#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 223840 ครั้ง)

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
       สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยขออภัยก่อนเลยนะคะ  :mew2: เพราะสัปดาห์ก่อนไม่ได้มาอัพเนื่องจากโน้ตบุ๊คมีปัญหาเลยต้องซ่อม ตอนแรกคิดว่าจะทันแต่กลับไม่ทันซะงั้น เลยมาอัพเอาสัปดาห์นี้ค่ะและจะอัพอีกในครั้งต่อไปคือสัปดาห์หน้า จากนั้นจะขอหยุดพักน่าจะสักสองสัปดาห์นะคะ เพราะจะเดินทางและเป็นช่วงวันหยุดยาวค่ะ ขอพักผ่อนหน่อยนะคะ แล้วจะกลับมาต่อค่ะ

        ตอนนี้ยาวมากสุดเท่าที่แต่งมาในเรื่องนี้เลย อาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดคำผิดหรือประการใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ติชมได้ ยินดีรับฟังค่ะ ตอนนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ   :bye2:

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 50 Between them. 


It feels like there’s oceans
มันรู้สึกราวกับมีมหาสมุทรขวางกั้น
Between me and you once again
ระหว่างเธอและฉันอีกครั้งหนึ่ง
We hide our emotions
เราต่างซ่อนเร้นความรู้สึกไว้
Under the surface and tryin’ to pretend
ใต้ผืนน้ำและพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร
But it feels like there’s oceans
แต่มันกลับเหมือนมีมหาสมุทรขวางกั้น
Between you and me
ระหว่างฉันและเธอ


        พระพายที่หลับไปอย่างเนิ่นนาน ตื่นอีกทีก็พบว่าเป็นเวลาสิบโมงเช้าของวันใหม่ไปแล้ว พระพายบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดจึงนอนหลับสบายเสียเต็มอิ่ม


        ตื่นมาก็พบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ เจ้าตัวคงอยากพักผ่อนยาวๆบ้างหลังจากที่ผ่านมาเอาแต่ทำงานหนัก พิธานในช่วงหลังๆทำงานเยอะมากผิดกับช่วงแรกๆที่เจอกันแต่ก็พอเข้าใจว่าความรับผิดชอบมากขึ้นเพราะระบบงานมีการเปลี่ยนแปลงไปตามที่พิธานเคยบอกเล่า


        พระพายลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนเปลี้ย เมื่อคืนหนักหน่วงจริงๆจนร่างกายหนักอึ้งแต่พระพายก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวใดๆแค่เมื่อยล้าอย่างเช่นปกติ เมื่อเดิน


             เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกบานโต พบว่าเนื้อตัวมีรอยแดงแตกพร้อยลายไปทั้งตัว ตรงช่วงแขนและมากสุดก็ตรงหน้าท้อง แส้หนังนั่นแผลงฤทธิ์เอาไว้เยอะใช่ย่อย บางรอยแผลแตกซิบห้อเลือดนิดๆ คงต้องรอพิธานตื่นเพื่อถามหายาทา ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้คงจะช้ำจนน่ากลัวกว่าเดิม


             พระพายอาบน้ำแปรงฟัน ใช้เวลาในห้องน้ำเรื่อยเปื่อยกว่าจะเรียบร้อยก็นานพอควร เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินเข้าไปยังห้องนอนก็พบว่าพิธานตื่นแล้วและกำลังนั่งพิงหัวเตียงพลางเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

“ตื่นแล้วเหรอ?”


            พระพายทักทายพร้อมรอยยิ้ม พิธานจึงโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงและกวักมือเรียก พระพายทำตามคำสั่งเดินเข้าไปหาคนที่เพิ่งตื่นนอน พิธานคว้าแขนพระพายดึงให้นอนบนเตียงก่อนที่จะขึ้นคร่อมแล้วซุกหน้าลงที่ลำคอของพระพาย

“แกล้งแต่เช้าเลย” พระพายหัวเราะเสียงดังพลางใช้มือดันหน้าพิธานออก

“แผลเยอะ...” พิธานมองช่วงตัวของพระพายมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างไว้

“ว่าจะถามยาทาว่าอยู่ตรงไหน” พระพายถาม

“เดี๋ยวไปหยิบให้” พิธานลุกออกจากการแกล้งพระพายและไปหยิบยาจากในตู้เสื้อผ้า



        หยิบหลอดยามาพร้อมทาแผลให้พระพาย เห็นภาพที่พิธานทายาให้ก็นึกไปถึงช่วงแรกๆที่มีความสัมพันธ์กัน ตอนนั้นพิธานก็ทายาให้ไม่ต่างจากตอนนี้

“วันนี้จะออกไปข้างนอก” พิธานพูดขึ้นหลังจากที่ทายาเสร็จแล้ว

“จะไปไหนเหรอ?”

 “ไปโรงพยาบาล แล้วไปร้านพี่เพลง” พิธานว่า

“ไปโรงพยาบาล...จะไปตรวจเลือดเลยเหรอ?” พระพายถาม

“ใช่ ฉันหาข้อมูลเมื่อกี้ เดี๋ยวไปกันเลย” พิธานว่า

“ถ้าอย่างนั้นรีบไปอาบน้ำ” พระพาย



        พระพายแต่งตัวระหว่างที่รอพิธานอาบน้ำ เมื่อแต่งตัวเสร็จพิธานก็อาบน้ำเสร็จพอดี พระพายจึงใช้เวลานี้นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอพิธานแต่งตัว


        อันดับแรกส่งข้อความทักทายเก้าที่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าวันนี้จะออกไปเที่ยวกับไคและอยากจะชวนพระพายไปด้วย พระพายจึงลุกขึ้นเดินไปหาพิธานที่กำลังแต่งตัวอยู่

“คุณพิธาน...เก้าจะชวนไปเที่ยว” พระพายบอกพิธานที่ตอนนี้กำลังสวมกางเกงยีนส์ขายาวอยู่

“กี่โมง?” พิธานถาม พระพายจึงรีบส่งข้อความถามต่อและเก้าก็ตอบกลับมา

“ไปเยาวราช น่าจะเย็นๆเกือบค่ำ” พระพายว่า

“ตอบตกลงไป”


        พระพายส่งข้อความหาเก้าอีกครั้งและตอบตกลงคำชวนเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่รอพิธานกำลังเลือกเสื้อ พระพายก็นั่งคิดไปถึงเรื่องการตรวจเลือด ส่วนตัวมั่นใจว่าตัวเขาเองปราศจากการสุ่มเสี่ยง เพราะไม่เคยมีเรื่องอย่างว่ากับใครมาก่อนนอกจากพิธาน ในส่วนของพิธานนั้นพระพายเชื่อใจระดับหนึ่งว่าเจ้าตัวต้องป้องกันตัวเองมาตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตรวจจะเป็นตัวบอกว่าทั้งคู่มีผลเลือดที่บวกหรือลบกันแน่ คิดๆก็ระทึกใจเหมือนกัน


        พิธานแต่งตัวเสร็จแล้วและเดินไปหยิบกุญแจรถพลางหันมามองพระพายว่าพร้อมหรือยัง พระพายรีบลุกขึ้นและเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้าง ใส่โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงินลงไปและสะพายด้วยความรวดเร็ว


        ทั้งสองขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว พิธานบอกว่าโรงพยาบาลที่จะไปเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ไกลจากที่นี่แต่วันหยุดเช่นนี้รถราจึงติดพอสมควร ระยะเวลาอาจจะล่าช้ากว่าที่คิด


        กว่าจะถึงก็ใช้เวลาพักใหญ่ รถของพิธานขับเข้ามายังลานจอดรถชั้นล่างก่อนที่จะจอดลงตรงพื้นที่ว่าง พระพายที่นั่งเงียบๆจนพิธานต้องสะกิด

“ลงสิ” พิธานว่า พระพายจึงลงจากรถ


        เข้าไปยังโรงพยาบาลซึ่งผู้คนไม่ได้พลุกพล่านมากมายอย่างที่คิดแต่ก็มีคนมาใช้บริการอยู่พอสมควร ทั้งสองคนเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อแจ้งความประสงค์ในการตรวจเลือด พยาบาลสอบถามเล็กน้อยถึงจุดประสงค์ในการตรวจ ซึ่งพยาบาลแนะนำให้ทั้งสองคนตรวจเป็นแอนติ-เอชไอวี ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิเชื้อเอชไอวี เดิมทีต้องตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงสองสัปดาห์ขึ้นไป แต่หากสอบถามเบื้องต้นถึงพฤติกรรมของทั้งสองคนถือว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยง จึงสามารถตรวจได้ในตอนนี้และสามารถรู้ผลการตรวจได้ภายในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น


        เมื่อรับฟังถึงข้อแนะนำต่างๆแล้ว พิธานและพระพายก็ได้เซ็นใบยินยอมรับการตรวจรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นต่อการตรวจ จากนั้นก็มานั่งรอเพื่อเข้ารับการตรวจเลือดซึ่งไม่ได้นานนัก สมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลารวดเร็วและบริการที่ดีเยี่ยม


        พิธานเข้าไปเจาะเลือดคนแรก จากนั้นก็เป็นทีของพระพาย ใช้เวลาไม่นานในการเจาะเลือด จากนั้นทั้งสองคนก็ออกมานั่งรอผลการตรวจซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะทราบผล

“ตื่นเต้นเหรอ?” พิธานถามพระพายที่นั่งเขย่าขานิดๆราวกับกำลังกังวลหรืออะไรสักอย่าง

“ไม่น่ามีอะไรหรอก แต่มันก็ลุ้นเหมือนกันนะ” พระพายว่า

“กลัวฉันเป็นเหรอ?”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”

“เพราะนายไม่เคยนอนกับใครนอกจากฉัน..ถ้าจะติดก็ต้องมาจากฉัน”

“คุณติดยากเหอะ ออกจะระวังไปซะทุกอย่างขนาดนั้น” พิธานไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะเบาๆ


        ระหว่างที่นั่งรอดันมีสายเข้าโทรมาจากเลขาปอ พิธานจึงต้องรับสายและไม่ได้เลี่ยงไปไหนกลับนั่งคุยอยู่ข้างๆพระพาย เป็นเรื่องด่วนที่มีเข้ามาบ่อยๆและจำต้องแจ้งให้พิธานทราบแม้ว่าวันนั้นพิธานจะไม่ทำงานก็ตาม


        พระพายไม่ได้สนใจจะฟังแต่กลับนั่งคุยกับเก้าผ่านทางข้อความ บอกเก้าว่าอยู่ที่โรงพยาบาล รายนั้นก็ตกอกตกใจว่ามาทำอะไร พระพายจึงต้องบอกว่ามาตรวจเลือดและคุยถึงเรื่องอื่นๆหลายอย่างจนในที่สุดพยาบาลก็เรียกให้ไปฟังผลตรวจ


        พิธานเป็นคนแรกที่ถูกเรียกไป การฟังผลตรวจแพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลให้กับผู้ป่วยเท่านั้น คนอื่นจะไม่มีสิทธิ์รับรู้ถึงผลตรวจของนอกจากแพทย์ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่พิธานก็ออกมาพร้อมใบแจ้งผลเลือด


“เป็นยังไงบ้าง?” พระพายถามทันที

“เดี๋ยวไปคุยกันในรถ” พิธานพูดเท่านั้น จากนั้นก็เป็นพระพายที่ต้องเข้าไปฟังผลตรวจจากแพทย์


        บรรยากาศในห้องนั้นมีแพทย์นั่งอยู่ท่านเดียว พระพายรู้สึกใจเต้นแรงอย่างลุ้นระทึกใจ แม้จะมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัยแต่ใจหนึ่งก็กลับคิด พระพายนั่งลงพร้อมยกมือไหว้สวัสดีคนที่นั่งตรงหน้า อายุน่าจะสามสิบปลายๆ

“คุณพระพายนะครับ”

“ครับ ผมพระพาย”

“ผลตรวจออกมาแล้วนะครับ เป็นลบ ไม่มีเชื้อเอชไอวีครับ” พระพายที่ได้ยินถึงกับยิ้มออกมาและรู้สึกโล่งอกทันที

“หมอสอบถามหน่อยนะครับ ปกติมีเพศสัมพันธ์จะสวมถุงยางอนามัยหรือเปล่าครับ?”

“ใช้ตลอดครับ” ใช่ ใช้ตลอดแต่ไม่ใช่เขาแฟนต่างหากที่ใช้

“มีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคนหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ มีแฟนแค่คนเดียวและไม่เคยนอนกับใครเลยครับ”

“และแฟนมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงหรือเปล่าครับ?”

“คิดว่าไม่นะครับ”

“ถ้าไม่มั่นใจ หมอแนะนำให้คุณกับแฟนมาตรวจปีละครั้งหรือหกเดือนครั้งนะครับ เพื่อความแน่ใจ เพราะอนาคตข้างหน้าไม่อาจทราบได้ว่าจะเจอความสุ่มเสี่ยงอะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัย”

“ได้ครับ ผมจะมาตรวจครับ”

“นี่ใบแจ้งผลตรวจเลือดครับ”

“ขอบคุณครับ” พระพายยกมือไหว้เป็นการบอกลา


        เมื่ออกมาก็พบว่าพิธานนั่งรออยู่ ทั้งสองไม่พูดอะไรแต่พิธานก็ลุกไปจัดการค่าใช้จ่ายตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน เพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง การมาตรวจเลือดไม่ได้ยุ่งยากใดๆอย่างที่คิดไว้ กลับง่าย รวดเร็วและปกปิดความเป็นส่วนตัวของคนไข้ได้ดีเลยทีเดียว ทั้งสองคนลงลิฟต์ยังชั้นลานจอด ทันทีที่นั่งลงบนเบาะพระพายก็หันไปมองพิธานที่กำลังสตาร์ทรถ

“คุณ...คุณพิธาน” พระพายเรียกขึ้น พิธานจึงยื่นใบผลตรวจที่วางอยู่ให้พระพายอ่าน

“นี่ของผม” พระพายก็ยื่นให้พิธานบ้าง มือสั่นๆนิดๆตอนรับใบผลตรวจเลือดของพิธานว่า


        ไล่สายตาอ่านข้อความแค่ไม่มีบรรทัดก็พบว่าผลตรวจเป็นลบ พระพายถอนหายใจแรงออกมาอย่างโล่งอกซึ่งมากกว่าของตัวเองเสียอีก

“นายก็เวอร์ไป” พิธานหัวเราะพลางขยี้ผมพระพาย

“เรา...ปลอดภัยทั้งคู่เลย” พระพายยิ้มกว้าง

“แต่ก็ต้องมาตรวจซ้ำทุกปี” พิธานว่า

“ใช่ๆ คุณหมอก็บอกแบบนั้น”

“เอาล่ะ ไปร้านพี่เพลงกัน หิวจะแย่” พิธานว่าและรีบขับรถออกไปจากโรงพยาบาลไปยังร้านอาหารของเพลงขวัญผู้เป็นพี่สาว ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร


        กว่าจะถึงก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ร้านของเพลงขวัญยังคงมีผู้คนมากมายเช่นเคยแต่ไม่เท่ากับครั้งล่าสุดที่มา พิธานเดินนำเข้าไปในร้านพลางกวาดสายตามองหาพี่สาวและก็พบว่ากำลังนั่งทานข้าวกับคนสองคนที่มองแผ่นหลังแล้วรู้สึกคุ้นตา

“พิธาน พระพาย!” เพลงขวัญร้องเรียกขึ้น ทันใดนั้นคนที่พิธานคุ้นตาก็หันหลังมามองและพบว่าเป็นพัชชา อีกคนคือคนที่พิธานไม่อยากเจอมากที่สุด...ธนิตนั่นเอง


        พระพายที่เดินตามหลังมาถึงกับชะงัก ได้แต่คิดในใจว่าน่าจะโทรบอกเพลงขวัญล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอกันแบบนี้ พิธานหันหลังกลับทันทีแต่พัชชาที่ไวกว่ารีบลุกขึ้นมาก้าวยาวๆมารั้งแขนพิธานไว้ได้ในทันที

“พิธาน อย่าเพิ่งไปสิลูก” พัชชาว่างพลางหันมองพระพายที่ยกมือไหว้

“ผมน่าจะโทรถามพี่เพลงก่อน” พิธานพูดแค่นั้น

“ไม่อยากเจอแม่เหรอ?” พัชชาถาม

“เปล่า..ผมไม่อยากเจอคุณพ่อต่างหาก” พิธานบอกตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

“ไหนๆก็มาแล้ว มาทานข้าวกันเถอะ พระพายก็ด้วย” พระพายแค่ยิ้มแห้งๆเป็นการตอบรับคำชวน

“แต่ว่า...” พิธานจะปฏิเสธแต่เหลือบไปเห็นเพลงขวัญที่มองมาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็พอจะเข้าใจว่าพี่สาวเองก็อึดอัดที่ต้องทานข้าวร่วมกับคนเป็นพ่อ

“ครับ” พิธานจำต้องกลืนคำว่าไม่ลงไปและเดินไปยังโต๊ะแทน


        พิธานนั่งข้างเพลงขวัญถัดจากพิธานก็เป็นพระพายที่นั่งลง พระพายยกมือไหว้ธนิตที่หน้าตาเมินเฉยแต่ก็พยักหน้ารับนิดๆด้วยเพราะเป็นผู้ใหญ่ พิธานเองก็ยกมือไหว้ธนิตเช่นกันแต่สายตานั้นว่างเปล่าราวกับไหว้ส่งๆ ธนิตมองลูกชายของตนเองด้วยสายตานิ่งเฉย บรรยากาศมันอึดอัดพอสมควรในความคิดของพระพาย


        ทั้งที่เพิ่งผ่านการตรวจเลือดที่ระทึกและเพิ่งหายใจหายคอโล่งได้ไม่ทันเท่าไหร่ แต่กลับต้องมาเจอธนิตเอาตอนนี้อีก วันนี้เป็นวันอาทิตย์สุดหรรษาหรืออย่างไรกัน ตั้งรับเตรียมใจแทบไม่ทันเลยทีเดียว


             อาหารวางตรงหน้ามากมายอยู่ก่อนแล้ว เพลงขวัญตักข้าวให้พิธานและพระพาย จากนั้นก็เริ่มการทานอาหารร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาซึ่งไม่ได้เห็นภาพเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว


“พิธาน สบายดีไหม?” พัชชาถามพลางตักปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทยให้พิธาน

“สบายดีครับ”

“พระพายล่ะ เป็นยังไงบ้าง” พัชชาหันไปถามพระพาย

“สบายดีครับ”

“คิดถึงพี่เหรอ เลยมาหาน่ะ?” เพลงขวัญหันไปถามพิธาน

“แค่อยากกินข้าวฟรี” พิธานบอกเท่านั้น

“ทำไมกลายเป็นคนงก” เพลงขวัญว่าพลางหัวเราะ

“คงเพราะเอาเงินไปเลี้ยงคนอื่นหมดน่ะสิ” ธนิตเปิดปากพูดเท่านั้นก็ทำเอาบรรยากาศแย่ขึ้นมาในทันที พิธานกำช้อนส้อมแน่นขึ้นราวกับระงับข่มโทสะเอาไว้

“คุณธนิต” พัชชาปรามขึ้น ธนิตเมินเฉยอีกครั้งและทานอาหารต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


             พระพายที่ทานไม่ลงทั้งที่ตอนตรวจเลือดหิวแทบไส้ขาด ตอนนี้นั่งเขี่ยอาหารและตักเข้าปากนิดๆพอเป็นพิธี คนข้างๆอย่างพิธานก็ไม่ต่างกัน รายนั้นที่บ่นหิวมาตลอดทางกลับทานน้อยผิดวิสัยที่สุด

“พระพาย อร่อยไหม?” เพลงขวัญถามอย่างชวนคุย

“อร่อยมากครับ” ตอบด้วยรอยยิ้มให้เพลงขวัญ

“กินเยอะๆนะ” เพลงขวัญว่า

“ผลตอบรับเป็นไงบ้าง?” ธนิตเอ่ยถามเพลงขวัญ

“หมายถึงกำไรเหรอคะ?” เพลงขวัญถามธนิตกลับ

“ใช่”

“ก็ดีค่ะ”

“ก็ดี แต่ไม่ดีที่สุด ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมถึงไม่ช่วยงานที่บ้านแทนที่จะมาทำร้านของตัวเองแบบนี้” ธนิตพูดพลางมองหน้าเพลงขวัญที่เริ่มกระอักกระอ่วน

“คือ...เพลงบอกแล้วนี่คะ ว่าจะไม่ทำงานของที่บ้าน” เพลงขวัญเลือกที่จะพูดออกมาถึงสิ่งที่เคยบอกไว้ครั้งเมื่อเรียนจบใหม่ๆ
“ก็ยังไม่สายที่จะกลับมาทำ” ธนิตว่า

“แต่ตอนนั้นคุณบอกเองนี่คะว่าแล้วแต่ลูก” พัชชาว่าพูดขึ้นมาบ้าง

“เพราะคุณชอบตามใจ ถึงเป็นแบบนี้” ธนิตหันไปว่าพัชชาบ้าง ซึ่งจากมุมของพระพายคนที่ตามใจนั้นน่าจะเป็นธนิตมากกว่าไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นคนบอกเองแท้ๆว่าแล้วแต่ลูก


        ธนิตเงียบไปไม่พูดอะไรอีก มีพัชชากับเพลงขวัญที่พูดคุยกันบ้าง ด้านพิธานและพระพายก็ได้แต่เงียบเช่นกันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไป


        อาหารมื้อหลักดำเนินไปเรื่อยๆจนตอนนี้มาถึงของหวานล้างปาก เป็นไอศกรีมโฮมเมดที่เพลงขวัญเพิ่งบรรจุลงเมนู มีด้วยกันถึงห้ารสชาติแน่นอนว่าคนรักของหวานอย่างพระพายที่ทานข้าวไม่ค่อยลงเมื่อครู่ก็ต้องตาลุกวาว เมื่อฟังชื่อรสแต่ละรสมันช่างน่าลอง พระพายจึงตัดสินใจเลือกรสมะพร้าวนมสด


        ท่าทีที่ดูจะเพลิดเพลินกับไอศกรีมจนลืมไปว่าธนิตก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่เช่นกัน พระพายตักเข้าปากพร้อมยิ้มนิดๆรับรสหอมหวาน ธนิตมองพระพายด้วยสายตานิ่งๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่แต่พระพายนั้นก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้กำลังถูกเพ่งเล็งอยู่
“ชอบไหม?” พิธานรู้ดีว่าธนิตกำลังมองพระพายอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจใดๆ

“อร่อยมากเลย อยากชิมไหม?” พระพายถาม พิธานพยักหน้า พระพายจึงตักและป้อนให้พิธานอย่างรวดเร็ว พิธานอ้าปากรับทันที

“อืม ก็ดี”

“อร่อยเลยล่ะ” พระพายว่า แน่นอนว่าเพลงขวัญและพัชชาเคยเห็นภาพพวกนี้มาแล้ว ผิดกับธนิตที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

“ประเจิดประเจ้อ” ธนิตพูดก่อนที่จะใช้กระดาษเช็ดปากพลางเมินหน้าหนี



        พิธานเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ ผิดกับพระพายที่นั่งนิ่งเพราะลืมไปเสียสนิทว่าธนิตนั่งอยู่ มีผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบเรื่องเช่นนี้นั่งร่วมโต๊ะด้วย คะแนนที่ไม่มียิ่งติดลบเข้าไปอีกแค่นึกก็ได้แต่ถอนหายใจในความไม่ระมัดระวังของตัวเอง

“ไปไหนคะคุณ?” พัชชาถามเมื่อธนิตจู่ๆก็ลุกขึ้น

“ไปห้องน้ำ” ธนิตพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะลุกออกไป เมื่อธนิตหายไปจากการมองเห็น เพลงขวัญก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“พิธาน พี่ขอโทษ ไม่คิดว่าจะมาวันนี้เลยไม่ได้บอกว่าคุณพ่อจะมาทานข้าวที่นี่” เพลงขวัญใช้โอกาสนี้บอกพิธาน

“นัดกันก่อนเหรอ?” พิธานถาม

“เปล่าหรอก แม่เพิ่งบอกเพลงเมื่อเช้านี่เอง ว่าคุณพ่ออยากมาทานข้าวที่ร้าน อยากเห็นร้านอาหารที่เพลงตั้งใจทำ” พัชชาว่า

“หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อน่ะเหรออยากจะมาทานข้าวที่นี่ คุณแม่บังคับคุณพ่อใช่รึเปล่า?” เพลงขวัญไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคนเป็นพ่อจะอยากมาที่นี่

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะเพลง?” พัชชาถามพลางมองหน้าลูกสาวที่แสดงสีหน้าปั้นยาก

“คนอย่างคุณพ่อน่ะเหรอจะอยากมาที่นี่ หนูว่าเป็นคนแม่ต่างหากที่พาคุณพ่อมาเพื่อจะมาคุยกับหนูและน้อง” เพลงขวัญเองแม้จะไม่ได้แสดงท่าทีอย่างที่พิธานทำ แต่ในใจเธอก็ยังคงโกรธเคืองผู้เป็นพ่อไม่เสื่อมคลาย

“พวกลูกมองคุณพ่อเป็นตัวร้ายเกินไปแล้ว ไม่คิดเหรอว่าจริงๆแล้วคุณพ่ออยากเจอพวกลูกมากขนาดไหน” พัชชาว่า พิธานที่นั่งเงียบๆได้แต่ปรายตามองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อสักนิดว่าธนิตอยากจะเจอเขา

“พูดในสิ่งที่เห็นและรับรู้ได้ต่างหาก” พิธานว่า พระพายที่นั่งอยู่นั้นไม่คิดจะเสนอความคิดเห็นใดๆอยู่แล้ว หนึ่งนั้นเป็นคนนอก สองคือไม่ได้รู้จักธนิตมากพอที่จะตัดสินอะไรได้

“พิธาน....แม่อยากให้ลูกมองคุณพ่อให้ดีๆนะ ลูกกับคุณพ่อน่ะแทบจะเหมือนกันแม้กระทั่งความคิดเสียด้วยซ้ำ”

“ไม่เหมือน ผมไม่ใจร้ายกับคนที่ผมรักหรอก” พิธานยืนยันเสียงแข็ง

“เฮ้อ...” พัชชาได้แต่ถอนหายใจอย่างจำยอมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของลูกๆที่มีต่อคนเป็นพ่อได้


        พระพายนั่งทานไอศกรีมของตัวเองหมดแล้วและตอนนี้ต่อด้วยไอศกรีมชาไทย เพราะละเมียดละไมกับการทานเกินไปจนทำหยดลงบนเสื้อ เสื้อตัวนี้พิธานซื้อให้เสียด้วยแน่นอนว่าราคาแพงเกินกว่าที่พระพายจะปล่อยให้เลอะได้

“เดี๋ยวมาครับ” พระพายว่าและลุกขึ้น

“ไปไหน?” พิธานถามแทบจะทันที

“ไปล้างเสื้อ” พระพายว่าเช่นนั้นก่อนที่จะรีบไปยังห้องน้ำให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าชาไทยจะฝังแน่นบนเสื้อจนซักไม่ออกหากช้าเกินไป


        เมื่อไปถึงห้องน้ำ พระพายรีบเปิดน้ำตรงอ่างล้างหน้าและใช้มือถูๆให้จางออก ในขณะนั้นได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ ซึ่งเสียงคุ้นหูทำเอาพระพายเงี่ยหูฟัง

“ดูรูปรึยัง....รูปร้านอาหารลูกสาวฉันเอง...ใช่ ที่เคยบอกไง....อาหารอร่อย...ตกแต่งสวยด้วย....ใช่ไหม สวยใช่ไหม อย่าลืมให้ลูกชายแกลงรีวิวให้ด้วยนะ เพลงคงจะดีใจถ้าได้ลงรีวิวจากคนดัง...เอาน่า เดี๋ยวให้คุณพัชชาขอส่วนลดให้..ได้ๆ ขอบใจแกมาก”


        เสียงนั้นคือเสียงของธนิต ประโยคคำพูดนั้นทำเอาพระพายชะงัก น้ำเสียงที่ดูจะชื่นชมและภูมิใจแตกต่างจากที่แสดงต่อหน้าภรรยาและลูกทั้งสองมากนัก อีกทั้งยังโทรคุยอวดกับคนอื่นอีกด้วย พระพายไม่ทันได้คิดอะไรก็ได้ยินเสียงกลอนประตูที่เปิดออก จึงรีบวิ่งออกจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ธนิตรู้ว่าพระพายได้ยินคำพูดเหล่านั้น


        พระพายรีบนั่งลง ท่าทีลนลานทำเอาพิธานจ้องมองแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะตอนนี้กำลังนั่งฟังพัชชาพูดคุยกับเพลงขวัญอยู่

“กลับกัน” ธนิตที่จู่ๆก็เดินมายังโต๊ะด้วยความรวดเร็วบอกกับพัชชาเช่นนั้น

“ทำไมกลับไวจังคะ นี่ไม่ได้พูดกับพิธานเลย” พัชชาว่า

“จะคุยทำไมกับเด็กที่ไม่รู้จักโต” ธนิตพูดเท่านั้น พิธานเงยหน้ามองธนิตด้วยสายตาแข็งกร้าว

“คุณคะ อย่าพูดแบบนั้นกับลูกสิ ถ้าอย่างนั้นรอหน่อย ฉันจะโทรตามคนขับรถ”


        พัชชาโทรตามคนขับรถที่รออยู่แถวๆนั้นให้มาเทียบรถหน้าร้าน ธนิตนั่งกอดอกรออย่างที่พัชชาขอไว้ สายตานั้นจ้องเขม็งไปยังพระพาย พระพายที่แทบจะอยากล่องหนหรือหายตัวไปให้ได้เพราะสายตาที่มองมานั้นดูน่ากลัวเหลือเกิน ในที่สุดคนขับรถก็มา พัชชาจึงลุกขึ้น

“ไว้เจอกันนะเด็กๆ”


             พัชชาว่าเท่านั้นก่อนที่จะลากธนิตออกไปจากร้าน พิธานและพระพายยกมือไหว้เป็นการบอกลา ด้านเพลงขวัญนั้นเลือกที่จะเดินไปส่งทั้งสองคนที่รถ จากนั้นก็กลับมาละนั่งลงข้างๆพิธานก่อนที่จะพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง

“พิธาน...เชื่อที่คุณแม่บอกไหม?” จู่ๆเพลงขวัญก็ถามขึ้น

“พี่เชื่อเหรอ?” พิธานไม่ตอบแต่กลับถามเพลงขวัญกลับ

“ไม่รู้สิ ทำไมพี่ไม่รู้สึกเลยว่าคุณพ่อจะคิดอย่างที่คุณแม่บอก” เพลงขวัญตรึกตรองคำพูดนั้น แต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่ามันคือความจริงหรือเพียงเพราะพัชชาอยากให้เป็นกันแน่

“ผมไม่เชื่อ” พิธานบอกเท่านั้น

“เอาเถอะ แค่มานั่งกินข้าวที่นี่ก็เกินคาดแล้ว”

“คนแบบนั้น...ไม่มีทางจะเป็นอย่างที่คุณแม่บอกหรอก” พิธานว่า

“นั่นสินะ คุณพ่อที่ไม่รักใครเท่ากับรักตัวเอง ดูสิ ยังจะมาพูดให้ไปทำงานที่โรงแรมอีก คิดว่าจะไปเหรอ ฝันเถอะ” เพลงขวัญว่า พระพายที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้ว่าสองพี่น้องมีความคิดความอ่านที่เหมือนกันมากจริงๆ รักแรงเกลียดแรงและยืนหยัดในความคิดนั้นมีมากจริงๆ


        พระพายที่ได้ยินธนิตพูดเช่นนั้นและคำพูดของพัชชาที่พยายามบอกลูกๆว่าธนิตไม่ได้เป็นคนอย่างที่คิด พอคิดๆก็รู้สึกสับสนกึ่งลังเลใจ ที่พัชชาบอกอาจจะเป็นจริงก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็รู้สึกสงสารธนิตอยู่เหมือนกัน ที่ไม่สามารถที่จะเข้าหน้าหรือแม้แต่จะมีปฏิสัมพันธ์พ่อลูกอย่างเช่นคนทั่วไปได้ ไม่อาจกอบกู้ความไว้เนื้อเชื่อใจและความน่าเชื่อถือจากลูกได้อีก ช่องว่างที่ดูเหมือนจะห่างไกลมากขึ้นตั้งแต่ที่พวกเขามีเรื่องหมางกัน พิธานและเพลงขวัญต่างมีช่องว่างที่ยากจะติดกับคนเป็นพ่อ ราวกับมีแม่น้ำใหญ่กั้นขวางพวกเขาไว้


              พระพายได้แต่คิดอยู่เช่นนั้นว่าธนิตแท้จริงเป็นคนอย่างไร อาจจะเป็นพ่อที่รักลูกมากแต่กลับแสดงออกในทางตรงกันข้ามหรือจะเป็นอย่างที่แสดงให้เห็นอยู่ในตอนนี้ ช่างสับสนเหลือเกินสำหรับพระพาย


        หลังจากที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย พิธานก็ขอกลับห้องเพราะไคส่งข้อความมาให้ไปรวมตัวกันที่คอนโดแล้วค่อยออกไปเยาวราชด้วยกัน ทั้งสองคนจึงล่ำลาเพลงขวัญและเดินทางกลับไปยังคอนโดตามที่ไคนัดหมาย...


Lyrics: Oceans by Seafret   
   
      

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็รักลูกน่ะนะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณธนิตจริงๆก็เป็นพ่อที่รักลูกทั่วไปนั่นแหละ แต่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงเลือกที่จะแสดงออกแบบนั้นมากกว่า ถ้าพระพายจะเป็นกาวใจให้ครอบครัวนี้ล่ะก็อาจจะยากหน่อยเพราะนิสัยของพ่อลูกที่เหมือนกันมาก แต่ถ้าใช้ความเหมือนกันของพ่อลูกบางทีอาจจะไม่ยากก็ได้ พระพายเองก็ละลายใจพิธานสำเร็จ กับธนิตก็น่าจะทำได้เหมือนกัน แต่อาจจะใช้เวลาหน่อย ยังไงก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว อ่อ ยินดีกับผลตรวจด้วยนะ ทั้งคู่เลย //เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนด้วยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คุณพ่อเป็นคนซึนหรือคะ
น่ารักนะเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หรือพระพายจะเป็นกาวประสานใจให้ครอบครัวพิธานในอนาคต :hao3:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
คุณพ่อว้อยยยยยยยย จะแสดงเป็นตัวร้ายให้ลูกเกลียดเพื่อออออออ :katai1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
แอบกลัวหักมุมตอนผลเลือด มาหักมุมคุณพ่อแทน ที่จริงก็แอบน่ารักนะเนี่ย ที่จริงแค่ซึน5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องละเอึดยอ่อน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ มาอัพตอนที่ 51 อย่างที่บอกไว้นะคะและอย่างที่แจ้งไว้ จะขอหยุดพักสองสัปดาห์นะคะ ตอนนี้หามีอะไรผิดพลาดหรือคำผิดใดๆก็ขออภัยในด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเมนต์ที่ให้กันมาโดยตลอด รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:
++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 51 How do you feel.


How would you feel
เธอรู้สึกอย่างไร
If I told you I loved you?
ถ้าหากฉันบอกว่ารักเธอ
It’s just something that I want to do
มันแค่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำ
I’ll be taking my time
ฉันจะค่อยๆใช้เวลานี้ของฉัน
Spending my life
ใช้ไปกับชีวิตของฉันเอง
Falling deeper in love with you
ตกหลุมรักเธอให้ลึกลงไปอีก
Tell me that you love me too
บอกฉันทีว่าเธอรักฉันเหมือนกัน


             วันนี้เป็นวันทำงานวันแรก เช้าวันจันทร์ที่แสนน่าเบื่อ พระพายแทบจะไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลยเสียด้วยซ้ำเพราะเมื่อคืนเดินลาดตระเวนหาของอร่อยในเยาวราชกับพิธาน ไคและเก้าเสียยาวนาน เนื่องจากหิวค้างจากร้านของเพลงขวัญเลยตะลุยทานทุกตรอกซอกซอย รอคิวนานก็ไม่หวั่น สรุปตอนนี้เลยเมื่อยขามากกว่าตอนมีอะไรกับพิธานไปเสียอีก


             วันทำงานก็ไม่ต่างจากวันเดิมๆ ทำงานพูดคุยกับพี่ๆในแผนกแต่หากมีช่วงเวลาไหนที่พระพายว่างก็จะนั่งขบคิดเรื่องของธนิต พระพายยังคงสับสนจริงๆว่าสิ่งไหนคือความจริง ธนิตที่คุยโทรศัพท์ในห้องน้ำกับธนิตที่ชอบพูดจาถากถางต่อหน้าลูกๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ


             ทันใดนั้นเองมีสายเรียกเข้าดังขึ้น เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของพระพายพอดีพบว่าเป็นพัชชาที่โทรเข้ามา พระพายจึงรีบรับสายทันที

“สวัสดีครับ” พระพายทักทาย

“พระพาย...พักเที่ยงอยู่รึเปล่า ว่างคุยกันหน่อยไหม?” พัชชาถาม

“ครับ พักเที่ยงอยู่ว่างคุยครับ”

“หลังเลิกงานมาเจอกันได้ไหม?”

“จะนัดเจอเหรอครับ?” พระพายถามอย่างสงสัยว่าเพราะอะไรพัชชาถึงอยากเจอเขา

“ใช่ มีเรื่องอยากจะคุยกับพระพายเป็นการส่วนตัว”

“แค่ผม...ไม่เกี่ยวกับคุณพิธานใช่ไหมครับ?” พระพายถาม

“ใช่ หากเป็นไปได้ไม่อยากให้พิธานรู้ว่าเรานัดเจอกัน” พระพายนิ่งเงียบไปเพราะกำลังคิดว่าจะหลบหลีกพิธานได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวออกจากรู้ทันไปเสียทุกเรื่อง

“เดี๋ยวผมจะให้คำตอบนะครับ”

“รบกวนหน่อยนะพระพาย” พัชชาว่าและวางสายไป


        พระพายที่กำลังคีบเส้นบะหมี่เข้าปากและอีกมือหนึ่งก็ไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือในแอปพลิเคชั่นแชท กดส่งข้อความหาพิธานด้วยนิ้วโป้งนิ้วเดียวอย่างคล่องแคล่ว

‘ยุ่งไหม?’ ถามสั้นๆพิธานก็ตอบกลับมารวดเร็ว

‘ไม่เท่าไหร่ กินข้าวอยู่เหรอ’

‘ผิด กินบะหมี่เย็นตาโฟต่างหาก’ ตามด้วยสติ๊กเกอร์หัวเราะปากกว้างๆ

‘กินอะไรรึยัง?’ พระพายถามต่อ

‘ยังเลย แต่เดี๋ยวคงต้องหาอะไรกินแล้ว’

‘วันนี้จะกลับกี่โมง’

‘ทำไม’ อย่างที่คิด พิธานที่ตามทันความคิดเสมอ หากพระพายทำอะไรผิดแปลกไปแค่นิดเดียวก็รู้ได้

‘ผมว่าจะไปซื้อของ’

‘วันนี้คงช้านิดหน่อย แต่จะไม่ให้เกินสามทุ่ม’

‘ผมไปคนเดียวก็ได้ คุณอยากได้อะไรพิเศษไหม’

‘มีกุญแจข้อมือขายไหม’ และตามมาด้วยสติ๊กเกอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาพระพายถึงกับสำลักบะหมี่ จากนั้นจึงส่งสติ๊กเกอร์คำว่าไม่ไป

‘เดี๋ยวกลับไปกินข้าวด้วยกัน อย่ากลับช้า’ พิธานทิ้งท้ายไว้เท่านั้น


        แปลว่าพระพายยังพอจะมีเวลาสักสองสามชั่วโมงก่อนพิธานกลับมาแต่ไม่มีอะไรรับประกันอีกเช่นกันว่าพิธานจะกลับเร็วหรือไม่ พระพายจึงโทรบอกพัชชาว่าจะไปหาประมาณห้าโมงครึ่ง ซึ่งสถานที่นั้นคือบ้านของพิธานเอง

“ไปที่บ้านเลยเหรอครับ”

“ใช่ เดี๋ยวจะให้คนขับรถไปรับ ทำงานแถว...ใช่ไหม?”

“ครับ เอ่อ..คุณธนิต...” พระพายถามไม่ทันจบพัชชาพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ต้องห่วง คุณธนิตไม่อยู่ ไปกับเพื่อนๆ”

“ได้ครับ ไว้เจอกันนะครับ”


        พระพายก็จำต้องยอมรับการนัดแนะนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่าแต่ทำไมพัชชาถึงมีเรื่องอยากจะคุยด้วยและทำไมถึงต้องไปที่บ้าน ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัยแต่พระพายก็พอจะเข้าใจว่าพัชชาคงมีเรื่องอยากจะคุยจริงๆ


        เวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พระพายออกจากออฟฟิศเป็นเวลาห้าโมงพอดีเดินมองแถวๆออฟฟิศเพื่อหาขนมหรือของทานง่ายๆที่ดูเข้าท่าเพื่อซื้อไปฝากพัชชา สรุปจึงเลือกน้ำทับทิมและน้ำส้มสดมาอย่างละสองขวด จากนั้นก็กลับมายังออฟฟิศพบว่าคนขับรถของบ้านพิธานที่พระพายเคยเห็นก็ยืนรออยู่แล้ว

“คุณพระพาย เชิญทางนี้ครับ”


        พระพายเดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ห่างออกไปจากออฟฟิศเล็กน้อย เมื่อขึ้นรถพระพายก็หยิบโทรศัพท์มือถือเสียบหูฟัง ฟังเพลงฆ่าเวลาทันทีเพราะตอนนี้รถติดพอสมควรอีกทั้งบ้านของพิธานอยู่ห่างจากที่นี่มาก


        ฟังเพลงเพลินๆพลางมองไปยังรอบข้าง ใช้ความคิดให้ไหลไปเรื่อยๆเพราะไม่อาจจะคาดเดาใดๆได้ว่าพัชชาอยากจะคุยเรื่องอะไรโดยที่ไม่อยากให้พิธานรับรู้ ในที่สุดพระพายก็มาถึงบ้านหลังใหญ่โตของพิธาน ครั้งที่สองที่มาที่นี่แต่ครั้งนี้คงจะไม่ลำบากใจเหมือนครั้งที่แล้ว พระพายถอดรองเท้าเดินเข้าไปในบ้าน เดินไปยังห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางพบว่าพัชชานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พระพาย” พัชชาเอ่ยเรียกชื่อพร้อมรอยยิ้ม พระพายยกมือไหว้

“สวัสดีครับ นี่น้ำผลไม้ครับ” พระพายว่าพลางยื่นให้

“ขอบใจนะ นั่งลงสิ” พระพายนั่งเยื้องจากพัชชาเล็กน้อย เด็กรับใช้มารับน้ำผลไม้ไปเก็บ

“เมื่อวานเป็นไงบ้าง?” พัชชาเอ่ยถามพระพายถึงเรื่องการทานข้าวแบบไม่ได้นัดหมายเมื่อวาน

“ก็ไม่มีอะไรนะครับ”

“อย่างนั้นเหรอ คิดว่าพิธานจะหงุดหงิดซะอีก”

“ไม่หรอกครับ”

“ทานอะไรมารึยัง?”

“ยังครับ เดี๋ยวค่อยท่านพร้อมกับคุณพิธาน”

“เข้าเรื่องเลยนะ....พระพาย ถามหน่อย...เราน่ะรักพิธานมากไหม?” จู่ๆพัชชาก็ถามคำนี้ขึ้นมา

“เอ่อ..จู่ๆทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ?”


             จะว่าไปแล้ว พระพายไม่เคยบอกรักพิธานเลยสักครั้งและพิธานเองก็ไม่เคยบอกเขาเช่นกัน เป็นคำถามที่ต้องย้อนถามตัวเองด้วยเช่นกันว่าเขารักพิธานหรือไม่


        การอยู่ด้วยกันอย่างเช่นทุกวันนี้ก็มีความสุขดี รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นอนข้างๆกัน พูดคุยหรือแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่พิธานใส่ใจในตัวเขา ไม่นับเรื่องบนเตียงที่ไม่ต้องพูดก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าเขาและพิธานนั้นเข้ากันได้ดีจนไม่รู้จะหาจุดไหนที่ไม่เข้ากันเลยสักนิด คำว่าชอบที่เคยบอกมันมากขึ้นจนลืมนึกไป นี่คือสิ่งที่พระพายลืมคิดไปเลย

“คนเป็นแม่น่ะดูออกนะ ว่าลูกชายตัวเองจริงจังและรู้สึกยังไง”

“ผมเองก็ไม่รู้ครับ....” พระพายบอกออกไปตรงๆ

“ถึงพิธานไม่เคยบอก แต่ฉันก็ดูออกนะ” พัชชายิ้มออกมา

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?” พระพายเลือกที่จะถามตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อมเพราะหากช้ากว่านี้กลัวพิธานจะกลับไปที่ห้องก่อน

“ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าถ้าพระพายจริงจังกับพิธาน ก็คงจะอยากให้พิธานความสุข จริงไหม?” พระพายยังคงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องของคุณธนิต...เด็กสองคนนั่นผูกใจเจ็บมากจนเกินไป โดยเฉพาะพิธาน” ในที่สุดพัชชาก็เข้าสู่ประเด็นที่แท้จริง พระพายเงียบและตั้งใจฟังมากขึ้น

“พวกเขาปิดกั้นตัวเองมาก กำแพงสูงจนไม่รู้จะข้ามผ่านยังไง ต้องยอมรับว่าคุณธนิตเป็นคนผิดจริงๆที่ทำให้ลูกไม่เปิดใจถึงขนาดนี้”

“ความผิด..มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” พระพายอยากรู้ในมุมมองของคนกลางอย่างพัชชา

“มันร้ายแรงทางความรู้สึก มันทำลายความเชื่อใจมากที่สุดเลยล่ะ”

“คุณพัชชาคิดว่าอะไรจะเรียกความเชื่อใจกลับมาได้ล่ะครับ?” พระพายถามขึ้น

“ฉันรู้นะว่าพระพายรู้เรื่องพวกนี้..พิธานจะต้องเล่าให้ฟังแล้วแน่ๆ” พัชชาว่าพลางยิ้ม

“ผมจะไม่โกหกหรอกครับ ว่าคุณพิธานไม่ได้เล่าแต่นั่นก็เป็นมุมของคุณพิธาน ผมเองก็ได้แค่รับฟังเท่านั้น”

“ได้ฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกยังไงบ้าง” พัชชาถามถึงความเห็นของพระพาย

“ถ้าพูดกันตรงๆ....ยากที่จะให้คุณพิธานเชื่อในตัวของคุณธนิตอีกครับ” พัชชาที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“พิธานน่ะหนักข้อกว่าเพลงอีก”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว...คุณพัชชาอยากจะทำอะไรเหรอครับ?”

“อยากให้ครอบครัว กลับมาเป็นครอบครัวอีก” พัชชาว่า พระพายที่ได้ยินถึงกับชะงัก....มันช่างเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะนึกถึงได้

“รู้...ว่ามันยาก” แค่เห็นสีหน้าของพระพาย พัชชาก็รู้ได้ในทันทีว่าพระพายกำลังคิดอะไรอยู่

“อยากให้ผมช่วยเหรอครับ?” พระพายเองก็รู้เช่นกันว่าพัชชาต้องการความช่วยเหลือจากเขา

“นิสัยรู้ทันนี้มาจากตัวเองหรือเพราะอยู่กับพิธานมากไปเกินนะ” พัชชายิ้มออกมา พระพายได้แต่ยิ้มรับในคำพูดนั้น

“ถ้าอย่างนั้นจะไม่อ้อมค้อมละนะ....ช่วยทำให้ครอบครัวของเรากลับมาดีอีกครั้งได้ไหม?”


        คำขอร้องของพัชชาที่พูดออกมาตรงๆทำเอาพระพายลำบากใจ เมื่อได้ยินคำขอตรงๆแล้วก็อดจะคิดไม่ได้ ทำไมต้องมาขอยืมมือคนนอกอย่างเขาหรือเพราะเขาเป็นคนรักของพิธาน เป็นคนที่ใกล้ชิดพิธานที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า พระพายรู้ดีว่าพิธานนั้นแม้จะเปิดใจกับเขามากแต่หากเป็นเรื่องครอบครัวที่แสนจะละเอียดอ่อนนั้นอาจจะไม่ใช่เลย การปิดกั้นและยืนหยัดในความคิดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ

“บอกตรงๆว่ายากครับ...คุณพิธานไม่ใช่คนที่ผมจะพูดแล้วจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ คุณพัชชาน่าจะทราบอยู่แล้วนี่ครับ”

“รู้..แต่คนที่เปลี่ยนแปลงพิธานได้คือพระพายนะ เพราะตอนนี้พิธานเปลี่ยนไปเยอะตั้งแต่มีพระพายเข้าไปในชีวิต ฉันเลยเชื่อว่าพระพายจะเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้พิธานเปิดใจมากขึ้นในเรื่องของพ่อเขา”

“ผม...ผมคิดไม่ออกครับว่าต้องทำยังไง อีกอย่างถ้าหากคุณพิธานรู้เข้าว่าผมพยายามจะทำ มันอาจจะส่งผลไม่ดีกับผมเหมือนกัน” พิธานที่รู้ทันเสมอ ยากที่จะปิดบังอีกทั้งเรื่องเช่นนี้ใช่ว่าพิธานจะชอบใจหากเข้าไปก้าวก่ายมากจนเกินไป

“ไม่มีวิธีใดๆเลยเหรอ?” พัชชาถามอย่างคนมีความหวัง เพราะคาดหวังมากเหลือเกินว่าพระพายจะช่วยเหลือได้

“ผมขอกลับไปคิดก่อนนะครับ แต่ผมไม่อยากรับปากจริงๆ อีกอย่าง...คนที่ต้องพยายามมากกว่าใครคือคุณธนิตนะครับ ผมว่าคุณพัชชาไปคุยกับท่านดีกว่า ว่าจะอ่อนให้คุณพิธานและก็พี่เพลงได้รึเปล่า”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...คุณธนิตเป็นคนฟอร์มเยอะก็จริงแต่ลึกๆก็ใจอ่อน” พัชชาว่า

“ครับ ผมขอคิดดูก่อน”

“ว่าแต่..เรียกเพลงว่าพี่ ทำไมไม่เรียกฉันว่าแม่ล่ะ?” พัชชาถามพลางมองพระพายด้วยรอยยิ้มนิดๆ

“เอ่อ...คือผม” พระพายไปไม่เป็นเหมือนกันเมื่อโดนถามอย่างนั้น

“เรียกว่าแม่ด้วย ต่อไปห้ามลืม” พัชชาว่า

“ครับ” พระพายพูดเท่านั้น

“จะกลับเลยไหม เดี๋ยวให้คนไปส่ง” พัชชาถาม

“ครับ ผมกลับเลยดีกว่า” พระพายว่าพลางลุกขึ้น พัชชาเองก็ออกมาส่งพระพายเช่นกัน ทั้งสองคนเดินมายังหน้าประตู พระพายยกมือไหว้บอกลา พัชชายิ้มให้ก่อนที่จะรับไหว้

“ว่ายังไงก็บอกมานะพระพาย” พัชชามเอ่ยขึ้น

“ครับ ผมจะโทรมาบอก”

“พระพาย....รู้ดีว่าฉันขอมากเกินไป แต่ไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากเราแล้ว”

“ทราบครับ”

“ขอบใจนะ” พัชชาว่าก่อนที่จะลูบไหล่พระพาย เป็นท่าทีที่พัชชาชอบทำกับพิธาน


        พระพายขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่มาก การพูดคุยกับพัชชากินเวลาน้อยกว่าที่คิดเยอะ อย่างน้อยการกลับก่อนเวลาก็เป็นสิ่งที่ดีแต่สิ่งที่ไม่ดีตอนนี้คือการคิดไม่ตก พระพายจะทำอย่างไรให้พิธานเปิดใจรับธนิต ในขณะที่มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว...คำว่ารักนั้นสำคัญอย่างไรกับชีวิตคู่ พระพายถามตัวเองตลอดทางที่กลับห้องว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร


        ยอมรับว่าตอนนี้มีความสุขมากจริงๆ การได้ใช้ชีวิตร่วมกันถือเป็นสิ่งที่เกินคาดคิด แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการอยู่ด้วยกันและมีความสุข พระพายไม่เคยนึกฝันว่าก่อนว่าการอยู่ด้วยกันทุกวันนี้จะดีขนาดนี้และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คำว่ารักมันสำคัญหรือไม่


        พระพายเองก็ต้องมานั่งถามคำถามกับตัวเองเช่นกัน ว่าทั้งสองคนตอนนี้เข้าสู่ขั้นไหนในความสัมพันธ์และพิธานรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ หากมีคำว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องราวของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ พระพายรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูซับซ้อน


             คำว่ารักสำหรับพระพายมันดูยิ่งใหญ่เกินไป มันมาพร้อมทั้งความรู้สึกรับผิดชอบและความลึกซึ้งที่มากกว่าปกติ อย่างไรถึงจะเรียกว่าความรัก ตอนนี้ เวลานี้ที่เป็นอยู่ใช่ความรักหรือไม่ พระพายเอาแต่คิดไม่ตกจริงๆ


              คิดไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าในที่สุดรถก็มาจอดใกล้ๆคอนโดแล้ว คนขับรถเรียกพระพายที่เงียบไปราวกับไม่รู้ตัวมาว่าถึงที่หมายแล้ว

“ขอบคุณครับ” พระพายบอกก่อนที่จะลงจากรถ


        ทันทีที่ก้าวออกจากรถคือนึกถึงเรื่องมื้อเย็น พิธานบอกว่าจะมาทานข้าวด้วยกัน จังหวะนั้นพระพายจึงรีบหันหลังกลับไปเคาะกระจกรถ คนขับรถของบ้านพิธานลดกระจกลงทันที

“เอ่อ รบกวนไปส่งผมที่ห้างทางนี้ได้ไหมครับ” พระพายว่าพลางชี้ไปข้างหน้า

“ได้ครับ”

        พระพายจึงต้องขึ้นมานั่งรถต่อเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างหน้า ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็มาถึงก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้งและรีบเดินเข้าไปข้างในทันที


        ไปยังโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับอาหาร ซื้อของเล็กๆน้อยๆที่พอจะทำได้ง่ายๆไม่ยุ่งยาก เพราะพระพายไม่ได้มีฝีมือทำอาหารเท่าพิธาน แต่ก็อยากทำอะไรให้พิธานบ้างอย่างน้อยการกลับมาจากทำงานและได้เห็นอาหารบนโต๊ะ เจ้าตัวคงรู้สึกดีไม่น้อย


        เลือกอาหารสดมานิดหน่อยและผักใบเขียวสองสามอย่าง พร้อมกับน้ำพริกที่ปรุงพร้อมรับประทานแล้วมาด้วย คิดว่าคงผัดผักสักนิดและน้ำพริกกับไข่เจียว อาจจะดูธรรมดาไปหน่อยแต่พิธานกลับชอบอะไรแบบนี้ซึ่งตรงกันข้ามกับความเย่อหยิ่งของเจ้าตัวเป็นที่สุด


        ซื้อทุกอย่างเสร็จแล้วก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับคอนโด มาถึงห้องก็วางกระเป๋า รีบเข้าครัวทำอาหารโดยทันทีอย่างไม่รอช้า ทำไปเปิดเพลงฟังไปแต่ในใจนั้นกลับไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงเพลงเลย เอาแต่คิดวุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องที่พัชชาขอร้องและเรื่องความรู้สึกของตัวเอง


        จนในที่สุดอาหารก็เสร็จ ผัดผักหน้าตาธรรมดา น้ำพริกที่แกะใส่ถุงและไข่เจียวกรอบๆในจาน จัดวางบนโต๊ะก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงกีฬาขาสั้น ล้างหน้าล้างตาล้างมือและเดินมานั่งหน้าทีวี เปิดทีวีโดยไม่มีจุดมุ่งหมายว่าอยากดูอะไร พระพายตอนนี้เลื่อนลอยเพราะความคิดที่ฟุ้งซ่าน


        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงสัญญาณแตะคีย์การ์ดดังขึ้น พิธานกลับมาแล้วพร้อมใบหน้าบึ้งตึงที่พระพายเองก็ยังสงสัย

“มาแล้วเหรอ?” พระพายถาม

“อืม เหนื่อย” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะโยนกระเป๋าทำงานกับเสื้อนอกลงข้างๆโซฟา ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักพระพาย

“งานยุ่งเหรอ?”

“งานไม่หรอก คนสิยุ่ง” พิธานว่า

“หืม ยังไง?”

“คุณพ่อมาที่โรงแรม เอาแต่พูดมากน่ารำคาญ” พิธานว่า

“ปกติคุยกันผ่านคนอื่นไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เข้าใจว่าทำไมหมู่นี้ถึงเข้ามาวุ่นวายนัก” พิธานว่า

“ท่านคงอยากจะพูดด้วยรึเปล่า?” มองพิธานที่ลับตาอยู่

“ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมายุ่ง”

“เอาน่า นอนพักก่อน ผมทำผัดผักไว้ด้วยนะ” พระพายบอกพลางลูบผมพิธานเบาๆ

“เค็มเหมือนตอนนั้นรึเปล่า?” พิธานว่าพลางยิ้มนิดๆ

“ปรับปรุงแล้วเถอะ” พระพายแหวทันที พิธานหัวเราะออกเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“แต่จะกินได้ใช่ไหม ของง่ายๆแบบนั้น?”


             ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา พระพายไม่เคยถามเลยสักนิดว่าทำไมพิธานถึงยอมกินอาหารธรรมดาที่เขาทำให้ แม้บางครั้งรสชาติจะแย่ เค็มบ้าง หวานบ้าง ไม่ค่อยพอดีเอาเสียเลย

“อะไรที่นายทำ ฉันกินได้หมด” พิธานพูดเช่นนั้น ทำไมเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกดี คิดไม่ผิดที่ถามออกมาตรงๆเพราะคำตอบที่ได้รับตรงๆมันรู้สึกดีเหลือเกิน

“ขอบคุณนะ” พระพายบอกเช่นนั้น

“อืม...นอนสักพัก เดี๋ยวไปกินด้วยกัน” พิธานว่า


        ช่วงเวลาที่พิธานนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น พระพายก้มมองคนที่นอนหนุนตัก ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าแต่เหมือนจะมีรอยยิ้มแม้ว่าจะหลับตาอยู่ก็ตาม พระพายลูบผมเบาๆราวกับปลอบโยนพิธาน เหมือนมีอะไรบางอย่างสะกิดใจขึ้นมาทุกครั้งที่ได้มองใบหน้าของพิธาน รู้สึกพองฟูในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันคล้ายๆกับตอนที่รู้สึกว่าชอบพิธานในช่วงแรกๆแต่แตกต่างกันตรงมันดูสงบมากกว่า ดูไม่พลุ่งพล่านอย่างเช่นตอนนั้นแต่มันกลับดูเรียบง่ายและรู้สึกอบอุ่น คับแน่นในใจแต่รู้สึกปลอดโปร่งที่เห็นใบหน้านี้อยู่ตรงนี้ในเวลานี้ แค่ได้เห็นพิธานในตอนนี้ก็รู้สึกดีจนพูดไม่ออกแล้ว


             ความรู้สึกนี้มันเริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อมีโอกาสได้ถามตัวเองอย่างตอนนี้ มันคือความรู้สึกที่ต้องนิยามหรือเรียกว่าอะไรดี ความรักหรืออะไร ที่ก่อเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตัวของพิธานนั้นเป็นเฉกเช่นเดียวกันหรือไม่ รู้สึกอย่างไรกันในยามที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พระพายทั้งถามตัวเองและอยากถามพิธานถึงความรู้สึกนี้ ว่ามันคืออะไรกันแน่...


Lyrics: How would you feel by Ed Sheeran.


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
รักไงจ้ะ รักกกกก o18

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
มันคือความรักจ้ะ  :-[ :-[

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พ่อจะง้อลูกก็ไม่เคย เลยทำไม่เป็น กลายเป็นไปยั่วให้โกรธเพิ่มซะงั้น

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :-[ พระพายสู้ๆนะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มาแล้ว ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพระพาย จะแก้ไขอย่างไรดี  :hao3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
มันคือความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ที่เรียกว่า "รัก" ไง

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
คิดไม่ผิดที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้

อยากเห็นความรักที่พิธานให้พระพายไปเรื่อยๆ

รอตอนต่อ :pig4:

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ  :call: กลับมาแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานพอควรเลย กลับมาสู่ความเป็นจริงหลังจากล่องลอยไปยังโลกเพ้อฝันเสียนาน  :hao7: ลืมกันบ้างรึยังเอ่ย ถ้าลืมแล้วย้อนอ่านรัวๆเลยค่ะ ฮ่าๆ ไม่รู้จะพูดอะไรมากแต่อยากบอกว่าคิดถึงคนอ่านทุกคนเลย สำหรับตอนนี้ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเมนต์ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะ รัก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :กอด1: :bye2:

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 52 Just yesterday.


If it’s over, let it go and
ถ้าหากมันจบแล้ว ก็ปล่อยมันไป
Come tomorrow it will seem
และเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
So yesterday, so yesterday
มันก็แค่เรื่องอดีต เรื่องเก่าๆ
I’m just a bird that’s already flown away
ฉันแค่นกตัวหนึ่งที่บินไปไกลโพ้นแล้ว



        พระพายทำงานตามปกติในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ไปหาพัชชามาก็ผ่านมาแล้วสามวัน พระพายยังคงคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่พัชชาขอ จะตอบตกลงหรือจะบอกปัดแต่รู้สึกได้ชัดเจนจริงๆว่าพัชชาฝากความหวังที่เขาไว้มาก ใจจริงอยากคุยกับเก้าถึงเรื่องนี้แต่ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าตัวจะยุ่งเพราะงานที่เพิ่งได้รับมอบหมายมา แม้ว่าจะเลิกงานแล้วก็ยังเอาแต่คิดเรื่องงานนี้จนสองสามวันมานี้ไม่ได้คุยกันเลย พระพายนั่งคิดเงียบๆจนกระทั่งเห็นพี่กล้วยกับพี่ปีเดินเข้ามาในแผนก

“กูดมอร์นิ่งทุกคน” พี่กล้วยทักทายด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเคย

“ฟังไม่ออก พูดอะไรก็ไม่รู้” พี่อีกคนสวนคำทักทายไปด้วยความรวดเร็ว

“มึงมันโง่ เรียนน้อยไง” พี่กล้วยว่า

“ใจร้าย” ทุกคนว่าพลางหัวเราะ


        วันนี้บรรยากาศในแผนกผ่อนคลายเพราะงานเบาบางลงพอสมควร พระพายที่นั่งนิ่งๆพลางเปิดดูนั่นนี่ในเว็บไซต์อย่างคนแอบอู้ พี่ปีที่เดินผ่านมาจึงหยุดและจับไหล่พระพาย

“เป็นอะไรเรา?” พี่ปีถาม

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” พระพายว่า

“คงไม่นิดหน่อยละมั้ง มีอะไรก็บอกได้นะ” ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่ามุมมองความคิดของพี่ปีน่าจะมีเหตุผลดีๆที่จะช่วยเขาได้

“ตอนเที่ยงพี่ไปกินข้าวกับผมได้ไหม มีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ได้สิ พี่จะบอกปัดกล้วยให้เลย” พี่ปีว่า พระพายยิ้มขอบคุณจากนั้นพี่ปีก็กลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง


        ทำงานไปเล่นไปจนเวลาเดินมาถึงตอนเที่ยง พระพายจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกันกับที่พี่ปีเดินมาทางนี้พอดี ทั้งสองพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนที่จะเดินออกไปจากแผนก พี่กล้วยที่เดินตามมาตะโกนถามทันที

“เฮ้ย ไอ้ปีจะไปไหน?”

“ไปกินข้าวกับพาย” พี่ปีตอบเช่นนั้น

“อ้าว...แล้วกูล่ะ?”

“เรื่องของมึง ไปกินกับคนอื่นไป” พี่ปีว่า

“นี่ทิ้งกูเหรอปี มึงมันคนเลว” พี่กล้วยตัดพ้อทันที

“เอาน่า วันนี้กูจะไปกับน้องพาย” พี่ปีว่าและรีบลากพระพายออกเดิน โดยมีสายตาของพี่กล้วยที่ดูจะไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นพี่ปีไปกับพระพาย

“มันจะดีเหรอพี่ปี?” พระพายถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจที่ไปทานข้าวกันสองคนเช่นนี้

“ทิ้งช่องว่างซะบ้าง มันจะได้รู้สึกตัวหน่อยว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนกันแล้ว” พี่ปีว่า

“นี่พี่ใช้ผมเป็นตัวช่วยสินะ” พระพายยิ้มอย่างรู้ทัน

“เอาน่า นิดหน่อยเอง”


        ทั้งสองออกมายังบริษัทไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีที่มาไวโต๊ะจึงยังไม่เต็ม ทั้งสองนั่งลงสั่งอาหารสองสามอย่างก่อนที่จะพูดคุยระหว่างที่รออาหารมา

“ช่วงนี้พี่เห็นเราเหม่อบ่อยนะ มีปัญหากับพิธานเหรอ?” พี่ปีถามพลางเทน้ำดื่มให้พระพาย

“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกพี่ แต่เรื่องมันก็เกี่ยวกับเขานั่นแหละ”

“ยังไง?”


        พระพายเล่าเรื่องให้พี่ปีฟังแต่ไม่ได้เล่าทั้งหมด เช่นเรื่องที่ธนิตมีสัมพันธ์กับเลขาแต่พระพายเล่าแค่ว่าพิธานมีเรื่องทะเลาะกับพ่อและแม่อยากสานสัมพันธ์ครอบครัวให้กลับมาดีดั่งแต่ก่อน เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว อีกทั้งไม่ใช่ครอบครัวของตัวเองแต่เป็นครอบครัวของแฟน ที่หากเล่าให้คนนอกฟังย่อมไม่ส่งผลดีต่อพิธานแน่นนอน พี่ปีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดพลางนั่งคิดพิจารณาไปด้วย จากนั้นก็เอ่ยออกมา

“แม่ของพิธานอยากให้พายช่วย เพราะคิดว่าพายทำได้ใช่ไหม?”

“ใช่ เพราะท่านบอกว่าคุณพิธานเปิดใจกับผมมาก เลยคิดว่าผมจะสามารถทำเรื่องนี้ได้”

“แต่พายก็รู้ใช่ไหม ว่าถ้าพิธานมารู้เรื่องนี้มันจะเป็นยังไง”


            พี่ปีที่แม้จะเคยเห็นพิธานครั้งเดียวแต่ก็รู้ได้ทันทีในตอนนั้นว่าพิธานไม่ใช่คนที่เล่นด้วยได้ง่ายๆ เวลาโกรธหรือไม่พอใจคงจะน่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน คนนิ่งๆมักจะน่ากลัวเสมอ

“ก็เพราะแบบนั้นไง ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงดี คุณพิธานผูกใจเจ็บมาก ยากทั้งการเปลี่ยนใจเขาและยากทั้งการที่ผมจะไม่โดนคุณพิธานโกรธเอา” พระพายรู้ดีว่าพิธานจะไม่ชอบใจแน่ๆ คนแบบพิธานน่ากลัวหากไม่พอใจขึ้นมา แม้กระทั่งการเป็นคนรักกันใช่ว่าจะช่วยเหลือให้รอดพ้นใดๆได้

“เอาจริงๆนี่เป็นสิ่งที่ต้องเล่นกับความรู้สึกเลยนะ หากพลาดแล้วล่ะก็ลำบากเลย” พี่ปีลูบคางอย่างใช้ความคิด

“ถ้าผมทำมันก็เหมือนผมสมรู้ร่วมคิดไปกับแม่เขา เหมือนไม่ได้เข้าข้างเขาแล้วไหนจะไม่ยอมบอกความจริงอีก หลายกระทงเลย” ยิ่งคิดยิ่งหนักใจ การทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่พิธานเกลียดมากคือมีความลับระหว่างกัน พระพายเองไม่ยากเสี่ยงที่จะผิดใจกับพิธาน

“แต่ถ้าหากสำเร็จ ครอบครัวก็มีความสุข” พี่ปีว่า

“ผมต้องทำยังไง โดนคาดหวังสูงนี่ลำบากใจชะมัด” พระพายว่าพลางถอนหายใจ

“ลองคิดเล่นๆว่าถ้าจะทำโอกาสสำเร็จจะสูงไหม?” พระพายใช้ความคิดก่อนจะตอบ

“ครึ่งๆ เพราะคุณพิธานยึดมั่นในความคิดตัวเองมากและพ่อเขาก็ฟอร์มจัดเช่นกัน”

“พาย...คิดดูนะ ว่าหากความแตกพิธานจะเป็นยังไง คนที่รู้จักพิธานดีมีแต่พระพาย”

“โดนโกรธแน่ๆ เขาไม่ชอบให้ผมโกหกหรือปิดบังเขา...ถ้าโดนทำโทษก็ยังพอไหว แต่ถ้าโกรธจนมากกว่าที่คิดไว้ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน”

 “โดนทำโทษด้วยเหรอ?” พี่ปีเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“เอ่อ...ก็มีครับ” พระพายอ้อมแอ้มไม่ยอมบอกชัดเจน

“ถ้าเป็นพี่ พี่จะลองทำนะ แค่สักครั้งสองครั้ง แต่ถ้าเกินไปมันก็ดูก้าวก่ายและล้ำเส้นความรู้สึกของพิธานมากไป ต้องอยู่ในความพอดี”

“แปลว่าถ้าทำก็ไม่เสียหายสินะครับ”

“ใช่ แต่อย่าเยอะจนดูเหมือนบังคับเขามากไป ความรู้สึกคนเรามันละเอียดอ่อนซับซ้อน เข้าใจได้ไม่หมดหรอก ถึงจะเป็นแฟนกันใช่ว่าจะเข้าใจไปเสียหมด”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะตอบตกลงแม่เขาไป แต่ก็จะทำในจุดที่ผมทำได้เท่านั้น”

“ใช่ เท่านั้นก็พอ อย่างน้อยก็คิดว่าถ้าทุกอย่างดีขึ้นพิธานเองก็จะคืนดีกับพ่อเขาได้ไม่มากก็น้อย”

“ขอบคุณนะครับพี่ปี ได้พูดกับคนที่มีมุมมองแบบพี่นี่ดีเหมือนกันนะ”

“พายไม่เคยได้ยินเหรอ เรื่องของคนอื่นเราจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่เมื่อเป็นเรื่องของเราเองเราจะมองไม่เห็นหนทางแก้ไขเหมือนที่คนอื่นเห็น”

“เรื่องของเพื่อนถนัด เรื่องของตัวเองเอาไม่รอดใช่ไหม?” พระพายว่าพลางหัวเราะ

“ถูกต้อง” พี่ปีหัวเราะไปด้วยและอาหารที่สั่งไว้ก็มาพอดี ทั้งสองคนจึงเริ่มทานอาหารกันทันที เพราะเวลาพักเที่ยงไมได้ยาวนานเท่าไหร่นัก


        กลับมาจากมื้อเที่ยงก็ตรงเข้าสู่แผนก พบว่าพี่กล้วยนั่งหน้าบึ้งหน้าตูมเป็นดอกเห็ด พระพายเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รู้ได้ว่าพี่กล้วยคงไม่พอใจที่ถูกพี่ปีปฏิเสธการทานข้าวเที่ยงด้วย พี่กล้วยคงแสดงท่าทีออกมาอย่างไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ก็ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้ ดูจากท่าทีของพี่กล้วยคาดว่าพี่ปีคงจะสมหวังเร็วๆนี้แน่


        พระพายมานั่งทำงานต่อ ทำบ้างเล่นไปบ้างคุยกับพี่ๆคนอื่นๆในแผนกบ้าง จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานเสียที วันนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพระพายเองยังตกใจ ทุกคนในแผนกพากันตอกบัตรออกจากที่ทำงาน พระพายเดินทอดน่องไปพร้อมกับพี่ๆคนอื่น เมื่อเดินออกไปยังประตูทางเข้าหน้าออฟฟิศก็พบว่าพิธานยืนรออยู่แล้ว

“อ้าว พิธานนี่” พี่ปีร้องเรียกขึ้น พิธานพยักหน้าเชิงทักทายให้กับพี่ปี

“มาทำไมไม่บอกก่อน” พระพายเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจที่พิธานมาโดยไม่บอกกล่าว อีกทั้งยังมายืนอยู่หน้าออฟฟิศอีกด้วย

“มารับ” พิธานว่า

“เออ เอากลับไปเร็วๆเลย เดี๋ยวไอ้พายมันลากไอ้ปีไปอยู่กันสองต่อสองอีก” พี่กล้วยว่า แล้วลากพี่ปีออกไปอย่างรวดเร็ว

“อะไร?” พิธานหน้าตึงเมื่อได้ยินเช่นนั้นและหันมาถามพระพาย ที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆที่โดนพี่กล้วยเอาคืนเพราะคงเคืองที่อดทานมื้อเที่ยงกับพี่ปี

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”


             พระพายพูดเพียงเท่านั้น พิธานมองหน้าพระพายเพียงครู่ก่อนที่จะเดินนำไปยังจุดที่จอดรถ เมื่อขึ้นรถและปิดประตูลง พิธานก็หันมาจ้องหน้าพระพายอย่างรอคำตอบ คงจะต้องการการอธิบายโดยเร็วที่สุด

“พี่ปีมีเรื่องคุยกับผมนิดหน่อยเลยไม่ยอมไปกินข้าวกับพี่กล้วยแต่ไปกินกับผมแทน สงสัยพี่กล้วยจะโมโหเลยเอาคืนผมแบบนั้นไง” พระพายอธิบายแบบง่ายๆสั้นๆ

“นิสัยเสีย” พิธานตำหนิพี่กล้วยอย่างเข้าข้างพระพาย ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แปลว่าพิธานเชื่อในคำพูดของพระพายมากจริงๆ

“ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมถึงมารับผมล่ะ?”

“วันนี้มีงานเลี้ยง”

“งานเลี้ยงอะไร?”

“งานที่โรงแรม คุณแม่บอกให้ชวนนายไปงานด้วย”

“เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้เตรียมตัวเลย ชุดล่ะ แล้วจะต้องทำอะไรบ้างเนี่ยะ?” พระพายลนทันทีที่ได้ยินพิธานพูดเช่นนั้น

“ใจเย็น งานเลี้ยงธรรมดา เลยมารับไปดูชุดไง ใส่แค่สูทหรอก” พิธานบอก

“แค่สูท...ไม่ใช่แค่สูทสิ มันตั้งสูทเลยนะ” พระพายว่าพลางถลึงตาใส่พิธาน

“งานเลี้ยงเริ่มตอนค่ำ มีเวลาอีกเยอะ” ตัดบทง่ายๆและหมายความว่าพระพายต้องไป

“ผมต้องไปจริงๆเหรอ?” แค่นึกภาพงานเลี้ยงปั้นหน้ายิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักก็ดูน่าเบื่อหน่ายแล้ว

“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” พิธานวางพลางเอื้อมมือมาแตะแก้มพระพาย

“แล้วคุณจะแนะนำผมกับคนอื่นยังไง?” ไปยืนอยู่อย่างนั้น กับท่าที่ที่พิธานแสดงออกอย่างชัดเจนจะบอกว่าเป็นเพื่อนคนอื่นก็คงไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

“เราเป็นอะไรกัน ก็แนะนำไปแบบนั้น”

“พูดง่ายสิ คนอื่นจะมองคุณยังไงล่ะ?” หน้าตาทางสังคมของพิธานนั้นมีมากกว่าพระพายเยอะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะพูดออกไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา

“ฉันไม่สนใจคนอื่น ฉันสนใจแค่นาย”


             คำพูดง่ายๆแต่ฟังแล้วกลับมีพลังทำลายล้างสูง จากที่กังวลเรื่องงานเลี้ยง การสวมสูทหรือหน้าตาทางสังคม ความคิดเหล่านั้นก็ได้อันตรธานหายไปในบัดดล คำพูดของพิธานยังคงมีอิทธิพลสำหรับพระพายเสมอ

“ถ้าอย่างนั้นจะไปเป็นเพื่อนก็ได้” พระพายว่าพลางยิ้ม พิธานขยี้ผมพระพายเบาๆก่อนที่จะหันไปขับรถต่อเพื่อไปยังร้านขายสูทร้านประจำของพิธานตามที่เจ้าตัวบอก


        ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงที่นี่ เป็นร้านสูทสำเร็จรูปที่สามารถแก้ไขสัดส่วนให้ได้ในทันทีอีกทั้งบริการสั่งตัดตามสั่งได้เช่นกัน ร้านตกแต่งสวยงาม โทนไม้สีน้ำตาลอบอุ่น กลิ่นน้ำยารีดผ้าหอมกรุ่นนิดๆบวกกับน้ำหอมอะไรสักอย่าง ดูเป็นร้านที่แปลกตาสำหรับพระพาย


        พิธานเป็นคนเลือกแบบและสีให้ รสนิยมของพิธานนั้นถือว่าดีทีเดียวอีกทั้งพระพายไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อสูทเลยสักนิด จึงยกการตัดสินใจให้พิธานไปทั้งหมด


        มีการแก้นิดหน่อยเพราะปลายขากับปลายแขนยาวเกินไป ใช้เวลาในการแก้นิดหน่อยจากนั้นก็เรียบร้อย ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแบบเรียบง่ายและดูไม่มากจนเกินไปซึ่งเข้ากันได้ดีกับพระพายตอนที่ลองสวมใส่ในครั้งแรก ทางร้านรีดพร้อมใช้สวมไม้แขวนและถุงคลุมสูทให้เรียบร้อย ใช้เวลาที่นี่ไปราวชั่วโมงเศษ เมื่อพิธานจัดการจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็รีบออกรถกลับไปยังคอนโดเพื่ออาบน้ำแต่งตัว

“แพงเหมือนกันนะ” พระพายเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองสูทที่แขวนอยู่ข้างหลัง

“มีสักชุดก็ดี เผื่อไว้ออกงาน”

“คุณสิ้นเปลืองไปกับผมเยอะเหมือนกันนะ อย่างที่พ่อคุณพูดไว้เลย” พระพายว่า จังหวะไฟจราจรขึ้นสีแดงพิธานเบรกแรงจนพระพายตกใจ

“อย่าพูดอย่างนั้นอีก สำหรับนายไม่เคยมีคำว่าสิ้นเปลือง”

“ถามหน่อย คบกับคนอื่นเป็นพ่อบุญทุ่มแบบนี้รึเปล่า?” นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายถามถึงเรื่องอดีตของพิธาน

“ไม่มั่นใจ แต่คนอื่นเรียกร้องจากฉันต่างจากนายที่ไม่ขออะไรเลย” พิธานตอบโดยทันที

“แปลว่ามีแฟนมาเยอะแล้วละสิ” ไหนๆก็ถามแล้ว คงต้องถามให้ถึงที่สุด

“นายคือคนที่สอง...” พิธานตอบ พระพายถึงกับหันขวับไปมองด้วยความรวดเร็ว

“โกหกน่า อย่างคุณมีแฟนเก่าแค่คนเดียวเองเหรอ?” แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างพิธานจะคบหากับคนอื่นน้อยขนาดนั้น แต่พอคิดอีกนัยหนึ่งก็เป็นไปได้เพราะเจ้าตัวเข้ากับคนอื่นได้ยากจริงๆ ปิดกั้นตัวเองขั้นสุด มนุษย์สัมพันธ์ก็ไม่ดี

“ดูฉันเป็นคนชอบโกหกเหรอ?” พูดพลางหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่สงสัยว่าระดับคุณพิธานเลยนะ ทำไมไม่ป๊อบปูล่าห์เอาซะเลย”

“ฉันไม่ได้ชอบใครง่ายๆ กับคนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะคบกัน”

“หืม ยังไง?”

“เป็นเพื่อนของเพื่อน บังเอิญเจอกัน แต่คบกันได้ไม่นานเพราะเขานอกใจฉันไปคบกับคนอื่น”

“นอกใจคุณ....ทำไม?” พระพายขมวดคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ฉันไม่รู้ว่าทำไม ตอนนั้นคงชอบเขาไม่มากพอแต่ก็ไม่คิดจะบอกเลิกเพราะถือว่าเป็นแฟนกันแล้ว”

“คุณถึงบอกว่าไม่เคยนอกใจใครสินะ” พระพายจำไปถึงคำพูดวันนั้นของพิธาน

“ใช่ ฉันไม่ชอบการนอกใจและฉันก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่คงไม่พอสำหรับเขา”

“แล้วเรื่องบนเตียงล่ะ?” ไหนๆพิธานก็เล่ามาเสียขนาดนี้แล้วก็คงต้องถามให้หมด

“ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ เพิ่งเริ่มของเล่นแบบนั้นเลยกะแรงไม่ถูกเท่าไหร่ เขาดูกลัวๆ คงเป็นสาเหตุที่เขาอยากมีคนอื่น เรื่องนั้นถือว่าเป็นความผิดฉัน” พิธานยอมรับผิดตรงๆถึงรสนิยมส่วนตัวที่คนทั่วไปอาจจะไม่มี

“ตอนนั้นเจ็บมากไหม?”

“จำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นเป็นยังไง มันเป็นเรื่องเก่าที่นานมาก ฉันจำได้เท่านี้ก็สุดๆแล้ว”

“มีแฟนแค่คนเดียว แปลว่าคุณนี่ช่างเลือกมาก”

“ใช่ ฉันเรื่องมากสุดๆ นายน่าจะรู้” ได้ยินแบบนั้นพระพายถึงกับหัวเราะออกมา

“ว่าแต่ทำไมถึงเป็นผมล่ะ..ตอนนั้นเราไม่รู้จักกันเลยนะ คนแปลกหน้าดีๆนี่เอง” พระพายนึกสงสัยอยู่หลายครั้งว่าเพราะอะไรคนอย่างพิธานถึงสนใจเขาในครั้งแรกที่เจอกัน

“ปกติฉันไม่ได้นอนกับใครไปทั่ว นอกจากคนที่สามารถเข้าใจถึงรสนิยมฉันซึ่งนับจำนวนได้” พิธานเริ่มเล่า

“แต่กับนาย....ครั้งแรกที่เห็นตอนมาหกล้มใส่โต๊ะฉัน ฉันสนใจท่าทีของนาย เลยมองนายตลอดเวลาที่นายอยู่กับคนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะ” พระพายยังคงตั้งใจฟัง

“นายส่ายหน้าเหมือนจะไม่อยากดื่มแต่นายก็รับแก้วไปดื่มตลอด โบกมือไม่เอาๆแต่นายก็ดื่มอยู่ดี เลยรู้สึกว่านายดูเหมือนคนที่ต้องการอะไรสักอย่างแต่แค่ปิดบัง”

“มองผมไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” พระพายถึงกับตกใจที่พิธานพิจารณาเขาถึงขนาดนั้นทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

“ฉันเข้าหายนายก่อนอีกทั้งยังโกหกกับพวกพี่ๆของนายเพื่อเอาตัวนายไป แต่กับคนอื่นที่เข้าหาฉันก่อนหรือเข้ามาชวนฉันเอง ถือว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันเลย”

“ผมต้องดีใจใช่ไหม?”

“ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของนายเลยจำไว้ด้วย” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“คุณลองเข้ามาหาผม ทั้งๆที่คุณเองก็ไม่รู้ว่าผมจะตอบโจทย์คุณได้รึเปล่าก็ไม่รู้น่ะเหรอ?”

“ความคิดของฉันไม่เคยพลาด”

“ยกนิ้วให้เลย” พระพายว่าพลางยกนิ้วโป้งให้พิธานเป็นการยืนยัน

“นายไม่รู้ตัวเลยเหรอว่านายเป็นมาโซคิสม์เต็มตัวขนาดนี้?” พิธานถามพระพายบ้าง

“ผมไม่รู้เลยว่าผมชอบอะไรแบบนั้น...คุณนั่นแหละทำผมเป็นแบบนี้” พระพายไม่ลังเลที่จะโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย

“ดีใจที่เป็นคนเปิดโลกกว้างให้กับนาย” พิธานยิ้มเจ้าเล่ห์จนพระพายรู้สึกหมั่นไส้

“นิสัยไม่ดี” พระพายตัดพ้อได้เท่านั้นจริงๆ


        บทสนทนาที่ไม่คาดคิดว่าจะมานั่งคุยกันในหัวข้อเรื่องคนรักเก่าและความรู้สึกที่มีต่อกันได้อย่างง่ายๆราวกับเรื่องดินฟ้าอากาศ พระพายชอบที่พิธานเป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เล่าเรื่องทุกอย่างโดยไม่คิดจะปิดบัง หากเป็นคนอื่นคงจะเชื่อยากแต่หากเป็นพิธานที่พระพายใช้ชีวิตมาด้วยพอสมควรแล้วถือว่าคำพูดนั้นมีน้ำหนักเอนเอียงไปทางความจริงมากกว่าจะโกหก


        พิธานขับรถมาถึงคอนโดซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะทุ่มแล้ว พิธานบอกว่าคงจะเข้างานช้าสักหน่อยแต่ไม่ใช่ปัญหา ทั้งสองรีบอาบน้ำด้วยความรวดเร็วแต่มาเสียเวลากับการแต่งตัวและการจัดผม พระพายยืนงงว่าจะต้องทำทรงผมอย่างไรดี สุดท้ายก็เป็นพิธานอีกเช่นเคยที่จัดการจัดผมให้โดยไม่ได้มากพิธีแต่กลับดูดีเข้ากับสูทได้อย่างไม่น่าเชื่อ พระพายกลายเป็นคนที่เห็นดีเห็นงามไปเสียทุกอย่างที่ได้รับจากพิธาน


        แต่งตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากคอนโดตรงไปงานเลี้ยงที่โรงแรม หากพัชชาเป็นคนออกปากชวนพระพาย นั่นหมายความว่าพัชชาก็ต้องอยู่ที่งาน พระพายจึงจะใช้โอกาสนี้ตอบตกลงในสิ่งที่พัชชาขอไว้


             เมื่อคิดก็ได้แต่ทำใจ จะขอลองสักตั้งอย่างที่พี่ปีให้คำแนะนำไว้ แต่ถ้าหากเป็นถึงความเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะก็พระพายจะหยุดทุกอย่างลงทันที ไม่อยากจะเสี่ยงกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพิธาน


             รถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมของพิธาน ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกที่พระพายจะได้ไปที่นั่น โดยที่พระพายไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าในงานเลี้ยงนั้นมีอะไรรออยู่ คงได้แต่ต้องรอลุ้นเอาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...


Lyrics: So yesterday by Hilary Duff.

 

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พาเปิดตัวแล้ว เอาให้ตะลึงไปทั้งงานเลยนะ พิธาน  :m4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดีที่พิธานชัดเจนที่จะเปิดตัวพระพาย แต่ก็หวังว่าจะไม่ทะเลาะกับพ่อกลางงานนะพิธาน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถือดป็นงานเปิดตัวได้ไหม

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ชอบตอนนี้ ได้รู้จักพิธานขึ้นเยอะเลย

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
หวังว่าคงจะไม่มีปัญหาตามมานะพระพาย  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เปิดตัว ต้องเอาให้แกรนด์
พระพายชอบที่พิธานเปิดเผย
แล้วทำไมเลือกที่จะมีความลับกับพิธานล่ะ
บอกไปตรงๆ ไม่ได้เหรอว่าคิดยังไง ให้พิธานตัดสินใจ ถ้ามารู้ทีหลัง จะไม่แย่เหรอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด