ตอนที่ 15
ใกล้
ช่วงนี้เพื่อนของผมกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
มันเล่าให้ผมฟังหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่พี่คีนเข้าโรงพยาบาลรวมไปถึงเรื่องผู้หญิงของพี่คีนที่ตามติดแจไม่ห่าง มันบอกว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักกับพ่อพี่คีน แปลว่าเธอมีแบ็คใหญ่อยู่เบื้องหลังและมันไม่สามารถสู้ได้ จนถึงตอนนี้มันก็ยังเข้าไปอยู่ใกล้เตียงพี่คีนได้ไม่ถึงสองเมตรเลยครับ
ผมก็ได้แต่มองมันอย่างสงสาร นึกอยากเป็นผู้ใหญ่กว่านี้จะได้นึกคำปลอบใจเจ๋งๆ ออก สภาพน้ำเงินเหมือนคนที่มีแต่ร่าง ไม่มีวิญญาณ แม้กระทั่งเจ้านายเก่าของมันอย่างพี่ดลก็ไม่สามารถทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย
เราทั้งคู่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากคอยส่งกำลังใจไปให้มันอยู่เรื่อยๆ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับพี่ดลในร้าน Pink Chiffon ร้านที่คนเป็นแฟนกันเขาชอบมา แม้บรรยากาศโดยรอบจะแป๋วแหววไปสักนิด แต่ผมก็ไม่ขัดเพราะเค้กร้านนี้อร่อยมากจริงๆ
A-YOOT : น้ำเงินเป็นไง
NEAR : แย่มาก
NEAR : มันบอกถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ออกไป มันก็จะไปเยี่ยมพี่คีนไม่ได้เลย
A-YOOT : สงสารน้องว่ะ
A-YOOT : มึงนี่ก็เป็นเพื่อนที่เลวนะ เพื่อนมีปัญหาอยู่ทำไมไม่ไปช่วย
NEAR : ผมจะทำอะไรได้ล่ะ
NEAR : อย่างน้อยพี่ก็อยู่หอเดียวกันกับมัน พี่ไปปลอบมันสิ“ช่วงนี้ทำไมคุยไลน์บ่อยจัง คุยกับใครเหรอ” พี่ดลถามตอนที่ผมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์
“พี่ก็คุยบ่อยเหมือนกัน” ตั้งแต่เข้ามาในร้าน พี่ดลก็ยังไม่วางโทรศัพท์เลยครับ
“เขาทักมาโคตรบ่อย”
“เขานี่ใคร”
“ผู้หญิงที่เคยคุยด้วยช่วงหนึ่ง”
ผมเลิกคิ้ว “แค่คุยเหรอ”
“ก็...” พี่ดลดูจนตรอก ในที่สุดเขาก็ยอมรับออกมาตรงๆ “ไม่ใช่แค่คุยหรอก”
ผมไม่ควรไปขยี้ให้ตัวเองเจ็บปวดจริงๆ
“พรรคพวกในวงมันเริ่มเรียกพี่ให้กลับไปร้องเพลงแล้วนะ แต่ว่า...” พี่ดลวาดมือมาจับที่พนักพิงหลังของผม คล้ายกับต้องการจะโอบรอบไหล่ผมกลายๆ “พี่ตัดสินใจไม่เป็นนักร้องให้วงอีกแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะพี่จะไม่มีเวลาอยู่กับใกล้น่ะสิ”
“แล้วผมจะได้ฟังพี่ร้องเพลงตอนไหน”
“ตอนนี้เลยก็ได้นะ” พี่ดลเอ่ยปากร้องแบบไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นๆ ในร้าน “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอ...”
“พอ” ผมยกมือปราม “เพราะนี่”
“ฟังแค่ท่อนเดียวมันไม่รู้หรอกนะ”
“เลิกคิดมากเรื่องปู่น้ำเงินแล้วใช่มั้ย”
พี่ดลถอนหายใจยาว “ให้เลิกคิดก็คงไม่ได้ แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินไปข้างหน้าต่อเหมือนกัน เพราะงั้นพี่ก็จะใช้ชีวิตของพี่ และก็จะคอยดูแลน้ำเงินต่อไป”
ผมมองพี่ดลอย่างภูมิใจ “บางทีชีวิตก็ต้องมองไปข้างหน้าบ้าง”
“...”
“แต่วันนี้ผมจะมองไปข้างหลัง ผู้หญิงคนนี้นี่ใคร ทำไมทักมาไม่หยุดเลย”
“กรรมจริง” พี่ดลทำหน้ามึนเพราะไม่คิดว่าผมจะยังใส่ใจอยู่ “เคยควงด้วยแป๊บเดียวเมื่อเดือนสองเดือนก่อน”
“แล้ว?”
“แล้วจู่ๆ เขาก็กระหน่ำทักมาเหมือนมีเรื่องอะไรก็ไม่รู้”
“เรื่องที่ว่าคือเรื่องอะไร”
“เขาคิดว่าพี่คือคนที่ทำเขาท้อง”.
.
.
