไรก็ทำ ปล่อยมัน ผมเดินไปที่เครื่องซักผ้า เห็นผ้าอยุ่ในเครื่องพึ่งซักเสร็จพอดี คงเป้นไอไวนั่นแหละที่ซักเอาไว้ ผมเลยหยิบใส่ตะกร้าหวานเอามาตากที่ข้างบ้าน ลืมถามมันเลยว่าจะกินอะไร เลยตะโกนถามมันไป

“ไว ไอ้ไว ข้าวเช้าอยากกินอะไร” ผมตะโกน

“อะไรก็ได้พี่ ที่ไม่ใช่ผัดกะเพราไก่ เบื่อ” มันตะโกนกลับมา แหม่ไอ้นี่มีบนเรื่องกับข้าวอีก

“ผัดพริกแกงหมูสามชั้นละกันนะมึง”

“คร๊าบบบบ” เป็นอันว่ามื้อเช้าคือผัดพริกแกงหมูสามชั้น ผมสะบัดผ้าในมือเอาไม้แขวนใส่แล้วยกขึ้นแขวนกับ ราวลวด เสื้อผ้าของผมทั้งหมด ตากเสร็จก็เอาของไอ้ไวใส่เครื่องแล้วกดซัก ระหว่างรอก็เข้าครัวไปทำกับข้าว รอไวมันทำงานบ้านเสร็จก็จะกินพร้อมกัน



“เออ ไวมึงมีบัตร ต่างด้าวยังวะ” ผมถามมันตอนที่เรากำลังกินข้าวเช้ากันอยู่ ผมมองหน้ามันแล้วหันไปมองจอทีวีต่อ

“......” มันเงียบ

“เอ้า กูถามเนี๋ยะ ได้ยินไหม” มันไม่ตอบแต่กลับเลี่ยงคำถามผม

“ผมปลูก พวกผักสวนครัวอย่างอื่นไว้ด้วยนะ รอมันโต คงประหยัดเงินพี่ได้เยอะ”

“-*- “

“เออพี่ เย็นนี้ผมขอไปหาเพื่อนที่งานก่อสร้างนะ จะไปเก็บของที่ทิ้งไว้ด้วย” จู่ๆ มันก็พูดออกมา เหมือนมันขออนุญาต

“อะ เอ่ออ เอาสิ เย็นนี้กูก็มีนัดเหมือนกัน มึงก็รีบไปรีบกลับมาเฝ้าบ้านด้วยละกัน”

“ครับ”



หลังจากอาหารเช้า ผมกับไวก็แยกกันไปทำภารกิจส่วนตัว ห้องของไว้อยู่ที่ชั้นล่าง ผมขึ้นไปข้างบน เล่นเกม ดูซีรี่ย์ ฆ่าเวลา มื้อเที่ยงกะสั่งพิษซ่ามากินกับไอ้ไว แต่มันบอกมันไม่ค่อยชอบแป้งมันเยอะแล้วก็เลี่ยนด้วย - - สรุปมันเป็นลูกจ้างผมจริงๆ นะเหรอ แหม่สั่งผมหยังกะมันเป็นเจ้านาย เลยต้องเปลี่ยนเมนูกัน เป็นส้มตำร้านป้าเฉื่อย แทน สั่งตอนสิบเอ็ดโมงได้ ได้บ่ายสองเฉื่อยสมชื่อป้าแกจริงๆ แต่รู้อะไรไหม ของป้าแกอร่อยมาก นานแค่ไหนผมก็ทนหิวได้ พอได้เวลาก็ใช้ไอไวมันไปเอา ร่างโปร่งๆ ของมันวิ่งแจ้นออกจากบ้านทันที สงสัยจะหิวจัด ผมเดินไปเอาพวกจานชามไปรอที่ศาลานั่งเล่นข้างบ้าน รอไอ้ไวมา รอไม่ถึงห้านาทีมันก็มาพร้อมกับถุงส้มตำ น้ำตก ต้มแซบ ปลาดุกย่าง ไก่ย่าง มันรีบวิ่งมาที่ ศาลาทันที พวกเรารีบแกะอาหาร พวกนั้นแล้วเทใส่จานทันที แล้วเหมือนปอบลงครับ ผู้ชายกระเพาะยักษ์สองคนกินทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหิวโหย จนสายตาผมไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่มองผมผ่าน ผ้าม่านจากบบนชั้นสอง ผมหันไปสบตาแล้วแสยะยิ้ม ยักคิ้วใส่อย่างไม่ใส่ใจ

นี่คงอิจฉาที่ผมมีชีวิตที่ดีมีเพื่อนคุย หึ สงสัยจะเหงา เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ผมยังไม่เห็นใครมาเยี่ยมหรือ มีเพื่อนมาหาเลยสักครั้ง และจากคำบอกเล่าของป้าอรที่แกลงทุนไปสืบมาให้ ป้าอรแกบอกว่า ไอ้คุณปีอะไรเนี้ยะ เป็นลูกเศรษฐี เป็นผู้ดีมีเงิน โดนไล่ออกจากบ้าน โดนแฟนทิ้ง เลยจิตตก ไม่ยอมพบหรือพูดคุยกับใคร เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน มีส่วนท้ายที่ป้าอรแกบอก เล่นเอาผมขนลุกแปลกๆ เขาบอกว่าคุณปีเป็นฆาตกรโรคจิต

ละสายตาจากใบหน้าหล่อร้ายของเขาแล้วหันมาสนใจไก่ย่างในมือ มันเป็นอะไรที่สุขที่สุดแล้วครับ ยักษ์ชอบเนื้อมากๆ โดยเฉพาะผมที่ฝืนมันทุก กฎเกณฑ์ของบ้าน นั่งกินจนเรอออกมาเสียงดัง

“อุ้ย พี่ทำอะไรน่าเกลียด” ไอ้ไวครับมันว่าผมอีกแล้ว-*-

“เออ น่ามึงจะอายอะไร คนกันเอง”

“เห้อออออ สงสารคนที่จะมาเป็นเมียพี่จริงๆ”

“ไอ้นี่” ผมยกขาขึ้นมาหมายจะถีบมัน แต่มันดันหลบแล้วรีบยกจานเข้าไปเก็บ ไวเป็นลิงจริงๆ นั่งพักท้องได้สักพักหนังตามันก็หย่อน เลยเดินเข้าบ้านไปนอนดีกว่าตื่นมาคงได้เวลาพอดี



16.30น.

ตื่นมาก็เจอไอไวมันแต่งตัวออกข้างนอก ผมเลยให้กุญแจกับมันไว้เผื่อมันกลับมาก่อนผมจะได้เข้าบ้านได้ นี่ผมคงไม่ได้ไว้ใจมันมากเกินไปใช่ไหม แต่ก็ช่างเถอะใครมันจะกล้าขโมยของบ้านยักษ์อย่างผม เดินไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อเตรียมตัวไปรับไอ้คุณเพื่อนทั้งสองที่วัด ผมเคยถามมันนะว่าทำไมไม่ออกมาเช่าบ้านอยู่กันจะไปอยู่วัดทำไม มันตอบกลับมาว่าหลวงตาแก่แล้วไม่มีคนดูแล มันเป็นห่วง

ขับรถมาถึงบริเวณวัด จอดตรงกุฏิหลวงตา แล้วเดินขึ้นไปหา เห็นไอ้สองคนนั้นนั่งพัดวีสนทนาธรรมกับหลวงตา แต่ดูท่ามันจะโดนเทศนาเสียมากกว่า พอหลวงตาเห็นผมก็ส่งสายตาตำหนิมาให้ผมยกมือก้มกราบหลวงตาแล้วคลานไปหาสองคนนั้น

“ไงเราไม่เห็นหน้าคร่าตาเสียนาน บุญจะหนุนนำไหม” หลวงตาหลี่ตามมองผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ครับหลวงตา”

“สุราเมรัยมันเป็นสิ่งไม่ดี ยังจะสุขที่จะเสพมันอีก”

“นานครั้งครับ” ผมส่งสายตาให้พวกมันออกไปกันได้แล้ว หลวงตาแกก็คงจะรู้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ แล้วพยักหน้าให้พวกผมไปได้แล้ว

“อย่าเมาจนขาดสติ”

“ครับหลวงตา” พวกเราประสานเสียงกันตอบแล้วก้มกราบลา ก่อนจะพากันออกจากวัด

ไปถึงร้าน พนักงานก็พาไปยังโซนชั้นสอง โซนที่มีโต๊ะนั่งสบายๆ และคนไม่เยอะ เพราะเป็นชั้นวีไอพีที่ผมโทรจองเอาไว้ สั่งอาหารและเครื่องดื่ม พวกเราดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ทั้งคุยทั้งเต้นลืมอายุไปเลย

“ไอ้เพียววววววว คึคึคึ” เอาแล้วครับไอ้ภูผาเมาแล้วเลื้อยอีกแล้วมันเดินมานั่งซบไหล่ผม แล้วช้อนตาหวานใส่

“อารายยยย มีไรครับคน ฉวยยย”

“สวย บ้านมึง สิกูหล่ออออ”

“หยุดเลยพวกมึง” ไอ้เขื่อนมันดึงไอภูผาออกจากตัวผมแล้วจับให้นั่งดีๆ มีแค่มันที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา ผมนี่เริ่มกึ่มๆ ละ แต่ยังไหว

“น้องเขื่อน รินเหล้าให้พี่หน่อยสิจ้ะ” ผมยืนแก้วเปล่าไปให้มัน มันรับแล้ววางลงที่เดิม

“พอเลย ดึกแล้วเนี้ยะ กลับกันได้ยัง” มันถาม เพราะถ้าปล่อยให้ไอ้ภูเมามากกว่านี้มันถล่มวัดแน่

“เออๆ กลับก็ได้วะ แต่กุขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ปวดฉี่” ผมจะลุกแต่ไอ้ภูมันจับแขนเอาไว้แล้วยิ้มหวาน

“ภูไปด้วยน้า เพียวคนสวยยยย” ผมกลอกตาบนแล้วพยุงมันขึ้น แอบเซนิดๆ ดีที่ไอ้เขื่อนมันจับเอาไว้

“ไปดีๆ นะเว้ย เดี๋ยวกูเรียกเขามาเก็บเงินเลย แล้วอย่าไปหาเรื่องใครนะไอ้ภู”

“ครับพ่อเขื่อน” ไอ้ภูมันรับคำแล้วกอดคอพากันเดิน ไอ้ภูถ้ามันเมามาก ปากมันหมาครับ แถมขี้โวยวายด้วย

กว่าจะเดินมาถึงห้องน้ำ เล่นเอาเหนื่อยกันทั้งคู่ผมรู้สึกปวดท้อง เลยเข้าห้องส้วมทิ้งไอ้ภูให้ยืนรอยู่ด้านนอก

“ภูรอกูแปปนะมึง กูปวดขี้”

“อืออออ” มันยืนเอนไปเอนมาตรงโถฉี่ผมเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“เพียวว ถอดกางเกงให้กูหน่อยสิ” ไอ้ภูมันพูดกับใครวะ

“ปวดฉี่ เพียววว ยืนนิ่งๆ นะภูจะยืนพิง” -*-กูนั่งอึอยู่นี่กูจะยืนนิ่งๆ ได้ยังไง

“หึหึ” เสียงใครวะ เสียงมันหัวเราะออกมา ทำเอาอึผมหด รีบล้างแล้วใส่กางเกงออกไป ก็เจอไอ้ภูยืนยิ้มล้างมืออยู่ที่อ่าง

“ขอบใจจะน้องเพียวคนสวย”

“ภูมึงคุยกับใครวะเมื่อกี้”

“กับมึงไง นี่เห็นของกูแล้วห้ามบอกใครนะมึง และที่สำคัญเอาของมึงออกมาให้กูดูเลย” มันพูดเสียงยานๆ แถมจะถอดกางเกงผมด้วย

“เห้ยภู มึง ไปๆ กลับบ้านผมรีบลากมันออกมาทั้งๆ ที่ตัวเองก็มึนหัวไม่น้อย เดินออกมาก็เจอไอ้เขื่อนยืนรอ มันแบกไอ้ภูกับผมไปที่รถ ไอ้เขื่อนเป็นคนขับกลับ ผมกับไอ้ภูนอนพิงหัวกันอยู่เบาะหลัง ไม่ไหวครับมึนหัวสุดๆ

“ถึงแล้วเพียว” เสียงแว่วของเพื่อนรักดังมาแต่ไกล แรงสะกิดที่ไหล่ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ไอ้เขื่อนมันเปิดประตูรถอีกฝั่งแล้วลากไอ้ภูลงมา

“มึงรีบเข้าบ้านนะเพียวรถแท็กซี่กูมาแล้ว” มันบอกผมยืนพิงประตูรถเอาไว้แล้วโบกมือให้มัน

“อึก อืออ มึงรีบพามันกลับไปเหอะ บ้านกุอยู่ตรงนี้ไม่ต้องห่วง” ผมบอกมัน ไอ้เขื่อนพยักหน้าแล้วลากไอ้ภูขึ้นรถแท็กซี่ออกไป ผมเดินไปที่ประตูแล้วกดกริ่งหน้าบ้าน เรียกไอ้ไวให้ออกมาเปิดประตูให้

ติ้งหน่องๆๆๆๆๆๆ กดมันรัวๆ เพราะผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว

“ไว ไอ้ไวเว้ยย” ทำไมมันไม่ออกมาสักทีวะ ผมเริ่มจะหงุดหงิด ยืนก็แทบจะไม่อยู่ เลยเอาตัวพิงประตูรั้วไว้

“อึก...ไม่ไหวแล้วนะเว้ยย ถ้ามึงไม่ออกมา กูอ้วกแน่” ตาลายไปหมดแล้วครับ



แกรกกกก

“ทำไมช้านักวะ อุก กูโคตรจะไม่ไหวเลย” ผมรู้สึกว่าประตูมันเปิดออก แล้วก็เห็นว่ามีคนยืนอยู่ คงเป็นไอ้ไว ผมเห็นไม่ชัด มือผมคว้าไหล่มันแล้วล้มตัวลงซบกับอกมันทันทีไม่ไหวครับโลกมันเอง

“.....”

“พากูเข้าบ้านหน่อย แมร่งหมุนไปหมดเลยหัวกูเนี้ยะ” ผมบอกเสียงอ้อแอ้

“....” วันนี้มันมาแปลกครับไม่บ่นผมเป็นแม่เหมือนทุกที กลิ่นน้ำหอมมันก็แปลกๆ ปรกติได้กลิ่นแต่แป้งทานาคา ไม่รู้แหละสงสัยมันคงไปหาสาวมามั้ง

“ไว อึก...กูอยากอ้วกอะ พาไปอ้วกหน่อยนะ” มันไม่ตอบครับ ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมัน แล้วตัวผมก็ลอยหวือ ขึ้นจากพื้นรู้ตัวอีกทีหน้าก็จุ่ม ลงกับโถส้วมแล้ว มันกดหัวผมลงไปในชักโครก เหมือนแค้นผมเลย แต่เวลานี้ไม่มีเวลาเงยหน้ามาด่ามันหรอกครับ ผมรีบเอาไอ้ของที่ค้างคาในกระเพาะออกมาจนหมด โล่งเลย

แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรงไปเสียดื้อๆ อยากนอน นอนตรงนี้ได้ไหม

“ไว....กูง่วง กูนอนนะ ขอบใจมึงมาก” ครอกฟี้





(คุณปีพาท)

ติ้งหน่องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงกดออดแบบรัวๆ ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านงานอยู่บนโต๊ะทำงาน เล่นเอาผมสะดุ้ง ผมลุกออกจากโต๊ะเพื่อจะไปดูว่าใครมาหาดึกดื่นป่านนี้แถมไม่มีมารยาทกดอ่อนบ้านคนอื่นเสียงดัง กดทีเดียวก็รู้แล้วว่ามาหา บ้านไม่มีออกรึไงก็ไม่รู้เดินหัวเสียออกมาที่ประตูหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงโวยวายเรียกชื่อไอ้เด็กคนใช้บ้านข้างๆ เสียงเหมือนคนเมา อีกต่างหาก พอผมเปิดประตูรั้ว ร่างร่างหนึ่งก็ล้มลงมาปะทะกับอกของผม ผมรีบจับร่างนั้นไว้ก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้น กลิ่นเหล้านี่หึ่งเลย



“ทำไมช้านักวะ อุก กูโคตรจะไม่ไหวเลย” เสียงหวานๆ ของมันบ่นแล้วช้อนตาขึ้นมามองผม

“....”

“พากูเข้าบ้านหน่อย แมร่งหมุนไปหมดเลยหัวกูเนี้ยะ” มันพูดอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันไม่ยอมปล่อยผม เกาะแน่นเป็นลูกลิงเลย ไม่ว่าผมจะพยายามแกะมันออกสักเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นผล ผมเลย เลยตามเลยลากคนเมาเข้ามาในบ้าน เสียงมันอ้อแอ้น่าถีบมาก ยิ่งเห็นยิ่งหมันไส้

“ไว อึก...กูอยากอ้วกอะ พาไปอ้วกหน่อยนะ” มันทำเสียงอ้อน พร้อมกับเกาะแขนผมไว้แน่นทำท่าจะอ้วกใส่ ผมเลยรีบอุ้มมันแล้วพาไปที่ห้องน้ำจับหัวมันยัดใส่ชักโครกด้วยความหมั่นไส้ กดมันไว้ไม่ยอมให้มันเงยหน้าขึ้นมา ดมอึดมฉี่กูให้ชุ่มปอด หึหึ หอมไหมล่ะมึง มันโก่งคออ้วกออกมาจนหมด ผมเลยเอาที่สายยางฉีดตูดฉีดน้ำล้างปากให้มัน จมูกก็แดง ปากก็แดง ตัวก็เล็ก ผู้ชายรึเปล่าวะผมได้แต่ถามในใจ

“ไว....กูง่วง กูนอนนะ ขอบใจมึงมาก” ครอกฟี้แล้วมันก็หลับไปจริงๆ ครับหลับคาชักโครกเลย ผมได้แต่ยืนเสยผมด้วยความหงุดหงิดใจ จะเอายังไงกับมันดีวะ ตัดสินใจอุ้มมันออกมาจากห้องน้ำแล้วเอาไปวางไว้ที่โซฟา ให้มันนอนตรงนี้แหละ เช้าค่อยเรียกไอ้ไวมันมาเก็บศพเจ้านายมัน หันหลังให้คนเมาแล้วกลับไปนั่งทำงานต่อ ทำได้พักเดียว ก็เกิดเรื่องเลยครับ

โครมมมม

“โอ๊ยยยเสียงมันร้องลั่นผมรีบวางงานที่ใกล้จะเสร็จแล้วเดินออกไปดูเห็นมันนอกลิ้งอยู่หน้าห้องน้ำ เสื้อผ้าเปียกหมดกางเกงก็ไม่ใส่ ผมนี่ยืนอึ้งเหมือนโดนค้อนทุบหัว ทำไมเจอมันทีไรมีแต่เรื่องทุกที

“ทำบ้าอะไรของมึงวะ” ผมอดไม่ได้ที่จะเอ็ดใส่มัน มันหันมายิ้มหวานให้

“อึก...ร้อน อยากอาบน้ำ อึก..ไว ช่วยหน่อย” เห็นสภาพแล้วอยากเอาไปโยนทิ้งนอกบ้าน น้ำมันเลอะพื้นด้านนอกเต็มไปหมด หงุดหงิดชะมัดเลย มันยื่นมือทั้งสองข้างมาให้ผม เหมือนอยากให้ช่วย ผมเดินอ้อมไปด้านหลังพยุงให้มันลุกขึ้น แต่กับคนเมาที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่มันเอนไปเอนมาจนผมเกือบจะล้มไปด้วย

“อยู่นิ่งๆ สิวะ”

“เร็วๆ สิร้อนจะตายอยู่แล้ว” มันพูด

“ก็บอกให้อยู่นิ่งๆ ผมพยายามจะถอดเสื้อผ้ามันออกแต่มันก็ดิ้นไปมา แถมพื้นก็ลื่น ผมเลยช้อนตัวมันอุ้มขึ้นไปข้างบน พาไปห้องนอน ที่ห้องน้ำมันกว้างแล้วมีอ่างอาบน้ำ ผมโยนมันลงอ่าง แบบไม่ถนอมเลย เหนื่อยกับไอ้หน้าอ่อนนี่สุดๆ

“เจ็บ อึก เบาๆ สิ” มันไม่ลืมตามามองเลยนะครับว่าใครที่ช่วยมันอยู่

“ถอดเสื้อ”

“ถอดให้หน่อย” -*-อดท นไว้ ปีมงคล มึงห้ามน็อตหลุดกับไอ้เด็กบ้านี่เด็ดขาด ไอ้เพียวมันยกแขนขึ้นสุดเพื่อที่ผมจะได้ถอดเสื้อให้มัน

“กางเกงด้วย” จะถอดหมดก็กะไร แค่นี้ก็ทุเรศสายตาพอแล้ว ผมมองร่างกายที่เหลือแต่ชั้นในของไอ้เด็กนี้แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ผิวขาวๆ ของมันนุ่มและลื่นมือมาก ผิวเหมือนเด็กทารกเลย มันนั่งขัดสมาธิแล้วมองหน้าผม

“อาบสิ” มีสั่งผมอีกไอ้เด็กบ้านี่ ผมยกมือจะตบกะโหลกมันแต่ก็ต้องชะงักกับสายตาอ้อนๆ ของมัน

ตึกตักๆ จู่ๆ ใจก็เต้นแรงสะงั้น ปากสีสดนั่นคลี่ยิ้มออกมานิดๆ

“อาบให้เพียวหน่อยน้า” อ้อน อ้อนมาก อ้อนตีนกูมากเลย เวรเอ้ย ผมทนไม่ไหวครับ อยากจะจับมันกดน้ำให้มันตายๆ ไปซะรำคาน ผม รีบๆ อาบให้มันเสร็จๆ จับมันห่อผ้าเช็ดตัวแล้วอุ้มออกมาจากห้องน้ำ วางมันลงตรงตู้เสื้อผ้า มันเอนไปเอนมาเหมือนคนที่น้ำในหูไม่เท่ากัน มือก็ต้องคอยจับมันไว้ไม่ให้มันล้มเอาหน้าฟาดพื้นอีกมือก็ควานหาชุดนอนตัวเก่าที่ใส่ไม่ได้แล้วออกมา นานหน่อยเพราะหาไม่ถนัด หันมาอีกทีมันก็ยืนถอดกางเกงใน ม้วนเป็นเลขแปดอยู่ที่พื้น ไร้ซึ่งยางอาย แถมยังส่งยิ้มหวานมาให้

“มันชื้นไม่ชอบเดี๋ยวไข่เหม็นอับ”

“ไอ้...” ผมหมดคำพูดที่จะด่ามันแล้วครับจับเสื้อยัดใส่ตัวมันทันที แค่เสื้อผมก็คลุมเลยเข่ามันแล้ว ให้ตายจะตัวเล็กไปไหน พอแต่ตัวเสร็จมันก็คลานขึ้นที่นอนผม

“ขอบใจมึงมากนะไว เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะให้เงินพิเศษมึง ลงไปนอนได้แล้วไปดึกมากแล้ว” มันเอ่ยปากไล่เจ้าของบ้านอย่างผมให้ไปนอนข้างล่าง เยี่ยม มึงจะปีนเกลียวไปไหน ผมยืนเท้าเองมองคนที่หลับแล้วกรนออกมาเบาๆ ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไร กันวะ อยากจะตะโกนแล้วด่ามันแรงๆ แต่พอนึกถีงเวลามันอ้อนทำไมผมถึงได้ใจอ่อน ทำไมผมถึงไปใจดีกับมันทั้งๆ ที่ทันไม่จำเป็นเลยสักนิด

บอกได้คำเดียวเลยตอนนี้ คือหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองสุดๆ ไปเลยตอนนี้ เดินกระแทกตัวออกมาจากห้องนอนตัวเอง ลงมาเก็บซากที่มันทำเละไว้ หันไปมองนาฬิกา ตีสองกว่าแล้ว ผมคงต้องนอนบ้าง คืนนี้จะไปนอนไหน ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันยึดเตียงผมไปแล้ว จะไปนอนกับมันก็ทำใจยากอยู่กลัวอดใจไม่ไหว ฆ่ามันตายเสียก่อน


(http://www.mx7.com/i/2cf/dJ5D0j.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4LqoQtWkkonylIq)
สภาพหลังสู้กับคนเมา


(http://www.mx7.com/i/15b/OolaA2.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4LqLb8UbVvE0bwH)
สภาพคนเมา


(http://www.mx7.com/i/16a/YJdAU7.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4LqHDm5m6AiAmRQ)


(http://www.mx7.com/i/026/4JelNa.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3QFRUitDXtiAYDU)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-08-2017 07:29:38
โถถถถ คุณปีคนดี...ย์ ถ้าน้องยักษ์ตื่นมาต้องอาละวาดแน่เลยอะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-08-2017 11:58:22
เห็นหมดเลย ตื่นมาจะเป็นยังไงเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 3 27/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2017 12:48:47
เอาละสิ เพียวเมา เข้าบ้านผิด
อ้อนปีอีกด้วย ให้ปีถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้ อะจ๊ากกกกก
นอนบ้านเขา ยึดเตียงเขาอีก
ตื่นมาจะเป็นไงนะ
จะอาละวาดรึเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 30-08-2017 08:47:53
(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)

อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 4

แบบนี้ก็ได้เหรออออออ

(http://www.mx7.com/i/072/QiNfYH.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5b2bh9l28KDlHyg)

“โอยยย ปวดหัวนี่มันกี่โมงแล้วเนี้ย” ผมคลำหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา แปดโมงกว่า ฉิบหายแล้วคราวนี้ ตื่นเลยครับจากอาการแฮ้งค์เมื่อสักครู่ ตลาดไปไม่ทันแล้ว ผมลุกจากที่นอนแล้วพุ่งพรวดเข้าห้องน้ำทันที ยิ่งรีบก็ยิ่งรน จนจับอะไรไม่ถูกมันอยู่ผิดที่ไปหมด

ซ่า....

เฮือกกกก ตกใจหมด

จู่ๆ ก็มีเสียงน้ำไหลดังมาจากหลังม่านกันน้ำและมีเงาของผู้ชายตัวใหญ่ยืนอาบน้ำอยู่ ผมรีบหันไปมองทันที ใครมันมาใช้ห้องน้ำของผม ไวเท่าความคิดมือผมเอื้อมไปตวัดผ้าม่านออกทันที และสิ่งที่เห็น

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“เชี้ยยย”

ผมร้องว๊ากกด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะคนที่ยืนอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ แต่เป็น มันไอ้นั่น ไอ้งูนั่นมันกำลังตั้งชี้หน้าผมแล้วผู้ชายคนนั้นที่หัวมีแต่ฟองสบู่หันมาทางผม มันเข้ามาอยู่ที่ห้องผมได้ยังไง มันๆ เข้ามาตอนไหน ไอ้คุณปีมันรีบปิดม่านทันที

“ออกไปรอข้างนอก” มันบอกเสียงนิ่งๆ ผมกวาดสายตามองรอบๆ มันไม่คุ้นตาผมเลยสักนิด และพอผมดึงสติกลับมาได้

“ไม่ใช่ห้องกูนี่หว่า” ผมอุทานออกไป

“ก็ใช่นะสินี่มันบ้านกู” เท่านั้นแหละผมแทบจะร้องกรี๊ดออกมาอีกรอบ รีบวิ่งออกมาก่อนที่ไอ้คุณปีจะก้าวออกจากอ่างน้ำในห้องน้ำ ผมเปิดวาปมาที่ห้องของตัวเองทันที เอาหลังยืนพิงประตูไว้แล้วจับหัวใจตัวเอง ให้มันสงบลง จะใจเต้นอะไรนักกับอิแค่ผู้ชายแก้ผ้าให้ดู ผมตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมาขามันสั่นไปหมด

ปังๆๆๆๆๆ

“พี่เพียว พี่ ตื่นยังวู้ว เรียกนานแล้วนะเนี้ย ไม่เปิดผมโทรเรียกกู้ภัยแล้วนา” เสียงใสๆ ของไวมันตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้องพร้อมกับทุบประตูเสียงดัง และเสียงมันนั่นแหละที่เรียกให้ผมตั้งสติได้ ผมรีบเปิดประตูออกไป

“กูยังไม่ตาย มึงจะเรียกพี่ปอเค้ามาลำบากทำไม” พอมันเห็นผมมันก็ทำหน้าตกใจใส่

“พี่เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดๆ ตื่นๆ” ไอ้ไวมันจ้องหน้าผม ผมรีบหลบแล้วปิดประตูอัดใส่หน้ามัน

“พี่วันนี้ไม่เปิดร้านรึไง” มันตะโกนถามจากด้านนอก

“ไม่ขาย... มึงไปเขียนป้ายติดไว้ว่าหยุด1วัน ยักษ์ไม่สบาย”

“เอางั้นเหรอพี่” มันถามด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจ

“เออ ไปสิวะ”

“ว่าแต่พี่ไม่เป็นไรแน่นะ”

“สบายดี กูสบายมาก แค่ตกใจอะไรนิดหน่อย” ช่วงท้ายผมเบาลง

“พี่....มีไรบอกผมได้นะ”

“อืม” แล้วมันก็เงียบหายไป ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน นึกทบทวนว่าตัวเองไปอยู่บ้านนั้นไปยังไง

“ไปอยู่บ้านเขาได้ยังไงวะไอเพียว” ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น อยากจะร้องไห้ เอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไปมา ผมว่าผมไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วค่อยมานั่งคิดดีกว่า

“เมา เขื่อนพากลับบ้าน กด ออดเรียกไอ้ไว ไอ้ไว ไอ้ไว” พอทบทวนบางอย่างได้ผมก็รีบวิ่งลงไปด้านล่าง ลงไปก็เจอไอ้ไวมันเดินสวนกลับเข้ามาตรงสวนหน้าบ้านพอดี ผมรีบจับมันไว้

“มีอะๆ ไรรึเปล่าพี่” มันทำหน้างงๆ

“มีแล้วมึงก็ต้องตอบกูมาให้ห้ามโกหก”

“อ่า..ครับๆ”

“เมื่อ คืน กูกด ออดเรียกมึงใช่ไหม”

“เปล่า เมื่อคืนพี่ไม่ได้กลับเข้ามาในบ้าน มีแต่รถจอดอยู่” มันตอบออก คำตอบของมันเล่นเอาผมช็อก

“เมื่อคืนมึงไม่ได้ออกมารับกูที่หน้าบ้านใช่ไหม” มันส่ายหน้าไปมา แล้วมองผมด้วยแววตาซื่อๆ

“ผมจะไปรู้ได้ไงว่าพี่กลับมาบ้านตอนไหน เมื่อคืนผมหลับสบายมาก” มันยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปทิ้งผมไว้ข้างหลัง

“ไม่จริง ไม่จริง” ผมได้แต่พูดคำนั้นซ้ำๆ วนไปวนมา เดินถอยหลังอย่างช้า แล้วหนังม้วนเมื่อคืนมันก็ฉายซ้ำในมโนภาพของผม

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมกรี๊ดลั่นจนไอ้ไวตกใจ แต่ที่มันช็อกมากกว่ารู้ความจริงคือไอ้คุณปีมันยืนมองผมจากหน้าบ้านของมัน แล้วแสยะยิ้มร้ายๆ พร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนมาให้

(“หึหึ”) ผมได้ยินเสียมันหัวเราะเยาะผมด้วย ผมรีบหันหลังแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน อับอายขายขี้หน้าให้ตายเถอะ มันเห็นของผมหมดทุกอย่าง ทุกอย่างเลยแน่ๆ เมื่อเช้ารู้สึกว่าช่วงล่างมันเย็นๆ ด้วย หรือว่า เมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ ก.ก.น นอน.... เหี้ยหนักกว่าเดิมอีก มันเห็นหมดเลยยยยย ฮรือออออ ยักษ์อยากตาย

วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่นั่งมึน งานการไม่ทำปล่อยให้ไอ้ไวเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้งงานบ้าน ทั้งมื้ออาหาร ส่วนผมนั่งตาลอยอยู่ตรงศาลา..ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อคืน มันเสียหน้าและผมก็ทำใจไม่ได้ นั่งจนเด็กพม่ามันเอาข้าวมาให้ที่ศาลา

“ผมว่าพี่อาการหนักนะเนี้ยะ”

“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบมันเสียงเหนื่อยๆ

“แล้วเมื่อคืนพี่ไปนอนที่ไหนมา” มันจะมาถามจี้ใจดำผมทำไมวะT^T

“ก็ ก็...” ยังไม่ทันจะตอบเสียงกดออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมกลืนคำตอบนั่นลงคอ แล้วหันไปบอกให้ไวมันไปดู มันวิ่งไปที่หน้าบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับผู้ชายที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากที่สุดในตอนนี้

“หึหึ” หัวเราะเสียงเย็นๆ แบบนี้อีกแล้วผมไม่ชอบเลยผมตวัดสายตาไม่พอใจไปให้เขา

“พี่คุณปีเขามาหาอะ” เออกูรู้แล้วไม่ต้องมาย้ำ ผมหันไปตวัดสายตาดุๆ ใส่ไอ้เด็กพม่า

“ไว ทีหลังมึงอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาบ้านกูอีก” ไอ้ไวดูจะตกใจที่ผมพูดแบบนั้น ไม่เว้นแม้แต่เขา

“อะ เอ่ออ คุณปีเขาไม่ใช่คนแปลกหน้านะพี่” ยัง ยังจะปกป้องมันอีก ไอ้คุณปีมันหันไปยิ้มหวานให้ไอ้ไว

“แปลกหน้าสำหรับกู”

“แต่ กูคิดว่าไม่นะในเมื่อ เราต่างคนต่างเห็น...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบผมก็กระโจนเอามือไปอุดปากเขา ไอ้ไวมันทำหน้างง มันมองผมกับคุณปีสลับกันไปมา

“เห็นอะไรพี่” ขี้เสือกอีกแล้ว

“ไม่มีอะไรมึงมีอะไรก็ไปทำไป” คุณปีแกะมือผมออกจากปากเขาได้ในทันที

“เห็น” แหนะไอ้นี่นิยังจะมาพูดอีก

“คุณปี!!! หุบปากเลยนะไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือนคุณไม่ได้” ผมยกนิ้วขึ้นชี้ขู่เขา ไอ้ไวรู้รู้โลกรู้ขอบอกเลย ถ้าไอ้เขื่อนกับไอ้ภูมันรู้มันล้อผมยันลูกบวชแน่

“เก่งจริงตัวแค่นี้” เขาเน้นคำว่าแค่นี้แล้วมองต่ำลงไป เขายืนกอดอกมองผม

“ไวมึงมีอะไรก็ไปทำปะ เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง” ผมพูดกับไวแต่ตาผมยังจ้องหน้าเขาไม่วาง

“ครับๆ” แล้วไวมันก็เดินออกไป เหลือแค่ผมกับเขา เราจ้องหน้ากันนิดๆ แต่ดูเหมือนไอ้หน้านิ่งเขาจะรู้สึกชอบใจที่ยั่วโมโหผมได้มากกว่า

“มาทำไม” ผมเปิดประเด็น

“เอาเสื้อผ้ามาคืน ความจริงก็ไม่ได้อยากจะเข้ามานักหรอกนะ” เขาโยนถุงเสื้อผ้าลงที่พื้น

“แล้วเข้ามาทำไมมิทราบ”

“ก็แค่อยากจะมาดูอะไรนิดหน่อยให้มันแน่ใจ หึหึ”

“ดูอะไรของมึง” เขาไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแสยะยิ้มกวนๆ ผมรีบยกมือขึ้นปิดตัวเอง

“เหอะดูทำเข้า เห็นกูเป็นคนโรคจิตรึไง ไม่ได้พิศวาสเลย ไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด แต่จะว่าไป...” เขาเว้นช่วงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมชนิดที่ผมเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาใกล้ๆ จมูกโด่งเหมือนสันเขา หน้าเนียนใสไร้ริ้วรอย ไหนจะดวงตารีๆ เหมือนเหยี่ยวนั่นอีก ใกล้กันจนปลายจมูกแตะกัน ใจผมมันเต้นระรัว อย่างห้ามไม่อยู่

“อะ..อะไร”

“ผิวมึงก็ลื่นมือกูดีเหมือนกัน อันนั้นก็เล็กดูกระจุ่มกระจิ๊มดี น่ารักๆ” นี่มันล้อเลียนผมชัดๆ จากที่ใจเต้นแรงเพราะความหล่อ ตอนนี้ใจมันเต้นแรงเพราะหมาในปากเขามากกว่า

“เหอะ ของตัวเองดีตายแหละ ขนาดอยุ่ตรงหน้ายังมองไม่เห็นไปตีบไว้ตรงไหน หึหึ ตูดก็ยาน เชอะ” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ไอ้คุณปีนั่นหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูแถมยังทำหน้าโหดใส่ผมอีก ใครจะกลัว นี่มันเขตบ้านผม อาณาเขตยักษ์ใครก็ทำอะไรผมไม่ได้ทั้งนั้น

“หึหึ แน่ใจว่ามองไม่เห็นแล้วเมื่อเช้าวิ่งหนีทำไม อายละสิที่ของของ มึงเล็กกว่าของกู” เขาพูดเสียงดัง นี่กะเอาให้ป้าอรได้ยินใช่ไหม

“จะเสียงดังทำไมวะ” ผมเอ็ด

“ก็มันเรื่องจริงเรื่องจริง แล้วเรื่องเมื่อคืนคุณจะรับผิดชอบยังไง เล่นบ้านผมเละไปหมด แถมยังอ่อยผมด้วย” ผมขี้เกียจจะเถียงกับเขาแล้วยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเอง ผมต้องจัดการเรื่องนี้

“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ แล้วเรื่องเมื่อคืนถือสะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น คุณเห็นของผม ผมเห็นของคุณ ถือว่าเจ้ากัน ที่สำคัญผมเมา ผมไม่ได้ตั้งใจไปบ้านคุณสักหน่อย และอีกอย่างนะไม่ได้อ่อยคุณอย่าเข้าใจผิด คุณนะไม่ใช้สเป็กผมสักนิด คุณไม่มีทางได้เห็นขนไข่ผมหรอก แล้วอีกอย่างนะ ผมเมาเข้าใจตรงกันนะ แค่นี้จบ!!!! ” ผมพูดแบบไม่ต้องหายใจกลัวเขาจะเถียงแทรกขึ้นมาอีก

“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ นี่มาทำให้ผมลำบาก ขอบคุณสักคำก็ไม่มี บ้าป่าววะ”

“เออ แบบนี้แหละ หมดธุระแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว นู้นประตูเชิญ” ผมไล่เขาทันที เสียงสูดหายใจลึกๆ ของเขาดังขึ้น ใบหน้าโกรธจัด แต่เขาก็ไม่ได้ไม่ต่อล้อต่อเถียงทำแค่เพียงยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แล้วเดินหันหลังให้ก่อนจะหยุดตรงหน้าประตู หันมามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เล็กไปหมด แถมสมองยังเล็กตามไปอีก” พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนผมสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอมันยังใช้สายตามาหยามผมอีก

“ไอ้ ไอ้ ไอ้” อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองไอ้คุณปีมันหัวเราะเยาะผมด้วยความสะใจ

“ของกูไม่เล็กนะเว้ย” ผมตะโกนออกไป ก็มันไม่เล็กจริงๆ นี่

ผมตื่นไปตลาดแต่เช้าวันนี้ต้องเปิดร้านแล้ว ผมพ่วงไวมันมาด้วย ซื้อของสดเสร็จก็พามันไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยแล้วพากันกลับบ้าน เตรียมเปิดร้าน สิบโมงทุกอย่างก็พร้อมขาย ตลอดวันมีลูกค้าแวะมาไม่ขาดสาย ยิ่งช่วงเที่ยงลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ ผมยืนลวดเส้นใส่ชามได้คล่องขึ้น ทำอะไรได้เร็วขึ้นไวเองก็เช่นกัน ผมสร้างเพจร้านขึ้นมาและอัพรูปลง แนะนำลูกค้าให้กดไลค์กดแชร์จะรับส่วนลด ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่อยากจะคุยซักเท่าไหร่นะครับ ตอนนี้ผมฮอตมาก มีคนขอผมถ่ายรูปเยอะเลย ไอ้ไวก็โดนแต่มันหนีไปหลังร้านทุกครั้งที่มีคนขอถ่ายรูปกับมัน ไม่รู้จะอายอะไร จะได้ช่วยกันโปรโมทร้านด้วย

บ่ายสามโมงของก็หมดได้เวลาปิดร้าน ช่วยกันเก็บจนเสร็จจะได้พักแล้วออกไปหาอะไรกิน เอาเงินวันนี้ไปเข้าธนาคารด้วย ผมกำลังจะยกหม้อก๋วยเตี๋ยวออกจากเคาน์เตอร์ ไวมันล้างจานอยู่หลังร้าน ผมเอาหม้อไปให้มันล้าง แล้วกลับมาจัดการส่วนที่เหลือ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จไวๆ

หลังจากเก็บร้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินที่ตลาด แว้นไปเหมือนเคย ระหว่างทางไอ้เขื่อนโทรมาบอกจะแวะมาหาที่บ้าน เป็นอันว่าต้องซื้อกับข้าวเข้าไปแทน มีหลายอย่างทั้งผัดเผ็ดหมูป่า ยำหอยแครง ต้มจืดสาหร่าย ไวมันอยากกินต้มเล้งเลยแวะร้านเจ้าอร่อยซื้อให้มัน แวะร้านขนมหวานซื้อมาอีกสี่ห้าอย่างเอาไว้ล้างปาก กลับมาถึงบ้านก็เจอไอ้เพื่อนตัวแสบยืนรออยู่ที่ประตูรั้ว แต่ทำไมมันมาคนเดียว แต่ไอ้ไวครับพอจอดรถแล้วเห็นเพื่อนผมปุ๊ปมันก็หลบที่หลังผมทันทีไม่รู้จะกลัวอะไรไอ้เขื่อนมันนัก

“ไอ้ภูไปไหน ทำไมไม่มาด้วย” เพื่อนตัวสูงผมยักไหล่ให้

“ไม่รู้ช่วงนี้ทำตัวดูมีลับลมคมใน หายออกจากวัดบ่อยๆ” เขื่อนบอกเสียงหน่ายๆ แล้วหันไปจ้องคนที่อยู่ด้านหลังผม มันยกยิ้มร้ายๆ ใส่

“มึงลูกน้องกู เว้นไว้สักคน ประสาทมันจะเสียแล้วนั่น”

“กูก็ไม่ได้ทำอะไรมันนี่”

“ไปๆ เข้าบ้าน จะได้กินข้าว” ผมผลักไอ้เพื่อนตัวโตให้เดินเข้าไปในบ้าน และช่วยกันไปเอาจานชามออกมากินข้าวกันที่สวนข้างบ้าน มันมีโต๊ะที่เหมาะสำหรับทานมื้อค่ำหรือปาร์ตี้ ฟ้ามืดแล้วผมเลยเปิดไฟสวยๆ ในสวนให้มันสว่างขึ้นมา

กินไปคุยไป ไวมันเงียบตลอดไม่ช่างจ้อเหมือนที่เคย จนผมผิดสังเกต มันแอบชำเลืองมองไอ้เขื่อนตลอด ไอ้เขื่อนเองก็ไม่แพ้มัน จ้องลูกน้องกูอยู่นั่นแหละ

“มึงจะจ้องมันทำไมไอ้เขื่อน จะจ้องจนมันท้องเลยรึไง” ผมเอ็ดใส่มันหันมายิ้ม

“ก็อยากจะจ้องจนท้องอยู่เหมือนกัน” ไอ้ไวสะดุ้งนิดๆ แถมหน้ามันยังแดงๆ เหมือนเขินอะไรสักอย่าง นี่ผมพลาดอะไรไปไหม ผมมองหน้าพวกมัน

“หึหึ กูแกล้งมันเล่นมึงก็คิดมากไปได้” ในเมื่อมันบอกแบบนั้นผมก็ทำใจยอมเชื่อมันก็ได้ แต่อย่าให้จับได้แบบคาหนังคาเขานะ พ่อจะจับแหกอกทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องเลย

คุยได้สักพักก็ได้ยินเสียงของหล่นดังตุบเหมือนของหนักๆ หล่นอยู่ข้างบ้าน เป็นไอ้ไวที่พุ่งก่อนคนแรกเห็นมันขาสั้นๆ มันนี่ไวกว่าใครเลย

“พี่ปี!!! ” เสียงหวานๆ ของมันร้องลั่น มันยิ่งทำให้ผมเร่งฝีเท้าไปหาพวกเขา

“ตัวเล็ก” คุณปีเรียกใครว่าตัวเล็ก - -*

พอเดินไปถึงก็เห็นไอ้คุณปีนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น รอบๆ ตัวมีเศษกิ่งไม้ที่พึ่งหักลงมา เขามองพวกผมนิดๆ

“คุณปี คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” เป็นไอ้เขื่อนที่ถามด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจมากๆ

“...” เขาไม่ตอบแต่พยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ดูท่าจะไม่ไหว

“สงสัยข้อเท้าจะเคล็ดเดินไหวไหมครับคุณปี”เขื่อนมันพยุงคุณปีขึ้นมา

“ผมไม่เป็นไรคุณธันวา โอ้ยย” แค่ก้าวขาลงน้ำหนักก็ร้องออกมา

“เหอะ ปากเก่งจริงๆ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิจะฝืนทำไม” ผมพูดลอยๆ ออกมา แอบชำเลืองมองมันนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นห่วงนะสมน้ำหน้ามากกว่า

“ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ” ไอ้เขื่อนออกความคิดเห็น ดูจากอาการแล้วคงไม่พ้นขาหัก

“ไปหาหมอเหอะครับพี่ปี” ไอ้ไวนี้มันชักจะยังไง ห่วงออกนอกหน้าเหลือเกิน คุณปีพยักหน้านิดๆ คงทนเสียงรบเร้าไม่ไหว

“เพียวไปเอารถออกไป กูจะพาคุณปีเขาไปโรงพยาบาล”

“เอ้า แล้วทำไมต้องรถกูละ รถเขาก็มี” เรื่องอะไรต้องมาใช้รถผมด้วย

“อย่าเรื่องมาก เร็วดิวะ” มันเร่ง ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้คนตัวสูงทีทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำตัวเองเจ็บตัวแล้วยังมาเดือดร้อนคนอื่นอีก ไอ้มนุษย์เจ้าปัญหา ผมเชิดหน้าสะบัดบ๊อบใส่แล้วเดินไปเอารถยนต์ของตัวเองออกมาจอดรอที่หน้าบ้าน เขื่อนมันพยุงตัวคุณปีมานั่งที่เบาะหลังจะได้ยืดขา

“มึงไปกับคุณปีนะ เดี๋ยวกุต้องไปหาไอ้ภูมันก่อน มันเป็นห่าอะไรไม่รู้ มันโทรมาแล้วร้องไห้ใส่ บอกว่าอยู่ที่สะพานพระราม8 กูเป็นห่วงมันมึงช่วยคุณปีเค้าหน่อยนะมึง” มันขอร้อง

“แล้วทำไมมึงต้องเป็นห่วงเค้าขนาดนั้นวะ”

“คุณปีเป็นเจ้านายกู”

“!!!!! ”ตกใจสิครับ ไอ้คุณปีมันมาเป็นเจ้านายเพื่อนผมได้ยังไง

“รู้แล้วก็ดูแลเขาให้ดีด้วยละ”ไอ้เขื่อนมันสั่งเสียงเข้ม นี่กลัวว่าผมจะซ้ำเขารึไงก็ไม่รู้

“ไวเฝ้าบ้านนะเดี๋ยวพี่มา”ผมบอก ไอ้ไวมันยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่ประตูหลังแล้วมองคนบนรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักจนไอ้คุณปีมันพูดปลอบนั่นแหละ

“พี่ไม่เป็นไรหรอกเข้าบ้านเถอะ” มันยิ้มอ่อนๆ ส่งไปให้ไอ้ไว ยิ้มที่ดุเป็นผู้ชายแสนดี แสนอบอุ่น เหอะ กะจะเต๊าะลูกน้องกูอีกคนละสิ ฝันไปเถอะ ไอ้เด็กนี่มันยิ่งซื่อๆอยู่เดี๋ยวจะโดนหลอกฟันฟรี ไม่ได้ๆ

“ไวเข้าบ้าน” ผมสั่งเสียงเข้ม มันทำท่าจะรอจนกว่าผมจะออกไป ผมเลยใช้สายตากดดันมันจนมันเดินเข้าบ้านปิดประตูรั้วเรียบร้อย ส่วนไอ้เขื่อนโบกแท็กซี่หายไปแล้ว ไอ้ภูมันไปเจออะไรมาวะถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น แถมยังไปอยู่ที่แม่น้ำอีก ไม่ใช่มันจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหรอกเหรอวะ

เราเงียบกันมาตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล มันเป็นอะไรที่ผิดปรกติมาก ที่พวกเราไม่ต่อล้อต่อเถียงกัน มาถึงผมก้เรียกบุรุษพยาบาลมาช่วย จนเข้าห้องฉุกเฉินไป ออกมาอีกทีที่ขาไอ้คุณปีก็ใส่เฝือกอ่อนออกมา นี่ถึงขั้นขาหักเลยเหลือ

“ญาติคุณปีมงคลรึเปล่าคะ” เสียงคุณพยาบาลถามขณะที่เดินเข็นรถวีลแชล์คุณปีออกมา

“ผมเป็นเพื่อนบ้านเขาครับ”

“เชิญรับยาและจ่ายเงินด้านนี้เลยค่ะ” -*- อ่าวแล้วทำไมกูต้องมาเสียตังให้มันอีกวะเนียะเดินตามพยาบาลไปแบบงงๆ จู่ๆ ก็เสียเงินซะงั้น พอรับยาฟังหมออธิบายเรื่องการดูแลคนป่วยจ่ายตังแล้วก็เดินออกมาหาคนขาหักที่ตอนนี้กำลังใช้ไม้พยุงตัวเองลุกขึ้นจากรถเข็น ด้วยท่าทีสบายๆ

“ซุ่มซ่ามแล้วยังจะมาทำให้คนอื่นเขาลำบากอีก”มองค้อนนิดๆ  แล้วก็แขวะมันครับเอาให้หนังหลุดไปเลยเลย

“ที่พูดมานี่ ย้อนดูตัวเองแล้วรึยัง” ไอ้คุณปีใช้น้ำเสียงนิ่งๆแล้วมองมาที่ผม (แหนะมียอกย้อนกูอีก เดี๋ยวเตะตัดขาซะเลยนี่)

“อ๋อออ จะทวงบุญคุณ”ผมทำเสียงกวนๆกลับยืนกอดอกจ้องตาเขาบ้าง

“เหอะคิดได้แค่นั้น ก็ตามใจ” ก่อนที่จะเขาเดินเลี่ยงผมออกไป แล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูหมายจะขึ้นแต่ทำไม่ได้ เขาหันมามองผมเหมือนใช้สายตาเรียกให้ไปหา

“อวดเก่งดีนักทำไมไม่ขึ้นเองละ”อดไม่ได้ที่จะว่า เขาจิกตาใส่

“พูดมากมาช่วยหน่อย” ด้วยความที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขาเลยลีลานิดๆเดินช้าๆมองนู้นมองนี่ไป

“เร็วสิวะ”เขาเร่งสีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่คงจะเจ็บ

“เอ่อรู้แล้วละน่า ตัวหยั่งกับควายใครเขาจะยกไหววะ” ผมบ่นขณะที่ช่วยพยุงคนตัวโตขึ้นเบาะหลัง แต่ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าผมหลายเท่า ในจังหวะที่ดันตัวมันขึ้นเบาะมันดันทิ้งน้ำหนักตัวลงไปผมเลยลอยหวือ ตามลงไปด้วย ไอ้บ้านี่ หน้าผมกระแทกเข้ากับหน้าอกแข็งๆ ของมันแถมตัวผมยังทับตัวมันไว้อีก

ผมเงยหน้าขึ้นในจังหวะเดียวกับมันที่ก้มหน้ามา กำลังจะอ้าปากด่า แต่ว่า

จุ๊บ *0*

ปากเราแตะกันด้วยความบังเอิญ สมองผมมันหยุดทำงานไปชั่วขณะ ส่วนไอ้คุณปีมันก็ตะลึงตาค้าง ทั้งผมทั้งมันค้างกันอยู่อย่างนั้น พอได้สติมันก็รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตที่ตัว เราเด้งออกจากกันในทันที ผมยกมือขึ้นแตะปากตัวเองแล้วมองหน้ามัน ด้วยความช็อก พอคิดได้ก็รีบเอามือถูปากตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

“ยี้ แหวะ ไอ้คุณปี ไอ้...” ผมอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก

“อะ..อะไร อย่าทำเป็นรังเกียจหน่อยเลย กูมากกว่าที่ต้องทำแบบนั้น สกปรก แหวะจูบกับแมลงสาบ ยี้” มันสะดิ้ง เล่นใหญ่กว่าผมจนไปไม่เป็น ผมทั้งมองค้อน จิกตา ด่าทางสายตา ส่งไปให้ มันยังไม่สะทกสะท้าน แถมยังมีหน้ามาสั่งผมอีก

 -*-

“ยะ ..ยืนบื้ออยู่ทำไม ขึ้นรถสิวะจะได้กลับบ้านสักที จะกลับไปแปรงฟัน” -////- พูดแล้วทำไมต้องหน้าแดงใส่ เหอะเขินกูก็บอกมาเหอะไอ้หน้านิ่ง พอเห็นริ้วแดงๆ บนหน้ามันก็นึกสนุกขึ้นมา อิท่าทางแบบนี้จูบแรกแน่ๆ

“เออออ...ก็จะกลับไปแปรงเหมือนกัน” ว่ากระแทกใส่แล้วขึ้นประจำที่คนขับไอ้คุณปีเขาก็จัดท่านั่งตัวเองดีๆ แล้วทำเก๊กมองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับเสียงฟึดฟัดใส่ อ่อนด๋อยบอกเลยไอ้ท่าทีแบบนี้ เข้าทางผมครับขอบอก เดี๋ยวพี่ยักจะเล่นให้อ่อนระทวยไม่กล้าหือกับพี่อีก ผมมองกระจกหลัง เห็นมันนั่งหน้าแดงแล้วยกยิ้มร้าย

เสร็จยักษ์แน่มึง

+++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่นะคะ แฮะๆ

+++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่นะคะ แฮะๆ
(http://www.mx7.com/i/026/4JelNa.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3QFRUitDXtiAYDU)
(http://www.mx7.com/i/16a/YJdAU7.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4LqHDm5m6AiAmRQ)

(http://www.mx7.com/i/0c3/cSVuj9.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A46rRI80BbIqJrWw)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2017 10:51:43
น่าสงสัย คุณปี ทำอะไรถึงตกลงมาในบ้านเพียว  :katai1:

ปี ไม่สงสัยเหรอ ว่าเพียวออกจากบ้านตัวเองยังไง
กลอนประตูยังสอดขวางจากข้างใน
หรือเป็นแบบกดล็อกเฉยๆ

ว่าแต่เขื่อนทำไมไม่เคยบอกเพียวว่าเจ้านายตัวเองคือคุณปี
เรื่องนี้ไม่เห็นจะทำเฉยๆเลย

แล้วภู มีลับลมคมในอะไร แถมร้องไห้อีก แปลกๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 4 30/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-08-2017 08:25:22
ชักอยากเผือกเรื่องของเพื่อนๆยักษ์กับไวเสียแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 5 2/9/60 อัพแล้วคร้าา
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 02-09-2017 23:29:02

(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)


อสุรา ล่ารัก

ตอนที่ 5 มันไม่ตลกเลยสักนิด



.......อาการใจเต้นแรงแบบนี้มันคืออะไร ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ทุกๆ ครั้งที่ต้องสบตากับเขาใจผมมันจะสั่น และเต้นแรงอย่างสาเหตุไม่ได้ อย่างเช่นตอนนี้.........มันไม่ตลกเลยสักนิด

เวรัมย์..





หลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมให้ไวมันพาคุณปีไปส่งที่บ้านของเขา ส่วนตัวเองก็กลับเข้าบ้านตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก เพราะฉะนั้นผมจะเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับคุณปีเสียที เรื่องที่เราเอาปากชนกันมันแค่บังเอิญและเป็นอุบัติเหตุ และมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมทั้งนั้น เขาไม่ใช่จูบแรกของผมด้วยซ้ำทำไมผมต้องเอาสมองอันชาญฉลาดของผมไปคิดเรื่องบ้าๆ พวกนั้นด้วย



12.30น

“ไวโต๊ะห้า กับโต๊ะแปด เอาน้ำเสิร์ฟโต๊ะ สี่ด้วย” ลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน จนผมหัวหมุนไปหมด ไม่อยากจะเชื่อว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ที่เปิดอยู่ในหมู่บ้านของผมมันจะขายดีแบบเทน้ำเทท่าขนาดนี้ สงสัยต้องจ้างคนมาเพิ่มแล้วมั้งแบบนี้ พอลูกค้าเริ่มซาในช่วงบ่ายพวกผมก็เลยได้พักบ้าง ผมยืนพิงเคาน์เตอร์ หลังร้านพักเหนื่อย ยืนซับเหงื่อที่ไหลออกมาพลางมองไปรอบๆ ร้านจนมาสะดุดกับไอ้เด็กพม่าหน้าตาดี

“พี่เพียว ผมขอไปดูคุณปีได้ไหม” มันยืนอยู่ตรงหน้าผมและกำลังถอดผ้ากันเปื้อนที่มีโลโก้ของร้านออก

“ไปเพื่อ” ผมถามมันกลับ มันช้อนดวงตาน่าสงสารของมันมองมาที่ผม

“คือพี่ปีเขาอยู่คนเดียว แล้วเขาก็ขาหัก ผมว่าเราควรที่จะมีน้ำใจเพื่อนบ้านบ้าง” ผมหรี่ตาจับผิดมันทันที อะไรจะห่วงไอ้คนข้างบ้านปานนั้นขนาดผมที่เป็นเจ้านายมัน มันยังไม่ห่วงเท่าไอ้คุณปีเลย

“ไม่ใช่หลงรักเขาแล้วเรอะ” ผมแกล้งถาม มันรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธทันที

“ไม่ ไม่ พี่ พอดีว่าคุณปีเขาใจดีกับผมมากเลย เขาซื้อขนมมาฝากผมบ่อยๆ ด้วย” มันรีบตอบกลัวผมจะเข้าใจผิด

“เหรอกูไม่เห็นรู้” มันอึกอักเหมือนคนมีความลับ มันส่งยิ้มแหย่ๆ มาให้ผม แบบนี้มันน่าสงสัย

“ก็พี่กับเค้าไม่ค่อยจะลงลอยกันสักเท่าไหร่” มันตอบออกมาใช่ผมกับมันไม่ค่อยจะถูกกัน เหม็นขี้หน้ากันมากด้วย พูดเลย

“ก็จริงของมึง เห้ออเบื่อจะพูดกับมึงละ จะไปก็ไป รีบไปรีบกลับด้วยละ” เป็นคำสั่งกลายๆ หวังว่ามันคงจะเข้าใจ

“คะ...ครับ” พอผมอนุญาตมันก็รีบแจ้นไปหาเขาทันที ไม่ได้เกรงใจเจ้านายอย่างกูเลย ระหว่างที่ว่างผมก็เก็บนู้นเก็บนี่ไปเรื่อย จนไปเจอเข้ากับป้ายที่ผมเคยบอกให้มันเขียนเมื่อตอนนั้น ตอนที่ผมเมาแล้วเข้าบ้านผิด ป้ายกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของไอ้ไว มันเขียนภาษาไทยเป็นด้วยเหรอผมตั้งคำถามกับตัวเอง แถมมันยังลายมือสวยมากๆ ด้วย ผมค่อยๆ ว่างแผ่นป้ายนั้นลงที่เดิม

เก็บความสงสัยเอาไว้ ผมนึกขึ้นได้ว่าเราต้องการพนักงานเพิ่ม ดังนั้นผมจึงต้องเขียนป้ายประกาศรับพนักงาน1ตำแหน่งพร้อมกับคุณสมบัติอีกนิดหน่อย เห้อขอให้ได้พนักงานไวๆ ผมกับไอ้ไวจะตายเอา เหนื่อยขาลากทุกวัน เอาป้ายไปติดหน้าร้าน ไวมันก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาพอดี มันชะงักกับป้ายรับสมัคพนักงาน

“พี่จะรับคนเพิ่มเหรอ ดีๆ” มันยิ้มดีใจแล้วเดินเข้าไปในร้าน

“มึงอ่านออกด้วยเหรอไว” ผมถามมันไปอย่างนั้น

“อะ..เอ่ออ ผมเดาเอานะพี่ เห็นเลขหนึ่งเลยคิดว่ารับสมัคคนงาน ผมเห็นป้ายพวกนี้บ่อยๆ แฟนผมมันเคยสอนไว้” มันตอบแล้วรีบเดินเข้าไปหลังบ้าน เออ พม่าอ่าน เขียนภาษาไทยได้ด้วยเยี่ยมเลย ผมมองตามหลังเล็กๆ ของมันด้วยความสงสัย มันกลับออกมาพร้อมกับข้าวต้มที่ผมทำไว้เมื่อเช้า

“เอาไปไหน” ผมยกมือขวางมันเอาไว้

“พี่ปีไม่สบาย” มันตอบเสียงอ่อย แล้วมองชามข้าวที่ตัวเองถืออยู่

“เหรอ งั้นส่งมันมานี่เดี๋ยวกุจะไปทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีเอง มึงเฝ้าร้านไว้” ผมแย่งชามข้าวต้มจากมือมันถือไว้ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ หึหึหึ คุณชายหน้านิ่งไม่สบายเหรอ สงสัยต้องไปเยี่ยมสักหน่อยแล้ว

“พี่เพียวยิ้มน่ากลัวอะ ผมว่าผมเอาไปให้พี่ปีเองดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปทำอะไรพี่ปีเอา” ไวมันไม่ไว้ใจผม ผมตีหน้ายุ่งใส่มัน

“เออ น่า กูไปเอง ไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีไว้ไง มึงอยากให้กูญาติดีกับไอ้คุณปีไม่ใช่เหรอ นี่ไงกูกำลังจะไปสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น” ผมรีบเดินออกมาจากร้าน เดินไปยังบ้านของเขาทันที เปิดประตูเข้ามาก็ไม่เจอใคร ผมปิดประตูแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

“ตัวเล็กมาแล้วเหรอ มาช่วยพี่หน่อยสิ” เสียงมันดังมาจากห้องน้ำ ผมรีบวางชามข้าวที่ถือมาลงกับโต๊ะรับแขกแล้วเดินไปตามเสียงนั่น แผ่นหลังกว้างยืนเอียงพิงกับผนังห้องน้ำ มือหนึ่งถือไม้ค้ำยันไว้อีกมือก็พยายามจะปลดตะขอกางเกง ผมยืนมองเขาแต่ยังไม่เข้าไปช่วย

“ยืนมองทำไมครับ อายเหรอ” เขาพูดกับผมด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มและแหบนิดๆ นี่คงคิดว่าผมเป็นไอ้ไวสิท่าผมไม่หลงเสน่ห์ไอ้คุณปีง่ายๆ หรอก เชอะ

“ไวรัล พี่ปวดฉี่ เร็วสิครับ” ทำไมพอฟังเสียงเขาแล้วขาผมได้ขยับไปเอง

“.....” ผมไม่พูดแต่กลับเดินไปซ้อนหลังเขาแล้วค่อยๆ ปลดตะขอกางเกงให้เขา โดยที่ใบหน้าผมแนบชิดกับแผ่นหลังกว้างๆ นั่น ผมได้กลิ่น กลิ่นกายของเขามันหอมมากยั่วน้ำลายยักษ์อย่างผมมาก -*- ผมซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาอยู่อย่างนั้น มันอบอุ่น เสียงลมหายใจเขา กลิ่นของเขา เหมือนมนต์สะกด นี่มันอะไรกัน ทำไมผมถึงได้ทำตัวแปลกประหลาดแบบนี้นะ

“หึหึหึ หลังกูมันน่าซบมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เปลี่ยนจากน้ำเสียงนุ่มๆ เป็นเสียงเข้มๆ เล่นเอาผมสะดุ้งแล้วรีบถอยห่างออกมาทันที หน้าผมร้อนเพราะรู้สึกอาย สติผมกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าผมเผลอไปกับแผ่นหลังนั่นนานเท่าไหร่ แต่ว่ามันทำให้ผมต้องขายหน้าอีกแล้ว ให้ตายเหอะ ผมสบตากับเขาใบหน้าหล่อของเขา ไอ้คุณปียกยิ้มร้ายๆ มาให้

“ใครบอก แค่จะมาดูเท่านั้นแหละว่าตายรึยัง” ผมเดินหนีออกมาจากห้องน้ำในขณะที่เขากำลังพยายามใส่กางเกงกลับเข้าที่เดิมแต่มันคงจะยากเกินไป เลยได้แค่รูดซิปขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว ขอบกางกางมันหมิ่นเหม่มาก จะหลุดไม่หลุดแหล่ เขาเดินตามผมออกมาแล้วก็พ่นประโยคยอกย้อนผม

“เหรอ พอดีกูหนังเหนียวยังไม่ตายง่ายๆ หรอก” เหอะ!!! กลอกตาบนใส่แล้วเดินสำรวจบ้านเขาไปเรื่อยจะเรียกว่ากลบเกลื่อนความอายก็ได้ ไอ้คุณปีพาร่างตัวเองมานั่งที่โซฟาแล้วยกขาพาดกับเก้าอี้ตัวเล็กๆ

“นี่ถามจริงเข้ามาบ้านคนอื่นแล้วมาเดินสำรวจแบบนี้ ที่บ้านไม่ได้สอนมารยาทมารึไง” ผมหันกลับมามองเขาแล้วยักไหล่ใส่ ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ บ้านเขาตกแต่งด้วยสไตล์เรโทร มีแต่ของเก่าๆ เท่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของในยุค80 มีสีขาวดำเป็นสีพื้นตัดกับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ เกือบทั้งหมด ต่างจากบ้านผมที่ออกแนวร่วมสมัย อยู่กับเรื่องเก่าๆ แล้วมันชวนให้รู้สึกเหงา

“ไวมันฝากเอาข้าวมาให้” ผมชี้ไปที่ชามข้าวที่วางเอาไว้หลังจากสำรวจจนพอใจ เขามองตาม ผมแอบร่ายมนตร์นิดหน่อยใส่ชามข้าวต้ม

“เหรอ” เขายกชามนั้นขึ้นมาดม ก่อนจะใช้ช้อนตักขึ้นมาชิม



พรวดดดดดด

“ทำไมมันเค็มแบบนี้ละ” เขาพ่นเอาข้าวต้มแสนอร่อยของผมออกมาเต็มพื้น พร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย สีหน้าเขาดูตลกชะมัด

“คิคิคิคิ กินให้อร่อยนะครับคุณชาย” พูดจบก็เดินลั่นลาออกมาไม่ทันได้ฟังคำด่าที่เขาพ่นใส่ไล่หลังมาสักคำ

“ไอ้เด็กบ้าที่แกล้งกันเหรอ อ๊ากกก อย่าให้ลุกไปได้นะพ่อจะจับทุ่มลงบ่อปลาเลยคอยดู” นี่คงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่ๆ เดินยิ้มกลับมา ไวมันมองหน้าผมนิดๆ อย่างจับผิด

“พี่ไปแกล้งพี่ปีอีกแล้วใช่ไหม” กลับมาก็เจอไอ้ไวยืนรออยู่ แหม่ห่วงกันจริงๆ เลยนะ

“เป๊ลานี่ ใครจะไปบ้าแกล้งคนป่วย มึงอะคิดมาก” คึคึคึ ผมเดินผ่านหน้าไอ้ไวไปอย่างไม่สนใจ เดินไปดูหม้อและเช็กของที่ขาดจะได้ซื้อตอนเช้า

ปิดร้านก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเจอกันตอนเย็นทีเดียว ขึ้นมาอาบน้ำเปิดคอมเล่นเกม เช็กแฟนเพจ มีคนมากดถูกใจเพียบเลย แถมยังคอมเม้นท์ชมว่าก๋วยเตี๋ยวผมอร่อย อีกด้วย คึคึ นั่งดูนู่นดูนี่ไปสักพักก็เริ่มง่วง ผมเลยปิดคอมแล้วล้มตัวนอนบนที่นอน นอนได้สักพัก ไวมันก็เดินขึ้นมาเคาะห้อง ผมงัวเงียตื่นไปเปิดประตูเห็นมันอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนจะออกไปข้างนอก

“มีไรวะ” ผมถามแล้วยกมือขึ้นมาปิดปากหาว กลัวกลิ่นปากผมจะลอยไปกระแทกหน้ามัน

“คือผมจะออกไปข้างนอกได้ไหมพี่ ไปหาเพื่อนแปปเดียว” มันขอผมออกไปหาเพื่อน

“เออ ไปเหอะแล้วจะกลับมาแดกข้าวเย็นไหม”

“คงไม่พี่ แต่ว่าผมจะรีบกลับมา ระหว่างที่ผมออกไปผมวานพี่ไปดูพี่ปีให้ผมหน่อยได้ไหมพี่” -*-ผมมองหน้ามันนิ่งๆ

“ทำไมกูต้องไปดูมันอีกวะ” เริ่มจะอารมณ์เสียนิดๆ ละ

“น่า นะพี่ พี่ปีเขาเดินเหินไม่ถนัด พี่ก็รู้”

“เออ กุรู้ แต่ที่กูอยากรู้ ว่าทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ ทำตัวเองขาหักเอง แถมยังทำกิ่งมะม่วงกูหักอีกมันใช่เรื่องไหม” ผมดุมัน ไอ้ไวหน้าสลดลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันล้มเลิกความตั้งใจ

“นะพี่ ผมเป็นห่วงพี่ปี ที่สำคัญเพราะผมพี่ปีถึงได้ตกต้นไม้” หืมหมายความว่ายังไง ผมรอให้มันพูดต่อ

“คือ ผมบ่นว่าอยากกินมะม่วง พี่ปีเลยจะสอยมะม่วงให้”

“เหอะ ซื้อกินเอาก็ได้ อยากกินก็บอกสิ” มันก้มหน้าลง มองพื้นทันทีที่ผมดุ

“ขอโทษครับ” มันพูดออกมาในที่สุด ไวมันเป็นเด็กซื่อๆ แถมหน้าตาน่ารัก ถ้ามันไม่ตัวสูงกว่าผมนิดหน่อยอะนะ

“เห้ออ ช่างเหอะจะไปก็ไปเดี๋ยวกูไปดูคุณชายเขาให้เอง” บอกอย่างนั้นแหละครับให้มันสบายใจ ไอ้ไวมันยกมือไหว้ผมแล้วเดินลงไปด้านล่าง มันดูรีบๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกเดินเข้าห้องมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปที่ครัวทำมื้อเย็นง่ายๆ อย่างข้าวผัดไข่ลาวากับซุปมิโซะที่ผมซื้อมิโซะซุปสำเร็จเอาไว้แค่เอามันไปละลายน้ำแล้วต้มให้เดือดใส่เต้าหู้ลงไปก็กินไปแล้ว ตักข้าวใส่จานแล้วเอามานั่งกินหน้าทีวี ดูรายการทำอาหารไปซดน้ำซุปไป เห้ออ อะไรมันจะสุขได้เท่านี้กันละครับ กินเสร็จก็เอาจานไปเก็บ มองในกระทะยังเหลือข้าวอยู่ข้างๆ กันมีหม้อซุปสาหร่ายวางไว้ มองมันแล้วลังเลอยู่พัก

“แล้ว ทำไมต้องไปคิดถึงมันด้วยวะ” ผมตักข้าวใส่กล่องกับซุปใส่ถุงร้อนเตรียมไว้ก่อนจะถืออาหารทั้งหมดออกจากเดินตรงไปยังบ้านของไอ้คุณปี กดออดสักพัก เจ้าของบ้านก็เดินโดยมีไม้ค้ำพยุงตัวเอาไว้ออกมา ไอ้คุณปีมันมองผมค้อนๆ แล้วเดินมาหาที่ประตูรั้ว หน้าบอกบุญไม่รับสักนิด สงสัยคงจะยังเคืองเรื่องเมื่อบ่ายอยู่แน่ๆ แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็น



“ทำมาเผื่อ” ยื่นถุงอาหารไปให้

“ไม่ได้ขอ” เขาตอบกลับมาเสียงห้วน -*-คนเข้าอุตส่าห์นึกถึงไอ้บ้านี่

“นี่ คนเค้าทำมาให้ก็รับๆ ไปสิ” ผมยัดถุงอาหารที่เตรียมใส่มือเขา

“ก็บอกว่าไม่ได้ขอไงละ เอากลับไป” เขาผลักของในมือกลับมาให้ผม แล้วเดินหนีเข้าบ้าน

“นี่ จะหนีไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ” ผมไม่ยอมหรอกเสียเวลาเดินมาแล้วผมไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่

“ก็บอกว่าไม่กินๆ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอไง” เขาหันมาตะคอกใส่ผม ใบหน้าหล่อดูโกรธจัด

“แล้วทำไมต้องตะคอก” ผมว่ากลับ เปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้ามาในเขตบ้านของเขา

“ก็คนอย่างมึงมันพูดไม่รู้เรื่องไง” เขาหันมาบีบต้นแขนผมอย่างแรง มันเจ็บนะ เพราะผมไม่ทันได้ระวังตัว

“พูดไม่รู้เรื่องยังไงไม่ทราบ”

“เถียงกูฉอดๆ นี่ไง” เขาตะคอกใส่อีก

“ปล่อยนะมันเจ็บ” ผมพยายามจะดึงแขนตัวเองออก แต่แรงเขาเยอะมากจะทำแรงๆ ก็ไม่ได้เดี๋ยวจะทำให้ไอ้คุณปีเขาเจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีก ผมเลยได้แต่ขืนตัวเองไว้

“สำออย” เขาด่าแล้วยอมปล่อยมือจากต้นแขนผม มันขึ้นริ้วแดงๆ เป็นรอยนิ้วมือของเขาชัดมาก หันไปมองหน้าเขา ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะมาด่าแรงได้ ผมเลยจิกตาใส่ อยากจะสาปเขาให้เป็นมดแดงแล้วจับมาบี้จริงๆ

“ไวมันบอกให้ผมมาดูคุณ ที่มาเพราะน้องมันขอร้องหรอก รับปากมันแล้วก็ต้องทำ ไม่ได้อยากจะมาเลยสักนิด ไม่ชอบเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านดุเหมือนหมา แถมปากยังหมาอีก” ผมโยนถุงใส่อาหารให้เขา ดีที่เขารับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันคงลงไปนอนที่พื้น พอเขารับถุงนั่นผมก็เดินออกมาจากบ้านเขาทันที ไม่อยากอยู่นาน ไม่ชอบเดี๋ยวจะฆ่าคนตายเอา บาปผมอีก เดินกลับมาด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว มันรู้สึกน้อยใจ กับคำพูดของเขา ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตั้งแง่รังเกียจผมขนาดนั้น จะโกรธเรื่องข้าวเมื่อบ่ายก็ดูจะเด็กน้อยเกินไปไหม ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธเขามากๆ เลยทำไมคนหน้าตาดีถึงได้ใจร้ายนักก็ไม่รู้...



คุณปี พาร์ท

เมื่อตอนกลางวัน ไอ้เด็กนั่นมันทำผมไว้แสบมา มันข้าวต้มเกลือ ย้ำว่าเกลือทั้งถุงมาให้ผมกิน คนยิ่งหิวๆ เจอแบบนั้นเข้าไปยิ่งโมโห มันแกล้งผมชัดๆ ยอมรับเลยว่าโกรธและโมโหที่มันมาลูบคมผมแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามันอายุน้อยกว่าผมมาก ผม สามสิบสองแล้วนะ มันไม่น่าจะเกิน ยี่สิบห้า แต่มันมาทำปีนเกลียวกับผมแบบนี้ บอกเลยไม่ชอบสุดๆ ทำไมมันไม่เอาอย่างเพื่อนมัน นายธันวา รายนั้นดูจะมีสำมาคารวะมากกว่าแถมยังตั้งใจทำงานอีก ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเจอธันวาที่นี่เหมือนกัน โลกมันกลมที่พนักงานในบริษัทเป็นเพื่อนกับไอ้แมลงสาบเพียวนั่น ไอ้เด็กบ้านั่นมันชอบทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนที่ไร้น้ำใจสุดๆ และเป็นเด็กที่ผมควรจะอยู่ห่างๆ เข้าไว้ ถ้าไม่ติดว่าไวรัลอยู่บ้านนั้นนะ ผมไม่มีทางจะเข้าไปเหยียบหรือยุ่งอะไรกับมันโดยเด็ดขาด คุณคงอยากรู้ละสิว่าไวรัลเกี่ยวอะไรกับผม ผมยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของผมกับไวรัลต้องเก็บเป็นความลับ ให้ใครรู้ไม่ได้

หลังจากที่อดมื้อกลางวันไปผมก็ต้องกัดฟันทนกินมาม่าคัพไป ขาเจ็บแบบนี้ทำอะไรไม่ถนัดหรอกครับแม้กระทั่งอาบน้ำ นี่ยังคิดอยู่เลยว่าจะอาบน้ำยังไงถ้าไม่มีคนช่วย ไวรัลเองก็ใช่จะว่างมาช่วยผมได้ตลอด เพื่อนผมก็ไม่ค่อยจะมี เพราะผมเป็นคนโลกแคบครับ ชอบอยู่กับตัวเองมากกว่าจะอยู่รวมกับคนหมู่มากๆ มันน่ารำคาญ เสียงดังวุ่นวายผมนอนเล่นบนโซฟา ไปเรื่อยๆ จนเผลอหลับไป ตื่นมาก็ฟ้ามืดแล้ว ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านดัง เดินทุลักทุเลออกไปดู คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ ไอ้เด็กแมลงสาบนั่นยืนกดออดอยู่หน้าบ้านผม หน้าตามันดูสดใสในมือมีถุงใส่กล่องอะไรไม่รู้ เดินออกไปหามัน มันยื่นถุงนั้นมาให้ ผมไม่รับและไล่มันกลับ มันไม่ยอม เดินมาหาผมถึงในบ้าน ผมรู้สึกหงุดหงิดมากที่เห็นมันดื้อด้านไม่ยอมฟัง จนเผลอทำมันเจ็บตัว ใบหน้าหวานๆ ของมันบิดเบี้ยวเพราะเจ็บแขนที่ผมบีบมันซะแรง ใจกระตุกเลยครับตอนมันบอกว่าเจ็บ ผมปล่อยออกแทบจะทันทีแต่ก็ไม่วายจะเอ่ยปากด่ามัน ก็มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ พอปล่อยมันก็จิกตามองผมแล้วพ่นคำที่ทำเอาผมสะอึก มันด่าผมเป็นหมา ไม่ได้โกรธหรอกครับแต่รู้สึกว่าเสียงมันสั่นแปลกๆ ตากลมๆ ของมันแดงนิดๆ เหมือนคนจะร้องไห้ มันโยนกล่องข้าวในถุงมาให้ดีนะผมรับไว้ได้ทัน ตกใจเลย มันเดินหนีออกไปแล้ว ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นไป รู้สึกผิดนิดๆ นะ หลังจากที่มันไปแล้วผมก็เดินกลับเข้าบ้าน มองดุข้าวในมือ ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ หลังจากที่มีประสบการณ์มาแล้ว ผมเดินเข้าไปในครัว มันลำบากนิดหน่อยที่ต้องมีไม้ค้ำยัน เพราะผมยังลงน้ำหนักไปที่ข้อเท้าไม่ได้

เปิดกล่องอาหารออกมา มันยังร้อนอยู่ ข้างในเป็นข้าวผัดที่มีไข่แดงกับชีสอยู่ตรงกลาง หน้ามันไม่ค่อยสวยเพราะโดนกระแทกมาหลายที หันไปเจอถุงน้ำซุปเลยแกะใส่ชาม กล้ากลัวๆ ที่จะชิมมัน รสชาติเค็มจัดจนเวียนหัวมันยังสยองอยู่เลย ผมค่อยๆ เอาช้อนแตะที่ซุปก่อนแล้วเอามาแตะที่ลิ้น อืม รสชาติมันปรกติ ผมเลยถอนหายใจอย่างโล่งอก ต่อมาก็คงจะเป็นข้าว ชิมแล้วอร่อยดี ผมยกทั้งสองอย่างมานั่งกินที่หน้าทีวี กินเพลินจนหมดทั้งสองอย่าง

22.00น.

ผมมองนาฬิกา ดึกป่านนี้แล้วผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย ภาระหนักมาเยือนแล้ว ผมค่อยๆ เดินขึ้นบันได กลัวเหมือนกันนะที่จะตกลงมาแต่ทำยังไงได้ผมตัวคนเดียว จะร้องไห้ใครที่ไหนมาช่วย เดินผ่านหน้าต่างเห็นไปบ้านนั้นยังเปิด มองทะลุไปเห็น เพียวมันเดินไปเดินมาแล้วชะเง้อมามองทางบ้านผม เป็นอะไรของมัน ผมไม่อยากจะสนใจ เดินขึ้นบันไดช้าๆ ทีละขั้นดีที่มันไม่สูงเท่าไหร่ เดินจนเกือบจะถึงอยู่แล้วแต่ดันพลาด ไม่ค้ำมันไปสะดุดกับอะไรไม่รู้ คิดไว้แล้วว่าต้องเจ็บตัวซ้ำสองแน่ๆ

วุบบบบ

เหมือนมีลมพัดผ่านร่างผมไปไวมาก และรู้สึกถึงแรงประคองทางด้านหลังเอาไว้ เสียงลมหายใจหอบดังให้ได้ยิน มองมือที่กอดผมเอาไว้จากทางด้านหลัง มือเล็กๆ กำลังกอดผมแน่น

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ทำไมไม่ระวังวะ” น้ำเสียงดุๆ ของมันผมจำได้ดี ไอ้เด็กเพียว

“มึงมาได้ยังไง”

“วิ่งมาไงถามได้”

“วิ่งมา” ผมไม่อยากจะเชื่อคำของมันหรอก คนบ้าอะไรจะวิ่งไวขนาดนั้น เพราะเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนที่ผมจะหงายหลังมันยังเดินอยู่ในบ้านของมันอยู่เลยไม่มีทางที่มันจะวิ่งมาที่นี่ได้ทันแน่ๆ เพียวมันดันผมให้ยืนดีๆ ผมทรุดตัวลงนั่งกับขั้นบันได เพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าขึ้นมา

“เป็นยังไงมั่ง เจ็บเหรอ ไปหาหมอไหม” น้ำเสียงตื่นๆ ของมันตอนมองที่ข้อเท้าของผมทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆ

“ไม่เป็นไร มันแค่เจ็บ” ผมบอกปัดและพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง เพียวมันสอดมือเข้ามาที่ใต้รักแร้ผมแล้วออกแรงยกตัวผม แปลกมากทั้งๆ ที่มันตัวเล็กกว่าผมมาก แต่มันกลับยกผมได้สบายๆ

“จะไปไหน บอกสิ” มันถามผม แต่ไม่ยอมมองหน้าผม ผมไม่ได้ง่อยที่จะให้มันมาช่วยแบบนี้ ผมพยายามจะดึงแขนมันออกแต่ก็โนเสียงจิ๊ในลำคอ เหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“อย่าดื้อได้ปะ” น้ำเสียงติดลำคานของมันยิ่งทำให้ผมไม่อยากจะรับความช่วยเหลืออะไรจากมันทั้งนั้น

“กลับไป” ผมกดเสียงลงต่ำ

“สังขารเป็นแบบนี้ยังจะเรื่องมากอีก ถ้าเมื้อกี้มาไม่ทัน มึงไม่ได้กลายเป็นผีเฝ้าบ้านหลังนี้ไปแล้วรึไง” มันว่าใส่เสียงดังอย่างไม่พอใจ มือมันก็ยังไม่ปล่อยจากตัวผมเลย มันช้อนสายตากวนๆ ของมันมองผม

“เรื่องของกูอีกนั่นแหละ ปล่อยได้ละกูเดินเองได้”

“เหอะทำพูดเข้า” มันไม่ฟังผมหรอกครับ มันพยุงผมขึ้นไปบนบันไดขึ้นบนสุด มันกึ่งจูงกึ่งลากผมเข้าไปในห้อง

“จะอาบน้ำใช่ไหม” ผมขมวดคิ้วมันมายุ่งอะไรกับผมนักหนาวะ เมื่อกี้ยังด่าผมฉอดๆ งอลกลับบ้านอยู่เลย

“จะมาดูแลกูทำไมมิทราบ ไม่ได้ขอ” ผมว่ามันแรงๆ เผื่อมันจะรับรู้อะไรๆ บ้างว่าผมไม่ชอบขี้หน้ามัน

“เออ เสือกเองแหละ จะอาบน้ำก็ถอดเสื้อผ้าจะอาบให้” มันบอกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ สักพักมันก็ออกมา ผมยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ถอดอะไรทั้งนั้น พอมันเห็นมันก็ชักสีหน้าใส่ทันที

“เป็นมนุษย์นี่เข้าใจยากเนอะ” มันประชดอะไรของมัน

“....”

“ถอดสิหรือจะอาบทั้งอย่างนี้ มันดึกแล้ว กูก็อยากพักบ้างนะเว้ย” มันเริ่มหงุดหงิดอีก ผมส่ายหน้าไม่ยอมหรอก

“กลับไปสิ” มันจ้องหน้าผมเขม็ง นี่ไล่ขนาดนี้ยังมาไปอีก มันเป็นแมลงสาบประเภทไหนกัน

“เห้ออ สงสัยต้องใช้กำลัง”

“เห้ยจะทำอะไร” มันเดินมาแล้วกระชากเสื้อผมเพื่อที่จะถอดออกทางหัว ผมขืนมันเต็มที่ จู่ๆ จะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้

“อยู่เฉยๆ พิการขาเดี้ยงแล้วยังเสร่ออีก” ปากมันนี่นะมันน่าเอาหนังยางดีดจริงๆ

“เพียว กูแก่กว่ามึงนะ สำมาคาราวะนะหัดมีบ้าง” ผมดุใส่เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก มันหันมามองหน้าผมแล้วแสยะยิ้ม เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายคนขาเดี้ยงแบบผมจะไปสู้แรงอะไรของมันได้มันจับผมถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงในสีแดง มันหน้าแดงนิดๆ เวลาต้องมองหรือสบตากับผม

“ไปสิน้ำเต็มอ่างแล้วมั้ง กูจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้” เพียวบอกพร้อมกับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของผมมันยืนมองสักแล้วหยิบ กกนตัวใหม่ออกมาให้

“เอาไปใส่ในห้องน้ำด้วย” ผมรับกกนมาถือแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ เหนื่อยกับมันมาก เดินเข้าห้องน้ำก็เห็นเก้าอี้ตัวเล็กวางไว้ข้างอ่างนี่คงต้องนั่งขอบอ่างแล้ววางขาบนเก้าอี้เอา เฝือกจะได้ไม่ต้องโดนน้ำ ผมใช้เวลาอาบนานหน่อย เพราะมันไม่ถนัด กลับออกมาก็เจอเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวห้อยไว้ที่ประตู หยิบมาพันเอว จะใส่กกนก็ลืม เดินมาที่ข้างเตียงเห็นมันนอนหลับตาอยู่บนที่นอนของผม เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่ามันหลับไปแล้ว

ตึก ตึกๆ ตึกๆ

เสียงหัวใจมันดังขึ้นมาตอนมองหน้าไอ้เด็กนี่ชัดๆ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนมีแรงดึงดูดให้ผมก้มลงไปมองมันใกล้ๆ แพขนตายาวทาบทับกับแก้วใสๆ ของมันทำไมถึงได้น่าดูจังในตอนนี้ ริมฝีปากสีแดงๆ ทำไมมันถึงได้รู้สึกว่ามันจะหวานก็ไม่รู้ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันอีกนิด

พรึบ

“เห้ยย จะทำอะไรวะ” นั่นดิผมกำลังจะทำอะไร - -*

+++++++++++++++++++++++++++++++

(http://www.mx7.com/i/0a9/IWtCOy.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DWCaVjkeC6k0QE)



(http://www.mx7.com/i/2d3/WeXckh.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DPeaoaXFHC2eWN)




(http://www.mx7.com/i/2b3/8Xkk27.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DP5ETO9JD6bZdo)


(http://www.mx7.com/i/1db/1ooNXY.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DP0HcgbBnHS1tL)


(http://www.mx7.com/i/053/XcQGsm.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DPaYA2prxIxGYs)


หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 5 2/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-09-2017 05:51:27
เหมือนหยิกเล็บ ก็เจ็บปาก
เอ้ย.......ขิงก็รา ข่าก็แรง
จะดีๆกันตอนไหนเนี่ย
ทั้งที่เริ่มหวั่นไหวต่อกันแล้ว  :z3: :z3: :z3:

ไว มีชื่อเต็มว่าไวรัล อื้อหือ  :hao7:
นี่ชื่อคนพม่าแน่รึ
เหมือนสนิทกับปี เกินกว่าธรรมดานะ
ต้องมีเบื้องสักเบื้องแน่เลย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 5 2/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2017 12:05:57
ไวกับคุณปีนี่ยังไง
ปล. เห็น ไวรัล แล้วนึกถึงไวรัสอะ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 5 2/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 03-09-2017 13:12:11
หนุกๆ
ยังมีตัวแปลกๆ ในตำนานอีกใช่ไหมนี่
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 5 2/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-09-2017 13:12:39
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 6 8/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 09-09-2017 23:19:08
(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)



อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 6

จูบ



“จะทำอะไร” ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าหล่อๆ ของคุณปีอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ตกใจจนเผลอผลักเขากระเด็นออกไปอีกทางหลังกระแทกพื้นทันทีคงจะเจ็บหน้าดู

ผลัก!!! ตุบ

“โอ้ยยย”

“เห้ยย ” ผมรีบลุกไปดูเขาทันที ใบหน้าหล่อนั่นเหยเกด้วยความเจ็บปวด รู้สึกผิดในใจแต่ก็ตีหน้านิ่งเอาไว้

“แรงเยอะเป็นบ้า เลยมึงนี่ เจ็บเลยเห็นไหม!! ” แล้วจะมาตะคอกกูทำไม-*-ก็กูตกใจ แค่นี้ไม่ตายหรอก แหม บุญเท่าไหร่แล้วที่โดนฟ้าผ่าเอา

“ละ..แล้วมึงจะทำอะไรกูละ โรคจิตเหรอ จะแอบหอมแก้มกันรึไง” รู้สึกร้อนหน้านิดๆ กระดากปากที่ต้องพูดออกไปด้วย

“โอ๊ยย ให้ตายเอาอะไรคิด ถ้ากูคิดจะจูบนะมึงคงไม่มีแรงมาด่ากูได้แบบนี้หรอก” ดูทำพูดเข้าแค่ปากโดนกันที่โรงพยาบาลตัวยังสั่น หน้ายังแดงเป็นตูดลิงอยู่เลย ผมถลึงตาใส่เขาเองก็ถลึงตากลับมาเช่นกัน ไอ้คุณปีมันพยายามจะลุกครับแต่ลุกไม่ได้มันคงหงุดหงิดมากกว่าเดิมแน่ๆ ยืนกอดอกมองมันนิ่งๆ ไม่ช่วยหรอก กูหยิ่ง

“ลุกเองไม่ได้ก็น่าจะรู้ ทำไมไม่มาช่วย” เขากดเสียงลงต่ำอย่างไม่พอใจ

“ขอร้องกูสิ” ผมยกยิ้มนิดๆ ไอ้คุณปีทำท่าฮึดฮัดใส่เหมือนจะไม่ยอมแถมชี้หน้าใส่ผมด้วย

“งั้นก็นั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคืนก็แล้วกัน” ผมทำท่าจะเดินออก ได้ยินเสียงเขาขบกรามดังกอดๆ แล้วสะใจชะมัด ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมามองผมแบบอาฆาตแล้วพูดว่า

“ช่วยหน่อย” ห้วนเสียจนอยากจะเดินทิ้งให้เน่าตายอยู่ที่พื้น

“เห้อน้ำเสียงห้วนแบบนี้ใครจะอยากช่วย เอาหวานๆ เพราะๆ เป็นไหม” ผมใช้นำเสียงที่คิดว่ายียวนเต็มที่กับ และมันก็ได้ผลครับหน้าเขาบูดยิ่งกว่าเดิมอีก คึคึคแกล้งเขาแล้วสนุกดีจัง ผมแสร้งทำเป็นยืนกอดอก

“น้องเพียวครับ ช่วยพี่หน่อยนะครับ พี่ปีเจ็บขาลุกไม่ขึ้นเลย” น้ำเสียงทุ้มนุ่มไม่ได้ออดอ้อนแต่เป็นการขอร้องที่เล่นเอาใจผมสั่น เขามองผมด้วยสายตาขอร้องมันดูละมุนจนทำตัวไม่ถูกเกิดคาดอีกแล้ว แบบนี้ผมจะไปต่อยังไงละ

“อะ อืมม ก็ได้ เห็นว่าขาเจ็บหรอกนะ” ผมยอมเดินไปพยุงเขาขึ้นมาจากพื้น และพาเขาไปนั่งที่เตียง ผ้าเช็ดเกือบหลุดออกจากเอวหนาของเขา พอมองใกล้ๆ แบบหุ่นเขาดีชะมัด

“หึหึ”

หมับ!!! ตุบ

“เห้ยยยย อุ๊บ...” ไม่ได้ทันตั้งตัวหรือตั้งสติอะไรทั้งนั้น พอถึงเตียงปุ๊ปเขาก็พลิกตัวผมให้ลงนอนกับที่นอนแล้วขึ้นคร่อมผมทันที ยังไม่ทันได้อ้าปากด่า ปากเขาก็กระแทกเข้ามา ย้ำว่ากระแทก ได้รสเค็มๆ ทันทีแต่เขาไม่หยุด ไอ้คุณปีมันไม่ยอมหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนใส่ผม ปากมันลากไปทั่วปากผม ทั้งดูดทั้งเม้มสะเปะสะปะไปหมด จนผมหายใจไม่ทัน และตั้งรับเขาไม่ทันด้วย เขาจูบผมเหมือนจะอยากเอาชนะผม เหอะได้ อยากลองเล่นกับยักษ์ใช่ไหม แล้วจะรู้ว่ายักษ์แบบผมนะช่ำชองขนาดไหน เปลี่ยนจากที่ให้เขาเป็นคนรุกเป็นผมที่เริ่มไล่ต้อนเขา เปิดปากรับเอาลิ้นของเขาเข้ามาพร้อมกับหยอกล้อเขาให้ไหลตาม พลิกจากอยู่ล่างเป็นขึ้นบนได้อย่างง่ายดาย สองมือกดเขาไว้ไม่ให้ขยับ ส่งสายตาหวานฉ่ำบนยั่วยวนไปให้ ขบเม้มริมฝีปากเขาทั้งบนและล่าง แต่เหมือนอีกคนจะเตลิดไปไกล เขาฉกเอาลิ้นของผม เกี่ยวพันไปมา อย่างเอาแต่ใจ เสียงจูบของเราดังขึ้นเรื่อยเหมือนสมรภูมิรบ ต่างคนต่างไม่ยอม ต่างคนต่างอยากเอาชนะ เขาจูบเก่งผมยอมรับแต่ไม่ได้ทำให้ผมเคลิ้มเสียเท่าไหร่ เพราะมันเป็นจูบที่ท้าทายกันเสียมากกว่า เราจูบกันจนผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันดันขึ้นมาจากผ้าเช็ดตัวของเขา ตรงที่ผมนั่งทับอยู่ ผมรับรู้ถึงอันตรายของตัวเองทันที

“นี่สำหรับความอวดดีของมึง” เสียงเขาดุมากจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ และเขากำลังจะก้มลงมาอีกผมรีบดันอกเขาไว้

“พอแล้ว...” ผมรีบบอก ขืนมากกว่านี้ไม่ผมก็เขาที่ต้องเสียเอกราชแน่ๆ

“หึหึ แค่นี้ก็ยอมแพ้ อ่อน” คิ้วกระตุกเลย แต่ถ้าดึงดันต่อไปคงจะเข้าแผนเขาเสียมากกว่า ผมยอมถอยเพื่อความปลอดภัยของร่องตูดผมดีกว่า

“หึหึ ใครกันแน่ที่อ่อน จูบเหมือนเด็กอนุบาลแบบนี้” ความจริงมันไม่ใช่เลย ก็อย่างที่บอกเขาเก่ง

“ลองอีกทีไหม”

“ลองให้โง่ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” ผมรีบขยับตัวหนีแต่เขาดันจับเอาไว้เสียก่อน

“มาพนันกันไหม” นึกบ้าอะไรขึ้นมาอีกจะมาพนันอะไร

“พนันอะไร”

“พนันว่าใครจะรักใครก่อน”

“กับใคร กับคุณนะเหรอไม่มีทาง” ผมรีบส่ายหัวทันที

“ไม่กล้า”

“เหอะคนอย่างเพียวไม่มีคำว่าไม่กล้าอยู่ในหัวสมอง” ฆ่าได้หยามไม่ได้เว้ย

“งั้นมาพนันกัน”

“ได้” เอ้า เหี้ยเลยที่นี้ อยากจะตบปากตัวเองให้แตก โง่ไปตามเขาทำบ้าอะไรวะไอ้เพียว

“สามเดือน กับเงินร้อยล้าน ถ้าทำได้ทุกๆ อย่างของกูจะเป็นของมึงคนเดียว ในทางกลับกันทุกๆ อย่างของมึงจะเป็นของกู ยกเว้นตัวกับใจของมึง”

“ตกลง” ถึงผมจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่บ้างกับข้อตกลงช่วงท้ายนั่นคือเขาไม่ได้ต้องการผมจริงๆ เขาแค่อยากจะเอาชนะผม คุณปียกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าแผนการ เห็นแบบนั้นแล้วผมยิ่งอยากเอาชนะ ผมเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่ ผมมั่นใจว่าเขาต้องตกหลุมรักผมก่อนแน่นอน



“สิบล้านถ้ามึงทำให้กูรักมึงได้ แต่ถ้าไม่ สิบล้านมึงต้องจ่ายให้กู”

“สิบล้านน้อยไป ร้อยล้านไปเลยดีกว่า” ผมเพิ่มเงินพนันทันที ดูไอ้หน้านิ่งมันจะอึ้งไม่น้อยมีลังเลด้วย เหอะ ตังไม่พออะดิ จนว่ะ

“หึหึไม่กล้าเหรอ ไหนว่ามั่นใจไง รึว่าไม่มีน้ำยา” ไซโคเข้าไป เงินกองอยู่ข้างหน้าเห็นๆ

“หึหึ ร้อยล้านก็ร้อยล้าน อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” เขายิ้มมุมปากอีกแล้ว นี่คงมั่นใจ หึ แล้วจะรู้สึก

“ครับคุณปี ไปแล้วนะครับว่าที่แฟน” ผมตัดสินใจเป็นฝ่ายไล่ล่ารักจากเขาก่อน ไอ้คุณปียกยิ้มพราย

“มาลองกันสักตั้ง” แววตาแลดู จะมั่นใจว่าผมพิชิตใจเขาไม่ได้แน่นอน มั่นใจไปเถอะครั้งนี้ผมจะชนะแล้วเงินร้อยล้านก็จะมากองอยู่ตรงหน้าผม เดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ถามว่ามันรู้สึกดีไหมก็ไม่นะแย่ไหม ก็เปล่า มันแค่รู้สึก เหมือนเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ของของ เขามา กลับมาคิดแผนว่าจะเอาหัวใจของมนุษย์หน้านิ่งจอมเย็นชามาได้ยังไงดีกว่า



05.00น.เช้าวันใหม่ที่ต้องไปตลาด อยากจะเปิดประตูแล้วถึงหน้าตลาดแต่ทำไม่ได้ไอไวมันนั่งรออยู่ด้านล่าง ต้องไปแบบปรกติมนุษยชนเขา หาเรื่องเหนื่อยให้ตัวเองทำไมไม่รู้ บ่นตัวเองเสร็จก็ต้องรีบลงไปด้านล่างเดี๋ยวคุณพม่าเขาจะเอ็ดเอาอีก

“ไปไอ้ไว เอ่อแล้วเมื่อคืนกลับมากี่โมง”

“ตีหนึ่ง” มันตอบแบบขอไปทีแล้วเดินไปเปิดรั้วให้ผมเอารถออก แล้วก็รอปิดรั้วเหมือนเดิม ซื้อของจนครบแล้วเดินมากินโจ๊กร้อนๆ กลับมาก็เตรียมของเปิดร้านเลย ผมให้ไอ้ไวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยสลับกับผม วันนี้ขายดีเหมือนเดิม น้ำซอสของผมก็หมดแล้วสงสัยวันนี้ต้องออกไปตลาดรอบสอง ผมให้ไวเก็บของคนเดียววันนี้ เพราะจะออกไปซื้อของที่ตลาด มันก็ทำโดยที่ไม่บ่นอะไร ผมขับรถออกมาและซื้อของตามที่จดไว้ เดินมาเจอพวกของทะเล ดันอยากกินสุกี้หม้อไฟขึ้นมา ผมเลยซื้อของพวกนั้นกลับมาด้วย พอมาถึงรถก็โทรชวนสองหน่อนั่นมากินด้วย หวังว่ามันคงจะว่างกัน จะได้ถามถึงเรื่องวันนั้นด้วยว่าไอ้ภูมันเป็นอะไรถึงได้ร้องไห้ กลับมาไวมันก็ทำงานเสร็จหมดแล้ว แต่ตัวมันหายไปไหนไม่รู้ เอาของไปเก็บในครัว และลงมือทำซอสแล้วก็เตรียมของทำหม้อไฟ รอนานไอ้ไวก็ไม่กลับมาสักทีผมเลยเดินไปตามที่บ้านข้างๆ เหลือบไปเห็นป้าอรแกทำลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าบ้านคุณปีพอดี ผมเลยเดินเลี่ยงมาทางหลังบ้าน เห็นหลังไอ้คุณปีผ่านไปเมื่อกี้เลยรีบเรียกไว้

