-20-
ความทรมานผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นไร ความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นนั้น จู่ๆ บีทก็ค้นพบว่าแผ่นฟ้ามีคนอื่น
ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ มันเริ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ แผ่นฟ้าก็ถอยรถป้ายแดงออกมาคันหนึ่ง ส่วนรถคันเก่าก็หายไปจากโรงรถ อาจจะเป็นเพราะที่โรงรถไม่กว้างมากพอจะจอดรถสามคันก็เป็นได้ บีทเป็นคนไม่ชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามว่าแผ่นฟ้าขายรถคันเก่าไปแล้วหรือ เขาใช้ชีวิตตามปกติต่อไปอย่างนั้น กระทั่งวันหนึ่งรถคันเก่าของแผ่นฟ้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ทว่าคนขับกลับกลายเป็นสตรีหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง
ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้าน สาวใช้ค่อนข้างลังเลว่าจะยอมให้เธอเข้ามาดีหรือไม่ เหมือนจะเกรงอกเกรงใจบีทมากกว่าถึงขั้นเดินมาถาม บีทอยากจะบอกเหลือเกินว่าให้ไล่กลับไปเถอะ เจ้าของบ้านไม่อยู่และเขาขี้เกียจจะมาต้อนรับขับสู้คนที่ไม่รู้จัก... แต่พอดูเวลาแล้วก็เปลี่ยนใจ
วันนี้เป็นวันทำงาน แต่เพราะเย็นแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเจ้าของบ้านคงจะกลับ บีทข่มใจพยักพเยิดบอกสาวใช้ให้ไปเชิญเธอเข้ามา
“อ้าว... ฟ้าไม่อยู่เหรอ?” หญิงสาวผู้มาใหม่ถามออกมาคำหนึ่งเมื่อเจอบีท
ในเมื่อไม่เห็นคนแล้วยังจะถามขึ้นมาอีกทำไม... บีทอยากจะตอกกลับไปนัก ทว่ายังสงบใจไม่พูดอะไรเสียมารยาทออกมา
“เขาไปทำงาน แต่อีกสักพักก็คงกลับแล้ว” บีทตอบสั้นๆ น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ แสร้งทำเป็นก้มหน้ามองมือถือตัวเองก่อนจะส่งข้อความไปหาเจ้าของเรื่อง
มีคนมาหาคุณที่บ้าน....
ทว่าแผ่นฟ้าไม่ตอบ อาจจะยุ่งอยู่หรือไม่ก็อาจจะกำลังขับรถกลับมา
“อ้อ... ฉันเอากุญแจรถมาคืนน่ะค่ะ ฟ้าให้ยืมหลายวันแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมา ทั้งบอกกล่าวธุระและชวนคุย แต่สำหรับบีทแล้วทำไมจะมองเจตนาอีกฝ่ายไม่ออก น่าจะตั้งใจโอ้อวดเสียมากกว่า
“เหรอครับ” บีทตอบรับสั้นๆ คล้ายไม่ยินดียินร้ายต่อข้อมูลที่เพิ่งได้รับ
แขกผู้มาใหม่หุบยิ้ม เพราะถูกความเย็นชาของบีทโจมตีเลยรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา จำต้องหุบปากไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก เปลี่ยนเป็นหยิบมือถือออกมาต่อสายแทน
คาดว่าเธอคงจะติดต่อแผ่นฟ้าได้แล้ว หลังจากรับคำสองสามคำเธอก็ตัดสาย หลังจากได้น้ำหนึ่งแก้ว หญิงสาวทนนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องรับแขกต่อไปเพื่อรอ แต่ทั้งๆ ที่บีทไม่ได้พูดด้วยทว่าไม่ได้ลุกหนีไป ยังคงนั่งกดดันอยู่ด้วยจนกระทั่งแผ่นฟ้ากลับมาถึงนั่นแหละ
“เอม...” เสียงมาพร้อมกับตัว และเจ้าของชื่อก็เด้งตัวลุกขึ้นเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“กลับมาแล้วเหรอคะ ฟ้า?”
“อื้อ... จะมาทำไม่โทรมาก่อนล่ะ?” แผ่นฟ้าตำหนิอย่างไม่จริงจังนักระหว่างเหลือบตามองบีทที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“ก็กะจะมาเซอร์ไพรส์ไง” เธอบอกด้วยเสียงออดอ้อน แนบร่างบอบบางเอนพิงแขนเขา
บีทปรายตามองคนทั้งคู่แล้วในอกพลันร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่ส่งไปยังแผ่นฟ้าเหมือนจะมีเปลวไฟคุโชนอยู่ แผ่นฟ้าหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้พยายามรูดแขนออกมาจากอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“เอ้อ อันที่จริงเราเจอกันข้างนอกดีกว่านะ ไม่น่าลำบากมาถึงนี่เลย ออกจะไกล”
ดีนี่... นัดเจอกันที่อื่นสะดวกกว่างั้นเหรอ? บีทเผลอกำมือแน่นอย่างมีโทสะ
“เอมผ่านมาแถวนี้พอดีน่ะค่ะ”
“อ้อ...” แผ่นฟ้ารับคำเหม่อๆ เขาเอาแต่มองไปทางบีทว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไรมากกว่าสนใจสาวสวยข้างๆ เสียอีก
“เอ่อ... เอมตั้งใจเอากุญแจรถมาคืนด้วยค่ะ”
“ฮะ? เอากุญแจมาคืน? แล้วเอมจะกลับยังไง” ความหมายของเขาคือ โทรบอกให้เขาไปเอากุญแจและรถยังจะง่ายกว่า
“เอ๊ะ นั่นสิคะ เอมนี่โง่จริงๆ เลย ลงท้ายก็ต้องให้ฟ้าไปส่งอยู่ดี” หญิงสาวช่างแกล้งโง่ได้น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก จากการตำหนิอ้อมๆ กลับกลายเป็นการบังคับกลายๆ ให้เขาไปส่งเสียได้
แผ่นฟ้ามีท่าทีหนักใจ กำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางหลีกเลี่ยงอย่างไรดีถึงจะให้คนขับรถไปส่งหญิงสาวแทนได้ แต่คนที่นิ่งเงียบมาตลอดการสนทนากลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “งั้นก็รีบไปเถอะ... เดี๋ยวจะกลับมากินข้าวเย็นไม่ทัน”
ดวงตาสองคู่มองไปยังทิศทางเดียวกันทันที ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของบีทจะมีอิทธิพลต่อคนฟังทั้งสองไม่น้อย สำหรับเอมแล้วรู้สึกกดดันและหวาดๆ ขึ้นมา ส่วนแผ่นฟ้าพอจะจับสำเนียงไม่พอใจได้ถนัด
บีทตั้งใจไล่พวกเขาออกไปชัดๆ และแผ่นฟ้าไม่เห็นประโยชน์ของการดื้อรั้น ดันทุรัง เขารับคำในลำคอสั้นๆ แล้วย้ำกับอีกฝ่าย “อืม... ผมจะรีบกลับมา รอก่อนนะ”
จากนั้นแผ่นฟ้าก็จับแขนหญิงสาวแล้วพาเดินออกไป
บีทที่นั่งตัวตรง หน้านิ่งเป็นหินมาตลอดบัดนี้กลับหยิบมือถือออกมาดูวันที่ แล้วก็เหมือนบรรลุธรรม ทุกสิ่งอย่างกระจ่างแจ้งขึ้นมาในบัดดล
ผลประกอบการใกล้ออกเต็มทนแล้ว... จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง และตอนนี้คงหมดเวลาแห่งการเสแสร้งเสียที เขาได้แต่แค่นยิ้มขบขันตัวเอง คำพูดประโยคหนึ่งคล้ายดังก้องขึ้นมาอีกหน
“จนกว่าจะถึงตอนนั้น... คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าใครกันแน่ที่โกหก”
มันคงถึงเวลานั้นแล้วใช่ไหมแผ่นฟ้า...
พวกเขาออกไปได้ไม่นาน บีทค่อยลุกขึ้นจากโซฟาอย่างอ่อนแรง ลากขากลับไปห้องตัวเองที่ชั้นล่างช้าๆ ห้องนี้เขาไม่ได้กลับมานอนตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มาก็คงไม่ได้ เพราะเขาคงไม่จำเป็นต้องกลับไปห้องนั้นอีกแล้ว...
บีททิ้งกายลงไปฝังกับฟูกนอน พลางยกแขนขึ้นมาปิดตาตัวเอง ปิดบังแสงไฟที่สาดเข้ามาจนแสบร้าวไปทั้งกระบอกตา ขมับทั้งสองปวดตุบ ลำคอตีบตัน จู่ๆ ก็เกิดอาการคัดจมูกขึ้นมากะทันหัน เขาพลันไม่สบายอย่างหนัก สูดน้ำมูกฮึดฮัดอย่างทรมาน สองเบ้าตาแสบร้อน ใบหูเปียกชุ่มหยาดน้ำ ก่อนจะหลับไปทั้งๆ ที่คิ้วขมวดมุ่น
หลับไปได้ครู่ใหญ่ๆ แผ่นฟ้าก็โทรมา บีทพยายามระงับอาการช็อกหนักของตัวเองแสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้สึกรู้สาเหมือนเคย กรอกเสียงเฉยชากลับไป “ว่าไง”
“คุณกินข้าวไปก่อนเลยนะ ผมอาจจะกลับช้าหน่อย” ปลายสายอุตส่าห์แสดงน้ำเสียงห่วงใยออกมา ทว่าคนฟังกลับหัวใจด้านชาไปเสียแล้ว
“อืม... รู้แล้ว” บีทตอบรับแล้ววางสายไปทั้งๆ อย่างนั้น
เมื่อเขาถูกปลุกขึ้นมาทุกอย่างก็เลื่อนลอยไปหมด อาจจะเป็นเพราะหลับไปตอนเย็นตื่นขึ้นมาจึงเวียนหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้กินมื้อค่ำอย่างที่ควร แต่ขึ้นไปชั้นบนดึงกระเป๋าเดินทางออกมา เพียงคิดจะรวบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่รวมกันออกมาจัด ก็เหน็ดเหนื่อยใจแทบบ้า
บ้าเอ๊ย เขาไม่น่ารีบร้อนขายคอนโดไปเลย ไม่อย่างนั้น ข้าวของเครื่องใช้คงไม่มากมายขนาดนี้
บีททั้งปวดหัวทั้งเป็นหวัดเลยหงุดหงิดหนักกว่าเก่า เพียงดึงเสื้อออกมาจากไม้แขวนตัวหนึ่งก็อยากจะดึงทึ้งเสื้อทิ้งหรือหักไม้แขวนออกมาเป็นเสี่ยงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาจะทำเรื่องน่าขันแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่สมกับเป็นเขาเลย...
ต่อให้จะต้องแตกหักก็ควรคุยกันให้รู้เรื่องไม่ใช่รีบยอมแพ้แล้วจากไปเฉยๆ
กว่าแผ่นฟ้าจะกลับมาก็ดึกแล้ว เขากระวนกระวายใจแทบแย่กลัวว่าบีทจะโมโหจนหนีออกจากบ้านไป แต่เนื่องจากรถยนต์ของบีทยังคงจอดอยู่ชายหนุ่มจึงสามารถสงบจิตสงบใจตัวเองลงได้
นวลที่ออกมาเปิดประตูบ้านให้เขารับเอาเสื้อนอกไปถือพลางรายงานว่า “คุณบีทไม่ได้ทานข้าวเย็น”
แผ่นฟ้าถอนใจออกมาเฮือกหนึ่งหันไปสั่งให้อุ่นนมให้หนึ่งแก้ว ก่อนจะขึ้นบันไดบ้านไป
ห้องนอนมืดสนิท แต่พอมีแสงไฟด้านนอกลอดเข้าไปบ้างจึงเห็นร่างคนนอนอยู่บนเตียงได้ แผ่นฟ้าก็ค่อยใจชื้น อย่างน้อยบีทยังไม่ได้หนีเขาไปไหน เพียงแต่งอนเล็กน้อยจนไม่ได้กินข้าวเย็น
หลังจากปิดประตูห้องเปิดไฟจนสว่าง แผ่นฟ้าก็ปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วเขย่าไหล่บีทเบาๆ
“บีท คุณหลับแล้วเหรอ ไม่ลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยเหรอ”
“ผมไม่หิว” บีทหลับตาตอบกลับ น้ำเสียงคล้ายสะกดกลั้นอารมณ์ไว้
“ผมให้นวลอุ่นนมให้แล้ว ดื่มสักแก้วก็ยังดี”
บีทไหวไหล่ ขยับตัวหนี “ไม่ต้อง”
แผ่นฟ้ามีสีหน้าลำบากใจ เอาเอนกายลงนอนแล้วโอบแขนโอบกอดเอวบีททั้งผ้าห่มไว้ คนที่ถูกกอดขยับตัว จับมือของเขาออกจากเอวตัวเองทว่าแผ่นฟ้ายังดื้อดึงพยายามแนบร่างเข้าไปชิดกว่าเดิม ริมฝีปากแตะที่หลังคอของบีทพลางเม้มจูบเบาๆ อย่างออดอ้อน แต่นั่นกลับเป็นการสุมไฟโทสะของบีทให้คุโชนขึ้นกว่าเก่า
“ถอยไป...”
“ผมทำอะไรไม่พอใจเหรอ?” น้ำเสียงแผ่นฟ้าเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิด
บีทดีดตัวขึ้นจากเตียงทันทีเหมือนไฟลนพร้อมใบหน้าถมึงทึงหันไปหาอีกฝ่ายที่ค่อยยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าคิ้วย่นเล็กน้อย “ไม่ใช่แค่ไม่พอใจนะ แต่ผมรังเกียจเลยแหละ”
แผ่นฟ้าถอนใจออกมาพลางอธิบาย “ถ้าคุณไม่พอใจเรื่องเอมนะ ผมกับเขาไม่มีอะไรกัน”
“อ้อ... คุณหายไปด้วยกันทั้งคืนแบบนี้ ผมควรเชื่อว่าไม่มีสินะ คุณเห็นผมเป็นคนหูหนวกตาบอดหรือไม่มีสมองใช่ไหม?”
“เราแค่คุยเรื่องงาน ก็เลยนานไปหน่อย”
“งาน?”
“อือ...”
“งานด้านไหนเหรอที่ต้องให้รถเขาไปยืมขับ.... ไม่ทราบว่างานบนเตียงหรือในอ่าง?”
แผ่นฟ้าถอนใจออกมาอีกคำรบหนึ่ง บางครั้งเขาก็คิดนะว่านอกจากเรื่องบนเตียงแล้ว เรื่องอื่นๆ บีทก็ ไม่ได้ต่างจากเขา ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว กิริยาท่าทาง ก็คือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่มาตอนนี้เพิ่งพบว่าบีทนั้นช่างต่อปากต่อคำ ช่างประชดประชันขนาดนี้ นี่ไม่ใช่นิสัยผู้หญิงหรือไงกัน...
“ผมกับเอมกำลังตกลงกันว่าจะลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แล้วบังเอิญรถเอมก็เกิดไปชนขึ้นมา ผมก็เลยให้รถเธอยืมแค่นี้เอง...”
“อ้อ.. หุ้นส่วนการค้า หรือหุ้นส่วนชีวิตกันล่ะ บอกมาเลยตามตรงดีกว่า ถ้าเป็นอย่างหลังผมจะได้รู้ตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเป็นส่วนเกินในชีวิตคุณ” คล้ายคำตอบของเขาทำให้บีทยิ่งอารมณ์ขึ้นกว่าเก่า สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งเจ็บปวดน้อยใจ
“ก็แค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นจริงๆ คุณอย่าคิดมากได้ไหม?”
“ผมเนี่ยนะคิดมาก? ลองคิดดูสิ ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีเงินมากพอจะมาทำธุรกิจร่วมกับคุณได้ คงไม่ได้มีรถคันเดียวใช้แน่ๆ จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องมาขอยืมรถคุณน่ะ?”
ใบหน้าแผ่นฟ้ายังคงแสดงความลำบากใจดังเดิม ทว่าไม่มีเค้าลางของความตื่นตกใจใดๆ ทั้งสิ้น มันทำให้บีทผิดหวังขึ้นมา
“คุณก็คงรู้อยู่แล้วว่ามันก็แค่คำถามลองใจคุณ แต่คุณก็ยังไม่ปฏิเสธ”
“ผมก็แค่อยากจะแสดงความมีน้ำใจเท่านั้น” แผ่นฟ้าตอบอ้อมแอ้ม อันที่จริงเอมอยากให้เขาไปรับไปส่งต่างหาก แต่แผ่นฟ้าเลี่ยงไป เปลี่ยนเป็นให้เธอยืมรถแทน
“แล้วคุณไม่รู้หรือไงว่าเขาชอบคุณ”
“บีท...” แผ่นฟ้าได้แต่เรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ก็รู้อีกนั่นแหละ... แต่คุณก็ไม่ใส่ใจ อืม...ผมเข้าใจแล้ว”
สิ้นสุดคำถามที่ต้องการ เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ บีทพยักหน้าพร้อมส่งแววตาผิดหวัง เขาขยับเท้าคล้ายจะเดินออกไป ทว่าแผ่นฟ้าคว้าแขนเขาไว้เสียก่อน รีบอธิบาย
“บีท... ฟังผมหน่อยได้ไหม จริงอยู่ว่าผมรู้ทุกอย่าง แต่แล้วยังไงล่ะ เขาอาจจะชอบผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขานี่ ผมแค่ดีกับเขาบ้าง ก็เพราะเราต้องทำธุรกิจร่วมกัน แต่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณนะ”
“นี่คุณบ้าหรือเปล่า? คุณใกล้ชิดกับเธอ ทำงานกับเธอ ให้ความหวังเธอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมไม่ทราบ หรือคุณแค่เคยชิน เสพติดเซ็กซ์จากผม กลับไปเอาผู้หญิงแล้วไม่เร้าใจพอก็เลยรั้งผมไว้ด้วยล่ะ?”
“ไม่ใช่...” แผ่นฟ้าตอบได้แค่นั้น... ไม่รู้จะตอบยังไงต่อไปดี
“ไม่ใช่แล้วยังไง ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพี่คุณหรอก แอบมีคนอื่นลับหลังผม ปากก็พูดอยู่แต่ว่าไม่มีอะไร ไม่คิดอะไร แล้วสุดท้ายก็มีแต่ผมที่โง่ ที่เจ็บอยู่คนเดียว!! บอกเอาไว้เลย ในขณะที่ผมไม่มีคนอื่น ผมก็ไม่อนุญาตให้คุณมี แต่ถ้าคุณอยากจะมีก็แปลว่าเรื่องของเรามันจบลงตรงนี้ คุณเข้าใจไหม” บีทตะเบ็งเสียงใส่ ร่ายยาวเพื่อระบายความอัดอั้น ขอบตาแสบร้าวเหมือนปริ่มน้ำขึ้นมานิดๆ แล้ว
“บีท...นี่คุณ...” แผ่นฟ้าเลิกคิ้วแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจจนบีทยิ่งโมโห
“คุณยิ้มทำไม?”
“เมื่อครู่ คุณบอกว่าเจ็บใช่ไหม? แล้วคุณก็ไม่ยอมให้ผมมีคนอื่นด้วย ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด คุณกำลังหึงผมใช่ไหม”
คนถามคลี่ยิ้มตื่นเต้นส่วนคนถูกถามเริ่มระบายสีแดงไปทั่วใบหน้า ทั้งเขินทั้งโมโหปนกันให้ยุ่งไปหมด
“ผมก็แค่... แค่... โธ่เว้ย หึงแล้วทำไม ก็คุณเป็นคนบอกรักผมเอง ทำดีกับผมเอง ผมก็คิดน่ะสิว่าคุณเป็นคนของผม จู่ๆ คุณก็เปลี่ยนไปจะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง”
“ถ้าคุณรักผม งั้นก็ควรรั้งผมไว้สิ ไม่ใช่ไล่กันแบบนี้” แผ่นฟ้าเปรยขึ้นมาพลางส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปให้
เมื่อครู่พูดว่าหึง ต่อมาพูดว่ารัก บีทฟังแล้วปั้นหน้าไม่ถูก จะยอมรับก็ไม่ได้จะเถียงก็ไม่ออก ได้แต่ทำหน้าตะบึงตะบอนอย่างเดิม “ไม่เอาแล้ว ผมไม่คิดจะรั้งคนที่หมดใจไว้อีกแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะพูดจริงหรือโกหก ถ้าตอนนี้คุณเจอคนที่ใช่แล้วจริงๆ ก็บอกมาตรงๆ ดีกว่า ผมจะได้ตัดใจได้ ไม่ต้องโกรธแค้นคุณ”
แผ่นฟ้าเข้าใจ บีทคงจะเหนื่อยแล้วจริงๆ นิสัยของเจ้าตัวเป็นคนเย่อหยิ่ง ฟอร์มจัดขนาดนี้ แต่กลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างวางแผนตั้งมากมายเพื่อทำให้พี่อิฐกลับไปหา แต่ลงท้ายแล้วต่อให้ทำให้เด็กคนนั้นจากไปได้ แต่พี่อิฐก็ยังไม่กลับมา ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่าแท้ๆ มาตอนนี้เขาคงปล่อยวางได้บ้างแล้ว...
จะว่าไปสิ่งที่บีทว่าก็ถูก ไม่ว่าเขาจะคิดไว้ยังไง แต่ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องในอนาคต โดยเฉพาะบีทเองก็มีปม เรื่องแนวนี้เคยเกิดขึ้นแล้วคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก เขาเองก็ไม่ควรปิดบังเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจจะเลวร้ายขึ้นมาก็ได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดอกพูดความจริงเสียเลย...
“ความจริงก็คือ...ผลประกอบการออกแล้ว... ถึงจะไม่เป็นทางการ แต่คงไม่พลิกล็อกได้หรอกมั้ง บีท... ผมแพ้แล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่อยากจะเสียไปมากที่สุดก็คือคุณ” แผ่นฟ้าจ้องหน้าบีทแล้วส่งสายตาแสนเศร้า มันไม่ใช่แค่ความเสียใจ มันมีทั้งความผิดหวัง ความล้มเหลว ความหวาดกลัวอยู่เต็มไปหมด
บีทไม่ได้สนใจเรื่องบริษัทมาแต่ไหนแต่ไร แต่เมื่อพบความเศร้าจากแววตาของอีกฝ่ายในใจก็เจ็บปวดขึ้นมาด้วย เมื่อความสงสารพุ่งขึ้นมาความโมโหโกรธเกรี้ยวก็ค่อยทุเลาลงบ้าง เขายกมือแตะไหล่ที่ตกลู่ของแผ่นฟ้าคล้ายปลอบ
“ผมขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ผมแค่อยากจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่อยากให้คุณต้องกังวล”
“คุณจะจัดการยังไง?” ในคำถามนั้นบีทก็หวั่นกลัว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ตกลงแล้วการมีอยู่ของเขา สามารถช่วยเหลือแผ่นฟ้าอย่างไรได้บ้าง
ถ้าแผ่นฟ้าอยากใช้เขาต่อรองกับอิฐจริงๆ เวลานี้ก็เป็นเวลาที่ก็เหมาะสมแล้วที่แผ่นฟ้าจะตัดขาดจากเขา แต่แผ่นฟ้ากลับพยายามรั้งเขาไว้ เขาเลยสับสนไปหมดแล้ว
“อันที่จริงถึงจะไม่ได้เป็นประธานแล้วถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งกรรมการตามเดิมมันก็คงไม่หนักหนาอะไรหรอก แต่ผมไม่รู้ว่าพี่อิฐจะเอายังไงกับคุณ หรือคุณจะเป็นยังไงต่อไปนี้ ผมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมไม่ได้... อย่างน้อยๆ ผมก็ควรเตรียมการอะไรไว้บ้าง”
“คุณก็เลยอยากจะทิ้งอิทธิฤทธิ์กรุปไปอย่างนั้นเหรอ?” บีทเริ่มคาดเดา
“ใช่... ถ้าไม่มีผมสักคน ต่อให้คุณทำงานอยู่ที่เดิม พี่อิฐคงจะวางใจว่าคุณจะไม่สามารถเข้าไปยุ่ง หรือไปก้าวก่ายชีวิตเขาได้อีกแล้ว... หรือต่อให้เขาจะเอาคุณออกให้ได้ คุณก็สามารถมาทำงานกับผมได้”
“ทำงาน? นี่คุณจะเปิดบริษัททัวร์ด้วยเหรอ?”
“อือ...”
“นี่คุณ...”
บีทพูดอะไรไม่ออกแล้ว คลับคล้ายมีอะไรมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด แผ่นฟ้าคิดถึงเขา ทำเพื่อเขามากมายขนาดนี้ แล้วเขาล่ะ ได้ทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายบ้าง แต่ต่อให้คิดกลับไปกลับมาเท่าไรก็ยังไม่พอใจกับวิธีการของอีกฝ่ายอยู่ดี
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะไม่ชอบให้แผ่นฟ้าหลอกใช้คนอื่นหรือเป็นเพราะหวงเขาไม่อยากให้ใกล้ชิดคนอื่นกันแน่...
“ผมดีใจนะที่รู้ว่าคุณทำเพื่อผมมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับเธอคนนั้นจริงๆ มันก็ไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไร เพราะงั้น... ถ้าคุณทำทุกอย่างเพื่อผมจริงๆ ละก็ ผมขอให้คุณอยู่ห่างๆ เธอไว้ได้ไหม?”
“นอกจากเรื่องงานแล้วผมไม่มีปัญหานะ ถ้าจะไม่ต้องเจอเอมอีก แต่ถ้าผมถอยออกมาจริง แล้วเรื่องของเรา...”
“เรื่องของเราก็คือเรื่องของเราสิ ถ้ามีแค่เรายังไงมันก็ดีกว่าเอาคนอื่นเข้ามาไม่ใช่เหรอ?” บีทสวนกลับ จ้องหน้าแผ่นฟ้าเหมือนออดอ้อนเชิงบังคับ
แผ่นฟ้านิ่งค้างไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้ารับ
“ผมจะพักเรื่องบริษัทใหม่ไว้สักพักก็แล้วกัน ไว้ผลประกอบการออกมาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยคิดอีกที”
ครั้นได้รับคำตอบนั้นแล้วจึงสามารถเรียกรอยยิ้มให้คืนมาบนใบหน้าคาดคั้นนั่นได้
บีทยืนนิ่งอย่างนั้นได้เพิ่งครู่เดียวก็ขยับตัวเดินอ้อมเตียงไป แผ่นฟ้าเลิกคิ้วน้อยๆ พลางถามอย่างข้องใจ “อ้าว นั่นคุณจะไปไหนล่ะ?”
“ลงไปหาอะไรกินน่ะสิ ไม่ใช่ว่าคุณสั่งให้อุ่นนมให้ผมหรอกเหรอ?” คำตอบตรงไปตรงมาพร้อมใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แผ่นฟ้าหลุดหัวเราะออกมาทันที
หึ! หิวแทบตายแล้วแต่ทำหยิ่ง ประชดไม่ยอมไปกิน
นี่ถ้าคืนนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง คงยอมทนท้องกิ่วยันเช้าใช่ไหมเนี่ย!
++++++++++
อิฐไม่ได้เข้าบริษัทมานานแล้ว เพราะกำลังหัวหมุนกับกิจการโรงแรมที่กำลังก่อตัว ครั้นเข้ามาตรวจงานก็พึงพอใจเล็กน้อยไม่ได้กับผลกำไรที่เพิ่มขึ้น
4.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย ทว่าก็ยังไม่ถึงเป้าตามที่ตกลง...
อันที่จริง บริษัทของเขาไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด ผลกำไรก็เป็นที่พอใจมาตลอด การจะทำกำไรเพิ่มขึ้น 5เปอร์เซ็นต์ความจริงเป็นเรื่องยาก เขาก็เพียงแค่ตั้งเงื่อนไขยากๆ เพื่อความท้าทาย น้องชายจะได้ขยันขันแข็งมากขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการต่อรองอื่นๆ น่ะมันเป็นแค่ผลพลอยได้
ก่อนหน้านี้เขาคุยกับแผ่นฟ้ามาบ้างแล้ว เจ้าตัวย้ำกับเขาอย่างหนักแน่นว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เจ้าตัวก็จะยอมรับมันแต่โดยดี แต่ไม่ยอมให้ลากบีทเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเดิมพันนี้เป็นอันขาด และในเมื่อบีทเองก็ไม่มายุ่งกับเขาแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับไปสร้างความลำบากเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ยุ่งยากใจก็คือ แผ่นฟ้าเกริ่นๆ ไว้ว่าจะขายหุ้นคืนให้เขา ส่วนตัวเองจะถือครองหุ้นไว้บางส่วนแล้วไปเริ่มทำอะไรของตัวเอง...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบรับง่ายๆ โดยไม่คิดอะไร ทว่าตอนนี้เขามีงานใหม่ที่เพิ่งเริ่ม ยังไม่เข้าที่เข้าทางต้องดูแล ถ้าให้ดูแลอิทธิฤทธิ์กรุปไปพร้อมๆ กันอาจจะพอไหว แต่เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เขาวางแผนจะทำในไม่กี่เดือนข้างหน้าก็กังวลใจขึ้นมาทันที ด้วยสภาพร่างกายตอนนั้น เขาคงรับงานหนักเหล่านี้ไม่ไหวแน่...
ในระหว่างที่กำลังกังวลนั้นไม่คาดคิดเลยว่า บีทจะมาขอพบเขา ชายหนุ่มเหลือบตามองอดีตคนรักด้วยความประหลาดใจ “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคุณ”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก”
“นั่งสิ มีอะไรเหรอ?”
“จะมาเจรจา...”
“อ้อ... เรื่อง?”
“เรื่องตำแหน่งประธานบริษัท...” อ้อ ที่แท้ก็เรื่องนี้ เขายิ้มบางๆ
“ผลยังไม่ออกซะหน่อย ถึงจะพอเดาๆ ได้ก็เถอะ”
“ถ้าผมขอร้องให้คุณไม่ยึดตำแหน่งนั้นคืนไป มันพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า?”
อิฐขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่าน้องชายห้ามไม่ให้เขาไปพบบีทอีก ห้ามพูดจาผลักไสบีท เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไป ทว่าตอนนี้บีทเป็นคนเสนอตัวเข้ามาคุยเอง อย่างนี้แล้วเขาก็ไม่ผิดใช่ไหมที่จะต่อรองกลับไป
ดูจากภาระหนักอึ้งของตัวเอง เขาอยากคืนตำแหน่งนี้ให้แผ่นฟ้าอยู่แล้วแต่แรก ทว่าจะกลับคำพูดเสียทันทีก็ดูง่ายดายเกินไป ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาไม่อาจจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปได้
เรื่องที่ไอ้ฟ้าหลงรักบีทไปแล้วน่ะ เขาไม่ติดใจสงสัย แต่บีทคิดอย่างไรกับไอ้ฟ้าต่างหากที่เขายังแคลงใจ อดไม่ได้จริงๆ ที่จะพิสูจน์...
“ได้แน่นอน... ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง แล้วแต่จะเลือกเลย”
“ว่ามาสิ...”
“เลิกติดต่อ เลิกยุ่งเกี่ยวกับไอ้ฟ้าซะไม่ว่าวิธีใดก็ตาม”
“แล้วทางที่สอง...” บีทรีบตัดบทคลับคล้ายกับทางนี้เขาไม่มีทางจะเลือกแน่นอน
“ส่วนทางที่สอง... ก็คือลาออกจากที่นี่”
+++++++++++
ต่อรีล่าง