ผมอ้าปากค้างเติ่ง...ตัวผมนิ่งแข็งเหมือนถูกจับเข้าไปแช่ช่องฟรีซ พี่ดลพูดเหมือนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมช็อกมากกว่าสิ่งที่พี่ดลเพิ่งพูดอีก
“เฮ้ย เรื่องใหญ่ขนาดนั้นทำไมพี่ยังชิลๆ ได้อีกล่ะ” ผมมองคนที่นั่งข้างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็ระหว่างที่คุยพี่ก็ถามเพื่อนๆ อยู่”
“พี่อาจจะทำผู้หญิงท้องนะครับ” ผมร้องเสียงหลง
“พี่ก็กังวล แต่พี่ป้องกันตลอด และเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวด้วย พี่คิดว่า...”
“ผมไม่คิดว่าพี่จะกังวลเหมือนที่พี่กำลังพูดหรอกนะ” เมื่อกี้เขายังทำระรื่น เอื้อมมือมาโอบผมกลายๆ อยู่เลย
“ใกล้เป็นไร” พี่ดลดูตกใจ “คิดว่าพี่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้เหรอ”
“พี่อาจทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แต่พี่กลับมากินเค้กอย่างสบายใจกับผมอยู่ได้ นี่มันใช่เรื่องที่ไหน” ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดอย่างโมโห
“ใกล้...เมนส์มาเหรอ”
“บ้าเหรอวะ”
“ทำไมจู่ๆ หงุดหงิด”
“ที่ผมหงุดหงิดก็คือ...เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่พี่ควรจะกังวลและก็เอาใจใส่มัน แต่พี่กลับทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเล็กและพี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมชอบผู้ชายมีความรับผิดชอบนะครับ”
“คือ...”
ผมคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินหนี เริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไปนั้นมันตรงกับความรู้สึกของผมจริงๆ มั้ย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมมาก แต่พี่ดลกลับทำเหมือนเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่แสดงสีหน้าเป็นกังวล ไม่มีการคิดมาก หรือแม้กระทั่งใส่ใจสารทุกข์สุขดิบของผู้หญิงคนนั้น
นี่มันไม่ใช่พี่ดลอย่างที่ผมหวังเอาไว้
“ใกล้” พี่ดลเดินมาคว้าข้อมือผมเอาไว้ “ใจเย็นๆ ก่อน ทำไมพี่จะไม่กังวล นี่พี่ก็พยายามคุยกับเขาอยู่ไง”
“ผม...โกรธ” ผมเองก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้โกรธขนาดนี้
“ถ้าใกล้จะโกรธพี่ก็เข้าใจนะ พี่ไม่ใช่ผู้ชายที่มีประวัติสวยหรู แต่ว่าเรื่องนี้...”
“ผมรู้สึกแย่ที่ผมกำลังมีความสุขทั้งๆ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทุกข์อยู่ ไม่แน่ว่าคนที่ผมมีความสุขด้วยอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอทุกข์อยู่ก็ได้”
“ใกล้ พี่กับเพื่อนก็พยายามสืบเรื่องนี้กันอยู่...”
“ไปสืบก่อนเถอะครับ แล้วเราค่อยกลับมาคุยกัน”
“แต่...”
“ขอโทษทีนะครับ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่จริงๆ”
“...”
“ผมทนมองหน้าพี่ดลไม่ได้เลย”
และแล้ว...ผมกับไอ้น้ำเงินก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน
วิชาพื้นฐานที่ว่าหินนักหินหนาก็ไม่สามารถดึงดูดให้ผมกับน้ำเงินเข้าไปนั่งเรียนได้ ตอนนี้ผมกับมันกำลังนั่งอยู่ที่ริมสระพลาสติก ปลดปล่อยอารมณ์ที่มีแต่ความทุกข์ไปกับการมองน้ำในสระ แล้วทำไมมันกลับไม่รู้สึกดีขึ้น แต่ยิ่งรู้สึกแย่ลงวะ
ไอ้น้ำเงินเข้าใกล้แฟนตัวเองไม่ได้เพราะไม่ชอบผู้หญิงที่อยู่กับแฟน ส่วนผมชอบผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่อาจจะเป็นพ่อของลูกใครสักคน
“เฮ้ออออออ” ผมกับมันถอนหายใจพร้อมกัน ทำให้เราสองคนหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆ
“มีเรื่องเหรอมึง” ไอ้น้ำเงินถามผมก่อน
“เออ คุณดลของมึงอาจทำผู้หญิงท้อง”
“อะไรนะ”
“เขาไปแก้ปัญหาอยู่”
“เชี่ยแล้ว”
“...”
“เออ กูเข้าใจแล้วว่าทำไมสภาพมึงถึงเป็นแบบนี้”
“แล้วมึงล่ะ” ผมถามมันบ้าง “ไม่ไปสู้เหรอวะ พี่คีนเค้าชอบมึง ยังไงมึงก็ต้องชนะผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว”
“ไม่รู้สิ” น้ำเงินถอนหายใจ “เขาบอกว่าเขารักกันกับพี่คีน ผูกพันกับพี่คีนมาตั้งแต่กูยังเตะบอลอยู่ในโรงเรียนมัธยม พี่คีนขาดเขาไม่ได้ ยังไงพี่คีนก็ต้องเลือกเขา”
“ผู้หญิงเขาพูดเองเออเองป่ะวะ”
“เขาบอกว่าพ่อพี่คีนเป็นคนสั่งให้เขามาดูแลพี่คีนเอง”
“...”
“นี่ต่างหากที่กูสู้ไม่ได้”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ความรักชนะทุกสิ่ง” ผมเชียร์เพื่อนผมอย่างออกนอกหน้า “ยังไงพี่คีนก็ต้องเลือกมึง”
“ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงหน่วงๆ ของกู แต่กูเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี”
น้ำเงินคิดแบบนี้ได้ผมก็อุ่นใจ ผมเห็นมันกดเลื่อนดูรูปเก่าๆ ของพี่คีนในอินสตาแกรม มันคงคิดถึงพี่เขาน่าดูเลย
“มึงอ่ะเรื่องใหญ่กว่ากูอีก” มันหันมามองผม “แต่กูเชื่อใจคุณดลนะ เขามีความรับผิดชอบ อย่างน้อยก็น่าจะรับผิดชอบตอนที่ตัวเองกำลังทำ เอ่อ...”
“มึงจะพูดทำไม” ผมอดโวยวายไม่ได้ “กูก็เลยนึกภาพตามเลยเนี่ย”
“นึกภาพตอนที่มึงทำกับคุณดล หรือตอนที่คุณดลทำกับคนอื่น”
“กามสัด” ผมโบกศีรษะไอ้น้ำเงินเบาๆ “กูไม่นึกอะไรทั้งนั้น”
“คุณดลชอบมึงนะ”
“อย่าพูดแทนเขาดิ”
“กูอยากให้มึงสบายใจอ่ะ ลองเชื่อใจเขาดู” น้ำเงินแตะไหล่ผม “มึงตามเขาในฐานะศิลปินมานาน มึงก็น่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายมีประวัติ แต่พอเขารู้จักกับมึง เขาก็เปลี่ยนไปเลยนะเว้ย”
“...”
“อย่างน้อยก็ไม่ยุ่งกับกูเลย”
พี่ดลเคยบอกว่าเขาชอบน้ำเงิน แต่หลังจากที่บอกเหตุผลกับผมว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ต่อหน้าพี่คีน พี่เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับไอ้น้ำเงินอีกเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็น เรื่องนี้ไอ้น้ำเงินไม่ได้ช่วยอวยอะไรทั้งสิ้น เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เหอะ แต่ทำผู้หญิงท้องเลยนะเว้ย”
“ยังไม่ได้ทำ ต้องเติมคำว่ายังใส่ข้างหน้าด้วย” น้ำเงินตบไหล่ของผมเบาๆ ก่อนจะผละมือออกไป ผมแอบเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของมันยังเป็นอินสตาแกรมของพี่คีนอยู่
“เย็นนี้มึงจะไปเยี่ยมพี่คีนมั้ย”
“มึงคิดว่าห้องทายาทเศรษฐีจะเข้าง่ายๆ เหรอ”
“ดูประชดประชันเข้า”
“ไม่รู้ว่ะ กูรู้สึกเหมือนกับว่า...กูต้องรอเขา” น้ำเงินเปรย “ถ้ากูเข้าไปตอนนี้แม่งก็คงวุ่นวาย พ่อพี่คีนไม่ชอบหน้ากูด้วย เซนส์กูบอกว่า...กูต้องรอให้เขาฟื้นตัวขึ้นมาจัดการ”
“ระหว่างนี้มึงทำได้แค่รอ”
“เออ รออย่างเชื่อใจ รออย่างมีความหวัง”
“พี่คีนคงไม่ทำให้มึงผิดหวังอ่ะ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้น”
“...”
“เพราะกูไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้วว่ะ กูคิดถึงเขา”เวลา 16.43 น. หอห้า ห้อง 302
FAR : มึงเป็นไรอีก
FAR : เรียบร้อย...
FAR : ไอ้เหี้ยนี่หมดโอกาสแล้ว
FAR : กูไม่ให้โอกาสมันมาคบกับมึงไอ้แฝดจากที่อ่านหนังสือง่วงๆ ผมถึงกับตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว
NEAR : เดี๋ยวสิ
FAR : มันครบสามครั้งแล้ว กูไม่ชอบให้มึงเจ็บ
FAR : เพราะกูจะเจ็บตาม กูรำคาญความรู้สึกนี้
NEAR : เฮ้ออออออ /แนบสติกเกอร์หมีมีหน้ากังวล
FAR : เล่ามา ไม่เล่ากูจะชกหน้าตัวเอง
NEAR : กูไม่เจ็บตามมึงหรอก
FAR : ก็นึกว่ามึงจะเป็นห่วงกูไง!ผมจ้องจอด้วยสายตาว่างเปล่า สักพักไอ้ไกลมันก็โทรมา
“ฮัลโหล”
[กูง่วงนอนแล้ว...หวังว่ามึงจะรีบเล่ารีบจบ]
“กูไม่มีอะไรจะเล่า”
[สัดใกล้ กูพี่มึง]
“เกิดก่อนไม่กี่นาที”
[เล่ามา] ไกลมันจริงจังเรื่องผมเสมอครับ ผมคิดว่าถ้าผมดึงให้มันนานกว่านี้ก็มีแต่มันที่จะหงุดหงิด
“มีผู้หญิงคนหนึ่ง...บอกว่าพี่ดลอาจจะทำเขาท้อง”
[เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย]
“ใช่มั้ยล่ะ”
[มึงเลิกยุ่งได้แล้วไอ้สัด นี่มันผิดมากๆ] ไกลโมโหมาก
“อาจจะ ไอ้ไกล อาจจะ”
[จะอาจจะหรือจะทำผู้หญิงท้องจริงๆ กูก็ไม่ให้มึงยุ่ง]
“เชี่ย...”
[ฟังดูมึงผิดหวังนะ]
“ให้โอกาสเขาหน่อย”
[ได้ข่าวว่ามึงงอนมันอยู่ แต่มึงกลับขอโอกาสให้มันเนี่ยนะ]
“ก็กูชอบเขาอ่ะ”
[ใกล้ คำพูดต่อไปนี้มันจริงจังมาก กูจะพูดให้กระชับเพื่อให้คุ้มค่าโทรศัพท์ มึงต้องฟังกูให้ดี]
มันจะพูดให้ยุ่งยากทำไมวะเนี่ย
[ถ้าพี่ดลอะไรของมึงนี่ทำผู้หญิงท้องจริงๆ มึงเตรียมใจเรื่องนั้นไว้แล้วหรือยัง มึงเอาแต่พูดว่ามึงชอบ ให้กูให้โอกาสเขา แต่กูขอถามมึงหน่อยเถอะว่ามึงเผื่อใจไว้หรือเปล่า เพราะถ้ามึงไม่เผื่อแล้วบังเอิญไอ้คุณดลทำผู้หญิงท้องจริงๆ มึงจะเป็นไงวะ]
“...” ผมถึงกับน้ำตาซึมไปเลย
[ที่กูเตือนนี่เพราะกูเป็นพี่มึงนะ กูไม่อยากให้มึงต้องเสียใจทีหลัง]
“รู้แล้ว”
[เผื่อใจไว้บ้าง เข้าใจมั้ย]
“อืม...โอเค”
[สัดเอ๊ย...]
“...”
[นี่มึงเจ็บปวดใจขนาดนั้นเลยเหรอ] ตอนนี้ไกลอาจจะเอามือกุมอกอยู่ เพราะผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน [อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเว้ยน้อง กูจะอยู่ข้างๆ มึงเอง]
ลึกๆ แล้วในใจผมก็ไม่อยากให้พี่ดลต้องไปรับผิดชอบคนอื่นนอกจากผมหรอก...
ขอให้พ่อของลูกผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พี่ดล ขอให้ไม่ใช่พี่ดล
ดล
เคยอยู่ดีๆ ก็ซวยมั้ยครับ
นี่คงเป็นเวรเป็นกรรมของผม ช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ยอมรับว่าผมค่อนข้างมั่วเรื่องผู้หญิงมาก แม้จะมั่นใจมากว่าผมป้องกันทุกครั้งที่มีสัมพันธ์เกินเลยกับใครซักคน แต่การที่ผมถูกสงสัยว่าเป็นพ่อเด็กนี่ก็ทำให้ความมั่นใจผมหดลงไปเยอะเหมือนกัน
นอกจากจะรู้สึกเหมือนโดนน้ำเสียสาดหน้าแล้ว ผมยังถูกใกล้งอนชนิดที่ว่างอนฉิบหาย แม้แต่เดินผ่านก็ยังไม่มองหน้าผม หรือแม้กระทั่งบังเอิญเจอกันในร้านอาหาร มันยังเปิดประตูออกจากร้านไปหลังจากที่เห็นหน้าผมเลย
ความผิดของผมมีหลายกระทงชนิดที่ว่าไล่ยังไงก็ไม่หมด แต่ที่แน่ๆ ต้องมีเรื่องที่ผมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา เรื่องที่ผมเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งในการเป็นพ่อของลูกผู้หญิงคนนี้ และก็เรื่องสุดท้าย...ผมแสดงออกว่าไม่สนใจเรื่องนี้จนเกินไปทำให้ใกล้รู้สึกผิดหวังในตัวผม
ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาท้องลูกผมจริงๆ ผมก็ต้องรับผิดชอบผู้หญิงกับลูกอยู่แล้ว ใกล้บอกว่าชอบผู้ชายมีความรับผิดชอบ...แล้วมันล่ะ มันจะเป็นยังไงถ้าผมไปรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น
ผมไม่สามารถเอ่ยคำใดในเวลานี้ได้นอกจากบาปกรรมนั้นมีอยู่จริง ในใจพาลนึกสงสัยไปถึงไอ้คีน มันมีปัญหาเหมือนผมมั้ย ชีวิตรักของมันกับน้ำเงินราบรื่นดีหรือเปล่า ในเมื่อแต่ก่อนมันหนักยิ่งกว่าผมอีก แต่ก็พูดอะไรได้ไม่มากครับ ช่วงนี้มันต้องนอนโรงพยาบาลโดยที่น้ำเงินไม่สามารถไปเยี่ยมได้เลย นั่นก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างหนึ่งนะ
เพื่อนคนที่หนึ่ง : เอาไงไอ้ดล จะเอาเรื่องมั้ย
เพื่อนคนที่สอง : มึงเสียชื่อเสียงเลยนะ
เพื่อนคนที่สาม : หรือจะปล่อยไป
เพื่อนคนที่สี่ : ว่าไงไอ้สัด เร็วๆ เข้านี่คือข้อความจากไลน์หลังจากที่ผมกับเพื่อนสืบเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ได้สำเร็จ สรุปเธอหลอกว่าเธอท้องเพราะช่วงนี้กำลังร้อนเงิน อยากได้เงินก้อนไปตั้งตัวกับผู้ชายคนใหม่ที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ผมรู้ความจริงผมก็แทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก ตอนที่เธอบอกว่าเธอท้องลูกผมนั้นเธอคร่ำครวญต่างๆ นานาจนผมเผลอคิดไปแล้วเหมือนกันว่าผมทำเธอท้องจริงๆ
อารมณ์ของผมตอนนี้ไม่อยากเอาเรื่องใครทั้งนั้น ผมได้แต่บอกกับเพื่อนไปว่าอาจจะให้เงินเธอสักก้อนและขอร้องให้เธออย่าเข้ามาในชีวิตของผมอีก ทีแรกเพื่อนก็แย้งว่ามึงจะให้เงินผู้หญิงขี้โกหกทำไม แต่ผมอดสงสารเธอไม่ได้ เธอคงหมดหนทางทำมาหากินจึงได้หลอกผมแบบนี้
โชคดีที่เธอให้คำสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับชีวิตผมอีก และเธอก็ขอบคุณสำหรับเงินก้อนที่ผมให้ไป ผมอวยพรให้เธอโชคดี จากนั้นผมกับเธอก็บล็อกไลน์กันและกันไปเป็นที่เรียบร้อย
ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าผมจะง้อไอ้ใกล้ยังไง ผมไม่คิดว่ามันจะงอนผมขนาดนี้ หลายต่อหลายครั้งที่ผมไปดักรอมันที่คณะ แต่มันก็เอาแต่หลบหลังน้ำเงิน หรือไม่ก็เดินดุ่มๆ ทำเป็นไม่เห็นผม
ถามจริงดิ...นี่มึงเลิกชอบศิลปินที่มึงเคยชอบนักชอบหนาแล้วเหรอ!
คิดแล้วก็เซ็ง เกิดมาก็เพิ่งจะเคยตามตูดง้อแฟนคลับขนาดนี้ ในใจผมไม่เคยเหนื่อยที่จะง้อด้วยนะ คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำยังไงดีให้มันหายงอน หรือไม่ก็รู้ความจริงทั้งหมดว่าเรื่องมันเป็นยังไง
ให้โอกาสกันหน่อยไม่ได้เหรอวะ
ผิดที่วันนั้นผมชิลเกินไปทั้งๆ ที่เรื่องมันหนักหนาสาหัส แต่จะไม่ให้ผมเต๊าะไอ้ใกล้ได้ยังไงไหวครับ มันอยู่ใกล้ผมแค่สองคืบ หน้ามึนๆ ของมันมีเสน่ห์ยิ่งนักตอนที่มันกำลังเผลอ ที่จริงต้องโทษมันด้วยนะที่ทำให้ผมอยากเต๊าะมันในช่วงเวลาที่ผมควรซีเรียส มันน่ารักเกินไป
จะว่าไปแล้วก็คิดถึง...
นาทีนี้จะมีใครช่วยผมได้นอกจากไอ้พวกวง NOC ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ขึ้นไปร้องเพลงให้พวกมันแล้ว แต่มิตรภาพของเราก็ยังอยู่ วันนี้ผมกับพวกมันว่างจึงนัดแฮงก์เอาท์กันที่ร้านกาแฟบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง สีหน้าของพวกมันดูดีเพราะวงกำลังไปได้สวย มีงานจ้างเล็กๆ เข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนพวกมันอดแซวไม่ได้ว่าผมออกปุ๊บ ชีวิตคนในวงก็ดีปั๊บ
อารมณ์ผมตอนนี้ไม่มีอะไรจะเถียงพวกแม่งสักคำ
“มึงก็แค่บอกความจริงน้องไปไงไอ้ดล มันจะยากตรงไหน” มือกีต้าร์เคี้ยวเฟรนช์ฟรายด์อย่างออกรสออกชาติ
“น้องมันเปิดโอกาสให้กูได้พูดซะที่ไหนล่ะ เห็นหน้ากูทีไรก็เอาแต่เดินหนี”
“งอนแบบนี้น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย” มือเบสทำตาเยิ้ม
“เหี้ย” ผมยกเท้าขึ้นมาขู่ “กูให้พวกมึงมาช่วยคิด ไม่ใช่ให้พวกมึงมาชมน้องให้กูฟัง”
“ยอมรับกับพวกกูมาซิว่ามึงชอบน้อง” มือกลองกอดอกถาม
“เออ ชอบ” คงไม่ต้องหนีความจริงอะไรกันอีกแล้วมั้งครับ “แต่จะทำอะไรได้ น้องไม่คุยกับกูเลย โทรไปหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
“มึงบุกคณะน้องยัง”
“เรียบร้อย”
“หอล่ะ”
“ไอ้สัด หอห้านะครับ”
“แล้วไงวะ หอห้านะเว้ย ไม่ใช่หอสอง มีอะไรที่ต้องกลัว” มือกลองทำหน้าเหมือนอยู่เหนือกว่าทุกคนบนโลก
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องเกรงใจหออื่นป่ะวะ”
“โหไอ้สัด คิดงี้กูว่าชาติหน้านู่นมั้งมึงถึงได้น้องเขา”
เป็นอีกครั้งที่ผมยกเท้าขึ้นมาให้พวกมันดูเป็นขวัญตา ตอนนั้นพวกมันก็เลยเลิกสนใจผมแล้วหันไปสนใจลูกค้าสาวๆ ที่เข้ามาใหม่แทน ทีแรกพวกมันก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่ทำไมอยู่ดีๆ พวกมันถึงได้ทำหน้าตกใจขนาดนี้วะ
“มีอะไรเหรอ”
“น้องใกล้มา”
ผมหันขวับจนคอแทบหัก ภาพที่เห็นคือใกล้กำลังเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ ผมไม่รอให้เพื่อนเชียร์ แต่เดินเข้าไปหาน้องเลยแทบจะในทันที
“ใกล้”
น้องหันมามองผม สีหน้าเฉยเมยปนงุนงงนิดหน่อยจนผมอดปวดใจไม่ได้
“คุยกันหน่อยได้มั้ย”
มันไม่ตอบผมครับ ผมหันไปมองคิวสั่งกาแฟที่ยังคงยาวอยู่ ก่อนจะรีบดึงตัวใกล้ไปที่หน้าห้องน้ำบริเวณหลังร้านซึ่งไม่มีคนอยู่เลย
ทำไมใกล้มันสูงขึ้นวะ...หรือเพราะวันนี้มันใส่รองเท้าเสริมส้น
“เหี้ยไรเนี่ย” มันบ่นออกมาเหมือนคนที่กำลังหงุดหงิดเต็มที่ ผมตกใจเล็กน้อยที่น้องมันหยาบกับผมขนาดนั้น
“กูไม่ได้ทำผู้หญิงคนนั้นท้อง”
มันชะงัก...ก่อนจะเลิกคิ้ว
“เขาต้องการหลอกเอาเงินค่าเลี้ยงดูอะไรก็ไม่รู้ แต่จริงๆ เขาไม่ได้ท้อง เขาแค่ร้อนเงิน อยากให้มีคนมาจ่ายเงินเขาทุกเดือน แต่พอพี่กับเพื่อนจับได้ เขาก็เลิกตอแย พี่ให้เงินเขาไปก้อนหนึ่งเพราะความสงสาร พูดแบบนึ้มึงรู้เรื่องใช่มั้ย”
ใกล้มองผมอย่างประเมิน ก่อนจะต่อยผมแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
เหี้ยยยยยย...หมัดมันหนักขนาดนี้เลยเหรอ
“มึงนี่เองที่ทำให้น้องกูอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มันส่งผลมาถึงตัวกูเลยเนี่ย ไอ้เวรเอ๊ย”งงฉิบหาย งงเป็นไก่ตาแตก...ไอ้ห่านี่ไม่ใช่ใกล้แน่นอน แล้วถ้าไม่ใช่มันจะเป็นใครวะครับ ก็ในเมื่อหน้ามันเหมือนใกล้ซะขนาดนี้
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ใกล้สูงขึ้น อีกทั้งยังหยาบคายมากขึ้น นั่นก็แปลว่า...
“ใครสิงร่างมึงเนี่ย”
“นี่มึงไม่รู้เหรอ” อีกฝ่ายร้องลั่น “ใกล้มีแฝด กูเนี่ยเป็นแฝดมัน”
ผมช็อกตาค้างเป็นที่เรียบร้อย “แฝด?”
“ใช่”
“...”
“ถอยไปไกลๆ เลยนะ หน้ากูเหมือนคนที่จะยอมมึงทุกอย่างหรือไง นั่นน้องกู ไม่ใช่กู” มันผลักผมออกไป “แต่ขอโทษทีนะ ถึงแม้ว่ามึงจะไม่ใช่คนที่ทำผู้หญิงคนนั้นท้อง แต่มึงก็ใช้โอกาสหมดแล้ว”
“โอกาส โอกาสอะไรวะ” ผมยังคงลอบมองใบหน้าไอ้นี่ใกล้ๆ อย่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจ มันเหมือนใกล้มากเพียงแต่ว่ามันสูงกว่า หยาบกว่า และก็ดู...แข็งแรงกว่า
นี่มันใกล้เวอร์ชั่นถึกชัดๆ
“เดี๋ยวนะ มึงรู้เรื่องโอกาสสามครั้งด้วยเหรอ”
“ทำไมกูจะไม่รู้ กูเป็นคนให้มึงเอง และมึงก็ไม่ผ่าน”
“ใกล้ไม่ได้เป็นคนตั้งเงื่อนไขเหรอ”
“ไอ้นั่นน่ะนะ มันหลงมึงจะตายห่า มึงทำผิดเป็นร้อยครั้งหมื่นครั้งมันก็คงจะไม่แคร์หรอกมั้ง แต่กูแคร์ เพราะกูเป็นพี่ชายมัน” เพราะมันเตี้ยกว่าผม มันจึงเงยหน้ามองแบบขู่ๆ “มึงใช้โอกาสหมดไปแล้ว เสียใจด้วยนะที่ไม่ได้คบกับน้องกู Are we clear?”
“จะคบหรือไม่คบเกี่ยวเหี้ยไรกับมึงวะ”
มันคว้าคอเสื้อผมอย่างหมดความอดทน แม่งมีความแมนมากกว่าใกล้เป็นร้อยเท่าพันเท่าเห็นจะได้ ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกไปเลย
“กูเป็นแฝดมัน มันคือครึ่งหนึ่งของหัวใจและชีวิตของกู มึงทำมันเจ็บมันส่งผลกับกูหมด”
“ที่แท้มึงก็รักตัวเอง”
“เปล่า”
“...”
“กูรักอีกครึ่งหนึ่งของกูมากกว่า เพราะงั้น...” ผมสะดุ้งตอนที่มันชูกำปั้น ผมไม่ได้กลัวนะ ผมแค่ตกใจ “เลิกยุ่งกับน้องกูสักที”
แฝดของใกล้เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนงงๆ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง นอกจากจะช็อกเรื่องที่ใกล้มีแฝดแล้ว ผมยังช็อกเรื่องที่แฝดผู้พี่ของใกล้คนนี้ดูจะเกลียดผมเอามากๆ เลยทีเดียว
ทำไมเรื่องมันไม่จบง่ายๆ ทำไมเรื่องมันต้องถูกขยายให้ยุ่งยากมากขึ้น ใครแม่งเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของผมวะ อยากสาปแช่งมันจังเลย...
ตอนที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะผมเห็นเพื่อนๆ ทำหน้าช็อกอย่างหนัก ทุกคนหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าไก่ต้มซะอีก
“มีอะไรวะ”
“ใกล้มีแฝด” ทุกคนรำพึง ผมมองตามสายตาของพวกมันไป เห็นใกล้กับแฝดของมันนั่งอยู่ด้วยกัน
ไอ้เหี้ยเอ๊ย...เหมือนกันฉิบหาย นี่ถ้าแต่งตัวสไตล์เดียวกันล่ะก็ผมคิดว่าผมไม่น่าจะแยกออก วันนี้ใกล้มาในชุดง่ายๆ นั่นก็คือขาสั้นกับเสื้อยืด ส่วนพี่มันนั้นแต่งตัวสตรีตจัดเต็ม สนนราคาก็ไม่น่าจะขี้ๆ
“กูเพิ่งโดนมันต่อยมาเนี่ย” ผมเอามือคลำแก้มตัวเอง
“เรื่องของมึง...ตอนนี้มึงควรไปง้อใกล้ด่วน น้องอุตส่าห์มานั่งร้านเดียวกับมึงแล้ว”
“มึงไม่เห็นตีนพี่ชายมันเหรอ”
“หรือมึงกลัว”
“เปล่า...กูแค่อยากตั้งหลัก” ผมกลืนน้ำลายเพราะสายตาที่เพื่อนๆ มองมาแม่งคาดคั้นผมฉิบหาย “ตอนที่มันต่อยมันก็ขู่กู...ให้กูเลิกยุ่งกับน้องมัน”
“คือมึงจะยอม?”
“กูไม่ได้จะยอม แต่มึงดูสิ” พยักเพยิดไปที่โต๊ะนั้นเพื่อให้เพื่อนมันเห็นภาพชัดมากยิ่งขึ้น “มันเหมือนป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ขวางกูกับใกล้อยู่”
“มึงจะแคร์ทำไมนักหนาวะ”
“ไม่แคร์ได้ไง นั่นแฝดคนที่กูชอบนะ”
“...”
“กูว่ามึงควรคิดใหม่อ่ะถ้ามึงนึกอยากจะแยกคู่แฝดให้ออกจากกัน สิ่งที่กูต้องทำคือทำให้คนพี่มันยอมรับกูเว้ย”
“ทำทั้งๆ ที่คนน้องกำลังงอนอยู่งี้ใช่ป่ะ”
“โอย” ฟังดูน่าปวดหัว ผมจึงเอาหน้าฟุบโต๊ะอย่างหมดสภาพ ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคู่แฝดนั้นก็ออกจากร้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ไปซะแล้ว”
“เชี่ยดลยังไม่ทันจะง้อเลย”
ผมทำหน้าเซ็งใส่ไอ้มือกีต้าร์กับมือเบส หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ผมก็สั่นเพราะมีข้อความจากไลน์เด้งขึ้นมา
NEAR : อีกยี่สิบนาทีเจอกันที่หน้าประตูเข้าหอนะครับทางที่มืดมนกลับส่องสว่างเพราะข้อความจากใครคนหนึ่งเพียงคนเดียว ผมยิ้มแล้วก็อวดให้เพื่อนดูว่าใครเป็นคนส่งมา
“ยิ้มเข้าไว้ ก่อนที่จะไม่ได้ยิ้ม”
“ผ่านตีนพี่เขาให้ได้ก่อนเถอะมึง”
หน้าประตูเข้าหอ
ผมเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถของใกล้ น้องมองผมด้วยสายตาตื่นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะละล่ำละลักเล่าให้ฟังว่าแฝดผู้พี่นั้นมาหามันได้ยังไง
“อยู่ดีๆ ไกลก็มา มาแบบพ่อแม่ไม่รู้ ผมยังงงจนถึงวินาทีนี้อ่ะ”
ผมเอื้อมมือไปจับมือใกล้อย่างไม่สนใจเรื่องราวของไอ้ไกล “หายโกรธกูหรือยัง ไม่สิ หายโกรธพี่หรือยัง” พูดเพราะขึ้นเผื่ออีกฝ่ายจะใจสั่นขึ้นมาบ้าง
“ก็...” น้องทำหน้าไม่ถูกก่อนตอบ “ได้ฟังเรื่องมาจากไกลแล้วล่ะ”
“พี่ก็ต้องการแค่นี้แหละ” ผมแกล้งยกมือของใกล้ขึ้นมาจุ๊บเร็วๆ จนน้องหน้าแดง น้องสะบัดมือตัวเองออกจากเกาะกุมของผมอย่างรวดเร็ว
“ไกลไม่ชอบขี้หน้าพี่อย่างมากเลยนะครับ”
“พี่ก็ไม่ชอบขี้หน้ามัน”
“ผมหน้าเหมือนไกลนะ” ใกล้เลิกคิ้ว
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ให้ตายเถอะ...ทำไมถึงคิดไปแบบนั้นนะ “คือพี่ชอบใกล้ แต่พี่ไม่ชอบนิสัยไอ้ไกลที่มากีดกันความรักของพี่เว้ย”
อีกฝ่ายดูเงียบไปจนผมอดหวาดหวั่นในใจไม่ได้ เมื่อหันไปมองก็เห็นน้องมันนั่งหน้าแดงอยู่
“คบกับพี่นะ” ผมถือโอกาสรวบรัดตัดตอนไปเลยอย่างไม่เสียเวลา
“ต้องถามไกลก่อน”
“โวะ”
“ผมล้อเล่น” น้องหัวเราะ “เป็นก็เป็น แต่ช่วยกันทำให้ไกลยอมรับพี่ดลได้ก็จะดีมาก”
“รู้น่าว่าแคร์พี่ตัวเองอ่ะ พี่เองก็คิดเรื่องนี้อยู่” ผมมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “ตอนนี้ขอจูบก่อนได้ป่ะ”
“อะไรเล่า” มันขยับหน้าหนี
“เอางี้ดีกว่า...เดี๋ยวพี่ร้องเพลงให้ฟัง” ผมยังคงจู่โจมอีกฝ่ายไม่หยุด “ให้ฉันดูแลเธอรักเธอได้มั้ย ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอเมื่อเธอเหงาใจ ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน...”
ใกล้เอียงตัวหลบจนร่างไปชิดกับประตู มันเขินจนผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี น่ารักฉิบหาย...เข้าใจแล้วว่าจุดอ่อนมันคืออะไร
เสียงเพลงของผมนี่ไง
“โอเคๆๆ” มันยอมแพ้ ก่อนจะเอียงใบหน้าเข้ามาจูบกับผม ตอนแรกมันคงคิดอยากจะแค่จุ๊บอ่ะ แต่ผมรู้ทัน ผมจับศีรษะของมันเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้หนีไปไหน
จูบนี้ทำผมตื่นเต้น...ผมจูบกับคนอื่นมานักต่อนักแต่ทำไมกับคนนี้ถึงทำให้ผมใจสั่นขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะท่าทีที่ไม่ค่อยเป็นงานบวกกับความเขินอายในแบบกำลังดีมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกชอบไปหมด
ทีนี้...ก็เหลือแค่ด่านพี่ชายสินะ
สงสัยจริงๆ ว่าพี่ชายแม่งจะหวงน้องทุกคนเลยหรือไง ต้องมีบางจุดที่มันปล่อยน้องไปบ้างดิ
[มีต่อนะคะ]