[END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book  (อ่าน 77647 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
****************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


***********************************


FAN PAGE  -->  BlueGusten


มาแล้วจร้าาาเรื่องที่ 2 ของเซต!!!!!
"กงจักรจอมพล" เป็นเรื่องของ จอมพล (เพื่อนของราชันย์) x ภีม (เพื่อนของแฟร์) ในเรื่องราชันย์พ่ายรัก
เรื่องแรกของเซตนั่นเอง ใครที่ยังไม่ได้อ่านตามอ่านได้ที่นี่

ราชันย์พ่ายรัก
กงจักรจอมพล
เล่ห์กลอัศวิน
มลทินธนัท


เนื่องจาก INTRO ที่แต่เดิมอยู่ในหน้านี้ทำให้ตัวหนังสือเกินนนนนน
กิ่งเลยย้ายไปไว้อีกหน้าหนึ่งนะคะ
ใครที่เข้ามาอ่านกรุณาคลิ๊กเลือกจากสารบัญเอาค่ะ จะง่ายต่อการหาบทต่างๆ นาาาาาาา


:mew1: :mew1: :mew1:


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2017 15:18:45 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #1 เมื่อ19-07-2017 22:15:49 »


CHAPTER  1


ร่างโปร่งของภีมวิทธิ์หยุดยืนมองสิ่งก่อสร้างหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ มือเรียวกระชับกระเป๋าเป้ที่แบกเอาเอกสารส่วนตัวติดมาด้วยเอาไว้แน่น

ภีมกวาดตามองประติมากรรมตัวอักษรชื่อบริษัทเบื้องหน้าอย่างนึกเกรง ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ความกังวลมากมายที่หวนกลับมาอีกครั้งหลังจากที่มันเคยเกิดขึ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาต้องสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงานในบริษัทของราชันย์ยิ่งทำให้มือของภีมนั้นชื้นเหงื่อขึ้นทันตา

นัยน์ตาสีดำหลุบลงต่ำพลางปิดเปลือกตาอยู่สักพักก่อนเจ้าของร่างโปร่งจะตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้นและเดินลุยเข้าไปข้างในอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ผมมา…”

“คุณภีมวิทธิ์ จิระกรกิจ ใช่มั้ยคะ” ไม่ทันที่ภีมจะพูดจบพนักงานสาวแผนกบุคคลก็สวนกลับเขาทันควัน

“อ่ะ…เอ่อ ใช่ครับ” ร่างโปร่งตอบกลับไปอย่างเขินๆ ก่อนคนตรงหน้าจะผายมือและพูดขึ้น

“ผู้บริหารรอพบคุณอยู่ในห้องทางซ้ายมือแล้วค่ะ”

“อะไรนะครับ! นี่ผมไม่ได้ทำให้เขาต้องรอนานใช่มั้ยเพราะคุณราชันย์บอกให้ผมมาเวลานี้” ภีมว่าพลางมองนาฬิกาข้อมือข้างซ้ายที่บอกเวลาแปดโมงตรง

“คุณจอมพลก็เพิ่งจะเดินเข้าไปนี่แหละค่ะไม่ต้องกังวลไปนะคะ” พนักงานสาวฉีกยิ้มก่อนที่คนตรงหน้าจะสะดุดกับชื่อนี้อย่างจัง

“จอมพล?” ภีมถามย้ำร่างโปร่งรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินผ่านหูที่ไหนมาก่อน

“ค่ะคุณจอมพลผู้บริหารของที่นี่” อีกฝ่ายตอบกลับ

“เอ่อ…แล้วผมต้องเตรียมอะไรเข้าไปบ้างครับ มันจะเหมือนการสัมภาษณ์งานใหม่มั้ยเพราะตำแหน่งของผมถูกโยกย้ายมาหรือแค่…”

“ดิฉันว่าคุณภีมวิทธิ์ถามกับคุณจอมพลโดยตรงจะดีกว่านะคะเพราะคำถามที่คุณถามดิฉันมาทั้งหมดก็คงมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ตอบได้” หญิงสาวเอ่ยออกมาหลังจากขำท่าทีประหม่าของภีม

“ผมตื่นเต้นจังเลยครับ…เขาดุมั้ย?” ร่างโปร่งตัดสินใจถามหน้าแหย

“ไม่นะคะคุณจอมพลจะดุก็ต่อเมื่อแกเครียดเท่านั้นซึ่งดิฉันทำงานมาสามปีเพิ่งจะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเองคุณภีมวิทธิ์สบายใจได้เลยนะคะ” เธอตอบก่อนชายหนุ่มตรงหน้าจะเบาใจลงไปหน่อย

“เชิญเข้าไปข้างในเถอะค่ะเดี๋ยวคุณจอมพลจะรอนาน” พนักงานสาวบอกร่างโปร่งอีกครั้ง ก่อนภีมจะตัดสินใจกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายและเดินเข้าห้องด้านซ้ายไปเบาๆ

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศฉุดให้ขนแขนของภีมลุกกราวอย่างเสียไม่ได้ ร่างโปร่งมองเข้าไปข้างในห้องกว้างด้วยท่าทีประหม่าก่อนที่สายตาของเขาจะปะทะเข้ากับร่างสูงของใครอีกคนที่นั่งรออยู่บนชุดโซฟาติดผนังตรงมุมห้องทางขวามือ

ภีมยิ้มพลางก้มหัวให้อีกฝ่ายราวกับทำความเคารพหากทว่าชายหนุ่มอีกคนกลับใช้เพียงสายตาราบเรียบมองเขากลับเท่านั้น

“เชิญนั่ง” ผู้บริหารบริษัทอย่างจอมพลเอ่ยก่อนที่ภีมจะทำตาม

“ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งนั่งลงพร้อมกับถอดกระเป๋าเป้วางไว้ข้างตัว

“รสรินบอกอะไรนายไปบ้างแล้ว” ร่างสูงถาม

“รสริน?”

“พนักงานฝ่ายบุคคล” จอมพลขยายความเมื่อภีมไม่เข้าใจ

“อ๋อ เธอไม่ได้บอกอะไรครับเพียงแค่ให้ผมเข้ามาพบคุณข้างในนี้” ร่างโปร่งยิ้มกลับแต่จอมพลก็ยังตีสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน

“เรียนจบที่ไหนมา” ร่างสูงเปิดฉากถามขึ้น

“ผมจบปริญญาโทด้านบริหารจากมหาวิทยาลัย xxx ประเทศอเมริกาครับ”

“เรียนที่อเมริกาเมื่อไหร่”

“เมื่อปลายปี 2013 ครับ” ภีมตอบพลางมองอีกคนที่เปิดดูประวัติของเขาที่ราชันย์ส่งมาให้อย่างเงียบๆ

“นี่เป็นรายละเอียดสัญญาว่าจ้างอ่านจบแล้วก็เซ็นต์ซะ” หลังจากเปิดดูประวัติของอีกฝ่ายจนหมดจอมพลก็ได้ยื่นแฟ้มเอกสารให้กับภีมไปตรงหน้า

ร่างโปร่งยื่นมือออกไปรับหากแต่จอมพลกลับปล่อยมือก่อนที่ภีมจะทันได้หยิบแฟ้มดังกล่าวติดมือมาเสียอีกทำให้แฟ้มที่ว่าตกลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

ภีมวิทธิ์เงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ร่างโปร่งรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุหากแต่จอมพลจงใจที่จะทำแบบนั้น

“โทษที” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไรครับ” ภีมตอบ ร่างโปร่งเก็บแฟ้มที่ว่าขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านหนังสือสัญญาที่แนบมาด้านใน

ภีมกวาดสายตามองข้อความตรงหน้าเพียงครู่ก่อนร่างโปร่งจะคว้าปากกาที่อีกฝ่ายสอดด้านในแฟ้มมาด้วยพร้อมกับเซ็นต์ชื่อลงตรงช่องด้านล่างทันที

“นี่ครับ” ร่างโปร่งปิดแฟ้มพลางวางมันไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้าอีกฝ่าย

“เคยมีแฟนมั้ย” จอมพลมองการกระทำของภีมก่อนจะถามขึ้น

“ครับ?”

“ฉันถามว่าเคยมีแฟนมั้ย”

“เอ่อ…เคยครับ” ร่างโปร่งที่ดูจะงงกับคำถามของอีกฝ่ายตอบกลับหลังจากมองจอมพลอย่างสงสัย

“เคยหักอกใครมาก่อนหรือเปล่า”

“ทำไมคุณจอมพลถึงถามแบบนี้ล่ะครับ”

“มีหน้าที่ตอบก็ตอบมา” ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ้มหากทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ภีมเริ่มรู้สึกถึงการก้าวก่ายเป็นที่สุด

“แต่ผมเกรงว่า…มันเป็นเรื่องส่วนตัว…ของผม” ภีมตอบด้วยคำพูดสุภาพที่พยายามเลือกเปล่งออกมาแต่อีกคนที่ได้ยินกลับแสยะยิ้มสมเพช

“หึ! ตอนนี้นายเป็นพนักงานของฉันเรียบร้อยแล้วฉะนั้นไม่มีคำว่าเรื่องส่วนตัวบ้าบออะไรทั้งนั้น!” จอมพลขึ้นเสียงก่อนภีมจะสะดุ้งโหยง ร่างโปร่งขมวดคิ้วมุ่นมองคนตรงหน้าก่อนร่างสูงจากอีกฝั่งจะตวาดขึ้นอีกครั้ง

“ตอบมา!”

“ไม่เคยครับ”

“โกหก!!”

“อ่ะ! คุณจอมพลเดี๋ยวก่อนครับคุณจะทำอะไร!!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็พุ่งตัวเข้ามาคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้พร้อมกับกระชากให้ลุกขึ้นยืน

“มึงพูดออกมาอีกทีสิว่าไม่เคยหักอกใคร!” ร่างสูงตวาดถามกลับอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าหล่อเหลาถูกฉาบไว้ด้วยแววตาไม่พอใจเป็นที่สุด จอมพลจ้องภีมอย่างคาดโทษก่อนคนตัวเล็กกว่าจะพยายามแกะมือของเขาออกเป็นพัลวัน

“คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ!”

“พูดออกมา!!”

“ครับ! ผมไม่เคย!...ไม่เคยจริงๆ!” ร่างโปร่งตอบเมื่อถูกจอมพลขู่กลับอีกครั้งก่อนร่างสูงที่ได้ยินคำตอบนี้จะยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นหลายเท่าตัว

“ตอแหล!!”

“โอ้ย!” ภีมร้องออกมาเมื่อคนที่ขยำคอเสื้อผลักให้ตัวเขากระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างจัง

“เกิดอะไรชึ้นคะคุณจอมพล!?” พนักงานฝ่ายบุคคลอย่างรสรินที่ประจำอยู่ด้านนอกรีบเปิดประตูเข้ามาถามเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังออกไป

“ออกไปผมยังคุยธุระกับเลขาฯ คนใหม่ไม่เสร็จ” จอมพลว่าก่อนที่หญิงสาวจะพยายามขัดใจด้วยการเอ่ยปากออกมาอีก

“แต่…”

“ไม่มีแต่! และก็อย่าให้ใครเข้ามาในนี้หากผมไม่อนุญาต!” ร่างสูงตวาดก้องจนรสรินพี่เพิ่งจะเคยเห็นจอมพลอารมณ์ร้ายถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกยอมออกไปแต่โดยดี

“กูไม่ใจดีกับมึงเหมือนไอ้ชันย์หรอกเตรียมใจเอาไว้เลย!” ให้หลังจากที่พนักงานสาวอีกคนออกจากห้องไปจอมพลก็หันกลับมาเอาเรื่องภีมวิทธิ์ต่อทันที

ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เอาแต่ลูบต้นแขนของตัวเองที่เจ็บจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนจอมพลจะเอ่ยคำพูดให้ร้ายออกมาอีกครั้ง

“มึงมันน่าเกลียดยิ่งกว่าที่กูคิดซะอีก!”

“ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้! ผมไปทำอะไรให้คุณ!” ภีมถามกลับก่อนเจ้าตัวจะพยายามถอยหนีอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาไม่หยุด

“ทำอะไรให้กูยังงั้นเหรอ!?” จอมพลแสยะยิ้ม

“กูไม่ปล่อยให้มึงทำอะไรกูได้ง่ายๆ หรอก! แต่คนที่มึงทำมันคือน้องของกู!” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งจนภีมเสียวสันหลัง ร่างโปร่งสบเข้ากับนัยน์ตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะถามกลับเมื่อเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจสักนิด!

“น้องของคุณ?”

“มึงกับน้องของมึงรวมหัวกันบอกเลิกน้องของกูเมื่อสองปีที่แล้ว!!”

“!!”

“ไง! จำได้แล้วใช่มั้ย?” จอมพลว่าเมื่อเห็นท่าทีของภีมที่เปลี่ยนไป

ร่างโปร่งมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายอย่างนึกกลัวพลันภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็หลั่งใหลออกจากความทรงจำส่งต่อมายังสมองของเขาให้นึกถึง

“คุณคือ…พี่ชายของเด็กคนนั้น” ร่างโปร่งเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“นับว่ายังฉลาด!”

“ตะ…แต่วันนั้นผมไม่รู้เรื่อง” ภีมว่าก่อนจอมพลจะตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายมากำไว้อีกครั้ง

“มึงจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง! แล้วหมาที่ไหนมันนั่งบอกเลิกน้องกูกับอีเด็กผู้หญิงมักมากคนนั้น!!” ร่างสูงด่ากราดอย่างหัวเสีย เขาไม่เคยเห็นคนดื้อด้านและตอแหลได้โล้ถึงขนาดนี้มาก่อน!!

“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ น้องสาวผมเธอขอให้ผมไปด้วยผมไม่รู้ว่าเธอจะไปบอกเลิกน้องของคุณ!” ภีมพยายามอธิบายจนจอมพลเลือดขึ้นหน้า

“มึงยังกล้าปฏิเสธกูอีกเหรอ!!”

“ก็ผมไม่ได้ผิด! ผมไม่รู้เรื่อง!”

“ไอ้ภีม!!!”

ร่างโปร่งหลับตาปี๋เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าเงื้อหมัดที่กำเอาไว้แน่นขึ้น อารมณ์ของจอมพลเดือดกว่าครั้งไหนๆ หากทว่าร่างสูงก็ยังสามารถยั้งมือตัวเองเอาไว้ได้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูของภีมวิทธิ์กลับอย่าคาดโทษ

“กูจะทำให้มึงเจ็บมากกว่าน้องกูเป็นร้อยเท่า! จำใส่สมองมึงไว้เลย!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็ผลักอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้น

“ถ้าคุณยังคิดว่าผมผิดผมก็คงต้องขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างผมจะไม่ทำงานกับคุณ!” ภีมว่าก่อนจะลุกขึ้นหมายจะตรงไปหยิบแฟ้มที่ตัวเองเพิ่งจะเซ็นต์ชื่อไป แต่แล้วการกระทำของร่างโปร่งกลับช้ากว่าจอมพลอยู่หลายขุม

“คิดว่ามึงทำได้?” ร่างสูงว่าพลางชูแฟ้มที่ฉวยหยิบมาได้ก่อนขึ้น

“ได้อยู่แล้วเอาแฟ้มนั่นมาให้ผม!” ร่างโปร่งที่รู้ดีว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายหากยังฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปพยายามตรงเข้าแย่งแฟ้มนั้นกลับจนสุดแรง

จอมพลผลักอีกฝ่ายที่เอื้อมมือยื้อแย่งแฟ้มเอกสารนี้จากตัวเองก่อนร่างสูงจะแสยะยิ้มกลับเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้รู้ชะตากรรมที่กำลงัจะตามมาของตัวเองเลยสักนิด

“กูจะบอกอะไรมึงให้นะ…สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกูตั้งแต่มึงเซ็นต์ชื่อลงไปแล้ว!!” จอมพลว่าก่อนภีมที่พยายามยื้อแม้จะถูกอีกฝ่ายกีดกันสักแค่ไหนจะหยุดการกระทำที่ทำอยู่และจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับไปนิ่ง

“คุณหมายความว่าไง!” ร่างโปร่งร้องถามก่อนจอมพลที่แสยะยิ้มออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่าจะเปิดแฟ้มเมื่อครู่และอ่านทวนข้อยกเว้นที่ระบุไว้ด้วยขนาดตัวอักษารที่เล็กจนอีกคนไม่ทันได้ให้ความสนใจไปเมื่อครู่

“มึงจะต้องทำงานให้กูสามปี! แต่ถ้าหากมึงไม่อยากทำก็แค่หาเงินมาไถ่ตัวเองออก…แค่ยี่สิบล้านเอง” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยพลางชี้ไปยังข้อยกเว้นที่ว่าก่อนร่างโปร่งที่มองมาจะเบิกตาโพรงเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเสียรู้ให้กับอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

“เป็นไปไม่ได้!!” ภีมเอ่ยเสียงดังลั่น ร่างโปร่งกำมือเอาไว้แน่นพลางมองอีกคนด้วยแววตาโกรธเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยต้องรู้สึกเกลียดคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต!

“หึ! ต้องโทษที่มึงเสือกโง่เอง”

“คุณจอมพล!”

คนถูกว่าทำหน้าไม่ยี่หระ ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ตรงกองเอกสารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องนี้เป็นเวลานานก่อนจะหอบมันขึ้นและเดินไปหาภีมวิทธิ์

“อยากทำงานที่นี่มึงก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเพราะกูจะให้ทั้งงานและแก้แค้นแทนน้องกูให้สาสม!!”

โครม!

“แก้งบประมาณในเอกสารพวกนี้ให้เสร็จไม่เสร็จมึงไม่ต้องกลับบ้าน!!” ร่างสูงโยนเอกสารกว่าสิบแฟ้มลงบนพื้นตรงหน้าร่างโปร่งก่อนจะออกปากสั่งและเดินออกจากห้องไปทันทีเหลือไว้แต่เพียงภีมวิทธิ์ที่ทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรงท่ามกลางความรู้สึกมากมายที่เขาไม่สามารถอธิบายออกมาได้ในเวลานี้



TBC...


---------------------------------------

นี่แค่บท 1 นะบท 1 !!
อูยยยยย จอมพลจะโหดไปไหน
ภีมเจอศึกหนักแล้วค่ะและจะทวีความร้ายขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
ง่อวววววววว สงสารภีม แต่ชอบจอมพลนะ 555
   
:hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #2 เมื่อ19-07-2017 22:32:30 »

สมเป็นเพื่อนกัน ศีลเสมอกัน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #3 เมื่อ20-07-2017 00:40:35 »

พระเอกร้ายใด้ใจ :hao5:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #4 เมื่อ20-07-2017 06:35:59 »

อ้าวคุณพี่ชาย ไม่ไปลงกับน้องเขาล่ะ ลงกะคนพี่เพื่อ?

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #5 เมื่อ20-07-2017 10:41:49 »

เดี่ยว แบบนี้ก้อได้หรอ จอมพล!!!

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.2 100% [20/07/2560]
«ตอบ #6 เมื่อ20-07-2017 11:32:19 »



CHAPTER 2



ภีมวิทธิ์ล้มตัวลงบนที่นอนภายในห้องคอนโดที่เขาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างอ่อนล้าหลังจากจัดการกับงบประมาณที่กรอกผิดย้อนหลังไปกว่าสี่เดือน ร่างโปร่งเที่ยวเดินหาผู้รู้และมีส่วนรับผิดชอบในเอกสารทั้งหมดกว่าจะรวบรวมข้อมูลและทำการแก้ไขได้ก็ปาไปบ่ายกว่าจนกว่าจะเสร็จก็ทำให้เขาทำงานล่วงเวลาไปเกือบจะสองทุ่ม

ร่างโปร่งยกมือขึ้นก่ายหน้าผากพลางคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่ถูกจอมพลกล่าวหาก่อนจะปิดพับเปลือกตาลงเมื่อความทรงจำที่เกือบเลือนหายไปตามกาลเวลาถูกอีกฝ่ายฉุดมันขึ้นมาให้ร่างโปร่งต้องนึกหวนไปอีกครั้ง...

:


“แต่งตัวแล้วออกไปข้างนอกกับฉันเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวอายุสิบเก้าปีสั่งเจ้าของห้องพักขนาดเล็กในหอพักใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ด้วยน้ำเสียงกร้าว

“ไปไหน?” ร่างโปร่งของภีมวิทธิ์เงยหน้าจากเอกสารข้อปฏิบัติและข้อตกลงของทุนที่เพิ่งจะได้รับเพื่อไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่อเมริกาก่อนจะมอง 'ทิชา' หญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นน้องด้วยแววตาเรียบเฉย*

“อย่าถามมากจะได้มั้ยบอกให้ทำอะไรก็ทำสิ!!” ทิชาเอ็ด

“พี่ก็ต้องถามเป็นธรรมดา เราเข้าห้องของพี่โดยไม่เคาะมันก็ละเมิดความเป็นส่วนตัวของพี่พออยู่แล้วนี่เรายังสั่งให้พี่ทำอะไรแบบนี้อีกมันไม่น่ารักเลยนะทิชา” คนเป็นพี่พูดเชิงตำหนิ

“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันใช่ธุระที่แกจะมาสั่งสอนเมื่อไหร่ ขนาดพ่อกับแม่แท้ๆ ของฉันยังไม่เคยว่าสักคำ*!” ร่างเล็กพยายามเน้นเสียงหนักให้อีกคนกระอักเล่นหากทว่าภีมกลับยังนิ่งเฉยเพราะเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามย้ำเป็นเรื่องที่เขาทำใจได้มาตั้งนานแล้ว

“จะพาพี่ไปไหน” ภีมถามก่อนจะเก็บเอกสารต่างๆ เข้าที่เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่เขากำลังจะไปเรียนต่อยังต่างประเทศนี้

“ห้าง”

“ถ้างั้นพี่ขอไม่ไปเพราะพี่มีธุระที่ต้องทำ” ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินหนีไปนอกระเบียงแคบเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่แห้งแล้วบนราว

“แกกล้าขัดใจฉันเหรอ*!!” ร่างเล็กตามออกไปก่อนจะปัดถุงเท้าในมือที่อีกฝ่ายเพิ่งจะเก็บกระจัดกระจายเต็มพื้น

“ฉันจะฟ้องพ่อ! ว่าแกกล้ากำเริบเสิบสานกับฉัน ดูซิแกจะอยู่เป็นสุขอีกมั้ยถ้าพ่อรู้ว่าแกเลี้ยงเสียข้าวสุกแบบนี้!!” เสียงแหลมด่าทอก่อนภีมจะก้มลงเก็บถุงเท้าที่ถูกปัดเมื่อกี้ขึ้นมาใหม่พลางถอนหายใจแล้วถามกลับอย่างต้องการให้จบๆ ไปที

“จะไปทำอะไรที่นั่น”

“ก็แค่ไปเที่ยว” ทิชามองร่างโปร่งอย่างถือไพ่เหนือกว่าเพราะหากภีมถามออกมาแบบนี้ก็แสงดว่าอีกฝ่ายตกลงที่จะไปกับเธอแล้ว

“ทุกครั้งพี่ก็เห็นเธอไปเองได้ทำไมคราวนี้มาชวนพี่ล่ะ” ภีมถามต่อ

“ไม่มีคนช่วยถือของ! จบป่ะ!!” คนตรงหน้ายิ้มเยาะก่อนร่างโปร่งจะเดินเข้าห้องและตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อพับเสื้อผ้าที่เพิ่งจะเก็บมาเมื่อกี้ใส่ไว้ข้างใน

“เร็วๆ ฉันไม่อยากรอนานหรอกนะ*!!” สิ้นเสียงของทิชาภีมวิทธิ์ก็ตัดใจคว้าชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อเปลี่ยนทันที

:

:

“ทำไมถึงพาพี่มาที่นี่” ร่างโปร่งถามเมื่อทิชาบอกแท๊กซี่ให้จอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแทนที่จะเป็นห้างตามที่อีกฝ่ายได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้

“ก็แค่แวะมาทานข้าวก่อนไปผิดตรงไหน?” หญิงสาวว่าก่อนจะเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับเดินนำเข้าไปในร้าน

“หิวก็ไปกินที่ห้างก็ได้” ภีมเสนอก่อนทิชาจะหยุดเดินแล้วหันมาจ้องเขาเขม็ง

“แต่ฉันนัดคนไว้ที่นี่”

“นัดใคร?”

“อย่าถามมากเดี๋ยวเจอก็รู้เองแหละน่า*!” ว่าเสร็จทิชาก็หันกลับก่อนจะเดินเข้าไปยังโซนสวนร่มรื่นใต้ต้นไม้ใหญ่หลังร้านสถานที่ที่นัดกับอีกฝ่ายเอาไว้

ภีมเดินตามทิชาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นชายหนุ่มหน้าตาน่ารักอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนที่บังคับเขามากำลังโบกมือให้ก่อนทิชาจะเดินตรงเข้าไปหาฝ่ายนั้นทันที

“รอนานมั้ย” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนคนที่นั่งอยู่จะส่งยิ้มกลับพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน

“ไม่นานหรอกขอแค่ทิชาออกปากชวนนานแค่ไหนจอมก็รอได้” ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า 'จอม' ตอบก่อนที่ดวงตาคมนั่นจะเหลือบมองภีมที่นั่งตามหญิงสาวลงบนโต๊ะอย่างสงสัย

“เอ่อ*…แล้ว...?”

“อ่อ ฉันลืมแนะนำไปนี่พี่ภีม…” ทิชาแนะนำภีมให้กับอีกฝ่ายได้รู้จัก เจ้าของโต๊ะมองร่างโปร่งด้วยสายตาเป็นมิตรพร้อมกับส่งยิ้มให้แต่แล้วประโยคต่อมาของร่างเล็กกลับทำให้รอยยิ้มนี้หุบลงไปทันใด

“เป็นแฟนคนใหม่ของฉัน”

“!!”

คนตรงหน้าเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพอๆ กับภีมเองที่ตกใจกับคำพูดนี้จนต้องพยายามแก้ตัวกลับไป

“ทิชา!? มันมะ!...”

“หยุดนะพี่ภีม*!” ทิชาบีบแขนของคนเป็นพี่ใต้โต๊ะอย่างแรงพลางโน้มหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยรอดไรฟันอย่างคาดโทษ

“ลองพี่พูดออกมาสิฉันจะบอกพ่อเรื่องที่พี่จะไปเรียนต่ออเมริกาแน่*!” หญิงสาวมองคนเป็นพี่อย่างเอาเรื่อง ภีมเบิกตากว้างเมื่อทิชาเกิดรู้ความลับนี้ของเขาเข้าก่อนร่างโปร่งจะเอาแต่นั่งเกร็งเมื่อคนตรงหน้าที่ถูกประโยคนี้ทำร้ายมีใบหน้าถอดสีลงทันที

“นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน ทิชาเป็นแฟนจอม…เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ” จอมพูดตะกุกตะกักพลางมองทิชาด้วยแววตาเศร้าที่เคล้าไปด้วยน้ำใส

“ยังไม่ชัดอีกเหรอว่าพี่ภีมน่ะเขาเป็นแฟนใหม่ส่วนเธอน่ะมันแฟนเก่า!”

“ทิชากำลังอำจอมเล่นใช่มั้ย” จอมพูดพลางร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“โง่ดักดาน! ในเมื่อพูดแบบนี้แล้วยังไม่เข้าใจงั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน!...” ร่างเล็กตะเบ็งเสียงว่าจนผู้คนในร้านเริ่มหันมาให้ความสนใจกับโต๊ะของพวกเขาทันที

“ฉันเบื่อ! เบื่อนิสัยเด็กๆ ไม่รู้จักโตของเธอ! เบื่อที่เธอเอาแต่อ้อนตลอดเวลา เบื่อความอ่อนแอ เบื่อ!ๆๆๆ”

“!!”

คำด่าทอของทิชาทำเอาคนตรงหน้าถึงกับชะงัก ภีมมองน้องสาวของตัวเองด้วยแววตาอึ้งก่อนที่คนโดนว่าเมื่อครู่จะเอ่ยชื่อของร่างเล็กออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน

“ทิชา…”

“เราเลิกกันเถอะ! ฉันไม่ได้รักเธอแล้ว ไม่ใช่สิ!...ไม่ใช่ไม่ได้รักแต่ฉันไม่เคยรักเธอเลยต่างหาก!!ตลอดสองปีที่รู้จักกันฉันไม่เคยมีความสุขเลยสักวันเดียวรู้เอาไว้ด้วย!!” ว่าเสร็จทิชาก็คว้าแขนภีมเพื่อหมายจะลุกเดินออกจากร้านไปหากทว่าจอมกลับลุกตามพร้อมกับล้มลงฉวยกอดเอวบางนั่นเอาไว้พลางร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร

“ทิชา! จอมขอโทษ! อะไรที่จอมทำผิดไปที่ทำให้ทิชาไม่ชอบใจจอมยินดีจะแก้ไขมันแต่ทิชาอย่าทำแบบนี้เลยนะอย่าเลิกกับจอมเลย” จอมละล่ำละลักราวกับอยากจะให้ทิชาเปลี่ยนใจจนภีมที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดทนไม่ได้คว้าไหล่เล็กของคนที่นั่งอยู่บนพื้นก่อนจะพยายามปลอบ

“น้องครับพี่ว่าน้องลุกขึ้นก่อนเถอะแล้วมาคุยกันดีๆ อ่ะ!”

“ไม่ต้องมายุ่ง!!”

ภีมล้มลงเมื่อจอมลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงที่เกือบจะเท่ากันกับเขาที่สูงถึงร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นติเมตรก่อนฝ่ายนั้นจะหันไปคว้าแขนทิชาเอาไว้แน่น

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! เรื่องระหว่างเรามันจบแล้ว ปล่อย!” ร่างเล็กพยายามแกะมือของอีกฝ่ายจนพนักงานในร้านต่างก็วิ่งเข้ามาช่วยจับจอมแยกออกมาด้วยอีกแรงเมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย

“ทิชา! ไม่นะ! อย่าทิ้งจอมไป อย่าทำกับจอมแบบนี้!!” จอมที่ถูกพนักงานยื้อตัวไว้ร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งก่อนภีมที่มัวแต่มองภาพเหตุกาณ์ตรงหน้าจะร่างเล็กฉวยแขนพลางลากเดินออกมา

“ทิชา…” ภีมพยายามยื้อน้องสาวหากแต่อีกฝ่ายกลับตวาดขัดขึ้นทันที

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วกลับ!”

“แต่!...”

“ไม่มีแต่!! กลับเดี๋ยวนี้

“ทิชา! ไม่นะ กลับมา! กลับมาหาจอม ทิชา!!!”

ร่างเล็กเดินออกจากร้านมาโดยไม่สนเสียงตะโกนไล่หลังเคล้าเสียงร่ำไห้จนเหมือนจะขาดใจนั้นอีกเลยผิดกับภีมที่หันไปมองใบหน้าของอีกคนตลอดทางที่เดินออกมาจนอีกฝ่ายหายลับสายตาไป

ใบหน้าของเด็กผู้ชายที่ตอนแรกมันช่างเต็มไปด้วยความน่ารักและเป็นมิตรหากแต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวด จนทำให้ภีมที่เห็นใบหน้าเหล่านั้นนั้นรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก…


:

:

ภีมเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งท่ามกลางห้องที่มีเพียงแสงจากโคมไฟบนหัวเตียง เหตุการณ์ในวันนั้นแม้จะผ่านไปนานกว่าสองปีแล้วแต่ร่างโปร่งก็ยังจำมันได้เป็นอย่างดี ภีมนึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ตัวเองหลวมตัวถูกทิชาใช้เป็นเครื่องมือจนเป็นสาเหตุให้อีกคนต้องเจ็บปวดจากความรักมากมายถึงขนาดนี้

ร่างโปร่งคิดโทษตัวเองพร้อมกับคิดถึงเรื่องของจอมพลขึ้นมาอีกครั้งจนมันเริ่มตีกันให้ปวดหัวก่อนเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาที่ดังขึ้นจะฉุดให้ภีมละทิ้งความฟุ้งซ่านที่มีอยู่ไปพลางยันตัวเองลุกนั่งและรับสายที่โทรเข้ามาทันที

“ครับ”  ร่างโปร่งกดรับโดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

“กลับไทยแล้วทำไมแกถึงไม่กลับบ้าน!” เสียงแว้ดดังลั่นจนแสบแก้วหูจากปลายสายทำให้ภีมยกโทรศัพท์ออกจากก่อนจะจ้องไปยังเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอ

“ทิชา?” ภีมเอ่ยถามเมื่อเขากลับมาใช้เบอร์เดิมเหมือนที่เคยใช้ตอนยังไม่ได้ไปอเมริกาส่วนเบอร์ที่โทรมาแม้จะไม่ถูกบันทึกเอาไว้แต่เขาก็จำมันได้เป็นอย่างดี

“ก็ใช่น่ะสิแกคิดฉันเป็นใคร!? กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะลืมบุญคุณพ่อแม่ฉันไปแล้วเหรอไง!!” คนเป็นน้องว่าเสียงลั่น

“พี่ขอโทษไว้พี่จะหาเวลาว่างกลับไปเยี่ยม” ภีมเอ่ยเสียงเรียบเขาไม่ต้องการทะเลาะกับน้องสาวในเวลานี้ ทั้งที่รู้ดีว่าหากกลับมาอยู่ไทยชีวิตของเขาก็คงวุ่นวายเพราะคนๆ นี้อีกแต่ร่างโปร่งก็ยังอยากที่จะกลับมาอยู่ผืนแผ่นดินเกิดเสียมากกว่า

“พูดอย่างกับทุกวันนี้แกไม่ว่างยังงั้นแหละ!” อีกฝ่ายจับผิดกลับ

“ใช่พี่ไม่ว่าง พี่ทำงานแล้วแถมยังต้องทำงานล่วงเวลาแทบจะทุกวันอีกด้วย” ภีมทำทีหาทางกลบเกลื่อนทิชากลับไป

“นี่แกโกหกฉันใช่มั้ย! เพิ่งกลับมาได้ไม่นานทำไมแกถึงได้งานแล้วล่ะ!”  อีกฝ่ายไม่เชื่อ

“เพราะพี่สมัครทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนจะจบ”

“เหอะ! งั้นถ้าแกได้งานทำแล้วก็ต้องมีเงินน่ะสิเอามาให้ฉันใช้สักสี่ห้าหมื่นซิ” ไม่ว่าเปล่าปลายสายยังทำเรื่องที่มักจะทำกับภีมเสมอตั้งแต่ตอนที่เขายังเรียนอยู่มหา'ลัยที่นี่จนมาถึงตอนนี้ทิชาก็ยังไม่เปลี่ยน

“มากขนาดนั้นพี่ไม่มีให้หรอก” ร่างโปร่งปฏิเสธกลับ

“ไหนบอกว่าทำงานแล้วไง! ทำงานแล้วก็ต้องมีสิ เงินแค่นี้ให้ฉันไม่ได้หรือไงพ่อกับแม่ฉันมีบุญคุณกับแกนะ!” ปลายสายตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ

“แต่พี่ยังทำไม่ถึงเดือนเลยแล้วจะเอาเงินที่ไหนให้” ภีมว่าพลางกุมขมับ

“แล้วเงินที่แกได้กลับมาจากอเมริกาล่ะ! ฉันรู้นะว่าอยู่ที่โน้นแกทำงานเก็บเงินอย่าโกหกซะให้ยาก!”

“เงินนั่นพี่เอาไปใช้ในส่วนอื่นแล้ว” ร่างโปร่งว่า ซึ่งส่วนอื่นที่ภีมบอกก็คือรถยนต์มือสองและคอนโดแห่งนี้ที่ซื้อต่อจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาอีกที

“ส่วนอื่น? อะไร! บอกฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ทิชาไม่ยอมแพ้หญิงสาวยังคงคาดคั้นคนเป็นพี่กลับอย่างเอาเรื่อง

“เอาเป็นว่าพี่จะกลับไปเยี่ยมบ้านแล้วกันนะทิชาตอนนี้พี่ไม่ว่างแค่นี้ก่อนนะ” ภีมไม่ตอบคำถามของอีกคนหากแต่ตัดบทจนปลายสายเดือดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

“แก!...ไอ้ภีมบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอาเงินไปทำอะไร! ไอ้เกย์ไม่สำเนียกบุญคุณ! ไอ้!…ตู๊ดดดด”

ร่างโปร่งตัดสายเมื่ออีกฝ่ายเริ่มพรั่งพรูคำด่าว่าที่มักจะตวาดออกมาทุกครั้งเมื่อไม่พอใจ ภีมกดปิดเครื่องทันทีเพื่อกันไม่ให้ผู้เป็นน้องสาวโทรมารบกวนอีกครั้งก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชะรำล้างร่างกายและคิดทบทวนกับปัญหาที่เริ่มจะถาโถมเข้ามาแม้ว่าตัวเขาเองเพิ่งจะกลับมาอยู่ไทยได้เพียงแค่เดือนเดียวก็ตาม

ภีมบีบยาสีฟันลงบนแปรงอย่างเชื่องช้าร่างโปร่งดูมีท่าทีและใบหน้าที่ไม่สดชื่นเอาเสียเลยหลังจากผ่านเรื่องมากมายในวันนี้ คำพูดที่ถูกทิชาว่าให้จนรู้สึกจุกไปทั้งอกฉุดให้ภีมนึกย้อนกลับไปในวันที่ผู้เป็นน้องสาวคนที่เคยแสนดีของเขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่พ่อกับแม่พยายามปิดบังเธอมาตลอดชีวิต

'ทิชา…ภีมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของลูก'

เสียงผู้เป็นแม่ที่ทั้งร่ำไห้และสะอื้นออกมาในคราวเดียวกันเอ่ยขึ้นในขณะที่ผู้เป็นน้องสาวได้แต่คะยั้นคะยอให้ร่างโปร่งบริจาคเลือดให้กับผู้เป็นพ่อที่พลัดตกบันไดเพราะเมาหนักจนบาดเจ็บสาหัสโดยหารู้ไม่ว่าภีมนั้นไม่ได้มีหมู่เลือดเดียวกับคนในบ้านเลยแม้แต่คนเดียว

พ่อกรุ๊ปบี แม่กรุ๊ปโอ ทิชากรุ๊ปบี ส่วนภีม…เอบี

ทิชาตกใจมากเมื่อได้รู้ หญิงสาวมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันทีจนภีมต้องทำใจ จากเด็กที่ตามติดเขาแจเพราะหวงที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนเข้าหาภีมไม่หวั่นไม่ไหวกลายเป็นคนปากร้ายแถมยังพูดจาส่อเสียดรสนิยมคบหาผู้ชายด้วยกันของเขาจนบางทีภีมก็ถึงขั้นปวดหัวเพราะอีกฝ่ายเล่นเอาเรื่องนี้ไปพูดในที่สาธารณะให้อายอยู่เสมอ

ร่างโปร่งถอนหายใจพลางมองตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนกลับมาเบื้องหน้า ด้วยแววตาเศร้า ภีมถูกพ่อและแม่ของทิชารับมาเลี้ยงดูในตำแหน่งของลูกอิจฉาตั้งแต่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ โดยที่แม่นภาแม่ประจำบ้านเด็กกำพร้าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะได้บอกกับภีมในวันนั้นแค่ว่าครอบครัวที่รับเขามาอุปการะนี้มีฐานะทางการเงินและคุณสมบัติที่ดีพอจะดูแลเขา ซึ่งความจริงแล้วหากถามว่าพวกเขาทั้งคู่เลี้ยงดูร่างโปร่งมาอย่างดีหรือไม่ ภีมก็คงจะตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลเลยว่าในช่วงหกเดือนแรกน่ะ…ใช่ แต่หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็ดำดิ่งเข้าสู่โลกของการเป็นกาฝากอย่างเต็มตัวเมื่อจู่ๆ ผู้เป็นแม่เกิดตั้งท้องทิชาขึ้นและต่อจากนั้นเพียงไม่นานปฏิกิริยาของคนเป็นพ่อก็เปลี่ยนไป

ภีมทนอยู่ในสภาพแบบนั้นนานหลายปีจนกระทั่งร่างโปร่งตัดสินใจออกมาอยู่หอพักและทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่อายุได้เพียงสิบห้า ภีมรับงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำรายงานให้รุ่นพี่ ช่วยป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งข้างหอพักล้างจาน แจกใบปลิวในวันหยุด หรือแม้กระทั่งรับสอนพิเศษเด็กประถม ร่างโปร่งก็ล้วนผ่านงานพวกนี้มาแล้วทั้งหมด แต่ด้วยความที่ร่างโปร่งไม่สามารถตัดขาดจากครอบครัวนั้นได้เพราะคำว่าบุญคุณยังค้ำคอจึงไม่แปลกที่ภีมจะยังคงถูกทิชารังควานแบบนี้ไม่เลิก

ภีมออกจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างโปร่งแต่งตัวด้วยชุดนอนลายหมีแพนด้าทั้งชุดก่อนจะเดินออกมากดเปิดเครื่องเล่น MP3 ตั้งโต๊ะที่บรรจุเพลงคลาสสิคเอาไว้กว่าร้อยเพลงพลางหยิบหนังสือเล่มโปรดออกมาพร้อมกับกางเปิดอ่านบนโซฟาราวกับกำลังหาที่สงบจิตใจของตัวเองให้เย็นลง

ร่างโปร่งอ่านไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้น ภีมเงยหน้าจากหนังสือก่อนที่คิ้วทั้งคู่ของเขาจะขดกันเป็นปมเมื่อร่างโปร่งยังไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่นี่เลยสักคนเหตุเพราะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน

ภีมตัดสินใจปิดหนังสือในมือลงก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องเผยให้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงที่น่าจะมีเชื้อสายทางตะวันตกสิ่งยิ้มมาให้เขาอย่างผูกมิตร

“เออ…สวัสดีครับพอดีผมเพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่ที่ห้องตรงข้ามของคุณ” คนตรงหน้าเอ่ยก่อนจะชี้ไปยังประตูห้องตรงข้ามเพื่อให้ร่างโปร่งที่ยืนทำหน้างงอยู่เข้าใจ

“อ๋อครับผมก็เพิ่งมาอยู่ใหม่เหมือนกันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ” ภีมว่า

“ดีเลยผมกำลังหาเพื่อนอยู่พอดีไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ” ชายร่างสูงเอ่ยถามกลับด้วยใบหน้าที่ดูจะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

“ผมภีมแล้วคุณล่ะครับ”

“ผมเดนิสครับ” พูดจบคนตรงหน้าก็ยื่นถุงที่มีโลโก้ของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งมาให้ภีมทันที

“นี่เป็นของเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมซื้อมาคุณภีมโปรดรับไว้เถอะนะครับ คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนบ้านใหม่ก็ได้” ร่างโปร่งมองตามการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิครับและถ้าหากมีอะไรที่คุณภีมอยากขอความช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” เดนิสว่าก่อนจะยื่นถุงมาตรงหน้าจนร่างโปร่งที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจำใจต้องยื่นมือออกไปรับมาอย่างช่วยไม่ได้

“แล้วคุณเดนิสอายุเท่าไหร่เหรอครับ” ภีมถาม

“ผม 26 แล้ว คุณภีมล่ะครับ”

“ผมคงต้องเรียกคุณว่าพี่ซะแล้วเพราะผมเพิ่ง 25” ร่างโปร่งว่าก่อนจะยิ้มกลับไปให้อีกคนบ้าง

“งั้นพี่ไม่เรียกภีมว่าน้องนะมันไม่ชินขอเรียกแค่ภีมเฉยๆ ได้มั้ย” เดนิสพูดก่อนจะกระชับสายเป้ที่พาดบ่ามาด้วยพลางมองอีกคนกลับอย่างกรุ้มกริ่ม

“ตามใจพี่เดนิสละกันครับ” ภีมไม่ขัด

“เอาเป็นว่าเรียกพี่ว่าเดนเฉยๆ ก็พอ” เดนิสเสนอให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นที่มักจะมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่รู้

“เอ่อ…ได้ครับพี่เดน” ภีมพยักหน้าเข้าใจกลับอย่างประหม่าก่อนคนตรงหน้าจะมองผ่านตัวเขาเข้าไปในห้อง

“แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ” เดนิสถาม

“ครับผมอยู่คนเดียว”

“คงเหงาแย่เลยเนอะ พี่เองก็เตรียมใจเอาไว้แล้วล่ะเพราะที่ผ่านมามีคนอยู่ด้วยมาตลอดเพิ่งจะเคยอยู่คนเดียวจริงๆ ก็ตอนนี้แหละ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะพยายามพูดในสิ่งที่เขาเจอมาก่อนออกไป

“แรกๆ อาจจะยังไม่ชินครับแต่นานๆ ไปมันจะเป็นอะไรที่สบายมากๆ เพราะเราไม่ต้องสนใจคนอื่นอยากทำอะไรในห้องก็ได้ที่อยากจะทำ” ว่าเสร็จเดนิสก็จ้องภีมกลับก่อนจะถามออกมาอีก

“แสดงว่าภีมอยู่คนเดียวมานาน?”

“ก็หลายปีแล้วล่ะครับ” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่กั๊ก

“แล้วตอนนี้ทำงานที่ไหน”

“ผมเพิ่งจะเข้าทำงานที่ CHOM Group. วันนี้วันแรกครับ”

“อ้าว! พี่ก็ทำงานที่นั่น” เดนิสเผยรอยยิ้มให้กับความบังเอิญของพวกเขาในครั้งนี้ออกมาอีกครั้ง

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ทำมาได้ครึ่งปีแล้วพี่เป็นวิศวกรโครงสร้างคอยควบคุมงานก่อสร้างของทางบริษัทน่ะแล้วภีมล่ะอยู่ฝ่ายไหน”

“ผะ…ผมเป็นเลขาฯ ผู้บริหารน่ะครับ” ร่างโปร่งตอบอย่างละเหี่ยใจ ภีมไม่คิดว่ามันน่าดีใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้ทำงานกับคนร้ายกาจแบบนั้น

“หว่า…เป็นถึงเลขาฯ คุณจอมพลทำไมไม่บอกพี่ให้เร็วกว่านี้ปล่อยให้พี่เล่นใหญ่จนอายปากตัวเองเลยเนี่ย” เดนิสตอบกลับด้วยท่าทีเขินอายเมื่อตำแหน่งของภีมดูจะสูงกว่าเขาอยู่มาก

“มันไม่ได้น่าดีใจขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างผมก็ยังไม่รู้ว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า” แค่เจอจอมพลหมายหัวก็แทบจะแย่อยู่แล้ว ยังไม่รวมถึงเนื้องานที่น่าจะหนักอยู่มากโขนั่นอีก พูดแล้วร่างโปร่งก็แทบจะคอตก

“ดีอยู่แล้วน่าถ้าเราตั้งใจ งั้นพรุ่งนี้ไปทำงานด้วยกันสิเอารถพี่ไป คันเดียวกันไปด้วยกันประหยัดค่าน้ำมันนะ” เดนิสให้กำลังใจพลางเสนอ

“เอ่อ…คือผมค่อนข้างที่จะตื่นสายสักหน่อยน่ะครับไม่อยากให้พี่ต้องพลอยรีบไปด้วยเพราะนิสัยนี้แก้ยังไงก็ไม่หาย” ร่างโปร่งตอบกลับเสียงอ้อมแอ้มชวนให้คนตรงหน้าขำกับท่าทีของเขา

“โอเคๆ งั้นไว้เจอกันที่บริษัทแล้วกันนะ” เดนิสว่าพลางทำท่าจะเดินกลับห้อง

“ครับ ขอโทษที่ไม่ได้เชิญพี่เข้าห้องนะคือตอนนี้มันค่อนข้างที่จะรกนิดหน่อย” ภีมเอ่ยก่อนเดนิสจะหันกลับมาแซว

“ชีวิตคนโสดล่ะสิ พี่เข้าใจๆ” ว่าเสร็จภีมก็ย่นจมูกกลับ

“งั้นพี่เข้าห้องก่อนนะมีอะไรก็เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย” เดนิสส่งยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องตัวเองไปทันทีเช่นเดียวกับภีมเองที่ปิดประตูก่อนจะวางของที่อีกฝ่ายเพิ่งจะให้มาลงบนโต๊ะพลางเปิดดูว่าข้างในคืออะไร

“ช็อคโกแลตกับลูกอมหลากรสเนี่ยนะ?” ร่างโปร่งมองของข้างหน้าอย่างนึกขำ

ผู้ชายอายุ 26 คนนี้คิดว่าเขาเป็นเด็กอายุเก้าขวบหรือยังไงถึงได้ซื้อของพวกนี้มาฝาก?