“นี่ นี่ๆ ” ผมเรียกเขาหันมาแล้วทำหน้ายุ่งใส่

“กูไม่ได้ชื่อนี่ กูชื่อ ปีมงคล จำใส่หัวเอาไว้ด้วย” มีจิกตาใส่ด้วย

“ปีไวอยู่นั่นรึเปล่า”

“พี่ปี เรียกใหม่” -*-คือกูแก่กว่ามึงป่าววะ แต่ก็ต้องเรียกเพราะหน้าผมเด็กกว่าไอ้คุณปีเยอะ

“พี่ – ปี ไวอยู่นั่นรึเปล่า” เน้นคำว่าพี่ปีใส่แม่ง ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจอย่างเอือมๆ

“อยู่ มันกำลังทำกับข้าวให้อยู่”

“อ่าวเหรอ งั้นบอกมันไม่ต้องทำ แล้ว พี่ก็มากินกับพวกผมเลยสิ” ไอ้คุณปีมองหน้าผมนิดๆ

“ไม่ต้อง กูจะกินที่บ้าน” เขาบอกด้วยเสียงและสีหน้าที่เย็นชา แค่นี้ทำอะไรไอ้เพรียวไม่ได้หรอก

“เตรียมของเสร็จแล้วจะไปรับนะครับ” ผมยิ้มทำหน้ามึนใส่แล้วเดินกลับไปยกของ เห็นไวมันเดินกลับมาหน้ายุ่งๆ

“เป็นไรวะ” ผมถามมันส่ายหน้าแล้วเดินมายกของช่วยผม

“พี่เขื่อนจะมาด้วยใช่ไหมพี่เพียว”

“อืม” มันทำหน้าเซ็งทันที

“ผมไม่กินด้วยได้ไหม ผมไม่อยากเจอเขา” จะกลัวอะไรไอ้เขื่อนนักหนาก็ไม่รู้ มันออกจะเอ็นดูซะขนาดนั้น ผมรู้ว่าเพื่อนผมมันเป็นแบบนี้ไม่มีอะไรหรอก

“ไม่เป็นไรน่า” ผมปลอบแต่ดูเหมือนไวมันจะไม่อยากเจอเพื่อนผมจริงๆ

“เป็นสิพี่ พี่ไม่เห็นสายตาของพี่เขื่อนเหรอ” มันยกชามขึ้นมาวางกลางโต๊ะแล้วมองหน้าผมอย่างอ้อนวอน

“ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวกูช่วยกันให้” รอไม่นานพวกนั้นก็มาถึงครับ นั่งแท็กซี่กันมาพวกมันน่าจะซื้อรถกันได้แล้วมั้งงานก็มีทำเงินเดือนก็เยอะ พวกมันเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโดยเฉพาะไอ้เขื่อน มันยิ้มยิงฟันขาวมาแต่ไกล

“ไงจ๊ะน้องพม่าของพี่เขื่อน” มาถึงก็ทักเด็กผมก่อนเลยเพื่อนยืนหัวโด่อยู่นี่ไม่ทักเดี๋ยวไม่ให้ แ_กเลยนี่

“พี่ภูสวัสดีครับ” ไวมันทำเป็นไม่สนใจอีกคนแล้วหันไปยกมือไหว้ไอ้ภูแทน รายนั้นเอ็นดูไวมันอยู่แล้วก็เลยยิ้มหวานกลับไปให้พร้อมกับยกมือยีหัว แต่พอเขื่อนมันจะทำมั่ง รายนั้นรีบยกมือขึ้นปัดทันที เห็นหน้าไอ้เขื่อนแล้วก็ขำเพราะมันเหวอรับประทาน

“เดี๋ยวกูไปตามพี่ปีก่อน”

“พี่ปี!!! ” พอผมพูดจบพวกมันก็ร้องออกมาพร้อมกัน จะตกใจอะไรนักหนาอ่อลืมบอกไปไอ้ภูรู้เรื่องที่เจ้านายมันเป็นเพื่อนบ้านผมแล้ว ไอ้เขื่อนเล่าให้ฟัง มันเลยไม่เซ้าซี้อะไรมาก

“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะไอ้เพียว” ผมยักไหล่ไม่ตอบ กวนตีนพวกมันก่อนจะเดินอาดๆ ออกจากบ้านไปพาถังเงินเคลื่อนที่ออกมาจากบ้าน พอมาถึงเจ้าของบ้านก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์ใส่ เห็นเขากำลังตักข้าวไข่เจียวเข้าปาก

“หยุด!!! ” ผมร้องห้ามเขาหันมามองนิดหนึ่งแล้วเอาข้าวช้อนนั้นเข้าปาก ไม่สนใจเสียงหวานๆ ของผมสักนิด

“ก็บอกว่าให้ไปกินด้วยกัน”

“ก็บอกว่าไม่ไปไง”

“ดื้อ”

“มึงก็ด้าน” โหย ยอกย้อนได้เจ็บแสบ ผมเดินไปแย่งจานข้าวตรงหน้าเขามาถือไว้ไม่ให้เขากินต่อ ขาเดี้ยงแบบนี้ทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน

“ลุกจะพาไปบ้าน” ไอ้คุณปีมันถอนหายใจเสียงดังเหมือนคนไม่สนอารมณ์ผมไม่สนหรอกในเมื่อลงเล่นเกมความรักแล้วผมไม่มีทางถอยเด็ดขาด ผมนั่งลงข้างๆ เขาแล้วช้อนตาหวานใส่

“ไปกินข้าวกับเพียวนะครับพี่ปี” โดนอ้อนแบบนี้จะไปไหนรอด

“นี่อ้อน หรือว่า อะไร” เขาทำเสียงเยาะนิดๆ แล้วสะบัดแขนข้างที่ผมเกาะไว้ออก พร้อมกับยกมือปัดเหมือนรังเกียจ-*- อย่ามาจับตัวกูให้เห็นนะแม่ง

“อ้อนไง นะๆ ” ต้องแกล้งตอแหลไปอีกกู ปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดประโยคที่จะทำให้อ้วกออกมา

“จะไปก็ไปแต่บอกไว้ก่อนกูไม่ได้พิศวาสอะไรมึงหรอกนะ แล้วทีหลังไม่ต้องทำหน้าอ้อนตีนแบบนั้นอีกมันทุเรศ” เขาพยุงตัวขึ้นโดยใช้ไม้ค้ำ นอกจากจะเย็นชาแล้วปากยังหมาอีก อย่าให้ถึงทีของผมบ้างละกัน เขาเดินกะเพลกๆ นำหน้าไปผมได้แต่ยืนแยกเขี้ยวให้เขาด้านหลัง มาถึงพวกมันก็เสียบปลั๊กหม้อไฟรอแล้ว มาถึงก็จัดที่นั่งกันผมนั่งข้างคุณปีส่วนที่เหลือนั่งฝั่งตรงข้ามแต่ที่เด็ดกว่าคือไอ้ไวมันดันนั่งติดกับไอ้เขื่อนนี่สิ เห็นหน้าลูกน้องตัวเองแล้วตลกหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนปวดขี้ ส่วนคนที่นั่งข้างๆ ผมก็ไม่พูดไม่จาเหมือนไม่ได้พกปากมาด้วย ถามคำตอบคำ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น เห็นแล้วเหนื่อยใจ นี่นั่งรอของให้หม้อสุก พอสุกก็แย่งกันกินยกเว้นคนอายุมากสุด (ไม่ใช่ผมนะอันนี้ยกเว้น) นั่งมองผมด้วยหางตา

คือจะกินก็บอกดิวะ มองด้วยหางตาแบบนั้นเดี๋ยวก็ตักแต่น้ำซุปให้กินซะเลยนี่

“จะเอาอะไรบ้าง” หันไปถามเขาด้วยความหมั่นไส้นิดๆ

“ผักอย่างเดียว” ตอบมาสั้นๆ และไร้โทนเสียง ผมมองบนใส่อย่างเอือมๆ ก่อนจะตักผักต้มสุกให้

“น้ำจิ้มไหม” เขาส่ายหัวไม่เอา แล้วมันจะไปอร่อยอะไรละ ผมเลยตักน้ำจิ้มใส่ถ้วยเขาไปช้อน โดนมองตาค้อนใส่ไปทีหนึ่ง พวกเรานั่งกินไปคุยกันไป ถามไอ้ภูว่าวันนั้นร้องไห้ทำไมมันก็ไม่ยอมตอบหันไปหาไอ้เขื่อนก็ทำเมินเออ ใช่สิ กูมันคนนอกไปแล้ว ทำหน้าเชิดใส่แล้วก้มหน้าก้มตากินของตัวเองต่อ เหลือบมองคนข้างๆ รายนั้นนั่งหน้าแดงปากแดง เหงื่อออกเต็มหน้า ใบหน้าหล่อๆ นั่นดูทรมานกับอาหารที่กิน นี่เขากินเผ็ดไม่ได้สินะ มิน่า ผมยื่นขันเงินใส่น้ำเย็นๆ ส่งให้ พอรับไปก็ซดอึกๆ ลงคอแล้วร้อง “เห้อออ” ออกมาเสียงดัง ทำเอาขำกันทั้งโต๊ะ..รีบเปลี่ยนถ้วยใหม่ให้คุณเขาก่อนที่องค์จะลงใสผมอีก ครั้งนี้เขากินได้อย่างสบายๆ



“อย่าสิพี่เขื่อน” เสียงแหวดังลั่นขึ้นมาทุกๆ ห้านาที ไอ้เขื่อนมันตั้งอกตั้งใจหยอกเด็กพม่าของมันตลอดเวลาจนผมนึกรำคาญ

“มึงจะไปแกล้งอะไรมันนักหนาวะไอ้ห่านิ แกล้งจนมันไม่ชอบขี้หน้ามึงแล้วไม่รู้ตัวไง” ผมว่ามัน ตามันก็ยังลอยหน้าลอยตาเต๊าะเด็กผมไม่เลิก

“ภูผา ช่วงนี้คุณดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นอะไรรึเปล่า ผมเห็นคุณเหม่อๆ ” น้ำเสียงทุ้มฟังสบายหูกว่าที่คุยกับผมมาก เขาวางช้อนและมองไปที่ภูเพื่อนผม มันเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ ไอ้นี่มีเรื่องอะไรแล้วไม่บอกเพื่อนอีกแล้ว เกิดมีเรื่องอะไรร้ายแรงจะได้ช่วยกันทัน แมร่งเป็นแบบนี้ตลอดเลย ผมเองก็มองมันอย่างคาดคั้น

“ก็นิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรมากบอสไม่ต้องเป็นห่วง” มันตอบแล้วหันไปกินต่อ มือหนึ่งก็กดโทรศัพท์ยิกๆ

“อย่าโกหกนะภู กูไม่อยากให้มึงโดนแบบครั้งนั้นหรอกนะ ไม่เข็ดเหรอ เรื่องอีริชชี่นะ” เมื่อปีก่อนภูมันโดนหลอกครับเสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ ไม่เป็นผู้เป็นคนเลย พวกผมปลอบมันอยู่นาน กว่าจะพามันออกจากโรคซึมเศร้าได้ อันตรายมากนะครับโรคแบบนี้ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงมาก

“เออ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกน่า กูแค่เจอผี” ผมตอบออกมาเล่นเอาผมขนลุกเลย

“ผี!! ผีอะไรพี่ภู” ไอ้ไวครับมันตาขาวมากถ้าเป็นเรื่องพวกนี้

“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าผีจริงๆ หรือว่าคน”

“เอาพระไหม ผมมีเยอะนะ” แหม่ลูกน้องผมเสนออะไรไม่ได้ดูเลยว่ามันอยู่วัดจะไปกลัวอะไรแบบนั้น

“ที่พี่อยู่พระก็เยอะเหมือนกัน มันยังไม่กลัวเลย” ไอ้ภูมันตอบ นี่ที่คิดหนักก็ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่มันเจอเป็นคนหรือว่าผีสินะ

“แล้วมึงละไอ้เขื่อนอยู่ห้องเดียวกันไม่เจอบ้างไง”

“เจอ” มันตอบเล่นเอาขนลุกกันทั้งโต๊ะ เฮี้ยนขนาดเข้าวัดได้นี่ถือว่าโหดพอตัวเลยนะ ผมไม่ค่อยได้เจอผีพวกนี้บ่อยนักหรอก เพราะพวกนั้นกลัวยักษ์ครับกลัวว่าผมจะขโมยวิญญาณเขา เอาอะไรคิด สิ่งที่พวกนั้นควรจะกลัวคือยมทูตมากกว่า

“เฮี้ยนมาก หล่อมาก”

“มันตามหลอกหลอนกูทุกคืนเลยเพียว มันบอกว่าจะเอากูไปอยู่ด้วย มันบอกว่ากุคือเจ้าสาวของมัน เจ้าสาวพ่องง!!! กุผู้ชายไอ้สัส” ภูมันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา มันโดนหนักเลยนะเนี๊ยะ เห็นทีผมคงต้องจัดการอะไรบางอย่างซะแล้ว

“ผมก็มีผีตามรังควานเหมือนกันนะพี่เพียว” ไอ้ไวมันโพลงออกมาแล้วหันไปจ้องไอ้เขื่อนตาเขียว

“ผีที่ไหนบอกพี่มาหนูเดี๋ยวพี่จัดการมันเอง” ไอ้ไวกรอกกตาบนใส่

“ก็พี่นั่นแหละ ไอ้ผีทะเล เอามืออกจากเอวผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไอ้ไวครับมันตะโกนใส่หน้าไอ้เขื่อน ไอ้คุณปีนั่งส่งสายตาดุๆ ไปให้ลูกน้องตัวเองนิดๆ แบบว่ามึงทำอะไรคนของกู

“อะไรพี่กลัวหนูตกลงไปต่างหากละ” แหม่ไอ้หน้าด้าน อยากจะด่ามันแบบออกเสียงแต่เกรงใจความหล่อของมัน ผมเลยให้ไวสลับที่นั่งกับไอ้ภูพวกมันเลยเงียบได้สักที หันมาหาไอ้คุณชาย นั่งเหมือนคนอิ่มจัดแต่ตาก็จ้องไอ้เขื่อนอยู่

“อิ่มแล้ว เหรอ นี่ยังมีของหวานอีกนะ” ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืน

“อะไรวะ” เป็นไอ้ภูที่หูตั้งหางกระดิกก่อนใครเพื่อน

“น้ำแข็งไส”

“*0*” ของชอบมันละอะไรเย็นๆ เนี้ย เดินเข้าทางหลังบ้านด้วยความขี้เกียจเลยแอบใช่พลังตัวเองนิดหน่อยผมดีดนิ้วดังเป๊าะ ถาดน้ำแข็งไสก็มาอยู่ในมือผม แล้วเดินออกมาแล้วเอาไปตั้งไว้กลางวง พวกนั้นเคลียพื้นที่ไว้ให้ เครื่องไม่มรไรมากขนมปังหั่นเต๋ากับเฉ่าก๊วย แล้วก็ทับทิมกรอบแล้วก็พวกผลไม้เบอร์รี่ มีน้ำแดงกับนมเปรี้ยวรสรวมเบอร์รี่ แล้วก็นมข้นหวาน ต่างคนต่างตักของตัวเองชอบ อย่างเมามัน ผมเองก็ตักทับทิมกรอบกับผลไม้ใส่ถ้วยตักน้ำแข็งแล้วราดด้วยนมเปรี้ยว คึคึคึ ร้อนๆ แบบนี้ได้ถ้วยนี้ไป สดชื่นเลย

“ของกูละ” อ่าวหันไปหาต้นเสียงทีนั่งทำหน้าเหี้ยมใส่ อ่าวนี่ยังไม่ได้กินกับเขาเหรอ

“ตักสิ” ผมยื่นถ้วยเปล่าให้ เขาตีคิ้วมุ่นใส่ให้อีก อะไรวะ

“ตักสิ เอาผลไม้กับนมเปรี้ยว” สั่งแบบนี้คือตักแดกเองไม่ได้ โอเค ผมตักตามที่เขาสั่งแล้วยื่นให้

“ขอบใจ” ยังพอมีมารยาทที่จะพูดขอบคุณผมออกมา เขาตักน้ำแข็งไสกินอย่างช้าๆ เรียกว่าระเลียดคงจะเหมาะกว่า

“พี่ปีครับ” ไวหันมาเรียก ปีเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“ว่าไงครับ ยาหลังอาหารพี่เอามารึเปล่าครับ”

“อ่า พี่ลืมเลย”

“งั้นไวไปเอาให้ อยู่ในห้องใช่ไหม”

“ครับ ขอบใจนะ” ทำไมผมรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างสองคนนี้ มันต้องมีเงี่ยนงำ เอ๊ยเงื่อนงำแน่ๆ ดูสายตาเอ็นดูของไอ้คุณปีที่มองน้องพม่าของผมสิ มันแปลกๆ นะว่าไหม ไอ้ไววิ่งออกไปแล้ววิ่งกลับมาพร้อมกับยาในมือ มันแกะยาออกมาให้คุณปีของมันแล้วส่งให้อีกคนเอาไปกิน ร่างสูงตบยาเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำเข้าไป ผมมองเขาทุกการกระทำ เวลาเขาเงยหน้าดื่มน้ำ ช่วงคอเขาทั้งขาวและยาวมาก เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปซุกไซร้ เห้ยไม่ใช่ เห็นแล้วอิจฉาเว้ย ผมไม่ได้หื่นขนาดนั้น พอเขากินยาเสร็จก็หันไปหาไอ้เขื่อนถามเรื่องงานนิดหน่อย เขาเป็นคนพูดน้อยเนอะเท่าที่สังเกต นับคำได้ ถ้าคุยแบบปรกตินะ ไม่นับรวมเวลาด่านะ อันนั้นเร็วจนนับคำไม่ทัน

“จะกลับได้ยัง” เสียงเข้มๆ หันมาถามผม หืม ถามกูเหรอจะให้กูกลับไปไหน

“คือ? ”

“กูจะกลับได้รึยัง” อ๋ออ แล้วก็พูดไม่เคลีย

“ง่วงแล้วเหรอ พึ่งจะ สามทุ่ม”

“อืม”

“เดี๋ยวไปส่งงั้น เออ พวกมึงกูไปส่งพี่ปีก่อนนะพี่เขาง่วง” พวกมันส่งสายตาล้อๆ มาให้ ล้อทำห่าอะไรกูยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย รอกูได้ตังก่อนกุจะซื้อบ้านซื้อรถให้พวกมึงทุกคนเลยคอยดู

“พี่ง่วงแล้วเหรอ ไวว่าจะปรึกษาอะไรพี่หน่อย” ไอ้ไวครับมันเดินมาช่วยผมพยุงไอ้คุณปีแล้วกระซิบกัน ผมแอบเอาหูเข้าไปฟังใกล้ๆ คือไม่ได้เสือกนะ แค่อยากรู้

“ไว้พรุ่งนี้นะ วันนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่” เขาหันมาจิกตาใส่ผม เหมือนผมไปเสือกเรื่องของเขากับไอ้ไว ผมมองค้อนคืน ก็บอกว่าไม่ได้เสือกไง วู้ว

“มีอะไรปรึกษาพี่ก็ได้นะน้องพม่า” เสียงหยอกๆ ของไอ้เขื่อนลอยมาเลยครับ ไอ้นี่ก็เสือกหูดีอีก

“พม่า พ่อง!!!! ” มันไม่ได้ด่าออกเสียงนะครับ ฮ่าๆๆๆ สะใจ เล่นเอาไอ้เขื่อนเหวอรอบสอง ผมว่า เด็กพม่าผมก็แสบใช่เล่นนะ เดินพยุงคนตัวโตกว่าออกมาจากที่ตรงนั้นเปิดประตูบ้านพาเขาเข้าไป นี่ก็ว่าจะพาไปอาบน้ำตัดขน เดินไปจนถึงบันได

“กูว่ามึง” โดนสายตาดุปานหมาบ้าหันมามองนี่รีบเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน “เอ่อ ผมว่า พี่ปีเอาที่นอนมานอนข้างล่างดีกว่าปะวะ ขึ้นลงลำบาก” ผมเสนอตามที่ผมคิดเพราะถ้าขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ต้องมีคอหักตายเข้าสักวัน แล้วไอ้เฝือกที่นี่ก็อีกสีวันกว่าจะถอดได้

“อืม” เขาตอบสั้นเหมือนเคย ผมเลยอาสาเอาพวกที่นอนหมอนมุ้งลงมาปุที่ห้องรับแขก โดยใช้พื้นที่หน้าทีวี เอาพวกโต๊ะกับโซฟาไปหลบด้านข้างแล้วปูที่นอนให้ ไอ้คุณปีเขาทำแค่นั่งมองจากมุมหนึ่งของบ้านเท่านั้น ทำเสร็จพาไปอาบน้ำ ต่อจากนี้ไปผมจะมาดูแลเขาทุกวัน หึหึๆ เพื่อเงินร้อยล้าน ผมทำได้ทุกอย่าง นี่ถือเป็นภารกิจแรกที่จะพิชิตใจเจ้าชายเย็นชา

สู้โว้ยยยยย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
(http://www.mx7.com/i/285/IeVwaD.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A6jZyqnUmkZUvZRO)


(http://www.mx7.com/i/0a5/A8v4Dq.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A6jZE62OTDhkB5D3)





(http://www.mx7.com/i/053/XcQGsm.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A5DPaYA2prxIxGYs)

อ่านแล้วช่วยเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 7 16/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 16-09-2017 05:09:51
อสุราล่ารัก ตอนที่ 7



           หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากมื้อเย็นมื้อนั้นพวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างยุ่งจนไม่มีเวลาไปมาหาสู่กัน อย่างที่เคย ผมเองก็ยุ่งอยู่กับร้านจนเวลาพักแทบจะไม่มี เรื่องรับสมัคพนักงานเพิ่มก็ยังไม่เห็นแววว่าใครจะมาสมัค นี่ก็รอจนหลังแข็งไปหมดละยังไม่โผล่มาสักคน หรือต้องเอาไปลงประกาศในเพจ อืม ผมมว่าน่าจะได้พนักงานเร็วขึ้น ตอนนี้พึ่งจะสิบโมงกว่าๆ ผมยังเตรียมของไม่เสร็จเลย ไอ้ไวก็ไม่รู้เป็นอะไรหน้าซีดๆ เหมือนคนนอนน้อย ผมเลยบอกให้มันจัดโต๊ะเสร็จก็เข้าไปนอนพักสองชั่วโมง เช้าๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ เที่ยงแล้วค่อยออกมาช่วย พอมันจัดโต๊ะให้เรียบร้อยก็ไล่มันเข้าไปนอนในบ้าน มันก็ดื้อจะไม่ยอมผมเลยขู่จะตัดเงินเดือนมัน ถึงได้ยอมเข้าไปนอน ผมกลัวว่ามันจะน็อกเอา ดูท่าทางแล้วมันก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย อ่อแล้วอีกอย่างไอ้คุณปีพ่อคนดีของน้องไว เขาถอดเฝือกแล้วนะเมื่อวาน เดินซะคล่องเชียว

“พี่อยู่ได้แน่นะ”

“เออ มึงเข้าไปนอนเหอะเที่ยงๆ กูจะไปปลุก” มันพยักแล้วเดินเข้าบ้านไป ผมเดินไปเช็ดกระจกหน้าให้ใสแจ๋วจนมองเห็นหน้าพ่อค้าหล่อๆ อย่างผมได้ชัดเจน เช็ดไปเช็ดมาก็สบตาเข้ากับใครบางคน ดวงตาสีชาสวยๆ เหมาะกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขา ผมอยากจะยิ้มต้อนรับเขานะถ้าเขาจะยิ้มให้ผมบ้าง ไม่ใช่เวลาเจอหน้าผมชอบทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออกทุกที

“เอาก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง เส้นบะหมี่ไม่เอาปลาหมึกกรอบ” ห๊ะสั่งมาเป็นชุด งงสิครับ วันนี้มาแปลกทุกทีไม่เห็นอยากจะมาเหยียบที่ร้านผม แล้ววันนี้นึกยังไงออกมากินก๋วยเตี๋ยวร้านที่ผมได้ ยืนมองหน้าเขาแบบงงๆ ได้สักพักก็เจอเสียง ดุๆ ตอกใส่หน้าว่า “ก๋วยเตี๋ยว เมื่อไหร่จะได้หรือต้องให้กูไปทำแดกเอง” พอตั้งสติได้ก็เดินไปทำให้เขา เสิร์ฟให้ถึงที่พร้อมกับน้ำจับเลี้ยงที่ต้มเองเมื่อเช้าหอมชื่นใจอร่อยอย่าบอกใครอันนี้ให้ฟรีไม่คิดตัง พอวางชามที่ใส่เครื่องให้เป็นพิเศษ ก็นั่งทำหน้าปั้นยิ้มใส่เขา เอาให้หวานจนมดขึ้น จ้องอยู่นาน จนเขาวางตะเกียบที่กำลังคีบเส้นอยู่ลง

“หน้ากูเหมือนพ่อมึงรึไง” ทำเป็นเสียงเข้มใส่ ไม่กลัวหรอก หน้ามึงไม่ได้เหมือนพ่อกูหรอกแต่หน้าแบบมึงอะผัวกูในอนาคต ....-*- นี่กูคิดอะไรออกไป สติลูกสติ ไม่เอา คิดใหม่เลย อะอึ่มๆ หน้ามึงเหมือน ถังเงินของกูไง ร้อยล้านเลยนะเว้ยเห้ยยยต้องพูดจาดีๆ กับคุณเขา ไม่งั้นเงินร้อยล้านผมชวดแน่ๆ แถมยังจะต้องเสียเงินให้เขาอีก ไม่เอาหรอก

“วันนี้นึกยังถึงได้มากินก๋วยเตี๋ยวร้านผม” ไม่พูดออกไปหรอกไอ้ที่คิดอะ มันแสลงปาก แสลงหู

“ของในตู้เย็นหมด เห็นว่าของที่นี่พอแดกได้ก็เลยมา” เขาตอบนิ่งๆ แล้วคีบเลือดหมูกินดูท่าจะถูกใจเขาอยู่นะกินไม่บ่นออกมาสักคำ

“อ่อ นึกว่าคิดถึงใครในร้าน” หยอดเขาหน่อยเผื่อเขาจะหวั่นไหวรักผมขึ้นมา แต่คำตอบที่ได้เล่นเอาผมใจสั่นไม่น้อยเลย

“ก็มี” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แล้วยิ้มนิดๆ แหนะๆ แสดงว่าเริ่มมีใจให้กันแล้วอะดิมุมปากนี่กระตุกยิ้มขึ้นมาทันที

“ใครหรอ” ทำตาวิ้งๆ ใส่หวังโปรยเสน่ห์เต็มที่

“น้องไว” คำตอบเล่นเอาสะอึก -*- ขยับไปนั่งข้างๆ เขาเอามือเท้าคางไว้ข้างอีกข้างจับที่ไหล่เขา

“แน่ใจเหรอว่าคิดถึงแค่ไวคนเดียว”

“เสียงมึงตอแหลมาก ออกไปห่างๆ อย่ามากวนดิจะกินข้าว” ตอบแล้วก็ใช้มือผลักหัวผมออกจนแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ดีที่จับโต๊ะเอาไว้ทันอยากจะยกขาถีบเขาสักที่แต่ก็ไม่กล้ากลัวเขาตาย ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา อยากจะสาปก็กลัวบาปตืดตัว โอ๊ยหงุดหงิดแท้

“ทำไมต้องทำรุนแรงกับเค้าด้วยล่ะ ฮื้ออ” ผมไม่ยอมแพ้กับความรุนแรงของเขา ผมทำหน้าอ้อนๆ พุดจาหวานๆ ใส่ เหอะๆ กระดากปากตัวเองมากเลยตอนนี้ ไม่คิดว่าผมจะลงทุนทำขนาดนี้ อายเลยนะเนี้ยะ ที่ยังยิ้มหวานใส่คนตรงหน้าได้นี่หน้าด้านล้วนๆ เลยครัช ไอ้คุณปีเขาส่งสายตานิ่งๆ มาให้

“กู-จะ-แดก-ข้าว” เน้นย้ำมาที่ละคำจนน่าขนลุก ถอยก้าวหนึ่งก็ได้วะ ยอมถอยออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังยืนอ่อยเขาอยู่เหมือนเดิม

“อร่อยไหม” แอบหวังนิดๆ ว่าเขาจะเอ่ยปากชม แต่ก็นะ ไอ้คุณปีเป็นยังไงก็เป็นไอ้คุณปีวันยังค่ำ ไม่มีหรอกคำพูดที่ดีๆ

“ดีกว่าแดกน้ำล้างจานหน่อย” ไม่ได้ผิดหวังกับคำตอบมันเลยสักนิด -*-มันออกจะอร่อยทำไมพูดจาพล่อยๆ แบบนี้นะ ตบซะทีดีไหมเนียะ

“แสดงว่าเคยแดก เอ้ยกินแล้วสิ” ตอกกลับเขาไปด้วยรอยยิ้ม ที่ดูก็รู้ว่าตอแหล ฮ่าๆ

“เสือก” แหนะด่ากูอีกละ ผมกลอกตาบนใส่อย่างเบื่อหน่ายกับคำพูดของเขา ไม่ยุ่งด้วยแล้วดีกว่า เดินเลี่ยงออกมาทำงานของตัวเอง เช็ดนู่นเช็ดนี่ให้มันสะอาด เดินเติมเครื่องปรุง จัดโต๊ะ ให้เข้าที่

“ไวไปไหน” ไอ้คุณปีมันถามหลังจากที่มองผมทำงานได้สักพัก

“มันไม่ค่อยสบาย เลยให้มันไปพัก” ผมตอบในระหว่างนั้นก็มีลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เข้ามาในร้านผมรีบเดินไปต้อนรับแล้วจดเมนูทันที

“โฟทะเลโป๊ะแตกพิเศษหกชาม เส้นใหญ่หมดนะครับ อีกคนเอาเส้นหมี่ขาวหมูนะครับ” จดออเดอร์ที่ได้ก็รีบเอาน้ำจับเลี้ยงไปเสิร์ฟ ทำคนเดียวมันจะวุ่นๆ หน่อย เอาน้ำให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เตรียมทำเย็นตาโฟทำทีเดียวหกชาม รอไม่นานผมก็ต้องยกไปเสิร์ฟ ไปทีละสองชามครับเยอะกว่านั้นคว่ำใส่หัวลูกค้าแน่ เดินไปเสิร์ฟได้แค่ สองชามลูกค้าก็เข้ามาอีก สั่งอีกสองชาม ผมต้องรีบเร่งมือเพราะกลัวลูกค้ารอนาน จะเดินไปยกที่เหลือมาเสิร์ฟ แต่คนตัวสูงที่พึ่งนั่งด่าผมเมื่อกี้ ลุกขึ้นยกชามที่เหลือไปเสิร์ฟให้หน้าตาเฉย ดูจะเก้กังหน่อยแต่ก็พอได้อยู่ เขาพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อพับ ดูดีชะมัด อิจฉารู้ไว้ซะด้วย

“ยืนทำไม เข้าไปทำก๋วยเตี๋ยวสิ ลูกค้าจะรอนาน” สั่ง แถมทำหน้าดุใส่ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นญาติกับหมาพิตบลูรึไงก็ไม่รู้ กัดเก่งจัง

“คร๊าบบบๆ คุณพ่อ” ประชดตามกำลังศรัทธา แล้ว เดินเข้าไปทำก๋วยเตี๋ยวตามออเดอร์ที่เขาสั่งไว้ อีกคนก็ยกไปเสิร์ฟให้โดยที่ไม่บนสักคำ เห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

“ยิ้มอะไร” -*-

“เปล่า แค่คิดว่าพี่ปีในลุคนี้ก็ดูน่ารักดี” หยอดครับหยอด หยอดบ่อยๆ สักวันมันก็ต้องกร่อนบ้างละวะ ผมยิ้มหวานส่งให้ ไอ้คุณปีเขาทำท่าขนลุกใส่ เออ กูยักษ์นะไม่ใช่แมลงสาบถึงจะได้ทำท่าขยะแขยงใส่ขนาดนั้น หมดอารมณ์จะเต๊าะต่อเลยดูสิ

“พี่ครับ ขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งครับ” เสียงลูกค้าตะโกนออกมาผมรีบไปหยิบน้ำที่อยู่ในตู้เย็น จนสะดุดขาเก้าอี้

หมับ!!!

“นอกจากจะโง่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก” นี่ท่าจะช่วยกันแล้วมาด่าทีหลังแบบนี้ปล่อยให้หน้าหล่อๆ ของกูกระแทกพื้นไปเหอะ เจ็บน้อยกว่าที่มึงด่ากูว่าโง่อีก ไอ้คุณปีมันเอาแขนช้อนตัวผมไว้ไม่ให้หน้าทิ่มครับ อยากจะขอบคุณแต่ไม่ดีกว่า

“ปล่อยสินะเอาไปให้น้องเค้า” ค้างอยู่ท่านั้น เขาเองก็ไม่ได้ปล่อยมือจากเอวผมทั้งๆ ที่ผมก็ยืนได้แล้ว หันไปมองเขาแล้วมองไปที่มือที่กอดอยู่

“อะ..เออ ก็ไปสิ” เขาปล่อยมือแล้วยกขึ้นเกาที่หู หูแดงๆ ดูน่ารักดี ผมได้แต่อมยิ้มนิดๆ ใช้สายตาชำเลืองมองเขา ดูก็รู้ว่าเขินผมเหมือนกัน

“.....”

“งั้นกูกลับก่อนละกัน นี่ตังค่าก๋วยเตี๋ยว” ควักเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ผม

“ไม่ต้องหรอกให้กินฟรี ตอบแทนที่ช่วยดูลูกค้าให้” ผมบอกกลับไป ไอ้คุณปียักไหล่นิดๆ เหมือนไม่ได้หนักหนาอะไรแล้วก็เก็บเงินเข้ากระเป๋า

“ความจริงจะมากินฟรีทุกวันเลยก็ได้นะ ไม่ว่าหรอก”

“กู ไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยว” ตอบกลับมาสั้นๆ ห้วนๆ แบบนี้ทุกที จะตอบให้มันยาวๆ กว่านี้ไม่ได้รึไงวะ

“แล้วมากินทำไม”

“-*- โง่แล้วความจำสั้นอีกเนอะ ก็บอกไปแล้วว่ากับข้าวที่บ้านไม่มี” เออจริงมันบอกแล้วนี่หว่า แต่กูไม่ได้โง่นะเว้ยกูอายุมากแล้วมันต้องหลงลืมเป็นธรรมดาดิวะ ไม่อยากจะเถียงเดี๋ยวจะโดนด่าอีกเลยโบกมือไล่เขาให้กลับบ้านไปเถอะ พอไอ้คุณปีมันออกพ้นประตูร้าน บรรดาสาวๆ ก็ออกอาการทันทีครับ

“พี่คะๆ พี่คนเมื่อกี้เป็นใครเหรอคะ แล้วพี่เขามีแฟนรึยัง คนอะไรหล่อหมดจดทุกตารางนิ้ว” แหม่ชะนีน้อยคนหล่อกว่ามันยืนหัวโด่อยู่นี่ไม่ชมกันบ้างเดี๋ยวก็คิดค่าอาหารคูณสองสะเลยนี่ มาทำตาวิบวับใส่ผัวในอนาคตผมของผมได้ ไม่ใช่ละ ผมหมายถึงถังเงินถังทองของผม ไอ้ร้อยล้าน ผมไม่สามารถปั้นหน้ายักษ์ใส่ลูกค้าได้ครับแต่หมั่นไส้นิดๆ ที่มีคนชมแต่มันไม่ชมผมบ้าง

“อ่อ เขาชื่อปีมงคล ครับ อยู่บ้านข้างๆ พี่เองครับ”

“แล้วพี่ปีเค้ามีแฟนรึยังอะคะ”

“อ่อ มันมีเมียแล้วครับ อย่าสนใจมันเลย แต่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าน้องนี่โสดสนิทนะครับ” บอกน้องชะนีเขาไปเผื่อเขาจะสนใจยกหัวใจมาให้ดูแล

“แหะๆ พอดีว่าพี่ไม่เป๊คหนูอะ หนูชอบหล่อเข้มๆ แบบพี่เขา” ตอบกลับมาหน้านี่แทบหงาย แหม่ชอบหล่อแบบเข้มๆ เข้มตรงไหนขาวเหมือนผีจูออนขนาดนั้น

“มันเข้มตรงไหนครับน้อง ต้องแบบพี่นี่สิ หล่ออินเตอร์”

“หน้าเขาเข้มไงพี่ ดูเงียบๆ น่าค้นหาดี เห้อเสียดายจังมีเมียซะละ” คึคึคึ ดีมากครับน้องชะนีตัดใจไปเลย เพราะมันเป็นของพี่ ไอ้เข้มที่น้องบอกอะ ฮ่า ขำในใจซะดังลั่น สกัดดาวร่วงลงสะใจดี ในเมื่อผมไม่ได้มันก็ไม่มีสิทได้เหมือนกัน

12.00น.

ไอ้ไวตื่นมาช่วยหน้าร้าน หน้าตามันดูดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเยอะ แต่ก็ยังดูซีดๆ อยู่เหมือนกันจะถามว่ามันไปทำอะไรมาก็ลืมเพราะลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นจนไม่มีเวลาที่จะคุยกัน เหนื่อยแต่คุ้มค่า พอหมดลูกค้าก็เตรียมเก็บร้านจะได้พักไวๆ ผมรอจนเก็บของทุกอย่างเสร็จ รอเย็นๆ จะออกไปตลาด ซื้อของมาทำกับข้าวกิน วันนี้อยากกินผัดเผ็ดปลาดุก ไอ้ไวเห็นมันบ่นๆ ว่าอยากินหมูทอด เลยกะจะไปตลาดซื้อของสดมาทำกินกัน



....................................

“ไวมึงเอาของพวกนี้ไปเก็บที่รถก่อนนะ แล้วไปเจอกันที่ร้านน้ำปั่นนะ” ผมยื่นกุญแจรถยนต์ส่งให้มัน เพราะของที่ซื้อเริ่มเยอะกลัวมันจะถือไม่ไหว เรามาถึงตลาดตอนห้าโมงกว่าๆ มาตลาดนัดทีไรเงินในกระเป๋าผมบรรลัยทุกที คือเห็นอะไรก็อยากซื้ออยากกินไปหมด

“ครับลูกพี่” รับเอากุญแจแล้ววิ่งหายไปพร้อมของสด ผมเดินไปที่ร้านน้ำปั่นเจ้าประจำร้านนี้ปั่นได้ถูกใจผมสุดแล้ว พอมาถึงก็สั่งเผื่ไอ้ไวมันด้วยขานั้นชอบกินน้ำแครอทผสมมะเขือเทศ ผมชอบกินน้ำกล้วยหอมสดใส่แอปเปิล สั่งไปอย่างละแก้วแล้วยืนรอเด็กพม่ามันกลับมา

“พี่สั่งให้ผมรึยัง” มาถึงก็ถาม ดูท่าจะหิวน้ำ

“สั่งแล้ว” ผมตอบกลับแล้วหันไปมองของอย่างอื่นตลาดนี่เป็นตลาดนัดเปิดท้ายขนาดใหญ่ครับมีของเยอะแยะมากมายทั้งของกินของใช้ อาหารผักสด มีหมด พอได้น้ำก็เดินดูของไปเรื่อยอันไหนน่าสนใจก็แวะ อย่างเช่นร้านนี้ ร้านขายเสื้อผ้าครับ ร้านเจ้าประจำของผมกับไอ้ไว

“อ่าวน้องเพียว น้องไว มาๆ วันนี้มีแบบใหม่มา” พี่บีมคนขายหน้าตาดี มีกล้ามเป็นมัดๆ กวักมือเรียกผมเข้าไป ผมกับไวไม่ได้อิดออด เดินตรงดิ่งไปดูเสื้อผ้าทันที เหอๆ เสียทรัพย์อีกแล้วสินะกูได้แต่ถอนหายใจนิดๆ แต่อย่างว่าละนะ มีเงินก็ต้องใช้เดี๋ยวปลวกมันจะขึ้นเอา เลือกมาได้สองตัว ไอ้ไวได้มาสองตัวเหมือนกันแต่คนละแบบผมควักเงินจ่าย ไอไวก็ด้วยแต่ผมห้ามไว้เพราะผมอยากซื้อให้มัน

“ไม่ต้องกูจ่ายเอง เก็บเงินไว้ส่งไปบ้านมึงเหอะ ลำบากไม่ใช่เหรอ” มันยิ้มอ่อนๆ มาให้แล้วขอบคุณผม มันเป็นเด็กดีผมรู้ อะไรที่พอช่วยได้ผมก็จะช่วย

ซื้อของเสร็จก็เดินดูอย่างอื่นต่อ ได้มาอีกสองสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีของไอ้คุณปีด้วย กลับมาถึงบ้านก็หกดมงจะทุ่มหนึ่งแล้วพึ่งลงมือทำกับข้าวดีนะหุงข้าวไว้ก่อนออกไปตลาด ผมรีบทำมื้อเย็นเพราะเริ่มจะหิวมีไวมาเป็นลูกมือช่วยอีกแรง ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จ วันนี้ได้หนังใหม่มาดูสองสามเรื่อง กะว่าจะนั่งกินหน้าทีวีดูหนังไปด้วย เมื่ออาหารพร้อมผมกับไวก็ไปอาบน้ำแล้วมานั่งกินข้าวด้วยกัน อร่อยครับมื้อนี้มีแต่ของชอบ ลงมาก็เห็นไวมันตักข้าวใส่จานไว้ให้ผมเดินไปเปิดเครื่องเล่นซีดี เอาหนังที่ซื้อมา สามแผ่นร้อย ใส่เครื่องเล่น กดเล่นแล้วมานั่งกินข้าว อเวนเจอร์ภาก1 ก็เริ่มฉาย





25.30น.

ดูหนังเพลิน เลยเวลานอนมาสักพักแล้ว กำลังจะต่อเรื่องที่สามหันไปมองนาฬิกาแล้วก็ถอนหายใจทำไมเวลาแบบนี้มันถึงได้น้อยนัก รีบเก็บของและเศษซากขนมที่ซื้อมาจากตลาด เก็บล้างแล้วพากันเข้านอน เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปตลาด หนักแน่พรุ่งนี้ เดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เข้าไปอาบน้ำอีกรอบ แล้วคลานขึ้นที่นอน ต้องรีบนอนเดี๋ยวจะตื่นไม่ทัน





ทุกๆ วันมันวนลูปไปแบบนี้ตลอดช่วงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา มีบ้างที่คุณชายปีเขาแวะมาที่ร้าน แต่ไม่ได้แวะมากินนะแวะเอาขนมมาให้น้องไวเขาแล้วก็กัดผมเป็นงานอดิเรก ชอบจริงเวลาเขาพูดจาจิกกัดใส่ เพราะผมจะได้มีโอกาสได้คุยกับเขา หยอกเขาบ้างเพราะผมไม่มีเวลาเลย เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก็เห็นไวมันกวาดบ้านอยู่ ทักทายมันนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าครัว วันนี้วันอาทิตย์ ไม่ได้เปิดร้าน เลยตื่นสายหน่อย ตอนนี้แปดโมงกว่าๆ เข้ามาในครัวค้นตู้เย็นหาของมาทำอาหารเช้า มีไข่ มีกุ้ง กับผักอีกหลายอย่าง เมนูวันนี้คงเป็น ไข่ตุ๋นกุ้ง กับผัดผัก ทำเสร็จก็เรียกไวมันมากินข้าว เห็นมันยืนคุยกับพี่ชายสุดที่รักของมันอยู่ข้างรั้วเดินเข้าไปหาพวกนั้นช้าๆ ตาก็มองไอ้คุณปีไปด้วย มันรู้ว่าผมกำลังมองไปที่มัน รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่มุมปากของเขาดูแล้วน่าหมั่นไส้ เดินไปจนถึงรั้วสะกิดไอ้เด็กพม่ามันเบาๆ ใบหน้าใสๆ ของมันหันมายิ้มฟันขาวใส่

“ว่าไงพี่”

“กูมาตามไปกินข้าว มึงนี่เป็นลูกจ้างภาษาอะไรวะให้นายจ้างอย่างกุมาตามไปกินข้าวเนี้ยห๊ะ” ผลักหัวมันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“เหรอพี่ ถ้าอย่างนั้นผมชวนพี่ปีมากินด้วยได้ไหม นะ” แหม่เข้าทางผมเลยทีนี้ ยืนกอดอกไว้ท่านิดๆ ก่อนจะเอ่ยปาก

“ก็มาสิไม่ได้ว่าอะไร” พูดจบก็เดินหันหลังเข้าบ้านทันที ที่รีบเดินไม่ใช่อะไรครับนึกขึ้นได้ว่าลืมหุงข้าว ฮ่าๆ เข้ามาในครัวก็รีบเลยครับเอาข้าวซาวน้ำแล้วตั้งหม้อ เปิดตู้เย็นหาวุ้นเส้นกับเต้าหู้หลอดมาทำต้มจืดเพิ่มอีกอย่าง สักพวกเขาก็เดินเข้ามาในบ้าน

“รอแป๊บนะมึง กูลืมหุงข้าว” แอบเดินไปกระซิบข้างๆ หูลูกน้องตัวเอง ไอไวมันขำครับแต่ไม่ดัง

“เดี่ยวผมถ่วงเวลาให้” ดีมาก ผมรีบเดินกลับเข้าไปในครัวทำทุกอย่างให้เสร็จ

สิบหน้านาทีผ่านไป

“เสร็จแล้ว” กวักมือเรียกไวที่กำลังคุยกับคุณชายอย่างออกรสออกชาติให้มาช่วยยก แต่ไอ้คนที่ไม่ได้เรียกมันกลับลุกขึ้นยืนและเดินมาด้วย

“พี่ปีจะช่วยเหรอครับ”

“อืม ไปสิไว พี่หิว” ผมยืนอึ้งนิดๆ ไม่คิดว่าเขาจะมาช่วย หรืออะไร แต่แบบเห้ย มาอย่างเหนือ เหนือความคาดหมายของผมมากมายทีเดียว มองเขายกจานกับข้าวออกไปตั้งที่โต๊ะกินข้าว ผมเองก็ยกหม้อข้าวออกไป กำลังร้อนๆ เลย เดินกลับมาหยิบน้ำแดงเฮลบลูบอยที่ผสมแช่เย็นเอาไว้ออกจากตู้เย็นมาสองขวดแก้วอีกสามใบ กำลังจะตักข้าวเข้าปากจู่ๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขัดเสียก่อน ไอไวมันอาสาไปดูให้

“พี่ แย่แล้ว ป้าอรมาหา” ฉิบหายหายละครับป้าอรแกยิ่งจุ้นจ้านขี้เสือกอยู่ด้วย แล้วนี่แกกลับจากไปทัวว์บ้านเกิดที่เชียงใหม่แล้วเหรอวะผมรีบวางช้อนลง แล้วหันไปมองใบหน้านิ่งๆ ของไอ้คุณปี เห็นมันแอบถอนหายใจแบบเบื่อหน่ายมากออกมา

“เดี๋ยวกูไปรับหน้าเอง พวกมึงกินก่อนเลยก็ได้” ครับบอกแบบนั้นแล้วเดินออกไปหายัยป้ามหาภัยที่ห่างหายไปจากชีวิตผมได้เกือบสองอาทิตย์ ตอนนี้แกกลับมาแล้วครับ จะกลับมาทำม้ายยยยย เดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตอแหลขั้นสุด เห็นป้าอรแกยืนชะเง้อคอยาวมองมาข้างใน พอผมเดินออกมาแกก็รีบกวักมือเรียกให้ไปหา

“พี่ซื้อของมาฝาก ของดังเจ้าอร่อยเลยนะ” แกชูถุงน้ำพริกหนุ่มกระปุกละยี่สิบบาทที่มาพร้อมกับถุงแคปหมูให้ดู ยังไม่ทันจะยื่นมือไปรับ

“ทานข้าวกันอยู่เหรอพอดีเลย พี่เองก็ยังไม่ได้ทานข้าว ขอฝากท้องด้วยคนสิ” ไม่ต้องตอบมันหรอกครับเพราแกเล่นเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้ามาเลย แหม่แล้วจะขอกูเพื่อ เดินตามหลังแกไปครับ พอคนด้านในเห็นว่าผมไม่ได้มาแค่คนเดียวก็ทำหน้าอึ้งๆ ไอ้ไวมันอ้าปากถามไร้เสียงว่าผมปล่อยให้ยัยป้านี่เข้ามาได้ยังไง ตอบกลับไปว่ากุไม่ได้เชิญเว้ย แกมาเอง

“อ้าวน้องปี วันนี้มาทานข้าวบ้านนี้เหรอคะ แหมบังเอิญจังเลยนะคะ สงสัยจะเป็นพรหมลิขิต” แกส่งสายตาหวานๆ พร้อมกับพูดจีบปากจีบคอใส่ไอ้คุณปีที่นั่งอยู่เงียบๆ ก่อนที่ป้าแกจะหย่อน ไม่สิเรียกว่าล้มใส่ไอ้ปีดีกว่า ป้าแกนั่งเก้าอี้ที่ผมนั่งครับ ซึ่งมันติดกับเก้าอี้ของไอ้คุณปีเขา ไอ้คุณปีพอเห็นว่ายัยป้ามานั่งข้างก็ทำหน้าแบบว่าอึไม่ออกขึ้นมา เป็นไงละมึงแอบขำมันนะครับแต่ก็สงสาร

“เอ่อครับ” ตอบกลับสั้นๆ แล้วกินข้าวต่อ

“นี่หนูไปเอาถ้วยกับจานมาให้พี่หน่อยสิจ้ะเอามาใส่น้ำพริกหนุ่ม” อ่าวอีป้าไหนว่าจะเอามาฝากกูวะ ไอไวมันรีบเดินเข้าไปหยิบชามมาให้ ป้าแกจัดแจงเทน้ำพริกใส่ถ้วยแกะแคบหมูใส่จานเรียบร้อยก่อนจะนั่งกินข้าวของผมอย่างหน้าตาเฉย แล้วเจ้าของอย่างกุจะต้องอยู่ส่วนไหนของอาหารมื้อนี้เหรอครับมึงครับ ไอไวมันมองอย่างอึ้งๆ ไอ้คุณปีก็ไม่แพ้กันครับ ถึงกับวางช้อนเลยทีเดียวเชียว

“อ้าวน้องเพียวนั่งสิคะไม่ต้องเกรงใจ น้ำพริกเจ้านี้อร่อยมากพี่คอนเฟริมมม” มียกนิ้วโป้งใส่กุอีกเออ เชิญคุณมึงตามสบายเลยครับ ผมยิ้มให้ป้าแกนิดๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ไอ้ไว ที่มันเดินไปหยิบจานใบใหม่แล้วตักข้าวให้ผม

“เป็นไงละพี่ อึ้งเลยดิ” มันกระซิบ

“เออ แมร่งเกิดมาไม่เคยเจอคนอะไรมึนได้ใจ” กระซิบตอบกลับมันไป พร้อมกับตักข้าวกิน

“น้องเพียงทำกับข้าวอร่อยดีนะคะ สงสัยแบบนี่พี่คงต้องมาฝากท้องบ่อยๆ แล้ว”

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ค่อยทำหรอกครับนานๆ ที”

“อะไรกันถ่อมตัวจริง ขนาดเย็นตาโฟยังอร่อยขนาดนั้นจริงไหมคะน้องปี” คุยกับผมแต่วกกลับไปหาไอ้คุณปีมันแบบเนียนๆ ที่บอกว่าอร่อยก็เพราะได้แดกฟรีไงครับ แหมทำมาเป็นพูดดด โด่ววววว นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านแก่ๆ นะ ไม่อย่างนั้นโดนเตะออกนอกบ้านไปนานแล้ว โถ่ ....รู้ไว้ว่าเจ้าของบ้านเป็นยักษ์ ดุมาก ผมมองป้าอรแกตักกับข้าวใส่จานตัวเองแล้วแทบอยากจะร้องไห้ ตักทีพวกผมนี่แทบจะไม่ได้กิน ไม่ได้มีความเกรงใจกันสักนิด

พออิ่มแกก็สะบัดตูดหนีเลยครับ อ้างว่าต้องไปร้านตัดผมนัดช่างไหว ห่าราก อยากแดกของฟรีก็บอก เลยกินไม่อิ่มกันทั้งสามคนครับ ผมเดินไปค้นตู้เหลือไข่อยู่สามฟองพอดีชั่งใจว่าจะผัดข้าวหรอทำไข่ดาวดี

“ไวมึงจะกินไข่ดาวหรือข้าวผัดดีวะ แมร่งไม่อิ่มเลยห่าเอ้ย” บ่นใส่ลูกน้องตัวเองไปด้วย ไอ้ไวมันหันไปถามพี่ชายสุดที่รักของมัน

“พี่ปีกินไรดีอะ”

“ข้าวผัด ได้เยอะดี” ถูกของมันนะได้เยอะอิ่มด้วย ผมเดินไปค้นตู้ดีนะยังมีผักคะน้าอยู่สองสามต้นกับผักชี พอถูๆ ไถๆ ได้ ลงมือผัดข้าวที่เหลือครึ่งหม้อ ได้มาสามจานใหญ่ ผมทำพริกน้ำปล้าบีบมะนาวใส่ด้วยอร่อยกว่ากับข้าวเมื่อกี้อีกนะ กินจนเรอออกมาเบาๆ แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันเสือกได้ยิน มันหันมาจิกใส่รู้เลยว่าแอบด่าผมในใจสายตามันฟ้อง

“น่าเกลียดวะพี่” พี่มันด่าในใจแต่ไอ้นี่ด่าออกมาซึ่งๆ หน้า ไม่ได้เกรงใจความเป็นเจ้านายของกุเลยสักนิด ไอ้ลูกจ้าง!!!

“อะไร กูเรอเสียงเบาจะตาย”

“โห่ กล้าพูดผมนั่งอยู่ยังได้ยินเบาตรงไหน”

“เบาสำหรับกู กินเสร็จก็เก็บล้างเลยนะมึง” ขี้หน้าคาดโทษมันที่บังอาจมาว่าผม

“พี่ช่วยนะไว”

“ไม่ต้องพี่นะ มานี่กับผมเลย” ลากเขาออกมาหน้าบ้านครับ กินเสร็จก็เรียกใช้แรงงานเลยครับเอาให้คุ้มค่าข้าวที่ทำให้กิน

“อะไรของมึง” ทำหน้าไม่พอใจใส่ผมอีกกละ

“ผมอยากปลูกผักลอยฟ้าแบบบ้านพี่อะ”

“แล้ว”

“ช่วยทำหน่อย”

“เรื่องอะไรอยากแดกก็ทำเองดิ” แหม่ปฏิเสธเสียงแข้งเดี๋ยวๆ

“งั้นคายข้าวที่กินออกมาให้หมด”

“จะบ้ารึไง ไอ้เพียว” แวดใส่ผมเหมือนผมเป็นแมลงสาบเลย

“เอ้ากินแล้วก็ต้องตอบแทนกันมั่งดิ” มันกลอกตาบนใส่ผมครับ ฮ่าๆ

“วันหลังอย่าริอาจมาชวนกูแดกอีกนะมึง” คุณปีเขากัดฟันพูดใส่ครับ แหม่ไม่ธรรมดามีส่งสายตาอาฆาตมาให้ด้วย หลังจากอาฆาตผมแล้วคุณปีเขาก็สั่งให้เอาขวดเปล่าที่ไม่ใช้แล้วกับเชือกมาครับ พร้อมกับสาธิตให้ดูว่าต้องทำยังไงบ้างดูไปก็เหมือนจะง่ายนะครับ ผมลองทำเองตามที่เขาสอน เรามานั่งทำกันที่ศาลาไม้ครับ ขวดน้ำอัดลมที่ไวมันเก็บไว้ขายผมเอาออกมาล้างคว่ำไว้ เอาออกมาตัดตามที่เขาสอน

“เจาะรูให้กว้างหน่อย”

“....”

“ช้าๆ ค่อยๆ คัตเตอร์มันคม”

“รู้แล้วน่า” นี่ก็ไซโคไม่หยุดมือกูสั่นไปหมดแล้วเนี้ยะ

พรึบ ฉึก!!!

“อ่าว” ร้องอ่าวออกมาเพราะออกแรงมากไปมีดมันเลยแฉลบโดนนิ้วตัวเองลึกพอควร เลือดพุ่งเลยครับ

ปรี๊ดดดดดดดดด -*-

“อ่าวเหี้ยไรละ เอามือมานี่ แมร่งซุ่มซ่าม โง่ฉิบหายเลยมึงเนี้ยะ” ด่าได้เจ็บครับ เขากระชากมือผมแล้วบีบไว้แน่นก่อนจะลากผมไปที่ก๊อกน้ำข้างรั้ว เปิดน้ำล้างแผลให้ คำพูดกับการกระทำมันช่างตรงกันข้ามกันมาก ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมาย สักพักแผลมันก็จะสมานของมันเอง แต่ไอ้คนข้างๆ ผมนี่สิดูจะตกใจเอามากๆ ล้างน้ำเสร้จก็ลากผมเข้าบ้านเรียกหากล่องปฐมพยาบาลทันที ไอ้ไวมันเห็นว่าผมเลือดออกก็ตีลีตาเหลือกหากล่องพยาบาลเยครับ อยากจะบอกมันเหมือนกันว่าไม่มีหรอกไอ้ของแบบนั้น เพราะผมรักษาตัวเองได้ ของแบบนั้นเลยไม่จำเป็นสักนิด

“พี่ เอาของพวกนั้นไปเก็บไว้ไหน ผมหาไม่เจอ” มันวิ่งมาหาหน้าตาตื่น

“ไม่มีเหรอสงสัยกุเก็บทิ้งไปแล้วมั้ง” ทำหน้าเนียนๆ ตอบกลับไป

“มึงบ้ารึเปล่าเนี้ยะของจำเป็นมึงเก็บทิ้งเนี้ยะนะ ไวไปบ้านพี่ เอากล่องยาหลังตู้เย็นมาไป” พอได้ยินมันก็รีบวิ่งออกไปเลยครับ

“ใครจะไปรู้ว่าจะบาดเจ็บละ” ทำหน้ายู่ใส่เขาเพราะแรงบีบที่นิ้ว

“ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอก เขาถึงได้ให้เราเตรียมพร้อมไว้ไง โตป่านนี้แล้วทำไมถึงคิดไม่ได้” ไอ้คุณปีเขาพูดเสียงนิ่งๆ นุ่มๆ แต่ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที อยากจะอธิบายคันปากจะตายแล้วครับแต่บอกไม่ได้ ไม่นานไวมันก็วิ่งกลับมาพร้อมอุปกรณ์และยาทำแผล ร่างสูงเริ่มทำแผลให้ผมอย่างเบามือ เรานั่งติดกันโดยที่เขาจับมือผมเอาไว้แน่น เวลาเขาทำแผลให้สีหน้าที่เขาแสดงออกมาดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงผมจริงๆ มันดูอ่อนโยน เวลาเอาแอลกอฮอล์ราดรอบๆ แผลเขาทำหน้าหยีเหมือนจะแสบแทนผม ไอ้ไวด้วย

“ซี๊ดดด พี่ไม่แสบเหรอ ผมแค่มองก็แสบแทนแล้ว” เออวะลืมเลยว่าต้องแสบแผล

“สะ แสบดิ อะ โอ้ยย” ร้องออกมาทันทีครับ

“มึงรู้สึกช้าไปไหมไอ้เพียว กูใส่ยาแดงแล้วมึงจะมาร้องเอาอะไรป่านนี้”

“แฮะๆ” หัวเราะแก้เขิลสิครับงานนี้


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
continue next time ...ชอบไหม มันจะเรื่อยๆนะไม่หวือหวาอะไรมากมาย


หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 7 16/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-09-2017 08:17:09
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 7 16/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 09:05:11
ไว ไม่ใช่คนพม่าใช่มั้ย
แต่ที่มาสมัครงานร้านเพียว
ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ
แถมทำไมรู้จักมักคุ้นกับคุณปี  :katai1: :katai1: :katai1:
เหมือนจะดีขึ้นนิ้ดนึง หรือเท่าเดิมระหว่างคุณปีกับเพียว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 7 16/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2017 15:22:34
ยังไม่เห็นแววที่เขาจะรักกันเลยค้า
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter 8 22/9/60 อัพยักษ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 22-09-2017 08:47:41
อสุรา ล่ารัก ตอน ที่ 8 การปรากฎตัวของพรายน้ำ



เช้าวันจันทร์ที่สดใส วันนี้เปิดร้านสายครับ กว่าจะตั้งร้านเสร็จก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมง พักเหนื่อยได้ไม่ถึงสิบนาที ลูกค้าก็เข้า ทำงานวนไปจนถึงเวลาปิดร้าน จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในร้าน ถามเราว่ารับสมัคแม่ครัวไหม ผมรีบตอบรับทันทีว่ารับ พาเขาเดินเข้านั่งในร้านรอผมสัมภาษณ์งาน ดูพี่แกตื่นๆ เลยยกน้ำเก๊กฮวยมาให้แกดื่มจะได้ใจเย็นลง พี่แกเล่าว่าเมื่อก่อนแกทำงานโรงงานพอท้องเริ่มทำงานไม่ไหวเขาเลยจ้างออกมาอยู่บ้านญาติใกล้ๆ กับหมู่บ้านผม แกมีลูกเล็ก ดูๆ แล้วหน่วยก้านก็ใช้ได้ แกทำกับข้าวเป็นก๋วยเตี๋ยวก็พอได้ ผมเลยรับเข้าทำงาน พี่แกดีใจมาบอกว่าตกงานมาหลายเดือนแล้ว เงินที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอลงทุกวัน จนจะไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน แค่ฟังก็สงสารครับ แต่เหตุผลเหนือสิ่งอื่นใดที่ผมรับเธอคนนี้เข้าทำงาน เธอเป็นหลานของเพื่อนผมเมื่อ ห้าสิบปีก่อน เพื่อนรักที่ตายจากผมไปทีละคนๆ

“พี่แก้วเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้เลยนะครับ เริ่มงานแปดโมงเช้าถึงสามโมงเย็น ค่าแรง สามร้อยห้าสิบบาทต่อวัน หยุดทุกวันอาทติย์และตามราชการนะครับ”

“ขอบคุณนะน้องเพียว” พี่แก้วยิ้มดีใจที่ได้งานทำ

“ไม่เป็นไรครับถือว่าช่วยๆ กัน”

ส่งพี่แก้วเสร็จก็เดินเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นไวมันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ก็ไม่ได้ทักอะไรมัน เดินออกบ้านตรงไปยังบ้านอีกหลัง ไม่เจอหน้ามาสองวันละคิดถึง เดินไปเปิดประตูรั้วบ้านเขาโดยที่เขายังไม่อนุญาตนี่ว่าเสียมารยาทมากพอแล้ว นี่เล่นเดินเข้าไปด้านในประดุจตัวเองเป็นเจ้าของบ้านแบบนี้หวังว่าคงไม่โดนไล่เหมือนอย่างที่เป็นมาหรอกนะ

“พี่ปี พี่ปี อยู่ไหม โหล..ไปไหนของเขาวะ” ตะโกนเรียกจนคอแทบแตกก็ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน ผมเลยเดินไปดูที่หลังบ้าน เห็นเขานอนอยู่บนเปลหวายสานใต้ต้นไม้ ดวงตาปิดสนิท แอบมาหลับอยู่ตรงนี้นี่เอง ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปหา กะว่าจะทำให้เขาตกใจเล่น ใกล้เข้า ใกล้อีกนิด จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา คนอะไรดูดีแม้กระทั่งตอนหลับ ดูขนตาดิ ยาวจนน่าอิจฉา ปากก็อมชมพูสวย แต่ไม่น่าเลี้ยงหมาไว้ในปากเลย ผมทำหน้าล้อเลียนเขาเวลาด่าผม แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ยกมือทำท่าตบหัวเขาด้วยความหมั่นไส้

หมับ พรึบ!!!!

“ทำอะไรของมึงไอ้เพียว” ถูกจ้องด้วยดวงตาดุๆ แล้วรู้สึกขนลุกอยู่บนอกเขา เพราะพี่ปีดึงตัวผมให้ล้มทับลงไปใกล้ชิดที่เห็นแม้กระทั่งรูหุมขน จ้องหน้าพี่มันนิดๆ แล้วตอบแบบเสียงตอแหล

“ปล๊าวว นี่” เอ้อออ จะเสียงสูงทำไม๊ไอ้เพียว ยิ้มสู้พี่มันหน้าด้านๆ นี่แหละครับ

“ตอแหล เห็นตากุหลับแต่กูไม่ได้หลับนะไอ้เพียว” พี่มันว่า.. แล้วเสือกไม่ตื่นตั้งแต่กูเรียกละวะ กวนตีนนี่หว่า

“แสดงว่าแกล้งไม่ได้ยินที่ผมเรียกอะดิ” พี่มันพรุลมหายใจออกมาหนักๆ

“มึงน่าจะรู้นะว่าคนเขาไม่ขานตอบแสดงว่าเขาไม่อยากจะเสวนาด้วย”

“อ่าวนี่พี่ไม่อยากคุยกับผม เหรอ” ใจแป้วไปนิดที่โดนเขาตอบกลับมาน่านิ่งๆ แบบนี้ อุตส่าห์อาบน้ำหอมๆ มาหา

“เออ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”

“นี่พี่หลอกด่าผมรึเปล่าเนี้ยะ ไม่รู้แหละ อุตส่าห์มาหาไม่อยากคุยด้วยก็จะคุย หน้าด้านพอ”

“เห้อออ นี่มึงไม่เข้าใจที่กุพูดเหรอ ว่าไม่อยากคุย กูจะพักผ่อน”

“ก็พักไปสิ เอาหูไว้ฟังผมก็พอ”

“-*- จิ๊ไอ้นี่” พี่มันตั้งท่าจะถีบผม แต่ขอโทษกูไวกว่า ผมรีบเด้งตัวออกจากเปลแล้วนั่งลงตรงพื้นไม้ขัดเงาข้างๆ เขาด้านหลังเป็นบ่อปลามีน้ำตกด้วยสวยดี

“ก็แค่จะมาถามว่าวันนี้จะกินอะไร เออ ผมได้แม่ครัวแล้วนะ ทีนี้ผมก็จะได้มีเวลาจีบพี่แบบนอนสต๊อปสักที” พี่ปีมันเริกคิ้วสูงแล้วหันมาหาผม

“เหอะ นี่มึงเอาจริงเหรอเรื่องที่พนันกัน”

“เอาจริงดิ ร้อยล้านเลยนะ”

“ถ้ามึงแพ้มึงมีปัญญาจ่ายกุเหรอถามจริง” แหม่ทำมาเป็นดูถูกเดี๋ยวๆ เอาสมุดบัญชีมาฟาดหน้าซะเลยนี่

“มีละกัน แล้วพี่คิดเหรอว่าผมจะแพ้” พูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะจูบเขาอยู่แล้ว

“.....”

“ครั้งนั้นพี่ยังเคลิ้มจนจะเอาผมเป็นเมียอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวบ้างเหรอ” ผมยกยิ้มอย่างมีชัยที่เหนือกว่าเขา

“มึงคิดอย่างนั้น ก็แล้วแต่มึง จะบอกอะไรไว้อย่างนะ ระหว่างความใคร่ กับความรักมันต่างกัน มึงลองแยกออกดีๆ แล้วมึงจะรู้ว่าวันนั้นกูแค่ใคร่” คำตอบของพี่มันเล่นเอาผมหน้าตึงเลยครับ แค่ความใคร่เหรอ เหอะ คอยดูเถอะยักษ์ตนนี้จะเอาความใคร่ของพี่มาเป็นความรักของผมให้ได้ คอยดู!!!

“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอของพี่ปีทำให้ผมรู้สึกหน้าตึงเข้าไปอีก ด่าอีกนิดนี่หน้ากูฉีกแน่ ผมเบะปากใส่อย่างมายอม

“ระวังเถอะจะกลืนน้ำลายตัวเอง”

“มึงเองก็อย่ามาหลงรักกูก็แล้วกัน ออกไปได้แล้วกูจะนอน” พูดเสร็จก็หลับตาหันหลังให้ ไม่สนใจผมอีกเลย คอยดุเหอะ ไอ้เพียวคนนี้จะเอาหัวใจพี่มันบีบให้เละคามือเลยคอยดู แค้น โว้ยยยยย เดินปึงปังออกจากบ้านเขา ดีเย็นชาดีนักข้าวไม่ต้องแดก ไม่ทำให้แล้ว เหอะ โมโห คนบ้าอะไรปากคอเราะร้ายยิ่งกว่านางร้ายในละคร มาถึงบ้านก็เห็นเด็กพม่ามันนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่โซฟา

“ไอ้ไวมึงอ่านออกด้วยเหรอวะ”

“อะ เอ่อ ผมดูแต่ภาพเอาพี่” มันตอบกลับมา สีหน้ามันมีพิรุธแหะ

“เหรอ เออ แล้วป้ายหน้าร้านมึงเขียนเองเหรอ”

“อะ เอ่อ ปะ ป่าวพี่ ผมให้พี่ปีเขียนให้”

“เหรอ กุก็นึกว่ามึงเขียนเอง”

“มีอะไรรึเปล่าพี่” หน้ามันซีดลงไปนิด แววตามันดุสั่นๆ ไอ้นี่มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย

“ก็ไม่มีไร เห็นลายมือมันสวยดี ก้นึกว่ามึงเขียนเอง” จ้องหน้ามันอย่างจับผิด

“อะพี่ ผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้วจะเขียนได้ไง อีกอย่างผมไม่ใช่คนไทยเสียหน่อยจะไปเขียนภาษาไทยได้ยังไงเล่า” เหอๆ รัวลิ้นตอบมาเชียวนะมึง ได้ อย่างให้กูจับได้คาหนังคาเขานะมึง แม่จะถลกหนังตากแห้งเลยคอยดู

“จริงของมึง” ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาอีกตัว

“พี่แล้วเย็นนี้จะกินอะไรอะ”

“ไม่รู้วะมึงอะอยากกินอะไร” ปัญหาระดับชาติอีกแล้วครับเรื่อง จะกินอะไรดี ผมกับมันมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด

“เกี๊ยวน้ำไหม หน้าปากซอย”

“ก็ได้พี่”

“มืดๆ ขี่มอไซออกไปกิน มึงก็อาบน้ำอาบท่าได้แล้ว”

“ครับ”



18.30น.

ขี่มอไซต์ออกมากินบะหมี่เกี๊ยวหน้าปากซอยกับไอ้ไว สั่งพิเศษหมี่สามก้อนคนละชาม เจ้านี้อร่อยครับ กินกันจนอิ่มเรียกคิดเงินกลับบ้านแต่ไอ้ไวมันดันอยากกินบัวลอยอีกร้านหนึ่ง ผมมองไปที่ร้านนั้น เห็นยมทูตสองตนกำลังยืนรออะไรบางอย่าง ทันทีที่เห็นผมรู้เลยว่าในอีกไม่กี่นาทีนี้จะต้องมีคนตายแน่นอน ยมทูตสองตนนั้นก้มหัวทักทายผมเล็กน้อย

“ไม่ต้องกินแล้วกลับบ้านเดี๋ยวกุทำให้กินอร่อยกว่าเยอะ” รั้งมันไว้ก่อนที่มันจะเดินไปซื้อบัวลอย ร้านนั้น

“หุยกว่าจะได้กิน” มันว่าแล้วจะเดินไปที่ร้านนั้นอีก ผมเห็นผู้ชายวัยรุ่นสองคนเดินไปซื้อบัวลอยร้านนั้นตัดหน้าไอ้ไวไปเพียงเสี้ยววินาที เสียงเร่งคันเร่งของรอมอเตอไซดังขึ้น สองคนนั้นสินะที่ยมทูตจะต้องมารับตัวไป ผมไม่สามารถช่วยชีวิตของพวกเขาได้ กรรมใครกรรมมัน ผมไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

ปัง! ปัง!

“ว้ายยยยย ช่วยด้วยๆ มีคนถูกยิง” สิ้นเสียงปืน ทุกอย่างก็ดูวุ่นวายไปหมด ผมรีบดึงไอ้ไวที่กำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าให้ถอยห่างออกมา

“พะ..พี่ มะ มีคนโดนยิง..มีคนตาย พี่” หน้ามันซีด ปากสั่น คงตกใจน่าดู

“เออ รู้แล้วกลับบ้าน มึงจะไปมองทำไม หันมา” จับหัวมันให้หันไปมองทางอื่น ไอ้นี่ก็ดื้อเหลือเกิน

“น่ากลัวฉิบหาย นี่ถ้าพี่ไม่รั้งผมไว้ คนที่โดนยิงอาจจะเป็นผมก็ได้”

“เลิกพูดได้แล้ว” พามันซ้อนรถแล้วขี่กลับบ้าน

มาถึงก็เจอไอ้เขื่อนยืนรออยู่หน้าบ้านมาไงวะทำไมไม่เห็น

“อ่าวมึง ไม่เห็นกูนั่งกินบะหมี่ที่หน้าปากซอยเหรอ” มันส่ายหัว หน้ามันดูเหนื่อยๆ

“เพียวคืนนี้กูค้างนี่นะมึง” ไอ้เขื่อนมันบอกตอนที่เดินเข้ามาในบ้าน ไอ้ไวปิดประตูรั้วอยู่

“ไมวะ แล้วไอ้ภูละ ไม่มาด้วยเหรอ”

“มา เดี๋ยวมันตามมาทีหลัง ไปรับใครไม่รู้มาด้วย” มันตอบเสียงเหนื่อยแล้วนั่งบนโซฟาตัวยาว พอไอ้ไวเดินเข้ามามันก็รีบเก็กแล้วส่งยิ้มหวานเลี่ยนๆ ไปให้ ผมมองตามัน แมร่งโคตรจะแพรวพราว

ป๊าปปปป

“โอ้ย ไอ้เชี้ยะ เพียวตบกูทำไม” มันร้องลั่นแล้วหันมาตวาดใส่ผม

“มองลูกน้องกุแบบนั้นคิดอะไรอยู่” พอได้ยินผมถามไอไวมันชะงักเลยครับแล้วมองไปที่ไอ้เขื่อน

“คิด”

“คิด”

“คิดว่า เมื่อไหร่น้องไวจะรับรักกูสักที”

เกิดอาการที่เรียกว่าเดทแอร์ขึ้นมาระหว่างพวกเรา ไอ้ไวมองไอ้เขื่อนแบบจะกินเลือดจะกินเนื้อตรงข้ามกับอีกคน ส่งสายตาหวานแทบจะกินไวมันไปทั้งตัว ส่วนผมไม่ต้องพูดถึงอึ้งอยู่

“มึงว่าอะไรนะ”

“กูชอบน้องไว ไวรัลครับ”

“อย่าพูดเสียงแบบนั้นกูขนลุก” เสียงมันหวานเลี่ยนจนผมรับไม่ได้ ไอ้ไวนี่สิครับยืนหน้าตึงเป็นหนังหมูลนไฟเลย หูก็แดง แสดงว่ามันกำลังโกรธมากๆ แน่

“น้องไวครับ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยสักคืนสิ” ไม่พูดป่าวไอ้นี่แมร่งลุกตามตูดไอ้ไวที่วิ่งหนีมันทัน

“อ๊ากกก พี่เพียว เอาไอ้ผีทะเลนี่ไปไกลๆ ผมที พี่เขื่อนออกไปนะ นี่มันห้องผม”

“นอนด้วยน้า”

“ไม่เอาเว้ย ไม่ออกใช่ไหม ไม่ออก กูถีบนะ ออกไป๊” เสียงไอ้ไวมันร้องโหยหวนขับไล่ไอ้ปลาไหลอย่างไอ้เขื่อน ร่างสุงใหญ่ยิ้มทะเล้นใส่คนตัวเล็กที่เอาแต่ผลักเขาออกอย่างสนุกสนาน

ไอ้เขื่อนสุดท้ายแล้วก็แพ้ลูกถีบของไอ้ไวครับ เด็กพม่ามันเล่นเอาตีนยันยอดอกไอ้เขื่อนออกมากันเลยทีเดียว พอเห็นว่าเข้าห้องนั้นไม่ได้ก็เดินกลับมาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นสุข

“ยังไงมึง เอาจริงเหรอกับไอ้เด็กนั้น” ถามมันเพื่อความแน่ใจ เพราะไอ้เขื่อนมันไม่เคยสนใจใครมากเท่าไอ้เด็กพม่านี่เลย และปรกติแล้วมันจะเป็นคนที่เงียบๆ ดูโตเป็นผุ้ใหญ่กว่าพวกผมสองคน แต่พอมาเจอไอ้เด็กพม่าคนนี้ มันกลับดูสดใสมุ้งมิ้งแลดูพูดมากกว่าปรกติอีก มันพยักหน้าตอบ

“อืมคนนี้แหละ กูถูกชะตา”

“แต่น้องมันเป็นผู้ชายนะเว้ย”

“แล้วไง เป็นผุ้ชายแล้วมันไม่ดีตรงไหน”

“ไหนมึงว่าอยากจะสร้างครอบครัว”

“ก็นี่ไงจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว” มันตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง ผมเองก็อึ้งกับคำพูดของมัน แล้วผมละเมื่อไหร่ถึงจะคิดเรื่องสร้างครอบครัว อายุก็เยอะแล้วด้วย ยักษ์รุ่นผมส่วนใหญ่แต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้วมั้งมีหลายคู่ที่เลือกคู่ครองเป็นมนุษย์และพวกเขาก็มักจะพบชะตากรรมที่โหดร้ายเสมอ นั่นคือการต้องทนมองคนรักจากไปเสมอๆ ส่วนลูกหลานก็จะได้รับพร นั่นคือชีวิตที่เป็นอมตะไม่เจ็บไม่ตายแบบผม พ่อแม่ผมก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกันพวกท่านเลยไม่ต้องเจ็บปวดกับความตาย นั่นแหละครับความรักมันเลือกไม่ได้หรอกว่าเราจะรัดกับใคร ผมมองเพื่อนผมด้วยแววตาที่เชื่อมั่นว่าคนอย่างมันสามารถสร้างครอบครัวที่ดีได้แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

“กูไม่ห้ามถ้ามึงคิดจริงจัง แต่อย่าทำมันเสียใจนะ ไม่อย่างนั้นกูจะสาปแช่งมึงให้พบเจอแต่คนหลอกลวง กูรักมันเหมือนน้องคนหนึ่ง ไอ้ไวมันเป็นเด็กซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัยกับใคร กูขอ”

“เออรู้แล้วละน่า นี่กุก็จีบน้องมันทุกวันนะ ไม่เห็นมันจะสนใจกูเลย” ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง มันไปจีบกันตอนไหนวะ

“ทุกวัน ทุกวันยังไงวะ”

“ก็ทั้งโทร ทั้งไลน์” แมร่งซุ่มครับนี่ผมไม่รู้เลยนะว่ามันได้เบอร์ลุกน้องผมไปตอนไหน แหม่ไอ้นี่ร้ายจริงๆ

“ร้ายนักนะมึง”

“ถึงร้ายกูก็รักจริงเว้ย อ่า น้องไวจะไปไหนครับ” ไอไวมันออกมาได้ยินพอดีครับ เด็กนั่นพอได้ยินก็หูแดงเดินหนีไปหลังบ้านเลย ไอ้เขื่อนมีเหรอจะปล่อยผ่าน เดินตามไปติดๆ

“เห้ออ จะมีแฟนกันหมดแล้วเหรอวะ ไอ้ภูก็อีกคน ป่านนี้ทำไมยังไม่มาอีก” บนไม่ถึงนาทีมันก็โผล่หัวมาครับ แต่คนที่มันพามาด้วยนี่สิ เห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ธรรมดาแน่นอน กินไอของพลังมันสูงมาก ผมเดินไปเปิดประตูให้มันพร้อมกับมองไปทางด้านหลัง

“มึงพาใครมาด้วยไอ้ภู” ผมถามมันเสียงเข้มแต่ตามองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า คนคนนั้นไม่สิภูติตนนั้นก็มองมาที่ผมเช่นเดียวกัน

“เอ่อ คืออ เพื่อนใหม่กูเอง” มันตอบตะกุกตะกักออกมา

“เหรอ แล้วมาจากไหนละ” ผมไม่ได้ถามเพื่อนผมหรอกถามไอ้คนข้างหลังมัน

“หึหึ ดุใช่เล่นนะครับ” มันไม่ตอบคำถามผมแต่กลับพูดจากวนประสาทผม ตาขวานี่กระตุกยิกๆ เลย

“ถ้าไม่ตอบกุไม่ให้เข้าบ้าน” ผมจ้องเขม็งไปที่มัน หรือที่ไอ้ภูมันบอกว่ามีผีตามรังควานจะเป็นไอ้ผีบ้าตัวนี้วะ

“เพียวมึงอะ”

“ก็ให้มันตอบมาเส้!!! ” เผลอเสียงดังใส่ครับ มันสัญชาตญาณของยักษ์ที่เป็นเหนือกว่าวิญญาณ หรือจะเรียกว่าผู้คุมวิญญาณก็ได้มีหน้าที่กำจัดดวงวิญญาณชั่วร้าย คือมันคล้ายๆ อาชีพเสริมของยักษ์จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ถ้าทำบุญบารมีก็เพิ่ม พลังก็เพิ่มอะไรแบบนี้แต่ ส่วนใหญ่ผมขี้เกียจไง บาปก็ไม่ได้สร้างเพิ่มก็เลยไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่บุญมันก็ย่อมหมดลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ขยันสร้าง ฮ่าๆ

“มึงจะเสียงดังทำไมวะ ไอ้เพียว ให้พวกกูเข้าบ้านก่อนได้ไหมเล่า” ไอ้ภุมันดุใส่ แถมมองผมตาขวางๆ อีก

“กูรู้ แต่ถ้ามันไม่ตอบก็ไม่ต้องเข้า อย่าคิดแม้แต่จะโกหกกูด้วย” ผมไม่รู้ว่ามันมีเจตนาอะไรถึงได้ตามไอ้ภูขนาดนี้ กันไว้ดีกว่าแก้ ช่วงนี้ไอ้ภูดวงกำลังจะตก

“บอกไปมึงจะเชื่อเหรอ”

“บอกมาก่อนเชื่อไม่เชื่อเดี๋ยวว่ากันอีกที” จ้องเขม็งไม่ยอมหรอกถ้ามันคิดร้ายแล้วให้เข้ามาในเขตบ้านได้บรรลัยกันทั้งคนทั้งยักษ์ครับ

“งั้นผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ผมหันไปหาไอ้เขื่อน แตะเอวเพื่อนผมดันให้เข้าไปในบ้านก่อน

“พี่อย่าไปกวนประสาทไอ้เพียวมันนะพี่ ไอ้เพียวมันโมโหร้ายมาก” มีเตือนคนอื่นมึงต้องเตือนตัวเองมากกว่าไอ้ภู

“อืมรู้แล้ว เข้าไปในบ้านก่อนนะครับเดี๋ยวพี่ตามเข้าไป” กูไม่ให้เข้ามึงก็เข้าไม่ได้ไอ้ผีพราย

“เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่านะครับน้องยักษ์” มันแสยะยิ้มร้ายมาให้ แหม่คิดว่าจะกลัวเหรอ

“มายุ่งกับเพื่อนผมทำไม”

“เจ้าสาว”

“-*- “

“เพื่อนคุณคือเจ้าสาวของผม”

“พูดบ้าอะไรของคุณ”

“ภูผา หนีผมไม่พ้นหรอก”

“อย่ายุ่งกับเพื่อนผม” โกรธครับตอนนี้กลัวด้วย ลมแรงพัดไปทั่วทั้งบริเวณจนต้นไม้ไหวเอนอย่างน่ากลัว

“หึหึ คุณก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนคุณอายุสั้น เขาอยู่ได้แค่อายุ25” ความจริงที่ผมลืมมันไปนานแล้วตั้งแต่เจอสองคนนั้น แต่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงชะตาของใครได้ผมจึงเลือกที่จะลืมมัน และดูแลเพื่อนผมคนนี้ตลอดมา

“อึก...”

“ภูผาเป็นของผม และมันจะไม่มีวันที่เขาจะไปจากผมได้” น้ำเสียงเขาน่ากลัวขึ้นมาทันที ตกใจกับหน้าเขียวๆ ของเขาที่สว่างวาบขึ้นมา

“ถ้ามันไม่เจอคุณมันอาจจะอายุยืนมากกว่านี้” ผมบอกแค่นั้นแล้วหันหลังให้เขา เดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกกังวลเพื่อนผมบุญมันน้อย ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ขอแค่ยืดเวลาไปสักนิดก็ยังดี เดินเข้ามาเจอมันนั่งคุยกับเขื่อนอย่างออกรสออกชาติ มีไวร่วมวงด้วยผมมองแล้วรู้สึกมีความสุขนะรอยยิ้มของพวกมันทำให้ผมมีความสุขและผมก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไป ผีพรายตนนั้นเดินเข้ามาในบ้าน และกวาดมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ นี่คงจะมองหายักษ์ตนอื่นๆ ละสิ

“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”

“อืม”

“พ่อ แม่ คนรักละ”

“ตายหมดแล้ว ส่วนคนรักไม่มี” โกหกเรื่องพ่อแม่ไป เพราะผมบอกกับเพื่อนๆ แบบนั้น อยู่ตัวคนเดียว ผมมองเขาอย่างจับผิด คิดจะเก็บข้อมุลรึไง

“หึหึ คงเหงาน่าดู”

“ยุ่ง” ผมตวัดสายตาไม่พอใจไปให้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างๆ ไอ้ภู กอดมันแน่น กลัวความรู้สึกของตัวเองชะมัด แค่มองหน้าคนที่จะพรากเอาเพื่อนผมไปน้ำตามันก็จะไหล เลยซุกหน้าลงที่แผ่นหลังมัน

“เพียวทำอะไรของมึงวะ” ร่างบางหันไปมองคนที่มาด้วย เขากำลังส่งสายตาไม่พอใจมาให้คนที่กอดตนเองอยู่

“อือออ กูคิดถึงมึงอะ”

“ปล่อยก่อน มึงกูอึดอัด มึงรัดแน่นกูหายใจไม่ออก”

“ปล่อย” นำเสียงเย็นๆ ของพรายหนุ่มทำเอาทุกคนชะงัก ไม่เว้นแม้กระทั่งยักษ์ที่กำลังจมกับความคิด





 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ--27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 27-09-2017 07:44:02
(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)



อสุราล่ารัก ตอนที่ 9 ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ



        นับตั้งแต่พวกมันย่างเท้าเข้ามาในบ้าน ผมก็หาความสงบสุขในชีวิตไม่เจอ นี่ยังไม่รวมไอ้มนุษย์หน้านิ่งที่ไอ้ไวมันไปเชิญมาอีก ผมกำลังหาอะไรในครัวให้พวกมันกินกันครับ ค้นๆ ดูมีแต่ผักกับไข่กับหมูอีกนิดหน่อย คงไม่พ้นข้าวผัดอีกนั่นแหละ วุ่นวายในครัวอยู่พักหนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับข้าวผัดกะละมังใหญ่ ผมเอากะละมังสเตนเลสที่ใช้แช่ผักมาใส่ครับง่ายดี แล้วยกจานมาให้พวกมันตักกินเอาเอง ใจดีทำพริกน้ำปลาให้ด้วย ผมหันไปมองพี่ปี เขากลืนน้ำลายลงคอนิดๆ คือหิว อยากกิน แต่ทำเป็นคอตั้งใส่ ผมละเหนื่อยกับความท่าเยอะของเขาจริงๆ เดินไปนั่งข้างๆ แล้วถาม


“หิวเหรอ” เขาทำหน้านิ่งใส่ไม่ตอบ ผมเลยตักข้าวผัดใส่จานให้เขาแล้ววางไว้ตรงหน้า


“ทำอะไร”


“ผมรู้ว่าพี่หิว กินสิยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ” บอกเขาเสียงอ่อนๆ ยอมลงให้เขาสักวัน วันนี้ผมเหนื่อยมาก เขาหันมาสบตากับผม เหมือนจะเขินแล้วก็สงสัยว่าผมรู้ได้ยังไง


“ท้องร้องขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้ว กินสิ” คะยั้นคะยอให้เขากิน จนสุดท้ายก็ยอมตักเข้าปาก ทีนี้ไม่ยอมวางช้อนเลยครับ สงสัยจะหิวมาก ไอ้ไวกับไอ้เขื่อนก็เถียงกันงุ้งงิ้งฟังแล้วปวดหัว ส่วนไอ้ภูมันลากไอ้ผีบ้านั้นไปที่ศาลา ผมแอบออกไปดุนะครับ เห็นมันเอากะละมังใส่น้ำให้ไอ้ผีธารเอาขาจุ่มน้ำไว้ นี่แหละคือข้อจำกัดของพวกผีพรายอยู่บนบกได้ไม่นานแถมอิทฤทธิ์ก็ลดลงด้วย

       เดินกลับมาเลยขอตัวไปอาบน้ำรู้สึกเหนียวตัว แล้วก็ปวดหัวด้วย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งบนที่นอนหยิบเอาสมุดบันทึกออกมาสมุดเล่มนี้บันทึกช่วงชีวิตผมที่ผ่านๆ มาเอาไว้ หยิบออกมาอ่านจนมาสะดุดกับชื่อของคนคนหนึ่งที่ผมเกือบจะลืมเขาไปแล้ว เด็กชายตัวน้อยที่ผมช่วยเขาเอาไว้ ตอนนั้นเด็กนั่นวิ่งเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ผมก็ไปเดินเล่นที่นั่นเหมือนกัน เขาวิ่งเล่นกับลูกหมาตัวหนึ่งผมนั่งมองเขา มันช่างสดใสอะไรแบบนี้ เวลาเขาหัวเราะดูเขามีความสุขมาก ผมเองก็เคยมีช่วงที่มีความสุขแบบนี้เหมือนกัน ก่อนที่ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ทว่าเพียงแค่ผมเห็นแววตาใสซื่อของเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ภาพเขาที่จมอยู่ก้นบึงก็ปรากฏให้เห็นผมรู้ว่ามันเป็นชะตากรรมของเขา ผมตัดสินใจเดินออกมาจากที่แห่งนั้นและพยายามจะไม่สนใจเด็กคนนั้นอีก แต่ขาผมกลับไม่ก้าวไปไหนเลยทำได้เพียงแค่หันหลังให้ และไม่สนใจเสียงโวยวายของใครทั้งนั้น ผมยุ่งไม่ได้แต่ผมก็ไม่อาจจะทนปล่อยให้เด็กคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาได้เหมือนกัน ผมตัดสินใจหันหลังกลับไปและกระโจนลงน้ำพาเขาขึ้นมา ผมช่วยเขาไว้ได้ เด็กนั่นยิ้มให้ผม ทั้งๆ ที่สติก็ยังไม่ครบ ดวงตากลมๆ นั่นจ้องหน้าผมตลอด ผมทำให้เวลาหยุดนิ่งมีแต่ผมกับเด็กคนนี้ที่สามารถขยับตัวและพูดได้

“ขอบคุณนะฮะพี่สาว”


“....”


“ไว้ผมโตขึ้นผมจะแต่งงานกับพี่สาว เพราะพี่ช่วยผมเอาไว้” คำพูดของเด็กสิบขวบทำไมมันถึงทำให้หัวใจผมสั่นได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้ เขาจับมือผมไว้แน่นและเอาแหวนวงหนึ่งที่สวมติดนิ้วเขาแล้วดึงมันออกมามอบให้ผม


“สัญญานะครับว่าจะรอผมโต” ผมไม่ทันตอบตกลงอะไรมันก็สลบไปแล้ว ผมลุกออกมาจากที่ตรงนั้นก่อนที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นปรกติ พ่อแม่เขามาเห็นลูกเขาในสภาพที่นอนนิ่งตัวเปียก ก็พากันส่งโรงพยาบาล ผมมองออกไปจนสุดสายตา


“ท่านไม่น่าเข้ามายุ่ง” เสียงของใครบางคนพูดขึ้น


“หึ คิดจะเอาชีวิตเด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ผีพรายอย่างพวกแกดีแต่ทำบาปทำกรรม”

พรายชั่วตนนั้นหายวับไปทันทีที่ผมเริ่มแผลงฤทธิ์ ใส่ เด็กคนนั้นรอด ผมกำแหวนที่เขาให้ไว้



กลับมาปัจจุบัน

       ในมือผมมีแหวนวงนั้นอยู่ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง ป่านนี้เด็กนั่นคงแต่งานมีลูกไปแล้ว อายุก็คงจะประมาณสามสิบต้นๆ เป็นไงมั่งก็ไม่รู้ ผมเก็บแหวนลงที่เดิมมันอยู่ในกล่องไม้ใบเล็กๆ ที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง เก็บสมุดบันทึกนั่นลงไปด้วย จู่ๆ ความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็เริ่มมีขึ้นมาอีก ผมเกือบลืมสายตากับคำพูดของเขาไปแล้ว ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ ของตัว แล้วคิดอะไรจนเพลิน เพลินจนหลับ

แกรก...

        ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ เขาเดินมาที่เตียงนอนของเจ้าของห้องและจ้องมองคนที่หลับสนิทด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง

“แอบมาหลับอยู่นี่เอง” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจนผมรู้สึกตัวแล้วต่อยๆ ลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลาของพี่ปีมันอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

“อื้ออ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยันตัวขึ้นนั่ง เขาไม่ตอบแต่กลับแตะมือมาที่หน้าผากของผมแล้วแตะมันลงไป

“ตัวมึงร้อน” เขาบอก

“เหรอไม่เห็นรู้เลย” ความจริงผมไม่เคยป่วยเลยนะตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมาความจริงผมไม่ควรจะป่วยอะไรทั้งนั้นแต่ผมคงลืมนึกไปว่าครึ่งหนึ่งของผมคือมนุษย์

“ตอนนี้ก็รู้ซะ ปวดหัวใช่ไหม” ผมพยักหน้าแทนคำตอบใช่ผมกำลังปวดหัว

“งั้นนอนลงไป” ถ้าฟังไม่ผิดเขาสั่งให้ผมนอนลงไปอย่างนั้นเหรอ

“เพื่อนๆ ยังอยู่ข้างล่างอยู่เลย ผมจะไปดูพวกมัน”

“นอนเถอะ ให้พวกนั้นเค้าได้อยู่เป็นคู่ๆ นะดีแล้ว” พี่ปีบอกเสียงดุๆ แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำในมือมีกะละมังใบเล็กที่ผมเอาไว้แช่เท้าออกมาพร้อมกับผ้า ที่ผมเอาไว้เช็ดเท้าอีกเช่นเดียว เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าพี่แกจะเอาผ้านั่นมาเช็ดตัวผม

“พี่จะทำอะไร”

“เช็ดตัวมึงไงตัวร้อนเหมือนไฟ นอนลงดีๆ” มือใหญ่ของเขากดผมลงกับที่นอนแล้วเริ่มเช็ดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา

      -*-ให้ตายเถอะผมไม่ทันได้พูดอะไรสักคำเขาก็เออ ออ เองทุกอย่างแถมเอาผ้าเช็ดมาเช็ดหน้าผมอีก อยากจะกรีดร้องดังๆ ให้หูเขาแตกแต่ก็ทำไม่ได้    มันก็รู้สึกไม่มีแรงเสียอย่างนั้น เหมือนอ่อยเขาแต่เปล่าเลย ไข้มันกินแรงไปจนหมด

“เช็ดข้างในได้ไหม”

“แต่ผมอาบน้ำแล้วนะ ไม่ต้องหรอกมั้ง”

“อืม รอแป๊บเดี๋ยวกุลงไปเอายามาให้” เขาบอกแบบนั้นด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ดูต่างจากที่แล้วมามาก ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ นั่นไปด้วยหัวใจที่สับสน รอได้สักพักเขาก็ขึ้นมาพร้อมกับยาและน้ำ

“ลุกขึ้นมากินยาก่อนแล้วค่อนนอน” ฝ่ามืออุ่นกำลังพยุงผมให้ลุกนั่งแล้วยื่นยากับน้ำให้ พี่ปีนั่งอยู่บนที่นอนโดยที่มือเขาประคองผมเอาไว้ หันไปสบตาสีอ่อนๆ ของเขา

“ขอบคุณครับ”

“นอนเถอะ เดี๋ยวปิดบ้านให้ พวกนั้นคงหาที่นอนเองได้” ผมพยักหน้า ไอ้สองคนนั้นมันมาค้างที่บ้านผมบ่อยสมัยยังเรียนอยู่เลยรุ้หมดว่าอะไรอยู่ที่ไหนผมเลยไม่กังวลสักเท่าไหร่

“พี่ปี...อยู่เป็นเพื่อนเพียวก่อนได้ไหม” จู่ๆ มือผมก็ไปคว้าเอาข้อมือเขาไว้แล้วพูดออกไป ผมไม่ได้อ่อยนะ แต่เวลาไม่สบายมันจะอ่อนแอเป็นพิเศษ พูดจริงไม่ได้โกหก สาบาน

“.....”

