เหมือนได้ยินคนเรียกมาต่อเลยมา
คนอ่านเก่งกันจริงๆเริ่มเหงื่อตก
มีคนรู้ทันคนแต่งด้วย แล้วอีกหน่อยจะเขียนยังไงล่ะทีนี้
ไปอ่านต่อกันเลยค่ะ ร๊ากกกกกคนอ่านทุกคน
**************************************************
“กรูผิดหวังกับเมิงมากเลยโอม”
พอเปเล่พูดออกมาแบบนี้วูบแรกผมก็เสียใจครับ ผมรู้สึกเย็นเยียบในใจ ผมนึกว่าเพื่อนจะเข้าใจผมมากกว่านี้ ผมออกจะน้อยใจที่คนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของผม คงมองผมแค่ภายนอกที่ผ่านมาเราคงยังไม่เคยคบกันเข้าไปถึงในใจที่แท้จริง
ผมยังคงอึ้งพูดอะไรไม่ออกครับ มือเย็นเหงื่ออก มันจุก มันตื้อไปหมด...ผิดหวังในตัวเพื่อนเงียบๆ เบ็ตตี้เป็นผู้หญิงเสียอีกยังเข้าใจผมมากกว่าเปเล่อีก ขนาดคนที่ผมเรียกว่า “เพื่อนรัก”ยังผิดหวังในตัวผม แล้วเพื่อนคนอื่นๆล่ะเค้าจะมองผมในแบบไหนกัน
เปเล่เอามือผลักไหล่ผมเบาๆ ผมได้แต่ก้มหน้าคิดอยู่คนเดียวว่า....เมิงไม่ต้องมาทำรังเกียจกรูก็ได้ กรูจะเป็นคนไปเอง ผมหันหลังกำลังจะเดินจากมันไป แต่มีมือแข็งแรงมารั้งผมไว้ก่อน เจี้ยเล่เองครับ ผมเงยหน้าขึ้นสบตามัน มันยังมองหน้าผมนิ่ง สายตาที่มองผมมาไม่บอกอะไรผมเลยว่ามันรู้สึกยังไง แล้วเปเล่ก็พูดเสียงเคร่งเครียดออกมาว่า
“เมิงนะมีของดีๆไม่เห็นคุณค่า”
ผมขมวดคิ้วมองหน้าเปเล่ที่ทำหน้าตาจริงจังขณะพูดกับผม ผมยังเหวอๆกับคำพูดของมันครับ อะไรคือของดีๆที่ว่ากัน???
“กรูหล่อกว่าพี่ต่ายตั้งเยอะทำไมตอนนั้นเมิงไม่สนใจกรูมั่ง หึหึ “
“คบกันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่าเมิงรสนิยมแย่ว่ะ ผิดหวังกับเมิงจริงๆ”
มันส่ายหัวใหญ่เลยครับ ผมยังงงกับคำพูดของมันครับ มันจะมาไม้ไหนกันแน่ ตกลงที่มันว่าผิดหวังก็เรื่องนี้อ่ะนะ อยากจะเตะมันครับอารมณ์นั้น มันทำเอาผมเกือบน้ำตาไหลไปเลยนะเนี่ย
ผมยังคงไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลยเกิดภาวะสูญญากาศทางเสียงไปชั่วขณะก่อนที่เปเล่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมตรงๆแล้วค่อยๆส่งยิ้มให้ผมครับ มันเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วก็โอบไหล่ผมเอาไว้ คำพูดของมันคราวนี้จริงจังมากกว่าเดิม แต่มันกลับทำให้ผมอิ่มเอมในหัวใจ จนน้ำตาแทบไหล
“กรูดีใจด้วย ถ้าเมิงจะมีความสุข เมิงจะรักกับใครกรูไม่สนใจหรอกโอมจ๋า ต่อให้คู่ของเมิงจะเป็นมนุษย์ต่างดาว กรูก็ไม่แคร์....ยังไงๆเมิงก็เพื่อนกรู”
ผมกระพริบตาถี่ๆ มันซึ้งครับมันซึ้งงงง....ไม่นึกว่าคนแบบมันจะมีคำพูดแบบนี้ได้ด้วย
“แต่บอกตรงๆนะ ตอนแรกกรูตกใจเหมือนกัน”เปเล่มันยิ้มแหะๆให้ผม
“แล้ว......หลังจากตกใจล่ะ”ผมค่อยๆถามมันไปอย่างตะกุกตะกัก อยากจะยิ้มให้มันแต่ก็ยังไม่กล้ายิ้มให้สุดๆ ตอนที่ซึ้งก็น้ำตาจะไหล ผมว่าหน้าผมตอนนี้คงดูไม่ได้จะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง
“หลังจากนั้น...กรูก็คิดไปแป๊ปนึง....แล้ว....แล้ว..”
มันหยุดนิ่งครับแววตาของมันที่มองมาที่ผมมีแววซุกซน หรืออีกเรียกอีกอย่างหนึ่งแบบหยาบๆได้ว่าแววตากวนตรีน ผมว่ามันเริ่มกวนตรีนผมอีกแล้วล่ะ เห็นผมถามๆด้วยความอยากรู้ มันเลยแกล้งงงงง เริ่มกลับมาเป็นไอ้เจี้ยเล่คนเดิมแล้วครับ
“แล้วอะไร....เมิงจะพูดไม่พูด...ไม่พูดกรูไป” อยากจะกวนตรีนดีนัก ทำเอาผมใจเสีย เสียเซลฟ์ไปมากมายทั้งที่เตรียมใจมาก่อนที่จะบอกมันแล้วก็ตาม ผมทำท่าจะเดินหันหนีจากมัน แต่มันกลับวิ่งมาดักที่ข้างหน้าผม จนผมหยุดเกือบไม่ทันแทบจะชนมัน
“ไอ้เจี้ย กรูเกือบชนเมิงแล้วนะถือไวน์อยู่ด้วย ได้มีเลอะเทอะนะเมิง เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” ผมลืมตัวด่ามันไป แต่มันก็ไม่เห็นโกรธได้แต่ยิ้มหน้าแดง ผมว่ามันก็คงดื่มไปหลายแก้วเหมือนกัน
“หูยยย...โอมจ๋าขี้งอนกว่าแต่ก่อนอีก แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวโกรธเล่จ๋าแล้วเหรอ ดีกันนะ”
มันเอามือมาจับแขนผมไว้แต่ผมเบี่ยงแขนหนี แอบงอนจริงๆครับ ยิ่งเห็นมันง้อยิ่งได้ใจ ผมว่าคนเรานี่ก็แปลกครับถ้ารู้ว่าเค้าง้อ ก็ต้องเล่นตัวหน่อยจะได้ดูมีคุณค่า แต่ถ้างอนแล้วไม่มีคนง้อ กลับจะหายงอนเร็วกว่าซะอีก
“นะๆๆๆ....ที่จริงเล่จ๋าต้องงอนโอมถึงจะถูก ทำไมมันกลับข้างกันได้เนี่ย”มันเอามือเกาหัวแกรกๆด้วยความสงสัย แต่ผมก็สงสัยเหมือนกัน
“ทำไม?? ทำไมเมิงต้องมางอนกรูด้วย??” ผมไปทำอะไรให้มันมางอนกัน พูดกับมันแล้วเวียนหัวจริงๆครับ ไม่รู้ว่าผมพูดไม่รู้เรื่องหรือว่ามันบร้ากันแน่ หรือถูกทุกข้อซะก็ไม่รู้
“ก็เมิงนะมีแฟนไม่บอกกรู อุบเงียบ ถ้าไม่มาเจอกันวันนี้กรูก็คงไม่รู้เรื่องเมิงเลยล่ะซิ”มันทำหน้างอนครับ น่ารักตายล่ะเมิงเอ๊ยอายุก็ปูนนี้แล้ว มาทำแอ๊บแบ๊ว
“นี่กรูน้อยใจจริงๆนะ ไม่ได้พูดเล่นด้วย”น้ำเสียงของมันกับสายตาที่มองมาที่ผมทำให้รู้ว่าคราวนี้มันพูดออกมาจากใจจริงของมันครับ
“ก็...ก็เมิงก็ไม่บอกกรูเรื่องมีเมียมีลูกเหมือนกัน ใช่ไม๊ล่ะ”ผมนึกขึ้นมาได้เรื่องนี้ ก็เลยผลักไหล่มันไปเบาๆ มันกับผมก็เจ๊าๆกันละว้า ต่างคนต่างก็ไม่รู้เรื่องกันและกันพอๆกัน ไม่รู้เรียกว่าเพื่อนสนิทกันอีท่าไหน
“อ้าว.....ก็ถ้ากรูปิดแล้วเมิงรู้ได้ไง”มันทำตาโตมองหน้าผมครับ แต่ก็จริงของมัน
“ก็วันนี้กรูบอกไอ้ติ๊ดไปคนเดียวเองว่ากรูเอาเมียมาด้วย กรูยังไม่เจอเมียกรูด้วยซ้ำมาถึงแล้วก็แยกกันเดิน”มันคงงงครับ เหล่ตามมองผมอย่างครุ่นคิด
“แล้วเมิงรู้ได้ไง?”ผมชักหนาวๆครับ ก็ผมจะไม่รู้ได้ไงก็แอบฟังอยู่ในส้วมนี่นา แต่จะบอกมันได้ไงล่ะ
“กรูก็....ก็มีพรายกระซิบมั่งซิ...นี่เมิงไม่ต้องมาโยนบาปให้กรู จนมีลูกแล้วก็ไม่บอก แสบน่ะเมิง”
“ก็กรูไม่เจอเมิงเลย ย้ายไปอยู่บ้านนอก เน็ตอะไรก็ไม่ใช้ แล้วกรูก็เพิ่งกลับมาไม่นานเอง แล้วจะไปบอกเมิงตอนไหน” ที่มันพูดมาก็ถูกทุกข้อน่ะครับ ผมก็ต้องใช้เหตุผลนี้กับมันเหมือนกัน
“กรูก็เหตุผลเดียวกับเมิงน่ะแหล่ะ แล้วจะให้กรูมาบอกเมิงตอนไหนกัน”
“สรุปว่าเราก็เสมอกันนะเรื่องนี้ ผ่านไปได้ยัง ยิ่งคุยยิ่งเวียนหัว ปวดกบาลเว้ย” ผมเลยต้องรีบสรุปไปเลยครับ เจี้ยเล่ก็เงียบๆไปครับแต่พยักหน้าหงึกๆไปด้วย แล้วอยู่ดีๆมันก็ถามผมอีกเป็นเรื่องเป็นราว
“เมิงแน่ใจแล้วเหรอโอม ว่าเมิงรักเค้าจริงๆไม่ใช่แค่เรื่องเผลอไผล หรือเคลิ้มไป นี่คือชีวิตของเมิงเลยนะเว้ย” ผมรู้ว่ามันห่วงผมครับ จากคำถามเหล่านี้ ณ.นาทีนี้ผมอยากพูดกับมันจากใจจริงๆของผมเลยว่า
“กรูว่ากรูมั่นใจที่สุดในชีวิตแล้วว่ะ เมิงรู้ปะตั้งแต่กรูโตมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่กรูเลือกเองมั่ง พ่อแม่เลือกให้มั่ง เพื่อนเลือกให้ก็มี”
“อืมมม เช่นกรูเลือกหนังโป๊ให้เมิงใช่มะ” มันยังไม่เลิกกวนครับ ผมเลยยกเท้าเตะหน้าแข้งมันไปเบาๆ ให้มันรู้ตัวว่ากรูกำลังจริงจังอย่ามาขัด
“ทุกครั้งที่กรูทำอะไร บางเรื่องกรูก็ไม่มั่นใจนะ แต่ก็ทำๆไปไม่คิดมาก ซึ่งมันก็ดีมั่งไม่ดีมั่ง” ผมพูดไม่หยุดครับ ตาก็มองหาพี่ต่ายไปด้วยเห็นยืนคุยกะสาวหันหลังให้ผมอยู่
“บางครั้งกรูก็เสียใจ ที่กรูไม่เลือกเองผลเลยออกมาไม่ดี”
ผมหยุดพูดสักครู่หายใจลึก กลืนน้ำลาย มันเหนื่อยครับพูดอะไรที่จริงๆจังๆเนี่ย เปเล่มันก็ฟังผมตาแป๋วเลยครับ ผมเลยพูดต่อ
“แต่ครั้งนี้กรูมั่นใจ กรูรักพี่ต่าย มั่นใจในตัวเค้า ว่าจะไม่ทำให้กรูเสียใจ”
“แล้วถึงแม้อนาคตมันจะเป็นยังไงก็ตาม กรูก็พร้อมที่จะยอมรับผลของมันไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะว่ากรูเลือกแล้วด้วยตัวกรูเอง”
ผมก็ไม่รู้ครับว่าอะไรทำให้ผมพูดออกไปยาวขนาดนั้น มันคงเป็นความรู้สึกของผมจริงๆแต่ไม่เคยเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดมากกว่า ขนาดพี่ต่ายผมยังไม่เคยพูดให้ฟังเลย
เปเล่กระพริบตาปริบๆ เม้มริมฝีปากก่อนที่จะเอ่ยคำพูดที่ผมรู้สึกว่ามันพูดยากมากเหรอเมิง
“งั้นกรูก็จะยืนอยู่ข้างเมิงแล้วกัน ให้โอมจ๋ารู้ไว้ว่าเปเล่อยู่ข้างหลังเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยังไงกรูก็ยังอยู่กับเมิงนะเว้ย”
“ตกลงเมิงจะอยู่ข้างๆหรืออยู่ข้างหลังกรูกันแน่เว้ย กรูงง เมิงเลือกที่หน่อยซิ”
“เออๆกรูลืมไป งั้นกรูอยู่ข้างๆเมิงแล้วกัน กรูจะอยู่ข้างหลังเมิงได้เหรอ ก็พี่ต่ายเค้าจองไปแล้วนี่ ฮ่าๆๆๆ”พอมันพูดจบผมอายหน้าแดงเลยครับ ไอ้เจี้ยเล่มันกัดผมอีกแล้ว อย่าให้ถึงทีผมมั่งนะ อยากจะตบหัวมันก็อยู่ในงานเกรงใจเจ้าภาพกันหน่อย
“เดี๋ยวเหอะเมิง เดี๋ยวกลับไปเมียจำหน้าไม่ได้ กรูจะแต่งหน้าให้ใหม่ด้วยกำปั้นซะดีไม๊ พูดจริงๆจังๆไม่ได้เลยนะเมิง”
“เออๆๆ กรูไม่แซวก็ได้ แล้วเพื่อนคนอื่นๆเค้ารู้กันไม๊เนี่ย หรือว่ากรูรู้เป็นคนสุดท้าย แล้วเบ็ตตี้รู้ไม๊”
ผมส่ายหน้า “มีเบ็ตตี้กะเมิงสองคนที่รู้ คนอื่นกรูไม่ได้บอก”
“เมิงจะปิดไม๊ กรูจะช่วย”เมื่อเปเล่ถาม ผมส่ายหน้าอีกครั้ง
“กรูไม่ปิด แต่คงไม่ถึงกับว่าป่าวประกาศ แต่ใครถามกรูก็จะบอก”
ผมคิดว่าผมจะทำแบบนี้จริงๆครับ ผมอยากจะกล้าให้มากขึ้นไปเรื่อยๆไม่ต้องถึงขนาดประกาศลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 3วัน หรือออกอากาศกระจายเสียงทางวิทยุ ก็อยากแค่เพียงเดินไปไหนมาไหนกับพี่ต่ายได้อย่างเปิดเผยครับ ยังไม่ทันคุยอะไรกันต่อพอดีไอ้ติ๊ดเพื่อนผมเดินมาพอดีครับ
“อ้าวโอม เล่มายืนอยู่นี่...ไปๆไปคุยกัน เพื่อนๆถามหา เค้าว่าจะร้องเกะกันต่อน่ะจะไปไม๊”
ผมก็เลยหันไปมองพี่ต่ายเห็นยังคุยกับสาวน้อยคนนั้นหัวเราะเบิกบานครับ มีหน้าแดงนิดหน่อยด้วยเหมือนเขินๆ ให้ตายเหอะผมไม่เคยเห็นพี่ต่ายอาการแบบนี้สักที แล้วเหมือนเรามีกระแสจิตส่งถึงกันพี่ต่ายกับสาวคนนั้นหันมาทางที่ผมยืนอยู่พอดี ผมตกใจเลยยิ้มแหยๆส่งกลับไป สาวน้อยชุดเขียวส่งยิ้มมาให้ผมแล้วพยักหน้าให้ ผมเลยพยักหน้าตอบกลับไปส่งยิ้มเรี่ยราดไปอีกรอบ
“เฮ้ยไปดิโอมมองไรว่ะ”เสียงไอ้ติ๊ดเร่งผมยิกๆ
“เออๆกรูไปเดี๋ยวนี้เรียกอยู่ได้”ผมเลยทำท่าชี้นิ้วใบ้บอกพี่ต่ายว่าไปคุยกับเพื่อนแป๊ปนะพี่ต่าย พี่ต่ายพยักหน้าให้แล้วก็หันไปคุยหัวเราะร่วนกับสาวเขียวอีกครั้ง ไม่สนใจผมเลย แงๆ
เหอะๆ ผมเรียกสาวเขียวนี่แหล่ะครับ ชักไม่ปลื้มพี่ต่ายที่ยืนคุยกันนานไปแล้วนะ ไม่เรียกสางเขียวก็บุญแล้ว เดี๋ยวกลับมาจัดการนะพี่ต่าย หึหึ
ผมไม่มีเวลาคิดอะไรมากครับไอ้เจี้ยเล่มันลากผมไปแล้วครับแล้วกระซิบกับผมว่า “ข้อสอบข้อแรกข้องเมิงกำลังจะเริ่มแล้วนะเว้ยโอมจ๋า” ผมพยักหน้าให้มัน
“เป็นกำลังใจให้กรูนะเล่” เปเล่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบผม
ที่จริงในใจของผมรู้สึกว่าตั้งแต่ผมคบกับพี่ต่าย เรื่องอื่นๆที่ผมเจอมามันหนักหนากว่านี้เยอะครับ ถ้าแค่นี้ผมผ่านไปไม่ได้แล้วชีวิตที่เหลือผมจะยืนอยู่ได้ยังไง
“อ้าวโอมกับเล่มาพอดี เบ็ตตี้ว่าจะไม่กลับกับโอมนะว่าจะไปต่อกับเพื่อนๆ เปเล่ โอมกับพี่ต่ายจะไปด้วยไม๊จ๊ะ” เบ็ตตี้เองก็ยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆผมสักห้าหกคนด้วยครับ
“นั่นซิโอมวันนี้ยังไม่ค่อยได้คุยกันเลย คุยๆอยู่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งนาน แล้วใครคือพี่ต่ายเหรอ???”
“ช่าย นานๆมาเจอกันที ไปอยู่ต่างจังหวัดซะนานเลย นั่นซิพี่ต่ายไหน มาเกี่ยวอะไรด้วย” ผมถึงกับสะดุ้งไม่นึกว่าคำถามเกี่ยวกับพี่ต่ายจะมาเร็วกว่าแสงแบบนี้
แต่แล้วเพื่อนๆผมก็แย่งกันคุยเรื่องนู้นนี้ครับ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องกันไป เหมือนถามไปอย่างนั้นไม่ได้อยากรู้คำตอบอะไรกัน ทุกคนแย่งกันพูดเหมือนกับกลัวจะไม่ได้พูดจริงๆครับ เปเล่ก็ไปแย่งพูดกับเค้าด้วย เลยสรุปซักทีไม่ได้ว่าตกลงจะไปต่อคาราโอเกะกันกี่คนกันแน่ หรือไปที่ไหน ผมเองก็อยากไปกับเพื่อนนะครับแต่ติดที่ว่ามากับพี่ต่าย ไม่รู็้ว่าพี่ต่ายจะให้ไปกับเพื่อนต่อไม๊
เบ็ตตี้กระซิบเดินมาหาผมแล้วกระซิบที่ข้างหู “ไปถามพี่ต่ายซิว่าจะไปด้วยไม๊ หรือว่าจะให้โอมไปคนเดียว”
“เจ้ย!!! เอางั้นเลยเหรอตัวเอง ให้พี่ต่ายไปด้วยเหรอ??”ผมไม่ทันคิดเลยครับ แต่ถ้าในฐานะแฟนพี่ต่ายก็ต้องไปด้วยซิ ผมหันไปมองหาเปเล่จะปรึกษาหน่อย ไอ้เจี้ยเล่ก็เอาแต่คุยครับ ไม่ได้หันมามองเลยแล้วบอกจะช่วยนะเมิงนะ
“นี่ๆแล้วตกลงโอมจะไปด้วยไม๊” เพื่อนสาวผมอีกคนถามมา
“ไปถามพี่ต่ายก่อนนะเดี๋ยวมาบอก”
“พี่ต่ายอีกล่ะ ใครคือพี่ต่ายน่ะโอม”เพื่อนผมทำหน้าสงสัยอีกครั้ง
“ ฝากด้วยนะเบ็ตตี้”
ผมมองเบ็ตตี้ที่ทีแรกทำหน้างงๆ แต่มองตากันสักครู่เบ็ตตี้ก็ยิ้มๆ “พร้อมแล้วนะโอม”
ผมยิ้มตอบให้เบ็ตตี้ไป “ครับ ผมพร้อมแล้ว เดี๋ยวมานะ ถามเบ็ตตี้แล้วกันนะจิ๊ด ว่าพี่ต่ายเป็นใคร”
****************************************
ไปดีกว่าสบายใจแล้วววว