ถึงแม้จะงงกับของฝากตรงหน้าอยู่ไม่น้อยแต่สุดท้ายร่างโปร่งก็เลือกหยิบช็อคโกแลต KITKAT สีแดงขึ้นมาก่อนจะแกะซองออกและยัดเข้าปากเคี้ยวอย่างเมามัน รสชาติที่ห่างหายมาเป็นเดือนหลังกลับจากอเมริกาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังจากที่ต้องจมอยู่กับความคิดมากมายมาตลอดทั้งวัน


TBC...


---------------------------------------

ชีวิตน้องภีมดราม่าไปอีกกกก ตั้งแต่เด็กเลยยย งื้ออ T^T
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนาาา
#จอมพลจะทวีความร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #7 เมื่อ20-07-2017 11:32:28 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.2 100% [20/07/2560]
«ตอบ #8 เมื่อ20-07-2017 12:45:43 »

ชีวิตภีมน่าสงสาร
จอมพลมาแก้แค้นภีมนี่เพราะจอมเป็นอะไรหรือเปล่า ก่อนแก้แค้นก็น่าจะหาข้อมูลดี ๆ ก่อนนะ เฮ้อ
เดนนิสเป็นหนึ่งในพวกพระเอก(เลว)หรือเปล่า แบบว่าหนึ่งในแผนของจอมพลงี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
«ตอบ #9 เมื่อ20-07-2017 13:28:35 »

อ้าวคุณพี่ชาย ไม่ไปลงกับน้องเขาล่ะ ลงกะคนพี่เพื่อ?

เก่งจนทำให้บริษัทได้กำไรเป็นร้อยๆล้าน
แต่เรื่องน้องสาวทำไมไม่สืบให้แน่ชัด
มีสมองซะเปล่า

คิดแก้แค้นก็ทำกับคนน้องสิ แล้วพี่ชายไปเกี่ยวไรด้วย
มาเอาคืนกับคนพี่ ยังไง ตลกป่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-07-2017 13:28:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
«ตอบ #10 เมื่อ20-07-2017 20:40:49 »



CHAPTER  3



ภีมมาทำงานตรงตามเวลาก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะขนาดไม่ใหญ่มากที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ในห้องทำงานที่อยู่รวมกันทั้งแผนกบุคคล บัญชี ลูกค้าสัมพันธ์และเลขาฯ เช่นเขา

ร่างโปร่งเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะลุกเดินไปกดน้ำจากเครื่องทำน้ำเย็นที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะมากนัก พนักงานมากมายที่กำลังหลั่งไหลเดินเข้ามาเอ่ยทักกันเสียงดัง ในขณะที่ภีมทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากส่งยิ้มให้กับทุกคนที่ยิ้มส่งมาให้กับเขาเช่นกันเพียงเท่านั้น

“เมื่อวานทำงานวันแรกเป็นไงบ้างจ้ะ” พนักงานสาวที่ภีมจำได้ว่าคือคนที่เขาเจอเมื่อวานกล่าวทักขึ้นก่อนที่เธอจะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะใกล้ๆ กับเขา

“ก็ดีครับพี่…” ภีมตอบเชิงถามชื่ออีกคนกลับเมื่อลืมไป

“รสรินจ้ะ เรียกพี่รินเฉยๆ ก็ได้” เธอบอกก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ

“ส่วนผมภีมครับ” ร่างโปร่งแนะนำตัวกลับไปบ้าง

“จ้ะน้องภีมพี่รู้ชื่อเราตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ” คนตรงหน้าบอกก่อนที่ภีมจะขมวดคิ้วพลางนึกว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงจนรสรินต้องเอ่ยปากบอกออกไป

“ก็ตอนคุณจอมพลแกตะโกนออกมาไง” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็ถึงกับชะงัก

“อ๋อ…”

“มีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าเมื่อวานคุณจอมพลน่ากลัวจนพี่ขนลุกเลย” รสรินถามด้วยสีหน้าอยากรู้ปนเป็นห่วง

“ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับเขาหรอกครับเขาต่างหากที่หาเรื่องผมก่อน” ภีมตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“แต่…” รสรินทำท่าจะพูดต่อแต่แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อบุคคลที่เดินเข้าห้องมาเป็นคนเดียวกับที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่

จอมพลแบกแฟ้มงานที่ภีมนำไปวางไว้บนโต๊ะของเขาเมื่อวานหลังจากที่แก้รายละเอียดของงบประมาณที่กรอกผิดไปจนเสร็จ ร่างสูงเดินตรงมายังโต๊ะของภีมด้วยใบหน้าบึ้งตึงก่อนเหตุการณ์ที่ชวนให้ทั้งห้องต้องอึ้งจะเกิดขึ้น

โครม!!

แฟ้มงานกระจัดกระจายลงบนโต๊ะของภีมด้วยฝีมือของจอมพล รสรินที่ยืนอยู่ด้วยถึงกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบทันทีที่ผู้บริหารได้เอ่ยปากพูดออกมา

“แก้ใหม่ทั้งหมด!!” จอมพลตวาดลั่นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้องไป จนภีมที่มองตามการกระทำของอีกฝ่ายเลือกที่จะตะโกนไล่หลังกลับไปอย่างไม่เกรง

“เดี๋ยวก่อนครับ! ผมอยากรู้ว่าทำผิดตรงไหน” ร่างโปร่งถามลั่นท่ามกลางพนักงานมากมายที่มองมายังพวกเขาเป็นจุดเดียว

จอมพลชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินออกมาลงก่อนจะหันหลังกลับไปมองอีกคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“หาเอาเอง!” เสียงทุ้มว่าให้ก่อนที่ภีมจะไม่ยอมแพ้ด้วยการเถียงกลับ

“จะหาเอาเองได้ยังไง! ในเมื่อผมคิดว่าแบบนี้มันถูกต้อง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่มันผิดน่ะมันผิดตรงไหน” คำพูดของร่างโปร่งสร้างความไม่พอใจให้กับจอมพลเป็นอย่างมาก ร่างสูงเดินเข้าหาก่อนจะกระชากแขนอีกฝ่ายพลางจ้องหน้านิ่ง

“มึงกำลังหาว่ากูมั่ว!?” จอมพลเค้นเสียงถาม

“ผมยังไม่ได้พูด”

“แต่มึงคิด!” จอมพลตวาดกลับ

“คุณมีกระแสจิตหยั่งรู้หรือไงถึงได้ยินว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”

“มึง!!!” คำพูดของภีมทำเอาจอมพลถึงกับฟิวส์ขาด ร่างสูงลงแรงบีบต้นแขนอีกฝ่ายกลับจนร่างโปร่งหน้านิ่ว

เหล่าพนักงานในห้องต่างร้องเสียงหลงออกมาเมื่อผู้บริหารที่เคยสุขุมและเคร่งขรึมมาโดยตลอดกำลังเผยอีกด้านหนึ่งจนทุกคนเริ่มกลัวจนหัวหดไปกันใหญ่

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองไปรอบห้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำอะไรที่คนอื่นไม่สมควรได้เห็นก่อนจะผละมือออกจากต้นแขนของภีมพร้อมกับสั่งร่างโปร่งด้วยคำที่ใครได้ยินเป็นต้องเสียวสันหลังกันทุกราย

“ไปหากูที่ห้อง!”

ร่างสูงบอกเพียงแค่นั้นก่อนจะจ้ำอ้าวเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวทันที ทิ้งไว้แต่เพียงร่างโปร่งที่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างนึกหวาดท่ามกลางพนักงานคนอื่นๆ ที่หันมองมายังเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามกันเป็นตาเดียว!

:

:

ภีมหยุดหายใจเข้าจนเต็มปอดอยู่หน้าห้องของจอมพลสักพักใหญ่ ร่างโปร่งรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้งเพียงเพราะความปากไวของตัวเอง มือเรียวเอื้อมไปเคาะประตูห้องก่อนที่เสียงจากคนข้างในจะขานรับออกมาเมื่อเขาเคาะลงไปเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ร่างโปร่งผลักประตูเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนดวงตากลมจะกวาดมองหาอีกฝ่ายจนทั่วห้องหากทว่ากลับไม่เจอแม้แต่เงาของจอมพลเลยแม้แต่น้อย

“โอ้ย!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ร่างโปร่งก็ถูกผลักจากทางด้านหลัง

“ใครใช้ให้มึงพูดจาแบบนั้นกับกู!” จอมพลย่างสามขุมเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเค้นเสียงถามกลับไปอย่างเอาเรื่อง

“เมื่อกี้ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ” ภีมพยายามถอยหนีก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะกล่าวละล่ำละลักออกไป

“ไม่ได้ตั้งใจ!? มึงจะบอกว่าพลั้งปากพูดออกมาว่างั้น!” ร่างสูงเอ่ยถ้อยคำยียวนก่อนจะคว้าแขนของคนที่พยายามหนีกระชากเข้าหาตัวเองแบบไม่ยั้งแรง

“ผมก็แค่พูดทุกอย่างตามที่คิดแต่ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจหรืออยากจะคิดแบบนั้นล่ะก็…ตามใจคุณเลยผมไม่ว่า” ภีมเอ่ยอย่างไม่ยอม

“ปากดีนะมึง!” จอมพลตวาดลั่นก่อนลงแรงบีบแขนอีกฝ่ายจนภีมหน้านิ่วทว่าร่างโปร่งก็ไม่ปริปากร้องออกมาแต่อย่างใด

ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะลากร่างโปร่งที่จ้องตอบไม่วางไปยังโต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเหวี่ยงอีกฝ่ายล้มลงบนโต๊ะกว้างก่อนจะตามเข้าไปคร่อมร่างโปร่งเอาไว้และตรึงแขนทั้งสองข้างของภีมเหนือหัวไม่ปล่อย

“คุณจะทำอะไร!?” ภีมเบิกตากว้างตกใจก่อนจะรีบดิ้นหนีพันธนาการของอีกฝ่ายเมื่อความรู้สึกไม่ปลอดภัยถาโถมเข้ามาอย่างจัง!

“ดูท่ากูต้องจัดการกับท่าทางพยศของมึงซะแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็นเยียบก่อนจะโน้มตัวลงจนภีมร้องเสียงหลง

“อย่านะ! นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!?”

“ทำไม? กลัว? แน่จริงมึงก็ลองปากดีกับกูอีกสิ!!” จอมพลตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงเกลียดท่าทางที่ภีมพยายามขัดขืนและอยากลองดีกับเขาจนเลือดขึ้นหน้า

“โอ้ย! ผมเจ็บ!” ร่างโปร่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆ จอมพลก็รวบแขนของเขาไว้ในมือเพียงข้างเดียวพลางบีบไว้แน่นก่อนที่มืออีกข้างจะเคลื่อนต่ำลงไปยังตำแหน่งกลางกายของเขาเสียจนร่างโปร่งถึงกับเบิกตาโพรงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

“อ่ะ! ปล่อยนะ! คุณมันผู้ชายร้ายกาจ!!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจอมพลลูบไล้มือหนาไปตามกลางกายของเขาก่อนที่ร่างโปร่งจะพยายามหนีจนสุดแรง

“กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องอีกคนกลับอย่างเอาเรื่องก่อนมือหนาที่ลูบไล้ยังช่วงล่างจะตะปบบีบกลางกายจนอีกฝ่ายเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“โอ้ย!!” ภีมขบกรามแน่นเพื่อกักเก็บความเจ็บที่ถูกอีกฝ่ายเล่นงานก่อนจะมองจอมพลด้วยแววตารังเกียจหากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านต่อสายตานี้แต่อย่างใด

“แต่ที่แน่ๆ กูดีกว่ามึงก็แล้วกันเพราะกูไม่เที่ยวไปรวมหัวบอกเลิกใครให้เขาต้องเจ็บช้ำเล่นๆ แบบมึง!” จอมพลวกเข้าหาเรื่องนี้จนได้

“ผมบอกไปแล้วไงว่าวันนั้นผมไม่รู้เรื่อง! เอามือของคุณออกไปเดี๋ยวนี้!!” ภีมกัดฟันปฏิเสธกลับ

“กูไม่โง่เชื่อมึงหรอกไอ้เศษสวะ!” สิ้นเสียงตะคอกกลับของร่างสูงภีมถึงกับชะงักกับคำเรียกที่อีกฝ่ายใช้กับเขาทันที

ร่างโปร่งจ้องจอมพลกลับอย่างเอาเรื่อง ภีมโกรธมากที่อีกคนใช้คำนี้เรียกเขา ทั้งที่ความผิดที่ถูกอีกฝ่ายกล่าวหามันไม่ใช่เขาเลยที่เป็นฝ่ายเริ่ม

“ปล่อย! ปล่อยนะเว้ย!!” ร่างโปร่งออกแรงขัดขืนอีกครั้งก่อนความสุภาพที่เคยมีเพราะด้วยสถานะในที่ทำงานจะพังทลายลงเมื่อตอนนี้ภีมรู้ดีแล้วว่าถูกจอมพลหมายหัวและไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่ ไม่ว่าเขาจะพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่ร่างสูงที่ปักใจเชื่อแบบนั้นยากจะกู่กลับเสียแล้ว

จอมพลยื้อแขนของภีมไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะทำการชันเข่าขึ้นมาและออกแรงถีบอีกฝ่ายออกไปทันทีหากทว่าร่างสูงกลับรู้ทัน จอมพลเบี่ยงตัวหลบก่อนที่ร่างสูงจะทาบทับลำตัวหนาลงบนตัวของภีมพร้อมกับใช้แขนแกร่งกดลงบนลำคอขาว เพื่อให้อีกคนหยุดดิ้น

“อึก!”

“คิดจะต่อกรกับกูยังเร็วไปสิบชาติไอ้ลูกหมา!!” ร่างสูงว่าก่อนที่คนใต้ร่างจะหน้าแดงก่ำเพราะหายใจไม่ออก

จอมพลมองใบหน้านั้นด้วยความรู้สึกสะใจก่อนที่ร่างสูงจะหยัดตัวเองให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและชี้หน้าด่าอีกฝ่ายลั่น

“นี่แค่บทลงโทษแรกที่มึงพยายามฉีกหน้ากูต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆ หากมีอีกเป็นครั้งที่สองกูไม่ใจดีแบบนี้แน่จำใส่หัวเอาไว้!”

ภีมสำลักไอออกมาจนหน้าดำหน้าแดง ร่างโปร่งกอบโกยอากาศเขาปอดถี่รัวก่อนจะทรุดตัวนั่งลงเสียตรงนั้นอย่างหมดแรง ขณะที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่ายดังขึ้น

จอมพลล้วงเอาต้นตอของเสียงออกมาก่อนจะกดรับเมื่อหน้าจอปรากฎชื่อลูกค้าคนสำคัญที่พวกเขามีนัดกันในวันนี้

“ครับ…ครับผมจำได้…เอาเป็นที่ที่คุณมาริกาสะดวกแล้วกันครับ…ครับได้แล้วแจอกันครับ” ร่างสูงวางสายลงก่อนจอมพลจะสังเกตเห็นภีมที่ค่อยๆ เดินไปทางประตูจึงได้เอ่ยทักขึ้น

“นั่นมึงจะไปไหน!” ภีมสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมาตอบอีกฝ่ายเบาๆ

“ผมจะกลับไปแก้งานที่คุณสั่งเมื่อกี้”

“ใครอนุญาตให้มึงเดินออกจากห้องนี้ไม่ทราบ” จอมพลคาดคั้น

“ถ้างั้นคุณต้องการอะไรอีก”

“…”

อีกฝ่ายจ้องเขากลับเขม็งเมื่อสิ้นเสียงคำถามเมื่อครู่ก่อนที่ภีมจะรู้ตัวว่าคำพูดนี้ไม่เข้าหูของจอมพลอีกแล้ว

“คุณต้องการให้ผมทำอะไรอีก…ครับ” ร่างโปร่งเรียบเรียงคำพูดพลางกล่าวออกไปใหม่ก่อนร่างสูงจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับแฟ้มในมือสองสามอัน

ปึก!

“ไปพบลูกค้ากับกูแล้วมึงค่อยกลับมาแก้งานของเมื่อวาน” จอมพลว่าหลังจากทิ้งแฟ้มงานลงตรงหน้าของภีมจนมันเกยไปบนรองเท้าหนังที่เขาสวมอยู่

ร่างสูงเดินไปยังประตูห้องทันทีก่อนจอมพลจะหันกลับไปหาภีมอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินตามเขาออกมา

“ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้นะมึง! ตามมาสิวะกูไม่อยากให้ผู้หญิงเขารอนาน” จอมพลเอ็ดก่อนภีมจะตัดสินใจก้มลงไปเก็บแฟ้มบนเท้าของตัวเองมาถือไว้อย่างไม่ชอบใจนักและเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องไปเงียบๆ

:

:

“ริกาอยากได้วัสดุที่คงทนแต่ราคาย่อมเยาหน่อยไม่ทราบว่าคุณจอมพลสามารถหาให้ได้มั้ยคะ” หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลทองดัดเป็นลอนใหญ่ลูกค้าคนสำคัญอย่างมาริกาลูกสาวบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายต้นๆ ของประเทศเอ่ยปากขอก่อนจะมองจอมพลกลับด้วยแววตากรุ้มกริ้ม

“ไม่มีปัญหาครับ” ร่างสูงเอ่ยรับเมื่อพวกเขาตกลงนั่งทำสัญญาซื้อขายกันหลังจากที่ทั้งสามคนต้องเดินไปดูไซต์งานของมาริกานานหลายชั่วโมงจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะพลบค่ำเข้าไปทุกที

“ขอบคุณคุณจอมพลจริงๆ นะคะ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพ่อท่านวางใจให้บริษัทของคุณจัดการเรื่องวัสดุก่อสร้างของโครงการเราทั้งหมด” มาริกาออกปากชม

“ผมก็เป็นแค่นักธุรกิจที่อยากจะสร้างมาตรฐานที่ดีกับคู่ค้าเอาไว้ไม่งั้นก็คงติดแบล็กลิสส์ของโครงการต่างๆ จนไม่มีงานเข้ามาน่ะสิครับ” ร่างสูงว่าพลางชำเลืองมองคนข้างๆ อย่างภีมที่กำลังปิดแฟ้มลายลักษณ์อักษรของหนังสือสัญญาในการร่วมธุรกิจครั้งนี้เก็บ

“แหม…ขึ้นชื่อว่าวัสดุก่อสร้างทั้งหมดมาจาก CHOM Group. แล้วไม่มีลูกค้าคนไหนหรอกค่ะที่จะไม่อยากร่วมงานด้วย” มาริกายกยอร่างสูงจนภีมที่นั่งฟังอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่ต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ทันที

“คุณมาริกาชมกันเกินไปแล้วล่ะครับ”

“เรียกแค่ริกาเฉยๆ ดีกว่าค่ะเพราะริกาเองก็อ่อนกว่าคุณจอมพลตั้งหลายปี” มาริกาเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มอย่างพยายามผูกมิตร

“งั้นริกาก็เรียกพี่แค่พี่จอมพลก็พอ” ร่างสูงบอกกลับก่อนหญิงสาวตรงหน้าจะยิ่งหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาใหญ่เหตุเพราะเขินร่างสูงที่กำลังคุยอยู่ด้วยซะเหลือเกิน

“แปลกจังเลยนะคะทำไมเลขาฯ ของพี่จอมพลไม่ค่อยพูดเลย” มาริกาเอ่ยทักเมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นภีมที่เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างห้องก่อนที่จอมพลจะเหน็บอีกคนออกมา

“คงลืมเอาปากมามั้งครับ”

“เอ๊ะ! เมื่อกี้พี่จอมพลว่าไงนะคะพอดีริกาได้ยินไม่ชัด” หญิงสาวถาม ในขณะที่ภีมเองก็ได้แต่มองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาที่เริ่มจะเคืองเพียงเท่านั้น

“เปล่าครับ เขาก็เป็นคนแบบนนี้แหละอย่าสนใจเลย” ร่างสูงว่าก่อนที่มาริกาจะยกข้อมือที่ประดับไปด้วยนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดู

“ว้า…เสียดายจังอยากอยู่คุยกับพี่ให้นานกว่านี้แต่เผอิญริกามีนัดกับหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทอีกคนพอดีต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าจะขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวว่าก่อนจะเก็บแฟ้มเอกสารของเธอมาถือไว้บ้าง

“ไม่เป็นไรครับตามสบายเลย” จอมพลเอ่ยก่อนอีกฝ่ายจะยื่นมือเล็กมาตรงหน้าร่างสูง

“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกันนะคะ” จอมพลเอื้อมมือจับอีกฝ่ายไปก่อนน้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร

“เช่นกันครับ”

:

ร่างสูงเดินออกมาส่งมาริกาขึ้นรถโดยมีภีมเดินตามหลังอยู่ห่างๆ ทั้งคู่ร่ำลาด้วยคำพูดอ่อนหวานอยู่สักพักก่อนที่ตัวรถของมาริกาจะแล่นผ่านหน้าภีมออกไป พลันร่างสูงของเจ้านายก็ตีหน้านิ่งเดินเข้ามาหาเขาทันที

“เก็บหลักฐานการพูดคุยวันนี้ทุกอย่างให้ดี ถ้ากูรู้ว่าอะไรหายไปกูเอามึงตาย!” จอมพลที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแสดงความหยาบกระด้างออกมาอย่างไม่กั๊ก

“ครับ” ร่างโปร่งขานรับก่อนจะเดินตามหลังอีกคนมไปยังรถของจอมพลที่จอดอยู่ไม่ไกล

“เอ่อ…แล้วคนขับรถล่ะครับ” ภีมถามเมื่อตอนมามีคนขับรถคันนี้

“ขอกลับไปก่อนเพราะลูกเขาไม่สบาย” ร่างสูงบอกก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับ

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับบริษัทเอง” ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยออกไปเมื่อไม่อยากเดินทางกับจอมพลเพียงลำพัง ภีมมองอีกฝ่ายที่เริ่มจะมองเขากลับด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ก่อนจอมพลจะทำเพียงเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นกว่าทุกครั้ง

“เลยเวลาเลิกงานแล้วมึงจะกลับไปทำอะไรที่บริษัท”

“ผมจะกลับไปเก็บของครับ”

“ไม่ต้องห่วงเพราะบริษัทกูมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแถมยังมีกล้องวงจรปิดทุกชั้นไม่มีใครขโมยของของมึงหรอก” ร่างสูงว่า

“แต่…”

“กูมีธุระจะไปทำต่อขี้เกียจต้องวกกลับไปที่โน้น”

“เอ่อ…ผมถึงบอกไงครับว่าจะกลับรถเมล์” ภีมพยายามพูดออกไปให้น่าฟังที่สุดก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดที่ภีมคาดไม่ถึงออกมา

“ขึ้นมา”

“…”

“กูบอกให้ขึ้นมาก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!!” จอมพลสั่งเสียงแข็ง

“คือผม…” ร่างโปร่งชั่งใจจนจอมพลทนไม่ไหวหมายหัวกลับ

“จะเอาตรงนี้ใช่มั้ย!?” ร่างสูงเค้นเสียงเอ่ยจนภีมเสียวสันหลังวาบ

“ครับๆ ขึ้นก็ขึ้น” ร่างโปร่งเปิดประตูรถก่อนจะขึ้นไปนั่งยังที่นั่งข้างคนขับของจอมพลทันที

“บ้านมึงอยู่ไหน” คนข้างๆ ถามเสียงเรียบ

“บีจีทีคอนโด” ภีมตอบก่อนคนสวมบทเป็นสารถีจะออกตัวรถมาทันทีท่ามกลางคนที่ไม่เข้าใจในการกระทำของเขาอย่างภีมที่เอาแต่เสมองอีกฝ่ายไม่วาง

:

:

ร่างสูงดับเครื่องยนต์ลงในที่ที่เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก จอมพลมองคนข้างๆ ที่พอขับออกมาได้ไม่นานก็หลับมาตลอดทางด้วยแววตาเกลียดชัง มือหนาเอื้อมขึ้นจับหัวของอีกฝ่ายที่ใช้ไหล่ของเขาเป็นที่พิงก่อนจะออกแรงผลักหัวนี้ไปทางประตูจนมันกระทบกันเกิดเสียงดัง

โป้ก!!

“โอ้ย!!!” เจ้าของหัวร้องออกมาด้วยความเจ็บก่อนที่ภีมจะลืมตาตื่นและมองจอมพลกลับอย่างเอาเรื่อง

“ลงจากรถกูไปซะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบหากทว่ากลับเต็มไปด้วยการบังคับจนร่างโปร่งที่เพิ่งตื่นรีบกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ทันที

ซึ่งภาพข้างนอกตัวรถที่เขาเห็นกลับเป็นเพียงถนนสายโล่งที่แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านจนภีมเลิกคิ้วพลางถามอีกฝ่ายกลับไป

“ทะ…ที่นี่ที่ไหน”

“ที่ไหนไม่สำคัญแต่กูบอกให้ลงไปมึงก็ต้องลง!” จอมพลตวาดลั่นก่อนภีมจะจ้องอีกฝ่ายกลับเมื่อเริ่มจะเข้าใจว่าเขากำลังถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้งอีกแล้ว

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม!? คุณจะส่งผมกลับคอนโดไม่ใช่เหรอ” ร่างโปร่งเริ่มถามเสียงสั่น

“กูบอกมึงสักคำเหรอว่าจะไปส่ง”

“!!”

คำตอบของจอมพลทำเอาภีมจุกจนพูดไม่ออก จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดจอมพลไม่ได้เอ่ยออกมาเลยสักนิด ร่างโปร่งไม่เคยคิดเลยว่าคนข้างๆ เขาในตอนนี้จะใจไม้ไส้ระกำเสียยิ่งกว่าอะไรดี

ภีมเกลียด! เกลียดผู้ชายคนนี้จนอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ!

“อย่าลืมสิว่ามึงติดหนี้แค้นกูอยู่ไม่มีวันที่กูจะทำดีกับมึงจำไว้!” จอมพลเค้นเสียงเอ่ยพลางส่งมือหนาบีบคางของอีกฝ่ายกลับเต็มแรง

“ทำไมคุณทำกับผมถึงขนาดนี้!!” ภีมพยายามแกะมือหนาออกท่ามกลางดวงตาของเขาที่เริ่มจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

“กูทำได้มากกว่านี้อีกเตรียมตัวลงนรกเอาซะตั้งตอนนี้ได้เลย ลงไป!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็สะบัดมือที่บีบคางอีกฝ่ายจนภีมหน้าหัน ก่อนร่างโปร่งที่ทำอะไรไม่ได้จะตัดสินใจเปิดประตูเดินลงจากรถ

“มีแรงก็ยืนรอรถให้ผ่านมารับมึงเองแล้วกันแต่กูบอกไว้เลยว่าคงอีกหลายชั่วโมงว่ะ” ว่าเสร็จร่างสูงก็ติดเครื่องก่อนจะขับรถออกไปทันที

ภีมได้แต่ยืนนิ่งไม่หันไปมองตามรถที่ขับออกไปแต่อย่างใด ร่างโปร่งก้มหน้าลงช้าๆ ก่อนที่ลาดไหล่เล็กทั้งสองข้างนั้นจะกระเพื่อมไปตามแรงสะอื้นที่เจ้าตัวไม่ได้อยากจะให้ของเหลวภายในดวงตานั้นไหลออกมาเลยสักนิด หากทว่าในเวลานี้นอกจากความเกลียดมากมายที่มีให้กับจอมพลแล้ว ภีมเองก็ยังเกลียดตัวเอง! เกลียดที่ไว้ใจขึ้นรถอีกฝ่ายมาทั้งที่รู้ดีว่าคนๆ นี้ไม่มีทางทำดีกับเขาได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม


TBC.....
-------------------------------------------------

คุณพระคุณเจ้า! เห็นความร้ายกาจของจอมพลกันหรือยังคะ!! กิ่งว่าราชันย์นี่ดูด้อยไปเลย
เอาใจช่วยภีมกันด้วยนาาาาาา
ส่วนคนเขียนไม่ขออะไรมาก ขอแค่คนละ 1 เม้นท์ เป้นกำลังใจให้กันก็พอออออ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
«ตอบ #11 เมื่อ20-07-2017 21:14:32 »

อย่าไปยอมนะคะ ตาต่อตา ฟันต่อฟันเลยค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
«ตอบ #12 เมื่อ20-07-2017 21:18:35 »

+เป็ดจ้า

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
«ตอบ #13 เมื่อ20-07-2017 23:33:23 »

+เป็ดจ้า
ขอบคุณค่ะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
«ตอบ #14 เมื่อ21-07-2017 01:19:24 »

โอ๊ยยย
อยากตบพระเอก
โง่แล้วยังโฉดอีก!

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #15 เมื่อ21-07-2017 07:57:02 »



CHAPTER 4



ร่างสูงของจอมพลมาทำงานแต่เช้าก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าภีมวิทธิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จอมพลมองคนที่กำลังนั่งแก้เอกสารบนโต๊ะภายในห้องพนักงานที่มีเพียงอีกฝ่ายเพียงคนเดียวด้วยสีหน้าถมึงทึง ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายทันทีเมื่อบุคคลตรงหน้ากลับดูไม่เป็นอะไรทั้งที่เขาได้ทิ้งมันไว้บนถนนสายเปลี่ยวแหล่งซ่องสุมชั้นดีของพวกขี้ยาและอันธพาลที่มักจะก่อเหตุทำร้ายหรือแม้กระทั่งชิงทรัพย์ไม่เว้นแม้แต่ละวัน

“เป็นไง!? เมื่อวานมึงโดนไอ้พวกที่อยู่แถวนั้นทำอะไรไปบ้างล่ะ” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“ผมยังสบายดีและก็ไม่ได้โดนทำอะไรนี่ครับ” ภีมว่าในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลทั้งสองข้างของเขาไม่ได้หันไปให้ความสนใจกับเจ้าของคำถามเลยจนอีกฝ่ายขบกรามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้แน่น

“แล้วกลับมาได้ยังไง” ร่างสูงจดจ้องไปยังอีกคนรอคำตอบ

“ผมจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอครับ” ภีมปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“มึงคิดจะเล่นลิ้นกับกูใช่มั้ย!!!?” จอมพลตรงเข้ากระชากคอเสื้อของคนที่นั่งอยู่ทันที ร่างสูงกระชากอีกฝ่ายเข้าหาจนภีมหน้านิ่ว ทว่าคนตัวเล็กกว่ายังคงไม่สะทกสะท้านหนำซ้ำเขายังสาดคำพูดไม่ยี่หระกลับไป

“เปล่านี่ครับ ถ้าคุณไม่มีอะไรนอกจากอยากจะตามมาสมน้ำตาผมที่โดนคนจิตใจไม่ปกติขับรถเพื่อเอาไปทิ้งไว้แบบนั้นล่ะก็…คุณก็คงทำไม่สำเร็จเพราะไม่ใช่แค่ผมไม่โดนอะไรแล้วแต่ผมยังกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากที่ไอ้โรคจิตคนนั้นมันกลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอีกด้วย!” ภีมเอ่ยเสียงเรียบหากแต่ทุกๆ คำพูดกลับเต็มไปด้วยการสาดเสียเทเสียซะจนคนถูกว่าเส้นกระตุกผลักเขาให้ล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“มึง!!!”

“โอ้ย!!”

“อยากลองดีกับกูนักใช่มั้ย! ได้!!” จอมพลที่ตามมาคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้ปัดป้องมือของคนข้างใต้ที่พยายามปัดป่ายให้โดนตัวเขาจนร่างสูงต้องทำการรวบมือของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมีเพียงข้างเดียว

“คุณจะทำอะไร! หยุดนะเว้ย!!” ภีมร้องออกมาจนสุดเสียงก่อนมือหนาของคนด้านบนจะบีบคางของเขาไว้แน่นพลางโน้มใบหน้าลงมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้นจนร่างโปร่งรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที

“ปากมึงนี่โครตน่าตบให้เลือดกบจนพูดไม่ได้เลยว่ะ!!” มือหนาสะบัดจนอีกคนหน้าหันหากทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังไม่ผละออกจากใบหน้าเรียวของคนข้างใต้เลยแม้แต่น้อย

จอมพลมองอีกฝ่ายที่เริ่มจะเกิดอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัดด้วยแววตาเกลียดชังระคนโกรธแค้น ร่างสูงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายก่อนภีมจะเริ่มดิ้นจะพยายามเคลื่อนตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่จอมพลกลับไม่ยอมร่างสูงกระตุกยิ้มเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเคลื่อนมือข้างที่เป็นอิสระลงไปบีบคลึงกลางกายของภีมอย่างนึกชอบใจ

“คุณมันบ้าไปแล้ว! อื้ออออ!!” จอมพลบดจูบภีมลงมาทันทีในขณะที่อีกคนไม่ทันระวังตัว ร่างโปร่งเบิกตากว้างพลางดิ้นหนีจนสุดแรงก่อนร่างสูงจะกัดริมฝีปากของเขากลับจนห่อเลือด

“ทำบ้าอะไร! ปล่อยกูนะเว้ย!!” ภีมสบถด่าออกมา ร่างโปร่งจ้องอีกคนด้วยไฟโทสะจนจอมพลที่เพิ่งรู้ว่าเผลอทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ของตัวเองลงไปรีบหยัดตัวเองลุกขึ้นก่อนจะส่งหมัดหนักๆ เข้าท้องอีกฝ่ายไป

“อึก!” ร่างโปร่งส่งเสียงร้องออกมาพลางงอตัวระงับความเจ็บที่แล่นเข้ามา

“แม่ง! กูอยากฉีกเนื้อมึงออกเป็นชิ้นๆ ให้ตายๆ ไปซะ!!” จอมพบคว้าคอเสื้อของภีมอีกครั้งก่อนจะกระชากอีกคนเข้าหาตัวในขณะที่ร่างโปร่งนิ่วหน้าพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไม่แพ้ร่างสูงกลับไปอย่างเอาเรื่อง

“ก็เอาสิ! ถ้าคิดว่ามันจะทำให้ความแค้นของคุณจบลงได้ละก็…ทำเลย!!” ภีมตะโกนกร้าว

“หึ! แต่ถ้ามึงตายตอนนี้ก็ไม่สนุกสิวะ” จอมพลเอ่ยเสียงเหี้ยม

“…”

“เพราะกูยังไม่ได้ลากมึงลงนรกจริงๆ เลยจะรีบฆ่าไปทำไมกัน” ร่างสูงเหยียดยิ้มร้าย

“โรคจิต!! โอ้ย!” ร่างสูงผลักอีกฝ่ายลงกับพื้นก่อนจะกระชากขึ้นมาอีกครั้ง

“ด่าอีก!! ด่าออกมา!!” จอมพลตวาดลั่นพลางบีบคางอีกฝ่ายแน่นจนภีมน้ำตาเล็ด

“ปล่อยนะเว้ย!!”

แกร๊ก!

เสียงจากประตูห้องที่ดังขึ้นฉุดให้คนเป็นเจ้านายรีบผละออกจากคนข้างใต้พร้อมกับหยัดตัวเองขึ้นยืนจนเต็มความสูงทันทีที่ผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามา

“สวัสดะ!!...” รสรินมองจอมพลและภีมสลับกันไปมาอย่างนึกสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามกลับไป

“เอ่อ…มีอะไรกันหรือเปล่าคะ?”

“เปล่า” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบในขณะที่ภีมเองก็พยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่งและปาดเลือดที่มุมปากออกเพราะกลัวรสรินจะเห็นเข้า

“แต่ว่าคุณจอมพะ…”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น…รสริน”

“ค…ค่ะ” พนักงานสาวที่พยายามถามออกไปอีกปิดปากเงียบลงทันทีก่อนคนเป็นเจ้านายจะหายออกจากห้องนี้ไป เธอจึงรีบเข้าไปดูอีกคนที่กำลังลุกยืนขึ้นที่โต๊ะทันที

“เป็นไรหรือเปล่าน่ะเรา” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วงเพราะภาพที่เห็นมันต้องมีอะไรมากกว่าที่เธอคิดเป็นแน่

“ไม่เป็นไรครับ” ภีมว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางความเจ็บบริเวณหน้าท้องที่ยังคงอยู่

“ทำไมเสื้อผ้ายับขนาดนี้ล่ะภีมคุณจอมพลเขาทำอะไรเราหรือเปล่า” รสรินที่ไม่รู้จะเริ่มถามอีกฝ่ายยังไงหยิบเอาเรื่องเสื้อขึ้นมาพูด

“ปะ…เปล่าหรอกครับ พอดี CPU ของผมมันไม่ทำงานผมเลยลงไปซ่อมมันนิดหน่อย” ร่างโปร่งเฉไฉหากทว่ารสรินกลับรู้ดีว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเพราะคนซ่อม CPU ที่ไหนจะลงไปนอนกองกับพื้นขนาดนั้นกันล่ะ!

“พี่ถามจริงๆ เถอะเราได้ไปทำอะไรให้คุณจอมพลเขาไม่พอใจหรือเปล่า” พนักงานสาวที่ทนเก็บความอยากรู้ไม่ได้อีกต่อไปถือโอกาสนี้ถามออกไปในที่สุด

“ทำไมพี่รินถึงถามยังงั้นล่ะครับ” ร่างโปร่งถามกลับเพราะไม่คิดว่ารสรินจะจับโกหกกับเรื่องที่เขาแก้ตัวไปเมื่อกี้ได้

“ก็เพราะร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นคุณจอมพลเป็นแบบนี้เลยน่ะสิ เขาดูเครียดๆ เวลามองภีม แถมสองวันมานี้เขาก็ยังเข้ามาในห้องนี้ด้วยทั้งที่แต่ก่อนไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนหรือเอกสารจะผิดพลาดยังไงแกก็ไม่เคยหอบงานพวกนั้นให้พนักงานแก้เลยนะ คุณจอมพลน่ะจะแก้ทุกอย่างเคลียร์ทุกงานแต่พอกับภีมทำไมแกถึงได้ซีเรียสขนาดนี้ก็ไม่รู้” หญิงสาวสาธยายออกมาอย่างอัดอั้นจนร่างโปร่งที่ได้ยินถึงกับชะงักหากทว่าภีมก็ไม่อาจบอกใครให้รู้ได้

“คงมีแหละมั้งครับแต่ติดตรงที่เรื่องพวกนั้นผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม” ร่างโปร่งบอกเพียงเท่านี้ก่อนจะหันหน้าไปให้ความสนใจกับงานที่ต้องแก้ตรงหน้าอีกครัง

หญิงสาวมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ โต๊ะด้วยความรู้สึกสงสัยปนสงสาร รสรินรู้ดีว่าเรื่องระหว่างภีมวิทธิ์กับจอมพลที่ทำตัวเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่อีกคนเข้ามาทำงานต้องมีอะไรมากพอให้คนเป็นเจ้านายหมายหัวอีกคนแบบนี้เป็นแน่!

:

:
“ภีมไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ร้านป้าเข็มข้างๆ บริษัทนี่เอง” รสรินเอ่ยชวนร่างโปร่งที่นั่งข้างโต๊ะเมื่อถึงเวลาของอาหารกลางวัน

“ตามสบายครับพี่รินเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรง่ายๆ กินที่ 7-11 เพราะต้องรีบแก้เอกสารพวกนี้ให้เสร็จ” ภีมภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะหันมาพูดกับหญิงสาวพลางส่งยิ้มให้เธอ

“เอางั้นเหรอ”

“ครับขอบคุณพี่รินมากนะครับที่ชวน”

“ให้พี่ซื้อใส่กล่องมาให้มั้ย” รสรินเสนอ

“ไม่ต้องหรอกครับผมเกรงใจ” ภีมว่า

“ได้นะ! ไม่ต้องเกรงใจหรอกเอามั้ยเดี๋ยวซื้อมาให้” หญิงสาวคะยั้นคะยอ

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับเดี๋ยวผมออกไปซื้อเองพอดีมีอะไรอีกสองสามอย่างที่อยากได้”

“อ๋อ ถ้างั้นก็เจอกันตอนบ่ายนะ”

“ครับ”

หญิงสาวยิ้มรับพร้อมเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนพลันร่างโปร่งก็หันไปแก้เอกสารต่ออีกสักพักก่อนจะลุกออกจากโต๊ะและเดินออกจากบริษัทเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อที่ได้บอกกับรสรินไปทันที

ภีมมองหาอาหารกล่องแช่เยือกแข็งง่ายๆ อย่างข้าวผัดกะเพราขี้เมาหมู ก่อนจะฝากให้พนักงานอุ่นให้พร้อมกับเดินไปเลือกหยิบ ไข่ลวกและนมอีกหนึ่งขวดใหญ่ก่อนจะเดินต่อไปยังชั้นวางขนมขบเคี้ยวที่เขาชอบทานเป็นชีวิตจิตใจพลางยืนเลือกด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อเช้ามาเพียงนิด

ร่างโปร่งตัดสินใจเอื้อมมือออกไปหยิบขนมเลย์รสดั้งเดิมซองใหญ่ตรงหน้าก่อนจะมีอีกมือหนึ่งที่เอื้อมผ่านทางด้านหลังของเขามาหยิบเอาถุงเดียวกันด้วยเช่นกันจนภีมต้องรับผละมือออกพลันหันหลังละล่ำละลักคำพูดขอโทษออกไป

“อ่ะ! ขอโทษครับ เชิญคุณก่อนละ!…”

“ภีม!!” คนข้างหลังตะโกนชื่ออีกฝ่ายกออกมาอย่างตกใจ

“แดน!!” ร่างโปร่งที่เมื่อเห็นอีกคนชัดเต็มสองตาตะโกนชื่ออีกคนออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน

“มึงมาทำอะไรที่นี่!?” แดน หรือ แดเนียล ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รูปร่างสูงที่มาพร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลาและมัดกล้ามเนื้อที่ไม่ใหญ่มากหากทว่ากลับดูเป็นคนรักสุขภาพเอ่ยถามอดีตเพื่อนและคนเคย รัก ตรงหน้ากลับไป

“กูมาทำงานมึงล่ะ?” ภีมเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะเหยียดยิ้มให้อีกฝ่ายหากทว่ารอยยิ้มนี้กลับดูเศร้าลงเสียจนถนัดตา

“กูมาหาญาติ”

“เหรอ”

ร่างโปร่งตอบกลับเสียงเรียบพลางหลบสายตาก่อนร่างสูงตรงหน้าจะมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นมานานหลายเดือนพร้อมกับนึกหวนกลับไปยังวันดีๆ ที่พวกเขาเคยมีร่วมกันมาอีกครั้ง

“แล้วนี่ซื้ออะไร” แดนเอ่ยทำลายความเงียบก่อนภีมจะนึกขึ้นได้เดินไปยังแคชเชียร์ทันทีโดยมีร่างสูงเดินตามมาติดๆ

“ข้าวกลางวันกับของกินเล่นน่ะมึงล่ะ?” ภีมว่าพลางวางของที่ถือทั้งหมดลงคิดเงินรวมกับข้าวกล่องของตัวเอง

“กูซื้อน้ำ”

“อ่อ…อืม” ภีมตอบรับในลำคอพลางยื่นเงินให้กับพนักงาน

“เจอกันกระทันหันแบบนี้อึดอัดเนอะว่ามั้ย”

“ก็นิดหน่อยน่ะ” ร่างโปร่งถอนหายใจ

“มึงพอมีเวลาว่างคุยกับกูหน่อยหรือเปล่า” แดนถามกลับก่อนคนข้างๆ จะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายแล้วภีมก็เลือกที่จะ…

“เอ่อ…ได้สิ” ร่างโปร่งตอบรับพลางรับของที่ซื้อมาจากพนักงาน

“งั้นไปหาที่คุยกัน”

“อื้ม”

:

:
ม้านั่งใต้ร่มต้นไม้ใหญ่หน้าบริษัทเป็นสถานที่ที่ภีมวิทธิ์เลือก เนื่องจากร่างโปร่งไม่มีเวลาที่จะออกไปข้างนอกแถมยังมีงานที่ต้องเคลียร์จึงขออีกฝ่ายให้เป็นที่แห่งนี้ซึ่งเดนียลเองก็ไม่ปฏิเสธ ร่างสูงนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่งก่อนจะเอาแต่มองอีกฝ่ายที่กำลังแกะข้าวกล่องที่ซื้อมาทานจนภีมที่พยายามหลบสายตาคมคู่นี้อยู่ต้องจำใจเอ่ยท้วงขึ้นมาเมื่อไม่รู้จะทำตัวยังไงอีกต่อไปดี

“มองกูทำไมนักหนา”

“กู…คิดถึงมึง”

“…”

“กลับไทยมาทำไมไม่บอกกู” แดนเอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไป

“ตอนนั้นกูยุ่งๆ น่ะขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้บอก” ภีมว่าก่อนจะปิดกล่องข้าวที่เพิ่งจะกินไปได้เพียงนิดลง

“ไม่ต้องขอโทษกูหรอกกูก็แค่ถามเฉยๆ” ร่างสูงว่าก่อนจะเกลี่ยนิ้วมือเช็ดริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน

“มึงแค่บอกกู เรื่องแบบนี้กูทำเองได้” ภีมที่ชักหน้าออกห่างกล่าวออกไปเสียงเรียบสร้างความรู้สึกผิดมากมายให้ประเดประดังเข้าหาอีกคนจนแดนชะงักพลางทำหน้าเศร้า

“กูขอโทษ” ร่างสูงเอ่ยออกไปเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไร”

“แล้วเริ่มทำงานนานยัง” แดนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อบรรยากาศระหว่างเขากับภีมดูจะอึมครึมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เพิ่งมาวันที่สาม”

“ตำแหน่งอะไร”

“เลขาฯ ผู้บริหาร”

“สุดยอด! กูนี่เดาไม่ผิดเลยว่ามึงต้องได้ตำแหน่งดีๆ แน่” ร่างสูงเอ่ยยินดีก่อนคนถูกชมจะทำหน้าเหยเกและเอ่ยเสียงอ่อนกลับไปบ้าง

“คงดีล่ะมั้ง”

“ไหงทำหน้าแบบนั้น ตำแหน่งงานสูงขนาดนี้ควรจะดีใจนะ” แดนว่าก่อนภีมจะทำเพียงแค่พยักหน้ากลับ

“เอ่อ…แล้วมึงมีคนคุยคนใหม่หรือยัง” ร่างสูงถามขึ้นมาอีกเมื่อมีอีกเรื่องที่เขาอยากจะบอกกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด

“ยัง ทำไม?”

“กูก็แค่อยากรู้ ไม่อยากให้มึงเสียใจและคิดมากเพราะกูอีก” ร่างสูงจ้องอีกคนนิ่งพลันร่างโปร่งที่มองมาเพราะได้ยินคำพูดนี้ก็ถอนหายใจพลางพูดขึ้น

“เรื่องพวกนั้นที่มึงทำกับกู กูอโหสิให้หมดแล้วตอนนี้กูไม่ถือโทษโกรธอะไรทั้งนั้นมึงต่างหากที่เอาแต่คิดแทนกู” ภีมว่า

“ก็เพราะว่ามันเป็นความผิดของกูไง”

“ใช่ มันเป็นความผิดของมึงแต่มึงก็เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วไง กูเองก็เข้าใจเลยไม่เห็นว่าอะไรที่ยังทำให้มึงโทษตัวเองอยู่แบบนั้น” ร่างโปร่งตอบจนอีกฝ่ายชะงัก

“…”

“มึงจะรอญาติมึงที่นี่ต่อมั้ย” ภีมที่เก็บของทุกอย่างลงถุงเอ่ยถามเมื่อเวลาพักของเขากำลังจะหมดลง

“อื้ม คงจะรอต่อมึงมีอะไรหรือเปล่า”

“กูจะกลับไปทำงานแล้ว”

“งานมึงคงยุ่งมากสินะ”

“ก็ตามเนื้อผ้า งั้นกูขอตัวก่อนนะ” ว่าเสร็จภีมก็ลุกออกจากม้านั่งก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่เสียงจากคนที่ยังคงนั่งอยู่จะตะโกนไล่หลังมา

“เดี๋ยว!” ร่างโปร่งหันไปหาอดีตคนเคยรู้สึกดีๆ ด้วยอีกครั้ง

“กูขอเบอร์มึงหน่อยสิเผื่อนัดออกมาคุยกันอีกพอดีกูยังไม่สนิทกับใครที่นี่นอกจากญาติของกู อีกอย่างกูมีเรื่องอยากคุยกับมึงเยอะมากเลยนะภีม” แดนว่าก่อนภีมที่นิ่งงันอยู่สักพักจะบอกออกไปในที่สุด

“090-85446xx โทรมาแล้วกัน”

“ขอบคุณ”

“ภีม!” แดนเรียกอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าบริษัทไว้อีก

“เรื่องนั้นกูขอโทษมึงจริงๆ”

“อืม”

ร่างโปร่งที่หันกลับมาอีกครั้งพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัททันที ทิ้งไว้แต่เพียงร่างสูงของแดนที่ยังคงมองแผ่นหลังของภีมที่เดินไกลออกไปไม่วางกับอีกหนึ่งคู่สายตาที่มองลงมาจากในห้องทำงานของตนตั้งแต่ที่อดีตคนเคยรักกันคู่นี้นั่งคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ!!

