พิมพ์หน้านี้ - คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-07-2017 17:04:11

หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-07-2017 17:04:11
อ้างถึง


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


นิยายของนิที่ลงไว้ที่ เล้านะคะ.... :o8: :impress2: จบแล้วทุกเรื่องค่ะ

]เซ็ต U แนวมหาวิยาลัย[
+ ผมถูก My Fanclub~~จับกด!!XX+     (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25704.new) ตุลย์-ปอนด์ :m25:

 ...กู “รับ”  ไม่ได้... (ถ้าไม่ได้รัก)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=22465.0)  กิ๊ง-กันย์ :-[

!พี่คะ รับกะเทยทานเพิ่มไหมคะ!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24654.new) ฐา-โต้ง :m20:

]MPREG SET[
หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51651.0) (น่ารักอบอุ่น)
คุณแม่รับจ้าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52931.0) (ดราม่า)

ภาคต่อ... เจ้าเล่ห์แสนรัก (กำลังแต่ง)


ติดตามข่าวสารรวมเล่มและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
ฝากเพจ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread)

หัวข้อ: Re: <spin of mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-07-2017 17:14:35
ชี้แจงก่อนนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อยอดมาจาก นิยาย MPREG ที่แต่งจบไปแล้วคือ หมอครับ ผมอยากมีลูก /คุณแม่รับจ้าง
สองเรื่องนี้เป็น MPREG (ท้องได้แบบวิทยาศาสตร์)

เจ้าเล่ห์แสนรัก จะมีตัวละครจากทั้งสองเรื่องนี้โผล่มาบ้าง (เกี่ยวเนื่องกับคุณแม่รับจ้าง*) มีเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง ถ้าอ่านสองเรื่องแรกก่อนก็จะเข้าใจที่มาที่ไปมากขึ้น แต่หากไม่อ่านก่อนแล้วมองข้ามเรื่องตรรกะการท้องไปก็สามารถอ่านแยกได้

หมายเหตุ* แม้ว่าเรื่องหลักทั้งสองนั้นจะมีตัวละครท้องได้ แต่ภาคนี้ซึ่งเป็นภาคต่อ... ตัวเอกท้องไม่ได้นะคะ
*สามารถ อ่านภาคแรกๆ ได้ตามลิงค์นี้นะคะ
]MPREG SET[
หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51651.0) (น่ารักอบอุ่น)
คุณแม่รับจ้าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52931.0) (ดราม่า)

เจ้าเล่ห์แสนรัก 
BY
๛ナーリバス๛

-1-



   ต่อให้ไม่ต้องออกแรงทำอะไรให้เหนื่อย แต่การเดินทางหลายชั่วโมงบนเครื่องบินก็ทำให้เมื่อยล้า หลังจากบินกลับจากญี่ปุ่น สิ้นสุดงานไกด์ทัวร์เรียบร้อย บีทก็คิดเพียงว่าอยากจะกลับคอนโดแล้วนอนหลับยาวๆ สักตื่นแล้วค่อยโทรไปหาคนรัก ทว่าความคิดนั้นก็เป็นหมัน

เขาหลับไปได้ไม่นานก็มีใครบางคนโทรมา เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุดคนนั้น ชายหนุ่มก็หงุดหงิดใจจนกดปิดเสียงมือถือแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น มิไยดีว่าอีกฝ่ายจะโทรมากี่สายหรือส่งข้อความมากี่ครั้ง

ท้ายที่สุดเขาก็หลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อตื่นเต็มตาแล้วจึงควานหาโทรศัพท์มากดดู

ชายคนนั้นโทรเข้ามาหลายสายไม่พอ ยังทิ้งข้อความไว้ในโปรแกรมไลน์อีกด้วย

   “นี่คุณรู้หรือยัง เรื่องที่พี่อิฐนอกใจคุณ”

   “ไม่ใช่แค่แอบมีกิ๊กนะ ยังพามาอวดถึงบริษัทด้วย”

   “นี่... ถ้าไม่รีบมา เดี๋ยวจะจับไม่ได้นะ!”

   เพราะข้อความพวกนั้นทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวโทรไปถามคนรัก เพียงแต่ติดต่อไม่ได้ โทรหาเลขาก็บอกว่ามีแขกคนสำคัญ ไหนๆ ก็ตื่นแล้วและหลับไม่ลงอีกจึงตัดสินใจไปดูให้เห็นกับตา ถ้าคนเจ้าเล่ห์นั่นโกหกแม้แต่คำเดียวละก็ เขาไม่ยกโทษให้แน่ แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องราวกับพลิกผัน วินาทีที่ฝ่าด่านเลขาคนงามเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัทแล้วพบว่ามีเด็กหนุ่มหน้าใสอยู่ในห้องนั้นด้วย หัวใจของเขาก็แทบแหลกสลาย

   หลังจากฟังคำแก้ตัวมากมาย ถึงไม่พอใจแค่ไหนที่อีกฝ่ายปิดบังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากแกล้งทำเป็นนิ่งยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสงบ... ผิดกับในใจที่กำลังสับสนและกังวลอย่างหนัก...

   ถึงแม้จะเป็นคนแค่คนที่ถูกจ้างมาเพื่ออุ้มท้องให้ แต่ถ้าอยู่บ้านเดียวกันตลอดอย่างนั้นอาจมีสักวันที่สายเกินแก้ไม่ใช่หรือ ภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบต่อหน้า ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ได้แต่คิด... หาวิธีทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งที่ตัวเองรักและหวงแหนไว้ ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม


   “คุณติดหนี้ผมครั้งหนึ่งนะ” เป็นข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาหลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้ว

   ถึงเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหรือไม่เคยไว้ใจตัวม้าเร็วส่งข่าวนั่นนักก็เถอะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองติดหนี้เขาหนึ่งครั้งจริงๆ อย่างน้อยการที่เขาสอดมือเข้ามายุ่งก็ทำให้บีทรู้ความจริงทุกอย่างไวขึ้น...

   แต่ครั้งแรกผ่านไปไม่เท่าไรก็มีครั้งที่สอง

   หัวใจเขาเจ็บหนึบไปหมดตอนที่รู้ว่าอิฐแอบไปเที่ยวภาคเหนือกับเด็กนั่น ปิดบังเขาที่ทำงานที่ญี่ปุ่นเหมือนเขาเป็นคนโง่ เขาสู้เก็บความเจ็บช้ำน้ำใจเพราะความรักไม่ปริปากอะไรแม้แต่คำเดียวเพราะไม่อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีร่วมกันมาตั้งสี่ปีพังทลายไป จนกระทั่งมีครั้งที่สาม

   เขาก็รู้สึกว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...



   ชายหนุ่มแอบขับรถออกมายังงานเลี้ยงฉลองครบรอบของเครือ “อิทธิฤทธิ์กรุ๊ป” ตามคำยุแยงของ “แผ่นฟ้า” ลูกพี่ลูกน้องที่ขัดแย้งกับอิฐเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจมานาน

   อันที่จริงบีทไม่เข้าใจความซับซ้อนเรื่องผลประโยชน์รวมถึงความขัดแย้งเรื่องหุ้นส่วนของพวกเขาสองพี่น้องนักแต่เพราะได้ยินอิฐบ่นถึงน้องชายตัวดีให้ฟังบ่อยๆ จึงพลอยระมัดระวังตัวตามไปเท่านั้น เพราะเขาไม่ต้องการถูกใช้เป็นเครื่องมือใดๆ ทั้งนั้น 
ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป หลังจากถูกโกหก ปิดบังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็ยอมรับว่าการที่มีแผ่นฟ้าคอยส่งข่าวของคนรักให้กลายเป็นเรื่องดี  เขาไม่รู้หรอกว่าแผ่นฟ้าทำแบบนี้ไปทำไม ทำให้เขาทะเลาะกับอิฐแล้วอีกฝ่ายได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา รู้เพียงว่าความรักทำให้คนตาบอด ความหึงหวงยิ่งแล้วใหญ่มันทำให้เขาขาดความยั้งคิดใดๆ ไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ใครจะเป็นหรือตายขอแค่อิฐอยู่กับเขา...

บรรยากาศงานเลี้ยงทั้งสดใสและครึกครื้นแต่บรรยากาศในใจของบีทช่างมืดทะมึน คนรักของเขาตอนนี้กลับไปเอาอกเอาใจคนอื่น

ใช่สิ! เด็กคนนั้นทั้งเด็กกว่า เข้ากับแม่เขาได้ดีจนได้สินสอดเป็นมีหุ้นส่วนบริษัทไว้รองรัง แล้วตอนนี้ยังมีลูกด้วยกันอีก มีหรือที่อิฐจะไม่พะเน้าพะนอ

เขาปั้นหน้ายิ้มจนเหนื่อยรอจนอิฐแยกตัวออกไป กลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่คุ้นเคยจากตัวคนรัก เมื่อมันติดอยู่ที่กายผู้อื่นกลับสร้างความหงุดหงิดจนคันยิบไปทั้งฝ่ามือ

หลังจากประทะฝีปากกันสองสามคำ เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว...   

หึ! แต่มีหุ้นส่วนในกำมือแล้วยังไง ถ้ามารหัวขนนั่นตายไป ยังเหลืออะไรให้ต่อรองอีก

คิดเพียงเท่านั้นสองมือก็เผลอผลักร่าง “คนสกปรก” นั่นลงสระน้ำไปแล้ว

เขายืนมองร่างที่ตะเกียกตะกายอยู่ในสระด้วยความคิดว่าถ้ากำจัด “พวกเขา” ไปแล้ว ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนเมื่อสี่ปีก่อน


++++++++++



   หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทแทนบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตไป อิฐก็เริ่มหยิบจับงานแต่ละอย่างอย่างจริงจัง และเข้าร่วมทัวร์หนึ่งเพื่อศึกษางาน...

   ตอนที่ไปทัวร์ญี่ปุ่น อิฐได้พบไกด์หนุ่มคนหนึ่งซึ่งคาดว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นคนตัวสูงขาว ผมตัดสั้น บุคลิกที่มั่นใจนั่นมีเสน่ห์มากทีเดียว และมีบางอย่างในตัวที่ดึงดูดความสนใจไปจากเขา จนกระทั่งมีช่วงเวลาที่ลูกทัวร์แยกย้ายกันเที่ยวตามอัธยาศัย อิฐแอบเดินตามไกด์หนุ่มไปเงียบๆ

   “คุณเดินตามผมมาทำไม” คำถามค่อนข้างไม่พอใจ...

   “ผมมาคนเดียว”

   “ก็เที่ยวคนเดียวไปสิ”

   “คุณเป็นไกด์นะ ก็ต้องพาผมเที่ยวสิถึงจะถูก”

   “ตอนนี้มันช่วงฟรีสไตล์ อยากไปไหนก็ไปสิ”

   “ผมอยากไปกับคุณ...” อีกฝ่ายถอนใจรำคาญ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบ...

   “ผมชื่ออิฐ คุณชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ขอเบอร์ได้ไหม”

   “ผมขอไม่ตอบคำถามนอกหน้าที่” เขาตอบแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง อิฐเดินตามเข้าไปแล้วถือวิสาสะนั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา

   “คุณไม่ชอบผู้ชายเหรอ?”

   “....”

   “จริงอ่ะ? นี่เรด้าผมเสียเหรอเนี่ย”

   “เปล่า... ผมไม่สนใจลูกทัวร์”

   “อ้าว ทำไมล่ะ?”

   “ทริปนึงผมเจอคนแบบคุณไม่รู้เท่าไร ถ้าใส่ใจจริงจังกับคำพูดพวกนี้ คงเสียใจไม่รู้กี่ครั้ง กี่หน”

   “ถ้างั้น ผมจะจีบคุณตอนเรากลับไทยแล้วได้ไหม?”

   “เอาสิ ถ้าเราเจอกันอีก... ผมจะบอกชื่อกับเบอร์แล้วกันนะ” เขาตอบอย่างไว้ตัว อิฐพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ตามเซ้าซี้เขาอีก
   



   “ทานข้าวกันสักมื้อสิคุณไกด์ ก่อนจาก...” อิฐร้องขอเมื่อกลุ่มทัวร์เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว

   “ผมไม่ชอบงานเลี้ยงส่ง เราควรเลี้ยงฉลองที่ได้พบกันอีกครั้งมากกว่า” อีกฝ่ายยิ้มกวน

   “ได้... หวังว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด” เขารับคำยิ้มๆ ก่อนจะกลับบ้านไปด้วยอารมณ์เบิกบาน

   ไม่เกินสามวันเขาก็เรียกพบไกด์ทัวร์ที่ถูกตานั่นมาพบ...

   คนหนึ่งยังเป็นไกด์ แต่คนหนึ่งมิใช่ลูกทัวร์แต่เป็นประธานบริษัท!   .

   “คุณสนุกมากใช่ไหมที่หลอกผมเนี่ย” ไกด์หนุ่มเอ่ยถามเสียงนิ่ง...

   “ผมไม่ได้หลอกคุณนะ แค่ไม่ได้บอกเท่านั้นเองว่าตัวเองเป็นใคร ไม่ใช่เหรอ?” อิฐตอบ

   “แล้วไง? จะเอาอะไรอีกล่ะ?”

   “ทานข้าวกันสิ ฉลองที่ได้เจอกันอีกไง อีกอย่าง... คุณสัญญาว่าถ้าเราเจอกันอีกคุณจะบอกชื่อกับเบอร์โทรไม่ใช่เหรอ?” เขาทวงสัญญาทันที

   “บีท...ชื่อผม”

   “เบอร์ด้วยครับ”

   “42”

   “ผมขอเบอร์โทร... ไม่ใช่เบอร์รองเท้า!”

   “ผมบอกจะให้เบอร์ แต่ไม่ได้บอกว่าเบอร์อะไรนี่”

   “โอเค... งั้นไปข้าวด้วยกันก่อนก็ได้ อย่างอื่นค่อยว่ากัน...”

   
++++++++++


   สี่ปีแล้วที่คบกันมา

บีทยังเหมือนเดิม อิฐก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความรู้สึกอยากมีลูก...

   บีทไม่เข้าใจความคิดของอิฐ... เป็นเกย์แล้วทำไมอยากมีลูก ถ้าอยากมีลูกทำไมไม่ชอบผู้หญิง แต่งงานมีครอบครัวอย่างคนปกติ ไม่รู้สึกแปลกหรือไงถ้าผู้ชายสองคนจะเลี้ยงดูเด็ก...

   การมีลูกสำหรับเขามันคือภาระอันหนักอึ้ง มันคือการสูญเสียอิสระในการใช้ชีวิตเพื่อดูแลคนอื่น

   ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ... นึกภาพตัวเองตอนอุ้มเด็กสักคนพาดบ่าไม่ออกเลย!

   เขาผิดตรงไหนที่ปฏิเสธการตั้งท้อง  ปฏิเสธการเสี่ยงอันตรายและการทำลายความสุขของตัวเอง

   แต่อิฐล่ะ? คิดยังไงถึงได้จ้างคนอื่นมาอุ้มท้องให้ อนุญาตให้เขาได้รับทุกอย่างไม่ต่างจากคนรัก พาไปอยู่บ้าน ดูแลเลี้ยงดูออกนอกหน้า... ถึงอีกฝ่ายจะพยายามบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ใครบ้างจะไม่หวาดระแวงในเมื่อกี่รายมาแล้วที่ “รักแท้แพ้ใกล้ชิด”

   แล้วเขาผิดหรือไงเล่าที่ทำทุกอย่างเพื่อขับไล่มือที่สาม ทำทุกอย่างเพื่อรักษาของรักของตัวเอง

   เออ! ก็ได้...

   เขาผิด... ที่โมโหจนตัดสินใจชั่ววูบผลักผู้ชายคนนั้นจนตกสระน้ำ

   แอบรู้สึกสะใจที่เห็นเขาตะเกียกตะกายโดยไม่คิดจะลงไปช่วย และไม่รู้สึกผิดเลยจนกระทั่งได้เห็นสายตาเย็นชาจากอิฐ ชั่ววินาทีนั้นเองที่หัวใจราวกับถูกกระชากออกไป

   สี่ปีที่คบกันมา เขาไม่เคยเห็นอิฐทำสีหน้าน่ากลัวอย่างนี้มาก่อน มีเสียงหนึ่งร้องบอกว่า เขากำลังจะเสียคนรักไปจริงๆ

   ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ความอัดอั้นที่สั่งสมระเบิดออก ราวกับว่าสี่ปีที่ผ่านมาทั้งสองเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเลย

   เขาไม่เคยรู้ว่าอิฐจะอยากมีลูกมากขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่าในสายตาอีกฝ่ายเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เคยรักครอบครัวอีกฝ่าย

   หึ! แล้ว “เธอคนนั้น” เคยทำอะไรให้รักให้เคารพบ้างเล่า?

   ทั้งสายตาเหยียดหยามที่มองมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ กี่ครั้งกี่หนที่หาผู้หญิงมาให้ลูกชายเพื่อขัดขวางความรักของพวกเขา จนล่าสุดถึงกับวางแผนยกหุ้นให้ผู้ชายคนนั้นเพื่อกดดันอิฐ มีใครเห็นบ้างว่าเขาต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ

   ไม่... ไม่มีเลย...

   ใครว่าคนที่เข้มแข็งเจ็บไม่เป็น ร้องไห้ไม่เป็น

   ช่วงเวลาที่เขาเจ็บและร้องไห้ก็มีอยู่ เพียงแต่น้อยครั้งจะยอมให้ใครเห็นเท่านั้นเอง

   แต่พูดไปก็เท่านั้น... คนเข้มแข็งต้องทนรับความโหดร้ายมากกว่าความเมตตา


   
   วันละคน... ภาพผู้ชายไม่ซ้ำหน้าที่ได้เจอตามสถานที่อโคจรถูกส่งไปในไลน์หลายครั้งแล้ว

   คำว่าอ่านแล้วที่ปรากฏขึ้นมา แต่ไม่มีคำตอบยิ่งทำให้หัวใจของเขาราวถูกกรีด มันร้าวลึกจนเกิดเป็นแผล...

   แคร์กันบ้างไหม หึงหวงกันบ้างไหม หรือตอนนี้หมดใจจนไม่ไยดีกันแล้ว...

   คำถามเหล่านั้นวนเวียนไปมา ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าเขาจะตอบกลับ แสดงอาการหึงหวงและขอร้องให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม

   ทว่า ก็ได้เจอแค่ความว่างเปล่า

   ไม่ตอบ... คือคำตอบทั้งหมดแล้ว

   วินาทีนั้น น้ำตาที่พยายามฝืดฝืนกล้ำกลืนลงคอมันหลั่งรินออกมาแบบไม่รู้ตัว เขาก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะซึมซับความรู้สึกของคนพ่ายแพ้ที่โดนทอดทิ้ง ความทุกข์ทรมานของการสูญเสีย ระหว่างนั้นที่นั่งข้างๆ ก็ยวบลง

   “เลิกทำแบบนี้เถอะ... คุณก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ พี่อิฐเขาไม่มีทางกลับมาหรอก”

   บีทไม่ถึงขนาดจำเสียงเขาได้ แต่เมื่อฟังบริบทแล้วก็พอเดาออกว่าผู้พูดเป็นใคร เขาผงกหัวขึ้นจากโต๊ะแล้วหันไปมองผู้พูดทันทีด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

   “อย่ามายุ่งได้ไหม? คุณน่าจะรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ดีอยู่!” คำตอบบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ หลังมือปาดความเปียกชื้นที่ปลายขนตาแล้วเบือนหน้าหลบ

   “คนอกหักที่ไหนจะอารมณ์ดี...” เพราะคำพูดของแผ่นฟ้าทำให้บีทเจ็บจี๊ดเหมือนถูกเข็มทิ่ม เขาลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่งตั้งใจจะหนีออกจากที่นั่น...

   “ร่วมมือกับผมไหม?” แผ่นฟ้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

   “คุณพูดถึงอะไร?” คำถามนั้นสามารถฉุดข้อเท้าของเขาให้หยุดลงได้...

   “ทำร้ายตัวเองไปก็เปล่าประโยชน์ ทำไมคุณไม่ร่วมมือกับผมหาวิธีแก้แค้นล่ะ?”

   “ยังไง?”

   “ร่วมมือกับผม ทำให้คนที่คุณต้องเจ็บได้รับบทเรียนบ้าง ถ้าโชคดีพี่อิฐอาจจะกลับไปหาคุณ แต่ถ้าโชคร้ายก็ไม่มีอะไรต้องเสีย ยังไงทำร้ายคนอื่นก็ดีกว่าทำร้ายตัวเองไม่ใช่เหรอ?””

   “แล้วคุณล่ะจะได้อะไร?”

   “ถ้าโชคดีอาจจะได้อิทธิฤทธิ์กรุ๊ป... ถ้าไม่สำเร็จก็เท่าทุน”

“คุณคิดว่าผมจะโง่ ปล่อยให้คุณใช้เป็นเครื่องมือได้ง่ายๆ งั้นเหรอ?” บีทยกมุมปากเหมือนยิ้มแต่ดวงตากลับไม่ยิ้ม

   “ไม่ได้เรียกว่าหลอกใช้... เขาเรียกว่าพึ่งพากันต่างหาก” เขาแก้ต่าง “แต่เอาเถอะ ถ้าคุณไม่เชื่อใจผม ก็ช่วยไม่ได้ละนะ” แต่เมื่อเห็นวี่แววว่าอีกฝ่ายจะไม่ใส่ใจคำชวนของเขาแผ่นฟ้าก็ออกตัว เขาไม่อยากเซ้าซี้เกินพอดีจนดูเหมือนกดดัน
ส่วนคนฟังก็นิ่งเงียบใช้ความคิดราวกับกำลังตกลงเรื่องธุรกิจพันล้านก็ไม่ปาน แต่แล้วก็เหมือนปลงตก

   “เอาสิ... เห็นแก่ที่คุณใจดีคอยเป็นม้าเร็วส่งข่าวให้ตลอด เป็นพันธมิตรกันชั่วคราวคงไม่เสียหายอะไรมั้ง”

   
+++++++++++
หัวข้อ: Re: <spin of mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 23-07-2017 17:14:57
รอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: mizuamechang ที่ 23-07-2017 21:21:57
 ไม่รู้สิคะ แต่เกลียดที่สุดเลย คนประเภทมาทีหลังละแย่งของคนอื่นเนี่ย ไม่มีปัญญาหาเอง ผู้ชายก็แย่เหลือทน ทำอะไรไม่คิดถึงใจแฟนตัวเองเลย :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 23-07-2017 22:25:20
เรื่องก่อนหน้านี้ จำได้ว่าบีทเองก็แรง แต่จริงๆบีทก็น่าสงสาร เพระอิฐนอกใจบีทจริงๆนั้นแหละ :mew5:
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 25-07-2017 18:25:08
ตอนที่ 2

บีทจอดรถที่หน้าร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง แผ่นฟ้าโทรตามเขาให้มาดูอะไรดีๆ พอก้าวเท้าลงจากรถแล้วเจอคู่กรณีที่เหมือนจะทะเลาะกันอยู่ เขาก็อดชื่นชมแผ่นฟ้าขึ้นมาไม่ได้...

“ยืนยันใช่ไหมว่าที่ไอ้ฟ้าพูดมาเป็นเรื่องโกหก เธอไม่ได้คิดจะหักหลังฉันใช่ไหม?”

*“อย่าถามผมเลยครับ... ถามใจตัวเองเถอะ”*เก่ง... ฉลาดดีนี่ที่ใช้คำพูดแบบนี้มาทำให้คนฟังหวั่นไหว แต่คนอย่างอิฐน่ะเหรอ? ที่จะเชื่อคำพูดแบบนั้น...

สองคนนั้นมองหน้ากันนิ่งนานเหมือนจะวัดใจทว่า... ในที่สุดก็มีคนแพ้...

“ก็ได้ ฉันเชื่อเธอ เชื่อในความรักของเธอ...”

บีทกำมือแน่น... แค่นยิ้มอย่างเจ็บปวด...

รอจนสองคนนั้นกลับกันไปแล้ว บีทเดินเข้าไปหาแผ่นฟ้าในร้าน

แผ่นฟ้าเห็นบีทจึงยกมือเรียกพนักงาน บีทสั่งกาแฟแก้วหนึ่งส่วนแผ่นฟ้าสั่งไอศกรีมอีกถ้วย

“คุณมาช้าไปนะ ไม่ทันเห็นอะไรสนุกๆ เลย” แผ่นฟ้าทักทายพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี

“ไม่ช้าหรอก ผมเจอเขาสองคนที่หน้าร้านด้วย” บีทตอบเสียงเรียบ หน้าไม่มีแม้รอยยิ้มติดจะบึ้งตึงด้วยซ้ำ คนฟังจึงมีสีหน้าประหลาดใจ

“แล้วทำไมสีหน้าไม่ดีเลย”

“ดูเหมือนว่าแผนการของคุณจะล้มเหลวนะ แค่ไม่กี่ก้าวเค้าก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว”

“จริงเหรอ? ผมนึกว่าพี่อิฐจะโมโหใหญ่โตเสียอีก แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปล่ะ?”

“ผมเหรอ?” บีทเลิกคิ้ว

“ก็แผนของผมล้มเหลว ต่อไปก็ควรเป็นคุณออกโรงสิ”

“จะให้ผมทำยังไงอีก ถ้ามีหนทางละก็ผมคงไม่ร่วมมือกับคุณ” ขนาดส่งรูปพวกนั้นไปเขายังไม่สนเลยนี่ สีหน้าบีทหม่นลงเล็กน้อย

“ผมคิดอะไรออกได้อย่างหนึ่ง อยู่ที่คุณจะช่วยหรือเปล่า”

“ให้ช่วยยังไงล่ะ?” บีทถามอย่างสงสัยใคร่รู้ แผ่นฟ้าทำท่าจะตอบแต่ไอศกรีมมาเสิร์ฟเสียก่อน แผ่นฟ้าจึงชะงักไสถ้วยไอศกรีมไปให้คนตรงหน้า

“ผมสั่งกาแฟแล้ว”

“กินของหวานๆ จะทำให้รู้สึกดีนะ” แผ่นฟ้าเถียง แต่บีทไม่ยอมทำตาม

“กินสักหน่อยเถอะ ถ้าคุณไม่กิน ผมไม่พูดต่อนะ” บีทขมวดคิ้วไม่พอใจที่อีกฝ่ายบังคับ แต่ดื้อต่อไปอีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดต่อเสียทีจนเขารำคาญ ในที่สุดชายหนุ่มก็จำต้องหยิบช้อนตักไอศกรีมเข้าปากจนได้

อร่อยจัง... นี่เขาไม่ได้กินไอศกรีมมานานแค่ไหนแล้วนะ

แผ่นฟ้าเห็นบีททำหน้าตกตะลึงในรสชาติก็ยิ้มออก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายล้อเลียน

“อร่อยใช่ไหม?”

“ก็ดี... ว่าแต่จะพูดธุระต่อได้หรือยัง” บีทช้อนตามองอีกฝ่ายเขินๆ รีบเปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ ผมคิดว่าถ้าเราแกล้งหลอกพี่อิฐว่าคุณเป็นอะไรสักอย่างที่ญี่ปุ่นจะดีไหม”

“เพื่ออะไรล่ะ?”

“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าพี่อิฐเขาห่วงคุณบ้างรึเปล่า”

“ถ้าแคร์จริง คงจะมาตั้งนานแล้ว...” บีทเถียงเสียงเศร้า

“ไม่เหมือนกันสิ ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจะไม่เป็นห่วงเป็นไย ใจอ่อนน่ะคงเกินไปหน่อย ถ้าพี่อิฐยอมไปหาคุณที่นู่น คุณก็หาทางรั้งเขาเอาไว้สักสองสามวัน หาวิธีคืนดี”

“แล้วถ้าเขาไม่เชื่อล่ะ?”

“เอาน่า... เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง”

ไม่ยากอย่างที่คิด แผ่นฟ้าแค่สั่งให้เลขาใช้เบอร์ของบริษัทโทรไปแจ้งข่าวร้ายกับอิฐ ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็รีบดิ่งไปญี่ปุ่นในทันที เขาไม่รอช้ารีบใช้เหตุผลนี้โจมตีอิฐในที่ประชุม เรียกร้องให้มีการเลือกประธานบริษัทคนใหม่เร็วขึ้นกว่าเดิมก่อนที่พี่ชายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาจะกำจัดนายยงยุทธออกไปเสียก่อน

ยังไม่ทันที่อิฐจะกลับมา จู่ๆ เขาก็ได้รับแจ้งว่าพี่สะใภ้ของเขาผู้ซึ่งมีหุ้นหลักในเครืออิทธิฤทธิ์เกือบ 30% มาพบยงยุทธที่บริษัท ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าคนที่เขาใช้เงินซื้อจะเห็นแต่เงินหรือความสัมพันธ์เก่าก่อนมากกว่ากัน ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขัดขวางการเจรจานั้น ใครจะคิดว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบเด็กหนุ่มคนนั้นทรุดอยู่ที่พื้น สีหน้าไม่ดีนัก

“เกิดอะไรขึ้น!!” แผ่นฟ้าเอ่ยถาม เดินเข้าไปหาคนท้องที่นั่งอยู่ที่พื้นไหล่พิงโต๊ะทำงานมีสีหน้าเจ็บปวด

“เอ่อ... แม็กเขาหกล้มน่ะ ก็ไม่แรงอะไรนะ ไม่รู้ทำไมดูเหมือนเจ็บมาก...” ยงยุทธตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความงุนงง แต่แผ่นฟ้ากลับรู้สึกโมโห บัดซบเอ๊ย!! จนป่านนี้... ไอ้บ้านี่ยังไม่รู้หรือไงว่าเด็กนี่ท้องอยู่

“คนท้อง” นะเว้ย ล้มไปแบบนั้นมันจะไม่ “แรง” ได้ยังไง!!

แผ่นฟ้ารีบเดินเข้าไปหาช้อนอุ้มแม็กม่าขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเดินออกไปทันที

ขอให้ทันทีเถอะ ขืนเด็กนี่เป็นอะไรไป โดนพี่อิฐฆ่าตายพอดี!!

แผ่นฟ้ารีบนำแม็กม่าส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพราะในเวลาแบบนี้เขาเองก็ตกใจจนคิดอะไรไม่ออกเช่นกัน ทว่าเนื่องจากเป็นเคสที่ไม่เคยพบมาก่อนและเด็กทารกในครรภ์อาจจะไม่แข็งแรงอยู่ก่อนแล้วแพทย์จึงช่วยไว้ไม่ทัน แผ่นฟ้าที่รับข่าวร้ายเป็นคนแรกหน้าห้องฉุกเฉินก็หดหู่ใจไม่น้อย

ขนาดเขาเป็นแค่อา...ยังรู้สึกแย่เลย ถ้าพี่อิฐรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหนกัน

ความรู้สึกเหล่านั้นกระแทกหัวใจตัวเองไม่หยุด

วันต่อมาแผ่นฟ้าไปเยี่ยมแม็กม่าที่โรงพยาบาล เมื่อเขาได้รับคำขอบคุณกับเรื่องที่เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุอยู่ส่วนหนึ่ง ชายหนุ่มก็อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ อีกทั้งเรื่องราวเริ่มบานปลายเมื่ออิฐรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบุคคลอื่นเข้ามาเอี่ยว แผ่นฟ้าถอนหายใจอย่างหนักอกเมื่อเห็นพี่ชายเป็นเดือดเป็นแค้นทำท่าเหมือนจะฆ่าคนให้ได้ เขาตามอิฐมาที่บริษัทพยายามจะห้ามอิฐที่ไม่พูดไม่จา ตรงปรี่เข้าไปกระทืบยงยุทธเหมือนอยากให้ตายคาตีนเสียตรงนั้น กว่าจะแยกตัวออกมาได้ ฝ่ายนั้นก็สะบักสะบอมถึงขั้นต้องหามเข้าโรงพยาบาลเพราะกระดูกซี่โครงหักไปหลายซี่

เรื่องคราวนั้นกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต หากแผ่นฟ้าไม่ไปไกล่เกลี่ยกับยงยุทธที่โรงพยาบาลเสียก่อนคงโดนฟ้องข้อหาพยายามฆ่าแต่อิฐก็คล้ายจะไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เขายินดีปลดตัวเองออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเพื่อสงบข่าวลือ ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากแม็กม่าออกจากโรงพยาบาลไม่นานก็ยังหนีหายไปอีกด้วย อิฐซึ่งร้อนใจพยายามตามหาของรักก็เหมือนละเลยอิทธิฤทธิ์ไปโดนปริยาย

อยู่มาวันหนึ่งอิฐก็มาที่บริษัทนำใบโอนหุ้นที่เหลือเพียงการเซ็นชื่อรับเพียงอย่างเดียวก็เสร็จสิ้นแลกกับข้อเสนอสองสามข้อที่จะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย

1.      ไล่ยงยุทธออกจากงาน

2.      แต่งตั้งคนอื่นเข้ามาอยู่ในตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหารแทนคนเก่าแน่นอนว่าเขาจะเป็นฝ่ายเลือกเอง

3.      ภายในครึ่งปีทำกำไรมากกว่าเดิม 5%

ที่ยากคงเป็นข้อสุดท้ายข้อเดียว แต่ถึงอย่างไรแผ่นฟ้าไม่อาจปฏิเสธ ถือว่าเป็นข้อเสนอที่น่าตกใจด้วยซ้ำ ในเมื่อเพียงเซ็นชื่อลงในกระดาษแกร็กเดียวบริษํทนี้ก็คงคืนกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาโดยสมบูรณ์แล้วแท้ๆ แต่ลูกพี่ลูกน้องของเขากลับไม่ทำ ไม่แปลกหรือไงกัน?

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เป็นผลดีกับเขาทั้งสิ้น แผ่นฟ้าอดตกใจไม่ได้ที่สิ่งที่ตัวเองเฝ้าหวังจู่ๆ ก็สำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขากลับไม่รู้สึกยินดีเท่าที่ควร

“ยินดีด้วยนะ” คำนั้นหลุดมาจากริมฝีปากสวยได้รูป ทว่าทั้งๆ ที่เป็นถ้อยคำแสดงความยินดี น้ำเสียงกลับเรียบสนิทไร้อารมณ์

แผ่นฟ้าเงยหน้าจากโต๊ะทำงานตัวใหม่ ห้องนี้เคยเป็นห้องของอิฐมาก่อน แต่เมื่อแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่แล้วเขาก็ย้ายมาห้องนี้แทน เมื่อเห็นบีทยืนตรงหน้า แผ่นฟ้าก็อดคิดไม่ได้ว่าไกด์หนุ่มจะรู้สึกยอกแสยงใจบ้างไหมนะ ที่ต้องกลับมายังสถานที่เดิมแต่ใครคนเดิมไม่อยู่แล้ว...

“ขอบคุณ... สำหรับผมคงเป็นข่าวดี แต่สำหรับคุณ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไรนะ” ถึงแม้เขาเคยแนะนำให้บีทแก้แค้น แต่เขาย่อมรู้ดีว่าจุดประสงค์หลักของบีทคือการกลับไปคบกับอิฐเหมือนเดิม

“ทำไมจะไม่ดีล่ะ? อิฐถูกทิ้ง บริษัทก็ต้องเสียไป สะใจผมมากเลยละ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแผ่นฟ้าก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายไมได้สุขสมอย่างปากว่าอยู่ดี คงไม่ต่างจากความผะอืดผะอมของเขาเท่าไรนัก เพราะสิ่งที่เขาต้องการต้องแลกมาด้วยชีวิตเล็กๆ ชีวิตหนึ่งทีเดียว...

“คุณไม่คิดว่าพี่อิฐจะหาเจอหรือสักวันเขาจะกลับมาบ้างหรือไง?” แผ่นฟ้าหยั่งเชิงถาม เรื่องสามีภรรยาทะเลาะกันจนหนีออกจากบ้านมันก็ต้องมีกันบ้าง ไม่แน่ไม่กี่วันพี่สะใภ้ของเขาอาจจะกลับมาก็ได้

“ถ้าเป็นผู้ชายที่ทิ้งตัวเองที่ยังท้องอยู่กลับไปหาแฟนเก่า อยู่พลอดรักกันจนตัวเองต้องแท้งไป คิดว่าจะยกโทษให้อภัยกันได้ง่ายๆ เหรอ? กว่าจะหายโกรธ บางทีตอนนั้นอิฐอาจจะมีคนใหม่ไปแล้วก็ได้นะ”

“ตอนที่ผมไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลน่ะพี่อิฐกลับมาแล้ว เขาดูเหมือนไม่โกรธ...”

“นั่นมันก่อนที่ผมจะไปเยี่ยมมั้ง”

“คุณได้ไปเยี่ยมด้วยเหรอ?...”

“น่าจะเรียกว่าไปซ้ำแผลมากกว่า” สายตาเย็นชามุ่งร้ายทำให้แผ่นฟ้าพอจะเดาได้ว่า บีทคงไปพูดอะไรบางอย่างจึงเป็นเหตุให้แม็กม่าต้องหนีไป

“ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะแท้งลูกเนี่ยนะ! จิตใจคุณทำด้วยอะไรเนี่ย!” เมื่อเขาคิดถึงสีหน้าแววตาของคนที่ต้องสูญเสียแล้วก็อดเคืองใจขึ้นมาไม่ได้ จึงเผลอตัวตวาดถาม

“แม้แต่คุณก็ยังเข้าข้างเขาเหรอ?” บีทถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง คิดมาตลอดว่าคนตรงหน้าจะอยู่ฝั่งเดียวกัน

“ไม่ได้เข้าข้าง ก็แค่ไม่คิดว่าคุณจะเลือดเย็นขนาดนี้...”

บีทกำมือแน่นอย่างโมโหจัด ทั้งๆ ที่ตอนแรกแผ่นฟ้าเป็นคนบอกเขาเองแท้ๆ ให้แก้แค้น แต่เมื่อทุกอย่างลุล่วงกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนเลือดเย็น...

“เพราะมันเสียลูกไปใช่ไหม ใครๆ ถึงต้องสงสาร แล้วผมล่ะมีใครสงสาร มีใครเห็นใจ กับคนที่แย่งของของคนอื่นไป... ต้องสูญเสียบ้างก็สมควรแล้วนี่!” น้ำเสียงของเขาใส่อารมณ์ ในใจยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเขาจะไม่อยู่ พี่อิฐก็ไม่กลับมาหาคุณ” แผ่นฟ้าตอกกลับสีหน้าคล้ายหยัน

“นี่คุณกำลังหัวเราะเยาะเย้ยผมงั้นเหรอ?”

“เปล่า ก็แค่คิดว่าถ้าไม่พูดคุณคงไม่รู้ตัวสักที”

หึ! เมื่อแผ่นฟ้าได้ครองครองอิทธิฤทธิ์ตามที่ตัวเองหวังแล้ว แต่ตัวเขากลับสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันได้กลับ เขาผิดตรงไหนที่ปลอบใจตัวเองว่าการที่เห็นหายนะของอิฐคือสิ่งที่เขาปรารถนา

“คุณก็พูดได้สิ ก็ตอนนี้คุณได้ทุกอย่างแล้วนี่ มีแต่ผมที่ไม่เหลืออะไร!!” บีทตะคอกกลับ มือเขากำแน่นอย่างโกรธเคือง ระเบิดความอัดอั้นออกมาจนน้ำตาปริ่ม แต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เห็นน้ำตาเป็นครั้งที่สอง บีทพลิกตัวกลับมาอย่างเจ็บแค้นใช้ส้นมือปาดเช็ดหยดน้ำออกจากหางตา

“บีท!!”

บีทไม่สนใจเสียงเรียกของแผ่นฟ้าเลย เขารีบเดินออกมาที่หน้าลิฟท์แต่ดูเหมือนว่าคงต้องรออีกพักกว่าลิฟท์จะมาถึง เมื่อเห็นแผ่นฟ้าเดินตามมาทันเขาก็ตัดสินใจเดินไปที่บันไดแทน

“บีท... บีท...” เสียงเรียกผสมเสียงฝีเท้าไล่ตามมาอย่างกระชั้น ประกอบกับบันไดลื่นทำให้บีทที่รีบวิ่งมาเกิดลื่นไถลจนตกบันได

“บีท!!”

++++++++++
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก ตอนที่ 2 [25/07]
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้เงา ที่ 27-07-2017 16:28:21
 :hao5: ทำไมบีทน่าสงสารแบบนี้  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก ตอนที่ 2 [25/07]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-07-2017 12:09:46
แล้วแต่มุมมองสินะ ตอนมองอีกมุมก็เห็นใจฝ่ายโน้น พอมามองมุมนี้ก็เห็นใจฝ่ายนี้
สุดท้ายแล้วทุกคนต่างน่าเห็นใจ ต่างก็มีเหตุผล ความเจ็บปวดของตัวเอง และได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนอื่น
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก ตอนที่ 2 [25/07]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 28-07-2017 18:28:45
-3-

หลังจากประสบอุบัติเหตุตกบันไดดังกล่าว บีทก็มีแผลฟกช้ำตามร่างกายและเจ็บขามาก แม้มีทิฐิในใจแค่ไหนก็ตามแต่เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จึงต้องยอมให้แผ่นฟ้าพาตัวส่งโรงพยาบาลในที่สุด

“กรรมตามสนองชัดๆ” ถ้อยคำที่คล้ายสมน้ำหน้าทำให้บีทมีสีหน้าบูดบึ้ง เมื่อแผ่นฟ้าไม่รู้สึกสงสารเขาเลยที่ตกบันไดลงมาขาหักต้องเข้าเฝือกนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแบบนี้

“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณล่ะ?” ความโมโหทำให้บีทตะคอกกลับไป

“คนอุตส่าห์พามาส่งโรงพยาบาล ไม่คิดจะขอบคุณกันบ้างหรือไง?” แผ่นฟ้าทักท้วงทวงบุญคุณหน้าตาเฉย

บีทยกมุมปากคล้ายแยกเขี้ยวเมื่อคิดว่าเพราะเขารีบหนีอีกฝ่ายนั่นแหละถึงต้องตกบันได!

“เหอะ! ใครขอร้อง...” คำตอบเชิดหยิ่งตามนิสัย ซ้ำสะบัดหน้าไม่มองคนที่เฝ้าไข้อยู่เลย แผ่นฟ้าอดคิดถึงแม็กม่าไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นเรียบร้อยอ่อนหวานกว่าเยอะ แบบนี้สิพี่อิฐถึงเปลี่ยนใจ...

“ให้ผมบอกพี่อิฐไหม?” แผ่นฟ้าถามเป็นงานเป็นการ อดคิดไม่ได้ว่าบีทคงอยากเห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องของเขาในตอนที่ไม่สบาย

“ไม่ต้องหรอก เด็กเลี้ยงแกะน่ะไม่มีใครเขาเชื่อแล้ว” บีทแค่นยิ้มขมขื่น

แผ่นฟ้าคิดตาม คงเพราะก่อนหน้านี้ดันโกหกอิฐเรื่องเป็นตายมาแล้ว หากคราวนี้ไปบอก อิฐอาจจะไม่เชื่อ หากเขาไม่ยอมมาละก็ บีทคงเจ็บปวดใจมากกว่าเดิมอีก

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ ระหว่างนี้ผมจะดูแลคุณแทนแล้วกัน” แผ่นฟ้าเอ่ยลอยๆ คล้ายไม่เต็มใจแต่ไม่มีทางเลือก ทำให้บีทค่อนข้างหงุดหงิด

“ใครอยากให้คุณมาดูแลไม่ทราบ หมดธุระก็กลับไปเถอะ ผมมันก็แค่คนเลือดเย็นไร้หัวใจคนหนึ่ง อยู่คนเดียวได้สบาย ไม่ตายง่ายๆ หรอก” แผ่นฟ้ากลั้นยิ้มเมื่อคิดว่าอดีตแฟนพี่ชายช่างจดช่างจำขุดคำที่เขาต่อว่าเอามาประชดประชันแบบนี้

“จะเอางั้นเหรอ? งั้นก็ขอให้หายไวๆ นะ” แผ่นฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนโล่งอกที่ไม่ต้องดูแลเขาแล้ว

บีทขมวดคิ้ว ยิ่งโมโหหนักเมื่ออีกฝ่ายมีทีท่าเช่นนั้น ทว่ากักเก็บอารมณ์ไม่โวยวายออกมารอจนอีกฝ่ายสืบเท้าก้าวออกจากห้องไป

“ไอ้บ้าเอ๊ย!!”

โรงพยาบาลมีแต่ความน่าเบื่อเงียบเหงา นอกจากจากฝ่ายบุคคลที่ยกกระเช้ามาให้ตามสวัสดิการของบริษัทแล้วนอกนั้นเขาก็ต้องนอนพักรักษาตัวในห้องพิเศษคนเดียวไม่มีใครมาเยี่ยม เพราะบีทเป็นคนไม่มีครอบครัว พ่อเขาตายตั้งแต่ยังเล็ก แม่แต่งงานใหม่แล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ ส่งแต่เงินมาส่งเสียลูกชายคนเดียวเรียนจนจบเหมือนแค่ทำไปตามหน้าที่ เขาเกลียดแม่ที่ทำให้เขาเกิดมาแต่ดูแลเขาไม่ได้ เกลียดลุงป้าหัวโบราณขี้บ่นจู้จี้ชอบยุ่งวุ่นวายกับรสนิยมส่วนตัวของเขา หลังจากทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้จึงแยกย้ายออกมาอยู่คนเดียว ไม่คิดจะติดต่อญาติพี่น้อง ทำราวกับว่าแท้จริงแล้วเขาเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ จนเวลาผ่านไปราวเจ็ดแปดปีแล้ว บางทีก็สงสัยว่าญาติๆ อาจจะลืมหน้าเขาไปแล้วก็ได้

เขาอยู่คนเดียวจนชินแล้วก็จริง และไม่ลำบากอะไรเลยตอนที่อยู่โรงพยาบาล ทว่าเมื่อหมอกำหนดวันให้เขากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เขาก็เริ่มกังวลถึงการใช้ชีวิตคนเดียวในระหว่างที่ยังไม่ถอดเฝือก จึงวางแผนว่าจะจ้างนางพยาบาลสักคนไปดูแล แต่ช่วงนี้กลับไม่มีนางพยาบาลคนไหนว่างเลย...

บีทกำลังกังวลใจแต่กลับไม่รู้จะบอกหมออย่างไรให้เขาพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีก จนสายแล้วยังนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงคนไข้อยู่อย่างนั้น แผ่นฟ้ามาหาเขาในวันนี้เอง มาถึงแล้วเห็นสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวลก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือสงสารดี

“มาทำไม...” คนที่โผล่หัวมาในตอนกำลังลำบากหลังจากหายหน้าไปเกือบสองอาทิตย์ทำให้บีทจับเขาเป็นเหมือนสิ่งระบายอารมณ์ในทันที

“เอาเสื้อผ้ามาให้น่ะสิ คุณคงไม่อยากใส่ชุดเก่ากลับบ้านหรอกใช่ไหม?”

นั่นสิ เขาเป็นแค่ผู้ป่วยไร้ญาติ เพราะไม่มีคนมาเยี่ยม ข้าวของเครื่องใช้ที่ญาติควรเตรียมมาให้ในวันออกจากโรงพยาบาลก็ไม่มีคนหาให้ โชคดีแค่ไหนที่พักอยู่ในห้องพิเศษ ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐละก็ คงจัดได้ว่าเป็นเพียงคนไข้อนาถาไร้คนเหลียวแล

“อ๋อเหรอ?” บีทส่งเสียงประชด

“จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี คุณนี่มันสุดๆ ไปเลย ผมไม่เคยเจอใครโคตรหยิ่งขนาดนี้” แผ่นฟ้าต่อว่าตรงๆ น้ำเสียงคล้ายจะหัวเราะในทีจนบีทเค้นสายตาไปหา

“ผมไม่ได้ขอร้องนี่...”

“ถือซะว่าผมแส่ไม่เข้าเรื่องเองก็ได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากจะถูกหาว่าใจไม้ไส้ระกำปล่อยให้คนขาหักกลับบ้านคนเดียวทั้งๆ แบบนี้ ลดทิฐิลงสักนิดแล้วรับน้ำใจของผมไว้คงไม่ตายหรอกมั้ง”

“หึ... พอไว้ใจก็หักหลังกันอีกน่ะเหรอ” บีทแค่นเสียง จนป่านนี้ยังไม่ลืมความรู้สึกพวกนั้น...

ถูกล่อลวงให้เป็นพวกแต่สุดท้ายกลับถูกเย้ยหยันดูแคลน ต่อว่าหาว่าเลือดเย็น!

“ขอโทษ ถ้าทำให้รู้สึกไม่ดี คุณไม่ผิดหรอก ผมผิดเอง ผมเป็นคนเริ่มต้นทุกอย่างเอง คุณพอใจไหม?”

“เหอะ!” บีทส่งเสียงขึ้นจมูก ไม่เห็นรู้สึกดีกับการรับผิดส่งๆ แบบนั้น

“ยังไงก็ช่างเถอะ คุณรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะจะได้กลับกัน ผมไม่มีเวลามาทะเลาะกับคุณทั้งวันหรอก”

“ก็แล้วใครบอกให้มารับล่ะ” บีทเค้นเสียงตอบ แผ่นฟ้าเกาคอทำหน้าปั้นยาก

บีทชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นกิริยาแบบนั้น เวลายุ่งยากใจ บางทีอิฐก็ชอบเกาคอแบบนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นแค่ความบังเอิญแต่ทำไมแค่เรื่องเล็กๆ เขาก็ยังจดจำได้ บางครั้งก็อดโกรธตัวเองไมได้เหมือนกัน

“เลือกเอาว่าจะเปลี่ยนชุดเองหรือจะให้ผมเปลี่ยนให้ บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้มีความอดทนสูงอย่างพี่อิฐหรอกนะ” แผ่นฟ้าขู่เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล จากไม้อ่อนคงต้องกลายเป็นไม้แข็ง

บีทนั่งนิ่ง ทำหน้าเฉยเมยต่อคำขู่นั้น แผ่นฟ้ากลอกตา ไม่อยากเชื่อเลยว่าบีทจะดื้อรั้นขนาดนี้ ถึงแผ่นฟ้านึกรำคาญใจอยู่ที่ต้องมาปรนนิบัติ “คนอื่น”  แต่ด้วยนึกในใจว่าเขาเป็นต้นเหตุให้บีทกลายเป็นคนพิการแบบนี้คงต้องทำอะไรเพื่อไถ่โทษบ้างจึงต้องจำใจอย่างที่ขู่จริงๆ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายแตะลงที่ปมเชือกชุดพยาบาลบีทก็ปัดมือเขาออกพร้อมกับส่งสายตาเขียวใส่

“ไม่ต้อง... ผมเปลี่ยนเองก็ได้”

หลังจากบีทเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้วก็นั่งบนรถเข็นรอให้แผ่นฟ้าจัดการเรื่องค่ารักษาและรับยาราวกับนางพญาก็มิปาน อันที่จริงบีทก็ไม่รังเกียจหากจะมีใครคอยดูแลช่วยเหลือเขา ทว่าสิ่งหนึ่งที่บีทจะไม่ทำคือการ “เอ่ยปากขอร้อง” เท่านั้นเอง ดังนั้นหากอีกฝ่ายยืนยันว่าจะทำให้ด้วยตัวเอง บีทจึงทำเป็นไม่ใส่ใจ

เห็นท่าทีอย่างนั้นแล้วแผ่นฟ้ารู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ เขายังจำเรื่องราวสมัยเมื่อหลายปีก่อนได้ตอนที่อิฐยังจีบบีทใหม่ๆ บีทก็เย่อหยิ่งเป็นนางพญาอย่างนี้ ดังนั้นตอนที่บีทใจอ่อนยอมเป็นแฟน อิฐจึงแลดูภาคภูมิใจมาก ลองคิดว่าถ้าเป็นเขา คงไม่มีน้ำอดน้ำทนกับการจีบคนแบบนี้นานๆ แน่!

แต่ถ้าเปลี่ยนจากการจีบเป็นดัดนิสัยละก็ อาจจะน่าสนุกก็ได้… ใครจะรู้

“คุณจะพาผมไปไหนเนี่ย!” บีทเอ่ยถามพร้อมคิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเส้นทางที่แผ่นฟ้าพาไปเป็นคนละเส้นกับทางไปคอนโดของเขา

“บ้านผมน่ะสิ” แผ่นฟ้าเอ่ยเสียงเรียบไม่ได้หันไปมองเพาะกำลังขับรถ

“จะพาผมไปที่นั่นทำไม?”

“ก็ผมไม่รู้ว่าบ้านคุณไปทางไหนนี่”

“แล้วทำไมไม่ถามล่ะ!” บีทเสียงดังอย่างไม่พอใจ ทำเสียงเหมือนเจ้านายดุข้ารับใช้

“เถอะน่า อยู่บ้านผมสบายกว่าเยอะ ขืนปล่อยคุณกลับไปอยู่คนเดียวคงอดตายกันพอดี” แผ่นฟ้าบอกด้วยเสียงขี้เล่น

บีทขมวดคิ้วอย่างกังวล อดนึกระแวงไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะวางแผนกลั่นแกล้งอะไรตนเองหรือเปล่า ทว่าเพราะทิฐิในใจจึงไม่อาจแสดงความหวาดกลัวออกไปได้

“อ้อ... คงคิดจะชดเชยความผิดที่ทำให้ผมตกบันไดใช่ไหม?” บีทตอบกลับอย่างไว้ตัว ทั้งยังเอ่ยย้ำความผิดเพื่อให้อีกฝ่ายสำนึก

“ประมาณนั้นแหละมั้ง” แผ่นฟ้ากลั้นยิ้มตอบคลุมเครือ

แล้วทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกระทั่งถึงบ้านของแผ่นฟ้า ซึ่งบีทเคยจินตนาการว่ามันคงเป็นบ้านหลังใหญ่โอ่โถงสวยงามกว้างขวางเหมือนบ้านของอิฐ แต่เมื่อไปถึงกลับเล็กกว่าที่คิดเยอะเลย

“อาจจะไม่ใหญ่โตอย่างบ้านพี่อิฐนะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง” บีทผงะไปเล็กน้อยเพราะหากเทียบบ้านนี้กับคอนโดแล้วก็ยังกว้างกว่ากันอยู่ดี แต่เขาไม่ชอบพูดถ่อมตัวจึงไม่ตอบอะไร ทั้งๆ ที่ใจจริงเขาไม่ชอบบ้านใหญ่เลยสักนิด ยิ่งบ้านใหญ่แค่ไหนเมื่อเทียบกับจำนวนคนที่อยู่ในบ้านแล้วมันกลับทำให้รู้สึกเหน็บหนาว

“คุณพาผมมาแบบนี้ปรึกษาพ่อหรือยัง” บีทอดถามไม่ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พามาในฐานะคนรัก ทว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งไปบ้านอิฐครั้งแรกยังคงฝังอยู่ในความทรงจำส่วนลึกอยู่ดี

“พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก บ้านนี้ผมซื้อเอง” แผ่นฟ้าไม่ได้อธิบายว่าเพราะมารดาเสียไปหลายปี พ่อก็มีความสุขกับการมีบ้านเล็กบ้านน้อยไม่ค่อยได้กลับบ้าน เขาจึงไม่รู้สึกว่าบ้านเก่าคือบ้านที่จำเป็นต้องกลับเพราะปกติก็เจอพ่อที่ทำงานมากกว่าบ้านเสียอีก จึงตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ย้ายออกมาอยู่คนเดียว

“อ้อ... อยู่คนเดียวเหรอ?”

“นอกจากคนรับใช้ก็มีลูกอีกหนึ่ง” แผ่นฟ้าตอบยิ้มๆ

“ฮะ!!” บีทร้องเสียงหลง

นี่อย่าบอกว่าคนเกลียดเด็กอย่างเขา สุดท้ายยังต้องมาอยู่กับเด็กอีกเหรอ แค่คิดก็อารมณ์เสียแล้ว!

โฮ่ง โฮ่ง!

เสียงประสานทักทายทันทีที่เจ้าของบ้านเข็นรถเข็นของบีทเข้าไป เมื่อเห็นแผ่นฟ้าย่อตัวลงกอดมันปล่อยให้สุนัขตัวนั้นเลียหน้าเลียตาก็เดาได้ทันทีว่าที่แท้แผ่นฟ้าก็มีลูกเป็นหมานี่เอง…

ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย...

ลูกของแผ่นฟ้าเป็นสุนัขพันธุ์ “บางขวด” ชื่อโฟร์วิลด์ คนเป็นพ่อเล่าว่าตอนซื้อโฟร์วิลล์มาใหม่ๆ ก็เหมือนอัลเซเชียนอยู่หรอกเพราะมีขนสีน้ำตาลปนดำเหมือนลูกหมาพันธ์อัลเซเชียนทั่วไปเพียงแต่ขนปุยกว่าหน่อยแต่พอโตขึ้นลักษณะยิ่งเหมือนบางแก้ว แต่เพราะสีน้ำตาลปนดำนั่นเลยถูกเรียกว่า “บางขวด” เป็นทำนองล้อเลียนแทน แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าชอบลักษณะผสมแบบนี้อยู่เหมือนกัน

เจ้าสี่ล้อ... มันกลัวบีท เมื่อเจ้านายเลิกเล่นด้วยแล้วทิ้งมันไว้ มันก็จ้องมองแขกผู้มาใหม่ด้วยสายตาสนเท่ห์ เมื่อบีทหันไปส่งสายตาคมใส่ เจ้าหมาตัวใหญ่ก็เห่าด้วยเสียงทุ้มน่ากลัว  ทว่าเมื่อเขาแกล้งหมุนล้อรถเข็นเข้าไปหา ลูกชายเจ้าของบ้านก็หน้าตาเลิกลั่กถอยหลังอย่างชั่งใจก่อนจะวิ่งหนีหายไปทันที...

“ตัวใหญ่แท้ๆ แต่ขี้ขลาดชะมัด” บีทสบประมาทแล้วหลุดเสียงหัวเราะสั้นๆ

แผ่นฟ้าเดินกลับมาทันได้ยินเข้าพอดีจึงหัวเราะตอบ

“คุณน่ะโชคดีแล้วที่มันขี้ขลาด ถ้ามันดุละก็นอกจากขาหักคงมีแผลเหวอะทั้งตัว...”

บีทหน้าบึ้งส่งสายตาคมกริบเป็นเชิงไม่พอใจที่อีกฝ่ายขัดคอ

“งั้นคุณก็ผิดเต็มๆ ที่ไม่ดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดีจนมาคุกคามคนอื่น แทนที่จะส่งผมกลับคอนโดกลับมาพามาอยู่สถานกักกันแบบนี้...”

“สถานกักกันเลยเหรอ? ถ้าเป็นงั้นจริงก็เหมาะสมกับคุณดี เผื่ออยู่ไปนานๆ จะเปลี่ยนสันด... เอ้อนิสัยให้ดีขึ้นบ้าง”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนผมหรอกนะ”

แผ่นฟ้ายิ้มกวนย่อตัวลงนั่งข้างรถเข็น...

“อย่าเย็นชานักเลยน่า ที่ผมพามาอยู่นี่ก็เพราะสงสารคนขาหักอย่างคุณนะ แทนที่จะบ่นควรซาบซึ้งน้ำใจกันถึงจะถูก”

“ผมไมได้...” ยังไม่ทันที่บีทจะเอ่ยประโยคชินปากออกไปอีกฝ่ายก็เอ่ยสวนขึ้นมาเสียก่อน

“ขอร้อง? ก็หัดทำซะบ้างสิ ถ้าทำเป็นละก็ชีวิตคุณคงไม่ตกต่ำแบบนี้หรอกเชื่อไหม?” บีทกัดฟันกรอด คล้ายเดาได้ว่าแผ่นฟ้าหมายถึงอะไร “ที่จริงป้าทิพย์น่ะ เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ถ้าคุณลดทิฐิเข้าหาสักหน่อย ป่านนี้คนที่อยู่ข้างๆ พี่อิฐก็คงเป็นคุณ”

“เรื่องตอแหลแบบนั้นน่ะ ผมไม่ทำหรอก”

“บางครั้งการยอมเสียอะไรเล็กน้อยบ้างมันก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก… ไม่เคยได้ยินหรือไง love me love my dog”

“รักหมามันง่ายกว่ารักคนนี่... อย่างน้อย หมามันคงไม่มองเราด้วยสายตาเหยียดหยามแบบหัวจรดเท้าแบบนั้น”

“นั่นสินะ  เพราะหมามันไม่หยิ่งไร้สาระแบบคน... เพราะงั้นผมถึงชอบอยู่กับหมามากกว่า” แผ่นฟ้าตอบกลับด้วยหน้ากวนๆ บีทลอบเม้มปากเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหลอกด่าตัวเอง “เนอะ โฟร์วิลด์”

บีทแยกเขี้ยวเมื่อเห็นแผ่นฟ้าหันไปขอความคิดเห็นจากลูกชาย ที่หมอบตัวอยู่ห่างๆ

โฮ่ง! แล้วที่น่าโมโหกว่าคือเจ้าสี่ล้อดันตอบรับซะอีก...

เก่งดีนี่... คุยกับหมาก็รู้เรื่อง!

++++++++++

หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก ตอนที่ 3 [28/07]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 28-07-2017 21:10:37
จริงๆเราว่า เรื่องนี้บีทไม่ใช่คนผิดนะ
เพียงแต่บีทกับอิฐมีความต้องการไม่เหมือนกัน
อิฐอยากมีลูกแต่บีทไม่ เลยทำให้เป็นเรื่อง
หัวข้อ: Re: <spin off☻ mpreg set>เจ้าเล่ห์...แสนรัก ตอนที่ 3 [28/07]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 28-07-2017 21:48:24
ถึงจะเป็นเรื่องแยกออกมาแต่ก็นิสัยไม่ดีอยู่ดี แม้จะมองจากอีกด้าน เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 3 [28/07]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 29-07-2017 20:21:32
-4-

แม่บ้านแจ้งว่าจัดห้องพักใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว แผ่นฟ้าไสรถเข็นของบีทเข้าไปในห้องพลางแนะนำแม่บ้านสองคนให้รู้จัก คนหนึ่งชื่อนวล อีกคนชื่อโฉม

“นี่คุณบีทเป็นเพื่อนฉัน จะมาพักรักษาตัวจนกว่าขาจะหาย ฝากดูแลด้วยนะ”

“ได้ค่ะคุณฟ้า” ทั้งสองตอบรับแล้วหันมายิ้มเป็นมิตรให้บีท

บีทหันมองหน้านิ่ง รู้สึกเหมือนแก้มตายจนไม่อาจขยับยกขึ้นยิ้มได้เลย เขาไม่ใช่คนร่าเริงช่างพูดที่เข้าหาคนไม่รู้จักอย่างสนิทสนมได้ทันทีเสียหน่อย หญิงสาวที่ยิ้มให้จึงหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยรีบจับมือกันถอยออกจากห้องไป เล่นเอาแผ่นฟ้าเผลอถอนใจออกมา

“ต้องอยู่นี่อีกหลายวัน ผูกมิตรกันไว้ดีกว่า เดี๋ยวโดนแกล้งไม่รู้ด้วย” แผ่นฟ้าเตือน ทั้งที่ไม่ได้คิดจริงจังสักนิด คนรับใช้ของเขาไม่มีสิทธิ์แกล้งเพื่อนเจ้านาย แต่อดพูดเพราะอยากเตือนสติบีทไม่ได้ว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง

“แล้วผมทำอะไรที่แสดงว่าเป็นศัตรูเหรอ?”

“อย่างน้อยก็ควรยิ้มสักนิดไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นต้องมองคนอื่นตาขวางเลยนี่”

“ไม่ได้มองตาขวางซะหน่อย ก็มองปกติ อันที่จริงแล้วผมว่ามันเป็นเรื่องแปลก ถ้าจะให้ยิ้มหวานใส่คนที่รู้จักกันครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่คุ้นเคยกันสักหน่อย จะให้ทำเหมือนรู้จักกันมานานได้ยังไง”

“คุณนี่มัน...สุดๆ ไปเลย พี่อิฐเขาชอบอะไรในตัวคุณกันน้า ผมล่ะสงสัยจริงเชียว!” แผ่นฟ้าเอ่ยอย่างระอาเต็มที คนฟังคล้ายสะดุดใจหน่อยหนึ่งแต่ไม่ได้เอ่ยตอบ

นั่นสิ... อย่าว่าแต่แผ่นฟ้าสงสัย ตอนนี้บีทเองก็สงสัยเหมือนกันว่าตกลงแล้วเขามีอะไรที่สู้เด็กคนนั้นไม่ได้บ้าง

ถ้าย้อนเวลากลับไปยอมอุ้มท้องให้ จะไม่ต้องเลิกกันหรือเปล่านะ

หลังจากทะเลาะกับบีทอยู่ครึ่งวัน แผ่นฟ้าก็ต้องกลับไปที่บริษัทอีก ตกเย็นบีทโทรไปบอกให้แผ่นฟ้าให้ซื้อกางเกงในมาเพิ่ม เพราะสองตัวที่มีคงไม่พอ ตัวหนึ่งใส่อยู่อีกตัวคงไว้ใส่คืนนี้ จะให้ ซักคืนนี้พรุ่งนี้คงแห้งไม่ทัน แผ่นฟ้าเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันเพราะทีแรกไม่ได้คิดจะพาอีกฝ่ายกลับมาบ้าน แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจเพราะรู้สึกทั้งสมเพชและอยากดัดนิสัย ดังนั้นพวกของใช้ส่วนตัวจึงไม่ได้จัดเตรียมให้แต่แรก ของอย่างอื่นคงพอทำเนายืมใช้กันได้บ้างแต่ของส่วนตัวมากๆ อย่างกางเกงในนี่คงให้ยืมกันไม่ได้แน่ ชายหนุ่มจินตนาการเห็นบีทตะโกนว่า ยอมตายดีกว่าใช้ของแบบนั้นร่วมกับเขา

แผ่นฟ้าหลุดยิ้มขณะที่รถติดไฟแดงพลางกรอกเสียงลงไปในบลูทูธ

“พรุ่งนี้ได้ไหม รถติดจะตาย ขี้เกียจเข้าไปในห้าง” รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ยอมแต่เขาก็ยังนึกสนุกที่จะถามลองใจ

“เข้าไปทำไมล่ะ แวะซื้อข้างทางมาสิ”

“จะไปรู้เหรอ เห็นคุณทำตัวผู้ดีซะขนาดนั้น กลัวใช้ของถูกแล้วผื่นขึ้น เดี๋ยวจะโวยวายด่าผมขึ้นมาอีก”

“เหอะ! ลงท้ายคุณมันก็คิดแต่จะแดกดันผม”

“เปล่าซะหน่อย หวังดีหรอก” แผ่นฟ้าเฉไฉ

“ซื้อมาซะ! อย่าคิดว่าผมจะขอฟรี จะจ่ายให้ทั้งค่าของทั้งค่าน้ำมันให้ด้วย” แผ่นฟ้าตาโตไม่เข้าใจตรรกะของอีกฝ่าย ถึงบ้านเขาจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างบ้านพี่อิฐแต่คิดว่าเขางกกะอีแค่ค่ากางเกงในไม่กี่ตัวนี่ไม่มากไปหน่อยหรือ...

“นี่... ผมเป็นประธานนะไมใช่คนรับใช้คุณ”

“พาผมไปส่งบ้านสิ จะได้ไม่ต้องมารับใช้ ถ้าบังคับให้ผมอยู่ที่นี่ คุณก็ต้องทำตามสิ่งที่ผมบอกซะ”

“นี่ๆ เวลาขอร้องคนอื่นน่ะควรพูดดีๆ กว่านี้สิ ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำให้ซะหน่อย แต่หัดพูดดีๆ ไม่เป็นหรือไง?”

“ไม่เป็น...” ชัดถ้อยชัดคำ

“ผมสอนให้แล้วกัน คุณฟ้า... ช่วยกรุณาซื้อกางในให้ผมด้วยเถอะครับ” แผ่นฟ้ารีบพูดเป็นตัวอย่างดัดเสียงเล็กเสียงน้อยคล้ายอ้อน อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดหรอก แต่การได้แกล้งอีกฝ่ายกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว

“โรคจิต...” บีทกัดฟันด่าลอดสายโทรศัพท์

“ว้า... รู้แล้วเหรอเนี่ยว่าผมโรคจิต เอ้า! รีบพูดเข้าสิ ไม่งั้นพรุ่งนี้คุณคงต้องโทงเทงไม่มีกางเกงในใส่จริงๆ แล้วละ ยกเว้นแต่ว่าจะกล้ายืมกางเกงในผมไปใส่ก็อีกเรื่องนึงนะ” แผ่นฟ้ายั่วโมโหเขาต่อ

“เลิกกวนโมโหผมเสียที ไม่อย่างนั้นผมจะอาละวาด”

“ผมควรกลัวคนขาหักอาละวาดใส่สินะ แหม... น่ากลัวจัง”

“ผมจะพังบ้านคุณ จับหมาคุณมาทารุณ” บีททำเสียงอาฆาตที่คล้ายไม่ได้พูดเล่น ไอ้เรื่องบ้านน่ะไม่เท่าไร แต่เรื่องหมานี่ทำเอาแผ่นฟ้าหุบยิ้ม

“เดี๋ยวๆ นี่คุณแค่ขู่ใช่ไหม” แผ่นฟ้าขมวดคิ้ว นึกห่วงเจ้าโฟร์วิล หมาตัวโตแต่ขี้ขลาดขึ้นมาเลย

“ไม่รู้สิ... คนเลือดเย็นอย่างผมน่ะ คิดว่าจะกล้าทำหรือเปล่าล่ะ?” บีทตอบเสียงเย็น แผ่นฟ้าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก กำลังจะพูดขอรอมชอมอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ซื้อมาซะนะครับ ถ้าไม่อยากให้ลูกชายเจ็บตัวไปมากกว่านี้”

“มากกว่านี้... คุณทำอะไรโฟร์วิลน่ะ ฮัลโหล ฮัลโหล!” แผ่นฟ้าตะโกนใส่ ทว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึงบ้าน แผ่นฟ้าคว้าถุงกางเกงในรีบลงจากรถ เพียงเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงเจ้าลูกชายเปล่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมาบาดเจ็บ หัวใจชายหนุ่มหล่นวูบ

เกินไปแล้ว! ไม่คิดเลยว่าบีทใจดำอัมหิตแม้แต่กับสัตว์เล็กๆ อย่างนั้นได้ เขาจ้ำพรวดเข้าบ้านมาตามเสียงร้องนั้นอย่างโมโหมาถึงห้องบีทแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างแรงด้วยแรงโทสะ

“พอซะที หยุดทารุณหมาของผมได้แล้ว!”

ครั้นตะโกนออกไปก็ต้องชะงัก เพราะประตูที่เปิดเหมือนจะกระแทกบางอย่าง แล้วก็พบว่าหมอของตัวเองล้มลงไป ส่วนบีทนั่งอยู่บนรถเข็นอ่านหนังสืออยู่ห่างไปมาก

“มาก็ดี จะได้เอามันออกไป ผมเองก็หนวกหูแล้วเหมือนกัน”  บีทบอกแบบไม่ใส่ใจ แผ่นฟ้าย่นคิ้วรีบเดินไปหาหมาของตัวเองใกล้ๆ พลางลูบหัวปลอบโยน มันส่งเสียงหงิงๆ ออดอ้อนแผ่นฟ้า

“นี่คุณทำอะไรมันบ้างเนี่ย” แผ่นฟ้าถามเสียงดุ

“เปล่านี่”

“โกหก! ถ้าไม่ทำแล้วทำไมมันร้องเสียงดังล่ะ”

“ก็แค่จับขังไว้ให้มันอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกก็ไม่ร้องหรอก แต่พอได้ยินเสียงรถมาถึงมันก็ร้องโวยวาย มันคงอยากออกไปต้อนรับเจ้าของแต่เปิดประตูเองไม่ได้เลยส่งเสียงโหยหวนตะกายประตู” บีทตอบราบเรียบ

ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ปกติแผ่นฟ้าไม่เคยได้ยินโฟร์วิลด์โวยวายคงเพราะไม่เคยขังไว้ แม้จะมีกรงของมันอยู่ก็เปิดไว้ตลอดเวลาเข้าออกได้สะดวกอยู่ดี

“ทำไม... คิดว่าผมจะจับหมาคุณตัดขาตัดแขนเหรอ?” บีทเบ้ปากส่งสายตาเย้ยหยัน

“สรุปว่าจะไม่ทำใช่ไหม ผมจะได้ไม่ต้องกลัวเวลาคุณขู่อีก”

“เปล่า ไม่ได้บอกไม่ทำ แต่รอจนกว่าจะรู้ว่าคุณจะฟังที่ผมพูดไหมต่างหาก ได้ไหมล่ะ ของที่ต้องการ?”

“ชิ เอาไปเลย” แผ่นฟ้าเดาะลิ้น โยนถุงกางเกงในขึ้นไปบนเตียง แล้วลุกขึ้นยืนตบแผงคอโฟร์วิลด์ ก่อนจะพากันออกไป

รอจนประตูห้องปิดลงแล้วบีทจึงผ่อนคลายลง ถอนใจยาวอย่างโล่งอก โชคดีที่แผ่นฟ้าห่วงหมามากพอที่จะไม่แกล้งเขา ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมซื้อของที่ต้องการมาบีทคงแย่ จะให้ไปฝากแม่บ้านซื้อให้ก็ยิ่งแล้วใหญ่   ถึงจะขู่ว่าจะทำร้ายหมาก็เถอะแต่ที่จริงใครจะทำลง คงได้แต่โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก...

Beat แปลว่าชนะ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เขาไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อสิ่งใดง่ายๆ ต่อให้อยู่ในฐานะผู้อาศัยก็ตาม ชายหนุ่มก็ไม่ยอมเจียมเนื้อเจียมตัวจนเมินเฉยต่อสิ่งที่ตัวเองต้องการแม้แต่น้อย

“ผมอยากอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ” อันที่จริงแผ่นฟ้าไม่ได้กลับบ้านดึก แต่เพราะบีทไม่ได้ชอบดูทีวี หากไม่มีธุระสำคัญก็ไม่จำเป็นต้องออกจากห้องมารอเขากลับบ้านก็ได้ แต่วันนี้กลับรออยู่มืดๆ จนสองทุ่มกับมือถือเครื่องหนึ่ง

แผ่นฟ้าคิดว่าบีทน่ารำคาญ แต่ก็ตอบไปส่งๆ ว่าถ้าไม่ลืมพรุ่งนี้จะซื้อมาให้ แล้วเขาก็ลืมจริงๆ ตอนแรกคิดว่าไม่ร้ายแรงอะไร แต่บีทกลับเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยากแกล้งเขาและไม่รู้ว่าควรเอาคืนอย่างไรจึงหันไปจัดการเจ้าโฟร์วิลด์ จับมันกล้อนขนหางจนแหว่งวิ่น แผ่นฟ้ากลับมาเจอหมาตัวเองขนแหว่งก็แทบช็อคโวยวายหาว่าบีททารุณกรรมสัตว์

“แค่ขนเดี๋ยวมันก็งอกใหม่ได้ ผมไม่ได้จะทำร้ายหมาหรอก คนที่อยากทำร้ายน่ะคือเจ้าของหมาต่างหาก” ถ้าพรุ่งนี้ผมไม่ได้หนังสือพิมพ์ คงต้อง Grooming ให้มันอีกรอบแล้ว”

แผ่นฟ้าแยกเขี้ยวใส่

“ถ้าคุณยุ่งกับหมาผมอีก ผมจะจับคุณขังไว้ในห้อง!!”

“ตามสบาย น่าจะรู้ว่าคนอย่างผมเจ้าคิดเจ้าแค้นแค่ไหน ถ้าคุณคิดจะขังผมอย่างนั้นจริงๆ ไม่ว่าหนึ่งวันหรือหนึ่งชั่วโมง ไว้ผมออกมาได้เมื่อไร เรื่องถึงตำรวจแน่ๆ อยากให้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไหม ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่โรคจิตกักขังหน่วงเหนี่ยวพนักงานบริษัท”

“คนอย่างคุณนี่มัน!”

“หรือถ้าไม่อยากให้ผมทำร้ายหมาก็เอาหมาไปขังไว้แทน หรืออีกทางก็พาผมไปส่งคอนโด” บีทยิ้มร้าย

แผ่นฟ้าชะงักไปแล้วก็เข้าใจ ที่แท้บีทกำลังหาเรื่องเขาเพื่อให้พากลับไปส่งเท่านั้นเอง เรื่องอะไรจะยอมให้อีกฝ่ายบรรลุเป้าหมายโดยง่าย เดี๋ยวจะหาว่าเขาไม่แน่จริง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะกำชับจะบอกโฉมซื้อให้ ผมยุ่งๆ คงไม่มีเวลาซื้อให้ทุกวันหรอก” แผ่นฟ้าตอบรับข้อเรียกร้องแรกแล้วยุติการทะเลาะง่ายๆ

บีทหุบยิ้ม รู้สึกขัดใจที่อีกฝ่ายไม่ปล่อยเขาไปเสียที แต่เขาก็ยังไม่เลิกความคิดจะป่วนอีกฝ่ายอยู่ดี

“ฝากกดเงินให้ที เอาสลิปมาด้วย” บีทว่าเปิดกระเป๋าหยิบเอทีเอ็มออกมา

“อยู่บ้านผมคุณยังต้องใช้เงินด้วยเหรอ?”

“ใช้สิ ผมก็ฝากแม่บ้านคุณซื้อของบ้างนะ ใจดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ลิสต์รายการให้คุณไปซื้อให้ด้วย”

“เหอะ! ต้องขอบคุณสินะ”

“ไม่ต้องก็ได้... เรื่องแค่นี้เอง” บีทยิ้มเสแสร้ง ยื่นบัตรเอทีเอ็มแล้วบอกรหัสสี่หลัก

“หือ... ไว้ใจผมขนาดนั้นเลย” แผ่นฟ้ายิ้มล้อเลียน

“ระดับประธานบริษัทคงไม่สิ้นคิดขนาดขโมยเงินแค่หยิบมือในธนาคารของผมละมั้ง”

“อาจจะไม่ทำให้รวย แต่ก็สะใจดีไม่ใช่เหรอ?” แผ่นฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์

“ตามสบาย แต่อย่าเผลอล่ะ ผมฆ่าหมาคุณตายแน่”

“เอ๊ะ! นี่คุณมีปมอะไรกับหมาหรือเปล่า เอะอะก็จะทำร้ายมัน โฟร์วิลด์มันผิดตรงไหน”

“ผิดตรงที่มีเจ้านายอย่างคุณไง”

หมดคำพูด แผ่นฟ้าเป็นฝ่ายหยุดต่อล้อต่อเถียงแล้วยอมรับผิดแต่โดยดี แม้จะไม่ชอบที่อีกฝ่ายเอาลูกรักมาขู่แต่ก็ยังดีที่บีทไม่ได้ทำอะไรรุนแรง การตัดขนเล็กน้อยคงไม่ทำให้โฟร์วิลด์รู้สึกแย่ เพราะมันก็มองไม่เห็นตัวเอง ขอแค่ไม่ทำร้ายให้เจ็บตัวก็พอแล้ว

เอาเถอะ อีกอาทิตย์กว่าบีทก็ถอดเฝือกแล้ว ตอนนั้นโฟร์วิลด์คงพ้นเคราะห์ ชายหนุ่มได้แต่ปลอบใจตัวเอง

แต่ที่ไหนได้ แค่ไม่กี่วันเจ้าหมาสองรางนั่นก็กลับลำไปติดบีทซะแล้ว! ไม่ได้นึกคับแค้นใจเรื่องโดนกล้อนขนเลยสีกนิดเดียว! เสียงแรงที่เขานึกห่วง!

สุดสัปดาห์แผ่นฟ้าหยุดอยู่บ้าน เขาเล่นกับโฟร์วิลด์อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน บีทหมุนล้อรถเข็นออกมาจากบ้าน

“โฟร์วิลด์” เสียงบีทใสสว่างกว่าปกติ เจ้าสี่ล้อที่เล่นอยู่กับแผ่นฟ้าดีๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกกลับหันขวับแล้ววิ่งไปหาเจ้าของเสียงซะอย่างนั้น

“ระวัง” แผ่นฟ้าร้องอย่างตกใจ เพราะเข้าใจว่าเจ้าหมาแสนร่าเริงจะกระโจนเข้าใส่คนพิการให้เจ็บเอาได้ ทว่าความห่วงใยของเขากลับเป็นหมัน เมื่อเจ้าของเสียงเรียกเพียงตั้งมือเป็นเชิงห้ามแล้วออกเอ่ยว่า...

“sit” หลังคำสั่ง หมาตัวโตก็หย่อนก้นลงติดพื้นสนามหญ้าขาคู่หน้าเหยียดตรงอย่างสง่างามราวกับรูปปั้น

“good boy” บีทกล่าวชมพร้อมยิ้มแล้วสั่งต่อ “down”

โฟร์วิลด์หมอบลง ตอนแรกแผ่นฟ้าคิดว่าโฟร์วอลด์อาจจะกลัว แต่สังเกตดีๆ ไม่เหมือนกลัวเพราะถูกทำร้ายแต่เป็นเคารพเชื่อฟัง ที่น่าทึ่งคือสามารถสั่งให้ทำอะไรต่างๆ โดยไม่ใช่ขนมล่อ

“play dead” แล้วสัตว์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็หงายท้องนิ่งทำท่าแกล้งตายทันที

“good” ชมแล้วโน้มตัวลงลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน

“ทำได้ยังไง” แผ่นฟ้าถามอย่างข้องใจเมื่อเดินตามไปยืนใกล้ๆ

“ฝึกน่ะสิ คิดว่าอยู่ดีๆ มันจะทำได้เหรอ?”

“ผมหมายถึงให้มันทำโดยไม่ต้องใช้ขนมต่างหาก” แผ่นฟ้าแก้ไข เพราะปกติแล้วหมาทั่วไปจะฉลาดฝึกได้ทุกพันธุ์อยู่แล้ว แรกๆ ที่เลี้ยงแผ่นฟ้าก็ฝึกคำสั่งง่ายๆ อย่างนั่ง หมอบ คอย ได้บ้างด้วยการใช้ขนมหมา (ขนมหมาที่จริงทำมาจากเนื้อสัตว์ไม่เหมือนขนมคน) แต่เพราะช่วงหลังไม่ว่างประกอบกับเป็นคนนิสัยสบายๆ ไม่เคร่งเครียดจึงไม่ได้ฝึกต่อ แม้โฟร์วิลด์จะรักเขาก็ตาม แต่ส่วนใหญ่มักจะทำตามคำสั่งต่อเมื่อมีขนมเท่านั้น หากในมือไม่ได้ถือขนมไว้มันก็จะทำเมินไม่สนใจ

“ตอนแรกก็ให้ขนมไปก่อนตอนหลังให้น้อยลงจนไม่ให้เลยมันก็ชินไปเอง เปลี่ยนจากขนมเป็นคำชมแทน” บีทตอบแล้วยีหัวโฟร์วิลด์แรงขึ้นอีก แต่เจ้าหมาไม่มีทีท่าไม่พอใจเพราะมันเป็นหมาที่มีนิสัยซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอยู่แล้ว

“อ้อ... น่าแปลกนะ เข้ากับคนไม่ได้แท้ๆ แต่กับหมากลับสนิทได้ง่าย” แผ่นฟ้าแสร้งทำเสียงประหลาดใจ

“คงเพราะหมามันอาจจะฟังภาษาคนไม่ได้ แต่มันเข้าใจอารมณ์ของคนละมั้ง”

“นั่นสินะ” แผ่นฟ้ารับคำเนือยๆ พลางคิดว่าเพราะบีทเป็นคนประหลาดที่แตกต่างจากคนทั่วไปในสังคม...

คนทั่วไปมักชอบเข้าหาคนที่แข็งแกร่ง ทำตัวอ่อนแอให้ถูกปกป้อง แต่เขากลับชอบอวดเก่ง ชอบสร้างบางอย่างมาห่อหุ้มตัวเองให้ดูเหมือนเข้มแข็ง เป็นคนที่ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาตรงๆ

คนทั่วไปต่อให้คิดร้ายแค่ไหนก็มักพูดดีๆ เสแสร้งเพื่อเอาตัวรอด แต่บีทกลับไม่สามารถยอมอ่อนข้อให้กับเรื่องเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองผ่านมาได้ ทักษะการเข้าสังคมต่ำจนทำร้ายตัวเองแบบนี้ก็เหมาะแล้วที่จะอยู่แต่กับหมาเพราะไม่เข้าใจภาษาคน ต่อให้พูดอะไรแย่ๆ แสดงท่าทางหยิ่งทะนงออกมามันก็ไม่โกรธ

“นี่... ต่อให้สอนมันจนเก่งแล้วก็เถอะ ถ้าไม่ได้ฝึกมันทวนคำสั่งบ่อยๆ มันก็ลืม ถ้าผมกลับไปแล้ว นอกจากเล่นกับมันก็ฝึกมันบ้างรู้ไหม” ดูสิ หมาก็ของเขาแท้ๆ จะทำอย่างไรก็ได้ อีกฝ่ายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเขา...

สิ่งที่ผุดในใจเหมือนไม่พอใจจางๆ ทว่าคำพูดที่ตอบออกไปกลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ผมไม่ชอบฝึกหมา ถ้าคุณชอบก็กลับมาฝึกมันเองสิ”

“คุณจะให้ผมถ่อมาตั้งไกลเผื่อฝึกหมาเหรอ บ้าหรือเปล่า?” แม้คำพูดจะคล้ายต่อว่าแต่บีทกลับยิ้มออกมา เพราะอยู่ด้วยกันหลายวันจนผูกพันไม่น้อย ใจจริงก็อยากกลับมาหามันอยู่หรอก แต่หากแผ่นฟ้าไม่เอ่ยปากชวน คนอย่างบีทหรือจะกล้าบากหน้ามาได้ ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายอนุญาตให้เขากลับมาอีก บีทจึงดีใจอย่างบอกไม่ถูก

ทั้งๆ ที่เอ่ยคำพูดแบบนั้นออกไปแต่สีหน้าและดวงตากลับไม่อาจกลบกลืนความดีใจนั้นมิด รอยยิ้มน้อยๆ แต่ดวงตาที่เป็นประกายนั้นเป็นยิ้มที่จริงใจอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและดูสวยงามมากอย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างที่นิ่งค้างมองบีทหันไปหยอกล้อเล่นกับโฟร์วิลด์อย่างร่าเริงชายหนุ่มก็คล้ายอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้น พลันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา มันประหลาดมากจนไม่อยากเชื่อตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่อยากให้บีทกลับไป

“ถ้าไม่อยากกลับมาหาหมา จะกลับมาหาคนผมก็ไม่ว่าหรอก”

+++++++++


คนที่เคยอ่านภาคที่แล้วคงจะคิดว่า  เรื่องนี้เป็นนายเอกแล้วบีทก็ยังนิสัยไม่ดีอยู่ดี  555

จำเป็นเหรอที่นายเอกพระเอกต้องเป็นคนดีเสมอไป ใครๆ ก็ต้องนิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัวอยู่วันอย่างค่ำ นี่แหละถึงเรียกว่า "มนุษย์"

เรื่องนี้นำเสนอตัวละครในอีกแง่มุมเท่านั้น ไม่ได้ปรับคาแร็กเตอร์ตัวละคร บีทก็ยังคงเป็นบีท ดังนั้นนายเอกเรื่องนี้อาจจะหัวรุนแรงบ้างก็ช่วยไม่ได้นะคะ *-*



หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 4 [29/07]
เริ่มหัวข้อโดย: little_pig ที่ 29-07-2017 23:59:35
เย้ๆๆ ในที่สุดก็มีเรื่องของบีท  เราว่าเราเข้าใจบีทนะ เราว่าบีทเป็นผู้ถูกกระทำอ่ะก็ไม่แปลกที่บีทจะแสดงออกมาอย่างนี้
เป็นกำลังใจให้นักเขียน สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 4 [29/07]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2017 01:03:48
บีทก็มีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้อยู่นะนี่
สำหรับเรานะ ถ้าเป็นคนที่รัก แม้เขาจะร้ายกาจ (สักเล็กน้อย) เราก็จะมองว่ามันน่าเอ็นดูน่ะค่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 5 [31/07] ให้มันไหลไป... ให้ลอยลงสู่ทะเล...
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-07-2017 17:51:06
-5-

บีทเลิกคิ้วจ้องมองแผ่นฟ้าด้วยความแปลกใจแต่แล้วก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายคงปากพล่อยตามนิสัยเจ้าชู้ของเขา บีทยกมุมปากแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ผมว่าเป็นไอเดียที่แย่กว่าเดิมเสียอีก”

คำตอบของบีททำให้แผ่นฟ้าหน้าเจื่อนไป นึกก่นด่าตัวเองว่าไม่น่าพูดจากำกวมแบบนั้น ป่านนี้บีทอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ว่าเขาจีบ...

เหอะ! ที่แวบเข้ามาในสมองว่าไม่อยากให้ไปหรืออยากให้กลับมานั่นน่ะ ก็แค่สถานการณ์พาไปเท่านั้นเอง ใครจะไปคิดแบบนั้นจริงๆ

“วันนี้คุณว่างทั้งวันหรือเปล่า?” จู่ๆ บีทก็ถามขึ้นมา ทำให้เจ้าของบ้านที่กำลังถกเถียงกับตัวเองส่งสายตาแสดงถึงคำถาม บีทจึงพูดต่อทันที  “ผมอยากกลับคอนโด”

คำพูดสั้นๆ ของบีททำให้แผ่นฟ้ายิ้มออก ถ้าอีกฝ่ายเก่งกาจเรื่องทำลายความมั่นใจของเขา เขาเองก็จะทำลายความหวังของอีกฝ่ายได้เช่นกัน “บอกแล้วนี่ว่าไม่ได้ ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะถอดเฝือก”

“ผมอยากกลับไปเอาของ” น้ำเสียงของบีทฟังอ่อนหวานขึ้นเล็กน้อย ไม่มีท่าทีเกรี้ยวกราด ถือดีอย่างปกติ จนแผ่นฟ้านึกในใจว่า พูดดีๆ ก็พูดได้นี่นาทำไมไม่ทำบ่อยๆ

“จะเอาอะไรล่ะ”

“ก็พวกครีมบำรุงผิว น้ำหอม ที่โกนหนวด อะไรแบบนี้แหละ” แผ่นฟ้าย่นคิ้วเอียงคอมองหนวดเคราหรอมแหรมที่ปลายคางอีกฝ่ายแล้วก็เห็นด้วย ปกติแล้วบีทมักอยู่ในลุคสะอาดสะอ้านอยู่เสมอ ไม่ว่าเสื้อผ้าหน้าผมจะดูเนี้ยบกริบ หนวดเคราไม่เคยปล่อยให้รกรุงรังแบบนี้มาก่อน

“ใช้ของผมก็ได้”

“ไม่อยากใช้ของร่วมกับคนอื่น” บีทตอบกลับชัดถ้อยชัดคำ ฟังดูไว้ตัวจนน่าหมั่นไส้

“เฮ้อ อยากได้อะไร ยี่ห้อไหน จดมาแล้วกันเดี๋ยวจะซื้อมาให้” แผ่นฟ้าสรุป ลงท้ายก็ไม่ได้ตามใจบีทอยู่ดี บีทถอนใจอย่างเคืองขัด พลางคิดหาเหตุผลต่อแล้วก็นึกขึ้นได้ในนาทีต่อมา

“ผมจะไปเอาโน้ตบุ๊กด้วย”

“ใช้ของผม...” ยังไม่ทันจบประโยคบีทกลับเอ่ยขัด

“ผมไม่ทิ้งข้อมูลส่วนตัวไว้ในคอมของคุณเด็ดขาด” แผ่นฟ้าสูดปากเหมือนกินของเผ็ดนึกชื่นชมบีทในใจที่ช่างสรรหาเหตุผลมาเถียงเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ จนแล้วจนรอดชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วยิ้มร้ายตอบกลับไป

“โอเค... งั้นเอากุญแจกับคีย์การ์ดมา ผมไปเอาให้ก็ได้”

“ใครจะยอมให้คุณเข้าห้องผมง่ายๆ” บีทยังคงเถียงต่อ

“โอ๊ย... ถ้าผมอยากเข้าห้องคุณจริงๆ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก!”

สองคนจ้องตากันไปมาแต่เมื่อเดาได้ว่ายังไงแผ่นฟ้าก็ไม่ยอมทำตามที่เขาเรียกร้อง บีทก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากชักสีหน้าขยับหมุนรถเข็นกลับเข้าไปในบ้านแล้วดำเนินชีวิตเหมือนทุกวัน

ตั้งแต่บีทมาอยู่บ้านแผ่นฟ้า เจ้าของบ้านไม่เคยอยู่บ้านตอนกลางวัน เช้ามารับอาหารเช้าง่ายๆ อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ออกไปทำงาน กลับถึงบ้านตอนหัวค่ำ ทำเหมือนในบ้านมีเพียงเขาเหมือนเดิม เขาไม่เคยรู้หรอกว่าบีทใช้ชีวิตอยู่ยังไงในแต่ละวัน ก็เพิ่งมีโอกาสสังเกตเห็นวันนี้

คงเพราะงานของบีทไม่ใช่งานสำนักงานจึงไม่มีเวลาทำงานที่แน่ชัด ซ้ำญี่ปุ่นยังมีเวลาห่างจากไทยสองชั่วโมง ชีวิตประจำวันจึงไม่เป็นเวลา ไม่รวมว่าก่อนหน้ายังอยู่แต่โรงพยาบาล ได้แต่กินนอนทั้งวัน เมื่อมาอยู่บ้านแผ่นฟ้า เขาจึงตื่นสายและใช้เวลาส่วนมากในห้องน้ำ เพราะขาหักทำให้ไม่ว่าจะอาบน้ำหรือเช็ดตัวก็ใช้เวลานานกว่าปกติ เสร็จธุระก็ออกมากินข้าวพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ จากนั้นก็เล่นกับสุนัข ตอนบ่ายจิบชาทานของว่าง นั่งเล่นมือถือ ตอนเย็นก็ทานข้าวพร้อมดูทีวี ถ้าไม่มีธุระจะคุยกับเจ้าของบ้านก็เข้าห้องนอนแต่หัวค่ำ

บีทไม่ใช่คนอัธยาศัยดีที่จะสนิทสนมกับใครง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ที่ทำตัวเป็นปรปักษ์แล้วสร้างความลำบากให้ตัวเองเหมือนกัน เพื่อให้แม่บ้านของแผ่นฟ้าช่วยเหลือเกื้อกูลตัวเองได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เขาก็ใช้เงินแก้ปัญหา ต่อให้พวกนางจะปฏิเสธเพราะเป็นหน้าที่ แต่บีทก็ยังยัดเยียดให้รับไปเป็นสินน้ำใจหรือให้แบบอ้อมๆ จำพวกฝากซื้อของเล็กๆ น้อยๆ แล้วไม่รับเงินทอน ดังนั้นความคิดเรื่องพาบีทมาอยู่บ้านเพื่อดัดนิสัยหรือกลั่นแกล้งให้ลำบากนั้นเป็นความคิดที่แสนงี่เง่า!

ไปไปมามาแผ่นฟ้ากลับต้องกลายเป็นเบ๊โดยไม่รู้ตัว เพราะความอยากเอาชนะของตัวเองที่ไม่ยอมพาบีทไปส่ง เลยต้องรับภาระแทนอีกฝ่ายหลายอย่าง ทั้งต้องสั่งยามให้คอยดูแลรถของเจ้าตัวที่จอดทิ้งไว้ที่บริษัทไม่ให้ใครมาขโมยไปหรือป้องกันใครจะแจ้งตำรวจว่าไร้เจ้าของ ธุระปะปังเล็กน้อยอย่างการกลับไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่คอนโด และถึงแม้บีทจะไม่ได้สั่งให้เขาซื้ออะไรอย่างที่เสนอ ตกเย็นแผ่นฟ้าก็ยังออกไปซื้อของข้างนอก เมื่อกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นบีทนั่งหน้าทีวีในมือถือจานข้าว กินไปดูทีวีไป ดูผ่อนคลายอย่างกับอยู่บ้านตัวเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เห็น ครั้นได้ยินเสียงเขาเดินเข้าใกล้ อีกฝ่ายก็เพียงชำเลืองตามองแวบเดียวแล้วหันกลับไปอีก ไม่คิดจะเปลี่ยนอิริยาบถนั้นสักนิด แผ่นฟ้าจึงแอบเดินเข้าไปในห้องบีทแล้วก็พบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายอยากได้ก็มีอยู่แล้วทั้งนั้น

ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด มีดโกนหนวด

จริงสิ ของพวกนี้ถ้ามีเงินซะอย่างก็ฝากแม่บ้านของเขาไปซื้อใหม่ได้ไม่ยาก ที่บีทร้องขออย่างเอาแต่ใจโดยอ้างเหตุผลต่างต่างนานาก็แค่อยากจะกวนประสาทเขาเท่านั้นเอง แต่เขาก็ยังบ้าจี้ไปหาซื้อของพวกนี้ทั้งที่ไม่จำเป็น คิดตามแล้วหงุดหงิดจนถึงกับปาของในมือทิ้ง

ชายหนุ่มหุนหันเดินออกจากห้องน้ำ ปล่อยให้ข้าวของที่ซื้อมากลิ้งหลุนๆ กระจัดกระจายโดยไม่สนใจอีก ครั้นเดินออกมาเจอบีทเปิดประตูเข้าห้องมาทั้งรถเข็นก็ยังไม่คลายความเคืองใจ ใบหน้าจึงยังบึ้งตึงอยู่

“คุณเข้ามาทำไม?”

“ถึงตอนนี้คุณจะครอบครองห้องนี้อยู่ แต่ความจริงมันก็ยังเป็นบ้านผมอยู่นะ”

“ผมรู้ แต่แค่สงสัยว่าคุณมีธุระอะไรต่างหาก” บีทใช้เสียงเคร่งเครียดพร้อมแววตาไม่ไว้วางใจ

แผ่นฟ้าสืบเท้าเข้าใกล้ ยกยิ้มไม่น่าดู โน้มหน้าลงมาจนห่างเพียงนิดเดียว แล้วถามเหมือนจะเยาะ

“ทำไม กลัวผมจะทำอะไรคุณเหรอ?”

แม้ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรอยู่ แต่บีทก็รู้สึกได้ว่าแผ่นฟ้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติจึงได้แต่นิ่งเงียบไม่อยากพูดอะไรเพื่อประเมินสถานการณ์ ใบหน้าระแวดระวังทำให้อีกฝ่ายยกมุมปากสูงขึ้นอีก “เพิ่งจะรู้ว่ากลัวผมเป็นด้วย นึกว่าจะปากเก่งเป็นอย่างเดียว”

“ผมเนี่ยนะจะกลัวคุณ นอกจากบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผมออกจากบ้าน อย่างคุณมีปัญญาทำอะไรมากกว่านี้อีก?” บีทยกยิ้มดูแคลน เขาดูทางออกว่าแผ่นฟ้าเป็นคนแบบไหน ต่อให้ไม่สนิทอะไรกันนักแต่ก็รู้จักผ่านปากอิฐอยู่ดี อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังแก้ไขปัญหา เป็นพวกเหลี่ยมจัด เจ้าเล่ห์ ความคิดซับซ้อนจนเข้าใจยากก็จริง แต่ต่อให้ไม่พอใจอะไรขึ้นมาเขาก็ไม่คิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำร้ายเขา

ถ้าแผ่นฟ้าเป็นคนโหดร้ายขนาดนั้นจริงๆ คงไม่พาเขาไปส่งโรงพยาบาล ไม่พาเขามาอยู่ที่บ้าน และคงไม่ยอมช่วยเหลือเขายามที่ต้องลำบาก ไม่จำเป็นเลยจริงๆ

ไม่มีคำตอบนอกจากรอยยิ้มเดิมๆ แผ่นฟ้าสบตาบีทนิ่ง ยกมือขึ้นจับปลายคางสากลูบไปมา ใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้จนเกือบชิดนั่นเกินความคาดหมายของบีท เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึกจนลูกกระเดือกขยับเลื่อนขึ้นลง ลมหายใจหยุดชะงักเต็มไปด้วยความสับสนว่าควรเอ่ยห้ามดีหรือไม่...

บางทีแผ่นฟ้าอาจจะแค่อยากทดสอบว่าเขากลัวหรือเปล่า หากเอ่ยปากออกไปคงโดนหัวเราะเยาะ

ลงท้ายก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเคลื่อนประทับลงที่ปากของเขา บีทจึงเอ่ยขึ้นขัดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า

“อิฐบอกว่าคุณไม่ชอบผู้ชาย...”

“พี่อิฐพูดถึงผมแบบนั้นเหรอ?” แผ่นฟ้าชะงักแล้วถามขึ้น

“เขาเข้าใจผิดงั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ ผมไม่แน่ใจ ว่ากันว่ารสนิยมทางเพศอาจจะเป็นกรรมพันธุ์ แม้ผมไม่ได้สนิทสนมกับพี่อิฐมากนักแต่ก็เป็นญาติกัน ใครจะรู้ว่าส่วนลึกในใจผมอาจจะเป็นอย่างเขาก็ได้”

“ไร้สาระ” บีทว่าอย่างตรงไปตรงมา

“นั่นสิ ผมก็ว่างั้น เรื่องที่ชอบคนอย่างคุณน่ะเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเลยแหละ” แผ่นฟ้าเบี่ยงตัวออก เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายหงุดหงิด

นั่นเป็นเพราะว่าหลายปีที่ผ่าน เขารู้สึกอคติกับบีทมาก การที่พี่ชายที่เขาชื่นชมมาตลอด ต้องมาตามตูดจีบไกด์ผู้เย่อยิ่งนั้นเป็นภาพที่เขาไม่ค่อยอยากเชื่อสายตานัก มีทั้งสมเพชเวทนาและความไม่เข้าใจเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรที่ดึงดูดใจพี่ชายของเขากันแน่ ครั้นเขาเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีถึงข้อเสียของการคบผู้ชาย อีกฝ่ายก็ดันเข้าใจว่าเขาเหยียดเพศ กลายเป็นโดนเกลียดอย่างไร้เหตุผลเรื่อยมา...

ถ้าหากเขาต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างแรงเลย

ปัง!! ประตูห้องเปิดออกแล้วปิดลงเสียงดังเหมือนเจ้าของบ้านบันดาลโทสะ บีทเหลียวมองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้งตอนที่เข้ามาในห้องน้ำแล้วพบของที่อีกฝ่ายตั้งใจซื้อมาให้

แผ่นฟ้าคงคิดว่าเขาดื้อรั้น คิดว่าเขาหาเรื่องกวนประสาท คิดว่าเขาเย่อหยิ่งไม่ยอมรับความช่วยเหลือ

ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ แต่เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร เขาไม่อาจบอกให้อีกฝ่ายรู้ ปล่อยให้เข้าใจแบบนั้นไปนั่นแหละดีแล้ว

เช้าวันต่อมาบีทตื่นเช้าจึงทันได้ร่วมโต๊ะกินข้าวพร้อมแผ่นฟ้า ชายหนุ่มนั่งนิ่งทำเป็นไม่สนใจรถเข็นที่เคลื่อนเข้ามาจอดที่ข้างโต๊ะกินข้าวห่างกันเพียงเหลี่ยมโต๊ะ ใช้ช้อนคนข้าวต้มปลาหอมกรุ่นไปมาก่อนจะเป่าอยู่สองสามทีแล้วจึงป้อนเข้าปาก ไม่ได้หันมาพูดคุยกับเขา บนโต๊ะมีเพียงเสียงช้อนกระทบชามเพียงแผ่วเบา

แผ่นฟ้าทำเป็นไม่สนใจบีทอยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น จนกระทั่งกลิ่นหอมบางอย่างโชยมาเตะจมูก คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นกลิ่นที่เขาบรรจงเลือกอยู่นานสองนาน ด้วยความคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะชอบ แต่สุดท้ายก็โยนทิ้งไว้บนพื้นห้องน้ำอย่างมิไยดี ชายหนุ่มเหลือบตาไปมองอย่างไม่แน่ใจ อย่าบอกว่าบีทเก็บเอาของพวกนั้นมาใช้...

ความประหลาดใจทำให้หันไปมองอีกฝ่ายเต็มตา หนวดเคราเขียวของเมื่อวานถูกโกนออกจนเกลี้ยงเกลา ผิวหน้าเปล่งปลั่งสว่างกว่าปกติเล็กน้อย ลำคอยาวขาวสวยน่ามองประดับด้วยลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงเพราะกลืนน้ำเปล่าลงคอ

บีทวางแก้วน้ำลงข้างๆ แล้วหันคอมาพอจึงสบสายตาที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“มองอะไรคุณ?”

แผ่นฟ้ากะพริบตา คล้ายหลุดออกจากภวังค์ รีบเบือนหน้าหนี นึกก่นด่าตัวเองขึ้นมาอีก...

ของสวยๆ งามๆ มีมากมายทำไมไม่มอง ไปนั่งมองลูกกระเดือกชาวบ้าน บ้าไปแล้วแผ่นฟ้า

บีทเห็นแผ่นฟ้าเบือนหน้าไปเข้าใจว่ายังไม่หายโกรธ จำต้องเอ่ยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

“ขอบคุณนะที่ซื้อของมาให้ น้ำหอมกลิ่นนี้ถูกใจผมกว่ากลิ่นที่ใช้อยู่อีก”

“งั้นเหรอ?” ตอบรับแค่นั้นแล้วก็ไม่มีอะไรพูดต่อ ทั้งๆ ที่รู้สึกได้ว่าเป็นคำชมที่อีกฝ่ายตั้งใจพูดเพื่อเอาใจเขาก็ตาม สุดท้ายแล้วมันก็นำไปสู่เรื่องเดิม

“ถ้าการพาผมไปส่งมันลำบากมาก ผมขึ้นแท็กซี่ไปเองก็ได้นะ”

“ผมนึกว่าเราพูดเรื่องนี้กันจบแล้วซะอีก”

“จะจบได้ยังไงในเมื่อคุณไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดเลย...”

“งั้นก็บอกเหตุผลมาสิว่าคุณจะกลับไปทำอะไรกันแน่ คิดตามยังไงก็คิดได้แค่คุณดื้อด้าน... ที่นั่นไม่มีใครอยู่ อยู่ที่นั่นคุณก็ไม่มีคนดูแล ผมอุตส่าห์อาสาดูแลคุณแต่ว่า...”

“ทำไมจะไม่มี... บางทีเขาอาจจะกลับมาก็ได้นี่!” คล้ายความอดทนสิ้นสุด บีทตะโกนเถียงเสียงดังด้วยอารมณ์จนหน้าแดงก่ำ

“เขาเหรอ?” แผ่นฟ้าเลิกคิ้วพลางนึกตาม ชายหนุ่มยกมุมปากน้อยๆ จ้องมองบีทที่เบือนหน้าหนี เหมือนพูดอะไรที่ผิดพลาดออกมาโดยไม่ได้ยั้งคิดจึงไม่กล้าแม้จะสบตา

จนป่านนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ การที่บีทดื้อรั้นแง่งอนไม่ยอมมาอยู่กับเขา หาเหตุผลตั้งมามายเพื่อจะกลับไป ไม่ใช่ไม่อยากรบกวนเขา หรือกลัวเขาจะกลั่นแกล้ง เหตุผลที่แท้จริงคือส่วนลึกในใจก็ยังหวังว่าสักวันอิฐจะกลับมา

“เอาสิ! หัวเราะได้เลย พูดสิ! ว่าผมมันช่างเพ้อฝัน เอาเลยสิ!! รออะไรอยู่ล่ะ?” บีทกำมือแน่นเอ่ยท้าทายอย่างเจ็บปวด

เห็นบีทเป็นแบบนั้นแล้วแผ่นฟ้าก็พูดอะไรไม่ออก อคติในใจค่อยๆ เบาบางจางหาย เอ่ยตอบคล้ายให้กำลังใจ

“ผมจะหัวเราะคุณทำไม ผมกับคุณก็ตกอยู่ที่นั่งเดียวกันนั่นแหละคือเป็นคนแพ้”

“ผมน่ะใช่ แต่คุณไม่... คุณได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว คุณชนะเขา”

“ตรงไหนที่เรียกว่าชนะ แต่เดิมน่ะผมอยากได้หุ้น30เปอร์เซ็นต์ พอมารวมกับของเดิมที่มีก็จะได้เป็นเจ้าของที่ถูกต้อง แต่นี่หุ้นก็ไม่ได้แต่กลายเป็นประธานบริษัท ทำงานงกๆ แบ่งปันผลให้คนอื่นกินสบายๆ ไม่เห็นจะดีตรงไหน”

“บ่นมาก ก็ลาออกเลยสิ ใครบังคับล่ะ?”

“พ่อไง อุตส่าห์กดดันทุกทางอยากให้ผมเป็นประธานบริษัท”

บีทรับฟังเงียบๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรออกความเห็นอย่างไรออกไป

“แต่ข้อดีก็มีอยู่นะ พ่อบอกว่าถ้าเป็นประธานแล้วจะไม่บังคับใจผมเรื่องอื่นอีก” แผ่นฟ้าหยุดปาก นึกสงสัยว่าจะพูดเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายฟังทำไมจึงตัดบท “เดี๋ยวสายๆ ผมพากลับคอนโดแล้วกัน”

“จริงเหรอ?”

“อือ แต่รับปากอะไรผมอย่างนึงได้ไหม?”

“อะไร?”

“ถ้าพี่อิฐไม่ได้มา คุณห้ามดื้อกับผมอีกนะ”

แผ่นฟ้าคิดไว้แล้วว่าอิฐไม่มีทางกลับมาหาบีทอีกแน่จึงยื่นข้อเสนออย่างนั้น การที่ฝ่ายนั้นยื่นข้อเสนอแปลกๆ คงเพราะวางแผนทำอะไรบางอย่างจนไม่มีเวลากลับมาดูแลบริษัท ก่อนหน้านี้เขามีโอกาสไปเยี่ยมคุณนายพิณทิพย์เพื่อดูลาดเลาจึงทราบว่าอิฐไม่อยู่บ้านสักพักแล้ว บางทีตอนนี้คงอาจจะหายไปตามหาแม็กม่าอยู่ที่ไหนสักแห่ง

แต่เมื่อพาบีทกลับมาที่คอนโด ไม่เพียงเป็นอย่างที่คาดคิด ร้ายกว่านั้นอิฐยังอุตส่าห์เอากุญแจกับคีย์การ์ดมาคืนด้วย แผ่นฟ้าไม่แปลกใจหรอกที่เป็นอย่างนั้น อิฐเป็นคนใจแข็งอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว ยามรักก็รักฝังจิตฝังใจให้ได้ทุกอย่าง ยามชังก็ตัดเยื่อขาดใยไม่หลงเหลือ แต่เมื่อนึกถึงช่วงที่เคยรักกันแล้ว สิ่งที่อิฐทำก็โหดร้ายจนแผ่นฟ้านึกสาปแช่งพี่ชายอยู่ลึกๆ

“ตั้งแต่เมื่อไร” บีทถามที่ฟรอนท์หน้านิ่ง

“เดือนที่แล้วค่ะ” แสดงว่าตั้งแต่บีทขาหักใหม่ๆ

เจ้าของคำถามพยักหน้ารับเหมือนไม่รู้สึกรู้สาแล้วหมุนล้อรถเข็นจากไป

แผ่นฟ้าเดินตามเขาไปพลางคิดว่า ไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอ? ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่

หลังจากได้โน้ตบุ๊ก เสื้อผ้า ของใช้บางอย่างที่จำเป็น แผ่นฟ้าก็ถามว่า “ต้องการอะไรอีกไหม”

“ไม่แล้วละ กลับกันเถอะ” ความกระตือรือร้นตอนมาและตอนกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง แผ่นฟ้าเหมือนถูกอีกฝ่ายดูดกลืนพลังชีวิตจนตัวเองเหือดแห้งตามไปด้วย

ทั้งคู่ออกจากคอนโด แผ่นฟ้าเก็บของเสร็จแล้วยังต้องอุ้มร่างที่ค่อนข้างหนักนั่นขึ้นรถ พับรถเข็นเก็บแล้วจึงไปประจำที่นั่งคนขับ ความหดหู่ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้แผ่นฟ้าตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในห้าง ตั้งใจว่าจะพาคนขาหักออกมาสูดอากาศปลอดโปร่ง บางทีการเที่ยวนอกบ้านอาจจะทำให้คนป่วยชุ่มชื่นสดใสก็ได้

“กลับเถอะ เที่ยวแบบนั่งรถเข็นนี่ไม่สนุกเลย ระดับสายตาต่ำเตี้ยจนมองอะไรไม่เห็น อีกอย่างคุณคงลำบากด้วย” บีทบอก

“ไม่นี่ เพิ่งเคยเข็นรถเข็นเข้าห้างวันแรก แปลกดีออก”

“อาจจะเจอกับคนรู้จักก็ได้นะ”

“แล้วไงล่ะ?”

“ก็...”

“เข้าไปกินนี่กันดีกว่า” ยังไม่ทันที่บีทจะบอกเหตุผล แผ่นฟ้าก็เอ่ยขัด แล้วหักเลี้ยวรถเข็นกะทันหันพาบีทเข้าไปในร้านอาหารปิ้งย่างร้านหนึ่ง

คนขาหัก แค่ลุกนั่งยังลำบาก ดังนั้นคนนำทางพาไปไหนก็ขัดไม่ได้ ทำได้แค่เลือกเมนูอาหารที่อยากกินเท่านั้น

“ได้มาเที่ยวก็ดีเหมือนกันนะ ตั้งแต่รับตำแหน่งเนี่ย ผมแทบไม่ได้ออกไปลอยชายที่ไหนเลย” แผ่นฟ้าพยายามชวนคุย

“ก็ไปสิ ได้เป็นประธานแล้วยังมีอะไรต้องเครียดอีกเหรอ?”

“มีสิ เยอะแยะไปหมด ปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่ต้องแก้ไข พรุ่งนี้ก็มีประชุมใหญ่ ต้องกลับไปสู้รบปรบมือกับพวกตาแก่ปากมากอีก เป็นแค่ตัวแทนหุ้นส่วนรายย่อยแท้ๆ เอะอะก็บอกว่าถ้าคุณอิทธิพลยังอยู่ เหอะ! คนก็ไม่อยู่แล้วจะพูดถึงอีกทำไม” บ่นเพลินจนลืมตัวเอ่ยถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงอีกจนได้ และท้ายประโยคเจือน้ำเสียงหงุดหงิด กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดก็สายไปแล้ว เขาเหลือบตาขึ้นสังเกตสีหน้าคนร่วมโต๊ะว่าเป็นอย่างไร แต่บีททำเป็นไม่สน

“ไม่แน่นะ เขาอาจจะอยากกดดันให้คุณพยายามมากขึ้นก็ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากยอมแพ้คนเก่าหรอก” คำพูดของบีทมีเหตุผล และน้ำเสียงไม่ได้ย่ำแย่เท่าไร แผ่นฟ้าจึงได้ใจถามต่อ

“คุณเองก็คงคิดอย่างนั้นใช่ไหม?”

“คิดอะไร?”

“คิดว่าพี่อิฐเก่งกว่าผมไง” แผ่นฟ้าเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง รู้ว่าอีกฝ่ายคงต้องเหยียบย่ำซ้ำเติมก็ยังเปิดโอกาสให้ แต่กลับผิดคาดเพราะบีททำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

“ไม่รู้สิ ผมเป็นแค่ไกด์ระดับล่าง ไม่สนเรื่องงานฝ่ายบริหารหรอก จะเก่งหรือไม่เก่งก็ได้ ขอแค่ไม่ทำบริษัทเจ๊งก็พอแล้ว ผมยังไม่อยากตกงาน” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้หัวเราะเยาะเขาตอนที่กำลังแย่ บีทจึงเก็บวาจาเผ็ดร้อนไว้เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจแทน พูดจบบีทก็ยิ้ม ทำให้แผ่นฟ้ารู้สึกดีขึ้นที่อีกฝ่ายไม่เปรียบเทียบทับถมเขา จึงได้ใจลำลาบละล้วงต่อไปอีก

“ถ้าไม่ได้ชอบพี่อิฐเพราะทำงานเก่ง ถ้าอย่างงั้นคุณชอบอะไรในตัวเขาเหรอ?”

“ชอบเพราะมาจีบน่ะสิ” บีทตอบสั้นๆ ในมือถือตะเกียบคีบหมูบนเตาขึ้นมาเคี้ยวหยับๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“แค่เนี้ย? ” แผ่นฟ้าทำเสียงสูง เขาคิดว่าบีทจะตอบอะไรยืดยาวอันแสดงถึงมาตรฐานอันสูงส่งเสียอีก ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาคิดไปเองทั้งนั้น

“แล้วจะให้แค่ไหน ผมมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่เลวร้ายจนมาเบียดเบียนทำให้เดือดร้อนก็ถือว่าโอเค ทำงานเก่งไหมไม่สำคัญ ขอแค่เอาเก่งก็พอแล้ว” บีทตอบง่ายๆ กึ่งจริงกึ่งเล่น

เห็นบีทพูดคุยอย่างร่าเริงอย่างเดิมก็ค่อยโล่งอก จึงสอดปากเสนอแนะอย่างลืมตัว

“ถ้าเงื่อนไขมันง่ายขนาดนั้น แล้วยังจะรอพี่อิฐไปทำไม หาคนใหม่เอาเก่งๆ มาแทนก็จบแล้ว”

แผ่นฟ้าพูดจบก็นึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเขาแนะนำออกไปเพราะหวังดีต่ออีกฝ่ายหรือหวังดีต่อตัวเองกันแน่ ส่วนคนฟังนิ่งอั้นเพราะคำถามนั้นกระทบใจ ตะเกียบที่กำลังพลิกหมูบนเตาจึงชะงักไปอึดใจหนึ่ง

นั่นสิ ยังจะรอไปอีกทำไมอีก รอแล้วรอเล่าก็มีเพียงแค่ความว่างเปล่า... บีทถามตัวเองชั่วอึดใจแล้วก็เหมือนเพิ่งบรรลุธรรม เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง

“จริงของคุณ... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าคิดว่าเงื่อนไขมันง่าย งั้นฝากช่วยหาแบบนั้นให้สักคนนะ”

++++++++++++
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 5 [31/07] ให้มันไหลไป... ให้ลอยลงสู่ทะเล...
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-07-2017 18:12:54
จะว่าไปคู่นี้ก็น่ารักดีนะ

ส่วนเรื่องของอิฐกับบีท คงต้องบอกว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน ดังนั้นพอไม่ใช่คู่กันยังไงมันก็ต้องพรากจากอยู่ดี ไม่อยากจะพาไปดราม่าเรื่องใครแย่งสามีใครอีก แค่ทั้งสองคนไม่ได้คู่กันเท่านั้นเอง พอคลาดกันไปก็ย่อมต้องไปเจอคนใหม่
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 5 [31/07] ให้มันไหลไป... ให้ลอยลงสู่ทะเล...
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 01-08-2017 22:28:28
บีทน่ารักอะ :mew1:
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 5 [31/07] ให้มันไหลไป... ให้ลอยลงสู่ทะเล...
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 13:08:06
ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เงื่อนไขของบีท อยู่ที่เอาเก่ง อะจ๊ากกกก  :z3: :z3: :z3:
แผ่นฟ้า เอาเก่งปะ    o18
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 5 [31/07] ให้มันไหลไป... ให้ลอยลงสู่ทะเล...
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-08-2017 16:49:24
-6-

              เขากำลังถูกล่อลวง หัวสมองบอกว่ามันคือกับดัก... แผ่นฟ้ากำลังต่อสู้กับตัวเองอีกคนที่ร้องเตือนอย่างนั้น แต่อีกใจก็นึกแย้ง กับดักแล้วยังไงล่ะ ทำไมจู่ๆเขาก็นึกอยากจะกระโดดลงไป...

“ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ผมพูดเล่น” แต่เหมือนคำพูดนั้นจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะแผ่นฟ้าเอ่ยสวนกลับไป

“ถ้าหากผมอาสาเป็นคนคนนั้นเสียเองล่ะ คุณจะว่ายังไง?”

เมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ บีทที่กำลังอมยิ้มก็ผงะไป ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้นราวกับพบเจอเรื่องขบขันที่สุด

                “คุณนี่ตลกร้ายนะ” บีทยังไม่หยุดขำ เขาคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้แล้วเดาว่าคนตรงหน้าอาจจะแค่ปากพล่อย คิดอะไรก็พูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้ยั้งคิดเหมือนที่ผ่านมาก็ได้

                แผ่นฟ้าย่นคาง นึกฉุนที่อีกฝ่ายมองคำพูดของเขาเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ยังกล่าวย้ำอีกคำ

“ใครว่าตลก ผมจริงจังนะ อย่างน้อยช่วงหนึ่งเราก็เคยร่วมมือกัน แล้วก็จริงของคุณว่าตอนนี้ผมได้สิ่งที่ต้องการมาเกือบหมด แต่คุณกลับ... ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เลย ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้...”

                บีทหุบยิ้ม เขาขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองแผ่นฟ้าแล้วชักสีหน้า ตีความจากคำพูดแล้วเขากำลังถูกสงสาร

                “ถึงคุณจะเห็นความอ่อนแอของผมบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้น่าสมเพชถึงขนาดต้องให้คุณมาช่วยเรื่องแบบนี้หรอก” แววตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว บีทกลับไปเป็นคนที่หยิ่งยโสคนเดิมอย่างรวดเร็ว

                “เฮ้ อย่าโกรธสิ ผมหวังดีกับคุณนะ”

                “ผมไม่ต้องการ ไม่ว่าคุณหรือว่าใครทั้งนั้น ผมรู้แล้วว่าผมไม่สามารถเชื่อใจใครได้ทั้งนั้น นอกจากตัวเอง”

                นั่นสิ ด้วยนิสัยของบีท ไม่มีทางยอมรับความสงสารเห็นใจจากเขาง่ายๆ อยู่แล้ว หากยิ่งพูดอีกฝ่ายคงยิ่งโมโหแผ่นฟ้าจึงเงียบลง  อีกอย่างเขามัวแต่คิดว่าถ้าบีทลืมอิฐไปได้ก็คงดีก็เลยเผลอเสนอตัวออกไปแต่กลับลืมไปเลยว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ 

สิ่งที่บีทต้องการไม่ใช่ใครสักคนที่มาดูแลให้หายเศร้าแต่ให้ช่วยหา “ผู้ชายที่เอาเก่ง” สักคน นั่นแปลว่าถ้าเขาเสนอตัวไปและบีทตกลง พวกเขาก็ต้อง...

คิดดูอีกที อาจจะโชคดีแล้วที่บีทปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องมาเสียใจทีหลังก็ได้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้รังเกียจบีทขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนอิฐ ไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชาย อย่าว่าแต่จะเก่งจะทำเป็นหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ...

เมื่อกลับมาถึงบ้าน แผ่นฟ้าและบีทไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก พอแผ่นฟ้าวางบีทลงบนรถเข็น บีทก็ไสรถเข็นของตัวเองเข้าห้องไป แล้วหลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างเขากับบีทก็กลายเป็นอึมครึม พวกเขากลายเป็นคนแปลกหน้าที่บังเอิญอยู่ในบ้านเดียวกันนับจากวันนั้น สัปดาห์ต่อมากบีทก็ถอดเฝือกแต่ยังเดินเหินไม่คล่องต้องใช้ไม้คำยันตลอด ชายหนุ่มจึงต้องทนอยู่บ้านแผ่นฟ้าอีกอาทิตย์กว่าๆ จึงสามารถกลับคอนโดได้

                อาจจะเพราะแผ่นฟ้าคุ้นชินที่มีใครบางคนอยู่ที่บ้านนอกจากหมาตัวหนึ่งและคนรับใช้ เมื่อบีทยืนยันว่าจะกลับไป แผ่นฟ้าจึงใจหายอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อขาของบีทดีขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลใดจะรั้งตัวไกด์ผู้เย่อหยิ่งไว้อีก

                ถ้าเหตุผลที่ใช้อ้างกับบีทนั้นไม่มี เหตุผลสำหรับตัวเองยิ่งไม่มี

หรือถึงมี... เขาก็ไม่อยากหา อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะเที่ยวไปแส่เรื่องของชาวบ้านทุกเรื่องสักหน่อย อะไรที่ควรยุ่งก็ยุ่งบ้าง แต่เรื่องของคนที่ไม่อยากให้ยุ่งแล้วเขาจะไปยุ่งด้วยทำไม ลืมไปเสียก็สิ้นเรื่อง คิดได้อย่างนั้นแผ่นฟ้าก็เหมือนจะสบายใจขึ้น

                ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้วอิฐยังตามหาแม็กม่าไม่พบ แถมยังไม่ยอมกลับบ้าน นักสืบรายงานว่าสถานที่สุดท้ายที่เขาไปคือคลินิกหมอว่าน ผ่านไปนานนับสัปดาห์รถที่ใช้ยังจอดอยู่ที่เดิม แต่ตัวคนเหมือนหายสาบสูญไป ถ้าไม่ได้ออกไปกับใครในระหว่างที่นักสืบไม่เห็น ก็คงยังอยู่ในนั้น

                หลังจากฟังรายงานแล้วแผ่นฟ้าก็รู้สึกแปลกใจ เรื่องออกตามหาแม็กม่าไม่น่าจะเป็นความลับที่ต้องปิดบัง ถ้าจะออกตามหาโดยไม่ใช้รถงั้นก็จอดไว้ที่บ้านก็ได้ ทำไมต้องเอารถไปจอดไว้หลังคลินิกหมอ หรือถ้าอิฐป่วยไข้จนต้องไปหาหมอ ก็ควรไปโรงพยาบาลมากกว่าไปพักที่คลินิกสูตินรีเวชของหมอว่าน หรือเขาจะวางแผนอะไรอยู่...

                แผ่นฟ้าชะงัก ความที่เมื่อก่อนเอาแต่หาหนทางแย่งชิงหุ้นเพื่อดำรงตำแหน่งประธานบริษัทมาตลอด มาถึงตอนนี้ก็เลยยังไม่สิ้นสุดความกังวล ยังนึกระแวงญาติผู้พี่ไม่หาย แต่บางทีเขาอาจจะคิดมากไป หรือไม่การที่อิฐไม่อยู่ทำให้เขา “ว่าง” จนเกินไปก็ได้

                แผ่นฟ้าเพิ่งรู้สึกตัวว่าการมองดูความสำเร็จของใครสักคนแล้วพยายามไล่ตามมันสนุก ตื่นเต้นมากกว่าได้อะไรมาง่ายๆ แบบนี้ เพราะต่อให้ตอนนี้เขาจะได้บริษัทมามันก็ท่านั้น เขาไม่รู้สึกภาคภูมิใจอยู่ดีเพราะอิฐเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง ไม่ใช่เขาที่ชนะ ลงท้ายแล้วเขาก็ไม่เคยชนะพี่ชายได้เลย

                เพราะเครียดเรื่องพี่ชายทำให้เขาหงุดหงิด เบื่องาน เมื่อสอบถามเลขาว่าวันนี้ไม่มีงานเร่งด่วนหรือนัดสำคัญ เขาจึงตัดสินใจตรงดิ่งกลับบ้านก่อนเวลา

ถึงที่บ้านจะไม่มีคน... ก็ยังมีหมา

แผ่นฟ้าปลอบใจตัวเองเมื่อขับรถกลับมา แต่เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาใกล้ตัวบ้านกลับต้องแปลกใจเพราะมีรถที่เขาคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน รถคันนั้นเคยจอดอยู่ที่บริษัทแรมเดือน เป็นรถที่เขาต้องสั่งยามให้คอยดูแลเป็นพิเศษจนกว่าเจ้าของจะมารับมันกลับไป เขายังจำได้ว่าก่อนที่เจ้าของรถคันนั้นจะออกจากบ้าน เขากลั้นใจถามไปว่า

                “ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ?” เขาพูดลอยๆ ออกไปโดยไม่ได้ใส่ท่วงทำนองเป็นขอร้องหรือออกคำสั่งจนคนฟังก็คงเข้าใจว่าเขาแค่พูดออกไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดจริงจัง

                “ผมหายดีแล้ว ไม่อยากรบกวนคุณมากกว่านี้” เขาตอบเรียบๆ จะว่าหยิ่งก็หยิ่ง จะว่าเกรงใจก็คงใช่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลไหนอีกฝ่ายก็กำลังจะไปอยู่ดี

                “อื้อ... ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกัน” เขาพูดได้แค่นี้

                “อือ” บีทรับคำในลำคอสั้นๆ ไม่มีคำขอบคุณหรือคำพูดอะไรอื่นอีก

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาก่อนที่จะจากไป คำพูดสุดท้ายที่แผ่นฟ้ารู้ว่าเขาแค่รับปากไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ความเป็นจริงต่อให้มีเรื่องราวคอขาดบาดตายแค่ไหน คนอย่างบีทไม่มีทางร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเป็นอันขาด

                 ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับมาที่บ้านของเขา จู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ตีตื้นขึ้นมาจนควบคุมไม่อยู่ เขาจอดรถต่อจากรถของบีท รีบลงจากรถอย่างรีบร้อน รีบจนไม่ได้กดกริ่งเรียกใครมาเปิดบ้านให้ แต่พยายามใช้กุญแจไขประตูเล็กหน้าบ้านเพื่อจะเข้าไป

                ครั้นเห็นใครบางคนนั่งอยู่ที่พื้นมือยีหัวเจ้าโฟร์วิลด์อย่างสนุกสนานเขาก็หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆ ย่างเท้าเดินเข้าไปใกล้จนบีทหันมามอง เมื่อเขาหันมาเห็นหน้าเจ้าของบ้านเขาก็ทำหน้าพิลึก

                “ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ?”

                “เบื่อๆ เลยอู้งาน หรือไม่ก็สังหรณ์ใจว่ามีคนมาหา” แผ่นฟ้าตอบยิ้มๆ

                “ลางสังหรณ์ของคุณบกพร่องแล้วละ เพราะผมไม่ได้มาหาคุณ” คำตอบอย่างไว้ตัวทำให้รอยยิ้มเจื่อนลงบางส่วนแต่ก็ยังปั้นหน้าถามต่อ

                “แล้วมาที่นี่ทำไม?”

                “มาหาหมา” คำตอบตรงไปตรงมาทำให้แผ่นฟ้าอ้าปากค้าง แล้วทวนคำเสียงสูง

                “อะไรนะ! คุณถ่อมาถึงนี่เพื่อมาหาโฟร์วิลด์งั้นเหรอ?” แผ่นฟ้าโวยวายคล้ายบีททำเรื่องแปลกประหลาดที่สุด

                “ใช่ แล้วคุณจะโมโหทำไม คุณเป็นคนบอกเองว่าผมกลับมาหามันได้ไม่ใช่เหรอ?”

                สิ่งที่บีทสวนกลับมาทำให้เขาใบ้กิน

นั่นสิ เขาโมโหทำไมกัน ก็แค่บีทไม่ได้มาหาเขา แต่อยากมาหาหมามากกว่าเขา เขาต้องโมโหด้วยหรือ

ไม่หรอก เขาไม่ได้โมโห เขาแค่ผิดหวัง เพราะเขาคาดหวังว่า...

“ถ้าคุณไม่พอใจขนาดนั้น ต่อไปผมไม่มาแล้ว” บีทสรุปง่ายๆ ที่เขายอมมาก็เพราะเห็นว่าแผ่นฟ้าดีกับเขาช่วงหนึ่ง คงไม่ใจแคบถึงขนาดไม่ยอมให้เขาได้พบหมา แต่ถ้าเจ้าของบ้านไม่เต็มใจเขาก็ไม่อยากฝืน

“ไม่...มาได้ ไม่ใช่สิ มาเถอะ” แผ่นฟ้ารีบทักท้วง ที่จริงเขาไม่ได้ไม่พอใจที่เห็นบีทที่นี่ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ ถึงจะผิดหวังที่บีทไม่ได้มาหาตัวเอง แต่ช่างปะไร จะมาหาหมาหรือคนลงท้ายก็คือมา เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของบีทเขาจึงขยายความว่า “โฟร์วิลด์มันคงดีใจที่ได้เจอคุณ”

บีทหันไปมองเจ้าหมาข้างตัวแล้วก็ยิ้มอ่อนโยน มือเรียวลูบหัวมันเบาๆ เหมือนจะปลอบ มันหลับตาครางหงิงๆ เหมือนชอบใจ แผ่นฟ้าเผลอขมวดคิ้ว ค่อนขอดสุนัขของตัวเองว่า เจ้าของตัวเองก็ยืนอยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่กลับไปอ้อนคนอื่นแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง! 

“งั้นผมกลับละ” จู่ๆ บีทก็เอ่ยลา ทำเอาแผ่นฟ้าสะดุ้งหันมามอง

“ทำไมรีบกลับ”

“รีบที่ไหน ผมมาตั้งนานแล้ว”

“พอเห็นหน้าผมปุ๊บก็รีบกลับทันที มันเสียมารยาทนะ อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนก็ได้”

“ไม่ดีกว่า ถ้ากลับช้าเดี๋ยวรถจะติด ไม่อยากกลับดึกน่ะ”

“งั้นก็ยังไม่ต้องกลับ ค้างที่นี่ก็ได้”

++++++++



ตกเย็น... แผ่นฟ้าเอาช้อนเขี่ยข้าวอยู่คนเดียว เพราะลงท้ายแล้วบีทก็กลับไปโดยไม่ยอมร่วมโต๊ะอาหารด้วย

แผ่นฟ้าไม่แน่ใจว่าเขาเคยเจอคนที่ดื้อขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า กับผู้หญิงเขาอาจเจอคำปฏิเสธทำนองนี้บ้างเหมือนกัน แต่เมื่อเขาพูดจาหว่านล้อมมากเข้าอีกฝ่ายก็ใจอ่อนไปเอง หรือต่อให้ปฏิเสธ เขาก็พอจะอ่านออกว่าส่วนใหญ่มันคือมารยาสาไถ เป็นหนึ่งในวิธีเรียกร้องความสนใจมากกว่า หรือเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองมากว่าอยากจะตัดเยื่อใยไปจริงๆ แต่สิ่งที่เขาได้รับจากบีทนั้นมันคงไม่ใช่ บีทกำลังย้ำคำพูดเดิมของเขาอยู่ต่างหาก ว่าเขาไม่ไว้เชื่อใจใครอีกแล้วนอกจากตัวเอง และเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากใครทั้งนั้น

ถึงแม้บีทจะแสดงออกว่าตัวเองเข้มแข็งก็ตาม แต่คงเพราะที่ผ่านมาแผ่นฟ้าเคยเห็นทั้งน้ำตาและความอ่อนแอของอีกฝ่ายมาแล้วทำให้เขาแน่ใจว่าบีทคงไม่ได้สบายดีเวลาที่อยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นคงไม่ถ่อมาเยี่ยมหมาทั้งๆ ที่รู้ว่ารถจะติดหรอก

เขากินข้าวได้ไม่มากก็บอกให้แม่บ้านเก็บโต๊ะ แล้วถามว่าบีทมาที่นี่วันนี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่า แม่บ้านตอบว่าเคยมาสองสามครั้งแล้วแต่เขาขอไม่ให้บอกแผ่นฟ้า ชายหนุ่มนิ่วหน้าแล้วประชด

“ถึงเขาจะเคยอยู่บ้านนี้ระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้แปลว่าเจ้าของบ้านเปลี่ยนคนหรอกนะ ดังนั้นใครไปใครมาก็ควรรายงานให้เจ้าของบ้านรับรู้ถึงจะถูก”

“คุณบีทบอกว่าคุณฟ้าอาจจะงานยุ่งน่ะค่ะ ก็เลย...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว... ถ้าวันหลังเขามาอีก โทรไปบอกด้วย”



+++++++++++

หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 6 [03/08] แขกที่จากไปขโมยหัวใจเจ้าของบ้านไปด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-08-2017 21:43:25
แหม เคยชินเสียแล้ว จนอยากให้เขามาอยู่ด้วยสินะแผ่นฟ้า
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 6 [03/08] แขกที่จากไปขโมยหัวใจเจ้าของบ้านไปด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 06-08-2017 18:46:46
-7-


เพราะเป็นประธานบริษัททำให้การสืบเรื่องตารางงานไกด์คนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร และเมื่อรู้ว่าบีทว่างงานสองสามวัน แต่กลับไม่มีใครโทรมาหาเขาทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างขัดใจ

หลังจากคาดคั้นจากคนรับใช้แล้วได้รับการยืนยันว่าบีทไม่ได้มาจริงๆ ไม่ใช่พวกเธอต้องการปิดบังแผ่นฟ้าก็ไม่ถามถึงอีก เพียงแค่นึกสงสัยว่าที่บีทไม่มาบ้านเขาเป็นเพราะเบื่อโฟร์วิลด์หรือไม่ชอบขี้หน้าพ่อมันกันแน่

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ไม่มาก็คือไม่มา เขาจะทำอะไรได้เล่า?

แผ่นฟ้าพยายามปัดสิ่งกวนใจออกไปแล้วหันไปสนใจงานตรงหน้าแทน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรมากมายแต่อย่างน้อยแค่กำไรมากกว่าเก่าห้าเปอร์เซ็นต์ก็ควรทำให้สำเร็จ

และเพื่อความสำเร็จ ชายหนุ่มก็ไม่สนใจวิธีการมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ว่าจะไปขุดโครงการที่อิฐเคยเสนอแล้วเขาคัดค้านจนตกไปกลับมาทำใหม่ เขาก็ทำได้โดยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใด

แน่นอนว่าในวงการธุรกิจไม่มีใครตรงไปตรงมาหรอก มันก็ต้องเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ คิดถึงแต่ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้นมิใช่หรือ?

เขาคิดเพียงเท่านั้น ไม่ได้คาดคิดเลยว่าโครงการที่เพิ่งอนุมัติไปจะทำให้ใครบางคนถ่อมาหาเขาถึงที่ทำงาน แค่เพื่อถามว่า...

“อิฐกลับมาทำงานแล้วเหรอ?” คนถามมีสายตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น

“หือ? เปล่านี่ ทำไมคุณถึง...” แผ่นฟ้าปฏิเสธแล้วถามอย่างข้องใจ

“ถ้าไม่ใช่... แล้วทำไมตอนนี้มีทัวร์ไปทตโทริ”

“อ๋อ...” ชายหนุ่มร้องเสียงยาว “เป็นโครงการที่ค้างอยู่ตั้งแต่สมัยพี่อิฐอยู่ก็จริงแต่ตอนนั้นไม่ผ่าน ผมเพิ่งหยิบขึ้นมาให้พิจารณาใหม่พอดี”

“งั้นเหรอ? ผมนึกว่า...” คำตอบฟังเลื่อนลอย สีหน้าที่มีชีวิตชีวาดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยลงไปถนัดตา

แผ่นฟ้าไม่รู้หรอกว่าอิฐกับบีทเคยมีความหลังฝังใจอะไรกันที่นั่น แต่เขาพอจะเดาได้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายรู้สึกผิดหวัง

“พวกคุณคงเคยไปด้วยกันสินะ” แผ่นฟ้าเดาส่ง

 “ไม่เคยไปด้วยกัน ก็แค่เกือบ” บีทตอบเรียบๆ ทั้งที่สมองยังอัดแน่นไปด้วยความทรงจำ

เขาเป็นคนบอกอิฐเองว่าอยากให้บริษัทมีทัวร์ไปทตโทริ แล้วชวนว่าถ้าเขาว่างก็อยากให้ไปด้วยกัน

แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ย้ำว่าเขาอยากไปมากแค่ไหน

คงเพราะส่วนใหญ่เขามักได้ไปที่ต่างๆ ในฐานะไกด์ แต่อันที่จริงเขาอยากจะไปเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวธรรมดาบ้าง เขาอยากไปเที่ยวกับคนรักตามสบายโดยไม่ต้องสนใจงานหรือลูกทัวร์คนอื่นๆ

ตอนนั้นอิฐรับคำส่งๆ แล้วก็ไม่พูดถึงอีก บีทคิดว่าอิฐคงจะลืมไปแล้ว ไม่นึกว่าที่จริงเขาไม่ได้ลืม เพียงแค่โครงการนี้ผ่านช้าไปเท่านั้น ถ้าหากผ่านเร็วกว่านี้... หรือถ้าหากตอนนี้พวกเขายังไม่เลิกกัน คงได้ไปด้วยกันแล้ว

ความรู้สึกของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียดาย

แผ่นฟ้ามองแววตาที่เหม่อลอยคล้ายหลุดไปในห้วยความทรงจำแล้วให้เจ็บหนึบในอกขึ้นมากะทันหัน

“ตอนแรกคุณคงคิดว่าพี่อิฐกลับมาแล้ว เลยอนุมัติทัวร์นี้เพื่อง้อคุณใช่ไหม?” แผ่นฟ้าเดาต่ออีก และเพราะสิ่งที่พูดมามันแทงใจดำ บีทจึงไม่ได้ตอบ เขาขยับตัวจะเดินออกจากห้องโดยไม่คิดจเอ่ยแม้คำลาด้วยซ้ำ

แผ่นฟ้าลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เหมือนอดรนทนไม่ไหว เอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงคล้ายเยาะหยัน “จนป่านนี้แล้ว คุณยังคิดว่าพี่อิฐจะกลับมาง้อคุณอีกเหรอ?”

บีทชะงักเท้า เม้มปากแล้วกลืนก้อนน้ำลายที่จุกคออย่างยากลำบาก เขารู้ดีว่าตัวเองหวังมากเกินไป จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขายังคงโง่งมคิดหวังเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีก

บีทยืนเงียบฟังถ้อยคำถากถางที่อีกฝ่ายสาดซัดเข้าหาโดยไม่สามารถหาคำใดมาโต้แย้ง

“ถ้าเขาคิดจะทำคงทำไปนานแล้ว... ผมจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้เขาไม่ได้ไปตามหาเด็กคนนั้นอย่างที่เราเข้าใจ แต่อยู่ที่คลินิกหมอว่านต่างหาก” ข่าวต่อมาทำให้บีทตาโต หมุนตัวกลับไปถามทันที

“คลินิก? เขาไปทำอะไรที่นั่น?”

“ผมก็ไม่รู้ จะว่าไม่สบายก็ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่คลินิกสูติ-นรีเวชจริงไหม ไม่แน่นะ ตอนนี้เขาอาจจะกำลังหาวิธีมีลูกคนใหม่กับใครสักคนที่เราไม่รู้จักก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กคนนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณ”

ดวงตาของบีทเบิกกว้าง แม้ว่าคำสันนิษฐานของแผ่นฟ้าจะเลื่อนลอยจนเขาไม่เชื่อทันทีก็ตาม แต่เรื่องที่อิฐอยู่ที่คลินิกก็น่าสงสัยจริงๆ

ใจหนึ่งก็สงสัย อีกใจก็เป็นห่วง ชายหนุ่มไม่อาจสลัดคำถามภายในใจตัวเองได้เลยว่าอิฐไปทำอะไรที่นั่น

ไม่ทันเอ่ยลาเจ้าของห้องเขาก็ผลุนผลันออกมาในทันที

ไม่ว่าอิฐจะอยู่ที่คลินิกเพราะป่วยไข้ก็ดีหรือด้วยเหตุผลอื่นก็ช่าง ยังไงวันนี้เขาต้องไปดูให้เห็นกับตา

++++++++++

เป็นอย่างที่แผ่นฟ้าบอกทุกคำ รถของอิฐจอดอยู่ด้านหลังคลินิกจริงๆ หลังจากคาดคั้นเอากับหมอว่านอยู่นานแล้วไม่ได้เรื่องอะไร บีทก็ตัดสินใจค้นคลินิกหมออย่างไม่มีทางเลือก ต่อให้ถูกห้ามเขาก็ไม่ฟังแล้ว

ในที่สุดเขาก็หาอิฐพบจนได้ สภาพคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงรยางค์ทำให้บีทค่อนข้างตกใจ รวมทั้งคนไข้ที่งีบกลางวันแล้วตื่นขึ้นมาเพราะเสียงประตูและเสียงหมอว่านร้องห้ามไม่ให้คนเข้ามาด้วย ดวงตาอิฐเบิกโพลงจ้องมายังแขกที่ไม่ได้รับเชิญสลับกับเพื่อนสนิทที่ส่งสายตาเหมือนจะขอโทษมาให้ อิฐคงไม่ดีใจนักหรอกที่อดีตคนรักมาเห็นตัวเองในสภาพนี้...แต่ในเมื่อบีทมาแล้วเขาจะทำอะไรได้ มีเพียงพยักพเยิดให้หมอว่านคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร หมอว่านมีสีหน้าไม่ดีนักตอนที่ถอยหลังออกไปแล้วปิดประตูห้องลง

“คุณมาได้ยังไง” อิฐถามขึ้นมา คงเป็นคำพูดเดียวที่จะนึกออกเวลานี้แล้ว

                “คุณเป็นอะไร?” คำตอบกลับกลายเป็นคำถาม ระหว่างกวาดตามองอดีตคนรักบนเตียงคนไข้ด้วยแววตาไหวสั่น

                “ไม่ได้เป็น” อิฐตอบสั้นๆ

                “ถ้างั้น แล้วทำไมคุณถึงนอนแบ็บอย่างนี้ล่ะ?” บีทถามด้วยเสียงสั่นๆ

                “ผมผ่าตัดฝังมดลูกเทียม” อิฐตอบเสียงเบาคล้ายไม่อยากบอกแต่จำเป็นต้องบอก แต่คนฟังเหมือนจะช็อกยิ่งกว่าเมื่อได้รู้ความจริงเช่นนั้น

                “อะไรนะ!! ทำไมคุณต้อง...” บีทตะโกนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ผมก็แค่... อยากมีลูกมากก็เท่านั้น” อิฐตอบแล้วส่งยิ้มเศร้าๆ

“แต่คุณไม่จำเป็นต้องคลอดเองนี่!!”

“จำเป็นสิ ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนมาแสดงความจริงใจให้แม็กเห็นแล้ว”

พอได้ยินคำตอบหน้าตาของคนฟังก็ดูไม่ได้แล้ว ราวกับได้รับฟังเรื่องที่สะเทือนใจอย่างหนัก ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนร้องไห้เก่งก็ยังเจ็บหนึบที่เบ้าตาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ กัดฟันถามด้วยเสียงที่พยายามระงับโทสะ

“เพื่อเด็กคนนั้น คุณยอมทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

                “ใช่ ผมยอม” คนบนเตียงยอมรับออกมาตามตรง

                “แล้วผมล่ะ? คุณเคยคิดจะทำแบบนี้เพื่อผมไหม?” ระหว่างที่เอ่ยถาม ปากคอก็สั่น ดวงตาคล้ายยจะพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ

                “คุณไม่อยากมีลูกไม่ใช่เหรอ?”

                “ถ้าผมเปลี่ยนใจอยากมีล่ะ?” บีทไม่ตอบคำถามแต่ถามซ้ำ

                “คำตอบคงไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงตอนนี้มันก็สายไปแล้ว”

+++++++++

                ตอนที่บีทเดินออกมาจากคลินิก แผ่นฟ้าจอดรถติดเครื่องเปิดแอร์อยู่ด้านหน้าสักพักแล้ว

                อันที่จริงแผ่นฟ้าไม่ได้ตั้งใจจะบอกบีทเรื่องของอิฐ ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอิฐมาทำอะไรที่นี่ แต่พอรู้สึกว่าบีทยังมีความคิดเพ้อเจ้อว่าอิฐจะกลับมาหาสติของเขาก็ขาดผึง ในใจคิดเพียงแค่จะหาคำพูดอะไรมาทำให้อีกฝ่ายตาสว่างสักทีก็เลยจงใจกุเรื่องขึ้นมา แต่ใครจะคิดเล่าว่าบีทจะใจร้อนบุกมาถึงนี่

                ชายหนุ่มได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวายใจเพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป

                ถ้าอิฐป่วยเป็นโรคร้ายบางอย่าง กำลังจิตใจอ่อนแอ พอได้เจอคนรักเก่าที่มีจิตใจรักมั่นมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่เกิดระลึกถึงวันเก่าๆ แล้วคืนดีกัน เขาจะทำยังไงดี อันที่จริงความสัมพันธ์ของบีทกับอิฐจะเป็นยังไงก็ไม่น่าเกี่ยวกับเขา เพียงแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ให้เรื่องที่กุขึ้นมาเป็นจริงซะยังจะดีกว่า!

                ถึงจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ตอนที่เห็นบีทเดินเหมือนคนไม่มีแรง มีสภาพเหมือนผีดิบตายซากเขาก็ผงะไปบ้างเหมือนกัน รีบเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปหา

                “บีท... เกิดอะไรขึ้น?”

                เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา จริงอยู่บนใบหน้าซีดเซียวไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ดวงตาแดงก่ำ ขอบตาบวมแดงพอจะส่อว่าก่อนจะออกมาบีทคงร้องไห้อย่างหนัก

                ถูกแล้วละ บีทร้องไห้... แม้ว่าเขาจะพยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่สำเร็จ

ใช่สิ ต้องเข้มแข็งขนาดไหนกันถึงทนรับความเจ็บปวดระดับนี้ได้ ในเมื่อเขาทุ่มเทความรักให้ผู้ชายคนเดียวมาตลอดสี่ปี ได้รับความรักและคำสัญญามากมาย บทจะทิ้งกันไป อีกฝ่ายก็ทำได้ง่ายดายขนาดนี้ มีแต่เขาที่แหละที่ยังตัดไม่ขาดเลยสักที ทำไมก็ไม่รู้

                “อย่ามายุ่ง!!” บีทตวาดอย่างมีโทสะ เดินผ่านคนถามอย่างไม่ใส่ใจ

                แผ่นฟ้าเร่งฝีเท้ามายืนขวางแล้วบอกด้วยเสียงจริงจัง

                “ไม่ยุ่งไม่ได้ คุณขับรถด้วยสภาพแบบนี้ไม่ได้หรอก มีหวังคว่ำพอดี”

                “ดีสิ! ตายไปซะเลยอาจจะดีก็ได้”

                “นี่!! ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะ!! จะมาตายเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ?” แผ่นฟ้าตะคอกใส่พลอยทำให้บีทผงะอึ้ง เรียกสติกลับมาได้บ้าง ริมฝีปากสั่นระริกคล้ายจะเถียงอะไรออกมาแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดออกไป

แผ่นฟ้าเห็นบีทไม่เถียงอะไรจึงพยายามลดเสียงให้นุ่มกว่าเก่า “มาเถอะ”

                บีทยอมเดินตามแผ่นฟ้าไปอย่างว่าง่าย เมื่อยัดบีทเข้าไปในรถได้สำเร็จเจ้าของรถก็โน้มตัวหยิบกล่องกระดาษทิชชู่ในรถส่งให้พลางแก้ตัว “โทษที ผมไม่พกผ้าเช็ดหน้า”

                บีทรับกล่องมาถือไว้ไม่ตอบอะไร แผ่นฟ้าจึงปิดประตูฝั่งซ้ายแล้วกลับไปประจำที่นั่งคนขับ

บีทนั่งเงียบ ดวงตาเลื่อนลอย แต่ดวงตาแห้งผากนั้น แดงเรื่อ

“อยากร้องก็ร้องมาเถอะน่า ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก คนเราทุกคนเกิดมาก็แหกปากทั้งนั้น ไม่มีใครไม่เคยร้องไห้หรอก” แผ่นฟ้าโพล่งออกมาลอยๆ ก่อนที่รถเก๋งจะออกตัวอย่างนิ่มนวล

ทว่า... หลังจากนั้นก็มีเพียงความเงียบ บีทไม่อยากร้องไห้แล้ว

เพราะที่ผ่านมา... เขาร้องไห้มากพอแล้ว...

                บีทพอจะรู้หรอกว่าแผ่นฟ้าไม่ได้พาเขามาส่งที่คอนโด แต่ถึงจะพาออกนอกเส้นทางไปไหนเขาก็ไม่มีแก่จะทักถามเขาเอาแต่นั่งเงียบ ส่งสายตาที่มีอาการแสบเคืองนั่นมองไปนอกหน้าต่างเหม่อๆ จนกระทั่งรถหยุดลง

                สถานที่ที่รถจอดไม่ใช่สถานที่แปลกพิสดารอะไร เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางที่เขาเคยพักฟื้นอยู่ตอนขาหัก ถึงแม้สภาพจิตใจของเขาไม่ปกตินัก ทว่ายังพอฝืนยิ้มได้เมื่อเจอเจ้าสี่ล้อวิ่งเข้ามาทักทาย คงเพราะไม่เจอกันระยะหนึ่งมันจึงดีใจมากตะกุยตะกายใส่เขาไม่ยอมหยุด

                “โฟร์วิลด์ เบาๆ ได้ไหม?” แผ่นฟ้าร้องห้าม ทว่าบีทไม่ว่าอะไร เขาโน้มตัวลงกอดเจ้าขนปุยไว้แล้วลูบหัวมันเบาๆ เป็นเชิงปลอบให้มันสงบลงแทน

                “เขาว่ากันว่าหมาจะล่วงรู้อารมณ์ของคน บางทีมันอาจจะรู้ว่าคุณกำลังเศร้าเลยพยายามปลอบ” แผ่นฟ้าเอ่ยขึ้นมา

                “อ้อ...” บีทรับคำสั้นๆ โดยไม่มองคนพูด เขายังคงจับจ้องอยู่ที่หมาในอ้อมแขนแล้วพูดกับว่า “ขอบใจนะ แต่น่าเสียดายที่งานนี้อาจจะยากสักหน่อย”

                คำตอบนั้นแม้จะบอกกับสุนัข แต่แผ่นฟ้ากลับรู้สึกว่าบีทพยายามจะบอกเจ้าของด้วยอีกคน ต่อให้เขาพยายามเพียงไร แต่การลดทอนความรู้สึกเศร้าเสียใจของอีกฝ่ายยอมไม่ใช่เรื่องง่าย

                “เวลาเป็นยาดี วันเดียวอาจจะทำไม่สำเร็จ แต่ต่อไปก็ไม่แน่ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมยกโฟร์วิลด์ให้คุณเลี้ยงดีไหม”

                บีทเงยหน้ามองเขา ดวงตาเผยความแปลกใจอย่างไม่บิดบัง

                “แทนที่มันจะปลอบผม ผมอาจจะต้องเป็นฝ่ายปลอบโยนมันที่ถูกเจ้านายทิ้งก็ได้”

                “ผมจะไปเยี่ยมบ่อยๆ” แผ่นฟ้าตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ได้อธิบายว่าไปเยี่ยมหมาหรือคน...

                “คอนโดเล็กๆ จะไปเลี้ยงหมาตัวโตอย่างนี้ได้ยังไง ให้ผมย้ายมานี่ยังจะง่ายกว่า”       

“งั้น...ก็มาสิ” แผ่นฟ้ารีบตอบอย่างกระตือรือร้น กระแสเสียงแสดงความยินดีอย่างเปิดเผย จนบีทขมวดคิ้วที่อีกฝ่ายหยิบเอาคำพูดที่เขาแค่พูดไปโดยไม่ได้คิดจริงจังมาเป้นประเด็น เล่นใหญ่ขนาดนี้!

บีทจ้องหน้าเขานิ่งนาน  ระหว่างที่กำลังหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ใดกันแน่จึงพยายามตีสนิทกับเขา ทำดีกับเขาขนาดนี้  จึงเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณใจดีกับผมมากไปแล้ว”

“ถือว่าชดเชยที่คนอื่นร้ายกับคุณไง” คำตอบที่ได้คล้ายกำลังประจบเอาใจ จนคนฟังยิ่งหนักใจกว่าเก่า

“นี่... อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลย บอกมาตามตรงดีกว่าคุณมีแผนการอะไรอยู่กันแน่” บีทพูดออกมาตรงๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาจับผิด

“คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” แผ่นฟ้าประท้วง

“ถ้าคุณมาเป็นผมตอนนี้คงมองโลกในแง่ดีไม่ออกหรอก”

คนฟังสะอึก พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ทอดถอนใจยืดยาว

เขาควรตอบอะไรดีล่ะ  ถ้าบอกว่าสงสารคงทำให้บีทอารมณ์เสีย จะบอกว่าเป็นห่วง อีกฝ่ายก็คงไม่เชื่ออยู่ดี

ใบหน้าแสดงความกลัดกลุ้มของชายหนุ่มทำให้บีทผ่อนคลายลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยเรียก

                “นี่แผ่นฟ้า”

                “หือ”

                “ยังจำเรื่องที่คุณอาสาจะช่วยผมได้ไหม”

                “ฮะ...” แผ่นฟ้าส่งเสียงสูง ดวงตาเบิกกว้างกะทันหัน เมื่อบีทพูดจบสมองเขากระหวัดไปถึงเรื่องที่คุยกันในร้านปิ้งย่าง เรื่องที่เคยอาสาจะแทนที่พี่อิฐ จู่ๆ หัวใจก็กระหน่ำรัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เพราะคำพูดนั้นทั้งสั้นและค่อนข้างคลุมเครือ แผ่นฟ้าจึงไม่ได้ปักใจว่าเป็นเรื่องนั้นเสียทีเดียว จึงพยายามใคร่ครวญว่าเคยอาสาทำอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่

ระหว่างที่ยังสายตามีความลังเลครุ่นคิดอยู่นั้น อีกฝ่ายก็พูดต่อ 

                “ถ้าผมตอบตกลงตอนนี้ จะยังทันอยู่ไหม?”


+++++++++++++++

หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 7 [06/08] ฟางเส้นสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-08-2017 08:38:51
โอกาสมาแล้วต้องรีบคว้านะแผ่นฟ้า
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 7 [06/08] ฟางเส้นสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-08-2017 17:41:57
เจ้าเล่ห์แสนรัก

-8-



“แน่นอนอยู่แล้ว” แผ่นฟ้าตอบกลับไปทันทีราวกับไม่ทันได้คิด แต่อันที่จริงเขาคิดดีแล้วต่างหาก

เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อให้ไม่ใช่ แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาก็คงยินดีทำอยู่ดี

สายตาของบีทแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ไว้ใจแผ่นฟ้า ชายหนุ่มไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เพราะตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ

ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยชอบบีท เพราะอีกฝ่ายดูหยิ่งและเอาแต่ใจ เขามองภาพพี่ชายเอาอกเอาใจฝ่ายนั้นจนชินตา บางครั้งสงสัยว่าพี่ชายไม่เหนื่อยบ้างหรือไง แต่ครั้นมาเทียบกับตัวเองเวลาตามจีบใครสักคนหนึ่งก็เข้าใจว่า คนกำลังรัก กำลังหลงก็เป็นอย่างนี้แหละ แรกๆ ก็เอาอกเอาใจ ตามใจมากเป็นธรรมดา แต่สักวันก็มีวันจืดจาง เบื่อกันไปเอง จากนั้นก็มีคนใหม่...

                เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ความคิดของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็เริ่มเพลาลง กลายเป็นความเบื่อหน่าย เขาหันไปมองพี่ชายที่คบกับผู้ชายคนเดิมมาสามปีแล้วก็ยังรักกันดีอย่างริษยา

เขาก็อยากจะคบกับใครสักคน รักกันยาวนานอย่างนั้นบ้าง แต่ผิดที่เขาเป็นขี้รำคาญ เวลาเจอผู้หญิงมาวุ่นวายซักไซ้เรื่องส่วนตัวมากเกินไปก็พลอยหงุดหงิด อีกทั้งเป็นคนขี้ระแวงและช่างสังเกต ถ้าหากถูกนอกใจก็จะจับได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาก็เลยคบกับใครไม่ยืดสักที สุดท้ายแล้วเขาจึงกลายเป็นคนอาภัพรักไปโดยปริยาย ผิดกับพี่ชายคนดีที่มีพร้อมไปหมดทั้งทรัพย์ศฤงคารและความรักหวานชื่น...

                เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอิฐแท้ๆ ความจริงควรจะรักใคร่สนิทสนมกันตามประสาญาติ แต่น่าเสียดายที่มารดาเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก บิดาเห็นว่าทรัพย์สินที่เหลือไว้ก็ไม่ใช่น้อยจึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่หยุด ผ่านไปไม่กี่ปีก็เป็นหนี้ก้อนใหญ่ สุดท้ายแม้แต่เรือนหอก็เกือบหลุดจำนอง ตอนนั้นคุณลุงสงสารเขาเพราะอย่างน้อยก็เป็นลูกชายคนเดียวของน้องสาวที่เสียไป จึงช่วยไถ่ไว้ให้แล้วโอนเป็นชื่อของเขาจึงเหลืออยู่ แต่ก็เอ่ยปากว่าจะไม่ช่วยเหลืออะไรคุณพ่อซ้ำอีก แทนที่จะซาบซึ้งกลับทำให้คุณพ่อไม่พอใจ หลังจากนั้นพวกเขาจึงห่างเหินกับครอบครัวของลุงป้าไปหลายปี จนกระทั่งเขาเรียนจบคุณลุงจึงบอกให้เขามาทำงานที่บริษัทพร้อมทั้งโอนหุ้นในส่วนที่ควรจะเป็นของแม่มาให้ แต่ท่านคงไม่คิดหรอกว่าพอท่านเสียไป เขาจะกลายเป็นคนเนรคุณที่ทำได้ทุกวิธีเพื่อยึดตำแหน่งประธานบริษัทที่ท่านก่อตั้งมาอย่างนี้...

                อันที่จริงเขาก็แค่อิจฉา อยากจะเอาชนะพี่ชายตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง ใครจะคิดว่าสุดท้ายเรื่องราวกลับเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ แต่ต่อให้นึกเสียใจตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เด็กก็ตายไปแล้ว คนก็หนีไปแล้ว ต่อให้เขาปฎิเสธไม่รับตำแหน่งนั่นเพื่อไถ่บาปก็สายไปแล้วอยู่ดี

สิ่งที่เขาพอจะแก้ไขได้คงเหลือแค่บีทนี่แหละ...

ตอนแรกเขาอาจจะเคืองใจอยู่บ้างที่บีทยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก แต่พอนึกดูดีๆ ตัวเองก็มีส่วนผิด ถ้าไม่สอดรู้สอดเห็นเอาเรื่องพี่อิฐไปฟ้องเขา ไม่ชักชวนเขามาเป็นพวกด้วยเรื่องแก้แค้น เรื่องราวอาจจะไม่ลุกลามใหญ่โต ถึงบีทจะร้ายกาจไม่ใช่ย่อยก็เถอะ แต่ช่วยไม่ได้นี่ เพราะอิฐก็ผิดที่นอกใจก่อน คงเพราะช่วงหลังๆ แผ่นฟ้าใกล้ชิดกับบีทกว่าเก่ามาก ได้เห็นความเจ็บปวดและความรักมั่นคงของเขา ชายหนุ่มจึงเผลอเข้าข้างอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายแล้วอคติที่เคยมีก็กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจไปจนได้...

เขาเพียงแค่ชะล่าใจปล่อยให้ความสงสารครอบงำเพียงไม่นาน ไม่คิดว่าผลของมันจะร้ายแรงเพียงนี้

จาก “ไม่รู้จัก” กลายเป็น “คุ้นเคย”

จาก “เฉยชา” กลายเป็น “ห่วงใย”

จาก “นึกถึง” กลายเป็น “คิดถึง”

                กว่าจะรู้สึกตัวเขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามามีอิทธิพลจนกลับตัวไม่ทันเสียแล้ว

                แต่ในขณะที่เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ อีกฝ่ายกลับไม่เปลี่ยนไปเลย... แผ่นฟ้าไม่รู้ว่าควรสงสารบีทหรือสงสารตัวเองดี

                เอาเถอะ เขาคงไม่ถึงกับหวังว่าบีทจะเลิกรักอิฐได้ภายในวันสองวัน แต่อย่างน้อยแค่พอทำใจให้หายเศร้าได้บ้างเขาก็ดีใจแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องขออะไร เขาก็คิดว่า... สามารถทำให้ได้ทั้งนั้น

                จะว่าไปแล้วแนวคิดสุดโต่งขนาดนั้น... อย่าว่าแต่บีทจะไม่เชื่อ เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันแหละ!

                ไม่ทันตอบอะไรออกมาจู่ๆ บีทก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันนัก ดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างเมื่อครู่กลับเป็นปกติแล้ว มุมปากเหยียดยกขึ้นเล็กน้อยไม่ถึงกับยิ้มแต่ก็อ่อนโยนลง เขากระตุกสายจูงในมือพาโฟร์วิลด์เข้าบ้าน โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านเชื้อเชิญเลย

                แผ่นฟ้าหมุนตัวมองตามเขาไป พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย อย่าว่าแต่บีทไม่เข้าใจเขา ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจบีทเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่กันแน่

                แผ่นฟ้าอู้งานอยู่บ้านทั้งวัน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนบีทที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นกับหมา พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก แต่ชายหนุ่มก็โมเมไปเองว่าบีทคงจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยจึงสั่งให้เด็กรับใช้จัดเตรียมกับข้าวไว้หลายอย่าง

                หลังกินข้าวเย็นไปได้ไม่มาก บีทก็รวบช้อนเสียงดัง ทำให้คนร่วมโต๊ะเหลือบตาไปมอง พลางคิดไปว่าคงถึงเวลาที่บีทจะงอแงให้เขาไปส่งบ้านแล้ว ทว่าผิดคาด

                “ผมจะไปอาบน้ำนะ ถ้าอิ่มแล้วก็ตามเข้าไปแล้วกัน” เขาบอกเรียบๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ

                แผ่นฟ้าเอี้ยวคอมองตามอย่างงุนงง บีทไม่ได้ขอให้เขาไปส่งทั้งๆ ที่เย็นป่านนี้แสดงว่าตั้งใจจะค้าง... แถมยัง...

                อาบน้ำ? ตามไป?

                หัวสมองพลันคิดถึงเรื่องใต้สะดือขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่แต่แล้วก็เตือนตัวเองให้สงบจิตใจลง

อันที่จริงเขาควรจะกินได้มากกว่านี้แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้รวบช้อนแล้วลุกขึ้นตามไปทันทีเช่นกัน

                เขาเปิดประตูห้องที่บีทเคยมาพัก ซึ่งไม่ได้ล็อกไว้ ด้านในไม่มีใครอยู่ มีเพียงเสียงน้ำฝักบัวเบาๆ ดังมาจากห้องน้ำส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะตอนที่อีกฝ่ายย้ายออกไปไม่ได้นำอะไรออกไปด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นของที่เขาซื้อให้ หรือไม่ก็เป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีราคาค่างวดอะไร ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงนุ่มพักใหญ่อีกฝ่ายก็ไม่ออกมาเสียที เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ควรอาบน้ำเหมือนกัน จึงกลับห้องตัวเอง ตอนที่เขาอาบน้ำเสร็จ และย้อนกลับมาอีก เป็นช่วงที่บีทเดินมาจากห้องน้ำพอดี

                สายตากระทบลงบนร่างผอมที่ยกผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกปอนระต้นคอ ร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูผืนหนึ่งปกปิดท่อนล่าง เปิดเผยผิวกายเนียนละเอียดงดงามอย่างคนชอบดูแลตัวเอง บีทไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กน่าทะนุถนอม เขาค่อนข้างสูงจนห่างไกลคำว่าน่ารัก แต่ก็ไม่ผอมบางจนเกินไปแม้ไมได้ฟิตหุ่นจนมีลอนกล้ามสวยงาม ทว่าก็ไม่มีไขมันส่วนเกินให้เห็น 

                บีทแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่กวาดมองตัวเองอย่างละเอียด เขาไม่ใช่ไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นเสียเมื่อไร สายตาที่จาบจ้วงหยาบโลนกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว นับประสาอะไรกับสายตาอยากรู้อยากเห็นติดประหม่าแบบนี้

                “อาบน้ำมาแล้วเหรอ” บีทเดินเข้าไปใกล้เอ่ยถามเหมือนผู้ใหญ่ถามเด็ก

                “ที่จริงผมมาที่นี่ก่อนแต่คุณไม่ออกมาเสียทีเลยเปลี่ยนใจขึ้นไปอาบน้ำ” แผ่นฟ้าตอบตามตรง ไม่ได้ตั้งใจต่อว่าที่อีกฝ่ายอาบน้ำนานเลยสักนิดแต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิด น้ำเสียงที่ตอบจึงเจือหงุดหงิดเล็กน้อย

                “ผมก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องทำนี่นา” 

                “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” แผ่นฟ้าตอบกลับยิ้มๆ ไม่ถือสา

                “อืม... งั้นก็ปิดไฟเถอะ” บีทยังคงหรุบตาลงมองพื้นห้อง เอ่ยแผ่วเบา

                “ปิดทำไม?”

                “รู้แล้วยังจะถามอีก”

                “เอ้า... ถ้ารู้ผมจะถามทำไม”

                “ก็คุณไม่ใช่เหรอไง ที่อาสาจะเป็นคนช่วยให้ผมลืมพี่ชาย ต่อให้คำพูดนั้นมันจะผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อกี้ผมก็ถามคุณซ้ำแล้วนี่นา แล้วคุณก็ตกลงแล้วด้วย... หรือว่าจะเปลี่ยนใจ?”

                แผ่นฟ้าคลี่ยิ้มออกมาพลางส่ายหน้า ใช่ว่าเขาจะโง่ไม่เข้าใจ แต่เขาแค่อยากขอคำยืนยันอย่างชัดเจนสักครั้งเท่านั้นแหละ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ จะทำอะไรก็ควรเป็นขั้นเป็นตอน ละเอียดรอบคอบหน่อยสิ!

                “คุณคิดว่าดีแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้?”

                “อาจจะไม่ แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่คิดออกตอนนี้” บีทตอบโดยไม่มองหน้าเขา แม้ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกแต่กระแสเสียงก็เจือหม่นหมองอยู่ดี

                “งั้นก็ไม่ต้องปิดไฟหรอก ผมอยากเปิดโลกทัศน์” แผ่นฟ้าตอบ รอยยิ้มบางๆ แต่ดวงตากับร้อนแรงดังไฟ

                บีทไม่เห็นแววตาพวกนั้นเอาแต่คิดในใจว่า สำหรับคนที่คบแต่กับผู้หญิงมาตลอด ร่างกายของผู้ชายมันจะมีอะไรน่าดู แต่ก็ไม่อยากสาธยายเยิ่นเย้อจึงพูดออกมาตรงๆ ว่า

                “แล้วผมจะทำยังไง ถ้าคุณเกิดไม่สู้ขึ้นมากลางคัน”

                “นั่นมันเป็นปัญหาของคุณ...” แผ่นฟ้าตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ทำให้คนตรงหน้าขึงตาใส่ “ผมรู้น่าว่าคุณมีวิธีแน่… ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยากปิดไฟเพราะจะได้จินตนาการถึงคนอื่นได้ถนัด”

                “นั่นมันก็เป็นเรื่องของผมนะ!”

                “ไม่เอาน่า คุณไม่ควรทำเรื่องเสียมารยาทอย่างนั้น” แผ่นฟ้าเตือนด้วยเสียงทุ้มพร่า ปลายนิ้วไล้ต้นคอบีทเบาๆ อย่างหยอกเย้า สัมผัสเปียกลื่นทำให้เขาเอ่ยต่อว่า “ผมคุณเปียก... ผมจะไปเอาไดร์ที่ห้องมาให้”

                ไม่ต้องรอคำอนุญาต ฝ่ายนั้นก็ผละออกไปแล้ว

                บีทถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วก้าวขาอย่างอ่อนแรงลงไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพลางทบทวนรอบที่ล้าน

คุ้มแล้วหรือที่เขาจะเสี่ยงแบบนี้ เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแผ่นฟ้าไม่ได้มีแผนการใดซุกซ่อนอยู่ ฝ่ายนั้นเจ้าเล่ห์แสนกลกลับกลอก ไม่น่าไว้ใจแต่แรกอยู่แล้ว  เดิมทีเมื่อได้ทุกอย่างตามต้องการ พวกเขาสองคนก็ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก แต่แผ่นฟ้าก็ยังตอแยเขาไม่ปล่อย ทำตัวเป็นคนดียื่นมือเข้าช่วยเขาหลายต่อหลายครั้ง ราวกับกำลังขุดหลุมหลอกล่อให้เขาตกลงไปในกับดัก เขาทั้งสับสนทั้งหวาดระแวง แต่สุดท้ายก็หลงเดินเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็น แผ่นฟ้าต้องการอะไรก็ช่างเขา เขารู้ว่าเขาต้องการอะไรก็เพียงพอ

ในเมื่อเขาตัดใจจากอิฐเองไม่ได้เขาก็ต้องให้คนอื่นมาทำแทน ซึ่งต้องเป็นแผ่นฟ้าคนเดียวเท่านั้น... เพราะต่อให้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายทั้งโลกจะมีประโยชน์อะไร คนก็เลิกไปแล้ว เขาจะมีคนอื่นก็ไม่ผิด ก็คงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีโอกาสกลับมาได้อยู่ดี ยกเว้นแต่กับคนที่เกี่ยวพันธ์กันทางสายเลือด ต่อให้ไม่ได้คลานออกมาจากท้องแม่เดียวกันแต่ก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ขอแค่เขากัดฟันทนมีอะไรกับแผ่นฟ้าแค่สักครั้ง เรื่องของเขากับอิฐ... ถึงไม่ตัดก็ขาดอยู่ดี

                เสียงประตูเปิดออกแปลว่าแผ่นฟ้ากลับมาแล้ว บีทไม่ได้หันไปมอง แต่ถึงอย่างไรฝ่ายนั้นก็เดินมาหาเขาอยู่ดี ทำให้สองฝ่ายเผลอสบตากันผ่านกระจก ไม่มีคำพูดใดอีก แผ่นฟ้าแค่ลงมือไดร์ผมให้บีทเงียบๆ ทำเอาเขารู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ จำเป็นที่แผ่นฟ้าต้องเอาอกเอาใจเขาถึงขนาดนี้หรือไง แต่ไม่ใช่เขาจะไม่ชอบถูกเอาใจดังนั้นจึงไม่ได้ทักท้วงออกมาปล่อยให้ลมร้อนๆ เป่าผมตัวเองจนแห้งอย่างช้าๆ

                เพียงไม่นานเสียงลมก็หยุดลง แผ่นฟ้าถอดปลั๊กออกพันเก็บอย่างไม่รีบร้อน ทั้งสองฝ่ายคล้ายมีบรรยากาศอึดอัดเข้ามาแทนที่ ไม่รู้จะพูดหรือเริ่มทำอะไรก่อนดี... จนในที่สุดบีทก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินไปที่เตียงแล้วถามซ้ำอีกครั้ง

                “จะไม่ปิดไฟจริงเหรอ?”

                “หรือว่าคุณอาย?” แทนคำตอบตรงๆ แผ่นฟ้ากลับส่งคำถามเย้าแหย่

                บีทชะงักเท้าเมื่อเดินมาถึงปลายเตียงไม่ตอบคำถามนั้นตรงๆ เช่นกัน เขาหมุนตัวกลับมาประจันหน้าคนถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย ขยับมือนิดเดียวปมผ้าขนหนูที่ผูกไว้ก็คลายออก เลื่อนหลุดลงมากองที่ปลายเท้า...

                ดวงตาคนมองคล้ายจะโตขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจแต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่สืบเท้าเข้าไปหา พลางเกี่ยวเอวอีกฝ่ายเข้ามาปะทะตัวคล้ายจะคุกคาม คนที่ยืนอยู่ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ จึงเงยหน้าจ้องเขาตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่ได้ออกแรงปัดป้อง

                “คุณทำให้ความอดทนของผมลดลงเยอะเลย...” แผ่นฟ้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มปริศนา บีทเผลอขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ ทว่าไม่ทันคิดอะไรมากมายเขาก็ถูกอีกฝ่ายรั้งศีรษะเข้ามาจูบเสียแล้ว

จูบนั้นเป็นจูบที่ค่อนข้างดุดัน ราวกับพยายามจะดูดกลืนพลังชีวิตอีกฝ่ายออกไป เนิ่นนานกว่าจะปลดปล่อย บีทพยายามควบคุมสติตัวเองปรับลมหายใจไม่ให้อึดอัด ทั้งๆ ที่หัวใจพลอยเต้นแรงขึ้นอย่างหวาดหวั่น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไม่ประสากับเซ็กส์แต่ก็ไม่ใช่จะยินดีกับมันในทุกรูปแบบเสียหน่อย ไม่ใช่ทนรับมันในรูปแบบรุนแรงไม่ได้แต่ก็ไม่นิยมเซ็กส์แบบป่าเถื่อน ถ้าหากเป็นคนรักกันก็ยังพอวางใจได้ว่าจะไม่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจนเกินพอดี แต่อีกฝ่ายเป็นใคร เขาวางใจได้แค่ไหนเล่า สภาวะอารมณ์จึงค่อนข้างเครียด ยิ่งมือบอนลูบไล้ก้นเขาอย่างจาบจ้วงด้วยแล้ว ใบหน้าเขาเริ่มบิดเบี้ยวอย่างฝืดฝืน

“รังเกียจเหรอ? อะไรกัน อีกหน่อยผมก็เข้าไปอยู่ในตัวคุณแล้วแท้ๆ” ฟังคำพูดหยาบโลนพวกนั้นสิ บีทหน้าแดงเหมือนจะระเบิดออกมาพลางตวาด

“หุบปากเน่าๆ ของคุณเถอะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว...”

“ทำไม... คุณจะเปลี่ยนใจเหรอ? ไม่ทันแล้วน่า” แผ่นฟ้าหัวเราะ เขาโน้มตัวลงอุ้มบีทขึ้นมาวางไว้บนเตียง “ให้ตายเถอะ คุณหนักชะมัดยาด”

“ใครใช้ให้คุณอุ้มเล่า!”

“เอาน่า... แค่ขึ้นเตียงเอง ไม่ได้อุ้มข้ามธรณีประตูซะหน่อย” เขาเบียดร่างเข้าหา โน้มหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆ

บีทเหลือบตาขึ้นมองเห็นรอยยิ้มขี้เล่นติดอยู่ตลอดเวลาทำให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีกแต่ก็ขี้เกียจคิดคำโต้เถียง อีกฝ่ายเห็นแววตาหาเรื่องที่มองสบแล้วให้มันเขี้ยวจนต้องฉกปากเข้าหา บีทหลับตาอัตโนมัติทำให้ริมฝีปากนั้นกดลงบนเปลือกตาของเขาอย่างที่อีกฝ่ายตั้งใจ รอยจูบกระจัดกระจายไปตามขมับจนถึงเส้นผม แถมยังขบติ่งหูแล้วดึงเบาๆ เหมือนสุนัขขี้เล่น

มือที่ว่างเปะป่ายมาบนหน้าอกบาง แตะสะกิดยอดอกไปมาจนบีทหน้าแดงจัด อดตกใจตัวเองไม่ได้ที่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ นั่นคงเป็นเพราะเขาเริดร้างจากเรื่องพวกนี้ไปนาน อีกทั้งคู่นอนก็ยังเป็นคนที่เขาไม่เคยจินตนาการในเรื่องพวกนี้มาก่อนอีกต่างหาก ทำให้เขากระอักกระอ่วนไม่น้อยที่ต้องมาพลีกายให้อีกฝ่ายชำเราอย่างนี้

ในขณะที่ทอดกายนอนนิ่งนั้นเขากำลังถูกเล้าโลมอย่างเนิบนาบ ถูกกอดถูกจูบอย่างอ่อนหวานถูกสัมผัสตามส่วนที่อ่อนไหวต่ออารมณ์จนร่างกายปั่นป่วนไปหมดแล้ว แต่ก็ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเสียจนไม่ยอมปล่อยเสียงครวญครางออกมาให้อับอาย

“พอเถอะ เข้ามาเลยได้ไหม...”  เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้วกับการเป็นของเล่นให้อีกฝ่ายเย้าหยอก เขาไม่ได้อยากมีเซ็กซ์เพื่อสนองความใคร่เสียหน่อย สู้ใส่เข้ามาแล้วทำให้เสร็จๆ ไปเลยซะยังจะดีกว่า

“คุณไม่มีความอดทนเสียเลย” แผ่นฟ้าตอบคล้ายไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังไล้เลียซอกหูของอีกฝ่าย ควานมือฟอนเฟ้นไปทั่วร่างอย่างย่ามใจ “ผมพยายามจะทำให้คุณลืมใครคนนั้น ถ้าไม่ทำให้คุณรู้สึกดีแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร”

บีทฮึดฮัดขัดใจพูดอะไรไม่ออก จะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ดี ดวงหน้าเหยเกทำเอาแผ่นฟ้ากลั้นหัวเราะแทบแย่แล้ว นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงที่แปลกที่สุดที่เคยมี ปกติแล้วคนที่เขานอนด้วยควรจะยินยอมพร้อมใจ หรือหากเปลี่ยนใจก็พูดออกมาตรงๆ แต่นี่อะไร อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้มาแต่จนแล้วจนรอดกลับไม่ดิ้นรนขัดขืน มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์เขามากกว่าปกติจนอยากจะดึงดันใส่เข้าไปเสียเดี๋ยวนี้

ความรู้สึกในใจประดังเข้ามาจนหูพร่าตาลาย ปลายนิ้วเริ่มซุกซนสำรวจในส่วนที่ปรารถนา กลับพบว่าไม่ได้ฝืดเคืองอย่างที่ควรเป็น... แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ใช่ความนุ่มลื่นที่ธรรมชาติจะสร้างได้ในส่วนนั้นแต่เป็นโลชั่นที่บีทใช้แก้ขัด

“นี่เหรอธุระที่คุณต้องทำ?” คำถามมีแววฉงนสงสัยมากกว่าอยากทำให้อาย แต่คนถูกถามยังหน้าร้อนผ่าว เบนหน้าหนีสายตาของเขาในทันที ทำให้คนถามพึงพอใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับจนอยากได้เพิ่มไปอีก “ถ้าคุณเตรียมพร้อมขนาดนี้แล้ว เข้าไปตอนนี้เลยก็ได้สิ?”

บีทเม้มปาก เขาโมโหอีกฝ่ายจนแทบบ้าที่ช่างสรรหาคำพูดมาทำให้เขาอับอายได้เรื่อยๆ กระนั้นก็ยังข่มอารมณ์ตอบรับไปส่งๆ

“อือ”

แผ่นฟ้ายิ้มรับ นับถือน้ำใจบีทเพิ่มขึ้นอีก แต่มีหรือที่เขาจะทำอย่างนั้น เขาไม่อยากทิ้งโอกาสสักวินาทีจะละลายหน้ากากน้ำแข็งนั้นออกหรอก โน้มหน้าลงไปดูดึงยอดอกสีหวานตรงหน้า ส่วนปลายนิ้วที่สอดค้างลงไปในความคับแน่นก็ค่อยๆ ขยับเข้าออก ทำเอาคนใต้ร่างสะท้านเยือก แทบจะหลุดเสียงครางออกมาอยู่รอมร่อ แต่แล้วก็ได้แต่กัดฟันปล่อยให้ฝ่ายนั้นควานนิ้วรุกรานส่วนลับจนอ่อนนุ่ม เขานอนเอาแขนก่ายหน้าปิดบังดวงตาที่ปวดหนึบ นิ่วหน้าจนคิ้วแทบผูกเป็นโบอยู่แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกทรมานเขาเสียที

กว่าฝ่ายนั้นจะดึงนิ้วออกไปได้ ท่อนขาขาวก็เกร็งจนสั่นระริก บีทยกแขนออกผงกหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ แล้วก็ถึงกับเบิกตาค้าง...

เดิมทีเขาคิดว่าแผ่นฟ้าไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อนคงต้องตกประหม่า จดๆ จ้องๆ ลังเลจนเขาต้องเป็นฝ่ายรุกเองอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ได้ต้องการเซ็กส์ที่ดีที่สุดแต่ก็หวังว่าจะไม่ห่วยจนเกินไป จึงใช้เวลาในห้องน้ำเตรียมช่องทางไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ใครจะไปคิดว่านอกจากเขาไม่ต้องลงไม้ลงมือปลุกปั่นเจ้าหนอนชาเขียวให้เติบใหญ่เป็นมังกรแล้วจึงขึ้นคร่อมโยกเอวเอง กลับถูกฝ่ายนั้นจัดการจนอยู่หมัด มิหนำซ้ำฝ่ายนั้นยังเตรียมพร้อมถึงขนาดพกถุงยางมาเองอีกต่างหาก...

เขาจ้องฝ่ายนั้นจัดการสวมเกราะนิรภัยให้ท่อนเนื้อที่แข็งขึงขึ้นมาอย่างตกตะลึง หัวใจเต้นโครมครามเมื่อถูกจ่อความโอฬารบดเบียดผนังถ้ำ ดวงตาคล้ายถูกฝุ่นผงมากมายพุ่งเข้าหา พลอยแสบร้าวจนหยาดน้ำพราวปริ่ม

“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำคุณเจ็บแน่” แผ่นฟ้าปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพลางจับนิ้วมือเรียวยาวขึ้นมาจูบทีละนิ้วอย่างรักใคร่แล้วเสือกกายเข้าหาทีละนิดอย่างใจเย็น ทว่าผนังอกของบีทกลับต้องรับแรงกระแทกที่หนักหน่วงกว่าเก่า

ใครว่าเขากลัวเจ็บกัน เขาแค่ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับความหลัง เพียงคิดว่าจะไม่มีทางหวนกลับไปสู่อดีตที่ทั้งเจ็บปวดและหวานชื่นของสี่ปีที่แล้ว ร่างกายก็ชาหนึบไปทุกส่วน ส่วนล่างที่ถูกสิ่งแปลกปลอมดุนดันเข้ามายังไม่เจ็บทรมานเท่าดวงตาที่แสบร้อน น้ำตาพลอยท่วมท้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

แต่จนป่านนี้แล้วจะเสียดายไปทำไม... อิฐก็พูดเองแท้ๆ ว่ามัน “สายไปแล้ว”

เขาหลับตาลงขับไล่สายน้ำให้ไหลลงมาที่หางตา ทว่ากลับขยับท่อนขาให้อ้ากว้างกว่าเดิมอีกนิดเพื่อรองรับความดุดันที่เคลื่อนไหว

แต่ไหนแต่ไรเขาก็ใจเด็ดอย่างนี้มาตลอด อีกสักครั้งจะเป็นอะไร...

ต่อให้นึกเสียใจมากแค่ไหน แต่ในเมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว... เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...

++++++++++



หลังจากดราม่ามาหลายตอนทั้งๆ ที่บอกเองแท้ๆ ว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่า... แต่ก็หนีนิสัยเสียตัวเองไม่พ้น แต่ต่อไปคงลดลงฮวบฮาบ เพราะแผ่นฟ้าเริ่มชอบบีทแล้วและเขาก็ไม่ชอบหลอกตัวเองซะด้วย ส่วนบีทเองก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตัดอิฐแล้ว แม้วิธีการของนางจะเลือดเย็นไปหน่อย แต่เราก็ชอบบีทที่เป็นแบบนี้นะ 

                บีทเป็นพวกหัวรุนแรง ใจเด็ดมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่ทำร้ายคนอื่นแต่ละอย่างก็ทำได้โดยไม่รู้สึกผิด บทจะจัดการกับตัวเองก็ใจแข็งได้จนวินาทีสุดท้าย แต่แบบนี้แหละถึงจะสมกับเป็นบีท

จะว่าไป บีทแทบไม่ได้แสดงฝีมือเคะที่จัดจ้านอย่างที่เคยคิดไว้ นั่นเป็นเพราะแผ่นฟ้าเริ่มชอบบีทแล้วเลยไม่มีอาการมะเขือเผาให้ต้องลงทุนขนาดนั้น 555  สุดท้ายนิก็ชอบให้เมะเก่งเรื่องอย่างว่าอยู่ดี 555+

ปล. เรื่องนี้ถึงแม้บีทจะเป็นนายเอก แต่นิคงไม่ได้เขียนให้บีทดีเด่อะไรมาก (เหมือนตอนเขียนแม็ก แม็กก็ไม่ได้เป็นคนดี นางแค่น่าสงสาร)  แค่อยากให้มองในมุมคนที่สูญเสีย โดยจะยังเก็บคาแร็กเตอร์ หยิ่งๆ ร้ายๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังมีฉากที่เห็นบีทเป็นนางร้ายอีกหลายฉาก... แต่ต่อไปนางจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นบ้างหรือเปล่าก็ต้องรออ่านเช่นกัน ♥



++++++++++++

อ่านจบแล้วคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 8 [09/08] ไม่ตัดก็ขาด
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-08-2017 20:14:34
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 8 [09/08] ไม่ตัดก็ขาด
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 09-08-2017 21:41:00
ค้างมากมาย  :katai1: บีทหักดิบมากคะน้อง  อย่าใจแข็งนานนะน้องบีท รอตอนต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 8 [09/08] ไม่ตัดก็ขาด
เริ่มหัวข้อโดย: ijuney ที่ 10-08-2017 10:07:29
สนุกมาก รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 8 [09/08] ไม่ตัดก็ขาด
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 11-08-2017 07:49:01
 :z2:  :z2:
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 8 [09/08] ไม่ตัดก็ขาด
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 13-08-2017 17:08:08
เจ้าเล่ห์แสนรัก

-9-

            บีทตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ภายใต้อ้อมแขนที่โอบกอดไว้ หลุดยิ้มไร้สาระออกมาเมื่อคิดว่าอ้อมกอดของใครคนนั้นยังคงอุ่นเสมอ เขาคว้าแขนนั้นมากอดไว้แล้วหลับตาลงอีก  ก่อนจะฉุกใจขึ้นได้ว่าความคิดนั้นช่างเพ้อเจ้อ!

             ใช้เวลาเรียบเรียงเรื่องราวแค่ชั่วครู่เท่านั้นก็จำได้ว่า... อ้อมกอดนี้เป็นของแผ่นฟ้าต่างหาก

               เมื่อคืนเขาตัดสินใจตัดขาดกับอิฐแล้ว โดยใช้แผ่นฟ้าเป็นเครื่องมือ ถึงจะดูเสียศักดิ์ศรีไปบ้างที่เป็นฝ่ายเชิญชวนก่อน แต่ทำไงได้เขาไม่มีทางเลือกนี่นา เอาเถอะ... อย่างน้อยเขาก็โชคดีอยู่บ้าง... ถึงแม้หน้าตาแผ่นฟ้าอาจจะไม่คมคายเท่าพี่ชายแต่ก็จัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ไม่ใช่คนขี้เหร่อ้วนฉุ เขาเลยไม่ต้องผะอืดผะอมมากนัก แผ่นฟ้าเสียอีกที่ควรจะลำบากใจมากกว่า... แต่ก็ผิดคาด

             บีทไม่เข้าใจว่าทำไมแผ่นฟ้าจึงตอบตกลงเขาง่ายๆ ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชายเสียหน่อย เมื่อคืนนี้นอกจากแผ่นฟ้าจะตอบรับคำขอของเขาอย่างง่ายดาย ในระหว่างที่ทำเรื่องอย่างว่าก็ไม่มีทีท่าลังเลหรือรังเกียจ บีทเสียอีกที่จมอยู่ในความโศกเศร้าจนแทบจะไร้ความรู้สึก แต่นั่นก็แค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ ร่างกายที่น่าสมเพชแถมยังร้างราเรื่องอย่างว่ามาพักใหญ่ พอถูกไฟราคาคะครอบงำก็ละลายเป็นขี้ผึ้ง เขาถูกพลิกคว่ำพลิกหงายเพื่อใช้ระบายความใคร่อยู่ครึ่งค่อนคืน ตื่นขึ้นมาทั้งอ่อนเพลียทั้งปวดเมื่อยไปหมด ส่วนตัวต้นเหตุแทนที่จะกลับห้องไปกลับปักหลักค้างคืนที่นี่...

เขาพลิกกายกลับไปหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน ฝ่ายนั้นยังคงหลับสนิท ปล่อยให้เขาใช้สายตาพิจารณาอย่างละเอียด

             แผ่นฟ้าแทบไม่มีอะไรเหมือนอิฐ ฝ่ายนั้นเป็นผู้ใหญ่ ขี้เก๊กชอบวางมาดเคร่งขรึม ผิดกับน้องชายที่ดูรักสนุก คำพูดคำจาโผงผาง ผิวพรรณก็ขาวกว่ากันอยู่มาก ดูเป็นพี่น้องที่แตกต่างกันทุกอย่างไม่ว่าหน้าตาหรือนิสัย ถ้าจะมีส่วนที่คล้ายอยู่บ้างคงเรื่องความเจ้าเล่ห์แสนกล ซับซ้อนอ่านยาก

            แผ่นฟ้าค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างงัวเงีย สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าเคร่งเครียดของของบีท เขาเผลอคลี่ยิ้มอ่อนหวานออกมาจนบีทเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ

               ยิ้มทำไม มีอะไรน่ายินดี...

                สายตาที่จ้องตอบกลับมาทำให้รอยยิ้มของแผ่นฟ้าจืดเจื่อนลงเอ่ยกระเซ้าเสียงเล็กเสียงน้อย “อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นสิ เมื่อคืนคุณออกจะน่ารัก”

                น่ารัก? คำพูดนั้นทำให้บีทแค่นยิ้ม แล้วเอ่ยเสียงประชด “งั้นเหรอ?”

                “โกรธอะไรอยู่ล่ะ คุณบอกให้ผมทำเองนะ ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย”

                บีทเบะปาก ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่ที่พูดออกมาก็ทำให้เขาปลาบแปลบในอกไม่ได้อยู่ดี รอยยิ้มจึงฝาดเฝื่อนเล็กน้อย

                “ก็ใช่ แทนที่จะโกรธควรขอบคุณเสียมากกว่า”

                “ขอบคุณ?”

                “นอกจากจะเสียสละตัวเองแล้วยังเตรียมตัวมาอย่างดีด้วย”

                แม้จะพูดอ้อมๆ แต่แผ่นฟ้าก็พอจะเดาได้ว่าบีทหมายถึง “ถุงยาง”

                “ผมไม่ใช่ผู้ทรงศีลซะหน่อย จะมีเก็บไว้บ้างก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?”

                “ก็ขอบคุณอยู่นี่ไง” บีทตอบเนือยๆ

                อันที่จริงเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เรื่องที่ทำลงไปเป็นเพียงการตัดสินใจชั่ววูบ เขาเองก็ไม่ได้เตรียมของแบบนั้นมา แต่ก็อดโล่งใจไม่ได้ที่แผ่นฟ้ายังรู้จักป้องกัน อีกอย่างเพราะอีกฝ่ายใส่ถุงยางจึงไม่เหลือคราบคาวเหนาะหนะไว้ในร่างกายให้เขาต้องมาทำความสะอาดให้ยุ่งยากหลังจากร่างกายผ่านสงครามอันหนักหน่วง ไม่งั้นเขาคงหงุดหงิดน่าดู ทว่าคนฟังกลับคิดไปอีกอย่าง

                “ที่ผมใช้ก็เพราะความเคยชิน ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจคุณหรอกนะ” แผ่นฟ้าแก้ตัวเสียงอ่อย ตัวเขาเป็นเสือผู้หญิง ปกติก็ไม่เคยไว้ใจใครอยู่แล้วจึงใช้ถุงยางจนติดเป็นนิสัย แต่ถึงจะคิดอย่างไรก็ยังรู้จักโกหกเอาใจคู่นอนอยู่วันยังค่ำ ยิ่งเวลานี้เขารู้สึกกลัวว่าบีทจะโกรธจนหน้าหดเหลือสองนิ้ว 

                “ไม่ไว้ใจก็ดีแล้วนี่ ผมจะได้วางใจว่าคุณก็ไม่ไว้ใจคนอื่นด้วยเหมือนกัน” บีทตอบเรียบๆ พลางตวัดผ้าห่มออกจากร่าง ลุกขึ้นจากเตียงโดยปราศจากเสื้อผ้าแม้สักชิ้น

                ทันทีที่ขาถึงพื้นก็รู้สึกเจ็บยอกไปหมด แต่เขาน่ะหรือจะกล้าแสดงท่าทีอ่อนแอออกมา มีแต่ต้องฝืนข่มกลั้นตัวเองลากขาไปถึงห้องน้ำเท่านั้นแหละ

                แผ่นฟ้าลุกขึ้นนั่ง มองตามแผ่นหลังเรียบเนียนเลื่อนลงมายังแก้มก้นที่ขยับไหวอย่างเชื่องช้าแล้วถึงกับกลืนน้ำลายกรึ๊บ เมื่อคิดไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาร่างกายพลอยรุมร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ หากแต่ยังพอควบคุมตัวเองได้บ้าง

                เมื่อคืนเขาทำไปมากพอแล้ว ควรปล่อยให้อีกฝ่ายพักผ่อนซะบ้าง วันหลังค่อยว่ากันใหม่...

                +++++++

                อาหารเช้าเริ่มช้ากว่าทุกวัน แต่แผ่นฟ้าก็ไม่มีท่าทีเร่งร้อน เขาเป็นเจ้าของบริษัทนี่นา ถึงจะเกเรเข้างานสายบ้างก็ไม่มีใครกล้าว่าอยู่ดี

                “ถ้าคุณไม่รีบ ไปส่งผมที่คลินิกหน่อยได้ไหม ผมจะไปเอารถ”

                บีทบอกเรียบๆ แผ่นฟ้าเพิ่งนึกขึ้นได้เรื่องนั้น จนป่านนี้เขายังไม่รู้เลยว่าบีทไปเจอเรื่องอะไรที่นั่น แต่ถ้าหนักหนาขนาดเขายอมเปลืองตัวเพื่อตัดใจคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยไม่อยากพาเขากลับไปที่นั่นอีก

                “ไม่รีบแต่ก็ไม่ควรช้ามาก เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปเอาให้แล้วกัน”

                 “ไม่รบกวนดีกว่า เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปเอาเองก็ได้”

                 “รีบใช้รถเหรอ?”

                “คืนนี้ผมต้องบินแล้ว”

                “ไปกี่วัน”

                “5วัน”

                ก็แค่ห้าวัน...แต่ทำไมแผ่นฟ้ารู้สึกว่ามันยาวนานนักนะ

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”

                “ไม่เอาหรอก ถ้าขากลับไปรับไม่ได้ เปลืองค่าแท็กซี่แย่”

                “ก็แล้วทำไมจะไปรับไม่ได้ล่ะ”

                “ไม่รู้สิ คุณอาจจะมีธุระกะทันหันขึ้นมาก็ได้”

                “งั้น... เอารถผมไปก็ได้ เดี๋ยวผมไปเอารถคุณมาใช้แทน”

                บีทมองแผ่นฟ้าด้วยสายตาระแวงระวัง เพราะอีกฝ่ายดีกับเขามากเกินไป แต่อีกฝ่ายมีเพียงรอยยิ้มใสซื่อแล้วบอกง่ายๆ ว่า

                “แต่ก่อนจะเอารถไปก็ช่วยไปส่งผมที่ทำงานก่อนแล้วกันนะ”

                หลังเลิกงานแผ่นฟ้านั่งแท็กซี่ไปคลินิกเพื่อเอารถของบีท ไหนๆ ก็มาแล้วจึงเข้าไปเยี่ยมพี่ชายด้วยเลย พอรู้เรื่องทุกอย่างก็พลอยจะเจ็บแค้นแทนบีทไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่บีทยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อลืมอิฐ เพราะถ้าเป็นเขาก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน

                นอกจากความเห็นใจแล้วยังเต็มไปด้วยความคิดถึง อยากปลอบประโลมอีกฝ่ายให้หายเศร้า เวลาห้าวันจึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า วันที่บีทเดินทางกลับแผ่นฟ้าจอดรถของบีทไว้ที่บ้านตัวเอง จากนั้นจึงนั่งแท็กซี่ไปที่สนามบิน เพราะขืนขับรถไปเองบีทคงต้องรับรถคืนแล้วต่างคนก็ต่างกลับ แต่ถ้าเขาไม่ได้เอารถไปจะได้ดึงดันกลับมาด้วยกันได้

                บีทค่อนข้างแปลกใจเมื่อเห็นแผ่นฟ้าที่สนามบิน รอยยิ้มกว้างขวางทำให้เขาเดาใจอีกฝ่ายไม่ออกเลย

                “มาทำอะไรที่นี่?”

                “มารับคุณน่ะสิ” แผ่นฟ้าตอบตามตรง จงใจแย่งกระเป๋าเดินทางในมือบีทช่วยลากอย่างขันแข็ง บีทสับสนมึนงงแต่ก็เดินตามเขาออกไป

                “มารับทำไม ถึงมาก็ต้องแยกกันกลับ”

                “แต่ผมไม่ได้เอารถคุณมา”

                “ฮะ” บีทร้องเสียงสูง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดยังไงถึงนั่งแท็กซี่มารับเขา “ไม่เอารถมาแล้วจะเรียกว่ามารับได้ไง?”

                “นั่นสิ เรียกว่ามาพาคุณกลับบ้านต่างหาก ก็รถผมอยู่ที่คุณนี่นา”

                บีทผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ถึงจะถกเถียงไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมาจึงได้แต่เดินนำไปยังลานจอดรถที่ฝากเอาไว้ แล้วปล่อยให้แผ่นฟ้าขับรถพาเขาออกมาจากที่นั่น

                “ในกระเป๋าคงมีเสื้อผ้าของใช้พอสมควรแล้ว งั้นไปบ้านผมเลยไม่ต้องกลับคอนโดคุณก่อนหรอกเนอะ” แผ่นฟ้าโพล่งออกมาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

                “ใครบอกว่าผมจะไปบ้านคุณ”

                “ผมนี่แหละบอก ถ้าคุณไม่อยู่ใกล้ๆ ผมจะดูแลคุณได้ยังไงล่ะ”

                “แล้วทำไมต้องดูแลผมด้วย”

                “อ้าว... ก็ผมอาสาช่วยทำให้คุณลืมพี่...เอ่อ ทำให้คุณลืมแฟนเก่า ถ้าไม่ดีกับคุณ คอยดูแลคุณ แล้วจะให้ทำอะไร?” แผ่นฟ้าสาธยายอย่างเปิดอกถึงความจริงใจของเขา

                “อ๋อ...ที่แท้ก็... ไม่จำเป็นแล้ว แต่คืนเดียวก็พอแล้ว”

                “ฮะ พอแล้ว? หมายความว่าไง?”

                “คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ผมลืมก็ได้ แค่ทำให้ผมรู้แก่ใจว่ากลับไปไม่ได้ก็พอแล้ว”

                “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

                “นี่คุณลืมไปแล้วหรอว่าตัวเองเป็นใคร เป็นน้องชายที่จ้องแต่จะแย่งสมบัติเขาใช่ไหม แค่ที่ผมร่วมมือกับคุณมาตลอดก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้ยังนอนด้วยอีก ลองคิดดูสิว่าอิฐจะดูถูกผมขนาดไหน...  อันที่จริง... ถึงไม่มีคุณเขาก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว ผมก็แค่อยากจะตอกย้ำตัวเองซ้ำอีกเท่านั้นแหละว่าหมดหนทางแล้วจริงๆ ด้วยสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขนาดนี้ถ้าผมมีอะไรกับคุณได้ เรื่องของผมกับเขา... ถึงไม่ตัดก็ขาดแล้ว”

             “อะไรนะ? ผมนึกว่า...”

                แผ่นฟ้าอึ้งไป พอคิดตามก็จริงเสียด้วย ขนาดตัวเขาเองถ้ารู้ว่าคนที่คบอยู่นอกใจ ต่อให้รักแค่ไหนก็ยังตัดใจเลิกได้เลย นับประสาอะไรกับคนอย่างอิฐ ทั้งเขาทั้งบีทต่างรู้จักผู้ชายคนนั้นดี ตั้งแต่แรกที่ตัดสินใจก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงง่ายๆ อยู่แล้ว ยิ่งถ้ารู้ว่าบีทมีความสัมพันธ์กับเขาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วยแล้ว ต่อให้ยังรักกันอยู่ก็ไม่ทางยกโทษให้บีทหรอก

                เขาสะท้านอยู่ในอกลึกๆ ไม่รู้จะชื่นชมหรือโกรธเคืองดีที่บีทคิดอะไรพวกนี้ออกมาได้ ตอนแรกเขาหลงคิดว่าบีทจะคาดหวังในตัวเขา มองว่าเขาดีพอจะแทนที่อิฐได้ และไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเขาก็ยินดี แต่กลับกลายเป็นว่าไม่จำเป้นต้องเป็นเขา จะเป็นใครก็ได้แค่มีสายเลือดเดียวกันก็พอ ยิ่งถ้าเป็นเขาก็ยิ่งดี คงทำให้อิฐเจ็บใจกว่าคนอื่นสินะ...

                “ให้ตายสิ... คุณเลือดเย็นกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก” แผ่นฟ้าพูดได้แค่นั้นทั้งที่ปากคอมันขมไปหมด...

                บีทแค่นยิ้มเศร้า

                “เพราะเป็นคนแบบนี้ไง เลยสมควรต้องอยู่คนเดียว” คำพูดนั้นแม้จะแผ่วเบาแต่ก็ยังทำให้คนฟังอดสะเทือนใจไม่ได้ พอได้ยินเสียงเศร้าๆ แล้วก็พลอยใจอ่อน

อันที่จริงแล้วบีทก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาคาดหวังอะไรจากบีทถึงจะพอใจ ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากนัก ถ้าแม้แต่ตัวเขาเองยังโกรธ บีทก็ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ นั่นแหละ

                “ไม่หรอก คุณยังเหลือผมอยู่ คุณจะนอนกับผมเพราะอะไรนั่นเป็นการตัดสินใจของคุณ เรื่องที่ผมอยากช่วยคุณก็เป็นการตัดสินใจของผมเช่นกัน ในเมื่อคิดจะช่วยแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุด ไปอยู่ด้วยกันน่ะดีแล้ว...”

                “แต่ว่า...” บีทขมวดคิ้วอ้าปากเหมือนจะเถียงอะไรบางอย่าง ทว่าแผ่นฟ้าหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยดักคอ

                “เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันสักหน่อย... อยู่กับผมก็ไม่เห็นเป็นไรนี่... ยกเว้นแต่ว่าคุณยังอยากรออยู่”

                บีทชะงักไปทันที ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง จะตัดได้หรือเปล่า ถ้ายังคงอยู่ในสถานที่เดิม บรรยากาศเดิมๆ จากที่ไม่อยากรอก็คงจะต้องรออยู่อย่างนี้... สู้ไปซะดีกว่า

                “อือ... ที่จริงผมก็คิดอยู่ว่าจะขายคอนโดอยู่พอดี ระหว่างที่ยังหาที่อยู่ไม่ได้ ผมไปอยู่กับคุณชั่วคราวแล้วกัน”

พอถึงบ้าน ระหว่างที่บีทหยุดทักทายโฟร์วิลด์ แผ่นฟ้าลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปยื่นส่งให้คนรับใช้ที่ยืนรออยู่

“เอาไปไว้ที่ห้องฉันละกัน”

“ค่ะคุณฟ้า” อีกฝ่ายรับคำเสียงหวานลากกระเป๋าเข้าไปโดยไม่ถามสักคำ มีแต่เจ้าของกระเป๋าที่ขมวดคิ้ว ยืนขึ้นแล้วร้องถาม

“เดี๋ยวๆ ทำไมต้องเอาไปไว้ห้องคุณ”

“ห้องที่คุณอยู่ไฟมันเสียน่ะสิ”

“เสียก็ซ่อมสิ”

“คุณซ่อมเป็นเหรอ?”

“หน้าตาผมเหมือนช่างไฟหรือไง?”

“ถ้าใช่ก็เป็นช่างไฟที่หน้าตาดีเหมือนกันนะ”

บีทถอนใจยาวแล้วพูดต่อ “ผมซ่อมไม่เป็น ถ้าคุณซ่อมไม่ได้ก็เรียกช่างไฟมาสิ”

“ยุ่งยากจัง ไปอยู่ห้องผมแล้วมันไม่ดีตรงไหน?”

“ผมชอบอยู่คนเดียว...”

“แต่... ผมอยากอยู่กับคุณนี่” แผ่นฟ้าบอกพลางส่งรอยยิ้มอ้อน ดวงตาเป็นประกาย ทำเอาบีทผงะไปอึดใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

“นี่คุณคงไม่ได้คิดจะให้ผมใช้ร่างกายจ่ายค่าเช่าบ้านหรอกนะ”

คำถามนั่นตรงไปตรงมาจนแผ่นฟ้าหลุดหัวเราะออกมาทันที “จะว่าไป ก็เป็นความคิดที่ดีนะ”

“งั้นผมกลับละ” บีทบอกด้วยใบหน้างอง้ำ ไม่ขำด้วย เพียงเอี้ยวตัวหมุนกายออก เจ้าของบ้านก็เคลื่อนเท้าก้าวมาขวางไว้แล้ว

“เดี๋ยวสิ... ผมล้อเล่น”

“ผมไปเป็นเพื่อนเล่นของคุณตั้งแต่เมื่อไร?” บีทถาม ดวงตาคมดุจับจ้องเขาอย่างไม่พอใจทำให้แผ่นฟ้ายิ้มไม่ออกแล้ว ใบหน้าสลดลงอย่างสำนึกผิด

“บีท...” เสียงนั้นคล้ายออดอ้อนระหว่างที่เอื้อมมือไปกุมมือเจ้าของชื่อไว้เบาๆ “ผมขอโทษ เดี๋ยวผมจะเข้าไปซ่อมไฟให้คุณ คุณอยากได้อะไรก็บอกผมได้ทุกอย่าง... อย่าไปเลยนะ”

บีทเหลือบตามองคนพูดอย่างประหลาดใจ ปกติแผ่นฟ้าเอาแต่กวนประสาท แต่ตอนนี้กลับยอมขอโทษแต่โดยดี ใช้น้ำเสียงออดอ้อนพูดจาเอาใจผิดวิสัย จนเขาพูดอะไรไม่ออก

เห็นใบหน้าของบีทลดความบึ้งตึงลงแผ่นฟ้าค่อยยิ้มออก เขาเดินเข้าไปในบ้านสั่งให้คนรับใช้ลากกระเป๋ากลับมาห้องเดิมส่วนตัวเองเดินไปหาอุปกรณ์มาซ่อมไฟ

บีทมองตามอย่างงุนงง แต่ตัวเขาเองก็เหนื่อยแล้วไม่อยากขับรถออกไปผจญรถติดอีกรอบ เลยยอมเดินเข้าไปด้านใน

แผ่นฟ้าเดินกลับมาพร้อมหลอดไฟดวงเดิมที่เขาอุตส่าห์ลงทุน “ทำให้มันดับ” ไปเมื่อเช้าเพื่อเป็นข้ออ้างให้บีทยอมนอนห้องเดียวกับเขา แต่สุดท้ายก็ต้องมาซ่อมให้มันติดอีกรอบเพื่อรั้งไม่ให้บีทกลับไป อดคิดไม่ได้ว่าความพยายามของเขาเสียเปล่าแท้ๆ 

แต่ช่างเถอะ... บีทจะอยู่ห้องนี้หรือห้องไหนก็ไม่สำคัญ

ในเมื่อยังอยู่ในบ้านเดียวกัน จะหนีเขาพ้นได้ยังไง?



++++++++++

แผ่นฟ้ารู้จักบีทนานพอๆ กับอิฐเลย เคยคิดมาตลอดว่าบีทเรื่องมาก เอาใจยากอย่างงั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นตัวเองคงถอดใจไปนานแล้ว แต่ไปๆ มาๆ พอเริ่มหลงรักเสียเอง แผ่นฟ้าก็เป็นพวกทุ่มทุนสร้างไม่น้อยไปกว่ากันเลยนะ

*คอมเม้นด้วยนะคะ*
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 9 [13/08] หว่านล้อม
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-08-2017 19:24:02
อืมมม.......แผ่นฟ้า เจ้าเล่ห์จริงๆ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 9 [13/08] หว่านล้อม
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-08-2017 17:19:11
รอดูพัฒนาการความสัมพันธ์ของคู่นี้ค่ะ เมื่อไหร่บีทจะใจอ่อนให้แผ่นฟ้าหนอ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 9 [13/08] หว่านล้อม
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 17-08-2017 18:27:23
เจ้าเล่ห์แสนรัก


-10-

“เสร็จละ” แผ่นฟ้าบอกระหว่างก้าวลงจากบันไดหลังจากเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้ว

“อือ” บีทยืนกอดอกตอบรับสั้นๆ

พอแผ่นฟ้าลงมายืนที่พื้นแล้วมองหน้าบีทที่มีใบหน้าเฉยเมยก็ได้แต่ส่งเสียงตัดพ้อ “ถึงไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ชมผมสักคำก็ยังดี”

“ชมว่าไง? ช่างไฟบ้านนี้หน้าตาพอใช้ได้นะ งี้เหรอ?” บีทตอบกลับพร้อมอมยิ้มบางๆ

“แบบนั้นก็โอ...” แผ่นฟ้ายิ้มพอใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพูดเล่นด้วย

บีทหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้าให้กับความบ้ายอของอีกฝ่าย

“ผมจะเอาของไปเก็บ คุณพักผ่อนแล้วกัน”

บีทขยับคางตอบรับอย่างไว้ท่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนแผ่นฟ้าต้องด่าบีทในใจไม่รู้กี่ตลบ แต่ตอนนี้เขากลับไม่ถือสา รีบขนบันไดและหลอดไฟออกไปเหมือนกลัวเจ้านายจะรำคาญ

พอออกมาก็สั่งกำชับคนรับใช้อยู่นานว่าบีทจะมาอยู่ด้วย ให้ดูแลให้ดีเหมือนเจ้านายอีกคนห้ามรับเงินเพิ่มเติมเด็ดขาด แล้วจึงเดินยิ้มกริ่มจากไป ปล่อยให้บรรดาสาวใช้มองตามด้วยความขบขันว่า เห็นทีเจ้านายจะตกหลุมรักคุณบีท อย่างจังซะแล้ว...

+++++++++

หลังจากกินอาหารเช้าร่วมกันแผ่นฟ้าก็ออกไปทำงานตามปกติ คงเพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักพักแล้วบีทเลยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือแปลกที่แปลกทางเหมือนอย่างเมื่อก่อน พอเจ้าของบ้าน ออกไปพักใหญ่เขาก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับไปที่คอนโดตัวเอง

บีทเก็บของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นบางส่วนเพราะต้องย้ายไปอยู่กับแผ่นฟ้าชั่วคราวระหว่างที่หาที่พักใหม่ เนื่องจากเขาตัดสินใจจะขายคอนโดนี้จริงๆ ตามที่บอกอีกฝ่ายไว้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพราะแสลงใจจนทนอยู่ไม่ไหวเท่านั้นแต่เป็นเพราะที่นี่เป็นของอิฐครึ่งหนึ่งต่างหาก

 จำได้ว่าตอนที่เริ่มรู้จักกับอิฐ บีทก็ผ่อนที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้ว ฝ่ายนั้นตามจีบเขา เทียวไปเทียวมาจนเป็นความสัมพันธ์ที่ก้ำกึ่งระหว่างคนพิเศษกับคนรัก ระหว่างที่เขาไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์แบบนั้นและไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ อิฐก็แอบปิดยอดผ่อนที่เหลือของที่นี่ให้หวังจะให้เขาซาบซึ้งใจ แต่ยิ่งทำให้เขาโมโห แต่ไม่ว่าจะทำยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับเงินคืนไป ทำให้บีทชดเชยโดยพาอีกฝ่ายไปดินเนอร์มื้อหรูเป็นการตอบแทนอยู่หลายมื้อ ที่ไหนได้พอเขาได้รับเงินเดือนก็มักมีเงินส่วนเกินแถมมาให้จนเขาอ่อนอกอ่อนใจอยู่เสมอ

 จนกระทั่งคบกันแล้วเขาจึงจับอีกฝ่ายมานั่งคุยอย่างจริงจังว่าเขาไม่อยากให้การคบกันมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อิฐก็แค่ยิ้มแล้วบอกว่าเขามีความสุขที่จะให้ บีทไม่ได้เป็นคนขออะไรก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก แล้วต่อให้มีสักวันที่ทั้งสองต้องเลิกกัน เขาก็ไม่คิดจะเรียกสิ่งที่ให้ไปกลับคืนแม้แต่อย่างเดียวขอให้เขาสบายได้

ถึงวันนี้บีทเพิ่งรู้...ว่าสิ่งที่เขาพูดมันจริงแค่ครึ่งเดียว

สิ่งของที่ให้มาแล้วอิฐไม่เคยเอาอะไรกลับคืนไป ยกเว้นก็แต่... หัวใจที่เคยให้มา

ระหว่างที่จมจ่อมกับความคิดคำนึงเหล่านั้น พลันเสียงโทรศัพท์ก็ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงอดีต บีทยกมันขึ้นรับสายอย่างเฉื่อยชา

“ฮัลโหล”

“บีท...ผมเองนะ... คุณอยู่ไหนเหรอ?” แผ่นฟ้ารายงานตัวแล้วถามคำถามเหมือนมีธุระสำคัญ

“อยู่คอนโด”

“ไปทำอะไร?” น้ำเสียงคนถามร้อนรนเล็กน้อย เพราะกลัวว่าบีทจะดื้อ หนีกลับไปอยู่คอนโดอีก

“มาเอาของ แล้วก็มาบอกคนดูแลด้วยว่าจะขายคอนโด”

“อ้อ... ถ้าคุณจะขายจริงๆ ผมจะช่วยนะ ผมพอมีเพื่อนลงทุนเกี่ยวกับอสังหาฯ อยู่บ้าง”

“อื้อ... ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”

“อ๋อ...เกือบลืม คือเมื่อวันก่อนผมเอาเอกสารที่ต้องใช้ไว้ในรถคุณน่ะ พอไปรับคุณที่สนามบินแล้วก็ลืมเอาออกมา คุณเห็นหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้สังเกต เดี๋ยวขึ้นรถแล้วจะดูให้แล้วกัน”

“ครับๆ”

“รีบใช้ไหมล่ะ? คอนโดอยู่ใกล้ๆ ผมเอาไปให้ไหม?” บีทกำลังว่างเลยเผลออาสาขึ้นมา

“ไม่....” แผ่นฟ้ากำลังจะปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่นึกขึ้นได้ว่านี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ถือโอกาสตอนที่บีทมาหาชวนไปกินข้าวกลางวันดีกว่า “เอ้อ... แต่มาได้ก็ดี”

“อืม... งั้นเดี๋ยวผมเข้าไป”

+++++++++

กว่าบีทจะมาถึงก็เลยเที่ยงไปแล้ว บีทไปถึงหน้าห้องประธานบริษัทแต่เพราะไม่มีธุระสำคัญจึงไม่ได้เข้าไป เขาเพียงแค่ฝากเอกสารเอาไว้ที่เลขาหน้าห้องแล้วก็กลับเลย เลขาแผ่นฟ้ารับรับเอกสารนั้นมาพร้อมกับคำถามในใจมากมายว่าทำไมของแบบนี้ถึงได้อยู่กับบีท แล้วทำไมบีทถึงต้องเป็นคนเอามาให้แต่ก็ไม่กล้าละลาบละล้วงถาม รอจนบีทหมุนตัวกลับไปแล้วจึงเอกสารนั่นเข้าไปให้เจ้านายอย่างไม่รีบร้อน

“แล้วบีทล่ะ?” แผ่นฟ้าร้องถามพร้อมคิ้วที่ขมวดเมื่อเห็นแต่ของไม่เห็นคน

“กลับไปแล้วค่ะ” คำตอบของเลขาทำให้แผ่นฟ้าเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่สั่งอะไร พอเดินมาถึงลิฟต์ก็ไม่เห็นบีทแล้ว

แผ่นฟ้าถอนใจแรงพลางหยิบมือถือออกมาต่อสาย ตอนนั้นบีทอยู่ในลิฟต์จึงไม่ได้รับสายทันที ทำให้ชายหนุ่มร้อนรนกว่าเก่า

“ฮัลโหล...” ในที่สุดเสียงนั้นก็ตอบกลับมา

“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”

“เข้าไปทำไม ทำเหมือนไม่เคยเจอกันไปได้” บีทตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก

อันที่จริงก็ใช่ เพราะตอนนี้บีทอยู่กับเขา เมื่อเช้าก็เพิ่งแยกกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันและไม่มีธุระสำคัญให้ต้องมาเจอสักหน่อย แต่คนฟังกลับรู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมาเฉยๆ

“ก็ใช่... แต่นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว ผมก็แค่ยากชวนคุณไปหาอะไรกิน”

“ถ้าหิวก็ไปก่อนเลย ผมจะเข้าออฟฟิศหน่อย” อันที่จริงงานไกด์เป็นงานที่ทำนอกสถานที่ ไม่ต้องเข้ามาเหมือนพนักงานทั่วไป อาจจะโทรมาหรือตรวจสอบตารางงานในเว็บเอาก็ได้ เพียงแต่ไหนๆ ก็แวะมาอยู่แล้ว บีทเลยแวะเข้าไปดูโปรแกรมทัวร์ด้วยเสียเลย         

“หือ... ที่ชั้น 4 น่ะเหรอ?”

“ใช่” เขาตอบสั้น ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าลิฟต์

“โอเค เดี๋ยวผมลงไปหาแล้วกันนะ” แผ่นฟ้าบอกอย่างกระตือรือร้น ใบหน้าและน้ำเสียงดีขึ้นมากทีเดียว

บีทกำลังจะเอ่ยปฏิเสธก็พอดีอีกฝ่ายตัดสายไปก่อน เขาขี้เกียจโทรกลับก็เลยปล่อยเลยตามเลย

บีทเปิดประตูกระจกเข้ามาในห้องทำงาน เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพักพนักงานจึงบางตา แต่ถึงอย่างนั้นบีทก็ยังสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของหลายๆ คนที่มองมา บีทไม่แปลกใจเท่าไรหรอก เพราะสมัยก่อนบีทมาที่ออฟฟิศบ่อย ขึ้นไปชั้นบนสุดก็บ่อย เรื่องที่เขาคบอยู่กับอิฐใครๆ ต่างก็รู้เพราะพวกเขาไม่เคยปิดบัง ส่วนตอนที่เลิกกันอาจจะคลุมเครืออยู่บ้างแต่ก็พอสังเกตได้ เพราะเหตุการณ์ชุลมุนตอนวันครบรอบบริษัททำให้มีข่าวซุบซิบหนาหูว่าเพราะอิฐมีคนใหม่ บีทจึงถูกสลัดรัก แต่เพราะคนในข่าวลือไม่โผล่มาให้เห็นหน้ารวมทั้งบีทเองก็หายหน้าไปจึงไม่มีใครให้ความกระจ่าง จากนั้นไม่นานอิฐยังมีเรื่องจนต้องลาออกจากตำแหน่งอีกข่าวลือพวกนั้นจึงจางหายไปเอง

 กระทั่งต่อมาบีทก็กลับมาปรากฏตัวที่ชั้นบนสุดอีกครั้งในตอนที่อิฐล้างมือไปแล้ว อย่าว่าแต่ตำแหน่งประธานที่ยึดครองมาเกือบสี่ปีแม้แต่บริษัทก็ไม่เข้า ทำให้เหล่าพนักงานล้วนไม่เข้าใจว่าทำไมบีทถึงสนิทสนมกับแผ่นฟ้าได้

เรื่องราวที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งประธานบริษัทก็ถูกขุดคุ้ยขึ้นมานินทากันอย่างสนุกปากอีกครั้ง

บ้างก็ว่าประธานคนก่อนทอดทิ้งบีท ทำให้เขาโมโหเลยไปเข้ากับแผ่นฟ้า

บ้างก็ว่าบีทกับแผ่นฟ้าแอบคบกันลับหลังแล้วถูกจับได้

บ้างก็ว่าพออิฐไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้วบีทก็เลยขอเลิกแล้วไปอ่อยคนใหม่

จากนั้นก็พากันใส่สีตีไข่กันไปต่างๆ นานา เรื่องนั้นเขาเองพอจะรู้เพียงแค่ไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาเพียงมองหาคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเครื่องพิมพ์เพื่อจะปรินต์ตารางงานของตัวเอง รวมถึงข้อมูลทัวร์ของเดือนหน้า

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง พนักงานหญิงสองคนเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟในมือ เสียงพูดคุยไม่ดังและไม่เบานักตอนที่เดินผ่านเขาที่หันหน้าเข้าหาผนัง

“เออที่เขาลือกันจริงเหรอแก?”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องไกด์หนุ่มกับประธานคนใหม่” ตัวบีทแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องนินทาของตัวเองแบบชัดสองรูหูขนาดนี้ แต่ยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่กระโตกกระตาก เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าข่าวลือว่ายังไงบ้าง

“อ๋อ... จริง... ยัยรุ้งบอกว่าเห็นมากับตาว่าเมื่อวานคุณแผ่นฟ้าไปรับนางที่สนามบิน... กะหนุงกะหนิงเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน...”

บีทขมวดคิ้ว เพราะเรื่องที่พูดก็มีเค้าเรื่องจริงเสียด้วย

สองสาวนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองซึ่งอยู่ใกล้กัน ระหว่างคุยกันต่ออย่างออกรส

“ต๊าย... ชาติที่แล้วนางทำบุญด้วยอะไรนะ เลิกกับประธานคนเก่าไม่เท่าไร จับคนใหม่ได้อีกละ”

“ทำบาปสิไม่ว่า คุณอิฐเป็นเกย์ยังไม่เท่าไร แต่คุณแผ่นฟ้าไม่ใช่ซะหน่อย นี่ทำสาวๆ ฝันสลายไปตามๆ กัน”

บีทนั่งฟังพลางคิดค่อนขอด ทำอย่างกับว่าถ้าไม่มีเขาสักคนแล้วคนอื่นที่ว่าจะอ่อยแผ่นฟ้าติดกันอย่างนั้นแหละ

“จริง... สาวๆ สวยๆ ในบริษัทก็เยอะแยะไม่เอา ไปเอาผู้ชาย แถมยังเมียเก่าพี่ชายแท้ๆ ท่านประธานไม่น่าตาต่ำเลยอ่ะ” ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างเฉยเมยจนกระทั่งคำต้องห้ามนั่นแหละที่กระทุ้งต่อมอารมณ์จนเดือดพล่าน

“ใครจะรู้ นางอาจจะมีอะไรดี”

“นั่นสิ ไม่งั้นไม่เปลี่ยนผัวง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้างี้”

“อะฮึ่ม...” เขาไม่คิดจะทนเงียบอีกต่อไปแล้ว บีทกระแอมขึ้นขัดแล้วหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้า ทำเอาสองสาวที่ไถเก้าอี้เข้าหากันเพื่อซุบซิบนินทาสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมามองเขาด้วยสีหน้าจืดเจื่อน

“ดูเหมือนเรื่องของผมจะทำให้พวกคุณลำบากใจกันมากเลยเนอะ?” บีทเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สายตาคมดุมองปราดไปอย่างเชือดเฉือน “แต่รู้อะไรไหม คนเราอยากได้มันต้องลงมือทำ ถ้าเอาแต่มอง เอาแต่อยากได้แต่ไม่คิดจะทำอะไรแล้วถูกคนอื่นแย่งไปก็ไม่มีสิทธิ์อิจฉาหรอก”

“พวกเราไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ก็แค่เสียดาย คนดีมันก็ต้องควรคู่กับคนดีๆ ถึงจะถูก” เจ้ากรมข่าวลือรีบเถียง

บีทยกมุมปากขึ้นอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายชมแผ่นฟ้าว่า “คนดี” ฟังแล้วรู้สึกว่าคนพูดไม่รู้จักคนที่ตัวเองพูดถึงเลยต่างหาก! แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพูดถึง

“อ้อ แล้วต้องคู่กับคนดีๆ แบบไหนล่ะ อย่างเธอ?” บีทแค่ถามกลับเรียบๆ แต่สำหรับคนฟังกลับคล้ายดูถูก หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวรีบตอกกลับโดยทันที

“อย่างใครก็ได้ที่ไม่ได้เปลี่ยนผัวไปเรื่อยๆ อย่างคนบางคน...”

“เหรอ? แต่ผมว่าค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน ไม่ได้อยู่ที่มีผัวกี่คนสักหน่อย ยิ่งพวกที่หาไม่ได้แม้สักคนยิ่งต้องพิจารณาตัวเองหรือเปล่า” บีทตอกกลับยิ้มๆ ถึงเขาจะเป็นคนตัวสูง บุคลิกสะอาดสะอ้านไม่ได้ออกตุ้งติ้งอะไร แต่เวลาอ้าปากก็แรงชัดจัดเต็มไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่รักษาภาพพจน์แบบนี้มานานแล้ว

ใบหน้าคนฟังบูดเบี้ยวจนดูไม่ได้ พยายามอดกลั้นแทบตายไม่ให้กรี๊ดออกมา

จู่ๆ ประตูกระจกก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ทำให้คนในห้องเงียบกริบแล้วหันไปมองตามเสียงเป็นทางเดียว ผู้มาเยือนเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยพลางสอดส่ายสายตาหาใครบางคน ครั้นเห็นคนที่ตามหารอยยิ้มจึงฉีกกว้างขึ้น

“เสร็จหรือยังคุณ”

แต่ละคนก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป คนอื่นที่ไม่เกี่ยวก็แค่แปลกใจและรอคอยดูเรื่องสนุก สองคนในวงสนทนาในหน้าซีดขาวลงโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนใบหน้าของไกด์หนุ่มกลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมา

อันที่จริงบีทลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแผ่นฟ้าบอกว่าจะลงมาหาเขา แต่ไหนๆ คนก็มาแล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะใช้การมานี้ให้เป็นประโยชน์

“ยังเลย... มัวแต่ฟังคนคุยกันจนลืมทำงานตัวเอง” คนพูดตั้งใจจะแซะคู่กรณีสักหน่อยแต่น่าเสียดายที่คนฟังกลับไม่เข้าใจ เขาเดินเข้ามายืนข้างบีทแล้วถามอย่างใส่ใจ

“แล้วตกลงคุณจะมาทำอะไรล่ะ”

“จะมาปรินต์ตารางงานของเดือนหน้าน่ะสิ”

“งั้นเดี๋ยวผมให้เลขาปรินต์ให้ทีหลังแล้วกัน ไปเถอะ ผมหิวแล้ว” แผ่นฟ้าเร่งอย่างเอาแต่ใจ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาสักนิด นี่ไม่เท่ากับตอกย้ำว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงหรือไง?

“ไม่เป็นไร ผมจะให้เขามาทำงานนอกหน้าที่ได้ยังไง” บีทแสร้งทำเป็นเกรงใจ

“หน้าที่เลขาก็คือทำงานที่ผมสั่งอยู่แล้วนี่นา” แผ่นฟ้าเถียง ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ

“อืม... ก็ได้” บีทรับคำสั้นๆ พลางลุกขึ้น ระหว่างที่ชั่งใจว่าจะเดินออกไปเลยดีไหมก็อดไม่ได้ที่จะทิ้งลูกระเบิดซะหน่อยเพื่อความสะใจ “เออ... อันที่จริงผมก็อยากจะเลิกเป็นไกด์แล้วมานั่งออฟฟิศบ้างเหมือนกันนะ”

“ทำไมล่ะ? ไม่อยากไปเที่ยวแล้วเหรอ?”

“เปล่า... ผมก็แค่อิจฉาพนักงานบริษัทน่ะ สมองไม่ต้องใช้ ใช้กันแต่ปาก แค่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้านายไปวันๆ ครบสามสิบวันก็ได้เงินเดือนแล้ว” ระหว่างที่พูดก็ปรายตาไปยังคู่สนทนาเมื่อกี้ด้วย จึงเห็นใบหน้าสวยที่เหมือนคนอยากร้องไห้เต็มแก่

แผ่นฟ้าหันไปมองตามแล้วก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบผสมโรงทันที

“อ้อ... งั้นคุณจะมาเมื่อไรล่ะ ผมจะได้เคลียร์พวกปากไม่สร้างสรรค์ไว้รอ” แผ่นฟ้าบอกกับบีทเสียงดัง

ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังยิ้มหวานอยู่แต่คำพูดคำจากลับโหดร้ายจนบีทอดคิดไม่ได้ว่า ภาพพจน์ “คนดี” ที่ใครต่อใครมโนไว้คงแตกสลายย่อยยับวันนี้แหละ!

++++++++++





​อย่างแผ่นฟ้าคงไม่ได้เรียกว่าสายเปย์นะ แต่เป็นพวกรักเมียหลงเมียตามใจจนเหลิงอะไรงี้
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 19-08-2017 09:43:45
 o13
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-08-2017 17:53:53
่อ่านแล้วขำอะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: ijuney ที่ 20-08-2017 01:18:22
สนุกมากค่ะ อยากอ่านอีกกก
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 20-08-2017 08:08:33
ว้ายยยยย ชอบมากเด้อ แสบได้ใจ ทั้งแผ่นฟ้าทั้งบีท

ความไม่ยอมคนถ้าใช้ให้ถูกสถานการ์ณก็จะเป็นผลดี แต่ถ้าใช้กับทุกอย่างจะกลายเป็นก้าวร้าว  :katai3:
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-08-2017 18:49:23
เบื่อแล้วเรื่องคนแสนดี
อ่านมุมนี้บ้างก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 10 [17/08] ปกป้อง
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-08-2017 16:29:36
-11-



                “เขานินทาอะไรเราเหรอ” พ้นจากแผนกนั้นมาได้แผ่นฟ้าก็เอียงคอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                “ไม่มีอะไรหรอก” บีทตอบเรียบๆ เพราะขี้เกียจเล่า

                “เล่ามาเถอะน่า อย่าทำตัวเป็นนางเอกอ่อนแอ เอะอะก็ปิดบังเก็บไว้เครียดคนเดียวเลย”

                “หึ ผมเนี่ยนะนางเอกอ่อนแอ ก่อนคุณจะมาผมก็สู้ไปแล้วยกนึง พอคุณมาถึง อีกฝ่ายก็แพ้น็อคไปแล้ว ยังต้องเครียดอะไรอีก”

                “งั้นยิ่งต้องเล่านะ ไหนๆ ผมก็อุตส่าห์โผล่มาช่วยคุณทั้งที จะเก็บเรื่องสนุกๆ ไว้คนเดียวได้ไง”

                บีทเหลือบตามองแผ่นฟ้าอย่างเอือมระอา ที่อีกฝ่ายช่างซักไซ้เหมือนเด็ก

“หรืออยากให้ผมกลับไปถามคนข้างใน?” บีทถอนใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะสรุปความสั้นๆ

                “พวกเขาแค่เข้าใจผิดน่ะว่าผมตกประธานบริษัทได้อีกคนแล้ว” บีทตอบน้ำเสียงเบื่อๆ พยายามเร่งฝีเท้าเดินต่อไป

 แผ่นฟ้าคลี่ยิ้มรีบสาวเท้าตามบีทไปจนทันแถมยังโอบเอวอีกฝ่ายไว้ บีทขมวดคิ้วหันไปมองค้อนเพราะชั้นนี้มีพนักงานเดินไปมามากกว่าชั้นบน ที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

                “ทำอะไร?” บีทถามเบาๆ คล้ายกระซิบ

                “อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิด”

                “ยิ่งทำแบบนี้คนอื่นยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ต่างหาก”

                “ไม่ใช่ของคนอื่น... แต่เป็นของคุณ”

                บีทจ้องมองอีกฝ่ายตาแทบถลน พยายามคิดวิเคราะห์ความหมายในประโยคนั้น แต่อีกฝ่ายไม่ได้อธิบายต่อ กดลิฟต์พาบีทลงไปชั้นล่าง เพราะในลิฟท์มีคนเยอะทั้งสองเลยไม่ได้คุยกันแต่ระหว่างทางแผ่นฟ้าก็ไม่ยอมคลายแขนที่โอบไว้ บีทพยายามจะเบี่ยงตัวออกก็แล้ว แกะมือเขาออกก็แล้ว อีกฝ่ายก็ยังติดหนึบยิ่งกว่าทากาว จนเขายอมแพ้ไปเอง

                ช่างปะไร... เขาเป็นแค่ไกด์ที่นานๆ จะแวะมาที ถ้าคนที่เข้าออกบริษัททุกวันไม่อายแล้วทำไมเขาต้องอายด้วยล่ะ?

เมื่อออกจากลิฟต์ที่ชั้นล่างสุด บีทเดินเคียงกับแผ่นฟ้าไปยังลานจอดรถ ระหว่างทางต้องเผชิญสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ สมัยก่อนตอนที่เขาคบกับอิฐใช่ว่าไม่เคยเห็นสายตาพวกนี้เสียเมื่อไร สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือเขากับอิฐเป็นคนรักกันจริงๆ แต่เขากับแผ่นฟ้า... ไม่ใช่

                “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณทำแบบนี้ไปทำไม?” บีทเอ่ยถามเมื่อทั้งสองมาหยุดที่ข้างรถแผ่นฟ้า ชายหนุ่มเปิดประตูให้บีทพลางผายมือให้อย่างสุภาพ

                “ทำอะไร? เปิดประตูรถน่ะเหรอ?” แผ่นฟ้าถามกลับพร้อมรอยยิ้มใสซื่อ ทำเอาบีทเริ่มอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมา

                “ผมหมายถึงการแสดงข้างในนั้น มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำอะไรประเจิดประเจ้อให้คนเขายิ่งลือกัน”

                “คุณอาย?”

                บีทจ้องหน้าเขาแล้วส่ายหน้า

                “แล้วโมโหทำไม?”

                “มีคนบอกว่าผมกำลังทำบาป อิฐเป็นเกย์ยังไม่เท่าไร แต่คุณชอบผู้หญิง คุณควรคบกับคนอื่นที่ดีกว่าผม” เขาไม่ได้โกหกสักคำ เพิ่งฟังมากับหูเมื่อครู่นี้เอง

                “คุณสำนึกผิดช้าไปหลายวันเลยแหละ” แผ่นฟ้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มประชดประชัน

                บีทหายใจแรงทีหนึ่ง มีสีหน้าเคร่งเครียด

                “การที่ผมเรียกร้องเซ็กซ์จากคุณ ไม่ได้แปลว่าผมจะเรียกร้องความสัมพันธ์ในแบบคนรักด้วยซะหน่อย ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้อง...”

                “ผมรู้... ” แผ่นฟ้าเอ่ยขัด สองเท้าก้าวเข้ามาใกล้ สองมือยื่นมากุมมืออีกฝ่ายไว้แล้วบีบเบาๆ “ว่าคุณไม่ได้เรียกร้องความสัมพันธ์นั้นกับผม ผมต่างหาก... ที่กำลังเรียกร้องความสัมพันธ์นั้นกับคุณ”

                บีทชะงักนิ่งดวงตาเบิกกว้างจ้องหน้าอีกฝ่ายเหมือนเห็นผี  เขาทั้งสับสนมึนงงและไม่เข้าใจว่าแผ่นฟ้าโดนผีสิงไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้ใช้น้ำเสียงและดวงตาเศร้าๆ เว้าวอนร้องขอความเห็นใจแบบนี้

                ไม่แค่นั้น ใบหน้านั้นยังเคลื่อนใกล้เข้ามาเหมือนจะจูบอีกต่างหาก... เพื่อตอบแทนการช่วยเหลือเมื่อครู่เขาควรจะหลับตายอมให้อีกฝ่ายจูบดีหรือเปล่า บีทเริ่มลังเล แต่ก็คิดไปว่าถ้าเขายินยอมในตอนนี้ก็เท่ากับตอบรับคำขออีกฝ่ายอัตโนมัติน่ะสิ อีกอย่างที่นี่มันลานจอดรถนะอาจจะมีคนมาเห็นก็ได้ ดังนั้นบีทจึงใช้มือยันคางอีกฝ่ายออกไป ทำให้แผ่นฟ้าหยุดตัวเองแล้วถอนใจอย่างเสียดาย

                เขายอมถอยออกมาอย่างไม่อิดออด แต่ก็ได้แต่เงียบเพราะความกระอักกระอ่วนใจ

                บีทขยับตัวเข้าไปนั่งในรถ แล้วกระแอมในลำคอทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

                “นี่คุณไม่รู้เหรอว่าไม่ควรขอความรักเวลาที่อีกฝ่ายกำลังหิว”

                แผ่นฟ้าที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่หวังถึงกับหลุดหัวเราะ เขาหันไปยิ้มให้คนในรถ ก่อนจะปิดประตูให้แล้วอ้อมไปประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว

                แผ่นฟ้าขับรถพาบีทออกมาโดยที่ไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะพาไปที่ไหน  บีทยกศอกยันกระจกรถแล้วหันไปมองข้างทางเหมือนกับว่าเป็นวิวทิวทัศน์น่าสนใจ แต่แผ่นฟ้าพอจะเดาได้ว่าบีทแค่ไม่อยากมองหน้าเขา...

                ชายหนุ่มกำลังกังวลใจว่าตัวเองอาจจะรุกอีกฝ่ายไวเกินไป การสารภาพรักตอนที่อีกฝ่ายยังไม่พร้อมจะเปิดใจรับใครบางคนอาจจะยิ่งทำให้ประตูที่ปิดอยู่แล้วล็อกแน่นขึ้นก็ได้ คิดแล้วเขาก็เผลอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างลืมตัว

                บีทได้ยินเสียงถอนหายใจก็ผุดยิ้มที่มุมปาก แล้วโพล่งถามขึ้นมา “ทำไม? สำนึกผิดช้าไปกี่นาที?”

                “ฮะ?” แผ่นฟ้าร้องขึ้นมาแล้วหันไปมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งเพราะกำลังขับรถ

                “ก็คุณถอนใจ ผมเลยสงสัยว่าคุณกลุ้มเรื่องที่เดินโอบผมในบริษัทหรือกลุ้มใจเรื่องที่ลานจอดรถกันแน่”

                “ถ้าผมบอกว่าอย่างหลังล่ะ?”

                “ผมไม่ถือหรอก คิดว่าไม่ได้ยินแล้วกัน...”

                “ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย...”

                “ทำไม? จะบอกว่าจริงจัง?”

                “เอ่อ...ไม่รู้สิ ผมอาจจะแค่เหงาก็ได้...  บอกอะไรให้ไหม ถ้าไม่นับคุณแล้ว ผมไม่ได้เอ่อ... ไปเดตกับใครมาเกือบครึ่งปีแล้วมั้ง” เพราะการเว้นระยะแบบนี้ทำให้คนฟังพอจะเข้าใจความหมายลึกๆ ได้ไม่ยาก

“อ้อ... ถึงว่าสิเลยเก็บกด” บีทรำพึงออกมาเบาๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ำคืนที่อีกฝ่ายตักตวงจากเขาอย่างไม่รู้จักอิ่มตอนนี้ก็ไม่ค่อยนึกแปลกใจแล้ว “ถ้าให้เดา ที่ผ่านมาคุณคงไม่ว่างเพราะเรื่องตำแหน่ง แต่ตอนนี้ก็ว่างแล้ว คนอย่างคุณจะหาใครสักคนก็ไม่น่ายาก”

“ยากสิ... ผมจีบผู้ชายไม่เป็น”

“บ้า!! ก็จีบผู้หญิงสิ”

“อืม... ผมว่าผมอาจจะติดใจในเซ็กซ์ของคุณ ก็เลย... ไม่ค่อยอยากจีบผู้หญิง”

 “จะบอกว่าแค่นอนกับผมแล้วก็เปลี่ยนรสนิยมไปเลยเนี่ยนะ? ”

“ไม่รู้สิ ผมมันเกย์ป้ายแดง ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ”

“ถ้าคุณไม่แน่ใจ ผมพาคุณไปหาอ่อยหนุ่มสักคนดีไหม?”

“คุณกำลังปฏิเสธผมอ้อมๆ สินะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ แต่กลับไม่รับผิดชอบ ฮึ” แผ่นฟ้าส่งเสียงขึ้นจมูก

“คุณโทษผม?”

“เปล๊า” แผ่นฟ้าทำเสียงสูงตั้งใจให้รู้ว่าประชด ทำให้คนฟังเดือดปุดๆ

                “เอาจริงๆ ไหม? ต่อให้ไม่ได้รักคุณก็เถอะ ผมก็ไม่แคร์นะถ้าต้องมีเซ็กซ์กับคุณ หรือคบกับคุณเพื่อชดเชยที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ เพราะยังไงผมก็มีแต่ได้ประโยชน์ คุณต่างหากที่เสียเปรียบ...”

                ที่จริงแผ่นฟ้าก็ไม่ได้ไม่ชอบนะที่บีทเป็นคนตรงไปตรงมา แต่พอพูดว่าไม่รักอัดหน้านี่ก็เจ็บพิลึก!

                “โห... ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะถ่อมตัวเป็น”

“ผมไม่ถ่อมตัวหรอก แค่พูดตามความจริง ต่อให้ตัดเรื่องที่ผมเป็นผู้ชายออกไป แต่คนอื่นจะมองคุณยังไงที่มาเอาแฟนเก่าพี่ชายเนี่ย!! ต่อให้แค่ชั่วคราวก็เถอะ เคยคิดบ้างไหม?” บีทถามอย่างใส่อารมณ์เพราะเพิ่งถูกว่ามาอีกทอด

ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่มีน้ำอดน้ำทนอยู่แล้ว ในเมื่อเขาต้องมาถูกนินทาว่าร้ายเพราะเรื่องของแผ่นฟ้าแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเก็บเอาคำด่าพวกนั้นมาเครียดคนเดียวด้วย ในเมื่อตัวเองถูกว่ามาแบบนี้ก็ควรจะบอกเจ้าตัวไปแบบนี้ถึงจะถูก

“ก็ช่างเขาสิ ผมไม่ใช่ดาราที่ต้องรักษาภาพพจน์ซะหน่อย” แผ่นฟ้าตอบกลับอย่างไม่ยี่หระจนบีทค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

“แล้วครอบครัวคุณล่ะ?”

“คุณไม่ต้องมาห่วงแทนผมหรอก ผมจัดการเองได้ คุณแค่คิด... และตัดสินใจในส่วนของคุณก็พอ”

หึ... คำพูดพวกนี้ทำไมเขาจะไม่เคยฟังมาก่อน อิฐเองก็พยายามปลอบใจเขาแบบนี้เหมือนกัน แต่แล้วยังไง? วิธีการแก้ปัญหาของอีกฝ่ายกลายเป็นสร้างปัญหาที่ไม่มีทางแก้ จนสุดท้าย...

บีทไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพราะไม่จำเป็น... เพราะไม่ได้ฝากหัวใจไว้ที่เขาก็เลยไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะแก้ปัญหาพวกนั้นได้...อีกอย่าง ต่อให้ตกลงไปพวกเขาจะคบกันได้นานสักแค่ไหน? ถ้าให้คิดในส่วนของตัวเองก็พบว่าแผ่นฟ้าก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี หน้าที่การงานที่สูงกว่าสามารถปกป้องเขาได้ เรื่องบนเตียงก็พอแก้ขัดได้...

อืม... ถ้าตัดเรื่องความรักออกไป ก็ออกจะเป็นตัวเลือกที่ดีจริงไหม?

                “ได้... ผมโอเค” ถึงแม้การสนทนาจะออกนอกทะเลไปไกลในตอนแรก แต่แผ่นฟ้าก็อดดีใจไม่ได้ที่สุดท้ายทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยอย่างเหลือเชื่อ

                แผ่นฟ้ายิ้มอย่างดีใจระหว่างหันไปถามย้ำ “จริงเหรอ? คุณยอมคบกับผม?”

                บีทพยักหน้าเนือยๆ แล้วตอบกลับเรียบๆ

“จนกว่าคุณหรือผมจะพบคนใหม่ ก็เป็นคู่ขากันไปพลางๆ ละกัน”

แผ่นฟ้าอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยให้ตาย เมื่อกี้อุตส่าห์ยิ้มแทบตาย ทำไมตอนนี้เกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาล่ะ?



++++++++++++++



                “วันนี้เป็นวันแรกที่คบกันนะ คุณฉลองโดยการพาผมมากินก๊วยเตี๋ยวเหรอ?” แผ่นฟ้าถามเมื่อบีทโวยวายให้เขาจอดที่หน้าร้านก๊วยเตี๋ยวเรือริมคลอง

                “ไม่ได้ฉลอง แค่อยากกิน ทำไม? ไม่ชอบ?”

                “ขี้เกียจถอดสูท”

                “ใส่มาผมก็ไม่ว่าหรอก” บีทบอกแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูออกไปโดยไม่รอ

                แผ่นฟ้าเบะปาก เขาไม่ได้บ้าขนาดใส่สูทเต็มยศออกไปกินอะไรแบบนั้นนะ นอกจากร้อนแล้วก็คงตลกน่าดูเลย

                หลังจากถอดเสื้อนอกออกแขวนไว้ในรถ แผ่นฟ้าก็ตามบีทเข้าไปในร้าน

                บีทนั่งซดอย่างเอร็ดอร่อยจนต้องต่อชามที่สอง แผ่นฟ้ายิ้มอย่างขำขันแล้วถาม “อร่อยหรือหิวเนี่ย?”

                “อาจจะทั้งสองอย่าง”

                “อืม... ช่วงหลังๆ นี่คุณผอมลงไปเยอะเลย เห็นกินได้เยอะๆ แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย” แผ่นฟ้าส่งยิ้มอ่อนโยน

                “ที่จริงผมชอบกินก๊วยเตี๋ยวเรือมากเลยนะ”

                “จริงเหรอ? งั้นผมคงไม่ใช่ประธานบริษัทคนแรกที่ทำน้ำก๊วยเตี๋ยวกระเด็นเลอะเสื้อตัวเองใช่ไหม!!” แผ่นฟ้าชี้ให้ดูรอยเลอะบนเสื้อเชิ้ตขาวของตัวเอง

                “ไม่รู้สิ แต่คนแรกที่ว่าอาจจะไม่ใช่พี่ชายคุณ เพราะผมไม่เคยชวนเขามา”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

                “ผมไม่ได้บอกเขาว่าผมชอบ และผมก็ไม่คิดจะชวนทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ชอบกินด้วย”

                “คุณรู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไรตั้งแต่คบกันใหม่ๆ เลย?”

                “คุณไม่รู้หรือไงว่าการเดตช่วงแรกน่ะไม่ควรพาคู่เดตไปกินอาหารพวกเส้นๆ เวลามันกระเด็นมันก็ดูไม่ดี” บีทเบนสายตาไปที่ร่องรอยบนเสื้อแผ่นฟ้าเป็นเชิงยกตัวอย่าง

                “อ๋อ... ถึงว่าสิ เวลาผมสั่งพวกสปาเกตตีให้ผู้หญิงทีไร พวกเธอชอบทำหน้าปูเลี่ยนใส่”

บีทยิ้มพลางส่ายหน้า

“เออ ถ้ารู้ว่ากินของพวกนี้แล้วมันเฟล แล้วทำไมถึงชวนผมมาล่ะ?”

“กับคุณเนี่ย ยังมีอะไรให้ต้องแอ๊บอีกล่ะ? ไอ้เรื่องร้ายๆ ก็เห็นมาตั้งเยอะแยะแล้ว แค่น้ำก๊วยเตี๋ยวกระเด็นเนี่ย คุณแคร์?”

“เปล่า แค่ถามเฉยๆ บอกตามตรง ตอนนี้ผมดีใจนะ อย่างน้อยผมก็รู้เรื่องที่พี่อิฐไม่รู้”

“น่าภูมิใจเนอะ! เรื่องแค่นี้?”

“วันนี้อาจจะแค่นี้... แต่ต่อไปมันก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

“เฮ้อ... ความจริงแล้วผมก็แค่เหนื่อย ทำไมการคบกับใครสักคนมันต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วย ทำไมต้องแอบมากินของที่ชอบคนเดียว ทำไมต้องทนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งๆ ที่ในใจทรมานแทบตาย ทำไมต้องแกล้งทำเป็นคนดีเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาสงสัยว่าที่เขารักเรา คือเราจริงๆ หรือแค่รักภาพมายาที่เราสร้างขึ้นกันแน่” บีทบ่นพล่ามอยู่คนเดียวจนจบโดยที่อีกฝ่ายแค่ฟังเฉยๆ โดยไม่ขัด นึกสงสัยด้วยซ้ำว่าแผ่นฟ้าหลับไปแล้วหรือเปล่า แต่พอเหลือบตามองกลับเจอดวงตาที่จ้องมาอย่างตั้งใจ พอบีทสบตาเขาก็เขินหน่อยๆ เลยต้องเสหลบตาไป

แผ่นฟ้ายิ้ม

“คิดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ต่อไปคุณจะได้ไม่ต้องฝืน เพราะผมก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่ๆ เพราะอะไรรู้ไหม?”

“หือ??”

“ก็อย่างที่คุณพูด... ผมเคยเห็นด้านร้ายๆ ของคุณมาเยอะแล้ว ถ้าเห็นเพิ่มขึ้น ผมก็ไม่แปลกใจหรือรู้สึกแย่อะไร แต่สิ่งที่ผมกำลังตามหาอยู่ตอนนี้คือข้อดีของคุณ... เพราะมันคงจะ”

“เดี๋ยว นี่คุณหาว่าผมมีแต่ข้อร้ายเหรอ? ไม่มีข้อดีอะไรเลยจนถึงขนาดต้องมาตามหา?”

“เดี๋ยวสิ ผมยังพูดไม่จบ ทำไมต้องรีบขัดด้วยล่ะ?”

“คุณกำลังว่าผมอยู่ จะไม่ได้ขัดได้ไง? เห็นผมเงียบๆ หงิมๆ แล้วก็คิดว่าผมจะต้องทนฟังคุณด่าให้จบงั้นเหรอ?”

แผ่นฟ้าส่ายหน้า อย่างบีทน่ะเหรอเงียบๆ หงิมๆ ?

“เดี๋ยวสิ ฟังก่อน ผมกำลังจะบอกว่า...”

“ไม่ฟัง...” บีทปฏิเสธหน้าบูด พลางยกมือปิดหูตัวเอง แผ่นฟ้าขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัวใกล้ๆ บีทแล้วดึงมือเขาออกพลางกระซิบข้างหู

“... แค่ข้อดีข้อเดียวที่บังเอิญเจอ ก็อาจจะทำให้ผมชอบคุณมากกว่าเดิมแล้วต่างหาก!”

“ฮะ!” บีทร้องแล้วหันไปต้องเขาตาค้าง

“ถ้าฟังไม่ชัด ให้พูดใหม่ไหม?”

“ไม่ต้องแล้ว!!” บีทรีบปฏิเสธ แล้วหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงขึ้นกะทันหันทำให้แผ่นฟ้าเข้าใจว่าอีกฝ่ายเขินแต่พยายามปกปิดไว้ จึงระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

เขาชักจะติดใจใบหน้าแบบนี้ของบีทแล้วละ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าเขาคงชอบอีกฝ่ายมากขึ้นจริงๆ ด้วย

นั่นสินะ สำหรับคนที่เรารักน่ะ ต่อให้ร้ายก็ยังมองว่าน่ารักได้อยู่ดี...





++++++++++++

สงสัยเพราะเพิ่งอ่านนิยายหวานเลี่ยนมาเลยติดความหวานมาด้วยแน่ๆ อร๊ายยยยย มันต้องดราม่าๆๆ สิ!!!

ล้อเล่นนะคะ  ตอนนี้อยากจะรีบจบคู่นี้ เพราะงั้นเลยต้องเดินเรื่องไวๆ หน่อย แต่ขนาดไว เหมือนจะแต่งไปได้ สองฉากจบตอน!!
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 11 [23/08] ข้อดีข้อเดียว...
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 24-08-2017 15:16:42
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 11 [23/08] ข้อดีข้อเดียว...
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 02-09-2017 16:38:04
-12-

หลังจากทั้งสองกลับไปที่บริษัท บีทก็ขับรถตัวเองกลับไป แผ่นฟ้าทำงานของตัวเองด้วยอารมณ์ชื่นบานทั้งวัน แล้วจึงตรงดิ่งกลับบ้านตรงเวลา แต่แทนที่จะได้พบคนรัก (ที่อีกฝ่ายบอกว่าคู่ขา) กลับพบเพียงความว่างเปล่า คนรับใช้แจ้งว่าบีทเพิ่งออกไปทำงานเมื่อสักครู่นี้เอง...

แผ่นฟ้ารีบโทรไปงอแงในทันที โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขึ้นเครื่องจึงรับสายเขา

“คุณไม่เห็นบอกผมเลยว่าคุณจะไม่อยู่...”

“คิดว่าคุณไม่อยากรู้เลยไม่ได้บอก...”

“ทำไมผมจะไม่อยากรู้...” แผ่นฟ้าเถียงอย่างใส่อารมณ์ เมื่อคิดถึงวันทั้งวันที่คิดจะได้กลับไปนอนกอดอีกฝ่ายก็เสียดายจนอยากจะร้องไห้ออกมา “อีกอย่าง คุณเพิ่งกลับมาเมื่อวานเองด้วย ทำไมไปไวนัก”

“ก็ตารางเป็นอย่างนี้นี่นา นี่ยังดีกว่าเมื่อก่อนนะ ผมเคยมาบ่ายบินดึกด้วยซ้ำ” บีทบอกเหมือนเป็นเรื่องปกติ สมัยก่อนเขาไปโน่นมานี่ตลอด จนไม่ได้เจอหน้าอิฐเลยเกือบเดือนยังมี เพราะฝ่ายนั้นต้องกลับบ้าน ส่วนเขาก็ทำงานไม่เป็นเวลา ดังนั้นช่วงที่คิดถึงจริงๆ เขาจึงเป็นฝ่ายโผล่ไปหาที่บริษัทเสียเอง

“ไว้ว่างๆ ผมจะจัดตารางทัวร์ให้ใหม่” แผ่นฟ้าบ่นอุบอิบ จนบีทกลั้นหัวเราะ

“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า... ไม่มีอะไรหรอก... ผมก็แค่นึกว่าพอกลับมาจะเจอแฟนรอกินข้าวอยู่ที่บ้านน่ะ” แผ่นฟ้าปฏิเสธด้วยเสียงหงอยๆ

บีทเงียบไปอึดใจจึงเอ่ยปลอบ...

“อื้อ... รอบนี้ไปไม่นานหรอก สามวันสี่คืนเอง ถ้าเหงามาก ก็พึ่งพาแม่นางทั้งห้าไปก่อนละกัน”

แผ่นฟ้าอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน อีกทั้งยังพูดออกมาตรงๆ อีกต่างหาก ทว่าเขาเป็นคนหน้าด้านพอจึงตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ไม่เป็นไรผมทนได้ ไว้รอคุณมาช่วยดีกว่า...” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม

คราวนี้คนที่เขินกลับกลายเป็นอีกฝั่งแทน โชคดีที่การคุยโทรศัพท์ไม่เห็นหน้า บีทเลยไม่ต้องเหนื่อยปั้นหน้าให้ชืดชา นิ่งเป็นน้ำแข็งอย่างปกติ

“อื้ม... ดูเหมือนว่าลูกทัวร์ผมเริ่มทยอยมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” บีทรีบตัดบทก่อนจะกดวางสายไป แต่รอยยิ้มบางๆยังติดแก้มอยู่ไม่เลือนหาย...

++++++++++

บีทไม่อยู่ แผ่นฟ้าจึงค่อนข้างเบื่อ นอกจากสะสางงานทั่วๆ ไปแล้ว ยังเจียดเวลามาจัดการ “เคลียร์คน” อย่างที่เคยลั่นวาจาไว้อีกต่างหาก ทำให้ข่าวลือเรื่องของเขากับบีทเหมือนจะยิ่งหนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงหูรองประธานเข้าจนได้...

แผ่นฟ้าไม่แปลกใจหรอกที่เห็นผู้เป็นบิดาเดินเข้าห้องทำงานมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาเร็วไปหน่อย แต่แผ่นฟ้าก็คิดแผนการรับมือไว้แล้วอยู่ดี

“ประสาทกลับไปแล้วใช่ไหม นอกจากจะเอาผู้ชายมาควงแล้ว ยังไปคว้าเศษเดนไอ้อิฐมันอีก!!” เสียงนั้นตะคอกดังโดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุหรือถามว่า “จริงหรือเปล่า” สักคำ

แน่นอนว่าอีกฝ่ายถนัดเรื่องการหาเรื่องคนอยู่แล้ว และแผ่นฟ้าก็ชอบเหมือนกันที่เป็นเช่นนั้นเพราะมันไวดี ไม่ต้องพูด ต้องถามอะไรให้มันเยิ่นเย้อ เพราะถ้าเป็นเรื่องไม่จริงเขาก็ต้องปฏิเสธเองอยู่แล้ว...

“ถ้าพูดถึงเศษเดนละก็ พ่อจะนับรวมบริษัทเจ้ากรรมนี่ด้วยไหมล่ะครับ? ผมก็สงสัยมานานแล้วว่าผมจำเป็นต้องนั่งแท่นตำแหน่งกลวงๆ นี่ด้วยเหรอ?” แผ่นฟ้าตอบยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มที่ค่อนข้างกวนโทสะไม่น้อย นัยว่าถ้าเขาแคร์เรื่องเศษเดนจริง คงไม่สนใจบริษัทนี้เช่นกัน...

“แกจะมาถามทำไม แกเองก็อยากได้มาตลอดไม่ใช่หรือไง?”

“ครับ... ถึงผมจะไม่รู้ว่าของตรงหน้ามีค่ายังไง มีความหมายแค่ไหน... แต่ถ้ามันเป็นของที่พี่อิฐอยากได้ ผมก็อยากได้เหมือนกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนนี้มันเริ่มจะลามไปถึงคนด้วยเท่านั้นเอง” แผ่นฟ้าอธิบายเรียบๆ ใบหน้ายังระบายไปด้วยรอยยิ้ม

“เฮอะ!! ก็แค่ของที่มันทิ้งแล้ว...”

“ไม่ใช่ทิ้ง... แต่เป็นเก็บรักษาไว้ไม่ได้ต่างหาก...”

“นี่แกจะจริงจังเหรอ?”

“ตอนนี้ก็คงใช่ ต่อไป... ก็ไม่แน่เหมือนกัน...”

“ไม่ต้องคิดแล้ว รีบๆ เลิกๆ กันไปซะเถอะ! อย่าให้ฉันเป็นฝ่ายลงมือเอง...” คนเป็นพ่อรีบออกคำสั่งอย่างใจร้อน

“ไม่ใช่เราเคยตกลงกันว่า ถ้าผมได้ตำแหน่งประธานแล้ว พ่อจะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวผมหรอกเหรอครับ?”

“นั่นไม่นับรวมเรื่องที่แกจะหันไปชอบผู้ชายนะ!!”

“รวมไปเถอะครับ ผมขี้เกียจงัดข้อกับพ่อนะ” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ทว่าคนฟังกลับส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูถูก

“อย่างแกน่ะเหรอจะมางัดข้อ? บอกให้รู้ว่าฉันไม่ได้มาขอร้องแต่มาเพื่อออกคำสั่ง ขืนแกไม่ฟัง คงได้รับสมัครไกด์ใหม่แน่... อย่าลืมสิไม่ใช่แกคนเดียวที่ใช้อำนาจเป็น” พูดแบบนี้แสดงว่าพ่อคงรู้เรื่องที่เขาสั่งย้ายพนักงานแล้วแน่เลย...

แผ่นฟ้าถอนใจเฮือกหนึ่งอย่างอ่อนใจ

“พ่อครับ...” เสียงนั้นทอดยาวอย่างออดอ้อน ทว่าคนฟังยังเชิดหน้าหันไปทางอื่นคล้ายไม่ใส่ใจ

“พ่อรู้ไหมทำไมผมถึงย้ายออกมาจากบ้าน”

เขตแดนขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วตอบอย่างเสียไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าแกอยากใช้ชีวิตอิสระหรอกเหรอ?”

“เปล่าหรอก ผมประชดพ่อต่างหาก ตั้งแต่พ่อพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว ที่นั่นมีความทรงจำของแม่อยู่เต็มไปหมด ผมไม่อยากให้อะไรหรือใครมาซ้อนทับเลยย้ายออกมาเพื่อประท้วง แต่ใครจะคิดล่ะว่าพ่อกลับไม่สนใจ ถือโอกาสนี้อยู่กันอย่างมีความสุข”

“แม่แกตายไปนานแล้วนะ แกจะมาโวยวายอะไรเหมือนเด็กแบบนั้นได้ไง?”

“ใช่ครับ ผมรู้ เพราะคนเป็นย่อมสำคัญกว่าคนตาย ผมเลยยอมเห็นแก่ความสุขของพ่อย้ายออกมาแทน”

“คิดได้ก็ดีแล้วนี่...”

“ถ้าผมยังคิดได้ แล้วทำไมพ่อคิดไม่ได้ล่ะครับ?”

“นี่แก!!”

“ผมไม่ได้ขออะไรสักหน่อย พ่อไม่ต้องทำดีกับเขามาก แค่ไม่ทำให้เขาลำบากใจเวลาที่เจอกันก็พอแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเราจะคบกันนานหรือเปล่าด้วยซ้ำ พ่อทำเป็นมองข้ามไม่ได้เหรอ?”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ?”

“ผมไม่อยากทำเลยจริงๆ แต่คงต้องกลับบ้านสักหน่อยแล้ว...  ตอนนี้ขยะมากมายควรกลับไปเก็บกวาด หรือไม่ก็ขายไปเลยยิ่งดี... พ่อคงไม่ลืมนะครับว่าบ้านนั้นเคยติดจำนองมาก่อน คุณลุงเป็นคนไถ่ให้ ตอนนั้นก็เปลี่ยนโฉนดเป็นชื่อผมแล้วด้วย... ผมมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้นะ...”

“ไอ้ฟ้า!! นี่แกกล้าทำกับฉันอย่างนี้เหรอ?”

“ไม่ครับ...ผมไม่กล้า” แผ่นฟ้ารีบตอบ สีหน้าท่าทางนอบน้อมอย่างมาก แต่คนฟังก็รู้ว่าเป็นแค่การแสดง... เพราะประโยคต่อมา “ถ้าพ่อไม่ทำให้ผมหมดความอดทนละก็นะ...”

เขตแดนจ้องหน้าลูกชายอย่างตกตะลึง อันที่จริงแผ่นฟ้าก็เป็นพวกดื้อตาใสมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ความที่ไม่มีแม่เลยใช้ชีวิตเสเพลและเอาแต่ใจกว่าปกติ ยิ่งพอปลีกตัวออกมาจากบ้านแล้วสองพ่อลูกก็ยิ่งห่างเหินกันมากกว่าเดิมอยู่แล้ว เขาเลยไม่อาจจะเดาใจได้ว่าลูกชายพูดแล้วจะทำจริงหรือเพียงแค่ขู่... แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้ก็ควรปล่อยเลยตามเลยดีกว่า

แผ่นฟ้ามองตามร่างบิดาด้วยสายตาเฉยเมย ครั้นประตูปิดลงก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก หวังว่าพ่อของเขาจะเห็นใจเขาบ้าง ต่อให้เขาไม่นับว่าเป็นลูกกตัญญูอะไร แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นลูกเนรคุณอยู่ดี

แต่คิดดูสิ เขาเพิ่งบอกบีทไม่เมื่อวานนี้เองว่า ปัญหาทุกเรื่อง “เขาจัดการได้” เพียงอีกฝ่ายรับปากแล้วผ่านไปข้ามคืนก็ทำไม่ได้เสียแล้ว อย่างนี้อีกฝ่ายจะกล้าเชื่อใจเขาเรื่องอื่นๆ ได้ยังไงกัน...

+++++++++++

บีทถึงกับหัวเราะออกมาตอนที่เห็นแผ่นฟ้ามารับเขาที่สนามบินอีกครั้ง แผ่นฟ้าแต่งตัวในชุดลำลองที่อาจจะไม่หรูหราแต่ก็ทำให้ดูเท่ น่ามอง รอยยิ้มกว้างขวางทำให้ดูเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลายังคงอยู่เสมอ

“อย่าบอกว่าคุณนั่งแท็กซี่มาอีกแล้วนะ” บีทถามยิ้มๆ

แผ่นฟ้าไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มรับ แย่งกระเป๋าเดินทางไปช่วยลากเหมือนเดิม บีทอมยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธความหวังดีนั้น “แต่งตัวแบบนี้เสดงว่าโดดงานมาเลยสิ?”

“ก็รถมันติด ขืนไปๆ มาๆ เมื่อไรจะมาถึงล่ะ?”

“มารับผมแล้วค่อยไปก็ได้นี่”

“ผมว่าจะพาคุณไปเดินเที่ยวน่ะ”

“เป็นท่านประธานที่ขี้เกียจจริงๆ”

“อย่าบ่นหน่อยเลยน่า... ผมเคลียร์งานสำคัญหมดแล้วต่างหาก ยังไงก็ไม่ทำบริษัทเจ๊งหรอก ไม่ต้องกลัวตกงาน”

คำพูดพวกนี้บีทเคยพูดไว้จริงๆ ว่าเขาไม่สนใจว่าผู้บริหารจะทำงานเก่งไหม ขอแค่ไม่ทำบริษัทเจ๊งแล้วเขาตกงานก็พอ เมื่ออีกฝ่ายยกเอามาพูด บีทจึงเผลอค้อนไปวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้

แผ่นฟ้ายิ้มรับ อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเวลาชอบใครสักคน เขาทำอะไรก็ดีไปหมด แค่ค้อนให้สักวงก็ยังดูน่ารักน่าชัง

.

หลังจากกินอาหารกลางวัน เดินย่อย ดูหนังรอบบ่าย ชอปปิ้งยันเย็น ต่อด้วยดินเนอร์มื้อค่ำอีกมื้อ ทั้งสองจึงพากันกลับบ้าน บีทเดินเข้าไปในห้องตัวเอง ส่วนแผ่นฟ้าลากกระเป๋าเดินทางตามมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สายตาก็พยายามพิจารณาบีทอย่างละเอียดว่ามีอาการมึนเมาบ้างไหม เพราะเขาดื่มไวน์ไปค่อนข้างเยอะ

ถ้าบีทเมาแผ่นฟ้าก็คงแกล้งเนียนประคองอีกฝ่ายเข้าไปพักในห้องแล้วฉวยโอกาสนั้น “ค้าง” ที่นี่สักคืน แต่โชคร้ายที่ดูเหมือนว่าบีทจะไม่มีอาการแบบนั้น ชายหนุ่มแค่หน้าแดงเล็กน้อยสืบเนื่องมาจากระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายที่สูงกว่าปกติ นอกนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ยังคงครองสติได้ดี เดินไม่เป๋ไปเป๋มา การพูดจาก็รู้เรื่องดีทุกอย่าง แผ่นฟ้าเลยไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร “อยู่ต่อ” ให้นานกว่านี้...

“ผมไปอาบน้ำละ” บีทบอกอย่างไม่ใส่ใจ อีกฝ่ายจะอยู่หรือไปก็แล้วแต่ส่วนตัวเขาขออาบน้ำก่อนอย่างแรก

“ครับ เอ่อ... เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าเก็บให้แล้วกัน” แผ่นฟ้าอาสาพลางมองไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

“ไม่ต้อง!! เดี๋ยวผมทำเอง” บีทปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้คนมีน้ำใจยิ้มเจื่อน

 “อ้อ... งั้นก็ตามสบาย ผมไปนะ” แผ่นฟ้าบอกเสียงหงอยๆ

บีทพยักหน้าเนือยๆ ส่วนอีกฝ่ายก็เดินอย่างเชื่องช้าไปที่ประตู เสมือนไม่อยากไปแต่ต้องไป...

บีทปรายตามองอย่างสมเพชเวทนา ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าแผ่นฟ้าคิดอะไรอยู่... ใจจริงอยากอยู่แทบแย่ แต่ทำเป็นเล่นละครบทโศก บอกลาแล้วทอดสายตาอาลัยอาวรณ์ให้เขานึกสงสารล่ะสิ! เขาไม่หลงกลหรอก...

“อะฮึ่ม...” บีทกระแอมทีหนึ่ง ทำให้คนที่เดินเอื่อยๆ รั้งๆ รอๆ ให้อีกฝ่ายเรียกเขาหยุดขากะทันหันแล้วหันมามองอย่างมีความหวัง...

“หือ...”

“ฝันดีนะ”

รอยยิ้มหุบลงฉับ พร้อมกับร่างนั้นเดินคอตกจากไป

บีทเหยียดยิ้มมุมปากอย่างขบขัน อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไรนักหนา เพียงแค่หมั่นไส้การเล่นใหญ่ของอีกฝ่ายเท่านั้น “เรื่องนั้น” ก็ไม่ใช่ไม่เคยทำ แถมเขายังตกปากรับคำยอมเป็นคู่ขาแล้วด้วย... จนป่านนี้แล้วยังจะมาเกรงอกเกรงใจกันทำไมอีก? คิดว่าเขาเป็นสาวน้อยหวงเนื้อหวงตัวพวกนั้นหรือไง? ตอนที่เขาอยากให้อีกฝ่ายทำเขาเป็นฝ่ายลดศักดิ์ศรีร้องขอ แต่พออีกฝ่ายต้องการแล้วอยากหน้าบางเองเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้...

เขายักไหล่ทีหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่คิดเลยว่าพอเดินออกมาจากห้องน้ำจะเจอ “คนหน้าบาง” อยู่ในชุดนอนกำลังแผ่หลานอนตีพุงอยู่บนเตียงเขาแล้ว สงสัยเขาจะสบประมาทหนังหน้าของแผ่นฟ้าเกินไปจริงๆ มันไม่ได้บางอย่างที่คิดสักหน่อย

“เอ้อ... คือว่านะ พอกลับห้องไปผมก็หารีโมตแอร์ไม่เจอขึ้นมา คุณเอ๊ย ร้อนก็ร้อนแถมหายใจไม่ออกอีก ผมกลัวเช้ามาจะซี้ม่องเท่งก็เลยลงมาขอนอนด้วยน่ะ คุณคงไม่ใจร้ายไล่ผมไปใช่ไหม?” แผ่นฟ้าพล่ามน้ำไหลไฟดับพร้อมส่งสายตาออดอ้อนอย่างน่ารักเป็นที่สุด...

“อ้อ...” บีทเปล่งเสียงออกมาได้แค่คำเดียว พยายามแทบตายไม่ได้ให้หัวเราะออกมา แต่ก็กลั้นยิ้มจนปวดกราม

นอกจากหน้าหนาแล้วยังโกหกหน้าตายอีกต่างหาก เชื่อเขาเลย...

“จะบอกว่าถ้าแอร์เปิดได้ตามปกติ คุณคงไม่อยากเฉียดมานี่เลยว่างั้น?” บีทเปรยเรียบๆ สองเท้าเดินไปที่เตียงเนิบนาบ ทำเอาใบหน้าเริงรื่นเมื่อครู่ของแผ่นฟ้าจืดเจื่อนลงทันที

“อะ...เอ่อ... ไม่ใช่อย่างงั้น...”

“แล้วยังไง? ถ้าแอร์ห้องนี้เสียก็คงหนีไปนอนห้องอื่นแทนสินะ อืม...” เสียงบีทฟังขุ่นเคืองขึ้นอีก ระหว่างที่แผ่นฟ้าอ้ำอึ้งนั้น... เขาก็เลิกผ้าห่มขึ้นสอดตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูตัวหนึ่งพันรอบเอวขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วตะแคงหันหลังให้แผ่นฟ้า ห่มผ้าหลับตาลงเหมือนไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว

แผ่นฟ้านั่งอยู่กลางเตียงเหลียวมองไปทางบีท เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สะอาดสะอ้านหล่อเหลา ปลายผมดกดำเปียกชื้นเล็กน้อย เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเพราะวันนี้เขาบังคับพาอีกฝ่ายตะลอนเดินเที่ยวอยู่ทั้งวันจนอีกฝ่ายอ่อนเพลียจึงง่วงเร็ว หรือไม่พอใจเขาจึงทำเป็นแกล้งหลับกันแน่... แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม... ในระยะเวลาไม่ถึงนาทีต่อให้พยายามจะหลับก็คงหลับไม่สนิทไวขนาดนั้น

 แผ่นฟ้าเอนกายลงนอนตะแคงบ้าง แนบลำตัวสนิทแนบกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย พลางโอบแขนกอดรั้งร่างบีทที่มีผ้าห่มคลุมไว้เข้ามาปะทะอก แนบหน้าลงที่กลุ่มผมนั้นพลางกระซิบแผ่วเบา

“ไม่หรอก... ต่อให้เปิดแอร์ได้ ผมก็คงปิดแอร์แล้วรีบลงมา เพราะว่ามันหนาวเกินไป อย่างน้อยถ้ามีใครสักคนให้กอดคงอุ่นขึ้นเยอะ... เอ้อ... หมายถึงถ้าได้กอดคุณก็คงดี”

บีทลืมตาขึ้นมา... แม้ไม่ส่งเสียงอะไรแต่ไหล่กลับห่อลงเพราะกลั้นหัวเราะ แผ่นฟ้าขยับตัวดึงไหล่อีกฝ่ายให้หันหน้ามา พบว่าใบหน้าบีทเหมือนทนไม่ไหวแล้ว

“คุณหัวเราะเยาะผมเหรอ?”

บีทยังคงยิ้มอยู่ไม่ตอบอะไร...

“คุณหายโกรธแล้ว?”

บีทก็ยังไม่ตอบ...

“หรือว่าคุณแกล้งงอนตั้งแต่แรกแล้ว?” คราวนี้บีทเหลือบตามองเขา แล้วทำเป็นเสตาหลบ  “จริงเหรอ? ผมนึกว่าคุณงอนจริงๆ ซะอีก” เขาทำเสียงน้อยอกน้อยใจ บีทนึกสงสารแผ่นฟ้านิดๆ ถ้าหากเขาแยกแยะระหว่างงอนจริงๆ กับแกล้งงอนไม่ออก ชีวิตคงลำบากแย่

“จะจริงหรือไม่จริง สุดท้ายแล้วถ้าง้อได้ตรงจุดมันก็จบสวยได้ แต่ถ้าขี้เกียจง้อก็อีกเรื่องนึง เพราะจากที่งอนเล่นๆ มันจะหลายเป็นโกรธจริงๆ ขึ้นมาทันที”

“ถ้างั้นต่อไปผมจะยอมง้อ ไม่ว่าคุณงอนจริงหรือเล่น ดีไหม?”

“เรื่องของคุณสิ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นก็แปลว่าดี...” แผ่นฟ้าสรุปง่ายๆ ด้วยน้ำเสียงร่าเริง เรียกให้บีทเหลียวไปมองหน้าเขาอีกครั้ง แผ่นฟ้าจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อบีทหันมาทั้งสองจึงประสานสายตากันชั่วครู่หนึ่ง บีทถูกสายตาคนตรงข้ามดึงดูด อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังตกค้างอยู่ก็ได้ จู่ๆ ใบหน้าก็พลันร้อนวูบวาบ

บีทกะพริบตาถี่พยายามขยับตัวจะเบี่ยงออก แต่เหมือนจะช้าไปกว่าคนด้านบนที่ไหวตัวทัน พลันจับหน้าเขาประคองไว้ไม่ให้หนี มิหนำซ้ำยังจับไปจูบกะทันหันเสมือนหมดสิ้นช่วงเวลาดูเชิงกันแล้ว...

บีทหลับตาแน่นระหว่างถูกบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างดุดัน พยายามตั้งสติตัวเองอีกครั้งไม่ให้ตื่นเต้นตกใจเกินเหตุ

ใจเย็นไว้... ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีเซ็กซ์เลยตั้งครึ่งปีแล้วจริงๆ จะเก็บกดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา จู่ๆ กลับมาลองของชอบที่ไม่ได้กินซะนาน จะติดใจจนยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็ไม่แปลกเหมือนกัน...

สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้น... มันใช่แผ่นฟ้าคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ? บีทก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน หลังจากถูกบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรงอยู่ชั่วครู่... บีทก็พยายามเบียดปากเข้าสู้ พลางแทรกลิ้นเข้าหาสั่งสอนการจูบที่ลึกซึ้งและรู้สึกดีมากกว่าการใช้แต่แรงห้ำหั่น การจูบแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ร้อนแรงเท่าเก่าแต่อ่อนหวานและดูดดื่มมากขึ้น คนบนเตียงดวลจูบกันพักใหญ่จนผ้าห่มกระจุยกระจายไปอีกทางหนึ่ง สองฝ่ายกอดรัดฟัดกันไปมาจนในที่สุดบีทเป็นฝ่ายพลิกแผ่นฟ้าลงไปอยู่ด้านล่างได้สำเร็จ...

สองฝ่ายถอนปากออกจากกัน แผ่นฟ้านอนหงายมองบีทที่นั่งคร่อมเขาอย่างเคลือบแคลงใจ เห็นอีกฝ่ายยังคงหายใจหอบเล็กน้อย มือเรียวขาวพยายามแกะกระดุมเสื้อนอนเขาออกอย่างเชื่องช้าจู่ๆ ก็กระชากถอดออกไปแค่ครึ่งแขน  แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาปรือปรอยที่กวาดมองร่างเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง มันช่าง... เซ็กซี่เหลือเกิน!

“บีท...” แผ่นฟ้าครางชื่ออีกฝ่ายเบาๆ ความต้องการคล้ายพุ่งดันผืนผ้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

บีทไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มพึงพอใจ มือเรียวละจากเสื้อที่ถอดค้างๆ คาๆ ตวัดลากไล้ปลายนิ้วเรียวไปตามแผ่นอกของเขาอย่างยั่วยวน คนใต้ล่างจับมือบางนั้นลูบไล้เบาๆ อย่างเคลิบเคลิ้มกำลังจะดึงมือนั้นมาจูบ ทว่าอีกฝ่ายกลับขยับขาลุกหนีไปซะงั้น เขาลุกขึ้นนั่งมองตามอย่างฉงนสงสัย ก็เห็นอีกฝ่ายก้าวลงจากเตียงไปเปิดกระเป๋าเดินทางควานหาของ ชายหนุ่มจึงใช้เวลานั้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ทำให้บีทที่หมุนกายกลับมาเจอชีเปลือยถึงกับผงะไปอึดใจหนึ่ง แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาก้าวขึ้นเตียงแล้วโยนกล่องถุงยางให้คนบนเตียงกล่องนึง ส่วนตัวเองจัดการแกะขวดบางอย่างออกแล้วเทใส่มือตัวเอง

แผ่นฟ้าจ้องมองอีกฝ่ายยืนเข่า สอดมือเข้าไปใต้ผ้าขนหนู กำลังทำอะไรบางอย่างที่เขาพอจะจินตนาการได้ไม่ยาก เพียงแต่คงจะดีกว่ามากหากอีกฝ่ายยอมปลดผ้าที่บดบังทัศนวิสัยออกให้... แผ่นฟ้าจ้องเขม็งไปผ้าขนหนูที่ปกปิดกายอีกฝ่ายสลับกับใบหน้าขาวสะอาดที่มักนิ่งเฉยเย็นชาอยู่เป็นเนืองนิตย์ ทว่าบัดนี้แก้มขาวกลับเรื่อสีชมพู ริมฝีปากสวยมุมหนึ่งถูกกัดดึงลงไปเล็กน้อยเสมือนกำลังยั่วยวนให้เข้าหา... เพียงมองภาพที่ปลุกเร้าอารมณ์พวกนั้น ความเป็นชายก็คัดแข็งขึ้นมาอีกแล้ว...

เขาหันมาใส่ใจแกะกล่องถุงยางที่อีกฝ่ายส่งให้มือไม้สั่น... อันที่จริงของพวกนี้สมควรหาเองทั้งสิ้น แต่ก็นะ คนกำลังรักกำลังหลงนี่ต่อให้บอกว่าห้ามใช้ เขาก็อาจจะตามใจอีกฝ่ายก็เป็นได้...

ทว่า... ยังไม่ทันจัดการกับท่อนเนื้อแข็งขึงของตัวเองเสร็จดี คนที่ใช้ร่างกายเกือบเปลือยยั่วยวนเขาก็คืบใกล้เข้ามาแล้ว แผ่นอกถูกมือเย็นผลักเบาๆ ให้หงายท้องลงไปก่อนที่อีกฝ่ายจะตามขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าขา ท่อนเนื้อถูกสัมผัสรูดดึงไปมาจนเขานิ่วหน้า

ชายหนุ่มเบ้หน้าเมื่อจุดอ่อนของตัวเองถูกกุมไว้แน่น... เขาพบว่ามือของบีทนุ่มเหลือเกิน ปลายนิ้วค่อยๆ นวดคลึงเบาๆ แต่ยิ่งเร้าอารมณ์เหมือนรู้ดีไปหมดว่าควรกระตุ้นตรงไหนบ้างถึงจะทำให้เขารู้สึกดี ฝ่ายนั้นกระชับท่อนเนื้อแข็งขึงพลันใช้ปลายนิ้วโป้งถูไถปลายยอดไปมาจนด้านบนเริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยจากความต้องการที่มากขึ้น ก่อนจะค่อยขยับมือเร่งเร้าจนเขาเกร็งหน้าท้องไปหลายตลบ

“อย่า... อืม...เดี๋ยว...” เขาเอ่ยห้ามกระท่อนกระแท่น ความเสียดเสียวแล่นพล่านไปทั่ว ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด

“คราวที่แล้วผมวู่วามไปหน่อย คิดว่าคุณคงไม่โหดร้ายอะไรมาก ที่ไหนได้คุณทำเอาร่างผมแทบแหลก เพราะงั้นคราวนี้ก็ควรให้ผมเป็นฝ่ายควบคุมมันเอง...” บีทบอกออกมาเสียงจริงจัง

“อะไร... คราวที่แล้วมันแย่ขนาดนั้น?” แผ่นฟ้าโวยวายอย่างตระหนก เขาไม่เคยได้ยินใครวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบนเตียงตรงไปตรงมาอย่างนี้มาก่อน

“ไม่ได้หมายถึงเทคนิค แต่หมายถึงการสะกดกลั้นอารมณ์ ผมไม่คิดจะแลกร่างกายที่ตัวเองดูแลอย่างดีกับเซ็กซ์ป่าเถื่อน ถ้าคุณไม่คิดจะทะนุถนอมมันให้ดีก็นอนเฉยๆ ไปซะ!”

แผ่นฟ้าอ้าปาก ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แค่ส่วนอ่อนไหวถูกสัมผัสก็ทำให้หูฝ้าตาลายไปหมดแล้ว ระหว่างที่อีกฝ่ายขยับมือเร็วขึ้นไปอีกระดับ เขาเกร็งสะโพก หลับตาลงซึมซับความหฤหรรษ์ที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเปี่ยมสุข ด้วยการปรนเปรออย่างชำนาญทำให้เขาถึงจุดนั้นอย่างรวดเร็ว...

เขาหอบเล็กน้อย ปรือตามองคนด้านบนหยิบเอาถุงยางที่เขาแกะซองไว้แล้วออกมาถือไว้ ทว่าเจ้าส่วนนั้นของเขา มันเหนื่อยล้าจนอ่อนนุ่มลงไปแล้ว...

“เอ้า!! รีบๆ แข็งขึ้นมาไวๆ คราวก่อนเห็นคุณแรงดีไม่มีตก คราวนี้ผมเลยตัดกำลังไปบ้างเท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินความจำเป็น ไม่ใช่คราวนี้หมดแรงข้าวต้มตั้งแต่ยกแรก?” บีทเอ่ยขึ้นมาหน้านิ่ง แต่น้ำเสียงเหมือนหยอกแซว อย่างสนิทสนม

“เฮอะ! ก็ใครทำให้มันเป็นแบบนั้น แน่จริงก็ปลุกมันขึ้นมาเองสิ” แผ่นฟ้าตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงท้าทาย แต่นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง บีทเหลือบตามองเขานิ่งๆ ปรากฏรอยยิ้มบางๆ

“ไม่ต้องท้าผมก็ต้องทำอยู่แล้ว...  อย่าลืมว่าผมยังไม่ได้เสพสุข!!” บีทตอบกลับมาตรงๆ พร้อมรอยยิ้มยั่วเย้าอย่างมีเสน่ห์จนคนมองอดหลงใหลไม่ได้ ร่างกายก็พลอยเร่าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว...

++++++++++


ต่อรีล่าง
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 11 [23/08] ข้อดีข้อเดียว...
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 02-09-2017 16:39:51
บีทเพิ่งจะอายุสามสิบต้นๆ ที่จริงก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่บางคราวก็คิดว่าตัวเองแก่แล้ว คงเพราะไม่ค่อยชอบออกกำลังจำพวกเวทฟิตกล้ามอย่างเกย์สมัยนี้ แต่มักเน้นไปทางเดินหรือวิ่งและทานอาหารถูกหลักอนามัย จะได้ไม่มีพุงจนดูน่าเกลียดและไม่อ่อนแอจนเกินไปเท่านั้นเอง แต่ขีดจำกัดของร่างกายก็น้อยตามไปด้วยเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการที่เห็นคู่นอนของตนมีสุขภาพแข็งแรงทำให้ชายหนุ่มอดชื่นชมไม่ได้

โดยเฉพาะหลังจากที่เขาส่งอีกฝ่ายขึ้นสวรรค์ไปเองกับมือด้วยแล้ว ถ้าหากตัวเองไม่ได้ลิ้มรสสักครั้งคงหงุดหงิดแย่... แต่นับเป็นโชคดีที่ของเล่นของเขายังใช้การได้อยู่ โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงปลุกปั่นอะไรนักก็กลับมาคึกคักได้อีกอย่างรวดเร็ว เขายิ้มอย่างพึงพอใจ ขณะบรรจงสวมใส่ถุงยางลงบนส่วนนั้นอย่างเบามือ

อึดใจต่อมา บีทก็ค่อยๆ เคลื่อนกายให้เข้าที่เข้าทางพลางจับท่อนเนื้อในถุงยางตั้งขึ้น ค่อยกดสะโพกลงช้าๆ ช่องทางนั้นตระเตรียมไว้บ้างแล้วจึงนุ่มลื่นพอสมควร แต่ไม่ถึงกับลื่นพรืดจนรับเข้าไปได้ทั้งหมดในคราวเดียว... บีทนิ่วหน้าเล็กน้อยพยายามกดสะโพกลงอย่างเชื่องช้า แต่กลับไม่ทันใจคนใต้ล่าง จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็ยกสะโพกสวนขึ้นมากะทันหันจนบีทร้องห้ามไม่ทัน

“อย่า... อึ๊ก...” เขาเปล่งเสียงออกมาเบาๆ เพราะเจ็บเสียดเล็กน้อย ส่วนนั้นบุกรุกเข้ามาได้เกือบครึ่งท่อนลำก็ค้างอยู่แค่นั้นมิหนำซ้ำยังถูกบีบรัดจนกลายเป็นคนด้านล่างพลอยเจ็บตามไปด้วย แผ่นฟ้าส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ จนบีทขยับตัวถอนสะโพกขึ้นเล็กน้อย กดเสียงต่ำ “สม... บอกแล้วใช่ไหมให้อยู่เฉยๆ”

“ก็มัน...ซื้ด....” ท้ายประโยคเป็นเสียงสูดปากที่ฟังแล้วหยาบโลนจนบีทส่งสายตาเขียว

แผ่นฟ้าส่งยิ้มขอลุแก่โทษ มือใหญ่ยื่นมาลูบท่อนขาขาวใต้ผ้าขนหนูที่ถกร่นขึ้นไป ในขณะที่บีททำเป็นไม่ใส่ใจเขา ยังคงขยับหาท่วงท่าที่ถนัดสำหรับการสอดใส่ ไม่นานสะโพกสวยก็ลดระดับต่ำลงเรื่อยๆ จนครอบครองส่วนนั้นจนหมด บีทนั่งแช่อยู่บนตักแผ่นฟ้าพรูลมหายใจออกมาทีหนึ่ง เขาพริ้มตาลงแล้วพยายามปรับลมหายใจเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายลง ส่วนอีกคนกัดฟันกรอด ใบหน้าดูเหยเกเพราะความอดกลั้น...

ให้ตายสิ... เขาอยากจะขยับตัวแล้ว ทว่าเขากลัวโดนด่า เลยได้แต่บังคับบั้นท้ายไม่ให้ขยับ มีเพียงมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบไล้ยอดอกคนด้านบนอย่างซุกซนแทน

บีทปรือขึ้นกัดริมฝีปากอัตโนมัติแววตาที่ส่งออกไปไม่ปิดบังเลยว่ากำลังมีอารมณ์และค่อนข้างชอบ เพราะลมหายใจเริ่มขาดห้วง ช่องทางเริ่มบีบรัดจนแผ่นฟ้าเบ้หน้าอีกรอบ

“ถ้าคุณยังไม่ขยับ ตรงนั้นผมคงขาดไปก่อนแน่ๆ” คำพูดคำจาแบบนั้นทำให้ได้รับสายตาเขียวปั้ดทันที แต่บีทก็ทำตามคำขอนั้น เขาเริ่มขยับบั้นท้ายอย่างเชื่องช้าทว่าต่อเนื่อง สักพักก็เริ่มตั้งเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อพยุงตัวแล้วขยับสะโพกอีกครั้ง

แผ่นฟ้าเพิ่งตระหนักว่าคำว่า “เสพสุข” นี่มันไม่เกินไปเลยจริงๆ เพราะในระหว่างที่เขาถูกบังคับให้นอนนิ่งเหมือนตุ๊กตายาง จะขยับเล็กน้อยเพราะเมื่อยก็โดนจ้องตาเขียว ยกเว้นการลูบไล้ส่วนยอดอกที่เป็นข้อยกเว้น อีกฝ่ายกลับจับแก่นกายของเขาถอดเข้าถอดออกอยู่พักใหญ่ คล้ายกับกำลังหามุมที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่ใช่ก็เปลี่ยนใหม่ จนผ้าขนหนูที่พันเอวไว้ตอนแรกมันเกะกะจนต้องปาทิ้งไปนานแล้ว...

หลังจากหามุมที่ดีที่สุดได้แล้ว บีทก็ตั้งหน้าตั้งตาขย่มไม่หยุด จนเขาก็ชักกลัวๆ ว่าอีกฝ่ายจะเมามันจนทำของเขาหักไปหรือเปล่า แต่ความกลัวมันก็ไม่เท่าความหื่นอยู่ดี เพราะเมื่อส่วนที่รุ่มร้อนนั่นถูกโอบรัดอย่างแน่นหนา ถูกเสียดสีอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เขาก็เกร็งจนขาสั่นส่งเสียงครางอย่างไม่อายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า... อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ถูกรีดน้ำออกไปแล้วหนึ่งรอบ มีหวังได้ปลดปล่อยออกมาตั้งนานแล้ว คิดไปคิดมาก็เริ่มนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่า เพราะบีทกลัวว่าของเขาจะเหี่ยวไปตั้งแต่นกกะจอกยังไม่ได้กินน้ำหรือเปล่าถึงจงใจจัดการเขาไปก่อน เพราะดูจากเอวที่ร่อนขึ้นลงบนร่างเขาตอนนี้แล้ว ที่บอกว่ากลัวตัวเองจะเหนื่อยมากไปเหมือนเป็นคำโกหกทั้งเพ!

อย่างไรก็ดี... หลังจากแผ่นฟ้าสมมุติตัวเองให้กลายเป็นดิลโด้มีชีวิตให้บีทใช้งานอย่างถวายหัว ฝ่ายหลังก็ตักตวงอย่างไม่เกรงอกเกรงใจจนร่างนั้นเกร็งกระตุกปลดปล่อยหยดหยาดแห่งปรารถนาออกมาเสียที เขาที่เกร็งหน้าท้องแทบตาย ทั้งอดกลั้น ทั้งภาวนาไม่ให้ตัวเองถึงก่อนถึงกับโล่งอกเลยทีเดียว

เพราะร่างกายผู้ชายนั้นซื่อตรง ถึงจริงเปล่าก็มีหลักฐานพิสูจน์ได้ บีทไม่ได้ใส่ถุงยางให้ตัวเอง น้ำเชื้อที่หลั่งออกมาจึงเนืองนองอยู่บนหน้าท้องของแผ่นฟ้า ไม่นับรวมกับปฏิกิริยาภายนอกทั้งหลายแหล่ที่ชัดเจน ถึงกระนั้นสะโพกที่ขยับก็ไม่หยุดลงซะทีเดียวกลับยังขยับเนิบนาบ

“ไม่เหนื่อยหรือไง?” แผ่นฟ้าถามเสียงกระเซ้า หูยังได้ยินเสียงหอบหายใจเหมือนอีกฝ่ายเพิ่งออกจากลู่วิ่ง

“เหนื่อยสิ... แต่ยังอยากได้อีก...” บีทตอบเสียงเบาผสมลมหายใจหอบเหนื่อย แผ่นฟ้าละทึ่ง!

“คุณพักก่อนก็ได้... ผมรับช่วงต่อเอง...”

“แต่...” บีทมีสีหน้าลังเล แต่แผ่นฟ้าไม่อยากฟังแล้ว เขาจับแขนบีทให้โน้มตัวลงมา แล้วผงกศีรษะขึ้นจูบปากบีททีหนึ่งเพื่อห้ามเสียงอีกฝ่าย สองร่างพลิกสลับตำแหน่งกันในเสี้ยววินาทีทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกันอยู่

“ผมชอบนะที่คุณโยกตัวอยู่บนตัวผม แต่ที่ผมไม่ยอมให้คุณอยู่ตลอดก็เพราะไม่อยากกินแรงคุณ เราสลับกันออกแรงได้นี่”

บีทเริ่มรู้สึกว่าแผ่นฟ้าปากหวานขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะเข้าใจว่าก็แค่คารมที่เชื่อไม่ได้ แต่เพราะเขากำลังเหนื่อยอยู่เลยไม่รังเกียจถ้าอีกฝ่ายจะช่วยทุ่นแรง

“ก็ได้...”

หลังคำอนุญาตแผ่นฟ้าก็ถือวิสาสะยกขาข้างหนึ่งของบีทขึ้นพาดบ่าตัวเองทันที

“เมื่อยก็บอกนะ” เขาบอกก่อนจะจูบปากบีทอีกทีหนึ่ง ไม่ลืมดูดดึงริมฝีปากล่างขึ้นมาอย่างมันเขี้ยว ส่วนล่างเริ่มขยับเนิบนาบ

“ถ้าเมื่อยแล้วมันดี... ผมก็ทนได้นะ” บีทตอบพร้อมส่งสายตาท้าทาย เสมือนกระตุ้นเลือดในกายชายหนุ่มให้ฉีดพล่าน ความเนิบนาบตอนเริ่มต้นจึงเพิ่มระดับเป็นรุนแรงดุดันเหมือนคนเก็บกดจนบีทอดไม่ไหวจิกเล็บลงบนไหล่อีกฝ่ายเป็นการปราม ทว่าแผ่นฟ้าไม่สนใจแล้ว เขากำลังเร่งสะโพกถี่ขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองอย่างสุดชีวิต...

ฝ่ายบีทพอได้ระบายอารมณ์ออกมาบ้างก็คล้ายไม่สนใจแล้วเหมือนกันว่าจะเจ็บหรือเมื่อยแค่ไหน ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำไปตามต้องการ

ก็บอกแล้วไง ว่าถ้ามันดี เขาก็ทนได้...

​+++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 12+12.5 [2/09]
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 03-09-2017 21:15:57
บีทแซ่บมาก แผ่นฟ้าจะหลงไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 12+12.5 [2/09]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-09-2017 08:30:20
-13-

เพราะอาชีพของบีททำงานไม่ตรงเวลา เขาจึงตื่นไม่ตรงเวลามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนสายโด่งก็ยังไม่มีวี่แววจะตื่น ส่วนคนร่วมเตียงที่ควรจะตื่นแต่เช้าตรู่ แต่เพราะไม่ได้หยิบมือถือลงมาจึงไม่มีอะไรช่วยปลุก ประกอบกับใช้แรงไปมาก ทำให้ตื่นสายตามไปด้วย

แผ่นฟ้าลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย  หันไปมองข้างกายพบว่าบีทหลับตาพริ้มซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างเปี่ยมสุข เขาโน้มหน้าลงแนบปากลงที่หน้าผากบีทเบาๆ แล้วจึงค่อยขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุดเพราะไม่อยากรบกวนคนหลับ หารู้ไม่ว่าแค่เขาขยับตัวลุกขึ้นก้มลงจุมพิตก็ทำให้บีทตื่นเสียแล้ว

บีทพยายามหยัดกายลุกขึ้น หมุนคออย่างขี้เกียจ ใจหนึ่งก็อยากหลับต่อแต่ตั้งใจว่าจะติดรถแผ่นฟ้าตามไปบริษัทด้วยเลยสั่งตัวเองให้ลุกไปอาบน้ำ แต่ทั้งที่ตื่นเกือบพร้อมกันแท้ๆ บีทกลับออกมาไม่ทันแผ่นฟ้าเสียได้ ฝ่ายนั้นอาบน้ำแต่งตัวไว หลังจากได้ขนมปังปิ้งคู่หนึ่งกับดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้วก็รีบร้อนออกไปทันที

บีทที่รีบแทบตายแต่ก็ยังออกมาไม่ทันได้แต่ทอดถอนใจเซ็งๆ แต่ในเมื่อไม่ทันแล้วยังไงก็ต้องไปเองอยู่ดี เขาจึงนั่งลงที่โต๊ะอาหารละเลียดกินข้าวต้มกุ้งระหว่างอ่านหนังสือพิมพ์อย่างไม่รีบร้อน

ฝ่ายคนรับใช้สองคนยืนรอเจ้านาย “คนใหม่” กินข้าวเช้าอยู่ก็เกิดสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติขึ้นมา เลยถามด้วยความเป็นห่วง  “คุณบีทอยากได้แซมบัคไหมคะ เดี๋ยวนวลไปเอามาให้”

บีทชะงักเงยหน้าจากข้าวต้มงงๆ “เอามาทำอะไร?”

“เห็นคอแดงๆ น่ะค่ะ เป็นลมพิษหรือโดนแมลงกัดหรือเปล่า?”

บีทชะงักไปอึดใจ รีบเอามือตะปบคอทันที นึกรู้ว่าเป็นรอยอะไร ได้แต่ยิ้มขืนให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอก แค่ยุงกัดน่ะ”

“เอ๊ะ ยุง? ถ้าเป็นยุงจริงๆ ดูท่าจะตัวใหญ่นะคะ”

“อื้อ... ใหญ่เบ้อเริ่มเลยแหละ! ”

ระหว่างที่คนในห้องอาหารคุยกัน ยุงที่กำลังขับรถไปบริษัทก็จามออกมาชุดใหญ่!

++++++++++

ถึงตอนนี้จะใกล้สิ้นปีเต็มทนแล้ว แต่อากาศเมืองไทย ฤดูไหนอากาศก็ไม่แตกต่างกันมากนักคือร้อนอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นบีทจึงโยนผ้าพันคอที่เพิ่งลองพันเมื่อครู่ทิ้งอย่างไม่ไยดี ยิ่งใช้ยิ่งเด่นสิไม่ว่า ชายหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเลือกเสื้อกันหนาวคอเต่าได้ตัวหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้ขี้หนาวอะไรนัก แต่คงต้องทนใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนจ้องคอเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรทั้งวันแน่

รถไม่ติดมาก ไม่นานก็มาถึงที่หมาย บีทกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการโดยไม่แวะไปหาแผ่นฟ้าก่อน ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีเรื่องแท้ๆ แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับผลักประตูกระจกเข้ามาในสำนักงานเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่จึงอยู่กันครบ ครั้นผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามา เสียงจ้อกแจ้กจอแจในตอนแรกดูสงบเงียบลงกะทันหัน  บีทมองไปทั่วห้องตามปกติ เมื่อไม่พบคู่กรณีสองคนที่เคยมีเรื่องด้วยก็ไม่ได้คิดอะไร ทว่ากลับแคลงใจกับดวงตาคู่อื่นที่มองมา บางคู่รีบหลบตา แล้วหันไปใส่ใจงานของตัวเองจนดูแข็งขันกว่าปกติ  บางคนก็ทำสีหน้ากลัวๆ จนบีทขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ บังเอิญเขาเหลือบไปเห็นพนักงานที่พอจะคุ้นเคยอยู่บ้างจึงตรงลิ่วเข้าไปหา แล้วหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้า ทำเป็นไม่ใส่ใจสายตาคู่อื่นที่มองมา

“เจอก็ดีละ ขอดูตารางเดือนหน้าหน่อยสิ” บีทบอกอย่างไม่มีพิธีรีตองมากนัก อันที่จริงเป็นงานที่ทำเองได้ แต่วานคนอื่นทำย่อมง่ายกว่า โดยเฉพาะเบ๊ประจำแผนกอย่างบัวแล้ว ใครขอให้ช่วยอะไรมักจะไม่ค่อยมีปากเสียง สำหรับบีทที่ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครจึงมักจะตอบแทนด้วยการซื้อของมากฝากเป็นการขอบคุณแทน

“แป๊บนะคะ” หญิงสาวตอบกลับแล้วหันไปเคาะแป้นพิมพ์ ไม่นานก็ได้ตารางทัวร์ของเดือนหน้ามาจนได้

บีทก้มดูตารางงานที่คล้ายจะเบาบางลงแล้วคิ้วก็ขมวดยุ่ง

“นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ปกติทัวร์จะแน่นไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมงานผมน้อยจัง วันหยุดก็เยอะ”

คนฟังยิ้มเจื่อน ทำหน้าเหมือนตัวเองทำความผิดอะไรบางอย่าง ตอบไม่เต็มเสียงนัก “เอ่อ... อันนี้บัวก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คงต้องไปถามผู้จัดการ”

“ช่างเถอะ  แค่นี้ก็แค่นี้... ปรินต์กำหนดการแต่ละทัวร์กับรายชื่อลูกทัวร์ให้ผมด้วยได้ไหม?”

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” หญิงสาวรับคำแล้วทำงานให้อย่างเร่งรีบ บีทคว้าโบรชัวร์บนโต๊ะมาใบหนึ่งแล้วก้มหน้าอ่านระหว่างรอ

จู่ๆ ก็มีใครบางคนยืนข้างเก้าอี้

“บัว... งานที่พี่สั่งน่ะได้หรือยัง ผู้การเร่งแล้ว...” บีทหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเป็นเลขาผู้จัดการ เพราะเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานผู้จัดการเลยไม่สังเกตเห็นเขา

               “เอ่อ สักครู่นะคะ เดี๋ยวจะเร่งให้ค่ะ” บัวตอบกลับเศร้าๆ พลางเหลือบตามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างเกรงใจ

                บีทเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มาก็ไม่ได้ถามเลยว่าอีกฝ่ายยุ่งอยู่หรือเปล่า เลยบอกนิ่มๆ “ทำงานของตัวเองก่อนเลย ผมไม่รีบ”

                “ค่ะ” บัวรับคำ รอยยิ้มคลี่ออกอย่างดีใจ ทว่าคนที่รีบเมื่อครู่พอเห็นบีทก็หน้าเผือดสีรีบเปลี่ยนคำกะทันหัน

                “อ้าว ทำงานให้คุณบีทอยู่เหรอ แล้วก็ไม่บอก บัวทำให้คุณบีทก่อนเลย ผู้จัดการไม่รีบหรอก”

                บีทหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสายตางงวย แล้วก็พบรอยยิ้มแหยๆ ดูตลกสิ้นดี อึดใจต่อมาเธอก็หันไปบอกบัวอีกครั้ง “บัวทำงานให้คุณบีทไปนะ เอาเป็นว่างานที่พี่วานน่ะไม่ต้องละ เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่า”

                ว่าจบคุณเลขาก็หันมายิ้มเฝื่อนให้บีทอีกหนึ่งรอบก่อนจะหมุนตัวกลับไปหงอยๆ บีทมองตามอย่างไม่เข้าใจ จนต้องเปรยออกมา

                “เขาเป็นอะไรของเขาน่ะ”

                “....”

                พอไร้คำตอบบีทก็หันมาจ้องหน้าบัวอีกรอบ เธออึกอักอยู่ครู่ใหญ่แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าให้ฟัง ความว่าหลังจากที่เขามีเรื่องกับพนักงานในแผนก วันต่อมาโจทก์ทั้งสองคนก็ถูกสั่งย้ายทันที ความจริงเป็นอย่างไรไม่รู้แต่สิ่งที่เล่ากันคือเพราะมีเรื่องกับเขาเลยโดนเล่นงาน

                บีทร้องอ๋อออกมา เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าทำไมสายตาใครต่อใครเวลามองเขามันดูกลัวๆ ขนาดเลขาผู้จัดการที่ว่าขี้เหวี่ยง หันมาเจอเขายังหงอลงทันตา นางคงกลัวเขาจะไปเป่าหูท่านประธานแล้วจะโดนเด้งตามสองคนแรกไปนั่นเอง

                บีทถอนใจปลงๆ หันมาบอกบัวว่าเขาจะขึ้นไปชั้นบนก่อน เดี๋ยวจะลงมาเอางาน หญิงสาวตอบรับแล้วขอบคุณเขา บีทหัวเราะแล้วบอกว่าเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ ว่าแล้วยิ้มบางให้ก่อนจะเดินออกไป บัวยิ้มมองตามเขา จะไม่ขอบคุณขายหนุ่มได้อย่างไรล่ะ? ก็งานที่ต้องปรินต์ให้บีทเป็นแค่ข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ที่มีอยู่แล้ว สั่งพิมพ์ไม่นานเสร็จ แต่งานที่ถูกยกเลิกไปเมื่อครู่ต่างหากที่ยากกว่ากันตั้งเยอะ

 '

บีทเข้าไปในห้องประธานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดกับเจ้าของห้องที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นแล้วถามอย่างเอาใจ

“ทำไมไม่บอกล่ะว่าจะมา จะได้รอมาพร้อมกัน”

“คุณอยู่รอให้บอกไหมล่ะ? พอผมเดินออกมาคุณก็ออกไปแล้ว”

“แล้วมีเวลาทั้งคืนน่ะ ทำไมไม่บอกล่ะ?” แผ่นฟ้าส่งสายตากรุ้มกริ่ม เหมือนอยากทำให้อีกฝ่ายเขิน แต่กลับเจอแต่ดวงตาคมที่ตวัดมาเชือดเฉือน

“มันใช่เวลามาคุยเรื่องไม่สำคัญไหมล่ะ?” บีทตอบไว้ท่า ค่อยๆ หย่อนสะโพกลงหน้าโต๊ะทำงาน

แผ่นฟ้ามองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ยิ้มทั้งปากและตาอย่างอารมณ์ดี

“ว่าแต่คุณมาทำอะไร?”

“ก็ใครบางคนบอกจะปรินต์อะไรให้ผมแล้วก็ไม่ทำ ผมก็เลยต้องมาทำเองน่ะสิ”

“อ๋อ... ทำแล้วนี่ไง” แผ่นฟ้าตอบ พลางยื่นกระดาษบนโต๊ะทำงานส่งให้ “ของเก่ามันแน่นไปหน่อย ผมเลยขยับให้ใหม่”

“อ๋อ... ที่แท้ก็คุณนี่เอง ตารางงานผมถึงว่างโล่งขนาดนี้ ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือไงถึงต้องมาตัดทางทำมาหากินกันแบบนี้เนี่ย”

“อะไร? ผมกลัวคุณเหนื่อยต่างหาก บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ คุณยังจะทำงานหนักไปทำไมนักล่ะ”

“ก็ต้องกินต้องใช้ ต้องเก็บอยู่ดีนั่นแหละ” บีทเถียงอ้อมแอ้ม

“เดี๋ยวผมให้พ็อกเกตมันนี่ต่างหากแทนแล้วกัน ขอร้องละ... ช่วยอยู่บ้านให้นานๆ หน่อยเถอะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งสายตาเว้าวอน ทว่าคนฟังไม่คล้อยตาม

“ถ้าอยู่นานแล้วเป็นแบบเมื่อคืนก็ไม่ไหวนะ คุณเห็นผมเป็นเด็กวัยรุ่นอายุสิบเจ็ดสิบแปดหรือไง ถึงได้หักโหมเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง กลัวไม่ได้ทำหรือไง?”

“อ้าว... ก็คุณบอกเองว่าให้ผมทำได้จนกว่าถุงยางจะหมด ผมก็ไม่ได้ทำเกินนี่”

บีทหันไปมองหน้าอ้าปากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก  ได้แต่ถอนใจระอา ทั้งคู่เงียบไปอึดใจก่อนที่บีทจะนึกบทสนทนาขึ้นได้ใหม่ “จริงสิ... นี่คุณสั่งย้ายสองคนนั้นจริงเหรอ?”

“อ้อ... จริง ทำไมเหรอ?”

“ผมต่างหากที่ต้องถาม...ว่าทำไม” บีทย้อน

“เอ้า... ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าจะเคลียร์คนให้คุณ ผมก็แค่ทำตามที่พูดเท่านั้นเอง” แผ่นฟ้าตอบกลับยิ้มๆ

“ก็แค่ทะเลาะกันนิดหน่อย คุณจำเป็นต้องย้ายเขาเลยเหรอ?”

“ทำไม? ใจอ่อน? สงสาร?”

“ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง?”

“นั่นน่ะสิ คนอย่างคุณน่ะ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ...ไม่โกงอยู่แล้วนี่ จะมาขอร้องให้คนที่มีเรื่องด้วยผมนี่ผมคงหูฝาดไปแน่ๆ” แผ่นฟ้าพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

“ใช่.. ผมไม่ขอร้องแทนใครทั้งนั้นแหละ ก็แค่รู้สึกว่าคุณทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ แล้วก็มองว่าคุณใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ”

“มิชอบตรงไหน? ผมก็ทำถูกทุกอย่างผมเป็นประธาน จะรับคนเข้า ไล่คนออก ย้ายใครไปไหนมีสิทธ์ทั้งนั้น คนมีอำนาจถ้าไม่ใช้แล้วจะมีไปทำไม”

“แต่ใช้เพราะผม?”

“มันจำเป็นนี่... ในเมื่อเจอกันแล้วทะเลาะกันจะทนกันทำไม คุณเป็นไกด์จะย้ายคุณไปแผนกอื่นก็ไม่ได้ งั้นย้ายสองคนนั้นแทนก็ดีแล้วนี่ แค่ย้ายไปทำงานแผนกอื่นจะลำบากแค่ไหนกันเชียว ไม่ได้ไล่ออกซะหน่อย”

“แค่ทะเลาะกับผมก็โดนย้ายแล้วเหรอ? ต่อไปถ้าผมมีปัญหากับใครคุณจะมาคอยจัดการให้ตลอด หรือถ้ามีคนนินทา คุณก็จะเล่นงานทุกคนเลยหรือไง”

“ถ้าต้องขนาดนั้นผมย้ายตัวเองออกไปไม่ง่ายกว่าหรือไง?”

“ก็นั่นน่ะสิ ผมถึงคิดว่าคุณทำเกินไป”

“ไม่เกินไปหรอก ถ้ามัวแต่เฉยต่อไปมันจะยิ่งกว่านี้ก็ได้ ผมถึงต้องเชือดไก่ให้ลิงดูซะก่อน ในเมื่อผมจัดการคนจำนวนมากไม่ได้ ผมก็ต้องขู่ให้พวกเขากลัว ทั้งง่ายแล้วได้ผลที่สุดแล้วจริงไหม? ถ้าคนรู้ว่าคุณมีผมเป็นแบ็ก ต่อไปก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคุณอีก”

“ผมไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่คุณต้องมาปกป้องสักหน่อย...”

“ทำไมล่ะ? ผมอยากปกป้องคนเข้มแข็งบ้างไม่ได้เหรอ?”

“แล้วคุณจะได้อะไร?”

“นั่นสิ จะได้อะไร? มันเจ๋งพอจะได้ใจคุณไหมล่ะ ฮึ” แผ่นฟ้าหันมาถามทีเล่นทีจริง

บีทขมวดคิ้วแล้วยกมุมปาก “ถ้าคิดว่าทำเรื่องง่ายๆ แค่นี้แล้วจะได้หัวใจผม ดูเหมือนคุณจะหวังสูงไปหน่อย”

“หึๆ ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็ยังมีหวัง...” แผ่นฟ้าตอบพร้อมรอยยิ้มแบบเดิม

บีทเม้มปากแล้วบอกอย่างจริงจัง “อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้เลย ไม่เห็นจะคุ้ม”

“ทำไม? คุณคิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอให้ผมลงทุน? ให้ตายเถอะ คุณก็ถ่อมตัวเป็นด้วยเหรอเนี่ย” แผ่นฟ้าแกล้งทำสีหน้าตกใจ ทำให้อีกฝ่ายชักสีหน้าฉุนเฉียว

“แน่นอน... ผมย่อมคิดว่าตัวเองมีคุณค่ามากพออยู่แล้ว แต่คนอื่นก็คงไม่คิดอย่างนั้น” บีทตอบกลับมาอย่างใส่อารมณ์ ไม่รู้ทำไมเขาเห็นรอยยิ้มสบายๆ ของอีกฝ่ายแล้วกลับยิ่งร้อนรน

“แล้วทำไมผมต้องแคร์คนอื่นด้วยล่ะ? ผมแคร์แค่คุณไม่ได้เหรอ?” แผ่นฟ้าถามพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น

บีทใช้สองมือตบโต๊ะโน้มหน้าลงมาจ้องตาอีกฝ่าย “เลิกเล่นลิ้นสักที ผมซีเรียสนะ”

“ผมก็ซีเรียส...” แผ่นฟ้าตอบรับเสียงนุ่ม ขยับเก้ากี้เลื่อนเข้ามาเล็กน้อยยื่นมือหนากุมมือที่วางบนโต๊ะแล้วลูบเบาๆ “...ว่าเมื่อไรคุณจะเข้าใจสักที ว่าผมไม่คิดจะสนใจสายตาคนอื่น คุณมีค่ามากแค่ไหนมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ สิ่งที่ผมลงทุนลงไปคุ้มค่าไหม ก็มีแต่ผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ บีท...ผม...ผมร...”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แผ่นฟ้าสูดปาก หงุดหงิดแทบแย่ที่ถูกเสียงนั้นขัดจังหวะ เขาส่งสายตาฉุนเฉียวไปทางประตูทันทีที่มันถูกเปิดออก วินาทีนั้นเองแววตาโมโหเปลี่ยนเป็นแปลกใจจนตาค้าง แววตาไหวระริกขึ้นแวบหนึ่ง

 บีทที่เห็นสีหน้าของแผ่นฟ้าก็พลอยกังวลขึ้นมา ในหัวจินตนาการว่าผู้มาเยือนอาจจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัทสักคน ที่แย่ที่สุดอาจจะเป็นพ่อของแผ่นฟ้าเลยก็ได้ เขาทำใจครู่หนึ่งก่อนจะพลิกกายหันไปมองแต่กลับพบคนที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เจออีก

“....อิฐ?”

“ขอโทษ... ผมมารบกวนหรือเปล่า?”

++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: เ จ้ า เ ล่ ห์ แสนรัก ตอนที่ 13 [9/9/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 14-09-2017 12:38:00
 :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-03-2018 11:28:37
-14-

รบกวนหรือเปล่า?

หึ! แผ่นฟ้าอยากจะตอบกลับไปทันทีว่าโคตรรบกวน ทว่าอารมณ์ฉุนเฉียวเดือดดาลมันน้อยกว่าความฉงนสงสัย เขาปั้นหน้าจริงจังผิดกับบุคลิกปกติที่ทั้งกวนประสาทและขี้เล่นขณะถามออกไปว่า “พี่มาทำไมเหรอ?”

กลับเป็นอิฐเสียอีกที่ยิ้มกวนๆ แล้วตอบกลับ

“นี่อย่าลืมสิ ต่อให้ฉันไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัทอยู่ดี จะมาเยี่ยมดูบ้างมันแปลกหรือไง?”

ถ้าแผ่นฟ้าไม่ใช่คนคิดมากก็คงยอมเชื่อง่ายๆ อยู่หรอก แต่บังเอิญเขามันคนขี้ระแวงเลยยังกังขาอยู่ว่าอีกฝ่ายแค่มาเยี่ยมดูเฉยๆ จริงหรือเปล่า... แต่ถึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เลยเปลี่ยนเรื่องเสีย

“แล้ว... หายดีแล้วเหรอ?” เขาถามสั้นๆ แต่คำพูดแค่นี้ก็พอจะทำให้ทั้งสามคนในห้องเข้าใจดีแล้วว่าหมายถึงอะไร

แววตาของอิฐขุ่นมัวเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างไว้ท่าตามบุคลิกของเขา “อืม”

แผ่นฟ้าเหลือบตามองบีท ก็เห็นเพียงแผ่นหลังตั้งตรงของเขา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าคำถามของตัวเองอาจจะทิ่มตำใจของอีกฝ่ายไปบ้าง แต่เขาก็ทำเพราะความหวังดี... ไม่สิ เขาก็แค่ทำไปเพื่อตัวเองเท่านั้นแหละ

ชายหนุ่มแค่อยากเตือนบีท ว่าจงอย่าลืม ว่าเพราะอะไรเขาถึงยอมกดตัวลงถึงจุดที่ต่ำที่สุด และเขาได้ตัดสินใจตัดอีกฝ่ายไปแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ห้ามกลับไปอีก

บีทพลิกตัวกลับมาหาแผ่นฟ้า บอกง่ายๆ ว่า “ผมกลับก่อนนะ”       

แผ่นฟ้ามองสบตาอีกฝ่าย มองหาเค้ารางความหวั่นไหว แน่นอนว่าต้องสังเกตเห็นแววตาที่หม่นเศร้ากว่าปกติ แต่เพราะบีทเป็นคนเข้มแข็ง ต่อให้รู้สึกอ่อนไหวเพียงไร ก็ได้แต่เก็บกดไว้แค่ในใจเท่านั้น

“ครับ” แผ่นฟ้าตอบรับสั้นๆ พยายามส่งยิ้มให้กำลังใจแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจมอง

บีทหลุบตาลงแล้วหมุนตัวเดินสวนกับอิฐโดยไม่ยอมมองหน้า

“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” อิฐบอกเสียงเบาราวกระซิบ

“แต่ผมไม่มี” บีทตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ยอมหยุดเท้าที่ก้าวต่อ จนอิฐต้องเป็นฝ่ายเอี้ยวตัวแล้วเกี่ยวข้อมืออีกฝ่ายไว้แทน บีทชะงักเท้าแล้วชักสีหน้าใส่ ดวงตาคมดุจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง พยายามขืนมือออกอย่างเงียบงันทว่าไม่สำเร็จ

แผ่นฟ้าที่มองเห็นสถานการณ์แปลกๆ ตรงหน้าจึงเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน บีทยังคงยืนที่เดิมแสร้งทำเป็นสะบัดข้อมือเล็กน้อย

“ไหนว่าแค่มาเยี่ยมชมเฉยๆ ไง” แผ่นฟ้าทักท้วง

“ตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เพราะได้ข่าวว่าใครบางคนถึงกับย้ายตำแหน่งพนักงานเพราะเรื่องส่วนตัวนี่” อิฐเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เบนสายตาไปหาเจ้าของห้องคนใหม่เป็นเชิงตำหนิ

คนถูกมองได้แต่มุ่ยหน้าตอบ พลางก่นด่าในใจว่าใครเป็นคนไปฟ้องวะ!

“ถ้ามีปัญหาเรื่องนั้นก็คุยกับผมสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับบีทสักหน่อย” แผ่นฟ้าออกรับแทนอย่างลูกผู้ชาย

“แกแน่ใจเหรอว่าไม่เกี่ยว?” อิฐทำเสียงดุ

แผ่นฟ้าแอบกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งเขาก็โกรธแทนบีท อีกส่วนเขาก็อยากเอาใจบีท  ส่วนไหนๆ มันก็เกี่ยวทั้งนั้นแหละ เขาแค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะตำแหน่งของเขาใหญ่พอจะจัดการเรื่องพวกนี้ และตำแหน่งเล็กๆ ที่เขาจัดการก็ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของบริษัทสักหน่อย เขาไปสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงเสียเมื่อไร?

“ได้... ถ้าผมเป็นต้นเหตุแล้วคิดว่าควรจะจัดการผมก็เอาเถอะ มีอะไรก็ว่ามาสิ” บีทรู้สึกรำคาญจึงเอ่ยออกไปแทน

 เขาคบกับอิฐมานานทำไมจะไม่รู้ใจ เรื่องที่แผ่นฟ้าทำที่จริงไม่ได้สำคัญจนถึงขนาดที่อิฐต้องมาออกหน้าเลย ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา อิฐก็คงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้... แต่ที่แกล้งทำเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่ตีวัวกระทบคราด อยากต่อว่าแผ่นฟ้าแล้วกระเทือนมาถึงเขาเท่านั้นเอง...

ใจจริงเขาอยากจะหนี... หนีไปให้ไกล ไม่ต้องมาพบเจอกันอีกคงดี แต่เขาคงลืมไปว่าตราบใดที่ยังทำงานที่นี่ ยังคงคบหากับแผ่นฟ้า ยังคงเข้าออกสถานที่เดิมๆ เขาจะหนีพ้นจากอิฐได้อย่างไร? มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอิฐจะพูดอะไรกันแน่... สายสัมพันธ์สี่ปี พอตัดแล้วมันก็ขาดอย่างไม่เหลือเยื่อไยจริงๆ ใช่ไหม?

“ฟ้า แกออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับบีทตามลำพัง”

“อะไร? ทำไมผมต้องออกไปด้วย” ชายหนุ่มโวยวายเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่าอิฐจะอยากง้อขอคืนดี หรืออยากจะต่อว่าบีท ตอนนี้เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ!

“คุณไปเถอะ ถ้ายังอยู่ เขาคงไม่พูดเสียที มันเสียเวลานะ” บีทหันไปบอกแผ่นฟ้าทำให้เขาเบ้ปาก อดนึกเจ็บแปลบในใจไม่ได้ คนเคยคบกันมาทั้งหลายปี ไม่พูดอะไรก็รู้ใจไปหมด ใช่สิ เขามันคนอื่นอยู่แล้วนี่...

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเป็นฝ่ายไล่ตัวเองออกจากห้องไปแต่โดยดี

เมื่อแผ่นฟ้าออกจากห้องไปแล้ว บีทขยับตัวเดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังนั่งไขว่ห้างราวกับเจ้าของห้อง เขาเชิดหน้ามองอิฐด้วยสายตาท้าทาย

ทว่าอิฐไม่ได้ถือสา สมัยก่อนบีทก็เป็นแบบนี้ เมื่อเขายอมรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น บีทก็ไม่เกรงอกเกรงใจต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นของคนรัก เขาอยากมาตอนไหนเขาก็มา อยากนั่งตรงไหนเขาก็นั่ง อยากให้อิฐทำอะไรเขาก็ออกคำสั่งและออดอ้อน บีทเป็นคนเอาแต่ใจแต่อิฐก็ไม่รำคาญ เพราะตัวเขาเองเป็นคนอ่อนข้อและตามใจอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่แรก

ถ้าเขารู้ว่าบีทจะมีความสุข ทำไมเขาจะไม่ดีใจ แต่เพราะเขาไม่มั่นใจต่างหากล่ะ เขาถึงปล่อยให้เรื่องราวมันเดินต่อไปแบบนี้ไม่ได้

อิฐหมุนเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่งหันหน้าไปทางบีท

“ผมขอแนะนำให้คุณเลิกกับไอ้ฟ้าซะ” อิฐเริ่มต้นประโยคนั้นด้วยเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์

บีทแหงนคอมองหน้าเขา เลิกคิ้วน้อยๆ

หึงเหรอ? หรือแต่หวงก้าง ยังแค้นเขาอยู่เรื่องเด็กนั่น หรือแค่ว่างจัดไม่มีอะไรทำ ทำไมตอนนี้ถึงเดาใจอีกฝ่ายไม่ออกนะ

“อืม... ถ้าเป็นคำแนะนำ แปลว่าผมจะทำหรือเปล่าก็ได้ใช่ไหม?” บีทตอบกลับไป แววตาท้าทายยังคงอยู่

“บีท... เรื่องของเรามันควรจบได้แล้วไม่ใช่เหรอ? จนถึงขนาดนี้แล้วทำไมคุณยังไม่ปล่อยวางอีก”

“คุณหลงตัวเองมากไปละ บอกให้รู้ไว้ ผู้ชายที่อุ้มท้องได้ ผมไม่ถือว่าเป็นผู้ชายแล้ว ก็เลยไม่อยากได้คืนมาแล้วก็ไม่อยากเสียเวลามาแก้แค้นอะไรด้วย” บีทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน แน่นอนว่าตอนแรกเขาช็อกจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ยอมทำทุกวิถีทางที่จะตัดอีกฝ่ายออกไป และถึงตอนนี้ก็ปลงได้แล้วจริงๆ

“ถ้าอย่างงั้น คุณจะคบกับไอ้ฟ้าทำไม?”

คบ? พวกเขาก็แค่แลกเปลี่ยนความต้องการซึ่งกันและกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย... แต่เรื่องนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอยู่ดี “นั่นมันเป็นเรื่องของผม...”

“คุณรักมันจริงๆ ?”

“ไม่รู้สิ อาจจะแค่เซ็กซ์ก็ได้...”

“ถ้าแค่นั้นจริงๆ จะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“เฮอะ ตลกดีนะ เมื่อก่อนยังคอยปลอบใจ บอกว่าจะปกป้องผมอยู่เลย เดี๋ยวนี้... สัญชาตญาณความเป็นแม่มันคุกรุ่นหรือไง ถึงได้ทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่มาคอยกีดกันผมเสียเอง ทำไม... คุณกลัวผมทำให้น้องชายคุณแปดเปื้อนงั้นเหรอ? จะโทษผมที่ทำให้เขาหันมาชอบผู้ชาย หรือโทษผมที่ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารลำเอียงล่ะ?”

“ไม่ทั้งนั้น... ผมแค่ไม่อยากให้คุณเสียใจซ้ำซาก ต่อให้คุณไม่คิดแก้แค้น แต่ถ้าถูกใช้เป็นเครื่องมือล่ะ ถ้าเกิดว่าไอ้ฟ้ามันไม่ได้รักคุณจริง แล้วหักหลังคุณล่ะ?”

“คงไม่มีใครหักหลังผมได้เจ็บมากเท่าคุณแล้วละ” 

“นี่ผมเตือนคุณดีๆ นะ”

“ผมไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของคุณ!!”

“ถ้าอย่างนั้น... ถ้าผมทำอะไรไม่ดีลงไป ก็ว่ากันไม่ได้นะ”

อิฐจากไปแล้ว ปล่อยให้บีทนั่งกำมือแน่นที่เดิม ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่โกหกสักคำ เขาก็คงเป็นห่วงไม่อยากให้บีทเสียใจจึงเอ่ยเตือน แต่ถ้าตัดความหวังดีออกไป สิ่งที่สัมผัสได้ก็คืออิฐแค่กลัว... กลัวว่าบีทจะยังไม่เลิกรา กลัวว่าบีทยังคงมีความคิดจะขัดขวางความรักของพวกเขา

ชายหนุ่มแค่นยิ้ม เขาควรชื่นชมไหมล่ะที่อดีตคนรักช่างรอบคอบ หรือควรปวดใจดีที่ถูกข่มขู่อย่างนั้น ถ้าหากบีทยังคิดร้ายกับพวกเขาอยู่ อิฐคงไม่ยกโทษให้อีกแล้ว ส่วนจะจัดการยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง...

เออหนอ... จากคนที่รักกันมาก กลายเป็นแค้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร เรื่องราวมันยืดยาวจนเขาขี้เกียจนึกย้อน จิตใจมืดมัวหม่นหมองจนหมดแรงแม้แต่จะลุกขึ้น...

เขาเหนื่อย เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว...

“พี่อิฐพูดอะไรกับคุณ” บีทนั่งซึมกระทือไม่นาน แผ่นฟ้าที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องทำงานก็เปิดประตูเข้ามา แล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน

บีทเหลือบตามองอีกฝ่ายเนือยๆ  สิ่งที่อิฐกังวล เขาก็เคยกังวล แผ่นฟ้าอาจจะมีแผนการที่เขาคาดไม่ถึงก็ได้ แต่เขาก็ยอมมองข้ามไป เพราะหัวใจที่เจ็บร้าวมากจนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านั้นอีกแล้ว คนที่ถูกคนที่รักที่สุดทรยศได้ จะถูกใครสักคนบนโลกหักหลังมันก็ชินชาไปแล้ว... เขาเลยไม่กลัว

แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว หมดแรงจะต่อสู้ฟาดฟัน ถ้าเขาต้องการแค่เสพสังวาสชั่วครั้งชั่วคราว เสาะหาจากคนอื่นเอาก็ได้ ทำไมเขายังต้องวนเวียนอยู่กับคนในแวดวงเดิมๆ ที่เชื่อถือไม่ได้ด้วยล่ะ? ต่อให้เขาทนต่อไปเพื่อประชดประชัน นอกจากความสะใจเล็กๆ น้อยๆ เขายังได้อะไรอีก นอกจากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง สุดท้ายแล้วตัวเขาเองที่มีบาดแผลจนเต็มตัว แต่คนอื่นได้ประโยชน์ไปฝ่ายเดียว...

บางทีเขาควรจะไปอย่างที่อิฐแนะนำจริงๆ ก็ได้...

“เขาบอกให้ผมไปจากคุณซะ” บีทตอบออกไปตรงๆ ทำไมเขาต้องเก็บเรื่องราวน่าอึดอัดใจไว้กับตัวเองคนเดียวล่ะ

“คุณคงไม่เชื่อเขาหรอกใช่ไหม?” แผ่นฟ้าแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ

“ผมว่าเป็นความคิดที่ดีอยู่เหมือนกัน” บีทตอบเสียงเนือยๆ

“โธ่เอ๊ย!” แผ่นฟ้าสบถทีหนึ่งแล้วหมุนตัวออกไปนอกห้อง เขาเดินเกือบวิ่งจนมาถึงร่างอิฐที่ยืนรอลิฟต์

“พี่อิฐ!!” เจ้าของชื่อหันมามอง ก็ถูกหมัดลุ่นๆ เสยกรามไปทีอย่างหนักหน่วง

แผ่นฟ้ากำลังโมโห... เขาพยายามแค่ไหนเพื่อเอาใจให้อีกฝ่ายใจอ่อน หวังว่าไม่นานบีทคงจะลืมอิฐ หวังว่าสักวันจะเปิดใจให้เขาเข้าไป เมื่อกี้เขาเกือบจะสารภาพความรู้สึกออกไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อิฐกลับมาทำลายทุกอย่างทิ้งในชั่วพริบตา มีหรือเขาจะทนไหว

ส่วนอิฐที่โดนต่อยเพราะไม่ทันตั้งตัวก็ออกแรงเอาคืนบ้างจนมุมปากเจ้าอันธพาลเขียวช้ำ แต่เพราะเขาเพิ่งออกจากคลินิกไม่นาน บาดแผลยังไม่ประสานดี ความเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อน สองคนยื้อยุดกันไปมา ต่างคนต่างกระชากคอเสื้อกัน

“บ้าไปแล้วหรือไงไอ้ฟ้า!!”

“พี่ต่างหากที่บ้า ไอ้หมาหวงก้าง ตัวเองไม่เอาแล้วจะหวงไว้ทำซากอะไรล่ะ”

อิฐกระชากตัวออกมาพลางขยับปกเสื้อให้เรียบร้อย ถลึงตาใส่แผ่นฟ้าที่บังอาจใช้ความรุนแรงในสถานที่แบบนี้ โชคดีที่เป็นชั้นที่มีแต่ผู้บริหาร จึงไม่มีผู้คนพลุกพล่านหรือใครเดินผ่านมาเจอเข้า

“ฉันน่ะเหรอหวงก้าง? ฉันแค่ไม่อยากให้แกรั้งเขาไว้เพื่อใช้ต่อรองต่างหาก”

“ต่อรอง... ต่อรองกับอะไร?” แผ่นฟ้าทำหน้าฉงน ส่วนอิฐก็ขมวดคิ้วจับจ้องลูกพี่ลูกน้องเขม็ง

เดิมทีเขาคำนวณไว้ว่าอาจจะตั้งท้องทันทีที่ควานหาตัวแม็กม่าพบ ถึงตอนนั้นคงต้องวางมือจากที่นี่อย่างน้อยก็หนึ่งปีขึ้นไป ถึงอย่างไรก็ต้องส่งมอบภาระหนักอึ้งนี้ให้แผ่นฟ้ารับช่วงต่อ แต่แผ่นฟ้าเป็นคนเหลาะแหละ ถึงบางครั้งจะเหมือนมีความพยายามเพื่อเอาชนะเขาบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะดูแลบริษัทนี้ไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า เขาถึงได้เสนอเงื่อนไขให้ทำกำไรให้ได้ตามเป้า เพื่อกดดันให้แผ่นฟ้าจริงจังกับงานมากขึ้น

ความเป็นจริง ต่อให้ฝ่ายนั้นจะทำกำไรเพิ่มไม่ได้แม้แต่นิดเดียวขอแค่ไม่ทำให้ขาดทุนย่อยยับ เขาก็ต้องวางมืออยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เขาอยากให้น้องชายพยายามให้ถึงที่สุดก่อน

แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด... ทั้งที่เพิ่งเปลี่ยนตัวประธานคนใหม่ได้ไม่กี่เดือนแต่ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้เลวร้ายอะไร อิฐที่เคยกังวลใจค่อนข้างโล่งอก

ครั้นรู้ข่าวว่า บีทกับแผ่นฟ้ายังคงติดต่อกันและคล้ายจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเขาก็ระแวงขึ้นมา เพราะมีเหตุผลสามอย่างที่เป็นไปได้ คือหนึ่งทั้งสองรักกันจริง ซึ่งคิดยังไงก็เป็นไปได้น้อยมาก  สอง บีทยังคงอยากแก้แค้น  เขาอยากใช้แผ่นฟ้าเป็นตัวเชื่อมต่อ เพื่อหาโอกาสแก้แค้นเขาในวันข้างหน้า สาม แผ่นฟ้าเป็นคนเหนี่ยวรั้งบีทไว้เพื่อใช้ประโยชน์บางอย่าง เป็นต้นว่าเพื่อต่อรองถ้าหากเขาทำกำไรไม่ได้ตามเป้า...

อิฐพยายามหลอกถามคนทั้งคู่ตามสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐาน ทว่าทั้งสองคนกลับทำเหมือนว่าเขาคิดอะไรเพ้อเจ้อ... ดังนั้นคำถามจึงย้อนกลับไปที่ข้อแรก...

“จะบอกว่าแกรักบีทจริงๆ งั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“นั่นมันเรื่องของผม” แผ่นฟ้าเม้มปากพยายามเสหลบตา เรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกบีทเลย ทำไมต้องมาบอกคนอื่นก่อนด้วยล่ะ?

“ถ้าไม่แน่ใจก็หยุดเถอะ ปล่อยเขาเดินไปตามทาง ไม่นานก็คงลืมได้เอง อย่าเหนี่ยวรั้งไว้กับเรื่องเดิม บรรยากาศเดิมๆ เพื่อรอวันจะต้องเจ็บแบบเดิมเลย”  อิฐพยายามรวบรวมคำพูดเพื่อเตือนสติน้องชายอีกครั้ง ต่อให้ความรู้สึกที่มีให้บีทไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ใช้เวลาร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาตั้งสี่ปี จะเป็นห่วงเป็นใยบ้างก็ไม่แปลก

 “ไม่เหมือน อย่างน้อยผมก็ไม่นอกใจเขาเหมือนอย่างพี่แล้วกัน!” แผ่นฟ้าตอกกลับ

“หึ... แค่นั้นมันไม่พอหรอก แกชอบผู้หญิงมาตลอด จะทนรับสายตาคนรอบข้างได้เหรอ? แกจะปกป้องบีทจากแรงกดดันได้เหรอ? ฉันที่เคยพยายามจะทำ ยังทำไม่ได้...”

“พี่ทำไม่ได้แล้วไง? ผมนี่แหละจะทำให้ได้ ผมจะปกป้องเขาเอง” แผ่นฟ้ายืนยันอย่างหนักแน่น ทำให้คนฟังตะลึงงันไป

 “ดี เอางี้แล้วกัน ถ้าแกทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ 5 เปอร์เซ็นต์จริง นอกจากบริษัทที่ฉันจะวางมือแล้ว ก็จะวางมือเรื่องบีทด้วยดีไหม? แต่ถ้าไม่สำเร็จ แกก็ต้องเลิกยุ่งกับบีทซะ”

แผ่นฟ้าคิดไม่ถึงเลยว่าอิฐจะโหดร้ายถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับเขาด้วย แค่บริษัทที่อาจจะเปลี่ยนมือกลับไปน่ะเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่พอเอาเรื่องบีทมาเดิมพันด้วย สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที 

“เรื่องบริษัทจะเป็นไงก็ช่าง แต่เรื่องบีท... ผมไม่เดิมพันด้วยหรอก”

คำตอบของแผ่นฟ้าทำให้อิฐค่อนข้างแปลกใจ แต่วินาทีต่อมารอยยิ้มก็พลันอบอุ่นขึ้นมา

“อืม... เห็นแก่ความมุ่งมั่น ฉันจะวางมือเรื่องของแกกับบีทไปก่อน เอาไว้ผลประกอบการไตรมาสหน้าออกฉันจะมาอีกที”

“ตามสบาย... ตอนนี้ก็เชิญกลับไปได้ละ” เขาไล่ตรงๆ

ญาติผู้พี่เขม้นมองเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หมุนตัวหันไปกดลิฟต์ แล้วก็บังเอิญสังเกตเห็นคนที่ยืนเงียบอยู่พักใหญ่แล้ว  อิฐไม่รู้จะปั้นสีหน้าอย่างไรดี จึงหลุบตาต่ำ มือก็กดปุ่มเรียกลิฟต์

เพราะแผ่นฟ้ามัวแต่ทะเลาะกับอิฐอยู่เลยไม่ได้สนใจสิ่งอื่น จึงเพิ่งเห็นบีทเอาตอนนี้ นึกสงสัยว่าบีทเดินมาตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ ถึงแม้บีทอยู่ค่อนข้างห่าง แต่เพราะกำลังโมโหทั้งเขาและอิฐไม่ได้ลดเสียงให้เบาลง ดังนั้นในระยะแค่นี้คงได้ยินอย่างชัดเจน

เหอะ! ได้ยินแล้วยังไงล่ะ เขาบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรปิดบังสักหน่อย

บีทเดินมาหาเขาแล้ว จริงอยู่เขาไม่มีอะไรปิดบัง แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือการตัดสินใจของบีทตอนที่อยู่ในห้อง แค่อิฐบอกให้เขาไป บีทก็จะไปจริงๆ หรือ แผ่นฟ้ารู้สึกใจคอไม่ดีเลย

ลิฟต์มาถึงแล้ว... อิฐปลีกตัวจากพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แผ่นฟ้าขบคิดหัวแทบแตกว่าจะขอร้องวิงวอนคนตรงหน้าอย่างไรดี ว่าอย่าไปฟังอิฐ... อย่าไปจากเขา

ไม่นึกว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปาก บีทที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ยกมือขึ้นเกลี่ยมุมปากเขาเบาๆ แล้วถามอย่างอาทร “เจ็บไหม?”

อันที่จริงมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่สำหรับผู้ชายดื้อๆ อย่างเขาสมัยก่อนก็มีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ถ้าหากเป็นผู้หญิงสักคนถามเขา เขาอาจจะแกล้งสำออยไปว่าเขาเจ็บมากเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาก็กลัวว่าบีทจะคิดว่าเขาอ่อนแอ พึ่งพาไม่ได้...

“นิดหน่อย” เขาตอบสั้นๆ

“ผมบอกคุณแล้วว่ามันไม่คุ้ม ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” บีทเอ่ยเตือนเหมือนผู้ใหญ่เตือนเด็ก

“คุ้มหรือเปล่า มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้” แผ่นฟ้ายังคงย้ำคำเดิม

“เพราะผมใช้ต่อรองกับอิฐได้งั้นเหรอ?” ตัวเขาเองนึกไม่ออกหรอกว่าอิฐหมายถึงอะไร แต่พอหาเหตุผลที่อีกฝ่ายจะพยายามยื้อเขาไว้สุดแรงแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ในความสงสัยเขาก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบที่ไม่แย่เกินไปนัก

“นี่คุณ อย่าไปเชื่อที่พี่อิฐเป่าหูง่ายๆ สิ ต่อรองอะไรกันเล่า เหลวไหลชัดๆ”

“ถ้าผมไม่มีประโยชน์อะไรจริง งั้นคุณจะเสียดายไปทำไม  ก็แค่คู่ขาชั่วคราวไม่ต้องทุ่มทุนมากขนาดนี้ก็ได้นี่” บีทยังคงไล่ต้อนหาเหตุผลไม่เลิกรา สายตาจับจ้องมองเขาเขม็งเหมือนจะบอกว่าอย่าโกหก...

แผ่นฟ้าอดน้อยใจอยู่นิดๆ ไม่ได้ที่บีทไม่เชื่อใจเขา ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งพี่ชายพูดขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสำหรับอิฐแล้ว บีทยังคงเสี้ยนหนามตำใจเขาอยู่เสมอ เพราะถ้าหากยังอยู่ใกล้ๆ แล้วตามป่วนไม่เลิก ต่อให้แม็กม่ากลับมาจริงเขาก็อาจจะหนีไปอีกรอบก็ได้

ดังนั้นอิฐจึงสงสัยว่าแผ่นฟ้าที่ยังไม่แน่ใจว่าจะชนะเดิมพันหรือเปล่าอาจจะเก็บบีทไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายใช้ต่อรอง ขอแค่ไม่มีแผ่นฟ้าคอยส่งข่าว ไม่มีเขาเป็นตัวเชื่อม บีทก็คงจนปัญญาจะเข้ามาวุ่นวายชีวิตรักของอิฐอีก แลกกับตำแหน่งเล็กๆ น้อย มันก็คุ้ม จะว่าไปแล้วก็เป็นข้อต่อรองที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่แผ่นฟ้าน่ะหรือจะกล้าเสี่ยง เขาไม่อยากทำให้บีทหวาดระแวงคนรอบตัวไปมากกว่านี้

เขาเหลือบตามองบีทที่ยังไม่ละสายตาไปเหมือนจะคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ ถ้าเขาปิดบังต่อไปบีทคงยิ่งไม่เชื่อใจเขากว่าเดิม คงมีแต่ต้องพูดไปตามตรงเท่านั้น

“ในสายตาพี่อิฐ ผมอาจจะใช้คุณต่อรองได้จริงๆ แต่... ผมก็ไม่มีวันทำหรอก”

บีทยืนฟังเงียบๆ พลางเหยียดริมฝีปากคล้ายหยัน คิดว่าเขาจะเชื่อหรือไง?

ไม่มีวันใช้? ก็แค่คำแก้ตัวเท่านั้น ก็แค่ทำให้เขาตายใจรอถึงวันที่ “จำเป็นต้องใช้” ต่างหาก

“อืม... ผมเข้าใจละ” เขาตอบสั้นๆ พลิกกายเดินไปกดลิฟต์ที่ตอนนี้คงส่งอิฐลงไปถึงชั้นล่างแล้ว

                บีทยืนนิ่ง แววตาไหวสั่น แต่ก็ยังบอกตัวเองว่าเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก เขาเข้มแข็งพอ ต่อให้ถูกหักหลังอีกกี่ครั้งเขาก็ยังทนได้... ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แต่ละครั้งก็ยิ่งด้านชา เขาคิดว่าตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่แล้วก็ยังเจ็บปวด

                ที่ผ่านมาเขาหลงคิดว่าแผ่นฟ้าจริงใจอยากช่วยเขาจริงๆ แต่ว่า...

                ที่ผ่านมา ทุกอย่างเลยใช่ไหม เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องเสแสร้งเก่งขนาดไหนถึงแกล้งทำดีกับเขาได้ตั้งนานขนาดนี้!

“บีท.. คุณต้องเชื่อผมนะ ว่าผมจริงใจกับคุณจริงๆ เรื่องนั้นมันก็แค่สิ่งที่พี่อิฐคิดไปคนเดียว ผมไม่มีทางใช้คุณมาต่อรองอะไรกับเขาทั้งนั้นแหละ” แผ่นฟ้าพูดต่อระหว่างที่บีทหันหลังให้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนมองว่าลิฟต์อยู่ชั้นไหนแล้ว พร้อมกันนั้นก็พยายามกลืนบางอย่างลงคอไป 

                เขายังจะเชื่อไปอีกทำไม? จะพี่ชายหรือน้องชาย สุดท้ายก็หักหลังเขาอยู่ดี

                ติ๊ง... ลิฟต์มาซะที เขาจะได้ไม่ต้องทนฟังคำแก้ตัวพวกนั้นอีก

             บีทก้าวเท้าเข้าไปข้างในแล้วกดปิดประตูทันที แผ่นฟ้ายืนอยู่หน้าลิฟต์มองตามอย่างอาวรณ์ เขาไม่ได้ตามเข้าไปเพราะรู้แก่ใจดีกว่าต่อให้พูดอะไร บีทก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดี


++++++++++


​ห่างหายไปนาน แต่ตอนนี้แต่งจบแล้ว จะทยอยลงให้นะคะ ♥
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-03-2018 15:34:55
สงสารบีทตั้งแต่ภาคแรกจนถึงตอนนี้ และเกลียดอิฐเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-03-2018 07:34:01
..

ถ้านางไม่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง. นางคงช้ำใจตายไปละ

หลังตรงไว้นะนู๋บีท นางพญาก้อคือนางพญา

...

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

.
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 24-03-2018 10:13:18
 o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-03-2018 13:01:06
โอยยยย เราสงสารบีทอ่ะ หน่วงละเกินนน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 14 [23/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 25-03-2018 22:05:13
-15-

บีทไม่ลืมจะแวะไปเอาเอกสารที่ต้องการก่อนกลับ ใบหน้าบึ้งตึงของเขาทำให้บัวหุบยิ้มกะทันหัน ทำได้เพียงส่งเอกสารที่พิมพ์ออกมาเรียบร้อยแล้วให้บีทอย่างฉงนทว่าไม่กล้าเอ่ยถามออกไป แต่ต่อให้กล้าถามก็คงไม่ทัน เพราะเมื่อได้ของที่ต้องการ บีทก็เอ่ยขอบใจด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ก่อนจะสาวเท้าเดินออกมาทันที

เมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้วเปิดแอร์เพื่อลดอุณหภูมิอารมณ์ บีทเอาเอกสารที่ได้มาตรวจดูว่าครบถ้วนดีหรือไม่

ในช่วงเวลาที่อารมณ์คุกรุ่นพลุ่งพล่านแบบนี้ถ้าได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ บ้างก็คงดี ทว่าตารางงานที่มีก็ไม่เป็นใจ

เขาหยุดงานสามวันก่อนสิ้นเดือน ตามปกติควรจะมีทริปต่อไป ไม่วันที่หนึ่งหรือสองของเดือนหน้า แต่เพราะความเจ้ากี้เจ้าการของใครบางคนทำให้เขาได้ทำงานอีกทีก็วันที่สาม เท่ากับว่าต้องหยุดอีกตั้งสี่วัน!

เขาหายใจฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์  เคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถอยู่ครึ่งนาทีจึงตัดสินใจได้ รถเก๋งคันสวยเคลื่อนตัวออกจากที่จอดตรงกลับคอนโด

ตกบ่าย... แผ่นฟ้าโทรไปที่บ้านตัวเอง พอทราบว่าบีทไม่ได้กลับไป ใจก็ร้อนเหมือนไฟสุม พยายามโทรหาเท่าไรบีทก็ไม่ยอมรับสาย แผ่นฟ้าจะไปไหนก็ไม่ได้เพราะติดประชุม ชายหนุ่มถอนใจทั้งวันจนอายุสั้นลงไปหลายปีในวันเดียว หิวก็หิว แต่กลับกินอะไรไม่ลง ได้แต่ปั้นหน้าโศกรอคอยให้เวลาผ่านไป

หลังจากปิดประชุมลงได้ในที่สุด แผ่นฟ้าสั่งงานเลขาสองสามคำก่อนจะเผ่นผลุงออกไปอย่างหมดความอดทน  เมื่อที่บ้านบอกว่าบีทไม่ได้กลับไป เขาจึงตัดสินใจลองแวะไปหาที่คอนโด พนักงานยอมบอกเขาว่าบีทกลับมา แต่ไม่สามารถพาเขาขึ้นไปพบได้

แผ่นฟ้าจึงได้แต่นั่งลงยังโซฟารับรองชั้นล่างสุด เมื่อโทรไปแล้วอีกฝ่ายไม่รับสายเขาก็ทู่ซี้ส่งข้อความไลน์ไปไม่ยอมหยุด

ผมรออยู่ข้างล่าง...

จะรอจนกว่าคุณจะมา

ผมอยากเจอคุณ

ผมอยากคุยกับคุณ บีท...

กลับไปด้วยกันเถอะนะ

เสียงข้อความจากไลน์ดังติดๆ กันอยู่หลายทีจนบีทรำคาญ เขาหยิบมือถือมาอ่านข้อความที่ระรัวเข้ามาไม่ขาดสายอย่างเอือมระอา ในที่สุดก็จัดการปิดการทำงานของทุกแอปพลิเคชันจะได้ไม่มีเสียงอะไรรบกวนอีก ชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าหลับไปทั้งอย่างนั้น...

บีทตื่นขึ้นมาอีกครั้งช่วงสองทุ่มกว่า ท้องร้องครวญครางไม่หยุดหย่อน เขาไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาอีก ปล่อยทิ้งไว้ที่เดิม คว้าแค่กระเป๋าเงินกับพวงกุญแจก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แต่ใครจะนึกเล่าว่ามีใครบางคนหน้าด้านหน้าทนรออยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง

บีทชะงักเท้ากึกเมื่อแผ่นฟ้าที่นั่งรากงอกรอเขามานานเด้งตัวลุกขึ้นแล้วเดินมาขวางไว้ พลางส่งสายตาออดอ้อนเหมือนสุนัขน่าสงสาร

“บีท... ในที่สุดคุณก็ยอมลงมา...” แผ่นฟ้าเอ่ย สีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนว่าเขาทำเรื่องน่าซาบซึ้งกินใจจนน้ำตาจะร่วง!

คงคิดละมังว่าในที่สุดเขาก็ยอมใจอ่อนลงมาพบเขา... แต่ขอโทษเถอะ บีทแค่หิวเลยลงมาหาอะไรกิน ไม่ได้อยากจะลงมาเจอเขาเลยสักนิด!

“หลีกไป ผมจะไปกินข้าว” บีทตอบออกมาตรงๆ อีกฝ่ายจะได้ไม่เข้าใจผิด

“ดีสิ ผมจะได้ไปด้วย หิวมากเลยตอนนี้” แผ่นฟ้าเออออห่อหมก หลีกทางให้บีทเดินนำ ทว่าบีทยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงหันไปมองเขาแล้วบอกว่า “หิวก็ไปกินคนเดียว... ไม่ต้องมากับผม”

ว่าแล้วบีทก็เดินลิ่วออกไปโดยไม่รอ ซึ่งแผ่นฟ้าก็ไม่ได้เอ่ยคำทักท้วงใด เขาแค่เดินตามไปเงียบๆ รอจนบีทกดสวิตช์เปิดประตูรถ ขาก็รีบจ้ำไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่งอย่างว่องไว บีทชะงักเท้ากึก ไม่คิดเลยว่าแผ่นฟ้าจะดื้อด้านขนาดนี้ เขายืนโมโหอึดใจหนึ่งพลางคิดว่าควรจะเดินออกไปหาอะไรกินใกล้ๆ หรือไม่ก็ไม่กินข้าวเลยดี แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ดูจะสร้างความลำบากให้ตัวเองทั้งสิ้น... เขาจำต้องทำร้ายตัวเองขนาดนั้นเลยหรือ?

บีทถอนใจเฮือกหนึ่งตรงไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะออกรถไปเงียบๆ และพอได้ยินเสียงอีกฝ่ายสูดลมหายใจเหมือนจะพูดเขาก็รีบดักคอว่า “ถ้าคุณทำเสียงดังผมจะจอดรถแล้วไล่คุณลง”

เท่านั้นแหละ เสียงสูดลมหายใจเข้าก็ตามมาด้วยเสียงลมหายใจออกยาวยืด...

บีทพาแผ่นฟ้ามายังร้านก๊วยเตี๋ยวเรือที่ตัวเองชอบ ส่วนอีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ชอบเขาไม่ได้ใส่ใจ พอนั่งลงได้ก็โบกมือสั่งของที่อยากกินมาสองชามเพื่อความต่อเนื่อง  แผ่นฟ้าเดินตามมานั่งลงตรงข้าม เหลือบตามองบีทที่ไม่ยอมหันมาทางเขาด้วยสายตาขอความเห็นใจ

“บีท...” แผ่นฟ้าส่งเสียงเรียกแผ่วๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่ายังไม่จะพูดอะไรบีทก็กระแอมในลำคอทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ

“ถ้าทำเสียงดังผมจะลุกไปนั่งที่อื่น” 

แผ่นฟ้าหุบปากฉับแล้วเปลี่ยนไปสั่งอาหารมากินแทน

พอทั้งคู่อิ่มแล้วก็พากันกลับมาที่คอนโดโดยที่ยังคงมีแต่ความเงียบ บีทไม่อยากฟัง แผ่นฟ้าก็ไม่กล้าพูด เขาแค่อยู่เงียบๆ ระหว่างที่อีกฝ่ายขับรถไปกลับ และลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท

“กลับไปซะ ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” บีทเดินอ้อมรถมายังแผ่นฟ้าแล้วบอกเรียบๆ

“ถ้าคุณไม่กลับไปด้วย ผมก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน”

บีทจ้องหน้าเขานิ่งไปอึดใจหนึ่ง มุมปากยกขึ้นคล้ายหยัน

                “งั้นก็ตามใจ”

                บีทเดินเข้าคอนโดไปโดยที่มีแผ่นฟ้าเดินตาม ทว่าเมื่อชายหนุ่มใช้คีย์การ์ดเพื่อใช้ลิฟต์ แผ่นฟ้าก็ไม่ได้ดึงดันจะตามขึ้นไป เขายืนมองประตูลิฟต์ปิดลงปิดบังใบหน้าเฉยชาของบีท

                แผ่นฟ้าถอยหลังกลับ หันไปมองโซฟารับแขกตัวยาวที่หรูหราและอุ่นนุ่มแล้วก็คิดว่าโชคยังดีที่ไม่ต้องยืนรอทั้งคืน เขานั่งลงที่โซฟาพลางทอดถอนใจออกมา  ถึงจะลำบากแต่ก็คงต้องทน ถ้าคำพูดไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ ก็คงมีแต่การกระทำเท่านั้นแหละถึงจะแสดงความจริงใจให้เห็น

                บีทขึ้นมาถึงห้องก็เปิดสมาร์ตทีวี หาอะไรดูเพลินๆ จะได้เลิกหงุดหงิดงุ่นง่าน ในที่สุดก็เจอภาพยนตร์ที่ไม่เคยดูเรื่องหนึ่ง หลับหูหลับตาทนดูอย่างไร้อารมณ์  ดูไปไม่เท่าไรเขาก็ง่วงจนหลับไปทั้งๆ ที่มือยังกำรีโมตอยู่

                กริ๊ง.... กริ๊ง....

                ในระหว่างที่บีทดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องก็พลันดังลั่นขึ้นมาปลุก ชายหนุ่มสะดุ้งหันขวับไปมองตามเสียงอย่างหงุดหงิด เขายกข้อมือดูนาฬิกาแล้วพบว่าปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว ใครกันที่บังอาจโทรมารบกวนดึกดื่นขนาดนี้!

                บีทยกหูโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียวกะว่าถ้าเจอพวกโรคจิตโทรมาก่อกวนจะด่าให้หูดับ

                “ฮัลโหล!!” เขากรอกเสียงลงไปอย่างใส่อารมณ์

                “อะเอ่อ... คุณบีทคะ เกตุเองนะคะ” ดูท่าคนที่โทรมาจะรู้สึกผิด และเกรงใจเขาเหมือนกันถึงได้ทำน้ำเสียงแบบนั้น

                “ครับ มีอะไรเหรอ?” บีทที่รับรู้ว่าพนักงานที่ฟรอนต์โทรมาก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ลดระดับกว่าเดิมเล็กน้อย พอไม่ให้อีกฝ่ายกลัวจนหัวหด

                “เอ่อ... คือคุณผู้ชายที่มากับคุณบีทเมื่อหัวค่ำน่ะค่ะ ตอนนี้เขายังไม่กลับเลย”

                อะไรนะ  ผู้ชายคนนั้นยังไม่กลับไปอีก?

                “คือเกตเห็นเขานั่งรอที่โซฟาอยู่นานจนหลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ควรทิ้งไว้แบบนี้ หรือควรเรียกยามมาไล่?” คำถามนั้นค่อนข้างลังเล คงเพราะโซฟาตรงนั้นมีไว้รับรองแขก แต่ไม่ได้มีไว้ให้ใครมานอนหลับ นอกจากจะดูไม่เป็นระเบียบ ยังทำให้คอนโดดูไม่ปลอดภัยด้วย ครั้นจะเรียกให้ยามมาไล่ก็คงเกรงใจเขา เธอจึงโทรมาถาม

                บีทนิ่งไปอึดใจ อันที่จริงเขาไม่คิดว่าการถูกยามไล่จะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไรนัก คนที่หน้าด้านหน้าทนจะได้ยอมกลับไปเสียที ทว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว กว่าจะถึงบ้านก็คงเกือบๆ ชั่วโมง กลัวว่ายังไม่ทันถึงบ้านแผ่นฟ้าจะวูบหลับไปเสียก่อน... อีกอย่าง ตัวเขาเองไปอาศัยอยู่บ้านฝ่ายนั้นเป็นเดือนๆ แผ่นฟ้ายังไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าแค่แบ่งห้องให้อีกฝ่ายนอนสักคืนยังหวงก็เหมือนจะใจแคบไปหน่อย...

                “อย่าเพิ่ง... เดี๋ยวผมลงไป”

                ไม่นานจากนั้นบีทก็เดินไปยืนข้างๆ แผ่นฟ้าที่นั่งเท้าศอกกับแขนโซฟาใช้ส้นมือรองรับแก้ม เป็นการนั่งหลับที่ยังคงมีมาดอยู่บ้าง ไม่ได้หมดสภาพอะไรนัก

                บีทยืนมองเขานิ่งๆ อยู่ไม่นาน หัวแผ่นฟ้าค่อยๆ เอนเอียงคล้ายสัปหงกจนเกือบตกจากฝ่ามือ จากนั้นก็สะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นใครบางคนยืนใกล้ๆ ชายหนุ่มก็แหงนเงยขึ้นไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็สบตากับบีทที่จ้องกลับมาเช่นกัน

                “บีท...” หางเสียงลากยาว แววตาฉายแววฉงน

                “คุณมันน่ารำคาญกว่าพี่ชายคุณซะอีก” คำทักทายค่อนข้างประหลาดทว่าคนฟังกลับหัวเราะ

                “ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมนะ” แผ่นฟ้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา

                บีทกลอกตาอย่างระอา พลางหมุนตัวหันหลังกลับ แผ่นฟ้ามองฝ่ายนั้นงงๆ ที่มาพูดแค่นี้แล้วก็ไป ได้แต่เหลียวไปมองทว่าไม่ได้ขยับตัวลุกขึ้น บีทเดินไปได้สองสามก้าวรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามมาก็หันกลับมามองแผ่นฟ้าที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างหงุดหงิด

                “ตามมาสิ จะอยู่ให้ยามมาไล่หรือไง” บีทบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว แผ่นฟ้าจึงรีบลุกขึ้นเดินตามไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ

                แผ่นฟ้าตามบีทเข้าไปในลิฟต์ว่างโล่ง พลางนึกดีใจว่าบีทคงหายโกรธเขาแล้ว

                “ผมดีใจ ในที่สุดคุณก็เข้าใจผมแล้วใช่ไหม?”

                “ถ้าพูดถึงเข้าใจ ก็คงเข้าใจแล้วมั้ง” น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยตอบทำเอาหัวคิ้วคนฟังผูกเป็นปมขึ้นมาทันที คาดเดาได้ว่าบีทไม่ได้หายโกรธสักหน่อย...

                “ถ้าคุณยังไม่หายโกรธ  แล้วพาผมขึ้นมาบนนี้ทำไม?” แผ่นฟ้าเอ่ยถาม ถ้ายังโกรธอยู่ก็ไม่ควรใจดีกับเขาสิ

                “ผมก็แค่ลดภาระยามที่ต้องมาไล่คนหน้าด้านอย่างคุณเท่านั้น” อาจฟังดูเหมือนคำแก้ตัวแต่พอแผ่นฟ้าคิดไปถึงความใจแข็งที่ผ่านมาของคนพูดแล้ว พานให้คิดว่าเขาคงจะพูดจริงนั่นแหละ

                “งี้นี่เอง...” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง

                ลิฟต์เปิดออก สองหนุ่มเดินตามกันไปถึงห้องของบีท เจ้าของห้องถอดเสื้อโค้ตที่สวมไว้ออกจนเหลือเพียงชุดนอน

                “ลงทุนน่าดูเลยนะ” บีทเปรยขึ้นมาอย่างดูแคลนทำให้รอยยิ้มคนที่ยืนข้างๆ จืดเจื่อนไปไม่น้อย

                แผ่นฟ้าอดลำคอตีบตันขึ้นมาไม่ได้ที่อีกฝ่ายมองการกระทำของเขาว่ามีเจตนาแอบแฝง แต่เขามันพวกหน้าด้านหน้าทนอยู่แล้ว ต่อให้ถูกต่อว่าก็ไม่สะทกสะท้าน

                “อืม ถ้าไม่ลงทุน แล้วจะได้กำไรเหรอ?” แผ่นฟ้าตอบกลับอย่างกำกวม ถึงปฏิเสธก็เท่านั้น สู้ต่อปากต่อคำไปเลยจะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตอนที่ถูกห้ามไม่ให้พูดอะไร

                “นั่นสิ... ไหนๆ ก็ลงทุนลงแรงมาตั้งนาน จะยอมแพ้เอาตอนนี้ได้ยังไงเนอะ?” บีทประชดกลับไปทันที รอยยิ้มเหยียดหยันไม่รู้ว่าจะส่งให้คนฟังหรือตัวเองกันแน่

                “ใช่ ผมพยายามมาตั้งมากมาย อยู่ดีๆ จะปล่อยให้คนอื่นมาทำพังได้ไง” คำตอบรับทำให้สติขาดผึง บีทหันมาถลึงตาใส่อย่างกราดเกรี้ยว

                “ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะว่าเล่นละครตบตาผมมาตลอด น่าเสียดายนะที่หลอกผมไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง”

                “ผมหลอกอะไรคุณไม่ทราบ?” แผ่นฟ้าถามกลับบ้าง คล้ายกับกำลังปฏิเสธสิ่งที่ถูกกล่าวหา

                “เหอะ! รู้อยู่แก่ใจ ยังจะมาเฉไฉกลบเกลื่อนทำไมอีก”

                “ผมพูดความจริง ผมไม่เคยหลอกคุณ ไม่เคยคิดจะใช้ประโยชน์จากคุณ”

                “กลับกลอก เมื่อกี้คุณยอมรับออกมาแล้ว...”

                “ผมแค่ยอมรับว่าตัวเองลงทุน เพราะว่าผมลงทุนมอบความจริงใจให้คุณมาตลอด ผมก็แค่พยายามทำทุกวิถีทางให้คุณเปิดใจให้ แต่สาบานได้ว่ามันไม่มีเหตุผลอื่นมาเกี่ยว”

                “โกหก!!”

                “ผมไม่โกรธนะถ้าคุณไม่คิดจะเชื่อใครเลยสักคน ต่อให้ไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมไม่พอใจตรงที่คุณเชื่อใจพี่อิฐมากกว่า”

                “ผมไม่เชื่อใครทั้งนั้น ผมเชื่อแต่ตัวเอง”

                “งั้นลองถามตัวเองดูอีกที... ว่าใครกันแน่ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้  ระหว่างผมที่อาสาจะช่วยคุณกับคุณที่ใช้ผมเป็นเครื่องมือเพื่อตัดใครบางคนออกไป ใครกันแน่ที่ถูกหลอกใช้!”

                คำพูดประโยคนี้ทำเอาบีทนิ่งอึ้ง เถียงไม่ออกไปอึดใจหนึ่ง 

                ตั้งแต่แรกมา บีทไม่เคยเชื่อใจแผ่นฟ้ามาตั้งแต่ต้น ต่อให้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนออะไรก็จะหวาดระแวงและเผื่อใจไว้อยู่เสมอว่าอาจจะถูกหักหลังได้ทุกเมื่อ จนกระทั่งถึงช่วงที่เขาเจ็บปวดจนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงได้ยอมเสี่ยงเดินเข้าไปเอง แม้แต่ตอนที่ทิ้งศักดิ์ศรีร้องขอให้เขาเป็นคู่นอน บีทก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะมีแผนอะไรก็ได้ เขาเตรียมใจไว้อยู่แล้วกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

                แล้วมันตั้งแต่ตอนไหนกันที่เขาเริ่มปลดปราการในใจลงมา เริ่มไว้เนื้อเชื่อใจ เริ่มวางใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรแอบแฝง... เขาแค่ถูกหน้ากากกลวงๆ พวกนั้นล่อหลอก หรือเป็นเพราะมิตรภาพความจริงใจที่สัมผัสกันแน่...

                “สิ่งที่ผมต้องการจากคุณ ผมบอกคุณไปตามตรง ถ้าคุณไม่อยากทำก็ปฏิเสธได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่คุณต้องการจากผมแล้วไม่ยอมถามความสมัครใจผมก่อน แบบนั้นแหละมันถึงเรียกว่าหลอก ต่อให้คุณใช้ผมต่อรองแล้วยังไง ถ้าบอกผมก่อนผมก็ไม่โกรธคุณหรอก เพราะเราต่างคนต่างก็พึ่งพา ใช้ประโยชน์กันและกันมาตั้งแต่แรก แต่ที่ผมไม่พอใจก็เพราะคุณไม่ได้บอกแล้วปล่อยให้ผมมารู้เอาจากปากคนอื่นต่างหาก”

                บีทไม่ได้โกรธที่ถูกใช้ประโยชน์ แต่โกรธที่ถูกหักหลังต่างหาก

                “นี่คุณไม่เข้าใจเลยใช่ไหม? สิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมจะบอกคุณก่อนได้ยังไง ผมไม่ได้หลอกใช้คุณ แค่คิดก็ไม่เคย ไอ้บริษัทห่วยแตกนี่มันจะเป็นของใครก็ช่างหัวมันสิขอแค่คุณยังอยู่กับผมก็พอแล้ว” แผ่นฟ้าร่ายยาวอย่างหมดความอดทนแล้วแทนที่จะมัวยักท่าอ้อมค้อม รักษาฟอร์มให้เสียเวลา เขาควรจะพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปเลยเสียดีกว่า คนฟังจะเชื่อหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง “บีท...ที่ผมยังตามตอแยคุณอยู่เป็นเพราะว่าผมรักคุณต่างหากล่ะ”

                “ฮะ? ว่าไงนะ” คนฟังร้องเสียงสูงหลังจากฟังจบ สีหน้าเกิดความประหลาดใจเต็มเปี่ยม

                “ผมรู้ว่าคุณได้ยิน”

“มันไม่ใช่คำพูดที่ควรพูดพล่อยๆ หรอกนะ” บีทกอดอกบอกเขาเสียงเครียด

“เพราะรู้ว่าคุณจะไม่เชื่อไง ผมเลยไม่กล้าบอกสักที จนบางทีผมก็กลัวว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร คุณก็หายไปซะแล้ว”

“ถึงคุณพูด ผมก็จะหายไปอยู่ดี” บีทตอบกลับอย่างเย็นชา

แผ่นฟ้าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ที่จริงแล้วเขามีเรื่องอยากจะพูดและอธิบายอีกมากมาย ถ้าอีกฝ่ายอดทนฟังสักหน่อยคงเข้าใจเรื่องที่เขาต้องการจะสื่อสารได้ แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดมันเหือดหายไปพร้อมกับคำสารภาพรักเสียแล้ว พอคนฟังมีท่าทีไม่ยี่หระ เขาก็พลอยหมดอารมณ์จะปั้นแต่งคำพูดต่อไปอีก

“งั้นก็ช่างเถอะ ถือว่าผมไม่เคยพูดแล้วกัน เอาไว้สักวันที่คุณอยากฟังแล้วผมค่อยพูดให้คุณฟังใหม่”

บีททำเสียงหึในลำคอเบาๆ คล้ายกับเหยียดหยันฝ่ายตรงข้าม

เขาน่ะเหรอจะอยากฟังคำพูดโกหกหลอกลวงประเภทนั้นอีก...

ชายหนุ่มหมุนกายเดินไปยังห้องนอนของตัวเองเป็นการจบบทสนทนา ประตูห้องปิดลงพร้อมกับห้องนอนที่ล็อกอย่างแน่นหนาไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมาอีก

แผ่นฟ้าห่อไหล่ รู้สึกรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากทำอะไรแล้ว เขาถูกทิ้งไว้ในห้องโถงกลางที่อาจจะไม่มีเตียงนอนให้นอนทว่ายังมีโซฟาเบดหลังหนึ่งและหมอนหนุนให้พอใช้พักผ่อนได้ในคืนนี้

ร่างสูงทิ้งตัวลงบนนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าบนโซฟาเนื้อนุ่มยังคงเหลือไออุ่นของใครบางคนติดไว้อยู่ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเปิดไว้ด้วยอุณหภูมิที่ไม่เย็นจนเกินไป ทำให้แม้ไม่มีผ้าห่มมาให้บริการก็ไม่ถือว่าลำบาก ชายหนุ่มเอนกายลงบนโซฟาเบดที่ปรับเอนจนแกล้งขึ้นแล้วคว้าตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งมากอด ก่อนจะเคลิ้มหลับไป

ความสัมพันธ์ของเขากับบีทจะเป็นเช่นไรต่อไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้...

++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 15 [25/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-03-2018 00:06:50
เฮ้อออออ ก็เข้าใจบีทนะที่จะระแวงแล้วคิดไปแบบนั้น
ยังไงก็ขอให้คลี่คลายเร็วๆละกันเนอะ อยากให้บีทมีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 15 [25/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 26-03-2018 01:17:26
..

..

แผ่นฟ้าเอ๋ย...ตื้อเท่านั้นจึงจะครองโลก

อดทน สู้ สู้.

บีทเอย... อย่ากลัวฝนเลย จะระแวงระวังไปถึงไหนนะ.

..

.
 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:

..

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 15 [25/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-03-2018 01:33:07
แผ่นฟ้าสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 16 [27/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 27-03-2018 14:41:47


-16-

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องปรับอากาศก็ดับไปเพราะตั้งเวลาไว้ แต่อากาศเย็นมากพอจึงไม่ต้องพึ่งพัดลม ผู้เป็นแขกจึงนอนหลับอย่างสบายไปจนเกือบรุ่งสาง

ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว ในเวลากลางวันอากาศไม่นับว่าหนาวแต่กำลังเย็นสบาย ทว่าตอนเช้ามืดอากาศจะเย็นกว่าปกติขึ้นไปอีก เมื่อความหนาวเข้าสู่โจมแผ่นฟ้าก็รู้สึกตัวขึ้นมา เขาตัวสั่นน้อยๆ แถมยังจามอีกสองสามที ตอนนี้อากาศเย็นจนเขาหลับไม่ลงแล้ว ได้แต่ขดตัวลืมตาโพลงรอเวลาให้เช้า

ท่ามกลางความมืดมิดและเยือกเย็น จู่ๆ บานประตูหนึ่งก็เปิดออก เจ้าของห้องย่องเท้าเบาๆ ราวกับแมวขโมยไม่อยากให้เจ้าของพื้นที่รู้ตัว แผ่นฟ้าเงี่ยหูฟัง ไม่ยอมขยับหันไปหาทั้งๆ ที่ตัวเขาตื่นแล้วและรับรู้ถึงการมาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนคล้ายกำลังรอดูท่าที

ใช่แล้ว... นี่มันเหมือนพลอตของนิยายน้ำเน่าทั่วไปนั่นแหละ พระเอกต้องนอนอยู่ที่โซฟาท่ามกลางอากาศหนาว จากนั้นนางเอกก็ใจอ่อนเดินมาหาพร้อมกับคลี่ผ้าห่มคลุมให้ จากนั้นผู้ใจบุญก็หมุนตัวกลับห้องตัวเองไป

แล้วพระเอกทั่วไปทำยังไงล่ะ? หลับสนิทไม่รู้ตัวเลยยันเช้า หรือว่ารู้ตัวเพียงแต่แกล้งหลับ?

แผ่นฟ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอก พอๆ กับที่ไม่คิดว่าบีทเหมือนนางเอกผู้ใจบุญ ความเป็นจริงแล้วหัวสมองของเขามันว่างเปล่าจนไม่คิดอะไรเลยสักอย่างนอกจากอยากรั้งอีกฝ่ายเอาไว้

ชายหนุ่มพลิกกายทันทีที่ผ้าห่มคลุมตัวเขา ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นคว้าข้อมือบีทแล้วกระชากเข้าหาตัวทันที บีทซึ่งไม่ทันตั้งตัวถูกคนที่กำยำกว่าตัวเองดึงเข้าหาอย่างแรงก็หน้าคะมำลงไป

เมื่อเป้าหมายเสียหลักลงมาทับ แผ่นฟ้าพยายามกักร่างอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนสุดกำลัง ตัวของบีทไม่นับว่าอุ่น แต่ก็ช่วยให้หายหนาวขึ้นได้อยู่ดี

“ปล่อยนะ นี่คุณจะบ้าหรือไง” บีทโวยวายขณะดิ้นขลุกขลักพร้อมทั้งเตะขาแผ่นฟ้าอย่างไม่ปรานี

แผ่นฟ้าไม่คิดจะทน เขารัดร่างอีกฝ่ายแน่นอย่างกับงูเหลือมรัดเหยื่อ พาหมุนตัวไปอีกฟากหวังว่าจะกดบีทไว้ใต้ร่างจะได้ดื้อน้อยกว่านี้หน่อย ใครจะคิดเล่าว่าเมื่อสองร่างกลิ้งไปบนโซฟาเบดฝั่งที่ตอนแรกเป็นพนักพิงมันจะรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเอียงกระเท่เร่

“โอ๊ย...” บีทร้อง ตัวเขาไหลกลิ้งตามโซฟาที่เอียงจนไหล่กระแทกพื้น ดังนั้นดวงตาที่เหลือบขึ้นจ้องมองคนต้นเหตุจึงแสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“เจ็บหรือเปล่า ผมขอโทษ” แผ่นฟ้ารีบบอกอย่างสำนึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวสักหน่อย

                “ลุกออกไป!” บีทตวาดด้วยโทสะ

                “ใจเย็นๆ สิ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” แผ่นฟ้าเสียงอ่อน เขาลุกขึ้นยืนแล้วพยายามประคองบีทลุกขึ้น

                “ใจเย็นงั้นเหรอ แขนผมจะหักอยู่แล้ว... ผมไม่น่าออกมาเลย  รู้งี้ปล่อยให้คุณแข็งตายไปซะเลยดีกว่า” บีทตอบกลับ เขาทั้งฉุนเฉียวและนึกเสียใจที่เดินออกมา พอยืนขึ้นได้ก็สะบัดมือที่ประคองตนทิ้งอย่างไร้ค่า

                “งั้นทำไมไม่ทำล่ะ?” แผ่นฟ้าถามกลับอย่างยียวน คนฟังจึงถลึงตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ยังไม่ทันเอ่ยตอบอะไร เขาก็เดาต่อ “คุณเป็นห่วงผมใช่ไหม?”

                “หึ! สำคัญตัวผิดไปแล้วมั้ง”

                “แค่ยอมรับออกมาตามตรงว่าห่วง มันจะยากขนาดไหนกันเชียว บีท...” ท้ายประโยคทอดเสียงคล้ายปลอบ พลางขยับเท้าเข้าใกล้ บีทถอยหลังช้าๆ ทว่าไม่อาจหลีกพ้นอ้อมแขนที่ตามมาเกี่ยวเอวเขาไว้ได้

                บีทยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่หาย เขาไม่พอใจที่แผ่นฟ้าทำเหมือนเขาเอวบางร่างน้อย อันที่จริงความสูงของเขากับแผ่นฟ้าแทบไม่ต่างกัน อาจจะผอมกว่าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ถึงเกย์สมัยนี้ชอบเล่นกล้าม แต่เขาไม่ชอบทำตัวเองให้หล่อล่ำแบบนั้น กล้ามเนื้อจึงกำยำอย่างคนที่ออกกำลังกายบ่อยๆ อย่างอิฐหรือแผ่นฟ้าไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อ่อนแอปลิวลม ตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างคุณแม่รับจ้างนั่นอยู่ดี

                จู่ๆ เขาก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอ แล้วบอกตัวเองว่า ตัวเขาที่เป็นแบบนี้ย่อมดีอยู่แล้ว ไม่สมควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

                ตัวเล็กกว่าแล้วยังไง ท้องได้แล้วยังไง คนที่ไม่ชอบแบบนั้น และยอมรับเขาที่เป็นเขาได้ยังไงก็ต้องมีอยู่ หรือไม่ อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

                “ถอยไป ผมอึดอัด” บีทช้อนตาขึ้นมองพลางยกมือเรียวขึ้นผลักอกแผ่นฟ้า ทว่าคนที่ยืนคุกคามกลับไม่ยอมขยับตัวออกห่าง

                “อากาศหนาวจะแย่ อยู่ใกล้ๆ กันสิดี จะได้อุ่นๆ” แผ่นฟ้าตอบเฉไฉพร้อมส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ซ้ำยังส่งมือเย็นเฉียบคืบคลานเข้าไปสัมผัสผิวเปลือยใต้ชุดนอนจนบีทยิ่งหน้างอง้ำมากขึ้นไปอีก

                “จะมากไปแล้วนะ” คนที่ถูกลวนลามประท้วงเสียงต่ำ ถลึงตามองอีกฝ่ายทว่าเห็นแต่รอยยิ้มกวนโทสะ

                “มากไปยังไง เมื่อวานผมทำมากกว่านี้อีก คุณก็ไม่เห็นว่าอะไร เหมือนจะพออกพอใจด้วยซ้ำ” เขาตอบประชิดแก้ม

                บีทเม้มปากเมื่อคิดไปถึงค่ำคืนก่อนหน้าแล้วใบหน้าก็ร้อนขึ้นมาพลัน

                “ตอนนั้นผมยังไม่รู้นี่ว่าคุณมีเจตนาแอบแฝง!” บีทเถียงทันควัน

                “ต้องให้พูดกี่ครั้งถึงจะเชื่อเนี่ยว่ามันไม่จริง... พี่อิฐคิดไปเองทั้งนั้น”

                “คุณไม่มีอะไรยืนยัน...”

                “เขาก็ไม่มีเหมือนกัน ก็แค่สันนิษฐานไปเองจริงไหม? จนกว่าผลประกอบการไตรมาสหน้าจะออก คุณไม่รู้หรอกว่าใครกันแน่ที่โกหก คุณเลือกจะเชื่อเขาทันทีแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับผมสักนิดเลย”

                “แล้วการปล่อยให้คุณหลอกต่อไปมันยุติธรรมกับผมงั้นสิ?”

                “แล้วมีตรงไหนไม่ยุติธรรมล่ะ? ที่ผ่านมาทำร้ายคุณเหรอ เอาเปรียบคุณหรือเปล่า ผมพยายามช่วยเหลือ ปกป้อง ดูแลคุณ ให้กำลังคุณ พยายามทำดีกับคุณ เอาใจคุณมาตลอด นอกจากนอนกับคุณแล้ว... คุณมีอะไรเสียหายอีกบ้าง” แรกๆ ก็ฟังดูน่าเชื่อถืออยหรอก แต่ประโยคสุดท้ายทำทุกอย่างดิ่งเหว

                บีททำหน้ายักษ์โวยวาย “แล้วความรู้สึกของผมล่ะ?”

                “ทำไม?”

                “อะไรมันก็ไม่เจ็บเท่าเจ็บใจหรอก”

                “ถ้างั้นก็ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องไว้ใจ แผนการอะไรตอนนี้ก็รู้หมดทุกอย่างแล้วนี่ ไม่ต้องเชื่อฟัง ไม่ต้องร่วมมือ ก็แค่รอดูไปจนกว่าผมประกอบการจะออกมาก็พอ ถ้าผมหลอกคุณจริงๆ คุณจะแก้แค้นผมยังไงก็ได้” คำเสนอแนะเริ่มยอมรับได้แล้ว... บีทเริ่มเอนเอียงจนตอบรับพลางเอ่ยขู่

                “เอางั้นก็ได้... ถ้าคุณโกหก ผมจะตอนหมาคุณ” บีทบอกเสียงเหี้ยม

                “เดี๋ยวๆ โฟร์วิลด์ทำอะไรผิด! ถึงต้องไปทำมัน” แผ่นฟ้ารีบแย้งอย่างตกใจ

                “หรืออยากจะโดนซะเองล่ะ ถึงจะพอใจ?” คำถามทำเอาแผ่นฟ้าชะงักไปอึดใจ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นาทำไมต้องกลัวด้วยเล่า

                “ก็แล้วแต่... ยังไงผมก็ไม่ทำอะไรที่ผิดต่อคุณอยู่แล้ว บริสุทธิ์ใจซะอย่างไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”

                เห็นแผ่นฟ้ายืดอกตอบอย่างมั่นอกมั่นใจแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย ความขุ่นเคืองในใจคล้ายทยอยเบาบางลงหลายส่วน

                “บีท...”  เสียงนั้นลากยาวคล้ายปลอบ มือหนาไล้แก้มเจ้าของชื่อเบาๆ บีทเหลือบตามองเขาอย่างลังเล “ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แค่ให้โอกาสผมอธิบายและพิสูจน์ตัวเองบ้างก็พอ เวลาจะทำให้คุณเข้าใจผมมากขึ้นเอง”

                บรรยากาศตอนนี้ทั้งเย็นและมืดสลัวดูเป็นใจไม่น้อย พอได้ยินแผ่นฟ้ากระซิบเสียงนุ่มทำเอาคนฟังอดเคลิ้มตามไปบ้างไม่ได้ เขาขยับคางเล็กน้อยจ้องมองแผ่นฟ้าที่โน้มหน้าลงมาเหมือนจะจูบ พลันหัวคิ้วมุ่นลงเล็กน้อยเอ่ยขัดด้วยเสียงเย็นชา “โอกาสของผมไม่รวมเรื่องนี้...”

                “ทำไมล่ะ? มันก็แค่เซ็กส์... ต่างคนต่างพอใจไม่ใช่เหรอ? ต่อให้ผมหลอกคุณจริง แต่บนเตียงผมก็ไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ถ้าผมไม่ได้หลอกคุณล่ะ คุณไม่คิดว่าผมน่าสงสารเหรอไงที่ต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ..”

                “ก็แค่ข้อตกลงชั่วคราว จะยกเลิกมันก็เป็นสิทธิ์ของผม”

                “ก็ถ้าไม่มีคนมาป่วน คุณก็คงไม่ยกเลิกข้อตกลงตอนนี้หรอกจริงมะ? เพราะงั้นผมมีสิทธิ์ที่จะทักท้วงขอความเป็นธรรมสิ”

                “หึ” บีทแค่นเสียงออกจมูกทว่าไม่ได้เอ่ยปากโต้เถียงอะไรอีก นับเป็นสัญญาณอันดีว่าอีกฝ่ายเหมือนจะหาเหตุผลมาเถียงไม่ออก

                จุมพิตละมุนเคลื่อนปิดริมฝีปากอิ่มนุ่มชุ่มชื้น ก่อนจะค่อยๆ บดเคล้าอย่างอ้อยอิ่ง เรียวขาคู่งามถูกท่อนขาแข็งแรงเบียดแทรกให้แยกออกกว้าง ทั้งคุกคามทั้งเย้าหยอก อุ้งมือหนาบีบคลึงสะโพกสอบเบาๆ เพื่อปลุกเร้าอีกฝ่ายและชักชวนเข้าสู่ห้วงเสน่หา บีทปรือตาลงรับสัมผัสเหล่านั้นเกร็งๆ คล้ายว่าอุณหภูมิร่างกายค่อยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลอมละลายความอวดเก่งถือดีเอาแต่ใจเหล่านั้นลงช้าๆ ท่อนแขนที่เคยแนบลำตัวค่อยๆ ยกสูงขึ้นกลายเป็นโอบรอบคออีกฝ่ายไว้ จุมพิตฝืนๆ ค่อยๆ ดื่มด่ำลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสที่อ่อนโยนคลับคล้ายว่าจะทวีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ จนชิ้นส่วนเสื้อผ้าเริ่มหลุดลงมากองทีที่พื้น

                บีทถูกพลิกร่างให้หันเข้าหาผนัง กางเกงนอนถูกถลกลงมาจนเห็นก้นขาว  ท่อนนิ้วดุดันค่อยสอดลึกลงไปในช่องทางปรารถนาขยับเคลื่อนอย่างเอาแต่ใจ

                บีทแอ่นสะโพกรองรับการปลุกเร้าอย่างว่าง่าย ร่างสมส่วนเกร็งไปทั้งตัว แผ่นอกสะท้านหอบระรัวอย่างอดกลั้น ภายใต้ความทรมานกลับผสมผสานด้วยความสุขสมแผ่ซ่านตามไขสันหลัง ความปั่นป่วนในกายทำให้เขาหูฝ้าตาลายไปบ้างพลางนึกเข้าข้างตัวเอง... ก็จริงอย่างที่แผ่นฟ้าว่า มันก็แค่เซ็กส์

                ผู้ชายสองคนต่างก็ต้องการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง บางครั้งอารมณ์มักไม่ต้องการเหตุผล แค่สนองอารมณ์ตัวเอง ไม่ต้องมีความรักก็ได้

                จะหลอกลวงหักหลังกันหรือเปล่าก็ช่าง แต่ระหว่างปฎิสัมพันธ์ต่างก็พอใจในสิ่งที่ได้ก็พอแล้วนี่...

                บีทปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก บอกตัวเองว่าไม่ต้องรู้สึกผิดที่รู้สึกดีกับสิ่งแปลกปลอมที่ขยับไหวอยู่ในกาย เติมเต็มให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหนักหน่วง... ก็เขาเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา ไม่แปลกที่ลุ่มหลงในกิเลสตัณหาไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บังคับขู่เข็ญ ไม่ได้แย่งของของใครไม่ใช่หรือ?

                บีทที่หาข้ออ้างให้ตัวเองได้แล้วแสร้งทำเป็นลืมความบาดหมางก่อนหน้านี้จนสิ้นเพื่อเพลิดเพลินกับความหฤหรรษ์ที่ถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า เขาขยับตัวตอบรับอย่างที่ต้องการ เปล่งเสียงครวญครางอย่างไม่ออมเสียง รวมถึงปลดปล่อยสายธารแห่งความปรารถนาออกมาจนเหนื่อยอ่อน 

                ท้ายที่สุดสองร่างที่กอดเกี่ยวกันอย่างแน่นแฟ้นมาครู่ใหญ่ๆ ก็ล้มตัวลงบนฟูกอุ่นในห้องนอนจนได้ บีทข่มตาลงปล่อยให้ร่างกายที่อ่อนเพลียได้พักผ่อน แสร้งทำเป็นไม่สนใจอ้อมกอดที่ยังคงติดหนึบไม่ห่างไปไหน ในขณะที่บีทท่อนขาอ่อนแรงร่ายกายอ่อนปวกเปียก เหมือนจะสลบลงไปให้ได้ทว่าแผ่นฟ้ายังคงรัดร่างเขาไว้ จรดริมฝีปากลงที่ซอกคอคลอเคล้าคลอเคลียไม่ยอมหยุดสักที ที่น่ารำคาญที่สุดจนไม่อยากให้อภัยคือคำพูดว่า “ผมรักคุณ” คล้ายจะพร่ำเพ้อออกมาอย่างไม่ขัดเขิน

                “เทียบกับบริษัทงี่เง่านั่นแล้ว คุณมีค่ากว่ามันไม่รู้กี่เท่า” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงแสดงความลุ่มหลงออกมาอย่างไม่ปิดบัง แตะริมฝีปากกับไหล่เปลือยอย่างลุ่มหลง

                “หุบปากซะ... ผมจะนอนแล้ว” เสียงดุแผดลั่นออกมายับยั้งถ้อยคำที่ลอยวนอยู่ข้างหู แต่คนฟังก็ไม่ชักสีหน้าแต่อย่างใด น้ำเสียงนุ่มนวลตอบกลับอย่างเอาใจ

                “อือ... นอนเถอะ ผมรักคุณนะ” ตามด้วยจุมพิตกระหม่อมบีทอีกรอบ

                ลมหายใจคนฟังสะดุดไปชั่ววินาทีก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงแห้งๆ ว่า “ถ้าคุณโกหก ผมจะตอนคุณ!!”

                แผ่นฟ้าหัวเราะกับน้ำเสียงเข่นเขี้ยวนั้นแล้วเอ่ยอย่างเอ็นดู “แต่ถ้าผมพูดจริง คุณจะยอมรับมันไว้ได้หรือเปล่า?”

                ทว่าคำถามนั้นไม่มีคำตอบ เพราะคนฟังดูเหมือนจะแกล้งหลับเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบ

                ส่วนคนถาม... อืม... ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้

                 เพราะบางครั้งแผ่นฟ้าก็กลัวคำตอบเหมือนกัน...     

.....................
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 16 [27/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-03-2018 17:47:11
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 16 [27/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-03-2018 21:21:13
อ่านแล้วสงสารบีทมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 16 [27/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-03-2018 21:55:26
ค่อยๆคืบหน้าทีละนิดแบบต้วมเตี้ยมก็ได้ แต่อย่างต้องถึงกับถอยหลังเลยเนอะ สงสารบีทอ่าาาา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 17 [28/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 28-03-2018 17:02:20


-17-

                ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ร่างสูงโปร่งนอนหลับสบายจนสายโด่ง ในห้องของเขาไม่มีใครอื่นแล้ว เพราะแผ่นฟ้าจากไปสักพักแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่สนใจยังคงหลับต่อด้วยความอ่อนเพลีย ทว่าเสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นขัดการนอนจนได้ อาจจะไม่ดังถี่มากทว่าเมื่อถูกรบกวนขายหนุ่มก็หงุดหงิดจนหลับต่อไม่ลงแล้ว

                บีทลุกขึ้นนั่งพร้อมปรือตาอย่างยากเย็น ระหว่างเดินก็จัดเสื้อผ้าให้เข้ารูปเข้ารอยไปด้วย ประตูห้องพักเปิดออกพรวดพราดตามอารมณ์เจ้าของห้อง พร้อมใบหน้าไม่รับแขกยืนจ้องคนตรงหน้า

                 “พิซซ่ามาส่งค่ะ” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

                บีทมองถุงใส่พิซซ่าสลับกับพนักงานคอนโดพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น

                “ผมไม่ได้สั่ง...” บีทตอบเสียงเข็ง ทว่าอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวาน

                “มีคนสั่งไว้ให้ค่ะ จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” เธอบอกแล้วยื่นยัดถุงให้ ก่อนที่คนส่งของจะหมุนตัวเดินกลับไปยังลิฟต์อย่างเริงร่า

                แน่ละสิ วันนี้โชคดีได้กินพิซซ่าฟรีนี่นา ตอนเช้าเมื่อมาผลัดเวรดูแลเธอก็เจอแผ่นฟ้าเดินลงมาพอดี ชายหนุ่มไหว้วานให้เธอช่วยสั่งอาหารพิซซ่าไว้แล้วส่งขึ้นไปยังห้องของบีทโดยเลี้ยงเธอด้วยเป็นการตอบแทน

                บีทรับเอาอาหารเดินเข้ามาในห้อง แม้จะรู้สึกว่าแผ่นฟ้าทำเรื่องเหลวไหลแต่ก็คิดว่าสบายดีเหมือนกันที่ไม่ต้องออกไปหาอะไรกินเองข้างนอก เขาเดินกลับมานั่งยังโซฟาเปิดทีวีดูพลางหยิบพิซซ่ากินสลับกับขนมปังด้านใน

                เขาเองทำใจได้แล้วหากถูกหลอก ไม่ว่าอย่างไรอีกสามเดือนทุกอย่างก็จบแล้ว... แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงถ้าหากแผ่นฟ้าทำดีกับเขาแบบนี้เขาคงพอใจจนหายโกรธก็ได้...

                แต่ถ้าหากแผ่นฟ้าชอบเขาจริงๆ ขึ้นมาล่ะ? บีทนิ่งค้างไปอย่างเหม่อลอย ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อสลัดสิ่งเหล่านั้นออกจากสมอง ก้มหน้าก้มตากินต่อจนอิ่ม

                พิซซ่ากล่องหนึ่งกับของที่ติดมาด้วยช่วยยังชีพไปได้ทั้งวัน กระทั่งตอนเย็นแผ่นฟ้าก็กลับมาพร้อมกับหิ้วถุงก๊วยเตี๋ยวเรือมาด้วย

                บีทพูดอะไรไม่ออก คาดเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงอยากเอาใจเขา แต่ไม่เห็นต้องเอาใจด้วยวิธีการนี้...

                “วันหลังไม่ต้องซื้อมาฝากนะ ก๊วยเตี๋ยวถ้าไม่กินร้อนๆ มันไม่อร่อย”

                “นี่ก็ยังร้อนอยู่”

                “หมายถึง ถ้าไม่กินทันที เส้นมันติดกัน ไม่อร่อย..” บีทยังคงเถียงทว่าก็คว้าถุงอาหารเดินไปยังมุมครัวเพื่อหาชามใส่อยู่ดี

                แผ่นฟ้าทำหน้าสลด ไม่อยากเถียงอะไรไปมากกว่านั้น เขาไม่ได้รอคอยให้บีทบริการแต่เดินไปต่อแถวหยิบชามและจัดการก๊วยเตี๋ยวของตัวเองอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สองคนนั่งกินเงียบๆ

                “ว่าแต่คุณเข้าออกที่นี่ได้ไง?” บีทเงยหน้าขึ้นถามเมื่อนึกขึ้นได้ เผอิญพบว่ากุญแจกับคีย์การ์ดของตัวเองยังอยู่

                “อ๋อ... เอาชุดในลิ้นชักไป” แผ่นฟ้าตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ

                บีทตาแข็งชั่วขณะ นึกตำหนิที่เขาถือวิสาสะค้นข้าวค้นของในห้องโดยไม่ขออนุญาต แต่ด่าไปก็เท่านั้นแหละไม่มีประโยชน์อะไรจึงเงียบเสีย

                เมื่อพูดถึงกุญแจสำรองแล้วทำให้คิดถึงอิฐขึ้นมา กุญแจชุดนั้นแต่เดิมเขาเคยให้อิฐไว้ แต่อีกฝ่ายก็เอามาคืนตอนที่เขาขาหัก คงต้องการตัดขาดอย่างสิ้นเยื่อขาดใย

                “กลับบ้านกันเถอะบีท ถึงที่นี่จะอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่าแต่ยังไงที่บ้านก็สบายกว่าอยู่ดี”

                “อยากกลับก็กลับไปสิ ไม่ได้รั้งไว้เสียหน่อย” บีทบอกอย่างไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตากินต่อ

                “ผมจะรอกลับไปพร้อมคุณ” คำตอบทำให้คนฟังถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง

                คนบ้าอะไรช่างตื๊อไม่เลิก!!

.


                แผ่นฟ้าอาศัยอยู่คอนโดของบีทมาสองวันแล้ว เนื่องจากบีทไม่ยอมกลับไปกับเขาสักทีและที่นี่ก็ไม่มีแม่ครัวคอยดูแลเรื่องอาหาร แผ่นฟ้าจึงซื้ออาหารแช่แข็งมาเก็บไว้แก้ขัดพร้อมกับขนมและของกินเล่นเต็มตู้ เช้ามาเขาตื่นขึ้นมาอุ่นข้าวต้มกินหนึ่งกล่อง กาแฟหนึ่งแก้วแล้วก็ไปทำงาน

                บีทตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปที่มุมครัวก็พบโพสต์อิทแปะหน้าตู้เย็นบอกว่ามีข้าวกล่องอยู่ในตู้เย็น เลือกมาอุ่นกินได้ตามสบาย เขาไปทำงานก่อนนะ

                บีทเปิดตู้เย็น จากที่เคยโล่งว่างตอนนี้มีของกินยัดใส่ไว้หลายอย่าง แค่ของคาวก็มีสี่ห้าอย่าง ทั้งข้าวต้ม เกี๊ยวปลา ข้าวแช่แข็งอีกสองสามย่าง เขาหยิบข้าวต้มกล่องหนึ่งออกมาอุ่น หยิบนมออกมาเทใส่แก้ว ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายชอบดื่มนมจืดเหมือนกันหรือเขารู้ว่าบีทชอบกันแน่เลยมีแค่รสเดียว กว่าข้าวจะสุกบีทก็กินไอศกรีมไปเกือบค่อนกระปุก พอกินข้าวหมดยังเลือกของกินอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบเกี๊ยวลุยสวนมาอุ่นกินอีกอย่าง

                เขานั่งกินเกี๊ยวอยู่บนโต๊ะพร้อมกับหัวเราะตัวเองในตอนนี้ ปกติเขาไม่ใช่คนเห็นแก่กินสักหน่อย แต่กลับรู้สึกมีความสุขกับการคุ้ยหาของกินในตู้ นั่นเป็นเพราะที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้ทำอะไรไร้สาระอย่างนั้น งานไกด์ทำให้เขาต้องเดินทางตลอด ที่ห้องไม่มีใครอยู่ ดังนั้นจึงซื้อของกินแต่ที่กินไหว ตู้เย็นติดไว้แต่น้ำเปล่า

                อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ตลอดไปก็คงดี

                ความคิดนั้นทำให้เขาตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่เกิดความคาดหวังอะไรลมๆ แล้งๆ  รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังโดนหลอก อีกฝ่ายแค่ทำดีด้วยเพื่อให้เขาตายใจ จะได้หลอกใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ ก็เท่านั้น แล้วยังไปซาบซึ้งทำไมอีก...

                เผื่อใจไว้บ้างดีกว่า ถ้าเชื่อใจไปทั้งหมดแล้ว ไม่พ้นต้องเจ็บเหมือนเดิมอีกแน่นอน...

                ตอนกลางวันกินของกินในตู้เย็น ตอนเย็นพาแผ่นฟ้าออกไปกินก๊วยเตี๋ยวเรือ อันที่จริงเขาก็ไม่ชอบมากขนาดต้องกินทุกวัน เพียงแต่รู้ว่าแผ่นฟ้าต้องเบื่อก็เลยอยากแกล้งเล่นเท่านั้น ทว่าเพื่อเอาใจบีทแล้วแผ่นฟ้าก็หลับหูหลับตากินเมนูเส้นทุกวันโดยไม่ปริปากบ่น จนกระทั่งบีทบินไปทำงานนั่นแหละถึงหลุดพ้นไปได้

                บีทหายไปราวๆ ห้าวัน แผ่นฟ้าจึงกลับมาอยู่บ้านตัวเอง พอถึงวันหยุดก็สั่งแม่บ้านมาเก็บกวาดห้องแล้วซื้อของกินอัดตู้อีกตามเคย

                 อีกสามเดือนผลประกอบการประจำไตรมาสจะออก เขาควรขยันมากหน่อย คราวนี้เขาจึงไม่ได้ไปรับบีทที่สนามบินเพราะไม่อยากโดดงาน เมื่อบีทมาถึงสนามบิน ทั้งที่ปกติแล้วควรกลับไปทันทีแต่วันนี้กลับกวาดตามองหาใครบางคนเสียก่อน พอเห็นว่าไม่มีใครมา หัวใจก็วูบโหวงขึ้นมาอย่างประหลาด จากนั้นก็ได้แต่ขำตัวเอง

                เห็นไหม... คาดหวังแล้วเป็นยังไง มันก็ผิดหวังอย่างนี้นี่เอง...

                บีทสลัดความรู้สึกที่ก่อกวนจิตใจออกไปอย่างเลือดเย็น เขาขับรถกลับมาจากสนามบินมาถึงห้องก็โยนสัมภาระกองทิ้งไว้ที่พื้น ดึงเนกไทออกและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองสามเม็ด รวมถึงดึงชายเสื้อให้ออกมานอกกางเกง สาวเท้าเดินไปที่มุมครัวก็พบข้อความที่ติดอยู่ที่ตู้เย็น

                วันนี้มีประชุมสำคัญ เลยไม่ได้ไปรับ แต่ซื้อของกินไว้แล้ว เลือกกินไปก่อน

               เลิกงานแล้วจะรีบกลับ

                ฟ้า

                บีทยืนนิ่งจ้องมองข้อความนั้นอยู่นานก่อนที่มือเรียวจะเปิดประตูตู้เย็นพบของกินที่อัดแน่นตามเดิม เขาเปิดช่องแช่แข็งหยิบกระปุกไอศกรีมออกมามีกระดาษแปะอยู่บนนั้น

                กล่องที่แล้วผมกินหมดไปแล้ว เลยซื้อมาใช้ให้

            ไอศกรีมกระปุกที่เขากินเหลือแล้วแช่ไว้ตามเดิมหายไปแล้วจริงๆ บีทอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ตัวเองเป็นคนซื้อมาแท้ๆ ยังต้องซื้อใช้ให้อีกหรือ...

                เขาเก็บกระปุกไอศกรีมเข้าที่เดิมแล้วหยิบน้ำผักผลไม้รวมขึ้นมาดู

             กินผักเยอะๆ ดีต่อสุขภาพ

                บีทอมยิ้มรินน้ำผักรวมใส่แก้วดื่ม หยิบของกินง่ายๆ ออกมาแล้วปิดตู้เย็น

                หลังจากหาอะไรใส่ท้องแล้วอารมณ์ก็ดีขึ้นมาก เขาเดินกลับไปที่ห้องนอนอย่างเริงรื่น แล้วก็รู้สึกห้องนอนมีกลิ่นหอมเตะจมูก เมื่อหันไปมองเตียงก็พบว่าชุดเครื่องนอนเปลี่ยนลายไปแล้ว

                เขาเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง สูดกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดอยู่บนผ้านวมคว้าหมอนข้างมากอด รอยยิ้มบางๆ ยังติดติดแก้ม เกิดความรู้สึกบางอย่างที่แสนประหลาด ราวกับหัวใจหนาวยะเยือกได้รับความอบอุ่นจากกองไฟ

                นี่เขากำลังถูกหลอกอยู่จริงๆ หรือ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงแผ่นฟ้าก็ช่างลงทุนนัก 

                ถ้าเป็นคนอื่นละก็ ซื้อใจกันแบบนี้ยังไงก็ยอมขาย แต่สำหรับเขาแล้ว...

.

                บีทซึ่งอ่อนเพลียจากการเดินทาง เมื่อเจอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ย ไม่ตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งแผ่นฟ้ากลับมา

                เมื่อเห็นบีทนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง คนมาใหม่ก็ถือวิสาสะปีนขึ้นมานอนเบียดบนเตียง เขาตะแคงตัวกอดรัดแถมก้มลงจูบแก้มบีทโดยแรงอย่างไม่เกรงใจ บีทส่ายหน้าอย่างงัวเงีย ชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนปลุก ทว่าแผ่นฟ้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เขากอดรัดอีกฝ่ายไว้และแกะกระดุมเสื้ออย่างว่องไว

                ปากขบใบหูคนขี้เซาอย่างหยอกเย้า ส่วนสองนิ้วนวดคลึงขยี้ยอดอกอย่างรุนแรงเสมือนกลั่นแกล้ง บีทกระสับกระส่ายดิ้นรนออกมาแต่คนที่นอนซ้อนหลังไม่ใส่ใจ เขากดไหล่บีทลงกับเตียงแล้วเคลื่อนกายขึ้นคร่อม ป้อนจุมพิตดื่มด่ำลงบนเรียวปาก

                บีทเพิ่งตื่นสมองยังใช้การไม่ดีพอ เมื่อถูกจูบอย่างกระหายก็พลอยตอบสนองกลับไปอย่างเผลอไผล ลิ้นนุ่มหลอกล้อกันภายในโพรงปากอย่างสนิทสนม สร้างความพึงพอใจให้แผ่นฟ้าไม่น้อย เขาแหวกเสื้อให้แยกกว้างก่อนฝังจมูกปากลงบนแผ่นอก บีทขมวดคิ้วเกร็งตัวแน่น เมื่อความนุ่มชื้นครอบครองยอดอก ปลายลิ้นนุ่มไล้เลียไปมาจนตุ่มเล็กแข็งชัน บีทผลักศีรษะอีกฝ่ายออกไปทันทีทว่าอีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านยังคงละเลงลิ้นต่อไป

                คนเพิ่งตื่นนั้นร่างกายจะคึกคักกว่าปกติอยู่แล้วเมื่อถูกปลุกเร้าบีทยิ่งเคลิ้มตามได้ง่ายกว่าเดิม ลมหายใจพลันหอบแรงตามแรงกระตุ้น

                ไม่นานเสื้อผ้าเริ่มถูกดึงทึ้งออกไปทีละชิ้น ท่อนขาถูกแยกกว้าง ท่อนนิ้วยาวและแข็งค่อยๆ สอดคลึงขยับเข้าออกเบาๆ อย่างเชื่องช้า บีทเริ่มหายใจติดขัด สะกดเสียงครางต่ำในลำคอสุดความสามารถ ทว่ายังห้ามตัวเองไม่ใคร่จะได้

                เพียงเพราะบีทไม่ชอบทำให้ตัวเองลำบาก ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงสั่งสอนเรื่องการเตรียมช่องทางให้อีกฝ่ายไว้บ้าง ดังนั้นก่อนที่แผ่นฟ้าจะดึงดันใส่เข้ามาจึงรู้จักใช้เจลช่วย เขาค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเพื่อปรับขยายช่องทางที่คับแน่นให้ผ่อนคลายอย่างใจเย็น จนบีทเริ่มจะใจร้อนแทนแล้ว

                “ใส่เข้ามาเถอะ...” บีทกดเสียงต่ำ เสมือนออกคำสั่งผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แผ่นฟ้าเคยชินแล้วเลยไม่ถือสาอะไร เพราะความจริงเขาเองก็รอให้อีกฝ่ายเอ่ยชวนอยู่เหมือนกัน

                บีทหลุดเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อความโอฬารดุนดันเข้ามา ร่างกายสั่นระริกเหงื่อผุดพราย อุณหภูมิร่างกายคล้ายสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะผิวเนื้อที่กำลังเสียดสี ส่วนนั้นชำแรกลึกลงในช่องทางก่อนจะขยับเข้าออกตามจังหวะ เมื่อจุดอ่อนตามธรรมชาติถูกกระทบพลันทำให้ความเสียดเสียวแล่นริ้วไปทั่วร่าง เทคนิคลีลาของอีกฝ่ายไม่เลวเลย บีทเลยไม่ต้องเหนื่อยเป็นฝ่ายนำ เพียงแค่พลิกตามอีกฝ่ายไปมาก็ได้รับความสุขแล้ว...

                แผ่นฟ้าเร่งจังหวะสะโพกที่เคลื่อนไหว ระหว่างมองใบหน้าเย็นชาเป็นนิจที่ตอนนี้แดงเรื่อบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์ที่ถูกระตุ้น เขาโน้มตัวลงไปมอบจูบร้อนแรง

                “บีท...ผมรักคุณ...” แผ่นฟ้ากระซิบ ทำเอาคนฟังลมหายใจสะดุดไปนิดหนึ่ง แต่เพราะคนพูดยังคงเร่งเติมเชื้อไฟราคะให้โหมกระหน่ำไม่หยุดบีทจึงไม่ได้ตอบอะไร เขาหลับหูหลับตาจูบตอบ ร่างกายยังคงสั่นไหวตามแรงกระทั้น ห้วงอารมณ์ดิ่งลึกลงไปในความสุขสมจนสมองขาวโพลนไปหมด หลังจากนั้นไม่นานร่างกายกระตุกสั่นปลดปล่อยหยาดของเหลวออกมา

                หลังการปลดปล่อยบีทก็หมดเรี่ยวแรง ทว่าแผ่นฟ้ายังคงเติมเต็มตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ช่องทางที่หดรัดทำให้แผ่นฟ้าระเบิดอารมณ์ตามมา ไม่นานจากนั้นความเคลื่อนไหวก็หยุดลง ทว่าสองร่างยังคงแนบชิด แก่นกายที่อ่อนตัวยังแช่ค้างที่เดิม ระหว่างที่เสียงหอบหายใจดังประสานค่อยๆ ผ่อนลงตามลำดับ

                บีทขยับตัว ตั้งใจผลักร่างแผ่นฟ้าให้ห่างออกไป เพราะส่วนนั้นอ่อนตัวลงแล้วจึงหลุดออกอย่างง่ายดาย แผ่นฟ้าพลิกกายออกห่างขยับเข่าไปทิ้งถุงยางที่อัดแน่นไปด้วยคราบขาวลงถังขยะ ก่อนจะกลับมากอดรัดร่างชื้นเหงื่อบนเตียงอีกรอบ

                บีทโดนอีกฝ่ายรัดแน่น ศีรษะถูกจูบย้ำๆ มือหนาลูบไล้ท้องเปลือยไปมาเขาก็นิ่วหน้าเอ่ยเสียงดุ “พอแล้ว...”

                แผ่นฟ้าหัวเราะหึๆ แล้วบอกเหมือนไม่เต็มใจว่า “ก็ได้...”

                บีทได้ยินคำตอบก็คลายใจค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง แผ่นฟ้ายังยังกอดเขาไว้ก้มจูบที่ไหล่เปลือยทีหนึ่งแล้วกระซิบว่า “บีท... ผมรักคุณนะ ผมรักคุณ”

                หัวใจคนฟังพลันกระหน่ำรุนแรงขึ้นมาเฉยๆ ทว่ามิได้เอ่ยคำใดออกมา

                อันที่จริงแล้วบีทย่อมรู้ว่าจะเชื่อคำบอกรักที่เอ่ยในยามร่วมสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะสำหรับผู้ชายแล้ว คำบอกรักหรือคำสัญญาใดที่เอ่ยในตอนนี้ มันก็เป็นแค่เทคนิคหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสรักได้เท่านั้นเอง... ไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจ

                แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงอ่อนโยนแหบพร่าที่กระซิบบอก หรือรสรักที่สมบูรณ์แบบที่อีกฝ่ายมอบให้กันแน่ที่พลอยทำให้บีทเริ่มหวั่นไหว

                ถ้าแผ่นฟ้ารักเขาจริงๆ จะดีสักแค่ไหนนะ

++++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 17 [28/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-03-2018 18:21:37
บีทเริ่มหวั่นไหวแล้ว แผ่นฟ้าพยายามเข้านะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 17 [28/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-03-2018 20:55:07
แผ่นฟ้าพยายามเข้านะ ความสม่ำเสมอคงทำให้บีทเชื่อได้แหละเนอะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 17 [28/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 29-03-2018 09:46:12
 :L1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 18 [29/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 29-03-2018 18:22:00


-18-

                ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วที่แผ่นฟ้ายึดห้องของบีทเป็นบ้านหลังที่สอง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยู่ทุกวันหรอกเพราะบีทยังคงบินไปต่างประเทศครั้งละหลายๆ วันเหมือนเดิม แต่วันไหนที่บีทกลับมา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นเขา...

                การที่แผ่นฟ้าอยู่กับบีทนั้นไม่สะดวกหลายอย่าง ทั้งเรื่องอาหารการกินที่ต้องกินอาหารแช่แข็งซะส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ต้องพากันออกไปหาอะไรกินตอนดึกๆ อีกทั้งเสื้อผ้าที่ไม่ได้ส่งซัก กลับกลายเป็นต้องหอบกลับไปซักที่บ้าน

                แผ่นฟ้าไม่ได้บ่นอะไรแต่บีทกลับรู้สึกขัดหูขัดตาเสียเอง ลงท้ายก็เลยเอ่ยออกมาเรียบๆ “พรุ่งนี้เราย้ายกลับไปบ้านคุณแล้วกัน”

                แผ่นฟ้าชะงักไปอึดใจจากนั้นก็ยิ้มกว้างช่วยเขาจัดของอย่างกระตือรือร้น

วันรุ่งขึ้นพวกเขาก็กลับมาที่บ้านแผ่นฟ้าอีกครั้งจนได้ บีทถอนใจปลงๆ เขาเดินเข้าบ้านไปทักทายคนรับใช้รวมทั้งโฟร์วิลด์ตามความเคยชิน

ดูเหมือนทั้งคนทั้งหมาจะยินดีไม่น้อยเลยที่ได้พบเขา ทว่าคนที่ยินดีมากที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเปรยกับสองสาวเบาๆ ว่า

                “ในที่สุดก็จะได้กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ก๊วยเตี๋ยวเรือแล้ว!”

                บีทนิ่วหน้าพลางเถียงในใจ... เหอะ ใครบังคับให้กินไม่ทราบ!!

.

                ย้ายบ้านได้สองวันบีทก็บินไปญี่ปุ่น พอกลับมาอีกครั้งแผ่นฟ้าก็บอกว่ามีคนติดต่อเรื่องซื้อคอนโดแล้ว เขาชะงักไปนิดหนึ่ง ต่อให้เคยคิดจะขายจริงๆ แต่ก็อดใจหายไม่ได้ อย่างน้อยก็อยู่มาตั้งหลายปี...

                “หรือคุณเปลี่ยนใจไม่อยากขายแล้ว?” แผ่นฟ้าถามขึ้นมาคล้ายว่าในแววตามีบางอย่างซ่อนอยู่...

                บีทกะพริบตาทีหนึ่งสลัดความลังเลทิ้ง

                ไหนๆ ก็คิดจะตัดแล้วก็ให้มันขาดไปให้หมดก็ดี...

                “เปล่า... กำลังคิดน่ะว่าจะขายเท่าไรดี” เขาแสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งแผ่นฟ้าเหมือนจะรู้ทันทว่าไม่ได้เอ่ยขัด คุยต่อไปตามปกติ

                “ตั้งราคาที่พอใจได้เลย ผมบอกเพื่อนแล้วให้หาลูกค้าดีๆ ไม่ทำให้คุณขาดทุนแน่”

                “งั้นก็ดี”

                “อ้อ... พวกเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ ก็ทิ้งไว้ที่นั่นแหละนะ ไม่ต้องขนมาหรอก ยังไงบ้านนี้ก็มีครบหมดแล้วหรือถ้าอยากได้อะไรค่อยซื้อใหม่เอาก็ได้” คำพูดของแผ่นฟ้าแฝงความนัยบางอย่าง

บีทฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เลิกคิ้วใส่อีกฝ่าย “พูดเหมือนผมจะขนของมาอยู่กับคุณ”

                “หึๆ แล้วตอนนี้ไม่ได้อยู่กับผมหรือไง?” แผ่นฟ้าถามหน้าทะเล้น

                บีทถลึงตาใส่เขา อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เงียบไป

                ช่างเถอะ คำว่า “อยู่แค่ชั่วคราว” นั่น อย่าพูดให้เสียบรรยากาศจะดีกว่า...

คงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก... อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะหาที่พักใหม่ได้ละนะ

                หลังจากมีวี่แววว่าจะขายคอนโดได้ บีทก็เลยใช้เวลาที่ว่างออกตระเวนหาพี่พักใหม่ เขาลังเลว่าจะเป็นคอนโดหรือบ้านดี ถ้าอยู่คนเดียวซื้อคอนโดน่าจะดีกว่า... แต่ถ้ามีบ้านก็จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้

                ไม่สิ เขาอยู่คนเดียว แถมยังไม่ค่อยอยู่บ้าน จะเลี้ยงสัตว์ได้ยังไง...

                อย่าว่าแต่จะหาที่อยู่ใหม่ แค่ตัดสินใจเลือกระหว่างหาแม่บ้านสักคนมาอยู่ด้วยกับล้มเลิกความคิดเลี้ยงสัตว์ก็ยังทำไม่ได้เลย เรื่องนั้นเลยพักไว้ก่อน...

                ตั้งแต่มาอยู่บ้านแผ่นฟ้า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ช่วงวันหยุดผ่านไปอย่างรวดเร็ว การทำงานผ่านไปอย่างเชื่องช้า ใช่สิ ต่อให้ได้ไปเที่ยวต่างประเทศก็เถอะ แต่ลองไปที่เดิมๆ บ่อยครั้ง พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำซากก็ต้องเบื่ออยู่แล้ว

ผิดกับเวลาที่อยู่บ้าน... เขาตื่นสายได้โดยไม่มีใครปลุก พอตื่นแล้วมีอาหารคอยเสิร์ฟ จากนั้นก็เล่นกับโฟร์วิลด์ทั้งวัน นั่งดูหนังฟังเพลงเงียบๆ คนเดียว ตกเย็นมีใครบางคนกลับมาร่วมกินอาหารค่ำ แล้วนอนกอดเขาทั้งคืน วนเวียนอยู่อย่างนี้จนเขาเริ่มเคยชิน

ชีวิตช่างสุขสบายเสียจนแม้แต่ที่พักใหม่ก็ยังขี้เกียจหา... แล้วคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า ผลประกอบการก็ยังไม่ออกนี่ เขาคงยังไม่ถูกไล่ไปตอนนี้กระมัง...

                เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงปีใหม่แล้ว นอกจากฉลองครบรอบจัดตั้งบริษัทแล้ว... งานฉลองปีใหม่ อิทธิฤทธิ์กรุ๊ปก็ไม่เว้นเช่นกัน

                งานฉลองจัดสองวันคือวันที่ 30 ธันวาคม เป็นงานของพนักงานระดับล่างๆ ส่วนวันที่ 31 ธันวาคมจัดเลี้ยงสำหรับระดับผู้จัดการขึ้นมาจนถึงระดับผู้บริหาร สำหรับบีทแล้ว ถ้าจะไปก็ควรไปงานวันที่ 30 ถึงจะถูก ทว่าสิทธิพิเศษของคนรัก “ท่านประธาน” นั้นก็ได้รับเชิญมางานฉลองในวันสิ้นปีแทน

                ปีที่แล้วยังได้ไปกับคนพี่อยู่เลย แต่ปีนี้... เขาอยากอยู่บ้านมากกว่า

                “ไปด้วยกันเถอะ ผมจะปล่อยให้คุณส่งท้ายปีเก่าคนเดียวได้ไง” แผ่นฟ้าคะยั้นคะยอเขาทั้งวันจนเขารำคาญแล้ว

                “ก็แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”

                “ก็ผมอยากอยู่กับคุณไง...” เสียงออดอ้อนพร้อมเบะหน้าร้องขอความเห็นใจทำเอาบีทปั้นหน้าไม่ถูก

                “ผมบอกกี่รอบแล้วว่าไม่ไป จะมาเซ้าซี้เอาอะไร คุณนี่น่ารำคาญชะมัด” บีทแหวอย่างหงุดหงิด ก็บอกว่าไม่ไปไม่รู้กี่รอบแล้วทำไมไม่ฟัง!

                “ผมรู้ว่าคุณเบื่องานเข้าสังคมแบบนี้ ผมเองก็เบื่อ ถ้าผมโดดได้ละก็ ผมอยากจะโดดแล้วพาคุณไปเคาน์ดาวน์ที่อื่นอยู่เหมือนกัน แต่มันทำไม่ได้ไง เพราะงั้นคุณก็ขืนๆ ไปกับผมหน่อยไม่ได้หรือไง?”

                บีทเข้าใจดี งานฉลองปีใหม่นี้สำหรับพนักงานแล้วไม่ได้บังคับ อยากมาก็มา ไม่อยากก็ไม่ต้อง พนักงานบางส่วนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไปฉลองหยุดยาวที่บ้านเกิดกันแล้ว แต่เพราะตำแหน่งประธานที่ว่าทำให้แผ่นฟ้าไม่สามารถโดดงานฉลองนี้ได้

                “คุณโดดไม่ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”

                “ก็ผมอยากจะส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กับคุณนี่นา น่านะ ไปด้วยกันเถอะ พลีส พลีสสสสส” ไม่ว่าเปล่า แผ่นฟ้าพนมมือขึ้นเอ่ยคำขอร้องออกมาไม่หยุด

                บีทรำคาญแทบแย่แล้วเลยเอามืออุดหู หลับตาอย่างอดกลั้น ในระหว่างนั้น แผ่นฟ้าก็หงุดหงิดใจไม่แพ้กันเลย

                ดื้ออะไรขนาดนั้น! แผ่นฟ้าคิดในใจ ในระหว่างที่บีทปิดหูปิดตาไม่ฟังเขา แผ่นฟ้าก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจูบปากฝ่ายนั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว คนที่หลับตาปี๋ลืมตาโพลงขึ้นมาทันทีจับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

                “บ้าอะไรเนี่ย!” บีทโวยขึ้นมา แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ สองแขนคร่อมตัวเขาไว้ ใบหน้ายังคงอยู่ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

                “ตามใจผมสักวันเถอะ แล้วต่อไปผมจะตามใจคุณบ้าง”

                “ปกติคุณก็ตามใจผมอยู่แล้วนี่...” บีทเผลอเถียงออกไปอย่างลืมตัว

                “อ้อ.. รู้ด้วยเหรอว่าผมตามใจคุณ” แผ่นฟ้าสวนกลับพลางอมยิ้มล้อเลียน 

บีทหน้าแดงขึ้นมาทันทีนึกในใจว่าตัวเองพลาดท่าเสียแล้ว เขาขัดเขินจนไม่อยากถูกกักตัวอยู่กับที่แบบนี้เลยได้แต่ทำเสียงดังใส่

                “ถอยไปสิ ผมจะไปเลือกเสื้อผ้า”

.

ช่วงหัวค่ำของวันสิ้นปี บีทเดินตามแผ่นฟ้าเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงอย่างเบื่อๆ เขาเป็นคนหน้าตายแบบนี้มานานแล้ว ไม่ชอบทักทายพูดคุยกับใครโดยไม่จำเป็น ต่อให้แผ่นฟ้าจะพาเขาเดินไปทำความรู้จักกับใคร เขาก็ทักทายไปแกนๆ

อันที่จริงคนเหล่านี้เขาพอคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะอิฐเคยแนะนำให้รู้จัก แต่น้อยคนนักที่เขาจะจำชื่อได้ แต่สำหรับ “อดีตคนรัก” ของท่านประธานคนก่อนแล้ว ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะจดจำเขาได้ดี มาตอนนี้เมื่อเขาเปลี่ยน “คู่ควง” มาเป็นอีกคนแต่ยังรั้งตำแหน่งเดิม สายตาของคนที่มองมา ถ้าไม่อิจฉา หรือชื่นชมก็กลายเป็นหมิ่นแคลน

เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เขาถึงไม่อยากมา...

เขาเบนสายตาไปมองคนข้างๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ แผ่นฟ้าก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังพาเขามา ไม่รู้ว่าทำแบบนี้เพราะอยากจะกลั่นแกล้งเขาหรือเปล่า

แผ่นฟ้าหยิบแก้วคอกเทลไว้ในมือแล้วหันไปยื่นให้บีท จึงปะทะสายตาเคลือบแคลงใจเข้าพอดี แม้บีทจะหลุบตาลงไปมองมือเขาแล้วหยิบแก้วค็อกเทลมาถือไว้ทันทีก็ตาม แผ่นฟ้าก็ยังยื่นมือไปเกี่ยวนิ้วอีกฝ่ายมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

บีทแข็งค้างไปอึดใจหนึ่งเหลือบตามองมือตัวเองที่ถูกบีบเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่เดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ

งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า นอกจากฝ่ายบริหาร ผู้จัดการและแขกที่เชิญมาเขายังได้เจอคุณเขตแดนอีกด้วย เขาเข้ามาคุยกับลูกชายสองสามคำ ปรายตามองบีทแล้วฝืนยิ้มให้ตามมารยาทแล้วก็จากไปง่ายๆ

ไม่ใช่ว่าบิดาของแผ่นฟ้าไม่เคืองใจที่ลูกชายกล้าพาบีทมาเดินลอยชายอวดโฉมอย่างนี้ ทว่าน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้ เพราะถ้าขืนเอะอะโวยวายทำอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา เกรงว่าลูกชายผู้กตัญญูจะไปจัดการบ้านเล็กบ้านน้อยของเขาไม่เหลือซาก  เลยต้องทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียบ้าง

อิฐไม่ได้มา แม่ของเขาก็เช่นกัน ยังเหลือก็แต่เพทายซึ่งเป็นน้าสาวของอิฐ ซึ่งยังคงรั้งตำแหน่งผู้บริหารอย่างแน่นเหนียวแม้ว่าพี่สาวและหลานชายจะปลีกตัวหายไปกันหมดแล้ว

เพทายไม่เหมือนพินทิพย์แม่ของอิฐ ด้วยไม่อยากให้หลานชายไม่สบายใจเวลาเจอหน้าบีทเมื่อก่อนจึงยังไว้หน้าบ้าง เพราะไม่ว่าอิฐจะคบอยู่กับบีทหรือแม็กม่าก็ไม่เห็นถึงความแตกต่าง แต่พอเห็นบีทเลิกกับหลานชายแท้ๆ แล้วมาควงกับแผ่นฟ้า สายตาที่เคยอ่อนโยนบ้างก็พลันเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด

 แต่คนอย่างบีทน่ะหรือจะสนใจ เขามองเมินไปได้ทุกสรรพสิ่งอยู่แล้ว

“อันที่จริง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของน้าหรอกนะ แต่ว่าเราเองก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก จะเลือกคบคนดีๆ ก็ไม่ยาก แต่มาหยิบไม้ใกล้มือ... ยักษ์ลักไปลิงลักมาแบบนี้ คนอื่นเขาจะมองไม่ดี”

เพทายเป็นคนจริงใจ พูดจาเปิดเผย บทจะตักเตือนแผ่นฟ้าก็พูดออกมาตรงๆ ต่อหน้าเจ้าตัวเสียเลยไม่ปิดบัง ทำให้สายตาของบีทฉายแววตกตะลึงออกมาเล็กน้อย

แผ่นฟ้ายังคงบีบมือบีทเบาๆ เป็นเชิงตักเตือนไม่ให้พูดอะไรออกมา ส่วนชายหนุ่มกลับจุดยิ้มบนใบหน้าอย่างไม่รู้ร้อน “ระหว่างผมกับพี่อิฐนี่ใครเป็นยักษ์ใครเป็นลิงเหรอครับ?”

เพทายคิ้วขมวด ที่พูดไปก็แค่เปรียบเปรยไปเท่านั้น ตั้งใจจะเปรียบเทียบระหว่างพวกเขาสองคนที่ไหนล่ะ

“พ่อฟ้า...ที่น้าเตือนเนี่ย...” เพทายยังไม่ทันพูดจบคนฟังก็รีบขัดคอทันที

“ผมรู้ว่าคุณน้าหวังดี แต่ผมไม่รักดีเองนั่นแหละ เลยไม่เห็นด้วยเท่าไร สมัยก่อนผู้หญิงรักนวลสงวนตัว ผัวเดียวเมียเป็นพรวน ต่อให้โดนซ้อมจนน่วมก็ยังไม่เลิกกัน ทนจนแก่ตายไป แต่สมัยนี้คนเราความอดทนต่ำกว่ามาก ทะเลาะกันสองสามคำก็เลิกกันแล้ว นับประสาอะไรกับการถูกนอกใจ...”

พูดมาถึงตรงนี้คนฟังเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ที่แท้แล้วสาเหตุที่บีทกับหลานของหล่อนเลิกกัน ต้นแหตุนั้นก็เป็นที่หลานชายต่างหากที่ผิดก่อน สีหน้าเลยไม่ค่อยดีเท่าไร จะเถียงอะไรก็ไม่เต็มปากเต็มคำ

“บีทเลิกกับพี่อิฐไปแล้ว เขาจะไปคบกับใครต่อก็ไม่ผิด พวกเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ได้ลักกินขโมยกิน แอบคบกันลับหลังใครด้วย” แผ่นฟ้าตอบกลับยิ้มๆ ชัดถ้อยชัดคำเหมือนไม่คิดอะไร แต่คนฟังกลับหน้าร้อนผ่าว เพราะยิ่งพูดก็เหมือนแผ่นฟ้ายิ่งโยนความผิดกลับไปที่ตัวญาติผู้พี่ทั้งหมด บีทกลับเป็นผู้เสียหาย สมควรได้รับการชดเชยด้วยซ้ำไป

“เอาเถอะ ถือว่าอาไม่ได้พูดก็แล้วกัน” เพทายฟังหลานชายห่างๆ ยอกย้อนแล้วก็ขี้เกียจจะเถียง เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งเอากระดูกมาแขวนคอแท้ๆ จึงได้แต่ถอนตัวออกไปท่าเดียว

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้...” รอจนเพทายเดินออกไปไกลแล้วบีทจึงค่อยเอ่ยลอยๆ ขึ้นมา

“ไม่ทำไม่ได้ต่างหาก”

“ไม่กลัวจะโดนหาว่าก้าวร้าวหรือไง”

“ช่างสิ ก็แค่ญาติห่างๆ เท่านั้น อย่าว่าแต่น้าเพทาย ต่อให้ป้าทิพย์มาเองผมก็ไม่ทนเหมือนกัน” แผ่นฟ้าคุยโว

“เก่งเหลือเกิน...” บีทพึมพำเบาๆ แต่คนข้างๆ ก็ยังได้ยิน

“ผมแค่อยากปกป้องคุณบ้างเท่านั้น” แผ่นฟ้าเอ่ยเอาใจพลางทอดสายตาอบอุ่นมองมา 

บีทลอบยิ้มเงียบๆ ส่วนลึกในใจก็รู้สึกพอใจกับท่าทีของเขา บางครั้งคนเข้มแข็งถูกปกป้องก็รู้สึกไม่เลวเลย

ต่อให้เขาจะถูกมองยังไง เขาก็ไม่ใส่อยู่แล้ว หรือถ้าหากจะต่อปากต่อคำ ก็ทำได้ไม่ยาก  ทว่าการที่ตัวเองเอาแต่เงียบฟังเสียงคนอื่นออกปากปกป้องตัวเองกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

ในหัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด 



..

หลังจากจบจากสงครามน้ำลายอันดุเดือด งานเลี้ยงดำเนินไปจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว แผ่นฟ้าจึงปลีกตัวออกมากับบีทสองคน หามุมสงบโล่งๆ ที่สามารถมองเห็นดอกไม้ไฟได้ชัดเจน

ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาหลายครั้งเตรียมตัวรับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่

“5 4 3 2” ดอกไม้ไฟสาดกระจายเต็มฟ้า “แฮปปี้นิวเยียร์...”

“Akemashite  Omedetou…  kotoshimo yoroshiku onegaishimasu” คำตอบยาวๆ ที่ได้ทำให้แผ่นฟ้าเบิกตากว้างอย่างงุนงง

บีทเห็นหน้างงเป็นไก่ตาแตกของเขาแล้วเผลอหัวเราะออกมาจากนั้นจึงแปลเป็นไทยว่า “สวัสดีปีใหม่ ปีนี้ก็...ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

ไม่ว่าเปล่าบีทยังโค้งให้เขาอย่างสุภาพอีกด้วยทำเอาแผ่นฟ้าถึงกับมองตาค้าง เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าคนญี่ปุ่นนั้นสุภาพและถ่อมตัว บางครั้งยังคิดเลยว่าบีทที่เย่อหยิ่งนั้นไม่เห็นจะเข้ากับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นสักนิดไม่รู้ว่าเป็นไกด์มาตั้งนานได้อย่างไร ที่จริงก็แปลกใจตั้งแต่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานบริการได้แล้วด้วยซ้ำ! แต่วันนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่า ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสุภาพก็ทำได้.. เพียงแค่อยากทำหรือไม่ก็เท่านั้นแหละ

“ได้ๆ ฝากตัวด้วยๆ  เอ่อ... ปีหน้าไปเคาน์ดาวน์ที่อื่นด้วยกันนะ” แผ่นฟ้าฉีกยิ้มแล้วเอ่ยชักชวนอย่างกระตือรือร้น

บีทเหลือบตามองเขานิ่งๆ พลางคิดขึ้นมาว่า สถานะลุ่มๆ ดอนๆ อย่างพวกเขาสองคน จะคบหากันได้นานจนถึงปีหน้าเลยหรือ... เขาข้องใจอยากถาม ทว่าเห็นรอยยิ้มกว้างขวางของอีกฝ่ายแล้วก็เปลี่ยนใจ...

เห็นแก่บรรยากาศดีๆ ในตอนนี้แล้วไม่พูดอะไรไม่ดีจะดีกว่า...

เขาได้แต่ครางรับในลำคอเบาๆ  “อืม... ปีหน้าก็อยู่ด้วยกันอีกนะ”
++++++++++



อยากจะบอกว่า 20ตอนจบนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 18 [29/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-03-2018 19:45:15
อยากให้บีทมีความสุข ^^

อยากรู้จริงๆ ว่าอิฐมันรู้สึกอะไรบ้างไหมกับการนอกใจบีท
เกลียดว่ะ!!!
ขอไม่ไปอ่านเรื่องนั้นนะคะ ทำใจไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 18 [29/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-03-2018 20:22:57
เนี่ย ชอบเวลาบีททำตัวน่ารักแบบนี้ น่าเอ็นดูเนอะ

แล้วแผ่นฟ้าก็จะดุ๊กดิ๊กเป็นพิเศษ ฮาาา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 19 อัพๆๆๆ [30/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 30-03-2018 20:58:00
-19-

ผ่านปีใหม่ไปได้ไม่นานบีทก็ทำสัญญาซื้อขายคอนโด ผู้ซื้อโอนเงินมัดจำมาให้อย่างรวดเร็ว ส่วนแผ่นฟ้าก็เจ้ากี้เจ้าการเก็บของใช้ส่วนตัวของบีทมาไว้ที่บ้านของเขาอย่างว่องไวไม่แพ้กัน ครั้นบีทบอกแผ่นฟ้าว่าคนซื้อไม่ได้เร่งให้เขาย้ายออกสักหน่อย แผ่นฟ้ากลับตอบกลับหน้าตาเฉยว่า “เขาไม่รีบแต่ผมรีบ”

บีทไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้วพอเจอคำตอบกำปั้นทุบดินก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำ ปล่อยให้แผ่นฟ้าย้ายของเข้ามาตามใจชอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นจำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และของมีค่าต่างๆ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ก็ปล่อยทิ้งไว้ในห้องตามเดิมอย่างที่เขาเคยเสนอเมื่อไม่นานมานี้

เมื่อบีทมีเวลาว่างจึงกลับไปสำรวจดูข้าวของที่เหลืออยู่ เขาพบว่ายังเหลือของใช้ยิบย่อยบางส่วน

บีทไล่เก็บของใช้ส่วนตัวอย่างเชื่องช้า เพราะเกรงว่าจะลืมของสำคัญทิ้งไว้ เมื่อเดินวนรอบห้องและเดินเข้าไปในห้องนอนก็พบว่ามีของเหลือให้เก็บไม่มากแล้ว แต่สิ่งที่สะดุดตากลับกลายเป็นกรอบรูปถูกคว่ำไว้ บีทจำได้ว่ามันเป็นรูปคู่

เขาเดินไปที่โต๊ะ อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาดู

เมื่อแผ่นฟ้าพาคนรับใช้ตามมาที่ห้องแล้วเห็นบีทนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ในมือถือของบางอย่างอยู่ก็ชะงักไปนิดหนึ่งแต่ก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว เขาบอกให้คนขับรถคนใหม่ขนของที่จัดเสร็จแล้วลงไปที่รถ ส่วนตัวเองเข้ามายืนข้างๆ เตียง

ในมือบีทมีกรอบรูปใบหนึ่งอยู่ในมือ ต่อให้มันไม่ได้หันออก แผ่นฟ้าซึ่งมาที่นี่ก่อนหน้าย่องต้องรู้ดีว่ารูปนั้นเป็นรูปของใคร เขารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทว่าพยายามข่มกลั้นไว้แสร้งถามว่า “คุณเก็บของเสร็จแล้วเหรอ?”

“เสร็จแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้โฉมกับนวลมาทำความสะอาดห้องให้นะ”

“อือ...” บีทรับคำเหม่อๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง

แผ่นฟ้ามุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นวางบนไหล่บีทแล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “คุณควรต้องเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว อะไรที่ไม่ดีก็อย่าเอาไปเลย ทิ้งมันไว้ที่นี่แหละ”

บีทกะพริบตาทีหนึ่ง แววตามีความรู้สึกขึ้นมาหันไปพยักหน้าให้แผ่นฟ้า อึดใจต่อมา เขาวางกรอบรูปเล็กๆ ในมือคว่ำลงบนเตียงแล้วขยับตัวลุกขึ้น

“ผมเสร็จธุระแล้ว เรากลับกันเถอะ บอกนวลกับโฉมตอนมาทำความสะอาดด้วยว่า ของที่เหลือผมไม่ต้องการแล้ว ให้ทิ้งไปได้เลย”

หลังจากเก็บของออกไปไม่นาน ห้องที่บีทเคยอาศัยอยู่สี่ปีก็เป็นของคนอื่นไปแล้ว แต่จะขายหรือไม่ขายจะต่างอะไรกันเล่า ในเมื่อต่อให้ไม่ขายเขาก็ย้ายมาอยู่บ้านแผ่นฟ้าแล้วอยู่ดี และคล้ายกับว่าได้หอบหิ้วเอาความรงจำทั้งดีและร้ายเหล่านั้นหายไปด้วย

                เรื่องราวของอิฐเหมือนละอองน้ำบางเบาที่ค่อยๆ จางหาย เพียงเพราะคนเป็นน้องชายดึงเขาออกมาจากสถานที่แห่งนั้นแล้วยัดเยียดความทรงจำใหม่ๆ มาให้

                หลังปีใหม่มานี้บีทรู้สึกว่าแผ่นฟ้าขยันขันแข็งกว่าเดิมมาก เขาอาจจะไม่ได้ไปรับบีทที่สนามบินแล้วแต่กลับจ้างคนขับรถคนใหม่ไปรับไปส่งบีทแทน

ข้อดีก็มีอยู่... นั่นทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องฝากรถไว้ที่สนามบิน ไม่ต้องขับรถไปกลับเอง สามารถหลับระหว่างเดินทางได้ง่ายๆ ส่วนข้อเสีย... แผ่นฟ้าอยากจะให้เขาเป็นง่อยหรือไงกัน!

                เพราะแผ่นฟ้าเจ้ากี้เจ้าการอย่างนี้... ชีวิตของบีทจึงมิได้เงียบเหงาโดดเดี่ยวเหมือนเดิมแล้ว ต่อให้แผ่นฟ้าไม่อยู่บ้านหลังใหม่ยังมีทั้งคนทั้งหมาอยู่เต็มไปหมด จากที่เคยรำคาญก็เริ่มเคยชินขึ้นมาบ้างแล้ว ราวกับว่าตัวเขาได้หลอมรวมไปกับที่นี่ กิน นอน ทำงาน... ใช้ชีวิตประวันอย่างปกติสุข

                เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงกลางเดือนกุมภา ในวันวาเลนไทน์แผ่นฟ้ามอบดอกไม้พลาสติกสีดำให้เขาดอกหนึ่ง คนให้ทำราวกับว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่น่ายกย่องเสียเหลือเกิน

                บีทเห็นดอกไม้แล้วรู้สึกเฉยชามาก เพราะมันก็แค่สวยแต่กินไม่ได้ เขาไม่ค่อยชอบของขวัญไร้ประโยชน์อย่างนี้เลยไม่ปลื้มอะไร ตอบออกไปอย่างเย็นชาว่า “ขอบใจ แต่ผมไม่ค่อยชอบดอกไม้”

                แผ่นฟ้าที่หน้าบานเป็นกระด้งตอนมอบดอกไม้ให้เลยหน้าหดเหลือสองนิ้ว บีทเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้เลยยื่นมือไปรับไว้ แล้วเดินหายไปหยิบกล่องช็อกโกแลตมาส่งให้แผ่นฟ้ากล่องหนึ่ง

                คนรับมองของสิ่งนั้นเหมือนของล้ำค่าจนบีทส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้

                “ไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าจะได้ช็อกโกแลตจากคุณ คนญี่ปุ่นมักจะให้ช็อกโกแลตคนที่ชอบในวันวาเลนไทน์ใช่ไหม?” พอได้ยินประโยคหลังบีทถึงเข้าใจว่าทำไมแผ่นฟ้าถึงมีท่าทีตื่นเต้นดีใจมากนัก

                “อืม... แต่ของผมเป็นของขวัญตามธรรมเนียมนะ” บีทเอ่ยขัด ทำลายความหวังแผ่นฟ้าให้พังครืนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ได้อยู่ดี

                “ช่างเถอะ แค่ได้ก็ดีแล้ว” แผ่นฟ้ารำพึงเบาๆ อย่างปลอบตัวเอง พลอยทำให้บีทเผลอหัวเราะแล้วตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี

                “ต้องดีอยู่แล้ว อย่างน้อยของขวัญจากผมก็ยังกินได้นี่”

                ได้ยินอย่างนั้นแล้วแผ่นฟ้าเลยคลี่ยิ้มแล้วหันไปเอาอกเอาใจอีกฝ่ายทันที “ถึงของขวัญจากผมจะกินไม่ได้ แต่ผมพาคุณออกไปกินได้นี่...”

                บีทเหลือบตามองแผ่นฟ้าแล้วยิ้มให้ “ได้ ให้คุณออกตังค์ ส่วนผมเลือกร้านเอง”

                “ได้... ที่ไหนก็พาไป ยกเว้นที่นึง”

                “ที่ไหน?”

                “ร้านก๊วยเตี๋ยวเรือ” คำตอบแผ่นฟ้าออกมาพร้อมใบหน้าเบื่อๆ ทำเอาบีทหลุดหัวเราะออกมา

                “แน่นอน วาเลนไทน์ทั้งที ผมไม่ยอมให้คุณพาไปเลี้ยงของถูกขนาดนั้นหรอก!!”

                เมื่อดินเนอร์อันหรูหราผ่านไป ค่ำคืนร้อนแรงก็เข้ามาแทนที่ คลับคล้ายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว พวกเขาสองคนกอดกัน จูบกัน มีอะไรกันนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่ขาดหายคือคำบอกรักที่วนเวียนกรอกหูไม่เลิกรา

                บีทฟังคำบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฟังจนเกือบเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงไปแล้ว แต่บางครั้งคำโกหกก็เยียวยาหัวใจและทำให้อารมณ์ดีกว่าความจริงที่ทำร้ายไม่ใช่หรือ การร่วมเตียงกับคนที่รักเขาย่อมดีกว่าคนที่เกลียดเขาแน่อยู่แล้ว เขาก็เลยยอมทนฟังต่อไปโดยไม่เอ่ยขัด จากนั้นก็ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

                ทว่าในค่ำคืนของวันวาเลนไทน์กลับพิเศษมากกว่าทุกวัน แผ่นฟ้าแนบร่างเปลือยกับแผ่นหลังชื้นกระชับกอดให้แน่นเข้า พลางสอดมือเข้าไปหยิบของบางอย่างใต้หมอนหนุน ท่ามกลางความมืด เขาดึงมือบีทมาสวมแหวนให้เบาๆ

                “คุณต้องเริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะ.... แล้วคนคนนั้น ขอให้เป็นผมเถอะ” แผ่นฟ้าเอ่ยขึ้นมา ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป ในใจก็คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาได้ยินพอดี ทว่าความอ่อนเพลียทำให้บีทหลับสนิทไม่รู้เรื่องราวไปแล้ว และแผ่นฟ้าก็ไม่ใจร้ายมากพอที่จะปลุกเขา จึงได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วเอนตัวลงนอนบ้าง

                แผ่นฟ้าออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว บีทตื่นสาย ดังนั้นตอนที่เขารู้ตัวในห้องน้ำว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ก็ไม่มีโอกาสถามเหตุผลของเจ้าตัวต่อหน้าแล้วและบีทก็ไม่ได้โทรไปถามด้วย เขาทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเตรียมตัวออกไปทำงานตามปกติ

                หลายวันต่อมาบีทยังคงอยู่ที่ญี่ปุ่น ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างดีเยี่ยม เต็มที่กับงานจนลืมแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันอะไร... ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างประหลาดใจมากตอนที่เดินทางมาถึงห้องพักแล้วพบว่าแผ่นฟ้าในชุดสูทเต็มยศยืนรอเขาอยู่ที่หน้าห้อง ในมือถือกล่องกระดาษขนาดใหญ่ไว้

                “คุณมาได้ยังไง...” บีทถามอย่างแปลกใจ น้ำเสียงและแววตาแสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ไม่ได้กักเก็บอย่างมิดชิดเหมือนปกติ

                แผ่นฟ้าเงยหน้าขึ้นหันไปมองคนถามด้วยสายตาอ่อนโยน เรียวปากคลี่ยิ้มยินดีแล้วตอบว่า “อยากเอาของกินมาเป็นของขวัญ”

                บีทขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนักแต่ก็เดินเข้ามาใกล้แล้วก้มมองกล่องกระดาษในมือแผ่นฟ้า ด้านบนใสจนมองเห็นได้ว่าด้านในคือเค้กปอนด์ก้อนหนึ่ง

                “สุขสันต์วันเกิด”

                บีทพูดอะไรไม่ออก แววตาประหลาดใจยังคงอยู่ที่เพิ่มเติมคือแววตาที่ค่อยๆ ส่ายไหว ริมฝีปากสั่นระริก ภายในอกกระหน่ำรุนแรงโครมครามเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน ฉับพลันนั้นเองเขาก็คว้าหมับเข้าที่ลำคออีกฝ่ายดึงให้เข้ามาจูบ แผ่นฟ้าตกใจเหมือนกันแต่ก็ยอมจูบแต่โดยดี

                “ตกใจหมดเลย ดีนะไม่ทำเค้กหล่น” เมื่อผละจูบแล้วแผ่นฟ้าจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า

                “ช่างเค้กเถอะ ถ้าตอนนี้มีอะไรที่ผมอยากกินละก็ น่าจะเป็นคุณมากกว่า”

                แผ่นฟ้าเลิกคิ้วสูงอย่างมึนงง ในขณะที่บีทไม่สนใจ เขาหันไปเปิดห้องพักแล้วดึงแผ่นฟ้าให้ตามเข้ามา

เมื่อห้องปิดลงแล้วเค้กในมือแผ่นฟ้าก็ถูกแย่งเอาไปวางทิ้งๆ ขว้างๆ และถูกลืมไปโดยปริยาย จากนั้นเจ้าของเค้กกลับเป็นฝ่ายถูกบีทลอบคราบแล้วจับกินอย่างมูมมาม ราวกับว่าอีกฝ่ายเก็บกดอัดอั้นมานานแสนนานอย่างนั้นแหละ...

                แผ่นฟ้ารู้สึกว่าการลงทุนของเขาคุ้มค่าอย่างที่สุด น้อยครั้งที่บีทจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนอย่างนี้ พวกเขามีเซ็กซ์กันนับครั้งไม่ถ้วน แต่บีทเพิ่งใช้อุ้งปากรองรับตัวตนของเขาเป็นครั้งแรก จากนั้นก็ปรนนิบัติอย่างเอาใจ ทำให้เขาสมความปรารถนาได้ไม่ยากเย็น

แต่ความสุขสมของเขามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมนี้เท่านั้น บีทไม่ใช่คนที่ปล่อยให้คนอื่นมีความสุขฝ่ายเดียวอยู่แล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้มองว่าเป็นข้อเสียอะไร ดูจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องเสียด้วยซ้ำ เพราะชายหญิงร่วมเตียงกันส่วนหนึ่งก็เพื่อสืบพันธุ์ตามธรรมชาติแต่ผู้ชายด้วยกันไม่ใช่... (ไม่รับรวมพี่ชายของเขาที่แปลกแยก) ดังนั้นเมื่อการร่วมรักเกิดขึ้นโดยไม่มีเรื่องการมีลูกเข้ามาเอี่ยว แปลว่าสองฝ่ายย่อมเท่าเทียมกัน ต่างสมควรได้รับความสุขร่วมกันทั้งสองฝ่าย เขาจึงไม่ถือสาความเอาแต่ใจของบีทที่เรียกร้องความสุขนั้นด้วยตัวเอง เขาไม่สึกแย่อะไร ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่อยากจะเสียบเขาขึ้นมาละก็นะ

ตอนนี้แผ่นฟ้านอนหงายอยู่บนเตียงมองหน้าบีทที่คร่อมเขาอยู่ด้านบน ขยับสะโพกรับตัวตนของเขาเข้าออกอย่างเชื่องช้า บีทเป็นคนไม่ค่อยพูดมาก แต่เวลาไม่พอใจมักจะชักสีหน้าอัตโนมัติ เวลาอย่างนี้ก็เช่นกัน เสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงครวญครางแหลมสูงจนน่ารำคาญ แต่เป็นเสียงหอบหายใจปะปนเสียงครางทุ้มต่ำแผ่วเบา ใบหน้าขาวขับสีเลือดเล็กน้อยระหว่างเคลื่อนไหวขึ้นลง การเสียดสีเหล่านั้นทำให้เขาเกร็งตัว ความเสียดเสียวแล่นริ้วไปทั่วร่าง ปลดปล่อยความต้องมาอย่างเต็มอารมณ์ เขาคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้บีทช่างร้อนแรงเหลือเกิน...

หลังจากอาบน้ำด้วยกัน ทั้งสองก็กลับมานอน บีทไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับแหวนแต่แผ่นฟ้าก็สังเกตเห็นว่ามันยังคงติดอยู่บนนิ้วอย่างเดิม เขาอดอมยิ้มน้อยๆ ไม่ได้

“คิดอะไรอยู่เหรอ?” บีทถามอย่างสงสัยที่เห็นรอยยิ้มของเขา

“เปล่า ผมแต่มีความสุขเวลาอยู่กับคุณ...” ชายหนุ่มส่ายหน้า เขายกมือขึ้นลูบแก้มเขาเบาๆ

                หึ... บีทแค่นยิ้มน้อยๆ คล้ายพึงพอใจในคำตอบ

                หลังจากผ่านค่ำคืนอันอบอุ่นรุ่มร้อนมาแล้ว แผ่นฟ้านอนตะแคงตัวโอบกอดบีทไว้อย่างนั้นจนใกล้รุ่ง นาฬิกามือถือดังปลุกขึ้นมา แผ่นฟ้าจึงต้องข่มความง่วงงุนลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว

บีทสะลึมสะลือขึ้นมาเมื่อมีเสียงรบกวนแต่เมื่อเสียงงั้นเงียบไปก็หลับต่อไป จนกระทั่งแผ่นฟ้าแบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินกลับมาที่เตียงแล้วก้มลงจูบหน้าผากเขานั่นแหละ บีทจะตื่นขึ้นมาอีก

แม้จะหงุดหงิดเล็น้อยที่มีคนมากวนตอนกำลังหลับ ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นฟ้าแต่งตัวเต็มยศก็ต้องเลิกคิ้วสูง

 “นี่คุณ จะไปไหนเหรอ?”

“ต้องกลับแล้ว”

“อะไร? นี่คุณมาแค่นี้เหรอ?”

“อือ แค่อยากมาเซอร์ไพรส์คุณ ที่จริงก็อยากอยู่นานๆ แต่งานยุ่งๆ น่ะ”

บีทพูดอะไรไม่ออก ในใจรู้สึกวูบโหวงอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเลย แต่เขาโตแล้วไม่อาจจะงอแงเหมือนเด็กได้ มีแค่พยักหน้ารับไปเท่านั้น

แผ่นฟ้ายิ้มกว้างก้มลงจูบหน้าผากบีทซ้ำอีกครั้งแล้วบอกด้วยเสียงทุ้มนุ่ม “ผมจะรอคุณอยู่ที่บ้านของเรานะ”

เสียงประตูปิดลงหลังจากนั้นไม่นาน ส่วนคนบนเตียงที่ง่วงแทบแย่ ทว่าตอนนี้กลับตาแข็งค้าง บีทยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม กับความรู้สึกที่เหมือนโดนจับแช่แข็งไว้  กำแพงใจถูกพังทลายจนย่อยยับ

แผ่นฟ้าทำเกินไปแล้วจริงๆ เขาไม่ควรทำดีกับบีทถึงขนาดนี้ ต่อให้เขาจะใจแข็งสักแค่ไหน แต่ไม่ถึงกับไร้หัวใจ มีคนมาทำอะไรดีๆ เหมือนเขาเป็นคนพิเศษแบบนี้บ่อยๆ จะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก

ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดก็คือกลับไปที่ “บ้านของเรา” เดี๋ยวนี้เลย แต่เพราะทำไม่ได้ ดังนั้นช่วงเวลาแค่วันสองวันที่ต้องอยู่ญี่ปุ่นจึงยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกันต์

บีทกลับไทยตอนบ่ายวันเสาร์ ดังนั้นพอกลับไปถึงบ้านจึงได้เจอแผ่นฟ้ากับโฟร์วิลด์รออยู่ที่โถงหน้าบ้าน พอบีทเจออีกฝ่ายก็สาวเท้าเข้าหาแล้วโถมกอดแนบแน่นโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น

แผ่นฟ้าค่อนข้างตกใจที่บีทมีท่าทีแปลกไป แต่ก็โอบแขนกอดตอบ พลางบอกว่า “คิดถึงคุณจัง”

บีทพยักหน้ารัวๆ ครางรับแค่คำว่าอืม... ทว่าภายในหัวใจ กลับตะโกนร้องตอบ

บ้าเอ๊ย.... คิดว่าตัวเองคิดถึงเป็นคนเดียวหรือไงกันเล่า!!


++++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 19 อัพๆๆๆ [30/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-03-2018 21:43:51
บีทน่ารักจังเลยอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 19 อัพๆๆๆ [30/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-03-2018 21:54:10
ใกล้จะจบแล้ว ยังไม่อยากให้จบเลย :sad4:
ตอนนี้บีทน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-03-2018 20:26:34
-20-

ความทรมานผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นไร ความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นนั้น  จู่ๆ บีทก็ค้นพบว่าแผ่นฟ้ามีคนอื่น

ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ มันเริ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ แผ่นฟ้าก็ถอยรถป้ายแดงออกมาคันหนึ่ง ส่วนรถคันเก่าก็หายไปจากโรงรถ อาจจะเป็นเพราะที่โรงรถไม่กว้างมากพอจะจอดรถสามคันก็เป็นได้ บีทเป็นคนไม่ชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามว่าแผ่นฟ้าขายรถคันเก่าไปแล้วหรือ เขาใช้ชีวิตตามปกติต่อไปอย่างนั้น กระทั่งวันหนึ่งรถคันเก่าของแผ่นฟ้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ทว่าคนขับกลับกลายเป็นสตรีหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง

ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้าน สาวใช้ค่อนข้างลังเลว่าจะยอมให้เธอเข้ามาดีหรือไม่ เหมือนจะเกรงอกเกรงใจบีทมากกว่าถึงขั้นเดินมาถาม บีทอยากจะบอกเหลือเกินว่าให้ไล่กลับไปเถอะ เจ้าของบ้านไม่อยู่และเขาขี้เกียจจะมาต้อนรับขับสู้คนที่ไม่รู้จัก... แต่พอดูเวลาแล้วก็เปลี่ยนใจ

วันนี้เป็นวันทำงาน แต่เพราะเย็นแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเจ้าของบ้านคงจะกลับ บีทข่มใจพยักพเยิดบอกสาวใช้ให้ไปเชิญเธอเข้ามา

“อ้าว... ฟ้าไม่อยู่เหรอ?” หญิงสาวผู้มาใหม่ถามออกมาคำหนึ่งเมื่อเจอบีท

ในเมื่อไม่เห็นคนแล้วยังจะถามขึ้นมาอีกทำไม... บีทอยากจะตอกกลับไปนัก ทว่ายังสงบใจไม่พูดอะไรเสียมารยาทออกมา

“เขาไปทำงาน แต่อีกสักพักก็คงกลับแล้ว” บีทตอบสั้นๆ น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ แสร้งทำเป็นก้มหน้ามองมือถือตัวเองก่อนจะส่งข้อความไปหาเจ้าของเรื่อง

มีคนมาหาคุณที่บ้าน....

ทว่าแผ่นฟ้าไม่ตอบ อาจจะยุ่งอยู่หรือไม่ก็อาจจะกำลังขับรถกลับมา

“อ้อ... ฉันเอากุญแจรถมาคืนน่ะค่ะ ฟ้าให้ยืมหลายวันแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมา ทั้งบอกกล่าวธุระและชวนคุย แต่สำหรับบีทแล้วทำไมจะมองเจตนาอีกฝ่ายไม่ออก น่าจะตั้งใจโอ้อวดเสียมากกว่า

“เหรอครับ” บีทตอบรับสั้นๆ คล้ายไม่ยินดียินร้ายต่อข้อมูลที่เพิ่งได้รับ

แขกผู้มาใหม่หุบยิ้ม เพราะถูกความเย็นชาของบีทโจมตีเลยรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา จำต้องหุบปากไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก เปลี่ยนเป็นหยิบมือถือออกมาต่อสายแทน

คาดว่าเธอคงจะติดต่อแผ่นฟ้าได้แล้ว หลังจากรับคำสองสามคำเธอก็ตัดสาย หลังจากได้น้ำหนึ่งแก้ว หญิงสาวทนนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องรับแขกต่อไปเพื่อรอ แต่ทั้งๆ ที่บีทไม่ได้พูดด้วยทว่าไม่ได้ลุกหนีไป ยังคงนั่งกดดันอยู่ด้วยจนกระทั่งแผ่นฟ้ากลับมาถึงนั่นแหละ

“เอม...” เสียงมาพร้อมกับตัว และเจ้าของชื่อก็เด้งตัวลุกขึ้นเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

“กลับมาแล้วเหรอคะ ฟ้า?”

 “อื้อ... จะมาทำไม่โทรมาก่อนล่ะ?” แผ่นฟ้าตำหนิอย่างไม่จริงจังนักระหว่างเหลือบตามองบีทที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

“ก็กะจะมาเซอร์ไพรส์ไง” เธอบอกด้วยเสียงออดอ้อน แนบร่างบอบบางเอนพิงแขนเขา

บีทปรายตามองคนทั้งคู่แล้วในอกพลันร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่ส่งไปยังแผ่นฟ้าเหมือนจะมีเปลวไฟคุโชนอยู่ แผ่นฟ้าหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้พยายามรูดแขนออกมาจากอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

“เอ้อ อันที่จริงเราเจอกันข้างนอกดีกว่านะ ไม่น่าลำบากมาถึงนี่เลย ออกจะไกล”

ดีนี่... นัดเจอกันที่อื่นสะดวกกว่างั้นเหรอ? บีทเผลอกำมือแน่นอย่างมีโทสะ

“เอมผ่านมาแถวนี้พอดีน่ะค่ะ”

“อ้อ...” แผ่นฟ้ารับคำเหม่อๆ  เขาเอาแต่มองไปทางบีทว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไรมากกว่าสนใจสาวสวยข้างๆ เสียอีก

“เอ่อ... เอมตั้งใจเอากุญแจรถมาคืนด้วยค่ะ”

“ฮะ? เอากุญแจมาคืน? แล้วเอมจะกลับยังไง” ความหมายของเขาคือ โทรบอกให้เขาไปเอากุญแจและรถยังจะง่ายกว่า

“เอ๊ะ นั่นสิคะ เอมนี่โง่จริงๆ เลย ลงท้ายก็ต้องให้ฟ้าไปส่งอยู่ดี” หญิงสาวช่างแกล้งโง่ได้น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก จากการตำหนิอ้อมๆ กลับกลายเป็นการบังคับกลายๆ ให้เขาไปส่งเสียได้

แผ่นฟ้ามีท่าทีหนักใจ กำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางหลีกเลี่ยงอย่างไรดีถึงจะให้คนขับรถไปส่งหญิงสาวแทนได้ แต่คนที่นิ่งเงียบมาตลอดการสนทนากลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “งั้นก็รีบไปเถอะ... เดี๋ยวจะกลับมากินข้าวเย็นไม่ทัน”

ดวงตาสองคู่มองไปยังทิศทางเดียวกันทันที ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของบีทจะมีอิทธิพลต่อคนฟังทั้งสองไม่น้อย สำหรับเอมแล้วรู้สึกกดดันและหวาดๆ ขึ้นมา ส่วนแผ่นฟ้าพอจะจับสำเนียงไม่พอใจได้ถนัด

บีทตั้งใจไล่พวกเขาออกไปชัดๆ และแผ่นฟ้าไม่เห็นประโยชน์ของการดื้อรั้น ดันทุรัง เขารับคำในลำคอสั้นๆ แล้วย้ำกับอีกฝ่าย “อืม... ผมจะรีบกลับมา รอก่อนนะ”

จากนั้นแผ่นฟ้าก็จับแขนหญิงสาวแล้วพาเดินออกไป

บีทที่นั่งตัวตรง หน้านิ่งเป็นหินมาตลอดบัดนี้กลับหยิบมือถือออกมาดูวันที่ แล้วก็เหมือนบรรลุธรรม ทุกสิ่งอย่างกระจ่างแจ้งขึ้นมาในบัดดล

ผลประกอบการใกล้ออกเต็มทนแล้ว... จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง และตอนนี้คงหมดเวลาแห่งการเสแสร้งเสียที เขาได้แต่แค่นยิ้มขบขันตัวเอง คำพูดประโยคหนึ่งคล้ายดังก้องขึ้นมาอีกหน

“จนกว่าจะถึงตอนนั้น... คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าใครกันแน่ที่โกหก”

มันคงถึงเวลานั้นแล้วใช่ไหมแผ่นฟ้า...

                พวกเขาออกไปได้ไม่นาน บีทค่อยลุกขึ้นจากโซฟาอย่างอ่อนแรง ลากขากลับไปห้องตัวเองที่ชั้นล่างช้าๆ ห้องนี้เขาไม่ได้กลับมานอนตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มาก็คงไม่ได้ เพราะเขาคงไม่จำเป็นต้องกลับไปห้องนั้นอีกแล้ว...

                บีททิ้งกายลงไปฝังกับฟูกนอน พลางยกแขนขึ้นมาปิดตาตัวเอง ปิดบังแสงไฟที่สาดเข้ามาจนแสบร้าวไปทั้งกระบอกตา ขมับทั้งสองปวดตุบ ลำคอตีบตัน จู่ๆ ก็เกิดอาการคัดจมูกขึ้นมากะทันหัน เขาพลันไม่สบายอย่างหนัก สูดน้ำมูกฮึดฮัดอย่างทรมาน สองเบ้าตาแสบร้อน ใบหูเปียกชุ่มหยาดน้ำ ก่อนจะหลับไปทั้งๆ ที่คิ้วขมวดมุ่น 

                หลับไปได้ครู่ใหญ่ๆ แผ่นฟ้าก็โทรมา บีทพยายามระงับอาการช็อกหนักของตัวเองแสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้สึกรู้สาเหมือนเคย กรอกเสียงเฉยชากลับไป “ว่าไง”

                “คุณกินข้าวไปก่อนเลยนะ ผมอาจจะกลับช้าหน่อย” ปลายสายอุตส่าห์แสดงน้ำเสียงห่วงใยออกมา ทว่าคนฟังกลับหัวใจด้านชาไปเสียแล้ว

                “อืม... รู้แล้ว” บีทตอบรับแล้ววางสายไปทั้งๆ อย่างนั้น

                เมื่อเขาถูกปลุกขึ้นมาทุกอย่างก็เลื่อนลอยไปหมด อาจจะเป็นเพราะหลับไปตอนเย็นตื่นขึ้นมาจึงเวียนหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้กินมื้อค่ำอย่างที่ควร แต่ขึ้นไปชั้นบนดึงกระเป๋าเดินทางออกมา เพียงคิดจะรวบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่รวมกันออกมาจัด ก็เหน็ดเหนื่อยใจแทบบ้า

                บ้าเอ๊ย เขาไม่น่ารีบร้อนขายคอนโดไปเลย ไม่อย่างนั้น ข้าวของเครื่องใช้คงไม่มากมายขนาดนี้

                บีททั้งปวดหัวทั้งเป็นหวัดเลยหงุดหงิดหนักกว่าเก่า เพียงดึงเสื้อออกมาจากไม้แขวนตัวหนึ่งก็อยากจะดึงทึ้งเสื้อทิ้งหรือหักไม้แขวนออกมาเป็นเสี่ยงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาจะทำเรื่องน่าขันแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่สมกับเป็นเขาเลย...

                ต่อให้จะต้องแตกหักก็ควรคุยกันให้รู้เรื่องไม่ใช่รีบยอมแพ้แล้วจากไปเฉยๆ

                กว่าแผ่นฟ้าจะกลับมาก็ดึกแล้ว เขากระวนกระวายใจแทบแย่กลัวว่าบีทจะโมโหจนหนีออกจากบ้านไป  แต่เนื่องจากรถยนต์ของบีทยังคงจอดอยู่ชายหนุ่มจึงสามารถสงบจิตสงบใจตัวเองลงได้

                นวลที่ออกมาเปิดประตูบ้านให้เขารับเอาเสื้อนอกไปถือพลางรายงานว่า “คุณบีทไม่ได้ทานข้าวเย็น”

                แผ่นฟ้าถอนใจออกมาเฮือกหนึ่งหันไปสั่งให้อุ่นนมให้หนึ่งแก้ว ก่อนจะขึ้นบันไดบ้านไป

                ห้องนอนมืดสนิท แต่พอมีแสงไฟด้านนอกลอดเข้าไปบ้างจึงเห็นร่างคนนอนอยู่บนเตียงได้ แผ่นฟ้าก็ค่อยใจชื้น อย่างน้อยบีทยังไม่ได้หนีเขาไปไหน เพียงแต่งอนเล็กน้อยจนไม่ได้กินข้าวเย็น

หลังจากปิดประตูห้องเปิดไฟจนสว่าง แผ่นฟ้าก็ปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วเขย่าไหล่บีทเบาๆ

                “บีท คุณหลับแล้วเหรอ ไม่ลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยเหรอ”

                “ผมไม่หิว” บีทหลับตาตอบกลับ น้ำเสียงคล้ายสะกดกลั้นอารมณ์ไว้

                “ผมให้นวลอุ่นนมให้แล้ว ดื่มสักแก้วก็ยังดี”

                บีทไหวไหล่ ขยับตัวหนี “ไม่ต้อง”

                แผ่นฟ้ามีสีหน้าลำบากใจ เอาเอนกายลงนอนแล้วโอบแขนโอบกอดเอวบีททั้งผ้าห่มไว้ คนที่ถูกกอดขยับตัว จับมือของเขาออกจากเอวตัวเองทว่าแผ่นฟ้ายังดื้อดึงพยายามแนบร่างเข้าไปชิดกว่าเดิม ริมฝีปากแตะที่หลังคอของบีทพลางเม้มจูบเบาๆ อย่างออดอ้อน แต่นั่นกลับเป็นการสุมไฟโทสะของบีทให้คุโชนขึ้นกว่าเก่า

                “ถอยไป...”

                “ผมทำอะไรไม่พอใจเหรอ?” น้ำเสียงแผ่นฟ้าเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิด

                บีทดีดตัวขึ้นจากเตียงทันทีเหมือนไฟลนพร้อมใบหน้าถมึงทึงหันไปหาอีกฝ่ายที่ค่อยยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าคิ้วย่นเล็กน้อย “ไม่ใช่แค่ไม่พอใจนะ แต่ผมรังเกียจเลยแหละ”

                แผ่นฟ้าถอนใจออกมาพลางอธิบาย “ถ้าคุณไม่พอใจเรื่องเอมนะ ผมกับเขาไม่มีอะไรกัน”

                “อ้อ... คุณหายไปด้วยกันทั้งคืนแบบนี้ ผมควรเชื่อว่าไม่มีสินะ  คุณเห็นผมเป็นคนหูหนวกตาบอดหรือไม่มีสมองใช่ไหม?”

                “เราแค่คุยเรื่องงาน ก็เลยนานไปหน่อย”

                “งาน?”

                “อือ...”

                “งานด้านไหนเหรอที่ต้องให้รถเขาไปยืมขับ.... ไม่ทราบว่างานบนเตียงหรือในอ่าง?”

                แผ่นฟ้าถอนใจออกมาอีกคำรบหนึ่ง บางครั้งเขาก็คิดนะว่านอกจากเรื่องบนเตียงแล้ว เรื่องอื่นๆ บีทก็ ไม่ได้ต่างจากเขา ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว กิริยาท่าทาง ก็คือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่มาตอนนี้เพิ่งพบว่าบีทนั้นช่างต่อปากต่อคำ ช่างประชดประชันขนาดนี้  นี่ไม่ใช่นิสัยผู้หญิงหรือไงกัน...

                “ผมกับเอมกำลังตกลงกันว่าจะลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แล้วบังเอิญรถเอมก็เกิดไปชนขึ้นมา ผมก็เลยให้รถเธอยืมแค่นี้เอง...”

                “อ้อ.. หุ้นส่วนการค้า หรือหุ้นส่วนชีวิตกันล่ะ บอกมาเลยตามตรงดีกว่า ถ้าเป็นอย่างหลังผมจะได้รู้ตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเป็นส่วนเกินในชีวิตคุณ” คล้ายคำตอบของเขาทำให้บีทยิ่งอารมณ์ขึ้นกว่าเก่า สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งเจ็บปวดน้อยใจ

                “ก็แค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นจริงๆ คุณอย่าคิดมากได้ไหม?”

                “ผมเนี่ยนะคิดมาก? ลองคิดดูสิ ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีเงินมากพอจะมาทำธุรกิจร่วมกับคุณได้ คงไม่ได้มีรถคันเดียวใช้แน่ๆ จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องมาขอยืมรถคุณน่ะ?”

ใบหน้าแผ่นฟ้ายังคงแสดงความลำบากใจดังเดิม ทว่าไม่มีเค้าลางของความตื่นตกใจใดๆ ทั้งสิ้น มันทำให้บีทผิดหวังขึ้นมา

                “คุณก็คงรู้อยู่แล้วว่ามันก็แค่คำถามลองใจคุณ แต่คุณก็ยังไม่ปฏิเสธ”

                “ผมก็แค่อยากจะแสดงความมีน้ำใจเท่านั้น” แผ่นฟ้าตอบอ้อมแอ้ม อันที่จริงเอมอยากให้เขาไปรับไปส่งต่างหาก แต่แผ่นฟ้าเลี่ยงไป เปลี่ยนเป็นให้เธอยืมรถแทน

                “แล้วคุณไม่รู้หรือไงว่าเขาชอบคุณ”

                “บีท...” แผ่นฟ้าได้แต่เรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าลำบากใจ

                “ก็รู้อีกนั่นแหละ... แต่คุณก็ไม่ใส่ใจ อืม...ผมเข้าใจแล้ว”

                สิ้นสุดคำถามที่ต้องการ เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ บีทพยักหน้าพร้อมส่งแววตาผิดหวัง  เขาขยับเท้าคล้ายจะเดินออกไป  ทว่าแผ่นฟ้าคว้าแขนเขาไว้เสียก่อน รีบอธิบาย

                “บีท... ฟังผมหน่อยได้ไหม จริงอยู่ว่าผมรู้ทุกอย่าง แต่แล้วยังไงล่ะ เขาอาจจะชอบผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขานี่ ผมแค่ดีกับเขาบ้าง ก็เพราะเราต้องทำธุรกิจร่วมกัน  แต่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณนะ”

                “นี่คุณบ้าหรือเปล่า? คุณใกล้ชิดกับเธอ ทำงานกับเธอ ให้ความหวังเธอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมไม่ทราบ หรือคุณแค่เคยชิน เสพติดเซ็กซ์จากผม กลับไปเอาผู้หญิงแล้วไม่เร้าใจพอก็เลยรั้งผมไว้ด้วยล่ะ?”

                “ไม่ใช่...” แผ่นฟ้าตอบได้แค่นั้น...  ไม่รู้จะตอบยังไงต่อไปดี

                “ไม่ใช่แล้วยังไง ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพี่คุณหรอก แอบมีคนอื่นลับหลังผม ปากก็พูดอยู่แต่ว่าไม่มีอะไร ไม่คิดอะไร แล้วสุดท้ายก็มีแต่ผมที่โง่ ที่เจ็บอยู่คนเดียว!! บอกเอาไว้เลย ในขณะที่ผมไม่มีคนอื่น ผมก็ไม่อนุญาตให้คุณมี แต่ถ้าคุณอยากจะมีก็แปลว่าเรื่องของเรามันจบลงตรงนี้ คุณเข้าใจไหม” บีทตะเบ็งเสียงใส่ ร่ายยาวเพื่อระบายความอัดอั้น ขอบตาแสบร้าวเหมือนปริ่มน้ำขึ้นมานิดๆ แล้ว

                “บีท...นี่คุณ...” แผ่นฟ้าเลิกคิ้วแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจจนบีทยิ่งโมโห

                “คุณยิ้มทำไม?”

“เมื่อครู่ คุณบอกว่าเจ็บใช่ไหม? แล้วคุณก็ไม่ยอมให้ผมมีคนอื่นด้วย ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด คุณกำลังหึงผมใช่ไหม”

                คนถามคลี่ยิ้มตื่นเต้นส่วนคนถูกถามเริ่มระบายสีแดงไปทั่วใบหน้า ทั้งเขินทั้งโมโหปนกันให้ยุ่งไปหมด

                “ผมก็แค่... แค่... โธ่เว้ย หึงแล้วทำไม ก็คุณเป็นคนบอกรักผมเอง ทำดีกับผมเอง ผมก็คิดน่ะสิว่าคุณเป็นคนของผม จู่ๆ คุณก็เปลี่ยนไปจะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง”

                “ถ้าคุณรักผม งั้นก็ควรรั้งผมไว้สิ ไม่ใช่ไล่กันแบบนี้” แผ่นฟ้าเปรยขึ้นมาพลางส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปให้

                เมื่อครู่พูดว่าหึง ต่อมาพูดว่ารัก บีทฟังแล้วปั้นหน้าไม่ถูก จะยอมรับก็ไม่ได้จะเถียงก็ไม่ออก ได้แต่ทำหน้าตะบึงตะบอนอย่างเดิม “ไม่เอาแล้ว ผมไม่คิดจะรั้งคนที่หมดใจไว้อีกแล้ว  ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะพูดจริงหรือโกหก ถ้าตอนนี้คุณเจอคนที่ใช่แล้วจริงๆ ก็บอกมาตรงๆ ดีกว่า ผมจะได้ตัดใจได้ ไม่ต้องโกรธแค้นคุณ”

                แผ่นฟ้าเข้าใจ บีทคงจะเหนื่อยแล้วจริงๆ นิสัยของเจ้าตัวเป็นคนเย่อหยิ่ง ฟอร์มจัดขนาดนี้  แต่กลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างวางแผนตั้งมากมายเพื่อทำให้พี่อิฐกลับไปหา แต่ลงท้ายแล้วต่อให้ทำให้เด็กคนนั้นจากไปได้ แต่พี่อิฐก็ยังไม่กลับมา ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่าแท้ๆ มาตอนนี้เขาคงปล่อยวางได้บ้างแล้ว...

                จะว่าไปสิ่งที่บีทว่าก็ถูก ไม่ว่าเขาจะคิดไว้ยังไง แต่ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องในอนาคต โดยเฉพาะบีทเองก็มีปม เรื่องแนวนี้เคยเกิดขึ้นแล้วคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก เขาเองก็ไม่ควรปิดบังเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจจะเลวร้ายขึ้นมาก็ได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดอกพูดความจริงเสียเลย...

                “ความจริงก็คือ...ผลประกอบการออกแล้ว... ถึงจะไม่เป็นทางการ แต่คงไม่พลิกล็อกได้หรอกมั้ง บีท... ผมแพ้แล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่อยากจะเสียไปมากที่สุดก็คือคุณ” แผ่นฟ้าจ้องหน้าบีทแล้วส่งสายตาแสนเศร้า มันไม่ใช่แค่ความเสียใจ มันมีทั้งความผิดหวัง ความล้มเหลว ความหวาดกลัวอยู่เต็มไปหมด

                บีทไม่ได้สนใจเรื่องบริษัทมาแต่ไหนแต่ไร แต่เมื่อพบความเศร้าจากแววตาของอีกฝ่ายในใจก็เจ็บปวดขึ้นมาด้วย เมื่อความสงสารพุ่งขึ้นมาความโมโหโกรธเกรี้ยวก็ค่อยทุเลาลงบ้าง เขายกมือแตะไหล่ที่ตกลู่ของแผ่นฟ้าคล้ายปลอบ

                “ผมขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ผมแค่อยากจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่อยากให้คุณต้องกังวล”

                “คุณจะจัดการยังไง?” ในคำถามนั้นบีทก็หวั่นกลัว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ตกลงแล้วการมีอยู่ของเขา สามารถช่วยเหลือแผ่นฟ้าอย่างไรได้บ้าง

ถ้าแผ่นฟ้าอยากใช้เขาต่อรองกับอิฐจริงๆ เวลานี้ก็เป็นเวลาที่ก็เหมาะสมแล้วที่แผ่นฟ้าจะตัดขาดจากเขา แต่แผ่นฟ้ากลับพยายามรั้งเขาไว้ เขาเลยสับสนไปหมดแล้ว

“อันที่จริงถึงจะไม่ได้เป็นประธานแล้วถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งกรรมการตามเดิมมันก็คงไม่หนักหนาอะไรหรอก แต่ผมไม่รู้ว่าพี่อิฐจะเอายังไงกับคุณ หรือคุณจะเป็นยังไงต่อไปนี้ ผมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมไม่ได้... อย่างน้อยๆ ผมก็ควรเตรียมการอะไรไว้บ้าง”

“คุณก็เลยอยากจะทิ้งอิทธิฤทธิ์กรุปไปอย่างนั้นเหรอ?” บีทเริ่มคาดเดา

“ใช่... ถ้าไม่มีผมสักคน ต่อให้คุณทำงานอยู่ที่เดิม พี่อิฐคงจะวางใจว่าคุณจะไม่สามารถเข้าไปยุ่ง หรือไปก้าวก่ายชีวิตเขาได้อีกแล้ว... หรือต่อให้เขาจะเอาคุณออกให้ได้ คุณก็สามารถมาทำงานกับผมได้”

“ทำงาน? นี่คุณจะเปิดบริษัททัวร์ด้วยเหรอ?”

“อือ...”

“นี่คุณ...”   

บีทพูดอะไรไม่ออกแล้ว คลับคล้ายมีอะไรมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด แผ่นฟ้าคิดถึงเขา ทำเพื่อเขามากมายขนาดนี้  แล้วเขาล่ะ ได้ทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายบ้าง แต่ต่อให้คิดกลับไปกลับมาเท่าไรก็ยังไม่พอใจกับวิธีการของอีกฝ่ายอยู่ดี

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะไม่ชอบให้แผ่นฟ้าหลอกใช้คนอื่นหรือเป็นเพราะหวงเขาไม่อยากให้ใกล้ชิดคนอื่นกันแน่...

                “ผมดีใจนะที่รู้ว่าคุณทำเพื่อผมมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับเธอคนนั้นจริงๆ มันก็ไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไร เพราะงั้น... ถ้าคุณทำทุกอย่างเพื่อผมจริงๆ ละก็ ผมขอให้คุณอยู่ห่างๆ เธอไว้ได้ไหม?”

                “นอกจากเรื่องงานแล้วผมไม่มีปัญหานะ ถ้าจะไม่ต้องเจอเอมอีก แต่ถ้าผมถอยออกมาจริง แล้วเรื่องของเรา...”

                “เรื่องของเราก็คือเรื่องของเราสิ  ถ้ามีแค่เรายังไงมันก็ดีกว่าเอาคนอื่นเข้ามาไม่ใช่เหรอ?” บีทสวนกลับ จ้องหน้าแผ่นฟ้าเหมือนออดอ้อนเชิงบังคับ

                แผ่นฟ้านิ่งค้างไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้ารับ

                “ผมจะพักเรื่องบริษัทใหม่ไว้สักพักก็แล้วกัน ไว้ผลประกอบการออกมาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยคิดอีกที”

                ครั้นได้รับคำตอบนั้นแล้วจึงสามารถเรียกรอยยิ้มให้คืนมาบนใบหน้าคาดคั้นนั่นได้ 

บีทยืนนิ่งอย่างนั้นได้เพิ่งครู่เดียวก็ขยับตัวเดินอ้อมเตียงไป แผ่นฟ้าเลิกคิ้วน้อยๆ พลางถามอย่างข้องใจ “อ้าว นั่นคุณจะไปไหนล่ะ?”

                “ลงไปหาอะไรกินน่ะสิ ไม่ใช่ว่าคุณสั่งให้อุ่นนมให้ผมหรอกเหรอ?” คำตอบตรงไปตรงมาพร้อมใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แผ่นฟ้าหลุดหัวเราะออกมาทันที

                หึ! หิวแทบตายแล้วแต่ทำหยิ่ง ประชดไม่ยอมไปกิน

นี่ถ้าคืนนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง คงยอมทนท้องกิ่วยันเช้าใช่ไหมเนี่ย!

                ++++++++++



                อิฐไม่ได้เข้าบริษัทมานานแล้ว เพราะกำลังหัวหมุนกับกิจการโรงแรมที่กำลังก่อตัว ครั้นเข้ามาตรวจงานก็พึงพอใจเล็กน้อยไม่ได้กับผลกำไรที่เพิ่มขึ้น

                4.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย ทว่าก็ยังไม่ถึงเป้าตามที่ตกลง...

 อันที่จริง บริษัทของเขาไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด ผลกำไรก็เป็นที่พอใจมาตลอด การจะทำกำไรเพิ่มขึ้น 5เปอร์เซ็นต์ความจริงเป็นเรื่องยาก  เขาก็เพียงแค่ตั้งเงื่อนไขยากๆ เพื่อความท้าทาย น้องชายจะได้ขยันขันแข็งมากขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการต่อรองอื่นๆ น่ะมันเป็นแค่ผลพลอยได้

                ก่อนหน้านี้เขาคุยกับแผ่นฟ้ามาบ้างแล้ว เจ้าตัวย้ำกับเขาอย่างหนักแน่นว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เจ้าตัวก็จะยอมรับมันแต่โดยดี แต่ไม่ยอมให้ลากบีทเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเดิมพันนี้เป็นอันขาด และในเมื่อบีทเองก็ไม่มายุ่งกับเขาแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับไปสร้างความลำบากเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ยุ่งยากใจก็คือ แผ่นฟ้าเกริ่นๆ ไว้ว่าจะขายหุ้นคืนให้เขา ส่วนตัวเองจะถือครองหุ้นไว้บางส่วนแล้วไปเริ่มทำอะไรของตัวเอง...

                ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบรับง่ายๆ โดยไม่คิดอะไร ทว่าตอนนี้เขามีงานใหม่ที่เพิ่งเริ่ม ยังไม่เข้าที่เข้าทางต้องดูแล ถ้าให้ดูแลอิทธิฤทธิ์กรุปไปพร้อมๆ กันอาจจะพอไหว แต่เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เขาวางแผนจะทำในไม่กี่เดือนข้างหน้าก็กังวลใจขึ้นมาทันที ด้วยสภาพร่างกายตอนนั้น เขาคงรับงานหนักเหล่านี้ไม่ไหวแน่...

ในระหว่างที่กำลังกังวลนั้นไม่คาดคิดเลยว่า บีทจะมาขอพบเขา ชายหนุ่มเหลือบตามองอดีตคนรักด้วยความประหลาดใจ “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคุณ”

                “ผมก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก”

                “นั่งสิ มีอะไรเหรอ?”

                “จะมาเจรจา...”

                “อ้อ... เรื่อง?”

“เรื่องตำแหน่งประธานบริษัท...” อ้อ ที่แท้ก็เรื่องนี้ เขายิ้มบางๆ

                “ผลยังไม่ออกซะหน่อย ถึงจะพอเดาๆ ได้ก็เถอะ”

                “ถ้าผมขอร้องให้คุณไม่ยึดตำแหน่งนั้นคืนไป มันพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า?”

อิฐขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่าน้องชายห้ามไม่ให้เขาไปพบบีทอีก ห้ามพูดจาผลักไสบีท เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไป ทว่าตอนนี้บีทเป็นคนเสนอตัวเข้ามาคุยเอง อย่างนี้แล้วเขาก็ไม่ผิดใช่ไหมที่จะต่อรองกลับไป

ดูจากภาระหนักอึ้งของตัวเอง เขาอยากคืนตำแหน่งนี้ให้แผ่นฟ้าอยู่แล้วแต่แรก ทว่าจะกลับคำพูดเสียทันทีก็ดูง่ายดายเกินไป ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาไม่อาจจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปได้

เรื่องที่ไอ้ฟ้าหลงรักบีทไปแล้วน่ะ เขาไม่ติดใจสงสัย แต่บีทคิดอย่างไรกับไอ้ฟ้าต่างหากที่เขายังแคลงใจ อดไม่ได้จริงๆ ที่จะพิสูจน์...

“ได้แน่นอน...  ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง แล้วแต่จะเลือกเลย”

                “ว่ามาสิ...”

                “เลิกติดต่อ เลิกยุ่งเกี่ยวกับไอ้ฟ้าซะไม่ว่าวิธีใดก็ตาม”

                “แล้วทางที่สอง...” บีทรีบตัดบทคลับคล้ายกับทางนี้เขาไม่มีทางจะเลือกแน่นอน

                “ส่วนทางที่สอง... ก็คือลาออกจากที่นี่”

+++++++++++


ต่อรีล่าง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-03-2018 20:31:27





                ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถึงประชุมแจ้งผลประกอบการอย่างเป็นทางการของบริษัท ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ได้แตกต่างจาก ที่คาดการไว้นัก

                แผ่นฟ้าปลงแล้ว เขานั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะในตำแหน่งประธานกรรมการฝ่ายบริหารเป็นวันสุดท้ายฟังรายงานต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อยด้วยท่าทีสงบ

                “ผลประกอบการออกมาแล้ว เพิ่มขึ้น 4.8 เปอร์เซ็นต์ ขอปรบมือให้กับความพยายามของประธานบริษัทคนใหม่” อิฐ ยืนขึ้นส่งรอยยิ้มยินดีไปรอบๆ พลางปรบมือนำ ทำให้คนอื่นๆ ในโต๊ะพลอยปรบมือตามไปด้วย

แผ่นฟ้ามีสีหน้างุนงง หันมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจอะไรนัก

                “พี่ภูมิใจในตัวเราจริงๆ ฟ้า หวังว่าต่อไปจะขยันขันแข็งอย่างนี้ นำพาบริษัทของเราให้รุ่งเรืองต่อไป” อิฐเอ่ยอย่างชื่นชมพลางเดินเข้ามากอดเขาไว้

แผ่นฟ้ายิ่งงงหนักกว่าเก่า ที่อีกฝ่ายไม่พูดถึงการเปลี่ยนตัวประธานกลับเป็นคนเดิมเลยสักคำ แถมยังเข้ามากอดเขาอย่างนี้นี่มันละครฉากไหนกัน แต่ถึงเขาจะสงสัยแทบแย่แต่เขาเองก็ไม่โง่ขนาดเอ่ยถามทะลุปล้องขึ้นมาตอนนี้ ทำได้เพียงยิ้มเขินๆ และตอบรับคำชมจากคนอื่นๆ ไปตามมารยาท รอจนการประชุมสิ้นสุดลงแล้วจึงมีโอกาสพูดคุยกับพี่ชายเป็นการส่วนตัว

                “พี่อิฐ นี่มันหมายความว่ายังไง”

                “ไม่เข้าใจตรงไหนล่ะ? ฉันก็บอกไปในที่ประชุมแล้วไงว่า ภูมิใจกับผลงานนี้มาก แกคิดว่า 4.8เปอร์นี่มันได้มาง่ายๆ หรือไง”

                “แต่ก็ไม่ถึง 5”

                “ใช่ แต่แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว...”

                “พี่พอใจเหรอ?” แผ่นฟ้ายังคงส่งสายตาไม่วางใจอยู่ดี เพราะรู้สึกว่าแบบนี้จะง่ายเกินไป  ต่อให้รู้ว่าอิฐไม่ได้อยากจะกลับมาในตำแหน่งที่สร้างปัญหาต่อการอุ้มท้องในอนาคตก็เถอะ แต่ยอมง่ายๆ แบบนี้ก็แปลกเกินไปอยู่ดี

                “ใช่ ถึงงานนี้แกจะแพ้ แต่ก็มีคนมาช่วยแกไว้แล้ว ขอแค่เขายอมไป ข้อต่อรองของเราก็สิ้นสุด”  อิฐยิ้มมีเลศนัยพลางล้วงซองสีขาวออกมาจากเสื้อนอกแล้วส่งให้

                สิ่งที่อยู่ด้านในทำให้คนที่เปิดอ่านตกตะลึงจนตาค้าง...

                อิฐขยับเข้ามาใกล้คล้ายจะกอด เขาบีบไหล่น้องชายไปทีหนึ่งพลางกระซิบด้วยเสียงเคร่งเครียด

                “เขายอมเสียสละสิ่งที่รักที่สุดให้แกได้... ไม่ว่ายังไง อย่าทำให้เขาเสียใจนะ”

                ++++++++++

                แผ่นฟ้ากลับมาที่บ้านแทบจะในทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เขาเจอบีทเล่นกับโฟร์วิลด์อยู่หน้าบ้าน

                “กลับมาแล้วเหรอ? ทำไมวันนี้กลับไวจัง?” บีทส่งยิ้มมาให้ ถามเขาเหมือนคำพูดธรรมดา 

                แผ่นฟ้าจ้องมองอีกฝ่ายเต็มตา ในใจรู้สึกหนึบหน่วงขึ้นมาพลัน สองเท้าเร่งก้าวเข้าไปหาแล้วดึงบีทเข้ามากอดไว้ทันที

                “อะไรของคุณเนี่ย?” บีทถามพร้อมหัวเราะน้อยๆ

                แผ่นฟ้าไม่ได้ตอบยังคงกอดรัดร่างอีกฝ่ายแน่น เนื่องด้วยเขามัวแต่ยุ่ง เพราะหวังลึกๆ ว่าบางทีผลประกอบการอาจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ต้องการ  เลยไม่ทันได้สังเกตว่าบีทไม่ได้ไปไหนเลยมาหลายวันแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาจัดตารางงานให้บีท  อีกฝ่ายเลยว่างติดๆ กันหลายวัน ทว่าตอนหลังเขางานยุ่งเพราะต้องเร่งกระตุ้นยอด เลยไม่ได้เข้าไปยุ่งกับตารางงานของอีกฝ่ายแล้ว ดังนั้นการที่บีทจะว่างงานติดกันหลายวันขนาดนี้ย่อมเป็นเพราะบีทยื่นใบลาออกไว้แล้วต่างหาก..

“ทำไมคุณถึงลาออก... พี่อิฐบีบบังคับคุณใช่ไหม?” เสียงของแผ่นฟ้าสั่นเล็กน้อยคล้ายคนจะร้องไห้ บีทจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกผิดกระมัง เขาขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดแล้วเอ่ยตอบ

“เปล่า เขาแค่ให้เลือกเท่านั้นว่าจะยอมไปจากคุณ หรือจะยอมลาออก แล้วผมก็แค่เลือกลาออกเท่านั้นเอง” คำตอบนั้นตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับว่าเป็นคำถามที่ไม่ได้ตัดสินใจยากอะไรเลย

“แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยนะ คุณไม่จำเป็นต้องลา...”

                “เกี่ยวสิ เกี่ยวมากๆ ด้วย คนเราก็ต้องเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง ผมเคยพลาดมาแล้ว แล้วก็ไม่อยากจะพลาดอย่างเดิมอีก ผมไม่อยากต้องมาถามตัวเองว่าผมทำอะไรผิด เพราะคำตอบมันคือผมไม่ได้ทำผิด ผมไม่ผิดเพราะผมไม่เคยทำอะไรเลย”

                “.....”

                “ถ้าผมเลือกที่จะอุ้มท้องให้อิฐตั้งแต่ตอนนั้น เขาคงไม่คงต้องหาคนอื่นมาอุ้มท้องแทนให้ เหมือนกับตอนนี้ถ้าคุณไม่เสียตำแหน่งนั้นไป คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปทำดีกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย ผมอาจจะต้องเสียคุณไปอีกคนสู้ผมลากออกไปซะดีกว่า ผมไม่อยากจะต้องมาเสียใจทีหลังอย่างนั้นอีกแล้ว...”

                “แต่คุณรักงานนี้มากไม่ใช่เหรอ”

                “ก็รัก แต่อาจจะไม่มากเท่า...” บีทไม่ได้พูดจนจบทว่ากลับจ้องตาแผ่นฟ้านิ่ง คล้ายจะสื่อสารความในใจ

                คนมองเข้าใจขึ้นมาทันที บีทอาจจะรักงานมาก แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้ว บีทก็เลือกเขา แผ่นฟ้าผลิยิ้มตื้นตัน แล้วรั้งร่างอีกฝ่ายมากอดซ้ำอีกครั้ง พร่ำคำขอบคุณซ้ำไปมา “บีท... ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง ขอบคุณจริงๆ นะ”

                “อือ... ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นแฟนกับเจ้าของบริษัททัวร์ทั้งที มีหรือจะกลัวไม่ได้ไปเที่ยว” บีทพูดทีเล่นทีจริงพลางตบหลังแผ่นฟ้าเบาๆ

                “นั่นสิ... ไว้เราไปเที่ยวด้วยกันสองคน ผมจะเป็นคนนำเที่ยวเอง”

                “ที่ไหน”

                “แล้วแต่คุณอยากไปไหน”

                “หึ ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ถ้าผ่านไปสักครึ่งปีแล้วเคลียร์งานไม่ได้ ผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

                “ถ้าผมเคลียร์ไม่ได้ คุณก็เคลียร์ไม่ได้เหมือนกัน ผมจะจัดตารางงานคุณให้แน่นเอี้ยดเลย” แผ่นฟ้าทำเสียงเข่นเขี้ยว

                “ตารางอะไร ก็ผมลาออกแล้วนี่...” บีทเลิกคิ้วฉงน เผลอคิดไปว่าแผ่นฟ้าอาจจะยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะไปร่วมทุนกับผู้หญิงคนนั้นก็พลันหน้าคว่ำทันที “ถ้าคุณหมายถึงบริษัทที่จะไปตั้งใหม่กับผู้หญิงคนนั้นละก็ บอกให้รู้ไว้เลย ผมไม่มีทางยอมไป ให้เลิกกับคุณไปซะยังดีกว่า”

                บรรยากาศเมื่อครู่ ยังซาบซึ้งตื้นตันอยู่เลย มาตอนนี้พลันคุกรุ่นขึ้นมาเฉยๆ แผ่นฟ้าอดละเหี่ยใจไม่ได้

                “ใจเย็นๆ สิ ไม่ใช่สักหน่อย ผมหมายถึงงานที่คุณเพิ่งลาออกไปนี่แหละ ใบลาออกยังไม่ถึงแผนกบุคคลเลย พี่อิฐแค่ทำเรื่องลาพักร้อนให้คุณแล้วส่งใบลาออกมาให้ผมแทนเท่านั้น แล้วผมก็ไม่อนุมัติให้คุณลาออกด้วย เพราะงั้นไว้คุณอยากไปทำงานเมื่อไรก็บอกแล้วกัน”

                “หมายความว่ายังไง” บีทหน้าเหลอหลา เหมือนไม่อยากจะเชื่อ

                “คบกับเขามาตั้งนาน ไม่รู้เหรอไงว่าเขาก็แค่ลองใจคุณน่ะ ถ้าคุณรักผมขนาดยอมลาออกเพื่อช่วยผมได้ เขาก็วางใจแล้วว่าคุณจะไม่กลับไปก่อเรื่องวุ่นวายให้ครอบครัวเขาอีก แล้วมีเหตุผลอะไรให้เขาต้องมาไล่คุณออกอีกล่ะ?”

                บีทอึ้งงันไปทันที แววตาแปลกใจกลายเป็นรอยยิ้มโล่งอก

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง... เขายังนึกอยู่ว่าอิฐเกลียดเขาขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงขนาดตัดหนทางเขาทุกทางอย่างนี้ ไม่ว่าเลือกทางไหนก็เจ็บไม่แพ้กัน... แต่ที่แท้อีกฝ่ายก็เพียงแค่ลองใจเขาเท่านั้นเองว่าเขาตัดใจแล้วจริงหรือเปล่า...

เขาดีใจเหลือเกินที่คราวนี้ตัวเองเลือกถูก เพราะถ้าเลือกงาน เขาก็คงเสียแผ่นฟ้าไปจริงๆ แต่เพราะเขาตัดสินใจเลือกคนที่สำคัญมากที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงดีเกินคาด... คือเขาไม่ต้องเสียอะไรไปสักอย่าง

“คุณคิดอะไรอยู่เหรอ?” แผ่นฟ้าเห็นบีทนิ่งไป คล้ายคิดอะไรอยู่ก็เอ่ยถามขึ้นมา

บีทเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พลางว่า “กำลังคิดว่าจะให้เจ้านายพาไปเที่ยวที่ไหนดี”

“อ๋อ... ที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ไปญี่ปุ่นนะ ผมพูดไม่ได้...” อันที่จริงแผ่นฟ้าคิดว่าญี่ปุ่นเป็นที่ที่บีทกับพี่ชายเคยมีความหลังร่วมกัน เขาไม่อยากให้บีทคิดถึงใครคนนั้นขึ้นมาอีก เลยอยากพาบีทไปเที่ยวที่อื่นมากกว่า แต่จะบอกตามตรงก็ ไม่ดีเลยเฉไฉไป

“อ้อ... หรือจะพาไปแถบยุโรป?” บีทเสนอขึ้นมาบ้าง

                “ยุโรปก็ได้... เกาหลีก็ได้”

                “เอ๊ะ... พูดเกาหลีได้?” บีทเลิกคิ้วหันไปถามคล้ายทึ่งในความสามารถด้านภาษาของอีกฝ่ายที่ไม่เคยรู้มาก่อน

เพราะเรื่องภาษาเป็นแค่ข้ออ้าง แผ่นฟ้าก็เลยเผลอเสนอแนะถึงประเทศที่น่าจะให้บรรยากาศโรแมนติกอย่างประเทสเกาหลี แม้ว่าเขาจะพูดภาษานี้ไม่ได้สักคำ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มรับแล้วตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน... “พูดได้หนึ่งคำ”

“คำว่า?”

“ซารางเฮโย” คำเฉลยออกมาด้วยเสียงหวานเชื่อมทำให้คนที่คาดหวังปั้นหน้าไม่ถูก นึกเคืองตัวเองที่คาดหวังเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้...

                “หึ...” ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่นหัวเราะออกมาสั้นๆ แต่เรียวปากคลี่ยิ้มออกมา

                แผ่นฟ้ากลับไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ เอ่ยย้ำเป็นภาษาไทยว่า “บีท... ผมรักคุณ”

                บีทรับฟังคำนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม  มีเพียงสายตาอบอุ่นที่ชำเลืองสบกลับไป

                “อื้อ... watashi mo”

+++++++++

The end



"watashi mo" ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ฉันก็เช่นกัน

++++++++++++++++++



เฮ  จบซะที  หลังจากไปจัดการเรื่องหนังสือจบก็ทั้งติดเกมแล้วก็คิดงานปรู๊ฟ​เลยไม่ได้เขียนต่อ

ช่วงนี้ได้อ่านนิยายหลายเรื่องก็มีแรงบันดาลใจให้แต่งนิยายขึ้นมา

ดีใจที่ในที่สุดก็เข็นเรื่องนี้จนจบได้อีกเรื่อง

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านด้วยนะคะ อาจจะดองนานไปบ้างก็ขออภัยด้วย

แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ ♥♥
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-03-2018 21:15:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 31-03-2018 22:49:51
อ๋อยยยยย รักในความเสมอต้นเสมอปลายของแผ่นฟ้า และดีใจกับบีทด้วยน๊าาาา มีความสุขมากๆ ไม่ต้องระแวงแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-03-2018 23:29:38
ขอบคุณมากค่ะ
ดีใจที่บีทมีความสุข
บางทีนายเอกที่เริ่ดเชิ่ดๆก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ ^^
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-04-2018 01:34:15
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-04-2018 04:45:08
ดีใจที่บีทกับฟ้ามีความสุข
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-04-2018 08:39:21
 ..

 :pig4:   :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:

..

.
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-04-2018 09:00:29
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-04-2018 20:59:23
ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 11-04-2018 16:40:37
รู้สึกโล่งใจที่บีทมีความสุข ถึงแม้ตอนเรื่องของอิฐ
บีทจะดูเอาแต่ใจมาก แต่พอพาร์ทของตัวเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูง
น่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2018 01:36:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-04-2018 07:51:16
บีทมีความหลังฝังใจ ทำให้กลายเป็นไม่ค่อยแคร์ใคร
มั่นใจในตัวเอง ดูแลตัวเองได้ และเรื่องที่บีทไม่อยากมีลูก
ก็ชัดเจนในตัวแล้วเพราะบอกไปแล้ว อยู่กันสองคนก็ได้
แถมที่บ้านไม่ชอบ คนแข็งน่ะ จะปรับจะจูนมันยากและคิดว่าอิฐเข้าใจ
แต่พอมีคนมาให้เทียบ กลายเป็นบีทไม่พยายาม แป่ววว เจ็บเลยงานนี้

แผ่นฟ้าคือผู้กู้ความสดใส และความมีชีวิตให้บีทนะ
อย่างน้อยก็ทำให้มีอารมณ์ ความรู้สึกตลอดเวลา
แผ่นฟ้าทำให้เห็นว่าจริงจังและจริงใจ เอออ ก็เป็นดีนะ
ถึงจะเคยร้ายมาก่อน คิดไม่มีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เลวร้ายรุนแรง

บีทมีความสุข ได้รักจริง ได้รู้สึกถึงมันจริงๆ
แผ่นฟ้าชนะใจได้แบบดีงาม ความจริงใจเป็นผล

ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 11-05-2018 15:34:07
แจ้งข่าวเปิดจอง ฟ้าบีทนะคะ


(https://scontent.fbkk7-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/32207348_2168025093228292_3476579359559516160_o.jpg?_nc_cat=0&oh=fb1753fed6544ddc144181de5612b442&oe=5B888D68)

  สั่งจองได้นี่นี่.....  .....คลิก..... (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSj4XMc0n107RiKuIyOoJxfH_6ZbeDUTGlHkszmoEDpxadeg/viewform)
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: namwaan16 ที่ 11-05-2018 18:25:43
ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบต่อกี่รอบเราก็ยังไม่เลิกเกลียดอิฐกับเมียมันสักที เพราะเราค่อนข้างจะใส่ใจเรื่องมือที่สามมากเพราะเรื่องที่แล้วดูทุกคนจะใส่ความให้บีทผิดอยู่คนเดียวไม่มองไปที่ตัวพระเอกกับนางเอกเลยว่าพวกนั้นก็ร้ายมากเหมือนกันเรื่องนั้นเราอ่านแค่ตอนแรกก็ข้ามไปอ่านตอนจบเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 08-06-2018 18:53:19
ชอบคู่นี้จัง
ดูลงตัวทุกอย่างเลย
เสนอมุมมองการถูกนอกใจ
เป็นอะไรที่รับไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
อิฐไม่หนักแน่นพอเลยทำให้เป็นอย่างงี้
แต่ก็เหมือนชดใช้ ให้บีทเจอรักจริงบ้าง
อยากอ่านตอนพิเศษคู่นี้จัง
จะมีช่วงบีทท้องไหมนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 10-06-2018 08:27:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 10-06-2018 19:54:18
เรื่องแม่ บีทรักอิฐจริงเค้าก็ควรเข้าหาแม่อิฐ ถึงแม่จะปากร้ายแต่ก็ใจดี เค้าแค่อยากให้คนที่รักลูกจริงๆ ถ้าเค้าหาด้วยความจริงใจ อ่อนน้อม แม่ต้องรักบีทเหมือนแม็กแน่ๆ แต่บีทเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมอ่อน แรงมาแรงกลับ แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนเค้าจะเอ็นดู

เรื่องลูก อิฐอยากมี ถึงไม่ใช่สายเลือด ไม่ชอบเด็ก แต่คนที่รักอยากมีเด็ก มันก็ต้องรักได้สิถ้าเรารักแฟนเราจริงๆแค่เด็กเอง

เรื่องนอกใจ อิฐชอบแม็กแต่ก็ไม่ได้นอกใจบีท ยังรักและซื่อสัตย์ แต่บีทก็ทำเกินไปที่ผลักแม็กที่ท้องลูกคนที่ตัวเองรักตกน้ำ

แม้ว่าบีทไม่รู้ว่าแม็กว่ายน้ำไม่ได้ แต่การที่ผลักคนท้องลงน้ำไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ที่เลิกกันเพราะตัวบีทเองไม่ใช่เพราะคนอื่น
ความรักคือ ปกป้อง ดูแล ใส่ใจ หาใช่การครอบครองเสมอไป

ดูเหมือนว่าบีทจะรักตัวเองมากกว่ารักอิฐ เพราะไม่เอาใครเลย แม้แต่แม่คนที่รัก ซึ่งความรักอย่างเดียวมันไม่พอ ถ้าอิฐยังรักบีทอยู่ก็เป็นแบบนี้ต่อไปหรอ แยกบ้าน บ้านแม่ บ้านบีท

สำหรับบีทเราว่ายังรักอิฐไม่มากพอ อิฐทำทุกอย่างเพื่อบีทแต่บีทไม่ได้ทำอะไรเพื่ออิฐเลย นอกจากเอาตัวเอง ดีแล้วที่ต่างคนต่างเลิกเพราะยังอยุ่ต่อไปปัญหาที่แก้ไม่ได้ก็คงไม่จบจนกว่าแม่ของอิฐตายอ่ะมั้ง


หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 10-06-2018 22:44:34
โอ้ยบีทน่ารักเกินไปแล้วนะเนี่ย!!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 23-06-2018 14:49:16
ดีใจกับบีทที่ได้มาเจอกับคนที่่มุ่งมั่นและมั่นคงเหมือนแผ่นฟ้าา  บีทร้อนแรง :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-12-2019 23:23:09
กลับมาอ่านอีกครั้ง ก็ยังเสียน้ำตาให้บีทอีก
ดีที่มีแผ่นฟ้า บีทจะได้มีความสุขเสียที
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-12-2019 09:17:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:24:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 07-03-2022 20:39:33
น่ารักมาก ชอบ o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-03-2023 00:57:41
กลับมาเสียน้ำตาให้บีทอีกรอบค่ะ ^^