“ถ้าพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” พูดเสียงอ่อยๆ แล้วหลับตาลงอย่างคนอ่อนแรง

“กูพูดอะไรรึยัง นอนไป” พูดแบบนี้แสดงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเหรอ พี่เขาเดินไปลากโซฟาตัวยาวหน้าทีวีมาที่ปลายเตียง

“พี่จะกลับบ้านเหรอ”

“อืม เดี๋ยวกุกลับไปอาบน้ำแล้วจะกลับมาใหม่ นอนซะ” เขาสั่งแค่นั้นก็เดินออกไป ผมล้มตัวนอนหลับตามันรู้สึกสบายใจนิดๆ ที่เขาบอกว่าจะกลับมา และเขาก็กลับมาจริงๆ ครับมาในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มพร้อมหมอนกับผ้าห่ม ผมหลับไปแล้วแต่ลืมตาเมื่อตอนเขาเปิดประตูเข้ามา

“พวกนั้นนอนกันหมดแล้ว” เหมือนเขารู้ว่าผมจะถามอะไร

“ปิดไฟเลยนะ”

“ครับ” พอไฟดับทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมขยับนอนตะแคงเพื่อที่จะได้มองเห็นเขาผ่านความมืด ผมได้ยินเสียงลมหายใจที่ชัดเจนของเขา ม่านตาเขายังเปิดกว้างอยู่ เหมือนเรากำลังสบตากันและกัน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ผมรู้แค่ว่าเขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นใจดี และเวลานี้ผมสมควรจะนอนไม่อย่างนั้นไข้ผมคงจะสูงไปมากกว่านี้

++++

(คุณปีพาท)

                         รู้อะไรไหม ว่าเด็กกวนประสาทอย่างไอ้เด็กเพียวมันก็มีส่วนที่น่ารักน่าถีบอยู่เหมือนกันตั้งแต่มันมาหาเมื่อตอนเย็นมาถามว่าจะกินอะไร ตอนนั้นผมง่วงแล้วก็เหนื่อยมากหลังจากกลับมาจากบริษัท ผมต้องจัดการพวกที่เอารัดเอาเปรียบกับบริษัทของผมอย่างจริงจังหลังจากปล่อยพวกเขามานานเกินไป เพราะพวกเขาเป็นญาติของผมญาติที่ผมเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน หลังจากที่พ่อแม่ผมจากไปพวกเขาก็เหมือนแร้งที่พุ่งแต่จะฉีกเนื้อผมออกเป็นชิ้นๆ แน่นอนหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของบริษัทเป็นของผม ทุกๆ อย่าที่พ่อผมสร้างมากำลังจะโดนแร้งพวกนั้นแย่งไป อณาจักรเตชะดำรงกุล ที่ผมพยายามอย่างสุดชีวิตในการรักษามันเอาไว้ ทุกๆ วันเจอแต่ปัญหาทุกวันผมเจแต่คนที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์จากตัวผม ผมไม่มีใคร มีคนให้ปรึกษา ผมมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนแต่ทุกคนล้วนแต่มีหน้าที่ของตัวเอง ผมคงไม่สามารถเอาทุกอย่างไปวางโครมให้เพื่อนผมช่วยได้ทั้งหมด แต่รู้อะไรไหมตั้งแต่ผมได้รู้จักกับไอ้เด็กข้างบ้านแบบจริงๆจังๆมันทำให้ผมหายเครียด ผมต้องมารู้สึกถึงความวุ่นวายในชีวิตที่ทำให้ผมลืมเรื่องร้ายในแต่ละวันไปได้แม้จะช่วงขณะหนึ่งก็ตาม การที่ผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไอ้เด็กเพียวไม่ได้หมายความว่าผมจะเกลียดมันนะครับ ผมแค่รำคาญเสียงมันแค่นั้น แถมตอนที่มันท้าพนันเรื่องความรักสีหน้ามันจริงจังมากแถมวงเงินพนันมันก็สูงเกินไปสำหรับตัวมัน มันแค่เด็กจบใหม่แล้วมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมันจะเอาเงินมากไหนเยอะขนาดนั้น ความคิดเด็กที่พยายามจะเอาชนะ ผมมองมันแล้วนึกถึงตัวเองที่กระหายที่จะชนะจนก้าวพลาดลงหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้และมันก็จะเป็นแบบนั้นเป็นแบบผมเมื่อตอนอายุเท่ามัน

               ที่บอกว่าบางทีมันก็ทำตัวน่ารักน่าถีบคงเป็นเมื่อตอนเย็นที่มันมาหาแล้วถามว่าจะกินอะไรตอนเย็นนั่นแหละผมไม่ได้ตั้งใจจะดึงให้มันล้มมาบนตัวของแต่เชื่อไหมตอนผมสบตากับมันแบบนั้น ได้ยินเสียงหัวใจของมันที่ดังออกมา ผมว่าเงินร้อยล้านอีกไม่นานมันคงอยู่ในมือของผมอย่างแน่นอน

               ตอนเย็นไวรัลมาตามไปที่บ้านพวกเขามีปาตี้กัน พอมาถึงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดมันเป็นการรวมญาติกันมากกว่า ทุกคนมีคู่ของตัวเองทั้งไวรัลที่ดูเหมือนจะโดนนายเขื่อนจีบ ภูผาก็พาใครไม่รู้มาด้วยแต่ไอ้เด็กเพียวนั้นเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่นั่งจ้องเขาเป็นหมาหวงที่เลยทีเดียวมองแล้วก็แอบขำในใจ มันขู่คนที่ชื่อธารนั่นทั้งปากทั้งสายตา ตลกชะมัด จนเพื่อนมันบ่นว่าหิวนั่นแหละถึงได้ละสายตาไป ได้ มันเดินเข้าไปในครัวสักพักก็เดินกลับออกมากับข้าวผัดเป็นกะละมังกลิ่นนี่หอมมาก แต่ว่าตอนนั้นผมปฏิเสธมันไปแถมไล่มันอีก จะให้มานั่งกินก็กระไรอยู่ เลยได้แต่ทำคอแข็งกลืนน้ำลาย

“หิวเหรอ” มันหันมาถาม หิวดิใครบ้างที่เห็นของน่ากินอยู่ตรงหน้าแล้วไม่หิวบ้าง ผมทำหน้านิ่งไม่อยากให้มันรู้เดี๋ยวมันล้อ

“....” พอผมไม่ตอบมันก็ตักเข้าใส่จานมาวางไว้ตรงหน้าผมแล้วส่งสายตาบังคับให้ผมกิน

“ทำอะไร”

“ผมรู้ว่าพี่หิว กินสิยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ” ทั้งน้ำเสียงและสายตามันมันบ่งบอกว่ามันรู้ว่าผมกำลังหิวมันไม่ล้อเลียนผมหรอกแถมยังใช้สายตาอ้อนๆ อีก แต่จะว่าไปสีหน้ามันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เห็นไอ้ไวมันเล่าว่าตอนออกไปกินข้าวหน้าปากซอยเจอคนยิงกันตาย มันคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ บนหน้าผากมีเหงื่อออกเป็นเม็ดๆ ด้วย ผมกินข้าวที่มันเอามาให้อร่อยครับฝีมือดีเลยทีเดียว สักพักมันก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำ ผมก็คุยกับไวรัลแทนผมบอกไม่ได้ว่าไวรัลเกี่ยวอะไรกับผมมันเป็นความลับ ไอ้เด็กเพียวมันขึ้นไปนานมาก ผมเลยเดินแยกกับพวกนั้นขึ้นไปดูมันที่ห้อง

                 เปิดประตูมาก็เจอมันนอนตัวร้อนอยู่เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเลยเช็ดตัวให้มันบังคับมันกินยา ตัวมันร้อนมากเหมือนไฟเลย พอทำทุกอย่างเสร็จก็จะกลับบ้าน แต่เชื่อไหมว่ามันจับมือผมแล้วพูดเสียงอ้อนๆ เสียงอ่อยๆ แววตามัน คำพูดมันทำให้ผมไม่สามารถทิ้งมันไปได้ ใจผมเต้นแรงไม่หยุด ขาแทบจะก้าวไม่ออก เสียงแม่งน่าสงสารมากจะให้ทิ้งมันไว้ก็เหมือนจะใจร้ายเกินไป แต่ว่าผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยกลับมาอาบน้ำก่อนขนหมอนผ้าห่มของตัวเองไปด้วยกลับมามันทำเหมือนจะหลับแต่ก็ลืมตาขึ้นมาดูผม

“ปิดไฟนะ”

“ครับ” เวลาไม่สบายมันว่าง่ายมากๆ ให้ตายสิ พอไฟดับผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเลยล้มตัวนอนที่โซฟาหันหน้าไปหามัน เห็นมันมองผมตาแป๋ว ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ แล้วก็นอนหลับไป

ตกดึก..

“อะ อือออ ฮึก...ทิว...ขอโทษ...นาวาคิดถึง...” อ่าเสียงไอ้เพียวมันละเมอปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา มันนอนกระสับกระส่ายอยู่ในความมืด ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟ เหงื่อมันออกเต็มไปหมดหน้าซีดจนขาว ผมรีบประคองตัวมันไว้ ทำไมตัวร้อนเป็นไฟแบบนี้ละ มองสภาพมันแล้วถ้าไม่รีบทำให้ไข้ลดมีหวังช็อกแน่ๆ รีบเดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวมันให้ ถอดเสื้อนอนของมันออกจนเห็นผิวขาวเนียนของมัน

อึก...ไม่คิดว่าข้างในมันจะดูดีแบบนี้ ผมสูดลมหายใจลึก ไม่คิดว่าการมองรูปร่างของผู้ชายด้วยมันจะสามารถทำให้ใจเราเต้นแรงได้ด้วย ผมเช็ดคอ เช็ดหน้าอกมันลงมาเรื่อยๆ

“อื้ออ นะ หนาว เพียวหนาว แม่ไม่เอา ไม่เช็ด” มันเอามือปัดผ้าออกเหมือนรำคาน

“นิ่งๆ สิ”

“ฮืออออ ก็บอกว่าไม่เอาไง ฮึก” งอแงชิบหาย อยากจะตบหัวมันสักทีจะได้เลิกดินสักทีแต่ทำคนป่วยมันบาปทำไม่ลงหรอกครับ จับแขนมันทั้งสองข้างกดไว้เหนือหัวด้วยมือเดียว แล้วใช้อีกมือเช็ดให้ เหนื่อยมากบอกเลยเพราะขนาดมันหลับมันยังดื้อได้ขนาดนี้

“เป็นผู้ชายทำไมต้องร้องไห้ด้วย” ดุครับกะอีแค่เช็ดน้ำตานี่ไหลออกมาเป็นหยดๆ

“ฮืออออออออออออ จะฟ้องพ่ออออออ”

“-*- ไอ้นี่” หลับหูหลับตาร้อง แถมจะฟ้องพ่ออีก นี่มึงอายุเท่าไหร่แล้ววะห๊ะ ตบแมร่งตกเตียงเลยดีไหม แหม่

“ฮึก...พอแล้วหนาวแล้ว ยักษ์ก็หนาวเป็นนะไม่รู้เหรอ” มันบ่นออะไรงึมงำไม่รู้จับใจความไม่ได้ จับมันลุกนั่ง

แปะๆ

“เห้ยไอ้ขี้แงตื่น..ลืมตาขึ้นมา” ผมตบหน้ามันเบาๆ เพื่อเรียกสติให้ มันพยายามจะปรือตาขึ้นมานะครับแต่ลืมได้นิดเดียวก็หลับต่อ

“อึก...อืออ ปวดหัว”

“กูก็ปวด ไอ้สัส ดูแลยากยิ่งกว่าฮัสกี้ที่บ้านกูอีก” บ่นใส่มันเสียงขุ่น ง่วงก็ง่วงเหนื่อยก็เหนื่อยไม่น่าหลวมตัวหลงเชื่อแววตามันเลยให้ตายสิ วางมันลงที่เดิมแล้วหายาแก้ไข้ที่หยิบติดมือมาด้วยตอนกลับบ้าน แกะออกมาสองเม็ดเดินกลับมาจับกลอกปากมันแล้วกรอกน้ำตาม มันจะบ้วนทิ้งเลยเอามืออุดปากเอาไว้จนมันยอมกลืนลงไป

“แค๊กๆ ...อึก” มันลืมตาขึนมานิดๆ

“พี่ปี” เรียกชื่อผมแล้วนอนหลับไปอีก เออ เรียกกูเพื่อ ผมวางมันลงจัดท่านอนให้มันเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้ากลับไปให้เหมือนเดิมห่มผ้าให้ด้วย กำลังจะลุก แต่โดนมันกอดเอวเอาไว้

“นอนบนนี้นะ” เสียงมันลอดออกจากใต้ผ้าห่ม

“ไม่”

“แต่ผมหนาว”

“ก็ห่มผ้าให้แล้วนี่ไง อย่าเรื่องมาก”

“แค่อยากมีคนกอด”

“-*- เรื่องของมึงเหอะกูจะไปนอนที่โซฟาแกะมือเล็กนั่นออกแล้วเดินใจเต้นเป็นกลองกลับมานอนที่เดิม จับหน้าอกตัวเองไว้กลัวมันจะหลุดออกมาด้านนอก มันนี่อันตรายจริงๆ เลย

“พี่....คร๊อกฟี้”

....นี่แหละมุมน่ารักน่าถีบของมัน...

(จบพาทปีมงคล)



ห้าววววว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน รู้สึกว่าวันนี้ดูจะอุ่นๆ เหมือนนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ เลยอะ

         พอลืมตาขึ้นมาก็เจอเลยครับ หมีตัวใหญ่หน้าตาหล่อๆ ที่นอนกอดผมเอาไว้ ตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทำไมผมถึงมานอนซุกอกเขาอยู่แบบนี้ละ นอนใจเต้นมองหน้าเขาแบบ4ดี ปากเม้มแน่น ไม่กล้าหายใจแรงกลัวเขาตื่น ขยับก็ไม่ได้กลัวมากได้แต่นอนแข็งๆ อยู่แบบนั้น

ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจผมนี่ก็จะเต้นแรงไปไหน โอ้ยยย เพียวเอ้ยจะตายไหมนั่น

“อืออ” แรงกอดกระชับมีมากขึ้น เขาเอามือกดหัวผมให้แนบลงกับอกเขามากกว่าเดิม ทำบ้าอะไรของพี่เขาวะ หายใจไม่ออกโว้ยย โวยวายใส่เขาในใจ อยากจะดิ้นออกจากตรงนี้มากแต่ก็กลัวว่าจะตื่นมาแล้วเห็นว่าผมเขินเขาอยู่

“นอนต่อเถอะ วันนี้หยุดร้านสักวัน” เสียงอ่อนนุ่มกระซิบข้างๆ หูผมเงยหน้าขึ้นมาอง พี่ปีพูดทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

“ตะ...แต่ว่า”

“นอนเถอะเมื่อคืนมึงกวนกูทั้งคืนเลย” กูไปกวนอะไรเมิ้งงงงงง แล้วจู่ๆ มาใช้น้ำเสียงแบบนั้นขนลุกนะเว้ย

“อะ..หายใจไม่ออกปล่อยก่อนได้ไหม” พยายามเปร่งเสียงตัวเองออกไปให้เขาได้รับรู้ว่ากุกำลังจะขาดใจตาย เพราะอ้อมกอดของเมิงไอ้คุณปี ใจกุจะทะลุแล้วเนี้ย ฮรืออออ

“อืม” เขายอมคลายอ้อมกอดออกผมรีบดีดตัวลุกขึ้นทันที พี่แกลืมตาข้ามามองผมนิดๆ ก่อนจะเอามือวาวีดไข้ให้

“ตัวยังร้อนอยู่ มึงยังปวดหัวอยู่รึเปล่า”

“ปวด นิดหน่อย” ตอบกลับไปเบาๆ

“เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยา ลงมานอนก่อนสายๆ ค่อยตื่น กูง่วงมาก” โดนเขาดึงกลับลงไปนอนที่เดิม เออ งง งงกับตัวเองที่ยอมง่ายๆ งงกับเขาที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ....ยอมทำตาที่เขาบอกอย่างง่ายๆ เลยไม่ขัดขืนสักนิด เหมือนสมยอม นี่ถ้าเขาหน้ามืดข่มขืนผม ผมคงยอมเขาแน่ๆ ไอ้เพียวมึงรักษาหน้าคนแมนบ้างดิวะ...ยอมเขาง่ายๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าแรด



    สายๆก็โดนปลุกขึ้นมากินข้าวกินยา แต่คนปลุกไม่ใช่คนที่นอนกอดผมนะครับ เป็นไอ้ภูที่เดินเอาข้าวมาให้กินถึงห้อง สังเกตหน้ามันดูหมองๆ อาจจะเป็นเพราะมันอยู่ใกล้ชิดกับผีละมั้ง

“มึงเป็นยังไงบ้างวะเพียว”

“ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ห่วงตัวมึงเองก่อนดีกว่าไหมภู มึงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อนมึงคนนั้นมันตัวอันตราย” เมื่อได้โอกาสที่อยู่กับมันสองคนผมเลยต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“คะ..คือกู”

“เลิกยุ่งกับมันซะก่อนที่มันจะสายเกินไป มันทำให้มึงมีสภาพแบบนี้ ยิ่งอยู่ใกล้มันมึงจะยิ่งแย่ เชื่อกูนะภู” ผมจับแขนมันแล้วเขย่าเบาๆ ผมห่วงมัน ผมไม่อยากเสียมันไป แค่อยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกสักสองสามปีก็ยังดี ขอแค่ยื้เวลาของมันได้ยากแค่ไหนผมก็จะทำ

“เพียว มึงอย่าพึ่งมาบังคับอะไรกูตอนนี้ได้ไหมวะ กูอึดอัดมึงห่วงกูเข้าใจนะเว้ย แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดไว้ตลอดหรอก กูบอกอะไรกับมึงตอนนี้ไม่ได้ นะกูขอร้องอย่าบีบบังคับกู” สีหน้ามันเครียดจัดผมเองก็เครียดเหมือนกัน มันเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม

“แล้วพี่ธารอะไรของมึงเขาไปไหนแล้วละ”

“กลับ วังน้ำ เอ้ย กลับบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”

“เหรอ หึอยู่บนบกได้ไม่นานจริงๆ ด้วย” ผมพึมพำคนเดียว ไม่อยากให้ภูมันรู้ว่าผมรู้ว่าพี่ธารของมันคือผีพราย

“กูกินข้าวหมดแล้ว ไหนยากูละ” ถามหายามันก็ยื่นมาให้

“เออ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุณปีเขานอนห้องมึงเหรอ”

พรวดดด!!

“แค๊กๆ มึงเอาอะไรมาพูด ไม่มี๊” ใจสั่นเลยครับกลัวเพื่อนล้อว่าเอาผู้ชายมานอนกกที่ห้อง

“เหรอเหมือนเมื่อเช้ากูเห็นเขาเดินออกจากบ้านมึงอะ หรือกูตาฝาด” ใจนี่หล่นลงตาตุ่มเลย กินน้ำจนหมดแก้วแล้วส่งแก้วคืนให้มัน

“อืมตาฝาดกูจะเอาเขามานอนด้วยทำไมกันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“อืมๆ กูก็ว่ากัดกับมึงทุกวันจะมาเป็นแฟนมึงได้ไง แต่ถ้ามึงจะหาผัว เอ๊ย แฟน กูว่าคุณปีเขาก็ดีนะ เขาน่าจะดูแลมึงได้”

“ระ เหรอ มึงคิดงั้นเหรอวะ”

“อืม” มันพยักหน้าแล้วเดินเอาชามกับแก้วน้ำไปเก็บ พร้อมกับชับว่าให้ผมพักผ่อนเยอะๆ วันนี้พวกมันจะอยู่นี่ทั้งวัน เพื่อดูแลผม ไอ้เขื่อนดุจะตกใจไม่น้อยเพราะผมไม่เคยไม่สบายให้มันเห็นเลย ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าไม่สบายคือ ร้อยปีก่อน นานมากกกกก ล้มตัวนอนลงอีกครั้ง นอนคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้ว ก็เขินดีที่เขาตื่นแล้วออกไปก่อนที่ผมจะตื่นไม่อย่างนั้นก็คงไม่รุ้จะทำหน้ายังไง มันเขินอะ เขินจนนอนบิดไปมาบนที่นอน เหมือนหนอนโดนตีน

........



(http://www.mx7.com/i/1b6/aqk8oE.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A8LN7WnJCwjI3TaU)



(http://www.mx7.com/i/2be/aeLDyN.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A8LNhRMPyNMfxm9a)


เค้าขอกำลังใจหน่อยน้าาาาา

ฝากกดไลค์เพจด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/ (https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-09-2017 09:36:01
คุณปี เพียว หวั่นไหวกันทั้งคู่

เด็กที่คุณเพียวช่วยตอนตกน้ำคือคุณปีสินะ
แต่คุณปีคิดว่าเพียวเป็นผู้หญิง
มีให้แหวน โตขึ้นจะแต่งงานด้วย
คุณปีโตขึ้น หน้าตาเปลียนไป ต่างฝ่ายต่างจำกันไม่ได้

ภู หน้าหมองเพราะอยู่กับธารที่เป็นพรายน้ำ
ที่ว่าภู เป็นเจ้าสาวของธาร
ภู จะต้องตายมั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 27-09-2017 10:13:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 27-09-2017 17:11:02
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 27-09-2017 17:37:59
เรื่องน่ารักแปลกใหม่ดีอ่ะ o13 ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-09-2017 18:41:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter /9/--ยักษ์ก็ป่วยเป็นนะ-- 27/9/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 27-09-2017 23:38:18
จะมีดราม่ามั้ยเนี่ย มีแววๆ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up chapter00ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 1/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 01-10-2017 05:18:26
(http://www.mx7.com/i/2ac/elDupt.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A9gRnsD4qIdca2Fk)


อสุรา ล่ารัก intro .00

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก (ภูผาxธาร)


ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง (บลูมูน) คืนนั้น จะเป็นคืนแห่งการล่าเพื่อเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณให้ครบ1000ดวง เพื่อกลับไปสู่วังวลแห่งการเวียนไหว้ตายเกิด

ธาร คือ พรายน้ำหนุ่มที่อายุอนามก็เกือบหนึ่งพันปี เป็นผีรุ่นพี่ ที่มีอิทธิฤทธ์มากมาย เป็นเจ้าแห่งผีพรายปกครองผืนน้ำ แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในทุกๆ วันที่มีคนตายในน่านน้ำของเขา ทุกดวงวิญญาณคือทาสรับใช่เขาจนกว่าจะถึงอายุขัยจริงๆ และเขาก็มีหน้าที่ดูแลควบคุมผีพรายเหล่านั้นไม่ให้กระทำกิจอันเป็นอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ในน้ำเว้นเสียแต่ว่า ผีพรายตนนั้นต้องการตั้งตนเป็นปฏิปักต่อเขา



“นายท่าน นี่ก็ใกล้คืนจันทร์ดวงแล้ว วันนั้นคงวุ่นวายน่าดู เหล่าพรายน้ำก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เกือบเหมือนดวงเข้าไปแล้ว” เสียงของพรายทาสที่ชื่อ กิจบอกกับข้า เอ่ยผม ที่นั่งอ่านเอกสารการตายของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในน่านน้ำ ผมต้องตรวจดูรายชื่อที่มีการตายแบบผิดธรรมชาติ นั่นคือที่ไม่ใช่การจมน้ำแบบธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของผีพรายชั่วร้ายที่ฆ่าเอาวิญญาณมาเป็นบริวารของตนโดยมิชอบ นั่นคือดวงวิญญาณที่ถูกทำพันธสัญญาโดยการบังคับและดวงวิญญาณดวงนั้นจะไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดจนกว่า นายของตนจะสิ้นชีวี นั่นเป็นปาบมหัน

“ข้าต้องออกไปควบคุมพรายพวกนั้นอยู่แล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

“ข้ากลัวไอ้ สีนิลมันจะเล่นไม่ซื่ออีก ยิ่งพักหลังๆ มานี่มันลอบสังหารมนุษย์เป็นว่าเล่น แถมยังบังคับให้ขายวิญญาณอีก มันชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะนายท่าน” พรายกิจบอกกับผมด้วยความกังวล ผมละสายตาจากเอกสารต่างๆ ตรงหน้าแล้วมองกิจด้วยแววตาเรียบนิ่ง

“ข้าจัดการได้ไม่ต้องห่วง เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” อีกอย่างผมต้องไปราดตระเวน ตรงตอม่อสะพานพระรามแปดอีก ตรงนั้นเห็นว่ามีพรายเกิดใหม่ออกอาละวาดเที่ยวหลอกหลอนผู้คนอยู่ พอทำงานเอกสารเสร็จก็ส่งให้กิจนำไปส่งให้ท่ายมทูตมาเรียกเก็บวิญญาณที่หมดอายุขัยอีกที นี่ก็ไม่ได้พักผ่อนมาหลายชั่วยาม ข้าวปลาก็ยังไม่มีใครเอาเซ่นไหว้

“ข้าจะออกลาดตะเวนเจ้าก็เร่งเอาเอกสารไปส่งท่านยมซะ”

“ครับนายท่าน” พอกิจออกไปผมก็ต้องออกไปบ้าง งานลาดตระเวนไม่ค่อยมีอะไรมากแค่คอยปราบปรามพวกพรายตัวร้ายๆ แล้วจับส่งคุกบาดาล รอให้ท่านยมมารับไปลงโทษ ลอยน้ำมาไม่ไกลก็ถึงที่หมาย ตอม่อใต้สะพานพระรามแปด ผมขึ้นจากน้ำแล้วแปลงกายเป็นมนุษย์ทันที นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ ผู้คนก็เดินกันขวักไขว่ไปมา แต่ไม่มีใครสั่งเกตเห็นผมเพราะพรางกายเอาไว้ นั่งรอจนรู้สึกเบื่อ



“เห้ออออ เหนื่อยจังเลยวันนี้” เสียงของใครบางคนที่เดินมานั่งลงข้างๆ ผม สายลมเย็นปะทะใบหน้าหวานๆ ของเขาผมสลวยปลิวไปด้านหลัง แน่นอนเขาไม่เห็นผมว่านั่งอยู่ตรงนี้ ดูๆ ไปหน้าตามนุษย์ผู้นี้ก็น่ารักดีนะ ดูซื่อๆ ดี

“หิวก็หิว กระเป๋าตังก็หาย แบดโทรศัพท์ก็หมด ซวยอะไรแบบนี้ วะ ฮรือออ T^T”

“....”

“แฟนก็ไม่มี หญิงก็ไม่แล ย๊ากกกกกกกกก” ไอ้เด็กบ้านี่จู่ๆ มันก็แหกปากออกมาเสียงดังลั่นเลยครับ ตกใจจนผงะหงาย หัวใจผมนี่หล่นไปที่ตาตุ่มเลย คนแถวนั้นมองมันเหมือนตัวประหลาด ผมเองก็ด้วยเกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ผมยกมือจะไปเขกหัวมันโทษฐานที่ทำให้ผมตกใจ

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ” มันหันมาทางผมแล้วพูดว่าขอโทษด้วยแววตาเศร้าๆ ตกใจสิครับที่จู่ๆ มนุษย์อย่างมันมองเห็นผมได้

“หะ เห็น ผม ด้วยเหรอ”

“ฮ่าๆ พูดอะไรของคุณ ก็ต้องเห็นสิครับ”

“เป็นไปไม่ได้ หรือว่าฤทธิ์ข้าเสื่อม ไม่ได้การละ” ผมต้องลงน้ำแล้วไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ นี่ผมนั่งอยู่บนฝั่งนานเท่าไหร่แล้วเนี้ยะ

“คุณพูดอะไรตลกชะมัด แล้วจะไปไหน จะกลับแล้ว เหรอ คุณนี่ คุณ!!! อย่าคิดสั้น คุณ”

ตู้มมมมม

“ว๊ากกกกกกก คนตกน้ำ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย” เรียกร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้ามนุษย์ วันนี้เห็นทีคงชวดกับผีพรายที่เที่ยวหลอกหลอนคนแถวนี้ซะแล้ว ผมแอบมองเด็กคนนั้นที่ยืนโวยวาย ว่าผมฆ่าตัวตาย จนคนแถวนั้นรีบวิ่งมาดูพร้อมกับแจ้งหน่วยกู้ภัยออกมาช่วยผม เห้อออ มนุษย์หนอมนุษย์ ช่างโง่เขลา และหลอกง่ายจริงๆ



(ภูผา)

ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นเขาโดดลงไปในน้ำ ผมเห็นจริงๆ นะแต่ทำไมไม่มีใครเชื่อผม ฮึก ฮือออออ

“น้องพี่ว่าน้องคงเจอดีเข้าแล้วละ แถวนี้นะเขาโดนกันบ่อย แล้วนี่ลุกไหวไหม” ผมส่ายหน้า

“น้องมีญาติไหมพี่จะโทรตามให้” พยักหน้าตอบพร้อมกับบอกเบอร์ไอ้เขื่อน



“ฮึกกก เขื่อนช่วยกูด้วย กูโดนผีหลอก”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล.เอาอินโทรคู่รอง มาฝากไว้ค่ะ ฝากพี่ธารกับหนูภูผาด้วยนะคะ


(http://www.mx7.com/i/10e/V0BeaW.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A9gRrInfPFQ2k0Rb)



(http://www.mx7.com/i/2c1/A6QDbE.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A9gRpAva8bWHudpC)

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก intro 1/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2017 08:16:13
โถ คุยกันอยู่ดี ๆ ลุกไปกระโดดน้ำเฉย ใครเห็นก็ตกใจไหม ฮา
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก intro 1/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-10-2017 10:59:41
เจอกันครั้งแรกก็ทำเอาตกอกตกใจ มีที่ไหนนั่งคุยกันดีๆ ดันโดดลงน้ำเฉยเลย


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก intro 1/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 01-10-2017 11:15:28
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 08-10-2017 09:05:51
อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 10



นับวันร้าน ยักษ์เย็นตาโฟก็เริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ได้โม้นะ ดูจากยอดกดไลค์เพจกับลูกค้าที่มีมากเสียจนต้องขยายพื้นที่เข้ามาด้านใน ตอนนี้กำลังต่อเติมหลังคาตรงลานปูนก่อนถึงสวนที่เคยใช้เป็นที่จอดรถ เอารีโนเวทใหม่ กะจะทำเหมือนสวนในเทพนิยายอะไรแบบนั้น ส่วนรถก็คงต้องหาที่จอดใหม่ สายตาเหลือบไปมองพื้นที่กว้างๆ ของบ้านข้างๆ

“หึหึหึ” หัวเราะให้กับความฉลาดของตัวเอง ก่อนจะเดินไปสั่งงานช่างอีกนิดหน่อย ว่าต้องทำตรงไหนยังไงบ้าง ช่างนี้ก็ได้จากคนที่บริษัทของพี่ปีเขาแนะนำมาอีกที ทำงานละเอียดมากๆ เดินกลับเข้ามาที่โซนหน้าร้านลูกค้าแน่นร้านไปหมด ตั้งแต่พี่แก้วมาทำงานที่นี่ ผมก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ ตั้งแต่พี่แก้วมาทำงานที่ร้านผมก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ มีเวลาไปอ่อยผู้ชายข้างบ้านเยอะเลย ฮ่าๆ



“พี่ปีอยู่ไหม โหลลลล” ตะโกนเรียกเขาจากประตูรั้ว แดดก็แรงจนหน้าไหม นี่ยังไม่ออกมาเปิดประตูให้เลย ยืนรอนาน จนทนไม่ไหว เอาแบบนี้ละกัน ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร

แวป ....เปิดวาบทันทีเลยครับ เดินทะลุประตูรั้วแมร่งเลย ยังไม่พอทะลุประตูบ้านด้วยเป็นไงละ ข้างในบ้านเงียบสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่ แต่รองเท้าเขายังอยู่หน้าบ้านอยู่เลยนี่ สงสัยจะแอบงีบอยู่ที่สวนหลังบ้าน เดินจากหน้าบ้านทะลุไปด้านหลัง ก็เจอเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ ด้วย พี่ปีนอนหลับอยู่บนเปลในมือมีหนังสือที่เขาอ่านค้างไว้ ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆ เขาและนั่งลงกับพื้นไม้ ใช้เวลาเพียงชั่วครู่แอบมองเขาเวลาหลับ คึคึ พี่ปีนอนหลับน้ำลายไหลยืดออกมาด้วย ตลกอะ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเอาไว้ ทันทีไม่พลาดครับช็อตดีๆ แบบนี้

จึกๆ

“พี่ตื่นเถอะ” เอานิ้วจิ้มใบหน้าหล่อของเขาเบาๆ

“อืมมม”

“พี่..ตื่นนน ไม่ตื่นปล้ำนะ” ได้ผลครับเขาค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาแล้วทำหน้าดุๆ ใส่

“อะไรของมึง”

“กินข้าว”

“กี่โมงแล้ว” เขาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามใส่ผมแทน

“จะเที่ยงแล้วพี่” ตอบแล้วดึงให้เขาลุกจากเปลนอน

“แล้วมึงเข้ามาได้ไง กูจำได้ว่ากุล็อกรั้วเอาไว้” พี่เขาส่งสายตาจับผิดมาให้ ผมได้แต่ยิ้มแห้งแล้วตอบเขาไปว่า

“ปีน เอา”

“แล้วทำไมไม่เรียก ถ้าตกไปแข้งขาหักจะทำยังไง โตแล้วทำไมไม่มีหัวคิด” อ่าว...ด่ากูอีกแล้วครับ แหม่อ่อนให้นิดหน่อยข่มกูเลยนะครับ แต่เอ๊ะ พูดแบบนี้แสดงว่าเป็นห่วงเราแน่ๆ เลย คึคึคึ

“เป็นห่วงผมเหรอ”

“-*- กูกลัวมึงมาตายในบ้านกูแล้วจะเฮี้ยน”

“งะ...ถ้าผมตายผมจะบีบจู๋พี่คนแรกเลยคอดู”

“เค้ามีแต่บีบคอ เสื่อมนะมึงนะ จะไปกินข้าวก็ไป กูไปล้างหน้าแป๊บ” เขาผลักผมให้เดินส่วนตัวเองก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าตามที่บอก มื้อกลางวันผมทำไว้แล้วครับ ไข่น้ำ กับผัดพริกแกงกุ้ง แบ่งเอาไว้ให้ไวกับพี่แก้ว ไว้ชุดหนึ่ง ผมเดินกลับมา ยกอาหารไปไว้ที่ศาลา มื้อนี้เรากินกันแค่สองคน สักพักพี่ปีก็เดินมาครับ หล่อมาแต่ไกลเล่นเอาลูกค้าในร้านร้องกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เกิดเป็นคนหล่อนี่ก็ดีเนอะมีแต่สาวตามกรี๊ด

“ทางนี้พี่ปี” กวักมือเรียกเขา พร้อมกับตักข้าวรอ ร่างสูงเดินมาด้วยสีหน้ายุ่งๆ

“เป็นอะไรพี่ทำไมทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”

“ลูกค้ามึงไง ร้องสะกูคิดว่าโดนโจรปล้น”

“ปากคอเราะร้าย ก็พี่อยากเกิดมาหล่อทำไมละ”

“เรื่องของกู แล้วไวไม่มากินด้วยกันเหรอ”

“ไม่ เรากินกันแค่สองคน”

“อืม”

นั่งกินอย่างเงียบๆ มีแอบชำเลืองตามองเขาด้วย ใบหน้านิ่งๆ ไม่หลุดมาดคุณชายกำลังกินอาหารที่ผมทำ ไม่มีปริปากบ่นหรือชมใดๆ ทั้งสิ้นแล้วจะรู้ไหมว่าไอ้ที่กินนะอร่อยถูกปากรึเปล่า ผมมองหน้าเขาแบบลุ้นๆ แต่เขาก็ยังนิ่ง

“พี่ อร่อยไหมพี่ แหมกินแบบไม่พูดไม่จาเลยนะ” ได้ผลครับเขาเงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะพ่นคำด่าที่ทำเอาผมนี่หน้าชาไปเลย

“ที่บ้านไม่ได้สอนมารยาทบนโต๊ะอาหารเหรอว่า เวลากินข้าวอยู่ในปากเขาห้ามพูด” ผมนี่กลืนข้าวในปากลงคอแทบไม่ทัน คือแบบไม่ได้ตั้งใจจะพูดตอนนั้นนี่หว่า

“ขอโทษครับ” ฝากไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ต้องสงบปากสงบคำไว้ครับ รอเวลาเอาคืน ตอนนี้ต้องอ่อยก่อน แสร้งทำหน้าเศร้าสำนึกผิด จนอีกคนชะงัก แล้วส่ายหัวเป็นเชิงว่าช่างมันเถอะ กินกันจนอิ่มผมก็ยกจานเข้าไปเก็บในครัว เดินกลับมาพี่ปีก็ไม่อยู่แล้ว อะไรวะ กินฟรีแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณกันสักคำ เดินหงุดหงิดเข้าไปช่วยไวในร้าน

“อ่าว..นึกว่ากลับไปแล้ว” พอเดินเข้ามาก็เห็นเขาช่วยไอ้ไวเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวอยู่ เสียงแซว เสียงหยดพี่เขาดังระงมไปทั้งร้าน เขาได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ผมเห็นแล้วก็แอบหวงนิดๆ - -* กล้าดียังไงมาแซะว่าที่สามีผม เหอๆ ว่าที่สามี พูดออกมาได้นะไอ้เพียวไม่อายปากเลยมึง ยืนตบปากตัวเองเบาๆ จนไวมันหันมาเห็น

“แอบด่าพี่ผมอีกละสิ”

“อะไร กูเปล่า ทำงานไป” ผมเอ็ดมันเบาๆ แล้วเดินไปช่วยพี่แก้วด้านใน ลูกค้าเข้ามาไม่ขาด พี่ปีก็ไม่ได้หนีไปไหนยังช่วยผมกับไอ้ไวอยู่ ผมให้พี่แก้วกับไวไปพักทานข้าว เพราะทางนี้มีพี่ปีช่วยอยู่



“แหม พ่อค้าแซบแบบนี้ สงสัยต้องมาอุดหนุนทุกวันแล้วละแก” เสียงน้องผู้หญิงที่มากันสองคนเอ่ยแซวพี่ปีพร้อมกับส่งสายตาเยิ้มๆ ไปให้ หึหึ

“พี่คะ พี่ชื่ออะไรเหรอ มีแฟนรึยังเอ่ย” แหมหยอดเป็นขนมครกเลยนะมึง ผมมองว่าเขาจะตอบลูกค้าว่ายังไง ไอ้พี่ปีหันหน้ามามองผม น้องผู้หญิงสองคนนั้นมองตาม งะ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงอะ มองแล้วยิ้มหวานให้กู คือออ จะบอกน้องเข้าว่ากูคือแฟนไรงี้ เอากูเป็นไม้กันหมาเหรอ หึหึหึ พลาดแล้วนะไอ้พี่ปี.. จะว่านี่ผมก็รู้สึกเขินเหมือนกันนะเนี้ยะ

“แฟนพี่เหรอคะ แหะๆ ขอโทษนะคะพอดีหนูไม่รู้ อิ่มพอดีเลยมึง พี่เก็บตังเลยค่ะ” หันมาพูดกับผมแล้วเพื่อนของตัวเอง วางเงินไว้แล้วรีบพากันออกจากร้าน อะไรของเค้าวะ ยังไม่ได้ตอบเลยคิดเองเออเองซะงั้น เห็นแล้วก็ตลก หันไปหาคนเสน่ห์แรง แอบยืนยิ้มมุมปากอยู่

“ยอมรับผมเป็นแฟนแล้วเหรอ ยังไม่ทันได้ขอเป็นแฟนเลยนะขี้ตู่วะ” บ่นไปงั้นแหละ แต่ก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว

“หึหึ”

“พูดแล้วนะว่าผมเป็นแฟน”

“คำไหนที่กูบอกว่ามึงเป็นแฟนกู กูยังไม่พูดอะไรสักคำ น้องเขาคิดไปเองทั้งนั้น มึงก็ด้วย มโนชิป”

“อ่าวว” หมดค่ำสิเว้า....ยืนอึ้งอยู่สักพักกว่าจะตั้งสติได้ หน้อยยย ไอ้คุณปี หลอกกูนี่หว่า มองค้อนจิกตาใส่อย่างเคืองๆ

“หึหึหึ”

“กวนตีน” ทำปากขมุบขมิบด่าออกไป



15.30น.

ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านแล้ว ผมก็ช่วยพี่แก้วกับไวเก็บร้าน หันไปเห็นคุฯ ชายเขายืนเหงื่อไหล เลยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปหาเขา

“พี่” เรียกให้เขาหันมาหา ตัวพี่ปีสูงกว่าผมอยู่หลายสิบเซ็น เลยต้องให้เขาก้มหน้าลงมา โดยการโน้มคอเขาลงมาแล้วเอาผ้าเช็ดเหงื่อออกให้

“....”

“แอร์ก็เปิดทำไมยังร้อนอยู่อีก” ผมพูดกับเขาเสียงเบาๆ ลืมไปว่าหน้าเขาอยู่ห่างจากหน้าผมแค่คืบ หันมาตาก็จ้องกันแล้ว ผมอมยิ้มนิดๆ เพราะตอนนี้เขาหลุดมาดคุณชายเอาเสียดื้อๆ ใบหน้าขาวๆ ตอนนี้กลับขึ้นสีจนเห็นชัด

“เขินผมเหรอ”

“-///- “

“เริ่มชอบผมแล้วใช่ไหมละ”

“- -*”

“รีบรักผมไวๆ นะ คึคึ”

“อะแฮ่มๆ สองคนนั้นนะทำอะไรเกรงใจเด็กอย่างผมบ้างนะครับ” เสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะ ไอ้คุณชายบ้านี่ก็ผลักผมเสียกระเด็น

“อะ โอ้ย จะผลักผมทำไมเนี่ย” พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปตวาดใส่พี่ปี เขินทีไรกูเจ็บตัวทุกที

“.....”

“มึงอะไว มาไม่ดูจังหวะเลย กุกำลังจีบพี่มึงอยู่เนี่ยะวู้ว” อารมณ์เสีย!!

“ใครจะไปรู้ละ คึคึคึ ว่าแต่จริงเหรอพี่ พี่จะจีบพี่ปีจริงอะ”

“เออ ทำไม มีไร” ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอีกเพราะล้มก้นกระแทก หันไปจิกตามองคนทำผมนิดๆ นี่ไม่คิดจะขอโทษกันเลยว่างั้น

“ก็ไม่มีไร พี่รู้ป่าว พี่ปีนะมีฉายาว่า เจ้าชายน้ำแข็งนะพี่” ขมวดคิ้วนิดๆ กับคำพูดของไอ้เด็กพม่า แหม่รู้ดีจริงๆ นะมึง

“แล้วมึงรู้ได้ไง” ไอ้ไวมันชะงักแล้วยิ้มเก้อๆ มาให้

“ก็ ..ก็ผมเป็นคนตั้งให้เอง ใช่ ผมเป็นคนตั้งให้ เมื่อกี้นี่เลย สดๆ ร้อนๆ” แถจนสีข้างถลอก ผมไม่เชื่อหรอก หึหึ เอาไว้สืบทีหลัง

“เหรออ แล้วมึงรู้ป่าวว่ากูก้มียาเหมือนกัน”

“ฉายาอะไรพี่”

“เพียวไฟบรรลัยกัลป์”

“555555555555555555555555” ทั้งไอ้ไวทั้งพี่ปีระเบิดหัวเราะออกมาลั่นร้าน ทำไมมันน่าขำตรงไหน ยกเท้าทำท่าจะเตะไอ้ไวแต่มันดันหลบทัน เหลือแต่ไอ้มนุษย์ตัวสูงที่ยังหัวเราะไม่หยุด หลุดมาดคุณชายสายแข็งไปเรียบร้อย

แหม่ขำซะกูอายเลย

“ทำไม ออกจะเท่”

“เอาอะไรคิด” ว่าผมแล้วเดินหนีออกไปด้านหลังร้าน นี่ก็คงจะไปหาไอ้ไวละสิผมเลยเก็บกวาดหน้าร้านที่เหลืออยู่คนเดียว เก็บเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปดูช่างที่กำลังต่อเติม อีกเดี๋ยวก็คงต้องปิดร้านสักสามสี่วัน เพราะมันต้องต่อโครงหลังคากับร้านด้านหน้าด้วย พวกเขาทำงานเรียบร้อยดีนะครับ พี่ปีเดินมาดูพร้อมกับสั่งอะไรช่างอีกนิดหน่อย ทำเหมือนว่าเป็นร้านของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น รู้สึกดีนะครับที่เขาเอาใจใส่เรื่องของผมแบบนี้ อีกไม่นานเขาคงจะใจอ่อนกับผมบ้างแหละ คิดคิดดูแล้ว เขาก็ดูอ่อนลงเยอะนะ เยอะว่าแปดเดือนก่อนมากๆ เมื่อก่อนนั้นหน้าตาก็ไม่เคยเห็น เห็นแต่ปลายเส้นผม เหอๆ แปดเดือนคิดดูไม่เคยคุยกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน ทั้งๆ ที่รั้วบ้านติดกันแบบนี้ พี่แก้วขอตัวกลับเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่ผม พี่ปีแล้วก็ไวที่นั่งพักเหนื่อยตรงศาลา

“พี่เพียว มื้อเย็นออกไปกินหมูจุ่มกันไหม ตรงใต้สะพานxxx”

“ไปดิอยากกินเหมือนกัน” ไวมันชวนออกไปกินหมูจุ่มเจ้าอร่อยครับ เลยแยกย้ายกันไปอาบน้ำรวมถึงคุณชายเขาด้วย นัดกันอีกครึ่งชั่วโมงมาเจอกันหน้าบ้าน เอารถคุณชายเขาไป เพราะมันกว้างกว่ารถของผมไง แถมไม่เปลืองน้ำมันด้วย ฮ่าๆ ๆ

ผมอาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสบายๆ เสื้อกล้ามสีดำเว้าแขนลึกกับกางเกงยีนสีขาวขาดๆ กับรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเดินลงมาจากชั้นสอง ไวมันพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผมเลยนั่งดูทีวีรอมันจะได้ออกไปพร้อมกัน สักพักมันก็ออกมา ใส่เอี้ยมยีนน่ารักเชียว ผมมองแล้วยิ้มหวานใส่

“บรึ้ยยย พี่เพียวอย่ามองผมแบบนั้นขนลุก” มันทำท่าสยองๆ แล้วรีบเดินหนีผม ช่างกลับกันไปหมดแล้ว เดินตามหลังไอ้ไวมาติดๆ ให้มันปิดรั้ว พี่ปีเอารถออกมารอเราพอดี ผมเปิดประตูนั่งหน้าไวนั่งเบาะหลัง พร้อมก็ออกเดินทางทันที

“พี่เพียวๆ พี่จะหยุดร้านวันไหนนะ”

“อีกสองวัน พี่จะพาไวไปเที่ยวปราณบุรี ไปไหม” หันไปยิ้มตอบน้องมัน

“ไปพี่ไปๆ ผมชอบทะเล” แอบเห็นพี่ปียิ้มุมปากให้กับไวด้วย ก่อนจะยื่นมือไปยีหัวน้องมัน

“ชอบจริงๆ เลยนะไอ้ทะเลเนี้ยะ” -*-พูดเหมือนรู้จักกันมานานอีกละ

“แล้วพี่ปีจะไปไหม ที่ปราณมีดรงแรมของพี่อยู่ไม่ใช่เหรอ” ฮ้า นี่เขาเป็นเจ้าของโรงแรมด้วยเหรอ ผมมองเขาแบบอึ้งๆ มีหันมายักคิ้วแบบเหนือ ประมาณว่าเป็นไงละคิดไม่ถึงละสิว่ากูเป็นถึงเจ้าของโรงแรม แหม่ อยากเอามือข่วนหน้า โด่ แค่เจ้าของโรงแรม ผมนี่เป็นยักษ์ เป็นผู้วิเศษยังไม่เห็นพูดเลย

“ไม่รู้สิต้องรอดูที่บริษัทก่อนว่ามีงานด่วนอะไรไหม”

“เหรอ กะว่าจะได้พักโรงแรมฟรีสักหน่อย” ไวมันทำหน้าเสียดาย

“ถ้าเป็นเราพี่ให้พักฟรีก็ได้”

“อ่าวแล้วผมอะ ไม่ให้บ้างหรอ เห็นอย่างนี้ของฟรีผมก็ชอบนะ” หันไปถ้วงหาของฟรีจากคนข้างๆ

“มึงก้ออกจะรวยไม่ใช่ไม่อย่างนั้นไม่กล้า พะ..”

“เออ ออกเองก็ได้โด่วว มือนี้ผมเลี้ยงด้วยเลยก็ได้ ผมรวย” อวดรวยออกไปด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ จิกตาใส่แล้วหันออกไปมองนอกกระจกรถ

“พี่เพียวงอนเหรอ” ไวมันยื่นหน้ามาถามผมไม่ตอบ

“.....”

“งอนไรอะ พี่ปีพูดไปงั้นแหละเนอะพี่ปีเนอะ พี่ปีใจดีมากเลยนะรู้ไหม”

“หึหึ” หึหึพ่อง..หงุดหงิดมากเวลาเขาหัวเราะใส่แบบนี้ มันรู้สึกเหมือนตัวแพ้ทางเขาตลอด

“ไม่ต้องเข้าข้างมันเลยนะ” พอพูดหยาบปุ๊บไอ้คุณชายเขานี่หันมาทำหน้ายักษ์ใส่ทันที

“ผมป่าวนะพี่”

“ก็เห็นอยู่ว่าพูด”

“คึคึคึ หัวก็ไม่ล้านนะพี่ ทำเป็นน้อยใจ แค่พี่เพียวเอ่ยปากขอพี่ปีเขาก็เต็มใจให้อยู่แล้วเนอะพี่ปี” เหล่ตาดูคนข้างๆ ว่าจะตอบยังไง เขาหันมาทางผมแล้วยิ้มมุมปาก เหอะคิดว่าหล่อมากเลยรึไง -*-ชิ (คือหล่อก็ผิดว่างั้น)

“ขอสิ แล้วกูจะให้ตามที่มึงขอ”

“เชอะ ไม่มีทาง” หรือจะขอสักสองสามหมื่นดีวะ บ้าคิดอะไรบ้าๆ อีกแล้วนะไอ้เพียว ด่าตัวเองครับ



มาถึงร้านตนก็เต็ม พวกเราเลยยืนรอต่อคิว ในขณะที่ยืนรออยู่บริเวณริมน้ำ จู่ๆ บรรยากาศมันก็เปลี่ยนไป ยักษ์มักจะรู้สึกตัวได้เร็วครับผมหันมองไปรอบๆ กลิ่นอายความชั่วร้ายกำลังแผ่ปกคลุมพื้นที่น้ำบริเวณนั้น

แต่ไร้วี่แววตัวการมันคงหลบซ่อนอยู่แถวนี้ อีกไม่นานคงมีเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นแน่ๆ

“ไวอย่าอยู่ใกล้แม่น้ำนะ”

“ผมว่ายน้ำเป็นพี่เพียวไม่ต้องห่วงหรอก” ไม่ห่วงได้ยังไงผีพรายมันกำลังหาเหยื่ออยู่ผมเหลือบมองไปทางคุณชาย

“พี่ปีอย่าเข้าไปใกล้!!! ” ผมรีบวิ่งไปกระชากตัวเขาออกมาจากริมตลิ่ง ตกใจหมดอีกนิดเดียวเขาก็จะลงไปที่บันไดแล้วให้ตายสิ แวบแรกที่ผมมองไปที่แม่น้ำ ผีพรายกำลังมองมาที่ผม ไม่ใช่พรายธาร ผีตนนี้มีรังสีความเกลียดชังแผ่กระจายเต็มไปหมด มันจ้องมองมาบนฝั่ง



“เพียว!!! ” เสียงหวานคุ้นหูเรียกชื่อผมเสียงดังจนผมจะตกลงไปในน้ำเสียเอง ไอ้ภูมันวิ่งมาหา สีหน้ามันดูตื่นๆ

“อ่าวมาไงวะ” ผมเดินออกมาห่างจากริมตลิ่ง คนที่เป็นห่วงกว่าพี่ปีคือไอ้ภู ดวงมันกำลังตก และไอ้ผีตนนั้นมันก็จ้องมาที่ไอ้ภูแบบตาไม่กะพริบ หรือว่า คนที่มันรอ คือไอ้ภู

“คือไอ้ผีพี่ธาร เอ้ยพี่ธารเค้าบอกว่าให้มารอ”

“รอ? รอทำไม”

“อะ เอ่อคืออ พวกกูนัดกินข้าวกันอะ”

“เหอะ” รู้สึกไม่ชอบไอ้ผีบ้านั่นจริงๆ นี่มันกำลังทำให้เพื่อนผมตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม

“มึงแล้ว มึงมากับพี่ปีเหรอวะ แหม ออกตัวแรงนะมึง” มันเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีที่เห็นสีหน้าของผมมันรู้ว่าผมหงุดหงิด

“อืม แล้วเมื่อไหร่มันจะมา”

“ก็อีกสักพักแหละมั้ง มึงไปหาพี่เขาเหอะดูสิชะเง้อมองมึงใหญ่แล้ว” ตอนที่ไอ้ภู มามันถึงคิวผมพอดีผมเลยให้พวกนั้นไปนั่งก่อนส่วนผมก็ลากไอ้ภูออกมาห่างๆ จากน้ำ

“แล้วมึงจะไปรอเขาที่ไหน”

“อ่อ ตรงโน้นอะ” มันชี้ไปที่สุดเขตใต้สะพานครับมุมมืดๆ ลับตาคน

“ไปสิกูไปด้วย”

“ไม่ต้องหรอกมึงไปกินเหอะ กูไปเองได้” มันผลักผมให้กลับเข้าไปที่ร้านจิ้มจุ่ม

“เอ๊ะกูบอกว่า..”

“อ๊ะ พี่ธารมาแล้วมึงไปเหอะ กูไปนะ” ยังไม่ทันได้พูดจบมันกลับผลักผมแล้ววิ่งไปทางนั้น แต่ผมว่าผมยังไม่เห็นไอ้ธารบ้าบออะไรนั่นเลยแสดงว่ามันกำลังโกหกผม แต่ไม่ทันแล้วครับมันวิ่งหนีหายไปแล้ว

“พี่เพียวมาเร็ว หม้อเดือดแล้ว” ไวมันตะโกนเรียกผมพร้อมกับกวักมือ จำใจต้องละสายตาจากไอ้ภูเดินกลับมานั่ง ที่ร้านนี้มันจะเป็นร้านแบบนั่งพื้นมีโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กตั้งตรงกลาง ไวมันให้ผมนั่งข้างๆ พี่ปี ลงมือกินด้วยความกังวลใจครับไอ้ผีร้ายนั่นก็หายไปด้วย จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเริ่มกินไม่อร่อย รู้สึกกลัวแปลกๆ ตัดสินใจลุกออกจากที่นั่งและเดินไปยังตลิ่ง ก่อนจะจุ่มมือลงน้ำ

//เจ้าอยู่กับภูผารึเปล่า//ผมส่งกระแสจิตลงไปยังที่อยู่ของพรายธาร

//ท่านหมายความว่ายังไงเวรัม//”

//เพื่อนข้าบอกว่าท่านเรียกหา” //

//ไม่ข้าไม่ได้เรียก วันนี้ข้ามีงานต้องนำดวงวิญญาณไปส่งตรงประตูนรก” น้ำเสียงไอ้ผีบ้านั่นดูจะตกใจไม่น้อยและผมเองต้องรีบแล้ว

//ตามหาเพื่อนข้าให้พบก่อนที่จะสายเกินไป เร็ว!!! ” ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ไวกับพี่ปีมองผมแปลกๆ ด้วย

“เอ่อ เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ ปวดท้อง” บอกคนที่นั่งรอแล้วก็รีบเดินหนีออกทันที ผมตรงไปยังบริเวณที่ภูมันเดินไป ใจผมเต้นแรงไปหมด ขอละอย่าให้เป็นย่างที่ผมคิด อยากจะหายตัวไปเลยแต่ทำไม่ได้คนพลุกพล่านเกินไปผมกกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทางเดินมืดๆ นั่น



วูบ...

“เวรัมภ์ เจอไหม” ไอ้ผีพรายมันเดินขึ้นมาจากน้ำ

“ยัง ทำไมเจ้าถึงได้ปล่อยให้เพื่อนข้าตกอยู่ในอันตรายแบบนี้” ผมหันไปตวาดใส่เขาด้วยความโมโห

“ขอโทษนะท่านเวรัม ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนรักของข้า”

“คนรัก!! นี่เจ้าพูดว่าอะไรนะคนรัก เพื่อนข้าไปเป็นคนรักเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไอ้ผีหยาบคาย”

“ข้าเคยบอกกับท่านแล้วไม่ใช่เหรอว่าเพื่อนท่านคือเจ้าสาวของข้า”

“หน้อยยย ไอ้บ้านี่” อยากจะทึ้งหัวมันแรงๆ

“รีบเถอะท่าน เดี๋ยวจะไม่ทันการ” ใช่มัวแต่เถียงกัน เดี๋ยวไม่ทันการไอภูมันได้ตายก่อนวัยอันควรกันพอดี



เดินมาตรงจุดที่ภุมันหายไป กลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่คุ้งน้ำ ผมกับธารชะงักเพราะนอกจากกลิ่นเหม็นแล้วผมยังได้กลิ่นความชั่วร้ายอีกด้วย



“แกเป็นใครบอกนะเว้ย ฮึก ไอ้ผีบ้า ฮรือออ ปล่อยสิวะ ไม่งั้นกูสวดคาถาไล่มึงนะ มึงอยากตายรอบสองใช่ไหม” เสียงร้องโวยวายของไอ้ภูครับมันดังอยู่ใกล้ๆ เราแต่ผมกลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง

“ภู ไอ้ภูอยู่ไหนวะ”

“เพียว เสียงไอ้เพียวนี่ มึงโดนแน่เพื่อนกูมาแล้ว”

“ภู..อยู่ไหน”ตะโกนออกไปด้วยความกังวล

“กู เพียว โอ้ยย ทำอะไร อื้ออ เพียว”



วูบ..สายลมเย็นปะทะเข้ากับร่างกายของผม มันเย็นยะเยือกจนขนในกายลุกชัน

“ไอ้สีนิล ไอ้คนทรยศ” พรายธารตวาดเสียงกร้าว คลื่นพลังของเขาทำเอาน้ำในแม่น้ำปั่นป่วนไปหมด

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วธาร เจ้าพรากทุกอย่างของข้าไปข้าก็จะพรากของของ เจ้ามาเช่นกัน

“พลังของเจ้ากำลังอ่อนลง” ผมหันไปมองเจ้าแห่งวารีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“มันทำร้ายภู”

“หมายความว่าไง”

“ข้าผูกวิญญาณกับภูผา”

“นี่เจ้า ไอ้บ้าเอ้ย รีบลงน้ำไปเลยนะ”

“แต่ภูอยู่บนบก”

“ข้าจัดการเอง” ผมบอกไอ้ผีบ้าตัวนี้มันจะต้องได้รับการสั่งสอน ผมหลับตาแน่นและตั้งสมาธิแผ่รังสีไปทั้วบริเวณ ลมพายุพัดกระหน่ำในพื้นที่ๆ ผมยืน จนม่านบังตาที่ผีชั่วมันสร้างบังตาพวกผมเอาไว้

!!!!!

“ภู!! ” ร่างของเพื่อนผมถูกห้อยอยู่บนต้นตาลสูงเกือบห้าเมตร ที่หัวมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ กระโดแบบรวดเดียวถึงร่างของภูและเอามันลงมา มันสลบไปแล้วหน้ามันซีดมาก ผมวางร่างขอภูลงกับพื้น พรายธารหายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว

ตูมมมมมม เสียงระเบิดดังขึ้นกลางแม่น้ำเจ้าพญา ท่ามกลางความมืดมิดนั่น ผีพรายที่มากด้วยฤทกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด มองการต่อสุ้นั่นอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากรักษาบาดแผลของภุมันแล้วมันทำเพื่อนผมเจ็บ อย่าหวังว่าจะได้ไปผุดไปเกิดง่ายๆ ผมเดินลงไปในน้ำ พุ่งไปหาไอ้ผีบ้าตัวนั้นด้วยแรงโทสะทั้งหมด ก่อนจะจับมันเหวี่ยงออกจากการต่อสู้

“ท่านเวรัม ท่านอย่ามายุ่ง” ธารบอกเสียงแข้งเขาคงอยากจะจัดการเรื่องนี้เอง

“อย่าแส่” ใบหน้าของผมเรื่มมีเขี้ยวงอกออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง ตวาดสารเสียงดัง เกิดลมพายุพัดกระหย่ำ สายฟ้าฟาดเหนือผิวน้ำไม่หยุด

“เจ้าเป็นใคร” ไอ้ผีขั่วมันถามผมเสียงสั่น

“กูเป็นยักษ์” สิ้นเสียงร่างทั้งร่างของมันก็เกิดไฟลุกท่วม ไฟบัลลัยกัลป์จากนรกกำลังเผาวิญญาณชั่วไม่ให้ทำเวณทำกรรมกับใครอีก

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“นี่คือผลที่เจ้าบังอาจมาทำร้ายเพื่อนคนสำคัญของข้า ไปลงนรกไม่ได้ผุดได้เกิด” ผมพัดมือไปด้านหน้าวิญญาณดวงนั้นก็สลายไปทันทารช้อนตัวภูขั้นมาอุ้มไว้ เขาดูกังวลมากๆ

“สีนิล..” เขาเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยความคับแค้น

“พาเพื่อนข้ากลับบ้าน และดูแลเขาให้ดี”

“ขอบใจท่านมาก แต่ท่านน่าจะให้ข้าจัดการเรื่องนี่แทน”

“ข้าใจร้อน ไม่ใจเย็นเหมือนท่านที่เล่นกับเหยื่อเหมืนคนโรคจิต” ตั้งแต่เห็นการต่อสู้ของผีพรายผมเห็นแววตาของพรายธารมันกำลังสนุกและบ้าคลั่ง

“มันเร็วเกินไปที่จะส่งผีแบบมันลงอเวจี”

++++++++++++++++++++++++++

อีกด้าน พวกเขาทั้งสองไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนเดินตามพวกเขามาอย่างเงียบๆ และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!!! ”



หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 08-10-2017 09:35:35
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 08-10-2017 10:14:29
ชอบเรื่องนี้อ่ะ น่าติดตามมากเลย มาต่อไวๆน้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2017 11:56:52
พี่ปีมาเห็นเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-10-2017 12:21:32
เอาละสิ
มีคนตามมาเห็นแล้ว  :katai3:
อิทธิฤทธิ์ของเพียวไฟบรรลัยกัลป์
ว่าแต่ใช่คุณปี หรือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-10-2017 12:22:50
ชอบ ไวรัล น่ารักดี แล้วทำไมต้องปลอมเป็นพม่ามาอยูกับเพียวด้วย

อย่าบอกนะว่า ไอ้คุณพี่ปี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แย่แล้ววววว
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 10 8/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ลูฟ่า ที่ 08-10-2017 14:47:29
โอปป้าเป็นยักษ์????  :hao4: :hao4: :hao4:

เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ พี่ปีมาเห็นใช่ไหม ลุ้นๆๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 11 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 11-10-2017 08:14:22



อสุราล่ารัก ตอนที่ 11



ทำเอาใจหายใจคว่ำไปหมด ไอ้ผีธารเอาภูกลับไปแล้ว ยืนปาดเหงื่อออกจากหน้า ทำสมาธิและสงบสติอารมณ์ของตัวเองใ้หคงที่เพราะตอนนี้เขี้ยวผมยังงอกอยู่เลยไม่เคยฟิวขาดขนาดนี้มาก่อนโมโหสุดๆ เลยละครับ พอเขี้ยวหายก็เดินกลับมาที่ร้านจิ้มจุ่ม สองคนนั้นนั่งหน้ามุ่ยเหมือนกำลังอารมณ์เสียสุดๆ

“พี่เพียว พี่ไปเข้าห้องน้ำที่เชียงดาวรึไงเนี้ยะ” มาถึงก็โดนเลยครับ

“กูท้องเสีย” โกหกหน้าตายก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ พี่ปี เขาขยับออกห่างผมนิดๆ เอ้า นี่ก็เป็นไปอีกคน

“หึ”

“อะไร ขี้ก็ผิด” แกล้งทำเสียงตัดพ้อใส่แล้วคีบเศษผักออกมาจากหม้อ คือมันเหลือแค่เศษๆ จริงๆ กับน้ำซุปข้นๆ ตักกินด้วยความหิวโหย พี่ปีแอบเหล่ตามมองผมด้วยพอหันไปมองเขาก็หันไปมองอย่างอื่นแทน ไอ้ไวก็ไม่คุยด้วย อะไรวะงอนกันหมดเลย

“อึก อึก” ยกถ้วยซดน้ำซุปลงคอแล้วหันไปมองสองคนนั้น ก่อนจะโบกมือเรียกเก็บเงิน ไม่อิ่มหรอกครับแต่บรรยากาศแบบนี้ คงกินต่อไม่ลง เดี๋ยวแวะซื้อบะหมี่หน้าปากซอยเอา เดินกลับมาขึ้นรถพวกเขาก็ยังไม่ยอมคุยกับผมสักคำ

“เห้ย อะไรอะแค่ไปขี้นะเว้ย คนขี้อะ นี่จะงอนคนขี้เลยเหรอ”

“ขี้บ้านพี่เค้าไปเป็นชั่วโมงเหรอ”

“ก็กุท้องเสียอะ”

“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเป็น”

“เอ้าคนมันปวดขี้มันรู้ร่วงหน้าด้วยรึไงวะ” ผมเถียงด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เล่นใหญ่รัชดาฯลัยเธียเตอร์เลยครับ

“งะ..ก็ใช่ไงแต่พี่ขี้นานไปป่าววะ นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว ไม่เห็นใจคนรอบ้างเลย”

“แหมทำเป็นพูดว่ารอกลับมาก็กินกันเกลี้ยงหมดละ" ดูสิครับพอพูดความจริงเข้าหน่อยก็ทำปากจู๋ใส่

“โอ้ย พี่เพียวดึงปากผมทำไม เจ็บนะ” -3-

“กูหมั่นไส้”

“เชอะ” ไอ้ไว

“ชิ” ผม

“เหอะ” พี่ปี เอาสิครับ สงครามเย็นเกิดขึ้นในรถอย่างเฉียบพลัน เล่นกันแบบนี้ใช่ไหมได้



กลับมาถึงบ้านต่างคนต่างแยกย้าย ผมเองก็รีบขึ้นไปอาบน้ำเดินขึ้นมาก็เห็นห้องฝั่งตรงข้ามเปิดไฟ เราจ้องกันผ่านหน้าต่างของห้อง เขามองเหมือนมีอะไรจะถามผม สายตาที่เขามองมันแปลกๆ ผมเลิกสนใจเขาแล้วถอดเสื้อเดินเข้าห้องน้ำไป กลับออกมาไฟห้องฝั่งนั้นก็ปิดลงแล้ว รวมถึงผ้าม่านด้วย ผมเปลี่ยนเสื้อมาใส่ชุดนอนตัวบาง กับกางเกงขาสั้นไม่ใส่กางเกงลิง แฮะๆ ผมชอบให้ไข่ผมมันเย็นๆ อะผู้ชายเป็นกันทุกคนเชื่อผมเถ๊อะ



สองวันถัดมา ผมติดป้ายประกาศปิดปรับปรุงร้านเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะขายของหลังจากนั้นก็จะปิดยาวเจ็ดวัน พี่แก้วไม่ยอมไปกับเราเธอบอกว่าลูกแกยังเล็กเอาไปด้วยก็จะลำบากกันไปหมด ผมชวนไอ้เขื่อนกับไอ้ภูไปด้วยยกเว้นเขาที่ผมไม่เอ่ยชวน ยังเคืองเรื่องโรงแรมไม่หายแต่เชื่อเถอะครับเขาตามพวกผมไปแน่

7.00น.

วันเดินทาง เราเช่ารถตู้ไปกันครับเพราะไปกันหลายคน หลายคนนี่รวมถึงผีด้วยนะครับไอ้ผีธารมันติดสอยห้อยตามไอ้ภูมาด้วย ผมมองจิกมันนิดๆ ยังโกรธเรื่องที่ทำให้ภูตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้ไอ้เขื่อนยังไม่รู้



“พี่เขื่อนจะมานั่งเบียดผมทำไมเนี้ยะ อึดอัด” รถยังไม่ทันไปขยับเสียงหวานก็ตวาดแว๊ดออกมา

">///<พี่หนาว พี่อยากได้ความอบอุ่น” มันทำหน้าอ้อนๆ ใส่ไอ้ไว รายนั้นพอเห็นสีหน้าน่าหมั่นใส้ก็เบะปากใส่ทันที

“โอ้ยย ร้อนจะตายหนาวอะไร เขยิบไปนั่งหน้ากับพี่เพียวนู่นเลย”

“ไม่ พี่จะนั่งกับน้องไว”

“จิ๊ -3- “ไวรัลจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย

“พี่ธารไหวไหม”เสียงของไอ้ภูพูดขึ้นมาบ้าง นี่ห่วงผัวออกนอกหน้าไปไหม   เกิดอาการคิ้วกระตุกอีกรอบ ก่อนจะเดินขึ้นรถและกำลังจะสตราท์รถ

ก็อกๆ

ใบหน้าหล่อเจ้าของดวงตาสีชากำลังจ้องมองผมผ่านกระจกรถ เขายกกระเป๋าเดินทางให้ผมดู บอกเป็นในว่าเขาจะไปด้วย

“ไง” เสียงหล่อทักทายออกมา ผมกลอกตาบน

“มาทำไม” ผมถามเสียงห้วน

“ไวชวนพี่ปีเองแหละพี่เพียว”

“ไว มึงนี่จะเสือกไปทุกเรื่องเลยใช่ไหม” ผมมองมันอย่างคาดโทษ

“เพื่อของฟรี สบายกระเป๋าเรานะพี่" มันบอกผมนี่ชะงักเลยหรือจะเอามันไปด้วยดี

“หึหึ”

“กูมีตังจ่ายเว้ย”ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก

“งั้นมึงจ่ายส่วนของมึงไปละกันกูจ่ายของคนที่เหลือเอง” เสียงเข้มๆของเขา พูดแล้วยกยิ้มอย่างเหนือๆ เรื่องอะไรผมจะยอมจ่ายคนเดียวละ

“เรื่องอะไร อาศัยรถคนอื่นเขาแล้วยังจะมาเอาเปรียบอีก”

“เอ้าไหนบอกพี่รวยไง” -*-ไอ้ไว มึงนี่ผมหันไปจิกตาใส่ไอ้พม่าเสินเจิ้นที่หันมาเถียงผมฉอดๆแทนพี่ชายสุดที่รักของเขา แล้วหันมาหาคนหน้ามึน

“ว่าไง จ่ายให้ผมด้วยไหม”

“หึหึ อืม ถ้ามึงทำตัวน่ารักๆ” -*-เอากระเป๋าไปวางไว้ท้ายรถแล้วเอาตัวเองมานั่งข้างๆ ผม เขาหันไปยิ้มให้กับคนด้านหลัง ยิ้มให้ทุกคนยกเว้นผม เหอะ ไอ้ลำเอียง ขี้เหนียวแม้กระทั่งรอยยิ้ม เชอะยู่ปากใส่คนข้างๆ แล้วออกเดินทางทันที กระชากเกียร์ใส่แมร่งเอาให้ทิ่มกับคอนโซลรถเลย ชิ

"-*-"

“ถ้าเหนื่อยก็บอกนะจะขับให้” เสียงนุ่มเอ่ยขณะที่ผมขับออกมาได้สักพัก หันไปมองแบบเหล่ๆ ไม่อยากจะมองแบบเต็มตา

“ชิ ไม่ต้อง”

“ดื้อ! ”

“-3- “

“ไม่น่ารัก”

“-3- “

“หึหึหึ”

นั่นเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่ผมกับเขาได้คุยกัน ตลอดทางได้แต่ส่งสายตาทำสงครามกันเงียบๆ ผิดกับพวกข้างหลัง ที่กำลังเถียงกันอย่างเมามัน มีบ้างที่ไอ้ไวมันพาดพิงถึงผม

“พี่เพียวดูเพื่อนพี่ดิ รุ่มร่ามกับผมอะ เอ๊ะจับอะไรนะพี่เขื่อนทะลึ่ง” นี่ไอ้เขื่อนมันคงจะจับมือหรือจับตูดไอ้ไวมันถึงได้โวยวายออกมาแบบนี้ ส่วนอีกคู่นอนหลับซบไหล่กันอย่างเงียบๆ แอบเห็นไอ้ผีธารมันจูบขมับเพื่อนผมด้วย ผมไม่ชอบหน้ามันครับ มันทำให้เพื่อนผมอายุสั้น จิกตาใส่ผ่านกระจกมองหลัง จิกจนกระจกแทบแตกมันก็ยังไม่สนใจ เลยหันมาสนใจถนนต่อขับไปเรื่อยไม่เร่งรีบ พอเข้าเขตชะอำ ผมแวะไหว้พระที่วัดข่อย ขอพรกับองพระมหาธาตุ มันออกจะร้อนหน่อยๆ แต่ไม่มากเหมือนโดนแสงอาทิตย์ตอนสายๆ ครับ ผมยักษ์สายขาวยักษ์ปฏิบัติดี ยักษ์ผู้น่ารัก จะมีปัญหาก็แค่ไอ้ผีธารนี่แหละพอลงรถปุ๊ปก็วิ่งหาน้ำเลยครับ หลวงพ่อท่านเหมือนจะรู้ว่าผมจะแวะมาท่านออกมาต้อนรับกันถึงหน้าวัดกันเลยทีเดียว

“โยมพาเขามาไม่สงสารเขาเหรอ” ดวงตาอ่อนโยนของหลวงตาจ้องไปยังพรายหนุ่ม

“ก็เขาอยากมาเองนี่ครับ”

“แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นละ” ชี้ไปทางไอ้ภู

“ครับ”

“เขารู้ตัวไหมว่ากำลังอยู่กับใคร”

“รู้ครับหลวงตา” ผมตอบกลับเสียงนิ่ง

“โชคชะตากำหนดมาแล้วเราฝืนมันได้ไม่นานหรอกนะโยม”

“ครับผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากจะยื้อมันไว้”

“ห่างกันแค่สายน้ำกั้น”

“ครับ”

“แล้วโยมละเวรัมภ์ พ่อหนุ่มคนนั้น ดวงเขาก็ตกอยู่ในอันตราย” หลวงพ่อชี้ไปที่พี่ปี

“คะ..คือ”

“ยุ่งไม่ได้นะ ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ดวงพ่อหนุ่มนั่นแข็งอยู่ไม่ต้องกังวล” ผมมองไปยังพี่ปี ในใจรู้สึกโหว่งๆ ผมรับรู้ตั้งแต่วันก่อนที่จ้องเขา อนาคตของพี่ปี ผมเห็น มันเป็นความสามารถพิเศษของผม ผมมองเห็นอนาคตของมนุษย์ได้ แต่ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งในโชคชะตาเขาไม่ได้ นอกเสียจาก ผมจะฝ่าฝืนกฎและนั่นจะตามมาด้วยความวุ่นวายมากมาย

“แค่ระวัง หรือป้องกันก็ได้ใช่ไหมครับ”

“แล้วแต่กรณี และความเมตตาของยมทูต” ยมทูตเหรอให้ตายสิ นั่งคุยกับหลวงตาที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด มองไปยังร่างสูงที่กำลังถ่ายรุปความสวยงามของวัดเอาไว้ เขาหันมามองที่ผมนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจถ่ายรูปต่อ

“พี่เพียวววว” ลากเสียงยาวโหยหวนจนอยากจะเตะมันครับ เสียงไอ้ไวมันลากยาวจนเหมือนหมาหอนมันวิ่งทักๆ มาหา เอามือมาลูบที่หน้าผากผมเบา

“ทองเปลวพี่แปะไว้เป็นสิริมงคล แล้วพี่นั่งคุยกับใครอะเมื่อกี้อะ”

“อ๋อ ไม่ได้คุยกับใครนิ นี่ไหว้พระกันเสร็จแล้วเหรอ” เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ไวมันทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมา

“พี่ปีให้มาตามไปไหว้พระธาตุด้วยกัน”

//โชคชะตาจะนำพาสิ่งที่ไม่คาดฝันมาให้เสมอ” //น้ำเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนลอยมาตามลม

เดินกลับไปหาร่างสูงที่ดูหล่อแม้กระทั่งยกกล้องถ่ายรูป พี่ปียืนมองผมแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปผมเอาไว้ แน่นอนว่าผมต้องเก็กหน้าหล่อๆ ไว้ตอนเขาถ่ายรูป เดินมาถึงไวมันก็โดนไอ้เขื่อนลากไปอีก ส่วนผม ที่ปีเดินมาจับมือเอาไว้

“คึคึ กลัวผมหลงเหรอ”

“หึหึ” ไม่ตอบแต่หัวเราะกวนตีนกลับมาอีกเหมือนเคย เดินตามแรงลากเขาไปเรื่อยๆ จนลืมผีอีกตัวไปเสียสนิท หันไปหาก็เจอมันเดินตามหลังแบบหน้าซีดๆ ฮ่าๆ ตลกวะ สมน้ำหน้าแม่ง

“สั่นทำไมจะพาเข้าโบถ” จู่ๆเขาก็ทักผม ใครสั่นผมป่าวนะ

“คะ..ใครสั้น ไม่มี้” อยากจะตบปากตัวเองให้แตกเสียงจะสูงทำไม วะ อย่างว่าแหละนะ ยักษ์ ผี นางไม้ สัมภเวสี ยกเว้นเทวากลัวพระกันหมดแหละครับ อยู่ที่แต้มบุญใครจะหนาเท่านั้นเอง

“ก็สั่นอยู่เห็นๆ กลัวเหรอ”

“ใครจะไปกลัวพระละ ผมไม่ใช่ผีสักหน่อย เหอๆ” ทำหน้าตาเลิกลักแล้วก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปในใจก็แอบลุ้นว่าผมจะโดนไฟเผาไหม ไอ้คนที่ตามมาจะไหม้เป็นจุณหรือเปล่า หลับตาเดินเข้ามา ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เห้อออ นึกว่าจะไหม้เป็นเถ้าถ่านไปและ” บ่นพึมพำกับตัวเอง ยังตกใจไม่หายตอนเจอหลวงตา เกร็งจนขาแทบจะเป็นตะคริว

“หึหึ”

“พี่ธารเป็นไงมั่งเสียงหวานๆ ของไอ้ภูถามผีพรายด้วยสีหน้าเครียดๆ มันก้าวเข้ามาอยุ่ในตัวโบถแล้ว หึหึ มันไม่เป็นอะไรแสดงว่าแต้มบุญมันก็หน้าเหมือนกัน อยากจะหัวเราะเยาะเขา แต่ผมเองก้ดันขาสั่นไม่แพ้มันเหมือนกัน สมเพชตัวเองสุดๆ ตอนนี้

นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันทุกคน แล้วพนมมือก้มกราบพระธาตุทั้งสี่เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ต่าวคนต่างอธิษฐานขอพรของตัวเองผมเองไม่ได้ขออะไรให้ตัวเองหรอกขอให้คนข้างๆ กับเพื่อนให้มีความสุขพอแล้ว เดินออกมาจากโบถด้วยความสบายใจ แบบนี้สินะมนุษย์ถึงได้พึ่งพระ มันสงบสุขร่มเย็น เดินกลับมาที่รถแล้วออกเดินทางกันต่อ

ระหว่างทางเราแวะพักกันที่ swiss sheep ฟาร์มแกะชื่อดัง จอดรถยังไม่สนิทดี ไอ้ไวมันก็พุ่งลงจากรถแล้วก็ไปกรี๊ดๆ กับแกะ วิ่งไล่จับแกะ จนคนเค้าแตกตื่นกันหมด จนไอ้เขื่อนต้องเดินไปอุ้มกลับมา ไม่วายฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อนผมอีก ให้ตายเถอะนี่มันเป็นลูกน้องหรือเจ้านายพวกผมกันแน่ ไอ้พม่าเสินเจิ้นนี่

“-3- ชิ” มันทำปากจู่ๆ ใส่ไอ้เขื่อนแล้วหันไปซบไหล่พี่ปีแทนอย่างอ้อนๆ คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ หวงนะเนี้ยะแต่ไม่อยากจะแสดงอาการออกไป

ถ่ายรูปกันจนเพลิน ผมเดินไปจับแกะ แต่มันหนีผมหมดเลย พวกมันคงกลัวว่าผมจะจับมันกินละมั้ง ส่วนไวก็โดนไอ้เขื่อนลากไปลากมา ไอ้ภูกับผีพรายนั่นเดินไปซื้อกาแฟและคงสิงอยู่ในนั้นเพราะอากาศค่อนข้างร้อนและผีพรายก็ขาดน้ำไม่ได้ พวกนั้นเลยเลือกที่จะอยู่ในที่ร่มๆ ผมเดินดุนั่นดูนี่ โดยมีพี่ปีคอยเดินตาม ถ่ายรูปไปด้วย พอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางกันต่อ กะว่าจะแวะหาอะไรกินที่เพลินวาน ก่อน อาจจะเป็นร้านข้าวแถวๆ นั้น



@ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง

ทุกคนเอลงมาด้วยความหิวโหย ที่นี่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ข้าวคลุกกะปิ แล้วก้ขนมจีนให้เลือกทานด้วย ผมสั่งข้าวคลุกกะปิมากิน ส่วนคนอื่นก็สั่งตามที่ตัวเองอยากจะกิน พวกเรากินเหมือนห่าลงครับมาไวไปไว กินอิ่มจ่ายตังแล้วก็ออกจากร้าน มุ่งตรงไปยังที่พัก ที่ไวมันบอกจองไว้ อยากจะถามมันตั้งแต่ตอนนั้นก็ลืม ว่ามึงรู้เหรอว่าจองกันยังไง เพื่อความสบายใจ ที่มันคันยิบๆ ผมเลยถือโอกาสนี้ถามมัน

“ไวมึงจองโรแรมเป็นด้วยเหรอ”

“แฮะๆ โรงแรมพี่ปีเค้าอะ ผมไม่ได้จองเองหรอกพี่ปีจองให้” มันอ้อมแอ้มตอบที่ไอ้คุณปีมันถ่อสังขารมาด้วยก็เพราะเราพักที่ดรงแรมมันงั้นดิ โห่ อะไรวะ สุดท้ายเงินผมก็เข้ากระเป๋ามันอยู่ดี หันไปมองไอ้เจ้าของโรงแรมที่ทำท่ายืดๆ ใส่ผม แหม่นี่ถ้าไม่ติดว่าใช้ขาเหยียบเบรกนะ ผมยกขึ้นถีบมันตกรถไปและ คนอะไรขี้อวดชะมัด

ถึงปราณบุรีในตอนบ่ายแก่ๆ เข้าพักโรงแรมทันทีเพื่อเอาแรง โรงแรมของพี่ปีติดกับทะเลปราณพอดี เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีบ้านพักสวยๆ แล้วก็ที่เป็นตึก พวกเราไดพักที่บ้านพัก แค่ลงบันไดก็ถึงทะเลเลย เป็นส่วนตัวมากๆ เรียกได้ว่าเราจองเกือบหมดโซนของที่ติดริมหาด แบ่งกันบ้านละสองคน

“เห้ยทำไมผมไม่ได้พักกับพี่เพียวอะ” เสียงแรกที่ดังขัดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าตัวเองจะต้องพักกับใคร

“เป็นคู่ๆ ไงคู่ๆ อะน้องไว”

“คุ่บ้าคู่บออะไรละพี่เขื่อนผมไม่นอนร่วมห้องกับพี่หรอก”

“แล้วไวจะทิ้งให้พี่นอนคนเดียวเหรอ พี่กลัวผีนะ”

“-*- ผีมีที่ไหน ประสาท พี่เพียวไวนอนด้วย” ผมหันไปมองคนที่ถือกุญแจห้องอยู่นี่เขาคิดยังไงถึงได้จัดห้องแบบนี้

“ไวนอนกับเขื่อนนั่นแหละดีแล้ว บ้านนั้นมีแยกเป็นสองห้อง” พี่ปีบอกพร้อมกับเดินเข้าบ้านหลังแรก

“เอ้าพี่ปี ไหงเป็ยแบบนี้ละ พี่เพียว”

ไอ้พม่ามึงอย่าเรื่องมาก ช่วงนี้กูขอ กูต้องทำแต้มเพื่อความอยู่รอดของกู กลับไปห้องของมึงซะ ไอ้เขื่อนเอาลูกมึงไปเก็บ” กระซิบกับมันแล้วหันไปสั่งไอ้เขื่อนเสียงเฉียบมันยกมือตะเบ้ะแล้วอุ้มไอ้ไวออกไปทันที ได้ยินแต่เสียงโหยหวนของมันแว่วมาเท่านั้น

เดินเข้ามาในห้องต้องยอมรับว่าที่นี่สวยมากๆ ทุกอย่างถูกจัเอย่างเป็นสัดส่วนมีสระน้ำเล็กๆ อยู่ด้านหลังด้วย บ้านออกแนวโทนโมเดิร์นผสมระหว่างปูนกับเนื้อไม้ สีครีม มีภาพผ้าบาติกสวยๆ ประดับ ตามฝาผนัง มีโคมไฟไม้สานห้อยตามจุดต่างๆ ดูคูลๆ ดี เดินเอากระเป๋าเข้ามาเก็บในห้อง ก้ต้องยืนอึ่งอีก

“ทำไมมันเป็นเตียงเดี่ยวอะพี่”

“แล้วนอนได้ไหมล่ะ”

“ได้ แล้วพี่นอนไหนอะ”

“ก็นอนเตียงเดียวกับมึงไง” -*- เขาพูดอะไรของเขา ถึงผมอยากจะได้หัวใจเขาแต่ผมก็ไม่ได้อยากใกล้ชิดเขาอะไรขนาดนั้น

“บ้า นอนด้วยกันได้ยังไง ไม่มีเตียงเสริมเหรอ”

“ไม่มี นอนด้วยกันจะเป็นอะไรไป เคยนอนร่วมเตียงกันตั้งสองครั้งมึงจะอายอะไรอีก”

“ผมไม่ได้อาย แต่ ว่า คือ”

“หรือมมึงคิดว่ากุจะทำอะไรมึง”

“....”

“เหอะ ต่อให้ทั้งโลกเหลือแค่มึงกับกู กูก็ไม่คิดที่จะเอามึงหรอกเพียว หึหึ มึงไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้น”

“ทำไม พี่คิดว่าผมไม่น่าพิศสวาทละ” โมโหนะครับที่โดนดูถูกแบบนั้น ผมว่าผมก็ดูเซ็กซี่นะ ไม่ยอมให้เขาว่าเอาฝ่ายเดียวหรอก เดินไปหาเขา พร้อมกับถอดเสื้อออก ยืนเปลือยท่อนบนให้เขาดู

“หึหึ ทำอะไร”

“ดูสิ ดูให้เต็มตา”

“เหมือนไม้กระดาน จะมองทำไม อีกอย่างนะมึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำให้มึงรักกูเหอะ กูมีคนที่กูอยากจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว เรื่องพนันนั่นกูไม่ได้สนใจอะไรด้วย ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ”

“มะ หมายความว่ายังไง”

“กูชอบผู้หญิง แล้วกูก็มีคนรักแล้วด้วย” สะอึกกับคำพูดของเขา รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทุบที่หัว

“อ่าวเหรอ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก แฮะๆ” หัวเราะแห้งๆ ออกไปทำตัวไม่ถูกเลย เหมือนผมจะมีความรู้สึกดีๆ กับเขาไปแล้ว แต่เหมือนมันโดนเหยียบยังไงไม่รู้ ผมเดินเอาเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ อย่างรวกๆ แล้วเดินหนีออกมาด้านนอก ไม่อยากอยู่ข้างในกับเขา

เดินออกที่ชายหาด รู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆ ไหลออกมาจากตา จากตอนแรกที่อากาศยังสดใสตอนนี้มันมืดครึ้ม และมีฝนตกลงมา อากาศจะเปลี่ยนแปลงไปตาอารมณ์ของผม ถ้าผมเศร้าฝนก็จะตก นี่ผมรู้สึกเศร้าขนาดที่ทำให้ฝนตกลงมาเลยเหรอ หัวเราะให้กับความรู้สึกบ้าๆ ของตัวเองก่อนจะนั่งลงกอดเข่าตัวเองไว้หลวมๆ เหมือนโดนหลอกเลย

“มานั่งตากฝนทำไม” เสียงทุ้มๆ ที่ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของเขา

“คือผมชอบฝน ชอบมาก พี่ละออกมาทำไมเดี๋ยวก็เปียก” เงยหน้าไปมองเขา เห็นในมือใหญ่ๆ กางร่มไว้

“แล้วทำไมตาต้องแดง ร้องไห้เหรอ”

“เห้ย ไม่ได้ร้อง บ้าแล้ว”

“เก็บเอาคำพูดกูไปคิดเหรอ กูเคยเตือนมึงแล้วมึงไม่ฟังเอง”

“อืม..ฮึก..พี่เข้าบ้านไปเหอะเดี๋ยวผมออกไปซื้อของหน่อย” สะอื้นออกมาเบาแล้วก้มหน้าซ่อนทุกอย่างเอาไว้

“อืม” เขาหันหลังเดินเข้าบ้านไปแล้ว ส่วนผมยังนั่งทำเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโดออยู่เลย ขอทำใจแปป มันตั้งหลักไม่ทัน
+++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะคะ เป็นกำลังใจชั้นดีในการปั่นนิยายเลย
รักนักอ่านทุกคนนะคะ
จุฟ

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 11 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-10-2017 08:49:32
 "ต่อให้ทั้งโลกเหลือแค่มึงกับกู กูก็ไม่คิดที่จะเอามึงหรอกเพียว มึงไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้น"
จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะ  :m16: :m31: :fire: :angry2: :serius2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 11 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-10-2017 19:27:40
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 11 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-10-2017 19:55:36
โอย สงสารเพียว เจ็บเลย ปีก็นะ มีคนรักอยู่แล้วทำไมไม่บอก ยังมายอมเล่นเกมกับความรู้สึกเพียวอีก
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 11 11/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-10-2017 22:22:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 12 ทศลักษณ์ 17/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 17-10-2017 10:01:04


(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)

อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 12


นั่งเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอได้ไม่นานหรอกครับ มันหนาว นั่งนานจนฝนหยุดตกแต่ก็ยังทำใจกลับไปเจอหน้าไอ้พี่ปีนั่นไม่ได้อยู่ดี เลยเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าตัวเองเดินเหม่อมาไกลจากที่พักพอสมควร และกำลังจะหันหลังกลับ

ตุบ!!

“อุย ขอโทษครับ” หันไปชนกับใครก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นระยะที่กระชั้นชิด จมูกโด่งชนเข้ากับแผงอกเต็มๆ เจ็บนะแต่ตกใจมากกว่า

“อ่า..ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มดีจัง ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา

“*0*”

“เพียว!! ”

“พี่ทศ” ไม่คิดว่าจะเจอเผ่าพันธุ์เดียวกันที่นี่ พี่ทศลักษณ์ เป็นยักษ์รุ่นพี่ เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่

“เป็นไงมาไงเนี่ยะ ดีใจจังที่เจอ”

“คึคึคึ คิดถึงผมอะดิ”

“อืมคิดถึงสิ” พี่เขายกมือขึ้นยีหัวผมเหมือนที่ชอบทำตอนผมเด็กๆ คือเด็กในอายุของยักษ์นะครับ

“ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน ไม่เจอนานมากกก”

“พี่ย้ายบ้านบ่อย พ่อแม่พี่เค้าก็ทิ้งพี่ไปอยู่ที่อื่นกันหมดและ” เราเดินคุยกันไปครับ ลืมเรื่องกลับที่พักกันเลยทีเดียว ไม่ได้เจอพี่ทศนานมาก ถามจนรู้ว่าเขากำลังทำร้านเหล้าเป็นรายได้เสริม รายได้หลักคืออาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ดูไม่เหมาะกับลุคแบดๆของพี่มันเลย

“ผมก็โดนเท เหมือนกันพี่ นี่ก็พึ่งย้ายบ้านมาได้เก้าเดือนละ แล้วพี่อยู่ที่ไหนอะ”

"แถว xxxนะ”

“โหยใกล้ๆ กันเลยผมอยู่ที่xxx ว่างๆ พี่ก็ไปหาผมบ้างสิ”

“ได้พี่ไปแน่ ว่าแต่เรามาคนเดียวเหรอ”

“ฮะ เออ คือ มากับน้องกับเพื่อนอะ พี่ละ”

“มาคนเดียว คนโสดก็งี้แหละ แล้วเรามีแฟนรึยัง”

“โห่ ดูหน้าน้องด้วย หล่อๆ แบบนี้” เก๊กหน้าหล่อให้พี่ทศดูเป็นตัวอย่าง

“มีแฟนแล้ว?”

“มีกับผีอะไรละ ฮ่าๆ พี่ก็รู้ว่าแบบเราไม่คนรักจะดีกว่า” พูดแล้วก็เศร้าครับ

“มีแบบที่เป็นเหมือนเราไงเพียว จะไปยากอะไร” จริงของพี่ทศมีแฟนเป็นยักษ์จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าคนรักตัวเองจะตาย

“เออวะ พี่นี่ฉลาดเหมือนกันเนอะ”

“-*- นี่คือชม”

“ชมสิคร๊าบบ”

เดินคุยกันจนหายคิดถึง พอมารู้ตัวก็เดินมาถึงที่พักแล้ว และพี่ทศกับพักที่เดียวกับผมแต่ของพี่เขาพักบนตึกสูงๆ เราแยกกันตรงหน้าโรงแรม ไม่ลืมที่จะแลกเบอร์กันไว้ด้วย กลับเข้ามาที่ห้องไอ้คนที่ผมไม่อยากเจอเขาก็ไม่อยู่แล้ว เลยรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลาเจอเขาเหมือนกัน  ผมเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดผมอยู่บนที่นอน 

ก็อกๆ

“พี่เพียว ผมเข้าไปนะ” เสียงของไวรัลดังอยู่หน้าประตูผมยกยิ้มนิดๆ เพราะคิดว่าไวมันคงจะหนีไอ้เขื่อนมาหาผมแน่ๆ

“เออ เข้ามา” พอผมอนุญาตมันก็เปิดประตูเข้ามาใบหน้าหวานๆ ของมันบูดบึ้งจนดูตลก

“เป็นไรอีกละ”

“เพื่อนพี่อะโรคจิตวะ”

“หืม....ยังไง” ไอ้เขื่อนผู้เข้มขรึมนะเหรอจะกลายเป็นคนโรคจิต

“พี่มันไล่ปล้ำจูบผม” หัวคิ้วมันผูกเป็นปมเลยครับแถมยังเอามือถูปากตัวเองอีก แบบนี้แสดง ว่า....

“มันคงเห็นว่ามึงน่ารักแหละมั้ง ปรกติมันไม่เคยทำแบบนี้กับใครนะ”

“-///- ระ เหรออ แต่ว่าสีหน้าพี่เขื่อนดูโรคจิตมากอะ ผมกลัวพี่เพียว พี่เพียวสลับห้องกับผมได้ไหมอะ” มันทำหน้าอ้อนๆ คงจะกลัวไอ้เขื่อนจริงๆ ไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่

“แล้วเราเชื่อใจพี่ปีเขาเหรอ” มันพยักหน้ารับ

“มากๆ”

“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเก็บของก่อน” ดีเหมือนเพราะผมเองก็ลำบากใจที่จะอยู่ร่วมห้องกับเขาเหมือนกัน ผมเดินไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ส่วนของใช้ยังไม่ได้เอาออกมา ลากกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้อง ก็เจอเขากำลังเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วยุ่ง

“จะไปไหน” สะดุ้งเล็กน้อยกำน้ำเสียงกึ่งตะคอกของเขา นี่ไปกินรังแตนที่ไหนมาอีกละ

“แลกห้องกับไว หลีกผมจะเอาของไปเก็บ” พยายามจะมาสบตากับเขากลัวใจตัวเอง เดินหลบเขามาอีกด้าน แต่ก็โดนคว้าเอาไว้

“ทำไมต้องแลก”

“เอ่อ พี่ปีครับ ไวขอแลกเอง ไวกลัวพี่เขื่อน” เสียงสวรรค์ดังขึ้นช่วยผมไว้ ไวมันยิ้มเจื่อนๆ แล้วช่วยเอากระเป๋าผมไปไว้ที่ห้องของมันซึ่งอยู่บ้านข้างๆ กัน ผมเลยได้โอกาสหนีออกมา ผมได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดเหมือนวัวที่กำลังโมโหจากเขา เดินออกไปที่บ้านพักของไว ไอ้เขื่อนพาภูผาไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นว่าไอ้ผีพรายมัน ป่วย เหอๆ มันคงอ่อนแรงมากกว่า ภูมันเลยต้องไปซื้อของกินมาเซ่นไหว้ ดีไม่ดีมันอาจจะแวะทำบุญให้ไอ้ผีขี้อ่อยด้วย เหอะสำออยละสิไม่ว่า ไม่ได้อคตินะ นี่ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ

จัดแจงย้ายของเข้าที่ แล้วนอนแผ่บนที่นอน ด้านฝั่งซ้าย ฝั่งขวาไอ้เขื่อนมันจองแล้ว นอนพักสายตาได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไอ้ภูมันสั่งของทะเลจากร้านใกล้ๆ โรงแรมมากินครับ ตั้งเตากันตรงชายหาด ที่โรงแรมมีบริการโต๊ะเก้าอี้ให้พร้อมเตาปิ้งย่าง ความจริงเราต้องสั่งจากทางโรงแรมเท่านั้นแต่มันแพงไง เลยสั่งจากร้านตามชายหาดมา ตอนที่หิ้วมาไว้โดนไอ้พี่ปีมันมองแรงจิกตาใส่ด้วย แต่ไม่กลัวหรอกครับ หึ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะไม่สนใจเขาแล้ว เลิก!!!

“เพียวมึงกินหอยหวานไหมกูจะได้ย่างให้” ไอ้ภูครับมันกำลังทำหน้าเป็นคนย่างของทะเลให้มีไอ้ธารยืนประกบไม่ห่างทำตัวเหมือนปลิงเข้าไปทุกที

“กิน เอามาเยอะๆ กุ้งด้วย”

“ไอ้ภูย่างหอยให้น้องไวกูด้วย” เสียงทะเล้นดังมาจากด้านหลังของผมไอ้เขื่อนเดินมาพร้อมกับไว พวกมันไปซื้อน้ำพร้อมสุราของโปรดพวกผมจากร้านสะดวกซื้อ

“อ่าวแล้วพี่ปีละครับ” จะไปถามถึงมันทำไมวะ ผมหันไปมองได้เด็กพม่าเสินเจิ้นแล้วกลอกตาใส่

“เห็นบอกว่าจะไปเคลียงานนะ ให้พวกเรากินก่อนเลยไม่ต้องรอ” ไอ้ธารมันตอบแทน ไอ้นี่ดูท่าจะเป็นมิตรกับทุกคนดี ยกเว้นผมที่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรๆ หึหึหึ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าพวกมันรู้ว่าทริปนี้มีผีมาด้วยมันจะเป็นยังไง ผมนั่งแกะหอยที่ภูมันย่างให้แล้วเคี้ยวเข้าปาก อย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานไอ้น้ำที่เรียกว่าสุราก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า กระดกทีเดียวหมดแก้วถือเป็นการเบิกฤก นั่งกินได้สักพักไอ้พี่ปีมันก็เดินหน้ายุ่งกลับมาสงสัยงานจะมีปัญหามั่ง แต่ก็ช่างแม่งมันไม่ใช่เรื่องผมอยู่แล้ว กินไปชมวิวไป คุยกับเพื่อนๆ ไป จนมาสะดุดเข้ากับร่างสูงๆ หน้าตาหล่อของใครบางคน ที่เดินมาทางผม

“พี่ทศ”

“เสียงยานขนาดนี้เมาแล้วเหรอครับคนเก่ง” พี่ทศครับเดินมาหาผมที่โต๊ะพี่แกสาดยิ้มกว้างไปทั่วๆ เหมือนทักทาย

“ไม่มาววว เพียวไม่เคยมาวว เน่ ทุกคน คนนี้ชื่อพี่ทศ เป็น อึก...”