:

:

“ภีมพี่กลับก่อนนะ” รสรินบอกเมื่อเก็บของของตัวเองบนโต๊ะเสร็จแล้ว

“ครับพี่ริน” ภีมหันมาเอ่ยรับเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเอกสารงบประมาณตรงหน้าอีกครั้งเพราะไม่อยากให้เสร็จดึกเหมือนเมื่อคราวก่อน

“อีกเยอะมั้ยมีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” พนักงานสาวเดินเข้ามาพลางถามขึ้น

“ไม่เป็นไรครับอีกนิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“จ้ะ เสร็จแล้วก็กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับ”

ร่างโปร่งเอ่ยกลับเพียงเท่านั้นก่อนจะพยายามเร่งมือแก้ไขเอกสารตรงหน้าอย่างรีบเร่ง หากทว่าเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นภีมก็กลายเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ภายในห้องทำงานกว้างนี้เสียแล้วพร้อมกับตัวเลขตรงหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี

ให้ตายเถอะ! เขาไม่ได้ทำมันเสร็จเร็วขึ้นสักเท่าไหร่เลย

ภีมเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองพร้อมกับสะพายมันขึ้นก่อนจะเดินหอบเอาเอกสารที่แก้เสร็จพวกนี้ไปวางไว้บนโต๊ะของจอมพลในห้องทำงานที่มืดสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้ว

“โอเค…” ภีมเอ่ยขึ้นกับตัวเองเมื่อเอกสารทั้งหมดถูกเขาวางไว้บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของจอมพลเป็นที่เรียบร้อย

ร่างโปร่งหันหลังเดินกลับไปยังประตูพลางเอื้อมมือขึ้นเพื่อหมายจะผลักมันออก ทว่า...

“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างมึงกับผู้ชายก็ไม่เว้น” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมห้องด้านหลังของภีมจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

“ผู้ชายเมื่อตอนกลางวันเป็นใคร!?” เสียงนี้ดังขึ้นมาอีกก่อนที่ไฟภายในห้องจะถูกติดขึ้นจนหมดเผยให้เห็นจอมพลที่ยืนเท้าแขนข้างซ้ายบนโต๊ะวางแฟ้มเล็กๆ ข้างหน้าต่างในขณะที่มือขวาของเขาถือแก้วเครื่องดื่มสีอำพันเอาไว้พร้อมกับมองมายังภีมด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนที่ภีมเองจะทำเป็นไม่สนใจคำถามเมื่อครู่พร้อมกับพูดเรื่องธุระออกไปเพียงเท่านั้น

“งานที่คุณให้ผมแก้ผมวางไว้บนโต๊ะให้แล้วนะครับ ขอตัวก่อน” สิ้นเสียงร่างโปร่งก็หันหลังให้กับจอมพลทันทีก่อนอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะกลับด้วยการ…

“ไอ้ภีม!!”

เพล้ง!!

แก้วที่อยู่ในมือของร่างสูงถูกเจ้าตัวปาไปยังประตูห้องเหนือหัวของร่างโปร่งอย่างหวุดหวิด จอมพลอาศัยจังหวะที่ภีมกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่างสามขุมเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าทันทีก่อนกระชากอีกฝ่ายให้หันมาหาตน

“กูถามไม่ได้ยิน!?”

“ได้ยิน! แต่ที่ไม่ตอบเพราะมันเรื่องของผม!!” ภีมเถียงเมื่อเริ่มจะดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง

“หึ! แต่กูมีสิทธิ์ที่จะรู้!!”

“สิทธิ์อะไร!? สิทธิ์เจ้านายที่จิตใจโหดเหี้ยมทำอะไรเอาแต่ใจของตัวเองเป็นใหญ่หรือสิทธิ์ของพี่ชายที่กำลังเรียกศักดิ์ศรีให้กับคนเป็นน้องที่โดนหักอกไปล่ะ!!”

“มึง!!”

ผัวะ!

หมัดหนักๆ ถูกร่างสูงส่งเข้าปะทะใบหน้าเรียวของร่างโปร่งอย่างจัง! ภีมล้มลงไปกองกับพื้น ผ่ามือของเขาถูกเศษแก้วที่แตกกระจายเมื่อครู่บาดจนเลือดไหล ร่างโปร่งนิ่วหน้าพลางมองผ่ามือตัวเองกลับด้วยความตกใจแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรอีกฝ่ายก็กระชากคอเสื้อของเขาให้ลุกขึ้นและด่าสาดเสียเทเสียกลับมาอีก

“หุบปากพล่อยๆ ของมึงซะ!! ถ้าไม่ใช่เพราะมึงกับน้องของมึงน้องกูคงไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนั้น!!” จอมพลตวาดลั่น

“สภาพไหน!? ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ากะอีแค่ถูกผู้หญิงบอกเลิกแค่คนเดียวมันจะเป็นอะไรกันนักกันหนา!!” ภีมเถียงกลับอย่างเอาเรื่อง

ร่างโปร่งจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาแข็งข้อไม่ยอม ในเมื่อตอนนี้จอมพลเริ่มเปิดศึกขึ้นมาแล้วเขาก็จะไม่ยอมแพ้และจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองให้ได้เพราะเรื่องทั้งหมดที่ร่างสูงเข้าใจมันไม่ได้เป็นความผิดของเขาเลยสักนิดเดียว!

“ได้!! เห็นน้องกูเมื่อไหร่ช่วยบอกกูด้วยว่าอะไรที่กูต้องทำกับมึงให้สาสมกับสิ่งที่พวกมึงทำกับน้องกู!!” ว่าเสร็จจอมพลก็กระชากอีกฝ่ายให้เดินตามออกจากบริษัทก่อนจะตรงไปยังที่จอดรถท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของคนด้านหลังตลอดทาง

“โอ้ย! ผมเดินเองได้!! ปล่อย!!” ภีมพยายามแกะมือหนาที่รวบข้อมือของเขาและลากเดินออกมาเป็นพัลวัน แรงที่อีกฝ่ายส่งผ่านมามันมากจนข้อมือของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนร่างสูงที่เดินมาจนถึงรถของตัวเองจะตะโกนว่าให้อีกคนจนสุดเสียง

“หยุดสะดีดสะดิ้งเป็นผู้หญิงซะทีเห็นแล้วกูรำคาญ!!”

“ก็ปล่อยผมซะสิ! โอ้ย!! ผมเจ็บนะ!!” ร่างโปร่งร้องออกมาอีกครั้งเมื่อจอมพลเปิดประตูรถและผลักตัวเขาให้เข้าไปข้างในอย่างไม่ออมแรงจนหัวของภีมโขกกับขอบประตูรถอยู่หลายที

จอมพลโน้มตัวลอดเข้าไปยังที่นั่งของอีกฝ่ายจนภีมที่พยายามดันแผงอกแกร่งอย่างนึกกลัวต้องหดคอหนีเพื่อไม่ให้ใบหน้าของพวกเขาที่ห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นฯ ต้องสัมผัสกัน

กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาตามลมหายใจของอีกคนทำเอาร่างโปร่งปวดหัวจนอยากจะหนีออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งยังแววตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงเลยสักนิดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ร่างโปร่งหายใจติดขัดไม่ทั่วท้องเมื่อแววตาดังกล่าวกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เครียดแค้น จนภีมเองก็สัมผัสได้ผนวกกับคำพูดที่จอมพลเค้นน้ำเสียงเย็นเยียบตวาดออกมามันยิ่งทำให้ภีมเริ่มมีความรู้สึกกลัวจนยากจะรับไหวได้อีกต่อไป

“เจ็บสิดี! กูอยากให้มึงเจ็บ! เจ็บและทรมานมากกว่าน้องกูเป็นร้อยเท่าพันเท่า! ค่อยๆ ซึมทราบความรู้สึกตายทั้งเป็นอย่างช้าๆ จนกว่าพวกมึงจะชดใช้ให้น้องกูหมด!!”

“!!”


TBC....
------------------------------------------------

เฮียพลมันร้ายยยยยยยยย
และมันก็ไร้เหตุผล T^T
แต่เดี๋ยวทุกคนจะได้รู้กันค่ะว่าทำไมแกถึงแค้นนักแค้นหนา
เรื่องราวจะมีปมไปเรื่อยๆ


 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #16 เมื่อ21-07-2017 08:40:17 »

น้องชายตาย?

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #17 เมื่อ21-07-2017 09:43:05 »

ขอชมว่าภีมจิตใจเข้มแข็งเกินปถุชนคนธรรมดา
โดนทั้งกูมึงจากคนได้ชื่อว่าเจ้านาย
แถมบีบคอ จูบประทุษร้ายกันขนาดนี้
ยังสติลนายเอกแน่วแน่
 :z3:
อยากวาร์ปไปเป็นตอนอิคุณจอมพลหลงรักน้องภีมจุงเบย
อยากเห็นคนแค้น เปลี่ยนเป็นคลั่งรักจนจุกอกตาย
 :hao7:


ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #18 เมื่อ21-07-2017 13:11:47 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #19 เมื่อ21-07-2017 17:19:10 »

+เป็ดให้นะ
สนุกดี พระเอกนี่ก็นะ บื้อจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-07-2017 17:19:10 »





ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #20 เมื่อ21-07-2017 17:29:50 »

+เป็ดให้นะ
สนุกดี พระเอกนี่ก็นะ บื้อจริงๆ

ขอบคุณนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
«ตอบ #21 เมื่อ21-07-2017 17:46:59 »

พระเอกไทยในตำนาน

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
«ตอบ #22 เมื่อ21-07-2017 19:08:28 »



CHAPTER 5
(เนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างรุนแรงเพื่ออรรถรสในการอ่านเท่านั้น)



ภีมนั่งตัวลีบมาตลอดทางเพราะคนข้างๆ ที่ขับเคลื่อนยานพาหนะสี่ล้อหรูคันนี้ได้ทำการแหกทุกกฏจราจรจนทำให้เกือบจะประสบอุบัติเหตุอยู่หลายครั้งจนร่างโปร่งขนหัวลุก

ภีมกระชับเข็มขัดนิรภัยที่คาดตัวเขาเองติดกับเบาะหนังอยู่แน่นก่อนจะมองไปยังทางเบื้องหน้าเมื่อตัวรถถูกคนขับเลี้ยวเข้าในอาณาเขตของสิ่งปลูกสร้าสูงระฟ้าสีขาวสะอาดตาขนาดใหญ่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกยังสถานที่แห่งนี้กันเป็นว่าเล่น ร่างโปร่งหันไปมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายเมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นที่นี่แต่ถึงกระนั้นคนถูกมองก็ไม่ได้สนใจกับแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

จอมพลดับเครื่องยนต์ลงในอาณาที่จอดรถของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ห่างไกลจากบริษัทของเขาอยู่หลายสิบกิโลฯ ก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมไปยังที่นั่งของอีกฝ่ายพร้อมกับเปิดประตูและกระชากคนด้านในออกมาอย่างไม่ออมแรง

ร่างสูงทั้งกระชาก ทั้งดึงและลากอีกคนที่พยายามยื้อตัวเองอยู่ด้านหลังเข้าไปด้านในก่อนจะตรงไปยังแผนกจิตเวชที่อยู่บนตึกด้านหลังสุดท่ามกลางเสียงร้องดังลั่นของภีมวิทธิ์ที่ตะโกนออกมาเมื่อจู่ๆ ร่างโปร่งก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ปล่อยผมนะ!! ปล่อย!!” ภีมพยายามดึงแขนตัวเองกลับแต่จนแล้วจนรอดข้อมือของเขาก็ไม่พ้นเงื้อมือหนาของอีกฝ่ายอยู่ดี

“มึงอยากเห็นน้องกูมากใช่มั้ย มานี่!!”

“โอ้ย! คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ร่างโปร่งร้องขณะจอมพลยังคงออกแรงลากให้เขาเดินไปตามทางเดินก่อนนางพยาบาลคนหนึ่งจากเคาน์เตอร์ติดต่อ-สอบถามจะเดินออกมาปรามเมื่อทั้งคู่ที่กำลังทำผิดกฎของโรงพยาบาล

“ขอโทษนะคะ! กรุณาอย่างส่งเสียงดังในบริเวณ!...”

“หยุดพล่ามซะ! ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไร หลีก!” ร่างสูงไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ จอมพลพ่นคำพูดว่าร้ายก่อนจะใช้ลำแขนแกร่งดันอีกฝ่ายให้พ้นทาง

“นี่คุณ!!...”

“ขืนมึงตะโกนอีกกูต่อย!” ภีมวิทธิ์เงียบเสียงลงทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายหมายหัวกลับก่อนร่างโปร่งจะถูกคนตัวสูงกว่าลากเดินต่อไปตามทางจนกระทั่งทั้งคู่หยุดลง ณ หน้าห้องๆ หนึ่งในที่สุด

ภีมกวาดสายตามองประตูตรงหน้าด้วยใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ มือหนาของจอมพลคว้าลูกบิดเอาไว้ก่อนจะออกแรงบิดและผลักมันเข้าไปในขณะที่ร่างโปร่งก็โผงคำพูดหนึ่งออกมาในทันใด

“เดี๋ยว!”

“…”

“ผมไม่อยากเข้าไปแล้ว” ภีมมองจอมพลสลับกับบานประตูตรงหน้าที่ถูกอีกฝ่ายเปิดแง้มเอาไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก

“ทำไม!? เกิดปอดแหกไม่กล้ายอมรับสิ่งที่ทำไว้กับน้องกูว่างั้น!!” ร่างสูงตวาด

“ปะ…เปล่าแต่ผมไม่คิดว่าน้องคุณจะอยู่ที่นี่” น้ำเสียงกลัวเอ่ยแผ่วเบา คำพูดที่ไม่ทันได้ยั้งคิดทำให้จอมพลถึงกับเลือดขึ้นหน้า

“แล้วมึงคิดว่าน้องกูจะอยู่ที่ไหน!!”

“ผะ…ผมไม่รู้ แต่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่!”

“หึ! มึงคิดยังงั้นใช่มั้ย ได้! ถ้างั้นมึงก็เข้าไปดูเองว่าทำไมน้องกูถึงต้องอยู่ที่นี่! ไป!!” ว่าเสร็จจอมพลก็ผลักอีกคนเข้าไปในห้องทันที

แรงของเขาส่งผลให้ร่างโปร่งที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียหลักล้มลงจนหัวแทบคะมำตรงกลางห้องก่อนดวงตากลมจะเคลื่อนเข้าสบกับร่างของใครอีกคนบนเตียงนอนของทางโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

“นี่มัน!?...เป็นไปไม่ได้!!” ร่างโปร่งเบิกตาโพรงเมื่อเห็นใบหน้าของคนด้านบน ภีมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับรับภาพตรงหน้า ทว่าคนที่เขาเห็นก็ยังเป็นคนเดียวกับในวันนั้นไม่มีผิดเพียงแต่มีบางอย่างในที่เปลี่ยนไป

“อยากเห็นน้องกูมากใช่มั้ย!? นี่ไง!! คนๆ นี้ไงที่ถูกพวกมึงสองพี่น้องทำร้ายจิตใจจนขับรถชนและต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง!!”

“!!”

ภีมตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน ร่างโปร่งพยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากภายใต้แววตาที่ยังคงมองไปยังคนหลับไหลอย่างสั่นระริก

“แต่…น้องคุณเป็นผู้ชาย?” คนตัวสั่นเอ่ยถามเสียงแผ่ว

ใช่…สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับคนบนเตียงคือเธอกลายเป็นหญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวยที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันกับบุคคลที่ผู้เป็นน้องสาวของเขาบอกเลิกไป เพียงแต่ในวันนั้นอีกฝ่ายกลับสวมเครื่องแต่งกายของผู้ชายจนทำให้ร่างโปร่งที่ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงเชื่อสนิทใจว่าคนที่เห็นในวันนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่!! ว่าคนที่น้องสาวมึงบอกเลิกเป็นผู้หญิง!!” ร่างสูงเข่นเขี้ยวถามกลับลั่นก่อนภีมจะละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมาแก้ตัว

“มะ…ไม่รู้…ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องคุณเป็นผู้หญิง”

“ตอแหล!!”

“คุณจอมพล!…ผมเจ็บ!!” ร่างสูงตรงเข้ากระชากคอเสื้อของภีมพลางกระชากเข้าหาตัวจนมันเสียดสีไปกับผิวหนังของอีกฝ่ายเป็นรอยแดง

“เจ็บ!? อย่ามาทำสำออยให้กูกระดากลูกตา! ในเมื่อมึงอยากจะเห็นน้องกูนัก ทีนี้ก็บอกกูมาซะว่ามึงจะชดใช้ให้น้องกูยังไง!!” จอมพลคาดคั้น

“ผะ…ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น!”

“ไม่ได้ตั้งใจ!? มึงรู้มั้ยว่าไอ้ความไม่ได้ตั้งใจของมึงและน้องของมึงมันทำให้น้องกูเกิดอุบัติเหตุไม่พอพวกมึงยังทำให้จอมใจไม่ยอมพูดอีกเลยหลังจากนั้น!!!”

“โอ้ย!” ภีมร้องเมื่อจอมพลใช้มือหนาบีบรัดลำคอของเขา

ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเกรี้ยวกราด จอมพลเกลียดท่าทีเย่อหยิ่งและสีหน้าที่ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนของอีกคนจนเข้าไส้

“กูเกลียดมึงไอ้ภีมกูเกลียดมึง!!” จอมพลตวาดพลางเขย่าอีกคนจนร่างโปร่งที่พยายามเอ่ยคำพูดออกมาต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

“ผมขอโทษ!…ขอโทษจริงๆ แต่วันนั้นผมไม่รู้เรื่องคุณเชื่อผมนะ”

“มึงไม่รู้เรื่อง? แสดงว่าคนที่รู้เรื่องทั้งหมดคือน้องของมึงใช่มั้ย ได้! ถ้างั้นกูจะแก้แค้นน้องมึงแทนแล้วกัน!”

“ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้นเพียงแต่ผมอยากให้คุณอโหสิกรรมให้พวกผมจะได้มั้ย คุณบอกเองว่าสิ่งที่เกิดกับน้องคุณมันเป็นอุบัติเหตุซึ่งมันก็ไม่ได้มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว”

“อโหสิกรรม? มึงเอาตัวรอดง่ายไปหรือเปล่าไอ้ภีม! น้องกูต้องเสียขา! เสียความรู้สึก! เสียใจ! มึงจะให้กูอโหสิกรรม!?...ไม่มีทาง!!!” พูดเสร็จร่างสูงที่ขบกรามแน่นจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนก็ลากตัวอีกคนเหวี่ยงเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดล๊อกประตูและหันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

“คะ…คุณจะทำอะไร!?” ภีมมองจอมพลด้วยแววตาสั่นระริก ร่างโปร่งถอยกรูดจนแผ่นหลังติดกับผนังห้องด้านหลังในที่สุด

ภีมวิทธิ์มองใบหน้าเดือดดาลของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกกลัว ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างนึกหวั่นเมื่อบางอย่างกำลังบอกกับเขาว่าครั้งนี้จอมพลที่ดูโกรธกว่าทุกครั้งเอาจริง!

“กูจะทำให้มึงตกนรกทั้งเป็น! มึงต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องกูทั้งหมด! มานี่!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็กระชากตัวภีมเข้าหาก่อนจะเหวี่ยงอีกฝ่ายล้มลงไปบนพื้นและตามขึ้นคร่อมเอาไว้ไม่ให้หนี

“หยุดนะ! คุณมันบ้าไปแล้ว! โอ้ย! อื้ออออ!” ภีมที่พยายามหาทางหนีเบิกตาโพรงเมื่อมือหนาคว้าเอาแขนของเขาที่ใช้เป็นเครื่องปัดป้องทั้งสองข้างเอาไว้พลางบีบมันเต็มแรงก่อนจอมพลจะกระแทกริมฝีปากประกบลงกับริมฝีปากของเขาจนได้เลือด

ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีสัมผัสจาบจ้วงของอีกฝ่ายทันทีเป็นเหตุให้เจ้าของสัมผัสอันดิบเถื่อนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าพลางกระชากข้อมือที่บีบเอาไว้แน่นเข้าหาก่อนจะเค้นเสียงเย็นเยียบพูดกับอีกคนกลับ

“กูบ้าได้มากกว่าที่มึงคิดอีก! เตรียมซ่อมร่างกายไว้ได้เลย!!”

สิ้นเสียงที่เป็นเหมือนดั่งคำพิพากษาของมัจจุราชร้าย ร่างสูงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไฟแห่งโทสะก็ถอดเนคไทของตัวเองออกก่อนจะใช้มันมัดไปยังข้อมือเล็กติดไว้กับราวเหล็กบนผนังท่ามกลางคนใต้ร่างที่พยายามดิ้นหนีจนสุดชีวิต

“อย่า! ปล่อยนะเว้ย!! อึก!” มือหนาคว้าหมับไปที่ลำคอของอีกฝ่ายก่อนจะแสยะยิ้มร้ายพลางหมายหัวกลับ

“ขอต้อนรับสู่ขุมนรกของกู!”

แควก!!

“อย่า!!!” ภีมร้องลั่นเมื่อคนด้านบนฉีกเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่จนขาดหวิ่น กระดุมที่กระเด็นไปคนละทิศละทางทำให้ร่างโปร่งถดตัวหนีแต่แล้วไม่ทันไรจอมพลที่คร่อมตัวเขาเอาไว้ก็โน้มตัวลงมาซุกไซร้ไปยังต้นคอขาวทันที

ริมฝีปากของร่างสูงขบเม้มและกัดย้ำไปตามผิวหนังของคนใต้ร่าง ในขณะที่มือหนาก็เอื้อมลงไปปลดเปลื้องอาภรณ์ด้านล่างของอีกฝ่ายจนร่างโปร่งเปลื้อยเปล่าเพียงชั่วพริบตาเดียว

“โอ้ย!! ปล่อยผมไป! ปล่อยนะเว้ย!!!”  ภีมร้องออกมาจนสุดเสียงเมื่อจอมพลพยายามแหวกขาทั้งสองข้างที่เขายกมันขึ้นเพื่อปิดบังกลางกายของตัวเองเอาไว้ออก ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับคว้าเอาผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้บนชั้นลงมาพลางยัดเข้าปากอีกคนอย่างไม่ออมแรง

ร่างโปร่งมองการกระทำของคนด้านบนด้วยความรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุดพลางพยายามดิ้นต่อให้หลุดจากพันธนาการนี้อย่างบ้าคลั่งเมื่อจู่ๆ จอมพลที่ก้มลงไปขบเม้มตามแผงอกและตุ่มไตเล็กสีชมพูของเขาเปลี่ยนมาควักกลางกายที่ผงาดเตรียมพร้อมสำหรับศึกที่กำลังจะเกิดของตัวเองออกมาทำเอาภีมที่พอเห็นขนาดของมันถึงกับเบิกตากว้างและพยายามถดตัวหนีทันทีที่อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาอีกครั้ง

“อยากร้องเท่าไหร่ก็เชิญ…กูแม่งโครตชอบเสียงครางเวลาที่กูกระแทกแรงๆ!” จอมพลเอ่ยเสียงเย็นข้างใบหูของภีมก่อนจะมองหน้าคนใต้ร่างด้วยรอยยิ้มเหี้ยมที่ถูกฉาบเอาไว้จนอีกฝ่ายใจเต้นไม่เป็นระส่ำ

“อ่า! อ่าอ่ะ!!” (อย่า! อย่านะ!) ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างกลัวสุดขีดเมื่อคนด้านบนเอื้อมมือลงไปลูบไล้ตามสะโพกเล็กก่อนจะหยุดอยู่ที่ช่องทางกลีบกุหลาบของเขา

จอมพลมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อของคนใต้ร่างด้วยแววตาสะใจก่อนจะจ่อกลางกายที่ผงาดจนเต็มขั้นของตัวเองไปยังช่องทางนั้นและดันมันเข้าไปทันทีโดยไม่มีการเล้าโลมหรือแม้แต่หล่อลื่นให้อีกฝ่ายแต่อย่างใด

“โอ้ย!!!!!!” ภีมจิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเองจนเป็นรอยช้ำ ร่างโปร่งกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บอันมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาผ่านช่องทางด้านหลังที่ไม่เคยมีใครได้ล่วงล้ำจนเจ้าตัวน้ำตาเล็ด

จอมพลนิ่วหน้าเมื่อความคับแน่นของโพรงอุ่นถูกเจ้าของตอดรัดจนร่างสูงแทบจะเสร็จทุกทีที่พยายามดันแท่งร้อนของตัวเองเข้าไป ร่างโปร่งมองใบหน้าคนด้านบนด้วยแววตาเจ็บปวดระคนโกรธแค้นก่อนอีกฝ่ายจะบีบคลึงสะโพกเล็กให้เขาผ่อนคลาย ทว่า…เมื่อภีมที่เผลอไผลไปกับสัมผัสนี้ผ่อนลมหายใจที่ตื้อขึ้นมาลงคนด้านบนก็ถือโอกาสดันกลางกายเข้ามาจนมิดด้ามทันที

“เอ็บ!!! อ๊มเอ็บ!! เอาอันออกไอ! อึก!” (เจ็บ!!! ผมเจ็บ!! เอามันออกไป! อึก!) เสียงร้องอู้อี้ที่ร่างโปร่งเปล่งออกมาสร้างรอยยิ้มให้กับคนด้านบนเป็นอย่างมาก

จอมพลมองไปยังใบหน้าที่แสนจะเจ็บปวดของคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกชอบใจก่อนร่างสูงจะเอ่ยทับพร้อมกับเริ่มจังหวะโดยการขยับสะโพกสอบเข้าออกทันที

“เอาออกตอนนี้ก็ไม่มันน่ะสิ…ภีมวิทธิ์! ซี้ดดด แม่งรัดฉิบหาย!” ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อความคับแน่นทำให้เขาขยับได้เพียงนิด

“อื้อออ!! ฮึก! ฮือออ!” ภีมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ฟันเล็กของเขากัดผ้าขนหนูในปากแน่นเผื่อหวังจะส่งผ่านความเจ็บนี้ออกไปให้หมดหากแต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิดเมื่อร่างสูงที่แสนจะป่าเถื่อนคนนี้กลับเร่งเครื่องขึ้นด้วยการโถมตัวลงมาท่ามกลางสะโพกสอบของตัวเองที่ยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

“โอ้ย! อ๊มเอ็บ! อุดเออะอ๋ออ๊อง ฮือออ อ่ะ!ๆ” (โอ้ย! ผมเจ็บ! หยุดเถอะขอร้อง ฮือออ อ่ะ!ๆ) ภีมพยายามร้องขออีกฝ่ายจนสุดเสียงแต่จอมพลกลับไม่สนใจและยังคงเอาเปรียบร่างกายที่ยังปรับสภาพไม่ได้นี้ต่อไปเรื่อยๆ

“กูเพิ่งรู้ว่าเอากับผู้ชายแม่งมันกว่าผู้หญิงซะอีก หึ! มึงคิดงั้นมั้ย?” ร่างสูงแสยะยิ้มพลางก้มลงถามร่างโปร่งที่เอาแต่จ้องเขาเขม็งก่อนคนใต้ร่างจะตวาดกลับด้วยความโกรธแค้น

“อ๋าอ่ะเอว!” (สารเลว!)

“มึงว่าไงนะ!!” ร่างสูงชะงักพลางดึงผ้าขนหนูที่อุดปากอีกฝ่ายอยู่ออกก่อนจะมองหน้าภีมอย่างคาดโทษ

“ผมบอกว่าคุณมันสารเลว! เลวไม่มีที่ติ!!” ภีมตวาดลั่น

“ไอ้ภีม!!” จอมพลตะโกนชื่ออีกคนออกมาอย่างเดือดดาลก่อนจะกระแทกสะโพกเข้าหาจนร่างโปร่งร้องเสียงหลง

“โอ้ย! อ่ะๆๆๆ เจ็บ! โอ้ย! อึก”

“อยากปากมากนักใช่มั้ย! กูจะทำให้มึงร้องไม่หยุดเลยคอยดู!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็กระแทกกลางกายเข้าออกถี่รัวให้สมกับความคับแค้นที่มีต่ออีกคนจนเต็มอก

“อ๊า!! อึก! อ่ะๆๆๆ” ภีมหันหน้าไปอีกทางก่อนจะพยายามกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้แต่จนแล้วจนรอดเขาก็หักห้ามมันไม่ได้เลยสักนิด

ร่างโปร่งทั้งเจ็บและโกรธในคราวเดียวกัน ภีมจิกเล็บลงบนฝ่ามือหนักเข้าจนมันช้ำเลือดเพื่อให้สมกับความเจ็บปวดที่กำลังได้รับ

“หันหน้ามา!” ร่างสูงฉุนกึกเมื่อคนใต้ร่างไม่ยอมมองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“กูบอกให้มึงหันมา!!!” ร่างสูงคว้าหมับเข้ากับคางมนของอีกฝ่ายพลางออกแรงฝืนให้ร่างโปร่งหันมา

น้ำตามากมายไหลออกจากหางตาของภีมก่อนจะตกลงสู่พื้นห้องด้วยความรู้สึกทั้งหมดของคนที่กำลังถูกย่ำยีในตอนนี้ทำเอาจอมพลชะงักไปนิด แต่แล้วร่างสูงก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เป็นอะไร ร้องไห้!?”

“…” ภีมไม่ยอมตอบ ร่างโปร่งได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อระงับความเจ็บบริเวณช่องทางด้านหลังที่กำลังถูกลุกล้ำอยู่ในขณะนี้

“อย่ามาบีบน้ำตาแถวนี้เพราะถึงยังไงกูก็ไม่สงสาร!!” ว่าเสร็จจอมพลก็กระแทกสะโพกของตัวเองเข้าใส่อีกคนอีกจนร่างโปร่งถึงกับนิ่วหน้าพลางกัดริมฝีปากจนห่อเลือด

“หึ! แบบนี้แม่งสนุกดีว่ามั้ย?”

“อยากทำอะไรก็เชิญ! อึก! เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเอาคะ…คืนก็อย่าละ…ลืมว่าเคยทำอะไรไว้ก็แล้วกัน!!”

“!!”

สีหน้าและแววตาของภีมทำคนด้านบนที่ได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนกับคำปรามาสนี้ของเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวบางก่อนจะส่งแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกจนภีมทนต้านความเจ็บต่อไปไม่ไหวร้องออกมาเสียงหลง

“อึกๆๆๆ อ๊า!! อ่ะๆๆ ฮึก ฮืออออ”

“กูจะจำทำไมให้รกสมอง! มึงไม่ได้มีค่าขนาดนั้นจำเอาไว้!!” จอมพลเร่งเครื่องเมื่อใกล้สุดทาง ร่างโปร่งหลับตาลงราวกับยอมรับชะตากรรมหากทว่าความเจ็บยังคงแทรกซึมเข้าสู่หัวใจดวงนี้ของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนสติของภีมจะมลายหายไปพร้อมๆ กับร่างสูงที่ปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้ามาในช่องทางของเขา

“ซี้ดดดด! อ่า!!!” จอมพลส่งเสียงออกมาอย่างสุขสมเมื่อบทความสัมพันธ์ทางกายเมื่อครู่เดินทางมาจนถึงสุดทาง ร่างสูงมองไปยังใบหน้าคนใต้ร่างที่หลับตาพริ้มก่อนจะใช้มือหนาตบไปยังแก้มใสสองสามที

“ลืมตาขึ้นมารอบเดียวมันยังไม่สาแก่ใจกู!” เสียงเข้มบอกด้วยน้ำเสียงบังคับ

“…”

“นี่มึงสำออยอีกแล้วใช่มั้ย!?”

“…”

“กูบอกให้ลืมตาขึ้นมา!!!”

ร่างบางยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงจนจอมพลที่ยังคงคากลางกายของตัวเอเอางไว้ในช่องทางของอีกคนหยัดตัวที่ทาบทับอีกฝ่ายขึ้นและเขย่าตัวคนใต้ร่างกลับ

“ไอ้ภีม!!”

“…”

“ภีมวิทธิ์! ภีม!!!”

“…”

ร่างสูงจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันกลับมาก่อนความรู้สึกมากมายจะถาโถมปะทะเข้าสู่ห้วงสติของเขาอย่างจังเมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาตรงหน้ายังคงไม่มีท่าทีโต้ตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย ทำเอาคนกระทำตัดสินใจถอนกลางกายของตัวเองออกท่ามกลางสายตาที่เคลื่อนลงไปสบกับของเหลวสีแดงฉานมากมายตรงบริเวณเรียวขาด้านในของภีมวิทธิ์

“แม่งเอ้ย!!” จอมพลสบถออกมาอย่างหัวเสีย การกระทำเมื่อครู่ส่งผลให้ร่างสูงรีบแก้มัดให้อีกฝ่ายก่อนจะหอบเอาร่างที่ไร้ซึ่งสติในตอนนี้ของภีมออกไปยังโซฟาข้างเตียงของจอมใจที่ยังคงหลับใหลเพราะฤทธิ์ยาเหมือนเช่นทุกวันทันที


TBC.....
----------------------------------------------

จอมพลจะใจร้ายไปไหน สงสารภีมมากกกกกก (จริงๆ นะ)
แต่ต้องฝืนเขียนให้โดนกระทำ (เค้าขอโทษนะภีม)
งาน SM ก็มา กระชากเลือดคนเขียนไปอี๊กกกกกก
อ่านตอนนี้จบแล้วเม้นท์ๆ ด้วยนาาาาา


 :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
«ตอบ #23 เมื่อ22-07-2017 02:24:08 »

Ncหนักหน่วง สงสารภีมอ่ะ

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
«ตอบ #24 เมื่อ22-07-2017 06:45:59 »

เป็นผช. ที่มีตรรกะความคิดแปลกๆ นะ
นางแค้นผิดคนเปล่าหว่า มิเข้าใจเจงๆ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
«ตอบ #25 เมื่อ22-07-2017 08:15:22 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.6 100% [22/07/2560]
«ตอบ #26 เมื่อ22-07-2017 08:52:00 »



CHAPTER  6


ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบแขนเรียวที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนบางออกมาจนส่งผลให้เจ้าของร่างโปร่งที่นอนตะแคงอยู่รู้สึกตัว ใบหน้าที่มีรอยแผลข้างๆ มุมปากเล็กน้อยนิ่วหน้าลงทันทีเมื่อสติที่ก่อตัวขึ้นทำให้เขารับรู้ถึงความเจ็บมากมายที่ประเดประดังเข้ามาจนภีมที่พยายามพลิกตัวเพื่อนอนหงายส่งเสียงร้องครางในลำคออย่างยากที่จะฝืน

ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังสิ่งของรอบๆ กายภายในห้องที่เขานอนอยู่

ภีมมองไปตามเพดานขาวสะอาดพลางเคลื่อนสายตานี้ไปยังทีวีจอแบนขนาดยี่สิบห้านิ้วบริเวณปลายเตียงก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเงาที่สะท้อนออกมาจากหน้าจอทีวีที่ยังไม่ได้เปิด…

มันเป็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเตียงทางซ้ายมือของภีมและมองมายังเขาที่นอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีที่ไม่ไหวติง

ร่างโปร่งตัดสินใจหันไปหาอีกคนที่มีสถานะเป็นเจ้าของห้องห้องนี้ด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แววตาที่อีกฝ่ายใช้มันเพื่อมองมาช่างเรียบเฉยเสียจนคนถูกมองต้องตัดสินใจค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบากก่อนจะรีบละล่ำละลักคำพูดออกไปทันที

“ขอโทษที่ผมมาที่นี่” ภีมว่าแต่จอมใจยังคงนิ่ง

ร่างโปร่งถอนหายใจพลางหลบสายตาที่แม้ว่ามันจะดูราบเรียบหากแต่ภีมกลับรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกับคนเป็นพี่ชายของเธออย่างบอกไม่ถูกจนต้องหันมาสำรวจตัวเองแทน

กางเกงตัวเดิมที่ถูกสวมใส่อย่างลวกๆ กับเสื้อเชิ้ตผืนใหม่ที่ยังไม่ได้ตัดป้ายราคาออกช่างบ่งบอกนิสัยของคนที่ทำเรื่องทั้งหมดพวกนี้กับเขาได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งรวบมือที่กำผ้าห่มเอาไว้แน่นพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อภาพเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อค่ำวานยังคงวนเวียนหลอกหลอนเขาไม่หาย

ไม่ใช่แค่เจ็บกายเพียงอย่างเดียว! แต่สิ่งที่จอมพลทำเอาไว้มันช่างโหดร้ายจนเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจจนสุดจะหาใดเปรียบ

“คือผม…”

“เอ๊ะ! ตื่นแล้วเหรอคะ”

ภีมที่กำลังจะเอ่ยกับจอมใจต่อชะงักลงทันทีเมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเก้าอี้วีลแชร์ตัวหนึ่งที่เธอจูงเข้ามาด้วย

“เอ่อ…ครับ” ร่างโปร่งตอบไม่เต็มเสียงพลางทำท่าว่าจะลุกขึ้นยืน ทว่าเมื่อเขาออกแรงเหยียบลงบนพื้นเท่าไหร่ความปวดร้าวมากมายก็ถาโถมเข้ามามากเท่านั้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พยาบาลคนนี้ถามราวกับเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับพอดีก่อนหน้านี้ผมหกล้มนิดหน่อยเลยยังเจ็บเท้า” ภีมแก้ตัวน้ำขุ่น           ความจริงแล้วเป็นเพราะขาของเขาแทบจะไม่มีแรงที่จะยืนต่างหากล่ะ ไหนจะเจ็บจากการเสียดสีของช่องทางด้านหลังอีกทำเอาร่างโปร่งถึงกับต้องนิ่วหน้าห้ามอาการเหล่านี้ทุกครั้งที่ขยับตัว

“ไม่ทราบว่าตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” ร่างโปร่งตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องถามขึ้นเมื่อภายในห้องนี้ไม่มีนาฬิกาอยู่เลยสักเรือนเดียว

“บ่ายครึ่งแล้วล่ะค่ะ เห็นคุณจอมพลบอกว่าคุณเป็นเพื่อนที่จะมาเฝ้าน้องสาวแทนแต่ทำไมถึงกลายเป็นว่าน้องจอมใจต้องเป็นฝ่ายนั่งเฝ้าคุณล่ะคะ” หญิงสาวแซว

“เพื่อน?” ภีมถามเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดดูจะขัดใจเขาไม่น้อย

“ค่ะ คุณจอมพลบอกเอาไว้เมื่อตอนเช้าที่เข้ามาดูน้องจอมใจ”

“ผมไม่ใช่เพื่อนของเขา” ร่างโปร่งปฏิเสธ

“เอ๊ะ!? แต่คุณจอมพลบอกอย่างนั้นจริงๆ นะคะ”

“ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ครับ” ภีมย้ำ

แค่สถานะ คนรู้จัก คนแบบนั้นยังไม่คู่ควรจะได้รับคำนี้จากเขาเสียด้วยซ้ำ!

“ค่ะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” พยาบาลสาวยอมแพ้ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวอีกคนที่นั่งเงียบมองชายหนุ่มบนโซฟาไม่วางตา

“น้องจอมใจคะถึงเวลาทำกายภาพแล้วค่ะ”

จอมใจเคลื่อนสายตาที่แต่เดิมใช้มองร่างโปร่งที่นั่งอยู่ไม่ปล่อยนั้นมาก่อนจะตวัดมองไปยังพยาบาลสาวอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก

หญิงสาวคว้าเอาไวท์บอร์ดสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ เตียงขึ้นมาพลางเขียนอะไรบางอย่างลงไปด้วยปากกาหมึกสีน้ำเงินก่อนจะเงยหน้าพร้อมกับพลิกไวท์บอร์ดดังกล่าวไปทางพยาบาลคนนี้ทันที

ไม่ไป

คำสั้นๆ แต่แสดงถึงความเอาแต่ใจอย่างไม่สิ้นสุดทำเอาหญิงสาวผู้เป็นพยาบาลถึงกับเอ่ยขอร้องออกมาน้ำเสียงอ่อน

“ไปเถอะนะคะน้องจอมต้องฝึกสวมขาเทียมและเดินเยอะๆ จะได้ชิน ใครๆ ก็อยากเห็นน้องจอมเดินได้อีกครั้งโดยเฉพาะคุณจอมพลพี่ชายของน้องจอมเองนะคะ”

ร่างโปร่งหันไปหาคนถูกอ้อนวอนก่อนจอมใจจะเขียนอะไรอีกสักพักแล้วพลิกไวท์บอร์ดกลับมา

บอกว่าไม่ก็คือไม่!

“โธ่…แบบนี้พี่อิงก็ลำบากอีกแล้วน่ะสิคะ คุณหมอบดินทร์ท่านยิ่งกำชับมาอย่างหนักให้น้องจอมทำกายภาพทุกวันด้วย ไปเถอะนะคะๆ” คนร้องขอเอ่ยขึ้นอีกอย่างยอมแพ้ก่อนหญิงสาวผู้เป็นคนไข้จะเขียนคำพูดกลับมาอีกครั้ง

บอกคุณอาบดินทร์ว่ามีอะไรให้มาหาฉัน

บรรยากาศภายในห้องเงียบลงถนัดตาเมื่อเจ้าของห้องเริ่มมีน้ำโห ภีมที่นั่งฟังทั้งคู่คุยกันอยู่สักพักรู้สึกถึงการเป็นคนนอกอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะพยายามกลั้นใจลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและเดินไปยังโต๊ะเล็กใต้ทีวีเพื่อหยิบเอากระเป๋าสะพายของตัวเองมาถือไว้พลางหันกลับไปหาคนทั้งคู่อีกครั้ง

“ผมขอโทษที่มารบกวนเวลาของคุณนะครับ ขอตัวก่อน” ภีมพูดกับจอมใจที่เอาแต่มองเขานิ่งก่อนร่างโปร่งจะค่อยๆ เดินออกจากห้องไปท่ามกลางการเสียดสีของช่องทางด้านหลังที่ทำให้เขาแทบจะน้ำตาเล็ดทุกครั้งที่ก้าวเดิน

ภีมเดินพ้นจากหน้าห้องของจอมใจมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายดังขึ้นร่างโปร่งจึงหยุดเดินและควานหา

(“ครับ”) ภีมเอ่ยกลับไปยังปลายสายที่โทรเข้ามา

(“ตื่นแล้ว?”)

(“นั่นใคร?”)  ร่างโปร่งเลิกคิ้วถามกลับ

(“จำผัวตัวเองไม่ได้? เพิ่งสนุกกันไปเมื่อคืนนี้เองนะเมีย”)

(“!!”) คำพูดที่ถูกปลายสายเอ่ยกลับทำเอาภีมที่ถือโทรศัพท์อยู่ชะงักงันพลันลงแรงบีบเครื่องมือสื่อสารนี้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยอะของอีกฝ่ายที่ดังลอดเข้ามา

(“ตื่นแล้วก็ดีรีบมาทำงานของมึงซะเพราะกูไม่ได้จ้างให้มึงมาอู้งานแบบนี้!”) จอมพลพ่นคำพูดว่าร้ายออกมาเป็นพรวนหากทว่าร่างโปร่งกทางนี้กลับเลือกที่จะข่มอารมณ์และคำด่าทอมากมายที่อยากจะสาดใส่อีกฝ่ายเอาไว้แทน

(“…”)

(“ไม่ได้ยินหรือไง!? กูบอกให้มาทำงาน!!”) ร่างสูงย้ำน้ำเสียงไม่พอใจ

(“…”)

(“ไอ้ภีม!! ภะ...!”)

ตัดสายไปแล้ว…

ภีมมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอมืดสนิทด้วยความคับแค้น เจ้าของเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่รู้เลยว่าคำพูดและการกระทำของเมื่อวานของเขาได้สร้างบาดแผลมากมายให้ทำให้จิตใจของคนทางนี้แค่ไหน ก็คงเหมือนภีมเองที่ไม่รู้เช่นกันว่าการตัดสายเมื่อครู่จะทำให้ร่างสูงทางโน้นโมโหจนเลือดขึ้นหน้า

ภีมเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกจากตึกจิตเวชมาและมุ่งหน้าไปยังจุดรอรถของทางโรงพยาบาลทันที

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมาอีกครั้ง ร่างโปร่งมองอย่างชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะล้วงมันออกมารับโดยที่ไม่ดูหมายเลขที่โทรเข้ามาพร้อมกับระเบิดอารมณ์กลับไปจนสุดเมื่อคิดว่าปลายสายยังคงเป็นจอมพลที่โทรมาระรานตัวเองเหมือนเมื่อครู่

(“หยุดบังคับผมสักที!”) ภีมตะโกนลั่น

(“ภีมนี่กูเอง”)

(“ใคร?”)

(“แดเนียล”) สิ้นเสียงจากอีกฝั่งร่างโปร่งที่เต็มไปด้วยโทสะก็ปลดปล่อยอารมณ์ที่มีอยู่ก่อนหน้าออกไปจนหมดพลางเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

(“มึงเองหรอกเหรอ”)

(“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า ตะโกนอย่างกับโกรธใครมา”) แดเนียลถาม

(“เปล่า”) ร่างโปร่งปฏิเสธก่อนปลายสายจะถามต่อ

(“เย็นนี้หลังเลิกงานมึงว่างมั้ย”)

(“วันนี้กูไม่ได้ไปทำงาน”)

(“งั้นเหรอ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน”)

(“กูอยู่…”)

ภีมชะงักชื่อสถานที่ที่เกือบจะหลุดปากออกไปก่อนจะโกหกอีกฝ่ายด้วยชื่อสถานที่ที่อยู่แถวนี้เช่นกันแทนเพราะไม่อยากให้แดเนียลต้องคิดมากหากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในโรงพยาบาล

(“กูอยู่แถวๆ ถนน xxx”) ภีมเอ่ยออกไปไม่เต็มเสียงนัก

(“มึงมาทำอะไรแถวนี้”)

(“กูมาหาซื้อของอะไรนิดหน่อย”)

(“งั้นดีเลยกูอยู่แถวนี้พอดีบอกพิกัดมึงมาเดี๋ยวกูไปรับ”) แดเนียลพูด

(“ไปไหน”)

(“ไหนๆ มึงก็ไม่ได้ไปทำงานแล้ววันนี้ไปหาอะไรกินกัน”) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจจนภีมรู้สึกได้ หากทว่าตอนนี้ร่างโปร่งกลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนไม่อยากไปไหนเสียมากกว่า

(“เอ่อ…คือกู”)

(“มึงจะปฏิเสธ?”) แดเนียลถามสวนกลับทันทีอย่างรู้ทัน

(“ไปด้วยกันเถอะไม่นานหรอกแค่ไปกินข้าวก็ได้เสร็จแล้วกูก็ส่งมึงกลับ”) ปลายสายอ้อนวอนจนภีมที่ฟังอยู่ถึงกับลำบากใจขึ้นมาทันที

(“กูไม่ได้เจอมึงหลายเดือนเลยนะภีม ขอร้องเถอะ…กูก็แค่อยากอยู่กับมึงเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้นเอง”) เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอีกด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนร่างโปร่งทางนี้จะตัดสินใจออกไปในที่สุด

(“กูจะรอมึงที่หน้าตึก K แล้วกัน”) ภีมเอ่ยอย่างยอมแพ้

(“โอเคแปปเดียวกูก็ถึงรอหน่อยนะ”)

(“อืม”)

:

[Peam’s Part]

ผมนั่งมองแดเนียลทานอาหารตรงหน้าจนกระทั่งอีกคนรวบช้อนวางเอาไว้พลางยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากที่ตัวผมเองกินมันเข้าไปได้เพียงแค่สามคำก็ต้องยอมแพ้เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมทานน้อยอย่างนี้” แดเนียลถามกลับหลังจากวางแก้วน้ำที่เพิ่งจะดื่มลงบนโต๊ะ

“วันนี้กูไม่อยากอาหารเท่าไหร่” ผมปดกลับ

“ไม่สบายเหรอ”

“เปล่า มึงล่ะอิ่มมั้ย”

“ก็โอเค แต่เห็นมึงเป็นแบบนี้กูก็อดเป็นห่วงไม่ได้” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเดิมที่มันเคยพูดกับผมเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมัน…ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก…ห่วงคนของมึงจะดีกว่า” ผมว่าพลางมองมันนิ่ง

“ภีมเรื่องนั้นกะ!...”

“ขอโทษนะคะ ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบบาทค่ะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาขัดจังหวะในขณะที่อีกคนกำลังจะบอกบางอย่างกับผมพอดี

ผมมองหัวคิ้วที่ขดกันเป็นปมของแดเนียลอย่างรู้สึกหนักใจไม่ต่าง ใช่ว่าผมจะยังโกรธเรื่องนั้นอยู่เพราะมันก็ผ่านไปตั้งหลายเดือนแล้ว…หลายเดือนที่ผมต้องเสียผู้ชายที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักในตอนนั้นอย่างเขาไปเพียงเพราะเขาดันทำผู้หญิงท้องไว้อีกคน

“เดี๋ยวกูจ่ายเอง” แดเนียลบอกเมื่อเห็นว่าผมล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมา

“แชร์กันดีกว่า”

“ได้ที่ไหน! กูเป็นผู้ชายกูเลี้ยงเอง”

“แล้วกูไม่ใช่ผู้ชาย? แชร์กันนั่นแหละดีแล้ว” ผมเอ็ดกลับ

“งั้นเอาเป็นว่าเพราะกูเป็นคนชวนมึงมาแล้วกันฉะนั้นกูเลี้ยงเอง” ว่าเสร็จมันก็ยื่นเงินให้บริกรหญิงไปพันห้าพร้อมกับบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องทอนทันที

“แดน…”

“เถอะน่าภีม ปล่อยให้กูได้ทำอะไรเพื่อมึงบ้างเถอะ” คนตรงห้าขัดขึ้นเมื่อรู้ว่าผมไม่ชอบให้มันทำแบบนี้นักก่อนที่พวกเราทั้งสองคนจะเดินออกจากร้านมาและตรงไปยังรถของมันที่จอดห่างจากร้านอยู่ไม่มากนัก

“มึงจะไปไหนต่อมั้ย” แดนถาม

“ไม่ล่ะกูอยากกลับคอนโดเลย” ผมว่าเมื่อไม่อยากเดินมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะมัน…แม่งเจ็บ! จนตอนนี้อยากจะนอนเสียมากกว่า

“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” มันเสนอ

“ความจริงกูกลับเองได้” แต่ผมไม่อยากสนอง

“แค่ขับรถไปส่งมันไม่ได้ทำให้กูคิดบุญคุณกับมึงหรอกนะ” แดเนียลว่าก่อนผมจะหันไปหามันเพื่อหวังจะเถียงกลับแต่แล้วภาพตรงหน้ากลับมืดไปชั่วขณะบวกกลับขาที่อ่อนแรงลงเสียดื้อๆ จนผมต้องรีบฉวยไหล่หนาของมันเอาไว้เป็นหลักค้ำ

“เป็นอะไร!?” คนข้างๆ เอ่ยถามเมื่อแดเนียลเองก็รีบพยุงตัวผมเอาไว้เช่นกัน

“กูปวดหัวนิดหน่อย” ผมว่าพลางส่ายหน้าไปมาก่อนแดเนียลจะทาบมือของมันลงบนหน้าผากของผม

“ดูเหมือนมึงจะมีไข้” มันว่าหลังจากยกมือออกไป

“กูไม่เป็นไร”

“ไปหาหมอกัน”

“กูไม่ไปมึงไปส่งกูที่คอนโดพอ” ผมบอกก่อนจะผละมือออกจากไหล่กว้าง

“แต่หน้ามึงซีดมากเลยนะภีม” คนข้างๆ ตีสีหน้าเป็นห่วงผมขึ้นมาจนผมเองอดที่จะคิดถึงใบหน้านี้ไม่ได้

“กูไม่เป็นไรจริงๆ” ผมชิงตัดบทเมื่อความคิดเริ่มจะฟุ้งซ่านก่อนจะเดินไปข้างหน้าทันที แต่แปลกเพราะทุกก้าวที่ผมเหยียบลงไปกลับเบาหวิวและรู้สึกโหว่งๆ จนมันกลายเป็นว่าผมกำลังเดินเซไปมา

“ภีม! กูว่ามึงไม่ไหวกูจะพามึงไปหาหมอ!” คนด้านหลังรีบเข้ามาคว้าตัวผมเอาไว้แต่ผมก็ยังพยายามฝืนและปฏิเสธกลับ

“มึงไป…กูโกรธ”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย มาเดี๋ยวกูอุ้ม” ว่าเสร็จมันก็สอดแขนเข้าใต้ขาของผม

“ไม่ต้องกูเดินเองได้!” ผมรีบขัดขืนทันทีก่อนจะผละออกและเดินไปอีก

“ภีมมึงอย่าอวดเก่งจะได้มั้ย!”

เสียงของแดเนียลที่ดังไล่หลังมาฉุดให้ผมต้องทำทีว่าไม่เป็นอะไร แต่จู่ๆ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็เหือดหายไปทันทีเมื่ออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถของมันแล้วแต่ผมกลับทรุดลงตรงนั้นเสียดื้อๆ

“ภีม!!!”

ทุกอย่างมืดไปหมดก่อนผมจะได้ยินเพียงชื่อของตัวเองที่แดเนียลตะโกนออกมา…ผมได้ยินเท่านี้แค่เท่านี้จริงๆ
[End of Peam’s Part]

:

ร่างสูงของลูกครึ่งหนุ่มแบกร่างโปร่งที่หมดสติวิ่งเข้ามาในคลีนิคแห่งหนึ่งด้วยความร้อนรน แดเนียลหอบหายใจถี่รัวร่างสูงไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากร้านอาหารที่เขาพาภีมไปทานเมื่อครู่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรจึงไม่สามารถหาโรงพยาบาลในละแวกนี้ได้จนต้องพึ่งคลีนิคแห่งนี้แทน

ผู้ช่วยพยาบาลและหมอสาวต่างพากันแตกตื่นใหญ่ที่เห็นการมาของเขาแต่สุดท้ายพวกเธอก็ให้ความร่วมมือกับแดเนียลเป็นอย่างดี ผู้ช่วยพากันหาห้องชั้นบนของคลีนิคให้ร่างโปร่งนอนก่อนแดเนียลจะออกมานั่งรอข้างนอกเมื่อผู้เป็นหมอเดินเข้าไปตรวจอาการของภีมวิทธิ์ในห้อง

“ขอโทษนะคะคุณหมอต้องการคุยกับคุณค่ะ” ผู้ช่วยสาวหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาบอกแดเนียลที่ตีสีหน้าเครียดก่อนร่างสูงจะพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในห้อง

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอคะ” หมอถามขึ้นทันทีที่แดเนียลนั่ง

“ผม เอ่อ…เป็นเพื่อนครับ” ร่างสูงงุนงงกับคำถามนี้

“เมื่อวานนี้คุณได้อยู่กับเขาหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับเราไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้ว นี่ก็เพิ่งเจอกันครั้งที่สองหลังจากหลายเดือนที่ผ่านมานั้นเอง” แดเนียลตอบด้วยความสัตย์จริงก่อนร่างสูงที่ไม่เข้าใจกับคำถามของคุณหมอสาวจะถามอีกฝ่ายกลับ

“คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าครับ”

หญิงสาวตรงหน้ามีอาการลำบากใจที่จะพูดอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามมองไปยังคนบนเตียงที่กำลังถูกให้น้ำเกลืออย่างชั่งใจก่อนจะถอนหายใจออกมาและตัดสินใจบอกอีกฝ่ายไปในที่สุด

“คือหมอจะไม่อ้อมค้อมแล้วกันนะคะ”

“…”

“คนไข้ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาค่ะ”

“อะไรนะครับหมอ!!?” ร่างสูงตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“พูดง่ายๆ ก็คือคนไข้ถูกข่มขืนมาค่ะ”

“!!”

สิ้นเสียงของหมอสาวแดเนียลถึงกับตัวชาวาบขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรวบมือกำเอาไว้แน่นก่อนจะมองไปยังภีมวิทธิ์ที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยแววตาสลดกับเรื่องที่เพิ่งจะรู้จากปากของคนตรงหน้า

“คนไข้มีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายอยู่หลายแห่งบวกกับอาการอ่อนเพลียและมีไข้หมอจึงให้น้ำเกลือเขาไปก่อนเพื่อรอดูอาการตอนฟื้นอีกที”

“ครับ”

“เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้หากเขาฟื้นเมื่อไหร่ช่วยเรียกหมอด้วยนะคะเพราะหมอจะมาตรวจอาการทั่วไปให้”

“ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ”

“ยินดีค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับคำขอบคุณของร่างสูงก่อนจะเดินลงชั้นล่างไปเพื่อตรวจอาการคนไข้คนอื่นๆ อีกครั้ง ในขณะที่แดเนียลเองก็ได้แต่นั่งมองไปยังใบหน้าเรียวของคนบนเตียงท่ามกลางความรู้สึกผิดมากมายที่ประเดประดังเข้ามาหาตัวเขาไม่หยุด

:

“มึงอยู่คอนโดนี้เหรอ” ร่างสูงถามหลังจากที่ทั้งคู่แวะซื้อของกินข้างทางจนกระทั่งจอดรถเทียบท่าภายในบริเวณคอนโดสูงตระง่านตรงหน้าในที่สุด

“ใช่”

“ที่เดียวกับลูกพี่ลูกน้องกูเลย” แดเนียลบอกก่อนคนที่พยายามเปิดประตูลงจากรถจะถามกลับ

“ใครเหรอ”

“ก็คนที่กูไปรอที่บริษัทมึงวันนั้นไง” ภีมพยักหน้าเข้าใจพลางเดินตามอีกคนที่เข้ามาพยุงเขาไว้ด้วยการโอบไหล่และพาเดินเข้าไปยังชั้นล่างทันที

“มึงอยู่ชั้นไหน” แดนถามด้วยความอยากรู้

“ชั้นแปด”

“จริงดิ!?”

“อืม ทำไม?” ภีมเลิกคิ้วถามกลับ

“อยู่ชั้นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องกูเลยว่ะ” แดนว่าก่อนอีกฝ่ายจะแกะมือของคนข้างๆ ออกจากไหล่เมื่อคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มจะมองเขาสองคนเยอะเข้าไปทุกที

“ลูกพี่ลูกน้องมึงชื่ออะไร” ภีมถาม

“เดนิส” ร่างสูงตอบเสียงเรียบหากแต่ชื่อนี้กลับทำให้ร่างโปร่งตกใจไม่น้อย

“บังเอิญจังเลยนะเพราะกูอยู่ห้องตรงข้ามกับเขา” ภีมบอกก่อนจะยิ้มขำเมื่อใบหน้าของแดนดูจะอึ้งมันยิ่งกว่าเขาเอามากๆ

“จริง!!?”

“อืม”

“งั้นกูขอขึ้นไปส่งมึงนะ ไหนๆ ก็ห้องตรงข้ามกันแล้วจะได้ถือโอกาสไปหามันด้วยเลย” ร่างสูงว่าก่อนจะโอบไหล่ร่างโปร่งเอาไว้อีก

“แต่กูไม่อยากรบกวนมึง” ภีมพยายามแกะมือหนาออกแต่แดเนียลกลับไม่ยอม ร่างสูงกระชับมือหนาแน่นกว่าเดิมและเหยียดยิ้มขึ้น

“รบกวนอะไร กูก็บอกมึงแล้วไงว่าจะแวะไปหาไอ้เดนมันด้วย มึงไม่ต้องคิดมากไปหรอกไหนๆ กูก็พามึงไปหาหมอมาแล้วขอส่งมึงถึงห้องเลยละกัน”

“แต่แดนคือกู…”

“ขึ้นไปคุยกันต่อที่ห้องของมึงเถอะมึงคงไม่อยากยืนอยู่แบบนี้นานๆ หรอกใช่มั้ย” แดเนียลตัดบทก่อนจะลากภีมที่เดินด้วยท่าทีขัดๆ ไปหน้าลิฟต์และกดเพื่อขึ้นไปยังชั้นแปดทันที

ภีมเปิดประตูและเดินเข้าห้องโดยมีแดเนียลเดินตามหลังเข้ามาติดๆ ร่างสูงวางของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาก่อนจะเดินดูห้องของร่างโปร่งไปจนทั่ว

“มึงจะกินข้าวต้มเลยมั้ยเดี๋ยวกูแกะให้” แดเนียลว่าเมื่อหยิบของที่ซื้อมาเข้าครัวเล็กไปหลังจากเดินดูห้องนี้ทุกซอกทุกมุมแล้ว

“ยังกูขออาบน้ำก่อน” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะท้วงขึ้น

“แค่เช็ดตัวก็พอมั้งภีมมึงมีไข้อยู่นะ”

“ไม่พอหรอก…กูอยากอาบมากๆ เลยตอนนี้” ร่างโปร่งตอบเสียงสั่นจนคนได้ยินถึงกับชะงัก

แดเนียลไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ร่างสูงเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดีเขาเลยเลือกที่จะเบี่ยงเบนประเด็นออกไปแทน

“โอเคงั้นกูจะจัดโต๊ะรอมึงนะ” ว่าเสร็จภีมก็พยักหน้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที

:

“ยังอาบน้ำนานเหมือนเดิมเลยนะมึง” ร่างสูงแซวเมื่อภีมเดินออกจากห้องนอนของตัวเองมาหลังจากผ่านไปร่วมชั่วโมง

ร่างโปร่งไม่เถียงกลับหากทว่ามือเรียวยังคงถือผ้าเช็ดตัวและขยี้หัวตัวเองไปมาก่อนแดเนียลจะลุกจากโซฟาและเดินไปที่โต๊ะอาหารพลางขยับเก้าอี้ออกให้เพื่อเป็นการบอกโดยนัยว่าต้องการให้อีกฝ่ายนั่งลง

“มากินกัน” แดเนียลพูดน้ำเสียงสดใสก่อนภีมจะเดินเข้ามานั่งแต่โดยดี

ร่างโปร่งมองไปยังบรรดาอาหารมากมายบนโต๊ะก่อนจะเคลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ชามข้าวต้มตรงหน้าตัวเองพลางเอ่ยเสียงอ่อน

“ขอโทษที่กูทำให้มึงต้องพลอยเหนื่อยไปด้วยนะ”

“อย่าคิดมากน่ากูเต็มใจทำให้มึงเหอะ!” แดเนียลว่าก่อนจะนั่งลงยังตำแหน่งตรงข้ามกับภีม

“แต่กูไม่อยากให้มึงทำแบบนี้กับกูแดน ตอนนี้มึงเองก็มีคนของมะ…”

“ลูกในท้องของอลิสไม่ใช่ลูกกู”

“!!” ภีมชะงักทันทีที่ได้ยิน

ร่างโปร่งมองหน้าคนตรงข้ามไม่วาง เรื่องราวที่ผ่านไปสำหรับความรักของพวกเขาหวนกลับเข้ามาในความคิดของภีมอีกครั้ง เพราะในความเป็นจริงแล้วหากไม่มีเรื่องยุ่งๆ พวกนั้นเกิดขึ้นไม่แน่ว่าตอนนี้พวกเขาอาจจะคบกันอยู่ก็เป็นได้

“เมื่อตอนกลางวันกูอยากจะบอกมึงเรื่องนี้แต่ติดตรงที่บริกรดันเดินมาขัดจังหวะซะก่อน” แดเนียลพูดพลางมองอีกฝ่ายนิ่งเช่นเดียวกัน

“มึงหมายความว่าไง?” ร่างโปร่งถามเมื่อยังไม่เข้าใจ

“อลิสท้องกับไอ้จอร์จ มึงจำได้ใช่มั้ยไอ้คนกร่างๆ ที่เที่ยวมีเรื่องกับเขาไปทั่วคนนั้นน่ะ” อีกคนว่าก่อนภีมจะพยักหน้าตอบ

“หึ! กูมันก็แค่แพะเท่านั้น” ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยสมเพชตัวเองที่กลายเป็นหมากให้ผู้หญิงคนหนึ่งปั่นหัวเสียจนต้องจำใจเลิกรากับคนที่เขารักมากตรงหน้าไปเพียงเพราะคืนนั้นเขาเมา

“แล้วมึงรู้ได้ไง” ภีมถามต่อ

“พ่อกับแม่กูท่านไม่เชื่อเลยขอให้ทางนั้นเขาตรวจดีเอ็นเอ”

“แต่กูว่าเรื่องนี้อลิสไม่น่าจะยอม”

“ก็ไม่ยอมน่ะสิ กูเลยต้องขโมยผมเด็กมาเองสุดท้ายพอผลตรวจออกมายัยนั่นก็ยอมสารภาพความจริงทั้งหมด แม่ง! ชีวิตกูอย่างกับในหนังไม่มีผิด!” ร่างสูงสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของหญิงสาวอีกคนที่ทำให้ความรักของเขาต้องพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี

“แต่มึงแต่งงานกับเขาไปแล้วนะแดน”

“แต่งได้กูก็เลิกได้ เด็กนั่นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับกูอีกอย่างตอนที่กูรู้ความจริงไอ้จอร์จมันก็ระแคะระคายอยู่ก่อนแล้วจนตอนนี้มันเข้าบ้านอลิสเพื่อขอรับผิดชอบแล้วว่ะ” ร่างสูงแสยะยิ้ม

“โครตไม่น่าเชื่อ” ภีมเอ่ยอย่างไม่เชื่อหูเพราะจอร์จที่เขารู้จักคืออันธพาลที่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อนแต่แปลกที่สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของอลิสคาสโนวี่ประจำมหา'ลัยจนได้

“กูเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าคนอย่างมันจะกล้าทำกล้ารับถึงขนาดนี้” เดเนียลเสริมพลางมองภีมที่ตักข้าวต้มเข้าปากก่อนร่างสูงจะตัดสินใจพูดอีกเรื่องหนึ่งขึ้น

“ภีม”

“หืม?”

“ตอนนี้กูไม่มีพันธะอะไรอีกแล้ว”

“…”

“กูขอเป็นคนดูแลมึงเหมือนเดิมจะได้มั้ย”

ร่างโปร่งมองหน้าแดเนียลด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนภีมจะถอนหายใจและตัดสินใจตอบกลับไปว่า…

“ตอนนี้ความรู้สึกของกูมันเปลี่ยนไปแล้ว”

“แต่เราทำให้มันกลับมาได้นี่นา” แดนพยายามหาทางให้อีกฝ่ายยอมรับ

“สำหรับมึงกูให้ได้แค่เพื่อนว่ะแดน”

“ทำไมวะภีม! เรื่องพวกนั้นก็คลี่คลายไปหมดแล้วมึงเข้าใจหรือเปล่า!?”

“กูเข้าใจ…แต่มึงจะปฏิเสธมั้ยว่าคืนนั้นมึงกับอลิสไม่ได้มีอะไรกัน” สิ้นเสียงคำถามของภีมแดเนียลถึงกับชะงักงัน

ร่างสูงรู้ดีว่าคืนนั้นเขากับอลิสทำอะไรกันลงไปเพียงแต่นั่นก็เพราะเขาเมาและขาดสติยั้งคิดไม่ได้ทำเพราะความรักหรืออะไรทั้งนั้น

“หยุดไว้แค่นี้ก็พอ มึงกับกูสมควรเป็นเพื่อนกันมากกว่า” ภีมว่าก่อนแดเนียลจะตื้อไม่เลิก

“แต่กูอยากดูแลมึงจริงๆ นะ”

“กูดูแลตัวเองได้น่าแดน”

“แน่ใจว่าได้?”

“!!”

ร่างสูงสวนกลับทันควันจนอีกฝ่ายชะงัก ภีมหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนแดเนียลที่พลั้งปากออกไปจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น

“ช่างเถอะเอาล่ะกินข้าวกันดีกว่ากินเสร็จแล้วมึงจะได้กินยายิ่งไม่สบายอยู่” ว่าเสร็จร่างสูงก็ทำทีเป็นตักแกงใส่จานของตัวเองแต่คนตรงข้ามกลับยังคงนิ่ง

“แดน…” ภีมเรียกก่อนเจ้าของชื่อจะหยุดการกระทำและรอฟังคำพูดต่อจากนี้ของอีกฝ่าย

“หมอบอกอะไรกับมึงบ้าง”

“…”

“เขาพูดอะไรกับมึง”

ร่างสูงเงียบไม่ยอมตอบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดกลับไปราวกับไม่อยากให้อีกคนคิดมาก

“ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่บอกว่ามึงไม่สบายและก็จัดยาให้เฉยๆ” แดเนียลพยายามเลี่ยงประเด็น

“มึงโกหก”

“…”

“กูรู้ว่ามึงรู้มากกว่านี้และมึงเองก็มีอะไรอยากถามกูด้วยเหมือนกัน” ร่างโปร่งถามเสียงเรียบ

“…”

“กูสังเกตตั้งแต่มึงขับรถออกจากคลีนิคมาแล้วแดนอย่าพยายามปิดบังกูเสียให้ยากเลย” คำพูดพื้นๆ หากทว่ามันกลับทำให้ร่างสูงลำบากใจที่จะบอกออกไป แดเนียลเงยหน้าขึ้นสบตากับภีมนิ่งก่อนที่เขาจะถอนหายใจและยอมแพ้ให้กับสายตาของอีกคนไปในที่สุด

“ใช่เขาเล่าให้กูฟัง” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

“…”

“ใช่เขาบอกกูหมดทุกอย่าง และก็ใช่ที่กูมีเรื่องอยากจะถามมึง”

“…”

“กูแค่อยากรู้…” แดเนียลเว้นช่องว่างเอาไว้ก่อนคำถามต่อมาจะยิ่งทำให้ภีมอึ้ง

“ว่าไอ้ที่มันข่มขืนมึงนั่นมันเป็นใคร!?”

“!!”


TBC....
------------------------------------------------

สำหรับบทนี้แดเนียลเอาใจเราไปเต็มๆ #ฮีรักน้องภีม #ฮีเป็นห่วงนายเอกของเรา ครุๆ
แต่น้องภีมสิ! → กันท่าอย่างเดียวเลย สงสารแดนนะว่ามั้ย T^T

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.6 100% [22/07/2560]
«ตอบ #27 เมื่อ22-07-2017 16:25:12 »

เรื้องยิ่งยุ่งแล้วววว

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
«ตอบ #28 เมื่อ22-07-2017 18:38:53 »



CHAPTER 7



หลังจากถูกตัดสายจากภีมไปร่างสูงของจอมพลก็รวบกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่นพลางวางกระแทกมันลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ใยดีจนรสรินที่เดินเข้ามาให้ห้องถึงกับสะดุ้งโหยงก่อนหญิงสาวจะค่อยๆ ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีหวาดๆ เพราะตอนนี้เจ้านายคนที่เคยสุขุมทุกครั้งกลับเคร่งเครียดเสียจนเธอไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไปจนอีกฝ่ายต้องถามขึ้นมาแทน

“มีอะไรหรือเปล่ารสริน”

“รินเอาเอกสารของแผนกที่คุณจอมพลต้องเซ็นต์มาให้ค่ะ” รสรินว่าพริ้มกับวางเอกสารในมือลงบนโต๊ธทำงานกว้าง

“เอ่อ…”

“มีอะไรอีก” จอมพลถามเมื่อคนที่เหมือนจะเสร็จธุระแล้วยังไม่เดินออกไปไหน

“วันนี้ภีมวิทธิ์ไม่มาทำงานค่ะ”

“ผมรู้แล้ว”

“คุณจอมพลจะให้รินทำยังไงคะเพราะน้องเขาก็ไม่ได้โทรมาลา” หญิงสาวแค่ทำตามหน้าที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้อยากให้อีกคนต้องโดนอะไรเพราะยังถือว่าเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วัน

“ไม่เป็นไรผมมีธุระวานให้เขาไปทำเอง”

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอคะรินนึกว่าน้องเขาขาดงานไปเฉยๆ เสียอีก” รสรินว่าก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“มีอะไรอีกมั้ย” ร่างสูงถามอีก

“ไม่มีแล้วค่ะรินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวรสริน”

“?”

“ผมอยากรู้ที่อยู่ของภีมวิทธิ์ช่วยดูจากประวัติส่วนตัวที่เขากรอกให้ที”

“คุณจอมพลจะเอาไปทำไมเหรอคะ” พนักงานสาวพลั้งปากถามจนอีกคนตีสีหน้าขรึมขึ้นมาทันที

“แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ”

“ขอโทษค่ะ รินปากเร็วไปหน่อยงั้นเดี๋ยวรินหาเสร็จจะเข้ามาบอกนะคะ”

“ไม่ต้องหรอกโทรเข้ามาก็ได้”

“ค่ะ”

เพระกลัวจะถูกอีกฝ่ายตำหนิเมื่อพูดเสร็จร่างระหงของรสรินก็รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที

จอมพลคว้าเอาแฟ้มเอกสารสรุปการเข้างานของพนักงานแต่ละแผนกที่รสรินเพิ่งเอามาส่งมาเปิดดู ร่างสูงกวาดสายตาไปมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมทว่าใครเลยจะรู้ว่าเขากำลังรอคำตอบจากพนักงานสาวคนเมื่อครู่ถึงเรื่องที่ถามไปจนรายละเอียดของเอกสารตรงหน้าไม่เข้าหัวเลยสักนิด

จอมพลผละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้าก่อนจะจ้องไปยังโทรศัพท์มุมซ้ายบนของโต๊ะอย่างจดจ่อ และทันทีที่เสียงเตือนดังขึ้นมือหนาก็เอื้อมไปกดปุ่ม speaker โดยเร็วในขณะที่เสียงเตือนครั้งแรกยังไม่ทันดับลงทันที

(“ว่าไง”)

(“ภีมอยู่บีจีทีคอนโด ชั้นแปดห้องแปดศูนย์สี่ค่ะ”) เสียงใสตอบกลับมา

(“โอเคขอบใจมาก”)

(“เอ่อ…คุณจอมพลคะ”)

(“ว่า?”)

(“คุณมาริกาลูกสาวคุณประพันธ์มาขอพบค่ะ”)

ร่างสูงขมวดคิ้ว จอมพลไม่รู้ว่าอีกฝ่านมาทำไม แต่ด้วยการงานที่ยังคงต้องโคกันอีกยาวจึงทำให้เขาเลือกไม่ได้ที่จะบอกรสรินกลับไปว่า

(“ให้เธอเข้ามา”)

จอมพบวางสายจากพนักงานสาวไปได้ไม่นานร่างสูงโปร่งของรสรินก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหยียดรอยยิ้มหวานส่งให้เขาชนิดที่ว่าหากเป็นสมัยก่อนโน้นร่างสูงคงต้องลุ่มหลงกับรอยยิ้มนี้อย่างแน่นอน

“สวัสดีค่ะพี่จอมพล”

“สวัสดีครับ” ร่างสูงตอบพลางลุกขึ้นและเดินไปยังชุดโซฟาพร้อมกับผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลง

“ไม่ทราบว่าริกามากวนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับวันนี้งานไม่เยอะเท่าไหร่ริกามีธุระอะไรหรือเปล่า” จอมพลไม่รอช้าเข้าเรื่องทันที

“ความจริงริกาเองก็อยากมาหาพี่จอมพลแบบไม่ต้องมีธุระบ้างจัง”

“…”

“ริกาแค่ล้อเล่นน่ะค่ะทำหน้าเครียดเชียว” หญิงสาวหัวเราะแก้เขินทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับรู้ดีว่าคำพูดเมื่อกี้ของอีกฝ่ายนั้นเธอจริงจัง

“พอดีโครงการที่นนทบุรีมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะริกาเลยอยากจะขอให้พี่ช่วยไปดูให้หน่อย” หญิงสาวบอกก่อนรสรินจะเดินถือแก้วน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้กับแขกคนสำคัญคนนี้และเดินออกไป

“มีปัญหาอะไรเหรอครับ”

“เห็นทีมวิศวกรบอกว่าวัสดุที่ส่งไปไม่ได้ตาม spec. ที่วางไว้น่ะค่ะ”

“ถ้าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปถึงที่โครงการก็ได้ เดี๋ยวพี่คุยกับทางวิศวกรแล้วจะจัดส่งไปให้ใหม่” จอมพลพยายามหาทางออกที่ดีกว่าให้

“แต่ริกาอยากให้พี่ไปดูด้วยจริงๆ นะคะเผื่อมีอะไรแนะนำเพราะริกาเองก็เพิ่งจบมาทำงานได้ไม่นาน คุณพ่อท่านก็ไม่แนะอะไรเลยให้ทำเองล้วนๆ ลำพังจบบริหารจะรู้เรื่องโครงสร้างต่างๆ ของโครงการได้ดีเท่าพี่ที่จบวิศวะฯ มาได้ยังไงล่ะคะ” มาริกาพูดเสียงอ่อนพลางมองร่างสูงตาเป็นประกาย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

“แหม…ไม่ถึงขนาดนั้นอะไรล่ะคะคุณพ่อน่ะชมพี่ให้ริกาฟังมาตั้งแต่เด็กแล้ว นี่ถ้าไม่ติดที่ริกาต้องไปเรียนเมืองนอกนะเราสองคนอาจจะรู้จักกันเร็วกว่านี้ก็ได้” หญิงสาวพยายามพูดต้อนจนร่างสูงที่เริ่มรู้สึกถึงความต้องการบางอย่างเปลี่ยนเรื่องทันที

“แล้วริกาอยากไปนนทบุรีวันไหน”

“วันจันทร์ที่จะถึงนี้เลยพี่จอมพลว่างมั้ยคะ”

“โอเคครับ พี่ว่างพอดี”

“ขอบคุณมากเลยนะคะ”

“ยินดีครับ”

ว่าเสร็จมาริกาที่เอาแต่มองหน้าจอมพลด้วยแววตากรุ่มกริ้มก็ยกแก้วน้ำเมื่อครู่ขึ้นดื่มพลางถามอีกคนกลับในขณะที่ร่างสูงเองก็รอเวลาให้อีกฝ่ายเอ่ยขอตัวออกจากห้องเขาไปสักที

“เอ่อ…ว่าแต่พี่ทานมื้อกลางวันยังคะ”

“?” จอมพลเลิกคิ้วกลับ

“เพราะถ้าหากพี่ยังไม่ได้ทานงั้นเราไปหาอะไรทานด้วยกันมั้ยคะริกาอยากเลี้ยงขอบคุณ” หญิงสาวว่าพลางยิ้มออกมาอย่างขวยเขิน

“เลี้ยงขอบคุณ? ขอบคุณอะไรครับพี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ร่างสูงหาทางเลี่ยงอีกเพราะความจริงแล้วเขากะจะไปหาใครอีกคนเสียมากกว่า

“ก็ขอบคุณที่พี่ยอมไปนนทบุรีกับริกาไงคะเอาเป็นว่าขอบคุณล่วงหน้าเลยโอเคมั้ย” มาริกาพรั่งพรูคำพูดออกมา ทว่าจอมพลกลับนิ่งจนคนออกปากชวนถึงกับหน้าเจื่อนลงไปนิดแต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่วายอ้อนอีกฝ่ายอยู่ดี

“นะๆ ไปด้วยกันนะคะ~~”

จอมพลชั่งใจอยู่สักพัก นึกจะปฏิเสธก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงลูกค้าคนสำคัญหนำซ้ำพ่อของเธอยังเป็นเพื่อนพ่อตัวเองอีกร่างสูงจึงต้องยอมแพ้ไปตามระเบียบ

“ก็ได้ครับแต่พี่อยู่ได้ไม่นานนะ”

“ค่ะ” มาริกายิ้มกว้างรับคำ

:

จอมพลขอตัวทันทีที่ทานเสร็จ ร่างสูงเบื่อเอามากๆ จากการต้องตอบคำถามโน้นนี่ของมาริกาเสียจนเขาต้องเอางานขึ้นมาอ้างว่าจะรีบกลับไปทำ ทว่าความจริงแล้วยานพาหนะสี่ล้อสุดหรูสีดำกลับมุ่งหน้าไปยังคอนโดของใครบ้างคนที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทของเขามากนักทันที

ร่างสูงดับเครื่องยนต์ลงก่อนจะลงจากรถเพื่อหมายจะเดินเข้าไปหาร่างโปร่งที่ตัวเขาเพิ่งจะยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้ไปเมื่อคืน แต่แล้วจู่ๆ แววตาคมกลับสบเข้ากับคนคู่หนึ่งที่ลงจากรถถัดไปประมาณห้าคัน จอมพลรีบสาวเท้าเดินหลบเข้าหลังรถของตัวเองก่อนจะมองไปยังไหล่บางของภีมวิทธิ์ที่ถูกชายหนุ่มลูกครึ่งคนเดียวกับที่เขาเห็นที่บริษัทเมื่อวันก่อนโอบเอาไว้แน่นและพากันเดินเข้าชั้นล่างของคอนโดไปด้วยท่าทีที่ดูสนิทสนมกันเกินคำว่าเพื่อน

จอมพลรวบหมัดกำไว้แน่น ร่างสูงเปิดประตูขึ้นรถตามเดิมพลางจะกระแทกประตูปิดเสียงดังลั่น มือหนาจับพวงมาลัยเอาไว้แน่นก่อนจะออกตัวรถขับไปยังโรงพยาบาลที่ที่น้องสาวของเขารักษาตัวอยู่ทันที

เป็นอะไร?

จอมใจเขียนถามบนไวท์บอร์ดเมื่อคนเป็นที่ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงกลับนั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรกว่าสิบนาทีแล้ว

“เปล่า”

แต่พี่หงุดหงิด

“ก็แค่เรื่องงาน” ร่างสูงว่าแต่ผู้เป็นน้องกลับเขียนตอบมาว่า

โกหก

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองจอมใจอย่างหัวเสีย ร่างสูงเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้เพียงเพราะเห็นภาพเมื่อครู่เท่านั้นหรอกหรือ?

“แล้วนี่เรามานั่งจับผิดพี่ทำไมกันหึใจ” ผู้เป็นพี่ว่าก่อนจะลุกเดินเข้าไปหาน้องสาวที่นั่งอยู่บนเตียงพลางลูบหัวแต่จอมใจกลับเขียนเอ็ดจอมพลขึ้นมาแทน

บอกให้เรียกว่าจอมไงเล่า! คนบนเตียงทำแก้มป่อง

แม้ว่าสภาพร่างกายตอนนี้ของเธอจะดูเหมือนผู้หญิงกว่าเมื่อสองปีที่ผ่านมากแต่จอมใจก็ยังมีจิตใจที่รักในเพศเดียวกันไม่เปลี่ยน

“หึ! แต่พี่จะเรียกเธอแบบนี้ แล้วทำไม?” จอมพลกวนน้องตัวเองแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายได้แต่กรอกตาบนกลับเพียงเท่านั้น

ร่างสูงยิ้มขำออกมาเมื่อเห็นท่าทีของจอมใจก่อนรอยยิ้มที่ว่านี้จะเหือดหายลงทันใดเมื่อประเด็นที่อีกฝ่ายเขียนถามกลับมาฉุดให้เขานึกย้อนกลับไปถึงเรื่องก่อนหน้าจนโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงมานอนที่โซฟานี้ได้  จอมใจถามแต่จอมพลกลับเงียบหญิงสาวจึงได้เขียนคั้นผู้เป็นพี่ถามกลับไปอีก

พี่ทำอะไรเขา ร่างสูงปรายตามองคำถามพลางถอนหายใจและตอบกลับเสียงเรียบ

“ไม่ได้ทำอะไร”

แต่ท่าทางของเขาเหมือนโดนทำร้ายมา

“มันเรื่องของพี่”

เรื่องของพี่ที่มีฉันเป็นต้นเหตุใช่มั้ย

ประโยคนี้ทำเอาจอมพลชะงัก จอมใจมองหน้าพี่ชายอย่างคิดไม่ถึงก่อนที่เธอจะเขียนกลับมาอีก

พี่ทำแบบนี้ทำไม

“มันทำเธอเจ็บ” จอมพลตอบพร้อมกับมองหน้าน้องสาวก่อนเขาจะตะโกนออกมาอย่างมีน้ำที่เต็มไปด้วยความแค้นอีกระลอก

“มันทำให้เธอต้องกลายเป็นแบบนี้ใจ มันต้องชดใช้!!”

ด้วยการที่พี่ไปทำร้ายเขากลับเนี่ยนะ?

“ก็สมควรแล้วนี่! รู้มั้ยว่ามันไม่ใช่แฟนยัยเด็กนั่นแต่มันคือพี่ชาย! พี่ชายที่ร่วมมือกับน้องของมันเพื่อหลอกเธอ!!”

ฉันรู้แล้ว

“!!” จอมพลชะงักเมื่ออ่านลายมือของน้องตัวเองจบ

“เธอหมายความว่าไง”

ฉันรู้หลังจากที่ทิชาบอกเลิกแล้วซึ่งไอ้การที่ฉันต้องเป็นแบบนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับเขา มันเป็นอุบัติเหตุพี่เองก็น่าจะรู้ว่าคนผิดมันคือฉันเอง เพราะถ้าคืนนั้นฉันไม่ดื่มหนักฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้

จอมใจระบายเรื่องที่เธอใช้เวลาคิดทบทวนมาตลอดหลังจากฟื้นจากการหลับไปนานกว่าครึ่งปีจนคนเป็นพี่ได้แต่เงียบ

เลิกแล้วต่อกันไปเถอะฉันไม่ได้อยากแก้แค้นอะไรใครทั้งนั้น มันผิดที่ฉันไม่ยอมรับการตัดสินใจของทิชา

จอมใจบอกผ่านตัวหนังสือ หญิงสาวมีใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเคลื่อนลงไปมองขาขวาของตัวเองที่ไม่มีอีกแล้วพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาราวกับยอมรับจริงแต่กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากลับไม่คิดแบบนั้น

“ไม่” จอมพลเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม

“เป็นไปไม่ได้…เธอไม่ผิด! พวกมันต่างหากที่ผิดที่คิดแผนการชั่วๆ นั่นขึ้นมาหลอกเธอ ยังไงซะพี่จะแก้แค้นพวกมันให้ถึงที่สุด!”

แล้วที่ทำเมื่อวานยังไม่พอ?

“เธอรู้” ผู้เป็นพี่ถามตาตื่น

จอมพลกลัวว่าสิ่งที่เขาทำกับภีมวิทธิ์เมื่อคืนอีกฝ่ายจะล่วงรู้เข้าเพราะแน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่ามันผิดแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นว่าเขาได้ลงมือทำมันไปแล้ว

ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่ทำอะไรเขา แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และเขาเองก็ดูเหมือนจะเสียใจเอามากๆ ด้วย

“เมื่อคืนเธอเห็นอะไร”

ฉันเห็นพี่เปลี่ยนเสื้อและเช็ดตัวให้เขา

“…”

ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือตัวเองพี่คงจะไม่เสียเวลาทำให้เขาหรอกจริงมั้ย?

“…”

หยุดทุกอย่างแค่นี้เถอะถือว่าฉันขอร้อง

“เรื่องของมันกับพี่มาไกลเกินกว่าจะหยุดแล้วใจ ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะเอามันถึงตายเพราะถ้าตายก่อนมันก็คงจะไม่สำนึก” จอมพลไม่ฟังคำอ้อนวอนของผู้เป็นน้องเพราะตอนนี้ความเกลียดชังมันมีมากกว่าความรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่มาก

“อย่าห่วงเรื่องของพี่เลยดูแลตัวเองก็พอ นอนซะพรุ่งนี้พี่จะมาหาใหม่…ฝันดี”ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินออกจากห้องของจอมใจทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายทักท้วงท่ามกลางผู้เป็นน้องที่ทำหน้าคิดหนักไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ชายของเธอกำลังทำอยู่เป็นอย่างมาก

:

[Peam’s Part]

ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานผมหลับเป็นตาย ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่เปิดเพียงระบบสั่นและวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนั้นสั่นขึ้นทั้งหมดกี่ครั้งหรือแม้กระทั่งกริ่งหน้าห้องว่าดังขึ้นมากี่หน ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากลุกไปทำอะไร อยากนอนอยู่เฉยๆ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกินจนตอนนี้มันเริ่มจะแผลงฤทธิ์กับกระเพาะอาหารของผมเข้าให้แล้วสิ

ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จด้วยผ้าขนหนูที่พันไว้รอบเอวเพียงผืนเดียวก่อนจะเดินไปยังโทรศัพท์ที่ว่าและหยิบมันขึ้นมาเปิดดู

45 สายไม่ได้รับ
-แดเนียล-
[/i]

คิดไว้ไม่มีผิดว่าคนที่โทรมาจะต้องเป็นมันอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ตอนเย็นวันศุกร์ที่ฝ่ายนั้นคาดคั้นเอาความจริงถึงคนที่ทำเรื่องอัปยศนั่นกับผม แดนก็ไม่ลดละความพยายามที่จะถามแม้ว่าผมจะไม่ยอมบอกมันก็ตามกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้มันยอมกลับไปได้ก็เล่นปาไปเกือบสี่ทุ่ม!

ผมทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียงพลางเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ในวันนี้แต่แล้วจู่ๆ วัตถุสีดำที่เพิ่งจะวางทิ้งเอาไว้นั้นกลับสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

(“ว่าไง”) ผมเอ่ยเสียงเนือยกลับไปเมื่อชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอคือคนเดียวกับที่พยายามติดต่อผมตั้งแต่เมื่อวาน

(“เมื่อวานมึงไปไหนมา! กูโทรไปก็ไม่รับ!!”) แดนตะคอกกลับเสียจนผมต้องรีบยกหูออก

(“กูก็อยู่ในห้องเนี่ยแหละ”)

(“แล้วทำไมถึงไม่รับสายกู!? แถมยังไม่ยอมเปิดประตูให้กูอีกรู้มั้ยกูเป็นห่วงมึงนะภีม!”) ผมชะงักกับคำว่า เป็นห่วง ของมันในทันใด

(“กูแค่ง่วง”) ผมตอบเสียงเรียบ

(“แม่งเอ้ย! มึงรู้มั้ยกูเกือบจะแจ้งตำรวจแล้วนะเว้ย!!”)

(“ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แล้วนี่โทรมามีอะไร”) ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

(“วันนี้กูจะเข้าไปหามึงรอเปิดประตูให้กูด้วย!”) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ

(“มึงจะมาทำไมอีก”)

(“ไปหามึงกูต้องมีเหตุผลด้วย?”)

(“อย่างน้อยก็ต้องมีเปล่าวะ”) ผมเถียงกลับ

(“งั้นก็คิดซะว่าเพื่อนไปเยี่ยมไข้ก็แล้วกัน”) มันแม่งย้ำคำนี้กลับมา คำที่เหมือนกับว่าผมเองก็ยัดเยียดให้มัน

(“แต่กูหายแล้ว”)

(“เออน่า…ก็กูจะไปมึงห้ามกูไม่ได้หรอก”)

(“เบื่อจะเถียงแล้วว่ะ เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน”) ผมเอ่ยเมื่อหมดคำพูดที่จะหยิบขึ้นมาว่าให้มันอีกก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากปลายสายตามมา

(“ตอนนี้กูอยู่ซุปเปอร์ฯ ใกล้ๆ คอนโดมึงอยากได้อะไรหรือเปล่า”) แดนเปลี่ยนเรื่องเมื่อมันหัวเราะผมสร็จ

(“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูออกไปซื้อเอง”)

(“อย่ามัวแต่เกรงใจดิวะ”)

(“แต่ของที่กูอยากได้มันเยอะ”)

(“มันจะซักเท่าไหร่กัน บอกมา!”) ผมถอนหายใจให้กับความเป็นเซอร์วิสแมนของมันก่อนจะร่ายสิ่งที่อยากได้ออกไปทันที

(“อืม…งั้นเอาไข่ไก่โหลนึง ผักคะน้า แครอท เนื้อสันนอก เออ…กูอยากกินองุ่นด้วยว่ะ งั้นเอาองุ่นมาแพ็คนึง สบู่ ยาสีฟะ…”)

(“เดี๋ยวๆ! กูจำไม่ทัน!!”) ปลายสายโวยวายใส่

(“เห็นมั้ยกูบอกแล้วว่ามันเยอะเดี๋ยวไปซื้อเอง”) ผมว่า

(“ไม่ต้องมึงพิมพ์ส่งมาในไลน์กูทีดิ๊เดี๋ยวซื้อเข้าไป”) แดนว่า

(“เอาจริง!?”)

(“เออ”)

(“งั้นเดี๋ยวกูส่งไป”)

(“ให้ไวเลย!”)

ผมกดวางสายพลางพิมพ์ทุกอย่างที่อยากได้ส่งไปให้แดเนียล ก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อปิ้งขนมปังเผื่อมันและเดินย้อนเข้ามาในห้องเพื่อแต่งตัวอีกครั้ง

ผมยืนมองตัวเองในกระจกเงาตรงหน้าสักพักใหญ่ ร่องรอยของความอัปยศในวันนั้นยังคงมีให้เห็นจางๆ ผมหลับตาพลางลืมขึ้นอย่างทำใจ ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจ ใช่ว่าผมจะไม่เจ็บกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำ แต่ผมเพียงไม่อยากจมปรักกับสิ่งเหล่านั้นเพราะหากยิ่งคิดถึงมันก็เหมือนกลับยิ่งซ้ำเติมตัวเองไม่จบไม่สิ้น และด้วยนิสัยที่เครียดง่ายอยู่แล้วจึงทำให้ผมชอบที่จะขจัดเรื่องวุ่นวายในหัวออกไปให้ได้มากที่สุดเสียมากกว่า

ผมหยิบเอาเสื้อยืดใส่สบายออกมาสวมก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสามส่วนออกมาแต่แล้วสายตาของผมเกิดสะดุดเข้ากับถุงยาที่วางเอาไว้บนโต๊ะปลายเตียงเข้าเสียก่อน ผมจึงเดินไปหยิบเอาถุงยานี้ขึ้นมาดูก่อนจะล้วงเอาหลอดยาทาออกมาเพราะจำได้ว่าคุณหมอเขาบอกให้ทาหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ

ติงหน่องๆ~ ติงหน่องๆ~

ผมเลิกคิ้วพลางเงยหน้าออกจากหลอดยาที่กำลังอ่านวิธีใช้ก่อนจะลุกเดินออกไปเมื่อคิดว่าแดเนียลคงมาถึงแล้ว

“ทำไมมึงมาไวจะ!...คุณ!?” ผมเบิกตากว้างพลางมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นจนมันแทบจะทะลักออกมาจากอก

ใบหน้าของคนที่ผมพยายามไม่นึกถึงและคิดแค่ว่าจะทำยังไงเมื่อถึงพรุ่งนี้ที่ต้องไปทำงานกำลังจ้องมาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาก่อนที่เขาจะแสยะรอยยิ้มเหี้ยมพร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มราวกับอยากจะเยาะเย้ยผมกลับมา!...

“ตกใจผัวตัวเองแบบนี้ไม่ดีเลยนะ…เมีย”

“!!”

[End of Peam’s Part]


TBC....
------------------------------------------------

โอ้ย!!! อีพี่พลไม่ยอมฟังน้องใจเลยค่ะ
ไม่รู้ว่าติดใจหรืออะไร ถึงได้กัดน้องภีมไม่ปล่อยเลย
เศร้าแทนนายเอกไปอี๊กกกก T^T
#ภายใต้ความดาร์กแกยังดีที่ยังเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อให้น้องภีมนะ
(จะเรียกว่าความดีได้มั้ย ถามใจเธอดู?? >_<)
ช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนาาาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
«ตอบ #29 เมื่อ22-07-2017 23:26:05 »

จะโดนอะไรอีกละทีนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด