
มารอกันหน้างานเต็มเลย ถ้า...ไม่พาไปจะโดนรุมไม๊เนี่ย
***************************************
พี่ต่ายคงเห็นผมประคองเบ็ตอยู่เลยลงจากรถมาน่ะซิครับ ผมเลยตกใจแทบจะสะบัดเบ็ตออกไปจากมือ ดีที่มือเท้าไม่ชักกระตุกเผลอเอาเท้ายันเบ็ตออกไปยังพอมีสติอยู่ เลยค่อยๆปล่อยเบ็ตออกจากมือไปอย่างเนียนๆ
แต่ปัญหาข้อที่1ของผมเริ่มมาแล้วครับจากที่เบ็ตถาม “พี่ต่ายเป็นใครกัน?”
ผมรีบคิดเอาไงดีว่ะ เอาไง ตอบไงดี วันนี้ทั้งวันก็มัวแต่หวั่นไหวกับจูบพี่ต่ายจนลืมคิดเรื่องปัญหาที่จะต้องตอบพวกนี้ไปเลย อืมมมม...เอาไงดี

พี่ต่ายส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์มาครับ ผมก็เลยเผลอยิ้มตอบกลับไปให้ทั้งที่ไม่รู้ว่าพี่ต่ายยิ้มทำไมกัน แต่เอ๊ะสายตาพี่ต่ายที่พี่ต่ายมองมาทำไมเฉียงๆ หรือพี่ต่ายสายตาสั้นเพิ่มเนื่องจากอายุมากขึ้น ผมหันหน้ามองตามสายตาของพีต่ายก็พบความจริงว่า พี่ต่ายส่งยิ้มให้เบ็ตตี้นี่หว่า กรรม มิน่าไม่ได้มองมาที่เราเลย

“ผมเป็นเพื่อนกับพี่ชายโอมครับ ทำงานด้วยกันกับโอมเลยสนิทกัน” พี่ต่ายตอบไปแล้วครับ แต่ตอบไม่หมดว่าสนิทกันกับผมขนาดไหน
“สวัสดีค่ะพี่...” เบ็ตตี้ยกมือไหว้พี่ต่ายค้างไว้แบบนั้น
“พี่ต่ายครับ ผมชื่อต่าย”

พี่ต่ายรับไหว้เบ็ตแล้วส่งยิ้มกระชากใจไปให้เบ็ตอีกหนึ่งชุดใหญ่ทำเอาคะแนนผมตกเป็นหุ้นดาวโจนส์เลยครับ ลงเร็วจริงๆ ส่วนเบ็ตก็ยิ้มเขินจนแก้มแทบแตกนะครับ แล้วก็ยืนหน้าแดงเอียงไปเอียงมาอยู่นั่นแหล่ะไม่ยอมไปไหนเลย :-[ผมเลยก้มลงดูว่าส้นรองเท้าเบ็ตตี้หักไปรึเปล่าจากที่ล้มเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็ปกติดีนี่นาหรือเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แล้วเอียงไปมาบิดไปมาทำไมกันเนี่ย แล้วเค้าก็มองกันไปกันมา้จนผมชักโมโหที่ผมหมดความหมายไปซะแล้ว ทั้งที่ผมก็ยังยืนเป็นตอไม้ที่ยังไม่ตายอยู่ตรงนี้
“ไปกันรึยังพี่ต่าย รู้จักกันแล้วเดี๋ยวไปคุยในรถก็ได้มั๊ง จะได้รีบไปงาน..ไปเหอะเบ็ต” เสียงของผมห้วนแข็งหงุดหงิดน่าดู ผมเริ่มนิสัยแย่ๆเก่าๆอีกแล้วครับ ก็มัน....มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ เซ็งจิตจริงๆ โว้ยยยยย.....

“โอเค..ไปจ๊ะโอมไปกัน” พอเบ็ตเริ่มขยับก้าวเท้าเดิน ผมรีบเดินกึ่งวิ่งนำไปเลยครับ
ไม่ได้รอเบ็ต......
ไม่ครับ.......
ไม่ใช่........จะไปเปิดประตูให้สุภาพสตรีหรอกนะครับ แหะๆ อันนั้นไม่ใช่ผมแน่ๆ
แต่ที่รีบน่ะ......รีบวิ่งไปนั่งข้างหน้าเลยครับ กลัวโดนเบ็ตแย่งอ่ะ

สุภาพบุหร่งบุรุษอะไรผมไม่สนใจแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มสับสนตัวเอง ว่าผมกำลังหวงใครระหว่างพี่ต่ายหรือเบ็ตตี้ แต่ที่สำคัญขอนั่งหน้าไว้ก่อน กันทั้งสองคนน่ะแหล่ะ กันนนน....ไว้ก่อนตอนนี้คิดได้แค่นี้ครับ คิดอะไรยาวๆไม่ทัน
พี่ต่ายเลยเป็นสุภาพบุรุษไปเลยครับ ทำเป็นเดินไปเปิดประตูให้สาว ชิส์....ทีผมล่ะไม่เคยเลย...ต้องเปิดประตูเองตลอดทุกครั้ง ผมอดโมโหพี่ต่ายไปก่อนอีกครั้งแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า...ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่าลืมไป เหอะๆ ผู้ชายมาเปิดประตูให้กันก็แปลกๆน่าดู พอขึ้นรถกันหมดทุกคน ผมถึงรู้ว่าผมคิดผิดที่มานั่งข้างหน้าก็เพราะว่า
“พี่ต่ายก็จบบัญชีมาเหรอค่ะ...แล้วเป็นผู้ตรวจด้วยไม๊ค่ะ”เบ็ตยื่นหน้ามาช่องตรงกลางน่ะครับ แล้วนี่หน้าสองคนมิยิ่งใกล้กันไปใหญ่เลยเหรอ แค่หันหน้ามาคุยกันก็ห่างกันนิดเดียวเอง ไม่ได้การแล้ว ผมก็เลยชิงตอบเองแทนพี่ต่ายที่อ้าปากกำลังจะตอบแต่ก็ต้องค้างเติ่งไปเลยครับ
“พี่ต่ายเป็นผู้สอบด้วยเบ็ต ทำงานที่เดียวกับโอมทำตอนแรกๆน่ะ แต่ตอนนี้ออกแล้วเป็นคอนโทรลเลอร์อยู่บริษัท.......”บลาๆๆๆๆๆ ผมเล่าประวัติการเรียน การทำงานพี่ต่ายไปหมดเลยครับแบบย่อๆ เว้นไว้ก็แต่ชีวิตคู่ที่ไม่รู้จะพูดยังไงดี เพื่ออะไรเหรอ......ก็
เพื่อ...เบ็ตจะได้หันมาทางผม มาดูหน้าผมแทน หน้าจะได้ไม่ใกล้พี่ต่าย
เพื่อ....เบ็ตจะได้ไม่ต้องถามอะไรพี่ต่ายอีก แล้วทำให้ต้องหันหน้าไปทางพี่ต่ายอีก
เพื่อ...เบ็ตจะได้เห็นความน่ารักของผมมากกว่าความหล่อของพี่ต่าย แล้วทำให้ต้องหันไปดูหน้าพี่ต่ายอีก
เพื่อ..เบ็ตจะไม่ไปอี๋อ๋อกับพี่ต่ายอีก
เพื่อ.....ทุกเหตุผลในโลกนี้แหล่ะครับ ที่ผมจะอ้างมั่วๆซั่วๆได้ ก็คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว สมองผมใช้เวลาสั้นๆคิดได้แค่นี้จริงๆ

แล้วก็ดูท่าทางแผนผมจะใช้ได้ดี เบ็ตฟังแล้วเงียบไปพักนึงครับแล้วกลับไปนั่งพิงเบาะด้านหลังกอดอกเงียบๆอยู่สักครู่ แต่พี่ต่ายนะซิครับ
“สมัยเรียนโอมเป็นไงมั่งครับเบ็ต ป่วนไม๊ หึหึ” ดูครับมาสืบเรื่องผมอีก
เบ็ตเลยยื่นหน้ามาที่เดิมเลยครับ สงสัยกลัวพี่ต่ายได้ยินไม่ชัด...เซ็งเป็ด
“โอมเหรอค่ะพี่ต่าย....ไม่ขึ้นเรียนเลยวันๆนั่งเล่นหมากรุกจีนอยู่ข้างล่างตลอดเลย เบ็ตยังงงว่าจบมาได้ยังไง แถมเกียรตินิยมอีกต่างหาก”
ดีมากเบ็ต....เหมือนๆจะประณามแต่สุดท้ายก็ชม หรือยังไง หรือว่าประณามล้วนๆ ชักมึนๆ
“แล้วตอนทำงานโอมเป็นไงมั่งค่ะพี่ต่าย ดื้อไม๊ อิอิ”มีถามกลับอีกแน่ะ ไหงเรื่องมันเปลี่ยนมาเป็นเรื่องผมไปได้ล่ะเนี่ย
“โอมเหรอ....... ไม่ดื้อหรอก น่ารักดี” พี่ต่ายหันมายิ้มให้ผม แล้วเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปให้เบ็ตตี้ด้วย
“ขยันทำงาน ใช้ได้เลยทีเดียวนะ” พี่ต่ายชมผมด้วย ผมชักจะงงๆปนเขิน เลยไม่รู้ว่าหน้าแดงไปรึเปล่าด้วยซิ
“แล้วนี่โอมเค้ามีใครบ้างไม๊ค่ะพี่ต่าย แฟนนะค่ะ เผื่อเบ็ตจะมีหวัง คริคริ” เบ็ตช่างเป็นผู้หญิงที่พูดตรงอะไรแบบนี้ เอ๊ะหรือว่าพูดเล่น พี่ต่ายหันมามองหน้าผมอีกแล้วยิ้มกริ่มเชียว จะตอบว่าไงล่ะพี่
“โอมเค้ามีแฟนแล้วครับ มีมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ทำงานเลย หึหึ”

เหอๆๆ ตอบดีนะพี่ต่าย แล้วผมจะไปต่อยังไงเนี่ย หน้าชักร้อนๆมันเขิน มันเขิน

“อ้าวเหรอ แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกเบ็ตเลยล่ะ อย่างนี้เบ็ตก็แห้วนะซิ”เบ็ตหัวเราะเบาๆ ขำตรงไหนเนี่ยผมมีแฟนแล้ว ไม่เสียใจหน่อยนึงเลยเหรอ ไม่เสียดายซักนิดเหรอ ฟังเสียงทำไมมีความสุขจังล่ะเนี่ย ตกลงเบ็ตพูดเล่นๆเหรอ หรอกให้ผมดีใจว่ามีคนต้องการแล้วก็ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ เฮ้อ

เบ็ตเอามือมาตีแขนผมเบาๆ“โอมไม่เล่าให้ฟังเลยนะ แล้วนี่ก็ไม่พาแฟนมาโชว์ตัวสักหน่อยให้เพื่อนๆรู้จักหน้าค่าตากันมั่ง คราวหน้ามีตติ้งกันต้องพามาด้วยล่ะ”
ผมล่ะคันปากยิบๆไม่ต้องครั้งหน้าแล้ว ก็นั่งตัวเป็นๆอยู่นี่ไงล่ะเบ็ตเอ๊ย....อยากเอามือปิดตาตัวเอง แล้วเอาอีกมือนึงชี้ไปที่พี่ต่ายชี้จำเลยตัวจริงของจริงที่ขับรถอยู่เนี่ย
พี่ต่ายก็ขำหึหึ หึหึ อยู่ได้ ถูกใจอะไรนักหนา ผมก็เลยได้แต่หัวเราะแหะๆให้เบ็ตไปตามเรื่อง กลบเกลื่อนเรื่องที่เบ็ตตี้พูดไป
“แล้วพี่ต่ายล่ะค่ะโสดไม๊ เผื่อเบ็ตจะแนะนำเพื่อนสาวสวยโสดๆให้มีหลายคนเลยนะค่ะ”เอาล่ะซิ พี่ต่ายก็งานเข้า จะตอบว่าไงล่ะี่ต่าย หุหุ
“ลองถามโอมดีกว่าครับ....ว่าพี่มีแฟนรึยัง ถ้าโอมบอกว่ามีพี่..ก็คงมี ถ้าโอมบอกว่าไม่พี่ก็คงเป็นโสด”
น้ำเสียงพี่ต่ายดูทีเล่นทีจริง จนดูไม่ออกว่านี่พี่ต่ายหยอกผมเล่น หรือพูดจริงๆกันแน่ แต่ที่แน่ๆพี่ต่ายครับโยนงานมาให้ผมอีกแล้ว แล้วผมจะตอบยังไงดีล่ะ ผมภาวนาให้ถึงโรงแรมเร็วๆ ก็มาถึงพอดีครับ รถเลี้ยวเข้าไปโรงแรมเตรียมไปหาที่จอด
“ว้าวถึงแล้ว...เร็วดีจังคุยกันจนเพลินเลยนะคะพี่ต่าย”พอเบ็ตบอกแบบนั้นผมก็นึกว่าผมรอดตายแล้วไม่ต้องตอบคำถามเมื่อกี้นี้ แต่น่าเสียดายที่เบ็ตก็เกียรตินิยมครับ สมองความจำเรื่องอะไรแบบนี้ค่อนข้างแม่นยำ
“อ้าวโอมไม่ตอบล่ะ....ตกลงพี่ต่ายมีแฟนรึยัง”แถมยังมาเขย่าแขนผมด้วยครับ ทำอย่างกับเด็กๆมาอ้อน ไอ้ผมก็แพ้สาวอ้อนด้วย แอบเหล่มองหน้าพี่ต่ายทำอมยิ้มครับ คงดีใจที่หาเหามาใส่หัวให้ผมได้
ผมก็เลยตอบไปว่า....“พี่ต่ายโสดสนิทครับเบ็ต ช่วยหาแฟนให้เค้าหน่อยซิ นี่ก็กะว่าพามาให้เจอสาวๆนะ เหอะๆ ”
ผมก็พูดเล่นๆน่ะครับ แบบว่าพูดไปงั้น ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ แต่พี่ต่ายนะซิครับพอผมพูดแบบนั้นพี่ต่ายเหยียบเบรคจึ๊กเลยครับ เบ็ตที่นั่งข้างหลังแทบจะหัวทิ่มตัวลอยตีลังกามาข้างหน้ารถ ดีที่จับเบาะเอาไว้แน่น
“เอ๊ยยยย พี่ต่ายมีอะไรพี่ ตกใจหมดเลย เบ็ตตัวเองเป็นไรไม๊”ผมหันไปดูเบ็ตเห็นว่าไม่เป็นอะไร ก็เลยมองมาที่พี่ต่ายหน้าเฉยมากเลยครับ หันมามองผมด้วยสายตาเยียบเย็น
“พี่สะดุดอะไรบางอย่างน่ะโอมเลยต้องเบรค ไม่งั้นคงชน ขอโทษน่ะครับเบ็ต”
ผมว่าผมพูดอะไรผิดอีกแล้วแน่ๆ บรรยากาศชักกรุ่นๆ เครียดๆ พี่ต่ายไม่พูดอะไรกับผมอีกแต่หันไปยิ้มและคุยกับเบ็ตตามปกติ
“น้องเบ็ตจะลงก่อนไม๊ครับเดี๋ยวพี่วนรถไปเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ต่ายไปด้วยกันนี่แหล่ะ เรายังพอมีเวลาเยอะเลย จะได้เป็นเพื่อนกัน”
“งั้นก็ตามใจครับ พี่กลัวน้องเบ็ตจะเมื่อยน่ะครับถ้าต้องเดินไกล ต้องเอาใจแม่สื่อหน่อย หึหึ” พี่ต่ายยิ้มให้เบ็ตทางกระจกหลัง แล้วหันมามองผมหน้าเครียดๆครับ
“พี่ต่ายครับที่จอดรถตรงนั้นว่างพี่”ผมชักยังไงๆกับพี่ต่ายครับ เลยพยายามชวนคุยมั่ง มือที่ชี้ที่จอดรถมือไม้สั่นไปหมด แต่พี่ต่ายก็ไม่พูดอะไร ก็เลี้ยวรถเข้าจอดตามที่ผมบอก พอจอดรถเสร็จผมลงมายืนรอ พี่ต่ายก็เดินอ้อมไปเปิดประตูให้เบ็ตเช่นเคยครับ ไม่มองหน้าผมเลย เง้อ.....ซวยแล้วซิ

พี่ต่ายยืนรอจนเบ็ตลงรถเรียบร้อยแล้วก็พาเดินไปกันเคียงคู่เลยคับ ทิ้งผมยืนบื้อใบ้งงๆมึนๆอยู่ที่รถ แต่เดินไปสักระยะนึงเบ็ตคงแปลกใจ เลยหันมาเรียกผม
“โอมทำไมไม่มาล่ัะ วันนี้เบ็ตโชคดีจังเลยได้ควงหนุ่มหล่อสองคนแน่ะ มาเร็วโอม”ผมเดินไปหาเบ็ตอย่างหงอยๆ ตอนนี้เบ็ตเลยเดินกลางครับ มีผมสองคนขนาบข้าง
เราเดินขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน ผมแอบเอามือไปเขี่ยๆพี่ต่ายด้านหลังเบ็ต พี่ต่ายเหลือบหันมามองผม ผมยื่นนิ้วก้อยไปให้พี่ต่าย ขอคืนดีหน่อยนะพี่ต่ายคร๊าบบบบบ

แต่พี่ต่ายเมินหันหน้าไปอีกทางครับ ผมเลยสะกิดไปอีกครั้ง คราวนี้พี่ต่ายไม่หันมาเลยครับ ผมได้แต่หน้าจ๋อยทำอะไรต่อไม่ถูกเลย ทำไมหมู่นี้พี่ต่ายงอนบ่อยจังเนี่ย หรือว่าเข้าวัยทองฮอร์โมนใกล้หมดเลยหงุดหงิดง่ายๆ
เบ็ตตี้พยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มๆแล้วเหลือบตามองซ้ายมองขวาแปลกๆ มองผมทีพี่ต่ายที แล้วก็พูดกับผมว่า “วันนี้เบ็ตขอควงพี่ต่ายหน่อยนะโอม อิอิ”
แล้วจะให้ผมพูดยังไงล่ะครับ จะให้ผมบอกว่าไม่ได้เหรอ แล้วจะเพราะอะไรล่ะก็ผมนี่แหล่ะดันไปบอกเองว่าพี่ต่ายโสด อยากจะตบปากตัวเองจริงๆเลย

“พี่ยินดีครับเบ็ต เพราะพี่โสด”พี่ต่ายยังมาพูดแบบนี้อีก ตอบออกมาแล้วผมยิ่งใจเสียเข้าไปใหญ่เลยครับ หน้าเริ่มซีดเหงื่อตก มือเย็น ผมจะทำยังไงดี
เราเดินไปที่ล๊อบบี้ด้วยกันผมเพิ่งสังเกตว่าสีชุดของเบ็ตตี้ ช่างเข้ากันได้ดีกับสีเน็คไทของพี่ต่าย เหมือนเป็นแฟนมาด้วยกันเลยครับ เราสามคนเดินไปมีแต่คนมองด้วยสายตาชื่นชมครับแ่ต่ตอนนี้ผมเริ่มเดินช้าลงไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับผมเป็นส่วนเกินไปซะแล้ว เบ็ตตี้คุยกับพี่ต่ายอย่างสนุกสนาน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาตลอด
เราเดินต่อไปที่ลิฟท์อีกตัวเพื่อขึ้นไปหาเจ้าสาว ผมพยายามส่งนิ้วก้อยให้พี่ต่ายอีกครั้งในลิฟท์ แต่พี่ต่ายส่งแต่นิ้วโป้งมาให้ผมครับ ทำไมไม่หายโกรธซักทีว่ะ

ระหว่างทางเดินไปห้องผมก็พยายามสะกิดพี่ต่ายตลอดเลยครับ แต่พี่ต่ายก็รีบเดินตามเบ็ตไปเลย เราไปถึงที่ห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่งตัวกันแล้วครับ เสียงสาวๆกรี๊ิ๊ดกร๊าดกันทำเอาผมปวดหูเลยครับ
“นนนี่จ๋าเบ็ตมาแล้ว ไหนขอดูเจ้าสาวหน่อย”
นนนี่อยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังให้ช่างแต่งหน้าให้อยู่ครับเลยหันมาทักทายสั้นๆ “เบ็ตแป๊ปนึงนะขอนนแต่งอีกนิดเกือบเสร็จแล้วล่ะ อิอิ เบ็ตสวยอ่ะวันนี้นนจำแทบไม่ได้เลย แล้ว....ใครนะ” นนนี่คงจำผมไม่ได้เพราะผมหล่อกว่าเดิม
เบ็ตหัวเราะเบาๆ “ก็โอมไงนนนี่...หล่อมากจนนนนี่จำไม่ได้เลยเหรอ”
นนนี่โบกไม้โบกมือแล้วหัวเราะใหญ่เลยครับ “ไม่ใช่ๆโอมน่ะจำได้ซิ หน้าไม่เห็นเปลี่ยนเลยจืดยังไงก็จืดยังงั้น” อ้าวไหงพูดแบบนั้นล่ะเจ้าสาว เง้อ พูดแบบนี้ก็สวยซิ
“แต่...อีกคนอ่ะ”แล้วนนนี่ก็บุ้ยหน้าไปที่พี่ต่ายครับ
“อ๋อ...คนนั้นพี่ต่ายคู่ควงของเบ็ตคืนนี้จ๊ะนนนี่ อย่าแอบอิจฉานะ” เบ็ตเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆหน้าแดงระเรื่อ ส่วนพี่ต่ายก็หัวเราะเบาๆไม่ได้แก้ตัวอะไรเลยครับ
“ เออแล้วคนไหนล่ะป๋าฟร๊องของนนนี่ ยังไม่เห็นเลย” เบ็ตยังมาถามหาเจ้า่บ่าวอีก แต่ผมนะเซ็งจนไม่อยากสนใจอะไรแล้วครับ ผมแทบไม่มีความหมายเลยงานนี้ เหมือนหมาหัวเน่ายังไงไม่รู้
“อ๋อ...ฟร๊องเค้าไปโทรศัพท์แป๊ปนึงจ๊ะเดี๋ยวมา พอดีเพื่อนเค้าโทรมา คนเพื่อนเยอะก็แบบนี้ ..ไม่รู้ใครเป็นใคร อิอิ”
ผมกับพี่ต่ายออกจะเขินๆ เพราะผู้หญิงเค้าคุยกันน่ะครับ ซุบซิบๆแล้วมองมาที่พี่ต่ายใหญ่เลย แล้วก็หัวเราะกันคิกๆคักๆ ผมเลยไปสะกิดพี่ต่ายอยากลงไปงานข้างล่างมากกว่าครับ เป็นผู้ชายมาอยู่ห้องผู้หญิงแต่งตัวดูจะผิดธรรมเนียมไปหน่อย
“นนนี่โอมขอลงไปรอข้างล่างนะ ผู้หญิงจะได้คุยกันสะดวกๆ ดีไม๊ครับ” แต่นนนี่โบกมือใหญ่เลยครับ
“ไม่เป็นไรโอมอยู่ได้นะ ไม่ต้้องเกรงใจ เดี๋ยวอีกแ๊ป๊ปนึงนนก็เสร็จแล้ว ได้ลงไปพร้อมกัน”
แล้วประตูห้องก็เปิดออกครับ มีชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีร่างสูงใหญ่ใส่เสื้อสูทสีดำเข้ามา ท่าทางเค้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นคนมากมายในห้องแต่งตัว ผมพอจะดูออกว่าคงจะเป็นเจ้าบ่าวครับ
“อ้าวฟร๊องมาพอดีเลย ฟร๊องนี่เพื่อนนนนี่ คนสวยๆนี่เบ็ตตี้ ที่ยืนหน้าจืดๆนั่นโอมคนที่นนเล่าให้ฟร๊องฟังไง อิอิ”
แล้วนนนี่ก็หันมาพยักเพยิดกับผมครับให้แนะนำตัวพี่ต่ายแทน
“นี่พี่ต่ายครับเอ่อ...มากับผมเอง”
คุณฟร๊องพยักหน้าให้ผมกับพี่ต่าย แล้วส่งยิ้มมาให้
“เชิญตามสบายนะครับ เพื่อนๆกันทั้งนั้น แต่ผมขอตัวทานอะไรรองท้องนิดนึง แหะๆ ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว นนเอาไม๊ เปงไง แต่งตัวเสร็จรึยัง เมียจ๋า”

นนนี่อายหน้าแดงเลยครับแล้วเขวี้ยงแปรงมาที่ฟร๊อง ดีที่ฟร๊องหลบทันไม่งั้นผมเีสียทรงมิต้องมาเซ็ทกันใหม่เหรอ นนนี่คงจะเขิน หุหุ ก็เล่นเรียกกันแบบนี้ต่อหน้าประชาชน “ตาบ้า ไม่รู้จักอายเพื่อนนนเลย เล่นไม่เลือกเวลาเลย เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวเจอดี”

ผมกับพี่ต่ายและเบ็ตถึงกับหัวเราะครับ ผมหันหน้ามาหัวเราะกับพี่ต่าย แต่พี่ต่ายหันไปหัวเราะกับเบ็ตแทน ผมเลยหัวเราะไปกับลมครับ กรูจะบร้า....อีกล่ะผมกลายเป็นคนนอกอีกแล้ว

“ฮ่าๆๆๆๆ ก็ล้อเล่นนิดเดียวเอง ก็เพื่อนกันนี่ใช่ไม๊โอม ต่าย เบ็ต จะมาอายอะไร เป็นเมียฟร๊องต้องภูมิใจซิ เมียจ๋า” ฟร๊องหัวเราะใหญ่เลยครับ ท่าทางชอบแกล้งนนนี่น่าดู

“ต่าย โอม มากินแซนวิชกับผมไม๊ นนเค้าทำมาให้ ทานด้วยกันไม๊ครับ” ฟร๊องยื่นแซนวิชที่มีอยู่อันเดียวมาถามแล้วใครจะกล้ากินด้วยล่ะครับ อีกอย่างเดี๋ยวก็ต้องเสียเงินช่วยซองแต่งงาน ใครจะบ้ามาแย่งแซนวิชเจ้าบ่าวกินล่ะครับ ไปกินของอร่อยๆในงานดีกว่า
แต่พี่ต่ายตอบไปแค่ว่า“ไม่รบกวนดีกว่าครับ เชิญฟร๊องตามสบายเลย เดี๋ยวคงยุ่งๆไม่มีเวลาทาน”
“ครับงั้นผมขอไปทานก่อน นนจ๋าแล้วนมของฟร๊องอยู่ไหนอ่ะ นนท์ซื้อมาึรึเปล่า”
“ในตู้เย็นจ๊ะนนซื้อไว้ให้แล้ว ฟร๊องไปหยิบเองนะ”นนนี่แต่งตัวเสร็จแล้วครับ พอยืนขึ้นมาเห็นเจ้าสาวเต็มตัว สวยมากเลยครับ ชุดลูกไม้สีขาวคอกว้างโชว์ลาดไหล่เนื้อนวล ชุดแต่งงานสีขาวทำให้เจ้าสาวดูงดงามราวกับนางฟ้าเลยครับ วันนี้นนนี่สวยมากจริงๆ ปกติผมไม่เคยเห็นเพื่อนสาวแต่งหน้า พอแต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ถึงได้รู้ว่าเพื่อนผมสวยๆกันทั้งนั้น
“นนนี่สวยมากเลย เนอะโอม อิจฉาจังเลยอยากใส่ชุดเจ้าสาวแบบนี้มั่งจัง”
ผมก็อยาก.....ไม่ได้อยากใส่ชุดเจ้าสาวนะครับ

แต่ผมแอบคิดว่าเมื่อไหร่ผมจะมีโอกาสแบบนี้มั่งนะได้แต่งงานเหมือนกับคนอื่นๆเค้า หันไปมองหน้าพี่ต่ายอยากจะอ้อนมั่งก็คนนั่งกันเต็มเลย ได้แต่แอบส่งสายตาซึ้งๆไปให้แต่จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ต่ายไม่มีสายตามาที่ผมเลย
พวกเรานั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ท่าทางนนนี่ไม่สนใจที่จะให้ผมคืนดีกับเบ็ตแล้วครับ มีแต่จะเชียร์ให้พี่ต่ายท่าเดียวเลย ผมเซ็งก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม เลยหันมาคุยกับเจ้าบ่าวแทน ฟร๊องก็ดูเข้ากับคนง่ายดีครับแป๊ปเดียวก็เหมือนรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน อาจจะเป็นเพราะฟร๊องพอรู้เรื่องของผมมาจากนนนี่บ้างแล้วด้วย
“ต่ายรู้จักกับนนนี่มาก่อนไม๊ หรือว่าเค้าเป็นแฟนเบ็ตตี้ ทำไมนนไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย”
ผมไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจไม๊ที่ประเด็นที่ว่าพี่ต่ายเป็นอะไรกับผม มันเปลี่ยนตัวละครกลายมาเป็นเบ็ตตี้แทนได้ เฮ้อ แต่คำถามไหนก็ตอบยากอยู่ดีล่ะครับ
“ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกครับ เพิ่งเจอกันเมื่อกี้นี้เอง ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
ฟร๊องหัวเราะเบาๆ “เปล่าๆ ผมก็ว่าเค้าดูเหมาะสมกันดี ใส่ชุดสีเข้ากันซะด้วย กร๊ากกกก เหมือนเป็นแฟนกันเลย”

ผมฟังแล้วไม่เห็นขำเหนื่อยหัวใจ จะขำบร้าอะไรฟระ

ผมชักไม่อยากเข้าไปในงานแล้วซิ
ผมยกมือดูนาฬิกาเกือบ 6โมงแล้วครับ ผมเลยชวนทุกคนลงไปกันดีกว่า พอถึงด้านล่างฟร๊องกับนนนี่ต้องไปรับแขกและถ่ายรูป ตอนถ่ายรูปกลายเป็นพี่ต่ายไปยืนคู่กับเบ็ตตี้ครับ ผมแทบอยากร้องไห้ รู้สึกโดดเดี่ยวทั้งที่มีคนรุมล้อมมากมาย ได้แต่แอบเสียใจอยู่เพียงคนเดียว ฝืนยิ้มออกไปทั้งที่อยากตะโกนว่าพี่ต่ายน่ะแฟนผมนะ
พอถ่ายรูปเสร็จเราสามคนเลยขอตัวเข้าไปในงานก่อน เพื่อนๆผมมาักันเยอะครับแต่เนื่องจากเป็นงานค๊อกเทลก็เลยเดินกระจัดกระจายไปเป็นวงกว้างๆ แล้วเรามากันเร็วก็เลยยังไม่ค่อยเจอใครเท่าไหร่ พี่ต่ายก็ยืนข้างเบ็ตตี้ตลอดชี้ชวนกันเลือกนู่นนี่มาทานดูสมกันเป็นพันธมิตรกะนปช.เลยครับน่าหมั่นไส้จริงๆ เจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องปะทะกันซะแบบนั้น ช่วงที่พี่ต่ายไปเข้าคิวรอหูฉลาม เบ็ตตี้ถึงเพิ่งจะจำได้ครับว่าผมมาด้วย แต่ยืนหน้าบูดอยู่
“โอมทำไมวันนี้ตัวเองไม่ค่อยพูดเลยล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า ” อยากจะบอกเบ็ตตี้ว่า รู้เหมือนกันเหรอ ก็เล่นเอาแฟนคนอื่นไปควงตลอดเลย จะให้ยิ้มมีความสุขได้ยังไงกันล่ะ
“เปล่าหรอกเบ็ต เค้าเหนื่อยนิดหน่อยเมื่อคืนนอนน้อยน่ะ”โดนเล่นซะทั้งคืน เพิ่งมารู้สึกว่าง่วงๆเพลียๆยังไงไม่รู้ครับ
“ถามจริงๆนะโอม พี่ต่ายโสดจริงๆเหรอ นี่เบ็ตสนจริงๆนะไม่ได้พูดเล่นๆ”เบ็ตมองหน้าผมตาแป๋ว :teach:แล้วปัญหาเดิมๆก็กลับมาหาผมอีกครั้ง แต่ถ้าผมตอบไปแบบเดิมผมเองนั่นแหล่ะที่จะต้องเสียใจ แล้วก็คงได้แต่มองพี่ต่ายเดินเคียงข้างคนอื่นด้วยความเสียใจ
แต่ผมจะตอบยังไงดีล่ะ กรูละกลุ้มคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ให้พี่ต่ายมาด้วย เฮ้อ.....

********************************************************
ผ่านไปได้อีกตอน แง่ววววววว

ถึงงานซะที เย้ๆๆๆๆๆ