“คู่หมั้น...หึหึหึ” เสียงพี่ทศตอบก่อนที่ผมจะพูด

“หืมม พี่ นี่ยังไม่เลิกล้อผมเรื่องนั้นอีกเหรอ คึคึคึ เรื่องมานนานนนนนนมากเลยนะ”ลากเสียงยาวๆใส่เขาแล้วยิ้มตาหยี เกาะเกี่ยวเเขนพี่ทศไว้เป็นที่ยึด

“ก็เราเมาทีไรโมเมหาว่าพี่เป็นคู่หมั้นทุกที” พี่ทศเดินมานั่งยองๆ ด้านหน้าผมแล้วเชยปลายคางผมขึ้นมาให้สบตา

“ใช่เหรออ ไม่เห็นจำได้เลย คึคึ” เคยเป็นครับเมื่อสมัยตอนอายุสิบห้า พ่อแม่เรานึกเล่นพิเรนทร์อะไรไม่รู้บอกจะให้หมั้นกัน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เวลาใครถามว่าพี่ทศเป็นใครก็ตอบว่าเป็นคู่หมั้นหมด เพราะว่าเวลาที่ผมพูดแบบนั้นพี่ทศเขาจะเขินจนหน้าแดง แล้วมันตลกดี

“เอ่อ พี่ทศ เป็นคู่หมั้นมันจริงๆ เหรอครับ” ภูคงสงสัยแหละครับถึงได้ถามออกไป

“ไม่รู้สิครับถามเขาเองก็แล้วกัน ...แล้วพักกันกี่วันครับเนี้ยะผมพักอยู่ในตัวตึก”

“สามสี่วันจะถามทำไม” เสียงเข้มๆ ของพี่ปีถามออกมาเหมือนคนไม่มีมารยาทใช้น้ำเสียงได้น่าถีบมากคนเขาถามดีๆ ทำไมต้องกระชากเสียงใส่ด้วย

“ก็กะว่าจะมาจอยกลุ่มด้วย พอดีผมมาคนเดียว” พี่ทศบอกเสียงนุ่มๆ ตามแบบของเขา

“ไม่ว่างกลุ่มเต็ม” อะไรของเขาวะ เต็มตรงไหนคนเยอะๆ ถึงจะสนุก

“ไม่เต็มพี่ทศ มาเลย มานั่งกับเพียว เพียวเหง้า เหงาอยากมีเพื่อนคุย” ผมถึงให้พี่ทศนั่งข้างๆ ผม พร้อมกับตักเอากุ้งกับหอยให้เขา

“พี่ว่าไม่น่าจะไหวแล้วนะ นอนไหม”

“คึคึไม่ ยังไหว พี่กินเลยๆ ของอร่อยทั้งนั้น” หันหาแก้วเหล้าตัวเอง ความจริงมันต้องวางไว้ตรงหน้าผมไม่ใช่เหรอแล้วมันหายไปไหนวะ หันไปมองคนข้างๆ อ่าวไอ้พี่บ้านี่มันมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมในมือมันยังถือแก้วเหล้าผมด้วย

“เอาคืนมา” ผมกดเสียงลงต่ำบอกให้เขาคืนแก้วเหล้าของผม

“พอแล้ว เมามากแล้วมึงอะ” ทำเสียงดุใส่พร้อมกับดึงตัวผมให้ไปซบไหล่เขา แต่ผมขืนตัวเอาไว้ ไม่อยากเข้าใกล้ เหม็นขี้หน้ามากตอนนี้บอกเลย นี่ถ้าไม่เกรงใจจะอ้วกใส่หน้าพี่มันแม่ง เห็นหน้าเขาแล้วมันรู้สึกจี๊ดๆในใจวะ

“อย่าดื้อดิวะ”เขาดึงแขนผมไว้ไม่ให้ไปซบพี่ทศ ทำเหมือนหวง เหมือนให้ความหวังกูเลย แต่ผมมันเจ็บแล้วจำเว้ย

“เอาแก้วผมคืนมา แล้วอย่าเข้าใกล้ผมนะ เหม็นขี้หน้าไอ้พวกขี้ตอแหล” ชี้นิ้วใส่เขาแถมด่าเขาอีก

“เพียวทำไมพูดจาไม่เพราะ” พี่ทศดุผมเสียงเข้ม ผมเลยตวัดสายตางอนๆ ไปให้

“พี่ทศ อึก..ไม่เข้าข้างเพียวเหรอ”ทำเสียงกระเง้ากระงอดกอดแขนพี่มันไว้แน่น

//มึงว่าวันนี้ไอ้เพียวมันดูแปลกๆ ป่าววะ//เขื่อน

//เหมือนงอยผัวแล้วแอบไปซบกิ๊กเลยวะ//ภู

//พี่เขาเมาแล้วมุ้งมิ้งแบบนี้เหรอพี่เขื่อน//ไว

//สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา//ไอ้ผีธาร

“หื้ออ นั่งดีๆ สิครับ เอ่อผมว่าพาเขาไปนอนดีกว่า” พี่ทศยกตัวผมขึ้นแต่มีอีกมือดึงตัวผมไว้

“ไม่เป็นไรเขามากับผมพาเขาไปเอง” พี่ปีดึงตัวผมให้ไปหาเขา

“ไม่ไปกับเขานะ ไม่เอาพี่ทศเพียวไปนอนกับพี่นะๆ เพียวอยากนอนกับพี่ทศ” ผมทำตาอ้อนพร้อมกับถลาไปกอดเอวพี่เขาแน่น ไม่ยอมปล่อย ไม่ไปกับไอ้มนุษย์ใจร้ายหรอกเชอะ ผมหันไปแลบลิ้นใส่ อีกคน ไอ้มนุษย์ใจแคบ ไอ้หลอกลวง

“อ่า...เอาอย่างนั้นเหรอ แล้วเราเดินไหวไหม หรือให้พี่อุ้ม” พี่ทศหันไปมองทุกคนที่มองพวกผมแล้วไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงดังฟึดๆ ฟัดๆ เหมือนวัวบ้าดังอยู่ข้างๆ

“หวายยย เดินหวาย ไปๆ เค้าง้วงง่วง” ความจริงไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้นแค่ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นตรงที่มีเขามานั่งด้วย มันอึกอัด มันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในอก พี่ทศมาเลยได้โอกาสชิ่ง จะได้ไม่เสียบรรยากาศด้วย

“เอ่อ งั้นผมพาเพียวไปนอนก่อนนะครับ ไว้ตอนเช้าจะเอาเขามาส่ง” พี่ทศบอกแบบนั้นแล้วพยุงผมให้เดินออกมา

“เดี๋ยว คุณพักอยู่ห้องไหน” พี่ปีจับแขนของพี่ทศไว้แล้วถาม ผมรู้สึกถึงรังสีดำๆออกมาจากตัวพี่ปี เขาจ้องตากันแบบอ่านความคิดกันด้วยแต่ผมไม่สนใจหรอก ว่าเขาจะคิดอะไร สนแค่ตัวเองพอ อกหักอยู่เนี่ยะ สนใจตัวเองดีกว่า พูดแล้วก็จะร้องไอ้ห่าเอ้ย แมร่ง ถีบพี่มันสักทีมันจะให้ผมจ่ายค่าที่พักเองไหมวะ ไม่ได้งกนะ แต่กลัวพกตังมาไม่พอ

“7802”พี่ทศตอบเสียงนุ่มๆฟังแล้วเคลิ้ม แต่ทำไมไอ้พี่ปีมันต้องจ้องพี่ผมตาแทบถลนออกมาแบบนั้นละ นี่พาลพี่ผมใช่ไหม เหอะ ไอ้มนุษย์ใจแคบ

“เช้าผมจะไปรับเขาเอง” พูดจบเขาก็ปล่อยให้เรา แต่สายตาที่จ้องผมแบบนั้น จะด่าอะไรผมอีกละ ผมสะบัดหน้าหนี ลากพี่ทศเดินออกมาจากที่ตรงนั้น

“นี่เรากำลังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” พี่ทศถามผม ตอนนี้เรามาอยู่กันที่ห้องพักของพี่ทศแล้วและกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟารับแขก พี่ทศเดินหยิบน้ำเย็นมาให้ผมดื่ม



“อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น” รับน้ำมาดื่มแล้วถามเขาเสียงกลั้วหัวเราะ

“คิ้วเรานะ มันฟ้อง ดูสิ ชนกันยุ่งเชียยวมีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ” น้ำเสียงของที่ทศที่ฟังดูแล้วเป็นห่วงผมจริงๆ พี่เขาเป็นแบบนี้ตลอด เป็นพี่ที่ดี คอยช่วยเหลือผมอยู่ตลอด ผมดีใจนะที่ครอบครัวเราสนิทกัน

“แฮะๆ มันชัดขนาดนั้นเลย” ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่ทศแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ มันรู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ร่างกายนะที่เหนื่อย ใจต่างหาก มันรู้สึกเสียเชล มันรู้สึกแบบว่า มันอธิบายไม่ถูกอะ เอาเป็นว่าผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย แต่ผมไม่อยากทำให้ทริบนี้มันกร่อยเพราะผม

“พี่ว่าเรายิ้มเราน่ารักมากกว่าทำบึ้งๆ นะ ไหนยิ้มซิ” พี่ทศจับแก้มแล้วบีบมันออก

“เอ็บ อะ อ่อยเอย”

“ไหนยิ้มมมม” เจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่ก็พยายามฉีกยิ้มให้พี่เขาสบายใจ

“แหวะยิ้มน่าเกลียดวะ พี่ไปอาบน้ำดีกว่าลงไปนั่งข้างล่างรู้สึกเหนียวตัวยังไงไม่รู้” พี่มันผลักหัวผมแล้วเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไป ผมเลยเดินไปเปิดทีวีดูจนพี่แกออกมา นี่ไม่ได้ยั่วผมใช่ไหม นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาแบบนี้ หุ่นพี่ทศนี่แซบตั้งแต่หนุ่มจนถึงตอนนี้ก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน ผมมองแล้วอมยิ้มนิดๆ

“กะจะยั่วผมเหรอพี่” เดินไปปั้นหน้าทะเล้นใส่

“แล้วเคยสำเร็จไหมล่ะ”

“หึ ไม่เคย ผมไปอาบน้ำดีกว่า อ่อยืมชุดพี่ด้วยสิ”

“อืมเอาสิ เราจะใส่ได้เหรอ ตัวต่างกันขนาดนี้” ใช่ตัวเราต่างกันมากพี่ทศตัวใหญ่ส่วนผมเขาเรียกหมากระเป๋า

“เดียวเอาหนังยางรัดกางเกงเอาก็ได้ ไม่เห็นยาก”

“หึหึ แก้ผ้าเอาหน้ารอดตลอด” พี่ทศเดินมายีหัวผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมเองก็เดินเข้าไปอาบน้ำตามที่บอกไว้



        ปังๆ เสียงทุบประตูห้องดังหลังจากเพียวเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ในชุดที่ไม่เรียบร้อยออกจะฉงนใจนิดๆ ที่ดึกป่านนี้มีใครมาเคาะห้อง แถมไม่เคาะแบบธรรมดา เรียกได้ว่าทุบเสียมากกว่า เขาเดินออกไปเปิดประตู คิ้วเข้มขมวดยุ่งยิ่งกว่าเก่า เพราะบุคคลที่มาเคาะนั้นคือคนที่มองเขาแบบไม่ชอบขี้หน้า

“เพียวอยู่ไหน” น้ำเสียงห้วนกระชากไม่พอยังเสียมารยาทเดินเข้ามาในห้องโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยเชิญ ทศลักษณ์ติเจ้ามนุษย์ในใจ

“น้องเพียวอาบน้ำอยู่” ตอบแบบขอไปที ก่อนที่ปีมงคลจะทันได้สังเกตว่าบุคลที่บังเอาตัวคนของเขามานั้นอยู่ในชุดที่ดูแล้ว....

“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมาเมื่อตอนหัวค่ำ แถมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา เหมือนๆ กับอีกคนด้วย

“แรดเนอะ” ปากปีจอเริ่มสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง

“ห๊ะ...”

“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” สีหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อปีมงคลดูโกรธและโมโห

“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” ร่างบางที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ จู่ๆ ฟ้าก็ผ่ากลางทะเลเสียงดังลั่นฟ้า ทศลักษณ์เห็นท่าไม่ดีเลยเดินไปโอบกอดไหล่บางๆ นั่นไว้

“ใจเย็นสิเพียว”

“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ แล้วอีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยเขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องไปยังมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในห้อง

“หรือมันไม่จริง” ปีมงคลมองเพียวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ นี่เขาเป็นอะไร เขาหวังอะไรอยู่

“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ร่างบางกระแทกเสียงใส่พร้อมกับกอดเอวสอบของทศลักษณ์เอาไว้ แล้วโน้มคอคนตัวสูงลงมาจูบ ทศลักษณ์ยืนอึ้งแต่ก็จูบตอบเพียวกลับ

“มึงนี่มัน ร่านจริงๆ”

“อึก...”

แล้วเขาก็โยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งลงกับพื้น ก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป....ด้วยหัวใจที่มันชาๆ

“ฮึก....”

“ไปแต่งตัวเถอะ พรุ่งนี้เราคงเจอเรื่องแย่ๆ อีกแน่”

“....”

“แล้วสาเหตุที่เพียวทำคิ้วยุ่งๆ ก็คงเกิดจากเขาด้วยใช่ไหม”

“....”

“นอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

“ครับ”





(ปีมงคล พาร์ท)

              ตั้งแต่ไอ้เพียวเดินหน้าระรื่นมากับใครอีกคน ผมก็รู้สึกโมโหอย่าหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ผมไม่ได้โกหกว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว มันอาจจะฟังดูโง่ๆ นะ แต่ผมมีรักแรกตอนอายุสิบขวบ สัญญาใจกันไว้แล้วด้วย ผมตามหาเขาตลอดยี่สิบห้าปีแต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด ถามใครๆ ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้หรือจำได้สักคน ผมจำแววตาของเขาได้ แววตาที่มีแต่ความอ่อนโยนและจริงใจแต่สำหรับไอ้เด็กบ้านั่นมันตรงข้ามทุกอย่าง แต่มันกลับมีอิทธิพลต่อใจผมมาก ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเวลามันยิ้มให้กับใคร แต่วันนี้ผมโกรธจนควันออกหูตอนเห็นมันเดินหัวเราะมากับไอ้หน้างูเห่านั่น

               ผมรู้สึกหงุดหงิดที่มันเอาแต่ออเซาะคนอื่นต่อหน้าผม ผมปฏิเสธมันแล้วก็จริงแต่แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ อกหักจากอีกคนก็ไปมีคนใหม่ มองตามหลังไอ้หน้างูเห่าที่มันพยุงไอ้เด็กนั่นออกไปใจผมนี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เวลามันเมามันยั่วอย่าบอกใคร แล้ว ถ้าไปกับไอ้หน้างูเห่า เกิดมันหน้ามืดปล้ำไอ้เพียวขึ้นมาละ ผมพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความคิดของตัวที่จะไม่ยุ่งเรื่องของมัน พยายามจะไม่สนใจ แต่ตาก็คอยมองแต่ชั้นของโรงแรม พวกเขื่อนก็ชวนคุย พวกนั้นเริ่มจะเมากันบ้างแล้ว แต่ผมนี่สิเริ่มจะทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปด้านในไปค้นเอาเสื้อผ้าของไอ้เพียวมันออกมา ใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไปหามัน ค้นเจอก็เดินดุ่มๆ ขึ้นตึกของโรงแรม มันเป็นโรงแรมของผม ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างเพราะฉะนั้นมันจะมาทำอะไรๆ ในโรงแรมผมไม่ได้ ใช้เวลาสักพักกว่าจะเคาะห้อง แต่เชื่อไหม คนที่มาเปิดประตูห้องเป็นไอ้หน้างูเห่าดูท่าทางมันแล้วเหมือนพึ่งจะทำอะไรกันเสร็จ

“เพียวอยู่ไหน” ถามแบบไม่รอคำตอบเดินผ่านมันเข้าไปแบบไร้มารยาทกันเลยทีเดียว ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขอแค่เห็นไอ้เพียวมันเมาหลับกองอยู่บนโซฟาผมก็พอใจ

“น้องเพียวอาบน้ำอยู่”

“ใครมาเหรอครับพี่ทศ” น้ำเสียงใสแจ๋วไม่มีเค้าของคนเมา แต่ที่ไหนได้มันออกมาจากห้องน้ำสภาพไม่ต่างอะไรกับไอ้ที่ยืนมองผมแบบงงนี่เลย ผมรู้สึกเหมือนไฟมันกำลังรุกที่หัว โกรธ โมโหอย่างไม่มีเหตุผล ไอ้เพียวมันเห็นผมแล้วดูสีหน้ามันตกใจมาก นี่คงผ่านอะไรกันมาแล้วละสิถึงได้มีสภาพแบบนี้





“แรดเนอะ”

“ห๊ะ..

“ถ้าจะมาเอากันก็บอกดีๆ ก็ได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรให้มันยุ่งยาก” ผมพูดออกไปตามอารมณ์ของตัวเองไม่ได้นึกใจของอีกคนเลย

“นี่พี่พูดอะไรของพี่วะ ถ้าจะมาหาเรื่องกันละก็ออกไปเลยไป” มันโมโหจนเอ่ยปากไล่ผม ดวงตาของมันเริ่มออกแดงๆ แล้ว เห็นแล้วใจกระตุกแต่ผมโกรธมากกว่าที่จะสงสารมัน

“ใจเย็นสิเพียว” มีโอบกอดกันแบบนี้จะให้ผมคิดว่าอะไรละ

“เย็นอะไรละพี่ ดูเขาพูดสิเขาดูถูกผมดูถูกพี่ อีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เขาไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้” คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันมันเจ็บจี๊ดเลยครับ แต่ก็จริงของมันผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้วผมจะมาห่วงมันทำบ้าอะไร

“หรือมันไม่จริง” ผมมองมันด้วยสายตาที่หยามเหยียด

“เหอะ มันก็จริงอย่างที่คุณคิดนั่นแหละผมสองคนเป็นคู่หมั้นกัน จะทำอะไรๆ มันก็ได้ทั้งนั้น คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว รบกวนเวลาของพวกเราสองคน” ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อยตอนสบตากับมัน น้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาคู่สวยคู่นั้นและมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะทำต่อหน้าผม มันจูบไอ้หน้างูเห่านั่นต่อหน้าผม ตามันมองผมแบบเคียดแค้นไปด้วย สมควรจะแค้นหรอก..ผมยืนกำหมัดแน่นจุกไปหมด อึ้งด้วย ทั้งโมโห และเกลียดตัวเอง ปาเสื้อผ้าของมันในมือลงพื้นแล้วเดินออกจากห้องห้องนั้นทันที ยืนมึนอยู่แล้วทบทวน นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่วะ ทำไมต้องรู้สึกไม่ดีตอนเห็นมันจูบกับคนอื่นด้วย ทำต้องรู้สึกจะไปตะบันหน้าไอ้บ้านั่นด้วย

เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่เจออะไรขว้างหูขวางตาก็เตะมันทิ้งไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ทรายที่ผมเดินเหยียบอยู่ อะไรที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ อะไรที่ทำให้ผมหลุดมาดคุณชาย หลุดโหมดเจ้าชายน้ำแข็งได้มากมายขนาดนี้

“เพราะมึงคนเดียว ไอ้เด็กเหี้ย....กูจะไม่ยอมให้มึงได้ไปจากกูแน่นอน มึงต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่มึงทำไว้ไอ้เด็กบ้า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

(http://www.mx7.com/i/17b/kEzFXM.jpg) (http://www.mx7.com/view2/AbqfzOe6ccJ7yMJH)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 12 ทศลักษณ์ 17/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-10-2017 19:00:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 12 ทศลักษณ์ 17/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-10-2017 17:35:41
น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 12 ทศลักษณ์ 17/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 18:49:40
คนที่ปีรัก  คือเพียวที่เคยช่วยปีตอนเด็กจากผีน้ำสินะ
แต่พอโตก็จำเพียวไม่ได้ เพียว ก็จำปีไม่ได้

ปี ปฏิเสธเพียวแล้วหึงหวง โกรธเพียว แปลกไปไหม

พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 12 ทศลักษณ์ 17/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ลูฟ่า ที่ 19-10-2017 18:56:17
ทำไมเราสะใจพี่ปีแปลกๆ
 o18 o18 o18

ต่อไปจะเป็นไงน้าาา :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 22-10-2017 09:51:28



(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)




อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 13




             จากที่นอยอยู่แล้ว นอยหนักกว่าเดิมอีกครับ ทำไมเขาต้องมาพูดจาร้ายๆ แบบนั้นใส่ผมด้วยผมทำอะไรผิดเหรอ ผมไม่ใช่ยักษ์ใจดีนะครับที่จะไม่ตอบโต้ไม่โกรธ ผมโกรธเป็นโมโหเป็น ดีที่พี่ทศไม่เซ้าซี้ให้ผมเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และผมก็ไม่อยากเล่าด้วย เรื่องที่ผมชอบเขา ใช่ผมชอบพี่ปี ไม่รู้ว่าชอบไปตอนไหน แต่ที่รู้คือผมรู้สึกเจ็บตอนที่เขาบอกว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนเลย มันหน่วงหัวใจไปหมด บอกลาพี่ทศแล้วเดินกลับมาที่บ้านพักของตัวเองด้วยหัวใจที่มันกำลังซึมเศร้า ผมก้มหน้ามองพื้นตลอดเวลา เพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นว่าตาของผมว่ามันบวมแค่ไหน ผมร้องไห้ทั้งคืน เสียใจสุดๆ

แกรก

เปิดประตูห้องไอ้เขื่อนเข้าไปก็เจอมันนอนกอดไอ้ไว ไว้แน่น เห็นแล้วก็ไม่อยากจะกวนมันเลยออกมารอด้านนอก ง่วงมากแต่ไม่รู้จะไปนอนไหน เห็นมีเปลไม้หน้าบ้านก็เลยนอนตรงนั้นเช้าแบบนี้คงไม่มีใครตื่นมาหรอก ล้มตัวนอนแล้วก็หลับลึกทันที

                ตื่นมาอีกครั้ง เพราะเสียงโวยของไอ้ไว เสียงมันร้องดังมากจนผมสะดุ้งตื่น แต่ที่น่าตกใจกว่าเสียงไอ้ไวคือคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผม และผมก็ไม่ได้นอนอยู่ตรงเปลไม้ แต่ผมอยู่ในห้องของพี่ปี ข้างๆ ผมคือพี่ปีที่นอนหลับอยู่ นั่งตกใจได้ไม่ถึงสิบวิ พี่มันก็ลืมตาตื่น

“ตื่นแล้วไง” ขนาดถามยังใช้น้ำเสียงกวนตีนผมได้เลยคิดดู

“.....”

“กี่โมงแล้ว”

“.....”

“ปากมึงอมขี้อยู่เหรอ ถึงไม่พูด” แล้วจะมาหงุดหงิดใส่กูเพื่อ

“จะอมมาบ้วนใส่หน้ามึงนั่นแหละ” ตื่นมาปากก็หาเรื่อง ตะคอกเสร็จผมก็ลุกจะเดินออกจากห้อง ป่านนี้พวกนั้นคงตื่นกันหมดแล้วละ

“จะไปไหน “เขาถามผมเสียงดัง

“เรื่องของกู” ตอบกลับแทบจะทันที

“กู กับ ใคร” เขากดเสียงลงต่ำ คิดว่าจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง

“หมามั้ง”

“เพียว!! ” ตะคอกใส่จนผมสะดุ้ง ตกใจ เขาลุกมารวบตัวผมไว้ในอ้อมแขนใหญ่ๆ นั่น

“อะไร!! ” แรงมาแรงกลับไม่โกงบอกไว้เลย ผมหันไปตะคอกกลับ คนบ้าอะไรเมื่อคืนด่าคนอื่นเสียๆ หาย เช้ามาก็ยังมาเอาแต่ใจอีก ผมโมโหแรงสะบัดตัวออกจากเขาแล้ว ลุกจากที่นอนทันที ก่อนจะก้าวขาเดินไปที่ประตูโดยไม่หันไปมองว่าเขาจะโกรธผมขนาดไหน

หมับ!! ยังไม่ทันแตะลูกบิดก็โดนพี่ปีจับไว้อีกรอบครั้งนี้เขากอดผมจากด้านหลัง กอดไว้แน่นมากจนรู้สึกเจ้บและอึดอัด

“ปล่อยผม” บิดตัวแรงๆ แต่ก็ยังสู้แรงไม่ได้ เหนื่อยนะโว้ย

“คุยกันก่อน” พี่ปีรวบตัวไว้จากทางด้านหลังวงแขนเขากอดรัดผมแน่นไม่ยอมปล่อย

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น”

“เพียว”

“ฮึก...” จู่ๆ บ่อน้ำตามันก็แตก นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืน แรด ร่าน หาว่าผมไปมีอะไรกับพี่ทศอีก บอกเลยว่ารู้สึกน้อยใจมากผมหยุดดิ้น แล้งก้มหน้าลงมองที่พื้นจุดโฟกัสคือนิ้วหัวแม่โป้งของผม

“ร้องไห้เหรอ” เขาพลิกตัวผมให้หันไปหา

“ใครร้อง ไม่ได้ร้อง ทำไมต้องเสียน้ำตาให้กับคนอย่างคุณด้วย ฮึก...” ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกต่อหน้าเขา ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ เขาเหมือนตัวร้ายในละคร

“มึงตอแหลไม่เนียนเลยเพียว”

“ฮึก..ก็บอกว่าไม่ได้ร้องไง พูดไม่รู้เรื่องรึไง” ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องออกมาน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เชี้ยะจะไหลทำไมนักหนาวะ

“หยุดร้อง แล้วมานั่งคุยกันดีๆ ก่อน กูมีเรื่องจะถามจะคุยให้รู้เรื่อง” เขาพูดเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น เขาไม่หัวใจบ้างเลยรึไงนะ

“ไม่คุย ไม่อะไรทั้งนั้น..ฮึก ปล่อยสิวะ..ไอ้ อุ๊บ-x- “คำพูดของผมเสียงร้องของผม ถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมาเขาจูบผม ผมดิ้นทันทีไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้ปากร้ายๆ นั่นมาล่วงเกินผมอีกทั้งคำพูดและการกระทำ ออกแรงผลักจาอีกคนกระเด็นไปไกลถึงที่นอน

“แฮกๆ อย่าได้มาแตะต้องตัวผมอีก” ตะโกนใส่เขาแล้ววิ่งออกมาทันที

“เพียว โอ้ยย บ้าเอ้ย ทำไมแรงเยอะแบบนี้วะ” ร่างสูงขอปีมงคล พยุงตัวลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับสบถออกมา

“ไอ้มนุษย์ตัวร้าย หน็อยบังอาจมาจูบเรา คอยดูนะ ไอ้เพียวจะเอาคืนให้สาสมเลย” โมโหเลือดขึ้นหน้าเลยครับ อยู่ดีๆ มาจูบคิดว่าชอบเหรอ เหอะ ด่ากันดูถูกกันสารพัดคิดจะปลอบด้วยจูบง่อยๆ แบบนั้นนะเหรอฝันไปเถอะ ไอ้เพียวผู้นี้เอาศักดิ์ศรียักษ์เป็นประกันเลย ว่าถ้าไม่ได้เห็นน้ำตาของไอ้ปีมงคล อย่ามาเรียกกูว่าไอ้เพียว

“พี่เพียว พี่หายไปไหนมา” ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องนั้นไวมันก็พุ่งพรวดมาหาผม ปากมันบวมเจ่อ

“ห๊ะ เอ่อ ไปค้างห้องเพื่อนมา แล้วปากมึงไปโดนอะไรมา บวมเชียว” ไวมันรีบจับปากตัวเองแล้วบ่นงึมงำของมันไปเรื่อยได้ยินอะไรเขื่อนๆ นี่แหละ ก่อนมันจะเปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องผมต่อ

“พี่ไปไหนมาเมื่อคืนรู้เปล่าตอนพี่ปีกลับมาเขาเหมือนคนบ้าเลย”

“เหรอ ช่างเขาสิไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่สักหน่อย” ผมบอกมันไปแบบนั้น ไวมันก็ทำหน้างงๆ

“ทะเลาะกันเหรอ”

“ป่าว คนอื่นไปไหนกันหมด” ตอนนี้มันก็เกือบๆ จะแปดโมงเช้าแล้ว หันมองไปรอบๆ ไม่เจอใคร

“พี่ธารพาพี่ภูไปหาข้าวกิน ส่วนเอ่อ ไอ้พี่เขื่อน นอนตายอยู่ในห้องนู้น” มันทำหน้าแปลกๆ ตอนพูดถึงไอ้เขื่อน

“เมื่อกี้ยังเสียงดังโวยวายอยู่เลย” -*-

“คือพี่มาดูเองดีกว่า” มันลากผมเข้าไปในห้องของมัน พอมาถึงถึงได้เข้าใจคำว่านอนตายอยู่ คือนอนนิ่งอยู่บนพื้นข้างๆ ตัวมีตุ๊กตาช้างที่ทำจากไม้วางอยู่

“เชี้ยะ ไอ้เขื่อน” ตกใจจนอุทานออกมาเสียงดัง

“ก็ไวจะออกมาตามพี่พอดี..คือว่า ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่ พี่เขื่อนเขาจะปล้ำไว ก็เลย”

“เอาช้างฟาดหัวกู” ไอ้เขื่อนมันลืมตาขึ้นมาแล้วชี้หน้าคาดโทษเด็กน้อยของมัน

“ก็พี่เขื่อนทำอะไรผมละ”

“มอนิ่งคิสไง” ผมหันไปมองหน้ามันทันที

“ห่า สมน้ำหน้า หาเรื่อง”

ป๊าบบ ตบซ้ำรอยเดิมแม่งนี่แหละ ห่า ลามกฉิบหาย

“โอ้ย เชียะเพียวตบกูทำไม”

“บังอาจมาจูบน้องกู ห่า ลามกวะมึงอะ” ด่ามันเสร็จก็ลากไวมันออกมาด้วย แต่มันกลับโดนไอ้เขื่อนหื่นกามกระชากกลับ พร้อมกับมองมันตาดุ

“จะหนีไปไหนมารับผิดชอบหัวกูเลย ห่าเอ้ย แตกไหมเนี้ยะ” มันลุกขึ้นแล้วลากไวมันไปที่ห้องนั่งเล่น

              เดินออกมาข้างนอกอีกครั้งเพราะความหิว ไอ้คุณปีมันยังไม่ออกมาจากห้อง ผมเลยไม่รู้จะไปไหน อาหารเช้าจากทางโรงแรมเขาเอามาให้แล้ว ผมเลยนั่งกิน ที่นี่เสิร์ฟเป็นอเมริกันเบรกฟัส พร้อมกับกาแฟและนมดูหรูหรา นั่งกินตรงโต๊ะกลมหน้าห้อง กินจนหมดแล้วเดินย่อย รอเวลาลงเล่นน้ำ ไม่นานภูมันก็กลับมาพร้อมน้ำเต้าหู้ร้อนๆ หลายถุง มีขนมครกติดมือมาด้วยอีกสองถุง กลิ่นหอมใบตองลอยมาแต่ไกล สองคนนั้นเดินจูงมือกันเข้ามา แบบนี้คือตกลงปลงใจกันแล้ว หรืออะไร ผมมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายมันเกิดความรู้สึกหลายอย่าง มันคงไม่รู้ว่าผมรุ้อะไรมาบ้างมันคงคิดว่าผมคงหวงมันเป็นธรรมดาเพราะมันกับไอ้ผีบ้าพึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแค่เดือนกว่าๆ เองมั้ง ธารสบตากับผมแวบหนึ่งมันไม่ปล่อยมือเพื่อนผมเลย

“เพียวตื่นนานยัง นี่กูซื้อขนมมาฝาก คุณปีตื่นยัง” มันถามพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆ ธารเดินไปหยิบอาหารหน้าห้องมานั่งกิน ด้วยความหิว พอพูดถึงก็โผล่หัวออกมาตายยากฉิบหาย สะบัดหน้าใส่เขาแล้วลุกหนี ไม่อยากเห็นหน้าเล่นเอาสองคนนั้นมองหน้ากันงงๆ

“ทะเลาะกันเหรอ” ทำไมต้องถามเหมือนผมกับเขาเป็นแฟนที่กำลังทะเลาะกัน ผมไม่ตอบแต่เดินเลี่ยงออกมา

“เดี๋ยวสิ” เขาจับมือผมแล้วดึงให้นั่งลงที่เดิม

“มีอะไร” ผมตะคอกถามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของเขา

“นั้งกินด้วยกันก่อน”

“ไม่ อิ่มแล้ว กินไปคนเดียวสิ” พวกเราคงจะเหมือนพ่อแง่แม่งอนมาก สองคนนั้นถึงได้อมยิ้มใส่ผม

“สองคนนี้ทะเลาะกันเหมือนเป็นผัวเมียกันเลยเนอะ” คำพูดลอยจากไอ้ผีพรายมันทำให้ผมชะงัก

“เหอะใครจะไปอยากเป็นผัวเป็นเมียกับคนบ้า ปล่อยผม!! หันไปพูดตอบไอ้ผีหน้าด้านนั่นแล้วหันไปตะคอกใส่อีกคน เจ็บแล้วนะเว้ย บิดจนข้อมือแดงไปหมด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

“มึงก็นั่งกินเป็นเพื่อนกุก่อนสิ” ใช้ทั้งสายตาและน้ำเสียขู่บังคับผม

“ไม่ นัดพี่ทศไว้ ปล่อยสิ” ออกแรงสะบัดทีเดียวหลุด แล้วลุกจากเก้าอี้

“มันอีกแล้วเหรอ ขาดกันสักวินาทีมันจะตายเลยไหม กุบอกให้นั่งลง” จู่ๆ เขาก็ตวาดกลับมาเสียงดังจนผมกับสองคู่รักประหลาดสะดุ้งแรง

“จะมาบังคับกันได้ยังไงวะ ไอ้โรคจิต” ผมเองก็แรงไม่แพ้เขา “ทำไมชอบทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่เข้าใจด้วย เดี๋ยวบังคับ เดี๋ยวไล่ เดี๋ยวด่า เดี๋ยวก็ทำดีด้วย เป็นไพโบล่ารึไงวะ” ตะคอกใส่เขาไม่หยุด โมโหจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ แถมยังมีสายฟ้าแลบออกมาด้วย

“ใจเย็นสิครับคุณเวรัมภ์” เสียงธารเอ่ยเตือนผม เขาจับไหล่ผมเบาๆ เหมือนจะทำให้ผมใจเย็นลง

“เพียวมึงใจเย็นดิวะ...คุณปีเขาเป็นพี่พวกเรานะ”

“พี่เหรอ กูไม่เคยมีพี่ปากหมาแบบนี้” เหมือนทุกอย่างมันจะเลวร้ายลงกว่าเดิม จู่ๆ พี่ทศก็โผล่มา เขาเดินมาหาผมแล้วโอบไหล่ผมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

“ผมมารับเพียวไปทานข้าวเช้านะครับ” พี่ทศเอ่ยเสียงนุ่ม แต่นั่นกลับทำให้อีกคนหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า

“ทำไมเด็กนี่ต้องไปกับคุณด้วยไม่ทราบ”

“ก็..”

“คุณจะพาเด็กนี่ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เขาต้องอยู่กับผมทั้งวัน”

“ไม่มีเหตุผลอะที่ผมจะต้องอยู่กับคุณทั้งวัน”

“แต่มึงพาพวกเขามาเที่ยวนะ จะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ”

“ถูกของคุณปีเขานะเพียว พี่ว่าเรากินอาหารเช้าที่นี่ก็ได้ เราจะได้อยู่กับเพื่อนๆ ด้วยไง ไหนว่าอยากเล่นน้ำไงครับ หืมม” พี่ทศพยายามไกล่เกลี่ยไม่ให้ผมทะเลาะกับพี่ปีไปมากกว่านี้ เขาลูบหัวผมเบาๆ

“แต่เพียวไม่อยาก...”

“เพียว อย่าดื้อนะครับ โตแล้ว เราต้องมีเหตุผล” พี่ทศพูดบอกเสียงนุ่ม นี่ผมต้องทนนั่งร่วมตะกับคนนิสัยไม่ดีเหรอ

“ก็ได้ครับ ชิ” ตอบที่ทศแล้วสะบักบ๊อบใส่อีกคนที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ผม นั่งลงที่เก้าอีกตัวเดิมข้างๆ พี่อย่างจำใจ พี่ทศนั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับโทรสั่งอาหารจากทางโรงแรมมาอีกสองที่ จะบอกว่ากินแล้วก็กลัวเสียฟรอม เลยตามเลย หยิบเอาขนมครกที่ภูมันซื้อขึ้นมากิน อร่อยดีหวานๆ เค็มๆ นั่งรอไม่นานอาหารแบบเดียวกับที่ผมกินก่อนหน้านี้ก็มาอยู่ตรงหน้า นั่งมองมันนิดๆ ขืนยัดลงไปอีกมีอ้วกรับยามเช้าแน่ แต่ก็ต้องละเมียดกินไปเรื่อยๆ พี่ปีนั่งจ้องผมไม่วางตา มีแอบไปมองค้อนใส่พี่ทศด้วย

“เดี๋ยวสักสิบโมงไปเล่นน้ำกัน” ภูเอ่ยชวน

“เอาดิ ความจริงลงน้ำตอนนี้เลยก็ได้นะเว้ย อากาศกำลังดีเลย”

“ดีดิเมฆครึ้มไม่มีแดดแบบนี้” พี่ทศประชด แถมกระซิบว่า” ใครแถวนี้ทำก็ไม่รู้” เออ กูเอง กูทำเอง แหม่เดี๋ยวตีปากแตก

แล้วบทสนทนาก็จบลง เกิดความเงียบอีกครั้ง เรารอพี่ทศทานอาหารเสร็จ ก็แยกย้าย พี่ทศบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย

“เพียว..” เมื่อทุกคนแยกย้ายจึงเหลือแค่ผมกับเขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ทำเป็นไม่สนใจกันและกัน ต่างคนต่างไม่พูด จนเขาเรียกชื่อผม

“....”

“คุยกันหน่อย”

“....”

“ไม่อยากทะเลาะด้วย”

“....”

“ขอโทษนะ” รู้สึกเฉยๆ จนกระทั่งเขาเอ่ยคำขอโทษออกมา บอกตามตรงใจสั่นมากแต่ยังไม่อยากยอมรับ เขาทำร้ายจิตใจผมก่อน เพราะฉะนั้นมันเร็วเกินไปที่จะให้อภัยเขาง่ายๆ

“......”

“เพียว กูขอโทษ กูรู้ว่ากูพูดแรงไป ก็ตอนนั้น ภาพมันชวนให้คิด”

“แล้วทำไมไม่ถาม สมองคิดได้แต่เรื่องแบบนั้นเหรอ หรือไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่น” ผมว่า

“ก็ตอนนั้นมัน รู้สึกโมโหที่มึงมากับไอ้..เอ่อ นายทศนั่น มันไม่น่าไว้ใจ มันอาจจะคิดไม่ดีกับมึงก็ได้ใครจะไปรู้”

“แล้วมันเป็นอะไรที่จะต้องไปโกรธพี่ทศ ผมรู้จักพี่ทศมาก่อนคุณอีกนะ คุณต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจ พี่ทศไม่เคยล่วงเกินผมสักครั้ง มีแต่คุณที่ทำอะไรไม่เกรงใจผม”

“ไม่เคย ล่วงเกิน เลยเหรอ” น้ำเสียงของเขาเหมือนจะตกใจนิดๆ กับคำพูดของผม แล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ แอบเห็นมุมปากเขากระตุกยิ้มด้วย

“เออ มีแต่พี่ ที่ทำแต่เรื่องบัดสี” นั่งกอดอกตัวเอง แล้วแกล้งมองออกไปด้านนอกชายหาด น้ำทะเลสีฟ้าคราม สวยมาก

“กูก็ทำแค่กับมึงป่าววะ”

“แล้วเรื่องอะไรพี่ต้องมาทำแบบนั้นกับผมละ แฟนก็ไม่ใช่ “

“เออ น่า ว่าแต่ว่าดีกันนะ” เขายื่นนิ้วก้อยออกมา ผมมองแต่ไม่ยอมเกี่ยวก้อยด้วย

“ไม่เอาหรอก”

“ถ้างั้นต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ” นี่เขากำลังง้อผมอย่างนั้นเหรอ แอบเห็นริ้ว แดงๆ ขึ้นที่แก้มขาวๆ ของเขาด้วย

“เลิกปากหมากับผม เลิกตอแยผม เลิกยุ่งกับผม แค่นี้แหละ” พี่ปีคิ้วขมวดเข้าหากันแทบจะทันทีที่ได้ฟังข้อเสนอของผม

“กูทำไมได้”

“ก็แค่ทำเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน”

“แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว กูคงทำแบบนั้นไม่ได้มึงเองก็ด้วย”

“ผมทำได้” ยืนยันหนักแน่น เขาแค่นยิ้มให้แล้วลุกหนีผมไปเลย ผมเองก็ลุกเดินออกไปเช่นกัน

+++++

10.30น

ไวเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสน้ำทะเล พอบอกว่าเล่นน้ำกันมันก็พุ่งตัวออกจากที่พัก มาสนไม่รอใครทั้งนั้น วิ่งออกไปพร้อมกับห่วงยาง ปลาโลมาของมันที่มันดื้อจะซื้อมาให้ได้ คนจ่ายตังก็คงไม่พ้นไอ้เขื่อน เอ่ยปากจะจีบเค้าก็คงต้องเปย์กันอีกเยอะ ผมเดินช้าๆ ออกไปที่ชายหาดโดยมีพี่ปีเดินตามหลัง แล้วก็คู่รักพิศดาล ปิดท้ายด้วยไอ้เขื่อน ท้องฟ้ายังไม่สดใสเท่าไหร่ มันอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของผมด้วยที่ยังคงแปรปรวนอยู่ ทุกคนดูจะไม่ค่อยเอ็นจอยเท่าไหร่เพราะผมกำลังอยู่ในโหมดอึมครึม เว้นแต่หนูน้อยไวไว ที่ยังมั่นคงในอุดมการณ์ โลกสวยด้วยยิ้มอยู่ มันยิ้มได้ทุกสถานการณ์ เปลี่ยนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องตลกได้ในไม่กี่นาที ต้องขอบคุณมันที่ยังพอทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้าง พี่ปีคอยตามติดผมอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเล่นอะไรไปที่ไหน ผมเดินหนีไปยังเขตน้ำลึก พี่ปีชะงักไปนิดดูเหมือนเขาจะไม่ชอบน้ำที่ลึกเกินไป ผมเห็นแบบนั้นเลยว่ายออกไปอีก ส่วนพวกที่เหลือไม่ด้สนใจผมนักเพราะกำลังสนุกกับการเล่นน้ำอยู่ อยากอยู่แบบสงบๆ

“พะ เพียว ลึกไปแล้วกลับมานี่” ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงของเขา ยังว่ายออกเรื่อยๆ จนคิดว่าน่าจะพอแล้ว นอนลอยคอ แหงนหน้ามองท้องฟ้า

หมับ !!

“มันลึก กลับเข้าฝั่งเถอะ”

“พี่ก็กลับไปสิจะมายุ่งอะไรกับผมละ”

“กลับไปด้วยกัน” เขาบอกเสียงเข้มดึงตัวผมเข้าไปกอด เนื้อตัวเราสัมผัสกันใต้น้ำ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ และหัวใจผมก็เต้นแรงมากด้วย

“ไม่”

“เพียว” ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวจะลอยออกไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น ตอนนี้หน้าเราชิดกันปลายจมูกติดกัน ตัวเขาสั่นด้วย

“พี่กลัวเหรอ” อยากจะหัวเราะนะแต่คิดว่าผมยังโกรธเขาอยุ่เลยกลั้นขำเอาไว้ เพราะเขาพยักหน้าตอบผม

“แต่ผมไม่กลัว” ออกแรงผลักเขาออกไปไกลจากตัว ใบหน้าหล่อๆ ของเขาซีดดูเหมือนจะช็อกเพราะผมผลักเขาไกลออกไปจากฝังมากกว่าเดิม ตอนแรกก้สะใจอยู่หรอก แต่ ว่า ตอนนี้ชักจะสงสาร ตัวเขาสั่นมากๆ แต่ว่า จู่ๆ เขาก็นิ่งแล้วจมลงก้นทะเลต่อหน้าต่อตาผม

“เห้ยย พี่ปี” ผมร้องด้วยความตกใจ ไม่มีใครอยู่ใกล้ผมเลย พวกนั้นก็เล่นกันจนไม่เห็นผมแล้ว ผมดำลงไปใต้น้ำทันที สิ่งที่เห็นคือเขาพยายามตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำ เหมือนคนขาตาย ขาของเขาไม่ตีน้ำ ผมรีบพุ่งไปหา ยังไม่ทันจะถึงตัวเขาก็แน่นิ่ง พอถึงตัวผมก็เขย่าเขา ไม่มีทางอื่นแล้ว ผมเอาอากาศที่ตัวเองมีอยู่ ส่งต่อให้เขา ปากผมประกบกับปากของเขาแล้วปล่อยอากาศไปให้เขา กอดเขาไว้แน่นแล้วดันตัวให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เขายังไม่ได้สติผมรีบพาเขาขึ้นมาบนฝั่ง ทุกคนที่เห็นต่างตกใจและรีบมาดู ผมก้มลงผายปอดให้เข้า ทันที

“พี่ปี พี่ อย่ามาตายง่ายๆ แบบนี้นะเว้ย” ผมปั๊มหัวใจพร้อมกับพูดไปด้วย ตอนนี้ผมกลัวจริงๆ กลัวว่าจะเสียเขาไป

“....”

“ไอ้เพียวมันเกิดอะไรขึ้น” ผมไม่มีเวลามาตอบคำถามไปเขื่อน ไวมันโทรเรียกรถพยาบาลด้วยอาการร้อนรน

“พี่ปี..พี่” ผมไม่สามารถชุบชีวิตใครได้ หรือห้ามไม่ให้ใครตายได้ ปั๊มหัวใจกันอยู่ไม่นานพี่ปีก็มีอาการตอบสนอง

“แคกๆ ๆ” เขาสำลักน้ำออกมา ผมร้องไห้ออกมาทันที ถ้าเขาเป็นอะไรไป ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ

“พี่ปี พี่ได้ยินผมไหม ไอ้ไวรถพยาบาลมารึยัง” หันไปถามไวมันเสียงดัง

“กำลังมาแล้วพี่”

“พี่ปี อย่าหลับนะ อยู่กับผมก่อน” ตบหน้าเขาเบาๆ เพื่อให้เขาได้สติ

“พะ..พี่สาว..พี่..แคกๆ ...” เขาจับมือผมไว้แน่น นี่เขาเพ้ออะไร ใครพี่สาวกัน

“พี่ปี” เรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“หะ..หาเจอจนได้” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมา ก่อนที่จะหมดสติไป พร้อมๆ กับหน่วยกู้ชีพมาถึง พี่ปีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ผมรีบกระโดดขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ส่วนพวกที่เหลือให้ตามไปทีหลัง ผมจับมือเขาไว้ตลอดทาง น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด ผมเกือบทำให้เขาตายแล้ว ให้ตายสิ รู้สึกผิดจนลืมว่าโกรธอีกคนมาแค่ไหน..

“ฮึก....ขอโทษนะครับพี่ปี” ก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือเย็นๆ ของเขาจนมาถึงโรงพยาบาล ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะพาเขาเข้าห้องฉุกเฉิน

+++++++++++++++++++++++++++++

มีหลายคนเดาถูกเรื่องพี่ปีด้วยนะ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะคะ

จะพยายามอัพบ่อยๆนะ





[/pre]
(http://www.mx7.com/i/1b6/aqk8oE.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A8LN7WnJCwjI3TaU)


(http://www.mx7.com/i/100/OJShyU.jpg) (http://www.mx7.com/view2/AbZI6q9WinKsLnne)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2017 10:14:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-10-2017 11:00:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-10-2017 11:32:08
จำได้แล้วก็รีบทำดีกับยักษ์น้อยเสียนะ ชักช้าระวังไม่ทันการณ์
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-10-2017 16:43:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 22-10-2017 20:06:44
ตื่นมาพี่ปีจะยังจำได้อ๊ะป่าวววว
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-10-2017 20:27:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2017 21:40:48
ปี รู้แล้วล่ะสิว่าใครคือคนที่ช่วยตัวเองจมน้ำตอนเด็ก
แต่ทำไมรู้นี่สิ มีอะไรทำให้หวนนึกถึงเพียวตอนนั้นได้

แต่โกรธกันนี่ เพียวงอนหนักมากเลย
ปี หึงมั่กมาก ที่เพียวสนิทกับทศ

เขื่อนรุกไวเต็มที่จนหัวแตกละมั้ง

คูที่มีความสุขที่สุดเป็นธาร ภู   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 13 ทะเลาะ 22/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Nomilkky ที่ 22-10-2017 23:23:30
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 14 29/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 29-10-2017 07:21:17
อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 14


ปี พาท



คุณเคยตื่นกลัวอะไรแบบสุดขีดไหม กลัวในสิ่งที่ตัวเองจินตนาการ ผมเป็นหนึ่งในนั้น ผมเคยจมน้ำตอนเด็กๆ และนั่นมันทำให้ผมกลัวน้ำลึก น้ำที่มีสีเข้ม หรือบริเวณที่ขาผมแตะพื้นไม่ถึง มันคือความหวาดกลัวที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ สติผมจะหลุดทันทีที่รู้สึก รู้สึกที่เหมือนมีอะไรมายึดขาผมและดึงผมจมลงสู่ใต้น้ำ ใบหน้าผู้ชาย หน้าตาน่ากลัวยังอยู่ในความทรงจำของผม ผมไม่ชอบน้ำลึกไม่ชอบเลย

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องสีขาวๆ ที่มีแต่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ มีใครบางคนนอนจับมือผมไว้แน่น ผมก้มมองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและตาบวมช้ำด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก มัน นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายผม รู้สึกดีขึ้นมาอีกนิดจากตอนแรกที่โกรธมากๆ พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...

//พะ..พี่สาวว// ในความทรงจำผมเห็นเธอคนนั้น คนที่ผมตามหามาทั้งชีวิต รักแรกที่ฝังใจผม เธอกำลังช่วยชีวิตผม เหมือนครั้งนั้น ใบหน้าหวานสวย ผมยาว ดวงตาคู่สวย เหมือนกับเธอคนนั้น ผมพยายามจะเพ่งมองให้แน่ใจ

//หะ..หาเจอจนได้//

ผมมองหน้าของคนที่นอนอยู่อย่างพิจรณา มีส่วนคล้ายคลึงกันจนน่าตกใจ ทำไมผมถึงไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่ ผมยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ เพราะผมค่อนข่างมั่นใจว่าเธอคนนั้นไม่ใช่ผู้ชาย อีกอย่างยังจำวันที่ไปกินจิ้มจุ่มได้ไหม ตอนนั้นผมเห็นอะไรบางอย่าง ในเงามืด ถ้าสิ่งที่ผมเห็นก่อนหน้านั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เป็นแค่ภาพลวงตา ภาพที่ผมเห็นคนไฟลุกไหม้จนสลายหายไป คนที่ยืนหันหลังให้ผมมีรูปร่างคลายเด็กเพียวนี่มาก และอีกคนที่ผมมองไม่ถนัดเพราะมันทั้งมืดและมีพุ่มไม้บดบัง ตั้งแต่นั้นผมก็พยายามจะทดสอบมันหลายอย่าง เช่น ตอนที่มันเข้าวัด ดูก็รู้ว่ามันตื่นๆ เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมเห็นมันยืนคุยคนเดียวตอนที่อยู่วัดด้วย แต่มันสามารถเข้าโบถ์ของวัดได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร มันเลยทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่ามันเป็นคนหรือเป็นผี ยังจำตอนที่ผมจะตกบันไดได้ไหม มันมาถึงตัวผมเร็วมากมากเหมือนหายตัวมา ทั้งๆ ที่มันก็อยู่ที่บ้านของมัน ตกลงมันเป็นตัวอะไรกันแน่ ถามว่ากลัวไหม ไม่นะ บางทีผมอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ อาจจะจะเมาหมูจุ่มอะไรแบบนี้

ขยับตัวเบาๆ จนอีกคนค่อยๆ ลืมตาตื่น มันมองหน้าผมด้วยแววตาสำนึกผิด

“พี่ปี..เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี..กว่าตอนอยู่ในน้ำ” ไม่ได้ประชดแต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไอ้เพียวหน้าหมองลงทันที

“พี่ ผมขอโทษนะ ผมไม่รู้ว่าพี่จะกลัวขนาดนั้น”

“ยอมคุยกับกูแล้วเหรอ”

“พี่...คือ”

“ช่างเถอะ กูไม่อยาก ชวนมึงทะเลาะ กลับไปพักผ่อนเถอะ” ไล่มันกลับไปพักเพราะหน้ามันเหมือนคนไม่สบาย

“ผมไม่ไป จะอยู่เฝ้าพี่ที่นี่” มันช้อนตาบวมๆ ขึ้นมามองผม

“อย่าดื้อสิ”

“ฮึก..ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” จู่ๆ มันก็ร้องไห้ ออกมา

“.....”

“ผมไม่คิดว่าพี่จะเป็นแบบนั้น แบบที่กลัว จน ฮึก ขาแข็ง รู้ไหม ว่าผม กลัวแค่ไหน ตอนที่ปั๊มหัวใจให้พี่ ฮึก..”

“.....”

“ฮึก..ฮืออ”

“ห่วงกูขนาดนั้นเลยเหรอ” มันพยักหน้าตอบ

“คิดว่าอยากให้กุตายเสียอีก” ผมประชดด้วยการทำเสียงขึ้นจมูก

“ไม่เคยคิด..ฮึก.เลย ไม่ได้อยากให้พี่ตายสักหน่อย” ส่ายหน้าแรงๆ ใส่ผมแล้วโผเข้ากอดผมซะแน่นก่อนจะสะอื้น ปากก็พร่ำแต่ขอโทษผมไม่หยุด ร้องจนตาแดงจมูกแดงไปหมด สองมือผมโอบกอดมันโดยอัตโนมัติลูบหัวทุยๆ ที่ซุกอยู่ที่เอว

“พี่...ฮึก..ผมขอโทษนะ”

“เออ เลิกพูดคำนี้ได้แล้ว”

มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้รู้สึกว่าคนตรงหน้าก็มีมุมที่อ่อนโยนไม่น้อย ทั้งสีหน้าและแววตามันบอกได้ดีว่ามันห่วงผมมากแค่ไหน ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจ มันแค่โกรธผมและอยากจะแกล้งผมเท่านั้น มันไม่ผิดหรอก ผิดที่ผมเองมากกว่าที่เอาชนะความกลัวนั้นไม่ได้สักที นั่งลูบหัวจนมันคลายสะอื้น จับคางให้เงยหน้าขึ้นมามอง

“ตาบวมหมดแล้ว” ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกให้ แล้วส่งยิ้มให้มัน เผื่อมันจะสบายใจขึ้น

“ฮึก...ต่อไปนี้จะไม่ ฮึก แกล้งแล้ว..ฮึก” สะอื้นจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง

“เห้ออ เดี๋ยวเวลามึงโกรธกูมึงก็แกล้งกูอีกกูรู้ เลิกร้องได้แล้ว เสื้อกูเปียกหมดแล้วเนี้ยะ” แกล้งดุมันเบาๆ มันพยายามจะไม่สะอื้น

“อึ๊บ...”

“ฮึก..ฮือ..อึ๊บไร..ฮึก ละ” ผมทำเสียงอึ๊บแบบเด็กๆ เวลาจะให้หยุดสะอื้นมันหันมามองค้อนแล้วก้มหน้าลงกับตักของผม ถูไถไปมา -*- นี่มันอ้อนหร้อแกล้งเช็ดขี้มูกวะ

“นี่อ้อน หรือแอบเช็ดขี้มูก”

“อึก..ทั้งคู่” ตกใจกับคำตอบมันไม่น้อย มาไม้ไหนอีก เมื่อวานยังงอนกันจะเป็นจะตายอยู่เลย

“ไม่โกรธกูแล้ว”

“ก็โกรธอยู่ แต่ห่วงมากกว่า” มันตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผมคงพูดแรงไป ไม่รุ้ตอนนั้นอะไรเข้าสิงถึงได้พูดจาแบบนั้นออกไป รู้ทั้งรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ ปากผมมันไว กว่าสมอง ถึงได้พลั้งปากไปแบบนั้น อยากจะขอโทษมันอยู่เหมือนกัน แต่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ถือว่าเจ๊ากันไปละกัน

“แล้วเรื่องไอ้ เอ่อ พี่ทศอะไรนั่นละ ตกลงหมั้นกันจริงๆ เหรอ” ถามอย่างที่ใจอยากถาม มันลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วมองผมแบบจริงจัง

“ถ้าอกหักจากพี่ ผมก็มีพี่ทศ”

“อกหักจากกู”

“ใช่ ผมจีบพี่อยู่ แต่พี่บอกพี่มีคนที่รักแล้ว แบบนี้เค้าเรียกว่าอกหักรึเปล่าละ” น้ำเสียงมันสั่นจนผมอดสงสารไม่ได้

“แล้วถ้ากุบอกว่ากูมีคนที่รักแล้ว แต่ตอนนี้กุยังหาเขาไม่เจอมึงจะยังจีบกูอยู่ไหม”

“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่หาเขาเจอ วันนั้นผมต้องทำยังไง ถ้าผมรักพี่ไปแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะบอกให้ผมเลิกรักพี่อย่างนั้นนะเหรอ” ดวงตาของมันสั่นไหวน้ำเสียงของมันเองก็ด้วย

“.....”

“เห็นแก่ตัวเกินไปไหม” มันพูดแล้วทำท่าจะลุกหนีผมเลยรีบคว้าตัวมันไว้

“กูก็ไม่ได้ บอกให้มึงไปไหนนิ อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนหรอก”

“แล้วอนาคตของพี่มันจะมีผมไหม อย่าให้ความหวังลมๆ แล้งกับผม เพราะผมจะทรมานกว่าพี่หลายเท่า” มันช้อนแววตาเศร้าๆ ขึ้นสบตากับผม ใจกระตุกเลย ดึงมันเข้ามากอด จับหน้าสวยๆ ของมันไว้ ก่อนจะก้มลงจูบกับปากสีสดนั่น อย่างแผ่วเบาไม่มีการลุกล้ำใดๆ มันทำตาโตคงเพราะตกใจและค่อยๆ หลับตาลงรับสัมผัสที่เหลือ สองมือเล็กของมันจบที่คอเสื้อผมเหมือนหาที่ยึดเหนี่ยว ใจมันเต้นแรงแข่งกันไม่หยุด เห้ออ ท่าทางผมคงจะหนีไอ้เด็กบ้านี่ไม่พ้นจริงๆ

“มีสิ” ผละจูบแล้วบอกออกไป ไอ้เด็กบ้านี่มันก้มหน้าลงซ่อนความเขินเอาไว้ ดูน่ารักน่าฟัดมากๆ แต่ผมคงต้องอดใจไว้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะ

“อืม..ละ แล้วพี่ หะ ..หิวรึยัง” น้ำเสียงอู้อี้ฟังดูตะกุกตะกัก กับมือที่บิดไปมา บอกให้รุ้ว่ามันเขินหนักมาก

“นิดหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปหาอะไรมาให้กินนะ” ผมพยักหน้ามันรีบหันหลังวิ่งออกจากห้องไปทันที สักพักมันก็กลับมา แต่ไม่ได้มาคนเดียว คนอื่นๆ ที่เหลือก็ตามมาด้วย ผมเห็นมันเดินรั้งท้ายคู่กับไอ้ทศ แค่เห็นหนังตาผมก็กระตุกทันที มันจูงมือเพียวเข้ามา แล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที จ้องหน้าไอ้เพียวมันเขม็ง

“เพียวไหนละของกิน กูหิวแล้ว” ผมเรียกให้มันมาหา ความจริงก็ไม่ได้หิวมากเท่าไหร่แค่อยากจะแยกมันสองคนออกจากันเท่านั้น เห็นแล้วมันเกะกะลูกตา พอได้ยินเสียงผมเพียวมันก็ปล่อยมือจากไอ้บ้านั่นแล้วตรงมาที่ผมทันที แอบแสยะยิ้มใส่แล้วหันมามองเด็กหน้าซื่อๆ อย่างมัน

“ผัดซีอิ๊วกุ้ง กับ โอเลี้ยง” มันยื่นห่อข้าวพร้อมกับน้ำมาให้ผมดู เมนูอาหารมันดูคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ ผมละความสนใจจากอาหารมาที่หน้าของไอ้เพียวแทน

“พี่เพียวไม่เอาใส่จานให้พี่ปีละครับ เดี๊ยวผมหยิบให้” ไวรัลเดินไปหยิบจานมาให้ คุณเขื่อน คุณภูและแฟนของเขานั่งมองพวกเราอยู่ที่โซฟา นี่คงถามไถ่อาการผมจากไอ้เพียวแล้วแน่ๆ พวกเขาถึงไม่ได้ถามอะไรผมมากมายและไม่รบกวนผม พวกเขาแค่นั่งมองผมกับเพียว อ่ออาจจะยกเว้นไอ้ทศไว้คน ที่เอาแต่มองไอ้เพียวจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ อยากจะจกตามันออกมากระทืบให้กลายเป็นวุ้น

“อ่า เอ่อ ขอบใจนะไว เดี๋ยวพี่ทำเอง” มันแย่งจานจากมือไวรัลไปถือไว้แล้วจัดของที่ซื้อมาใส่จาน มันเลื่อนเอาโต๊ะสำหรับทานอาหารของคนป่วยมาให้ผมแล้ววางจานผัดซีอิ้วตรงหน้า แล้วก็แก้วโอเลี้ยงเย็นๆ วางคู่กัน มันเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ผม

“จะป้อนเหรอ” ผมไม่ได้หวังจะให้มันป้อนนะ แต่ถ้ามันจะทำให้ก็ไม่ได้ว่าอะไร แอบมองหน้ามันเหมือนกดดันมันนิดๆ

“อยากให้ผมป้อนไหมล่ะ” ผมถามเสียงซื่อ ซื่อบื้อสุดๆ

“ก็แล้วแต่” หันไปหยิบวรสารบนหัวเตียงมาอ่าน ไม่สนใจผัดซีอิ้วที่มันซื้อมา

“อ้าปากสิ” ละสายตาจากตัวหนังสือก็เจอกับช้อนที่มีผัดซีอิ๊วจ่อไว้ที่ปาก มันส่งสายตาให้ผมอ้าปากรับ

“หึหึ” อ้าปากรับแล้วมองมันยิ้มๆ เห็นมันทำปากขมุบขมิบอะไรสักอย่างแล้วก็แอบชำเลืองมองคนอื่นๆ

“คิกๆ” เสียงหัวเราะของไวรัลยิ่งกระตุ้นให้เพียวมันอายหนักมากกว่าเดิม จนหูเริ่มออกสีแดงๆ

“ป้อนอีกสิ”

“อะ...อื้อ” รับคำแล้วตักข้าวป้อน ดุเงอะงะ ประหม่าไม่เหมือนไอ้เพียวคนเดิมที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดุมั่นใจ แถมปากเก่งแบบสุดๆ เห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ มันน่ารักจริงๆ

“ผมพึ่งจะรู้นะครับว่าคนจมน้ำแล้วจะพิการแขนขาทำอะไรเองไม่ได้แบบนี้” น้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งล้อเลียนดังมาจากปากของคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าที่สุด ผมว่ามันตั้งใจจะว่าผม ผมเลยส่งยิ้มกวนๆ ไปให้มันก่อนจะใช้มือโอบเอวเล็กๆ ของเพียวให้เข้ามาใกล้ผมอีก มันมองตามมือมาจับมือแล้วทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันยังป้อนข้าวผมต่อ

“หิวน้ำ” มันยกโอเลี้ยงมาให้ผมดูด

“หมดแล้ว พี่อิ่มรึยัง” มันวางจานผัดซีอิ๊วที่ว่างเปล่าลงกับโต๊ะแล้วหันมาถามผม แอบอมยิ้มกับท่าทางที่ของมันที่ดูเอาใจใส่ผมดี ก่อนจะปรับหน้าให้นิ่งตอนที่มันหันมาหา

“อะ..อืม.เอาของพวกนี้ออกไปได้แล้ว” ใช้ให้มันเอาโต๊ะออกไป มันทำตามอย่างว่าง่ายแล้วยืนรอผมว่าจะให้ทำอะไรอีก ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ผมไม่ได้บังคับ หรือว่ามันฝืนใจทำ ไอ้ทศมองมาที่ผม แล้วจ้องตาดุใส่ผม เหอะ ไอ้ท่าทางดีนอกเน่าในแบบนี้ ผมรู้หรอกว่ามันหวังอะไรอยู่ ดูตาที่มันใช้มองไอ้เพียวสิ เป็นประกายวิบวับ ดูอยากจะกินมันไปทั้งตัว ผมแสยะยิ้มใส่แล้วจับมือเพียวเอาไว้ ไม่ให้มันไปไหน ไม่สนแม้กระทั่งสายตาคนทั้งห้องที่กำลังจ้องมองมาที่เราสองคน ก็อยากให้อยู่ใกล้ๆ ..มันต้องดูแลผมไม่ใช่เหรอ..



(จบ) *ช่วงต่อไปไรท์จะเขียนเป็นแบบบรรยายนะคะ*



ท่ามกลางห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลเอกชน ร่างแกร่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงตาดุคมจ้องมองชายอีกคนที่เป็นเหมือนหนามยอกอก คนที่ร่างบางบอกว่าเป็นเหมือนคู่หมั้น ด้วยความหมันไส้ เขากุมมือเล็กๆ นั่นไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ส่วนอีกคนก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ อย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตมองตามสายตาที่ร่างสูงมอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ปล่อยมือก่อนก็ได้มั้ง ไม่หนีไปไหนหรอก” ปากเล็กพูดออกไปและแกะมือตัวเองออก ปีมงคลส่งสายตาไม่พอใจมาให้ เขาแค่จับทำเป็นหวง

“อยากจับ ไม่ได้เหรอครับ” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนอีกคนทำหน้าเหวอ

“กินยาไม่เขย่าขวดเหรอพี่ อะไรแบบนั้น” น้ำเสียงออกจะหวั่นใจนิดๆ ที่จู่ๆ ปีมงคลพูดจาหวานเลี่ยนใส่แถมยังพูดเพราะซะจนขนลุก

“ตั้งแต่นี้ไปพี่ปีจะทำตัวดีๆ กับน้องเพียวนะครับ” นั่นปะไรขนลุกได้อีก เพียวมองคนตรงอย่างไม่เข้าใจและเริ่มงงกับท่าทีของเขา

“พี่..เล่นอะไรของพี่เนี้ยะ ขนลุก..”

“ไม่ได้เล่นแต่เอาจริง” ตาจ้องไปที่ยักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมของห้อง

“....”

“อะ แห่ม..พูดจาอะไรเกรงใจคนโสดอย่างผมด้วยนะครับพี่ปี” เสียงหวานๆ ของไวรัล เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักกระแอม แซวพวกเขา

“อีกหน่อยก็ไม่โสดแล้วครับน้องไว พี่กำลังจีบน้องไวอยู่นี่ไงละครับ” เสียงของเขื่อนดังขัดขึ้นมาอีก ทำเอาไวรัลที่กำลังฉีกยิ้ม หุบลงทันที่ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ร่างสูงที่พยายามจะเกาะแกะอยู่ตลอดเวลา

“ฝันไปเหอะ ไอ้หน้าหื่น” ไวหันไปแว๊ดใส่แล้วเดินหนีมาหาปีมงคลกับเพียวทันที ส่วนธารกับภูผาได้แต่นั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มขำ

“ท่าทาง ไอ้เขื่อนคงจะมีเด็กในปกครอง แต่ยากหน่อยกว่าจะได้ดูสิ น้องทำท่ารังเกียจมันขนาดนั้น” ภูผาหันไปกระซิบกับพรายน้ำผู้หล่อเหลา

“คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกนะครับ” ธารตอบกลับเสียงนุ่ม เขากำลังมองทุกคนอย่างพิจรณา โดยเฉพาะ ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นคู่หมั้นของเพียวยักษ์หนุ่มที่กำลังตกเป็นประเด็น “คงจะเผ่าพันธุ์เดียวกันสินะ” เพราะเขาเห็นไอวิญญาณแบบเดียวกับเพียว แต่ของทศเข้มกว่า

“อยากให้สองคนนั้นได้กันไวๆ เหมือนกันนะพี่ธาร คึคึ เพียวมันจะได้เลิกกังวลเรื่องผม แล้วหันไปกังวลเรื่องผัวมันแทน” หนุ่มน้อยน่าซื้อเอ่ยกับคนรักด้วยอารมณ์ขบขัน

“ก็จริง หึหึ” เขาเห็นด้วยกับความคิดของคนรักด้วยเช่นกัน

ทางด้านเพียวที่กำลังออกอาการงงจัด ได้ไม่นานก็ถึงบางอ้อ เมื่อเห็นสายตาฟาดฟันกันระหว่างชายสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันตั้งแต่แรกเห็น

“ทำประชดพี่ทศเหรอครับพี่ปี” ร่างบางใช้น้ำเสียงเข้มๆ เอ่ยกับร่างสูง

“ใครทำประชด จะประชดทำไม” เมื่อถูกจับได้ ก็ใช้น้ำเสียงแข็งๆ เหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เพียวได้ลุกไปไหน ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ในใจคิดว่าจะมาทำให้ใจเต้นเพื่ออะไรกัน

“เหอะ” นั่งทำหน้าบูดใส่

“ทำหน้าให้มันดีๆ”

“ดีที่สุดแล้ว” ตอบแบบห้วนๆ เพราะยังโกรธอยู่

“ที่กูพูดไปเมื่อกี้กูพูดจริงนะเพียว ต่อจากนี้ไปกูจะทำตัวดีๆ น่ารักๆ ให้มึงเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มร่างบางสบตามองก็เห็นแววตาที่จริงๆ ไม่ได้มีความล้อล้อเล่นอยู่ในนั้นสักนิด ทำให้เขาถึงกับใจสั่นไหวอีกครั้ง

“ทำเพื่อ” แกล้งถามออกไปอย่างนั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เขาเขินกับสายตาของปีมงคลจริงๆ

“เพื่อให้มึงหันมารักกูไง”

“!!!!!! ”
+++++++++++++

พี่ปีเค้าเปิดใจแล้วนะค่ะ อาการหึงหวงก็มา อยากจะจีบเค้าแต่ตัวเองดันอึนใส่ แหม่พ่อปากแข็ง ส่วนน้องจากที่เคยถอดใจเริ่มจะเห็นไอบางๆสีชมพูบ้างแล้ว คงต้องลุ้นนะคะท่านผู้โช้มมมมม ตอนหน้า จะปรับเข้าสู่โหมด พระเอกสายหื่นกับนายเอกสายโหด
คู่รองนี่คงต้องรอ อีกหน่อยนะค่ะ อ่านแล้วติชม คอมเม้น หรือแนะนำ คนเขียนได้ตามสบาย หรือจะกดติดตามเพจนิยายไว้ก็ได้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนเขียน

ปล.เค้ารักตะเองนะ เอ็นดูเค้าเยอะๆนะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 14 29/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 29-10-2017 08:46:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** up ตอนที่ 14 29/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2017 09:44:14
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter (ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก01)คู่รอง 2/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 02-11-2017 07:23:23


(http://www.mx7.com/i/2ac/elDupt.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A9gRnsD4qIdca2Fk)


(http://www.mx7.com/i/254/hQKhMD.jpg) (http://www.mx7.com/view2/Adoxjjwm5OWuxKBM)






ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 01

             การเกิดมาโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร ทำไมตัวเองถึงไม่มีพ่อกับแม่ พวกเขาไม่รัก ไม่ต้องการเราอย่างนั้นเหรอ หรือว่าเราเป็นตัวปัญหา การเติบโตมาด้วยคำพูดของเด็กวัยเดียวกันที่เรียกเราว่า ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไอ้พ่อแม่ไม่รัก มันได้สร้างรอยร้าวไว้มากมายในช่วงชีวิตของ ภูผา แต้มสูงเนิน เด็กชายตัวจ้อยที่หลวงตาบัวรับมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่อายุได้สองเดือน วันนี้เด็กตัวน้อยกลับมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันคือเด็กชาย เขตเขื่อน แต้มสูงเนิน นามสกุลของหลวงตาบัว ดวงตากลมโตสีดำขลับเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ข้างกายมีเพื่อนสนิทอย่างเขื่อนเดินตามต้อยๆ คอยปลอบ แต่เพื่อนของเขากลับไม่ยอมหยุดร้องสักทีขึ้นมาบนกุฎี ถอดรองเท้านักเรียนขาดๆ ยังไม่รวมถุงเท้าที่เป็นรูตรงหัวนิ้วโป้ง ถอดไปร้องไห้ไปจนหลวงตาบัวต้องออกมาดู

“ฮึก หลวงตาจ๋า ฮึก เค้าว่าภู เค้าว่าพ่อแม่ไม่รักภู ไม่รัก ฮึก ถึงได้ทิ้งไว้” เสียงสะอื้นดังจากปากสีชมพูอ่อนมือป้อมยกขึ้นปาดน้ำตา

“เห้ออ อีกแล้ว ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้ว เจ้าภูว่าอย่าเอาคำคนมาใส่ใจ ไหนมานั่งนี่สิ” เรียกเด็กน้อยสองคนให้มานั่งใกล้ เด็กน้อยคลานเข่าเข้ามาหา

“ฮึก...ภูอยากมีพ่อมีแม่”

“ข้านี่ไงพ่อแม่เอ็ง”

“ฮึก ฮรืออ ไม่ใช่ ภูอยากได้ที่เป็นแบบพ่อแม่จริงๆ สักหน่อย ฮึกอีกอย่างหลวงตาเป็นผู้ชายจะมาเป็นแม่ภูของภูได้ยังไง” ว่าออกไปตามประสาเด็กสิบขวบ

“เห้ออ เจ้าภูเอ้ยย” สองมือหยาบกร้านลูบลงบนหัวทุยอย่างเอ็นดูปนสงสาร

“ข้าตั้งชื่อให้เอ็งว่า ภูผา ภูผาคือหินผาที่แข็งแกร่ง มันไม่เคยล้มเมื่อโดนพายุพัด ไม่เคยย่อท้อแม้จะโดนทั้งฝน ทั้งลม ข้าอยากให้เอ็งเข้มแข็งดั่งภูผา จำไว้ เก็บน้ำตาของเอ็งไว้ใช้ตอนข้าตายดีกว่า” น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยราวกับสายลมที่กำลังปลอบประโลมจิตใจของชายวัยเจ็ดขวบให้เข้มแข็ง

“อ่าวแล้วเอ็งละไอ้เขื่อนปากไปโดนอะไรมา” เด็กน้อยพอได้ยินเสียงหลวงตาถามเข้าก็ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาจับผิดทันที

“โดนประตูฟาดเอาครับหลวงตา”

“โกหกพระมันบาปนะเอ็ง” พอได้ยินเจ้าตัวแสบประจำวัดก็สะดุ้งโหยงทันที

“ฮึก เขื่อน ฮึก ต่อยกับไอ้กุ้งครับหลวงตา” เป็นภูผาที่แก้ไขให้ จะให้เรียกอีกอย่างก็คือฟ้องนั่นเอง

“อ่าวไอ้นี่ “หลวงตาหันไปเอ็ดใส่เด็กแสบที่เอาแต่นั่งทำปากขมุบขมิบว่าเพื่อว่า ไอ้ทรยศด้วยเสียงเบาๆ

“ก็มันมาว่าภูก่อนนี่ครับหลวงตา มันผลักภูด้วย” เด็กน้อยรีบแก้ตัวทันที เขาทำเพราะปกป้องภู

“แล้วข้าเคยสอนให้เอ็งตัดสินปัญหาโดยใช้กำลังรึไง”

“ไม่ครับ” เขื่อนก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด

“ทีหลังอย่าทำอีก”

“ครับหลวงตา”

13 ปีต่อมา

จากเด็กน้อยเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ที่ก้าวผ่านความยากลำบากและคำดูถูก มุ่งมานะฝ่าฟันจนเรียนจบได้ใบปริญญามาฝากหลวงตาที่เคารพรักดั่งบุพการีแท้ๆ ทั้งสองไม่เคยลืมบุญคุณข้าวก้นบาตรและบุญคุณของหลวงตาบัวที่ตอนนี้ชราภาพมากแล้ว ทั้งสองยังอาศัยอยู่ที่วัดดูแลปรนนิบัติหลวงตาไม่เคยห่าง งานการก็ได้ดิบได้ดี ได้ทำงานในบริษัทใหญ่โต ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่ทว่าจากหนุ่มน้อยกลายมาเป็นหนุ่มใหญ่กลับไม่มีความรักกับเขาเลยสักครั้งและนั่นทำให้เขาต้องทุกข์ใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่หล่อ แต่เขาเป็นแค่เด็กวัดจนๆ ใครมันจะสนเด็กวัดจนๆ อย่างเขากันละ

ร่างบางออกจากบริษัทใหญ่ เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ บอกจุดหมายปลายทาง ที่ที่เขาชอบมานั่งรับลมเวลาเครียดๆ

ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ่ายตังก็เดินดูอะไรเล่นๆ จนเพลิน จนมาเจอร้านขายลูกชิ้น อยากกินเลยล้วงหยิบกระเป๋าแต่ว่า

“เห้ย หายไปไหนวะ เมื่อกี้ยังอยู่เลย” วุ่นวายกับการหากระเป๋าเงิน ดีนะที่เขาแยกเงินไว้ใช้แต่ละวันไว้เลยหายไปไม่เยอะเท่าไหร่ เดินคอตกมานั่งที่บันไดที่เดิมที่เคยนั่งประจำ กะจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาให้เขื่อนมารับแต่แบทดันหมดอีก วันนี้มันจะซวยอะไรนักหนา

“เห้ออออ เหนื่อยจังเลยวันนี้” ดวงตากลมหันไปมองคนข้างๆ ก่อนจะหันกลับแล้วตะโกนออกมา

“แฟนก็ไม่มี หญิงก็ไม่แล ย๊ากกกกกกกกก” ร้องดังจนผู้ชายที่นั่งข้างๆ สะดุ้งตกใจ จนยกมือขึ้นจะเขกหัวเขา

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ” ภูผารีบบอก

“หะ เห็น ผม ด้วยเหรอ” ถามอะไรแปลกๆ มันก็ต้องเห็นอยู่แล้ว นั่งชิดกันขนาดนี้ภูผาคิด

“ฮ่าๆ พูดอะไรของคุณ ก็ต้องเห็นสิครับ”

“เป็นไปไม่ได้ หรือว่าฤทธิ์ข้าเสื่อม ไม่ได้การละ” พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว มองตาเขา สีหน้าที่ดูตกใจนิดๆ จะตกใจอะไรก็คนเหมือนๆ กัน

“คุณพูดอะไรตลกชะมัด แล้วจะไปไหน จะกลับแล้ว เหรอ คุณนี่ คุณ!!! อย่าคิดสั้น คุณ” สิ่งที่ดวงตาคุ่สวยเห็นคือผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นเดินไปที่ริมตลิ่งและ

ตู้มมมมม

“ว๊ากกกกกกก คนตกน้ำ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย” ภูผาเห็นคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็สตอแตกทันที แหกปากร้องให้คนช่วยจนคนแถวนั้นตกใจ กว่าจะรู้ตัว ผู้ชายคนนั้นก็หายไปกับสายน้ำแล้ว

“ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นเขาโดดลงไปในน้ำ ผมเห็นจริงๆ นะแต่ทำไมไม่มีใครเชื่อผม ฮึก ฮือออออ

“น้องพี่ว่าน้องคงเจอดีเข้าแล้วละ แถวนี้นะเขาโดนกันบ่อย แล้วนี่ลุกไหวไหม” ผมส่ายหน้า

“น้องมีญาติไหมพี่จะโทรตามให้” พยักหน้าตอบพร้อมกับบอกเบอร์ไอ้เขื่อน

“ฮึกกก เขื่อนช่วยกูด้วย กูโดนผีหลอก” ภูผาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร เขากำลังช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานภูผาก็มารับตัวเขากลับไปที่วัด ให้หลวงตาเรียกขวัญกลับมา

++++++++++++++++

“ท่านพรายธาร กลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของกรกรรณ์พรายทาสที่คอยปรนนิบัติรับใช้เจ้าแห่งผีพรายมาหลายร้อยปีเอ่ยด้วยความดีใจ เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะนายท่านของเขาขึ้นบกไม่ยอมบอกเขานะสิ

“เออ เอ็งนี่พูดจาโบราณใส่ข้าอีกแล้ว ก็บอกให้แทนตัวเองว่าผมแทนข้าว่าท่านธาร พี่ธาร หรือคุณธารก็ได้ หัดเอาสำนวนมนุษย์มาใช้บ้าง ขึ้นไปบนบกเขาจะได้ไม่สงสัยเอา เห้อ กรกรรณ์เอ๊ยย” พรายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทาผมน้ำเงินที่ยาวเลยแผ่นหลัง ใต้กรอบใบหน้าอันหล่อเหลามีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม กำลังจ้องมองทาสรับใช้ของตัวเองด้วยแววตาตำหนิ

“ขออภัยขอรับ เอ้ย ขอโทษครับคุณธาร”

“เออ! นั่นแหละ ! มันถึงจะฟังเสนาะหู”

“-*- (ตัวเองนี่พูดไม่โบราณเลยเนอะ) ” กรกรรณ์แอบบ่นเบาๆ กับตัวเองพรางลอบมองเจ้านายเหนือหัวด้วยความขัดแย้งในใจนิดๆ

“แล้วนี่ท่าน เอ้ย คุณธารออกไปทำงานมาหรือครับ ได้เรื่องไหม” พูดถึงเรื่องทำงาน ธารก้นึกขึ้นได้

“นี่กรกรรณ์ ปรกติแล้วมนุษย์สามารถมองเห็นเราได้ไหม”

“ไม่ได้ขอรับถ้าเราไม่อนุญาต”

“เหรอ แล้วทำไมวันนี้ข้าขึ้นไปบนบกมา แล้วเจอคนคนหนึ่ง เขามองเห็นข้า ได้ยินเสียงข้าด้วย” พรายธารทำหน้าสงสัยพร้อมกับสบตากับทาสผู้ซื่อสัตย์อย่างรอคำตอบ

“เห็นด้วย ได้ยินด้วยเหรอขอรับ!!!! ” กรกรรณ์เอ้ยด้วยนำเสียงตกใจ จธารถึงกับสะดุ้ง

“เออ เอ็งจะเสียงดังใส่ข้าทำไมเนี้ยะ”

“ขออภัยขอรับ เอ้ย ครับ” ไม่ชินปากสักที เขาแอบหงุดหงิดตัวเองนิดๆ

“นายท่านยังจำเรื่อง เจ้าสาวในตำนานได้ไหมครับ”

“เจ้าสาวของพรายน้ำนะเหรอ” ธารทำหน้าครุ่นคิด

“ครับ”

“ทำไม”

“อาจจะเป็นคนนี้ก็ได้นะครับ”

“บ้า ! ไอ้เด็กนั่นมันเป็นผู้ชายจะมาเป็นเจ้าสาวข้าได้ไง ฟ้าผ่าตายกันพอดี” เขาตะคอกลั่นเมื่อได้ฟังเจ้าทาสเอ่ยออกมา

“ก็ในตำราไม่ได้ระบุไว้นี่ครับว่าจะเป็นผู้หญิง” ร่างโปร่งโบกมือไปในอากาศเล็กน้อยก่อนตำราโบราณที่เปรียบเสมือคลังความรู้ของเหล่าภูตผีก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะพลิกหน้าหนังสือนั่นไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าของเจ้าสาวของพรายน้ำ

“นี่ไงครับ มันไม่ได้ระบุไว้ บอกเพียงว่า เจ้าสาวจะได้ยินและเห็นท่าน โดยที่ไม่ต้องได้รับการอนุญาตใดๆ จากเหล่าผีพราย จากดวงชะตาแล้ว เขาน่าจะเกิดวัน เดือน ปีเดียวกับท่านะครับ”

“อาจจะไม่ใช่ก็ได้ บางมันแค่อาจจะมีพลังวิเศษ มีสัมผัสที่หก แบบเห็นผีได้อะไรแบบนี้ เจ้าสาวข้าต้องเป็น ผู้หญิงที่ขาวสวย หมวย เอ็กส์ หน้าอก คัพดีดิวะ อย่าน้องไอซ์ อภิษฎา เท่านั้นเว้ยย” เจ้าแห่งผีพรายเอ่ยด้วยความมั่นใจ เขาไม่ยอมรับหรอกว่าคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองจะเป็นเพศชาย มีหนอนเหมือนกับเขา

“โห่ นายท่าน นายท่านเลือกได้ด้วยเหรอ” กรกรรณเอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยใจ คู่แห่งโชคชะตาเป็นอะไรที่ธารเลือกไม่ได้ คนไหนคือคนนั้น เปลี่ยนไม่ได้ด้วย นั่นแหละที่ทำให้ธารต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องพิสูจน์ให้แน่ใจ เขาต้องรู้ให้ได้ว่า เด็กผู้ชายคนนั้น เป็นคู่ของเขาจริงรึเปล่า

“งั้นข้าจะไปพิสูจน์ ถ้าใช้ข้าก็จะยอมรับ แต่ถ้าไม่ หึหึหึ ข้าจะเอามมันมาเป็นทาสแทนเอ็งโทษฐานทำให้ข้าจิตตก!!! ”

“อ่าว..! .”

ตกดึกของคืนวันนั้น

      เสียงลมหวีดหวิวไปทั่วทั้งบริเวณวัด ยามดึกสงัดแบบนี้ไม่มีใครกล้ามาเดินอยู่ในวัดมืดๆ แบบนี้หรอก เสียงใบไม้ปลิวตามแรงลมเหมือนกับหนังสยองขวัญ ดังรอบๆ บ้านไม้หลังเก่า ทรงไทย ที่ตั้งอยู่ด้านหลังกุฎิของหลวงตาบัว เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำใบไม้แห้งยิ่งทำให้คนที่นอนไม่หลับได้แต่เงี่ยหูฟังด้วยใจที่สั่นกลัว ภาพชายหนุ่มที่กระโดดน้ำยังติดตาเขาไม่หายแล้วนี่..

บะ..บะ บรู้วววววว

“เฮือกกกก!! ” ร่างบางใต้ผ้าห่มหน้าสะดุ้งเฮือก เขาหลับตาแน่น เพราะเสียงหอนของหมาในวัดมันหอนรับกันเป็นทอดๆ และ เข้ามาใกล้บ้านของเขาเรื่อยๆ

“ไม่นะ ไม่นะ อย่ามานะ ฮรือออ” ภูผาได้แต่ภาวนาในใจ เขาขยับตัวเข้าไปใกล้กับเขื่อนที่นอนอยู่อีกฝั่งอย่างช้าๆ

“ขะ...เขื่อนน มึง..หมาหอน” เอ่ยด้วยเสียงที่ฟังเหมือนฟันกระทบกัน มือบางค่อยเลื่อนออกจากผ้าห่มไปสะกิดเพื่อนที่นอนหลับเป็นตายอยู่ด้านข้าง

“ขะ..เขื่อน มึงงง”

แกรกกก ปัง!!!

“เชี๊ยะ...เข้ามาได้ยังไงวะ” ภูผาแทบสิ้นสติเมื่อจู่ๆ ประตูห้องของพวกเขาก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงของพระจันทร์ที่สาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“เจ้าเกิดวันที่เท่าไหร่!! ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยใจที่ร้อนรน

“ฮะ....คร๊อก” ยังไม่ทันที่เขาจะได้คำตอบร่างบางก็ช็อกสลบไปต่อหน้าต่อตาเขา

“ไม่ได้เรื่องจริงๆ เลยมนุษย์พวกนี้” การมาครั้งนี้ทำให้เขาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ อุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าดงพระมาเพื่อหาคำตอบ แต่ดันมาสลบไปก่อนแบบนี้เขาก็แย่นะสิ ร้อนจนหนังแทบไหม้ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ร่างสูงจำใจต้องกลับก่อนที่เขาจะโดนเผาทั้งเป็น!!!

+++++++++++++++++++++

เปิดตอนแรกของคู่รองนะคะ ฝากพี่ธารกะภูผาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคร้าาา ฮิ้ววววว


(http://www.mx7.com/i/17d/5NvPlr.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A4piwb6AYlXx05Sr)



(http://www.mx7.com/i/0c3/cSVuj9.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A46rRI80BbIqJrWw)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** (ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก01)คู่รอง 2/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-11-2017 08:23:14
บอกให้ลูกน้องพูดกับตัวเองแบบมนุษย์ธรรมดา แต่พี่ธารไม่เค๊ยไม่เคยจะมาหาภูแบบมนุษย์ธรรมดาบ้างเล๊ยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** (ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก01)คู่รอง 2/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-11-2017 11:14:35
แหม จ๊ะพี่ธาร
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** (ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก01)คู่รอง 2/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2017 11:56:18
ธาร เจอเจ้าสาวแล้ว
ภู เจอคู่ตัวเองและ

ธาร ภู  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** (ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก01)คู่รอง 2/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 02-11-2017 15:13:23
แอบหมั่นไส้ความมั่นหน้าของพี่ปี น้องยักษ์เพียวเสียใจนะ...เดี๋ยวก็เชียร์พี่ทศซะเลยนี่  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 15 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 05-11-2017 13:51:48


(http://www.mx7.com/i/0aa/akx47g.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A3Q8VELw2djyIYAe)



อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 15

หนึ่งวันให้หลัง ปีมงคลออกจากโรงพยาบาล พวกเขาเที่ยวต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะกลับกรุงเทพ จุดหมายครั้งนี้คือตลาดเพลินวาน แหล่งกินเที่ยวช็อปสุดฮิตที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมไปเที่ยวกัน เพียวออกอาการตื่นเต้นนิดๆ เพราะเมื่อก่อนตอนเขายังเด็กๆพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่ดินรกร้างไร้ผู้คนอยู่เลย บ้านเมืองเจริญขึ้นเขาก็ต้องอัพเกรดตัวเองเช่นกัน ปีมงคลอาสาเอารถของโรงแรมซึ่งเป็นรถตู้คันใหญ่สามรถนั่งได้หลายคน ไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้ ทุกคนไม่ปฎิเสธดีเสียด้วยซ้ำเพราะรถของโรงแรมนั้นกว้างกว่ารถของพวกเขาเป็นไหนๆ

พอไปถึงเพียวกับไวก็จับมือกันเดินนำไปก่อนไม่รอใครทั้งนั้น เพลินวานเป็นตลาดแนวย้อนยุค ให้คนได้ย้อนรำลึกถึงวัยเด็กดังนั้นที่นี้จะตกแต่งไปด้วยสิ่งของโบราณ ทั้งร้านค้าและแนวความคิด มีงานวัดตอนกลางคืนให้ได้สนุกกันด้วย ร่างบางเดินดุ่มๆ เข้าไปด้านในทันทีโดยไม่ลืมที่จะแวะถ่ายรูปป้านสัญลักษณ์ของเพลินวานเอาไว้ ทุกที่ที่กำลังเดินตามได้แต่อมยิ้มกับความโก๊ะของทั้งคู่ เพียวลากไวรัลไปยังร้านขนมร้านหนึ่ง

“ขนมเบื้องโคตรน่ากินอะไว ซื้อๆ ป้าครับเอาขนมเบื้องครับ” ร่างบางยืนจ้องขนมเบื้องด้วยความอยากกิน ขนมร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยัวยวนจนเขาแทบจะทนไม่ไหว

“20บาทลูก”ป้าคนขายบอกอย่างเป้นกันเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จนคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ พอได้ขนมมาก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียม กำลังจะขวักเงินจ่าย

“นี่ครับ20” ปีมงคลยื่นแบงก์สีเขียวส่งให้แม่ค้า เพียวหันมามองด้วยความสงสัยว่าร่างสูงมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมจ่ายเอง”ร่างบางรีบบอก แค่20บาทเขาจ่ายเองได้

“กูจ่ายแล้ว อยากกินอะไรก็บอกละกัน..อะ เอ่อ ไวด้วยนะอยากกินอะไรก็บอกพี่”อึกอักในตอนท้ายเพราะเขาลืมไปว่ายังมีอีกคนยืนอยู่ด้วย นี่เขาออกตัวแรงไปหรือเปล่า ก็เลยหันไปบอกไวรัลด้วยน้ำเสียงเก้อๆ เด็กน้อยของเขายิ้มกรุ้มกริ่มใส่แล้วรีบเดินแยกไปหาเขื่อนที่เดินตามมาไม่ห่าง เหมือนเงาตามตัว

“อ่าว ไวไปไหนละ” เพียวออกอาการตื่นนิดๆ เมื่อได้อยู่กับปีมงคลกันแค่สองคน ร่างสูงใหญ่แตะเอวบางให้เดินต่อ ทำแค่นี้ใจก็เต้นแรงไม่หยุด จะให้หยุดเต้นได้ยังไงเมื่อคนที่ชอบมากมากอยู่ใกล้ๆแบบนี้

“เดินต่อสิ” ปีมงคลบอกพร้อมกับก้าวเดิน ด้านหลังพวกที่เหลือก็เดินเป็นคู่ๆ เช่นกันเพียวเลยไม่ต้องกังวลหรือห่วงอะไรมาก พวกเขาเดินมาถึงโซนของกินและของที่ระลึก ซึ่งถึงตรงนี้คนเริ่มแน่นมากขึ้น ปีมงคลจึงคว้าเอามือบางของเพียวเอาไว้ เขาประสานมือผ่านรอยแยกของนิ้วแล้วกระชับแน่น การกระทำอุกอาจและน่าตกใจทำให้เพียวถึงกับลมหายใจสะดุด แอบกำมือที่ว่างด้วยใจที่สั่นหวิว นี่เขาต้องทนกับอาการผีเข้าผีออกของคนตัวแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ เขินเว้ย บอกเลย!!!

“อะ..เอ่อ ทำไมต้องจับด้วยละ”

“กลัวหาย ยิ่งโง่ๆ อยู่” อ่า นี่ห่วงใช่ไหม ร่างบางคิ้วกระตุกนิดๆกับมาดเข้มๆของอีกคน ไม่รู้จะปากแข็งไปไหน

“ก็ไม่ได้โง่ไปกว่าพี่นักหรอก ปล่อยเลยไม่ต้องมาจับ”แกล้งทำปึงปังใส่ ปีมงคลไม่ทำตามที่ร่างบางบอก เขายังคงจับมือแถมยังแน่นกว่าเดิม และนั้นทำให้เพียวแอบไปยิ้มกว้างอยู่คนเดียว

“เดินไปเฉยๆ เถอะ” บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพียวเลยตั้งใจเดิน คือเดินแบบไร้ทิศ ไม่มีจุดหมาย  แวะร้านนั้นร้านนี้ไม่หยุด จนคนเดินตามเริ่มเหนื่อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมา เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดตามไรผม เขายกมือขึ้นปาดเบาๆ เท้าก็ยังก้าวตามแรงลากไปเรื่อยๆ ไม่มีปริปากบ่น ผิดวิสัยคนขี้ร้อนและหงุดหงิดง่าย ขนาดไวรัลที่รู้จักกันดียังต้องแอบทึ่ง พี่ชายของเขาเปลี่ยนไปมาจริงๆ

“เอาอันนี้” ชี้ไปที่ร้านขายน้ำซาสี่ น้ำอัดลมโบราณ ร่างสูงพยักหน้า เพียวหันไปสั่งน้ำแดงคนอื่นๆ ก็สั่งของตัวเองเช่นกัน

“อะ..ดูดสิ” เพียวดูดไปแล้วอึกหนึ่งก่อนจะจ่อหลอดไปที่ปากของปีมงคล ร่างสูงทำหน้าอึ้งนิดๆ แต่ก็ยอมก้มลงมาดูดน้ำจากมือของเพียว ภาพนี้เหมือนในนิยายรักไม่ผิดเพี้ยน ทั้งสีหน้าและแววตาที่สองคนใช้มองกันและกัน จนไวอดไม่ได้ที่จะแอบเก็บรูปเอาไว้

“อ่าส์..ชื่นใจดี” ร่างสูงร้องครางออกมาอย่างถูกใจร้อนๆ แบบนี้ได้น้ำเย็นๆ เข้าไปก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย เพียวดูดหลอดต่อจากเขา ร่างบางเองก็กระหายไม่น้อย พอปีมงคลเห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มนิดๆ เหมือนจูบกันทางอ้อม

“ยิ้มอะไรของพี่” เพียวหันมาเห็นเข้าก็เลยถามออกไป ปากก็ดูดน้ำซาสี่ไปด้วย ปากเล็กเริ่มฉ่ำแดง ปีมงคลมองแล้วรู้สึกอยากฟัดคนตรงหน้าขึ้นมาทันที

“หึหึ น่ารักนะมึงอะ” เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเพียวให้ได้ยินกันแค่สองคน พอได้ยินแบบนั้นร่างบางถึงกับสำลักน้ำ

“พูดอะไร ขนลุก” ความจริงเขาเขินมากว่า เขินจนหน้าแดง ปากก็เม้มแน่นไม่กล้ายิ้มออกมาตรงๆ กลัวอีกคนจะได้ใจล้อเขาอีก

“เขินเหรอ หึหึ เขินกูแล้วอย่าไปเขินให้ใครหน้าไหนละ อีกอย่างแก้มแดงๆ นั่นมันมีไว้ให้แค่กูคนเดียวจำไว้ด้วยละ” กอดคอคนตัวเล็กไว้จากทางด้านหลังอย่างแนบชิด กวาดสายตามองก็มีแต่พวกแร้งกาคอยมองแต่คนของเขา แบบนี้จะไม่ให้หวงได้เหรอ ไหนจะไอ้ก้างชิ้นใหญ่ที่โรงแรมอีก คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“-///- พูดมากเกินไปแล้ว” จะเดินหนีแต่โดนรัดคอไว้ จำใจต้องยอมเดินในท่านั้นไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่เท่ากับว่าปีมงคลกำลังจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับคนตัวเล็กแบบเนียนๆ ร้ายไม่เบา

เดินเที่ยวเดินกินกันจนเพลิน ไวรัลซื้อทุกอย่างที่อยากได้แต่คนจ่ายเงินกลับเป็นเขื่อนที่ยอมเปย์เด็กน้อยของเขาอย่างเต็มที่เปย์จนกระเป๋าแฟบก็ยังยิ้มไม่หุบ ดูจากรอยยิ้มของคนทั้งคู่แล้วคงจะลงเอยในอีกไม่นาน หันมาที่อีกคู่ คู่ที่เพียวเรียกว่าคู่รักพิศดาล คนกับผี คู่นี้เหมือนปัญหาจะน้อยสุด และดูจะเข้ากันได้ดี ถ้าไม่ติดเรื่องสุขภาพของภูผา เพราะมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับภูตผีปีศาจคนๆนั้น จะถูกดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ พวกเขาจะป่วยและตายไปในที่สุด

“แวะกินข้าวกันก่อนไหม” ปีมงคลถามทุกๆ คนเพราะตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้ว

“อื้อ ไวก็หิวแล้วพี่ปี” ไวรัลรีบบอก

“” โห่... ยังจะกล้ามาบอกว่าหิวอีกเหรอตัวเล็ก กินตลอดทางนี่กระเพาะคนหรือกระเพาะวัว!! ” เขื่อนอุทานลั่นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“ก็คนมันหิว พี่จะอะนักหนา ถ้าไม่กินก็ไปไกลๆ” ปากอมชมพูเอ่ยไล่พร้อมกับมองค้อนนิดๆ

“ใครบอก..^^ ละคร๊าบบแหม หิวสิหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี้ยะ อยากกินน้องไวรัลไวๆ” ประโยคหลังเขากระซิบลงที่ข้างหูของเด็กน้อย

“อะไรของพี่วะ บ้า!!! ” พูดจบก็เดินไปที่ร้านผัดไทยตรงหน้าทันที พวกที่เหลือยเลยต้องเดินตามกันไปตามระเบียบ

“ถามจริง ตกลงไอ้ไวคนใช้บ้านมึงนี่เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้มึงใช่ไหม ไอ้เพียว ดูทำเข้า” ภูผาหันมาถามเพื่อนรักก่อนจะเดินไปสมทบ

“กูก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน ตกลงมันหรือกูกันแน่ที่เป็นเจ้านาย” ร่างบางเอ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึหึ อย่าถือสาน้องเลย” ปีมงคลพูดยิ้มๆ

“เหมือนรู้จักกันดีเลยเนอะ” เพียวมองหน้าคนตัวสูงด้วยแววตาจับผิดนิดๆ

“ก็นิดๆ ไว้อะไรมันลงตัวมึงก็รู้เองแหละ”

กินเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางกลับที่พัก โดยที่แวะซื้อของไปทำมื้อเย็นส่งท้ายก่อนกลับด้วย พอมาถึงโรงแรมเพียว ภูผา และไวรัลก็พากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะเล่นน้ำ ส่วนพวกที่เหลือก็นั่งจิบเบียเย็นๆ ดูพวกเขาเล่นน้ำสามหนุ่มใหญ่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดโดยที่หันหน้าออกไปทางทะเล

“ดูพวกเขาสิ ท่าทางมีความสุข” เขื่อน

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” ปีมงคล

“น่ารักดีนะครับว่าไหม” ธาร

“อืม/อืม/อืม”

สามหนุ่มเล่นน้ำกันสนุกสนานท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ และท่ามกลางสายตาของพวกเสือหิวทั้งหลาย รวมทั้งทศลักษณ์ที่กำลังเดนนมาทางนี้ด้วย ร่างสูงใส่เพียงเสื้อกล้ามที่ดำที่ตัดกับผิวขาวกับกางเกงสีเหลืองขาสามส่วน ใบหน้าอันหล่อเหลาถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดราคาแพง ทันทีที่เพียวหันมาเห็นทศลักษณ์ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าทันที

“พี่ทศ...^ ^” ยิ้มหวานส่งไปให้ตามลักษณ์นิสัยขี้เล่นและสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

“ให้พี่เล่นด้วยคนสิ” ร่างสูงทำเป็นขอทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาเล่นด้วยอยู่แล้วเขาตั้งใจมาหาน้องยักษืของเขาอยู่แล้ว

“ครับ? อ่าได้สิ คึคึ เล่นหลายๆ คนสนุกดี” ทันทีที่เพียวเอ่ย ไวรัลก็หันไปเรียกสามหนุ่มให้ลงมาเล่นด้วยทันที

“พี่ปี......” เรียกเสียงดังและลากยาวจนคนที่ยืนข้างสะดุ้งโหยง

“ไวเบาๆ สิ จะตะโกนทำไม” ภูดุออกมาเสียงเบา เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างหันมามองไวเป็นตาเดียว

“แฮร่..ก็ผมกลัวพี่ปีไม่ได้ยิน"หันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้ภูผา เพียงไม่ถึงนาที ร่างสูงเหมือนเสาไฟฟ้าของปีมงคลก็วิ่งหน้าตั้งมาหา บางทีไม่ต้องเรียกเขาก็ต้องรีบมาให้ไวอยู่แล้ว กลัวคนของตัวเองจะโดนคนอื่นงาบไปซะก่อน วิ่งมาถึงก็ยืนประกบเพียวไว้ทันทีแถมยังกอดไหล่เอาไว้ด้วย ดวงตาดุคมจ้องไปยังฝ่ายตรงข้ามพร้อมแยกเขี้ยวใส่ทันที

“พี่จะเล่นน้ำด้วยเหมือนกันเหรอ” เพียวหันไปยิ้มให้แล้วลากปีมงคลลงน้ำทันที ไม่ให้คนตัวโตกว่าได้ตังตัวสักนิด ออกแรงเพียงนิดท่ามกลางสายตาไม่พอใจของใครบางคนกลายเป็นะาตุอากาศเพียงชั่งพริบตา เพียงแค่ใครอีกคนก้าวมาเป็นส่วนร่วม เขาก็เหมือนโดนทิ้งไว้กลางทาง ชายหนุ่มอีกสองเดินตามลงมาโดยที่ไม่มีใครสักคนเอ่ยทักเขา "เหอะ"คำอุทานเพียงสั้นๆแต่รับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์ที่มี

“เฮ้ยย เดี๋ยว แอ๊ก” คนตัวโตกว่า ที่โดนอีกคนเหวี่ยงที่เดียวก็ลอยละลิ่วลงน้ำ เสียงดังตูม!!! ร่างสุงใหญ่จมหายเพียงครู่ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูตกใจ

“//เชี๊ยะ...ลืมตัว//” เพียวยืนเอามือปิดปากมองคนที่พลวดขึ้นมาจากน้ำด้วยแววตาสำนึกผิด ปีมงคลตาแดงก่ำเพราะจมน้ำ เขาเอามือเสยผมที่ใครดูแล้วก็ต้องใจละลายความเท่ของเขาเว้นเสียแต่ ร่างบางตัวต้นเหตุ จากสำนึกผิดกลายเป็นหัวเราะขำจนตัวงอ

“ลืมตัวบ่อยไปนะครับน้องเพียว” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยพร้อมกับฝ่ามือที่แปะลงบนหัวทุย เดินเข้ามาพร้อมกับทำตัวสนิทสนม เหมือนจะเอาชนะอีกคนที่อยู่ในน้ำก็ไม่ปาน

“อุ้ย พี่ทศเห็นด้วยเหรอครับ” ร่างบางเงยหน้ามองอีกคนแล้วหัวเราะแหะๆออกมา

“หึหึ เต็มสองตา”เขาทำเสียงล้อ เพียวถึงกับหลุดขำมาอีกรอบ ครั้งนี้คนที่มองอยู่ตั้งแต่เเรกเริ่ม หัวร้อนอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที

“ง่าส์..”

“เพียว!!!! เสียงเข้มตะโกนลั่นจ้องคนตัวเล็กด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

“สงสัยจะโกรธมากแน่ๆ เลยอะพี่ทศ เดี๋ยวเพียวมานะผมไปง้อเขาก่อน” พูดจบก็วิ่งลงน้ำไปทันที

“หึหึไปง้อ อย่างนั้นเหรอ” เขากำมือแน่นพร้อมกับมองไปยังร่างบางที่กำลังวิ่งไปหาใครอีกคน

“พี่ปี...แหะๆ”

“แหะๆ พ่องง ไปยืนอ่อยอะไรมัน” ร่างสูงของปีมงคลถามเสียงขุ่น เขาไม่พอใจที่ทศทำตัวรุ่มร่ามกับเพียว

“-*-..อะไรของพี่อีกละเนี้ยะ”ผีออกอีกแล้วเหรอ ตามอารมณืไม่ทันแล้วนะ!

“ยืนคุยอะไรกัน ใครอนุญาตให้มึงคุยกับมันห๊ะ! ”เขาตะคอกใส่อึกคนอย่างลืมตัว

“แล้วทำไมต้องตะคอกด้วยเล่า พูดดีสิไหนว่าจะทำตัวดีๆ ไง พูดยังไม่ทันข้ามวันเลยนะ!!! ”

“ก็ใครใช้ให้ไปอี้อ๋อกะ มันเล่า! ”

“แล้วมันจะทำไม” เพียวเท้าเอวถามเชิดใบหน้าสวยๆใส่อย่างไม่ยอมนั่นสิทำไมร่างสูงถึงได้ชอบว่าเขาแบบนั้นนักหนา

“ก็กูหวง!!! O-O” พลั้งปากพูดออกไปเพราะคนตรงหน้ามันชวนทำให้เขาดมโหจนไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่

“หะ..หวงเหรอ -///- “คำที่กำลังจะพ่อนออกมาด่าถูกกลืนหายไป เพียงเพราะประโยคเดียว กับคำว่า “กูหวง”

“เออ กู หวง หวงมากด้วย อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าใกล้ไอ้หมอนั่นอีกนะ ไม่งั้นกูจะแหกอกมึง!! -///-” สั่งเขาเสียงเข้มแต่หน้าหล่อๆ กลับแดงจนไม่เหลือพื้นที่สีขาวๆ ให้เห็น

“ละ..แล้ว ทำไมต้องหวงผมด้วยละ” ไม่อยากจะตั้งความหวัง กับคำตอบ เขาก็อดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้

“อะ..เอ่อ..คือ อย่าเสือกเลย” พูดจบก็หันหลังให้แล้วเดินทิ้งยักษ์ตัวน้อยขึ้นฝั่ง ใครมันจะกล้ามองหน้ากันละ ใครจะทนกับสายกลมโตที่จ้องเขาอยู่ได้ ใครจะทนต่อประกายความหวังที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นไหว ปีมงคลจะไม่ทน บอกไว้เลย หัวใจเขามันสั่นไหวอย่างรุนแรง โดนดามเมจจากเพียวไปเต็มๆ ถึงได้เดินหนีออกไปแบบนั้น ระหว่างเดินกลับเขาเหลือบมองผู้ชายอีกคนด้วยหางตา พร้อมกับแสยะยิ้มร้ายๆ ออกมา อีกคนก็ซ่อยพายุร้ายเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยนั้นไว้อย่างมิดชิด

“ไอ้สะเหล่อ” คือประโยคที่ปีมงคลฝากเอาไว้ก่อนจะเดินหายไป เพียววิ่งตามขึ้นมาโดยที่ไม่สนใจใครที่พยายามเรียกเขาไว้ ทั้งเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งทศลักษณ์..

วิ่งจนตามเขาทันก่อนจะดึงเสื้อที่เปียกชุ่มเอาไว้

“พี่..ชอบผมเหรอ” ในที่สุดก็ตัดสินใจถามออกไป เสียงเล็กแทบจะขาดหายไปกับคำว่า” ชอบ” ที่พูดกับร่างสูง ปีมงคลชะงักกึก กับคำถามของคนตัวเล็กที่อายุเกินร้อยปี พร้อมกับทบทวนความรู้สึกของตัวเอง นี่เขาชอบเด็กบ้าอย่างนั้นนะเหรอ ยังไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ว่า เขาก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกที่เขา ชอบ เพียว ชอบมาก

“ไม่รู้ ปล่อยได้แล้วกูจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาบอกเสียงนิ่งๆ แต่แววตากลับดูเจ้าเล่ห์ชอบกล เหมือนจะมีความคิดอะไรที่มันร้ายๆ

“แล้วกัน.เพียวบ่นออกมาพร้อมกับทำปากอมลม ทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างนั่นไป

ทันทีที่เข้ามาในห้องร่างสูงก็ขาแทบทรุด เขายกมือขื้นกุมหน้าอกตัวเองไว้ หัวใจเต้นแรงสุดๆ

“ไอ้ปี นี่มึงแพ้ทางเด็กเหรอวะ ห่าเอ้ยย” ยกมือขึ้นตีหน้าผากตัวเองดัง เพี๊ยะ แล้วอมยิ้มขำ.. เพียวมันอันตรายต่อหัวใจเขาจริงๆ ด้วย

เพียวพาท

ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ ทบทวนคำพูดของเขา ไอ้มนุษย์หน้านิ่งปากแข็งคนนั้น ผมมั่นใจว่าเขาเริ่มจะหวั่นไหวกับผมบ้างแล้ว หรืออาจจะหลงรักผมไปแล้วก็ได้แต่ทำไมเขาไม่พูดมันออกมา แล้วผมจะหาอะไรง้างปากคนอย่างพี่ปีดี อยากจะยิ้มกว้างๆ แต่ก็ไม่กล้า เขาบอกว่าเขาหวงผม หวงผมจากใครละ พี่ทศเป็นพี่ชายที่ผมเคารพ ผมไม่มีทางคิดเกินเลยกับพี่ทศแน่นอน ตอนนี้ผมยอมรับได้เต็มปากเต็มคำ ว่า ผม ชอบ เขา อาจจะชอบมากกว่าที่เขาชอบผมก็ได้...

เดินตามคนปากแข็งเข้าไปในห้อง เขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านหลังของกว้างอย่าบอกใคร แถมยังมีกล้ามเนื้อเป็นมัดพอสวยงาม ผมมองตาไม่กะพริบ คือ งานดี อยากจะมองนานๆ แต่เขาดันหันมาเสียก่อน

“....”

“พี่..”

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาสั่งแล้วเดินมาหา เรามองหน้ากัน เหมือนแข่งกันจ้องตา .. และเป็นผมที่ต้องแพ้สายตาเขาของเขา สายตาที่เหมือนจะกลืนผมลงไปทั้งตัวเหมือนไฟกำลังแผดเผาผม มันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ผมก้าวถอยหลังเพื่อที่จะหลบสายตาแบบนั้น แต่เข้าก็ก้าวตาม ผมถอย เขาตาม จนกระทั่งหลังของผมมันแนบชิดกับกำแพง พี่ปีกางแขนกั้นผมไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

ผมหลับตาลงเตรียมรับสัมผัส กลิ่นลมหายใจกับสัมผัสร้อนๆ ที่หน้าผาก ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมา ผมคาดหวังมากเกินไปเหลือเนี่ยะ นี่ผมหวังอะไรอยู่ ตลกตัวเองชะมัด ผมหวังว่าเขาจะจูบผม แบบวันนั้นอีก แต่เปล่าเลย เขาทำตัวน่ารักใส่ผมอีกแล้ว สัมผัสอ่อนนุ่มยังติดอยู่ที่หน้าผาก ตอนนี้เขาดุอ่อนดยนไม่เหมือน ไอ้คุณปีปากปลาร้าคนเก่าเลย

“อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่าได้ไหม เดี๋ยวกูจะทนไม่ไหวเอา” พี่ปีกระซิบเสียงพร่า ผมมองเขาตาปริบๆ เขามองมาที่ผม ก้มหน้าลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้เขาก็จูบผมที่ปากเหมือนเขารู้ว่าผมอยากได้อะไร เราจูบกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วทำไมผมยังตื่นเต้นอยู่เลยละ พี่ปีสอดมือเข้ามาตามไรผมแล้วขยุ่มมันเบาๆ บังคับให้ผมหันหน้าไปตามเขา ท้องผมรู้สึกปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อเป็นร้อยๆ บินอยู่ข้างใน ลิ้นร้อนๆ กวาดต้อนผมอย่างไม่ลดละ จนผมต้องยอมพ่ายแพ้ และโอนอ่อนไปตามเขา ผมแลกลิ้นกับเขาอย่างไม่มีใครยอม และหยุดเมื่อลมหายใจของผมมันแผ่วลง พี่ปีผละออกมาแล้วมองตาผม อย่างสื่อความหมาย ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมไหม เพราะตอนนี้มันเต้นแรงมากๆ

“หึหึ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ก่อนที่กูจะทำอะไรมึงไปมากกว่านี้” อึ้งนิดๆ กับคำพูดของเขา ความจริงถ้าจะทำมากกว่านี้ ผมคงยอมเขาอย่างเต็มใจ เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาผมเขินจนไม่กล้าที่ยืนนิ่งๆ อีกต่อไป มุดหัวลอดแขนเขาออกมา แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า....

+++++++++++++++++++++++


(http://www.mx7.com/i/0c3/cSVuj9.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A46rRI80BbIqJrWw)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 15 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2017 16:10:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 15 5/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 05-11-2017 20:02:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 02 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 12-11-2017 10:16:40



ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 02

          หลังจากการพบกันในคืนนั้น ภูผาก็อยู่ในอาการหวาดผวา ใครจะร้องทักหรือแตะตัวก็ร้องลั่นโวยวายไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนใกล้ตัวอย่างเขื่อน

“ไหวไหมเนี้ยะ มึง” เพื่อนรักเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ภูผามีสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ วงหน้าสวยซีดเซียวไม่มีสีเลือด ดวงตาคล้ำลึกโหลและเหม่อลอย

“มึงงงง กูกลัวว” ลากเสียงยานๆ แล้วหันหน้าไปหาเพื่อนตัวเอง

“กลัวห่ออะไรกลางวันแสกๆ” เขื่อนว่าใส่อย่างเอือมๆ ที่เพื่อนเขากลัวอะไรเกินเหตุ

“กูอยากไปหาหลวงตา มึงพากูกลับวัดทีดิ” ร่างสูงเดินมาเขย่าแขนเพื่อน

“เออๆ ไปๆ กูไปส่ง ห่า..กลัวผีเป็นเด็กไปได้ แล้วซิสภาพมึงแบบนี้ยังกล้าเอาสังขาลเน่าๆ ของมึงมาบริษัทอีก”

“กูกลัวท่านประธานหักตัง...”

“ไอ้งก งานมึงกับกูมันไม่ได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้น ฟรี อะฟรีเข้าใจไหม” หันไปดุคนที่ร่างบางกว่าอย่างเหลืออด พวกเขาเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทเครือ เตชะดำรงกุล ที่มีธุรกิจหลายอย่างทั้งโรงแรม โรงงาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ ทีมเขามีอยู่ห้าคน คือ ตั้ม ลูกปลา และโมนา พวกเขามีหน้าที่เขียนโปรแกรมให้กับบริษัทงานไม่ถึงกับล้นมือ แต่ก็ไม่ได้ว่างขนาดนั่งกินลมชมวิวได้ วันนี้พวกเขาทำงานเสร็จลุล่วงไปแล้วหนึ่งโปรเจค แต่ก็เกือบจะล่มเพราะไอ้เพื่อนตัวดี ที่มันกรี๊ดสาวแตกใส่โมนาที่เอากาแฟมาให้มันตอนกำลังเข้าประชุมกับท่านประธาน ทำเอาคนอื่นสมาธิกระเจิงหมด

“ก็กูเก็บตังไว้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ตอนที่หลวงตาไม่อยู่แล้วไง หมดใบบุญหลวงตามึงจะหน้าด้านอยู่ต่อรึไง” เขื่อนทำหน้าคิดตาม ใช่ถ้าสิ้นบุญหลวงตาแล้ว พวกเขาคงต้องย้ายออกจากวัด

“เออ เรื่องนั้นกูรู้ แต่มึงเนี้ยะ ยืนนิ่งๆ จะได้ไหมวะ หลุกหลิกๆ อยู่นั่นละ กลัวเหี้ยอะไรนักหนา” รถแท็กซี่นี่ก็ไม่รู้หายไปไหนหมดพอเวลาจะให้ไม่โผล่มาสักคัน ร่างสูงของเขื่อนเริ่มจะหงุดหงิด เขาคอยจับภูผาไว้ไม่ให้เดินไปไหน

“มึงกูรู้สึกเหมือนเขาตามกูตลอดเลยอะ” ภุผาบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขามองไปทางไหนก็จะเห็นผีตนนั้นยืนมองเขาอยู่ตลอด

“เพ้อเจ้อ...ถึงวัดแล้วเดี๋ยวกูจะให้หลวงตารดน้ำมนต์ให้” ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเรื่องที่เพื่อนบอก สำหรับเขื่อนแล้วมันเป็นเรื่องปรกติ พวกเขาอยู่วัดมาตั้งแต่เด็กเรื่องแบบนี้ก็พบเจออยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่คิดว่าภูผาจะกลัวมากมายขนาดนี้

“เอาพระมึงมาให้กูใส่หน่อยสิเขื่อน” มือบางยื่นเข้ามาดึงพระที่คอหมายจะเอาไปเป็นของตัวเอง แต่เขื่อนรีบจับไว้ก่อน

“ไม่ได้หลวงตาบอกกูห้ามถอด” เขาโป้ปด เรื่องอะไรจะถอดให้ละถ้าเกิดถอดแล้วไอ้ผีตัวนั้นมันหันมาเล็กเป้าที่เขา เขาไม่ซวยเหรอ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ถอด

“เขื่อน อ่า..กูเพื่อนมึงนะ” ภูทำท่าเหมือนจะร้องไห้

“กูก็เพื่อนมึงนะ” เขื่อนดึงสร้อยกลับคืนแล้วซ้อนเอาไว้ที่อกแล้วลูบลงเบาๆ อย่างอุ่นใจ

“รถเมล์มาก่อนกลับรถเมล์เถอะมึง” พอรถจอดเทียบท่าเขาก็ฉุดเพื่อนตัวเล็กขึ้นไปทันทีล้าพากันหาที่นั่ง โดยที่เขื่อนให้ภูผานั่งด้านในส่วนเขานั่งด้านนอก

“หลับไปเลยก็ได้นะมึงถึงแล้วกูจะปลุก” สิ้นเสียงของเขื่อนก็เหมือนสับสวิชไฟ ภูผาเอนหัวพิงกระจกรถแล้วหลับลึกทันที

พอถึงป้ายที่ต้องลงเขื่อนก็ปลุกภูผาให้ตื่น ร่างสูงเดินลงบันไดด้วยความรู้สึกมึนๆ เขื่อนเดินนำไปก่อนแล้วจะเรียกก็เรียกไม่ทัน ไม่รู้จะรีบไปตายที่ไหน ดีหน่อยที่ ทางเข้าวัดมันอยู่ลึกพอสมควรยังดีที่เป็นแหล่งชุมชนมีตลาดและบ้านคน อยู่บ้างเลยทำให้เขาไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ระหว่างทางภูผาแวะซื้อผัดไทยเข้าไปกินด้วย

“ป้าครับ ผัดไทยทะเลสองห่อ” หันไปสั่งก็เดินไปซื้อน้ำปั่นที่ร้านใกล้ๆ จู่ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ลมเย็นพัดหวิวอยู่รอบๆ ตัว

“ข้าตามหาเอ็งเสียทั่ว!! ”

เฮือกกก!!!!

“เห้ยย ผี!! ” ร่างบางยืนขาแข็งก้าวไปไหนไม่ได้ มองไปทางไหนมันก็มืดมนไปหมดทั้งๆ ที่เมื่อกี้คนยังเดินพลุกพล่านไปหมด

“เออ ผี! ที่จะกำลังจะมาเป็นผัวเอ็งไง! ”

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกก” ภูผากรีดร้องออกมาสุดเสียง

หมับ!

“เอ็งจะร้องหาพระแสงอะไรนักหนา ยังไงซะวันนี้ข้าก็จะคุยกับเอ็งให้รู้เรื่อง บอกวันเดือนปีเกิดของเอ็งให้ข้ารู้บัดเดี๋ยวนี้ เร็วด้วย! ” ผีพรายรูปงามใช้มืออันเย็นชืดอุดปากร่างบางเอาไว้ จนได้ยืนแต่เสียงอู้อี้ลอดผ่านฝ่ามือหนา ภูผาดิ้นพล่านด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะโดนผีพรายสุดหล่อใช้สายตาดุๆ ถลึง เขาจึงหยุดดิ้น แค่นี้ก็กลัวจนฉี่จะราดแล้ว ทำไมต้องทำตาโตๆ ดุใส่กันด้วย

“12 เดือน ธันวาคม 2536” พอได้ยินคำตอบร่างสูงใหญ่ของพรายหนุ่มก็แทบจะหงายหลัง

“นี่เนื้อคู่ข้าเป็นผู้ชายจริงๆ เรอะนี่” ยืนลูบหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจยาวๆ แม้จะทำใจมาได้สักระยะแล้วแต่เขาก็อดที่จะคิดมากไม่ได้ แม่ว่าบนโลกเรื่องที่เพศเดียวกันคบหากันฉันผัวเมียจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ในโลกของเขาก็ยังไม่ได้เปิดกว้างเท่าใด หมายถึงโลกทรรศน์ของเขานะ ส่วนใหญ่เวลาเขาเกิดกำหนัดก็จะเรียกใช้พรายผู้หญิงไม่อย่างนั้นก็มนุษย์ผู้หญิงบนบกแทน ไม่เคยลองกับเพศเดียวกันสักครั้ง

“ฮึก ผี ผีบ้า...เมียบ้าอะไร ปล่อยกูนะ ฮรือออ ไม่งั้นกูสวดมนต์ไล่นะ มึงอยากเจ็บตัวใช่ไหม!!! ” เป็นคำขู่ที่ทำเอาผีพรายอย่างธารถึงกับหลุดขำ

“คิดอะไรตื้นๆ นะเอ็งนะ ขนาดในวัดข้ายังบุกไปหาเอ็งได้ กะอีแค่สวดมนต์มันไม่ระคายผิวข้าสักนิด” โอ้อวดพวกมนุษยืมันไปอย่างนั้นแหละ ความจริงเขาต้องใช้พลังมากมายในการเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น

“ฮรือออ ปล่อยกูไปเถอะนะ แล้วจะอุทิศบุญกุศลไปให้ อยากได้อะไรก็ไปเข้าฝันนะ นะ ผมกลัวแล้ว” พนมมือหลับหูหลับตาขึ้นไหว้

“บุญอะไรข้าไม่เอาหรอก ข้าจะเอาเอ็งไปอยู่ด้วย”

“อะไรนะ ฮึก พึ่งรู้จักกันจะมาพูดกันแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ดี ฮืออ” พูดเสียงสั่นไปหมด

“หึหึ ไปอยู่เป็นเมียข้าซะดีๆ”

“ไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปโว้ยย”

ผลัก!! ตั้งสติแล้วออกแรงผลักอีกฝ่ายได้ ภูผาก็วิ่งหน้าตั้ง มนต์พรายที่ร่ายไว้คลายออกทุกอย่างเลยกลายเป็นปรกติ ทุกคนมองภูผาที่จู่ๆ ก็วิ่ง เหมือนคนบ้า ปากตะโกน ร้องออกมาไม่เป็นภาษา

“เห้ยไอ้หนูผัดไทยได้แล้ว เห้ยย ไอ้เด็กนี่ สั่งแล้วไม่เอารึไง จะ ชักดาบเหรอวะ!! ” เสียงป้าคนขายผัดไทยตะโกนไล่หลัง ภูผาที่กำลังจะสติแตก วิ่งย้อนกลับมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ยื่นมือสั่นๆ ไปรับห่อผัดไทยพร้อมจ่ายเงิน

“ขอโทษครับ นี่เงิน” ถึงจะกลัวผีแต่เขากลัวหิวมากกว่า เลยวิ่งกลับมาเอาผัดไทยที่สั่งไว้ ธารที่ยืนดูว่าที่ภรรยาของเขาด้วยสีหน้ากล้ำกลืนปนทึ่งนิดๆ

“ข้าไม่คิดว่าเอ็งจะสติไม่ดีขนาดนี้นะ เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยๆ รักษา” พึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะหายตัวไป

“หายไปไหนมาวะไอ้ภู กูมาถึงนานแล้วนะ” เขื่อนพึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวตามเนื้อตัวมีหยดน้ำเกาะพราว แสดงว่าเขาพึ่งจะอาบเสร็จ

“ฮึก...ฮึก...ไอ้เขื่อนกูโดนผีหลอก”

“ห๊ะ ผีหลอก หลอกตอนกลางวันนี่อะนะ”

“อืออ มาแบบ 4D หน้าห่างกันไม่ถึงคืบ” ภูเล่าไปเสียงสั่นไป เขายังจำภาพใบหน้าของผีร้ายตนนั้นได้เป็นอย่างดี ไหนจะคำพูดที่ชวนขนหัวลุกอีก

“มันจะมาเอากุไปอยู่ด้วย เขื่อน มึงต้องช่วยกูนะ พากูไปหาหลวงตานะๆ”

“เออๆ กูใส่เสื้อผ้าก่อนอย่างนั้น มึงก็รอนั่งรอตรงนี้” ภูผาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนั่งลงกับพื้นไม้ขัดมันแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง จนกระทั่งเขื่อนเดินออกมาจากห้องนอนของเขา

“ปะ” ทั้งคู่เดินออกจากบ้านพักเพื่อไปยังกุฏิของหลวงตาบัว บ่ายสี่โมงแล้วอีกไม่นานหลวงตาก้ต้องจำวัด

เดินไม่ถึงสองนาทีก็มาถึง หลวงตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงระเบียงไม้หน้ากุฏิพอดี พอขึ้นไปก็ก้มกราบหลวงตาบัวทันที

“ว่าไงพวกเอ็งเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ” คำทักทายเชิงตำหนิของหลวงตาทำเอาสองหนุ่มหน้าสลดลงไปเหลือครึ่งนิ้ว เพราะตั้งแต่มีงานทำพวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนอย่างเคย หลวงตาบัวก็เลยมีอาการน้อยอกน้อยใจบ้างตามประสาคนแก่

“พวกเราขอโทษครับหลวงตา” เขือนยกมือไหว้

“แล้ววันนี้ลมอะไรหอบเอ็งมาถึงนี่ละ” หลวงตาบัววางหนังสือธรรมลงกับตักแล้วหันมามองเด็กๆ ทั้งสองคนที่เลี้ยงมากับมือด้วยแววตาสงสัย

“คือ ภูอยากให้หลวงตาอาบน้ำมนต์ให้ครับ”

“อาบน้ำมนต์ อาบทำไม?”

“ผมเจอผีตามรังควานครับ อึก มันบอกว่ามันจะเอาผมไปอยู่ด้วย อะครับหลวงตา” ภูผาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลวงตาฟังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับผีตัวนี้ หลวงตานั่งฟังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เรื่องบางเรื่องพระก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ในเมื่อเขาตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรมแล้ว

“เห้อ ถ้าเอ็งยืนกรานที่จะอาบข้าก็จะอาบให้ ไป นั่งตรงบันไดไป เขื่อนไปตักมาให้ข้าถังหนึ่งไป” สั่งทั้งสองคนเสร็จก็เข้าไปในกุฏิธูปเทียนออกมา เมื่อเขื่อนตักน้ำมาให้แล้วหลวงตาก็ทำน้ำมนต์ บริกรรมคาถาเสร็จสรรพก็สาดโครมใส่ไอ้คนที่นั่งพนมมือทันที

“อ๊ากก หลวงตา ไหนบอกว่าอาบไง” ภูผ้าร้องจ๊ากเพราะน้ำมันเย็น หลวงตาบัวยืนหัวเราะแล้วกล่าวกับคนทั้งสองว่า

“จะมาอง มาอาบอะไร สาดโครมแบบนี้แหละเสนียดจัญไรมันจะได้กลัว หึหึ เป็นไงรู้สึกดีขึ้นไหม”

“กะ ก็ดีครับหลวงตา ว่าแต่มันจะได้ผลใช่ไหมครับ”

“เอ๊ะนี่เอ็งไม่เชื่อในฝีมือข้าอย่างนั้นเรอะเจ้าภู” หลวงตาตบเข่าเสียงดังฉาดแล้วชี้หน้าภูผา อย่างไม่จริงจังนัก

“เชื่อครับหลวงตา เชื่อสิแหมหลวงตาบัวของไอ้ภูนี่เก่งที่สุด” ได้ทีก็ประจบสอพลอ เขื่อนเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาให้เพื่อนรักห่อตัวเอาไว้

“เออ เสร็จแล้วก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะจำวัดแล้ว” หลวงตาเอ่ยไล่พร้อมกับถ่มน้ำหมากลงกระโถน เขื่อนคลานเข่าเข้ามากราบหลวงตาพร้อมกับภูผา ใบหน้าเหี่ยวย่นเจือความอ่อนโยนในสีหน้า

“ว่าแต่ หลวงตาจำพรรษาที่วัดนี้มานาน ยังจำวัดไม่ได้อีกเหรอครับ” เขื่อนเอ่ยแซวหลวงตาบัวก่อนที่จะรีบถอยออกมาให้พ้นรัศมีฝ่าตีนหลวงตา

“เอ๊ะไอ้นี่..!!! ลามปามนะเอ็ง”

“แหม่ หยอกเล่นเฉยๆ ครับหลวงตา” เขื่อนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาชอบแกล้งหลวงตาแบบนี้อยู่เสมอๆ สร้างสีสันในชีวิต

“กราบลาครับหลวงตา..เอ่อว่าแต่หลวงตาพอจะมีของดีสักชิ้นสองชิ้นให้พวกผมพกติดตัวบ้างไหมครับ” ภูผาไม่วายที่จะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มภัยตัวเองและเผื่อแผ่ไปถึงเขื่อนด้วย

“พระที่ติดตัวเอ็งแค่นั้นก็ดีถมถืดแล้ว จะเอาอะไรอีก”

“องค์นี้ผีมันไม่กลัวครับหลวงตา” ภูตอบหน้าซื่อๆ

“มันจะไปกลัวได้ยังไงละก็คนใส่กลัวขนาดนั้นพระที่ไหนจะเอาแรงไปสู้ ถ้าเอ็งไม่กลัวพผีมันก็ทำอะไรเอ็งไม่ได้ จำไว้”

“ครับหลวงตา”

กลับจากรดน้ำมนต์ภูผารู้สึกสบายใจขึ้นเดินยิ้มกลับมาที่บ้านพักพร้อมกับเขื่อน แต่เพื่อนตัวโตของเขากลับบอกว่าจะออกไปข้างนอก ภูผาเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่จะรู้สึกหวั่นๆ แต่นี่มันเขตวัดและยังไม่มืดเท่าไหร่เขาเลยไม่กลัวอะไรมากมาย เอาผัดไทยที่ซื้อมาแกะใส่จานแล้วนั่งกินหน้าทีวี เปิดหารายการตลกๆ ดู จนกระทั่งตะวันตกดิน เขื่อนยังไม่กลับเขาเลยกะจะไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูห้องจู่ๆ ก็มีคนมาเรียกเขาจากทางหน้าบ้าน

“ภูผา ภูผา”

“ใครวะ” บ่นพึมพำแล้วออกไปดูว่าใครมา ตรงตีนบันไดปรากฏร่างของใครบาคนที่ยืนหันหลังให้ ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกรอเขาอยู่

“ใครนะ?”

“ข้าเอง” สิ้นคำร่างนั้นก็หันมาหาร่างบางทันทีใบหน้าอันหล่อเหลามีสีหน้าที่เครียดขรึม ภูผาตกตลึง อยู่ชั่วขณะ สมองสั่งให้เขารีบปิดประตู แต่ก็ช้ากว่าร่างสูง ที่พุ่งเข้ามาขวางประตูบานนั้น

“ออกไปคุยกันนอกวัดเถอะ” สั่งพร้อมกับกระชากตัวภูผาออกมาจากบ้าน อยากจะขัดขืนแต่เขาสู้แรงอันมหาศาลของผีตนนี้ไม่ไหว

“ไม่เอา ไม่ไป ปล่อยกูนะ”

“เอ็งจะดิ้นทำไมนักหนา ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า! ”

“จะพาไปไหน ไม่ไปนะโว้ยย กูยังไม่อยากตาย” ภูผาตะโกนลั่น แปลกทั้งๆ ที่มีพระอยู่รอบๆ บริเวณไหนจะลูกศิษย์

วัดอีก ทำไมไม่มีใครได้ยินเสียงเค้าสักคน

“ไม่พาไปตายหรอกน่า มันยังไม่ถึงเวลาของเอ็ง ตามข้ามาเงียบๆ เถอะ เสียเวลามามากแล้ว” ทั้งที่จริงวันนี้เขาตั้งใจแค่ตามดูเท่านั้น เท่านั้นแต่ภาพของมนุษย์คนนี้มันดันติดตาเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาเลยตัดสินใจลักพาตัว

“แล้วจะพาไปไหนเล่า”

“ไปทำงาน งานข้าเยอะแยะ” ลากมาจนพ้นเขตวัด พรายธารก็วาดมือไปในอากาศ เกิดช่องโหว่ขนาดพอคนลอดผ่านได้ เขาผลักภูผาที่กำลังสับสนและงง งวยให้เข้าไปก่อนที่ตัวเองจะเดินตามเข้ามา และปิดประตูมิติ

“ที่นี่ที่ไหน” เมื่อตั้งสติได้สิ่งที่เขาเห็นคือห้องทำงานของใครบางคน ห้องที่มีทุกอย่างที่จำเป็นในการทำงานทั้งโต๊ะ เครื่องถ่ายเอกสารคอมพิวเตอร์ ปลิ้นเตอร์ ทีวีจอยักษ์ แต่สิ่งที่ทำให้ภูผาอึ้งอ้าปากค้างคือหน้าต่างที่มองออกไปแล้วเห็นวิวใต้น้ำที่มีทั้งกุ้งหอยปูปลานานา ชนิดแหวกไหว้ไปมา

“วังบาดาล ที่ๆ เอ็งอยู่ตอนนี้คือห้องทำงานของข้าเอง” ภูผาทึ้งมากกับสิ่งที่เห็นจนลืมไปว่าตอนนี้เขาถูกผีพรายจับตัวมา

“ว่าแต่จับตัวผมมาทำไม” ถามแต่ตาก็ยังสำรวจไปทั่วบริเวณ

“เอ้าข้าก็บอกเอ็งไปแล้วนี่ว่าเอ็งเป็นเจ้าสาวของข้า ยังไม่ทันแก่หุตึงแล้วรึไงกัน”

“-*- ด่าผมเหรอ”

“ข้าด่าเอ็งตรงไหน ไปนั่งบนตั่งนั่นไปข้าจะทำงานแล้ว” พรายธาร แท้จริงแล้วมีชื่อว่าลำธาร ที่ว่ากันว่าคืต้นกำเนิดของแม่น้ำสายใหญ่ ร่างสูงเดินกลับไปนั่งที่แล้วเหลือบมองภูผาที่เดินไปนั่งตามที่เขาบอกอย่างเงอะๆ เงินๆ

ย้อนกลับไป ประมาณสองสามชั่วโมงก่อน

“กิจวันนี้มีงานอะไรด่วนรึเปล่า” เขาถามออกไปทั้งๆ ที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารมากมายตรงหน้า

“ไม่มีแล้วครับ”

“อืม ดี เดี๋ยวข้าจะไปทำธุระบนแผ่นดินนิดหน่อย เอ็งมีอะไรก็ไปทำปะ”

“ไหนว่าเราไม่ควรพูดภาษาโบราณไงครับ” กิจเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“เออ น่า รีบๆ ไป” เพราะบางทีก็ลืมเขาไม่ได้ขึ้นบกบ่อยๆ เสียหน่อยอีกอย่างดวงวิญญาณทุกดวงที่เขาตามเก็บก็ฟังเขารู้เรื่องไม่เห็นจะมีปัญหา

“ครับๆ” พอกิจออกไปแล้วเขาก็ขึ้นไปบนพื้นดิน แอบตามติดชีวิตว่าที่ภรรยาของเขาอย่างเงียบๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวของภูผา..ที่ดึงดูดเขา ทั้งวันเขาได้เห็นว่าภูผาเปิ่นแค่ไหนแถมยังใสซื่อ ออกแนวซื่อบื้อๆ นิดหน่อย แต่เวลาทำงานเขาจะดูจริงจังเป็นพิเศษ แถมยังชอบเล่นมุกตลกแป๊กๆ อีกต่างหาก ภูผาเป็นหนุ่มดอกไม้ในสายตาเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นผุ้ชายมีไข่เหมือนกับเขาคงจะทำใจง่ายมากกว่านี้ เขาตามภูผาไปทุกๆ อย่างไม่มีเบื่อ จนกระทั่งภูผาเริ่มรู้สึกว่ามีคนตามและเห็นารในทุกที่ที่ ที่เขาไป ภูผาทนไม่ไหวเลยให้เขื่อนพามารดน้ำมันกับหลวงตา โดยที่ระหว่างทาง ธารต้องการความแน่ใจเขาเลยใช่พลังพรางตากับภูผา แต่เจ้าตัวดันตกใจจนสติแตก ยังดีที่เขารู้วันเดือนปีเกิดของภูผาแล้ว และภูผาก็เป็นเนื้อคู่ของเขาอย่างแท้จริง ธารรรอให้ฟ้ามืดเสียก่อนเพราะพลังเขาจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากเท่าไหร่เพราะเขาอยู่บนบก ร่างสูงบุกไปยังที่พักของภูผาและพาตัวเขามาที่วังบาดาลเพียงเพราะว่า เขารู้สึกอยากใกล้ชิดร่างบางให้มากกว่านี้

กลับมาปัจจุบัน

ภูผานั่งเกร็งอยู่บนตั่งไม้สักบุนวม ใบหน้าหวานดูหวาดกลัวปนอยากรู้อยากเห็น ธารเห็นแววตาซุกซนของภูผาแล้วก็แอบยิ้มขำ เขาเดินมานั่งข้างๆ ว่าที่ภรรยา ภูผารีบขยับออกห่างทันที

“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ” ภูผากำลังหวาดกลัว ร่างบางขดตัวอยู่มุมหนึ่งของตั่งเตียง รขยับเข้ามาใกล้อีก ตอนนี้ภูผากลัวจนตัวสั่น

“เอ็งกลัวข้าเหรอ” ช่างกล้าถามว่ากลัวไหม ใครบ้างจะไม่กลัว ผี

“ฮึก..มากก ออกไปไกลๆ ได้ไหม” ธารยิ้มขำกับท่าทีของภูผา

“เอ็งชื่อว่าอะไร ข้าชื่อลำธาร”

“ภูผา..ฮึก ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัวแล้ว”

“จะมากลัวผัวตัวเองทำไม เอ็งต้องดีใจสิที่จะได้ข้าไปเป็นผัว สาวๆ ในน่านน้ำนี้ล้วนแล้วหมายปองข้าทั้งนั้น” แม้แต่ผีพรายยังโอ้อวดเรื่องผู้หญิง ภูผาส่ายหน้าหวือ ไม่ยอมรับ

“ไม่เอา ไม่อยากมีผัว ฮึก อยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้าน”

“อยากกลับเหรอ เอาสิ เดินออกประตูนั้นไปเอ็งก็กลับไปบนโลกมนุษย์ได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงนิ่งๆ พลางกอดอกมองใบหน้าหวานที่ดุมีความหวังขึ้นมา

“จะ จริงเหรอ คุณจะปล่อยผมไปใช่ไหม” ธารไม่ตอบ ร่างบางเลยค่อยๆ ขยับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อจะไปยังประตูบานนั้น ธารปล่อยให้ภูผาเดินเกือบถึงประตู

“อ่อข้าลืมบอกไป เจ้ากลั้นหายใจได้นานเท่าไหร่” ธารถามเสียงเครียดๆ

“หนึ่งนาที”

“อ่า ถ้าอย่างนั้นก็ยากหน่อยนะถ้าจะขึ้นไปด้านบน เพราะวังบาดาลข้าอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะสิบนาทีได้ เจ้ากลั้นหายใจไหวไหมล่ะ ถ้าไหวก็เชิญ” ธารผายมือไปที่ประตู ภูผาชะงักยืนตัวแข็งทื่อ อยากจะร้องไห้

“แล้วจะกลับไปได้ยังไงเล่า ฮึก คุณหลอกให้ผมมีความหวัง เป็นผีไม่พอ ยังเป็นผีขี้โกหกอีก เลวที่สุดเลย”

“ข้าไม่ได้โกหกสักหน่อยเจ้าทึกทักไปเองต่างหาก” เขาแค่บอกไม่หมด

“นี่ข้าใจดีอุตส่าห์ปล่อยเจ้าไปแล้วนะ จะมาโวยวายใส่ข้า แบบนี้มันไม่ถูก”

“ฮึก..ถามจริงคุณต้องการอะไรจากผม ทำไมไม่ไปหาคนอื่น ทำไมต้องเป็นผมด้วย”

“ข้อนี้ข้าก้ตอบเอ็งไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเอ็งด้วย แต่เมื่อคู่กันแล้วคงแยกกันยากทำใจซะเถอะ”

“ใครมันจะไปทำได้” ตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง เขายังไม่อยากตายตอนนี้ เขายังไม่ได้ตอบแทนหลวงตาบังเลย

“อีกอย่างวังบาดาลมันมีไว้สำหรับภูติพรายมนุษย์แบบเอ็งคงอยู่ยาก ที่ของคนตาย คนตายเท่านั้นที่จะอยู่ได้ ถ้าเอ็งไม่อยากตายก่อนวันอันควรเอ็งก็ควรอยู่ใกล้ๆ ข้าไว้ละ พลังของข้าจะแผ่ไปถึงเจ้า” ธารบอกกับภูผาด้วยเสียงหน่ายๆ แต่แววตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา ภูผาไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้เขา ความจริงต้องห่างๆ เขามากว่า แต่ที่วังบาดาลเขาไม่จำเป็นต้องดูดพลังจากมนุษย์ เขาแค่อยากให้ภูผาอยู่ใกล้ๆ

“อึกแล้วจะเสือกพาผมลงมาด้วยทำไมวะ ฮรือออ” ร่างสูงโดนตวาดใส่แทนที่จะโกรธเขากัลบหัวเราะออกมา

“เอ้าก็ข้าจะเป็นผัวเองในภายภาคหน้า ข้าก็ต้องศึกษาเมียตัวเองไว้บ้างไม่เห็นจะแปลก ว่าแต่เอ้งเถอะ อยู่ห่างข้าขนาดนั้น อยากตายใช่ไหม ขยับเข้ามา” พอได้ยินว่าตัวเองจะตายเขาก็กระโดดมานั่งข้างๆ ธารทันที

“กอดข้าไว้ด้วย เอ็งจะได้พลังจากข้าเยอะๆ” ภูผากอดหมับทันทีพร้อมกับทำหน้าเหวอๆ

“ไม่เอา ไม่อยากตาย” ฮึกเขื่อนช่วยกูด้วยยยย ร่างโปร่งได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ตรงข้ามกับลำธารพรายผู้หล่อเหลาและแสนเจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 02 12/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-11-2017 14:02:09
ลำธาร ภูผา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพ ตอนที่ 16 17/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 17-11-2017 08:57:51



อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 16



หลังจากกลับมากทะเล พวกเขาก็ต้องวุ่นวายอีกครั้งกับร้านรูปโฉมใหม่ ไฉไลกว่าเดิม จากร้านเล็กๆ ที่ใช้พื้นที่หน้าบ้านตอนนี้ขยายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว ผลงานของช่างที่ปีมงคลส่งมาฝีมือดี ทำตามแบบที่เขาต้องการได้เป๊ะทุกอย่าง แถมยังราคาถูกกว่าที่ตกลงกันไว้อีกตั้งครึ่ง เพียวเดินสำรวจไปรอบพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองร้านของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ชื่นชมได้ไม่นานรู้สึกเหมือนพายุจะเข้าแต่เช้า

ปิ้นๆ เสียงแตรรถยนต์ ดังขึ้นที่ประตูรั้ว รถยุโรปคันหรูราคาแพงจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน ไวรัลที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่เห็นเลยรีบไปเปิดประตูรั้ว แล้วถามว่ามาหาใคร พอคนบนรถโผล่หน้าออกมา เด็กพม่าของเขาก็ทำหน้ายุ่งๆ เดินทิ้งมาเลย ไม่สนใจคนที่กำลังเดินลงจากรถสักนิด พอร่างนั่นเดินข้ามธรณีประตูมา เขาก็ถึงบางอ้อ

“พี่ทศ” ยิ้มแบบที่เคยยิ้ม แล้วรีบเดินไปช่วยถือของที่คนตัวสูงหิ้วมาฝาก มีทั้งขนมนมเนย น้ำผลไม้แบบที่เขาชอบ และเนื้อวัวชั้นดีของโปรดของเขา ร่างถือเอาไว้แล้วชวนพี่ชายคนสนิทเข้าบ้าน นั่งตูดยังไม่ทันร้อน ร่างสูงๆ ของปีมงคลก็ปรากฏตัวอยู่ในบ้านของเพียว ใบหน้าดูทะมึงถึง คิ้วเรียวขมวดยุ่ง ร่างบางที่เดินถือแก้วน้ำมาจากทางห้องครัว พอเห็นว่าใครอยู่ในห้องรับแขกก็ชะงัก เห็นรังสีทะมึนแผ่ออกมาจากคนทั้งคู่

“อะ เอ่ออ พี่ปี มาทำอะไรแต่เช้าครับ” ร่างบางวางไว้ที่โต๊ะรับแขกก่อนจะเดินมาจับแขนของปีมงคล ส่งยิ้มหวานไปให้

“มากินข้าว ไวรัลชวนมา” ตอบด้วยเสียงนิ่งๆ แต่ตากลับไม่ได้มองที่คนถาม มองผุ้มาเยือนที่นั่งหน้าสลอนอยู่ต่างหาก อารมณ์หวงตีขึ้นหน้าเขาอีกแล้ว

“งะ งันเหรอ ดีเลยถ้าอย่างนั้นอยู่ทานด้วยกันหมดนี่แหละเนอะ พี่ทศซื้อกับข้าวมาเยอะเลย” ร่างบางตอบยิ้มๆ แล้วเดินเลี่ยงบรรยากาศมาคุเข้าไปด้านในจนเจอไวรัลกำลังหัวเราะคิกคักอยู่ก็ส่งสายตาดุๆ ปรามเด็กพม่า

“คิกคิก พี่เพียวดูสองคนนั้นสิ ทำหน้าเหมือนอึไม่ออกเลยอะ” ไวรัลเห็นเป็นเรื่องสนุกในยามเช้า เพียวส่ายหัวไปมาอย่างจนใจ

“เพราะเรานะแหละ ไปตามพี่ปีมาทำไม ก็รู้อยู่ว่าสองคนนั้นเข้าไม่ค่อยจะลงรอยกัน” เพียวว่าเสียงดุ ไวรัลยักไหล่

“ผมไม่ยอมให้ใครมาทำคะแนนแซงหน้าพี่ปีหรอก เพราะพี่เพียวต้องเป็นของพี่ปีท่านั้น” ไวรัลพูดออกมาตามที่ใจคิด เพียวถึงกับหน้าม้าน ทันที

“แหมะพูดแค่นี้ทำเขิน” พอจัดอาหารใส่จานเรียบร้อยก็ตั้งโต๊ะ เตรียมทานมื้อเช้ากัน เพียวเดินมาตามผู้ชายสองคนที่เอาแต่จ้องหน้ากันไม่เลิก

“กินข้าวครับ” พูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไปในครัว ไวกำลังตักข้าวใส่จานอยู่ ปีมงคลเดินอ้อมมาอีกฝั่งของโต๊ะกินข้าวหมายจะนั่งข้างๆ ร่างบางแต่ก็ช้ากว่าทศลักษณ์ไปแค่ก้าวเดียว ร่างสูงของยักษ์ทศยิ้มเยาะมนุษย์อย่างปีมงคลแบบเนียนๆ โดยที่เพียวไม่ทันสังเกตเห็น ปีมงคลได้แต่เข่นเขี้ยวด้วยความหงุดหงิดใจ เป็นอันว่าเขาตั้งนั่งฝั่งตรงข้ามกับร่างบางแทน

“เพียวลองนี้ เจ้าดังเลยนะเมื่อก่อนเราชอบนิ” ทศลักษณ์ตักผัดโป๊ยเซียนใส่จานให้ร่างบางที่หันไปยิ้มขอบคุณ

“ไข่พะโล้มึงก็ชอบนิ” เขาตักไข่ใส่จานให้เพียวโดยที่เขี่ยผัดโป้ยเซียนของอีกฝ่ายไปข้างๆ จาน

“อะ..เอ่ออ”

“นี่ๆ ผัดผักดีต่อสุขภาพเช้าๆ ต้องกินผัก” ทศลักษณ์ไม่ยอมแพ้

“กินนี้ดีหว่าต้มยำกุ้ง”

“เป็ดย่างก็ดีนะเพียว ของโปรดเพียวด้วย” เมื่อคนหนึ่งตักอีกคนก็ตัก จนตอนนี้จานของเพียวล้นไปด้วยกับข้าวทุกอย่างบนโต๊ะ และดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ

“เอ่อ พี่ปี พี่ทศพอก่อนครับเพียวกินไม่ทัน เพียวตักเองดีกว่า พวกพี่กินกันเถอะครับ เพียวมีมือเพียวตักเองได้” ร่างบางยกมือห้ามทัพ ได้ทันก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่นี้เขาก็กินไม่หมดแล้ว

“เยอะเพราะของมึงนั่นแหละ ไม่รู้จะบริการมันทำไม แฟนก็ไม่ใช่” ปีมงคลหันไปแขวะใส่

“แล้วทีคุณละครับ แฟนก็ไม่ใช่เหมือนกัน”

“อีกไม่นานหรอก” ปีมงคลยื่นหน้าเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามแล้วพูดเสียงลอดไรฟัน

“มั่นใจจังเลยนะครับ” อีกคนก็กระซิบเสียงเข้มเช่นเดียวกัน

“มึงจะไปรู้อะไร เพียวนะมันชอบกุจะตาย”

“น้องก็ชอบผมเหมือนกันแค่นี้ดูไม่ออกเหรอครับ” คำพูดที่ทำให้คิ้วของปีมงคลกระตุกแรง เขาจ้องหน้าทศลักษณ์ด้วยแววตาชิงชังไม่ต่างกับอีกคน เพียวกับไวรัลมองสองคนที่กำลังฟาดฟันกันทางสายตาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนหนึ่งก็พี่ชายแสนดีอีกคนก็คนที่ครอบครองหัวใจ จะหักหน้าใครตอนนี้ก็ถือว่าไม่ดีทั้งนั้น หันไปมองไวรัล ดูท่าทางจะมีความสุขอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า

“นานๆ ที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้จากพี่ปะครับ สีหน้าที่หึงหวงสุดๆ แบบนี้ พี่นี่โชคดีจังเลยนะครับ” ไวรัลเอามือเท้าคางแล้วหันมาสบตากับเพียวแล้วยิ้มออกมา

“งะ งั้นเหรอ..-///- นี่กุต้องดีใจใช่ไหมที่ผู้ชายสองคนกำลังแย่งกู เหอๆ” รู้สึกอึดอัดนิดๆ แต่ก็แอบดีใจกับท่าทีของปีมงคลที่มีต่อตนเอง มื้ออาหารมื้อนี้เรียกได้ว่ามื้อนรกก็ไม่ปาน จากตอนแรกก็เริ่มรู้สึกดีแต่สักพักร่างบางก็ได้รับรู้ว่าแรงหึงลมหวงของปีมงคลมันรับมือยากขนาดไหน หลังจากทานอาเช้ากันเรียบร้อยแทนที่ทศลักษณ์จะกลับเขากลับมาขลุกอยู่กับร่างบาง อาสาทำนั่นทำนี่ให้เพื่อเอาใจ ปีมงคลเองก็ไม่ยอมแพ้ อาสาทำงานบ้านให้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ค่อยจะเป็น ทศลักษณ์ซ่อมท่อน้ำหลังที่รั่วซึม แต่ใช้เวลาอยู่นานโขเพราะตัวเองใช่ว่าจะทำเป็นไปซะทุกอย่าง ปีมงคลแอบเดินมาดู เขาหัวเราะเยาะเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของท่อน้ำ ที่ตอนนี้มีน้ำพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ยิ่งซ่อมก็ยิ่งเหมือนทำมันให้พังมากกว่าเดิมสุดท้ายโทรเรียกช่างมาทำให้ กว่าจะเสร็จก็บ่าย ทศลักษณ์เลยขอตัวกลับก่อน

“โทษทีนะ เพียว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดนิดๆ

“คึคึ ไม่เป็นไรหรอกพี่ เรื่องแค่นี้ ความจริงพี่สองคนก็ไม่น่ามาทำอะไรแบบนี้นะ ปล่อยให้พวกผมสองคนทำเองมันง่ายกว่านี้เยอะ” มันคงไม่เกิดเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ตามมาทีหลัง เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา ปากสวยยกยิ้มนิดๆ

“งั้นพี่กลับก่อนดีกว่าท่าว่างแวะไปหาพี่ที่ร้านบ้างนะ” มือหนายกขึ้นมายีหัวทุยเบาๆ ปีมงคลที่เดินไปส่งช่างกลับมาเห็นเข้าพอดี ร่างสูงเดินมาปัดมือของทศลักษณ์ออกอย่างแรง

“หัวคนไม่ใช่หัวหมาลูบอยู่ได้” เขาพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่หมั่นไส้ แถมยังส่งสายตาค้อนๆ ไปให้ร่างบางที่ยืนนิ่งให้เขาลูบอีกต่างหาก

“นี่ก็เหมือนกัน เป็นหมารึไงถึงชอบให้คนอื่นลูบหัวนะห๊ะ” ปีมงคลหันไปยีหัวอีกคนแรงๆ จนเพียวหัวยุ่งไปหมด

“พี่ปี!!! หัวยุ่งหมดแล้ว”

“มึงอะไหนว่าจะกลับ ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่ได้” ก็ยักษ์ไง ไม่เถียง ทศลักษณ์ยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะถ้าปีมงคลรู้ว่าสองคนนั้นเป็นยักษ์ตัวเป็นๆ คงจะช็อกน่าดู

“หึ..พี่ไปก่อนละกัน บายครับตัวเล็กของพี่” ส่งยิ้มหวานไปหาเพียวแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้าน

“ของผมก็ไม่เล็กนะพี่ คึคึคึ” เอ่ยปากแซวคนที่เดินหันหลังให้แล้วหัวเราะ ปีมงคลได้ยินก็รีบเขกหัวอีกคนแล้วทำหน้าดุใส่

“อะ โอ้ย พี่ เจ็บนะ ว่าผมเป็นหมาไม่พอ ยังจะมาทำร้ายร่างกายกันอีก -3-” เพียวยู่ปากใส่

“ไปบอกมันแบบนั้นได้ไง อยากโชว์ให้มันดูเหรอ ถ้าอยากโชว์มาโชว์ให้กูดูนี่ แหม่” ปีมงคลบ่นออกมายาวแถมทำเสียงเหมือนคนแก่อีกต่างหาก

“อะไรของพี่ วู้ว ไล่แต่คนอื่นแล้วพี่ไม่มีงานไม่การทำไงมาขลุกอยู่แต่บ้านผมเนี้ยะ” โดนย้อนเข้าหน่อยก็ทำเดินหนี เพียวทำปากคว่ำใส่อย่างหมั่นไส้กับความขี้เก๊กของอีกคน ความจริงวันนี้เขาตั้งใจจะไปดูของมาตกแต่งร้าน พวกโต๊ะเก้าอีก อะไรทำนองนี้ แต่ดันมีแขกมาซะก่อนก็เลยต้องพับเก็บไว้ เอาไว้ไปพรุ่งนี้แทน ปีมงคลเดินมานั่งพักที่ศาลาไทย เพียวเดินตามมาทีหลัง

“พี่ไม่กลับบ้านหรอ” เขาเองก็อยากจะพักบ้าง

“บ้านอยู่แค่นี้” เขาชี้ไปที่บ้านของตัวเอง

“แต่ผมง่วง”

“ก็นอนสิใครว่าอะไร”

“-*- พี่เล่นนั่งไม่ไปไหนแบบนี้ใครจะหลับลง”

“งั้นกูกลับก็ได้ ไว้ตอนเย็นจะมาหาใหม่” ยังไม่ได้เชิญเลยนะครับพี่ เพียวกลอกตาบนอย่างจนใจ ตั้งแต่กลับมาจากทะเลพี่ปีของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แลดูจะติดเขาเป็นพิเศษ

“ครับ” พอต่างคนต่างแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ร่างบางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างโล่งๆ ดีที่วันนี้ไม่มีใครฆ่ากันตายในบ้านของเขา หันไปหาเด็กพม่าที่ไม่รู้หายไปไหน พอไม่เจอก็กะจะเดินเข้าบ้าน

“น้องเพียวววววว” เสียงแหลมแสบหูดังมาจากบ้านข้างๆ (อีกฝั่ง) ป้าอรยืนเกาะข้างๆ รั้ว สายตาภายใต้กรอบแว่นหนาๆ ของแกไม่สามารถปิดบังความขี้เสือกของแกได้ เพียวถอนหายใจแรงๆ เขาอยากจะพักมากๆ ตอนนี้ ร่างบางเดินไปหาคนอายุมากด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม

“ครับป้าอร”

“วันนี้แขกเยอะดีนะคะ”

“อ่าครับ”

“เออ แล้วไปไหนหมดซะละค่ะ ป้าว่าจะแวะมาทักทาย” ถามพร้อมกับสอดสายตาไปทั่วๆ บ้าน มือเหี่ยวๆ ขยับแว่นไปมา

“กลับหมดแล้วครับ ว่าแต่ป้าอรมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมขอตัวไปพักผ่อน” เพียวตัดบท

“จะว่ามีก็มีนะค่ะคุณน้อง คืออย่างนี้ค่ะ ช่วงนี้ป้าอยากจะทำธุรกิจแต่ติดที่เงินทุน พอดีว่าป้ามีที่อยู่ผืนหนึ่ง อยากจะขายให้คุณปีเขา” แล้วทำไมไม่ไปคุยกับคุณปีเองละครับป้าจะมาผ่านผมทำไม ร่างบางคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ป้าเห็นว่าน้องเพียวสนิทกับคุณปีเลยอยากจะให้ช่วยพูดให้หน่อยนะคะ”

“เอ่ออ แล้ว..” ยังไม่ทันจะถามป้าอรก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“คือ ป้าเคยบอกขายที่คุณปีไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ราคาที่ตั้งไว้ นะคะ ตอนนั้นยังไม่ร้อนเงินเท่าไหร่ ตอนนี้เลยอยากจะขาย เอาราคาที่คุณปีเคยให้ก็ได้ น้องเพียวไปคุยให้ป้าหน่อยได้ไหมคะ” ป้าอรพูดเสียงอ่อน พร้อมกับทำสีหน้าอ่อนใจให้ดูน่าสงสาร

“เห้ออ ก็ได้ครับแต่ไม่รับปากนะครับว่าจะได้”

“แค่น้องเพียงรับปากว่าจะคุยให้ป้าก็มีความหวังแล้วละค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” พูดจบก็สะบัดตูดเดินหายเข้าบ้าน เพียวส่ายหน้าไปมา แล้วเดินเข้าบ้านเช่นกัน ร่างบางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จะได้สดชื่น ลืมเรื่องมื้อเที่ยงไปเสียสนิท ถึงว่าทำไมท้องมันร้อง เดินงุ่นง่านออกจากห้องก็เจอเด็กแสบที่จู่ๆก็หายไป นั่งยิ้มอะไรไม่รู้อยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“ยิ้มอะไร ไอ้พม่าเสินเจิ้น” แซวมันขำๆ ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ยกมือขึ้นยีหัวทุยนั่นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“ยิ้มอะไรป่าวยิ้มสักหน่อย” มันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ หลักฐานชัดอยู่บนใบหน้าขนาดนี้ เพียวส่ายหัว

“หิวยัง สั่งอะไรง่ายๆ มากินไหม”

“อยากกิน พิชซ่า” ไวหันมาทำตาวาวๆ ใส่

“คึคึ เออ ได้ๆ อยากกินเหมือนกัน” กดโทรศัพท์สั่งพิซซ่า เอาแบบจัดเต็ม รอไม่นานก้มาส่งถึงหน้าบ้าน ไวออกไปรับพร้อมกับจ่ายเงิน เดินยิ้มหน้าบานเข้ามา

“คนส่งพิชซ่าหน้าตาดีอะพี่ วันหลังเราสั่งอีกนะ ฮ่าๆ”

“แหม่ ออกนอกหน้าระวังเถอะ กูจะฟ้องไอ้เขื่อน”

“เกี่ยวไรกับพี่เขื่อนอะ ..- - “

“ถามตัวมึงเองดีว่ามั้งไอ้วายยยย กินๆ หิวไส้จะขาดแล้ว” ลงมือกินของที่สั่งมาจนเกลี้ยงแล้วนอนตีพุงอืดๆ เปิดซีรี่ย์สยองขวัญดูกันสองคนเจ้านายลูกน้อง จนถึงเย็น ก็ออกตลาด หาซื้อของมาทำกับข้าวตอนเย็น ได้ไก่ตัวใหญ่มากับมันฝรั่ง หอมใหญ่มะเขือเทศ วันนี้เขาตั้งใจจะทำซุปไก่ กับ ผัดพริกแกงหมูสามชั้น ไวรัลอ้อนอยากกิน หมึกยัดไส้ต้มเค็ม ร่างบางเลยเดินไปอีกล็อกเพื่อซื้อหมึกทะเลสดๆ สองกิโลคงพอทำอาหารได้หลายมื้อ แวะซื้อหมูสับกับเครื่องเทศอีกนิดหน่อยก็เดินทางกลับระหว่างทางมีแอบซื้อขนมไว้ล้างปากอีกสองอย่างคือวุ้นกะทิกับสังขยาฟักทองอีกลูก

กลับมาถึงบ้านก็เตรียมทำมื้อเย็นโดยมีไวรัลเป็นลูกมือ ลูกมือที่มือไม่หยุดจกกับข้าวขึ้นมาชิม เป็นอิปอบอย่างที่เพียวเอ่ยแซว พอทุกอย่างพร้อมเพียวก็ให้ไวไปตามปีมงคลมากินข้าว ไม่นานสองคนนั้นก็เดินเข้ามาในครัว วันนี้อากาศดีเลยจะตั้งโต๊ะที่ศาลา ระหว่างที่กำลังเตรียมจัดโต๊ะ จู่ๆ ไวมันก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ยุ่งๆ ปีมงคลมองตาม แววตาเขาสะท้อนถึงความกังวลออกมาจนเพียวต้องเอ่ยถาม

“มีอะไรกันรึเปล่าพี่”

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เราจัดโต๊ะกันต่อเถอะ เดี๋ยวไวมันก็กลับมากินเองแหละ” ร่างสูงบอกปัด เพราะเขายังไม่อยากให้เพียวสนใจเรื่องของไวมากนักเลยต้องหันเหความสนใจ ร่างสูงเดินไปประชิดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง เหมือนแบ็กฮัก เพียวตกใจจนเกือบทำหมึกต้มเค็มหล่นดีที่ร่างสูงประคองทั้งคนและอาหารไว้ทัน

“ทำอะไรของพี่อีกเนี้ยะ -*- “

“หึหึ จับดีๆ สิ” หัวเราะแบบบนี้อีกแล้ว ร่างบางหันไปมองค้อนใส่ด้วยความไม่ขอบใจ

“ต้องไปเอาอะไรอีกไหม”

“หม้อข้าวกับน้ำ” ปีมงคลพยักหน้าแล้วพากันเดินกลับเข้าไปด้านใน ร่างสุงใช้จังหวะที่เพียวกำลังเผลอ จับไหล่มนแล้วพลิกให้หันกลับมาทางเขาก่อนจะใช้ความเร้วในการช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากอวบอิ่มโดนอีกคนบดขยี้ริมฝีปากลงมา ก่อนจะชอกชอนลิ้นเข้าไปในโพลงปากอุ่นอย่างชำนาญ ฝ่ามือล็อกเอาศีรษะของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หันหนี เพียวทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมตามใจคนตัวโต เปิดปากรับเอาความหวานฉ่ำก่อนมื้ออาหารเข้าปากตนเอง เสียงหายใจฟึดฟัดบอกถึงอารมณ์ที่กำลังปะทุ หัวใจทั้งเขาและร่างสูงเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก สองมือที่ไม่รู้จะไปวางไว้ตรงไหนค่อยๆ ยกขึ้นคล้องคอหนาเอาไว้ปีมงคลเลื่อนฝ่ามือจากหัวลงมาสู่เอวคอดอย่างช้าๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปยังสะโพกนิ่มแล้วขยำเต็มแรง

“อื้ออ..อย่าทำแบบนี้สิเจ็บ” ละริมฝีปากบวมแดงออกมาแล้วว่าเสียงดุ ดวงตากลมมองค้อนนิดๆ ปีมงคลอมยิ้มขำก่อนจะหอมลงที่แก้มนุ่มอีกครั้งด้วยความเผลอไผล

“ทำโทษที่วันนี้พาผู้ชายเข้าบ้าน!!! ” ร่างสูงแกล้งทำเสียงดุพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายไปด้วย เล่นเอาคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ

“*0*ผมไม่ได้ขอเขามาเอง”

“ไม่รู้ละ กูหวง”

“หวง หวงทำไม? ชอบผมเหรอ” เป็นร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังไล้ต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม ร่างบางเอียงคอถามพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ

“มีตรงไหนให้ชอบวะ” หันหน้าไปมองทางอื่นแล้วตอบแบบไม่เต็มเสียง เขาไม่อาจจะทนมองอีกคนที่กำลังทำสีหน้าแบบนั้นใส่ได้ สีหน้าที่ยั่วให้เขาตะบะแตก

“ถ้าไม่ชอบก็อย่างหวง อย่าออกอาการ อย่าออกนอกหน้าสิครับ คนมันติด^^”

“ก็คิดไปสิใครห้าม”

“ผมไม่ชอบความผิดหวัง แล้วไม่ชอบตัดโอกาสของตัวเอง อะไรที่มันดีผมก็สมควรจะคว้ามันไว้ไม่ใช่เหรอ” เหมือนเป็นคำถามที่ปูทางให้อีกฝ่ายเดินตกหลุม ยักษ์ตัวน้อยยิ้มพราย ก่อนจะพลิกตัวหนีอ้อมกอดของอีกคน

“กูก็กำลังจะให้โอกาสมึงแล้วนี่ไง รีบคว้าไว้สิวะ!! ” เขาตะโกนเสียงลั่นด้วยความตื่นเต้น มือหนารีบคว้าข้อมือของอีกคนไว้ก่อนที่จะหนีไป ร่างบางหันมาสบสายตาที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์

“มึงต้องเลือกแค่กูเท่านั้น”

“บังคับผมเหรอครับ พี่นี่ใจร้ายจัง” เพียวยิ้มออกมา ยิ้มร้ายๆ ที่ซ่อนความตื่นเต้นและดีใจเอาไว้ คำพูดของผู้ชายตรงหน้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการขอเป็นแฟน ไม่สิบังคับให้เขาเป็นแฟนมากกว่า

“ไม่มีโอกาสสำหรับคนอื่น ตัดทิ้งให้หมดแล้วมองแค่กู” เขาจ้องตาอีกคนนิ่งๆ อย่างเอาคำตอบ ร่างบางจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้ คนอย่างปีมงคลต้องโดนดัดนิสัยแย่ๆ สะบ้าง

“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับผมว่าผมจะตัดด้ายแดงฝั่งไหน จะตัดของพี่ (ยกมือขึ้นลูบแก้มสากเบาๆ) หรือของพี่ทศ ผมพอใจใครมากกว่าคนที่รักผมมากกว่า ผมก็จะเลือกคนนั้น” ออกแรงเล็กน้อยผลักคนตรงหน้าให้ถอยห่างแล้วเดินหยิบหม้อข้าวออกไปด้านนอก

“หยิบน้ำตามมาสิครับ จะได้กินข้าว หิวแล้ว^^”



-ปีมลคล-

“ร้ายนักนะ อย่าให้ต้อนจน จนมุมละกัน จะกินไม่ให้เหลือเลย”

-ไวรัล-

“พวกมัวไปทำอะไรกันอยู่ ปลูกข้าวอยู่เหรอ แล้วทำไมปากพี่เพียวเจ่อแบบนั้นละ หรือว่าแพ้สะตอ เอ๊ะ..*0* หรือว่า”

“หึหึหึ” ปีมงคล

“-////- “เพียว

“แดกข้าวครับทุกคน หิว!!!! ” น้องยักษ์ที่ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง กลบความงุ่นง่านของตัวเอง


++++++++++++++++++++++++++++
พี่ปีเขาก็มีมุมมุ้งมิ้ง ขี้หึง ขี้หวงเหมือนกันนะ ยังไม่ตายด้าน ฮ่าๆ
ถ้ารักน้องยักษ์ก็ให้กำลังใจคนเขียนด้วยน้าาาาาาาา
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 16 17/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-11-2017 16:35:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 16 17/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 17-11-2017 18:31:36
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 16 17/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-11-2017 19:55:46
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 17 24/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 24-11-2017 07:19:13










อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 17


                     หลังจากตื่นนอน จากค่ำคืนที่แสนยาวนาน ผมตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เขาจะไปดูเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งร้าน รีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดคอวีกับกางเกงยีน เดิน ลงไปด้านล่าง เจอไวรัลพึ่งจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วผลุบหายเข้าไปในห้อง ผมเลยเดินเข้าครัวหาทำอะไรกินรองท้องไปก่อน แต่พอเปิดตู้เย็นก็แทบหงายหลัง เหลือแต่ปลาหมึกแค่สองตัวจะพอกินกันไหม ถามใจดู ส่ายหน้าเบาๆ ดีนะข้าวหุงไว้เมื่อเย็นยังเหลืออยู่บ้างเลยเอามาทำข้าวต้มซะเลย ง่ายดี กว่าคุณไวเค้าจะแต่งตัวเสร็จข้าวในหม้อก็คงพองได้ที่พอดี หั่นทุกอย่างใส่หม้อน้ำซุป รอปลาหมึกสุกก็ตักข้าวใส่ หรี่ไฟลง แล้วหันไปชงกาแฟกับอุ่นนมให้อีกคน ได้ยินเสียงเดือดปุดในหม้อก็เดินไปคนข้าวสองสามทีแล้ว ใส่เครื่องปรุงชิมรสแล้วดับไฟ ไม่นานไวก็เดินออกมาจากห้องตัวหอมฉุย มันแต่งตัวน่ารักตามประสาวัยรุ่นอยู่ด้วยมาก็เกือบจะสามเดือนแล้ว เปลี่ยนเป็นจากไว เด็กพม่าหน้าขาวเป็นน้องไวรัลของพี่เขื่อนไปซะได้

                  ลงมือกินมื้อเช้าก่อนจะออกเดินทางตอนเก้าโมง มุ่งตรงไปยังร้านที่ขายของที่เราต้องการโดยเฉพาะไวรัลเสนอชื่อร้านร้านหนึ่งที่อยู่ใจกลางเมือง พอไปถึงมันเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ ส่งออกนอก แวบแรกที่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะมันมีพื้นที่กว้างมากเหมือนห้างสรรพสินค้าที่มีแต่ของตกแต่งบ้าน เราเดินจนขาลาก ได้ของถูกใจมาหลายอย่าง จนเดินไม่ไหว เลยมานั่งพักดูแค็ตตาล็อกพวกโต๊ะเก้าอี้แทน นั่งได้สักพัก จู่ๆ ไวรัลมันก็ทำสีหน้าตกใจแล้ววิ่งหายไปไหนไม่รู้ทิ้งให้ผมเคว้ง นั่งเอ๋ออยู่บ่นม้านั่งไม้รูปทรงแปลกๆ พร้อมกับแฟ้มแค็ตตาล็อกในมือ จนมีพนักงานคนหนึ่งเอากาแฟมาเสิร์ฟให้

“ท่านประธานให้เอากาแฟมาให้ค่ะ แล้วท่านประธานฝากบอกว่าถ้าเลือกแบบได้แล้วให้เข้าไปพบท่านเป็นการส่วนตัวได้เลยค่ะ” ห๊ะ อะไรนะ คือแค่มาซื้อของเข้าร้านไม่ได้มาติดต่อทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องพบท่านประธงประธานหรอกมั้ง กำลังจะเอ่ยคำปฏิเสธ แต่ก็โดนขัดขึ้นมาอีก

“ท่านประธานบอกว่าจะลดราคาสินค้าให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยนะคะ” เออ แบบนี้คงต้องรีบไปพบท่านประธานแล้วละ ฮ่าๆ

“ครับ ขอบคุณครับ” นั่งยิ้มหวานส่งให้พนักงานสาวสวยจนเธอยืนบิดม้วนเป็นเลขแปด แสดงว่าเสน่ห์ผมยังพอมีอยู่บ้าง รู้สึกภูมิใจนิดๆ นะเนี้ยะ โปรยเสน่ห์เสร็จก็ทำหน้าเก๊กหล่อ จนหน้าเกร็ง

“คุณวารี !!! ไม่งานทำแล้วเหรอ” น้ำเสียงเข้มๆ ดังมาจากทางด้านหลังของผม น้ำเสียงมันดูคุ้นๆ ยังไม่รู้ กำลังจะหันไปหาคนต้นเสียง

“หลานปี” ปี?

“อ่าว ท่านเจ้าสัว ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” หันไปก็ตะลึงเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่ปีที่นี่ ผมยืนมองทั่งคู่สนทนากันสีหน้าเจ้าสัวนั่นดูเครียดๆ

“นั่นสิ นานจนอาลืมไปเลยว่ายังมีหลานอยู่อีกคน” จู่ๆ สีหน้าท่านเจ้าสัวก็หมองลง

“คุณอามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อาไวรัล อีหายตัวไป อาตามหาเขาจนทั่ว หายังก็หาไม่เจอ ที่อามาพบหลานวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ปีเห็นไวรัลบ้างไหม” ผมมองสีหน้าของพี่ปีเขาดูอึดอัดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงสีอะไรไปมากกว่านี้ จากที่ฟัง ชื่อไวรัล ไวรัล!!!

“อย่าบอกนะว่า เป็นไอ้เด็กพม่าที่บ้าน” ผมแทบจะหลุดเสียงออกไป กวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่เจอเด็กพม่าของผมแม้แต่เงา

“คุณอาใจเย็นๆ นะครับ น้องคงไปไหนไม่ไกล”

“เขาหนีไปเพราะทะเลาะกับที่บ้าน อาไม่คิดว่าไวรัลจะกล้าหนีออกจากบ้าน นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วย”

“เดี๋ยวน้องก้คงกลับเองแหละครับ ไวรัลเป็นเด็กลาดเขาเอาตัวรอดได้ ถ้าอาไม่สบายใจผมจะช่วยตามหาน้องอีกแรง”

“อาตัดเงินเขา อายัดบัตรเครดิตทุกอย่าง ยึดรถ แต่ไวรัล อีก็หนีไปจนได้ ออกไปแบบนั้นจะกินจะอยู่ยังไง” ผมเห็นสายตาเหนื่อยล้าและเป้นกังวลของท่านเจ้าสัว เขาคงห่วงลูกชายมากๆ แน่ ผมหันไปสบตากับพี่ปีนิดๆ ประหม่าเล็กน้อยตอนที่เขาส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ ว่าแต่ถ้าเป็นไวเดียวกับที่บ้าน ผมจะจับตีก้นให้ลายเลยคอยดู

“ผมจะช่วยตามหาอีกแรง ยังไงไวรัลก็เป็นน้องของผม”

“ขอบใจมานะหลานปี อาไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว” ท่านเจ้าสัวตบบ่าแกร่งของพี่ปี สีหน้าดูคลายกังวล เมื่อเห็นว่าพี่ปีรับปากว่าจะช่วย ท่านก็เอ่ยลา เพราะมีนัดกับลูกค้า ทีนี้ก็เหลือแต่ผมกับพี่ปี เขาเดินตรงมาที่ผม ร่างสูงใส่สูทผูกไท้ เซตผมอย่างดี ต่างจากที่บ้านที่แต่งตัวสบายๆ พี่ปีดูหล่อขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ผมยืนยิ้มให้เขาอย่างไม่ปิดบัง

“ตามมาสิ” พี่ปีจูงผมเข้าไปในห้องทำงานของเขา ห้องกว้างๆ ที่ตกแต่งโทนสีเข้มกับเฟอร์นิเจอสีอ่อนมีโซฟาเบทอยู่มุมห้องสงสัยเอาไว้นอนพัก ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นรูปครอบครัวของพี่เขา รูปใหญ่แขวนอยู่บนผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา สามคนพ่อแม่ลูกยืนกอดกันมีพื้นหลังเป็นบ้านหลังหนึ่งที่ดูอบอุ่นมาก ผมมองรูปนั้นอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งโดนที่พี่ปีกอดเอาไว้จากด้านหลัง แล้วลากผมไปที่เก้าอี้ทำงานบังคับให้ผมนั่งบนตักเขา

“จะมาทำไมไม่บอก” เขาถามเสียงเข้มๆ

“ผมไม่รู้นี่ว่าไวจะพามาที่นี่” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม พร้อมกับมองหน้าเขา พี่ปีดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ผมชักอิจฉาความหล่อของเขาแล้วสิ

“กูไม่ได้หมายถึงที่นี่ กูหมายถึงจะออกมาข้างนอกกันสองคนทำไม่บอกกูบ้าง” อ่อเรื่องนี้เอง ผมยักไหล่

“ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องสักหน่อย พี่ก็ใช่จะว่างตลอด”

“จำเป็นสิ!! ไม่ว่ามึงจะไปที่ไหน กับใคร ยังไง มึงต้องบอกกูทุกครั้ง” เขากดเสียงลงต่ำเหมือนจะขู่บังคับผม

“ทำไมต้องรายงานพี่ขนาดนั้นด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย -3-” เชิดหน้าใส่เขาทันที ทำไมชอบบังคับกันจังนะ

“กูพูดขนาดนี้มึงยังไม่ เข้า ไม่เก็ทอีกเหรอ = = ”

“เก็ทอะไรละ พี่พูดมาแต่ละอย่างไม่ชัดเจนสักอย่างหนึ่ง แล้วจะผมเข้าใจอะไร” พูดจบเขาก็บีบเอวผมหนักๆ เจ็บชะมัด

“อะ เจ็บนะพี่จะบีบทำไม”

“บีบให้มึงรู้สึกไง นึกว่าไม่มีต่อมรับความรู้สึก กูส่งไปกี่รอบๆ มึงก็ไม่รู้จักรู้สึกตัวสักที ตายด้าน!!! ” เอ้ามาด่ากูทำไมเนี้ยะ

“ตายด้านอะไรละ พี่ไม่ชัดเจน ปากนี่อะ จะพูดออกมาไม่ได้เลยรึไง” ว่าใส่เขาแล้วสะบัดตัวลุกขึ้นยืน

“กูชอบมึง!! ”

“ห๊ะ..พี่ว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกที” ที่เขาพูดนะมันไม่ได้เบาหรืออะไรหรอกแค่ไม่แน่ใจ และยังตั้งสติไม่ทัน

“เห้ออ มึงหุตึงรึไงวะ กู บอก ว่า กู –ชอบ-มึง” ชัดเต็มสองหูเลยทีนี้เขาพูดพร้อมกับจับแก้มผมไว้ มันแสดงออกมาทั้งสีหน้าและแววตา คำว่าชอบ เขาไม่ได้โกหกผม แต่ คือแบบ จะบอกชอบ บอกรักกันทำไม ไม่ทำให้มันดรแมนติกกว่านี้แบบนี้มันปุบปับเกินไป ตั้งตัวไม่ทัน เขินมากด้วย -///-

“-////-พูดจริง ไม่หลอกให้ดีใจเล่นๆ นะ” ยืนบิดไปบิดมาด้วยความเขิน เกิดมายังไม่มีผู้ชายคนไหนมาบอกว่าชอบผมเลย ฮ่าๆ เขินทำตัวไม่ถูก อ๊ากก ร้องกรี๊ด ออกมาไม่ได้เกรงใจความแมนของตัวเองสักนิด นับวันยิ่งแรดนะผมเนี้ยะ ฮ่าๆ

“เออ นั่งลงมา” พี่ปีตบมือลงบนตักของเขาให้ผมนั่ง ผมทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อิดออด ทรุดตัวนั่งลงยนตักนุ่มๆ ของเขา

“แล้วมึงละ คิดยังไงกับกู ชอบกูบ้างไหม” เสียงทุ้มนุ่มหูดังลอยวนอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา หันหน้าไปมองพี่ปี คำถามของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก นี่เขาถามว่าผมรู้สึกยังไงกับอย่างนั้นเหรอผมเงียบไม่ตอบ แต่ผมจะให้คำตอบเขาด้วยภาษากาย ผมเอื้อมมือไปโน้มคอคนตัวสูงให้ลงมาแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากอุ่น

จุ๊บ

“!!!!! ”

“ชอบที่สุด” ตอบออกไปดั่งใจคิด พี่ปียิ้มกว้างและหน้าแดง

                     หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ ริมฝีปากของเราไม่ออกห่งกันเลยแม้แต่นิด รสจูบที่หอมหวาน พี่ปีเหมือนผึ้งที่กำลังตักตวงน้ำหวานจากผม เขาไม่ปล่อยให้ผมพักหายใจ ผมเป็นยักษ์แต่ไม่ได้เป็นเดอะฮัคที่จะอึด ถึก ทน พยายามส่งสัญญาณให้เขาพักให้ผมได้หายใจบ้าง คนอะไรหื่นเป็นบ้า!! ออกแรงจิกที่ต้นแขนเขาแรงๆ จนเขายอมผละออก ผมรีบโกยอากาศเขาปอดทันที

“เฮือกกกก พี่!! ” หายใจได้ไม่ถึงนาทีพี่เขาก็จูบลงมาอีก ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้ผมขยับไปไหน เขาจูบผมอย่างเร่าร้อน ร่างกายผมมันอ่อนแรงไปหมด รสจูบของพี่ปีเหมือนมนต์สะกดยักษ์อย่างผมให้สงบนิ่ง ลิ้นร้อนของเราเกี่ยวพันกันไปมา อย่างโหยหา จูบที่ทำให้สติผมล่องลอยไปไกล

“อืมม อื้ออ”

ปัง!!!!

“พี่ปีแย่แล้ว!!! ” จู่ๆ ประตูห้องทำงานก็เปิดออกแล้วก็มีร่างของเด็กพม่า ไอ้ไวรัล ยืนหน้าซีดอยู่ การมาเยือนของมันทำให้ผมตกใจ ดีดตัวเองออกจากตักพี่ปี แล้วหงายหลังลงกับพื้นห้อง หัวโขกกับขาโต๊ะ ผมนอนกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บพี่ปรช้อนตัวผมขึ้นมาแล้วพามานั่งที่โซฟาเบท โดยที่ไวรัลมันยืนมองผมตาไม่กะพริบ

เรื่องใหญ่กว่าของผมก้ของพี่นี่แหละ นี่พวกพี่แอบมาจูบกันในห้องหรอ!!! ” เสียงมันไม่ได้เบาเลยที่พูดออกมาออกจะตะโกนใส่เสียมากกว่า พี่ปีส่ายหน้าแล้วทำตาดุใส่มัน แล้วหันมาดูหัวผมตรงที่โดน

“บวมนิดหน่อย เจ็บมากไหม” ความจริงก็ได้เจ็บอะไรมากหรอก แต่อยากสำออย อ้อนพี่ปี

“เจ็บ ฮึก....” มีแอคติ้งสะอื้น สกิลขั้นสูงไปอีกผม และมันก็ได้ผล พี่ปีดึงหัวผมไปเป่าเบาๆ เหมือนกับเด็กเล็กๆ ไวรัลยืนอ้าปากค้างไปอีก เป็นไงละ

“โอ้ มาย ก็อท....”

           หลังจากที่อึ้งกันอยู่พัก ไวรัลมันก็เปิดประเด็นขัดบรรยากาศผมอีกครั้ง มันเหลือบมองผมนิดๆ เหมือนไม่กล้าพูดต่อหน้าผมสักเท่าไหร่ มันคงมีชนักติดหลังผมรีบจ้องตามันบังคับให้มันพูดต่อหน้าผม

“มึงมีอะไรจะสารภาพกับกูไหม ไวรัล!! ” ผมเอ่ยถามมันเสียงเย็น

“คะ..คือ” มันหันไปหาพี่ปีอย่างขอความช่วยเหลือ พี่เขาส่ายหน้าแล้วบอกให้มันพูดออกมาเลย

“พูดเถอะ เพียวมันเจอป๊าแล้ว”

“งะ..แล้วพี่บอกป๊า รึเปล่าว่าผมอยู่ไหน” นั่นไงเป็นมันจริงๆ ด้วยถึงว่าทำไมคนพม่ามันถึงอ่านเขียนภาษาไทยได้คล่องขนาดนี้

“ไม่ได้บอกหรอก พี่ว่าเราติดต่อพ่อบ้างก็ดีนะ ดูท่าทางเขาเป็นห่วงเรามากเลยนะไว” ผมบอกกับมัน เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ มันก็น่าจะโทรหาพวกเขาบ้าง เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แบบนี้

“......” มันเงียบไม่ยอมตอบ ก้มหน้าอย่างเดียวตั้งแต่ที่ผมเริ่มพูดถึงพ่อของเขา

“ไว”

“ฮึก เขาไม่ห่วงผมหรอก เขากลัวผมไปทำความเดือดร้อนให้มากกว่า” มันยกมือขึ้นปาดน้ำตา เด็กหนอเด็ก ทำไมชอบแปลความเป็นห่วงของผู้ใหญ่เป็นแง่ร้ายอยุ่เรื่อย ผม กอดไหล่มันไว้หลวม

“ไวไม่คิดว่าเขาจะห่วงบ้างเหรอ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เขาก็ห่วงลูกรักลูกกันทุกคนนั่นแหละ แล้วแต่ว่าเขาจะแสดงออกมามาแบบไหน” ผมพยายามกล่อมให้มันเข้าใจ

“คนอย่างป๊าไม่มีทางคิดกับผมในแง่ดีๆ หรอก มีแต่จะบังคับ ดุด่า ไม่เคยเข้าใจผม ไม่มีใคร ฮึกเข้าใจผมสักคน!!! ” จู่ๆ มันก็ลุกขึ้นแล้วตะโกนใส่ผม ก่อนจะพรวดพราดวิ่งหนีออกไป

“ไวรัล!!! ” พี่ปีร้องเรียกจะวิ่งตามแต่ผมรั้งเอาไว้

“ปล่อยให้เขาได้คิดได้อยุ่กับตัวเองก่อนเหอะพี่ เด็กวัยนี้พูดไปเขาก็ไม่ฟังหรอก เราคอยประคับประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกที่ควรดีกว่า” พี่ปีนิ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เราเดินมานั่งที่โต๊ะรับแขก พี่ปีกอดเอวผมไว้ พร้อมกับมองหน้าผม

“ถามจริง พี่ไม่คิดจะไปทำงานบ้างเหรอ มานั่งจ้องผมอยู่แบบนี้ วันนี้จะได้กลับบ้านไหม”

“เดี๋ยวค่อยทำ พักบ้างก็ได้ไม่มีใครกล้าว่าหรอก”

“แต่ผมมีงานต้องทำ อีกสองวันร้านจะเปิดแล้ว ผมต้องหาของเข้าร้านอีก”

“ก็เลือกเอาสิ ของที่นี่มีตั้งเยอะ อยากได้อะไรก็เอาไป ไม่คิดตัง” พอบอกว่าไม่คิดตังหุผมนี่ผึ่งเลยครับ

“จริงอะ”

“หึหึหึ งกเอ๊ย อืม เลือกเอา หรือจะให้ช่วยเลือกให้” ในเมื่อเขาเสนอตัวมาช่วยผมก็ไม่ขัด พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา พี่ปีเดินไปหยิบไอแพดของเขามาแล้วเปิดหน้าเว็บของบริษัท เลือกชุดเก้าอีกออกมาสองสามชุดให้ผมเลือก ซึ่งแบบที่เขาเลือกมานั้นสวยไม่เบาแถมถูกใจและเข้ากับร้านผมมาก เลือกชุดเก้าอี้ไม้แบบวินเทจสีเบจ กับตู้โชว์เข้าชุดอีกสองหลัง เอาไว้ใส่ของสะสม กับรูปสวยๆ เลือกเสร็จก็ส่งต่อให้พี่ปีไปจัดการต่อ เขารับไอแพดไปแล้วกดโทรศัพท์หาเลขาที่อยู่หน้าห้อง

“ระริน รับไฟล์สินค้าที่ผมส่งไปให้ แล้วจัดส่งตามที่อยู่ให้ด้วย ลงบัญชีชื่อของผมไว้ อืม ขอบใจมาก” เขาสั่งแล้วหันมายิ้มให้ คือผมจำเป็นต้องใจเต้นแรงให้กับรอยยิ้มละมุนของเขาขนาดนี้ไหม ไอ้หัวใจบ้านี่ก็เต้นไม่หยุดสักที แอบเห็นมุมปากเขาขยับเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม นั่งเก๊กหน้าจนตีนกาแทบจะขึ้น แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมชอบอมยิ้มเอาไว้ เห็นแล้วอึดอัดแทน

“พี่ผมกลับเลยได้ไหม จะไปหาซื้อของอีกหลายอย่างเลย” พอบอกว่าจะกลับสายตาจากที่เพ่งแต่เอกสายหันมาตวัดใส่ผมทันที

“เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”

“หืม ทำไม”

“จะเที่ยงแล้ว จะพาไปกินข้าว” เขาตอบเสียงเรียบๆ ก่อนจะรีบเซนต์เอกสารแฟ้มสุดท้ายในมือ

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมขอโทรตามไวก่อนได้ไหมเป็นห่วงมัน” พี่ปีพยักหน้าตอบผมรีบกดโทรศัพท์โทรหา

ตรู๊ดดดดดดด

“ (......) ”

“ไอ้ไว ตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน”

“มันอยู่กับกู” เสียงใครวะ

“มึงเป็นใครวะ มึงทำอะไรน้องกู!! ”

“ไอ้เหี้ยเพียวจะตะโกนหาพ่องมึงเหรอ กุเอง แค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้”

“ไอ้เขื่อน!! ” ตกใจหมด ห่าเอ๊ย นึกว่าไวรัลโดนจับไปเรียกค่าไถ่

“เออกูเอง ไม่ต้องห่วงไอ้ไวมันหรอก มันอยู่กับกูที่วัด มึงจะทำอะไรก็ไปทำเหอะเย็นๆ กูจะมาพามันไปส่งเอง” ได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกสบายใจขึ้น พี่ปีเองก็เช่นกัน เราออกจากบริษัทในเวลาเที่ยงตรง พี่ปีขับรถพาผมไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานของเขา มันเป็นร้านเล็กๆ ที่คนไม่ค่อยเยอะมีคนเข้าออกตลอด รสชาติอาหารของที่นี่ อร่อยอย่าบอกใคร กินเสร็จเขาก็พาผมกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง ผมถามว่ากลับมาทำไม เขาก็บอกว่ากลับมาสั่งงานแล้วจะพาผมออกไปซื้อของเอง พอมาถึงเท้ายังไม่ทันได้ก้าวข้ามประตู จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มา

“พี่ปี!! หายไปไหนมาค่ะ มีนารอตั้งนาน” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟัน ชุดเดรสสั้นรัดติ้ว จนเห็นไปหมดทุกสัดส่วน โดยเฉพาะ ตรงส่วนนั้น ใหญ่เสียจนละสายตาไม่ได้ สายตาผมโฟกัสไปแค่จุดๆ นั้น จนกระทั่ง

“อะ..แฮ่ม กรุณามองหน้ากูด้วยครับ” น้ำเสียงเข้มๆ เรียกสติกับน้ำลายของผมให้กลับมา หญิงสาวที่ชื่อมีนามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทางเหยียดๆ เจอกันครั้งแรกก็สร้างความประทับใจอันดีต่อกันเลยทีเดียว ผมยิ้มจนตาเป็นสะระอิส่งให้ เดี๋ยวได้รู้ ว่ายักษ์นะมีฤทธิ์แค่ไหน ผมเห็นมือขาวๆ ทาเล็บสีแดงเกาะแขนพี่ปีไม่ยอมปล่อย แอบยิ้มเหี้ยมนิดๆ บังอาจมากมาเกาะแขนแฟนคนอื่นแบบนี้

“ใครอะค่ะพี่ปี เด็กฝึกงานเหรอ”

“ไม่ใช่ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม” พี่ปีหันไปถามมีนาด้วยเสียงนิ่งๆ พร้อมกับแกะแขนของมีนาออก

“ก็มีนาคิดถึงพี่ปีนี่ค่ะ พี่ปีไม่โทรหามีนาบ้างเลย เราเป็นแฟนกันนะคะ” เธอพูดเสียงกระเง้ากระงอด ผมหันไปมองหน้าพี่ปีทันทีที่เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนกับเขา

“แค่ในนามเท่า ที่เหลือคุณคิดเอาเองทั้งนั้น หรือเรียกง่ายว่าสายมโน หยุดมโนหยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว” *0* คำพูดร้ายๆ ที่ไม่ได้ออกจากปากของผม แต่เป็นปากพี่ปี ผมเคยคิดว่าเขานะปากร้าย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกับผู้หญิงด้วยแบบนี้ โคตร อึ้ง..มีนาหน้าสลดลงทันที พี่ปีใช้แค่หางตามองผู้หญิงคนนั้น แม่เจ้าโดนยิ่งกว่าผมเสียอีก

“พี่ปีทำไมพูดกับมีนาอย่างนี้ละคะ” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ พี่ปีหันมามองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนจะแสยะยิ้ม

“ทำไมจะพูดไม่ได้ เธอเป็นอะไรกับชั้น ชั้นต้องให้ความสำคัญ? !! ” แร้งงง มีนาหน้าถอดสี เธอคงไปสะกิดต่อมอสูรของพี่ปีเข้าแล้ว

“พี่ปี..มีนาจะฟ้องคุณพ่อ!! ”

“เชิญ ถอนหุ้นออกไปด้วยยิ่งดี” จบประโยคเขาก็ลากผมเข้าไปด้านในทิ้งให้มีนายืนหน้าแดงด้วยความโกรธ อยากจะถามพี่เขานะว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ไม่กล้ากลัวหัวหลุด เขาลากผมมาจนถึงห้องทำงาน พร้อมกับปิดประตู

“มึง..โอเคไหม” โอเคอะไรละ ผมยัง งง จะให้โอเคเรื่องอะไร

“เรื่อง?”

“มีนาคม พ่อของมีนาเป็นหุ้นของบริษัทนี้อยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ของกูหกสิบ กับกรรมการอีกคนละสองเปอร์เซ็นต์ เขาถือว่ามีหุ้นอยู่เยอะและใช้ลูกสาวเป็นหลักประกัน และหวังจะฮุบเอาหุ้นทั้งหมดจากกูไปทันทีที่กูตกลงแต่งงานกับมีนาหุ้นจะตกเป็นของพ่อมีนาครึ่งหนึ่ง ซึ่งกูยอมไม่ได้ ตอนนี้กูทำอะไรได้ไม่ค่อยมากเพราะพ่อมีนาปั่นหัวคณะกรรมการให้ขายหุ้นให้ และกำลังจะหั่นขาเก้าอี้กู ซึ่งกูยอมไม่ได้”

“แล้วพ่อมีนาเป็นใครอะ”

“เพื่อนของพ่อกู ชื่อ วิชาญ” ผมพยักหน้าเข้าใจและพอจะจับใจความสำคัญอะไรบางอย่างได้ ดูท่าพี่ปีจะเจอศึกหนักเอาการ

“เขาช่วยกันก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แค่ช่วงแรก พอลุงวิชาญได้เงินปันผลเขาก็ยุติการทำงานของตัวเอง รอกินเงินปันผลอย่างเดียว พ่อกูเป็นคนลงแรง ลงทุนทุ่มเทให้กับบริษัทจนเติบโต ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจนมีทุกวันนี้ พ่อขยายจนทำเริ่มทำธุรกิจโรงแรม จนกระทั่ง พวกเขา....” พอมาถึงตรงนี้แววตาพี่ปีไหววูบเหมือนเก็บความเศร้าเอาไว้มากมาย มันสื่อออกทางดวงของพี่เขาจนหมด

“พวกเขาเสีย ตอนกลับจากปราณบุรี มีรถบรรทุกเบรกแตกพุ่งเข้าชนเขาตรงสี่แยกไฟแดง ตอนนั้นกูพึ่งเรียนจบ ปริญญายังไม่ได้รับเลย” น้ำเสียงเขาเริ่มสั่นเครือ ผมจับมือเขาไว้ พี่ปีเริ่มเปิดใจกับผมเขาเล่าเรื่องราวในชีวิตของเขาให้ผมฟัง

“พี่ถามผมว่าโอเคไหม ถ้ามีนาเขาจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องเขานะเหรอ”

“ไม่ คือกูหมายถึง ถ้ากูยังไม่สามารถบอกใครได้เรื่องของเรา”

“ห๊ะ..???”

“มึงจะโอเคไหม” ถามว่าโอเคไหมนะเหรอ มันก็ต้องไม่โอสิวะ!!!

“ไม่มีทาง..” ผมบอกเสียงแข็ง ใครจะยอมละ แค่บอกว่าเราเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกันมันจะตายรึไงวะ ผมไม่ชอบสถานะที่คลุมเครือ

“ยอมเถอะ กูขอ” เขาหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่ผม สีหน้าที่บังคับแกมขอร้อง ... กูขอนี่คือบังคับ แล้วกูก็ต้องยอมใช่ไหม ผมมองหน้าเขานิ่งๆ พยายามสูดลมหายใจเขาลึกๆ เพื่อให้ใจเย็นลง เราตกลงเป็นแฟนกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

“เพราอะไร ขอเหตุผลได้ไหม” กลั้นใจถามออกไป

“เพื่อความปลอดภัยของมึง”

“ความปลอดภัย? ความปลอดภัยอะไร” พูดบ้าอะไรของเขาเนี้ยะ พูดเหมือนจะมีคนมาฆ่าผม ถ้าฆ่าผมตายได้ก็เอา

“ศรัตรู ไม่ได้มีแค่ลุงวิชาญ แต่ยังมีญาติของกูอีกที่จ้องจะฮุบทุกอย่างไปจากกู พวกนั้นมันยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ในสิ่งที่มันต้องการ มึงเข้าใจใช่ไหมเพียว เหตุผลของกูมีแค่นี้” เข้าใจชัดเจน!!! ห่าจะมีผัวกับเขาทั้งทีทำไมต้องมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้ด้วยวะ!!

“แล้วเราต้องทำยังไง”

“ก็เหมือนปรกติ ที่เป็น” เขาส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้เมื่อเห็นผมเริ่มอ่อนลง

“เอาใจกู สนใจกู ห้ามขัดคำสั่งกู” !!! อันนี้ไม่ใช่ละ



+++++++++++++++++++++++++++++++



หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 17 24/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-11-2017 15:31:28
ใครจะฆ่าน้องยักษ์ได้ล่ะพี่ปี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 17 24/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-11-2017 15:42:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 17 24/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-11-2017 18:52:56
ตามมมท
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 03 30/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 30-11-2017 08:11:31

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 03


       นอนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน อย่างลืมตัว ร่างสูงเผยยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ เขาค่อยๆ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมเอ่ยคำปลอบประโลม

“ข้าก็ไม่ได้ว่าจะให้เอ็งมาอยู่ตอนนี้สักหน่อย เวลาข้าเรียกหาเอ็งก็ต้องมาก็เท่านั้น” ฝ่ามืออุ่นลูบลงบนแผ่นหลังที่กำลังสั่นไหวให้คลายความหวาดกลัว

“ข้าจะรอเอ็งจวบจนสิ้นอายุขัยเอ็งก็ได้ อีกไม่กี่ปีข้าไม่รีบแล้วก็ได้” อีกแค่ไม่กี่ปี? มันหมายความว่ายังไง !!

“ผมจะอายุสั้นเหรอ? ฮึกทำไมละ”

“อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้ มันคงเป็นเวรเป็นกรรมของเอ็งมั้ง” คิ้วเรียวขมวดยุ่งกับคำว่าเวรกรรม เห็นทีว่าเวรกรรมของเขาน่าจะอยู่ข้างๆ นี่แหละ

“ผมยังไม่อยากตาย ฮึก ฮรือออ ยังหาพ่อแม่ไม่เจอเลย ยังไม่ได้บวชให้หลวงตาเลย ผมจะตายตอนนี้ไม่ได้นะ”

“ข้าก็บอกอยู่นี่ไงว่าให้อยู่ใกล้ๆ ข้า ช่วงนี้เอ็งนะดวงตกรู้ไหม มีข้าที่เป็นเนื้อคู่อยู่ใกล้ๆ ดวงเอ็งจะดีขึ้น” หลอกล่อด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่จริงจังดูน่าเชื่อถือ ภูผาเริ่มจะโอนอ่อนตาม

“จริงเหรอ?”

“ก็จริงนะสิวะ ข้าอายุปูนนี้แล้วจะมาโกหกเอ็งทำไม” หน้าตาก็ไม่ได้แก่ไปกว่าเขาสักไหร่แต่ทำไมพูดเหมือนคนอายุสักแปดสิบเก้าสิบ แถมยังใช้สำนวนโบราณๆ อีก ภูผาทำหน้ายุ่งๆ ด้วยความสงสัย

“ละ..แล้วคุณอายุเท่าไหร่แล้วละ”

“ถ้านับปีนี้ก็น่าจะ ห้าร้อยปีได้แล้วมั้ง”

“*0* โคตรจะแก่เลย” เขาเผลออุทานออกมาเสียงดังไม่ได้เกรงใจในพลังอำนาจของพรายน้ำสักนิด

“= _= “

“แล้วคุณกินอะไรเป็นอาหารละ ปลาเหรอ หรือว่าพวกของสด พวกไก่สด เครื่องใน อะไรแบบนี้ปะ” จากที่เคยกลัวๆ ตอนนี้กลายเป็นอยากรู้อยากเห็นไปซะแล้ว

“ข้าไม่ใช้ปอบ!!!! จะได้กินของสด เอ็งนี่คิดไปเรื่อย ข้ากินของเซ่นไหว้ เวลาพวกเอ็งทำบุญหรือบูชาเทพเจ้าแห่งสายน้ำนั่นแหละ บางทีถ้าหิวมากๆ ก็จับพวกมนุษย์ปากหมาลงมากิน! ” อันหลังเขาหันไปหาร่างบางที่กำลังมองเขาอยู่

“เห้ยจริงดิ กินคนด้วย น่ากลัวอะ” แหม่นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่เขาพูดประชด ประชดนะเข้าใจไหมลำธารส่ายหน้าไปมาอย่างหน่ายๆ

“เอ็งจะเป็นคนแรกที่ข้าจะจับกินระวังตัวไว้ละกัน” เขาแกล้งขู่ไปอย่างนั้นแหละถ้าจะจับกินคงกินแบบอย่างอื่นมากกว่า ดูตอนนี้สิ ปากแดงๆ นั่นทำเป็นปากยื่นปากยาวบ่นเขาขมุบขมิบ ว่าเป็นผีใจร้าย เอากับมันสิ เขาผละออกจากร่างบางที่นั่งตีหน้ายุ่งๆ แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน กะว่าเคลียเอกสารพวกนี้หมดแล้วจะกลับไปส่งภูผาที่วัด

“นี่คุณลำธาร” เสียงเรียกดังแผ่วทำให้พรายหนุ่มจำต้องเงยหน้าขึ้นมา

“มีอะไร?”

“ผมปวดฉี่ ที่นี่มีห้องน้ำไหม”

“มี อยู่ด้านหลังประตูบานนั้น รีบไปรีบกลับ อย่าไปเดินเผ่นพ่านละ”

 ภูผามองตามนิ้วที่ชี้ เขารีบวิ่งไปยังทิศทางนั้น ทันที พอเปิดประตูห้องน้ำ เขาก็ต้องอึ้งอีกรอบ เพราะมันเป็นห้องกระจกทั้งห้องมองเห็นวิวใต้น้ำได้อย่างชัดเจน เขาจัดการธุระของตนเองเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่เขาไม่ได้ก้าวกลับไปยังห้องๆ เดิม ภูผาเดินไปตามทางเดินโล่งๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ที่นี่เหมือนวังใต้น้ำ ที่หรูหรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วยเทคโนโลยีของบนโลกมนุษย์จนเขาก็อดที่จะทึ้งไม่ได้ แต่ละย่างก้าวของเขาล้วนแล้วถูกจับตามองด้วยสายตาอาฆาตคู่หนึ่งที่แอบตามเขามาตั้งแต่ออกจากห้องของลำธารแล้ว โดยที่ภูผาไม่ทันได้สังเกตหรือรู้สึกสักนิดว่าอันตรายกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้จนจะถึงตัวอยู่แล้ว

ฟิ้ววววว ฉึก

“เห้ยย เชี้ยะ” วัตถุบางอย่างพุ่งแหวกอากาศผ่านใบหน้าเขาไปอย่างเฉียดฉิว ก่อนร่างทั้งร่างจะกระเด็นไปติดกำแพงอีกด้านด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น อาการจุกแน่นแล่น พล่านไปทั่วอก ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขาดอากาศหายใจ มีมือมืดที่ไม่สามารถมองเห็นกำลังบีบคอเขาจนแน่น

“บังอาจมายุ่งกับนายท่านของกูมึงต้องตาย!!! ” น้ำเสียงเย็นเยียบดังอยู่ข้างๆ หูเขา

“แค๊กๆ ..ปล่อยผมนะ แค๊กๆ ช่วย ชะ ช่วยด้วย” แม้จะพยายามเปร่งเสียงร้องออกมามากเท่าไหร่มันกลับเป็นเพียงเสียงลมแผ่วๆ มือบางไขว่คว้าไปในอากาศเพื่อหาทางรอด

“กูจะฆ่ามึง!!!! ”

“ไม่ อย่านะ แค๊ก ลำธาร...ธารช่วยภูด้วย!!! ” รวบรวมแรงครั้งสุดท้ายตะโกนมันออกมาจนสุดเสียง เพียงแค่ชั่งอึดใจ จู่ๆ ก็มีแรงลมเข้ามาปะทะร่างของเขา และปลดเปลื้องเขาจากทุกพันธนาการ ภูผาร่วงหล่นลงสู่พื้นด้านล่างเขากำคอตัวเองไว้แล้วไอโขลก อย่างทรมาน ดวงตากลมกวาดมองรอบๆ อย่างหวาดกลัว เขาเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของลำธารที่กำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมา

“ชบา เอ็งใครอนุญาตให้เอ็งเข้ามาในนี้ !!! ” เสียงเข้มตวาดกร้าว ฝ่ามือแกร่งกำรอบลำคอระหงของพรายสาว เจ้าหล่อนส่งสายตาแค้นเคืองมาที่ภูผา

“ข้าแค่อยากมาหานายท่าน”

“ข้าบอกแล้วว่าถ้าไม่ได้เรียกใช้ไม่ต้องสะเออะเข้ามา เอ็งอยากให้ข้าโมโหใช่หรือไม่!!! ” ลำธารเพิ่มแรงบีบที่คอของชบาเพื่อเค้นคำตอบ

“แต่ข้าอยากมาให้เห็นกับตาว่าคู่หมั้นของนายท่าน ไม่ใช่อีตัวที่ไหน ข้ามาก่อนมัน ข้าควรจะได้รับสิทธินั้น ไม่ใช่ไอ้มนุษย์หน้าโง่ ปัญญาอ่อนนี่!! ” ชบากรีดร้องออกมาอย่างหมดความอดทน เธอมาก่อนและรักลำธารก่อนที่เขาจะมาเสียอีก ภูผาหน้าเสียทันที

“นี่เอ็งลืมสถานะของตัวเองไปแล้วรึ ว่าเป็นแค่ที่บำบัดความใคร่ให้ข้า” ลำธารตอบกลับเสียงเย็นเยียบ บังอาจมาทำร้ายว่าที่เมียของเขาแบบนี้มันน่าส่งไปเกิดใหม่เสียจริงๆ

“แต่ข้าก็ได้ชื่อว่าเมียท่านคนหนึ่งเหมือนกัน!!! ”

“เพ้อเจ้อ ออกไปจากวังข้าเดี๋ยวนี้ก่อนที่ข้าจะเผาเอ็งจนไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ ออกไป!!!! ” ลำธารสะมือเหวี่ยงร่างของชบาออกไปอย่างแรง ก่อนที่เธอจะอันตทานหายไปต่อหน้าต่อตาเขา แวบเดียวที่เห็นคือสายตาอาฆาตของเธอที่มองมาที่เขา จนขนกายลุกชัน โดนผีอาฆาตแบบนี้มีหวังอยู่ไม่สุขอีกเป็นแน่

“ข้าบอกเอ็งแล้วใช่ไหมว่าอย่าเดินเพ่นพ่าน” ร่างสูงหันกลับมาตะคอกใส่คนตัวเล็กที่นั่งสั่นอยู่ที่พื้น

“ใครจะไปรู้ละว่าที่นี่จะมีผีเมียหลวง เฮี้ยนขนาดนี้ แคกๆ” ว่าไปนั่น ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งกับคำพูดที่ถากถางเขา ดวงตากลมค้องควักใส่เขา

“ผีเมียหลวงอะไรข้ายังไม่ได้แต่งงาน มีแต่เอ็งนี่แหละที่จะต้องแต่งกับข้า ลุกขึ้นมาดูสิว่าเจ็บตรงไหนบ้าง” ลำธารพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสำรวจร่างกาย ด้วยความเป็นห่วง

“มีรอยที่คอแดงเถือกเลย” ลำธารใช้เสียงที่อ่อนลงพร้อมกับสัมผัสรอยแดงๆ รอบลำคอของภูผา

“อ๊ะ..แสบ” ต้องแสบสิมันมีรอยเล็บจิกด้วย ลำธารมองแล้วก็ถึงกับหัวเสียอีกครั้ง คอสวยๆ แบบนี้ไม่สมควรจะมีรอยที่ไม่ได้ทำจากฝีมือเขา

“กลับห้องเลยเถอะงั้น”

“ห้องผมเหรอ!! ”

“ห้องข้า!!! ” ไหนบอกว่าจะพาเขากลับบ้านไง ทำไมต้องพาไปที่ห้องด้วย ภูผายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

“ผมไม่ไป! ”

“เอ๊ะ เอ็งนี้ อย่าดื้อสิ”

“ผมจะกลับบ้าน!!! ” ภูผาไม่ยอมไปกับพรายหนุ่มง่ายๆ เขาสะบัดมือที่ถูกกุมอยู่ออก อย่างไม่ยอม

“จะพาไปทำแผลนี่ไง เอ็งจะกลับขึ้นไปในสภาพแบบนั้นนะเหรอ ไม่กลัวไอ้เขื่อนถามเอารึไง” นั่นสิ ภูผาคิดตาม ถ้าเขากลับไปสภาพแบบนี้มีหวังไอ้เขื่อนมันแจ้งความแน่ๆ เรื่องใหญ่อีก ตำรวจที่ไหนจะรับเรื่อง ข้อหาพยายามฆ่า โดนผีบีบคอ บ้าไปแล้ว เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงตกลงยอมไปที่ห้องของลำธารอย่างเสียมิได้

“ก็ได้ รีบๆ ทำด้วยผมอยากกลับบ้านแล้ว”

“เออ ตามมาสิหรือจะให้อุ้ม?”

“ไม่ต้อง!! ” เดินตามร่างสูงที่เดินนำไป ยังห้องนอน

“*0* สวยจัง” ใช่สิ งบในการสร้างมันมากโขกว่าจะได้ห้องสวยๆ แบบนี้ ห้องที่เป็นกระจกทรงโดมครอบทั้งห้องไว้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของโลกใต้น้ำที่เขาเนรมิตให้เหมือนดั่งอยู่ในท้องทะเล แสงแดด ส่องลงมาที่พื้นห้องสีขาวจนเป็นลายน้ำ มีสัตว์ทะเลแหวกว่ายไปมาโดยไม่สนใจพวกเขาสักนิด ภูผาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นจนลืมเรื่องที่ตัวเองเจ็บมาสิ้น

“กระจกใสแบบนี้ข้างนอกจะมองเห็นเราไหม”

“ไม่หรอก ถ้ามองจากข้างนอกเข้ามาก็จะเห็นเพียงท้องทะเล ข้าสร้างม่านพรางตาเอาไว้ บางทีก็มีพวกมนุษย์ดำน้ำว่ายผ่านมาบ้าง หรือไม่ก็ผีพรายที่ออกเที่ยว ผ่านมา”

“เขามองไม่เห็นใช่ไหม”

“ใช่ มานั่งนี่สิ” เขาตบมือลงบนเตียงแบบบิ้วอินทรงกลม ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ไหนละที่ทำแผล” ร่างสูงไม่ตอบเขาทำเพียงยิ้มมุมปากออกมา เมื่อร่างบางเดินมานั่งข้างๆ

“หลับตาสิ” หลับตาได้ เขาหลับตาลง ลำธารเผยรอยยิ้มออกมาอย่างคนมากเล่ห์ เขาลากนิ้วผ่านรอยแผลนั่นเบาๆ แต่ภูผาก็สะดุ้งอยู่ดี เพราะมันทั้งเจ็บและแสบ

แผล๊บบ!!!

“!!!!!!!! ”

แผล๊บ!!!

“อะ อื้ออ ทำอะไร ปล่อยนะ ไอ้ผีโรคจิต! ” ไหนบอกจะทำแผล แล้วมาเลียแผลเขาทำไม !!!

“อยู่นิ่งๆ สิ จะหายแล้ว”

“หายบ้าอะไรละ น้ำลายสกปรกจะตาย อื้ออ อย่าเลีย!!! ” ขนเขาลุกไปหมดทั้งร่าง ไม่ใช่ว่ากลัวนะ มันรู้สึกเสียวๆ ที่ช่องท้องมากกว่า ความรู้สึกปั่นป่วนมวลๆ ท้องแบบนี้เขาไม่ชอบเลย

“ก็จะรักษาให้ไง” ธารยิ้มหื่นออกมาอย่างไม่ปกปิด ภูผาถึงกับผงะถอยหนีทันทีเขารู้สึกว่าผีพรายตรงหน้าเริ่มไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่

“ทำไมต้องมองแบบนั้น คิดอกุศลอยู่ใช่ไหม อย่าเข้ามานะ ไอ้ผีบ้า!!! ” ยิ่งขยับหนีไอ้ผีบ้านี่มันก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ไม่ได้เกรงใจพระที่คอเขาสักนิด

“น่า จะหายแล้วขยับเข้ามาสิ=,,=”

“เข้าไปก็โง่แล้ว นี่!!! ” จะให้หนียังไงก็ไม่พ้นมือลำธารหรอก เขารวบเอาเอวบางแล้วออกแรงลากเข้ามาหาตัว

“อยู่นิ่งๆ สิ” เรื่องอะไรที่จะต้องฟังคำสั่งของผีขี้หื่น ภูผาขืนตัวเอาไว้ มือบางเหนี่ยวรั้งของเตียงไว้สุดชีวิต ราวกับว่ามันคือสิ่งเดียวที่เหลือในชีวิตเขา

“ปล่อยนะ เว้ย ไม่ปล่อยจะสวดมนต์นะ”

“= =, ก็บอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไม่ใช่ผีชั้นต่ำพวกนั้นถึงจะได้กลัวบทสวดมนต์ เลิกดื้อแล้วก็ยอมข้าซะดีๆ จะได้ไม่เจ็บตัว” เขาออกแรงดึงเพิ่มขึ้นอีก ลำธารไม่คิดว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ นี่จะแรงเยอะแบบนี้

“ไม่ ไม่ ผมจะไม่ตกเป็นของคุณ เด็ดขาด ความบริสุทธิ์ที่อุตส่าห์เก็บรักษามาผมจะมอบให้กับคนที่ผมรักเท่านั้น!!! ” ร่างบางประกาศกร้าวท่ามกลางการยื้อยุดฉุดกระชาก

“เหอะ! เอ็งนะหมดสิทธิ์รักแล้ว เอ็งนะมีสิทธิ์รักแค่ข้าผู้นี้ผู้เดียวรู้ไว้ซะด้วย” เขาพูดออกไปตามแรงอารมณ์ เพราะยังไงซะไอ้ตัวเล็กในอ้อมกอดเขาตอนนี้ก็ต้องรักแต่เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น ภูผามาหันมามองคนตัวโตกว่าอย่างอึ้งๆ

“ขี้ตู่...ใครจะไปรักกับผีได้กันละ ปล่อยผมได้แล้ว มันอึดอัด อื้ออ จับอะไรนะ อ๊ากกก” ลำธารเลื่อนฝ่ามือจากเอวบางไปยังหน้าท้องที่แบนราบไร้ก้อนไขมันรวมไปถึงกล้ามท้อง แล้วสอดมือเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่ายทันที

“หึหึ เล็กขนาดนี้เอ็งจะไปทำอะไรกับใครได้ มาเป็นเมียข้านะดีแล้ว” เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ แต่เล่นเอาคนที่ฟังคำวิจารณ์ถึงของสงวนของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย เขาอยากจะเอารองเท้าที่ใส่มาฟาดปากไอ้ผีบ้านี่สักที

“เล็กแล้วไง!! ของตัวเองใหญ่ตายแหละ เหอะ แล้วก็เอามือออกไปจากเป้าผมด้วย ไอ้ลามก!! ” ลำธารผละออกจากร่างกายที่แสนบอบบางนั่นแล้วยักคิ้วใส่

“เอ็งนี่เถียงข้าคำไม่ตกฟากจริงๆ หึ อยากรู้ไหมว่าของข้าใหญ่แค่ไหน หึหึ” ร่างสูงหัวเราะหึหึในลำคอ ดวงตาที่จับจ้องไปยังภูผาเหมือนเสือร้ายที่จ้องจะขย่ำเหยื่อ

“ไม่อยาก!!! ”

“แต่ข้าจะให้เอ็งดุ เอ็งจะได้รู้ว่าได้ข้าเป็นผัวมันนิพานขนาดไหน”

พรึบ!!!!

“อ๊ากกกกกกกกกกก ไอ้ผีบ้า ไอ้โรคจิต ไอ้สมองเสื่อม ไอ้ผี...อึก...ทำไมกูต้องมาเจอผีแบบนี้ด้วย” ภูผารีบค่ำหน้าลงกับที่นอนพร้อมกับดีดดิ้นอย่างหงุดหงิดใจ สองมือทุบลงบนที่นอนเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง

“เอ้าทำไมไม่มองละของดีนะเนี้ยะ” ร่างสูงส่ายเอวไปมา เขาแค่อยากแกล้งเด็กดื้อขอวเขาเท่านั้น ร่างสูงยังใส่บ็อกเซออยู่ไม่ได้ถอดหมดสักหน่อย เขาแอบหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วย

“ดีบ้านพี่คุณสิ ใส่กางเกงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ไม่จนกว่าเอ็งจะหันมามองของของ ข้า นี่หันมาสิ มันเป็นของเอ็งด้วยนะเห้ย ขาสัญญาเลยเอา” จะมาสัญยงสัญญาอะไรเขาก็ไม่เอาทั้งนั้น โบกมือไล่ให้ลำธารออกไปห่างๆ เขา ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กายอีกคน แล้วจับใบหน้าหวานให้หันมามองเขา แต่ภูผาก็หลับตาปี๋เอาไว้

“ลืมตา!! ”

“ไม่! ”

“ต้องให้บังคับใช่ไหม?” ร่างสูงถ่างหนังตาของภูผาออกทันที

“!!!!! ”

“หึหึหึเป็นไงละตกใจกับความใหญ่โตของข้าใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” ลำธารระเบิดหัวออกมาดังลั่น

“-////- ไอ้ผีเหี้ย” ภูผาหน้าแดงไปทั้งหน้า เมื่อรู้ว่าร่างสูงกลั่นแกล้งเขาแบบนี้

“หยาบคายกับว่าที่สามีไม่ดีนะหนู” ลำธารว่าเสียงเข้มๆ แต่ไม่จริงจังนัก

“ไอ้ฟาย”

“นี่แสดงว่าไม่กลัวข้าแล้ว”

“ไอ้ลามก!!! ”

“หึหึหึ”

“ไอ้ผีโรคจิต!! OXO อุ๊ป” เขาไม่ปล่อยให้เด็กดื้อด่าเขาได้เกินสามครั้งหรอก เขากดจูบลงบนริมฝีปากนิ่มนั่นแรงๆ เป็นการลงโทษ

“ไงยังจะด่าข้าอีกไหมหืมมมมม” พรายหนุ่มจุดยิ้มที่มุมปาก อย่างเหนือๆ

+++++++++++++++++++

แหมะร้ายใช่เล่นนะเนี๊ยะพี่ธารของเรา



หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 03 30/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-11-2017 09:40:59
พึ่งได้เข้ามาอ่านตลกดีครับ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 03 30/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-11-2017 10:32:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพ ตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 05-12-2017 07:54:08

อสุราล่ารัก ตอนที่ 18







      “หึหึ เข้าใจที่พูดใช่ไหม” จะให้เขาเข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอกนะแต่ ห้ามขัดใจ นี่มันจะบังคับกันเกินไปไหม

      “เว้นไว้สักข้อได้ปะ ไอ้ห้ามขัดคำสั่งอะ ยากอะทำไมได้หรอก”

     “ยากตรงไหน?”

      “ถ้าพี่สั่งให้ผมไปตายผมก็ต้องทำอย่างนั้นเหรอ?”

       “มีใครที่ไหนใช้แฟนตัวเองไปตายบ้าง เห้อหน้าตาก็ดีไม่น่าโง่!! เลยนะ” อื้อหืออออ ด่ากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ อมขี้มาพ่นใส่หน้ากันเลยดีกว่าครับคุณชายปี!!!

      “พี่!!! ด่าผมอีกแล้วนะ”

       “เอ้า กูยังไม่ได้บอกสักคำว่ากูชมมึงอยู่” โหยยยนี่แฟน!! แฟนนะเว้ยย เว้นบ้างไรบ้าง ผมมองจิกเป็นไก่เลย เอาให้ตาแตกกันไปข้าง

       “ชิ กลับละเหม็นขี้หน้า” เดินสะบัดตูดจะออกจากห้อง

        “ถ้าก้าวออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว มึงโดนดีแน่ กูบอกให้มึงกลับรึยัง” นี่กล้าขู่ยักษ์เลยเหรอ

       “เอ้า!! อะไรของพี่วะ บังคับจังเลย” ยืนชะงักอยู่หน้าประตูหันมาตะคอกใส่เขาเบาๆ ตะคอกแรงไม่ได้กลัว

       “มึงก็อย่าขัดคำสั่งกูสิ” ไม่มาแค่คำพูดสายตานี่มาเต็มจะดุไปไหน เห้ออ เกิดมาเหมือนมีเวรมีกรรม กับเขาเตี้ยยังไม่พอยังจะโดนเขาข่มเอาอีก

     “เหอะ!!! ” สะบัดบ๊อบใส่พี่มันแมร่ง ห่า!!! ดุหยังหมา เดินกลับมานั่งที่เดิมสักพักพี่มันก็ลากออกไปข้างนอก

   
       “ไปไหนอะ”

   
       “ก็มึงบอกจะไปซื้อของเขาร้านอีกไม่ใช่เหรอ จะไม่ไปรึไง” มองหน้าแล้วถามเสียงนิ่งๆ แบบนี้ใครจะกล้าหือด้วยละครับแหม่ โดนเขาลากออกมาจากบริษัทแล้วก็พาขับรถไปนอกเมือง ไปตามร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ กับร้านจิปาถะที่ขายของมือสอง แหล่งรวมของสวยๆ งามราคาถูก เดินดูรอบๆ ร้านว่ามีของชิ้นไหนโดนใจผมบ้าง จนไปเจอกับรูปรูปหนึ่งเข้า รูปผู้หญิงผมยาวในช่อดอกกุหลาบสีแดงพื้นหลังสีดำดูมีมนต์ขลังดี เลือกได้ก็เอาไปให้เขาห่อกระดาษให้ โดนไปแปดร้อย เห็นพี่ปีเกินถือตุ๊กตาเซรามิกรูปแมวมาสองตัว โดนอีกสามร้อยบาท เดินเลยไปยังโซนขายต้นไม้พวกไม้ดอกไม้ประดับ ผมสะดุดตากับกระถางดอกยิปโซฟิลลามันเป็นดอกไม่ที่มีดอกเล็กๆ และสีสันสวยงาม ผมเลือกมาทุกสีที่มีคือ สีขาว ชมพู ม่วงและเหลืองอย่างละสองกระถาง ดอกแอฟริกันไวโอเล็ตสีม่วงสด แพททูเนีย แพงพวย เดฟ เอาไว้แขวนรอบๆ ร้านและไม่เลื้อยอีกสองสามต้น เพราะอยากจะให้มันเลื้อยไปตามโครงหลังคากันแดดกันฝนด้วย กว่าจะเสร็จก็เย็นพอดี เลยแวะซูเปอร์หาซื้อของสดเข้าบ้านด้วยจะได้ทำมื้อเย็นกินกัน ถึงบ้านพี่ปีช่วยขนของลงจากรถ และเห็นรถของตัวเองจอดไว้ที่หน้าบ้านแล้ว
       
           
             พี่ปีบอกให้คนขับรถขับรถผมมาส่งให้เพราะพรุ่งนี้ต้องใช้อีก ไวรัลยังไม่กลับมาเลยโทรตาม ไอ้เขื่อนรับสายอีกตามเคยมันบอกว่ากำลังจะถึงบ้านแล้วไวรัลมันหลับอยู่ แหม่ไอ้คุณหนูตกยาก!!! ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย โล่งใจที่มันปลอดภัย ผมรีบลงมือทำมื้อเย็นโดยมีพี่ปีคอยเป็นลูกมือหรือคนคอยขัดก็ไม่รู้ หวานไปก็ไม่ได้ เค็มไปก็ไม่ดี ยิ่งเผ็ดๆ ยิ่งไม่ได้ใหญ่ให้อยู่ใกล้ๆ ชักจะลำคาน ตะหลิวในมือนี่สั่นยิกๆ เลย

   “พี่ไปนั่งตรงนู้นไปรอกินอย่างเดียวดีกว่า” ผลักหลังเขาให้ออกไปจากห้องครัว ผมเป็นคนกินรสจัด ต้องถึงเครื่องถึงรสมันถึงจะอร่อย แต่พี่ปีเขามาสายคลีน สลัดผักอะไรแบบจืดๆ มันไม่ใช่แนว เลยไล่เขาไป

 
   “อย่าเค็มนะ กูยังไม่อยากเป็นโรคไต” ยังจะมาสั่งทิ้งท้ายไว้อีก พอเขาออกไปผมก็จัดการกับเมนูอาหารตรงหน้าได้อย่างสบายใจ ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จ แต่ดันลืมหุงข้าว ต้องตั้งหม้อรอไปอีกยี่สิบนาทีระหว่างนั้นไอ้เขื่อนกับไวรัลก็กลับมาพอดี ผมถามหาไอ้ภูมันก็บอกว่าหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับ สงสัยไปหาไอ้ผีทะเลลามกนั่นแน่ๆ แอบหงุดหงิดนิดๆ ที่มันชอบขโมยเพื่อนผมไป หึ สักวันเถอะจะยุให้ไอ้ภูมีผัวใหม่ พี่ปีกับไวรัลช่วยกันตั้งโต๊ะ ไอ้เขื่อนเดินไปล้างมือล้างหน้าในห้องน้ำ แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ แอบสังเกตว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ คือแอบสบตากันเป็นพักๆ แล้วก็ยิ้ม เหอๆ ไอ้เขื่อนนี่มึงเต๊าะเด็กเหรอวะ แอบแขวะใส่มันทางสายตาครับแต่มันแค่ยักไหล่ให้เท่านั้น พี่ปีตักข้าวใส่จานให้ผมและคนอื่นๆ จากนั่นก็ลงมือทานมื้อเย็น แอบเห็นว่าพี่ปีจ้องผมตาดุด้วยแวบหนึ่งแต่ก็นะเรื่องแบบนี้มันแก้ยากแล้วละ พอได้กินไวรัลก็ดูอามรมณ์ดีขึ้นมาอีกนิด ระหว่างมื้ออาหาร ผมก็ซักไซ้ถึงเรื่องราวต่างๆ ของไวรัลไปด้วย ได้ความว่ามันเป็นลูกของท่านเจ้าสัวจริงๆ และกำลังหนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนอยู่ อีกสองอาทิตย์มันก็จะเปิดเทอมแล้วด้วยมันรู้จักพี่ปีตั้งแต่ยังเด็ก เรียกได้ว่าเป็นพี่ที่สนิทที่สุด เพราะบ้านอยู่ข้างๆ กัน มิน่ามันถึงได้รู้เรื่องของพี่ปีมันดีนัก

 
    “คือผมขอโทษนะพี่เพียว มันจำเป็น ผมไม่ได้อยากโกหกพี่เลยนะ” มันบอกความสำนึกผิดผมก้เข้าใจนะว่ามันจำเป็นแต่การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหาป่าววะ
 
 
    “เออ แต่มึงควรจะกลับบ้านบ้างนะไว เมื่อเช้ากูเห็นสีหน้าพ่อมึงแล้วดูไม่ดีเลย ท่านเป็นห่วงมึงจริงๆ นะ” ไม่ได้อยากดึงมาดราม่านะแต่มันจำเป็นจะต้องพูด


     “ไว้เค้ายกเลิกการหมั้นผมกับดาด้าเมื่อไหร่ผมจะกลับไป” ดูเหมือนไวมันจะยังไม่เข้าใจเจตนาผม มันรวบช้อนกินข้าวแล้วลุกออกไปจากโต๊ะทันที


     “มึงนี่นะกูพึ่งจะปลอบให้มันสงบ มึงก็ใส่ไฟให้มันลุกอีกจนได้นะมึง” ไอ้เขื่อนก็ดุจะหัวเสียพอกัน มันเดินตามไวรัลออกไป ผมหันไปหาความเห็นจากพี่ปี

 
   “ไวรัลเป็นเด็กดีนะ แต่เขาจะมีความคิดเป็นของตัวเองและเชื่อมั่นมากในความคิดตัวเองมากๆ คนแบบนี้เราต้องทำให้เขาเห็นว่าถ้าเขาทำแบบนี้ผลจะเป็นยังไง” พูดง่ายๆ คือเราต้องทำลายความเชื่อมันแบบผิดๆ ของไวรัลให้เขาได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงและหันมาคุยด้วยเหตุและผล


    “แล้วพี่จะทำยังไง”

    “ยังไม่รู้เดี๋ยวค่อยคิดตอนนี้เก็บโต๊ะเถอะ” ผมกับพี่ปีช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานเรียบร้อย เห็นไวรัลนั่งน้ำตาร่วงอยู่กับไหล่ของไอ้เขื่อน พี่ปีดึงผมไว้ไม่ให้ไปหาสองคนนั้น

   
      “ปล่อยให้เขาคุยกันสองคนเถอะ มึงนะมานี่” เขาลากผมไปอีกฝั่ง ไปที่บ้านของเขา



     “มาทำไมที่นี่อะพี่” เข้ามาในบ้านพร้อมเขาพี่ปีเดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินตามไปแต่ยังไม่นั่ง


      “ค้างบ้านกูไหม” หือ พี่ปีถามด้วยหน้านิ่งๆ ค้างบ้านกูไหมคืออะไร


      “ค้างทำไม บ้านผมก็อยู่ข้างๆ นี่เอง”


      “ = =, งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ ซื่อบื้อ!! ” เอ้ามาด่ากูอีก ผิดอะไรเนี้ยะ


    “ด่าอีกละ”


    “ก็มึงมันโง่!! ”


   “เออ โง่! ลากมาเพื่อที่จะด่าผม ทีหลังนะด่าที่บ้านผมก็ได้ไม่ต้องลากมาถึงนี่ คนอะไรหัวร้อนไม่เป็นเวล่ำเวลา” บ่นใส่เขาและจะหันหลังเดินกลับบ้าน อยู่แล้วหงุดหงิดอุตส่านึกว่าเป็นแฟนกันแล้วจะหวานใส่กันที่ไหนได้ แมร่งยิ่งกว่าขวานผ่าซากอีก

หมับ

พรึบ!!!


     “จะไปไหน ใครบอกให้กลับ” โดนกระชากให้นั่งลงบนตัก แล้วเขากระซิบข้างๆ หู บอกเลยนะจุดจุดนี้ ขนลุกสัส เวลาลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดใบหูของผม สยิวไปทั้งตัว

 
    “ก็จะกลับ สิทธิของผมปะ” หันไปจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องคือแกล้งโกรธกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง


    “ถ้ากูไม่ให้กลับละ” เขาถามเสียงนุ่ม นี่เปลี่ยนอารมณ์เหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีเลยนะพี่ปี

 
   “แล้วทำไมต้องเชื่อ” เชิดหน้าใส่นิดๆ

 
  “นะครับ อย่ากลับเลยนะอยู่เพื่อนกูก่อน” ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้น้ำเสียงอ้อนๆ กับผม พร้อมกับซุกหน้าลงกับแผ่นหลังผม อย่าบอกนะว่าเขากำลังอ้อน!!! ไม่ผมจะต้องไม่ยอมแพ้กับเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์คนนี้เป็นอันขาดอึ๊บไว้เพียว!!!

 
 “อะ...เออ คืออ” ใจผมมันสั่นไปหมด ยิ่งมือที่สอดมาที่เอวผมแล้วยิ่งทำให้ตัวผมแข็งทื่อมากขึ้นไปอีก

 
 “นะ นอนบ้านกู” อย่านะเพียวอย่า!!

 
  “ตะ..แต่ว่า”

 
  “ไม่มีต่งมีแต่ทั้งนั้น เพียว” พูดจบเขาก็ไม่อุ้มผมขึ้นพาดบ่า แล้วพาขึ้นห้องทันที

 
 “พี่ปี เดี๋ยวตก!!! ” รีบจับเสื้อเขาไว้แน่น นี่เขาคิดจะทำอะไร


   “กูไม่ทำให้มึงตกหรอกน่า ถ้ามึงไม่ดิ้น”


    พาเข้ามาในห้องนอนแล้วโยนผมลงบนที่นอนนุ่มตัวเด้งสองสามทีพร้อมกับความจุก พี่ปีรีบกระโดดลงมาทับผมไว้ก่อนที่ผมจะได้หนี

 
  “คืนนี้นอนที่นี่” เขาสั่งเสียงพร่าพร้อมกับลูบมือไปบนโครงหน้าสวยๆ ของผม นี่อ่อยกันใช่ไหมพี่ปี

   “นอนอย่างเดียวใช่ไหม” เอ่ยถามพี่ปีด้วยเสียงสั่นๆ คือแอบหวั่นๆ ว่าจะเสียเอกราชในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้านี้ ใบหน้าหล่อๆ ของพี่ปีอยู่ใกล้แค่คืบ ดวงตาดุคมจ้องมองผมอย่างกับจะกลืนกิน ให้ตายเถอะผมยังไม่พร้อมที่จะเสียตัวตอนนี้นะเว้ย!!

 
  “หึหึหึ ก็ขึ้นอยู่กับมึงว่าจะทำตัวน่ารักแบบไหน” เขายิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะผละตัวออกไป นั่นทำให้ผมหายใจได้คล่องขึ้น ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วลูบหน้าอกตัวเอง แมร่งใจเต้นโคตรแรง
 
 
  “กูไปอาบน้ำก่อนละกัน และถ้าออกมามึงไม่อยู่ในห้อง รู้นะว่ากุจะไปลากมึงกลับมายังไง”

   “ขู่?”

   “ปล่าว กูทำจริง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” พี่ปียักคิ้วใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เอ่ออออ คือกู ต้องนอนแก้ผารอเขามาเชือดเลยด้วยไหม ตอบ!!!

 
         พี่ปีใช้เวลาไม่นานก็เดินนุ่งผ้าเช็ดออกมาจากห้องน้ำ ตัวพี่ปีอย่างขาวแถมกล้ามท้องนี่สวยโคตรๆ เห็นแล้วอิจฉา อยากมีบ้าง ผมมองอยู่นานจนได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ ดังเรียกสติ

 
        “มองขนาดนี้ ลุกมาจับเลยก็ได้มา”


          “บ้า! ใครจะไปทำแบบนั้นกันละ รีบๆ ไปแต่งตัวสิ” หันหน้าแดงๆ ของตัวเองหนีเขาไปมองทางอื่น ยกมือข้างหนึ่งเกาแก้มแก้เก้อด้วย

         “เหรอ แน่ในจะ ของดีนะเว้ย”

 
         “เออน่า!! รีบแต่งตัวสักทีสิ ยืนโป้อยู่ได้” พูดเสียงเบาๆ ในช่วงท้าย
 
 
         “หึหึ งั้นมึงไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้” พี่ปีบอกยิ้มๆ นี่ตกลงจะให้ผมนอนที่นี่ให้ได้เลยใช่ไหม จำใจเดินเข้าห้องน้ำและอาบน้ำ เห็นอ่างน้ำใส่น้ำไว้เต็ม น้ำอุ่นๆ ชวนแช่เล่น คึคึคึ ได้สิ นอนนี่ก็ได้ แต่ผมจะนอนในห้องนี้ก็ได้ ไม่ยาก ค่อยๆ จุ่มขาตัวเองลงในอ่างน้ำอุ่นที่มีกลิ่นหอมๆ อย่างสบายใจ จะแช่สักสองชั่วโมงถึงตอนนั้นพี่ปีคงจะหลับไปแล้ว ฮ่าๆ ขำออกมาเสียงไม่ดังมากกลัวคนด้านนอกจะได้ยิน

    สามสิบนาทีผ่านไป

ก็อกๆ

    “เพียว เพียว ทำอะไรอยู่วะนานจัง ออกมาได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย” กูว่ากูอยู่ที่นี่สบายกว่า ปลอดภัยกว่าด้วย ผมไม่ส่งเสียงใดๆ ตอบกลับไป นอนตีฟองเล่นอยู่ในอ่างอย่างสบายใจ จนกระทั่งได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากลูกบิดประตู

แกรก!!!

    “ลูกไม้ตื้นๆ ของมึงใช้ไม่ได้ผลกับกูหรอก ออกมาได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย” เขาสั่งเสียงเข้ม แถมยังทำตาดุๆ ใส่อีก เขายื่นชุดนอนให้ผม

   “ไปเอาจากที่บ้านมาให้ ใส่ซะ แล้วขึ้นมานอน อย่าลีลา” ดุอีกละ ทำปากค่ำใส่ก่อนจะขึ้นจากน้ำโดยมีผ้าพันรอบเอวไว้ แล้วไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าพี่เขา แล้วคลานขึ้นที่นอนอย่างหวาดๆ
 
   “แล้วพวกนั้นไม่ถามเหรอว่าผมไปไหน?” นอนตะแคงหันไปทางพี่ปีแล้วถาม

   “ก็ถาม”

  “แล้วพี่ตอบไปว่าอะไร?”

 
  “มานอนกับผัว!! ”

   “เห้ย!! บอกแบบนั้นได้ไง ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย -///- “แอบเขินอยู่เหมือนที่เขาพูดแบบนั้น คือแบบ เรื่องผัวๆ เมียนี่มันต้องถึงขั้นนั้นหรือเปล่าวะ แต่ แบบว่าผมกับพี่เขายังไม่ได้จิ้มกันเลยนะ จะมาขี้ตู่แบบนี้มันก็หน้าด้านเกินไป


   “ทำไม มึงไม่อยากเป็น?” เขาหันมาจ้องหน้าผมแบบเอาเรื่อง อะไรจะขนาดน้านนนน แอบขนลุกนิดหน่อย เพราะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิต ที่กำลังแผ่ออกมาจากตัวพี่เขา


   “ก็ไม่ ใช่อย่างนั้น..คือ ผมเสียหายไงพี่ พึ่งคบกันได้แค่วันเดียวจะรีบมีอะไรกันไปไหน”

  “รู้จักกันมาจะครบปีแล้วมั้งเพียว”
 

    “เห้ยแบบนั้นไม่นับดิ เอาจริงๆ ก็แค่สามเดือนเองมั้งที่เรารู้จักแล้วก็ได้คุยกัน” ผมสบตามองพี่ปี ใช่สามเดือนที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างระหว่างเราสองคน มันเลยทำให้รู้สึกว่ามันเร็วมากกับความสัมพันธุ์แบบนี้ มนุษย์รู้สึกรักได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน แต่กับยักษ์ที่มีชีวิตที่เป็นอมตะมันเป็นเรื่องสำคัญเวลาจะรักใครสักครั้งหนึ่ง เพราะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่ามนุษย์พวกผมถึงได้เจ็บปวด ที่ต้องมองคนรักแก่และตายไปโดยที่ผมยังหนุ่มและไม่เปลี่ยนแปลง และอีกอย่างคุณคิดว่ารักแล้วจะลืมหรือเลิกรักง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง นั่นแหละบทลงโทษของยักษ์ที่ริอาจรักมนุษย์ ผมสบตากับพี่ปี นี่ผมจะต้องได้รับบทลงโทษนั่นใช่ไหม

   “อย่ามาทำหน้าเศร้าแบบนั้น กูไม่สงสารหรอก ยังไงซะคืนนี้มึงไม่รอดแน่ เพียว!!! ” จากที่กำลังดึงอารมณ์เข้าสู่ดราม่า พี่ปีทำเอาดราม่าผมกระจายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหื่นๆ ของเขา เชรดดด พี่ปีมีโหมดไอ้หื่นกับเขาด้วย เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้เลย!!

หมับ


   “อื้ออ อึกอัด อย่ากอดแน่นสิ” กอดไม่พอมือนี่ก็อยู่ไม่สุข สอดเข้ามาในเสื้อผมเรียบร้อย ลากผ่านเอว ผ่านหน้าท้อง และกำลังจะเลื่อนเข้าไปในกางเกง ผมดิ้นหนีแต่ก็โดนเสียงดุๆ ของพี่เขาดุใส่

   “นิ่งๆ ถ้าไม่อยากให้ลูกกูตื่น” รู้สึกเหมือนอะไรแข็งมันดันที่ต้นขา *0* นี่พี่มันมีอารมณ์ตั้งแต่นอนไหนวะ!!!
 
   “พี่...ผมยังไม่พร้อมเลยนะ” บอกเขาเสียงอ้อน หวังว่าจะไดรับความเมตตาจากผู้ชายคนนี้ ทำตาวิ้งๆ ใส่

   “เห้อออ มึงนี่นะ เออ นอนๆ แมร่งมึงนี่นะ” เขาถอนหายใจฟึดฟัดแล้วดึงมือที่กำลังจะถึงเพียวน้อยของผมออก โล่งง เลยความรู้สึกผม กลัวแทบแย่

 
  “พี่!! ”
 

   “อะไร!! ”


   “ขอบคุณนะ ไว้ผมพร้อมเมื่อไหร่ผมจะตามใจพี่ทุกอย่างเลย”

 
  “ให้มันจริงเหอะ ดูอารมณ์กูมาเต็มขนาดนี่แล้ว มึงมันใจร้ายเพียว” พี่ปีพูดแล้วนอนหันหลังให้ผมทันที เอ้างอนกูอีก


“พี่ปี...หันมาทางนี้สิ” สะกิดแขนแต่ก็โดนสะบัดออก อะไรอะ ลองสะกิดเขาอีกที แต่ก็โดนสะดิ้งใส่อีก


“พี่ โกรธเหรอ”


“เปล่า!! ” คำว่าเปล่าของพี่แกนี่แทบจะตะคอกใส่ผม นอนคิดว่าจะทำยังไงให้เขาหายโกรธหายงอน ไม่เคยง้อใครด้วยสิผม ขยับเขาไปจนหน้าอกผมชิดกับแผ่นหลังกว้างๆ ของพี่เขาแล้วกอดเขาไว้

“ผมขอโทษ พี่เข้าใจหน่อยสินะ ผมกลัวนี่นา” พูดบอกเขาด้วยเสียงอ้อนๆ เอาหน้าถูไปมากับแผ่นหลังของพี่ปี


“หยุด!! ” ตกใจพี่แมร่งพูดใส่เสียงดังลั่น อะไรของเขาวะ

“!!!! ”


“ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว จับมึงปล้ำไอ้เพียว”


“เชี้ยยยยยยยยยย”



++++++++++++++++++++++++++++++++



​ขอกำลังใจให้พี่ปีกับน้อยเพียวด้วยนะค่ะ และขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ช่วยเม้นท์ใหกับคนเขียนนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :hao5: :hao5:

แฟนเพจ ของสามภพ ฝากกดไลค์ด้วยนะคร้า

https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/ (https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/)
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-12-2017 09:42:28
เพียวโดนกินแน่ๆๆ :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-12-2017 21:49:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-12-2017 23:38:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 06-12-2017 08:11:36
 จบไม่เศร้าใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 18 5/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-12-2017 08:18:25
 :z1: จะโดนกินไมน่อ จะโดนกินหรือเปล่า ดูท่าจะรอดไปนะพี่เพียว รอบนี้ รอบหน้าไม่แน่  :katai3:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 19 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 12-12-2017 08:01:06
อสุราล่ารัก ตอนที่ 19



ไม่น่าเชื่อว่ายักษ์น้อยจะแคล้วคลาดจากการถูกจับกินโดยมนุษย์หน้านิ่งอย่างปีมงคล เขาต้องใช้พลังลมปราฯ มากมายในการอดกลั้นและอดทนมากมาขนาดไหนกับการที่ต้องอยู่ใกล้ๆ กับยักษ์ขี้ยั่วแบบนี้ เพียวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ในอ้อมกอดของปีมงคล วันนแรกที่บรรยากาศมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ตื่นมาแล้วเจอแค่ความว่างเปล่าอีกต่อไปแล้ว วันนี้มีคนที่เป็นเจ้าของหัวใจนอนอยู่ข้างๆ กัน ปากบางขยับยิ้มอย่างน่ารักเพราะตื่นมาเจอกับคนที่นอนหลับสนิทแบบนี้ เพียวเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์บนหัวนอนมาดู จะหกโมงเช้าแล้วเขาควรรีบกลับบ้าน ไปทำมื้อเช้าให้ปีมงคลกับเด็กน้อยที่บ้าน

ร่างบางเดินลงจากที่นอนอย่างแผ่วเบาราวกับแมวย่อง เดินไปที่ประตูแล้วค่อยเปิดมันอย่างเบามือ แค่เดินผ่านเขาก็มาอยู่ที่ห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย เช้าวันใหม่เริ่มด้วยการล้างหน้าแปรงฟัน และลงมาทำกับข้าวที่ห้องครัว ไม่รู้ว่าปีมงคลจะออกไปทำงานไหมวันนี้ เขาเลยทำเผื่อใส่กล่องเก็บความร้อนไว้เผื่อให้ร่างสูงเอาไปกินที่บริษัท ข้าวผัดเบค่อนง่ายๆ แต่อร่อยอย่าบอกใคร พรุ่งนี้เขาจะเปิดร้านแล้วยังไงสะวันนี้เขาก็ต้องได้จัดร้าน จะไม่ออกไปไหนเด็ดขาด

แพคของใส่ถุงกระดาษเตรียมไว้ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อเอาน้ำส้มแต่กลับไม่เจอเลยสักกล่อง ร่างบางยืนถอนหายใจนิดๆ เขาคงต้องออกไปซื้อ เดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อ หยิบกระเป๋าตัวมาถือไว้แล้วเปิดประตุห้อง เขาก็มาโผล่ มินิชอป 24ชม.แล้ว เดินไปหยิบน้ำส้มคั้นสดมาสองกล่องนมอีกแกลลอนใหญ่ เดินไปจ่ายเงิน ขากลับไม่ใช่เรื่องยาก ยักษืหายตัวได้แต่ต้องไม่มีใครเห็น เขาต้องปิดบังตัวตนเอาไว้ เพียวเลือกที่จะเดินไปตรงตรอกเล็กๆ ไร้ผู้คนก่อนจะเดินหายไปในอากาศ แวบเดียวก็ถึงห้องครัวแล้ว

“เห้ยย พี่โผล่มาทำไมเงียบๆ ตกใจหมด!!! ”

“ไวรัล!! ” เกือยไปแล้วดีนะที่ไวรัลยืนหันหลังให้ เขารีบวางของในมือลงบนดต๊ะกินข้าวก่อนจะแยกของเหล่านั้นเข้าตู้ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาของไวรัล อย่างจับผิด

“พี่ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเหรอ”

“เออ มีไร”

“ปล่าว ไม่มีอะไร”

“กวนตีนกูเหรอไว”

“ใครจะกล้าไปกวนตีนพี่กันละผมยังมาอยากกินตีนแทนข้าวหรอกนะ แล้วนี่พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันเปลี่ยนเรื่องเหมือนกิ่งกาเปลี่ยนสี เพียวกันไปมองจิกตาใส่นิดๆ ก่อนจะรินนมใส่แก้วแล้วยื่นให้อีกคนดื่ม

“พี่เพียว คือ พี่กับพี่ปีคบกันแล้วเหรอ?” คือความจริงก็รู้อยู่เต็มอกแต่ก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ

“ก็ อืม คบกันแล้ว” ยักษ์น้อยยกน้ำส้มที่พึ่งเทให้ตัวเองขึ้นดื่ม

“งั้นเมื่อคืนก็ได้กันแล้วอะดิ”

“แค๊กๆ ๆ บ้า!!! พูดอะไรออกมาน่าเกลียด” เขาสำลักน้ำส้มทันทีที่ได้ยินไวรัลพูดถาม จะได้กันได้ยังไงละ แค่นอนกอดกันกูยังเขิลแทบบ้าเลย

“อ่าว คึคึคึ ยังไม่ได้กันก็ไม่เป็นไร ว่าแต่พี่ผมนี่อ่อนชะมัดยาดเลย” ว่าจบมันก็สะบัดตูดเดินออกไปทิ้งให้น้องยักษ์ใจเต้นแรงอยู่คนเดียวในครัว

บ้า...ชิบ



7.30น.



“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันเป็นคำทักทายยามเช้าที่ค่อนข้างฮาดคอร์ไปนิด เพราะน้ำเสียงตะคอกๆ ของคนที่พึ่งตื่นมาแล้วไม่เจอคนข้างกาย

“เมื่อเช้า ทำไม? คิดถึงผมแล้วเหรอ” ก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็คงไม่แปลก ร่างบางยกยิ้มนิดๆ พร้อมกับจัดโต๊ะไปด้วย

“= =” เรื่องเข้าข้างตัวเองนี่ที่หนึ่งเลยนะ เพียว” ปีมงคลชะงักก่อนจะประชดออกไป ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองค้อนใส่

“ไม่ได้เลยรึไง” ทำปากงุบงิบบ่นออกไป ในใจก็นึกว่าทำไมพี่ปีของเขาชอบขัดเหลือเกิน

“หึหึ ก็ได้นะ แต่อย่าบ่อย” ถ้าคนตัวเล็กไม่โง่ก็จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ใช่ แค่ตื่นมาไม่เห็นคนรักเขาก็ใจหวิวคิดถึงแล้ว แต่ไม่อยากจะพูดกลัวเสียฟอม

“งะ นอกจะปากไม่ดีแล้วยังชอบพูดอะไรที่มันเข้าใจยากอีก นี่ไม่ได้โง่นะ แค่ไม่เข้าใจเฉยๆ” เหมือนจะหลอกด่าอีกคนกลายๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร ผิดกับปีมงคล รายนั้นควันออกหูตั้งแต่คำแรกแล้ว

“ไอ้เพียวว!! ”

“คร๊าบบบ คุณชาย เรียกสะเสียงเข้ม กลัวจนขี้หดหมดแล้ว ไปตามไวรัลกับไอ้เขื่อนมาให้ทีสิ ไม่รู้ไปอาบน้ำหรือไปผลิตประปา นานเกิ้นน” ได้โอกาสก็ใช้สะหน่อยเดี๋ยวจะเป็นง่อยกันไปหมด ร่างสูงยอมเดินไปตามสองคนนั้นอย่างว่าง่ายแต่ไม่ทิ้งลาย คุณชายปีมงคล

“เตรียมกาแฟให้กูด้วย เอาเข้มๆ นมไม่ต้อง น้ำตาลไม่เอา”

“สั่งกาแฟดำก็จบละ จะมากความเพื่อ!! ”

“กูได้ยินไอ้สัสเพียว!! ” = =แหม่แค่บ่นเบาๆ ดันได้ยินอีกหูดีจริงๆ



+++++

เมื่อทุกคนพร้อมก็ลงมือกินมื้อเช้า ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน เพียวไม่ลืมเอาห่ออาหารที่เตรียมไว้ให้ชายหนุ่มคนรักให้เอาไปด้วย เขายืนส่งปีมงคลที่หน้ารั้วบ้าน แปดโมงพอดิบพอดี ยืนส่งยิ้มให้เขาผ่านกระจกรถ

“แล้วจะรีบกลับ อย่าไปแรดที่ไหนละ”

“รู้แล้วน่า พี่นั่นแหละอย่าไปปากหมาใส่ใครละ ระวังจะโดนตีนไม่รู้ตัว” พูดจบก็โดนชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ มีรึน้องยักษ์เขาจะกลัว ทำเล่นหูเล่นตาใส่ ส่งท้ายด้วยการส่งจูบรัวๆ จนคนบนรถออกอาการเขินหน้าแดง ทนไม่ไหวรับขับรถหนีไปเลย

“คึคึคึ น่ารักเหมือนกันนะพี่ปีเนี้ยะ” เขารู้สึกมีความสุข เป็นเช้าที่มีสีสันมากกว่าปรกติยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข และกำลังจะหันหลังเข้าบ้านไปทำงานที่ค้างเอาไว้

“อ้าววว น้องเพียว ออกมาส่งคุณปีเหรอคะ แหม่เหมือนคู่แต่งงานใหม่กันเลยนะคะ” มนุษย์ป้าข้างบ้านเดินใส่ชุดเต้นแอรโรบิกออกมาจากพุ่มไม้ข้างรั่ว

“ครับป้าอร ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ” ร่างบางส่งยิ้มบางไปให้ และจะก้าวเดินเพื่อเลี่ยงการสนทนา

“เอหรือว่า สองคนคบกันแล้วเอ่ย” อรนพาทำเสียงหยอกล้อแต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง

“^-^” มันเป็นยิ้มที่บอกได้ว่าอย่าเสือกเรื่องของกูเลยครับป้า แต่อีกฝ่ายกลับคิดเตลิดไปไกล

“คิกๆ แบบนี้แสดงว่าคบกันแน่เลย แหม่น้องเพียวนี่ ไวไฟดีเหมือนกันนะคะ พี่อ่อย เอ๊ย พี่รู้จักน้องปีมานานไม่ยักจะรู้ว่าน้องเขาจะชอบแบบนี้” ก็เพราะมีมนุษย์แบบป้ายังไงละเค้าถึงได้หันมาชอบของแบบนี้ เพียวแสยะยิ้มนิดๆ ไม่ตอบอะไร

“ขอตัวนะครับพอดีว่าต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาว่างมาเผือกเรื่องชาวบ้านเขา” พูดจบก็ตรงดิ่งเข้าไปด้านในทันทีทิ้งให้คนแก่ขี้เสือกยืนอ้าปากหวอกับคำด่าแบบไม่ตั้งใจด่าต่อไป



+++++

“พี่เพียวต้นไม่ต้นนี้เอาไว้ตรงไหนดี” ไวรัลเดินถือกระถางดอกแพททูเนียเข้ามา

“เอาไปวางไว้ข้างประตูทางเข้าก็ได้ไวแล้วเอาพวกกระถางเล็กๆ มาให้พี่ พี่จะจัดบนตู้ไม้นี่หน่อย” เขากำลังเล็งว่าจะจัดแนวไหนดีเพราะเหนือตู้ไม่ไปคือรูปภาพที่เขาซื้อมาเมื่อวาน ตอนนี้มันถูกแขวนไว้บนผนังสีขาว วันทั้งวันเขาวุ่นกับการจัดร้าน มีช่วงบ่ายที่แก้วของเขาว่างจากการดูแลลูกน้อยปลีกเวลามาช่วยจัดร้านอีกแรง กว่าจะเสร็จก็เกือบเย็น เพียวเลยจะทำหมูกะทะเลี้ยง

“พี่จะออกไปตลาดไปด้วยกันไหมไว” เพียวเอ่ยชวนเด็กหนุ่มที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงศาลา ไวรัลโบกมือไปมาว่าไม่ไป

“เดี๋ยวพี่เขื่อนกับพี่ภูจะมา” มันบอกเสียงเหนื่อย พร้อมกับชูโทรศัพท์ให้ดูไลน์ที่ไอ้เขื่อนเพื่อนรักมันไลน์มาหาเด็กน้อยของมัน

“อ่อ จะอยู่รอว่างั้น”

“ครัชชช”

“พี่ไปเป็นเพื่อนเองน้องเพียว ประเดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อน” พี่แก้วพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับเตรียมตัว เพียวเลยหันไปสั่งคนที่อาสารออยู่ที่บ้านไว้

“ถ้าอย่างนั้นมึงเตรียมอุปกรณ์เลย ปูเสื่อตรงสวนใต้ต้นนั่นก็ได้ จานชาม น้ำเนิ้มเตรียมให้พร้อมนะมึง”

“คร๊าบบบ ลูกพี่คราบบ” มันทำเสียงกกวนตีนใส่ก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่ง เพียวเลยได้เวลาเอารถมอเอตร์ไซคันเก่งออกมาใช้งาน ร่างบางขึ้นคร่อมมอเตอไซแล้วกดสตาทรอจนแก้วขึ้นซ้อนท้าย แล้วขับออกไป พอถึงตลาดก็แยกย้ายกันซื้อของจะได้เร็วขึ้นเพราะมีเวลาไม่มาก พอได้ของครบก็พากันกลับบ้าน มาถึงก็เจอผีพรายยืนรออยู่หน้าบ้านช่วยขนของที่ซื้อมา เพียวรีบลงมือหมักหมู ส่วนแก้วก็หั่นผักล้างใส่ตะกร้าไว้ เขื่อนกับภู ออกไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านกลับมาพร้อมกับปีมงคลที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดพอดี เพียวเดินออกไปหา เห็นชายคนรักมีสีหน้าที่เคร่งเครียด

“พี่ ที่บริษัทมีปัญหาเหรอ”

“อืมนิดหน่อย แล้วนี่ทำไมวันนี้คนเยอะจัง” มือหนาแตะเอวบางให้เดินเข้าบ้านพร้อมกับมองไปยังสวนที่พวกเขากำลังจะปาตี้หมูกระทะกัน

“ก็กำลังจะบอกอยู่พอดี ผมมาชวนพี่ไปกินหมูกระทะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ” เพียวส่งยิ้มหวานให้กำลังใจ ร่างสูงพยักหน้าเบาๆ รับคำก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อลงมาหาคนรัก

“อ้าวมาแล้ว” ไวรัลโบกมือเรียกปีมงคลทันทีที่เห็น พวกเขาเว้นที่ไว้ให้เขานั่งข้างๆ เพียว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ยักษ์ตัวแสบ

“อะ นี่ผมย่างไว้เผื่อแล้ว” เพียวคีบชิ้นเนื้อวางไว้บนถ้วยเล็กๆ ของปีมงคลส่วนผีพรายหน้าหล่อ รายนั้นต้องแอบเอาธูปปักลงบนชามข้าวเขาถึงจะกินได้ แม้เจ้าตัวจะรู้สึกอนาถใจก็ตามที

“อืม ขอบใจ แล้วนี่จัดร้านเสร็จแล้วเหรอ” ร่างบางพยักหน้าตอบ

“ก็ช่วยๆ กันเลยเสร็จไว แล้วพี่อะวันนี้เป็นอะไรเห็นหน้าเครียดๆ” ถามพร้อมกับคีบปลาหมึกใส่ถ้วยให้ชายคนรัก

“ก็เรื่องเดิมๆ” ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่หยีระ ถึงแม้วันนี้พ่อของมีนาจะมาอาราะวาดใส่เขาพร้อมกับขู่ว่าจะถอนหุ้นที่มีอยู่น้อยนิดออกเขาก็ไม่ได้กังวลเท่ากับ คนของที่บ้านที่รับรู้เรื่องราวร้าวฉานของเขากับมีนา จนต้องรีบแจ้นมาหา คนพวกนี้ แม้จะเป็นพี่ป้าน้าอา กับหลานอย่างเขาก็ไม่คิดว่าเป็นญาติด้วยซ้ำมีแต่จะปอกลอก มีแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัว

ความจริงพ่อของปีมงคงก็แบ่งสันปันส่วนให้ลูกหลานเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ เพื่อที่องค์กรจะได้ไปไกล ไม่หมดแค่ยุคของเขา แต่หารู้ไม่ว่า การเอาลูกเสือลูกตะเข้เข้ามานั้นมันส่งผลร้ายต่อทายาทที่แท้จริงอย่างไรบ้าง ปีมงคลต้องทนแบกรับภาระและหน้าที่การงานมากมาย แต่กับญาติคนอื่นๆ มาทำงานก็เหมือนมานั่งเล่นรอรับเงินเดือนกันทั้งนั้น เห็นจะมีแต่ พริก ญาติห่างๆ ทางพ่อ ดูจะเป็นคนดีระดับหนึ่ง และยังเป็นมือซ้ายของเขาที่คอยสอดส่องความเป็นไปในบริษัท นับให้ตั้งแต่ปีมงคลได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ก่อนที่จะเรียนจบด้วยซ้ำ พริกอายุน้อยกว่าปีมงคลแค่หนึ่งปีเลยคุยกันง่าย เพราะวัยใกล้เคียงกัน

แถมวันนี้ยังเกิดเรื่องซุบซิบนินทาว่า พวกผู้ถือหุ้นรายย่อยกำลังจะเทขายหุ้นในมือให้กับ ลุงเขตแดน ที่มีตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ อีกต่างหาก แค่คิดเขาก็รู้สึกหงุดหงิดกับพวกริ้นไลนี่เต็มทน

“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะพี่” น้ำเสียงที่ดูห่วงใยถูกถ่ายทอดผ่านทางสายตา เพียวบีบมือลงกับต้นขาของปีมงคลเบาๆ เป็นการปลอบ

“ช่วยอยู่ข้างๆ กูก็พอ” เขากระซิบลงที่ข้างหู เพื่อที่จะได้ยินกันแค่สองคน ร่างสูงขยันหาคำมาหยอดให้ยักษ์ของเราเขินอยู่เรื่อย แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่ทิ้งรอยกังวลไว้บนสีหน้า เพียวเองก็จับความรุ้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่อยากทำให้บรรกาศมันกร่อยเขาเลยเลือกที่จะเงียบปากไว้ บรรยากาศโดยรอบเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ไวรัลอาจจะเป็นเด็กที่ดื้อไปสักหน่อยแต่ลึกๆ แล้วเป็นเด็กที่จิตใจดีคนหนึ่ง คอยเอาใจใส่คนอื่นอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะกับเขื่อน แม่จะทะเลาะกันบ่อยแต่ทั้งคุ่ก็มีมุมที่หวานกันอยู่ประจำ ส่วนคู่รักพิศดาลรายนั้นไม่ต้องพูดถึง มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก แอบไปตอดกันเล็กๆ น้อยในที่ลับตาคนถึงแม่ว่าลำธารอยากจะทำแบบเปิดเผยก็เถอะ ภูผาหน้าบางเกินกว่าที่ยอมทำแบบนั้นในที่สาธารณะได้ ยักษ์ตัวแสบแอบอมยิ้มเขาซึมซับบรรยากาศดีๆ แบบนี้เก็บไว้ในความทรงจำ

“พี่ปี ป๊าผมยังมาหาอยู่รึเปล่า” ไวรัลเอ่ยถามเสียงอ้อมแอ้ม ตอนที่พวกเขากำลังอิ่ม เขื่อนนั่งเอนหลังโดยใช้แขนค้ำไว้หันไปมองหน้าเด็กน้อยของตัวเองนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเอ็นดู

“ห่วงก็บอกว่าห่วงสิหนู” เขื่อนพูดออกมา

“ใครห่วง ผมไม่ได้ห่วงสักหน่อยแค่ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายกับพี่ปีมากเท่านั้นแหละ! ” ไวรัลเชิดหน้าขึ้นนิดๆ

“เบื่อพูดกับคนปากไม่ตรงกับใจ” เพียวพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

“พี่เพียว อะ”

“พูดจริงนะไว พ่อแม่นะถึงเต้าจะดุจะว่า ที่เค้าทำนะเพราะรักเพราะห่วงเราทั้งนั้น” ปีมงคลพูดสอนร่างเล็กที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

“น้องไวไม่ลองกลับไปหาพ่อดุบ้างละค่ะ ป่านนี้ท่านน่าจะใจเย็นลงบ้างแล้ว พ่อลูกกันยังไงซะเค้าก็ต้องฟังเราบ้างแหละพี่ว่านะ” แก้วนั่งฟังอยู่นานลองพูดกับไวดูบ้างเผื่อน้องจะยอมอ่อนลง

“แต่ผมไม่ชอบการบังคับนี่นา เป็นพี่ พี่ยอมไหมละให้แต่งงานกับคนที่ตัวไม่ได้รัก อึดอัดตาย แถมนะครอบครัวฝั่งผุ้หญิงก็ใช่จะจริงใจ ที่พยายามจะเอาผมเป็นผัวนี่ก็หวังแต่ประโยชน์ทั้งนั้นแหละ” ไวใส่อารมณ์เดือดลงในน้ำเสียง พร้อมกับกำมือแน่น เขากำลังเครียด คนรอบข้างรู้ดี

“แต่เราจะหนีแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะหนู ปัญหามันมีไว้แก้ไม่ได้มีไว้หนี” เขื่อนพูดสอนเพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า

“ผมไม่ได้หนี แค่ถอยมาตั้งหลักเท่านั้นแหละ รอผมหาแฟนให้ได้ก่อน ผมจะเอาไปเย้ยยัยดาด้าให้อกแหกไปเลย”

“พี่ไง ว่างอยู่ พร้อมด้วย หนูเลือกพี่สักทีสิ” เขื่อนทำหน้าอ้อนๆ จนทุกคนขำพรืดออกมา

“อะไรวะ ขำอะไรกัน นี่กูกำลังจะขอเขาเป็นแฟนนะเว้ย” คนแก่อยากเต๊าะเด็กดวยออกมา

“มึงอยากเป็นอมตะเหรอไอ้เขื่อน”

“สัส!! เพียว เดี๋ยวจะโดน” เขื่อนขยับขาตัวเองหมายจะเตะปากเพื่อนรักให้หายหมั่นไส้ แต่ร่างเล็กมันโยกตัวหลบได้เสียก่อน

“ว่าแต่คุณปีครับ พอจะมีเวลาให้ผมสักครู่ไหมครับ” ภูเอ่ยกระซิบกับปีมงคลเบาๆ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

“มีอะไรเหรอภูผา?” ปีมงคลเริกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”

“เรื่อง?”

“ผมว่าเราไปคุยในบ้านดีกว่าครับ เรื่องนี้เราต้องรู้กันแค่สองคน” ภูเอ่ยแล้วลุกเดินออกจากวงสนทนา ปีมงคลบอกกับทุกคนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ

+++++

“มีอะไรเหรอภูผา?” เมื่อเข้ามาในบ้านปีมงคลก็รีบถามทันที

“คือคุณ อมร กับคุณแฟร้งค์ เป็นญาติของคุณปีใช่ไหมครับ” ภูผาเกริ่นออกมา สองคนนี้มีตำแหน่งสูงในบริษัท เพราะเป็นลูกหลานของผู้ถือหุ้นด้วย

“ครับ”

“วันนี้ผมลองตรวจสอบไฟล์งาน เพื่อทดลองโปรแกรมการโจรกรรมทางคอมพิวเตอร์ มันคล้ายๆ กับการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของระบบการทำงานทุกอย่างของบริษัทเราครับ แต่ว่า ผมเจอไอพีผู้ใช้งานของคุณแฟร้ง เจาะระบบเข้ามาปลอมแปลงเอกสารบางอย่างพร้อมกับตัวเลขบัญชีรายการสั่งซื้อที่ผมดูผิดปรกติครับ” ภูผาบอกด้วยสีหน้าที่ติดกังวล เขาหยิบแฟลตไดฟ์จากกระเป๋าเสื้อส่งให้ปีมงคล

“ในนี้มีข้อมูลและหลักฐานที่ผมพอจะกู้ระบบได้เพราะทุกครั้งที่คุณแฟร้งเจาะเข้ามาเขาจะลบทุกอย่างทิ้งไม่เหลือเลย” ปีมงคลรับของสิ่งนั้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดมันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ที่ยังไม่โวยวาย ไม่กระโตกกระตากเป็นเพราะเขายังไม่มีหลักฐานแน่ชัด จึงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ครั้งนี้ เขามีมันอยู่ในมือแล้ว

“ขอบใจมากภูผา เอาไว้ผมจัดการหนอนเน่าพวกนี้ได้เมื่อไหร่ผมจะตกรางวัลให้คุณอย่างงาม”

“ครับ มีอีกอย่างช่วงนี้คุณระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ” ภูเอ่ยเตือนอีกเรื่อง

“ทำไม?”

“พวกนั้นคงไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรพวกเขาง่ายๆ บางทีพวกเขาอาจจะชิงลงมือก่อน”

“คุณหมายความว่ายังไง!! คุณภูผา”

“ผมแค่บังเอิญไปได้ยินอะไรบางอย่างมา แต่ผมได้ยินไม่ค่อยชัด ได้ยินแต่ว่า กำจัดมันซะ แล้วก็ชื่อของคุณ” ปีมงคลมีสีหน้าที่เครียดลงไปอีก จนกระทั่ง เพียวเดินมาตาม

“แอบมาคุยอะกันสองคนวะ” ร่างบางเดินออกมาจากมุมบ้าน พร้อมกับมองคนทั้งคู่ด้วยความสงสัย

“เรื่องงานนะ ไม่มีอะไรหรอกมึง” ภูผาบอกปัดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนตัวเองไปด้วยแล้วลากเพียวออกมา

“จะลากกูไปไหนกูปวดฉี่มึงนี่ ว่าแต่แบบนี้มีพิรุทนะมึงแอบบมากิ๊กกับแฟนกูหรอ” เพียวแกล้งทำหน้าจริงจัง

“เห้ย !!! เปล่า คิดบ้าอะไรของมึงเนี๊ยะ” ภูผาหน้าเหวอทันทีเพราะกลัวเพื่อนรักจะเข้าใจผิด

“คึคึคึ หน้ามึงตอนตกใจนี่ตลกเป็นบ้า เลยวะ ไปได้ละกูจะไปฉี่ พี่ปีด้วย ออกไปช่วยพวกนั้นเก็บของด้วย” เพียวเดินเข้ามาตามเพราะพวกเขาอิ่มกันแล้ว ปีมงคลเดินออกไปด้วยท่าทีปรกติ ช่วยกันเก็บของที่กินและเก็บล้าง ไวรัลขี่มอเตอร์ไซต์ไปส่งแก้วที่บ้าน ก่อนกลับเขาแวะซื้อไอศกรีมกลับมาด้วย ซื้อมาครบสำหรับทุกคน

“เอ่อ พี่ธารจะกลับแล้วเหรอครับ” พอขี่รถมาจอดที่รั้วหน้าบ้านก็เห็นลารเดินออกมาพร้อมกับภูผา

“อืม ข้า เอ้ย พี่จะกลับแล้ว เรานะออกไปเถลไถล ที่ไหนมา”

“พอดีผมแวะซื้อไอศกรีมที่เซเว่นมา มีของพี่สองคนด้วย” พูดไปมือก็ควานหาไอศกรีมในถุงไปด้วย “อะอันนี้ของท่ารแล้วอันนี้ของพี่ภู” ทั้งคู่ยื่นมือไปรับ

“ขอบใจเอ็งมาก เอ๊ย ขอบใจมากไวรัล” ธารอยากจะตบปากตัวเองสักที่สองที เขาหันไปมองภูที่กลอกตาอย่างเอือมระอา บอกกี่ครั้งไม่เคยจำ ผีพรายได้รับสายตาคาดโทษจากภูผา

“คึคึ พี่ธารนี่เหมือนหลุดดออกมาจากวรรณคดีไทยเลยเนอะ ข้าๆ เอ็งๆ ลูกทุ่งดีจัง” ไวรัลพูดอย่างขำๆ เขายกมือไหว้ลาคนทั้งก่อนจะเดินเข้าบ้าน

“หนูจ๋า พี่ขอกินหน่อยได้ไหม” เมื่อเห้นว่าไวรัลกลับมามาแล้วเขื่อนก็พุ่งเข้าหาทันที

“พี่เพียวอะ” ดวงตากลมกวาดมองไม่เห็นเจ้าของบ้านก็เลยเอ่ยถึง

“ไปบ้านคุณปีแล้ว เห็วว่าจะค้างที่นั่น”

“อ่าว เทกันอีกละ ถ้างั้นพี่เอานี่ไปแล้วก็กลับบ้านไปได้ละ ผมจะปิดบ้านนอนแล้ว” ไวรัลยัดไปศกรีมที่ไกล้ละลายใส่มือเขื่อนแล้วเอ่ยปากไล่ทันที

“เห้ย ไม่ได้ ไอ้เพียวมันสั่งให้พี่นอนเป็นหนู”

“-*- ตอแหล!! กลับไปได้แล้ว” ไวรัลไม่หลงเชื่อคนแก่นี่ง่ายเขาผลักแผ่นหลังกว้างๆ นั่นออกจากบ้าน แต่เขื่อนขืนไว้ก่อนจะพลิกตัวหันไปอุ้มร่างเล็กพาดบ่าแล้สพาเข้าบ้าน

“อ๊ากกก ไอ้พี่เขื่อนปล่อยนะเว้ยย” มือเล็กระรัวทุบไปทั่วแผ่นหลังหนานั่นอย่างเหลืออด

“ไม่เว้ย ช่วงนี้พี่ใจกล้าหน้าด้านเป็นพิเศษ” ไม่พูดป่าวยกมกขึ้นตีก้นเด็กดื้อของเขาดังป๊าบใหญ่

ป๊าป ๆ

“โอ้ยไอ้พี่เขื่อน จะปล่อยไม่ปล่อย ไม่ปล่อยจะโกรธแล้วนะ แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยเอาไง” ไวรัลพูดขู่เสียงแข็ง

“ขู่เป็นแมวแบบนี้พี่ไม่กลัวหรอกกก็บอกแล้วไงว่าพี่หน้าด้าน” เขื่อนอุ้มไวรัลเข้าไปในห้องนอนแล้วโยนลงบนที่นอนก่อนจะกดล็อกประตูห้อง

“ไอ้พี่เขื่อนจะทำอะไรวะ!! ”

“หึหึหึ จะปราบเด็กดื้อ” เขื่อนยิ้มหื่นออก ไวรัลตกใจรีบหาทางหนีทันที

“ออกไปเลยนะ”

“หนีไม่พ้นหรอก จะยอมดีๆ หรือจะให้พี่ขืนใจ”

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้นโว่ยยยยยยยยยยย” พูดจบก็กระโจนลงจากเตียง แต่ก็ช้ากว่าคนที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ร่างเล็กดินพล่านในอ้อมดกอดที่แข็งแรง พร้อมกับหดคอหนีการจุ่โจมของอีกฝ่ายพัลวัล

“พี่เขื่อน หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้สักทีสิ”

“หนูก็หยุดทำให้พี่บ้าสิ พี่ยอมหนูทุกอย่างแล้วนะ” เขื่อนหยุดการกระทำนั้นไว้แล้วมองตาของไวรัลด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไวรัลเองก้รู้สึกใจเต้นแรงไม่ต่างกับคนตรงหน้าเท่าไหร่

“บางทีพี่ก็คิดว่าถ้าหนูแค่ให้ความหวังลมๆ แล้งกับพี่ ได้คิดจริงจังกับพี่ ก็ควรบอกมาตรงๆ พี่จะได้เลิกทำตัวน่าลำคานแบบนี้” เขื่อนพูดออกมาอย่างตัดพ้อเขาปล่อยตัวไวรัลให้เป็นอิสระก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัว ไวรัลพอได้ยินที่เขื่อนพูดเขาก็นิ่งงันทันที

“นอนเถอะพี่จะกลับแล้ว” เขาบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวออกจากห้อง

“พี่เขื่อน!!! ”



+++++++++++++++++++++

เงียบเหงามาก ชอบไม่ชอบ ช่วยเม้นบอกเค้าหน่อยนะตัวเอง





หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 19 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-12-2017 08:47:51
น้องยักษ์คงอาละวาดแน่ถ้าพี่ปีโดนญาติๆ สั่งเก็บจริง
น้องไวได้ง้อพี่เขื่อนแน่ๆเลยงานนี้ ดูท่าทางจะงอนจริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 19 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-12-2017 10:39:40
น่ารักมากๆเลยแต่สงสารน้องยักษ์นะกลัวจบเศร้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 20 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 17-12-2017 08:30:07














อสุรา ล่ารัก 20 มันก็จะเสียวๆหน่อย น้องยักษ์ได้กล่าวเอาไว้

                ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่มีลุคเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญเดินผิวปากออกมาจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง ใบหน้าเขาตอนนี้ดูยิ้มแย้ม กับก้อนเงินที่ได้มาเต็มกระเป๋า


“วันนี้โชคดีจริงเว้ย” พูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ มือเขากำลังขึ้น แต่แฟร้งเป็นคนฉลาดและไม่ได้โลภมากเหมือนนักพนันคนอื่นๆ ในเมื่อเขาได้เขาก็รีบตักตวงจนรู้ว่าอีกฝ่ายจะเอาคืนเขาตอนไหน เขาก็ชิ่งเลิกเสียตอนนั้น ร่างสูงเดินอารมณ์ดีมาที่รถคันหรูก่อนจะขับออกไป สองนิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะดนตรีไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองไปรอบๆ แต่เขาไม่ได้มองกลับมาที่ด้านหลัง ว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ห่างๆ อย่างระวังตัว

          จนกระทั่งล้อมาหยุดหมุนที่พื้นที่จอดรถของบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอส่งออกขนาดใหญ่ ยังไม่รวมถึงธุรกิจโรงแรมห้าดาวที่กำลังเติบโตอีก หนุ่มใหญ่วัยสามสิบต้นๆ เดินฮัมเพลงเข้าไปด้านใน


“สวัสดีค่ะคุณแฟร้ง นี่ค่ะใบรายการสั่งซื้อที่คุณตามหา” แสงดาวเลขาสาวผู้ใสซื่อยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเจ้านายของตน


“ขอบใจมากครับ น้องดาว” ใช่เลขาสาวไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหล่ เธอมีหน้าตาที่น่ารักและดูใสซื่อหลอกง่าย เขาจึงใช้ข้อดีนี้หลอกใช้เธอ และอีกไม่นานคงจะหลอกฟันเธอได้สมดั่งใจ แสงดาวหน้าแดงนิดๆ เมื่อเจ้านายหนุ่มให้ความใกล้ชิดเธอแบบรวดเร็วนั่นคือการถึงเนื้อถึงตัว สองมือหยาบลูบลงบนมือนุ่มๆ ของเธอ แสงดาวรีบชักมือกลับก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องนั้นทันที


“หึหึ ยัยลูกไก่สักวันพ่อจะเชือดกินให้ดู” แฟร้งพูดอย่างเข่นเขี้ยว พร้อมกับทำหุตาแพรวพราว เขาอ่านเอกสารในมือก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นลายเซ็นของปีมงคลประทับอยู่ตรงรายการที่อนุมัติ รายได้เล็กๆ น้อยของเขากำลังจะถูกโอนเข้าบัญชี รับเหนาะๆแค่ สองสามล้าน เขาปิดแฟ้มนั้นแล้วเอนหลังลงกับพนักพิงของเก้าอี้อย่างสบายใจ ก่อนที่ความสุขนั้นจะถูกทำลายด้วยเสียงแหลมๆ ของมีนาที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของเขา


“พี่แฟร้ง!!! ” ร่างระหงเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามา หน้าตาเธอไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แฟร้งผวาลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับส่งสายตาเอือมระอาไปให้หญิงสาว


“อะไรของเธออีกห๊ะ ทีหลังถ้าจะเข้ามาหาพี่ก็หัดมีมารยาทบ้าง” ชายหนุ่มดุหญิงสาวที่มาทำลายความสุขขอบเขา


“บ่นอีกแล้วน่าเบื่อ!! ” ความเอาแต่ใจของมีนามาเป็นที่หนึ่งเสมอ เจ้าหล่อนกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา พร้อมกับกอดอกมองพี่น้องที่ท้องชนกันบ่อยๆ

“มีอะไร”


“ก็ไอ้คุณชายปีนะสิ ทำตัวน่าเบื่อ มีนาจะชวนไปไหนไม่เคยไปเลย วันก่อนก็ท้าให้พ่อมีนาถอนหุ้นอีก เอาใจยากชะมัด” เธอบ่นออกมาด้วยความคับแค้นใจ เพราะคู่หมั้นของเธอเห็นเธอเป็นเพียงธาตุอากาศไม่มีตัวตน


“.....”


“รู้ไหมวันนี้นะมันเอาไอ้เด็กที่ไหนรู้มากกที่ห้อง ไม่เห็นหัวมีนาเลยสักนิด” เธอนึกถึงใบหน้าเด็กหนุ่มที่ปีมงคลให้ความสนใจและให้ความสำคัญมากกว่าเธอที่เป็นคู่หมั้น ยิ่งนึกยิ่งเคียดแค้น


“....”


“มีนาเบื่อ มีนาเซ็ง พี่แฟร้ง พี่ต้องช่วยมีนานะ” หญิงสาวเดินไปหาแฟร้งพร้อมกับเกาะแขนออดอ้อน


“เห้ออ จะช่วยอะไรได้ เธอก็รุ้ว่าไอ้ปีมันเอาใครที่ไหน หรือบางทีมารยาของเธออาจจะยังมีไม่พอ” แฟร้งแอบแขวะเธอนิดๆ


“พี่แฟร้ง!! น่านะช่วยมีนาหน่อยนะ”


“ช่วยแล้วได้อะไร” แฟร้งเริกคิ้วถามอย่างคนเจ้าเล่ห์ คนอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรให้ใครฟรีๆ หรอก


“พี่แฟร้งออยากได้อะไร...มีนาก็จะทำให้หมดทุกอย่าง” ร่างระหงหย่อนตัวนั่งลงบนตักแกร่งพร้อมกับยกมือขึ้นคล้องคอหนาเอาไว้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตายั่วยวน


“หึหึ คืนนี้ไปหาที่ห้องนะจ้ะน้องสาวคนสวย” เป็นอันตกลงกับข้อเสนอ มีนายิ้มย่องคืนนี้มีอะไรให้ทำสนุกอีกแล้วสิ

++++++++++

22.30น

ก็อกๆ


“มีนา” เสียงทุ้มแหบพร่าเรียกชื่อหญิงสาวเสียงดัง ก่อนที่ประตูบานนั้นจะเปิดออก


“มาแล้วเหรอคะ คึคึ พาเพื่อนมาซะด้วย” มีนาอยู่ในชุดนอนซีทรูสีขาวบางเฉียบ เห็นทรวดทรงองค์เอว รวมถึงเนื้อนมไข่เต่งตึงใต้ร่มผ้านั่น ด้านหลังของแฟร้งมีฝรั่งหน้าตาดีอีกสองคนยืนมองเรื่อร่างของหญิงสาวไม่วางตา เจ้าหล่อนเชื้อเชิญคนทั้งสามเข้ามาในห้อง


“แตงโม พี่แฟร้งมาแล้ว” มีนาหันไปเรียกเพื่อนสาวอีกคนที่แต่ตัวไม่ต่างอะไรจากเธอ เว้นเสียแต่หุ่นที่อวบอัดมากว่าเธอ เจ้าหล่อนยิ้มหวาน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอ


“พี่แฟร้งขา..อื้ออ แตงโม..คิดถึ้งง คิดถึงพี่แฟร้ง” ร่างสุงยิ้มกริ่ม เขาไม่เคยผิดหวังถ้าได้เข้ามาในห้องของมีนา แฟร้งหยิบซองซิปที่มีผงสีขาวอยู่ด้านในแล้วโยนลงบนโต๊ะรับแขก ทุกคนยิ้มกริ่ม ออกมา แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในโลกแห่งสวรรค์ นัวเนียไร้สติทุกอย่างหมุนคว้างและล่องลอย ทุกคนตกอยู่ในอารมณ์ตัณหาและเซ็กส์ มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งถ้ามีนาต้องการอะไรและขอให้แฟร้งค์ช่วย ที่สำคัญคนที่เข้ามาในห้องนี้ไม่เคยซ้ำหน้ากันสักครั้ง

++++++

           เปิดร้านวันแรกของยักษ์เย็นตาโฟร์ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากปิดปรับปรุงหนึ่งอาทิตย์ลูกค้าถูกใจกับการตกแต่งร้านมากเพราะมันดูร่มรื่นไม่ร้อนแถมมีที่จอดรถคือลานดินฝั่งตรงข้ามอีก แก้วกำลังง่วนอยู่หน้าเตา ส่วนยักษ์น้อยกับเด็กหนุ่มนามไวรัลก็เดินเสิร์ฟกันขาแทบขวิด


“พี่เพียวอีกสองวันไวเปิดเทอมแล้วใครจะช่วยพี่ละ” เรื่องหนึ่งไวรัลแกคิดขึ้นมาได้


“นั่นสิสงสัยต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่ม” ยักษ์น้อยยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วเอาชามที่เก็บมาใส่ลงในอ่างสำหรับล้าง


“งั้นผมเอาป้ายมาติดไว้เลยนะ”

“อืม เอาไปติดไว้หน้าร้านที่เดิมนั่นแหละ แต่เขียนเพิ่มอีกสองคนนะ พี่แก้วจะได้ไม่เหนื่อย” ไวพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเอาไปไปติดไว้หน้าร้าน


เพียวพาท

            หลายวันมานี้ผมยุ่งอยู่กับร้านครับ ไวรัลเปิดเทอมไปเรียนแล้ว ส่วนผมต้องช่วยพี่แก้ว มีเด็กใหม่มาสมัคงานอยู่คนหนึ่งเริ่มงานวันนี้วันแรก ชื่อ ตาว เด็กแว่นหน้าตาน่ารักครับมันขยันดีเห็นบอกว่าการเงินที่บ้านไม่ค่อยดีมันเลยอยากหาเงินเรียนเอง สงสารเลยรับไว้ ตาวมันเป็นเด็กขยันครับ ขยันหาเรื่อง เรื่องจานแตกแก้วแตก เรื่องโดนแซวโดนแซะจากลูกค้า บางทีเห็นแล้วก็สงสารไปช่วยมากก็ไม่ได้งานผมก็ยุ่งมากพอดูอยู่แล้ว เวลามันทำของแตกเสียหายชอบทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกครั้ง มันคงกลัวผมหักเงินมันมั้ง


“ตาว มานี่หน่อย” ผมกวักมือเรียกมันให้เอาน้ำไปเสิร์ฟให้ลูกค้ามันรับน้ำแล้วเอาไปเสิร์ฟเรางานยุ่งจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในร้าน


“เพียวโต๊ะแปด” พี่แก้วเรียกผมให้ยกก๋วยเตี๋ยวไปเสิร์ฟแต่ผมติดลูกค้าอยู่ ตาวมันก็ไปเก็บโต๊ะ


“โต๊ะแปดนะ” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมอง


“พี่ทศ!!! ” ผมเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ นานมากแล้วตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ร่างสูงเดินเอาก๋วยเตี๋ยวไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ที่แอบกรี๊ดเบาๆ ให้กับความหล่อของพี่แก พอพี่ทศเดินกลับมาเขาก็ส่งยิ้มหวานๆ มาให้ผมพาพี่ทศเข้าไปในบ้านแล้วฝากร้านไว้กับสองคนนั้นสักพัก หยิบเอาน้ำมะตูมที่ทำแช่เย็นไว้มาให้พี่ทศ


“พี่หายไปไหนมา”


“ทำงานสิครับ แล้วนี่ไอ้หมาบ้ามันไม่อยู่เหรอ” = =


“อ่อ พี่ปีเหรอ พี่ปีเข้าบริษัท”


“งั้นวันนี้ก็มีแค่เราสองคนใช่ไหม ^^” พี่ทศยิ้มออกมาดูเป็นคนอารมณ์ดีแปลกๆ ผมยิ้มแห้งๆ ให้พี่มัน เหอๆ ชะตาน้องเพียวจะขาดไหม ถ้าพี่ปีกลับมาแล้วเจอไอ้พี่ทศมันนั่งอยู่ในบ้าน


“แล้ววันนี้แค่มาหาหรือมีธุระละพี่”


“ก็ทั้งสองอย่าง แวะมาหาน้องชายสุดที่รักแล้วกะว่าตอนเย็นจะพาไปดูอะไรนิดหน่อย”


“อะไรเหรอพี่”


“ช่วงนี้เราไม่ได้ ออกล่าเลยใช่ไหมล่ะ พี่ว่า พี่จะไปสะสมแต้มบุญสักหน่อยเผื่ออะไรๆ ที่พี่หวังมันจะสัมฤทธิผลขึ้นมาบ้าง” รอยยิ้มที่พี่ทศส่งมานั่นมันดุแปลก สายตาเขาก็ด้วย เหมือนจะสื่ออะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ


“อะ อื้ออ ไม่ได้ออกล่ามาสักพักแล้วละ” ท่านยมไม่มาหาจะออกล่ายังละ ออกล่าต้องมีหมายจับจากท่านยมซะก่อน อดีตแล้วยักอย่างเราๆ เป็นยักษ์ที่เฝ้าประตูนรกคอยปราบปรามพวกวิญญาณชั่วร้ายที่ท่านยมจัดการไม่ได้ แล้วพักนี้ท่านยมก็หายหน้าหายตาไปพักหนึ่งแล้ว สงสัยพวกมารจะลดลง


“เมื่อสองวันก่อนท่านยมเอาสิ่งนี้มาให้พี่” ใบล่ามารที่ระบุตัวตนและที่อยู่แน่ชัดมาให้


“อ่า พวกมาร” มารที่ว่านี่คือวิญญาณชั่วร้ายที่มีฤทธิ์มากและหนีออกมากการจับกุมของท่านยม พวกเราคือไม้ต่อที่จะจัดการพวกมันลงนรกอเวจีแบบไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ดังนั้นพวกมารจึงหวาดกลัวพวกผมและหลบซ่อนตัว ที่ที่ ปลอดภัยมากที่สุดของมันคือ ร่างกายของมนุษย์ มันใช้ความโลภ ความหิวกระหายและความเคียดแค้นครอบงำพวกมนุษย์ให้มอบร่างกายให้แก่มัน และสิ่งที่ผมเห็นจากใบล่ามารคือรูปภาพของใครคนหนึ่ง เหมือนผมเคยเห็นในรูปของผุ้ก่อตั้งบริษัทของพี่ปี


“เอาด้วยไหม”




“อื้อเอาสิ” ผมไม่ปฏิเสธหรอกถ้ามันเกี่ยวกับพี่ปีของผมยิ่งมารอยู่ในร่างมนุษย์ยิ่งอันตราย เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านเข้ามา


“เพียว!! กูว่าแล้วแมร่งรถมันคุ้นๆ” พี่ปีเดินทะมึนเข้าบ้านมาพร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน พี่ทศแสยะยิ้มนิดๆ


“อ่าวพี่กลับมาแล้วเหรอ” ผมรีบลุกขึ้นไปหาพี่ปีทันทียิ้มประจบเอาใจมือก็ลูบแขนล่ำเขาไว้ด้วย กลัวเหลือเกินกับท่าทีที่จะพุ่งเข้าใส่พี่ปี


“เออ แล้วไอ้นี่มันมาทำไม” หันไปตะคอกใส่อีกคน พี่ทศหยักไหล่แล้วเดินไปทางประตูบ้าน


“เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ อ่อ เพียวพี่กลับก่อนละกัน ส่วนเรื่องนั้นไว้พี่หาวันว่างได้พี่จะมารับ” พี่ทศหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากบ้านไปผมจะออกไปส่งพี่ทศก็บอกว่าไม่เป็นไร


“มีเรื่องอะไรกัน” พี่ปีบีบข้อมมือผมแรงมาก นี่ผีบ้าที่ไหนมาสิงอีกเนี้ยะ

“เรื่องงานนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอกพี่ ทำงานมาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนนะ” รีบพูดประจบก่อนจะวิ่งไปเอาน้ำมะตูมเย็นๆ มาให้พี่ปีกิน กลัวเหลือเกินว่าของพี่แกจะขึ้น พี่ปีเหล่มองผมนิดๆ เหมือนกลัวว่าผมจะแอบมีชู้ เหอๆ


“แล้วมันมานานรึยัง”

“พึ่งมาก่อนหน้าพี่แป๊บเดียว แล้วนี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนไหม หิวรึเปล่า? ผมจะได้อุ่นกับข้าวไว้ให้”


“อืม อุ่นไว้เลยเดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน จุ๊บ” เขาเดินมาจูบที่หน้าผากผมเบาๆ แล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน ก่อนจะออกไปยังรั่วแล้วเดินเข้าบ้านตัวเอง ผมนี่ยืนค้างยิ้มหวานอยู่คนเดียว ชอบอะ!! >///< ผมเดินกลับเข้าไปในครัว เอากับข้าวที่ทำไว้เมื่อกลางวันออกมาอุ่น มีผัดเปรี้ยวหวาน กับต้มผักกาดดองหมูสามชั้น ทอดไข่เจียวกุ้งเพิ่มให้อีกอย่างรอพี่ปีกลับมากิน แอบคิดถึงภารกิจที่พี่ทศเอามาเสนอ ผมไม่ได้ออกล่านานแล้วกลัวว่าพลังมันจะเสื่อม ไม่นานพี่ปีก็กลับมาในชุดสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดธรรมดา แต่ ออร่านี่สิ ระยิบระยับแสบตาไปหมด เดินผ่านลูกค้าเข้ามาในตัวบ้านเสียงกรี๊ดก็ดังตามหลัง นี่ผมชักจะไม่ชอบความหล่อของพี่แกละ


“นั่งเลยพี่เดี๋ยวผมตักข้าวให้” ผมเดินไปตักข้าวสวยร้อนๆ พร้อมกับน้ำมาวางไว้ให้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่ปี


“แล้วไม่กินด้วยกันเหรอ?”

“ไม่ละ พี่ผมกินแล้ว นี่ก็จะออกไปช่วยงานไอ้ตาวมันแล้วปล่อยมันทำคนเดียวสงสาร” ผมจบก็เดินออกไปหน้าร้าน ลูกค้าพอมีผมเลยไปช่วยตาวมันเก็บโต๊ะ ระหว่างนั้นก็มีลูกค้าอีกสองสามรายเข้ามา ผมให้ตาวไปรับแขก เดี๋ยวผมจะเก็ยโต๊ะให้ ตาวเป็นเด็กเหนือครับ ไม่ใช่ภาคเหนือนะครับ แต่เหนือความคาดหมาย มันเหมือนเด็กซื่อบื้อๆ แต่ป่าวเลยมันนะฉลาดเป็นกรด แต่ความลาดของมันไม่ได้ช่วยให้นิสัยซุ่มซ่ามของมันลดลง ตาวมันโคตรจะเถรตรงจนบางครั้งคำพูดของมันก็เชือดเฉือนใจคนได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผม มันส่งยิ้มให้ลูกค้าสาวๆ ถ้าโดนแอ้ว หรือโดนแซวมันก็จะตอบโต้พอเป็นกระสาย


“เห็นผมติ๊มๆ แบบนั้น เบอร์สาวผมเพียบนะครับ” มันเดินมาทางผมแล้วขยิบตาให้ แหม่หมั่นไส้จริ้งงงง ผมเบะปากใส่มันแล้วเดินไปหาพี่แก้ว ให้พี่แก้วพักบ้าง

“อ่าวพี่ปี” ร่างสูงๆ เดินหล่อเข้ามาในร้าน แล้วเดินมาผมที่เคาน์เตอร์

“โต๊ะไหน เดี๋ยวเอาไปเสิร์ฟให้”

“เห้ยพี่ไม่ต้อง” รีบห้ามเขาไว้ไม่อยากทำสักเท่าไหร่ แค่นี้ก็โดนแทะทางสายจนแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว

“ทำไม กุอยากช่วย” ช่วยไปนั่งในบ้านดีๆ เถอะครับพี่

“หน้าที่ไอ้ตาวมัน ใช่ไหม?” หันไปใช้สายตาบังคับให้ไอ้ตาวมันตอบ

“ครับพี่ปี หน้าที่ผม พี่ไปนั่งในบ้านเหอะ อยู่แบบนี้พี่เพียวเขาหวง” นั่นไงครับผมบอกแล้วว่ามันเป็นตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น ไอ้สัส!! พี่ปีแม่งยกยิ้มมุมปากเหมือนจะพอใจกับคำตอบ

“มึงหวงกูเหรอ^^” แหนะยังจะมายิ้มกวนตีนให้อีก

“บ้า!! หวงเหิง อะไร แค่ไม่อยากให้เหนื่อยเฉยๆ” แล้วกุจะเสียงสูงทำม๊ายยย พี่ปีมันหัวเราะหึหึแล้วเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้าน แหนะขนาดไอ้ตาวบอกให้เข้าไปนั่งในบ้าน ยังจะมานั่งให้คนเข้ามองอีก ผมกลอกตาไปมาแล้วให้ตาวมันไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวแทน มีแอบจิกตาใส่ลูกค้าที่มองแฟนผมตาเป็นมัน เด๊ะๆ เอาตะกร้อลวกจิ้มตาแตก พี่ปีสบตากับผมแล้วยิ้มกริ่ม สงสัยจะเห็นตอนผมแอบยกตะกร้อใส่ลูกค้าแน่ๆ

“อะไร!! ”

“หึหึหึ”

“เข้าบ้านไปเลยไป” ไล่ไม่เคยได้ เพราะอย่างนั้นผมเลยทำเป็นไม่สนใจเสียงหวีดแหลมของสาวๆ ในร้าน เห้ออกลุ้ม มีแฟนหล่อแล้วกลุ้มโว้ยยยย สามโมงเราก็เริ่มเก็บร้าน ไวรัลกลับมาพอดี เลยได้ช่วยกันอีกแรง เก็บร้านไวเราก็ได้พักไวขึ้นพี่แก้วกลับบ้านทันทีที่งานทุกอย่างจบ ผมเดินไปจดของที่ต้องซื้อพรุ่งนี้เอาไว้ตอนเช้าจะได้ไม่ยุ่งมาก หลังจากนั้นก็ไปอาบเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ปีกลับบ้านตัวเองไปแล้ว ไวรัลก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไอ้ตาวกลับบ้านไปได้สักพัก ผมเลยถือโอกาสนี้นอนพัก

“อะ..อื้อ..อืมม” หลับได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักมาทับอยู่บนตัว แถมยังรู้สึกเย็นๆ ที่คอและหน้า มันสร้างความรำคาญให้ผมแต่มันไม่อาจจะชนะความง่วงของผมไปได้ หนังตามันหนักจนลืมไม่ขึ้น อยากจะสลัดความอึดอัดนี้ออกไปจริงๆ ผมพยายามจะพลิกตัวหนีสัมผัสที่น่ารำคาญแบบนี้ แต่ทว่าตัวกลับถูกตรึงเอาไว้กับที่ขือมือผมทั้งสองข้างถูกกดเอาไว้เหนือหัว แบบนี้คงต้องลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วละ ว่าใครมันบังอาจมารบกวนยักษ์เวลานอน

“ว่าไง^^”

“พี่ปี= =”

“ตื่นยากเหมือนกันนะมึง” เชาบอกยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงมาจูบผม นี่มันอะไรกัน มาอารมณ์ไหน ถึงจะงง แต่ผมไม่อาจจะปฏิเสธสัมผัสวูบวาบที่เกิดขึ้นได้ เราต่างไล่ต้อนกันไปมาจนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างมันปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนแข็งขืนของเราทั้งสองกำลังเสียดสีกันไปมา มันรู้สึกดีมากๆ มากกว่าสัมผัสของผู้หญิงที่ผมเคยได้เจอ มันออกจะตื่นเต้นนิดๆ เพราะครั้งนี้มันอาจจะเป็นครั้งของผม ที่..ทำกับผู้ชาย ร้อยกว่าปีผมผ่านผู้หญิงมาแค่คนเดียว แค่คนเดียวก็เข็ดแล้วมันเจ็บนะเวลาต้องมองเขาจากไป มือพี่ปีสอดเข้ามาใต้เสื้อตัวบางลูบไล้มันไปทั่วตัวของผม มันเสียวซ่านและรู้สึกดี

“อืมม พี่ ..อื้ออพี่”

“เพียว วันนี้ขอได้ไหม หืมม” จะมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอะไรตอนนี้ ฮรือออ ยังไม่อยากพร้อมเลย มือปลาหมึกของพี่ปีเลื่อนลงไปที่ขอบกางเกงยางยืดของผม ก่อนถอดมันออก ความเย็นแล่นเข้ามาปะทะเพียวน้อยของผมทันที พูดได้คำเดียวว่าโล่งงง

“คืออผม ไม่เคยกับผู้ชาย ผมกลัว”

“กูก็ไม่เคย แต่ไม่ต้องกลัวนะ กูศึกษามาแล้ว”

“ศึกษามาแล้ว?” = =ดูลงทุนเนอะ

“อืม นะ ความจริงวันนี้กุก็ไม่ได้กะจะทำแบบนี้หรอกแต่เห็บเหาข้างตัวมึงเยอะ ยิ่งไอ้หน้างูนั่นอีก”

“? ..พี่ทศเหรอ”

“เออ!! ”

“อะ อื้ออ พี่ อย่าทำแบบนั้น มัน อ๊า...” มือของพี่ปีเลื่อนลงไปจับแก่นกลางกายของผมและชักมันขึ้นลงเบาๆ

“ผ่อนคลายนะ ไม่ต้องกลัว”

“เปลี่ยนกันไหมพี่ นะ เดี๋ยวผมเสียบ”

“= = หยุดความคิดแบบนั้นของมึงซะเพียว” พี่ปีแทรกตัวเข้ามาตรงกลางระหว่างขาของผมเค้นมือไปทั่วหน้าอกแบนๆ ก่อนจะขยี้นิ้วลงกับตุ่มเล็กๆ บนหน้าอกของผม

“อ๊ะ..พี่ปี”

           การถูกเขาปรนเปรอทั้งบนทั้งล่างทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่โอนอ่อนไปตามทางของเขานอนให้เขาทำตามอำเภอใจ ตาปรือลอบเหมือนคนไร้สติ พี่ปีขบเม้มไปทั่วหน้าอกผม หยอกล้อกับตุ่มแข็งๆ ด้วยลิ้นของเขา มันเสียวสะท้านไปทั้งตัว ทำได้แต่เพียงส่งเสียงครางเบาๆ พร้อมกับเรียกชื่อของเขา ตอนนี้อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิดแล้วละ

“อย่าเกร็งนะมึง” ไอ้คำว่าอย่าเกร็งของพี่แม่งไม่ได้ให้ผมเตรียม ใจสักนิด ไม่รู้ว่าพี่ปีเอาขวดเจลมาจากไหนเขาบีบใส่มือแล้วป้ายลงบนช่องทางด้านหลังของผม มันเย็นวูบๆ ขาผมกระตุกนิดๆ เพราะตกใจ และหลังจากนั้น คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ

จุกฉิบหาย!!!!!!! ขยับหนีนิ้วที่บรรจงสอดเข้ามาในตัวผมแต่ก็โดนพี่มันล็อกเอวไว้พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ใส่ผม

“นิ่งๆ แล้วผ่อนลมหายใจสิเพียว ไม่อย่างนั้นมึงจะเจ็บนะ” มันไม่ใช่คำขู่แต่เป็นคำแนะนำที่แมร่งโคตรจะน่าหวาดเสียว เมื่อพี่แกเล่นยัดเพิ่มมาอีกสองนิ้ว นี่ขนาดจ้อนของพี่มันใหญ่ขนาดไหนกันวะ ผมอึดอัดรู้สึกเหมือนหายใจไม่คล่องแต่บางครั้งมันก็รู้สึกเสียวจี๊ดๆ ที่ปลายหัวรวมถึงท้องน้อย ผมกัดฟันแน่นพยายามจะไม่สนใจว่าอะไรมันยัดอยู่ในก้นผม ใจสั่นสุดๆ พี่ปีทำอยู่อย่างนั้นสักพัก จนกระทั่งมันไปโดนจุดอะไรสักอย่างในตัวผม

“อ๊า...อื้อออออ” ผมครางลั่นด้วยความเสียสุดๆ เหมือนพี่ปีมันจะรู้แล้วว่าจุดไหนคือจุดเสียวพี่แก่เล่นกระแทกย้ำๆ จนผมปลดปล่อยออกมาเลอะหน้าท้องตัวเองไปหมด นอนเป็นหมาหอบแดดให้เขาเล่น

“เสียวละสิ”

“อื้ออ ลองบ้างไหมล่ะ”

“หึหึ ยังมีที่เสียวมากกว่านี้อีกนะ”

“อื้อออออ ไอ้พี่ปี” ใช่ครับไอ้ที่บอกว่าเสียวมากกว่านี้คือการยัดไอ้ดุ้นใหญ่ของพี่มันเขามาแบบไม่บอกผม พรวดเดียวแมร่งโคตรจะเจ็บ อารมณ์อย่างว่าแทบกระเจิง ยังดีที่พี่มันแช่เอาไว้รอให้ผมพอปรับตัว ด้านในผมตอดของเขาตุบๆ พี่มันทำหน้าเบี้ยวๆ แล้วร้องซีดออกมา

“เพียวอย่าตอดแรงกูเจ็บ..อื้อออใจเย็น เดี๋ยวได้เสียวแล้ว” พึ่งรู้นะครับว่าคนหล่อมาดนิ่งเวลาแมร่งหื่นคำพูดคำจามันจะด้านได้ขนาดนี้

“อื้ออ พี่ขยับเถอะผมอึดอัด อ๊ะ”

ตับ..ตับ.ตับๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

โอ๊ยมีใครเคยบอกพี่มันไหมว่าขยับไม่ได้ให้ใส่มาแรงมาเต็มขนาดนี้ พี่แกเล่นใส่เกียซอยผมถี่ๆ จนตัวโยกเตียงสะเทือน

“อื้อ พี่เบาก่อน อ๊าพี่ปีเบาพี่เบา นี่เมียไม่ใช่ตุ๊กตายาง พี่” กรีดร้องออกมาเสียงโหยหวน ไอ้เสียวมันก็เสียวอยู่หรอกแต่ แบบนี้ ผมหายใจไม่ทัน

“หึหึหึ” โอ้ยจะมาขำขันอะไรตอนนี้เมียจะตายแล้วT^T

ปึกๆ ๆ ๆ

“ซีดด เพียวว กูไม่คิดว่าทำกับผู้ชายมันจะดีแบบนี้” พี่มันก้มลงมาบดจูบผมอีกครั้ง กวาดลิ้นไปทั่วโพลงปากของกันและกัน ไม่นานพี่มันก็จับผมพลิกคว่ำลงกับที่นอนยกก้นผมขึ้นสูงแล้วสอดตัวตนของเขาเข้ามาอีกรอบ ครั้งนี้ไม่จุกแล้วครับมันจะเสียวๆ หน่อย ผมครางอื้ออกมาสองมือจิกลงบนที่นอนระบายความเสียว พี่ปีแรงดีไม่มีตก เขาครางเสียงต่ำเชิดหน้าขึ้นมองเพดานแล้วเรียกชื่อของผม

“เพียว...ฮึ่มมม..เพียว ครางให้กูฟังหน่อย”

“อื้อ พี่ อ๊ะพี่ เร็วอีกได้ไหมมันมาแล้ว” ครางตามที่เขาสั่งพร้อมกับมองเขาตาเยิ้ม ผมจะไม่ไหวแล้ว เอื้อมมือไปจับของตัวเองแล้วขยับตามจังหวะของพี่ปี

“พร้อมกันได้ไหมรอกูอีกนิด” คำขอของเขามันยากมากที่จะทำแต่ผมจะลอง

“อ๊า อื้ออ พี่ อื้ออออออ เร็วผมจะไม่ไหวแล้ว”

ตับๆ ๆ ๆ ๆ

“ซี๊ดดด อ่าห์ เพียว แมร่งโคตรเสียวเลย อีกนิด นะ อีกนิด อื้อออออ”

“อ๊า...อื้อออออ พี่” ในที่สุดเราเสร็จ ปลดปล่อยลูกนับล้านๆ ตัวออกมา ผมรู้สึกได้ถึงแรงฉีดอุ่นๆ ด้านในมันพุ่งแรงมาก *0*

“เชี้ย...พี่ปีมึงปล่อยในเหรอวะ!!! ”

“อ่าว! เออโทษทีกูลืม ^^” โอ้ยยยดีนะผมเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ไม่อย่างนั้นนะเป็นเรื่องพ่อผมโหดมากขอบอกไว้เลย

“ = = “

“กูหวังว่ากลิ่นกับรอยของกูในตัวมึงจะไล่พวกแมลงน่าลำคานอย่างไอ้หน้างูนั่นได้นะ หึๆ” พี่มันยิ้มแบบคนโรคจิตใส่ เห็นแล้วทำไมรู้สึกขนลุกก็ไม่รู้

+++++++++++++++++++++++++++++

เค้าได้กันแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ ได้เพราะความหึงของไอ้พี่ปีล้วนๆ

ตอนนี้ไม่ขอไรมากขอเม้นอย่างเดียว คึคึคึ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 20 17/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-12-2017 09:41:52
ในที่สุด ย ยักษ์ก็เสร็จพี่ปีจนได้ :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26 /12/60
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 26-12-2017 11:07:52














อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 21

ผมตื่นมาในตอนเช้าของอีกวันโดยที่มีคนนอนอยู่ข้างๆ คนตัวสูงหน้านิ่งๆ นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอน ผมค่อยๆ ย่องลงจากที่เตียงแสนนุ่มและอบอุ่นความจริงไม่ได้อยากจะออกจากอ้อมแขนของพี่ปีสักเท่าไหร่ แต่หน้าที่มันค้ำคออยู่ ผมเดิน เข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อออกไปตลาดตอนเช้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน จัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าให้เบาที่สุดกลัวพี่ปีตื่นขึ้นมาเสียก่อน ผมเดินออกจากประตูมาโผล่ที่ตลาดอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวันอย่างรวดเร็วทันใจ เดินซื้อตามรายการที่ลิสไว้ทั้งหมดและกลับบ้านก่อนเจ็ดโมง แวะซื้อโจ๊กให้สองหน่อที่นอนรออยู่ที่บ้านพร้อมกับปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้

แกรกกก เปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเงียบงัน ไฟบ้านยังไม่ได้เปิดสักดวง

“สงสัยยังไม่ตื่น” กลับมาแล้วบ้านมันเงียบเชียบ ผมเอาของสดที่ซื้อมาแยกไว้ให้พี่แก้วที่ร้าน ส่วนโจ๊กเอากลับเข้ามาในห้องครัวในบ้าน กำลังจะจัดจานก็ต้องสะดุ้ง สุดแรง

“กลับมาแล้วเหรอเพียว” พี่ปีครับเดินหัวยุ่งลงมาจากชั้นบน พอมาถึงก็คว้าผมเข้าไปจูบหนักๆ ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ฝืนอะไร ปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ เมื่อพอใจก็ผละออก

“หิวรึยัง?” ผมถามพร้อมกับยิ้มหวานๆ ให้เขา

“ยัง แต่กูขอกาแฟสักถ้วยสิเพียว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำแล้วจะได้กลับมากินข้าวพร้อมกัน” พี่ปีบอกแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะรอผมชงกาแฟมาให้ กาแฟดำน้ำตาลหนึ่งช้อนส่งกลิ่นหอม ชงเสร็จก็ เอาไปวางไว้ให้ตรงหน้า เขาจ้องหน้าผม เหมือนมีเรื่องจะถาม ดูจากสีหน้าเขาดูจะกังวลนิดๆ

“มีอะไรหรือเปล่าพี่”

“เอ่อ คือเมื่อคืน..มึง ตรงนั้น เป็นยังไงบ้าง” เขาชี้ไปที่ก้นของผม อ่า คือมันก็ปรกติดี เป็นพรสวรรค์ของยักษ์ละมั้งถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายได้รับบาดเจ็บ มันจะรักษาตัวเองในทันที ดังนั้นผมเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือติดขัดอะไรกับตรงนั้น แต่ถ้าเป็นมนุษย์มันก็คงจะต้องเจ็บบ้างใช่ไหมล่ะ เพราะขนาดของพี่ปีมันไม่ใช่เล็กๆ เลย ผมมองหน้าเขา แล้วยิ้มออกมา

“ก็เจ็บนิดหน่อย พอทนได้ แล้วพี่ถามทำไมเหรอ?” ผมก็พาลซื่อถามเรื่องเรื่องน่าอายแบบนั้นออกไป

“ก็เป็นห่วง เห็นว่าต้องไปตลาดแต่เช้า” เขายกกาแฟขึ้นจิบผมแอบเห็นมือพี่มันสั่นนิดๆ ด้วยคงจะกลัวผมเจ็บ

“อ่อ แฮะๆ” ยิ้มเขินๆ พอได้ยินเขาบอกว่าเป็นห่วง

“เออว่าแต่เมื่อเช้าไปตลาดยังไงกู ตื่นมาตอนหกโมงยังเห็นรถจอดอยู่เลย” ชิบหายละ ผมลืมคิดไปเลย

“อะ เอ่อ ผมไปแท็กซี่นะ ขี่เกียจขับรถ” แถจนสีข้างถลอก ยังไงซะความลับยังต้องเป็นความลับต่อไปจะให้ใครรรู้ไม่ได้

“อืม เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกัน มึงเองก็ไปนอนพักก่อนก็ได้ร้านเปิดสิบโมงไม่ใช่เหรอ” ครับร้านเปิดสิบโมงแต่เริ่มตั้งหม้อตอนแปดโมง ผมให้กุนแจร้านไว้กับพี่แก้วดอกหนึ่งเผื่อผมไม่ได้ออกมาเปิดร้านให้ เทโจ๊กใส่ถ้วยให้ พี่ปีกับไวรัล ที่อีกสักประเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้วเทของตัวเองใส่ชาม ตอกไข่ดิบลงไปอีกสองฟอง ก่อนจะเอาเข้าไปอุ่นในไมโคเวฟ เตรียมทั้งน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้กับคุณสามี รู้สึกเหมือนตัวเองทำหน้าที่เมียที่ดียังไงก็ไม่รู้ อร๊ายย พูดแล้วก็เขิน กินเสร็จก็โดนไล่ให้ไปนอน นี่พี่ปีคงเห็นหนังตาผมที่มันคอยจะปิดทุกสองนาทีแล้วคงทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากไล่ให้ไปนอน ดูสิได้กันไม่ทันข้ามวัน ก็เบ่งอำนาจใส่เมียซะแล้ว

ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอีกรอบเพราะเดินตลาดสดมันมีแต่กลิ่นอาหารและฝุ่นควัน ก่อนจะล้มตัวนอน แต่ไม่คิดว่าจะหลับลึกรู้ตัวอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมง พี่ปีโทรเข้ามาสามสาย ผมรีบกดรับ

“ (ทำอะไรอยู่วะ!! ไม่รับสาย) ” น้ำเสียงเขาดูหงุดหงิด

“ผมหลับพี่ พึ่งจะตื่นนี่แหละ” หรอกเสียงตอบเขาไป แต่รู้สึกว่ามันจะแหบนิดๆ

“ (ไม่สบายรึเปล่า?) ” น้ำเสียงดูอ่อนลงพอได้ยินผมบอกว่าหลับ นี่คงกังวลเรื่องเมื่อคืนอยู่สิท่า

“เปล่าพี่ ผมแค่ง่วงเฉยๆ แล้วพี่อยู่ไหน”

“ (บริษัท วันนี้คงกลับบ้านช้าหน่อยมีนัดกับลูกค้า ไม่ต้องรอกินข้าวนะ) ” พอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านช้าผมก็ใจแป้วๆ

“อ่อ อื้อ”

“ (กูจะรีบกลับ หึหึ) ” พูดจบเขาก็วางสายไปเลย ผมนอนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่บนที่นอน แค่พี่ปีบอกว่าจะรีบกลับทำไมผมต้องยิ้มเหมือนดีใจขนาดนั้นด้วย เหอๆ มองเห็นความแรดของตัวเองลางๆละ ลุกจากที่นอนไปล้างหน้าไล่ความง่วงแล้วรีบลงไปที่ร้าน ลูกค้าเต็มร้านแล้ว ไวรัลกับตาวเดินเสริๆ มือเป็นระวิง พี่แก้วยิ่งแล้วใหญ่ ผมรีบเดินเข้าไปช่วยเก็บโต๊ะเพราะมีลูกค้ามายืนรอนั่งอยู่

“เชิญนั่งครับคุณลูกค้า” ผมรีบเก็บโต๊ะแล้วเชิญลูกค้านั่ง เดินเอาชามไปเก็บแล้วกลับมารับออเดอร์กับลูกค้า

“รับอะไรดีครับ^^”

“เอาเส้นใหญ่โฟต้มยำ”

“ไซ้ยักษ์ไซ้คนครับ”

“ไซ้ยักษ์ค่ะ”

“ยักย์นะครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า” ผมรับคำแล้วเอาบิลไปให้พี่แก้วทำยิ่งใกล้เที่ยงลูกค้ายิ่งเยอะ เอาน้ำใบเตยเย็นๆ ไปเสริฟให้ก่อนจะเดินไปรับออเดอร์โต๊ะอื่น

“พี่เพียว เดี๋ยวผมจะไปเรียนแล้วนะ” เสียงของไวรัลดังขึ้นผมหันไปมองก็พยักหน้า

“ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนเถอะ ที่เหลือพี่กับไอ้ตาวทำเอง”

“ครับๆ” มันวางชามก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินออกไปทางด้านหลัง

“เออ ตาวมึงโทรไปสั่งน้ำแข็งกับน้ำอัดลมร้านลุงวิทให้หน่อยสิ มันจะหมดแล้ว” ผมหันไปสั่งไอ้ตาวมันพยักหน้าแล้วเดินไปหลังร้าน

วันนี้ขายดีจนของที่ซื้อมาหมดก่อนเวลา พวกเราเลยได้เก็บร้านไว ผมเอาบิลทั้งหมดไปทำบัญชีในบ้านไอ้ตาวมันก็กลับไปแล้วเหลือพี่แก้วที่กำลังเก็บของ ผมเลยเรียกพี่แกไว้ก่อน

“พี่แก้วนมไอ้ตัวเล็กหมดรึยังครับ?”

“ก็กินได้อีกสามสี่วันจ้ะ ทำไมเหรอจ๊ะ”

“นี่ครับผมฝากพี่ซื้อผมไปฝากไอ้ตัวเล็กให้ผมด้วยนะ^^” ผมรู้ว่าพี่แก้วต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูก และที่สำคัญพี่แก้วเป็นคนขี้เกรงใจ พี่เขาจะไม่รับเงินง่ายๆ แน่

“เอ่อ น้องเพียว พี่ว่า”

“พี่แก้วเพียวฝากเงินนี่ซื้อนมให้น้องไม่ได้ให้พี่แก้ว รับไปเถอะครับตัวเล็กจะได้มีนมกิน” พี่แก้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรับเงินนั่นไป

“ขอบใจนะน้องเพียว”

“ไม่เป็นไรครับ พี่แก้วรีบกลับเถอะลูกรอนานแล้ว” จากนั้นพี่แก้วก็กลับไปผมเลยนั่งทำบัญชียาวๆ คิดอยู่ว่าจะซื้อเพิ่มมากกว่าเดิมดีไหม แต่ไม่ดีกว่า ผมกลัวของเหลือแล้วมันจะไม่สดและไม่อร่อย พอทำบัญชีร้านเรียบร้อยก็เดินออกมาเช็กของที่ต้องซื้ออีกรอบ พอเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเอาเงินไปฝาก

Rrrrrrr (พี่ทศ) พอเห็นเบอร์ว่าใครโทรมาผมรีบกดรับ

“ (ว่าไงเรา ว่างไหม)

“ว่างแล้วพี่”

“ (พรุ่งนี้ เราจะออกล่า) ” ง่ายๆ สั้นๆ

“ครับ?”

“ (เตรียมตัวด้วย ดึกๆ พี่จะไปรับ) ” ติ๊ด...

“เห้ยพี่ อะไรวะไม่ให้เตรียมตัวเลย แล้วกูจะบอกไปอ้พี่ปีมันว่าอะไรวะวู้” หัวเสียกับความมาไวไปไวของพี่ทศ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ คือผมจะหาข้ออ้างอะไรกับพี่ปีกับการออกไปข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ วะเนี้ยะ โอ้ยยยย น้ออ

ห้าโมงไวรัลก็กลับมาจากมหาวิทยาลัย วันนี้มันมีสารถีมาส่ง ไอ้เขื่อนครับพักนี้รู้สึกว่ามันจะมาบ้านผมบ่อยเกินไปแล้วต่างกับเพื่อผมอีกคน ไอ้นั่นโดนลากลงน้ำตลอด จนไม่มีเวลามาหาผม ชะตาชีวิตมันเป็นแบบนั้นผมไม่อาจจะฝืนมันได้ ไอ้เขื่อนเดินถือกระเป๋าของไวรัลเข้ามามันยักคิ้วใส่ผม

“มาทำอะไรบ่อยๆ วะ” ผมแกล้งหยอกมันเล่น

“มาหาข้าวฟรีกิน” ดู๊ ดูมันตอบ แมร่งทำยังกับบ้านผมเป็นโรงทานใครจะมาแดกข้าวฟรียังไงก็ได้ไรงี้หรอ

“ไม่ย้ายมาอยู่กับกูซะที่นี่เลยละแหม่” ผมประชด มันกลับยิ้มทะเล้นใส่เดินมาจับมือผม ทำตาเป็นประกาบวิบวับ ผมรีบสะบัดมือออก

“ได้เหรอ ถ้าได้กูจะได้ขนเสื้อผ้ามาเลย”

“พูดจริง?” ผมย้อนถามมัน

“ถ้ามึงจริงกูก็จริงอะ” สัส!!

“กูประชดเว้ย!”

“โด่วววว ไม่แน่จริงนี่หว่า ไหนว่ารักเพื่อน”

“แต่กุรักผัวมากกว่าเว้ย” เดินเข้าไปกระซิบเสียงเย็นๆ ข้างๆ หูมันแล้วหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ ไอ้เขื่อนมันทำหน้าตกใจก่อนจะด่าผมเสียงดังว่าแรด เออ กูยอมรับว่ากูแรด แต่กูพึ่งจะมาแรดตอนมีผัวอะนะ คึคึคึ

ยืนคุยกับมันจนลืมไปว่าเด็กน้อยของมันเดินหายไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้เขื่อนมันเดินกลับไปนั่งที่ห้องนั่นเล่นส่วนผมเดินเข้าครัวหาทำกับข้าวให้พวกมันรวมถึงพี่ปีคนหล่อของผมด้วย กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง ก็มีไก่ผัดขิง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดเผ็ดหมูสามชั้น ไวรัลมันขอไข่เจียวหมูสับด้วยอีกอย่างผมก็ทำให้ไม่ขัด เด็กกำลังกินกำลังนอน นี่ว่าจะซื้อซุปไก่ไว้บำรุงสมองมันด้วย ผมตักแบ่งกับข้าวเอาไว้ให้พี่ปีใส่ตู้กับข้าวเอาไว้แล้วเดินไปเรียกสองคนนั้นมา ไวรัลหน้าบึ้งๆ สงสัยไอ้เขื่อนคงไปแกล้งอะไรมันอีกแน่ๆ เลย

“มึงแกล้งมันเหรอเขื่อน” ผมถามพร้อมกับตักข้าวไปด้วย

“ป่าวนิ” มันตอบยิ้มๆ

“ตอแหล!!”

“-*- ไวรัล พูดให้มันดีๆ หน่อยไอ้เขื่อนมันโตกว่ามึงนะ”

“ขอโทษครับ” ไวมันยกมือไหว้ขอโทษไอ้เขื่อนกับผม หลังจากนั้นพวกเราก็จัดการกับอาหาตรงหน้าจนราบคาบนี่ถ้าไอ้ภูมาด้วยก็ไม่รู้ว่าจะพอกระเพาะมันหรือเปล่า กินเสร็จไอ้เขื่อนก็อาสาล้างจานให้ผมกับไวรัลเลยเดินมานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น

“พี่ดูยังเรื่องนี้อะ?” มันชูแผ่นหนังเรื่องไพเรทออฟอคาริเบี้ยนภาคล่าสุดมาให้ดู

“ยังเลย เปิดๆ เลยมึง” หันไปมองไอ้เขื่อนที่กำลังยืนหันหลังล้างจานอยู่ในครัวแล้วหันกลับมามองไอ้เด็กที่กำลังเปิดแผ่นหนังอยู่

“ไว กูถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่า?”

“มึงชอบไอ้เขื่อนมันบ้างป่าววะ”

“....”

“ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกับมันก็อย่าไปให้ความหวังมันนะเว้ย เห็นมากวนตีนแบบนี้ ไอ้เขื่อนมันเป็นคนที่จริงจังในเรื่องครอบครัวเรื่องความรักมากนะเว้ย” ผมพูดเตือน

“....”

“....”

“ผมแค่ยังไม่มั่นใจ...ว่าผมชอบผู้ชายรึเปล่า...กับพี่เขื่อนผมรู้สึกดีกับเขามากๆ รู้สึกดีจนไม่รู้ว่ามันแค่ความรู้สึกหรือความรักกันแน่พี่เพียว” น้ำเสียงที่ฟังดูท่าทางลำบากใจกับแววตาสับสนของมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ บางที่ ไวรัลมันคงต้องใช้เวลา มันยังเด็ก ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ยืนล้างจานเงียบๆ แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ไอ้เขื่อนถ้ามันมั่นใจ หรือต้องการอะไรแล้วมันจะทำให้ถึงที่สุด มันเป็นคนรักเดียวใจเดียวและมั่นคงมาก อย่างแฟนของมันคนล่าสุดเห็นว่าคบกันมาตั้งเจ็ดปี สุดท้ายก็เลิกกันเพราะว่าอดทนเรื่องความจนของไอ้เขื่อนมันไม่ไหวเลยตีตัวออกห่าง

“แต่ไอ้เขื่อนมันคงไม่ได้สับสนแบบมึง กูว่ามึงรีบทำให้ตัวเองรู้ใจตัวเองไวๆ เถอะ ก่อนที่เพื่อนกูมันจะหมดใจเสียก่อน ถึงเวลานั้นมึงนั่นแหละที่จะเสียใจ”

“ครับ..” ยิ่งพูดสีหน้ามันยิ่งสลดลงไปอีก สักพักไอ้เขื่อนก็เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เด็กของมัน

“เป็นอะไร ทำหน้าเศร้าแบบนั้นทำไมครับหืมม” ไอ้เขื่อนมันใช้เสียงสองที่ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุก

“พี่เขื่อนน ..นั่งนิ่งๆ สิ”

“ก็นิ่งแล้วนี่ไง หนูนั่นแหละอย่ายุกยิกสิ” -*-มันกระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ผมขี้เกียจฟังเลยหันมาสนใจหนังต่อ ดูได้แปปเดียวพี่ปีก็กลับมา เขาตรงมายังบ้านของผมทันที เดินหน้ายุ่งเข้ามาเชียว ผมรีบเดินไปหา พี่ปีคว้าตัวผมแล้วลากไปในครัว

“อื้อออ พี่” เขาบดจูบลงมาด้วยความเร่าร้อนและหิวกระหาย ลิ้นของเราเกี่ยวกระกวัดกันไปมา พี่ปีเอาแต่ใจกับผมมากๆ กว่าจะผละออกได้เล่นเอาขาผมอ่อนไปหมด

“พี่ปี เป็นอะไรเนี้ยะ” ผมเอ็ดเขาเบาๆ พร้อมกับจับใบหน้าหล่อๆ นั่นเอาไว้ก่อนที่มันจะเกินเลยไปมากกว่านี้

“ปล่าวนี่ ^^” ยิ้มตอแหลแบบนี้มีอะไรชัวเลย

“งานที่บริษัทมีปัญหาเหรอ?”

“ก็ มีบ้างนิดหน่อย ว่าแต่เพื่อนมึงมานานรึยัง” เขาพยายามเลี่ยงคำถามของผม ผมเลยใช้สายตาบังคับให้เขาพูดแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เขาเดินไปตักข้าวใส่จานผมเลยต้องเดินไปอุ่นอาหารให้เขา พี่ปีกินข้าวไปเงียบๆ จนหมดจาน แล้วดื่มน้ำตาม

“คืนนี้พี่จะนอนไหน บ้านผม หรือบ้านพี่”

“บ้านกู มึงไปเตรียมเสื้อผ้ามาไป จะได้กลับเลย”

“แต่เพื่อนผมยังอยู่”

“ช่างมันสิ มึงเป็นเมียมันรึไง? ไปเตรียมตัวเดี๋ยวสองคนนี้กูจัดการเอง” เขาไล่ให้ผมไปเก็บเสื้อผ้า จำใจต้องเดินขึ้นไปด้านบนไปเอาเสื้อผ้า

+++++++++++++++++++++++

(ปีมงคล)

ผมไล่ไอ้เตี้ยมันขึ้นไปจัดเสื้อผ้าเพื่อไปค้างบ้านผม ความจริงจะให้มันอาบน้ำจากที่นี่ไปเลยก็ได้แต่ วันนี้ผมอยากอาบน้ำพร้อมมัน วันนี้ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย หลักฐานบางอย่างที่สำคัญของผมหายไปข้อมูลในแฟรชไดร์ที่ภูผาให้ผมมันหายไป เหมือนโดนลบไฟล์ทั้งหมดในนั้น ผมเอาแฟรชไดร์ใส่ไว้ในลิ้นชักซ่อนไว้อย่างดี ในช่องลับ หลักฐานชิ้นเดียวที่ผมมีมันหายไปแล้ว คนชั่วมันเลยยังลอยนวลอยู่ ผมเดินไปหาสองคนนั้น

“ไวรัล เขื่อน” ผมเรียก

“อ่า..คุณปี กลับมาแล้วเหรอครับ^^”

“อืม...พวกคุณอยู่บ้านกันสองคนได้ใช่ไหม”

“ครับ แหม่ห่างกันไม่ได้เลยนะครับเดี๋ยวนี้ เมื่อก่อนละเห็นกัดกันจะตาย” ไวรัลมันแซวผมเลยส่งสายตาดุๆ ไปให้ มันหาได้กลัวผมสักนิดกลับกันมันกลับหัวเราะผมเสียงดังลั่น จนเขื่อนต้องปรามเอาไว้ ผมรอได้สักพักเพียวมันก็หอบเสื้อลงมาพร้อมกับเครื่องประทินผิวของมันอีกสองสามขวด ผมยื่นมือไปรับของในมือ มันส่งยิ้มหวานๆ มาให้เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ผมไม่อยากให้มันเครียดเรื่องของผมไปด้วย

“ปะพี่ อ่อ ไอ้เขื่อนมึงจะค้างที่นี่เลยรึเปล่า”

“อืม ทำไม?”

“เปล่า ถ้างั้นมึงปิดบ้านให้กูด้วยเดี๋ยวเช้ากูจะมาปลุก” เพียวมันหันไปสั่งเพื่อนของตัวเองแล้วเดินจูงผมออกจากบ้าน

“อ้าวน้องปี!!” เสียงแหลมๆ แสบแก้วหูดังมาจากรั้วข้างบ้าน ผมกับเพียงมันชะงักไปนิด

“-*-ยัยมนุษย์ป้านี่อีกแล้ว” ผมบ่นออกมาเบาๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ

“ป้าอร สวัดดีครับ เพียวไปก่อนนะครับพอดีมีธุระ” เพียวมันยิ้มแล้วยกมือไหว้ มันมีมารยาทครับ ผมก็มีแต่ไม่ใช่กับยัยมนุษย์ป้ามหาภัยจอมขี้เสือกแบบนี้ เพียวกับผมไม่ได้หยุดเดินรอให้มนุษย์ป้าได้เอ่ยทักอะไรอีก แต่ดูเหมือนป้าแกจะไม่เข้าใจ ปกรีบกระโจนออกมาจากรั้วบ้านของแกแล้วเดินมาขวางทางผมเอาไว้

“ธุระอะไรดึกๆ ดื่นค่ะคุณน้องให้ป้าไปเป็นเพื่อนไหม^-^” - -*

“= = ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีมันเป็นธุระของผมสองคน” ไอ้เพียวมันลากผมให้เดินไวขึ้น

“ธุระที่ไหนละคะ” ขนาดเดินเลี่ยงยังจะอุตส่าห์มาดักทางอีกผมชักจะหมดความอดทนกับความสอดรู้สอดเห็นของยัยป้านี่เต็มทน เพียวมันเห็นหน้าผมแล้วรีบลากผมเข้าบ้าน ผมสะบัดแขนออกแล้วหันกลับไปประจันหน้ากับยัยป้าผีบ้านี่

“ธุระบนเตียงครับป้าอร ผมจะเอากับเมียป้าจะตามไปดูด้วยไหมครับ ผมจะได้เปิดประตูบ้านรอ”

“*0* นะ นี่ น้องปี เอ่อมะ..เมีย” ถึงกลับไปไม่เป็น ป้าอรแกชี้นิ้วไปที่ไอ้เพียวแล้วชี้มาที่ผม หึหึหึ ผมยกยิ้มนิดๆ แล้วก้มลงจูบไอ้เพียวต่อหน้าป้าอรซะเลย ขี้เสือกดีนัก

“พี่..*0*..ทำอะไร อายป้าเค้า” ไอ้เพียวมันตีแขนผมแรงๆ แก้มมันขึ้นริ้วแดงๆ ด้วยความเขิน เห็นแล้วอยากจะขย่ำมันซะตรงนี้ คนอะไรเขินแล้วน่ารักเหี้ยๆ ผมพยายามเก็บสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยากให้ใครเห็น

“เข้าใจนะครับ ว่าไม่เสือก!” มันอานจะฟังแล้วดูแรงไป แต่กับผ็หญิงคนนี้ผมขอเป็นข้อยกเว้นครับ

“พี่ปี!!! ป้าอรครับพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบมันก็ลากผมเข้าบ้านทันที ผมแอบหันหลังไปแสยะยิ้มร้ายๆ ใส่ พอเข้ามาในบ้านมันก็ดุผมหาว่าผมเลี้ยงหมาไว้ในปาก ไม่มีสัมมาคารวะ โถไอ้เตี้ย ทำมาเป็นพูดดีวันก่อนผมยังแอบได้ยินมันด่าป้าอรลับหลังอยู่เลย ไม่อยากเถียงมันแล้วครับไล่ให้ขึ้นห้องผมจะล็อกบ้าน แล้ว อยากมีความเป็นส่วนตัว!!!

กลับขึ้นห้องก็เห็นว่าไอ้เตี้ยมันกำลังจะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอยู่พอดี ผมเลยอาสาช่วยมันถอด แต่ไม่รู้ถอดกันอีท่าไหน มันดันไปจบลงบนเตียง หึหึหึ ยอมรับเลยครับว่ากับผู้ชายครั้งแรกมันจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้พอครั้งที่สองมันยิ่งดีมากขึ้นไปอีก อยากจะทำมันกับมันนานๆ แต่มันดันหลับคาอกผมไปเสียก่อน น้ำเลยไม่ได้อาบกันทั้งคู่ จัดท่าให้มันนอนดีๆ ผมชอบมองมันตอนมันหลับ วงหน้าหวานๆ กับขนตางอนสวย ปากบางอมชมพูน่าจูบคิ้วมันก็สวย จมูกมันก็สวย ยิ่งตาของมันยิ่งสวยใหญ่ มองมันจนอิ่ม แล้วเดินเก็บเศษซากอารยธรรมที่ บนพื้นขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปเอางานที่ค้างอยู่ขึ้นมาทำ

ตีสาม

“อะ อื้อออ ห้าวววว” เสียงหวานๆ ของมันดังขึ้นมาตอนตีสาม ผมยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหันมาเห็นมันนั่งบิดขี้เกียจเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ มันหันมามองผมแล้วส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ชอบนะครับเวลามันยิ้มแบบนี้

“เป็นไงบ้าง” ผมหมายถึงตรงนั้น แต่มันกลับคิดไปอีกแบบ หึหึน่ารักจริงๆ

“-///- ก็ดี ..”

“แค่นั้น? เห็นร้องซะดัง นึกว่าจะชอบ” แอบแซะให้มันเขินเล่นๆ ยิ่งเวลาหน้ามันเหวอๆ อายแล้วโคตรตลก

“อะ อื้ออ กะ ก็ชอบ>///<” เห็นไหมครับว่ามันน่ารักขนาดไหน ไอ้เตี้ยมันค่อยๆ คลานลงจากที่นอน ท่าทางมันไม่ได้ง่อยเหมือนใครๆ ที่พูดไว้สักนิดเวลาโอนเอาหนักๆ ร่างกายมันอ่อนแรง เดินไมไหว หรือว่ามันเป็นประเภทผู้ชายอีดถึกทน มันม้วนตัวกำบผ้าห่มจนเป็นหนอนแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องไป คงจะไปจัดการตัวเองนั่นแหละมั้ง สักพักมันก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเดินอายๆ มาทางผมก่อนจะก้มลงหอมแก้ม หน้าหวานๆ ของมันขึ้นริ้วแดงทั้งสองข้าง

“หึหึ ที่หอมนี่หมายความว่ายังไง?”

“ก็แค่อยากหอม” มันยิ้มจนตาเป็นสระอิ ยิ้มมันดูแปลกๆ นะครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“เหรอ?” ผมถามเสียงนิ่งๆ แล้งจ้องไปที่ตาของมัน หึ นั่นไงครับ สายตาหลุกหลิกแบบนี้ มีพิรุทชัดๆ

“กะ...ก็ มีเรื่องจะขอ” ว่าแล้ว!!

“พูดมาสิ”

“พรุ่งนี้ขอไปเที่ยวกับเพื่อนได้ปะ สัญญาว่าจะกลับไม่ดึก”มันส่ง ยิ้มอ้อนๆ มาให้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันมีเพื่อนที่ไหนนอกจากไอ้สองคนนั้น

“เพื่อนคนไหน เขื่อน? ภูผา?”

“ปะ ..ป่าวเพื่อนที่สนิทกันเมื่อสมัยมอปลาย” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด ผมไม่เชื่อหรอกถ้ามันแสดงอาการเหงื่อตกมือสั่นแบบนี้ แมร่งไปกับไอ้หน้างูเห่านั่นชัว!!

“แน่ใจ?”

“อะ..อื้อออ”

“งั้นกูไปด้วย ^ ^”

“เห้ย พี่ไม่ต้อง!! ..คือผมไปแบบเพื่อนสมัยเรียน นัดกันไปเป็นกลุ่มเลย พี่ไปด้วยพวกมันจะอึดอัดเอา” รีบพูดซะจนลิ้นจะพันกันแบบนี้ ต้องใช่แน่ๆ

“ไม่ใช่ว่าเพื่อนสมัยมอปลายมึงนี่ชื่อ ทศลักษณ์ เหรอ”

“T^T (เสือกรู้อีก) ไม่ใช่”

“ก็ดีงั้นกูยิ่งสมควรไปด้วย หึหึหึ”

“ม่ายเอา....พี่ปีอ๊า...” มันลากเสียงยาวจนน่าถีบให้ตกเก้าอี้

“ก็บอกมาสิว่าไปกับใคร!!”

“จะเสียงดังทำไมเล่า!!”

“ก็บอกมาสิวะ โกหกกันอยู่ได้ มึงนะอ้าปากมากูก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่”

“รู้ได้ไง ไหนๆ ลองบอกมาดีว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่” มันทำหน้าท้าทาย -*-

“อย่ามากวนตีนเพียว จะบอกไม่บอกว่าจะไปกับใคร?”

“= =คนบ้าอะไรรู้ไปหมดทุกอย่าง เออ!! บอกก็ได้ ไปช่วยงานพี่ทศที่ร้านวันหนึ่งคนเค้าขาดแล้วเค้าก็ไม่มีใครที่ไว้ใจได้เลย เค้าเลยขอให้ผมช่วย แค่นี้ จะถามอะไรอีกไหม หึ-3-” มันทำหน้างอใส่ผมแล้วสารภาพออกมาจนหมด ให้ตายสิ นี่มันไปแอบติดต่อกันตอนไหนวะ ผมอยากจะถึ้งหัวตัวเองหนักๆ สรุปมันไปกับไอ้ทศหน้างูนั่นจริงๆ ด้วย ผมรู้สึกเหมือนลมมันตีขึ้นหน้า หัวร้อนไปหมด

“มันมารับกี่โมง”

“ห๊ะ?”

“กูถามว่ามันมารับกี่โมง!!!” เผลอตะคอกมันไปอีกรอบ ไอ้เตี้ยมันสะดุ้งจนเกือบหงายหลังตกเก้าอี้

“สีทุ่ม โอ้ยตกใจจะตะโกนทำไมเล่า”

“ร้านมันอยู่ที่ไหน”

“สีลม”

“ชื่อร้านละ?”

“อสุรา”

“ไปนอนไป กูจะทำงานต่อ”

“แล้วตกลงให้ไปไหม?”

“แล้วแต่มึงเถอะ เหอะ น่าจะเอาให้เดี้ยงจะได้ไม่ต้องออกไปแรดที่ไหนได้ แมร่ง” .





.....มีใครยังไม่รู้มั่งว่านอกจากผมจะปากหมาแล้ว ผมยังขี้หึงขี้หวงอีกด้วยนะ อยากบอกให้รู้ไว้....




 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: แล้วเจอกันตอนหน้านะค่ะ
 o13 o13 o13 o13


หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-12-2017 19:32:37
กลัวปีแอบตามไปเห็นอ่ะ ความลับแตกแแน่เลย
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-12-2017 19:59:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 22:14:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2017 22:27:36
โอ๊ะโอ........ปีปากหมา  ทั้งหึงทั้งหวงสุดๆ  o18
ปี เพียว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ร่างกายเพียวสุดยอดดดดด รักษาตัวเองเลาบาดเจ็บได้ด้วย
ยิ่งดีใหญ่เลยเวลา.....อย่างนั้นกับปี   :o8: :-[ :impress2:

แฟร้ง เป็นมารร้ายใช่ไหม   :hao7:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** อัพตอนที่ 21 26/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-12-2017 09:21:36
พี่ปีปากคอเราะร้ายมากอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter** ภูผาXพรายธาร 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 04-01-2018 09:11:55








ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 4​



มีหมาเป็นเพื่อดีกว่ามีผีเป็นเพื่อนนะคุณว่าไหม? ถ้าอยากรู้ว่าการมีผีคอยตามติดชีวิตชนิดที่เรียกได้ว่าอีกนิดก็จะสิงกันแล้วมันเป็นแบบไหน กรุณาตามติดชีวิตผมได้เลย ....

“เลิกตามผมสักวันได้ไหมคุณ!! ” ตะคอกไอ้ผีบ้านี่รอบที่หกของวันจนคนเค้ามองว่าผมเป็นบ้ากันไปหมด

“ไม่^^” ยังจะมายิ้มอีก ลำคานโว้ย!!

“ไม่มีงานมีการทำรึไง?”

“งานข้ามีเฉพาะตอนกลางคืน^^”

“งั้นก็ลงน้ำไปนอนได้แล้วไป ผมจะทำงาน” -*-

“ข้าอยากอยู่ใกล้ๆ เจ้ามากว่า”

“อ๊ากกกก” ผมกัดฟันแน่น ผมจะต้องอดทนกับความบ้าบอของไอ้ผีไร้สกุลนี่ไปถึงไหน กัน พยายามนั่งสงบสติอารมณ์ให้คงที่ ก่อนจะลงมือทำงานของตัวเองไป ไอ้เขื่อนมันคอยแต่จะมองผมด้วยแววตาสงสัยทุกครั้งที่ผมพูดหรือตtหวาดใส่ นี่ยังไม่รวมเพื่อนร่วมทีมที่วันนี้พากันตีตัวออกห่างผมเหมือนผมเป็นตัวเชื้อโรค แอบจิตตกนิดหน่อยแต่ไม่เท่ากับมีไอ้ผีบ้าที่นั่งไม่ห่างแบบนี้ พวกมันรู้ครับว่ามีผีตามผม เพราะความปากเปราะของไอ้เขื่อน แต่เพราะพวกมันไม่เห็นไงมีแต่ผมที่เห็น เห็นไอ้หน้าผีๆ อย่างไอ้ผีธารนี่ไง มันนั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ นั่งเฉยๆ จะไม่ว่าเลย แต่แมร่งเอาแต่จ้องหน้าผมพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ แล้วอย่างนี้ผมจะเอาสมาธิที่ไหนทำงาน!!! อยากจะเอาเล็บข่วนหน้าให้หายหล่อจริงๆ

ผมต้องทนนั่งทำงานโดยที่มีผีมารบกวนจิตใจตลอดทั้งวันจนกระทั่งเลิกงาน ไอ้ผีหน้าหล่อตนนี้ก็ยังไม่ยอมไปไหน แถมเมื่อกลางวันยังลากผมออกไปข้างนอก บังคับให้ผมซื้อไอศกรีมแท่งให้กินแถมยังกินน้ำผมสะเกลี้ยงตู้ ถ้ากินแบบมนุษย์ปรกติผมจะไม่บ่นเลยสักนิดแต่นี่ อะไร ของที่เขากินผมจะต้องจุดธูปเซ่นไหว้!!! เหอๆ เอาไอติมปักธูป1ดอกมันน่าดูไหมล่ะ มีแต่คนมอง แถมขำให้อีก ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว - - ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดินไปหาที่พึ่งอย่างไอ้เขื่อน ขออาศัยบารมีหน้าโหดๆ ของมันกันผีให้หน่อยเหอะ

“เขื่อนมึงพากูกลับด้วยคนสิ” ผมรีบเดินไปอ้อนมันทันที ก่อนที่มันจะเดินออกจากห้องด้วยท่าทีรีบๆ

“อะไรวันนี้กูจะไปบ้านไอ้เพียว” มันตอบแบบขอไปทีและพยายามจะสะบัดมือผมออกจากแขนมันด้วย

“ไปทำไมวะ?”

“ก็หาว่าที่เมียกูนะสิ มึงอะกลับวัดไปเลยนะอย่าไปเถรไถลที่ไหนจนกูต้องไปรับอีก” เขื่อนมันสั่งเหมือนมันเป็นพ่อคนที่สอง ผมไอ้ยินเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ จากไอ้ผีพรายจอมหน้าด้านด้วย หน๊อย ไอ้นี่-*-

“อะไรละ กูไม่ใช่เด็กๆ กลับด้วยกันเหอะมึง นะ กูจ้างมึงไปส่งก็ได้อะ 50 บาท” ผมรีบหาทางรอดของตัวเองทันที

“50!! ค่าแท็กซี่ไปบ้านไอเพียวยังไม่พอเลย อีกอย่างวันนี้เวรมึงรับใช้หลวงตามึงนะกลับไปเลย กูไปก่อนนะ หุหุหุ*0*” ดูมันทำหน้าเย้ยใส่ผมสิครับ อ๊ากก

(หึหึหึ กลับวังของเรากันเถอะที่รัก) เสียงกระซิบแหบต่ำดังอยู่ข้างๆ หูนั่นยิ่งทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมา ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย!!!

“เขื่อนมึงไปส่งกูที่วัดก่อนไม่ได้เหรอวะ” ผมร้องขอมันอย่างมีความหวังหลังจากที่วิ่งตามมันออกมา

“ไม่เอาเสียเวลา มึงจะกลัวอะไรพระก็ห้อยวู้ว” มันพูดเหมือนจะลำคานผม ให้ตายเหอะนี่มึงเป็นเพื่อนกูจริงรึเเปล่าวะ ถ้ามันกล้วพระกูจะมาเซ้าซี้มึงแบบนี้เหรอ ไอ้เขื่อนนนนนนนนนนนนนนนนนน อยากจะบอกมันไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูด เดินคอตกมาที่ป้ายรถเมล์ โดยที่มีไอ้ผีพี่ธารเดินตามติดตูด

“นี่อยากกินไก่ย่างห้าดาว*0*” จู่ๆ เขาก็ร้องขอขึ้นมาผมหันไปมองเขาแล้วกระซิบเสียงเครียด

“เงินหมดแล้วพอแค่ค่ารถเมล์” ผมพกเงินมาวันละร้อยห้าสิบ พอแค่ค่าข้าวกับค่ารถที่เหลืออยู่ในบัตรหมดไม่จำเป็นจะไม่กดมาใช้ และตอนนี้มันเหลือแค่ สิบเจ็ดบาทค่ารถสิบสองบางเหลือห้าบาทมันจะไปพอค่าไก่ย่างได้ยังไง - -

“นี่เอ็งจะขี้งกเกินไปแล้วนะ ! เขายืนประกบผมจากทางด้านหลัง เหมือนจะกันผมออกจากผู้โดยสารคนอื่นๆ ด้วย

“เค้าเรียกว่าประหยัด! ” อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ จนลืมไปว่าผมนั่งอยู่บนรถเมล์แล้ว ทุกคนหันมาทางผมเป็นตาเดียว -///- ไอ้ผีนี่มันทำผมหน้าแหกอีกแล้ว

“ขะ ขอโทษครับ ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำเนียนคุยมั่วๆ

“เอ็งคุยกลับด้านแล้วภูผา” โป๊ะ ไปอีก ไอ้ท่าน ผมเลยต้องทนอายจนกว่าจะถึงป้ายที่จะลง ไอ้ผีนะไอ้ผี ฮึ่มๆ ๆ ๆ ๆ ผมได้แต่เค้นเขี้ยวใส่ไอ้ผีตัวนี้อย่างทำอะไรไม่ได้ มันหงุดหงิดมันแค้น มัน มัน มัน โอ้ยยยย!! กูจะบ้า!

อดทนหน้าด้านจนถึงป้ายที่จะลง และกว่าจะฝ่าวงล้อมของรักแร้ของผู้คนลงมาอีกเห้อให้ตายเถอะ ชีวิตผม พอเดินลงมาได้ไอ้ผีหน้าหล่อนนี้ก็ยืนนยิ้มรออยู่แล้ว ผมพยายามจะเดินเลี่ยง ไม่สนใจเสียงที่เขาพูดกรอกหูอยู่ว่าให้ลงไปใต้บาลกับเขา วันนี้ผมจะไม่ลงไปที่นั่นเด็ดขาด !!

“ภูผา...ลงไปกับข้าเถอะ วันนี้ข้าสั่งนังพรายมันทำอาหารที่เจ้าชอบด้วยนะ”

“-*- ผีทำกับข้าวได้ด้วยเหรอ? ขนาดตัวท่านเองยังต้องมาขอส่วนบุญเลย กินของเซ่นไหว้เลย อย่ามาโกหก = =”

ผมเถียงออกไป ไอ้ผีบ้านั่นมันทำหน้าเหวอๆ ไปนิด แล้วก็ยิ้มออกมาเจื่อนๆ เหอะ ตอแหลได้หน้าด้านมากกกก ผมแสยะยิ้มใส่แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อ อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงวัดแล้ว ผมกำพระในคอที่หลวงตาให้มาไว้แน่น ถ้าผมมีสติ ผมก็จะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของพรายน้ำ

“ถ้าเอ็งลงไปกับข้า ข้าจะให้สามตัวตรงกับเอ็ง” ขาที่ก้าวจ้ำๆ พลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำว่าสามตัวตรง

“หึหึ สามตัวตรงๆ เลยนะภูผา^ ^” อย่ามาทำเสียงยั่วยวนแบบนั้นสิวะ! ผมพยายามจะทำใจแข็งไม่สนใจ แต่ สามตัวตรงเลยนะเว้ย คือแบบตู้เดียวรวยเละ ไม่สิภูผา หลวงตาสอนไว้ ว่าการพนันมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่าหลงเชื่อนะภูผา สติ!!

“บนโลกมนุษย์ ของแบบนี้ เงินนน ลอยมาเห็นๆ” ยังจะมาพูดกรอกหูอีก อ๊ากกกกก

“...”

“รถ บ้าน...ร้านเกมที่เจ้าอยากได้” ไม่ ไม่ ไม่

“.....”

“เงินรักษาหลวงตา เอ็งกำลังหาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“หลวงตา? อึก”

“ว่าไง แค่เอ็งลงไปนอนเล่นกับข้าที่เมืองบาดาล เอ็งก็จะได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา” อีกนิดเดียวขาผมก็จะก้าวข้ามธรณีประตูวัดเข้าไปแล้ว แต่ทำไมมันกลับหันหลังกลับไปหาไอ้ผีหน้าหื่นตนนั้นด้วย...

“สามตัวตรงแน่ นะ?”

“แน่สิ หึหึหึ มากับข้า” เหมือนถูกมนต์สะกดที่ทำให้ผมเดินตามเขาไปโดยง่าย ตามเหมือนมาถูกจูง มารู้สึกตัวอีกทีก็ลงมาอยู่ใต้บาดาลเรียบร้อย

“เอ็งไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวข้าจะไปทำงานอยู่ในห้องเสร็จแล้วก็ตามมาละ” สั่ง สั่ง! อยู่นั่นแหละเป็นพ่อกูรึไงครับแหม่ ใจมันคิดนะครับแต่ร่างกายมันไม่ได้คิดตามด้วย มันทำตามคำสั่งของไอ้ผีบ้านี่ทุกอย่าง ทั้งอาบน้ำแล้วเดินกลับไปหาเขาที่รอยู่ที่ห้องทำงาน เดินเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ ในหัวคิดถึงแต่เลขท้ายสามตัว สามตัวตรง สองตัว นี่ผมไม่ได้บ้าหวยนะ แต่นะ คนเรามันก็ต้องหวังรวยกันด้านทั้งนั้น ยิ่งผมที่เป็นพวกอับโชคด้านนี้แล้วยิ่งอยากได้เข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดมันถูกขึ้นมาผมอาจจะกลายเป็นมหาเศรษฐีเลยก็ได้

“มานั่งนี่สิ” เขาตบมือลงตรงตักหนาๆ มาดเหมือนเสี่ยที่กำลังเลี้ยงต้อย

“ไม่”

“สามตัวตรงเลยะ^^” อ๊ากกทำชอบพูดแบบนี้นักนะ ผมค่อยๆ เดินไปนั่งบนตักหนาๆ แผ่นหลังผมติดกับหน้าอกของเขา กล้ามเน้นๆ แน่นๆ กำลังถูไปมาอยู่ที่หลัง เพราะเขาขยับตัวมือหนาคล้องเอวผมไว้ -*- บอกตามตรงนะ ไอ้ผีพี่ธารนี่ มือเหนียวเป็นปลาหมึกเลย แถมชอบตอดเล็กตอดน้อย ห้าบาทสิบบาทเอาหมด - -*

“นี่ มือนะจับอะไรอยู่! เอาออกไปเลย!! ” ผมแว๊ดใส่เมื่อเขาเลื่อนมือมาจับที่ก้นของผม

“น่า ไหนๆ ก็จะมาเป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว”

“เจ้าสาวบ้าอะไรละ หลักฐานอะไรสักอย่างก็ไม่มี ทึกทักเอาเองรึเปล่าก็ไม่รู้” หันจ้องตากับไอ้ผีขี้หื่นอย่างจับผิด

“นี่ ถ้าข้าไม่แน่ใจข้าจะเอาเอ็งลงมาเมืองบาดาลทำไม?”

“ไหนละหลักฐาน”

“ตรงนี้ไง” เขาชี้มาที่ปานรูปพระจันทร์เสี้ยวที่เนินอกด้านซ้ายของผม มันติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดและขยายตาตัวด้วยจนคนเค้าคิดว่าผมไปสักมา

“ตลกนี่มันปาน”

“ก็นี่ไงหลักฐานข้าเป็นคนทำเองกับมือ”

“นอกจากจะเป็นผีขี้หื่นแล้วยังขี้โกหกอีกนะ -*- “

+++++++

++พรายธาร++

ข้าพูดจริงนะ รอยนั่นข้าเป็นคนประทับเองกับมือแล้วทำไมไอ้เด็กหน้าซื่อๆ นี่ถึงไม่เชื่อ ข้ากลอกตาใส่มันอย่างเอือมระอา ที่โกหกเรื่องหวยนี่เชื้อเชื่อ

“เห้ออ เอ็งจะไปรู้ได้ยังไงตอนข้าประทับรอบเอ็งยังเป็นวุ้นอยู่เลยมั้ง ความจริงข้าควรจะมีเจ้าสาวเป็นผู้หญิงเพื่อกำเนิดบุตร แต่เจ้าดันเป็นผู้ชาย ข้าเองรีบเองข้าน่าจะรอดูเพศของเจ้าก่อนจะประทับรอย พอดีวันนั้นมันฉุกละหุก มีผีพรายบุกวังของข้า แล้วแม่เอ็งดันมีลักษณ์ตรงตามตำรา ทั้งบุญพาวาสนาส่งให้แม่เอ็งเห็นข้าเข้า ข้าเลยเลือกแม่เอ็งไง” ไอ้หนูภูมันนั่งมองตาปริบๆ เหมือนจะงงๆ อยู่ แต่เชื่อเถอะข้ารู้ว่าสักมันคงจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด

“แล้วทำไมถึงเลือกผมละ”

“ไม่รู้สิ ตอนนั้นข้าเองก็ไม่ทันได้พิจรณาอะไรมาก ขาเก้าอี้ข้ามันกำลังสั่น ข้าต้องรีบหาเจ้าสาวเพื่อสืบทายาทชักช้าก็ไม่ทันการ”

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคุณไม่ได้รักผม”

“อ่า เรื่องนี้นะเหรอ ความรักเราสร้างเองเอาที่หลังได้”

“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คนเราจะแต่งงานกัน จะใช้ชีวิตร่วมกัน มันต้องเริ่มจาดความรักไม่ใช่หน้าที่หรือความใคร่ ผมขอปฏิเสธคำขอของคุณ! ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ! แล้วต่อจากนี้ไปอย่ามายุ่งกับผมอีก ไปหาเอาที่อื่นเจ้าสาวในแบบที่คุณต้องการ! ” ไอ้หนูภูมันพูดออกมารัวจนข้าฟังแทบไม่ทัน อารมณ์มันกำลังคุกรุ่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตากลมๆ ของมันแดงและมีน้ำใสๆ

“นี่เอ็งพูดอะไรของเอ็ง ข้าเลือกเอ็งแล้ว ยังมันก็ต้องเป็นเอ็งอยู่ดี”

“แต่ผมไม่ได้เลือกคุณ!!! ” มันไม่ยอมลงง่ายๆ แถมยังตวาดใส่ข้าอีก นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเอ็ง!!!!

“ถ้าเอ็งเลือกคนอื่น คนที่เอ็งจะรัก มันจะเป็นเช่นไรรู้ไหม คนรักของเอ็งจะต้องมีอันเป็นไป เอ็งจะไม่สมหวังกับใครสักคน นอกจากข้า!!! ” ขึ้นเสียงใส่จนอีกคนเงียบสนิด

“ฮึก..ทำไมต้องเป็นผมด้วยละ..ฮึกแม่ผมคนไหนผมยังไม่รู้เลย ชีวิตผมไม่เคยได้เลือกเลยสักครั้ง เลือกเกิดไม่ได้ยังจะมาเลือกคนรักเองไม่ได้อีก ฮึก มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ไอ้เด็กนี่พูดด้วยเสียงสะอื้น ก้มหน้ามองมือตัวเองที่น้ำตาหยดลงแหมะๆ อ่อนแอจริง ข้าก็ปลอบคนไม่ค่อยจะเก่งซะด้วยสิ เลยได้แต่นั่งกอดเอวมันไว้แล้วลูบหัวมันเบาๆ จนมันเริ่มจะสงบลงและคลายสะอื้นลงบ้าง อยากให้มันยอมรับเรื่องราวเหล่านี้ไวๆ เพราะข้าเห็นเค้าความอยู่ยากมาลางๆ แล้ว

“โชคชะตามันไม่ได้เลวร้ายเสมอไปหรอกนะเด็กน้อย แค่เปิดใจ อะไรๆ มันก็จะดีขึ้นเอง”

“ผมไม่ใช่เด็กน้อย อายุยี่สิบกว่าแล้ว!! ฮึก” มันหันมาแว๊ดใส่ทั้งที่น้ำตายังเต็มหน้า

“เออ เอ็งก็ยังเด็กกว่าข้าอยู่ดี เชื่อสิข้าผ่านน้ำร้อนมาก่อน เอ็งแต่งกับข้ารับรองว่าดี ดีมากๆ เลยด้วย มีข้าเป็นผัว โชคดีไปสามชาติเลยนะ” ข้าก็ไม่ได้อยากจะอวยตัวเองหรอก แต่อะไรที่พูดไปแล้วไอ้เด็กใสซื่อตรงหน้ามันเชื่อข้าก็จะพูด!

“T^T…ผมยังทำใจไม่ได้”

“หื้ออ ไม่ต้องทำใจอะไรทั้งนั้น ข้าน่ะใจดีนะ สายเปย์ด้วย”

“ฮึก แต่ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายท้องไม่ได้นะ แล้วจะมีทายาทยังไง”

“โอ้ยไม่ยากกกก เรื่องแค่นี้เบๆ” สำหรับข้านะไม่ยากแต่เอ็งนั้นมันไม่แน่

“มันจะเจ็บไหม แล้วๆ ผมจะต้องลงมาอยู่กับคุณที่นี่เลยเหรอ?” ภูผาเริ่มจะคล้อยตามข้าแล้วเห็นไหม หื้อ เด็กอะไรว่านอนสอนง่าย แบบนี้แหละข้าชอบนัก ว่าง่ายโตไวๆ

“อ่า เออ แต่ข้าไม่ได้รีบขนาดนั้น แค่เอ็งรับปากว่าจะแต่งงานกับข้า สวมแหวนหมั้นนี่เอาไว้ พอถึงเวลาข้าจะพาเอ็งลงมาสมรสที่เมืองบาดาลแห่งนี้ แต่ว่าช่วงนี้เจ้าก็ไปๆ มาไปก่อนละกันจะชิน”

“มีทางอื่นให้ผมเลือกไหมY0Y”

“ไม่มีจ้ะ^0^”

“บัดซบจริงๆ เลย” มันก่นด่ากับตัวเองเบาๆ เหมือนคนปลงตก แล้วช้อนสายตาเศร้าๆ ขึ้นมอง

“ไม่ต้องมาทำตาแบบนั้นใส่ข้า ถึงยังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก!! ”

ทำมาเป็นตีหน้าเศร้าข้าไม่หลงกลเอ็งหรอกนะ แหม่ๆ

“ชิ!!!! -3-” พอรู้ทันมันก็สะบัดก้นเดินหนี้ข้าไปซะอย่างนั้น

“เอ็งนี่มันเด็กน้อยจริงๆ พอไม่ได้ดั่งใจก็ทำหน้าเป็นตูดเชียว”

“หิว!! ” เออ ใช่ตั้งแต่พามันลงมายังไม่ได้หาข้าวหาปลาให้กินเลย

“อยากกินอะไรละ ข้าจะได้บอกให้นังพรายมันไปซื้อจากข้างบนมาให้”

“เนื้อย่าง ต้มเล้ง ปลาเผา *0*” พอพูดถึงเรื่องกินดูเหมือนเด็กนี่มันจะลืมเรื่องที่เคืองข้าอยู่ไปเลย ดูทำตาเข้า จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น

“สั่งมานี่กินหมดเหรอเอ็ง” ก็ไม่อยากจะค้านหรอกนะ

“คุณก็กินด้วยไม่ใช่เหรอ”

“เอาอย่างนั้นเหรอ เอ็งก็เซ่นไหว้ข้าด้วยละกัน”

“อื้อ” พอตกลงได้ผมก็สั่งนังพรายให้ไปหาซื้อของตามที่สั่ง เอาไก่ย่างห้าดาวเพิ่มด้วย แต่ดันลืมเสียสนิท กูไม่มีสตางค์นี่หว่า!! หันไปหาคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแก่งความคิด ปากมันยิ้มตามันก็ยิ้ม นี่คงนึกไปถึงอาหารที่กำลังจะได้กินแล้วละมั้ง

“เอ่อนี่ ภูผา ข้า ยืมสตางค์เอ็งก่อนได้ไหม คือข้าไม่ค่อยมีเงินของพวกมนุษย์สักเท่าไหร่”

“- * - “

“เอาน่าเดี๋ยวข้าก็หาคืนให้เอ็งเองแหละ เอามาสิเงินนะ” แบมือไปตรงหน้าเพื่อขอเอาเงืนกับเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ แรงตบตรงฝ่ามือเสียงดังลั่น

เพี๊ยะ!!!

“โอ๊ย เอ็งตีข้าทำไมเนี้ยะ” เจ็บฉิบหายมือไอ้เด็กนี่หนักเหมือนตีนเลยให้ตายสิ ข้าต้องรีบชักมือกลับ พร้อมกับทำหน้าดุใส่

“ไม่มีเงินแล้วยังบอกว่าจะเลี้ยงอีก! ” โดนมันตะคอกใส่อีกรอบ รู้ว่ามันกำลังโมโหหิวแต่ขืนโดนมันข่มตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นผัวมันแบบนี้ มีหวังข้าได้อยู่สมาคมพ่อบ้านกลัวเมียแน่นอน ไม่ได้ๆ เสียชื่อพญาพรายแบบข้าหมด

“เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่เอ็งจะตะคอกข้าไปถึงไหนกันห๊ะ!!! ”

“ก็จนกว่าคุณจะฉลาดขึ้น คนเค้าเซ่นข้าวแทนหญ้าเหรอ ถึงได้โง่แบบนี้”

“ป๊าดด ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่เอ็งกล้าว่าข้าแบบนี้เชียวรึ ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้ตบปากเอ็งอย่ามาเรียกข้าว่าท่านพรายผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพญาเลย” แบบนี้ข้าทนไม่ได้ ข้าต้องสั่งสอนไอ้เด็กบ้านี่ โมโหหิวแล้วมาลงที่ข้าอย่างนั้นเรอะ ข้าไม่ยอมโว้ย!!!

“อ๊ากกก ไอ้ผีบ้า จะทำอะไร ปล่อยปากผมนะ อื้อออ oxo”

“ข้าจะดูดหมากออกจากปากเอ็งไง”

“อย่านะโว้ยย ม่ายยยยยย”

10 นาทีผ่านไป

“แฮกๆ เป็นไงละ ปากปีจอกับข้าดีนัก”

-////-

“ไอ้ผีขี้หื่น -3- “

“ปากบวมขนาดนั้นเอ็งยังจะด่าข้าได้อีกเรอะ?”

“ไอ้ผีลามก”

“เอ๊ะ! ”

“ไอ้หื่นกามมมม กูหิวข้าวโว้ยยยยยยยยยยยยย” มันตะโกนออกมาพร้อมกับทำหน้ายักษ์ใส่ เออใช่ข้าลืมไปเลยว่ามันหิวอยู่

“อ่าว เออโทษที ประเดี๋ยวพาขึ้นบก ไปกินผัดไทย” บอกกับไอ้เด็กดื้อแล้วลุกไปจับมือมันให้ลุก

“ก็บอกว่าจะกินเนื้อย่างยังไงเล่า ไอ้ผีงี่เง่า!!! ” แล้ว เอ็งจะมามองค้อนข้าเพื่อ?

“เออ เนื้อย่างก็เนื้อย่าง จะกินก็ลุกสิ”

“แค่เงินไม่มีเลย-*- แล้วจะพาไปกินได้ยังไง? เล่า “

“เอ็งก็ออกไปก่อนไง พอข้ามีเงินข้าก็เอามาใช้คืนให้ ไม่เห็นยาก”

“แล้วเมื่อไหร่จะมี สามตัวตรงก็ไม่ได้ แถมยังจะต้องมาเสียทั้งเงิน แถมเปลืองตัวอีก ไอ้ผีเฮงซวย! ” โอ๊ยหูจะแตก อามรมณ์มาเต็มแบบนี้ข้ารีบพามันไปกินอาหารก่อนดีกว่า...

ให้ตายสิ ให้ตายสิ ผมเอาแต่พูดแบบนี้กับตัวเองเป็นสิบๆ รอบ การเป็นผีที่ไม่อัปเดตชีวิตของพวกมนุษย์เป็นตัวภามากเลยครับ ไม่พารวยหรืออะไรนะครับ ภาระชัดๆ คำเดียว ที่ผมคิดได้ตอนนี้ ก่อนออกมาจากวังบาลผมบังคับให้เขาปรากฏกายให้คนอื่นได้เห็นด้วย อีกอย่างคือคำพูดของเขามันขัดกับยุคสมัยมากๆ

“ถ้าคุณแทนตัวเองว่าพี่ ผมจะก็จะแทนตัวเองว่าภู ห้ามใช้คำว่าข้ากับเอ็ง เข้าใจไหม”

“อืมเข้าใจแล้วน่า ข้า เอ้ยพี่จะพาภูไปกินของอร่อยๆ นะครับ”

“อืมแบบนี้แหละ ปะ ไปกัน” พาเขาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ไอ้ผีบ้านี่ก็ตื่นเต้นเหมือนไม่เคยเห็น แถมมีการสำรวจดูตู้ด้วยนะ พอถามก็ทำเป็นเหมือนรู้จัก

กดเงินออกมาห้าร้อยเผื่อใช้พรุ่งนี้ด้วย พวกเราเดินไปที่ย่านการค้าที่มีแต่ของอร่อยๆ ดูท่าไอ้ผีตัวนี้จะไม่ค่อยมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์สักเท่าไหร่ เขาดูสนใจทุกอย่างที่เดินผ่าน ถามนั่นถามนี่ไม่หยุดพอผมจี้จุดว่าไม่เคยเห็นไม่เคยมาเหรอเขาก็

“พี่ไม่รู้จักขนมไข่นกกระทาเหรอ”

“รู้สิ..ข้า เอ้ยพี่รู้แค่ไม่แน่ใจ”

“เหรอ?”

เดินไปได้สักพัก

“นี่อะไร ภูผา” ผ่านร้านไอติมผัดครับเขากำลังทำอยู่พอดี มีคนมุงดูเยอะอยู่พอสมควรเพราะเป็นร้านดังย่านนั้น

“ไอติมผัด”

“พี่อยากกิน^^” ผมกำลังจะอ้าปากด่าแต่ก็ดันมีใครบางคนโผล่พรวดเข้ามาเสียก่อน

“นายท่าน ขึ้นบกมาทำไมไม่บอก ปล่อยให้ผมหาเสียตั้งนาน” ชายหนุ่มร่างผอมสูงหน้าตาเหมือนตี๋น้อยอปป้า ทำหน้าดุใส่ผีตรงหน้าผม

“แล้วมีอะไร ข้าจะออกมาเดินเล่นบ้างไม่ได้?”

“มีนมันมีแน่ ก็ท่านเล่นหายไปตั้งแต่เช้า เวลางานท่านก็หายหัว ท่านยมตามหาท่านอยู่ แล้วนี่ใครกัน หน้าตาดูคุ้นๆ” อย่าบอกนะว่านี่ก็ผีอีกตัว ผมกระตุกชายเสื้อผีไอ้พี่ธารทันที และดูเหมือนจะเรียกให้สายตาของเขาหันมามองผมด้วย

“อ๋อออ ผมรู้แล้ว คุณคู่หมั้นนั่นเอง สวัดดีครับผมเป็นพรายรับใช้ชื่อ กร หรือเรียกให้ถูกก็เลขาของท่านธาร พญาพรายแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพญาครับ” เรียกพี่มันซะเต็มยศ ไอ้ผีบ้านี่ก็ยืดอกซะเหมือนพวกบ้ายอ ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะยิ้มตอบผีกรมันไป แม้จะแอบสยองบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าดีกว่าผีตัวอื่นๆที่เคยเจอ

“เรียกผมว่าภูก็ได้นะ”

“ครับคุณภู ว่าแต่ขึ้นมาทำอะไรกันครับ?”

“พาว่าที่เมียมากินข้าว”

“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่บนบกนานนะท่าน มันไม่ดี ทางที่ดีผมว่าเอาไปกินในเมืองเราดีกว่า” งงกับคำพูดของกรนิดๆ แต่พอหันไปมองไอ้ผีตัวสูงที่ยืนอยู่ก็พอจะเดาได้ หน้าแห้งแตกเป็นขุย ปากก็แตกจนลอก เห็นแล้วโคตรตลก

“จิบน้ำหน่อยก็ดีนะท่านเดี๋ยวผมไปซื้อมาให้” พูดจบเขาก็วิ่งไปซื้อน้ำกลับมาก็ยื่นให้นายตัวเองจิบหน้าตาเฉย ไม่ต้องจุดธูปด้วยซ้ำ

“อ่าวกินได้เลยเหรอ ไม่ต้องจุดธูปเซ่น?”

“แบบนั้นมันโบราณแล้วครับ แค่บอกว่าให้กินหรือเรียกกินท่านธารก็ทานได้แล้ว”

“^^แหะๆ” ไอ้ผีบ้านั่นมันหันมายิ้มแล้วหัวเราะแหะๆ แหะๆ พ่องมึงสิ!!

“นี่หลอกผมให้ทำบ้าอะไรเนี่ยะห๊ะ ไอ้ผีบ้า!!!! ”

“ก็อยากให้เมียเอาใจ สนใจกันบ้าง”

อ๊ากกกกกกกกกกกก ไม่ ไหว แล้ว โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



+++++++++++++++++++++

วันนี้หนูภูคงไม่ได้กินข้าว คงจะกัดกับอิผีตัวนี้ทั้งคืนแน่ๆ





หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ภูผา+ผีพรายธาร 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2018 18:32:37
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ
       
ท่าทางภู จะจนแน่ๆ ผีพรายธารเอาแต่ยืมเงินภูตลอด
ธาร โกหกภูเรื่องสามตัวตรงซะด้วย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ภูผา+ผีพรายธาร 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 04-01-2018 22:59:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 22 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 14-01-2018 09:08:17



อสุราล่ารัก ตอนที่ 22

เริ่มต้นวันใหม่กับสีหน้าอันบูดบึ้งของชายหนุ่มร่างสูง เขาแทบจะไม่มีกะจิตทำงานหรืออ่านเอกสารในมือสักนิด ในเมื่อในหัวเขามีแต่เรื่องของเมียตัวน้อยที่กำลังจะไปกับผู้ชายคนอื่น แม้จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรก็อดที่จะห่วงไม่ได้ ยิ่งคนที่เพียวไปด้วยคือคนที่เขารู้มาตลอดว่าแอบชอบเพียวอยู่

“บอสคะ เอกสารการสั่งซื้อของไตรมาสที่แล้วค่ะ” แกงส้มพนักงานบัญชีส่งเอกสารปึกใหญ่ส่งให้ผู้เป็นเจ้านายที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่

“อืมขอบใจ ออกไปได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา เขากำลังใช้สมองไตร่ตรองถึงเรื่องในบริษัทและกำลังใช้หัวใจตัดสินว่าจะเอายังไงกับเรื่องของเพียวดี ชายหนุ่มที่ไม่เคยท้อต่อปัญหาที่ประดังเข้ามาไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เมื่อมาถึงมือเขาแล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย แต่กับปัญหาเรื่องหัวใจเขากลับกลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไงใบหน้ายุ่งๆ ของเขานั้นทำเอาพนักงานสาวที่คอยช่วยงานเขาบ่อยๆ อดที่จะถามออกไปไม่ได้

“ค่ะ ว่าแต่บอสมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?” หล่อนคงสังเกตเห็นสีหน้าเครียดๆ ของเขา ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมานิดๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้

“มีสิ เอ่ออ นี่ แกงส้ม....”

++++++++++++++++++++

ตัดมาที่บ้านของยักษ์ตัวน้อย เจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการต้อนรับลูกค้า อย่างขะมักเขม้น โดยมีตาว หรือไอ้ตาวที่เพียวมักจะเรียกอยู่บ่อยๆ คอยช่วยอยู่อีกแรง กิจการกำลังไปได้ดี มีทั้งลูกค้าประจำและขาจรที่แวะมา แม้ร้านจะไม่ได้อยู่ริมถนนหรือมีอะไรที่เป็นจุดน่าสังเกต ร้านอยู่ในตัวหมู่บ้านด้วยซ้ำแต่ลูกค้ากลับมากันอย่างเหนืองแน่น มันเป็นเพราะปากต่อปาก และการโปรโมทร้านผ่านสื่อโชเชี่ยวนั่นเอง แถมเจ้าของร้านยังใจดี หน้าตาดี อีกต่างหากยังไม่นับพนักงานในร้านที่ถือว่าหน้าตาดีกันหมดไม่เว้นแม้แต่สาวที่ยืนลวกเส้นอยู่ด้านหลัง เมื่อกิจการร้านไปได้ด้วยดียักษ์น้อยก็ได้ผลตอบแทนมากขึ้น ไปด้วย

“พี่เพียววันนี้จะออกไปข้างนอกเหรอ ผมไปด้วยสิ” ไวรัลเด็กหนุ่มที่พึ่งกลับมาจากมหาลัยเอ่ยถามขึ้นทันที

“หืมมึงรู้ได้ไง วะ? อ่อรู้ละพี่ปีบอกละสิ” ร่างบางยืนกอดอกมองคนที่มาใหม่แล้วส่ายหัวเบาๆ

“นั่นแหละ ผมไปด้วยนะอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง คึคึคึ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ้อนโดยมียักษ์ทำหน้าลำบากใจ เขามักจะแพ้ลูกอ้อนของไวรัลตลอด

“แต่กูไปทำธุระไม่ได้ไปเที่ยว” เขาพยายามทำเสียงแข็งและมามองหน้าเด็กหนุ่ม

“ธุระอะไรในร้านเหล้าพี่เพียวอย่ามาโกหกจะแอบหนีเที่ยวคนเดียวก็บอกมาเหอะ!! ” ไวรัลบอกอย่างไม่ยอมแพ้ ยักษ์ตัวน้อยหลี่ตามองอย่างจับผิด ถ้าเด็กคนนี้ตื๊อจะไปกับเขาให้ได้แสดงว่าต้องมีคนสั่งมาแน่นนอน

“พี่ปีสั่งให้มึงไปคุมกูใช่ไหม?” ทันที่ถามถูกจุดใบหน้าหวานก็อึกอักขึ้นมาทันที แบบนี้ต้องใช่แน่ๆ !

“ก็..ก็..”

“ก็อะไร ไม่ต้องไปเลยอยู่บ้านนี่แหละเดี๋ยวกุตามไอ้เขื่อนมาอยู่เป็นเพื่อน” เพียวใช้สายตาบังคับทันที่ไวรัลพยายามจะพูด

“พี่เพียวอะ” วรัลทำหน้าง้ำงอเป็นปลาทู อย่างขัดใจ เขาเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่เขาก็แทบจะไม่ได้เจอแสงสีเลย

“อยู่บ้าน อย่าให้กูต้องใช้บทโหดกับมึงนะไว” เพียวชี้นิ้วใส่พร้อมกับปลดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ที่ตะปู หลังจากเสร็จงานและนั่งพักพอหายเหนื่อย ตาวกับแก้วกำลังเก็บของกลับบ้าน

“ไอ้ไวมึงไปกวนอะไรลูกพี่กูอีกวะห๊ะ” ตาวที่ได้ยินทั้งคู่คุยกันเลยพูดสวนขึ้นมาอย่างหยอกๆ

“จะอะไรอีกละก็ลูกพี่มึงอะจะหนีผัวเที่ยวกลางคืน -3-”

“กะแล้วว่ามึงต้องเสือกเรื่องของพี่เขาแน่ๆ คึคึ” ตาวหัวเราะลั่นแล้วเดินออกไป

“หน้อย ไอ้พี่ตาว!!! ปากไม่ดี” เสียงหวานตะโกนด่าไล่หลังไป เหลือแต่แก้วที่หันมายิ้มก่อนจะเดินออกจากร้านไปเช่นกัน

“เดี๋ยวกูทำมื้อเย็นไว้ให้ละกัน อยู่กับไอ้เขื่อนก็อย่าดื้อกับมันมากละ แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน” เพียวบอกด้วยเสียงน้ำเสียงนิ่งๆ แอบหลอกเด็กให้กลัว ก่อนจะเดินไปปิดประตูร้านแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับไวรัล ระหว่างนั้นเขาก็โทรหาเพื่อนของตัวเองให้มาอยู่เป็นเพื่อนไวรัล มื้อเย็นเขากะทำอะไรง่ายๆ ทิ้งไว้ ทำเผื่อปีมงคลไปด้วยในตัว ตกเย็นเขาได้ยินเสียงรถของปีมงคล ร่างบางจึงเดินไปดู เห็นว่าปีมงคลจอดรถภายในบ้านของตัวเอง และเดินลงจากรถโดยที่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด ทำให้ร่างบางอดที่จะแปลกใจไม่ได้ กับท่าทีที่เย็นชาของปีมงคล

“เป็นอะไรของเขาอีกเนี้ยะ” บ่นกับตัวเองแล้วเดินไปอุ่นอาหารให้อีกคนโดยหวังว่าวันนี้ปีมงคลจะมาทานข้าวด้วยกันแบบปรกติ แต่ป่าวเลยชายหนุ่มไม่มาและปล่อยเพียวรอเก้อ เพื่อนคนสนิทอย่างเขื่อนก็ยังมาไม่ถึง เขาเลยต้องพับรายการมื้อเย็นลงกระเป๋า และอกที่จะน้อยใจไม่ได้ที่ปีมงคลทำกับตนแบบนี้

++++++

22.00น.

ปิ้นๆ เสียงแตรรถดังขึ้นจากหน้าบ้าน ร่างบางที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่แล้วรีบเดินไปดูที่ประตูทันที พอเห็นว่าเป็นรถของพี่ชายคนสนิทอย่างทศลักษณ์ ก็หันไปหาเขื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่กับไวรัลในครัว

“เขื่อนกุไปก่อนนะ ฝากบ้านฝากน้องด้วย แล้วจะรีบกลับ” เขาไม่ได้อยู่รอคำตอบร่างบางรีบวิ่งไปขึ้นรถทันที

“หวัดดีครับพี่ทศ”

“อืม เราพร้อมนะ”

“ครับ แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้าเครียดด้วยละ” คนตัวเล็กสังเกตใบหน้าของพี่ชายตัวเองแล้วก็ทักขึ้นด้วยความสงสัย

“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยที่ร้าน พนักงานพี่ลาออกไปสองคนเลยยุ่งๆ”

“อ่อ “

หลังจากบทสนทนาง่ายนั่นแล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ ร่างสูงขับรถด้วยท่าทีนิ่งๆ จนกระทั่งถึงที่ร้าน ทั้งคู่เดินเข้าไปปะปนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

“ร้านพี่เจ๋งดีอะ” ร่างบางพูดตามความรู้สึก เพราะมันดูเรียบง่ายแต่หรูหราเน้นบรรยากาศและแบ่งโซนไว่อย่างชัดเจน

“มีเจ๋งกว่านี้อีกนะ” ทศลักษณ์พาร่างบางเดินไปยังโซนวีไอพี บรรยากาศมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานบางอย่าง พลังงานแบบเขา

“แหล่งรวมของยักษ์” ใช่เขาฟังไม่ผิดสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ของเขาที่กำลังหาความสุขให้กับตัวเอง เพราะอยู่มานานอะไรที่ผ่านมามันก็น่าเบื่อสำหรับพวกเขาไปหมด แต่ไม่ใช่ที่นี่ มันเหมือนคลับของยักษ์แท้ๆ ทั้งสุรานารี หรือชายชาตรี มีอะไรแปลกใหม่ให้ลิ้มลองและหฤหรรษ์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพียวอ้าปากค้างเพราะเขาแวบๆ ว่ามีเพื่อนสมัยเด็กของเขากำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกบนตัวของผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทีที่เย้ายวน มันจะไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะถ้าเพื่อนเก่าของเขาไม่ดันเป็นผู้ชายที่หมกมุ่นกับการเรียนและธรรมะจนเพื่อนๆ เรียกว่าท่านมหาแทนชื่อ

“เชี้ยะ ไอ้มหา”

“หึหึ ชอบไหมแบบนี้” ร่างสูงถามเสียงหยอกเย้า

“ชอบดิพี่ ...ท่าทาจะสนุก”

“มีอะไรให้เล่นเยอะแยะ ว่างๆ ก็มาเที่ยวบ้างสิพี่จะบริการเป็นพิเศษ”

“โหยย ถ้ามีเวลา ผมมาแน่นอน ว่าแต่ เป้าหมายของเราอยู่ไหนละพี่ทศ” ร่างบางเริ่มมองหาเป้าหมายทันที

“รอก่อนวันนี้พี่แค่จะพามาดู พี่รู้ว่าเราหมายตามันไว้ตั้งแต่ได้ยินชื่อแล้ว มันเกี่ยวกับปีมงคลใช่ไหมละ” ร่างสูงบอกอย่างรู้ทัน ความจริงเขาออกจะไม่พอใจนิดๆ ที่ร่างบางตรงหน้าโดนแย่งไป

“แหะๆ รู้ด้วย”

“ลืมแล้วเหรอว่าพี่อ่านใจได้ เรานะไม่ต้องอ่านลึกถึงข้างในหรอกแค่เห็นสีหน้าที่เราแสดงออกมาพี่ก็รู้แล้ว”

“ง่า พี่ทศอะ เพียวไม่ได้ลืมแต่รู้ว่าพี่ไม่กล้าอ่านใจเพียวหรอกจริงไหม” ร่างบางยกยิ้มมุมปากนิดๆ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิล

“หึหึ เอาเถอะพี่รู้ว่าเราไม่ชอบ เราเดินเข้าไปด้านในดีกว่า ดซนนั้นสำหรับพวกมนุษย์กระเป๋าหนัก พอเดินเข้าไปยังอีกชั้น เขาก็ต้องพบว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านเห้ลาธรรมดาๆ ซะแล้ว เพราะห้องที่ทศลักษณ์พาเขาเข้ามานั้น บรรยากาศมันแปลกไปมาก กลิ่นอายแห่งความละโมบและโลถมากมันฟุ้งกระจายไปทั่ว

“นี่พี่เปิดบ่อนด้วยเหรอพี่!!! ” ใช่เขาตกใจ เพราะการทำแบบนี้เท่ากับสร้างปาบนะพี่”

“หึหึหึ คิดมากไปได้เรานะ บาปไม่เท่ากับการฆ่าคนหรอก ดูนะ” ทศลักษณ์ชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะลูเลท

“ทำไมพี่”

“ที่นี่นะไม่ใช่แค่บ่อนหรอกนะเพียว แต่มันเป็นที่กักวิญญาณชั่วร้ายด้วย ร้านพี่ร่วมมือกับท่ายมทูตเราหลอกล่อพวกสัมพเวสีชั่วร้าย พวกปีศาจ ต่างเข้ามาในนี้และกำจัดทิ้งยังไงละ เห็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นไหมเขาชี้ไปที่พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่ง

“นั่นนะยมทูตระดับห้า กำลังรอจัดการผีตายโหงที่สิงอยู่ในร่างของมนุษย์อยู่”

“ร้ายขนาดถึงต้องให้ระดับห้ามาจัดการเลยเหรอพี่” เขาอดที่จะทึ่งไม่ได้

“มันเป็นหมอผีเก่าและมีพลังสูงยากที่หมอผีธรรมดาจะจัดการ” เขาอธิบาย

“โหยย นี่เขาทำกันเป็นขบวนการเลยเหรอพี่”

“หึหึ เรื่องแบบนี้เขาเรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ช่วยกันหลายๆ มือมันจะได้เสร็จไวๆ นี่แสดงว่าไม่ได้ล่านานมากเลยละสิ” ร่างบางพยักหน้าหงีกหงัก เขารู้สึกว่าตัวเองล้าหลังไปมาจริงๆ

“จะว่าไปร้านพี่ก็เหมือนโรงพักสัมพเวสีเลยเนอะมีไว้จับผีส่งลงนรก”

“ก็คิดได้นะเรา ไปๆ นั่งตรงบาร์น้ำตรงนั้น เดี๋ยวเหยื่อเราก็มา” ร่างสูงบอกพร้อมกับแตะแผ่นหลังบางให้เดินไปยังบาร์น้ำ พอได้ที่นั่งเขาก็สั่งเครื่องดื่มเบาๆ ให้กับร่างบางอย่างค็อกเทลสีสวยส่วนตัวเองนั้นชอบอะไรที่มันหนักคอเลยได้มาตินีมาดื่ม ซึ่งบาร์เทนเดอร์ของที่นี่ก็โดดเด่นทั้งหน้าตาและความพลิ้วไหวทั้งคำพูดและการผสมเครื่องดื่ม

“ที่เค้าคัดคนเข้าด้วยหน้าตาเหรอพี่ ดูดิมีแต่พวกเทพบุตรจุติกันทั้งนั้น”

“หึหึ ไม่หรอกที่นี่เค้าคัดคนด้วยความสามารถ” ทศลักษณ์บอกด้วยเสียงนิ่งๆ พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ

“เออพี่แล้วพนักงานที่นี่เขาเป็นมนุษย์ปรกติหรือเปล่า?”

“มีเป็นบางคนส่วนใหญ่เป็นพวกเราทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ร้านพี่คัดเกรดลูกค้าชั้นนี้รับแต่เม็มเบอร์ไม่รับคนนอก” พอร่างบางได้ฟังก็รู้สึกสบายใจ เพราะถ้ามีแต่พวกยักษ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรมากแค่รักษาความลับไว้ก็พอ

รอไม่นานพนักงานที่เดินมารายงานว่ามีใครบางคนกำลังจะขึ้นมา ทศลักษณ์ยกยิ้มนิดแล้วสะกิดให้เพียวหันไปมอง เป็นไปอย่างที่เขาคิดจริงๆ ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ กำลังเดินวางมาดมายังบริเวณตะที่กำลังเล่นโป๊กเกอร์ เขาเดินมานั่งข้างๆ หญิงสาวที่แต่งตัวดูดีเหมือนคุณนายทั่วๆ ไป ทั้งคู่ยิ้มให้กันนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน

“เรามีเวลาไม่มาก เพียวจะทำอะไรก็ทำ”

“เราจะมาลงมือวันนี้ใช่ไหม? พี่ทศ”

“ยัง แต่เราต้องรีบ”

++++++++++++++++++++++++++++++

ทันทีที่ผมได้เห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องของพี่ปีใจผมมันก็เต้นอย่างรุนแรงผู้ชายคนนี้มีไอชั่วร้ายอยู่รอบตัว เงาดำทะมึนแผ่กระจายอยู่ด้านหลัง แสดงว่าของมันแรงพอตัว ผมกับพี่ทศนั่งเฝ้าดูมันได้สักระยะก็เริ่มเห็นความผิดปรกติ คือ ไอ้เด็กนั่นมันเริ่มหัวร้อนและเริ่มเอะอะโวยวาย ว่าโดนโกง !!!

“กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เรานั่งอยู่นี่พี่จะเข้าไปคุยก่อน” พี่ทศจับไหล่ผมที่กำลังจะลุกเอาไว้ก่อนจะพูดออกมาทำให้ผมต้องนั่งลงที่เดิมพร้อมกับคิดว่าผมจะล้วงเอาความลับจากคนคนนี้ยังไง

“หรือว่าจะเอาแบบนี้ดีวะ?” จู่ๆ ความคิดหนึ่งมันอาจจะบ้าไปหน่อย แต่มันน่าจะได้ผล ผมหายไปจากที่ตรงนั้นทันที ก่อนอื่นผมต้องพึ่งใครบางคนที่ผมพึ่งจะเจอเมื่อครู่ เดินลงออกไปด้านนอกเพื่อตามหาใครบางคน สุดท้ายผมก็เจอมันกำลังจะออกไปกับหนุ่มตาน้ำข้าว ผมรีบเรียกมันไว้

“ไอ้มหา!!! ” ร่างสุงโปร่งนั่นหยุดชะงัก ฝรั่งคนนั้นด้วย ไอ้มหาค่อยๆ หันมาหาผมอย่างช้าๆ ตัวมันสั่นเทิ้มเหมือนกำลังโกรธอะไรสักอย่าง

“มึงเป็นใครมิทราบ!! ” ครับมันหันมาตะคอกใส่ผม

“กูเอง มึงจำกูได้ไหม กูเพียวไง” คิ้วของมันขมวดเข้าหากันนิดๆ และจ้องมาที่หน้าผม นี่มันคงลืมว่ามันหิ้วฝรั่งมาด้วย ไอ้ฝรั่งนั้นมันหันมามองผมด้วยเหมือนกันแถมยังส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้อีก เห็นแล้วแอบขนลุก นี่ถ้ามันไม่หรอระดับนายแบบนานาชาติผมคงวิ่งป่าราบไปแล้ว

“เพียว...เพียวไหนวะ หรือว่า ไอ้..เหี้ย เพียว” ครับใส่ยศมาให้ด้วยมันคงจะนึกออกแล้วละครับ ว่าผมเป็นใครเพราะว่ามันมักจะโดนผมแกล้งอยู่บ่อยๆ หวังว่ามันคงไม่แค้นฝังหุ่นแล้วฆ่าผมตายตอนนี้หรอกนะ

“เออ กูเอง^^”

“มึงมีอะไร? ตอนนี้กูไม่ว่าง” ปากยังไม่ทันจะอ้ามันก็ปฏิเสธผมแล้ว หน้าผมนี่เจื่อนไปเลย จะขอให้มันช่วยก็กระดากหัวใจ แกล้งเขาไว้เยอะ

“เออ มึง คือ กู เอ่อ ขอเวลากูแป๊บดิ กูมีเรื่องให้มึงช่วย” ผมบอกออกไปมันเริกคิ้วใส่พร้อมกับแสยะยิ้ม

“มึงกล้ามาขอความช่วยเหลือจากคนอย่างกูด้วย? ^^”

“เออ มีแค่มึงที่จะช่วยกูได้ นะมึง” ผมแทบจะอ้อนมันด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าศักดิ์มันค้ำคอผมอยู่ป่านนี้ผมลงไปนั่งกอดขามันแล้ว ไอ้มหามันยืนกอดอกทำท่าคิด แล้วในก็หัวเราะแบบชั่วร้ายใส่ผม ก่อนที่มันจะหันไปบอกให้ฝรั่งที่มันหิ้วมาให้ไปรอที่ห้องเลย พอผมได้ยินก็ยิ้มออกมาซะกว้างมันให้ผู้ของมันไปรอแสดงว่ามันจะช่วยผม พอฝรั่งนั่นหันหลังจากไป

มันก็หันมาทางผมพร้อมกับเดินสำรวจตัวผม มันมองตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากจะถามมันว่ามึงมองเหี้ยอะไรวะ แต่พูดไม่ได้ไงเดี๋ยวมันไม่ช่วย ผมนี่แย่แน่ๆ

“เตี้ยยังไงก็เตี้ยอย่างนั้น ร้อยกว่าปีมานี่มึงสูงขึ้นถึงสามเซ็นไหมไอ้เพียว” ดู๊ ดู มัน ถากถางเรื่องปมด้วยของผมอยากจะกระโดดเตะปากมันจริงๆ แต่ทำไม่ได้ ผมต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ พยายามจะหายใจลึกๆ

ฟู้ ฟู้ เย็นไว้ไอ้เพียว เพื่อผัว เพื่อผัว มึงท่องไว้ ว่า เพื่อผัว

“ก็กูโตได้เท่านี้ ตกลงว่ามึงจะช่วยกูไหม” ผมรีบถามเพราะถ้าช้ากว่านี้ ไอ้เฟียสมันจะหนีไปซะก่อน

“ได้!! กูช่วยมึงก็ได้ ถ้ามึงยอมกราบขอโทษกู^^” เชียะ กะแล้วว่ามันต้องทำแบบนี้แต่ว่ากราบขอโทษมันจมากไปรึเปล่าวะ ผมแทบจะต่อยมันด้วยซ้ำตอนที่มันทำหน้าเยาะๆ ใส่ผม

“.....”

“ว่าไง มึงรีบไม่ใช่เหรอ กราบขอโทษกูสิ^^”

“....”

“ถ้าไม่ทำ งั้นกูกลับ ไปแดกฝรั่งก่อนละกัน” ด้วยความกดดันจากคำพูดของมันทำให้ผมหมดทางเลือก

“เดี๋ยว เอ่ออ ก็ได้ กูขอโทษ!! ”

“ยกมือไหว้กูด้วยสิ” ผมจำใจต้องยกมือขึ้นไหว้มัน แค้นแมร่งฉิบหาย อย่าให้ได้เจอกันอีกนะมึง

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” มันระเบิดเสียงหัวอย่างสะใจ

“จะช่วยกูได้รึยัง” ผมถามเสียงขุ่นๆ

“ได้สิ จะให้ช่วยอะไรละ” มันตอบพร้อมกับกอดอกมองผมด้วยท่าทีเย้ยๆ

“แปลงร่างให้กูที กูรู้มึงทำได้” มันชะงักแล้วมองผมแปลกๆ

“แปลงยังไงวะ?”

“แปลงให้กูเป็นผู้หญิงเอาสวยๆ” ผมรีบบอกดวงตาผมเริ่มมีประกายขึ้นมา

“เพื่อ?”

“ช่วยผัว เอ้ยย ช่วยเพื่อนข้างบ้านเขากำลังจะมีเรื่องเดือดร้อน” ผมจะให้มันรู้ตอนนี้ไม่ได้ว่าผมคบกับผู้ชาย เดี๋ยวมันจะล้อผมอีก

“หืม ช่วยเพื่อน? มึงนี่ก็ลงทุนดีเนอะ ตอนนั้นมึงไม่เห็นจะช่วยเพื่อนอย่างกูเลย” น้ำคำมันเฉือดเฉือนผมได้ตลอดจริงๆ ผมกลอกตาบนอย่างเหนื่อยใจ

“เออ เรื่องมันแล้วไปแล้วมึงจะจำฝังใจอะไรนักหนาวะ” ผมพูดออกไปเพราะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ

“อ่อ ถ้ากูเอากระเป๋ามึงไปใส่กบแล้วมันเลอะทั้งตัวมั่งมึงคงจะดีใจงั้นสิ?” ใช่ผมเคยเอากระเป๋านักเรียนมันไปแล้วช้อนเอากบในบ่อน้ำหลังโรงเรียนใส่กระเป๋ามันจนเต็มแล้วพอถึงคาบเรียนช่วยบ่ายมันเปิดกระเป๋าที่เต็มไปด้วยกบกลางห้องเรียน กบที่อัดอยู่เต็มกระเป๋าพากันกระโดดออกมาจนมันช็อกแล้วสลบไปเลย ผมยิ้มแหย่ๆ ร็สึกผิดขึ้นมาทันที

“เห้ย ไอ้กู๊ดมันยุกู กูไม่ได้ตั้งใจ” ผมรีบบอกปัดโยนความผิดไปหึคนอื่นทันที

“แต่มึงเป็นหัวโจกไอ้เพียว”

“เออ กูขอโทษแล้วไง ลืมๆ ไปเหอะนะๆ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ต่อจากนี้ไปกูจะเรียกมึงลูกพี่เลยก็ได้นะๆ ” มันแอบยิ้มมุมปากแล้วเชิดหน้าขึ้นนิดๆ

“เรียกสิ”

“ลูกพี่คร๊าบบบ พ่อมหาจำเริญ ช่วยน้องเพียวด้วยนะคร๊าบบ” โอ้ยย นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อผัวนะ ไอ้เพียวไม่ยอมขนาดนี้หรอก

“หึหึหึ ดีมาก อ่อ อีกอย่างกูไม่ได้ชื่อมหา กูชื่อมินิ ได้โปรดจำเอาไว้ด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 22 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 14-01-2018 09:08:46
หลังจากที่ยำยีศักศรีกูเรียบร้อย ไอ้มหา ไม่สิไอ้มินินมันก็พาผมไปที่ๆ หนึ่ง มันเป็นร้านเสริมสวยขนาดกลางๆ ที่ดูหรูมากๆ

“มือโปรอย่างกูจะเนรมิตมึงให้เป็นนางงามให้ดู” ผมพูดอย่างมั่นใจ เออ กูก็มั่นใจ ว่ามึงทำได้

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเนอะ” มันชะงักแล้วทำหน้าโนสนดนแคร์ใส่

“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน อยู่นิ่งๆ ดิวะ เดี๋ยวคิ้วเบี้ยว” มันจับคางผมไว้ไม่ให้ขยับ” การแต่งหน้าครั้งแรกในชีวิตของผม มันออกจะตื่นเต้นหน่อยๆ แถมมันยังรู้สึกอายๆ ด้วยไม่รู้จะมายังไงด้วยซ้ำ ผมโดนไอ้มินิจับหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่นานจนมันเอาวิกมาใส่ให้ แล้วเอากระจกให้ผมดู

“เชี้ยะ สวยสาสส” ไม่อยากจะชมตัวเองหรอกนะแต่กระจกมันไม่โกหกหรอก

“ฝี มือกู แล้วมึงจะทำอะไรถึงได้ให้กูแปลงโฉมให้ขนาดนี้” ไอ้มินิมันกอดอกถามพร้อมกับมองผลงานบนใบหน้าผมไปด้วย

“หลอกล่อผุ้ชายที่คิดร้ายกับ ผัว เอ๊ยย เพื่อนกูไง ไอ้นี่มันร้ายเป็นทั้งผีพนันแล้วก็เสือผู้หญิง แถมมันยังโดนปืศาจชั่วสิงอยู่อีก” ผมบอกพร้อมกับจับใบหน้าตัวเองอย่างอึ้งๆ

“มึงจะทำได้ จริตอ่อยผู้มึงมีเหรอ”

“มีดิ กูอ่อยประจำ”

“อ่อยผัว?” ผมแทบหงายหลังเมื่อมันสวนขึ้นมาแบบนั้น

“บ้า!! ผัวเผอ อะไร ไม่มี” ผมรีบบอก

“ตอแหล กูรู้คนอย่างมึงอ่านไม่ยากหรอก มีก็บอกว่ามีจะอายอะไร”

“กูไม่ได้อาย แต่กูกลัวมึงล้อไง”

“หึหึหึ เดี๋ยวหัดกลัว เหอะ ! เอาเถอะกูไม่ล้อมึงหรอก จะทำอะไรก็รีบทำ ผู้กูรอนานแล้ว” มันไล่กลายๆ พร้อมกับยื่นเสื้อผ้าผู้หญิงให้ผมชุดหนึ่ง

“ไปเปลี่ยนซะกูจะได้ไปสักที” ผมรีบทำตามที่มันบอก ชุดแซกน่ารักๆ เข้ากับวิกผม มันยิ่งทำให้ผมดูสวยสะพรั่งเข้าไปอีกโอ้ยจีบตัวเองจะผิดไหมเนี้ยะน่ารักเกิ้นน...

เดินออกจากร้านเสริมสวยแล้วกลับไปที่ร้านของพี่ทศ เดินผ่านการ์ดคุมร้านพร้อมกับยื่นบัตรvipmที่พี่ทศให้ไว้แค่นี้ก็ผ่านฉลุย อยากจะลองเช็กเรตติ้งดูว่าผมจะมีเสน่ห์ขนาดไหน จากที่เขินๆ กระดากใจตอนนี้กลับรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว ผมพยายามใช้สายตาแบบมีจริตจะกร้านใส่ทุกคนที่ผมเดินผ่าน ทุกคนมองตามผมคอแทบจะเคล็ด ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ กูสวยละสิ ก๊ากกก หัวเราะอยู่คนเดียวในใจ ก่อนจะเดินไปหาพี่ทศที่ยังโซนวีไอพี

“ใจเย็นสิคุณเฟียส เรื่องแค่นี้เอง” ผมเห็นพี่ทศกำลังคุยกับไอ้เด็กเฟียสที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในมือมีเหล้ารสแรง เขายกมันขึ้นจิบ

“ผมเป็นลูกค้าคุณไม่น่าทำกับผมแบบนี้ ผมไม่พอใจมาก”

“มันเป็นธุรกิจที่อาศัยดวงนะครับคุณก็น่าจะเข้าใจนะครับ ว่าทุกอย่างมันไมได้เป็นไปตามที่คุณหวังไว้เสมอ เงินมันไม่เข้าใครออกใคร ดวงดีได้ตาร้ายเสีย” พี่ทศพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่กลับอีกคนนั้นตาแดงก่ำด้วยความโกรธอย่างสุดขีด

“แต่นี่มันโกง มึงโกงกู!!! เอาเงินกุคืนมา!!! ”

“มีอะไรกันเหรอคะ? เสียงดังเชียว” ผมเดินกรีดกรายเขาไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โปรยยิ้มหวานๆ ให้กับสองคนนั้น

“คุณเป็นใครกันครับ?” ไอ้คุณเฟียสมันหันมาทำตาหวานๆ ใส่เห็นแล้วรู้สึกขนลุก แต่กับพี่ทศนี่สิเขาทำหน้าอึ้งๆ

“หนูชื่อพริ้มค่ะ เป็นพนักงานของที่นี่ แล้วคุณ?”

“เฟียสครับผมชื่อเฟียส^^”

“แล้วนี่มีเรื่องอะไรกับเจ้านายของพริ้มหรือเปล่าคะเสียงดังกันเชียว”

“อ่า เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ว่าแต่ คืนนี้คุณพอจะมีเวลาไปนั่งคุยเป็นเพื่อนผมไหมครับ ผมมาคนเดียวเลยรู้สึกเหงาๆ” มันเอามือมาวางไว้ที่เอวของผมอย่างเนียนๆ พี่ทศเงียบไปไม่พูดอะไรอีก

“ว่างสิคะ สำหรับคนหล่อๆ อย่างคุณเฟียสพริ้มว่างเสมอค่ะ” ความสามารถของผมอีกอย่างคือการใส่เสียงสองและเสียงสาม ฮ่าๆ นี่ยังไม่นับสกิลตอแหลอีกนะ หึหึหึ รู้สึกภูมิใจนิดๆ

“ถ้าอย่างผมถือว่าคุณให้น้องพริ้มมาบริการผมเป็นค่าเสียหายที่คุณทำไว้กับผมละกันนะคุณทศ” ไอ้นี่มันยิ้มเยาะใส่พี่ทศพร้อมกับโอบไหล่ผมให้เดินออกไปที่เลาจ์ด้านนอก

“งั้นผมขอคุณกับพริ้มสักครู่นะครับ พริ้มตามพี่มาเดี๋ยวนี้!! ” พี่ทศเรียกเสียงเข้ม ผมหันไปยิ้มให้กับไอ้เฟียสหน้าม่อเพื่อขอตัว

“เดี่ยวพริ้มมานะคะคุณเฟียส” พูดจบผมก็โดนทีทศลากออกไปคุยที่ด้านหลังทันที

“นี่มันอะไรเพียว!! ” พี่ทศตะคอกผมเต็มแรงพร้อมกับบีบไหล่ผมแน่น

“พี่ทศใจเย็นดิ นี่มันวิธีของผมพี่ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมเจ็บแต่ก็พยายามจะพูดดีๆ กับพี่ทศ

“จะให้เย็นได้ยังไง รู้ไหมที่ทำอยู่มันเสี่ยงขนาดไหน? ไอ้นั่นมันมีปีศาจสิงอยู่เราก็รู้”

“ผมรู้น่า แค่จะล้วงความลับจากมันเท่านั้นนะพี่ ไม่ยากหรอก” ผมสะบัดตัวออกจากมือแกร่งที่จับผมเอาไว้แน่นและเดินออกไปหาไอ้หน้าหื่นทันที

“เพียว! บ้าเอ๊ยย” เสียงพี่ทศตะโกนไล้หลังมาอย่างหัวเสีย ผมรู้ว่าพี่ทศคงไม่ปล่อยให้ผมตกอยู่ในภาวะเสี่ยงทำภารกิจล่มได้ง่ายๆ กะอีแค่ปีศาจเรื่องเยอะมันจะอะไรนักหนากัน

เดินออกมาก็เจอไอ้เฟียสมันยืนยิ้มหวานรอผมอยู่ที่เดิม ผมเดินไปหาพร้อมกับคล้องแขนมันอย่างอ้อนๆ

“ไปกันเถอะคะ”

“เจ้านายเรียกพริ้มเข้าไปคุยอะไรเหรอครับนานเชียว” สอดรู้จริงๆ -*-

“เจ้านายบอกให้ดูแลคุณเฟียสดีๆ คะ^^”

“งั้นเหรอครับ ผมจะดูว่าพริ้มจะดูแลผมได้ดีขนาดไหน หึหึ”

“ดีถึงใจแน่นอนค่ะ” กูจะล้วงตับมึงมาสับให้ดูครับ มือมันอย่างกับปลาหมึก จับแทบไม่ทันให้ตายเหอะ

ผมพามันออกไปนั่งด้านนอกหามุมสงบๆ แล้วเริ่มสั่งเครื่องดื่ม ผมกินเยอะไม่ได้เลยหลอกล่อมอมเหล้ามันให้ได้มากที่สุด กลิ่นอายความชั่วร้ายมันเหม็นอย่าบอกใคร กลิ่นแบบนี้มีแต่พวกผมและยมทูตเท่านั้นที่จะได้กลิ่นและเห็นถึงพลังไอวิญญาณ

“พี่เฟียส พี่เฟียสเมาแล้ว พริ้มว่าเรากลับกันดีไหมคะ?”

“อ่า ใครบอกพี่มาวว พี่ไม่มาววสักหน่อย”

“ถ้าพี่เฟียสไม่เมางั้นเราไปต่อกันที่อื่นดีไหมคะ ไปห้องพี่เฟียสก็ได้” ผมรีบพูดพร้อมทำเสียงอ่อยๆ

“อยากไปห้องพี่ หึหึ ได้สิครับคนสวย เราจะไปสวรรค์ด้วยกันเนอะ^^ ฟอดดด” ไอ้เชี้ยยยยยย แม่งหอมแก้มผม แหวะจะอ้วก

“พี่เฟียสอะ อย่าใจร้อนสิคะ” ผมบิดตัวหลบการจู่โจมของผุ้ชายคนนี้พลันวัน พร้อมกับลากมันออกมาจากร้านอย่างทุลักทุเล

ปึก!! อ๊ะ

“ขอโทษครับ...= =’ ” เชี้ยะ คือเชี้ยะเลย คนที่รีบร้อนเดินจนเดินมาชนผมกับไอ้หน้าปลาจรวดนี่แทบหน้าคะมำนี่ดันเป็นผัวผมครับ มันจ้องหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดผมรีบหลบสายตากลัวเขาจะจำได้

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ พริ้มขอตัวก่อนนะคะ พอดีแฟนพริ้มเมามากจะพาเขากลับบ้าน” เสียงกูจะสั่นไปไหน รีบเดินเลี่ยงออกมาทันที นาทีนี้ไม่สนแล้วครับว่าพี่มันจะตามมาไหมขอให้พ้นจากตรงนี้ก่อนที่หายนะของแท้มันจะมาหาผม ใช้แรงทั้งหมดที่มีลากไอ้ขี้เมาไปที่ลานจอดรถ แล้วถามมันว่ารถจอดที่ไหน พอเจอรถคันหรูที่มันใช้ผมก็อยากจะกระโดดเตะก้านคอมันทันที แพงกว่ารถผัวผมอีก!! เงินผัวกูทั้งนั้น สัส!!

“พริ้มขับให้ดีกว่าเนอะ พริ้มไม่อยากนอนคุก” ผมรีบคว้ากุญแจในมือมันมาถือไว้ ปลดล็กแล้วจับมันยัดใส่เบาะคาดเข็มขัดให้ด้วย กลัวมันจะดิ้นเมาตกรถตาย ซวยผมอีก

ถามมันว่าคอนโดมันอยู่ที่ไหน มันก็ตอบกลับมาเสียอ้อแอ้ว่าแถวๆ อโศก โครงการที่ใหญ่ที่สุดในย่านนั้น พอมาถึงผมก็พามันไปยังห้องชั้นที่ สามสิบชั้นเกือบบนสุด สัส แค่นี้ก็โคตรจะแพงแล้ว เห็นแล้วแค้นนนนนนนนนน -*- ปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือเรียบร้อยก็ลากมันเข้ามาด้านใน ก่อนจะเทมันไว้ที่โซฟารับแขก เมาหนักขนาดนี้คงไม่มีแรงลุกมาทำอะไรผมได้หรอก ถึงจะทำมันก็ไม่มีทางที่จะสู้ผมได้ นอกเสียจากว่า มันจะเอาเลือดม้ามาสาดใส่ผม เชี้ยะแล้วจะบอกให้พวกคุณรู้ทำไมมันเป็นความลับ....

“เฟียส ไอ้เฟียสส”

“......” ไร้สัญญาณตอบรับ หึหึดี ผมรีบทำตามแผนที่วางไว้ทันที คือมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของมันก่อนอันดับแรก ผมค้นหาเอกสารหรืออะไรก็ได้ที่จะเป็นหลักฐานเอาผิดมันกับบริษัทของที่ปี ทั้งตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หามันจนทั่วแต่ก็ไม่เจอผมเดินไปที่ผนังห้องมันน่าจะมีเชฟลับอยู่ที่ไหนสักที่ผมเพ่งจิตหาจนเจอว่ามันซ่อนอยู่ด้านหลังตู้หนังสือ และมันก็อยู่ในนั้นจริงทั้งเอกสารและแฟรชไดฟ์อะไรสักอย่างผมรวบรวมมันใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ กะว่าจะชิ่งโดยการใช้ประตู

“ลาก่อนนะไอ้ หน้าปลาบึกหึหึหึ กูจะเอาของทุกอย่างที่มึงขโมยผัวกูไปคืนให้หมด” ผมพูดอย่างยิ้มเยาะ แล้วนึกถึงสถานที่ที่ผมจะไปแล้วเปิดประตู

“หึหึหึจะไปไหนจ๊ะ น้องพริ้มมม^^” แทนที่จะเป็นห้องนอนของผม แต่มันกลับเป็นไอ้เฟียสยืนจังก้าขวางประตูห้องเอาไว้

“ไอ้เฟียส!!! ”

“เออ กูเอง คิดว่าลูกไม้ตื้นๆ ของพวกยักษ์โง่ๆ อย่างมึงจะหลอกปีศาจอย่างกูได้เหรอ!!! ”

“ซวยละ” ครับซวยของแท้ ซวยยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

“เลือดม้า สยบยักษ์ มึงเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม?”

“พริ้มว่าเราต้องมีเรื่องเข้าใจอะไรกันผิดแน่เลย พริ้มแค่จะมาจัดที่นอนให้พี่เฟียสเองนะคะ^^”

“ตอแหล” มันไม่เชื่อ ในเวลาแบบนี้ที่เวทมนตร์ผมใช้ไม่ได้กับมัน คงจะมีแต่พลังกายเท่านั้น เอาวะ สู้ดีกว่าให้มันทำร้ายเราฝ่ายเดียว

ผมผลักร่างของมันให้กระเด็นไปอีกทางทันทีก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางออก แต่ทว่าทุกประตูมันทาเลือดม้าเอาไว้หมด แค่เลือดของมันก็ทำเอาผมแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ เหลือที่เดียวคือห้องน้ำ ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้งและผมต้องขังตัวเองอยู่ด้านในนั้น และขอความช่วยเหลือ ผมวิ่งผ่าน ไอ้เฟียสมันจ้องผมอย่างเคียดแค้น ก่อนจะลุกแล้วคว้าข้อเท้าผมเอาไว้ ผมรีบสะบัดออกแล้วออกวิ่ง มันวิ่งตามมาติด ความรู้สึกเหมือนวิ่งหนีซอมบี้ในหนังเด๊ะๆ มีนทั้งน่ากลัวแล้วก็ตื่นเต้น

“นึกว่าจะหนีกูได้เหรออีพริ้ม!! ” ปึงๆ ๆ ๆ

“เชี้ยะ” มันพยายามจะพังประตูเข้ามา ผมรีบกดโทรศัพท์หาพี่ทศทันที

“รับสิวะ”

ปึง ปึง

“เชี่ยะ โหลพี่ทศแย่แล้ว” ผมรีบกลอกเสียงลงไปทันทีที่พี่ทศรับสาย

“ทางพี่แย่กว่า ปีมงคลอารวาดอยู่ที่นี่”

“ห๊ะ!!! โอ้ยย พี่ทศรีบมาช่วยเพียวก่อนไอ้เฟียสมันรู้แล้วว่าเราเป็นใคร เลือดมาเต็มห้องมันเลยพี่รีบมาช่วยผมด้วยนะพี่”

“อะไรนะ!!! เพียว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ธรรมดา รออยู่นั่น แล้วพยายามหาทางช่วยตัวเองให้รอดพี่จะรีบไป” ครับแค่นี้ผมก็อุ่นใจขึ้นมานิดอย่างน้อยๆ พี่ทศก็จะมาช่วยผม

ปึง ปึง

“ออกมา!!! กูบอกให้มึงออกมา!! ”

“ออกไปให้โง่เหรอวะ” ผมตะโกนตอบกลับมันไป ปากดีใส่มันทั้งๆ ที่ตัวเองวิ่งเป็นหนูติดจั่นอยู่แบบนี้

อย่าให้ออกไปได้นะมึง!!!

++++++++++++++++++++++

ยักษ์ของเรากำลังตกที่นั่งลำบาก พี่ทศจะมาช่วยเพียวน้อยของเราได้ทันไหมโปรดติดตามนะครับ



 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 22 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-01-2018 09:27:55
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 22 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 14-01-2018 17:03:55
ลุ้นนนนนนนนนนน ใครก็ได้มาช่วยเพียวที
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 23 25/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 25-01-2018 07:33:40








อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 23

ตกเย็นเลิกงานผมไม่ได้กลับบ้านไปหาไอ้เพียวมันหรอกครับ ผมมาดักมันที่ร้าน อสุรา แต่กว่าจะหาร้านนั้นเจอเล่นเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แถมพอเจอยังหาที่จอดไม่ได้อีกลำบากต้องวนรถหาที่จอดอีกโคตรจะหงุดหงิด เดินเข้าไปนั่งรอพวกมันในร้าน โดยเลือกมุมที่จะมองเห็นไอ้เพียวได้ทันทีที่มันก้าวเข้ามาในร้าน พอได้ที่นั่งเหมาะก็สั่งเครื่องดื่มมาแก้วหนึ่ง จะได้ไม่น่าเกลียด นั่งรอจนรากจะงอกจนคิดว่ามันคงไม่ได้มาที่นี่กันแล้วผมเลยสั่งเช็กบิล หมดไปร้อยกว่า กับเหล้าแก้วเดียว เดินออกไปที่รถที่จอดเลยหน้าร้านไปไม่ไกล ผมเดินมองไปรอบๆ เผื่อจะเจอมัน แต่ก็ ไม่

ปึก !! ตา มันก็แต่มองหาเมียจอมดื้อของตัวเองจนเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า แค่แวบแรกก็ทำเอาหัวใจผมกระตุกอย่างรุนแรง สายตาผมปะทะเข้ากับ หญิงสาวที่กำลังแบกลูกพี่ลูกน้องผมออกมาจากทางหลังร้าน เราเดินชนกันโดยบังเอิญ ใบหน้าของเธอทำให้ผมลืมเรื่องของเฟียสไปเสียสนิทลืมแม้กระทั่งเรื่องเมียตัวเอง ใบหน้าของเธอเหมือนกับรักแรกของผม รักที่ผมตามหามาค่อนชีวิต เธอส่งยิ้มมาให้ผม รอยยิ้มแบบนั้นผมจำได้ แววตาคู่นั้นผมไม่เคยลืม เพราะมันเหมือนกับของไอ้เพียวไม่มีผิด!! เหมือนจนรู้สึกตงิดใจขึ้นมานิดๆ เพราะมัวแต่อึ้งจนคิดอะไรไม่ทัน ผู้หญิงคนนั้นก็เดินแบกไอ้เฟียสออกไปแล้ว ผมยังคงรู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น แต่ทว่าอะไรบางอย่างมันทำให้ผมฉุกคิด

“หืม!!! ” เพราะสายตาผมเห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่น่าจะแบกผู้ชายตัวโตๆ อย่างไอ้เฟียสไหว ไหนจะท่าเดินที่ดูแปลกๆ มันก็ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้

“ผู้บ้าอะไรจะแรงเยอะแบบนั้น หรือว่า” ในขณะที่ผมกำลังจะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้น ออกไป จู่ๆ ไอ้หน้านิ่งมารหัวใจผมก็โผล่มา

“อ่าวคุณปีวันนี้มาใช้บริการที่ร้านผมด้วยเหรอครับ ถือว่าเป็นเกียตรอย่างยิ่ง” มันจับไหล่ผมไว้แน่น

“ปล่อยกูนะ เมื่อกี้ไอ้เพียวใช่ไหม ใช่ไหม!! ” ผมตะคอกใส่มันเต็มแรง นี่มันกับไอ้เพียวรวมหัวทำอะไรกัน แล้วทำไมต้องไปยุ่งกับไอ้เฟียสด้วย ผมร้อนรนเพราะว่าคนอย่างไอ้เฟียสมันตัวอันตราย ด้วยทั้งนิสัยแล้วก็ความคิดของมัน แล้วทำไมมันถึงได้ใช้ให้เมียผมไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นด้วย เลือดขึ้นหน้าเลยทีนี้

“^^”

“ตอบกูมาเด๊ ว่าเมียกูอยู่ที่ไหน มึงพามันไปทำอะไร!! ” ผมตวาดเสียงลั่น จนคนที่เดินไปมาต่างพากันหันมามอง

“ใจเย็นสิครับ ผมไปส่งไอ้เพียวที่บ้านแล้วคุณสบายใจได้ ไหนๆ ก็มาแล้วผมว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่า” มันไม่พูดเปล่า มันลากผมเข้าไปด้านในด้วย ผมทั้งดิ้นทั้งถีบแต่ทำไมผมถึงสู้แรงมันไม่ได้เลยวะ ตัวก็เท่าๆ กัน!!

“ปล่อยสิวะ จะลากกูไปไหนกูไม่ไป ไม่ดงแดกอะไรทั้งนั้น กูจะกลับบ้าน กลับไปหาเมีย! ” จะพูดจะด่าจะอะไรใส่มัน มันก็ยิ้มกวนตีนตอบกลับมาทุกครั้ง จนผมเหมือนคนบ้าที่โวยวายลั่นร้าน

“^^” ไอ้สัส กวนตีน!!! มันลากผมเข้าไปนั่งในห้องทำงานของมันครับนั่งจ้องหน้ามันอย่างโกรธๆ โมโหด้วย ผมรู้ว่ามันโกหกและพยายามจะถ่วงเวลาผม

“กูจะกลับ!! ”

“พล่ากุ้งร้านเราก็อร่อยนะครับ เดี๋ยวผมให้เด็กจัดมาให้ข้างในนี้ละกัน ไม่ทราบว่าเครื่องดื่มจะรับเป็นอะไรดีครับ น้ำส้มไหม^^” หน้อยย ไอ้เหียกนี่ มันจงใจกวนสนตรีนผมเกินไปแล้วนะ พูดอะไรแมร่งไม่ฟังสักอย่าง - -* ได้ๆ อยากเจอฤทธิ์ไอ้ปีใช่ไหม ด้ายยยยยยย ผมยิ้มเหี้ยมใส่มันก่อนจะกดเสียงลงต่ำ

“จะปล่อยกูไปดีๆ หรือจะให้กูสั่งปิดร้านของมึง เลือกเอา”

“^^ “

“อะไรของมึงวะ ยิ้มอยู่ได้ มึงจะเอาใช่ไหม เอาใช่ไหม” ผมตั้งท่าจะกระโจนใส่มันเต็มที่

Rrrrrr Rrrrrrr

“ (เชี่ยะ โหลพี่ทศแย่แล้ว) ” เสียงๆ หนึ่งมันดังลอดมาจากโทรศัพท์ของไอ้ทศ เสียงไอ้เพียว!!

“ทางพี่แย่กว่า ปีมงคลอารวาดอยู่ที่นี่” กูไม่ได้มาอาราวาดมึงนั่นแหละที่ทำให้กูอาราะวาด!

“ห๊ะ!!! โอ้ยย พี่ทศรีบมาช่วยเพียวก่อนไอ้เฟียสมันรู้แล้วว่าเราเป็นใคร เลือดม้าเต็มห้องมันเลยพี่รีบมาช่วยผมด้วยนะพี่” เสียงของมันดูร้อนรนมาก นี่ไอ้เพียวเป็นอะไร มันเป็นอะไร ดูจากสีหน้าของไอ้ทศที่ดูจะตกใจและกังวลยิ่งทำให้ผมกลัวมากไปกว่าเดิม

“อะไรนะ!!! เพียว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ธรรมดา รออยู่นั่น แล้วพยายามหาทางช่วยตัวเองให้รอดพี่จะรีบไป” หาทางช่วยตัวเองไปก่อนเหรอ เมียกูตัวเล็กเท่ามดจะไปรอดอะไรวะ!

“กูไปด้วย! ” มันหันมาทำหน้าตกใจแล้วรีบเดินออกไปทันที เหมือนจะไม่ยอมให้ผมไปด้วย

“นี่กูบอกว่ากุจะไปด้วย” เรื่องอะไรผมจะยอมรีบวิ่งตามมันออกไป ด้วยความไวแสง มันเองก็รีบเหมือนกัน ไม่หันมาค้านหรืออะไรผมสักอย่างตามมันจนไปถึงรถ ผมกระโดดขึ้นรถมันทันที หน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะแบบนี้พูดเลย มันหันมาปรายตามองผมนิดแล้วหันไปขับรถต่อ ใช้สายตาด่าผมประมาณว่าจะเสือกอะไรด้วย สถานที่ที่มันขับรถมา ทำเอาผมตกใจสุดๆ นี่มันคอนโดไอ้เฟียส!!!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ้เพียวมันมาที่นี่ได้ยังไง”

“คุณรู้เหรอว่าไอ้เฟียสมันอยู่ที่นี่ ห้องไหนรีบพูดมา! ”

“รู้! ”

“งั้นรีบเลยเพียวกำลังตกอยู่ในอันตราย!! ”

“ห๊ะ! แล้วทำไมพึ่งจะมาบอก ไอ้เหี้ย!! ” พอได้ยินผมก็วิ่งหน้าตั้งไปที่ลิฟต์แล้วกดชั้นที่อยู่ของไอ้เหี้ยเฟียสทันที

ปัง!!!!! ผมออกแรงทุบประตูห้องจนมันสั่นไปหมด ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดดออกมา

“ไอ้เฟียสเปิดประตู!! ”

“....”

“ไอ้เฟียส เปิดประตูสิวะ!! ”

ปัง ปัง ปัง!! ทุบจนประตูสะเทือนไปหมด ในเมื่อมันไปเปิดผมก็จะพังเข้าไป

“พังมัน พังประตูเลย!! ” ผมหันไปบอกไอ้ทศที่ยืนทำสีหน้าเป็นกังวลอยู่ไม่ห่างมันไม่อยู่ใกล้ประตูด้วยซ้ำ พอผมบอกมันก็พยักหน้า พวกเราถอยออกห่างประตูบานนนั้นแล้วพุ่งเข้าหาเต็มแรงจนมันเปิดอ้า พอประตูเปิดผมก็ได้กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนปะทะเข้ามาในจมูก พอกวาดสายตาไปทั่วๆ ผมก็เห็นแต่เลือดเต็มพื้นไปหมด

“เพียว!!! ” ผมรีบตะโกนเรียกคนรักทันที วิ่งหาตามห้องต่างๆ จนมาถึงห้องนอนของไอ้เฟียส ผมวิ่งเข้าไป ก็ต้องตกใจสุดๆ เพราะคนที่มักกำลังบีบคออยู่นั่นคือผู้หญิงคนที่ผมเจออยู่หน้าร้านของไอ้ทศ ไม่สิ นั่นมันไอ้เพียวต่างหาก ใจผมกระตุกแรง พอตั้งสติได้ สิ่งที่ผมเห็นคือ ไอ้เฟียสกำลังบีบคอไอ้เพียวด้วยมือข้างเดียวและยกจนตัวมันลอยเหนือพื้น หน้าไอ้เพียวซีดไปหมดและกำลังจะขาดใจตายมือของไอ้เพียวกำลังกำข้อมมือของไอ้เฟียสไว้แน่น สายตาของมันมองมาที่ผม น้ำตามันไหล และพยายามจะเปล่งเสียงเรียกผม และนั่น ขาของผมมันก็ขยับ กระโดดถีบร่างไอ้เฟียสเต็มแรงจนมันกระเด็นไปอีกทาง และทำให้ไอ้เพียวหล่นลงบนพื้นมันรีบโกยลมหายใจเข้าปอดและไอโขลกออกมาอย่างหนักผมรีบประคองมันขึ้นมา ใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิงของมันเต็มไปด้วยรอยช้ำ และเครื่องสำอางที่กำลังหลุดลอกขอบตาเลอะไปด้วยอายไลเนอร์ไม่เหลือเค้าความสวยเลบสักนิด

“พาผมออกไปจากที่นี่เร็วเข้า เร็ว!! ” มันแทบจะไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมาจากปากเล็กนั่น ดวงตาของมันเหมือนกำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่าง “แค่ออกจากที่นี่ ผมจะดีขึ้น พี่ปีเร็วเข้า” ไอ้เพียวพูดแล้วหันไปดูร่างที่ค่อยลุกขึ้นจากพื้น ผมถีบมันแรงมาก แรงเท่าความแค้นที่ผมมีให้กับมันจนมันกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ไม่คิดว่ามันจะลุกขึ้นมาไหว แต่ทันทีที่ผมสบตากับมัน ผมก็รู้ได้ว่านั่นไม่ใช่ไอ้เฟียสที่ผมรู้จัก ไม่ใช่ไอ้เด็กที่วันๆ เอาแต่เที่ยวและทำตัวเสเพลและแบมือขอเงินจากผมไปวันๆ ทั้งๆ ที่มันก็มีตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท ดวงตาของมันแข็งกร้าวและดูไม่เหมือนมนุษย์

“พี่เร็ว!! ” ผมรีบพาไอ้เพียวออกมาจากที่ตรงนั้นทันที ผมลืมไปเลยว่าไอ้ทศมันก็มาด้วย แต่ทำไมมันไม่เข้ามาข้างใน พอออกมานออกห้องได้ไอ้เพียวมันก็เหมือนจะดีขึ้น

“พี่ทศ? เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไอ้เฟียสมันไม่ใช่อะไรๆ ที่เราจะจัดการได้ในตอนนี้” นี่พวกมันพูดเรื่องอะไรกัน ไอ้ทศมันรีบมาช่วยผมพยุงไอ้เพียวอีกข้างก่อนที่เราจะพากันออกจากคอนโดของไอ้เฟียส ยอมรับเลยว่าออกมาพ้นสถานการณ์แบบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกโกรธไอ้คนที่นั่งหน้าซีดๆ อยู่ข้างๆ ไม่ได้ ทำไมมันชอบทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาผม และที่มันเข้าหาไอ้เฟียส มันก็คงไม่พ้นเรื่องของผมอีก ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาผมคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้แน่ๆ ผมจับไอ้เพียว มันอนหนุนตัก วิกผมยาวของมันกองลู่ไปกับเบาะ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดๆ เหมือนเหมือนคนมีความผิดติดหลัง

“พี่ โกรธผมไหม”

“ไว้ค่อยคุยกันที่บ้าน” ผมตอบมันด้วยเสียงนิ่งๆ ตาโตๆ ของมันเบิกกว้างขึ้นอีกนิดจนดูตลกมันคงจะกลัวว่าผมจะด่ามันแน่ๆ

“พี่ทศเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านด้วยนะพี่” มันรีบหันไปหาพี่ชายมันทันทีผมละอยากจะตบหัวมันให้สมองกลับจริงๆ

“ตีสองนี่อะนะเพียว?”

“อะ เออ ก็นั่นแหละ พี่คงไม่ได้กินอะไรมาด้วยใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวน้องทำให้กินเอง” เสียงหวานเชียวนะแหม่ ผมทำตาดุใส่มันก็ยิ้มแหย่ๆ มาให้ หาทางรอดตลอดเลย

“มันไม่หิวหรอก มึงก็เจ็บหนักขนาดนี้ไม่มีแรงลุกมาทำกับข้าวแน่ๆ ส่งพวกกูที่บ้านแล้วก็กลับไป ส่วนเรื่องของวันนี้เอาไว้กูจะคิดบัญชีกับมึงทีหลัง”

“เหอะ” ไอ้ทศมันแค่นเสียงใส่พร้อมกับมองผมผ่านกระจกมองหลัง มันแสยะยิ้มออกมานิดๆ แล้วหันหน้าไปขับรถต่อ ไอ้เพียวหลับไปแล้ว ผมนั่งลูบหัวมันไปตลอดทางกลับบ้านของเรา ไม่นานก็มาถึงทุกคนหลับหมดแล้ว รวมถึงไอ้ตัวแสบบนตักผมด้วย ผมค่อยๆ อุ้มมันลงจากรถ และพาไปที่บ้านของผม โดยที่ไม่หันกลับมาสนไอ้หน้างูที่นั่งมองพวกเราอยู่เลยสักนิด ผมอุ้มไอ้เพียวไปที่ห้องนอนของผมและวางมันลงบนที่นอน พิจรณาดุทุกอย่าง ยอมรับว่ามันเหมือนพี่สาวคนนั้นมากๆ เหมือนคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นพี่สาวคนนั้น อายุพี่เขาก็น่าจะเยอะแล้ว สักสี่สิบห้าได้แล้วมั้ง คงไม่ใช่เด็กอายุยี่สิบต้นๆ แบบไอ้เพียว แน่ นั่งดูมันได้สักพักก็ลุกไปเอาน้ำใส่กะละมังใบเล็กกับผ้ามาเช็ดคราบสกปรกและก็คราบเลือด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เลือดที่มันสาดอยู่เต็มห้องห้องนั้นมันเป็นเลือดของใคร เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะมีแผลเลยสักที่

“อือออ อย่า” มันทำปากงึมงำออกมาและพยายามจะปัดผ้าในมือผมทิ้ง

“อย่าดินนิ่งๆ จะเช็ดตัวให้”

“อืออ อย่าซี่..เดี๋ยวพี่ปีดุ” นี่มันเพ้อบ้าอะไรของมันแถมยังมีแอบอมยิ้มอีก….-*- จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน!!

“เพียว...ถ้าตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งดีๆ” ผมแกล้งว่าเขาเสียงเข้ม แต่ไอ้แสบยังทำเป็นหลับ ทั้งๆ ที่ผมเห้นมันแอบเหล่ตามองผมด้วย

“งือออ หนาวๆ น้องเพียวหนาวครับ” มีการพลิกตัวหนีผ้าในมือผมด้วย มันคลานไปนอนอีกฝั่งของที่นอนอย่างเนียนๆ

“ตื่น แล้วก็ลุก อย่ามาทำเนียนนะไอ้ตัวแสบ ไปก่อเรื่องมาแล้วคิดจะหนีเหรอ”

“งืออออ”

“ไม่ลุกก็ตื๊บซ้ำนะ”

พรึบ! มันลุกขึ้นนั่งแล้วทำตาแป๋วๆ ใส่

“ *0* ตะเองทำเค้าลงเหรอ”

“= = “ทำเสียงได้ตอแหลเข้าไปอีก

“ อย่าตื๊บเมียเลยนะ”

“ไหนบอกเหตุผลมาซืครับว่าไปทำอะไรที่คอนโดไอ้เฟียสครับ? ^^ “

++++++++++++++++

เห็นรอยยิ้มเหี้ยมของพี่ปีแล้ว ขนผมนี่ลุกไปทั้งตัวเลยครัช รอยยิ้มที่มองดูแล้วเหมือนเทวดาแต่ให้ความรู้สึกเหมือนซาตานกำลังจะภิพากษาเลย อ๊ากก ตายแน่ไอ้เพียว

“อะ คืออ เอ่อออ คือว่า..”

“พูดสิ^^” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงตะคอก หรือ เสียงดังใส่ แต่กลับเป็นเสียงโทนต่ำๆ นิ่งๆ ที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ พี่ปีนี่น่ากลัวกว่าพวกท่านยมทูตอีกให้ตายเถอะ นั่งตัวสั่นอยู่บนที่นอน พยายามจะส่งสายตาอ้อนๆ ไปให้แต่ดูเหมือนอีกคนจะอยากรู้เรื่องของวันนี้มากกว่า

“คือ ว่า ผม อยากช่วยพี่ >< เลยให้พี่ทศช่วยตามสืบให้ วันนี้ก้กะว่าจะแอบไปขโมยหลักฐานในห้องของไอ้เฟียส แต่ว่ามันดันผิดแผนนิดหน่อย” ผมแต่เรื่องนิดหน่อยเพื่อให้มันไม่น่าสงสัย เรื่องของพี่ปีมันเป็นผลพลอยได้ ผมยิ้มแห้งๆ แล้วก้มหน้ารอรับคำด่าจากพี่ปี

“มึงคิดอะไรอยู่วะ เพียว แล้วเรื่องแบบนี้มึงคิดว่ามึงจะทำได้โดยตัวคนเดียวอย่างนั้นนะเหรอ ไอ้เฟียสมันเป็นน้องกู กูรู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร แล้วเรื่องหลักฐานมึงรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นคนเอาไปทั้งๆ ที่กูก็ไม่เคยบอกมึงสักอย่าง”

“ก็เพราะพี่ไม่เคยบอกผมไง ผมถึงได้สืบเอาเอง ผมเห็นพี่หน้าเครียดกลับบ้านทุกวัน ผมก็เป็นห่วงนี่นา” หน้าหดเหลือสองเซ็นทันทีที่โดนดุใส่ คนเค้าอุตส่าห์จะช่วยทำไมต้องมาด่าดุด้วย ชักจะน้อยใจแล้วนะเว้ย

“แล้วมึงคิดว่าเพราะอะไรกูถึงไม่อยากให้มึงยุ่งให้มึงรับรู้เรื่องในบริษัทของกูละ”

“......”

“ไหนลองบอกมาสิว่าเพราะอะไร?”

“เพราะพี่ไม่ได้เห็นว่าผมเป็นคนสำคัญของพี่ใช่ไหมล่ะ T^T” พูดออกไปด้วยอารมณ์น้อยใจล้วนๆ

“โง่!!! ”

“เออ ผมมันโง่!! พอใจยัง” ตะคอกมาตะคอกกลับ ไม่โกง น้ำตาผมนี่ปริ่มขอบตาทั้งสองแล้ว อะไรวะไอ้เราก็อุตส่าห์ไปเสี่ยงตายให้จนได้หลักฐานคืนมา ดูเขาทำดิ เรียกมานั่งด่า แทนที่จะปลอบหรือชมกันบ้าง ผมลุกขึ้นผลักอกกว้างๆ ของพี่มันเต็มแรงจนหงายหลังลงบนที่นอนก่อนจะเดินไปทีทประตู จะกลับบ้าน

“โถ่เว้ย!! ถ้ามึงกล้าก้าวออกจากห้องกูแม้แต่ก้าวเดียว มึงโดนดีแน่” ขาผมชะงัก แต่ก็นะ ผมไม่กลัวหรอกกะ อีแค่ผัวบ้ากำลัง ขี้โมโห สูดลมหายใจลึกๆ แล้วคว้าลูกบิด

หมับ!!!

“???”

“กุยังคุยกับมึงไม่จบใครให้ออกไปไหน” พี่ปีคว้าเอวผมเอาไว้แล้วกระชากที่เดียวเหวี่ยงผมลงบนที่นอน ก่อนจะกระโดดขึ้นคร่อมตัวเอาไว้

“อย่ามาทำกับผมแบบนี้นะ” ผมดีดดิ้นไม่ยอม เขากดข้อมือผมเอาไว้กับที่นอน แปลกทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงผมถึงได้หายไปหมด เมื่อโดนเขาจ้องหน้าแบบนี้

“ทำไมจะทำไมได้ ทำมากว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว”

“อึก..ฮึก..โกรธผมมากไม่ใช่เหรอ โกรธผมเรื่องที่ผมไปยุ่งเรื่องของพี่ใช่ไหม ฮึก”

“เออ กูโกรธ โกรธมาก!! ”

“งั้นก็ปล่อยผมไปสิ ฮึก จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเรื่องของพี่อีก พี่จะได้ไม่ต้องมาโกรธมาโมโหผมแบบนี้”

“เหอะ ที่พูดมาเอาสมองส่วนไหนคิด เอาหัวแม่โป้งเท้าคิดเหรอ โตขนาดนี้แล้วความคิดมึงยังติดลบขนาดนี้ ต่อไปจะขนาดไหน” ฮรือออด่ากุเข้า ด่าให้สมใจมึงเลย แม่งง น้ำตาผมไหลพราก ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา จิตใจเขาทำด้วยอะไร ผมร้องไห้ขนาดนี้ยังไม่ปลอบอีก

“..ฮรือออ”

“ที่กูไม่บอกให้มึงรู้เพราะกูไม่อยากให้มึงลำบาก ให้มึงมาเดือดร้อนด้วยแบบนี้ไง แล้วมึงคิดว่ากูจะอยากให้คนที่กูรักต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นเหรอ กูอยากให้มึงไปตายแทนกูอย่างนั้นนะเหรอ กับอิแค่หลักฐานชิ้นเดียวแบบนั้น ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมามึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไงเพียว ตอนนี้ทั้งชีวิตกูเหลือแค่มึงคนเดียวแล้ว มึงคิดว่ากูจะ เสียใจขนาดไหนกันวะห๊ะ!! ”

“ฮึกก”

“เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย อย่างวันนี้ถ้ากูไม่ตามมึงไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ไอ้เหี้ยทศช่วยอะไรมึงได้ไหม กูเห็นมันยืนเอ๋ออยู่หน้าประตูตั้งแต่ต้นจนจบ”

“ฮึก...ก็ผมไม่อยากให้พี่เหนื่อยนี่ ฮึก ผมอยากช่วยแบ่งเบาภาระพี่บ้าง พี่ทำแต่งานทั้งวันฮึก”

“แล้วกูเคยบอกเหรอว่ากูเหนื่อย กูไม่ไหว” ผมส่ายหน้ายกมือขึ้นปาดน้ำตา พี่ปีดึงผมเข้าไปกอดหน้าผมซุกอยู่ที่อกของพี่เขา รู้สึกเสียใจที่ตีโพยตีพายแล้วก็งี่เง่าใส่พี่เขาขนาดนั้น

“ฮึก...”

จุ๊บ

“หยุดร้องได้แล้ว” พี่ปีช้อนหน้าผมขึ้นมาแล้วกดจูบลงที่ปากของผมลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามากวาดเอาลมหายใจของผมไปจนหมด อาจจะเพราะผมร้องไห้ด้วยมันเลยทำให้ผมหายใจลำบาก

“อืม..อะ...พี่ พอก่แน” พยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของพี่มันแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน แรงโคตรเยอะ

“อย่าดื้อสิ” เขาว่าเสียงดุและพยายามจะลุกล้ำเข้ามาอีก แต่ผมไม่ไหวจริงๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บตัวโดนไปเยอะครับกว่าเขาจะมาช่วยผม กับสภาพไร้พลังแบบนั้น ถือว่าสาหัสพอควร ตอนนี้ร่างกายผมกำลังรักษาตัวเองอย่างช้าๆ เพราะสูญพลังไปจากคำสาปเลือดม้า มันเป็นอย่างเดียวพี่พวกยักษ์อย่างเราพ่ายแพ้ มันเหมือนของแสลงสำหรับยักษ์ เหมือนคนแพ้กุ้งก็กินกุ้งไม่ได้แบบนั้น แต่ผมจะรุนแรงกว่าถึงขั้นไปเกิดใหม่ได้เลย

“พี่ผม อะ โอ้ยย” ร่างสูงใหญ่ของพี่ปีกดทับลงมา ผมเลยถือโอกาสนั้นร้องออกมาและทำสีหน้าเจ็บปวด มันก็เจ้บจริงๆ นั่นแหละแต่เพิ่มแอคติ้งเวอร็เข้าไปจะได้ดูน่าสงสาร

“เพียว!! เจ็บเหรอ” พี่ปีรีบลุกออกจากตัวผมแล้วดุว่าผมเจ็บตรงไหนทันที

“ครับ T^T”

“เห้ออ กะว่าจะลงโทษสักหน่อย” พี่ปีทำหน้าแบบหงุดหงิดสุดๆ ใส่ผม นี่เขาจะลงโทษผมแบบไหนกัน ถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น !!!!

“พี่ปี = =”

“ไปอาบน้ำนอนได้แล้วอย่างนั้น พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องสะเออะลงไปขายของละ” เขาสั่งเสียงเฉียบจนผมเถียงไม่ออก แค่นอนพักผมก็หายดีแล้ว แต่จะพูดอะไรได้โดนแบบนั้นใครๆ ก็ต้องคิดว่าผมต้องนอนเดี้ยงไปสามสี่วันแน่ๆ เพราะถ้ามาทันตอนที่ผมโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเหมือนลูกข่างแล้วละก็พี่ปีคงจองวัดให้ผมแล้ว เพราะตอนนั้นเลือดผมออกเยอะมาก หัวก็แตกขาก็หักเป็นอะไรที่ทรมานร่างกายมาก ถึงผมจะเป็นยักษ์แต่โดนบั่นทอนพลังไปขนาดนั้น มันก็ต้องพลาดกันบ้าง เจ็บใจฉิบหายที่ต้องมาแพ้ลูกไม้ตื้นๆ ของไอ้เฟียส พาร่างกายที่ใกล้จะหายดีเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าที่ใส่ออก มองมันแล้วนึกทุเรศตัวเองสุดๆ อย่าหวังว่าผมจะกลับไปใส่มันอีกแน่ สำรวจร่างกายตัวเองด้วยสายตารอยช้ำเริ่มจะจางลงบ้างแล้ว ป่านนี้กระดูกคงสมานตัวดีเรียบร้อย อาจจะยังมีเคล็ดๆ แต่ไม่นานมันก็จะหายดี อาบน้ำล้างคราบเลือดเสร็จก็ออกจากห้องน้ำ เจอพี่ปียืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ริมระเบียง สีหน้าดูเครียดมากๆ ผมรีบเดินไปแต่งตัว และกลับมาที่เตียงนอน นั่งมองเขาอยู่ตรงนี้ แผ่หลังกว้างๆ ของพี่ปีดูอบอุ่นและให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัย พอพี่ปีวางสาย และกลับเข้ามาในห้อง ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ซ่อนความกังวลเอาไว้

“กินยาแก้อักเสบก่อนนะเพียว” พี่ปีเดินไปหยิบยาพร้อมกับน้ำส่งให้ผม กินเสร็จก็รับแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินกลับมานอนข้างๆ ผม เรานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน นอนมองหน้ากัน มือหนายกขึ้นลูบแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“อย่าเจ็บตัวเพราะกูอีกเลยนะ” น้ำเสียงของเขาสามารถบอกให้ผมรู้ว่าเขาห่วงผมมากมายแค่ไหน ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนมันทำให้คนเรารักกันมากมายขนาดนี้เลยเหรอ หัวใจมนุษย์รักได้ง่ายพอๆ กับการลืมหรือเปล่า? ผมยิ้มให้กับความอ่อนโยนแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลับพร้อมๆ กับอีกคน

..................................................................

“หึหึหึหึ ไอ้ปีมงคล ถึงเวลาที่ทุกๆอย่างของมึงจะต้องตกเป็นของกูแล้ว”







++++++++++++++++++++



หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 23 25/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-01-2018 08:05:23
ประโยคสุดท้ายนั่นมันอะไรน่ะ
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 23 25/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-01-2018 09:00:50
ประโยคสุดท้ายนั่นเฟียสพูดเหรอ

อาละวาด เขียนแบบนี้จ้าาาาา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 23 25/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-01-2018 03:19:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter*** ตอนที่ 23 25/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 18-03-2018 08:29:42

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 05













        ร้ายกว่าโดนคนหลอกก็คือโดนผีว่าที่ผัวหลอกนี่แหละ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอผีอะไรร้ายแถมเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้ ร่างบางที่ตอนนี้อารมณ์ดันแปรปรวนราวกับผู้หญิงเป็น ประจำเดือน ดวงตาหวานหยดค้อนควักใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังปากบางเล็กๆ นั่นเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ด้วยความเหลืออด

“อีผีบ้า แม่ม อยากตายรอบสองไหมห๊ะ !!! ” น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วช่างเกรี้ยวกราดเล่นเอาผีแก่ๆ ถึงกับสะดุ้งคิดในใจว่าไอ้เด็กนี่มันร้ายใช่เล่นถึงขั้นจะฆ่าเขาให้ตายรอบสอง

“เอ่อ เรื่อนี้ กรจะไม่ยุ่ง” ร่างโปร่งบางของเลขาคนสำคัญค่อยขยับออกห่างจากวงสนทนาอย่างแนบเนียน ความผิดทั้งหมดยกนี้ ธารโทษเขาคนเดียวแน่ๆ ข้อหาปากพล่อยไม่เป็นเวลา ร่างสูงของพญาพรายยังยิ้มสู้ แม้ครั้งนี้เขาจะผิดเต็มประตู แต่ความกะล่อนไหลลื่นที่ชำชองของผีอายุหลายร้อยปีย่อมรับมือกับเรื่องเล็กๆ นี่ได้สบายอยู่แล้ว

“อย่าโกรธพี่เลยนะ ที่ทำไปก็แค่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากภูเท่านั้นเอง”

“แต่แบบนี้มันเกินไปนะพี่ธาร พี่หลอกผมทำไมวะ ! ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเหรอ! เป็นผีโรคจิตเหรอ! ” ปากบางขยับขึ้นลงไม่เว้นจังหวะให้อีกคนได้พูดแทรกใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีแดงจัดด้วยความโกรธ เขาอยากจะเอาน้ำมนต์มาสาดใส่ผีตัวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป บอกเลยภูจะไม่ทน!!

“อย่าโกรธกันเลยนะครับ เดี๋ยวกลับไปที่วังพี่จะให้สามตัวตรง เลยก็ได้”

“ครั้งที่แล้วก็ไม่ยอมบอกโกหก!!! ” ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะไม่หลงเชื่อง่ายๆ อีก จะเอายังละทีนี้ ใบหน้าหล่อยิ้มเจื่อนไปนิด

“แหม่เรานะใจร้อนจริง ศาสตร์แห่งตัวเลขมันต้องใช้เวลา^^” เขาแถจนสีข้างถลอก เรื่องตัวเลขอะไรนั้นเขาไม่มีหรอกแค่อยากจะทำให้ตัวเล็กตรงหน้าหายหัวร้อนก็เท่านั้น ภูผาแกล้งทำหน้าเชิดๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นนิดๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว ลำธารเห็นแล้วก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ มนุษย์กับเรื่องของโชคลาภมันแยกกันไม่ได้จริงๆ

“เหอะ หิวแล้วจะไปกันได้รึยังละ” ปากบางจิ้มลิ้มเอ่ยออกมาเสียงแข็งๆ

“กร ไปจัดการที เอาไก่ย่างส้มตำนะ ข้าอยากกิน” ร่างสูงหันไปสั่งเลขาของตัวเองด้วยท่าทีชิลๆ

“เอายำปูม้าด้วย!! ” ภูผาเอ่ยออกมาลอยๆ ไม่ยอมสบตากับร่างสูง

“ครับๆ ยำปูม้าด้วย เอาลาภเลยด้วยไหม?”

“ได้ก็ดี” ภูภาอมยิ้มนิดๆ กับเมนูอาหารสุดรังสรรค์ของคนตัวสูงได้ยินแค่นี้ความโกรธก็เริ่มจะเบาบางลง เดินนำเทพแห่งสายน้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ลับตาคน ส่วนเลขาผีหนุ่มแยกตัวออกไปซื้อของที่ว่า ร่างสูงของลำธารเดินมาขนาบข้างพร้อมกับใช้แขนคล้องเอวบางๆ เอาไว้ ก่อนจะเหนี่ยวให้แนบชิดกับตัวเองเล่นเอาอีกคน สะดุ้งเล็กน้อย

“อะไรอีกละ” ภูว่าทำตาดุๆ ใส่พร้อมกับพยายามแกะมือที่เหนียวเหมือนกาวออกจากเอวของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้สักทีก็เลยปล่อยเลยตามเลย

“หายโกรธข้ารึยัง”

“หายโกรธพี่รึยัง พูดใหม่!! ” ร่างบางสั่งให้ผีพรายพูดแทนตัวเองใหม่

“เห้อ หายโกรธพี่รึยังครับ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เขาไม่ชินกับภาษาของโลกปัจจุบันสักเท่าไหร่นัก

“อืม” แต่คำตอบที่ได้กลับได้มาแค่สั้นๆ ร่างสูงกลอกตานิดๆ แต่การที่ภูผาไม่ต่อต้านเขาเวลาทำตัวรุ่มร่ามนี่ก็ถือว่าดีแล้ว ทั้งคู่เดินมาถึงที่ลับตาคน พรายน้ำก็สำแดงฤทธิ์ของตัวเองทันที อุโมงค์ข้ามมิติถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลมคล้ายกระจกน้ำ ภูผาก้าวข้ามเข้าไปก่อนแล้วตามด้วยร่างสูง ร่างบางเดินนำเหมือนวังนี้เป็นบ้านของตัวเอง นั่งรอไม่นานกรก็กลับมาพร้อมเมนูอาหารที่เคยสั่งไว้

“กินด้วยกันสิครับพี่กร พี่กินได้ใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร

“จะดีหรือครับ” สายตาเหลือบไปมองผู้เป็นนายนิดๆ สายตาที่กำลังจ้องเขาเขม็ง พร้อมกับทำปากขมุบขมิบให้เขาปฏิเสธ

“ดีสิ กินกันหลายๆ คนมันจะอร่อยขึ้นครับ”

"เอ่ออ คืออ ผมมีงานด่วนที่ต้องรีบไปจัดการ เชิญคุณภูผากับนายท่านตามสบายเถอะครับ” คำปฏิเสธที่เขาคิดว่าน่าจะได้ผลที่สุดนั้นถูกเอ่อออกไป

“เหรอครับ เสียดายจัง กินด้วยน่าจะอร่อยกว่าต้องกินคนเดียวนี่ครับ”

“หืม กินคนเดียว?” ขมวดคิ้วนิดๆ คิดว่าภูผาน่าจะพูดอะไรผิดไป

“ครับกินคนเดียว” ภูผายืนยันคำพูดเดิมด้วยรอยยิ้มหวานๆ

“แล้วข้า ละ เอ้ย พี่ละครับภู”

“คนผิดก็ต้องได้รับการลงโทษสิครับ ในเมื่อกรเขายังมีงานทำ แล้ว ท่านพญาผีพรายแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะมามีเวลาว่างมากินมื้อเย็นกับกระผมได้อย่างไร หึหึหึ ไปทำงานครับ!!! ” ภูผาบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งสะใจ ก่อนจะลงมือแกะถุงอาหารทั้งหมดใส่จานที่กรเตรียมไว้

“เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงไอ้เพียวมันชะมัด ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงมั่ง” ร่างบางบ่นถึงเพื่อนรักด้วยความคิดถึง พญาพรายที่ได้ฟังคำสั่งจากว่าที่ภรรยาถึงกับอึ้ง นี่เขาต้องมาแพ้ทางให้กับมนุษย์ตัวจ้อยแบบนี้นะเหรอ เห้อออ ไว้รอถึงวันแต่งงานก่อนเถอะ พี่จะลงโทษเจ้าเช้าเย็นเลยคอยดู!!

           เช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยจะสดใสเท่าไหร่ เมื่อคนเขานอนพร้อมกับร่างสูง แต่กว่าจะได้นอนก็โดนคุกคามไปเสียหลายที เล่นปากของเขาบวมแดงเจ่อมาถึงตอนเช้า ดีที่วันนี้ไม่ใช่เวรเขาที่ต้องตามหลวงตาไปบิณฑบาต ไม่อย่างนั้นละก็คงได้โดนซักกันยาว เสื้อผ้าของใช้จำเป็นภูผาแอบเองลงมาใช้ที่วังบาดาลบ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปกลับมา เขาตื่นขึ้นมาก็เตรียมตัวอาบน้ำไปทำงาน สายตาก็อดที่จะมองร่างสูงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ กายไม่ได้ ต้องยอมรับว่าผีพรายตนนี้ดูดีแม้กระทั่งตอน นอน ชักจะรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาบ้าง ภูผาเลยแอบแลบลิ้นปริ้นตาใส่ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป วันนี้กะว่าจะไปบ้านเพื่อนรักสักหน่อย ไม่ได้เจอนานแล้ว พออาบน้ำเสร็จ ออกมาก็ไม่เจอผีที่เคยนอนหลับอยู่ ภูผาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เขาเดินไปแต่งตัวและเดินหาร่างสูงหลังจากนั้น เพื่อที่เขาจะได้ใช้ประตูมิติกลับไปยังบนโลกมนุษย์ แต่ทว่า

“ไอ้พี่ธาร อยู่ไหนวะ พี่โว้ยยย จะไปทำงานแล้วโว้ยยย” เสียงตะโกนเอะอะดังลั่นไปหมด เพราะว่าภูผาหาคนตัวสูงเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยิ่งเดินยิ่งหงุดหงิด

“หายหัวไปไหนของเขานะ-*- “ขณะที่เดินไปตามทางเดินเพื่อไปอีกฝั่งของวัง จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านหน้าเขาไป พร้อมกับร่างทั้งร่างของเขาที่เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกระชากตัวไปด้วย ร่างบางรอยละริ่วไปกระแทกกับผนังหินอย่างแรงจนหมดสติ ก่อนที่แววตาจะดับมืด ภูผาเห็นผีพรายตนนั้น พรายสาวที่ทำร้ายเข้าในวันแรกที่ลงมาที่นี่ ใบหน้าสวยสยองแสยะยิ้มให้เขาอย่างร้ายกาจ ก่อนที่ทุกอย่างจะพากันดับมืด

“มนุษย์อย่างแกไม่มีวันได้ครองคู่กับนายท่านหรอก จำเอาไว้” น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกของชบา หล่อนกำลังลากร่างไร้สติของภูออกไปเพียงแค่โยนออกไปนอกวัง ภูผาก็จะจมน้ำตาย ดวงตาสีแดงจ้องมองไปยังร่างของภูผา หล่อนลากเขาไปตามทางเดินแคบๆ และลับตาเหล่าพรายยาม ที่กำลังตรวจตราพื้นที่รอบๆ วัง อีกเพียงไม่กี่เมตร ร่างของภูผาก็จะพ้นประตูแล้ว

“ภู?” มือหนาที่กำลังหิ้วถุงโจ๊กกับปาท่องโก๋เข้ามาในห้องครัว ลางสังหรณ์ที่บอกได้ว่า ภูผากำลังตกอยู่ในอันตราย ใจเขาหล่นวูบ

“ภูผา!! ” ร่างสูงหายวูบไปมาตามส่วนต่างๆ ของวัง อย่างลนลาน จนกระทั่ง เขาเห็นประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ ประตูที่ไม่ค่อมมีใครได้ใช้ มันเปิดอ้าออก และภาพที่เขาเห็นคือร่างไร้สติของภูผากำลังลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางสายน้ำอันเชี่ยวกรากใจของเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจเขาให้แหลก ภาพตรงหน้าทำให้เขาแทบจะคลั่ง ก่อนจะทะยานร่างของตัวเองออกไปหาภูผา สายน้ำทั้งแรงและขุ่นมัว พรายหนุ่มพยายามจะไขว่คว้าร่างของภูผาเอาไว้ จนกะทังฝ่ามือเขาสัมผัสกันและกัน ร่างสูงออกแรงดึงจนได้ภูผามาอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะรีบพากลับเข้าวัง

“ภูผา!! ภูผา!! ” พญาพรายพยายามปั๊มหัวใจและเป่าปากร่างบางไม่ตอบสนองเขาเลยสักอย่าง หัวใจของพญาพรายร้าวรานไปหมด นึกโทษตัวเองที่ไม่สามารถดูแลภูผาให้ดี เขาน่าจะเฉลียวใจสักนิดว่าทุกคนจ้องจะเล่นงานเขาและนั่นหมายถึงคู่ชีวิตของเขาด้วย

“ภูฟื้นสิ ภู” เสียงเขาสั่น มือก็สั่น แทบจะไม่มีแรงปั๊มหัวใจ

“อย่าทิ้งพี่ไปภู ฟื้นสิ อย่าพึ่งไป” พญาพรายหนุ่มออกแรงสุดกำลัง ถ้าวิญญาณภูผาออกไปตอนนี้เขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เพราะเขาตายโดยที่ยังไม่ถึงอายุขัย ดวงชะตาของภูผาก็จะเปลี่ยนไป

ได้โปรด....ภูผา

“แค๊กๆ เฮือกกกก” ภูผาสำลักน้ำออกมาเป็นจำนวนมากก่อนจะหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ดวงตากลมสดใสบัดนี้มันมีแต่ความหวาดกลัว

“ภู ภู ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว” พญาพรายกอดร่างเปียกโชกของภูผาไว้แน่น ร่างบางตัวสั่นกอดตอบร่างสูงไว้แน่นเช่นกัน ความหวาดกลัวกำลังซึมแทรกทุกอณูผิวของเขา

“เขา เขาผู้หญิงคนนั้น เขาจะฆ่าผม ผู้หญิงคนนั้น ฮึก” ภูผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ภาพของผีสาวที่อาฆาตเขา

“ใคร ภู มันเป็นใครบอกข้ามา มันเป็นใคร”

“ฮึก..ผู้หญิงคนนั้น ชบา ผีชบา เขาจะฆ่าผม พี่ธาร ฮึก..” แววตาของพญาพรายเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาดุคมวาวโรจน์ ก่อนที่ลำตัวของเขาจะแผ่ไอสีดำทะมึนออกมา วังทั้งวังสั่นสะเทือนเลือนลั่นให้กับโทสะของพญาแห่งพรายน้ำ เขาช้อนตัวของภูผาขึ้นแนบอกแล้วพากลับไปยังห้องนอน เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของภูผาและเอายาให้ทาน

“เอ็งนอน ภูนอนอยู่ที่นี่นะวันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอก เดี๋ยวพี่มา และอย่าออกไปไหนคนเดียวเด็ดขาด” น้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงมันทำให้จิตใจของภูผาอุ่นวาบขึ้นมา ความกลัวที่เคยมีกลับมลายหายไปสิ้น

“พี่จะไปไหน” ภูผาเอ่ยถามทันทีที่เห็นว่าที่สามีกำลังจะก้าวออกจากห้อง เขาอยากให้ธารอยู่ใกล้ๆ ในเวลานี้

“ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบ” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงขึ้นมาทันที ไปในอกตอนนี้มันสุมจนลุกโหมกระพรือ เหตุการณ์ร้ายๆ มันมักจะเกิดขึ้นกับภูผาตลอดระยะเวลาที่ได้พบกัน เริ่มแรกก็อุบัติเหตุ เล็กๆ น้อยจนไม่คิดว่ามันจะมีเบื้องหลังอะไร เขาเฝ้าสังเกตว่าที่ภรรยาของตนเองตลอดแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้อะไรเลยก็ตาม เพราะข่าวของว่าที่ภรรยาของเขาแพร่ออกไป ผีพรายตัวร้ายก็เพ่งเล็งไปที่ภูผาทันที ทั้งๆ ที่เขาพยายามตามติดภูผาแทบจะทุกฝีก้าว แต่ก็ไม่สามารถปกป้องภูผาเอาไว้ได้ ภูผายังคงมีอันตราย ลำธารเจ็บใจที่สุดก็ทาสที่เคยซื่อสัตย์กับเขาอย่างชบา กลับมาทรยศ ทำร้ายภูผาจนเกือบตายแบบนี้ เขาไม่มีวันให้อภัยแน่ๆ

“นังชบา!!! ” เมื่อมาถึงห้องของพรายสาว ทุกอย่างมันดูว่างเปล่า ชบาหนีไปแล้ว ธารกัดฟันกรอด ด้วยความคับแค้นใจสุดๆ

      ร่างสูงสง่าของพรายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เครียดจนมนุษย์ที่นั่งอยู่เพียงเดียวในดินแดนแห่งพรายนั้นพลอยเครียดไปด้วย ภูผาหายจากอาการตื่นกลัวแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่ยังฝังใจเขาอยู่คือใบหน้าของผีสาวและความคับแค้นใจของเธอ

“พี่ธาร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ภูผาเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ติดกังวล

“ชบามันหนีไปได้”

“เหรอครับ แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยละครับ” ธารหันมามองหน้าสวยๆ ของภู

“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง” เขารั้งร่างบางมากอดเอาไว้แม้ว่าภายในใจเขาจะกังวลมากมายก็ตามที การกระทำเล็กๆ น้อยนี้มันสร้างความผิดปรกติในหัวใจของภูผา หัวใจเขาเต้นแรง และหายใจติดๆ ขัดๆ ใบหน้าขาวสวยเริ่มออกสีแดงระเรื่อ

“อะ เออ ปล่อยได้แล้ว อึดอัด” มือบางออกแรงผลักให้อีกคนถอยห่างอย่างเก้อเขิน

“หายกลัวแล้วใช่ไหม” ธารถามเสียงนุ่ม

“อื้อ..”

          ถ้าหากคิดจะเริ่มรักในตอนนี้ก็คงไม่แปลกอะไรหรอกมั้ง ถ้าผมคิดแบบนี้มันก็คงไม่ผิดอะไร ในเมื่อดชคชะตามันทำให้ผมต้องมาเจอเขาและต้องตายเพราะเขา ผมควรจะปลงได้แล้วสินะ ผมไม่มีอะไรที่จะต้องห่วงนอกจากหลวงตากับไอ้เขื่อนเท่านั้น อยากจะทำอะไรๆ ให้มันมากกว่านี้ อยากจะตอบแทนบุญคุณหลวงตา อยากจะไปเที่ยวรอบโลก อยากเปิดร้านอะไรสักอย่างที่สามรถทำให้เรามั่นคงได้ อยากทำอะไรอีกเยอะครับ แต่ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเวลาเราบนโลกใบนี้มันเหลือน้อยเต็มทน ผมควรจะใช้ให้มันคุ้มค่า ผมควรจะลองรักไอ้ผีชีกอนี่ดูไหม เพราะชีวิตหลังความตายของผมก็จะต้องมาอยู่เป็นคู่ชีวิตเขา ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตผีๆ เอาไว้ตายไปจะได้ไม่ลำบาก = =

วันนี้ทั้งวันผมได้เฝ้ามองชีวิตประจำวันของพี่ธารและเดินสำรวจวังบาดาลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่าแท้จริงแล้ววังแห่งนี้เป็นเหมือนสำนักงานราชการ ที่มีการแบ่งเป็นสัดส่วนในการทำงาน ทั้งฝ่ายทะเบียน ฝ่ายการจัดการพรายเร่ร่อน ฝ่ายประสานงานกับยมทูตหรือที่พี่ธารบอกว่า เป็นฝ่ายกองปราบที่คอยตามจับและดูแลควบคุมผีพรายที่กระทำผิดส่งลงนรก อันนี้ต้องทำงานควบคู่กับท่านยมทูตด้วย ห้องทำงานของพวกเขาทั้งหมดอยู่ทางฝั่งซ้ายส่วนบ้าน หรือวังของพี่ธารนั้นอยู่ฝั่งขวาทั้งหมดมีห้องอยู่หลายห้องที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่บนโลกมนุษย์มี ผมสงสัยมากว่าทำไมพวกเขาถึงมีอย่างที่บนโลกมี พวกเขาเอาทีวีตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าลงมาในน้ำได้ยังไง -*-

“ใครบอกว่าพวกพี่เอามาลงมา พวกมนุษย์ข้างบนต่างหากที่เผาลงมาให้” นี่คือคำตอบของพี่เขา เผาเหรอ? หรือว่าพวกจะเป็นพวกกงเต๊ก

“แล้วทำไมพวกนั้นถึงได้เผามันลงมาให้ละ”

“หึหึ ตราบใดที่มนุษย์ยังเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ และ ชอบติดสินบนผีอยู่ละก็ของพวกนี้ก็จะมาเรื่อยๆ” พี่ธารบอกอย่างไม่หยี่ระ เหมือนมันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของชีวิต

“แบบนี้ก็ได้เหรอ”

จากวันนี้ที่เดินตามหลังกว้างๆ ของเขาก็ทำให้รู้ว่า นอกจากจะเป็นพญาแห่งพรายน้ำแล้วเขายังเป็นมือปราบอีกด้วย เรื่องนี้ก็ทำให้ผมช็อกเหมือนกัน มือปราบ หน้ากะล่อนๆ อย่างเขานี่อะนะจะเป็นมือปราบได้ และวันนี้ทั้งวันผมรู้อะไรเยอะมากเกี่ยวกับชีวิตผีๆ

        หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นพญาพรายมาส่งผมบนฝั่งและกำชับว่าอย่าอยู่ใกล้น้ำเป็นอันขาด ก็ไม่รู้เหตุผลของพี่เขาสักเท่าไหร่ แต่ดูจากสีหน้าเครียดๆ ผมว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ พี่เขารั้งผมมาจูบที่หน้าผาก งงนะเนี้ยะจะมาไม้ไหนอีก

“คือ...ฟังนะภู ช่วงนี้พี่อาจจะไม่ได้มาหาภู หรือมาดูภู” นั่นไงแค่ประโยคแรกแม่งก็พาใจแป้วแล้ว แต่ดูจากสีหน้าของพี่มัน ผมก็ไม่อยากจะพูดหรือเรียกร้องอะไรมาก

“อะ อื้ออ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ ดีซะอีกจะได้ไม่มีคนมากวนใจ”

“เชื่อพี่ อย่าอยู่ใกล้ฝั่ง ดูแลตัวเองให้ดี เมื่อทุกอย่างจบสิ้นพี่จะมาหาภูเอง” พญาพรายเอ่ยเสียงนุ่มให้คำมั่นสัญญา ยิ่งเห็นใบหน้าเศร้าๆ ของคนตัวเล็ก เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ที่ชีวิตของภูผาเป็นแบบนี้สาเหตุก็มาจากเขาเกือบทั้งหมด เพราะเขาเลือกแม่ของภูผา แม่ของเขาถึงได้เลือกที่จะทิ้งภูผาไป ที่ภูผามีอายุขัยที่สั้นก็เพราะเขา ไหนจะเรื่องร้ายๆ เมื่อวานอีก

“ไม่ต้องกลับมาก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” ปากก็ประชดใส่แต่ใจกลับโหยหา ภูผาแสร้งทำหน้าดีอกดีใจที่จะหลุดพ้นจากธารได้ แต่ใจมันกลับรู้สึกเจ็บปวดทุกๆ ความรู้สึกมันแสดงออกมาทางแววตาทั้งหมดของเขาเอง พญาพรายรู้เรื่องนี้ดี

“พี่จะกลับมารับเรานะ รอหน่อย”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมาไงเล่า ไม่ได้จะไปอยู่ด้วยสักหน่อย”

“แล้วพี่จะติดต่อไป”

“ก็บอกว่าไม่!! ...อะอ้าว หายไปไหนแล้ว”

จากวันเป็นสัปดาห์ที่ไอ้ผีบ้าตัวนั้นมันไม่ติดต่อมาตามที่มันเคยบอกไว้ ทั้งที่ผมก็ทำตามสิ่งที่เค้าบอกทุกอย่าง คือไม่เข้าใกล้แหล่ง น้ำไม่ว่าจะเป็นห้วยหนอง คลองบึง ผมเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ๆ แต่นี่อะไร ไหนบอกว่าจะมาหา ไหนบอกว่าจะมารับ ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว ให้ตายสิ-*- ผมบ่นขณะที่ตัวเองกำลังเดินเอ้อระเหยอยู่แถบชายแม่น้ำที่มีคนพลุกพล่านความจริงก็ไม่ได้กะจะมาหรอก แต่มันเดินเล่นคิดอะไรเพลินๆ เลยมาอยู่ที่ตรงนี้ ที่ที่เขาห้ามไม่ให้ผมเข้าใกล้ ผมถอนหายใจออกมานิด คิดว่าผมคงต้องกลับแล้ว

        ในระหว่างนั้นผมก็คิดถึงเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันสักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่โดนลากลงน้ำอยู่บ่อยๆ วันนี้เลยกะว่าจะไปนอนค้างบ้านมันเสียหน่อยผมกดโทรศัพท์หาไอ้เขื่อนก่อนจะได้บอกมันไว้เผื่อว่ามันจะไปด้วย และคำตอบที่ได้คือมันกำลังนั่งแท็กซี่ไปหาไอ้เพียว

ฟุบ!!

“วอท เดอะ ฟัค!! อะรไรวะ?” จู่ๆ ก็มีใครบางคนโผลล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เล่นเอาผมอุทานออกมาเสียงดังลั่น

“พูดจาไม่เพราะเลย” พี่ธารโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง หัวใจจะวายให้ตายสิ นึกว่าผีบาตามมาฆ่าถึงบนบก

“มาทำไม!! ว่างแล้วรึไง?” พอตั้งสติได้ก็นึกได้ว่าตัวเองกำลังงอนอิผีหน้าหล่อนี่อยู่เลยแกล้งเดินหนี

“ว่างแล้วครับ ถึงได้รีบมาหานี่ไง” พี่ธารบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ พร้อมกับคว้าข้อมือผมไว้ ก็ไม่ได้อยากจะยิ้มหรอกก็เลยได้แต่กลั้นมันเอาจนแก้มจะแตก ผมไม่ยอมหันไปหาพี่มันเด็ดขาด

“งอลหรอ?”

“.........”

“เดี๋ยวพาไปกินหนม” -*-เห็นผมเป็นเด็กสามขวบรึไงถึงได้เอาขนมมาล่อแบบนี้

“มีตังรึไง? จะเลี้ยงขนมผมนะ”

“วันนี้พี่เตรียมตัวมาดี ไอ้กรมันหามาให้พี่แล้ว^^”

“ชิ ผมไม่ง่ายอย่างที่พี่คิดหรอกนะ”

“ครับๆ ปะ อยากกินอะไรบอกเลยพี่ยอมให้ทุกอย่าง”

“ไม่กินหรอกวันนี้จะไปบ้านเพื่อน!! พี่นะกลับไปเหอะ” ผมรีบไล่เพราะไม่อยากให้พี่มันไปเจอไอ้เพียวกับไอ้เขื่อนสักเท่าไหร่ ก็ผมไม่รู้จะอธิบายให้พวกมันฟังว่ายังไงดี จะบอกว่ามันเป็นผีคู่หมั้น พวกมันได้ลากไอ้พี่ธารลงหม้อแน่ๆ ยิ่งไอ้เพียวนะรายนั้นถ้ามันไม่ไว้ใจหรือไม่ถูกชะตาด้วยละก็ มันกัดไม่ปล่อยแน่ๆ

“พี่ไปด้วย พี่อยากเจอเพื่อนๆ ของภู”

“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเข้าใจปะ = =”

“พี่จะไป ห้ามพี่ไม่ได้หรอก^^”

“พี่ธาร แล้วผมจะบอกเพื่อนๆ ว่ายังไงละถ้ามันถามว่าพี่เป็นใครห๊ะ!!! ” ผมแทบจะยกขาฟาดหน้าระรื่นๆ ของพี่มัน ให้ตายสิโผล่มาได้จังหวะไปหมด

“ก็บอกไปว่าเราเป็นคู่หมั้นพี่”

“บ้า ...ไม่เอา”

“ถ้าไม่ให้พี่ไปภูก็ต้องลงไปข้างกับพี่^^ ว่าไง?” ไอ้.. ไอ้..ผี บ้านี่!!!

“ฮึ้ย!!! ” ผมจะทำอะไรได้นอกจากยืนคุมสติตัวไม่ให้มันแตก

“หึหึหึ” หัวเราะเข้าไปเถอะ !!

“คอยดูสักวันผมจะจับพี่ถ่วงน้ำ”

“เราก็จะเป็นหม้ายนะ ยอมเหรอ”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก” แหกปากอย่างไม่อายใครพร้อมกับตวัดสายตาแค้นๆ ไปให้ ก่อนจะค่อยๆ นับเลขหนึ่งถึงร้อย สติภูสติ !!!







ปล.มาแล้ววววววววว!!! ขอโทษนะที่ช้า
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***คู่รอง ภูผา vs พรายธาร ep5 18/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-03-2018 08:41:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 04-05-2018 08:04:24
อสุรา ล่ารัก 24

เมื่อร่างกายรักษาตนเองให้หายดีแล้ว ใครว่า ยักษ์ตัวน้อยของเราจะหยุดซ่ากัน .....

เพียวตื่นแต่เช้าเพื่อไปตลาดเหมือนเช่นทุกวันกลับมาก็เจอคนรักยืนทำหน้ายักษ์อยู่ที่หน้าบ้าน เจ้าตัวได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ก่อนรีบชิ่งเข้าไปในบ้านของตนด้วยความไวแสง จะไม่ให้ปีมงคลยืนตีหน้ายักษ์ได้ยังไงในเมื่อเขาสั่งไว้แล้วว่าไม่ต้องลงไปขายของ ยักษ์ตัวน้อยถึงกับสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นสีหน้ากับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวปีมงคล

“ว้าย ตาย แล้ววว” เพียวอุทานพร้อมกับเอามือทาบอก หวังว่าชายคนรักจะลดบรรยากาศมาคุลงบ้างแต่เปล่าเลย ยิ่งทำร่างสูงยิ่งแผ่ความทะมึนทึงอออกมา เจ้าตัวเลยต้องรีบแจ้นเข้าบ้าน ก่อนจะโยนทุกอย่างทิ้งไว้ แล้วรีบวิ่งไปหาร่างสูงที่ยืนรออยู่

“กูบอกว่าอะไร เพียว?” น้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก บอกเลยนะจุดจุดนี้ ยักษ์ไม่สู้นะครับ

“ก็ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนี่พี่ ดูสิไม่เจ็บแล้วนะ” ร่างบางพยายามแสดงให้ดูเต็มที่ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว รอยเขียวช้ำมันหายไปหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิ้วเรียวขมวดขึ้นนิดๆ ปีมงคลกำลังสงสัย ว่าร่องรอยบอบช้ำที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันหายไปได้ยังไง

“ไหนหันหลังให้ดูหน่อยสิ” เพียวรีบหันหลังให้ ปีมงคลถลกเสื้อของเพียวดู

“!!! ” รอยช้ำขนาดใหญ่ตรงหลังมันหายไปร่างสูงตกใจนิดๆ แต่ยังไม่พูดอะไร

“มีอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไร เข้าบ้านไปได้แล้ว โดนหนักขนาดนั้นยังจะมายืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้” ร่างสูงกระชากคนตัวเล็กกว่าให้เข้าบ้าน พร้อมกับบอกให้นั่งรอ เขาจะไปหาอะไรมาให้กิน แล้วจะได้กินยา เพียว ปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข นั่งในท่าเรียบร้อย และสงบเสงี่ยม ผ่านไปสักพักข้าวต้มหมูร้อนๆ ก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า กลิ่นหอมของมันทำเอาร่างบางต้องเผยยิ้มกว้าง

“น่ากินจังเลย^^” คำหวานมักมาพร้อมกับสายตาอ้อนๆ

“ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มเลยนะ มีความผิดอยู่” แต่ก็ไม่วายโดนดุอีกร่างบางเลยจำต้องตักข้าวกินด้วยใบหน้ามุ่ยๆ

“ดุจัง นี่พ่อหรือผัว” แม้จะพึมพำแบบได้ยินคนเดียวแล้วคนหูดีกลับได้ยินมันชัดเจน

“จะให้เป็นพ่อหรือผัวละ ห๊ะ ดื้อปานนี้” เสียงของปีมงคลแข็งขึ้นนิดๆ พร้อมกับมองหน้าคนรักไปด้วย

หลังจากที่โดนด่าเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ต้องนอนเป็นผักอยู่บนเตียง คอยให้พี่ปีเค้าดูแลไปตามระเบียบ ขานั้นก็เหลือเกิน บดจะใจดีก็ใจดีเกิ้น เล่นไม่ให้ผมขยับไปไหน แถมยังอยากจะให้ผมไปหาหมอตรวจดูภายในอีก มีความห่วงเมียขั้นสุด แต่หารู้ไหมเมียเนี้ยะอึด ถึก ทนนะจะบอกให้ สายตามองตามพี่มันไปทุกที่ แอบสงสารอยู่ในใจที่ต้องมาคอยกังวลเรื่องของผม ได้แต่ใช้สายตาขอโทษเขาไปพลางๆ ก่อน ตลอดทั้งวันพี่ปีดูแลผมดีมากๆ คือผมแทบไม่ต้องลุกไปไหน นอกจากจะไปเข้าห้องน้ำ เรียกได้ว่าวันนี้ผมสบายสุดๆ

“ดีขึ้นไหม ปวดตรงไหนอีกรึเปล่า”

“ไม่แล้วพี่ ดีขึ้นมากๆ เลย แล้วที่ร้านเป็นยังไงมั่ง”

“ปรกติ วันนี้เขื่อนกับภูผามาช่วยด้วยเมื่อตอนสายๆ เอาไว้ตอนเย็นๆ ค่อยลงไปหาพวกนั้นละกัน” ใจชื้นขึ้นมานิดๆ ที่รู้ว่าพวกนั้นมาช่วยขายของให้ เอาไว้ตอนเย็นๆ จะทำหมูจุ่มเลี้ยงแล้วกัน ผมลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ มือก็กดเปลี่ยนช่องรายการทีวีไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้โฟกัสไปที่ ทีวีหรอก ตาผมมองไปยังคนตัวสูงๆ ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับใบหน้ายุ่งๆ เขากำลังดูภาพอะไรบางอย่างจากกล้องวงจรปิด ด้วยสีหน้าเครียดๆ คงจะไม่พ้นเรื่องไอ้เฟียสแน่ๆ

“เออ ใช่ !! ลืมไปได้ยังไงเนี้ยะ” นี่ผมลืมเรื่องของที่ไปขโมยมาได้ยังไงกัน ตะโกนออกมาเสียงดังจนพี่ปีหันมาทำหน้ายักษ์ใส่

“อะไรของมึง”

“แฟลชไดฟ์ไงพี่!! ”

“????”

“ผมหยิบมันติดมือมาด้วย” ผมรีบลุกจากที่นอนแล้วไปค้นกระเป๋าเสื้อตัวเมื่อวาน อย่าถามเชียวว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นอันเดียวกัน? เพราะผมเป็นยักษ์ไง เดินกลับมาพร้อมกับของในมือ

“นี่มัน!! ” พี่ปีรีบคว้าของในมือผมไปทันที

“เปิดดูเลยสิพี่” เขาพยักหน้ารับก่อนจะเสียบแฟรชไดฟ์นั่นเข้ากับโน้ตบุค แต่ทว่า

“มันไม่มีข้อมูล มันหายไป!! ”

“ไอ้เฟียส! ” พี่ปีกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ มันลบข้อมูลทุกอย่างออกหมดไม่เหลือ หลักฐานเดียวที่เราพอจะมีและเอาผิดกับคนโกงได้ พี่ปีมีสีหน้าที่เครียดลงอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ในบริษัทตอนนี้ คงจะน่าเป็นห่วงอยู่มากแน่ๆ

“หลักฐานอื่นก็น่าจะมีอยู่บ้างนะพี่ อย่างพวกเอกสารย้อนหลังไง”

“ถูกมันเก็บเรียบหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นกูคงไม่มานั่งเครียดอยู่แบบนี้หรอก”

“ผมว่า ยังพอมีทางอยู่นะ ถ้าเราช่วยกัน เราต้องบุกรังมันอีกรอบ”

“มันจำหน้ามึงได้แล้วเพียว”

“อันนั้น มันเวอร์ชันผู้หญิง มันไม่เคยเห็นผมเวอร์ชันผู้ชายนี่”

“ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? ไอ้ที่โดนมามันน้อยไปใช่ไหม? เรื่องของกูกูจัดการเองได้ กูไม่อยากเอามึงไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก”

“แต่ผม...”

“เพียว”

“ครับก็ได้ แต่ผมขอตามพี่ไปบริษัทด้วยได้ไหม เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“อืม” พี่ปีเหล่ตามองผมอย่างจับผิด ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไม่อยากให้เป็นอันตราย แต่ก็นะผมไม่อยากให้เขาเครียดอยู่คนเดียวนี่นา เป็นยังไงละ เมียแห่งชาติไหมล่ะ

15.30น.

พี่ปีพาผมมาตลาด ซื้อของไปทำหมูจุ่ม เลี้ยงพวกที่กำลังเก็บร้านอยู่ที่บ้าน วันนี้ต้องจัดหนักสักหน่อย เพราะว่าวันนี้รวมตัวกันครบทุกคน เดินเลือกซื้อของจนเกือบครบ ขาดอยู่อย่างเดียว ที่พวกผมเรียกว่า “สุรา”

“ไอ้สองขวดนี้มันไม่ได้อยู่ในลิสรายการนี่?” ซื้อของกลับมาเสร็จ ก็มาช่วยกันขนลง แต่ไอ้พี่ปีมันกลับได้ถือถุงที่ใส่น้ำเมาดีกรีแรง -*- แหม่อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น หันไปยิ้มหวานๆ เอาใจเผื่อว่าจะได้ไม่โดนโบกหัวทิ่มแบบครั้งที่แล้วอีก

“ก็ เผื่อไว้ไง เอาๆ มาเดี๋ยวผมถือเอง”

“ไม่ต้องมึงนะขนของที่เหลือเข้ามาเลย เผลอเป็นไม่ได้จริงๆ” ถึงพี่ปีจะดุแต่เขาก็ยอมให้ผมกินละนะถ้าไม่ได้โดนมือโดนไม้แบบนี้ ลาภปากผมชัดๆ

เดินหิ้วของเข้าบ้านไอ้เขื่อนเดินมาช่วยอีกแรฃจะมีก็แต่ไอ้ภู = = นั่งกินแรงเพื่อนอยู่บนโซฟาไอ้นี่มันนั่งดูเอลซ่าตาไม่กะพริบ นี่ยังไม่รวมไอ้หนูไวรัลที่นั่งต่อหุ่นกันดั้มอยู่ที่พื้นมันสองคนหันมามองหน้าผมนิดๆ แล้วหันกลับไปสนใจทีวีกับหุ่นของมันต่อไม่คิดจะช่วยผมกับไอ้เขื่อนสักนิด ส่ายหัวให้กับพวกมันเบาๆ ก่อนจะไปเตรียมของทำหมูจุ่ม ไอ้เขื่อนกับพี่ปีไปเตรียมสถานที่ ส่วนไอ้ผีพรายนั่น เอาแต่บ่นว่าผมเอาปลามาทรมานในที่แคบๆ ทำไม นั่นมันบ่อปลาคาฟกู มึงจะทำมายยยยย ส่งสายตาจิกกัดไปให้อย่างไม่มีปิดบัง จนพี่ปีมองผมด้วยสายตาดุๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

เชอะ!!

+++++++++++++++++

ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัดในสถานที่แคบๆ เสียงเพลงแนว Electro house ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เหล่าผีเสื้อกลางคืนต่างยักย้ายส่ายสะโพกขยับร่างกายตามจะหวะเพลงอย่างเมามัน แต่มีใครบางคนกำลังนั่งมองผุ้คนเหล่านั้นด้วยความเบื่อหน่าย ดวงตาเรียวรีดูมีเสน่ห์ ที่ดึงดูดได้ทุกเพศทุกวัยให้เข้าหา โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากำลังเบื่อสุดๆ กับชีวิตในแต่ละวัน อยู่มาห้าร้อยปีนี่นับว่านานโข แต่ชีวิตกลับไม่มีใครเป็นคู่ครอง

ทศลักษณ์ ยักษ์หนุ่มกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ วันนี้คงต้องหาเก็บตกเอาแถวนี้ เอาไว้แก้เบื่อ จนกระทั่งมีใครบางคนเดินมาหาเขาด้วยความประหม่า

“พะ..พี่ครับ..คะ คืออ พี่ พอจะมีเงินให้ผมยืมสักสองพันไหมครับ?”

“หืมม สองพัน เอาไปทำอะไร?” ทศลักษณ์ขมวดคิ้วนิดๆ กับเด็กหนุ่มที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสอง แต่งก็ปอนๆ เสื้อยืดกางเกงยีนขาสามส่วน แถม...ใส่รองเท้าหูคีบตรา ช้างดาว!!!!! ไอ้เด็กนี่มันหลุดเข้ามาในนี้ได้ยังไง?

“คะ..คือ ผมทำไวน์ตกแตก แล้วผมไม่ได้เอาเงินมา” ไม่ได้เอามาหรือไม่มีเงินกันแน่ ดูจากสภาพแล้ว น่าจะอย่างหลังมากกว่า ทศลักษณ์มองเด็กคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“พี่เอา บัตรประชาชนผมไว้ก็ได้ถ้าพี่กลัวผมเป็นพวกมิจฉาชีพ” มือเรียวหยิบเอาบัติประชาชนจากกระเป๋าออกมายื่นให้ เขารับเอามาถือไว้

“นาย บริลักษ์ เอี่ยมมงคล” ร่างสูงอ่านทวนชื่อในบัตร

“เรียกผมว่า น้ำอิง ก็ได้ครับ ส่วนนี่เบอร์ติดต่อผม” น้ำอิงจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่กระดาษทิชชู่แล้วยัดใส่มืออีกฝ่าย

“แล้วกูจะไว้ใจมึงได้ยังไง? ว่ามึงจะไม่เบี้ยว”

“ถ้าอย่างนั้นพี่เอาบัตรนักศึกษาผมไปด้วยก็ได้ นี่ครับ” ร่างสูงรับบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งให้

“แค่นี้?” ความจริงเขายกเงินนั่นให้เด็กคนนี้ไปเลยก็ได้ เพียงตอนนี้เขาอยากทำอะไรแก้เบื่อ ทศลักษณ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมสีดำสนิท

“ตอนนี้ผมมีแค่นี้” น้ำอิงเอ่ยด้วยเสียงสลด ทศลักษณ์หัวเราะในลำคอเบาๆ มองๆ ดูแล้วน้ำอิงเหมือนลูกแกะที่กำลังถวายตัวให้กับหมาป่าเพื่อจับกิน ดวงกลมโตสะท้อนแววแห่งความคาดหวัง

“ได้ 2000 ใช่ไหม” ทศหยิบธนาบัติสีเทาออกจากกระเป๋ามาสามใบแล้วยื่นให้น้ำอิง

“ผมยืมแค่สองพันนะครับ พี่ให้ผมมาเกิน” มือเล็กยื่นคืนมาหนึ่งใบ

“เอาไปเถอะกูให้ ส่วนสองพันนั้นต้องคืนกูต้นพร้อมดอก” ทศพูดเสียงเรียบนิ่ง

“ถ้าอย่างนั้น ผมเอาเงินไปให้เจ้าของร้านก่อนนะครับ ขอบคุณมากนะครับ” พอได้เงินนำอิงก็รีบวิ่งหายไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายให้กับร่างสูงที่นั่งอยู่

“หึหึ น่าสนใจดีนี่ แล้วเจอกันนะลูกแกะ” ทศมองของที่น้ำอิงทิ้งไว้เป็นหลักฐานในมือแล้วยกยิ้มออกมาก่อนจะเดินหายออกไปจากร้านอย่างเงียบๆ

+++

“อ่าวไปไหนแล้วละ ยังไม่รู้จักชื่อเลย แล้วจะคืนเงินยังไงละที่นี่ บัตรนักศึกษาก็ให้เขาไปอีก โอ้ยยน้ำอิง แกทำอะไรของแกวะ” ร่างเล็กยืนงงอยู่ตรงที่เขาเจอกับทศเมื่อครู่

+++++++++++++++++++++++

วันนี้ผมติดรถพี่ปีไปทำงานด้วยส่วนร้านก็ให้พี่แก้วกับเด็กๆ ดูแลไปก่อน ระหว่างทางเราแวะซื้อกาแฟกับขนมไว้กินกันที่บริษัท พอมาถึงทุกคนต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว รู้สึกประหม่าไม่น้อยแต่ก้นะคนมันหล่อช่วยไม่ได้ เดินตีคู่กับเจ้าของบริษัทแอบยืดนิดๆ พี่ปีพาผมเดินไปที่ห้องทำงานของเขา

“นั่งเล่นตรงโซฟาก่อนก็ได้นะ พี่ต้องเข้าประชุมตอนสิบโมง”

“อื้อ เดี๋ยวเพียวนั่งเล่นแถวๆ นี้แหละ”

“อย่าออกไปไหน โดยที่ไม่มีพี่นะเพียว”

“-3- อะไรอะ ผมโตแล้วเหอะ!! ”

“พี่ไม่ได้ว่าเป็นเด็ก แต่พี่กลัวเพียวจะไปทำอะไรที่มันเสี่ยงๆ อีก”

“รู้แล้วละน่า -3- “พี่ปีเดินมานั่งข้างแล้วอุ้มผมให้นั่งตัก

“ที่ห้ามเพราะห่วง อยากเป็นเหมือนคราวที่แล้วอีกรึไง?”

“เห้อออ ก็ได้ครับ เห็นแก่ความห่วงใยเพียวจะไม่ไปเถลถไหลที่ไหน” ซะที่ไหนกันละ เรื่องเสือกไว้ใจเพียว พอพ้นสายตาพี่ปีผมก็แอบย่องออกมาจากห้องทำงาน ใช้อำนาจวิเศษส่วนตัวเปิดประตูไปที่ห้องเก็บเอกสาร พร้อมกับกดโทรศัพท์หาไอ้เขื่อน

“เขื่อนมึงอยู่ไหนวะ? ตอนนี้กุที่อยู่บริษัทพี่ปี”

“ (อ่าว มาทำงานกับพี่ปีหรอ มึงแหม่ๆ ช่วงนี้รู้สึกติดผัว)

“ผัว พ่อง!! ไอ้สัสกูจริงจัง ตอนนี้มึงอยู่ไหน” ผมคุยโทรศัพท์ไปด้วคนหาเอกสารไปด้วยโชคดีที่ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่เข้าประชุมกันหมด ผมเลยทางสะดวก

“อยู่ห้องควบคุม มึงอะทำไรทำไมเสียงมันอู้ๆ วะ”

“กูอยู่ห้องเก็บเอกสาร เอ่อมึงพอจะรู้ไหมวะที่บริษัทเค้าเก็บข้อมูลต่างๆ ลงเครือข่ายไหม”

“เดี๊ยวกูเช็คให้ ว่าแต่มึงจะทำอะไรวะ?”

“คือกูกำลังแสดงบทโคนันอยู่ ตามจับโจรให้ผัว เอ้ย พี่ปีอยู่”

“เรื่องใหญ่เหรอวะ”

“เออ ใหญ่ มีผลต่อความมั่นคงตำแหน่งคุณนายของกูด้วย แค่นี้กูหาเอกสารก่อนเดี๊ยวพี่ปีรู้ว่ากูแอบหนีทชมาทำเรื่องแบบนี้”

“เออๆ เดี๊ยวกูช่วยดูให้อีกแรง แล้วมึงอยากได้ข้อมุลอะไรอะ”

“ทุกอย่างเกี่ยวกับ ไอ้เฟริส ทั้งข้อมูลการซื้อขาย ทุกๆ อย่าง”

“เออ แค่นี้”

ผมเก็บโทรศัพท์แล้วค้นหาต่อ ทั้งๆ ที่พี่ปีบอกว่ามันทำลายไปหมดแล้วแต่ผมว่ามันน่าจะเหลืออะไรอยู่บ้าง อะไรสักอย่างที่มันคิดไม่ถึง อย่างเช่น..

“เจอแล้ว!!! ” ผมกำเอกสารแผ่นบางไว้ในมือ เอกสารย้อนหลังห้าปี มันพลาดที่ทำลายแค่สามปีย้อนหลัง ผมรีบเปิดประตูกลับไปที่ห้องทำงานของพี่ปีทันที ชนิดที่ว่าเส้นยาแดงผ่าแปด พี่ปีกลับมาพอดี

“หืม..ทำอะไรอยู่เพียว”

“อะ เอ่ออ ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ก็นั่งอยู่เฉยๆ”

“แต่เมื่อกี้กูเห็นมึงเดินผ่านประตูเข้ามา หรือว่าตาฝาด?”

“บ้าผมจะ เดินผ่านประตูมาพร้อมพี่ได้ยังกันละ คนนะไม่ใช่ผีที่จะแวบไปแวบมาได้”

“ก็จริง แล้วถืออะไรอยู่ในมือ”

“อะ เอ่อ ก็ว่างเลยหากระดาษ มาเขียนอะไรเล่นๆ” ผมรีบยัดกระดาษในมือใส่กระเป๋ากางเกง พี่ปีมองผมอย่างจับผิด

“-*- “

“ประชุมเป็นยังบ้างครับ”

“ผลกำไรไตรมาสนี้ลดลงแถมต้นทุนสูงขึ้นเท่าตัว” เสียงพี่ปีดูเครียดๆ จนผมอดหวั่นใจไม่ได้

“......”

“มีลายเซ้นพี่เซ็นอนุมัติงบประมาณสั่งสินค้าราคาห้าสิบล้านอยู่ในนั้นด้วย”

“ห๊ะ คนงกอย่างพี่นี่อะนะจะเซ้นอนุมัติ เงินตั้งมากมายขนาดนั้น” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เป็นไปไม่ได้แน่นที่พี่ปีจะสะเพร่าเซ็นอะไรง่ายๆ แบบนั้น

“ก็เอออะดิ เอกสารแผ่นนั้นกูไม่ได้เซ็น ขนาดเห็นยังไม่เคยเห็นสักนิด”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...พี่ถูกปลอมลายเซ็น”

“เออ แต่ใครปลอมนี่สิ จะเซ้นอนุมัติงบขนาดนั้นต้องมีลายเซ็นต์คณะบริหารสามคนถึงจะผ่านหนึ่งลุงวิชาญ คุณป้าญานี แล้วก็กู”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า หนึ่งในนั้นปลอมลายเซ็นพี่”

“ใช่” นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะไม่ว่าคนคนนั้นปลอมลายเซ็นพี่ปีไปแล้วกี่ฉบับ

“และคนที่จะทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ได้มีแต่มันเท่านั้น” ผมมองเห็นแววตาเคียดแค้นชิงชังจากดวงตาคู่คมของพี่ปี นี่เขาต้องทนกับอะไรมาบ้างพี่ปีต้องต่อสู้กับคนพวกนั้นเพียงลำพังมานานเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้ผมจะปล่อยให้ ผัว เอ้ย! พี่ปีต่อสู้คนเดียวไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าเครียดของเขาผมเองก็รู้สึกไม่ดีไปด้วย ผมเดินไปหาพี่ปีแล้วส่งยิ้มเป็นกำลังใจ รอยยิ้มหวานๆ ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ตอนนี้ผมเอามาใช้กับเขา สองมือผมจับแก้มเขาเอาไว้แล้วหันใบหน้าเขาให้มามองผม ดวงตาเราประสานกัน

“ผมจะอยู่กับพี่ อยู่ตรงนี้แม้ว่าพี่จะไม่มีใคร^^”

จุ๊บ ผมจูบที่ริมฝีปากหนานั่นอย่างแผ่วเบาเพื่อเติมพลังใจให้เขา แต่ทว่ากลับเป็นผมเองที่โดนอีกคนดึงลงสู่ห้วงแห่งความร้อนแรง จูบหนักๆ ที่พี่ปีกำลังทำมันเหมือนพายุคลั่งภายใต้ความสงบมันเร่าร้อนแต่ไม่ได้รุนแรง ลิ้นของเราเกี่ยวพันกันราวกับเสือที่กำลังหิว เสียงหอบของเรากระชั้นถี่ขึ้น ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดกัน ดวงตาเราประสานกันเนิ่นนานกว่าจะค่อยๆ ผละออก

“อืออ พี่ใจเย็นสิ นี่มันที่ทำงานนะ” หน้าผมขึ้นริ้วสีแดงไปทั้งหน้าเมื่อเห็นสีหน้าหื่นๆ ของพี่ปี

“แล้วใครใช้ให้มึง...ทำแบบนี้กันละ” มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ

“ก็แค่ให้กำลังใจพี่นั่นแหละ พาเตลิด!! ”

“กูผิด?”

“เออ ผิด ไปทำงานได้แล้ว เป็นเจ้าของแท้ๆ จะมาอู้อีก”

“-*- “

หลังจากนั้นพี่ปีก็เข้าสู่โหมดหุ่นยนต์ที่ทำงานไม่หยุดพัก ส่วนผมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟา นานๆ ทีจะมีเลขาเอาเอกสารมาให้อ่านให้เซ็นต์ นอนอืดเป็นหมูอยู่ได้สักพัก ก็มีคนเปิดประพรวดเข้ามาโดยที่ไม่มีการเคาะห้อง

“พี่ปีค่ะ^^..เอ๊ะแกเป็นใครมาอยู่ในห้องของพี่ปีได้ยังกัน” เสียงแหลมสูงตวาดแว๊ดใส่ผมกิริยาของคุณเธอช่างตรงกันข้ามกับหน้าตา ผมเบะปากใส่อย่างไม่แคร์ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ พี่ปีที่เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวนิ่งๆ

“พีช เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน” พี่ปีถามเสียงเข้ม

“ทำไมต้องเคาะด้วยละคะ นี่พีชนะ”

“นั่นพีชไม่ใช่พี่ ห้องทำงานพี่พีชต้องเคารพสิทธิของพี่ อย่ามาทำตัวไม่มีมารยาทกับพี่อีก”

“พี่ปี!! หึ้ย!! ขอโทษค่ะ” พีชเอ่ยปากขอโทษเมื่อโดนสายตากดดันจากพี่ปี ผมรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นรังสีอำมหิตของเขา ให้ตายเถอะกับผู้หญิงพี่แกยังไม่เว้น

“มีอะไรก็พูดมาพี่จะทำงาน”

“พีชมาชวนพี่ปีไปทานข้าวค่ะ” พีชเอ่ยเสียงอ้อน

“พี่มีนัดแล้ว” ใช่นัดกับกูนี่แหละผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ

“กับอีเด็กขายนี่เหรอคะ พี่ปีค่ะพีชเคยบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าถ้าอยากให้มาหาพีช ไม่ใช้ไปลงกับอีตัวพวกนี้มันสกปรก!!! ” โหยยย อินังชะนีปากเสีย คิ้วผมนี่กระตุกยิกๆ เลยให้ตายสิ

“หึหึ พี่เต็มใจเอาอีตัวที่พี่ทุ่มทุนซื้อดีกว่าเอากับพีช พีชประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปนะพี่ว่า อีกอย่างพี่จะบอกอะไรให้ เด็กคนนี้นะ ไม่ใช่เด็กขาย แต่เป็นเมียพี่!! ” อยากจะเดินไปดันคางที่ค้างของน้องพีชให้หุบจริงๆ เลยครับ อึ้งละสิหุหุหุหุ

“พี่ปี!! กรี๊ดดดด” เสียงน้องพีชกกรีดร้องโหยหวนเหมือนสัมภเวสีขอส่วนบุญทำเอาพี่ปีต้องลากเธอออกไปนอกห้องทำงานแล้วสั่งเลขาหน้าห้องว่าห้ามใครรบกวนอีก

“ฟู่วว พี่นี่ปากร้ายเนอะ กับผู้หญิงก็ไม่เว้น น่ากลัวอะ” ผมทำท่าขนลุกใส่พี่ปี

“หึหึ พึ่งรู้เหรอว่าปากกูร้าย”

“โอ้ยย เรื่องนั้นผมรู้นานแล้วเหอะ ว่าแต่น้องคนนั้นเค้าเป็นใครอะพี่”

“ลูกป้าญานี เพื่อนร่วมหุ้นอีกคนของพ่อ”

“โหนี่จะมีใครที่เป็นญาติพี่จริงๆ มั่งเนี้ยะ” ผมอวดครวญ

“ก็มีนะ แต่อยู่ตำแหน่งที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก โดนผุ้ถือหุ้นคนอื่นกวาดต้อนจนไม่ได้ผุดได้เกิด เหลือรอดแค่กูที่กินบุญเก่าพ่ออยู่ อีกอย่างกูฉลาด” เบ้ปากใส่ด้วยความหมันไส้ ไม่เคยเลยที่จะไม่ยกยอตัวเองต่อหน้าเมีย เดี๊ยวเถอะเดี๊ยวจะเอาเงินในบัญชีมาฟาดหน้าให้ นี่ผมรวยระดับเศรษฐีพันล้านเลยนะไม่อยากจะคุย

พักเที่ยงเราสั่งอาหารขึ้นมากินแพราะงานพี่ปีเยอะกว่าจะออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกและพี่ปีเค้าก็กลัวว่าผมจะเบื่อก็เลยอนุญาตให้ผมไปหาเพื่อนที่แผนกไอทีได้แต่ต้องอยู่กินข้าวกับเขาก่อนเมนูมื้อกลางวันก็ข้าวกล่องเบนโต๊ะหน้าปลาไหลย่างร้านดัง นั่งกินไปได้ไม่กี่คำดูเหมือนมารจะมาผจญไม่เลิก ยัยมีนา

“พี่ปีค่ะ”

“-*-...มาทำไมอีก” พี่ปีถามแต่ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา เขาใช้ตะเกียบคีบข้าวใส่ปากอย่างไม่ใส่ใจ มีนายืนกำมือแน่น ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ

“มีนามาเจรจาค่ะ เรื่องของเรา” เธอเน้นย้ำคำว่าของเราใส่ผม

“ไม่มีเรื่องของเราแล้วมีนามันจบไปแล้ว ถ้ายังยุ่งวุ่นวายรู้นะว่าผมทำอะไรได้บ้าง” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องข้างแล้วสบตามีนานิ่งๆ หล่อนเม้มปากตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก

“มีนาไม่มีที่ไป พี่ปีค่ะเมตตาพวกเราสองคนพ่อลูกได้ไหมคะ”

“นี่ผมยังเมตตาไม่พออีกเหรอ กับสิ่งที่ครอบครัวคุณทำกับผม” มีนาเดินมานั่งลงข้างๆ พี่ปีจับแขนล่ำๆ ของผัวผมไว้แล้วบีบน้ำตา แค่น้ำตาใจผมมันก็อ่อนยวบแต่พี่ปีนี่สิจิตใจแข็งแกร่งดังผนังเสริมใยเหล็ก เขาหันไปมองมือที่จับแขนตัวเองแล้วมองหน้าผมที่ตอนนี้ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่อยากยุ่งไม่อยากออกความเห็นกลัวโดนด่า

“นะคะ มีนาขอร้อง ขอแค่ตำแหน่งเล็กในบริษัทก็ได้ ให้มีนาได้มีงานทำ มีเงินมาจุนเจือครอบครัว ฮึก พี่ปี” โหหหหพูดขนาดนี้แล้วพี่ปียังทำหน้านิ่ง ยังใช้หางตามอง ใจโคตรแข็ง

“ผมไม่รับ คุณไปหางานทำที่บริษัทอื่นเถอะ ออกไปได้แล้วผมจะกินข้าวกับเมีย!! ” คำว่าเมียทำเอามีนาหน้าบึ้งใส่ผมทันที -*-

“ผู้ชายคนนี้เหรอคะพี่ปีที่พี่ยอมลงมาเกลือกกลั้วด้วย ไม่คิดว่าพี่จะตาต่ำ!แบบนี้ แล้วคนอื่นรู้ไหมคะว่าพี่ปีคบผู้ชาย!!!!"

"แล้วมันหนักส่วนไหนของตัวเธอกัน!!"

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ร้ายกว่าชะนีก็พี่ปีนี่แหละค่ะ...



ขอกำลังใจให้พี่ปีกะน้องยักษ์ด้วยน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 04-05-2018 13:14:49
คิดถึงพี่ปีกับยักษ์น้อย
หัวข้อ: Re: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-08-2018 00:09:45
คิดถึงนะ...รอ  :mew1: