หลังจากกระทงหลงทางไปแล้ว ก็มางานเราต่อเลย

***********************************************
ผมต้องใช้ความคิดนิดนึงครับว่าจะตอบเบ็ตตี้ว่าอะไรดี เพื่อที่จะไม่ให้พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
“เ่อ่อ.........คือว่าพี่ต่ายมีแฟ..”
ผมกำลังจะพูดต่อครับว่า=พี่ต่ายมีแฟนแล้วเบ็ตคงไม่มีหวังหรอก=แต่ว่า…….
ป๊าปปปมีแรงสั่นสะเทือนที่หัวไหล่ครับ ใช่ครับที่หัวและไหล่มีคนมาตบหัวตบไหล่ผม ใครว่ะช่างกล้า....
“เฮ้ย....โอมจ๋า เบ็ตตี้ หวัดดี สบายดีป่าว....???"
"มาด้วยกันเหรอกรูหาตั้งนานว่าอยู่ไหน ที่แท้หลบมาจู๋จี๋กันที่นี่เอง..."
"อะนะ....ตกลงกลับมาคบกันอีกเหรอ????"
"เอ๊ะแล้วเบ็ตตี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่...????"
"โอมจ๋าอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอแล้วมาวันไหนล่ะ????"
" แล้ว....?????”
"??????????????????????????????"
มีมันคนเดียวกันครับที่ถามผมมา “ ไอ้เจี้ยเล่”
ผมต้องทักทายเพื่อนกลับด้วยการตบกบาลมันเบาๆพอให้มันรู้ตัวครับ ว่าเมิงถามกรูมากไปแล้วกรูตอบไม่ทันโว้ย!!!!

“เฮ้ยยยย.....หยุดดดด...ไอ้เจี้ยเปเล่...เมิงจะรีบไปพธม.เหรอว่ะอะไรว่ะแม่ม...ถามมาจนกรูหาช่องจะตอบไม่ได้เลย...นี่เมิงกลัวกรูจะตายวันนี้พรุ่งนี้รึไงว่ะ ถามเผื่อชาติหน้าด้วยเลยไม๊มึง”
“อ้าว...ก็กูดีใจนี่หว่าไม่ได้เจอพวกเมิงพวกคุณมาตั้งหลายปี นี่ถ้านนนี่ไม่แต่งงานกรูไม่ต้องเจอเมิงเลยน่ะไอ้โอมจ๋า ไปเกิดใหม่ต่างจังหวัดเลยน่ะเมิงหายตูดไปเลย คิดถึงเมิงชิกหายเลย”
มันรั้งตัวผมไปกอดแน่นเลยครับ ไอ้บ้านี่กรูอายนะ ผมต้องเอามือดันตัวมันออกไปให้ห่าง ได้ยินเสียงเบ็ตตี้หัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่คนเดียว
“เปเล่ไม่คุยกับเบ็ตเลย น้อยใจแล้วนะ พอเจอกิ๊กเก่าลืมเพื่อนเลย”
“อ้าวเหรอ ก็ผมคิดถึงโอมจ๋านี่นา แต่ก็คิดถึงเบ็ตจ๋าด้วย ตอนจะกลับมาไทยก็ไม่บอก ผมว่าจะชวนไปเที่ยวด้วยกันซักหน่อย”
ถูกของเบ็ตครับแหะๆ....เปเล่นี่เป็นกิ๊กเก่าผมเองครับ อยู่หอด้วยกันกับมันสี่ปีเต็มๆ สนิทกันมากแทบจะตัวติดกันเลยเห็นมันที่ไหนเป็นเห็นผมที่นั่น มีแต่คนแซวว่าผมกับมันเป็นผัวเมียกันแล้วเบ็ตตี้เป็นเมียน้อย
มันเรียกผม “โอมจ๋า” ผมก็เรียกมัน “เจี้ยเล่” ตลอดเลยจนกลายเป็นคำเฉพาะของมันกับผมแล้วครับ คนอื่นจะเรียกตามมันก็ห้ามครับมันบอกว่ามันเรียกได้คนเดียว แล้วถ้าใครมาเรียกมัน “ไอ้เจี้ยเล่” มันจะโกรธมากเพราะมีผมเรียกได้คนเดียวเหมือนกันครับ
เปเล่มันหล่อครับก็มันเป็นเดือนคณะนี่ครับ มันเกือบจะได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะเหมือนกัน แต่ว่าบังเอิญมันเตี้ยเกินไปครับ มันก็เลยอด...แต่หน้ามันนี่หล่อประมาณน้องๆวิลลี่น่ะครับ
ผมก็งงว่ามันเป็นลูกครึ่งอะไรกันแน่มันเรียกพ่อว่าเตี่ยครับ แม่มันก็จีน ผมก็อยากรู้แต่ไม่อยากถามครับว่ามันมาหน้าตาเป็นลูกครึ่งได้ยังไง ไม่อยากไปรบกวนบรรพบุรุษมันหรอกครับ แต่ช่างมันเหอะครับยังไงมันก็เพื่อนผมมันหล่อก็ดีแล้ว ไปไหนมาไหนด้วยก็สะดวกครับใครๆก็ชอบคนหน้าตาดีๆ ผมไม่ได้เจอมันเลยตั้งแต่เรียนจบ เพราะพอจบตรีปุ๊ปมันก็บินไปนอกเลยครับไปเรียนโทต่อ ตอนแรกๆเราก็ติดต่อกันครับแต่ช่วงหลังผมยุ่งๆเลยลืมมันไปเลย ผมช่างป็นเพื่อนที่เลวจริงๆครับเอิกซ์ซซซซ
“นี่เจี้ยเล่...เมิงเลิกเรียกกูโอมจ๋าได้แล้ว แก่แล้วนะเมิง....กรูอายเค้า แล้วเมิงเอามือออกไปจากเอวกรูที แน่นไปแล้วเมิงกรูอึดอัด”ผมพยายามแกะมือมันออกจากเอวผมแต่ก็ไม่สะดวกครับเพราะมือนึงผมก็ถือแก้วน้ำอยู่เลยเหลือแค่มือเดียวแกะมันไม่ออกซักที
“เมิงเงียบเลย..... ก็กรูคิดถึงนี่นา” :impress2:มันทำเสียงออดอ้อนครับ ในเมื่อมันไม่ปล่อยผม แล้วผมก็เริ่มเหนื่อยกับมัน ผมเลย.....เอาว่ะ ช่างแม่ง ตอนนี้มันเลยยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผมเอามือโอบเอวผมไปด้วยครับ เราก็ยืนคุยกันเพลินครับ สักครู่ผมรู้สึกหนาวๆยังไงไม่รู้ครับหรือว่าแอร์จะเย็นไป เหมือนมีรังสียะเยือกแผ่มาปกคลุมตัวผม

“หนาวจัง เบ็ตตี้ไม่หนาวเหรอ เสื้อออกจะบางเบาเว้าไปหมดทั้งตัวด้วย หึหึ”
“บร้าโอมอ่ะ...อย่ามาแซวซิเบ็ตยิ่งเขินๆ ไม่เห็นจะหนาวตรงไหนคนเยอะแยะ ร้อนซะด้วยซ้ำไป”เบ็ตหน้าแดงเลยครับ คงจะเขินจริงๆ
“โอมจ๋าหนาวเหรอ งั้นเจี้ยเล่กอดนะโอมจ๋าจะได้หายหนาว เอามะเอามะ”มันกวนตีนครับมาโอบเอวผมซะแน่นขึ้นไปอีก เบ็ตตี้ได้แต่ส่ายหัวระอาในความเป็นเด็กของไอ้เจี้ยเล่ ส่วนผมน่ะเคยชินไปตั้งนานแล้วครับ
“เมิงไม่ต้องเลย กลางงานเลยนะเมิง ให้หน้ากรูมั่ง เมิงเสริมเหล็กเสริมปูนมาแต่กรูยังหน้าบางเว้ยเฮ้ย...ปล่อยยยย”ผมก็มัวแต่ปัดไม้ปัดมือมันครับ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาผมก็รู้แล้วว่าครับว่าใครเป็นคนปล่อยรังสีเย็นยะเยือกมาให้ผม คนที่ทุกๆคนก็รู้ว่าใครน่ะครับ
พี่ต่ายเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่แค่มองตาพี่ต่ายผมก็หนาวไปถึงขั้วหัวใจ

“นี่ครับเบ็ตตี้...ระวังนะครับร้อนนิดหน่อย”พี่ต่ายส่งถ้วยหูฉลามพร้อมรอยยิ้มหวานๆให้เบ็ตตี้แล้วส่งรอยยิ้มขมๆมาให้ผม พี่ต่ายเบือนสายตามามองที่ไอ้เจี้ยเล่ คงเห็นที่มันทำกับผมน่ะครับ แต่ผมพยายามแก้ไขแล้วนะแต่ไอ้นี่มันบร้าอ่ะ ทำไงกับมันดี
“เมิงปล่อยกรูได้แล้ว ไม่งั้นกรูจะโกรธเมิง”ไอ้เจี้ยเล่มันมองพี่ต่ายแล้วขมวดคิ้วงงๆ มือมันเลยปล่อยจากเอวผมไปโดยมันไม่รู้ตัวครับ สัญชาติญาณ CNN NBT โมเดิร์นไนน์ เข้าสิงครับแล้วมันก็มากระซิบที่หูผมครับ ผมล่ะเบี่ยงตัวหนีไม่ทัน...เมิงจะมาใกล้ชิดกรูทำไม๊ตอนนี้ แฟนกรูจะฆ่ากรูด้วยสายตาอยู่ตรงนี้แล้วเมิงนะเมิงไม่ได้รู้อะไรเลย
“ไอ้โอม..ใครว่ะแฟนใหม่เบ็ตตี้เหรอ”
“ไม่ใช่....เค้า...เค้า....”ผมจะพูดไปดีไม๊เนี่ย ผมลังเล
“เอ๊า..ไม่ใช่แฟนเบ็ตตี้แล้วแฟนใคร...ทำไมมาเทคเบ็ตล่ะ”
เอ่อ..แฟนโอมจ๋าเองแหล่ะ เจี้ยเล่ แต่กรูไม่กล้าบอกเมิง.....หรือกรูจะบอกดี... กรูบอกเมิงในใจได้ไม๊ ปกติเรารู้ใจกันนี่ หันไปมองหน้ามัน...กระพริบตาหนึ่งที สองที มันก็ยังไม่รู้ครับ แต่พี่ต่ายส่งสายตาเป็นลำแสงพิฆาตมาฆ่ากรูแล้วเนี่ย พี่ต่ายทำเป็นยืนคุยกับเบ็ตครับแต่ผมเห็นตลอดเลยว่าพี่ต่ายเหลือบมามองผมเป็นระยะๆ ทำไมผมถึงเห็นน่ะเหรอ ก็ผมก็แอบมองพี่ต่ายอยู่ด้วยนี่นาแหะๆ
“นี่เมิงเลิกกระซิบกรูได้ไม๊...น่าเกลียด..เดี๋ยวกรูแนะนำให้.”ผมเอามือยันหน้ามันออกจากหูผม มาเป่าๆลมในหูมันขนลุกครับ มันสยิวกิ๊วบอกไม่ถูก
“ก็เค้าเป็นใครล่ะ...ทำไมมองกรูแบบนั้นว่ะ”
ผมว่าไอ้เจี้ยเล่มันบร้าครับ มานินทากันต่อหน้าแบบนี้ แล้วแสดงออกเลยว่ากรูสองคนกระซิบกระซาบนินทาเมิงอยู่นะไอ้พี่ต่าย เค้ามีแต่นินทาลับหลัง เจี้ยเล่มันคงพยายามจะสร้างมิติใหม่ในการนินทาน่ะครับ นัยว่ามันคงทำตอนอยู่เมืองนอกม๊างงง แต่กรูไม่ไหวแล้วนะกรูหนาววววกับสายตาพี่ต่ายแล้ว
“ทำไม....เค้ามองเมิงยังไง...แล้วนี่เมิงเอามือเมิงออกจากเอวกรูได้ไม๊..มาอีกแล้วนะ”เผลอไม่ได้เลยครับเกาะแกะผมตลอด เง้อ....
มันมากระซิบอีกแล้วครับ ผมจะบ้าตาย ผมว่าพี่ต่ายตาเริ่มเขียวแล้วครับ หรือว่าใส่เลนส์สายตาสีเขียวมา เจ้ยยย....ไม่ใช่นี่หว่าพี่ต่ายใส่แว่น แล้วทำไมตาเขียวได้ล่ะ
“เค้ามองกรูเหมือนกับว่า....เค้าไม่พอใจอะไรกรูซักอย่าง....เหมือนตอนหมาหวงกระดูกอ่ะเมิงพอเข้าใจไม๊...แบบว่ากรูไปแย่งกระดูกห่วยๆอะไรของเค้าไป....เมิงพอเข้าใจไม๊”
เมิงไม่ต้องเน้นนักว่ากรูเป็นกระดูกห่วยๆ ไอ้เจี้ยเล่นี่ ผมกลายเป็นกระดูกไปได้ยังไงนี่เฮ้อ
“พี่เค้าชื่อพี่ต่ายมากับกรูเอง...พอใจรึยังล่ะ”ผมหันไปบอกมันแล้วก็แอบมองพี่ต่ายอีกหนสบตากันดังโครม ถ้าเป็นรถก็ประสานงากันไปแล้ว
คราวนี้เจี้ยเล่มันเดินมาคุยตรงข้ามผมแล้วครับเลยกลายเป็นว่ามันหันหลังให้พี่ต่าย ส่วนเบ็ตตี้ก็ยืนคุยหันหลังให้ผมเพราะงั้นผมเลยมองพี่ต่ายได้เต็มๆ พี่ต่ายก็สบตาผมตรงๆ แล้วพอตามาประสานกันผมว่าผมรอช้าให้เหตุการณ์มันบานปลายไม่ได้แล้วครับ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้กลับบ้านไปผมอาจจะไม่มีพี่ต่ายกลับไปด้วยแน่ๆ เสร็จงานแต่งงานก็จัดงานศพผมต่อได้เลย เหอๆๆ
“เปเล่ นี่พี่ต่าย....มากับกรูเอง”เป็นแฟนกรูด้วย(พูดในใจครับ ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี แหะๆ) ผมลากแขนมันให้หันหน้ามาหาพี่ต่ายครับ ท่าทางผมเกร็งๆจนผมว่าเปเล่ก็คงสังเกตเห็น
“พี่ต่ายครับนี่่เปเล่....เพื่อนรูมเมทผมตอนเรียนมหาลัย เป็นเพื่อนสนิทครับ” ผมแอบเน้นคำว่าเพื่อนให้พี่ต่ายคลายใจไปบ้างครับ แต่ท่าทางคงยังไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาเท่าไหร่ เพราะพี่ต่ายก็ยังยิ้มเย็นๆอยู่ดีครับ ถ้าคนที่ไม่สนิทก็คงดูไม่ออก แต่ว่าผมซึ่งเจอพี่ต่ายงอนติดๆกันมาหลายหนในวันสองวันนี้ ทำไมจะไม่รู้ละครับ ว่าพี่ต่ายยังไม่หายเคือง ยังไม่หายคาใจด้วยเรื่องไอ้เจี้ยเล่
เปเล่ก็ดีครับพอมีมารยาท ยกมือไหว้พี่ต่ายพี่ต่ายก็เลยรับไหว้ไป แล้วยิ้มให้ตามมารยาท
“พี่ต่าย...อยู่มหาลัยเดียวกับเราเหรอโอมจ๋า ทำไมเล่จ๋าไม่เคยเห็น”
ผมอยากจะบร้าไปกับมันแทบจะอ้าปากค้าง มันไปหัดพูดอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย เมื่อกี้นี้ยังกรูๆมึงๆกับผมอยู่เลย เมิงจะเป็นตัวเร่งให้กรูตายไวรึไงฟระ แล้วดูมันครับมาทำตาปิ๊งๆใส่ผมด้วย ผมว่าผมเจอมันเล่นซะแล้วครับ ไอ้เจี้ยนี่....
“พี่ไม่ได้อยู่มหาลัยเดียวกับโอมครับ แต่พี่เคยทำงานที่เดียวกันกับโอม”พี่ต่ายตอบแทนผมครับ
“แล้วพี่รู้จักฝ่ายเจ้าบ่าวหรือฝ่ายเจ้าสาวครับ”ไอ้เปเล่มันถามต่ออีก เกิดเป็นผู้ชายอยากรู้ขึ้นมาซะอย่างนั้น ผมชักสงสัยแล้วซิตกลงมันเป็นนักข่าวหรือเปล่าเนี่ย ตั้งแต่มามันมีแต่ถามนู่นนี่เต็มไปหมด
“ไม่รู้จักใครเลยครับ เพิ่งรู้จักเมื่อสักครู่นี้เอง” พี่ต่ายตอบพร้อมกับส่งยิ้มใจดีให้ด้วยครับ ไม่รู้ว่าเอ็นดูเด็กช่างถามอย่างเจี้ยเล่ หรือว่าคิดยังไงกันแน่
เปเล่ก็ปากไวครับพูดต่อมาเลย “อ้าว....แล้วพี่ต่ายมา....”มันจะทำวงแตกแล้วครับ ผมเลยต้องรีบแทรกเลยครับ มันคงจะพูดว่าแล้วพี่มาทำไม?? เฮ้อ

“มากับกรูไง....มาาาา...เป็นเพื่อนกรู”ผมตอบไปแล้วก็ยังตะกุกตะกัก กลายเป็นคนพูดติดอ่างไปเลยครับ ผมไม่กล้าสบตาพี่ต่ายเลยเหมือนเด็กที่ทำความผิดจริงๆ เบ็ตตี้ที่เงียบมานานก็พูดขึ้นมาอีกว่า
“เบ็ตเลยยืมพี่ต่ายมาควงซะเลยไงเปเล่.....” ผมเงยหน้ามองพี่ต่ายพบเพียงสีหน้าเรียบเฉยที่มองผ่านผมไป
“อ๋อเหรอออ......อืมมมมม”เปเล่มันทำเสียงยานๆครับ เหลือบมองหน้าคนนู้นทีคนนี้ที มองพี่ต่ายมั่งมองผมมั่ง จนผมมองตามมันชักจะตาลาย แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันอีกครับ เพื่อนๆผมกลุ่มใหญ่ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้มากมาย ส่งเสียงทักทายกันเกรียวกราวตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานานๆ
พี่ต่ายเลยค่อยๆห่างออกมาจากผมไปโดยปริยาย ผมเองก็ห่วงพี่ต่ายนะครับ กลัวพี่ต่ายจะเบื่อไปซะก่อน ผมเองก็ไม่รู้จะดึงพี่ต่ายเข้ามาร่วมวงสนทนายังไง พอปลีกตัวได้นิดหน่อยผมเลยเดินมาหาพี่ต่าย ก็ดูหน้าตาสบายๆดีครับ ติงก็ชวนคุยเป็นระยะๆ
“พี่ต่ายเบื่อไม๊ครับ ผมขอโทษนะ เซ็งรึเปล่า”ผมกังวลว่าพี่ต่ายจะน้อยใจน่ะครับ ว่าจะบอกเบ็ตตี้กับเปเล่ว่าพี่ต่ายเป็นแฟนผมเอง ก็ยังไม่มีจังหวะเลย
“ไม่ต้องห่วงนะโอม เบ็ตเป็นเพื่อนคุยให้เองกำลังคุยสนุกเลย”แต่ผมไม่สนุกแล้วนะ พี่ต่ายยังไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย ตั้งแต่ตอนที่แนะนำเปเล่แล้ว นี่ยังดีที่ไอ้เล่มันเร่ไปหาคนอื่นแล้วไม่งั้นผมคงแย่กว่านี้ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยหันไปคุยกับเพื่อนๆต่อ ซักพักนึงเบ็ตตี้กับพี่ต่ายเดินมาหาผม
“เบ็ตขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะค่ะ พี่ต่าย โอม เดี๋ยวแอนเค้าจะให้ไปช่วยงานอะไรนิดหน่อยจะไปเติมหน้าหน่อยนึง เดี๋ยวงามไม่พอ คริคริ”
“เบ็ตไปเข้าห้องน้ำโอมไปเป็นเพื่อน พี่ต่ายด้วยนะ”ช่างเป็นโอกาสอันดีครับที่ผมจะได้คุยเป็นส่วนตัวกับพี่ต่ายหน่อย ผมดูนาฬิกาตั้งแต่ลงจากรถมา4โมงเย็นจนตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว ผมไม่ได้พูดกับพี่ต่ายเป็นเรื่องเป็นราวเลย เฮ้ออออ
ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำเบ็ตก็บอกพวกผมว่า
“พอออกจากห้องน้ำแล้วโอมกับพี่ต่ายไม่ต้องรอเบ็ตนะ เดี๋ยวเจอกันในงานแล้วกันเพราะเดี๋ยวจะมีพิธีการแล้วล่ะ”
“จะมีอะไรเหรอเบ็ต ให้ผมช่วยอะไรไม๊”ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเค้าจะทำอะไรกันเดี๋ยวนี้งานแต่งงานเค้ามีจัดกันแปลกๆ ไม่ค่อยซ้ำกันเลย
“ไม่ต้องจ๊ะโอม คอยดูอย่างเดียวแล้วกันน่าจะน่ารักดีนะ”แล้วเบ็ตก็แยกไปเข้าห้องน้ำครับ
ผมกับพี่ต่ายเลยแยกไปเข้าห้องน้ำชายกันสองคน ไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่ครับ พอเราปฎิบัติภาระกิจส่วนตัวพาน้องชายไปร้องไห้เสร็จ ก็ไม่เหลือใครในห้องน้ำแล้วครับนอกจากเราสองคน ผมก็เลยถามพี่ต่ายไปว่า“พี่ต่ายเบื่อไม๊ กินอะไรไปมั่งรึยังเห็นคอยแต่บริการเบ็ตน่ะ หิวไม๊ครับ”
ต้องถามนิดนึงครับ ถึงผมจะเป็นคนไม่ค่อยได้เรื่องอะไรเท่าไหร่ แต่งานนี้ผมรู้สึกว่าผมทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ได้ดูแลพี่ต่ายบ้างเลย (เพิ่งสำนึกครับ แหะๆ) พี่ต่ายสบตาผมในกระจกแล้วตอบผมว่า
“พี่ไม่ค่อยหิว ทานอะไรไม่ค่อยลงด้วย ไม่ต้องห่วงเบ็ตตี้เค้าก็ดูแลพี่อยู่”เสียงจะเย็นเยียบไปกว่านี้อีกไม๊พี่น้องเอ๊ย น้ำเสียงพี่ต่ายพูดกับผมทำเอาผมน้อยใจ เหมือนผมเป็นคนอื่นเลย

“เหรอครับ....ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ดูแลพี่ต่ายเลย” ผมว่าน้ำในก๊อกมันเย็นนะครับ แต่ใจผมมันเย็นเฉียบไปมากกว่าอีก ผมพูดต่อไม่ออกเลย น้ำตามันปริ่มๆจะไหลอยู่แล้ว
“ก็เราแค่มางานด้วยกันนี่ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย โอมจะมาขอโทษพี่ทำไมกัน”พอพี่ต่ายพูดออกมาแบบนี้ ผมก็น้ำตาร่วงเลยครับ แอบเอามือปาดน้ำตา แล้วจะเดินออกไปจากห้องน้ำ กะว่าพี่ต่ายคงไม่เห็นเพราะวันนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ต่ายอยู่แล้วนี่
แต่พี่ต่ายกลับดึงมือผมไว้ “โอมจะไปไหน...”
“ก็...เสร็จแล้วจะอยู่ทำไมล่ะพี่...ออกไปดีกว่า”ผมพยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้พี่ต่ายรู้ว่าผมน้ำตาไหล
“อ๋อจะไปคุยกับเพื่อนสนิทเปเล่เหรอ...งั้นก็ตามสบายนะ”พี่ต่ายปล่อยมือผมทันทีที่พูดเสร็จ แต่ที่พี่ต่ายพูดออกมากลับยิ่งทำให้ผมเสียใจไปมากกว่าเดิม แล้วนิสัยเสียๆของผมก็กลับมาอีก ผมหันไปบอกพี่ต่ายด้วยความลืมตัวทั้งๆที่น้ำตายังคลอตาอยู่
“เปเล่เป็นเพื่อนโอมจริงๆนะ เราไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้นเลย” :

:พี่ต่ายเห็นหน้าผมแล้วก็อึ้งเงียบไปแทบจะทันทีที่เห็นผมร้องไห้ ผมหันหลังให้พี่ต่ายไม่อยากจะพูดอะไรให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว มีอะไรคงต้องกลับไปเคลียร์กันที่บ้าน ผมไม่อยากจะมาทำตัวแย่ๆในงานเพื่อน
“เราคงต้องมีเรื่องพูดกันให้เข้าใจก่อนแล้วล่ะโอม....ตามพี่มา”พี่ต่ายไม่ยอมให้ผมออกไปจากห้องน้ำง่ายๆครับ พี่ต่ายดึงมือผมเข้าไปในห้องน้ำคนพิการครับ ผมเข้าใจครับห้องมันกว้างดีกว่าห้องอื่น แต่นี่มันในห้องน้ำนะเนี่ยมันอึดอัด
“พี่ต่ายยยยเข้ามาในนี้ทำไม....ผมไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้นมีอะไรกลับไปคุยกันที่บ้าน”ผมพูดไปน้ำตาก็ไหลไป แล้วแบบนี้เค้าจะปล่อยผมไปง่ายๆเหรอเนี่ย
พี่ต่ายดึงกระดาษทิชชูในห้องน้ำมายื่นให้ผม ผมส่ายหน้า
“ไม่ได้ขี้จะเอามาทำไม” แอบหยาบคายครับ รู้ก็รู้ว่าพี่ต่ายเอามาให้เช็ดน้ำตา แต่อยากกวนนี่นา จะบร้ารึไงเอากระดาษเช็ดก้นมาให้ผมเช็ดน้ำตา
“ฮ่าๆๆๆ เอามาให้เช็ดหน้าที่ตอนนี้เลอะเหมือนก้น หึหึ”พี่ต่ายยื่นกระดาษใส่หน้าผมอีกครั้ง ผมเลยเอามือปัดมือพี่ต่ายออกไปจากหน้าผม พี่ต่ายเลยได้โอกาสดึงมือผมกระชากผมเข้าหาตัวพี่ต่าย แล้วพี่ต่ายก็กอดผมไว้กระซิบที่ข้างๆหูผมเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมครับโอม....”พี่ต่ายเอามือลูบหัวผม ผมเลยยิ่งร้องใหญ่ ไม่ได้สนใจเลยครับว่าอยู่ที่ไหน ไม่ได้คิดอะไรเลย
“พี่ต่ายมาพูดแบบนี้ทำไมล่ะ เหมือนโอมไม่ได้มีค่าอะไรกับพี่ต่ายเลย เหมือนโอมเป็นคนอื่นอ่ะ ฮือๆๆๆ”พี่ต่ายยังไม่ได้พูดอะไรต่อครับ ได้แต่ลูบหลังผมเบาๆ จนเสียงร้องไห้ของผมค่อยเบาลง
พี่ต่ายถึงบอกผมว่า“ไม่ร้องนะ...คุยกันดีกว่าไม๊”
พี่ต่ายจับไหล่ผมผลักออกเบาๆเพื่อที่จะเห็นหน้าเห็นตากันชัดๆ แววตาของพี่ต่ายที่มองมายังเป็นพี่ต่ายคนเดิมของผมครับคนที่รักผม พี่ต่ายเอานิ้วมือปาดน้ำตาที่แก้มผมออกเบาๆ แล้วก็แอบเอากระดาษเช็ดก้นมาเช็ดหน้าผมด้วย มันสากจังถึงแม้จะเป็นกระดาษในโรงแรมหรูๆ แต่ผมก็ไม่สนแล้วครับ
“เปเล่เป็นเพื่อนของผมเฉยๆจริงๆนะพี่ต่าย แต่มันต๊องๆกวนตีนน่ะ แต่ก่อนเราก็เล่นกันแบบนี้ มันก็เลยติด แต่มันไม่ได้ชอบโอมแบบนั้นจริงๆ”ผมพยายามอธิบายให้พี่ต่ายเข้าใจ ยังคงสะอึกสะอื้นนิดหน่อยครับ จะหยุดร้องไห้ตามสั่งทันทีก็ยากจัง
“แต่ก่อนทำได้ เพราะพี่ไม่รู้ไม่เห็น แต่ตอนนี้ที่พี่รู้แล้ว พี่ไม่ให้ทำ”
ตอบมาแบบนี้ ผมจะไปโวยวายดื้อดึงได้ยังไงกันครับ แต่ว่า.... “ก็ไอ้เจี้ยเล่มันพูดไม่รู้เรื่องน่ะพี่ต่าย ผมก็พยายามเอามือมันออกจากเอวผมแล้วแต่มันไม่ยอมนี่นาจะให้ทำยังไง”
“ก็ทำไมโอมไม่บอกไปล่ะ ว่าแฟนหวง แฟนมาด้วย แฟนยืนอยู่ตรงหน้านี้ ทำไมโอมไม่บอกไปล่ะ ทำไม...ทำไมล่ะโอม????”
**********************************************
เฮ้อ งานแต่งงานที่รอคอย

จะรอดไม๊