น้ำเงิน
ผมชื่อน้ำเงิน และผมแอบรักเจ้านายตัวเองที่ชื่อดล
เขาโทรตามผมกลับบ้าน แต่ ณ ขณะนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเขา ไม่ใช่เพราะผมเพิ่งเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าที่พบเจอหน้าคอนเสิร์ต edm เมื่อคืน ไม่ใช่เพราะผมคิดว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าลงไปแทนที่จะหวงตัวให้กับคนที่ตัวเองมีใจให้ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
ผมอยากตัดใจจากคุณดล...มันก็เท่านั้นเอง
จริงๆ แล้วผมไม่ใช่เด็กรับใช้ที่ใกล้ชิดอะไร คุณปู่ของผมต่างหากที่เป็นคนสวนบ้านคุณดลมาเกือบทั้งชีวิต ตั้งแต่ที่คุณปู่เสีย ผมก็เพิ่งได้มีโอกาสมาใกล้ชิดกับคุณดล เจ้านายคนเล็กที่ผูกพันกับปู่ผมมากกว่าผมเสียอีก คุณดลคร่ำครวญแล้วคร่ำครวญอีกเรื่องที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ผมเสีย เขาเป็นคนนำเรื่องที่คุณปู่ถูกล็อตเตอรีหลายสิบล้านไปบอกปู่ผมเอง และหลังจากนั้นปู่ผมก็...เสียนั่นแหละครับ
ผมไม่โทษคุณดลเลยสักนิด ปู่ผมชราภาพมากแล้วและผมก็รู้อีกด้วยว่าหัวใจของท่านไม่แข็งแรง นึกโทษตัวเองมากกว่าที่มัวแต่ทำงานหาเงินอยู่ข้างนอกหามรุ่งหามค่ำจนลืมใช้เวลาอยู่กับปู่ จนกระทั่งปู่เสียผมจึงได้รู้สำนึก
ผมกับคุณดลปลอบใจกันและกันอยู่ในบ้านหลังเล็กซึ่งเป็นของคุณดล ความใกล้ชิดสนิทสนมตลอดระยะเวลาสองถึงสามเดือนก่อนที่เจ้านายของผมจะเปิดเทอมมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกหวั่นไหวเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเรื่องความรักมาก่อนเพราะผมเป็นเด็กยากจน แต่เมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิดกับคุณดล...ผมห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
แต่แล้ว...ฝันของผมก็สลายหายไปในพริบตาเมื่อคุณดลโทรสั่งให้ผมไปรอรับที่หน้าคอนเสิร์ต edm ภาพที่ผมเห็นก็คือคุณดลอยู่กับหญิงสาวสุดเปรี้ยว อีกทั้งยังไซร้คอเจ้าหล่อนเหมือนโลกนี้มีกันแค่สองคน
ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ยอมรับว่าผมคิดไปเองว่าคุณดลอาจจะมีใจให้ผมไม่มากก็น้อย เมื่อได้เห็นภาพบาดตาบาดใจหนำซ้ำยังตอกย้ำเรื่องที่ผมมีความรักซึ่งเป็นไปไม่ได้ ผมจึงได้จัดการซดเหล้าอยู่นอกงาน (ร้านหน้าคอนเสิร์ตไม่ตรวจบัตรอยู่แล้ว) และก็เผลอไปสบตากับหนุ่มหล่อแปลกๆ ซึ่งกำลังมองผมอยู่
ทำไมถึงเป็นหนุ่มหล่อแปลกๆ น่ะเหรอ ก็เพราะคนๆ นี้มีหน้าตาหล่อในแบบที่มีเอกลักษณ์โคตรๆ เป็นคนที่หากคุณมองหน้าเขาครั้งเดียวคุณก็จำเขาได้เลยอะไรทำนองนั้น ผมเผลอสังเกตเขาอยู่นานจนกระทั่งเขาคนนั้นส่งยิ้มมาให้
ผมจึงส่งยิ้มตอบกลับไป...
พอจะรู้ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นต่อ แม้ว่าผมจะไม่เคยมีแฟนหรือความสัมพันธ์ทางกายสุดฉาบฉวย แต่การที่ผมทำงานหาเงินเองตั้งแต่เด็กทำให้ผมไม่ได้เป็นคนใสๆ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร และผมก็รู้ด้วยว่าผมต้องการอะไร
ประชดชีวิต...และก็ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองลืมคุณดล
เป็นของคนอื่นไปเลยตอนนี้น่าจะดีที่สุด
‘เห็นมองอยู่นาน...สนใจผมเหรอ’
น้ำเสียงคนคนนี้สุภาพ อีกทั้งการแต่งตัวยังเต็มไปด้วยของแพงหูดับตับไหม้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมยอมที่จะไปกับเขา เหตุผลที่ผมยอมเป็นเพราะเขาดูไม่ได้เลวร้าย ถ้าเรามีความสัมพันธ์กันผมคิดว่าเขาคงไม่ทำร้ายอะไรผมต่อเช่นการแบล็กเมล์หรืออะไรทำนองนั้น
เขาดูมีพร้อมทุกสิ่งจนผมคิดว่าแค่ผมคนเดียวเขาคงไม่มีเวลามากลั่นแกล้งหลังจากมีอะไรกันหรอกมั้ง
ยอมก็ยอม...ยังไงก็ขอลองดูสักครั้ง
‘แน่ใจนะครับ’
คนคนนี้ถามย้ำระหว่างที่ผมกำลังจะขึ้นรถไปกับเขา ภาพความทรงจำระหว่างผมกับคุณดลตลอดระยะเวลาหลายเดือนถูกตัดสลับกับภาพที่คุณดลมีความสุขกับหญิงสาวหน้าคอนเสิร์ต
มันทำให้ผมกล้าตัดสินใจขึ้นรถไปกับหนุ่มหรูดูแพงคนนี้
นั่นแหละครับคือที่มาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนบ่าย...พี่คีน (ขออนุญาตเรียกเขาแบบนี้) คือคนที่ผมมีความสัมพันธ์ด้วยเพราะอยากประชดชีวิต เราสองคนไม่มีอะไรผูกมัดกัน เรียกได้ว่าเสร็จกิจปุ๊บ แยกกันปั๊บ แม้พี่คีนเขาจะถามว่าผมต้องการอะไรหรือเปล่าก่อนออกมา แต่ผมก็ยังยืนกรานตอบกลับไปว่าผมไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น
ผมไม่ใช่เด็กขาย อีกอย่างหนึ่งไม่ใช่แค่พี่คีน ‘ได้’ แต่ผมก็ ‘ได้’ ด้วย แม้ผมจะเป็นฝ่าย...เอ่อ...รับและเสียเปรียบ แต่ผมก็คิดว่าที่พี่คีนทำกับผมมันก็ไม่ได้แย่ ไม่ใช่การบังคับข่มเหง ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายโดยที่ผมไม่ได้สมัครใจ
‘แบบนี้เจ็บหรือเปล่า’
‘ไม่ไหวก็บอกนะ’
‘นี่ครั้งแรกใช่มั้ย’
เจ้านายอย่างคุณดลที่ว่านิสัยดีมากแล้วยังไม่อ่อนโยนและสุภาพกับผมขนาดนี้เลย เพราะเหตุนี้ผมถึงไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้เขาอีก ทันทีที่ตื่นผมก็รีบออกมาจากคอนโดสุดพิศวงงงงวยของพี่คีนอย่างรวดเร็ว
หนุ่มหล่อหน้าแปลกอีกทั้งยังรวยจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้...ผมจะขอจำเขาไว้เป็นภาพความทรงจำที่สุดจะเลือนรางก็แล้วกัน
เนื่องจากยังไม่มีอารมณ์ที่จะกลับไปยังบ้านซึ่งมีคุณดลรออยู่ ผมจึงได้แต่เตร็ดเตร่ในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดพี่คีน ผมรู้ว่าผมเป็นเด็กรับใช้ที่สุดแสนจะไม่เอาไหน เจ้านายเรียกหาแต่ผมกลับลีลาที่จะกลับไปอยู่ได้ ผมทำตัวน่าโมโหแต่จุดยืนของผมก็คือผมเป็นแค่หลานคนสวนของคุณดล ไม่ใช่เด็กรับใช้บ้านคุณดลมาก่อน ฉะนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งไปหมดเสียทุกอย่าง เรื่องนี้คุณดลเองก็เห็นด้วย
เพราะเขาเป็นคนง่ายๆ อีกทั้งยังเข้าอกเข้าใจเด็กยากจนที่จู่ๆ บุญก็หล่นทับหัวหลายสิบล้าน ใจผมก็เลยตกเป็นของเขาอย่างง่ายดาย
ผมอกหักดังเป๊าะ แต่มันก็ดีแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยคุณดลก็เป็นเจ้านายและพี่ชายที่ดี ขืนผมสารภาพความรู้สึกออกไป เจ้านายคนนี้ของผมก็คงจะมองผมอย่างอึดอัด และความสัมพันธ์ระหว่างเราก็คงเปลี่ยนไป
บุญมึงมีเท่านี้แหละน้ำเงิน...มีแค่ได้มองเขาและดูเขามีความสุขกับหญิงคนอื่น
“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจขณะนั่งกินไอศกรีม เป็นร้านที่ผมเคยทำงานพาร์ตไทม์แต่อยู่สาขาอื่น ผมชอบกินรสนี้และผมก็ติดมันมากด้วย “ปู่ให้เงินผม ปู่ให้ความรักกับผม แต่ปู่...ไม่ให้ผมสมหวัง”
น้ำตาปริ่มอยู่ที่ขอบตา พยายามคิดว่ามันเป็นเพราะความเจ็บที่สะโพก ไม่ใช่เพราะความคิดถึงปู่
เอ๊ะ หรือมันจะเป็นเพราะทั้งสองอย่างรวมกัน
“ผมคิดถึงปู่”
ยอมรับก็ได้ว่าคิดถึง...ผมเป็นหลานประเภทปากแข็งสุดๆ เหมือนกับปู่ที่ปากแข็งเหมือนกัน เราสองคนไม่เคยแสดงความรักต่อกันอย่างชัดเจนทั้งๆ ที่เหลือกันอยู่แค่สองคน ปู่ปล่อยให้ผมไปเผชิญโลกแห่งการทำงานตั้งแต่อายุสิบหก คอยถามไถ่และคอยส่งเงินมาให้ทั้งๆ ที่ผมบอกว่ามีพอใช้จ่ายแต่ปู่ก็ไม่สนใจ เน้นทำตามความตั้งใจของตัวเองเป็นหลัก ไม่สนความคิดเห็นของคนอื่น
พอพูดถึงเรื่องเงิน...ไอ้เงินถูกหวยของปู่ที่ถูกโอนมาให้ผมเนี่ย ผมยังไม่ได้ใช้สักบาทเดียว เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เงินผมอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าผมจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการใช้ก็เหอะ แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดกับปู่อยู่ เงินจำนวนนั้นจึงยังคงอยู่ แม้ว่าจะหักภาษีไปแล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นเงินจำนวนที่มากเสียจนผมคิดว่ามันเป็นความฝันไม่ใช่ความจริง
อยู่คนเดียวแถมยังอกหัก อีกทั้งยังเจ็บสะโพกอีก...ไม่ให้ผมเพ้อได้อย่างไรไหว
“อ้าวเฮ้ย” ผมได้ยินเสียงคนอุทานเหนือศีรษะ “เด็กไอ้คีนนี่”
การที่ได้ยินคำว่าคีน ทำให้สายตาของผมหันไปมองอย่างรวดเร็ว ผมจำได้ว่าคนคนนี้ยืนอยู่ข้างพี่คีนเมื่อคืนก่อนที่พวกเขาจะแยกกัน พี่คนนี้ไปอีกทาง ส่วนพี่คีนกับผมก็ไปอีกทาง
“หวัดดี” พี่เขาดูเป็นคนง่ายๆ ที่สำคัญยังดูรวยเหมือนพี่คีนเด๊ะๆ
“หวัดดีครับ”
“แม้แต่ไอติมมันก็ไม่เลี้ยงเหรอ ทำไมมันถึงเป็นคนใจไม้ไส้ระกำแบบนี้”
“พี่หมายถึงพี่คีนเหรอ”
“ก็จะใครซะอีก”
พี่มันทิ้งตัวนั่งลงอีกฝั่งอย่างไม่คิดมาก ทำตัวเหมือนรู้จักมักจี่ผมมานานแรมปี ผมรู้สึกวางใจในตัวพี่คนนี้ทันที นี่ผมตัดสินคนจากการใช้ของแพงหรือเปล่าวะ แม่งไม่ดีเลย
“เขาเสนอหลายอย่างให้ผมครับ แต่ผมไม่เอาเอง”
อีกฝ่ายดูอึ้ง “เสนอเหรอ อะไรบ้าง พี่รู้ได้มั้ย”
“ทำไมจะไม่ได้” ผมพูดง่ายๆ ก็ในเมื่อผมไม่เอาสักอย่าง มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ผมจะพูดนี่ “บ้าน รถ คอนโด”
“เฮ้ยยยยยยยย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” พี่มันเสียงดังจนผมอดสงสัยไม่ได้
“พี่ว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ แล้ว”
“...”
“อ้อ พี่ชื่อพี่เบสนะ เป็นเบ๊ไอ้คีนแต่ก็เป็นเพื่อนมันด้วย”
ผมพยักหน้าหงึกๆ เป็นเพื่อนด้วยและก็เป็นเบ๊ด้วยนี่มันมีด้วยเหรอวะ...ผมจะพยายามทำความเข้าใจก็แล้วกัน
“มันถูกใจน้ำเงิน”
“รู้ชื่อผมด้วย?”
“ก็มันให้พี่ไปสืบหาว่าเราเป็นใคร”
“หายากมั้ย” ผมยิ้มแห้งๆ เป็นการชวนคุยที่โคตรจะไร้สาระฉิบหาย
“ยากดิ แต่พอรู้ชื่อปุ๊บ ก็ง่ายปั๊บเลย ปู่เราเป็นคนดังนี่” พี่เบสทำหน้าเกรงใจที่จะพูด แต่ก็พูดไปแล้ว “พี่ขอถ่ายรูปเราส่งไปให้ไอ้คีนได้มั้ย”
“ทำไมเหรอ”
“จะอวดว่าพี่เจอเด็กมัน”
แม้จะงงๆ แต่ผมก็ปล่อยให้พี่เบสถ่ายรูปผมอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้เต๊ะท่าอะไร พี่มันยิ้มขณะพิมพ์ข้อความส่ง หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาทีโทรศัพท์พี่มันก็แผดเสียงดังลั่น
“เหี้ยตกใจหมด”
พี่เบสหันหน้าจอมาให้ผมดูชื่อคนโทรเข้า ‘สัดคีนพ่อทุกสถาบัน’
“บอกแล้วว่ามันสนใจน้ำเงินจริงๆ” พี่มันพูดก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงสัด น้องมันไปแล้ว ไม่ได้อยู่แถวนี้ สัดเอ๊ย รู้อีกว่ากูโกหก” พี่เบสขยับโทรศัพท์มายื่นส่งให้ผม “มันขอคุยด้วย”
ผมกระพริบตามองดูโทรศัพท์พี่เบสอย่างลังเล คิดว่าผมกับพี่คีนจะจบกันไปแล้วซะอีก ทำไมถึงมีภาคต่อแบบนี้วะ...
“น้องไม่อยากคุยกับมึง” พี่เบสไวกว่าผมมาก หลังจากที่เอาโทรศัพท์ไปแนบหูตามเดิมพี่มันก็พูดไม่หยุด “มึงไม่เปย์น้องไง เสียชื่อคีนมากเลยนะกูบอกไว้ก่อน นี่ดีนะที่กูมาเจอน้อง กูกะจะเลี้ยงน้องแทนมึงทุกอย่าง กูทำเพื่อหน้าตาของมึงเลยนะเว้ย อะไรนะ จะคุยกับน้องเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าน้องไม่อยากคุย”
“ผม...ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะครับ” ขอแก้ตัวหน่อยเหอะ
พี่เบสหัวเราะก่อนจะส่งโทรศัพท์มาให้จริงๆ “เอาไปคุยสิ” หลังจากนั้นพี่มันก็เดินหนีไปสั่งไอศกรีม
ผมกลืนน้ำลายก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างไม่มั่นใจ “ครับ”
[จะกลับหรือยัง] เสียงปลายสายดูห้วนสั้นแต่ก็ไม่ถึงกับลบความนุ่มทุ้มออกไปหมด
“ยัง...ครับ”
[พี่จะไปหา อย่าเพิ่งไปไหนนะ]
“มาทำไมอ่ะ”
[จะไปเปย์]
“เฮ้ย พี่เบสล้อเล่น ผมไม่ได้คิดมาก”
[แต่พี่คิด]
“...”
[พี่ทารุณร่างกายน้ำเงินมานะ จะไม่ให้พี่รับผิดชอบสักนิดเลยหรือยังไง]
“เอ่อ...”
[นั่งอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ถ้าไม่อยากให้ไอ้เบสซวยก็นั่งต่อไป]
งงไปหมดแล้วกู “พี่คีน เดี๋ยว”
สายถูกตัดไปแล้ว ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะจังหวะเดียวกับที่พี่เบสเดินมาพอดี ในมือพี่มันมีไอศกรีมถ้วยเล็กอยู่ในมือ
“มันว่าไงบ้าง”
ผมไม่คิดว่าผมจะสนิทกับพี่เบสได้ไวปานนี้ กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าผมวางใจในตัวพี่คนนี้จนลืมไปว่าผมเพิ่งคุยกับพี่มันเป็นครั้งแรก
“พี่คีนจะมาหา”
อีกฝ่ายคงอยากจะตบเข่าฉาดแต่ติดตรงที่ว่ามือไม่ว่าง “มันถูกใจน้ำเงิน”
“ผมไม่คิดว่าผมกับเขาจะมีภาคต่อ”
“ก็ถ้ารับอะไรจากมันบ้าง มันก็คงไม่ทำขนาดนี้หรอก”
“คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอครับ” ผมเลิกคิ้ว
“คนยังไง”
“คนที่ชอบเปย์คนอื่น”
พี่เบสหัวเราะถูกอกถูกใจ “ไม่ใช่หรอก ไอ้คีนมันเป็นคนชอบทำตามกฎของตัวเอง ที่มันมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะมันตั้งกฎขึ้นมาให้กับตัวเองทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นจะไม่มีอะไรกับคนที่อายุไม่ถึงยี่สิบ จะนอนไม่เกินตีหนึ่ง จะ...”
ผมกลืนน้ำลายลงคอตั้งแต่ข้อแรกที่ได้ยินแล้ว
“อาจเป็นเพราะมันรู้สึกผิดมาก มันก็เลยคิดว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างน่ะ ไอ้คีนมันก็งี้ ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่”
“ฟังดูเหมือนพี่เขาเป็นคนไม่ธรรมดาเลยนะครับ”
พี่เบสขยิบตาให้ผม “ลองกูเกิ้ลดูสิ แล้วจะรู้ว่าคนที่นอนกกกับน้ำเงินเมื่อคืนไม่ใช่คนธรรมดาเลย”
คนที่นั่งมองหน้าผมตอนนี้คือคีนหรือนายคมิก ภารกร
แม้จะมีชื่อจริงที่อ่านแล้วรู้สึกจั๊กจี้พิลึก แต่ประวัติเขากลับไม่ธรรมดาเอาเสียเลย หากเทียบกับคนอายุเท่ากันในเมืองหลวง พี่คีนก็คงจะเป็นเหมือนคนรวยทั่วๆ ไปที่ไม่ได้โดดเด่น แต่ถ้าเทียบกับจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของมอ B พี่คีนก็เปรียบเสมือนลูกเจ้าเมืองอะไรทำนองนั้น
ก็บ้านพี่เขาเล่นเป็นเจ้าของธุรกิจเกือบทุกอย่างในจังหวัดนั้น บอกได้เลยว่าอยู่ในระดับที่ทุกตำบลทุกหมู่บ้านจะต้องรู้จัก หลังจากที่อ่านรายชื่อธุรกิจในกูเกิ้ลของตระกูลภารกร ผมก็รู้ในทันทีว่าพี่คีนคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่พี่เบสได้พูดเอาไว้จริงๆ
มากกว่าครึ่งในรายชื่อธุรกิจทั้งหมดของตระกูลภารกร...เป็นของพี่คีนหมดเลยครับ
รวยโคตรพ่อโคตรแม่ รวยเหี้ยๆ รวยฉิบหาย รวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
“กินไอศกรีมอีกมั้ย” คนรวยที่ผมเพิ่งนินทาในใจถามถึงความต้องการของผม หลังจากที่พี่เบสแยกออกไปพี่คีนก็เข้ามานั่งแทนที่
“พอแล้วครับ”
“...”
“จริงๆ พี่คีนไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”
“ก็บอกแล้วไงว่าให้พี่รับผิดชอบอะไรสักอย่างเถอะ”
ผมมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจ “เป็นอย่างที่พี่เบสพูดไว้ไม่มีผิด”
“ยังไง”
“ผมควรขออะไรสักอย่างจากพี่คีนบ้าง”
“...”
“และหลังจากนั้นเราจะได้แยกกันจริงๆ”
คนรวยไม่ได้แสดงท่าทีว่าสิ่งที่ผมพูดมันผิด เขาเป็นมนุษย์หล่อมีเอกลักษณ์แถมยังพูดจาสุภาพ อีกทั้งยังดูรวยไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า คงจะ ‘มั่งมี’ จนเกิดความเคยชินว่าจะต้องให้คนที่ ‘ขาดแคลน’ สินะ
“อยากได้อะไรล่ะ”
นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออก ผมไม่ใช่คนยึดติดกับวัตถุ แม้จะสนใจเสื้อผ้าแนวสตรีทอยู่บ้าง แต่ก็ชอบเก็บเงินซื้อเองมากกว่า
“เห็นเสนอมาว่ามีทั้งบ้าน รถ แล้วก็คอนโด”
พี่คีนนวดมือตัวเอง “จริงๆ แล้วก็ถือว่าแพงไปหน่อย แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”
เฮ้ย นี่อย่าบอกนะว่า...
“เลือกมาสักอย่างสิ”
“จะบ้าเหรอ” รู้ว่ารวยเว่อร์แต่อย่างน้อยก็คิดดีๆ ก่อนดีกว่ามั้ยวะ
“โอกาสมาทั้งที”
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ดูก็รู้” พี่คีนยิ้ม “ถ้ายังนึกไม่ออก...ไว้นึกออกก่อนค่อยบอกก็ได้ นี่เบอร์” เขาวางนามบัตรตัวเองลงกับโต๊ะ “โทรมาได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ”
ผมมองนามบัตรของพี่คีนตาละห้อย เจ้าตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหลังจากคุยธุระเสร็จ ราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งพูดกับผมเป็นการเจรจาด้านธุรกิจยังไงยังงั้น
พี่เบสบอกว่าพี่คีนสนใจผม...ตรงส่วนนี้ผมคิดว่าพี่เบสโม้เกินไปสักหน่อยนะ
บ้านของดล
ผมกลืนน้ำลายขณะก้าวเข้าไปในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ อีกไม่นานผมกับคุณดลก็คงต้องย้ายตัวเองไปยังมอ B เพราะใกล้จะถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากถอนหายใจ หากผมไม่ชอบคุณดลมาก ผมคงไม่ประชดชีวิตตัวเองด้วยการเปลืองตัวแบบนั้น
ทำแล้วรู้สึกดีขึ้นมั้ย...ก็ไม่
ทำแล้วลืมคุณดลได้หรือเปล่า...ก็ยังไม่ลืม
แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้จักกับพี่คีน ผู้ชายที่รวยฉิบหาย สุภาพ แถมยังตื๊อเพราะอยากรับผิดชอบ
“เป็นอะไรไปน้ำเงิน” คุณดลที่ไม่สวมเสื้อเอ่ยทัก เจ้านายของผมอยู่บนโซฟาอีกทั้งกำลังแกะส้มทานอยู่ “ทำไมเดินแปลกๆ”
“ไม่มีอะไรครับ เมื่อคืนเมานิดหน่อย” ก็เพราะแสนดีอย่างงี้และยังใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดหลายเดือน...จะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้ยังไง
“บังเอิญเจอเพื่อนเหรอ เห็นว่ามารอรับแล้วจู่ๆ ก็หายไปเลย”
“ก็ทำนองนั้นครับ”
คุณดลหรี่ตามองผม “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้น”
“แน่ใจครับ”
“ถ้างั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับ”
ผมแอบมองคุณดลระหว่างที่เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เขาไม่เคยทำตัวเป็นเจ้านายผู้เรื่องมากกับผมแม้ว่าผมจะมีศักดิ์เป็นเด็กรับใช้ของเขาก็ตาม หลังจากที่ปู่เสียปุ๊บผมก็กลายเป็นเด็กของบ้านนี้ปั๊บ แม้จะได้ออกไปทำงานนอกบ้านแต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยเข้ามาในบ้านนี้แบบไร้ซึ่งการเหลียวแลเลย คุณผู้ชายกับคุณนายก็เอ็นดูผมเหมือนเป็นเด็กในบ้านคนหนึ่ง
คุณดลเองก็เหมือนกัน...เขามักจะมองว่าผมเป็นน้องชายและทำเหมือนผมเป็นคนในครอบครัว มากกว่าเป็นเด็กที่ต้องคอยรับใช้เขา
นี่คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมชอบเขานั่นแหละ
ผมเปิดประตูห้องตัวเอง เมื่อเห็นว่ามีร่างเปลือยระหงร่างหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงผมอีกทั้งยังมีแค่ผ้าห่มปกปิดร่างกาย ผมก็ก้าวถอยหลังแล้วปิดประตูเสียงดังลั่นอย่างคุมสติไม่อยู่ทันที
“เฮ้ย โทษที ลืมบอกไป” คุณดลรีบเข้ามาหาผม “เมื่อคืนกูใช้ห้องมึง ห้องกูฝนมันสาดว่ะ เตียงเปียกหมดเลย”
เหมือนความอดทนของผมได้ละลายหายไปในบัดดล นอกจากเขาจะไม่มีใจให้ผมแล้วยังหิ้วสาวมานอนที่ห้องผมอีก แบบนี้มันเรียกได้ว่าเหยียบหัวใจของผมซ้ำๆ จนเละไม่มีชิ้นดี
ไม่ไว้หน้ากันสักนิดเลยนี่หว่า
“น้ำเงิน จะไปไหน”
แม่งเอ๊ย...ที่ผ่านมาที่เราสองคนปลอบประโลมกัน กินดื่มด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน น้ำตาซึมเรื่องปู่ด้วยกัน มันไม่มีอะไรอื่นเลย นอกจากคนที่เสียใจต่อการจากไปของปู่เหมือนกัน มันไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่ผมคิดไปไกลเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ใช่ความผิดคุณดล แต่เป็นความผิดของผม ผิดที่ผมรู้สึก...ผิดที่ผมไม่คิดหน้าคิดหลังว่ายังไงผมกับคุณดลก็ไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แล้ว
ตอนที่อยู่หน้าบ้าน มือของผมไปไวกว่าความคิด เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังไม่กี่ครั้ง...คนคนนั้นก็รับสายด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มละมุนมากกว่าเดิม
[นี่ใครครับ]
“พี่คีน”
[น้ำเงินเหรอ]
“ครับ”
[ว่าไง นึกออกแล้วเหรอว่าอยากได้อะไร]
“คืนนี้...ขออยู่ด้วยอีกสักคืนได้มั้ยครับ”
Tbc*