
อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 4
แบบนี้ก็ได้เหรออออออ
“โอยยย ปวดหัวนี่มันกี่โมงแล้วเนี้ย” ผมคลำหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา แปดโมงกว่า ฉิบหายแล้วคราวนี้ ตื่นเลยครับจากอาการแฮ้งค์เมื่อสักครู่ ตลาดไปไม่ทันแล้ว ผมลุกจากที่นอนแล้วพุ่งพรวดเข้าห้องน้ำทันที ยิ่งรีบก็ยิ่งรน จนจับอะไรไม่ถูกมันอยู่ผิดที่ไปหมด
ซ่า....
เฮือกกกก ตกใจหมด
จู่ๆ ก็มีเสียงน้ำไหลดังมาจากหลังม่านกันน้ำและมีเงาของผู้ชายตัวใหญ่ยืนอาบน้ำอยู่ ผมรีบหันไปมองทันที ใครมันมาใช้ห้องน้ำของผม ไวเท่าความคิดมือผมเอื้อมไปตวัดผ้าม่านออกทันที และสิ่งที่เห็น
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“เชี้ยยย”
ผมร้องว๊ากกด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะคนที่ยืนอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ แต่เป็น มันไอ้นั่น ไอ้งูนั่นมันกำลังตั้งชี้หน้าผมแล้วผู้ชายคนนั้นที่หัวมีแต่ฟองสบู่หันมาทางผม มันเข้ามาอยู่ที่ห้องผมได้ยังไง มันๆ เข้ามาตอนไหน ไอ้คุณปีมันรีบปิดม่านทันที
“ออกไปรอข้างนอก” มันบอกเสียงนิ่งๆ ผมกวาดสายตามองรอบๆ มันไม่คุ้นตาผมเลยสักนิด และพอผมดึงสติกลับมาได้
“ไม่ใช่ห้องกูนี่หว่า” ผมอุทานออกไป
“ก็ใช่นะสินี่มันบ้านกู” เท่านั้นแหละผมแทบจะร้องกรี๊ดออกมาอีกรอบ รีบวิ่งออกมาก่อนที่ไอ้คุณปีจะก้าวออกจากอ่างน้ำในห้องน้ำ ผมเปิดวาปมาที่ห้องของตัวเองทันที เอาหลังยืนพิงประตูไว้แล้วจับหัวใจตัวเอง ให้มันสงบลง จะใจเต้นอะไรนักกับอิแค่ผู้ชายแก้ผ้าให้ดู ผมตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมาขามันสั่นไปหมด
ปังๆๆๆๆๆ
“พี่เพียว พี่ ตื่นยังวู้ว เรียกนานแล้วนะเนี้ย ไม่เปิดผมโทรเรียกกู้ภัยแล้วนา” เสียงใสๆ ของไวมันตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้องพร้อมกับทุบประตูเสียงดัง และเสียงมันนั่นแหละที่เรียกให้ผมตั้งสติได้ ผมรีบเปิดประตูออกไป
“กูยังไม่ตาย มึงจะเรียกพี่ปอเค้ามาลำบากทำไม” พอมันเห็นผมมันก็ทำหน้าตกใจใส่
“พี่เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดๆ ตื่นๆ” ไอ้ไวมันจ้องหน้าผม ผมรีบหลบแล้วปิดประตูอัดใส่หน้ามัน
“พี่วันนี้ไม่เปิดร้านรึไง” มันตะโกนถามจากด้านนอก
“ไม่ขาย... มึงไปเขียนป้ายติดไว้ว่าหยุด1วัน ยักษ์ไม่สบาย”
“เอางั้นเหรอพี่” มันถามด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจ
“เออ ไปสิวะ”
“ว่าแต่พี่ไม่เป็นไรแน่นะ”
“สบายดี กูสบายมาก แค่ตกใจอะไรนิดหน่อย” ช่วงท้ายผมเบาลง
“พี่....มีไรบอกผมได้นะ”
“อืม” แล้วมันก็เงียบหายไป ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน นึกทบทวนว่าตัวเองไปอยู่บ้านนั้นไปยังไง
“ไปอยู่บ้านเขาได้ยังไงวะไอเพียว” ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น อยากจะร้องไห้ เอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไปมา ผมว่าผมไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วค่อยมานั่งคิดดีกว่า
“เมา เขื่อนพากลับบ้าน กด ออดเรียกไอ้ไว ไอ้ไว ไอ้ไว” พอทบทวนบางอย่างได้ผมก็รีบวิ่งลงไปด้านล่าง ลงไปก็เจอไอ้ไวมันเดินสวนกลับเข้ามาตรงสวนหน้าบ้านพอดี ผมรีบจับมันไว้
“มีอะๆ ไรรึเปล่าพี่” มันทำหน้างงๆ
“มีแล้วมึงก็ต้องตอบกูมาให้ห้ามโกหก”
“อ่า..ครับๆ”
“เมื่อ คืน กูกด ออดเรียกมึงใช่ไหม”
“เปล่า เมื่อคืนพี่ไม่ได้กลับเข้ามาในบ้าน มีแต่รถจอดอยู่” มันตอบออก คำตอบของมันเล่นเอาผมช็อก
“เมื่อคืนมึงไม่ได้ออกมารับกูที่หน้าบ้านใช่ไหม” มันส่ายหน้าไปมา แล้วมองผมด้วยแววตาซื่อๆ
“ผมจะไปรู้ได้ไงว่าพี่กลับมาบ้านตอนไหน เมื่อคืนผมหลับสบายมาก” มันยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปทิ้งผมไว้ข้างหลัง
“ไม่จริง ไม่จริง” ผมได้แต่พูดคำนั้นซ้ำๆ วนไปวนมา เดินถอยหลังอย่างช้า แล้วหนังม้วนเมื่อคืนมันก็ฉายซ้ำในมโนภาพของผม
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมกรี๊ดลั่นจนไอ้ไวตกใจ แต่ที่มันช็อกมากกว่ารู้ความจริงคือไอ้คุณปีมันยืนมองผมจากหน้าบ้านของมัน แล้วแสยะยิ้มร้ายๆ พร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนมาให้
(“หึหึ”) ผมได้ยินเสียมันหัวเราะเยาะผมด้วย ผมรีบหันหลังแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน อับอายขายขี้หน้าให้ตายเถอะ มันเห็นของผมหมดทุกอย่าง ทุกอย่างเลยแน่ๆ เมื่อเช้ารู้สึกว่าช่วงล่างมันเย็นๆ ด้วย หรือว่า เมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ ก.ก.น นอน.... เหี้ยหนักกว่าเดิมอีก มันเห็นหมดเลยยยยย ฮรือออออ ยักษ์อยากตาย
วันนี้ทั้งวันผมเอาแต่นั่งมึน งานการไม่ทำปล่อยให้ไอ้ไวเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้งงานบ้าน ทั้งมื้ออาหาร ส่วนผมนั่งตาลอยอยู่ตรงศาลา..ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อคืน มันเสียหน้าและผมก็ทำใจไม่ได้ นั่งจนเด็กพม่ามันเอาข้าวมาให้ที่ศาลา
“ผมว่าพี่อาการหนักนะเนี้ยะ”
“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบมันเสียงเหนื่อยๆ
“แล้วเมื่อคืนพี่ไปนอนที่ไหนมา” มันจะมาถามจี้ใจดำผมทำไมวะT^T
“ก็ ก็...” ยังไม่ทันจะตอบเสียงกดออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมกลืนคำตอบนั่นลงคอ แล้วหันไปบอกให้ไวมันไปดู มันวิ่งไปที่หน้าบ้านแล้วกลับมาพร้อมกับผู้ชายที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเขามากที่สุดในตอนนี้
“หึหึ” หัวเราะเสียงเย็นๆ แบบนี้อีกแล้วผมไม่ชอบเลยผมตวัดสายตาไม่พอใจไปให้เขา
“พี่คุณปีเขามาหาอะ” เออกูรู้แล้วไม่ต้องมาย้ำ ผมหันไปตวัดสายตาดุๆ ใส่ไอ้เด็กพม่า
“ไว ทีหลังมึงอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาบ้านกูอีก” ไอ้ไวดูจะตกใจที่ผมพูดแบบนั้น ไม่เว้นแม้แต่เขา
“อะ เอ่ออ คุณปีเขาไม่ใช่คนแปลกหน้านะพี่” ยัง ยังจะปกป้องมันอีก ไอ้คุณปีมันหันไปยิ้มหวานให้ไอ้ไว
“แปลกหน้าสำหรับกู”
“แต่ กูคิดว่าไม่นะในเมื่อ เราต่างคนต่างเห็น...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบผมก็กระโจนเอามือไปอุดปากเขา ไอ้ไวมันทำหน้างง มันมองผมกับคุณปีสลับกันไปมา
“เห็นอะไรพี่” ขี้เสือกอีกแล้ว
“ไม่มีอะไรมึงมีอะไรก็ไปทำไป” คุณปีแกะมือผมออกจากปากเขาได้ในทันที
“เห็น” แหนะไอ้นี่นิยังจะมาพูดอีก
“คุณปี!!! หุบปากเลยนะไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือนคุณไม่ได้” ผมยกนิ้วขึ้นชี้ขู่เขา ไอ้ไวรู้รู้โลกรู้ขอบอกเลย ถ้าไอ้เขื่อนกับไอ้ภูมันรู้มันล้อผมยันลูกบวชแน่
“เก่งจริงตัวแค่นี้” เขาเน้นคำว่าแค่นี้แล้วมองต่ำลงไป เขายืนกอดอกมองผม
“ไวมึงมีอะไรก็ไปทำปะ เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง” ผมพูดกับไวแต่ตาผมยังจ้องหน้าเขาไม่วาง
“ครับๆ” แล้วไวมันก็เดินออกไป เหลือแค่ผมกับเขา เราจ้องหน้ากันนิดๆ แต่ดูเหมือนไอ้หน้านิ่งเขาจะรู้สึกชอบใจที่ยั่วโมโหผมได้มากกว่า
“มาทำไม” ผมเปิดประเด็น
“เอาเสื้อผ้ามาคืน ความจริงก็ไม่ได้อยากจะเข้ามานักหรอกนะ” เขาโยนถุงเสื้อผ้าลงที่พื้น
“แล้วเข้ามาทำไมมิทราบ”
“ก็แค่อยากจะมาดูอะไรนิดหน่อยให้มันแน่ใจ หึหึ”
“ดูอะไรของมึง” เขาไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแสยะยิ้มกวนๆ ผมรีบยกมือขึ้นปิดตัวเอง
“เหอะดูทำเข้า เห็นกูเป็นคนโรคจิตรึไง ไม่ได้พิศวาสเลย ไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด แต่จะว่าไป...” เขาเว้นช่วงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมชนิดที่ผมเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาใกล้ๆ จมูกโด่งเหมือนสันเขา หน้าเนียนใสไร้ริ้วรอย ไหนจะดวงตารีๆ เหมือนเหยี่ยวนั่นอีก ใกล้กันจนปลายจมูกแตะกัน ใจผมมันเต้นระรัว อย่างห้ามไม่อยู่
“อะ..อะไร”
“ผิวมึงก็ลื่นมือกูดีเหมือนกัน อันนั้นก็เล็กดูกระจุ่มกระจิ๊มดี น่ารักๆ” นี่มันล้อเลียนผมชัดๆ จากที่ใจเต้นแรงเพราะความหล่อ ตอนนี้ใจมันเต้นแรงเพราะหมาในปากเขามากกว่า
“เหอะ ของตัวเองดีตายแหละ ขนาดอยุ่ตรงหน้ายังมองไม่เห็นไปตีบไว้ตรงไหน หึหึ ตูดก็ยาน เชอะ” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ไอ้คุณปีนั่นหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูแถมยังทำหน้าโหดใส่ผมอีก ใครจะกลัว นี่มันเขตบ้านผม อาณาเขตยักษ์ใครก็ทำอะไรผมไม่ได้ทั้งนั้น
“หึหึ แน่ใจว่ามองไม่เห็นแล้วเมื่อเช้าวิ่งหนีทำไม อายละสิที่ของของ มึงเล็กกว่าของกู” เขาพูดเสียงดัง นี่กะเอาให้ป้าอรได้ยินใช่ไหม
“จะเสียงดังทำไมวะ” ผมเอ็ด
“ก็มันเรื่องจริงเรื่องจริง แล้วเรื่องเมื่อคืนคุณจะรับผิดชอบยังไง เล่นบ้านผมเละไปหมด แถมยังอ่อยผมด้วย” ผมขี้เกียจจะเถียงกับเขาแล้วยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเอง ผมต้องจัดการเรื่องนี้
“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ แล้วเรื่องเมื่อคืนถือสะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น คุณเห็นของผม ผมเห็นของคุณ ถือว่าเจ้ากัน ที่สำคัญผมเมา ผมไม่ได้ตั้งใจไปบ้านคุณสักหน่อย และอีกอย่างนะไม่ได้อ่อยคุณอย่าเข้าใจผิด คุณนะไม่ใช้สเป็กผมสักนิด คุณไม่มีทางได้เห็นขนไข่ผมหรอก แล้วอีกอย่างนะ ผมเมาเข้าใจตรงกันนะ แค่นี้จบ!!!! ” ผมพูดแบบไม่ต้องหายใจกลัวเขาจะเถียงแทรกขึ้นมาอีก
“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ นี่มาทำให้ผมลำบาก ขอบคุณสักคำก็ไม่มี บ้าป่าววะ”
“เออ แบบนี้แหละ หมดธุระแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว นู้นประตูเชิญ” ผมไล่เขาทันที เสียงสูดหายใจลึกๆ ของเขาดังขึ้น ใบหน้าโกรธจัด แต่เขาก็ไม่ได้ไม่ต่อล้อต่อเถียงทำแค่เพียงยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แล้วเดินหันหลังให้ก่อนจะหยุดตรงหน้าประตู หันมามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เล็กไปหมด แถมสมองยังเล็กตามไปอีก” พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนผมสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอมันยังใช้สายตามาหยามผมอีก
“ไอ้ ไอ้ ไอ้” อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองไอ้คุณปีมันหัวเราะเยาะผมด้วยความสะใจ
“ของกูไม่เล็กนะเว้ย” ผมตะโกนออกไป ก็มันไม่เล็กจริงๆ นี่
ผมตื่นไปตลาดแต่เช้าวันนี้ต้องเปิดร้านแล้ว ผมพ่วงไวมันมาด้วย ซื้อของสดเสร็จก็พามันไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยแล้วพากันกลับบ้าน เตรียมเปิดร้าน สิบโมงทุกอย่างก็พร้อมขาย ตลอดวันมีลูกค้าแวะมาไม่ขาดสาย ยิ่งช่วงเที่ยงลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ ผมยืนลวดเส้นใส่ชามได้คล่องขึ้น ทำอะไรได้เร็วขึ้นไวเองก็เช่นกัน ผมสร้างเพจร้านขึ้นมาและอัพรูปลง แนะนำลูกค้าให้กดไลค์กดแชร์จะรับส่วนลด ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่อยากจะคุยซักเท่าไหร่นะครับ ตอนนี้ผมฮอตมาก มีคนขอผมถ่ายรูปเยอะเลย ไอ้ไวก็โดนแต่มันหนีไปหลังร้านทุกครั้งที่มีคนขอถ่ายรูปกับมัน ไม่รู้จะอายอะไร จะได้ช่วยกันโปรโมทร้านด้วย
บ่ายสามโมงของก็หมดได้เวลาปิดร้าน ช่วยกันเก็บจนเสร็จจะได้พักแล้วออกไปหาอะไรกิน เอาเงินวันนี้ไปเข้าธนาคารด้วย ผมกำลังจะยกหม้อก๋วยเตี๋ยวออกจากเคาน์เตอร์ ไวมันล้างจานอยู่หลังร้าน ผมเอาหม้อไปให้มันล้าง แล้วกลับมาจัดการส่วนที่เหลือ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จไวๆ
หลังจากเก็บร้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินที่ตลาด แว้นไปเหมือนเคย ระหว่างทางไอ้เขื่อนโทรมาบอกจะแวะมาหาที่บ้าน เป็นอันว่าต้องซื้อกับข้าวเข้าไปแทน มีหลายอย่างทั้งผัดเผ็ดหมูป่า ยำหอยแครง ต้มจืดสาหร่าย ไวมันอยากกินต้มเล้งเลยแวะร้านเจ้าอร่อยซื้อให้มัน แวะร้านขนมหวานซื้อมาอีกสี่ห้าอย่างเอาไว้ล้างปาก กลับมาถึงบ้านก็เจอไอ้เพื่อนตัวแสบยืนรออยู่ที่ประตูรั้ว แต่ทำไมมันมาคนเดียว แต่ไอ้ไวครับพอจอดรถแล้วเห็นเพื่อนผมปุ๊ปมันก็หลบที่หลังผมทันทีไม่รู้จะกลัวอะไรไอ้เขื่อนมันนัก
“ไอ้ภูไปไหน ทำไมไม่มาด้วย” เพื่อนตัวสูงผมยักไหล่ให้
“ไม่รู้ช่วงนี้ทำตัวดูมีลับลมคมใน หายออกจากวัดบ่อยๆ” เขื่อนบอกเสียงหน่ายๆ แล้วหันไปจ้องคนที่อยู่ด้านหลังผม มันยกยิ้มร้ายๆ ใส่
“มึงลูกน้องกู เว้นไว้สักคน ประสาทมันจะเสียแล้วนั่น”
“กูก็ไม่ได้ทำอะไรมันนี่”
“ไปๆ เข้าบ้าน จะได้กินข้าว” ผมผลักไอ้เพื่อนตัวโตให้เดินเข้าไปในบ้าน และช่วยกันไปเอาจานชามออกมากินข้าวกันที่สวนข้างบ้าน มันมีโต๊ะที่เหมาะสำหรับทานมื้อค่ำหรือปาร์ตี้ ฟ้ามืดแล้วผมเลยเปิดไฟสวยๆ ในสวนให้มันสว่างขึ้นมา
กินไปคุยไป ไวมันเงียบตลอดไม่ช่างจ้อเหมือนที่เคย จนผมผิดสังเกต มันแอบชำเลืองมองไอ้เขื่อนตลอด ไอ้เขื่อนเองก็ไม่แพ้มัน จ้องลูกน้องกูอยู่นั่นแหละ
“มึงจะจ้องมันทำไมไอ้เขื่อน จะจ้องจนมันท้องเลยรึไง” ผมเอ็ดใส่มันหันมายิ้ม
“ก็อยากจะจ้องจนท้องอยู่เหมือนกัน” ไอ้ไวสะดุ้งนิดๆ แถมหน้ามันยังแดงๆ เหมือนเขินอะไรสักอย่าง นี่ผมพลาดอะไรไปไหม ผมมองหน้าพวกมัน
“หึหึ กูแกล้งมันเล่นมึงก็คิดมากไปได้” ในเมื่อมันบอกแบบนั้นผมก็ทำใจยอมเชื่อมันก็ได้ แต่อย่าให้จับได้แบบคาหนังคาเขานะ พ่อจะจับแหกอกทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องเลย
คุยได้สักพักก็ได้ยินเสียงของหล่นดังตุบเหมือนของหนักๆ หล่นอยู่ข้างบ้าน เป็นไอ้ไวที่พุ่งก่อนคนแรกเห็นมันขาสั้นๆ มันนี่ไวกว่าใครเลย
“พี่ปี!!! ” เสียงหวานๆ ของมันร้องลั่น มันยิ่งทำให้ผมเร่งฝีเท้าไปหาพวกเขา
“ตัวเล็ก” คุณปีเรียกใครว่าตัวเล็ก - -*
พอเดินไปถึงก็เห็นไอ้คุณปีนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น รอบๆ ตัวมีเศษกิ่งไม้ที่พึ่งหักลงมา เขามองพวกผมนิดๆ
“คุณปี คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” เป็นไอ้เขื่อนที่ถามด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจมากๆ
“...” เขาไม่ตอบแต่พยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ดูท่าจะไม่ไหว
“สงสัยข้อเท้าจะเคล็ดเดินไหวไหมครับคุณปี”เขื่อนมันพยุงคุณปีขึ้นมา
“ผมไม่เป็นไรคุณธันวา โอ้ยย” แค่ก้าวขาลงน้ำหนักก็ร้องออกมา
“เหอะ ปากเก่งจริงๆ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิจะฝืนทำไม” ผมพูดลอยๆ ออกมา แอบชำเลืองมองมันนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นห่วงนะสมน้ำหน้ามากกว่า
“ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ” ไอ้เขื่อนออกความคิดเห็น ดูจากอาการแล้วคงไม่พ้นขาหัก
“ไปหาหมอเหอะครับพี่ปี” ไอ้ไวนี้มันชักจะยังไง ห่วงออกนอกหน้าเหลือเกิน คุณปีพยักหน้านิดๆ คงทนเสียงรบเร้าไม่ไหว
“เพียวไปเอารถออกไป กูจะพาคุณปีเขาไปโรงพยาบาล”
“เอ้า แล้วทำไมต้องรถกูละ รถเขาก็มี” เรื่องอะไรต้องมาใช้รถผมด้วย
“อย่าเรื่องมาก เร็วดิวะ” มันเร่ง ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้คนตัวสูงทีทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำตัวเองเจ็บตัวแล้วยังมาเดือดร้อนคนอื่นอีก ไอ้มนุษย์เจ้าปัญหา ผมเชิดหน้าสะบัดบ๊อบใส่แล้วเดินไปเอารถยนต์ของตัวเองออกมาจอดรอที่หน้าบ้าน เขื่อนมันพยุงตัวคุณปีมานั่งที่เบาะหลังจะได้ยืดขา
“มึงไปกับคุณปีนะ เดี๋ยวกุต้องไปหาไอ้ภูมันก่อน มันเป็นห่าอะไรไม่รู้ มันโทรมาแล้วร้องไห้ใส่ บอกว่าอยู่ที่สะพานพระราม8 กูเป็นห่วงมันมึงช่วยคุณปีเค้าหน่อยนะมึง” มันขอร้อง
“แล้วทำไมมึงต้องเป็นห่วงเค้าขนาดนั้นวะ”
“คุณปีเป็นเจ้านายกู”
“!!!!! ”ตกใจสิครับ ไอ้คุณปีมันมาเป็นเจ้านายเพื่อนผมได้ยังไง
“รู้แล้วก็ดูแลเขาให้ดีด้วยละ”ไอ้เขื่อนมันสั่งเสียงเข้ม นี่กลัวว่าผมจะซ้ำเขารึไงก็ไม่รู้
“ไวเฝ้าบ้านนะเดี๋ยวพี่มา”ผมบอก ไอ้ไวมันยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่ประตูหลังแล้วมองคนบนรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักจนไอ้คุณปีมันพูดปลอบนั่นแหละ
“พี่ไม่เป็นไรหรอกเข้าบ้านเถอะ” มันยิ้มอ่อนๆ ส่งไปให้ไอ้ไว ยิ้มที่ดุเป็นผู้ชายแสนดี แสนอบอุ่น เหอะ กะจะเต๊าะลูกน้องกูอีกคนละสิ ฝันไปเถอะ ไอ้เด็กนี่มันยิ่งซื่อๆอยู่เดี๋ยวจะโดนหลอกฟันฟรี ไม่ได้ๆ
“ไวเข้าบ้าน” ผมสั่งเสียงเข้ม มันทำท่าจะรอจนกว่าผมจะออกไป ผมเลยใช้สายตากดดันมันจนมันเดินเข้าบ้านปิดประตูรั้วเรียบร้อย ส่วนไอ้เขื่อนโบกแท็กซี่หายไปแล้ว ไอ้ภูมันไปเจออะไรมาวะถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น แถมยังไปอยู่ที่แม่น้ำอีก ไม่ใช่มันจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหรอกเหรอวะ
เราเงียบกันมาตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล มันเป็นอะไรที่ผิดปรกติมาก ที่พวกเราไม่ต่อล้อต่อเถียงกัน มาถึงผมก้เรียกบุรุษพยาบาลมาช่วย จนเข้าห้องฉุกเฉินไป ออกมาอีกทีที่ขาไอ้คุณปีก็ใส่เฝือกอ่อนออกมา นี่ถึงขั้นขาหักเลยเหลือ
“ญาติคุณปีมงคลรึเปล่าคะ” เสียงคุณพยาบาลถามขณะที่เดินเข็นรถวีลแชล์คุณปีออกมา
“ผมเป็นเพื่อนบ้านเขาครับ”
“เชิญรับยาและจ่ายเงินด้านนี้เลยค่ะ” -*- อ่าวแล้วทำไมกูต้องมาเสียตังให้มันอีกวะเนียะเดินตามพยาบาลไปแบบงงๆ จู่ๆ ก็เสียเงินซะงั้น พอรับยาฟังหมออธิบายเรื่องการดูแลคนป่วยจ่ายตังแล้วก็เดินออกมาหาคนขาหักที่ตอนนี้กำลังใช้ไม้พยุงตัวเองลุกขึ้นจากรถเข็น ด้วยท่าทีสบายๆ
“ซุ่มซ่ามแล้วยังจะมาทำให้คนอื่นเขาลำบากอีก”มองค้อนนิดๆ แล้วก็แขวะมันครับเอาให้หนังหลุดไปเลยเลย
“ที่พูดมานี่ ย้อนดูตัวเองแล้วรึยัง” ไอ้คุณปีใช้น้ำเสียงนิ่งๆแล้วมองมาที่ผม (แหนะมียอกย้อนกูอีก เดี๋ยวเตะตัดขาซะเลยนี่)
“อ๋อออ จะทวงบุญคุณ”ผมทำเสียงกวนๆกลับยืนกอดอกจ้องตาเขาบ้าง
“เหอะคิดได้แค่นั้น ก็ตามใจ” ก่อนที่จะเขาเดินเลี่ยงผมออกไป แล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูหมายจะขึ้นแต่ทำไม่ได้ เขาหันมามองผมเหมือนใช้สายตาเรียกให้ไปหา
“อวดเก่งดีนักทำไมไม่ขึ้นเองละ”อดไม่ได้ที่จะว่า เขาจิกตาใส่
“พูดมากมาช่วยหน่อย” ด้วยความที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขาเลยลีลานิดๆเดินช้าๆมองนู้นมองนี่ไป
“เร็วสิวะ”เขาเร่งสีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่คงจะเจ็บ
“เอ่อรู้แล้วละน่า ตัวหยั่งกับควายใครเขาจะยกไหววะ” ผมบ่นขณะที่ช่วยพยุงคนตัวโตขึ้นเบาะหลัง แต่ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าผมหลายเท่า ในจังหวะที่ดันตัวมันขึ้นเบาะมันดันทิ้งน้ำหนักตัวลงไปผมเลยลอยหวือ ตามลงไปด้วย ไอ้บ้านี่ หน้าผมกระแทกเข้ากับหน้าอกแข็งๆ ของมันแถมตัวผมยังทับตัวมันไว้อีก
ผมเงยหน้าขึ้นในจังหวะเดียวกับมันที่ก้มหน้ามา กำลังจะอ้าปากด่า แต่ว่า
จุ๊บ *0*
ปากเราแตะกันด้วยความบังเอิญ สมองผมมันหยุดทำงานไปชั่วขณะ ส่วนไอ้คุณปีมันก็ตะลึงตาค้าง ทั้งผมทั้งมันค้างกันอยู่อย่างนั้น พอได้สติมันก็รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตที่ตัว เราเด้งออกจากกันในทันที ผมยกมือขึ้นแตะปากตัวเองแล้วมองหน้ามัน ด้วยความช็อก พอคิดได้ก็รีบเอามือถูปากตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“ยี้ แหวะ ไอ้คุณปี ไอ้...” ผมอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก
“อะ..อะไร อย่าทำเป็นรังเกียจหน่อยเลย กูมากกว่าที่ต้องทำแบบนั้น สกปรก แหวะจูบกับแมลงสาบ ยี้” มันสะดิ้ง เล่นใหญ่กว่าผมจนไปไม่เป็น ผมทั้งมองค้อน จิกตา ด่าทางสายตา ส่งไปให้ มันยังไม่สะทกสะท้าน แถมยังมีหน้ามาสั่งผมอีก
-*-
“ยะ ..ยืนบื้ออยู่ทำไม ขึ้นรถสิวะจะได้กลับบ้านสักที จะกลับไปแปรงฟัน” -////- พูดแล้วทำไมต้องหน้าแดงใส่ เหอะเขินกูก็บอกมาเหอะไอ้หน้านิ่ง พอเห็นริ้วแดงๆ บนหน้ามันก็นึกสนุกขึ้นมา อิท่าทางแบบนี้จูบแรกแน่ๆ
“เออออ...ก็จะกลับไปแปรงเหมือนกัน” ว่ากระแทกใส่แล้วขึ้นประจำที่คนขับไอ้คุณปีเขาก็จัดท่านั่งตัวเองดีๆ แล้วทำเก๊กมองออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับเสียงฟึดฟัดใส่ อ่อนด๋อยบอกเลยไอ้ท่าทีแบบนี้ เข้าทางผมครับขอบอก เดี๋ยวพี่ยักจะเล่นให้อ่อนระทวยไม่กล้าหือกับพี่อีก ผมมองกระจกหลัง เห็นมันนั่งหน้าแดงแล้วยกยิ้มร้าย
เสร็จยักษ์แน่มึง
+++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่นะคะ แฮะๆ
+++++++++++++++++++++++++++++