#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 223665 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น้องพายกลับตัวไม่ทันแล้ว :hao5:

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
กลับมาแล้วค่า กราบสวัสดีนะคะ  :-[ หายไปนานร่วมเดือน เพราะวันหยุดยาวและรวมถึงเรื่องบ้านเมืองหลายๆอย่าง ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ยังจำกันได้ใช่ไหมคะ อย่าเพิ่งลืมกันนะ อิอิ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ทีนี้ค่ะ ไปอ่านกันเลย คราวนี้ไม่ไปไหนแล้วน๊า (ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นนะคะ แฮ่) รักทุกคนค่ะ  :กอด1:

+++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 11 Real deal.


You can’t deny the energy
คุณปฏิเสธพลังนี้ไม่ได้หรอกนะ
That  we got goin’on
ที่เรามีร่วมกัน
I know you feel the chemistry
ฉันรู้สึกถึงเคมีที่เข้ากันได้
This shit feels so strong
มันช่างรุนแรงเสียเหลือเกิน


        วันนี้เป็นวันเสาร์ เก้าซึ่งทำงานมาทั้งสัปดาห์นั้นเริ่มจะเหนื่อยล้าพอสมควร วันนี้จึงเป็นวันดีที่จะได้ผ่อนคลายลงบ้างเพราะงานที่ทำมาทั้งสัปดาห์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว วันนี้จึงตั้งใจชวนพระพายไปนั่งร้านดนตรีแสดงสดสักแห่งเพื่อนั่งดื่มคุยกันตามประสาเพื่อน

        ตั้งแต่วันนั้นวันที่เก้าพาพระพายไปอาบอบนวด เก้านั้นกังวลไม่น้อยเมื่อได้ยินจากปากของพระพายว่าไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ เหตุที่กังวลไม่ใช่เพราะรสนิยมที่เพื่อนชอบผู้ชายมากกว่าหรืออย่างไร แต่กังวลในเรื่องที่พิธานนั้นสามารถดึงเอาพระพายเข้าไปในโลกที่ไม่รู้จักมาก่อนและไม่สามารถออกมาได้อีกทั้งที่เพิ่งจะมีอะไรกันไม่กี่ครั้ง แต่พระพายกลับดึงตัวเองออกมาไม่ได้ นั่นแปลว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวในความคิดของเก้า

             หากเก้ามองไม่ผิด พิธานตั้งใจทำให้พระพายถอนตัวไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะเวลาสองเดือนนั้นสั้นนิดเดียวเท่านั้น แต่เวลาสองเดือนนั้นหากพิธานสามารถทำให้พระพายยอมจำนนไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม สุดท้ายสัญญาที่ตกลงว่าจะทำกันสองเดือนก็จะกลายเป็นโมฆะ พระพายต้องทำเรื่องแบบนั้นกับพิธานตลอดไปอย่างแน่นอน

        สาเหตุอะไรพิธานถึงต้องลงมือทำขนาดนี้ ชอบอะไรในตัวพระพายถึงกับทำเรื่องพวกนี้ได้ ติดใจอะไรถึงขั้นต้องคิดวางแผนทำให้พระพายที่เพิ่งจะได้เจอกันไม่นานกลับติดหลุมพรางขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เรื่องนี้ดูท่าจะต้องสืบหาเสียหน่อยแล้ว

        ทางเดียวที่จะรู้ได้คือไค เจ้าลูกครึ่งเฮงซวยในความคิดของเก้าเพราะเป็นคนรู้จักเพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนพิธานและน่าจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วย ตอนนี้เก้ากำลังคิดจะเข้าหาไคอย่างไรโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่ากำลังจะสืบเรื่องของพิธาน เก้าได้แต่ขบคิดไปเรื่อยจนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน

        เก้ารีบโทรหาพระพายทันที มั่นใจว่าตอนนี้พระพายกำลังจะเลิกงานแน่นอน แต่โทรไปหลายต่อหลายสายพระพายก็ไม่รับเสียที เก้าจึงส่งข้อความไปทางไลน์อีกทางเผื่อพระพายไม่สะดวกรับ

        ระหว่างที่กำลังส่งข้อความกลับมีสายหนึ่งโทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่เก้าไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่นัก จึงเลือกที่จะรับสายว่าเป็นใครที่โทรมา

“สวัสดีครับ”

“พูดสุภาพจังนะ”

“มึง ไอ้ลูกครึ่งส้นตีน” ไคนั่นเองที่เป็นคนโทรมา เก้าแอบยิ้มในใจ ได้จังหวะที่จะสืบเรื่องของพิธานแล้ว

“จะบอกว่าคืนนี้มีนัดที่บาร์เดิม...พระพายก็มาด้วยนะ”

“มึงโทรมาชวนกูรึไง?”

“ใช่ ตั้งใจจะชวน ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ลืมไปแล้วเหรอ”

“เอาสิ กูก็ว่างอยู่พอดี”

“คราวนี้ทำไมยอมไปง่ายจัง” เก้าเงียบไปเพียงครู่ก่อนตอบอย่างลื่นไหล

“ก็กูว่าง อีกอย่างตั้งใจจะไปเที่ยวอยู่พอดี”

“ดี ที่เดิม สามทุ่มนะ ไว้เจอกัน”


        ไควางสายไปแล้วพร้อมๆกับที่พระพายส่งข้อความกลับมาพอดี เก้าจึงตัดสินใจโทรหาพระพายอีกครั้งคราวนี้พระพายรับสายอย่างรวดเร็ว

“มึงทำอะไรอยู่พาย ไม่ยอมรับสายกู”

“งานเพิ่งเสร็จมึง เออ จะบอกว่า มันนัดมาแล้วนะ คืนนี้ให้ไปที่บาร์เดิม”

“กูรู้แล้ว ไอ้ไคมันโทรมาชวนกูแล้ว”

“เฮ้ย ไคน่ะเหรอชวน ไปดีกันตอนไหน?” พระพายถามอย่างตกใจ

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ คืนนี้กูไปด้วย เดี๋ยวเจอกันนะ”

“อืม ไว้เจอกัน”


        นัดแนะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เก้าจึงเดินทางกลับที่พักพร้อมคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรถึงจะสืบเรื่องของพิธานจากไคได้ เมื่อมาถึงห้องก็อาบน้ำแต่งตัวหาอะไรทานรองท้องจนเวลาผ่านไปใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

        เก้าส่งข้อความหาพระพายว่าอย่าเพิ่งเข้าไปก่อน ให้รอตนอยู่หน้าบาร์ที่นัดไว้ พระพายส่งข้อความตอบตกลง เก้าจึงรีบนั่งแท็กซี่ไปยังบาร์ที่นัดหมายอย่างรวดเร็ว

        เมื่อมาถึงเห็นพระพายยืนอยู่หน้าบาร์ดังกล่าว กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ เก้าจึงรีบเดินเข้าไปหาพระพายทันที

“มึง กูมาแล้ว”

“ช้ามากเลยมึง เจ้านั่นส่งข้อความตามกูยิกๆแล้วเนี่ยะ ชอบขู่กูอยู่เรื่อยเลย” พระพายบ่นกระปอดกระแปดให้เก้าฟัง

“รถติดนี่หว่า เออ กูมีเรื่องจะบอกมึงหน่อย”

“เรื่องอะไร?”

        เก้ามองซ้ายขวาก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่างให้พระพายฟังอยู่ครู่หนึ่ง พระพายเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เก้าบอก
“มึงคิดจะทำอะไร?” พระพายถาม

“เอาน่า ทำตามที่กูบอกก็พอ”

“ก็ได้”

        พระพายเป็นอันตกลงรับปากทำตามสิ่งที่เก้าบอก ทั้งสองมองหน้าและพยักหน้าให้กันก่อนที่จะเดินเข้าไปยังบาร์หรูแห่งนี้ซึ่งโต๊ะที่คนเหล่านั้นนั่งอยู่คือชั้นสองโต๊ะสุดท้ายเหมือนอย่างเคย

        พระพายและเก้าเดินขึ้นไปชั้นสอง สายตาของโต๊ะสุดท้ายทั้งโต๊ะหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียง แม้ทุกคนในกลุ่มนี้จัดว่าหน้าตาดีแต่พิธานและไคกลับดูโดดเด่นท่ามกลางคนทั้งหมด เก้าเหลือบสายตามองพระพายที่ถูกพิธานจ้องหัวจรดเท้า ก็ออกอาการประหม่าทันทีที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาอย่างนั้น เก้าจูงมือพระพายเดินเข้าไปยังโต๊ะโดยไม่สนใจสายตาเหล่านั้น

“หวัดดี” เก้าทักทายพร้อมรอยยิ้ม พระพายบีบมือเก้าเบาๆ แน่นอนว่าพิธานจ้องมองมือที่กุมอยู่พร้อมกับตวัดสายตามองเก้าด้วยสายตาเย็นชา

“มาแล้วเหรอ ครั้งนี้จะแข่งกินเหล้ากันอีกไหม” คนในกลุ่มคนหนึ่งถามพร้อมกลั้วหัวเราะ

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวกลับกับพายมันไม่ไหว” เก้าพูดโดยที่มือยังคงไม่ปล่อยทั้งๆที่นั่งลงแล้ว

“แล้วใครบอกให้กลับด้วยกัน?” พิธานพูดขึ้นมา ทุกคนเงียบกริบพอๆกับที่พระพายรีบเสหน้ามองไปทางอื่น ไม่อยากหันไปมองสายตาที่ดูเหมือนจะทิ่มแทงของพิธาน

“อ้าว มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ เนอะพาย” เก้าหันไปถามพระพายที่พยักหน้ารับ

        ไคนั้นได้แต่ยิ้มพร้อมมองเก้าที่ดูจะเอาอกเอาใจพระพายอยู่ตลอดเวลา ชงเหล้าให้ ดูแลจนแทบจะยกแก้วเหล้าป้อนให้พระพายแล้วและแน่นอนว่าพิธานก็เห็นภาพนั้นเช่นกัน

“นี่ มาเล่นเกมกันหน่อยไหม?” หนึ่งในเพื่อนๆพูดขึ้น

“เกมอะไร?”

“เกมหมุนขวด”

        เกมหมุนขวดนั้นพระพายเคยเล่นมาก่อน เกมง่ายๆหมุนขวดบนโต๊ะเมื่อขวดชี้ที่ใครคนนั้นต้องตอบคำถามแต่สำหรับเพื่อนๆของพิธานกลับมีกติกาที่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยคือขวดชี้ไปที่ใครคนนั้นต้องดื่มอีกทั้งต้องเลือกชนแก้วดื่มกับใครคนหนึ่งก็ได้ในวงและคนที่โดนชนแก้วจะถูกตั้งคำถามหนึ่งคำถามและต้องตอบความจริงเท่านั้น นี่คือกติกาของคนกลุ่มนี้

“เอาสิ ยังไงก็ได้” เก้ายักไหล่สบายๆส่วนพระพายนั้นรู้สึกร้อนๆหนาวๆเมื่อสายตาของพิธานจ้องมองมาเป็นระยะๆ

        พนักงานเสิร์ฟมาเก็บของบนโต๊ะทั้งหมดเพื่อจะมีพื้นที่ในการเล่มเกมของลูกค้ากระเป๋าหนักโต๊ะนี้ ไคนั่งมองเพื่อนอีกคนที่เริ่มหมุนขวดเพื่อหาผู้โชคดีคนแรกในการเริ่มเกม

        ส่วนใหญ่ปากขวดจะชี้ไปยังเพื่อนๆของพิธานและไคเสียมากกว่า พระพายและเก้านั่งมองคนพวกนั้นเล่มเกมกัน คำถามที่ถามกันก็มีแต่พวกที่สนิทกันเท่านั้นรู้จึงดูสนุกสนาน สำหรับพระพายและเก้านั้นได้แต่นั่งดูอย่างเงียบๆ
        และแล้วก็ถึงคราวของเก้า เมื่อปากขวดมาหยุดที่เก้า ไม่รอช้าเก้าก็ยกแก้วขึ้นมาขอชนกับพระพายที่กำลังทำห
น้างงๆ

“ชนสิ เร็วๆ” เก้าเร่งให้พระพายหยิบแก้วขึ้นมา ชนแก้วกับเก้าเบาๆก่อนที่จะยกดื่มจนหมดแก้ว

“ถามเลยๆ” เสียงคนในกลุ่มร้องเชียร์

“ถามว่า...ทำไมมึงถึงน่ารักขนาดนี้พาย” คำถามของเก้าจบทุกคนต่างพากันมองหน้าและยิ้มแปลกๆให้กัน ไคนั้นนั่งลุ้นรอคำตอบของพระพายที่ตอนนี้กำลังอึ้งๆและพยายามหาคำตอบอยู่

“เอ่อ...ก็ มันเป็นของมันเอง” พระพายตอบเสียงผิวปากดังขึ้นพร้อมกับร้องโห่กันเบาๆ พิธานนั่นยกแก้วดื่มขึ้นเงียบๆโดยที่สายตาจ้องมองพระพายอยู่ตลอด

“เอาล่ะๆ หมุนต่อเลย”

        ขวดเปล่าหมุนต่อไปครั้งนี้ไปหยุดที่ไค ไคยิ้มกว้างราวกับรอคอยเวลานี้อยู่ ไครีบยกแก้วขอชนกับเก้าทันที เก้ากรอกตาอย่างรำคาญแต่ก็ต้องชนแก้วตามกติกา

“ขอถาม ผู้ชายที่ขึ้นไปหาที่ห้องคนล่าสุดคือใคร” คำถามนั้นทำเอาเก้าเงียบกริบ แน่นอนว่าคำถามดูกำกวมไม่น้อยและเก้าก็จำต้องตอบออกมา

“ก็มึงไง” เก้าตอบ

“เฮ้ย ขึ้นไปทำอะไรที่ห้องเขาวะ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมา

“เป็นความลับ” ไคพูดเท่านั้น เก้าตวัดสายตามองไคด้วยความไม่ชอบใจนัก

“ต่อๆ”

        เกมนี้ยังคงดำเนินต่อไปส่วนใหญ่จะหมุนชี้ไปที่เพื่อนๆของพิธานและไคเหมือนเคย และนี่จะเป็นตาสุดท้ายของเกมนี้ซึ่งกติกาถูกเปลี่ยนนิดหน่อย คือคนที่ถูกชนแก้วต้องยอมให้คนที่ขอชนแก้วทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ซึ่งเกมสุดท้ายนี่ทุกคนลุ้นกันตัวโก่งว่าขวดจะชี้ไปที่ใคร ขวดถูกหมุนโดยไค แรงเหวี่ยงที่รวดเร็วค่อยๆหมุนลงช้าๆจนในที่สุดขวดก็หยุดลงและชี้ไปที่...

“พิธานโว้ย” เพื่อนๆพากันตบมืออย่างถูกใจ คนสุดท้ายที่จะปิดเกมนี้คือพิธานที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นขวดนั้นชี้มายังตน

“เลือกเลยจะชนกับใคร” ไคเป็นคนถาม พิธานยกแก้วขึ้นมาใช้สายตามองไปยังพระพายที่นั่งหวาดหวั่นว่าคนที่จะถูกเลือกต้องเป็นตัวเองแน่นอน

“พระพาย”

        และก็เป็นอย่างที่พระพายคิดไว้ พิธานเลือกที่จะชนแก้วด้วย มือนั้นยกแก้วขึ้นมาช้าๆรู้สึกถึงแรงสั่นเล็กๆจากมือของตัวเอง พระพายยกแก้วชนกับแก้วของพิธานที่ยื่นรออยู่แล้ว เสียงกริ๊กจากการชนแก้วเบาๆจากนั้นก็ยกดื่มพร้อมกันทั้งสองคน

“พิธาน อยากจะทำอะไรพระพายวะ” เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้น พิธานใช้นิ้วชี้กวักเรียกให้พระพายลุกขึ้น ไคขยับอย่างรู้หน้าที่ให้เหลือพื้นที่ว่างที่จะให้พระพายมานั่ง พระพายหันไปมองหน้าเก้าราวกับจะขอความช่วยเหลือ เก้าได้แต่พยักหน้าให้อย่างจำยอม

        พระพายนั่งลงข้างๆพิธาน สายตานั้นยังคงมองพื้นเพราะไม่อยากสบตาพิธานเสียเท่าไหร่ พิธานหันไปมองเก้าก่อนที่จะยกยิ้มบางๆ

“จูบฉันสิ” เสียงกระซิบเบาๆที่พระพายได้ยินจากพิธาน

“ไม่!!” พระพายปฏิเสธเสียงแข็ง จะให้ทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร ไหนจะเพื่อนๆของพิธานและต่อหน้าเก้าอีก ให้ตายก็ไม่ยอมทำ

“จะทำหรือไม่ทำ?”

        ทุกคนนั่งเงี่ยหูฟังบทสนทนานั้นเบาๆ อยากรู้อยากเห็นว่าพิธานจะใช้ให้พระพายทำอะไร พระพายมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี รู้ว่าพิธานถือไพ่เหนือกว่าและตนต้องทำตามคำสั่งนั้นอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะให้จูบ จูบต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเกินกว่าจะทำได้

“พระพาย”

        พิธานเรียกชื่อนั้นสั้นๆ รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจเท่าไหร่นักและลางสังหรณ์ว่าถ้าหากไม่ทำตามจะต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น พระพายจึงกลั้นหายใจยื่นหน้าเข้าไปจูบปากของพิธานอย่างรวดเร็ว เก้าเบิกตากว้าง แม้จะรู้อยู่แล้วถึงความสัมพันธ์ที่มีข้อแม้ของพิธานและพระพาย แต่พอมาเห็นเช่นนี้ต่อหน้าก็อดจะตกใจไม่ได้

        เสียงเพื่อนๆในกลุ่มโห่ร้องกันเสียงดัง ต่างพากันถูกอกถูกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าของพระพายที่ดูจะลำบากใจที่ต้องยอมทำตามคำสั่งของพิธาน อีกทั้งฉากหวานแหววแบบนี้ไม่ได้เห็นง่ายๆเพราะพิธานไม่ค่อยจะทำเช่นนี้ต่อหน้าเพื่อนๆมาก่อน

“พิธานแม่งร้าย แกล้งพระพายจนทำตัวไม่ถูกเลย” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นพลางมองไปที่พิธานที่กำลังโอบแขนรอบเอวของพระพายไม่ให้กลับไปนั่งกับเก้า

“โอ๊ย อึดอัด” ไคบ่นออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆเก้าแทน

“มานั่งนี่ทำไมวะ?” เก้าพูดขึ้นอย่างไม่ชอบนักที่ไคมานั่งข้างๆ

“ก็ตรงนั้นมันอึดอัด ตรงนี้ที่ตั้งกว้าง อย่างกไปหน่อยเลยน่า”

        เก้าจึงเลยตามเลยให้ไคมานั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันดื่มอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ได้เอะใจกับบรรยากาศอึมครึมที่ออกมาจากไคและเก้า และบรรยากาศแปลกๆจะพิธานและพระพาย

        พิธานนั้นนั่งจิบเหล้าไปเรื่อยๆมือนั้นก็ลูบเอวของพระพายไปด้วยอย่างเบามือ พระพายวางตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้แต่กระดกเหล้าเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลกๆที่กำลังเกิดขึ้น รู้สึกเหมือนอีหนูที่โดนเสี่ยกระเป๋าหนักนั่งแทะโลมก็ไม่มีผิด

“เป็นอะไรไป นั่งตัวแข็งเชียว” พิธานกระซิบถามพระพาย

“มือ...มันแปลกๆ”

“รู้สึกสยิวเหรอ?”

“ปะ..เปล่า แค่ไม่ชอบ”

“เดี๋ยวก็จะชอบเอง” พิธานว่า

“นี่..ถามจริงๆ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?” พระพายอดกลั้นแล้วที่จะไม่ถามอะไรกับพิธานอีก แต่ก็อดไม่ได้ที่มานั่งให้พิธานนั่งแตะนั้นนิดแตะนี่หน่อยอยู่โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“ทำแบบไหนล่ะ คืนนั้นหรือตอนนี้?” พิธานถามกลับ

“หมายถึงตอนนี้” พระพายกัดฟันถาม

“ก็แค่อยากทำ ผิดด้วยรึไง”

“ผิดสิ คนเยอะขนาดนี้” พระพายขึ้นเสียงเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นคนน้อยๆก็ทำได้ใช่ไหม?” พิธานถาม พระพายอึกอัก

“รู้อะไรไหม นายกับฉันเราเข้ากันได้ดีนะ” พิธานพูดขึ้นมา พระพายหันไปมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจ

“ตรงไหนไม่ทราบ?” พระพายถามอย่างไม่เห็นด้วย

“เคมีเราเข้ากันดีออก ไม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่เลยสักนิด” พระพายส่ายหน้าทันที

“เรื่องอื่นคงต้องใช้เวลา แต่เรื่องอย่างว่า...เราเข้ากันได้ดีสุดๆเลย” พิธานก้มลงกระซิบข้างๆหู พระพายรู้สึกร้อนวูบที่หน้าทันที

“จะบ้ารึไง ใครจะไปเข้ากันกับคนอย่าง..คุณ” พระพายไม่ยอมรับ

“จะลองดูอีกรอบไหมล่ะ คราวนี้ถ้านายร้องเสียงดังกว่าครั้งที่แล้ว แปลว่าที่ฉันพูดคือเรื่องจริง”

“ไม่ ไม่ลอง” พระพายพยายามขืนตัวออกจากการกอดรัดของพิธาน

“พวกมึง กูกลับก่อนนะ” จู่ๆพิธานก็พูดขึ้นมาเสียงดังเพื่อให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ

“รีบกลับเชียวนะมึง” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา พิธานไม่พูดอะไรได้แต่ยกยิ้มเล็กน้อย

“เออๆ ไปเถอะ ไว้เจอกันอีกนะพระพาย”

             เพื่อนคนที่กำลังนั่งกินกับแกล้มพูดขึ้นบ้าง พระพายพยักหน้า รู้สึกอายไม่น้อยที่ต้องเป็นแบบนี้ อาการที่พิธานแสดงต่อหน้าเพื่อนๆนั้นทำให้ทุกคนรู้พระพายอยู่ในสถานะอะไร ยิ่งคิดยิ่งอยากดำดินหายไปจากตรงนี้แล้วไปโผล่ที่ประเทศอื่นแทน

“เดี๋ยวๆใครให้กลับ พระพายต้องกลับกับกู” เก้าพูดขึ้นมา ทำเอาคนอื่นๆถึงกับชะงัก

“เข้าใจผิดแล้ว พระพายต้องกลับกับฉัน...จริงไหมพระพาย?” พิธานเลื่อนมือมาโอบไหล่ของพระพาย ที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จ้องมองเก้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“คือ...” พระพายอ้ำอึ้ง

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพระพายจะกลับกับมึงก็ได้” จู่ๆเก้าก็ยอมแต่โดยดี พระพายเบิกตากว้างมองเก้าที่นั่งยิ้มให้

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน” พิธานว่าก่อนที่จะลุกขึ้นและดึงพระพายให้ลุกขึ้นตาม เก้าเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน

“เดี๋ยวไปส่ง” เก้าว่าอย่างนั้น ไคจึงลุกตามไปด้วย

        ทั้งสี่คนเดินออกมาจากบาร์ โดยที่พิธานเดินนำพระพาย เก้าและไคเดินตามหลังไป เมื่อทั้งสี่คนเดินมาถึงรถของพิธานเก้าก็รีบดึงพระพายมากอดทันที

“ไว้เจอกันนะมึง” เก้าว่าอย่างนั้น เพียงเท่านั้นไม่พอเก้ายังหอมแก้มพระพายฟอดใหญ่ต่อหน้าพิธานและไค พิธานนั้นดูจะอึ้งไม่น้อยส่วนไคนั้นผิวปากเบาๆ

        แต่เก้าไม่หยุดเพียงแค่นั้น ริมฝีปากของเก้าแตะลงบนริมฝีปากของพระพายเบาๆและรวดเร็ว พิธานยืนนิ่งมองภาพนั้นสายตาดูจะแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเป็นปกติ ไคยิ้มกริ่มทันทีที่เห็นเก้าทำเช่นนั้นกับพระพาย เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเพียงนิดราวกับสนุกกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า ด้านพระพายนั้นขนลุกไม่น้อยเมื่อรู้สึกถึงความนุ่มนิดๆจากปากของเก้าที่แตะลงมา

“ไว้เจอกันนะมึง ฝากด้วยนะพิธาน” เก้าว่าก่อนที่จะโบกมือให้ พิธานไม่พูดอะไรทั้งนั้น ขึ้นรถไปโดยที่พระพายพยักหน้าแล้วขึ้นรถตามพิธานไป

        เสียงปิดประตูฝั่งของพิธานดังลั่น รถถูกขับออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งไคและเก้ายืนมองอยู่ข้างหลัง เก้านั้นยิ้มสะใจเมื่อเห็นเช่นนั้น ดูท่าที่ทำๆไปจะกระตุ้มต่อมโมโหพิธานไม่มากก็น้อย ต้องรอดูผลลัพธ์จากนี้จากปากของพระพายว่าจะเป็นยังต่อไป..
    
*Lyrics : Real deal By Jessie J
   
+++++++++++++++++++++++++++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 07:54:37 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
คิดถึงงงงงงงง ยิ่งอ่านยิ่งชอบ

ออฟไลน์ หิมะขาว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เก้าเล่นแบบนี้
ขอถาม พระพายจะตื่นในสภาพไหน
 :o8:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เก้า เล่นอะไรระวังจะเข้าตัวเองนะ  :ling3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เป็นนิยายที่อ่านแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆเลย
น่าดึงดูดมากๆค่ะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ฮือออออออ พึ่งจะเห็ยว่ามีเรื่องใหม่
ติดตามๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เก้านี่ทำให้เพื่อนเดือดร้อนล่ะ 5555
โอ้ยย สงสารพระพายจัง เดี๋ยวได้โดนพิธานจัดหนักอีกรอบแน่

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สงสารพระพาย จะเจออะไรแบบไหนอีกเนี้ย
หวังว่าจะไม่บอบช้ำเกินไปนัก

ปล.ชอบบรรยากาศเก้ากับไคมากเลยค่ะ อารมณ์มุ้งมิ้ง(สำหรับเรา)มากกก
แอบลุ้นตั้งแต่ตอนดวลเหล้ากันแล้วว่าเก้าตื่นมาจะเป็นยังไง
สรุปแล้วแค่แฮงค์เท่านั้น และพฤติกรรมไคที่ขอเป็นเพื่อนนี่ก็น่ารักซะไม่มี
ถึงจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วไคเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็หลงสองคนนี้ไปแล้วล่ะค่ะ

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
พระพายจะถึงตายมั้ยเนี่ยยยย :ling1:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
มาต่อแล้วค่ะ  :o8: อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วนี่ตกใจ ทุกคนกลัวพระพายจะเจ็บตัวมาก ฮ่าๆ อย่าเพิ่งคิดว่าพิธานใจร้ายเลยค่ะ ขอพื้นที่ให้พิธานหน่อย ฮ่าๆ พิธานออกจะน่ารักนะคะ ว่าไหม? ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชื่นชอบไคและเก้ามากนะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะคะ เช่นเคยค่ะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไร ก็ขออภัยไว้ตรงนี้ก่อนเลยค่ะ มีอะไรก็บอกได้เลยนะคะ พร้อมแก้ไขและรับฟังค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :mew1:


+++++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 12 Your kiss.


Do you mind if I steal a kiss?
จะเป็นอะไรไหม ถ้าหากฉันจะขโมยจูบของคุณ?
A little souvenir, can I steal it from you?
เป็นของฝากเล็กน้อย ขอขโมยมันจากคุณได้ไหม?
To memorize the way you shock me
เอาไว้เป็นความทรงจำว่าคุณทำฉันประหลาดใจแค่ไหน
The way you move it here
.กับท่าทางของคุณที่ขยับตรงนี้
Just  wanna feel it from you
แค่อยากจะรู้สึกถึงมันจากคุณ

“สนุกมากไหม?”

        จู่ๆไคก็ถามขึ้นมาหลังจากที่รถของพิธานขับออกไปแล้ว เก้าหันหลังกลับไปมองไคที่ยืนกอดอกอยู่ คำถามนั้นทำให้เก้ากำลังครุ่นคิดว่าไคคงจะรู้ทันแน่นอน

“เรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เก้าว่า พลางเดินเข้าไปยังบาร์แต่ไคกลับดึงแขนไว้

“อย่าทำเป็นไก๋ รู้นะว่ากำลังจะทำอะไร?”

“มึงเป็นอ่านใจคนได้รึไง ถึงรู้ว่ากูคิดจะทำอะไร”

“ทำแบบนี้คนที่แย่คือพระพายนะ” ไคว่า

“แย่ตรงไหน?”

“ก็แย่ตรงที่พิธานจะโกรธ แล้วจะไปลงที่พระพายยังไงล่ะ” เก้าที่ได้ยินจึงชะงักไปครู่ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยว่าพิธานอาจจะไประบายอารมณ์ใส่พระพายแล้วคนที่จะเจ็บตัวคือพระพายแน่นอน

“พิธานมันจะโกรธทำไม? มันสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย” เก้าแอบขอโทษพระพายอยู่ในใจ แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องรู้เรื่องของพิธานให้ได้มากที่สุด

“ก็ใช่ แต่พิธานเป็นคนหวงของมาก ไม่ชอบให้ใครไปแตะต้องของๆตัวเอง”

“หวงอะไร สองคนนั้นไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหึงจะหวงกันได้ มึงเป็นเพื่อนของมันมึงก็น่าจะรู้นี่”

“ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่นายไม่รู้จักพิธาน นายไม่รู้หรอกว่าพิธานเป็นคนยังไง”

“ก็บอกกูมาสิว่ามันเป็นคนยังไง แล้วที่มันทำมันคิดอะไรของมันอยู่” เก้าขึ้นเสียงถามไค

“อยากรู้ใช่ไหม...ไปกับฉันไหมล่ะ แล้วจะบอกทุกเรื่องที่อยากรู้เลย”

“จะไปไหน ไม่ไปหรอก ถ้ามึงอยากบอกก็บอกมาตรงนี้เลย” เก้าดึงแขนออกเพื่อไม่ให้ไคจับไปนานกว่านี้

“ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้นะ เลือกเอา” ไคว่า รอยยิ้มอย่างเหนือกว่านั้นสร้างความรำคาญใจให้แก่เก้าไม่น้อย

“มึงจะทำเรื่องให้มันยากทำไม บอกๆมาตรงนี้ก็จบ”

“พูดตรงนี้ไม่ได้ ยิ่งข้างในยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย”


        เก้าชั่งใจใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรดี สิ่งแรกคือไม่ไว้ใจไคอยู่แล้วเนื่องด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใสแต่เหมือนเคลือบแฝงไปด้วยอะไรสักอย่าง แต่ความอยากรู้เรื่องที่กำลังสงสัยก็มีอยู่มากเช่นกัน แต่ทางเลือกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดี เก้านิ่งเงียบไปอยู่นานโดยที่ไคยืนรออย่างใจเย็น

“ก็ได้ กูไปกับมึงก็ได้ แต่ถ้ามึงไม่บอกเรื่องจริงกับกูทั้งหมด กูเอาเรื่องมึงแน่” เก้าชี้หน้าไค

“คำไหนคำนั้น บอกก็คือบอก ไม่โกหกหรอก”

        ไคและเก้าเดินไปยังรถยนต์ของไคที่จอดอยู่ใกล้ๆ แน่นอนว่ารถแพงหูฉี่ขนาดนี้ทำเอาเก้าแอบตื่นเต้นตามประสาผู้ชายที่ชอบดูรถยนต์สวยๆราคาแรงๆแม้ว่าจะไม่มีปัญญาซื้อหรือเฉียดก้นเข้าไปนั่งบนเบาะก็ตาม

        รถขับออกไปช้าๆแม้จะดึกแล้วแต่ค่ำคืนในวันหยุดก็ยังคงคึกคักอยู่เช่นเดิม ระหว่างรอบนรถเก้าก็กดโทรศัพท์มือถืออ่านข่าวสารไปเรื่อยๆ ไม่อยากชวนคุยหรือมองหน้าไคที่ตอนนี้กำลังเอื้อมมือไปเปิดเพลงอยู่

“ชอบเพลงนี้ไหม?” ไคถามขึ้นทันทีที่เพลงสากลดังขึ้น

“เพลงอะไรวะ กูฟังไม่รู้เรื่อง”

“ฟังทำนองสิ”


        เก้าเลื่อนสายตาไปมองหน้าไคที่ตอนนี้กำลังเคาะนิ้วตามจังหวะเพลงพลางฮัมในคอเบาๆอย่างอารมณ์ดี เก้าเบะปากนิดๆหมั่นไส้ในท่าทางของไค

 “Oh na na ,just be careful na na .Love ain’t simple,na na .Promise me no promises.” ไคร้องตามเพลงที่กำลังเปิดอยู่ เก้ามองอย่างรำคาญ

“กูรู้ว่ามึงเป็นลูกครึ่ง ไม่ต้องกระแดะมาร้องให้กูฟังหรอก กูฟังไม่ออก”

“เพลงเพราะออก เปิดใจฟังหน่อยสิ” 

“แต่กูไม่ชอบแนวนี้”

“แล้วชอบแบบไหน?” ไคถาม

“กูชอบเพลงไทย ชอบอะไรที่มันไทยๆ”

“ไม่คิดจะลองอะไรที่มันไม่ไทยหน่อยเหรอ?”

“ไม่มีทางซะหรอก”

“อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ จริงไหม?”


        เก้าหยุดที่จะต่อปากต่อคำกับไค ก้มหน้าอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถือต่อไปโดยที่ไคนั้นเหลือบมองเก้าเป็นระยะๆ โดยที่เก้าไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าตอนนี้ไคขับพามาที่ไหน รู้สึกตัวอีกทีรถก็จอดหยุดนิ่งแล้ว ไคดับเครื่องยนต์ลงพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยออก

“ลงมาได้แล้ว”

        เก้าเดินลงมาจากรถ พบว่าเป็นลานจอดรถที่ไหนสักแห่ง ไคเดินก้าวยาวๆนำไปโดยไม่พูดอะไรกับเก้าที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัยแต่ก็เลือกที่จะเดินตามไปโดยไม่ถามอะไรออกไปสักคำ

        ไคเดินผ่านพนักงานต้อนรับที่ยืนยิ้มแย้มอยู่จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์กดหมายเลขชั้นบนสุด เห็นได้ชัดว่าที่นี่ต้องเป็นห้องชุดหรือคอนโดอะไรสักอย่าง เก้ารู้โดยที่ไม่ต้องถามว่าไคนั้นได้พามาที่ห้องของตัวเองแน่นอน

“พากูมาห้องมึงทำไม?” เก้าถาม

“ก็สะดวกสุดแล้ว”

“สะดวกมึงสิ แต่ไม่สะดวกกู”

“เอาน่า ไหนๆก็มาถึงแล้ว จะบ่นก็ไปไร้ประโยชน์ล่ะนะ”

             ไคยิ้มพลางผิวปากฮัมเพลง เก้าส่ายหน้าอย่างรำคาญ คิดๆดูแล้วก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากกว่าความจำเป็น เพราะยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งสนิทมากกว่าเดิม เหมือนจะยิ่งซึมซับอะไรบางอย่างจากตัวของไคมากยิ่งขึ้นไปอีก

        ในที่สุดลิฟต์ก็มาหยุดตรงชั้นสูงสุด ซึ่งสังเกตได้ว่าชั้นนี้ทั้งชั้นมีแค่สองห้องเท่านั้นคือฝั่งซ้ายและขวา แปลว่าห้องๆหนึ่งกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งชั้น ซึ่งไม่ธรรมดาเลยหากจะครอบครองห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางโดยที่ไม่มีเงินหนาพอ

        ไคใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป ไฟในห้องก็สว่างทันที เก้ามองห้องทั้งห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีสบายตาอย่างฟ้าขาว ให้ความรู้สึกผิดแปลกกับบุคลิกของไคเป็นอย่างมาก แต่เก้าก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่านั้นแล้วเพราะส่วนตัวไม่ได้เป็นคนชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งบ้าน มันดูหยุมหยิมและรายละเอียดเยอะเกินไป

“จะดื่มอะไรไหม เบียร์ก็มีนะ” ไคถามพลางเดินไปข้างในซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นครัว

“ก็เอาสิ” ของฟรีมีหรือคนอย่างเก้าจะไม่ชอบ

        ไคเดินออกมาพร้อมเบียร์กระป๋องสองกระป๋องสำหรับของตัวเองและเก้าคนละกระป๋อง เก้ารับมาเปิดฝาออกทันที ก่อนจะกระดกดื่มลงคออย่างรู้สึกสดชื่นในรสขมที่เจือหวานละมุนเบาๆตรงปลายลิ้น

“ว่ามา” เก้าเอ่ยขึ้นหลังจากดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

“อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ?” ไคถามพลางเดินไปยังระเบียงห้อง แสงไฟยามค่ำคืนเป็นจุดเล็กๆประปรายจนสว่างไปทั่ว เป็นวิวยามค่ำคืนในเมืองที่แสนวุ่นวายแห่งนี้ เก้าเดินตามออกไปพร้อมๆกับที่มีลมพัดมาพอดี ความเย็นของสายลมนั้นทำเอาสดชื่นพอๆกับเบียร์ที่กำลังดื่มอยู่ไม่มีผิด

“ทำไมเพื่อนมึงถึงทำเรื่องแบบนั้นกับพาย” คำถามแรกที่เก้าตั้งใจจะหว่านไปแบบกว้างๆ

“ทำแบบไหนล่ะ?” ไคถามกลับ

“มึงรู้เรื่องไม่ใช่รึไง อย่าทำเป็นไม่รู้เหอะ”

“เรื่องที่ทำให้พระพายยอมน่ะเหรอ ไม่รู้เยอะขนาดนั้นหรอก แต่รู้ว่าเป็นวิธีที่ไม่ดีเท่าไหร่”

“ไม่ใช่ไม่ดีเท่าไหร่ เรียกว่าเลวระยำเลยดีกว่า” นึกถึงเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้ที่เก้าจะของขึ้น

“ก็รู้ แต่ปกติพิธานไม่เคยบังคับใครให้ทำเรื่องนั้นมาก่อน ก็แปลกใจเหมือนกันที่ยอมทำเรื่องแบบนั้นได้” ไคว่า พลางดื่มเบียร์ไปด้วย

“มีเหตุผลนอกเหนือจากนี้เหรอ?” เก้าเริ่มตะล่อมถาม

“พิธานแค่บอกว่าถูกใจ ไม่อยากปล่อยไป” น้ำเสียงเรียบๆบวกกับท่าทีเฉยๆของไค ทำเอาเก้าแปลความหมายไม่ถูกว่าตอนนี้กำลังคิดอะไร

“ดูไม่น่าเชื่อว่ะ คนเราแค่ถูกใจจะทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ถ้าคนอื่นไม่รู้แต่ถ้าพิธานก็ไม่แน่ เพราะเป็นคนยึดติดมาก มากจนบอกไม่ถูกเลย” สายตาของไคนั้นดูเหมือนไม่ได้ตำหนิพิธานแต่อย่างใด ราวกับกำลังพูดถึงน้องชายที่ตัวเองปลาบปลื้มก็ไม่ผิด

“มึงดูจะชื่นชมเพื่อนมึงนะ มึงไม่คิดจะห้ามมันหน่อยเหรอ สิ่งที่มันทำไม่ใช่เรื่องถูกต้อง”
 
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” ไคถามเก้า

“ก็ไม่รู้ แค่คิดไปเองมั้ง” เก้าว่า

“ถึงพิธานจะดูนิ่งๆและเฉยชา แต่จริงๆไม่ใช่เป็นอย่างที่แสดงออกหรอกนะ”

“จะบอกว่ามันเป็นสุภาพบุรุษผู้นุ่มนวลชวนฝันรึไง?” เก้าหัวเราะออกมา ฟังจากที่พระพายเล่าถึงรสนิยมของพิธานแล้ว ไม่น่าจะมีเศษเสี้ยวแห่งความละมุนเลยสักนิด

“ถ้าบอกแบบนั้นจะเชื่อไหมล่ะ?” ไคหันมามองหน้าเก้าเหมือนรอคำตอบ

“กูไม่เชื่อหรอก”

“นี่จะมาถามใช่ไหมว่าพิธานรู้สึกยังไงกับพระพาย?” ในที่สุดไคก็พูดออกมาจนได้

“พูดอะไรของมึง กูไม่ได้จะถามเรื่องนั้น แค่สงสัยว่าทำไมเพื่อนมึงถึงสนใจเพื่อนกูก็เท่านั้นแหละ”

“ใช่เหรอ ดูจากที่พยายามปั่นหัวพิธานคงน่าจะจริงอยู่หรอก” ไคยิ้มออกมา ช่างเป็นยิ้มของคนที่รู้ทันจริงๆ

“มีใครเคยบอกมึงไหม ว่ารอยยิ้มมึงกวนตีนจนน่าโดนต่อย” เก้ารีบชวนหาเรื่องเพื่อเปลี่ยนบทสนทนาทันที

“ไม่มีนะ มีแต่คนบอกว่าน่ารัก”  พูดไปก็ยิ้มไปยิ่งทำให้เก้ารำคาญหนักกว่าเดิม

“น่ารักกับผีน่ะสิ ดูหนังหน้าตัวเองด้วยว่าน่ารักตรงไหน”

“นายก็เหมือนกัน ทำไมไม่ยิ้ม เห็นชอบทำหน้าหงุดหงิดประจำ”

“ก็เวลาเห็นหน้ามึงแล้วมันหงุดหงิด” เก้ายิ้มแบบกวนประสาทใส่ไค

“เอาล่ะ หมดเรื่องจะถามแล้ว ต่อไปก็ตาฉันถามบ้าง” ไคว่า

“มึงจะถามอะไร?”

“มีแฟนรึยัง?” จู่ๆไคก็ถามออกมา เก้าหันมองหน้าขวับทันที

“ถามใคร ถามกูเหรอ?”

“ก็อยู่กันสองคน ถามคนอื่นได้รึไง” ไคพูด

“แฟนกูเยอะแยะไป นอนกับใครคนนั้นก็แฟน” เก้ายักไหล่ตอบคำถามนั้น

“ชอบแต่ผู้หญิงเหรอ?” คำถามที่ทำเอาเก้าชะงัก

“ก็เออนะสิ กูไม่ชอบผู้ชายหรอกนะ เสียดายของ”

“ใครบอก ยังไงก็ได้ใช้งานเหมือนกันนะ” ไคยิ้มมุมปาก

“กูไม่อยาก ไม่ชอบ เข้าใจไหม” เก้ากระแทกเสียงใส่

“แล้วตอนจูบกับพระพายล่ะ เห็นยังทำได้เลย”

“จูบกับเพื่อน ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย” เก้าว่า

“แล้วถ้าจูบกับคนที่ไม่ใช่เพื่อนล่ะ?” ไคถามขึ้นมา

“ตลก จ้างให้กูก็ไม่ทำหรอก” เก้าว่าพลางทำท่าขนลุก


        ไคเงียบไปก่อนที่จะวางกระป๋องเบียร์ลงบนพื้นข้างๆเท้า เก้าที่ไม่ได้สนใจอะไรกลับมองท้องฟ้าอันมืดมิดข้างหน้าพร้อมสายลมที่พัดเอื่อยๆปะทะใบหน้า รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าของไคก็เข้ามาอยู่ใกล้แล้ว ใกล้จนริมฝีปากชนกัน ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆออกมาจากตัว
 
        ความนุ่มหยุ่นนั้นทาบทับลงมา ลมหายใจอุ่นๆรดตรงปลายจมูก เก้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ เผลอปล่อยกระป๋องเบียร์ตกลงพื้น เบียร์หกกระจายตรงใกล้เท้าแต่กระนั้นเก้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น พยายามผลักลูกครึ่งร่างสูงกว่าตนให้ออกไปให้ห่างที่สุดแต่พละกำลังคนตรงหน้าดูจะเหนือกว่ามาก

        ไคพยายามแลบเลียริมฝีปากของเก้า มือนั้นยึดแขนของเก้าไว้ไม่ให้เก้าขัดขืนหรือผลักตนออกให้ห่าง ไคใช้แรงเยอะเลยทีเดียวว่าจะทำให้เก้าหมดทางสู้ได้

“อื้อ....อื้อ”


             เก้าเริ่มอู้อี้อย่างไม่ยอมแพ้ เท้านั้นพยายามจะกระทืบเท้าของไคให้ได้ แต่ดูเหมือนไคจะรู้ทัน หลบเท้าได้อย่างรวดเร็วจนเก้านึกโมโหที่ไครู้ทันเสียทุกเรื่อง เก้าดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้ไคหยุดแต่เหมือนยิ่งดิ้นยิ่งทำให้ไคสนุกมากขึ้น โดยที่เก้าไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งปฏิเสธยิ่งไม่อยากทำ ยิ่งทำให้ไคนั้นอยากจูบให้หนักกว่าเดิมเสียอีก

   สู้รบกันอยู่หลายนาทีจนในที่สุดไคก็ยอมปล่อย เก้าหอบหายใจหน้าแดงก่ำเพราะความเหนื่อยและความโมโหผสมรวมกันหมด เมื่อไคปล่อยมืออกเก้าก็ไม่รอช้ารีบง้างหมัดเพื่อจะซัดหน้าไคทันที

“เดี๋ยวๆ นี่ยังเหนื่อยไม่พอรึไง” ไคว่าพลางจับหมัดนั้นไว้พอดิบพอดี

“มึงแม่ง ไอ้เลว จูบกูทำไมวะ” เก้าตะโกนถามอย่างโมโห

“แค่จูบนิดหน่อยเอง จะอะไรหนักหนา นี่ถ้าได้นอนด้วยกันไม่เอามีดแทงกันตายเลยรึไง” ไคว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าเก้าจะอารมณ์ดีหรือไม่ดีอย่างไร

“แล้วมึงมาจูบกูทำไม เหี้ยเอ้ย”

“ก็เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ สำหรับการตอบคำถามของเรื่องพิธานไง”

“คนอย่างมึง ทำอะไรก็หวังผลตอบแทน ไอ้คนเลว”

“นิดๆหน่อยๆเอง ไม่ได้เสียหายตรงไหนนี่ จริงไหม?” ไคว่า

“จูบกูแล้วได้อะไร กูไม่มีนมไม่ใช้ผู้หญิงโว้ย” เก้าโวยวายอย่างเหลืออดในคำพูดของไค

“ก็แค่อยากจูบ อยากเห็นเวลาดิ้นพล่านๆ ดูสนุกไม่น้อย” ไคพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนเก้าเลือดขึ้นหน้า

“มึงก็โรคจิตเหมือนเพื่อนมึงนั่นแหละ สันดานเหมือนกัน” เก้าว่า นึกถึงพระพายที่โดนบังคับทำเรื่องแบบนั้น

“ไม่เหมือนหรอก เพราะถ้าเหมือนคงจะไม่โดนแค่จูบแน่” ไคพูดอีกทั้งยิ่งรัดตัวของเก้าให้แน่นขึ้นไปอีก

“ปล่อยเลยมึง ปล่อยกู” เก้าร้องพลางดิ้นเพราะตอนนี้ถูกไครวบตัวอยู่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กเหลือเกินเมื่อเทียบกับรูปร่างของไคไม่มีทีท่าจะสู้คนๆนี้ได้เลย

“ปล่อยแน่ แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่ต่อย” ไคบอก

“ไม่!!”

“ถ้าต่อยอีก คราวนี้มากกว่าจูบอีกนะ”
 
“ปล่อยกู!!” เก้าไม่ยอมยังคงดิ้นอยู่อย่างนั้น

“รู้ใช่ไหมว่าเป็นคนพูดจริงทำจริง” เสียงเบาๆที่กระซิบที่หูของเก้า ดูจริงจังและเป็นความจริงอย่างรู้สึกได้ เก้าจึงค่อยๆหยุดการดิ้นรนเพียงเท่านั้น

“ก็ได้ กูจะไม่ต่อยมึง” เก้าพูด ไคจึงยอมปล่อยทันที

“แต่ไม่สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมึง” เก้าพูดเท่านั้นก่อนที่จะเตะหน้าแข้งของไคอย่างเต็มแรง

“โอ๊ย!!” ไคร้องออกมา เก้ารีบวิ่งออกมาทันที

“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้มึงมาจูบกูล่ะ”

 
        เก้าวิ่งออกมาจากห้องของไคอย่างรวดเร็วพลางใช้หลังมือถูปากของตัวเองไปด้วย แต่ยิ่งถูเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะติดแน่นยิ่งกว่าเดิม และที่น่าแปลกใจ...ก็ไม่ได้รู้สึกขนลุกอะไรขนาดนั้น ตอนจูบพระพายยังรู้สึกขนลุกเล็กน้อย แต่ที่ไคทำเมื่อครู่นี้ไม่ได้รู้สึกอย่างที่จูบกับพระพาย

“เจอรอบหน้า จะต่อยให้หน้าหงายเลยคอยดู”


             เก้าพูดพลางเดินออกมาจากตึก เงยหน้ามองไปยังชั้นบนสุดที่สูงลิ่ว แล้วเดินไปโบกแท็กซี่กลับที่พัก โดยที่ยังคิดถึงเรื่องที่โดนบังคับจูบจากไค ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโห เสียจูบให้ผู้ชายแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าอีก ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
ด้านไคนั้นยังคงลูบหน้าแข้งที่เพิ่งโดนเตะไปหมาดๆทั้งที่เจ็บตรงที่ถูกเตะ แต่ไคกลับยิ้มออกมา การปราบม้าพยศคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับไคอยู่ดี ทั้งที่เจ็บแต่ก็รู้สึกสนุก เก้าเป็นคนที่ยิ่งแกล้งยิ่งมีสีสัน หน้าตาตอนโมโห ยามที่ด่าเสียงดังโวยวาย น่าจะปราบให้อยู่หมัด หากทำให้เสือที่ดุร้ายเช่นนั้นตกอยู่ใต้อาณัติกลายเป็นแมวเชื่องๆได้ ก็คงน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว...


*Lyrics : Feels By Calvin Harris ft. Pharrell Williams, Katy Perry, Big Sean




   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2017 09:36:19 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ก้าวจะหนีไคได้นานแค่ไหนนะ  :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โอ้ย อุณภูมิเรื่องนี้ช่างร้อนฉ่าาา

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ระวังจะโดนปราบซะเองนะพ่อเสือ.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไค กับ เก้า กลายเป็นมวยถูกคู่ไปซะแล้ว  :hao3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
คนละอารมณ์กับกวินเลย5555
แต่เดาๆว่าถ้าได้รักกันแล้ว ต้องพอๆกันแน่เลย อิอิ
ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แอบเชียร์คู่นี้อยู่เบาๆ :m13:

ออฟไลน์ fayful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออยู่นะคะ รีบมาต่อเร็วๆนะ :3123: :3123:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
มาต่อตอนที่ 13 แล้วค่า  :-[ พิธานมาแล้วนะคะ หลังจากเปิดโอกาสให้คู่ไคเก้าทำคะแนนไปก่อน ตอนนี้พระพายจะโดนอะไรบ้างนะ? ลองไปดูกันค่ะ มีคนอ่านเม้นท์ว่าพิธานคนละอารมณ์กับกวินเลย กวินเค้าเป็นคนดีค่ะ ฮ่าๆ แล้วพิธานไม่ดีเหรอ เอ๊ะ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าไปอ่านกันนะคะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ฝากพิธานกับพระพายด้วยค่ะ ไว้เจอกันนะคะทุกคน รัก  :bye2:
+++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 13 I feel it.

Tell me what you really like
บอกผมสิว่าจริงๆคุณชอบแบบไหน
Baby I can take my time
ที่รัก เราค่อยใช้เวลาก็ได้
We don’t ever have to fight
เราอย่าทะเลาะกันเลย
Just take it step-by-step
แค่ค่อยเป็นค่อยไป
I can see it in your eyes
ผมเห็นนะในดวงตาของคุณ
Cause they never tell me lies
เพราะดวงตาไม่เคยโกหกผมได้เลย
I can feel that body shake
ผมรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทา
And the heat between your legs
และความร้อนรุ่มตรงระหว่างขาของคุณ

   
        พิธานขับรถออกด้วยความเร็ว เหยียบคันเร่งเสียแทบจะมิดจนพระพายที่นั่งข้างๆได้แต่นั่งเงียบๆ รู้สึกได้ถึงความโกรธที่กำลังแผ่ออกมาจากตัวพิธาน แม้ใบหน้านั้นจะยังคงนิ่งไม่ไหวติงแต่สายตานั้นดูเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงลานจดรถของคอนโดเดิมที่พระพายมาเมื่อครั้งก่อน

        พิธานเดินลงมาจากรถด้วยความเงียบ มองตรงไปยังข้างหน้าโดยไม่หันมามองเลยว่าพระพายจะเดินตามทันหรือไม่ ช่วงขานั้นก้าวยาวเสียจนพระพายต้องเร่งเท้าให้เดินทันพิธาน เมื่อขึ้นลิฟต์ได้แล้วพระพายก็หายใจเข้าออกเร็วๆเพราะแอบเหนื่อย พิธานยังคงเงียบกริบ ไม่ยอมพูดหรือเข้าใกล้พระพายเลยแม้แต่น้อย

        จนในที่สุดก็มาถึงห้องได้เสียทีโดยที่เปลืองพลังงานไม่ใช่น้อย พิธานยังคงเดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ สแกนคีย์การ์ดเข้าห้องโดยไม่เหลียวไปมองพระพายที่เดินตามหลังมาเลย พระพายนั้นรู้สึกอึดอัดไม่น้อย

“เอ่อ...” พยายามจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความอึดอัดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

“มีอะไร?” คำพูดสั้นๆแต่น้ำเสียงฟังแล้วดูเหวี่ยงไม่น้อย

“คือว่า...คือ” พระพายหาประโยคแก้ขัดไม่ได้ในทันที

“จะพูดเรื่องเพื่อนที่ชื่อเก้าเหรอ?”

“ก็..ไม่”

“สรุปไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆใช่ไหม?” จู่ๆพิธานก็เอ่ยถามขึ้นมา

“ว่ายังไงนะ?”

“ไม่เข้าใจที่ถามไปรึไง มันไม่ใช่เพื่อนใช่ไหม?” เสียงของพิธานเริ่มดังขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

“เป็นเพื่อนกันจริงๆ” พระพายพยายามอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

 “ใครจะไปรู้ เห็นจูบเห็นทำกันเสียขนาดนั้น”

“ก็แค่..สนิทกันมากก็เท่านั้น”


            พระพายพยายามหาข้อแก้ต่าง พลางนึกไปถึงตอนที่เก้าบอกแผน ว่าให้อยู่เฉยๆ ทำตัวไหลตามน้ำ ทำอะไรก็ไม่ต้องหือไม่ต้องอือ นั่นคือสิ่งที่เก้าบอกไว้ก่อนเข้าไปในผับ

“แต่ฉันกับไคไม่เคยทำแบบนั้น” เสียงของพิธานยังคงแข็งเหมือนเดิม

“แล้วถ้าผมทำแบบนั้นกับเก้าแล้วจะทำไม ในเมื่อคุณกับผมเราไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าคู่นอน” พระพายย้ำถึงสถานะที่ตอนนี้กำลังเป็นอยู่ของทั้งสองคน

“ใช่ เราเป็นแค่คู่นอนกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ระหว่างที่กำลังนอนกับฉันก็อย่าคิดจะไปนอนอ้าขาให้ใครทำล่ะ”

“ผมไม่ได้เป็นคนสำส่อนขนาดนั้นหรอก” พระพายพูดออกมา ไม่พอใจไม่น้อยที่พิธานพูดจาออกมาเช่นนั้น

“ใครจะไปรู้ ระหว่างนี้นายอาจะไปนอนกับคนอื่นมาก็ได้” สายตามองต่ำนั้นราวกับดูถูกดูแคลนพระพายก็ไม่ผิดนัก

“ถ้าจะมาดูถูกกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องทำมันหรอกคืนนี้ ปล่อยผมไปนอนกับคนอื่นอย่างที่คุณว่าเถอะ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อมันจะสนุกกว่านอนกับคุณ”


         พระพายทำท่าจะเดินออกจากห้อง รู้สึกโมโหจนควันออกหู พิธานไม่มีทางรู้ได้เลยว่านอกจากพิธานแล้วพระพายไม่สามารถจะนอนหรือทำเรื่องอย่างว่ากับใครได้อีก ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตามก็ไม่สามารถที่จะเติมเต็มความต้องการความปรารถนาอันเร่าร้อนนั้นได้นอกจากพิธาน แต่คำพูดและสายตาที่แสนจะดูถูกนั้นทำเอาพระพายเจ็บใจไม่น้อย เจ้าตัวไม่รู้อะไรในตัวของพระพายเลย

“หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด” พิธานตะเบ็งเสียงออกคำสั่ง

“แล้วจะทำไม ในเมื่อคิดว่าผมสำส่อนนี่ นี่ไง กำลังจะไปทำอย่างที่คุณว่าอยู่นี่ไง” พระพายเองก็ขึ้นเสียงไม่เบาไปกว่าพิธานเลย


        พิธานเหมือนจะคิดได้หลังจากที่พระพายพูดเช่นนั้นออกมา ทั้งสองคนเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ เป็นความเงียบที่ราวกับกำลังใช้ความคิด พระพายเมินหน้าไปยังประตูห้องและกำลังถามตัวเองว่าเหตุใดถึงหัวเสียกับคำพูดของพิธานขนาดนี้ ทำไมถึงต้องโกรธเมื่อพิธานใช้คำพูดเหมือนจะกล่าวหาว่าเขานั้นไปทำเรื่องเช่นนั้นกับคนอื่นมาก็ไม่มีผิด

“อย่าไป...” พิธานเอ่ยขึ้นมาเบาๆหลังจากที่เงียบไปหลายนาที

“พูดว่าอะไรนะ?” พระพายหันไปถามพิธานที่ยืนหน้านิ่ง

“บอกว่าอย่าไป ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น” พิธานเอ่ยขึ้นมาพลางจ้องหน้าของพระพายที่กำลังจ้องกลับเช่นกัน

“ทำไมถึงห้าม?”

“ฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้นายต้องห้ามเดินออกไปจากตรงนี้”


        พิธานเดินเข้าไปหาพระพายก่อนที่จะดึงมือพระพายให้เดินตามมา พระพายที่ยังรู้สึกโมโหอยู่แต่ก็ยอมเดินตามพิธานไปแต่โดยดี พิธานพาเดินไปยังห้องนอนและให้พระพายนั่งลงบนเตียง

“โกรธเหรอ?” พิธานนั่งลงข้างๆพลางถาม

“ผมมีสิทธิ์โกรธด้วยรึไง” พระพายหันหน้ามองไปทางอื่นที่ไม่ใช่พิธาน

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านายแบบนั้น” เสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พระพายยังคงเงียบอยู่เช่นนั้นไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“ฉันต้องทำยังไงเราถึงกลับมาเป็นปกติ” พิธานเอ่ยถาม พระพายคิดอยู่ในใจว่าการเอ่ยคำขอโทษนั้นมันยากเกินไปหรือพิธานกำลังหาคำพูดแบบไหนในการพูดขอโทษอย่างไม่อย่างเสียศักดิ์ศรี

“ขอโทษ”


        จู่ๆคำสั้นๆนั้นก็ออกมาจากปากของพิธาน ทำเอาพระพายตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าคนอย่างพิธานที่ในที่สุดจะยอมพูดคำนี้ออกมา พระพายเม้มปากอย่างชั่งใจก่อนที่จะหันไปมองพิธานที่ตอนนี้กำลังจ้องมองรออยู่แล้ว

“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ฉันยอมพูดออกมาแล้วนี่ไง” พิธานเหมือนจะรู้ว่าจริงๆแล้วพระพายกำลังรอคำขอโทษอยู่

“ครั้งต่อไปถ้าขืนพูดแบบนี้อีกผมได้ชกหน้าคุณแน่” พระพายว่า

“โหดขนาดนั้นเลย?” พิธานเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ

“จะลองไหมล่ะ?”


        พระพายยกมือขึ้นพร้อมกำหมัดและเหวี่ยงโดยใช้แรงเยอะพอควร พิธานรีบคว้าแขนไว้ในทันทีพร้อมกับดึงพระพายเข้ามาหาตัวเอง ฉกจูบโดยไม่ทันให้พระพายได้ตั้งตัวหรือปฏิเสธได้ พระพายเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าพิธานจะจูบลงมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่พระพายตกใจ จากนั้นก็กลับหลับตาลงยอมรับจูบของพิธานอย่างยินยอม

        เหตุการณ์เมื่อครู่นี้บ่งชี้เห็นชัดถึงความรู้สึกที่มีมากขึ้น มันมากกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นแค่เพียงคู่นอน มันให้ความรู้สึกที่มากกว่านั้น พระพายรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่รุนแรงของพิธาน รู้สึกได้ว่าเสียใจจนถึงขั้นโมโหที่พิธานพูดจาเช่นนั้น แต่เมื่อพิธานขอโทษความโกรธทั้งหมดกลับหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้พระพายรู้สึกได้ว่าความรู้สึกนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละน้อยในทุกๆครั้งที่พบกับพิธาน เปลี่ยนไปจนเริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวจะถลำลึกไปมากกว่านี้

        จูบที่เริ่มลึกซึ้งมากขึ้น จูบที่ทำลายกำแพงความโมโหทำให้พระพายเริ่มโอนอ่อน พิธานค่อยๆดันพระพายลงบนเตียงนอนเริ่มถอดเสื้อผ้าของพระพายทีละชิ้นๆจนในที่สุดพระพายก็เปลือยเปล่า พิธานผละออกมายืนอยู่ตรงปลายเตียงก่อนจะกวาดสายตามองร่างทั้งร่างของพระพายที่ตอนนี้กำลังเปลือยกาย รอยยิ้มกริ่มแสดงถึงความพอใจ

“วันนี้อยากเล่นอะไรดีล่ะ?” พิธานเอ่ยถาม พระพายได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

“ถ้าไม่ตอบก็ตามใจฉันแล้วกัน”


        พิธานเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเอง หยิบกล่องสีขาวกล่องเดิมที่เคยใช้ครั้งที่แล้ว ซึ่งพระพายอยากตั้งชื่อให้กล่องนั้นว่ากล่องหรรษาของนายพิธานเหลือเกิน ตอนนี้ได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่าวันนี้จะโดนชิ้นไหน และแอบตื่นเต้นไม่น้อยว่าจะรู้สึกแตกต่างจากไรดิ้งครอปอันที่แล้วมากน้อยเพียงใด

        ของหน้าตาเดิมๆอย่างถุงยางอนามัยสำหรับนิ้วและถุงยางอนามัยแบบปกติ กุญแจมือและโซ่เชือกหนังแบบต่างๆแต่ชิ้นสุดท้ายที่พิธานหยิบขึ้นมาคืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่งซึ่งลักษณะเหมือนไม้ตีปิงปองที่เล็กกว่าที่เห็นในเวลาปกติ เป็นไม้สีดำสนิทขนาดพอดีมือของพิธาน

“จะอาบน้ำก่อนไหม?” พิธานถามพระพายที่นอนอยู่

“ยังไงก็ได้” พระพายว่า

“ไว้อาบตอนเสร็จก็แล้วกัน”


        พิธานยิ้มออกมานิดๆก่อนที่จะใช้กุญแจมือล็อคมือของพระพายไว้แต่คราวนี้ไม่ได้มีการมัดขึงแต่อย่างใด อาจจะเพราะพระพายดูยินยอมพร้อมใจไม่เหมือนครั้งก่อนครั้งนี้การพันธนาการจึงไม่ได้เยอะแยะเกินกว่าที่พระพายจะรับไม่ได้ แต่วันนี้มีของเล่นชิ้นแปลกตาชิ้นเล็กอันหนึ่งที่พิธานหยิบขึ้นมาด้วยโดยที่พระพายไม่ทันเห็นว่าหยิบมาตอนไหน

“รู้ไหมนี่อะไร?” พิธานยื่นให้พระพายดูแน่นอนว่าพระพายส่ายหน้าแทบจะในทันที ของชิ้นนั้นมีลักษณะเห็นเป็นห่วงซิลิโคนดูนุ่มนิ่ม

“เขาเรียกว่าห่วงรัดโคน มันจะทำให้สนุกได้นานขึ้นไง”


             พูดจบพิธานก็จัดการเทเจลลงตรงส่วนนั้นจนชุ่ม แล้วสวมห่วงรัดโคนกับถุงบอลที่อ่อนตัวเข้าไปข้างหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยๆสวมอีกข้างและดึงแกนกลางของพระพายที่ยังคงนอนนิ่งลอดระหว่างห่วงเข้าไป รูดห่วงนั้นให้อยู่ตรงโคนของพระพายแบบพอเหมาะพอเจาะ แน่นอนว่าความรู้สึกที่โดนกระทำนั้นทำพระพายรู้สึกแปลกๆ

“อึดอัดรึเปล่า?” พิธานถามด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ต้องการคำตอบเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องอึดอัดแน่นอนทั้งที่ตอนนี้ส่วนนั้นยังคงปวกเปียกอยู่ก็ตามแต่ก็ให้ความรู้สึกไม่สบายอยู่ดี

“ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ก็บอก” พิธานพูดต่อ

“จะเอาออกให้เหรอ?” พระพายถาม รู้สึกว่าพิธานใจดีกว่าที่คิด

“ไม่ จะยิ่งทำให้มันแน่นขึ้นไปอีกต่างหาก”


             แม้พิธานไม่ได้พูดแต่ก็รู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆว่าบทลงโทษกำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน สัญชาตญาณของพระพายบอกกับตัวเองเช่นนั้น พระพายเม้มปากอย่างนึกโมโหที่พิธานพูดขอโทษนั้นราวกับแกล้งหลอกให้ตายใจในตอนแรกและมาเชือดกันทีหลังเช่นนี้ ช่างร้ายกาจได้คงเส้นคงวาจริงๆ

        อีกอย่างที่กำลังนึกหวั่นใจคือคืนนี้พิธานไม่ได้ใช้ผ้าปิดตาซึ่งนั่นกำลังสร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะหากปิดตาเมื่อไหร่พระพายจะไม่ต้องเห็นการเคลื่อนไหวหรือใบหน้าของพิธาน แล้วถ้าหากไม่ปิดตา...จะเป็นเช่นไร

        พิธานเริ่มถอดเสื้อผ้าออก ร่างกายกล้ามเนื้อที่แม้ได้เห็นมาแล้วก็จริงแต่ไม่เคยชินสักครั้ง พระพายเบือนหน้าหนีเพราะยิ่งมองยิ่งรู้สึกอาย แต่หากหางตาก็ยังไม่วายไม่เป็นดั่งใจแอบเหลือบมองไปยังส่วนกลางร่างกายของพิธานที่ไม่ได้แข็งขืนเท่าไหร่นักแต่ก็ยังรู้สึกว่าใหญ่โตกว่าตนมากอยู่ดี

        พระพายร่นถอยเล็กน้อยเมื่อพิธานก้มตัวลงมา ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน ลิ้นทั้งสองกระหวัดกันอย่างไม่ยอมแพ้ ยิ่งพิธานกวาดลิ้นลึกเข้าไปเท่าไหร่ พระพายเองก็ตอบสนองกลับทันที จูบที่ส่งเสียงเบาๆ บ่งบอกถึงความต้องการที่กำลังค่อยๆเกิดขึ้น น้ำลายใสๆไหลลงมุมปากของพระพายเพราะจูบที่ดุเดือด

        มือของพิธานลูบไล้สีข้างของพระพายไปมาอย่างช้าๆ พระพายเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกแปลกๆเมื่อถูกลูบไล้เช่นนั้น สายตาของพิธานที่จ้องมองพระพายนั้นราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวเพราะเหตุนี้ทำให้พระพายจึงเอ่ยขอร้องพิธาน

“เอ่อ...ขอผ้าปิดตาได้ไหม?”

“ทำไมล่ะ?” พิธานถาม ปากนั้นยังคงพรมจูบที่ซอกคอ

“คือ...” พระพายไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาบอกดี ว่าความจริงแล้วไม่กล้าสบสายตาคนตรงหน้า อยากปิดตาไม่มองให้เห็นถึงสายตานั้นเสียดีกว่า

“อายเหรอ?” พิธานถาม คราวนี้จ้องมองเข้าไปในตาของพระพายที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาทีละน้อย

“ปะ...เปล่าเสียหน่อย” พระพายเมินหน้าหนีทันที แต่พิธานยังคงไม่ยอม จับคางของพระพายให้หันมามองหน้าตนตรงๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองมองตากันตรงๆสิ”


        พิธานจ้องมองเข้าไปในดวงตาของพระพาย โดยที่พระพายเองก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้เช่นกัน เงาที่สะท้อนในดวงตาของพิธานนั้นเป็นใบหน้าของตนเองอย่างชัดเจนนั้นยิ่งทำให้พระพายยิ่งรู้สึกแปลกๆ สายตาที่พิธานส่งมานั้นดูล้ำลึกราวกับจะบอกอะไรสักอย่างแต่มันก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก พิธานก้มลงจูบริมฝีปากของพระพายอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ

        ผ่านไปหลายนาทีกว่าพิธานจะหยุดจูบริมฝีปากของพระพายของเริ่มบวมเจ่อ พิธานจึงยอมผละออกและเริ่มไล้ใบหน้าลงมายังแผ่นอก มองเห็นยอดอกโดดเด่นอยู่ในสายตา พิธานก้มลงจูบก่อนที่จะดูดดึงด้วยริมฝีปาก โลมเลียด้วยลิ้นฉกระรัวจนพระพายต้องแอ่นอก เสียวซ่านจนต้องยอมรับว่าปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระหน่ำขึ้นมากกว่าเดิม

        พิธานหยอกล้อที่หน้าอกอยู่ไม่นานนักจากนั้นก็เลื่อนใบหน้าลงยังหน้าท้อง จูบหนักๆพลางดูดเม้มจนเป็นรอยแดงก่ำตรงบริเวณนั้น จากนั้นพิธานก็มาถึงจุดกลางร่างกายของพระพายที่ตอนนี้เริ่มชูชันขึ้นมาแล้วและห่วงรัดก็เริ่มตึงขึ้นทีละเล็กละน้อย

“รู้สึกไวเหมือนเดิมนะ”


        พิธานพูดเสียงเบาๆแต่มีหรือที่พระพายจะไม่ได้ยิน รู้สึกหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น จะโทษพิธานก็ไม่ถูกที่ทำให้ตนนั้นกลายเป็นคนมักมาก แต่พระพายก็โทษตัวเองด้วยเช่นกันที่ไม่อาจจะหักห้ามความต้องการภายในกายที่พร้อมจะแสดงออกมาตลอดเวลาที่ถูกเล้าโลม

        จมูกของพิธานแตะเข้าตรงส่วนนั้นของพระพาย ลมหายใจที่เป่ารดทำเอารู้สึกสั่นไปทั้งกาย แต่พิธานก็หยุดทุกอย่างลงและเงยหน้าขึ้นมามองพระพายที่ตอนนี้เริ่มหายใจกระชั้นชิดมากขึ้น

“อยากลองทำดูไหม?” พิธานถามพลางยืนขึ้น

“ทำ...ทำอะไร?” พระพายถามกลับ

“ลองใช้ปากให้ฉันดูสิ”

“ทำยังไง ทำไม่เป็นหรอก” พระพายส่ายหน้าทันที

“คนเรามีครั้งแรกเสมอ ลองดูสิ” พิธานพูดเช่นนั้น ก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วดึงพระพายให้ลุกขึ้นมา

“คิดว่ากำลังเลียไอศกรีมแท่งดู” พิธานบอก พระพายกลืนน้ำลายลงคอ พอเห็นขนาดที่ใหญ่โตเช่นนั้นก็เกรงว่าคงจะเข้าไปในปากไม่หมดอย่างแน่นอน

“มัน...มันใหญ่เกินไป” พระพายเงยหน้าบอกพิธานที่หัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินพระพายพูดเช่นนั้น

“นายนี่น่ารักนะ” พิธานว่าอย่างนั้น ก่อนที่จะดึงพระพายที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงขยับเข้ามาใกล้ๆ

“เอาเข้าไปทำเท่าจะเข้าได้ นอกนั้นก็ใช้มือ” พิธานสอนโดยที่พระพายก็ยังมองไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร

“ลองดูก่อน” พิธานยังคงพูดเช่นนั้น น้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆง่ายๆไม่ได้กดดันทำให้พระพายยังพอใจกล้าที่จะลองทำดู


        พระพายค่อยๆใช้มือจับ มือที่ถูกล็อคนั้นไม่ได้สร้างความลำบากในการขยับเลยแม้แต่น้อยแต่ เมื่อจับมันขึ้นมาได้พระพายใช้ปากเริ่มเข้าครอบครองส่วนนั้นทันที และไม่ผิดจากที่คิดไว้ มันเข้าไปได้ไม่เยอะนัก แค่เกือบๆกึ่งกลางความยาวเท่านั้น ความร้อนผ่าวคับคั่งอยู่ในโพรงปาก กลิ่นเฉพาะตัวของเพศชายนั้นคละคลุ้งจนพระพายรู้สึกแปลกๆ มันเป็นฟีโรโมนที่ดูรุนแรงจนรู้สึกสำลัก เหมือนตัวเองเป็นสัตว์เพศเมียที่ถูกดึงดูดจากกลิ่นนั้นก็ไม่ผิดนัก

        พระพายพยายามลองคิดว่าต้องทำอย่างไรต่อไป มือนั้นก็เริ่มขยับในส่วนที่ไม่ได้อยู่ภายในปากขยับศีรษะขึ้นลงช้าๆ ส่วนหัวที่ดูจะขยายมากขึ้นกว่าเดิมจนเริ่มคับแน่นในปาก แต่พระพายก็ยังพยายามแต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ ผละออกมาเพราะรู้สึกอึดอัดและเริ่มหายใจไม่ออก

“ไม่ไหวแล้วเหรอ?” พิธานถาม พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ถ้าทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกก็ถือว่าเก่งเกินไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองทำให้นายดูเป็นตัวอย่างก่อนละกัน”

“จะทำอะไร?”พระพายถามเมื่อพิธานผลักให้พระพายนอนหงายลงไป พระพายรีบดันตัวเองถอยขึ้นไปยังหัวเตียงทันที

“ก็ทำให้ดูไงว่าจะต้องทำยังไง ดูแล้วจำความรู้สึกด้วยล่ะ จะได้ทำถูกต้อง”


        พิธานพูดก่อนที่จะก้มลงไปยังส่วนนั้นของพระพาย สายตาที่พิธานเงยมองขึ้นมานั้นช่างดูเร่าร้อนจนพระพายต้องเม้มปากเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

“ฉันจะสอนให้นายจำแล้วทำจนชำนาญเลยล่ะ” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงไปยังส่วนนั้น พระพายหลับตาปี๋สูดลมหายใจเข้ารอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป...


*Lyrics : I feel it coming By The Weeknd ft.Daft Punk
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2017 17:34:47 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หวายยย มันร้ายนะคะหัวหน้า

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
นี่มันลูกแกะกับหมาป่าชัดๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด