[END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book  (อ่าน 77646 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #90 เมื่อ30-07-2017 18:32:48 »



CHAPTER 23




[Peam’s Part]
“แค่รู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและอยากชดใช้เท่านั้นเหรอ?” ผมถามคนที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมยกเลิกสัญญาฉบับนั้น

จอมพลหลบสายตาผมที่จ้องไป ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำแบบนี้มันเป็นเพราะอะไร อาจจะฟังดูหลงตัวเองสักนิดแต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขากำลังรู้สึกอะไรบางอย่างกับผมเพียงแต่ผมเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าเขา…ช่างเถอะ! เพราะหากมันไม่ใช่อย่างที่คิดขึ้นมาจะกลายเป็นผมที่ไม่เจียมตัวเอาได้ หากแต่ที่ผมรู้ตอนนี้แน่ๆ คือมันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ตัวเขาพยายามจะทำให้ผมรับรู้มาตลอด

“ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากนี้แล้วใช่มั้ย” ผมถามเน้นย้ำอีก

“ใช่กูยอมรับผิดทุกอย่างมึงอยากให้กูทำอะไรก็ได้ขอแค่ยกเลิกมันซะ” ดวงตาคมมองมาราวกับอ้อนวอนแต่ผมกลับทำตามที่เขาขอไม่ได้

“ไม่”ผมถอนหายใจก่อนจะตอบ“ เพราะผมเป็นคนคิดเรื่องสัญญานั้นขึ้นมาผมจะทำตามที่ได้เขียนเอาไว้”

“แต่เรื่องนั้นกูไม่มายด์” จอมพลเถียงสวนทันควัน

“ถึงยังไงผมก็จะทำ”

คนตรงหน้าชะงักไป คิ้วหนาของเขาขมวดติดกันเป็นปมพร้อมกับ สีหน้าผิดหวังที่ฉายเด่นชัดขึ้นกว่าเดิมยิ่งทำให้ผมต้องหักห้ามใจตัวเองพูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูดออกไปก่อนจะใจอ่อนให้เขามากไปกว่านี้

“จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงจริงๆ”

ผมนั่งคิดถึงเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นอีกครั้ง วันนั้นผมรู้สึกโครตอยากตบปากตัวเองซะจริง! เพราะหลังจากที่จอมพลเข้าห้องนอนไปเขาก็ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างจนเสร็จและนอนหันหลังให้ผมทั้งคืนย้ำว่าทั้งคืนเลย!! และตั้งแต่นั้นเขาก็ดูจะไม่ค่อยเข้ามาสุงสิงกับผม จะพูดก็แต่เรื่องงานหรือเรื่องที่ควรจะพูด ไม่ยุ่มย่าม ไม่วอแว แต่ก็ยังนอนกับผมทุกคืน เฮ้ย! นี่มันเหมือนก่อม็อบสงครามประสาทกันอยู่กรายๆ เลยนะเว้ย!

แล้วถามหน่อยว่าผมพูดผิดตรงไหน!?

ถูกหมดทุกอย่าง! ผมเป็นคนทำสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาและก็นะคนอย่างผมน่ะสัญญาต้องเป็นสัญญาไม่ว่าไอ้สัญญานั่นจะเป็นแค่เพียงลมปากหรือแบบลายลักษณ์อักษรผมก็จะทำเพื่อรักษาสัญญาอยู่ดี

ก็คนมันถูกสอนมาแบบนี้ผิดเหรอ?

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนี้อย่างที่เคยทำก่อนจะมองไปยังทิชาที่จูงวีลแชร์โดยมีจอมใจนั่งอยู่ไปตามสวนสาธารณะชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลเพราะวันนี้ทั้งผมและทิชาต่างว่างด้วยกันทั้งคู่พวกเราเลยมาเยี่ยมจอมใจแต่เช้าก่อนจะพาอีกคนออกมาสูดอากาศข้างนอกเห็นว่าตั้งแต่อยู่มาสองปีจอมใจยังไม่เคยออกจากห้องนั้นไปไหนเลยสักวัน

ผมได้แต่อมยิ้มมองพวกเขาอย่างเงียบๆ สองคนนั้นเข้ากันได้ดีตั้งแต่เคลียร์กันไปเมื่อคราวก่อน ทิชาเลือกทำในสิ่งที่ตัวผมเองก็คิดว่ามันถูกต้องคือการที่เธอขอไม่กลับไปอยู่ในสถานะเดิมกับจอมใจอีกทั้งยังโกหกไปว่ามีคนคุยด้วยอยู่แล้วทั้งที่ความจริงแล้วยังไม่มี ก็คงเหมือนผมกับแดเนียลนั่นแหละแม้จะไม่ติดใจแต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เรื่องพวกนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

“อยู่กันที่นี่เองอิงตามหาจนทั่วเลยค่ะ” อิงฟ้าทักพร้อมกับยืนหอบเบาๆ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมหันไปถามก่อนเธอจะทรุดตัวนั่งข้างๆ บน  ม้านั่งไม้ที่สภาพเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

“ถึงเวลาที่น้องจอมใจต้องไปทำกายภาพแล้วค่ะ” เธอบอก

“งั้นเดี๋ยวผมเรียกให้ครับ”

“เดี๋ยวค่ะคุณภีมขออิงพักแปปนึงนะคะวิ่งทั่วตึกเลยนึกว่าเธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปซะแล้ว” อิงฟ้าปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับตัวเองออก

“จอมใจจะหนีได้ยังไงล่ะครับเธอยังใช้วีลแชร์เองไม่ได้เลย” ผมว่า

“อิงแค่กลัวไปก่อนน่ะค่ะเอาแต่ใจอย่างน้องจอมใจเนี่ยนิ่งนอนใจไม่ได้” เธอว่าก่อนจะมองไปยังจอมใจกับทิชาที่นั่งคุยกันข้างรั้วกั้นที่พอมองออกไปก็พบกับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ในตอนเช้าก่อนเธอจะเอ่ยตามมาอีก

“ดูเธอมีความสุขขึ้นนะคะ” ผมมองไปตามสายตาของอิงฟ้า

“ครับพวกเขาควรหันหน้าเข้าหากันให้เร็วกว่านี้” น่าจะเร็ว…ก่อนที่ความรู้สึกของผมจะถลำลึกไปกับคนที่ไม่ควรรู้สึกด้วยอย่างมาก

“ว่าแต่อาการของเธอเป็นไงบ้างครับได้ข้อสรุปหรือยัง” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเมื่อวกเข้าเรื่องนี้ทีไรหัวของผมก็เต้นตุบๆ ขึ้นมาทุกที

“ทางเราสรุปกันว่าน้องจอมใจป่วยเป็นโรค Pathological Liar หรือที่พูดง่ายๆ ก็คือโรคโกหกตัวเองนั่นแหละค่ะ”

“โรคโกหกตัวเอง?” ชื่อมันฟังดูร้ายแรงยังไงไม่รู้แฮะ

“ค่ะแต่ในกรณีของเธอถือว่ายังไม่รุนแรงมากนะคะเพราะเท่าที่ฟังจากเรื่องที่คุณจอมพลเล่าเธอแค่โกหกเพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งที่กลัว เธอทำให้คนอื่นเข้าใจว่าน้องสาวของคุณภีมผิดทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเองก็รู้อยู่แกใจดีค่ะว่าไม่ใช่ โดยที่ปากบอกไม่อยากเอาผิดแต่ก็ไม่ยอมพูดความจริงเพราะกลัวคนอื่นจะรู้อะไรประมาณนี้น่ะ” อิงฟ้าอธิบาย

“ฟังดูซับซ้อนจังนะครับ” ผมว่าพลางรู้สึกเห็นใจจอมใจไม่น้อย

“พวกเขาทำเพราะสร้างเกราะป้องกันตัวเองน่ะค่ะคนแบบนี้ในสังคมมีเยอะแยะอาการหนักบ้างเบาบ้างแต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ”

“แล้วงี้จอมใจต้องรักษาอีกนานมั้ยครับ”

“ไม่หรอกค่ะเธอแค่ต้องทำกายภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจอีกนิดหน่อยเห็นเจ้าตัวบอกว่า…” ผมเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ เธอก็หยุดพูดเสียดื้อๆ ก่อนเสียงใสจะดังขึ้นไม่ไกล

“มาแล้วทำไมไม่เรียกล่ะพี่อิง” ทิชาที่เข็นวีลแชร์ของจอมใจอยู่เดินพา อีกคนเข้ามาหาผมและอิงฟ้าใต้ต้นไม้ที่นั่งอยู่

“พี่มัวแต่คุยกับคุณภีมน่ะค่ะ” คนข้างๆ ตอบกลับยิ้มๆ

“จอมกำลังจะลงไปพอดี”

“จะไปไหนไม่บอกพี่กันก่อนเลยนะคะรู้มั้ยพี่วิ่งหาเราตั้งหลายรอบแน่ะ” อิงฟ้าแกล้งทำหน้างอ

“โอ๋ๆ ขอโทษนา…ว่าแต่คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ” จอมใจขำท่าทีของพยาบาลประจำตัว

“พี่ก็ถามอาการเราเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ” ผมว่าก่อนคนตรงหน้าจะชะงักพลางหันไปหาอิงฟ้าอีกครั้ง

“พี่อิงกับทิชาลงไปก่อนนะเดี๋ยวจอมขอคุยกับพี่ภีมหน่อย” ผมเลิกคิ้วพร้อมมองหน้าเธอ

จอมใจอยากคุยกับผม? แปลกนะผมว่า

“ได้ค่ะแล้วรีบตามลงไปนะคะ” อิงฟ้าไม่ขัดเธอเดินนำทิชาที่ยิ้มให้ผมเล็กน้อยไปทางประตูก่อนจะผลักเข้าไปในตึก

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ผมเปิดประเด็นถามด้วยความสงสัยทันทีที่หันหลับมามองหน้าเธอ

“แม้ว่ามันจะผ่านมาได้สักพักแล้วแต่ฉันก็ยังไม่ได้ขอโทษพี่จริงๆ สักที” จอมใจเว้นช่วงพลางมองหน้าผม “ฉันขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเข้าใจพี่ผิดและทำให้พี่ต้องเดือดร้อน”

ผมเองตกใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าดูแปลกไปกว่าทุกวันเธอดูแน่วแน่ มุ่งมั่นมากกว่าจอมใจคนเดิมที่ผมเคยรู้จักซะอีก

“ไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านไปแล้ว” ผมยิ้มแห้ง

“ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้แต่พี่พลเป็นคนใจร้อนพอรู้เรื่องเขาก็ดูเหมือนจะหมายหัวพี่ทันทีเลย” จอมใจอธิบายต่อ

“โชคดีที่พี่ดันผ่านตอนนั้นมาได้” พูดเสร็จก็เจ็บแปลบๆ ขึ้นในใจแปลกๆ

“แล้วตกลงพี่พลได้ทำอะไรพี่หรือเปล่า? เขาทำอะไรพี่ไปบ้าง?”

“ทำไมถึงถาม” ผมชะงักก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับ

เธอมาอารมณ์ไหนกัน?

“เพราะยังมีหลายเรื่องที่ฉันยังสงสัยน่ะสิ ทั้งเรื่องพี่พลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้พี่วันนั้นแถมยังเรื่องความรู้สึกของเขาอีกตกลงมันยังไงกัน” คนตรงหน้ามีท่าทีอยากรู้เอามากๆ

“เชื่อสิว่าเธอไม่อยากรู้หรอก” ผมเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“แสดงว่าเขาทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย?”

“น่าให้หรือไม่น่าให้อภัยสักวันพี่จะตัดสินเอง” ผมบีบมือตัวเองแน่น

“พี่โกรธพี่พลอยู่ใช่มั้ยช่วงนี้เขาดูหงอยๆ มาหาทีก็นั่งเงียบเป็นป่าช้า” คนนั่งวีลแชร์ยืดตัวพิงพนักด้านหลังแต่ก็ยังมองผมกลับไม่วาง

“เขามากกว่าที่โกรธพี่”

“ไม่หรอกพี่พลน่ะรักพี่จะตาย”

ผมเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายหลังจากที่ประโยคนี้จบลงทันที หัวใจที่แต่เดิมมันเต้นเป็นปกติกลับถี่รัวขึ้นสียจนหน้าอกของผมกระเพื่อมไปตามจังหวะจนมันแทบจะทะลุออกมา ผมลอบกลื่นน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบากพลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู

จอมใจจะรู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา? มันไม่ใช่คำพูดที่จะเที่ยวบอกใครพล่อยๆ ได้หรอกนะแต่ทำไม…

“ไหงทำหน้าแบบนั้น?” จอมใจเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นผมชะงักไป

“เมื่อกี้เธอพูดว่าไงนะ?” ผมถามเมื่อไม่เชื่อ หูฝาด…ผมต้องหูฝาดแน่ๆ

“พี่พลน่ะรักพี่เป็นห่วงพี่จะตาย” อีกฝ่ายย้ำหนัก “นี่อย่าบอกนะว่าเขายังไม่ได้สารภาพ?” จอมใจตีสีหน้าเหลือเชื่อ

“สารภาพ…อะไร” ไม่กล้ามอง…ผมไม่กล้ามองหน้าอีกคนเลย

“ก็สารภาพรักพี่ไง”

“มะ…มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก” ผมรู้ดี

“แต่มันเป็นไปแล้ว! เขาบอกฉันเองกับปากนี่ฉันคิดว่าพวกพี่คบกันแล้วซะอีก” คนตรงหน้าพูดเคล้าบ่น “หรือพี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา?”

ยิ่งถูกถามผมยิ่งหัวตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก มันเพราะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อจนเหมือนว่าคนตรงหน้ากำลังหลอกกันเล่น

“พี่…มะ…ไม่รู้” ผมปฏิเสธกลับอีกครั้ง

“เฮ้อ…ฉันว่าพวกพี่คิดแบบเดียวกันแหละฉันดูออก” จอมใจว่า

“ที่กักตัวพี่ไว้เพราะอยากจะคุยแค่เรื่องนี้เหรอ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“ก็เปล่าแค่อยากรู้เฉยๆ น่ะเพราะเห็นพวกพี่ดูตึงๆ ใส่กัน”

“ไม่มีอะไรหรอกเปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ” ผมขอร้องอีกฝ่ายก่อนจอมใจจะยิ้มร่าขำท่าทีของผมออกมา

“พี่นี่ตลกเนอะ” เธอส่ายหัวก่อนจะเอ่ยต่อ “ความริงเรื่องที่ฉันอยากจะบอกพี่น่ะมันเป็นความลับ”

“ความลับ?” ผมเลิกคิ้ว

“ใช่เรื่องนี้น่ะทิชายอมเอาด้วยแล้วจะเหลือก็แต่พี่ พ่อกับแม่ของฉันและคนที่บ้านอีกแค่ไม่กี่คน” ยิ่งอีกคนพูดผมก็ยิ่งงง

“คืองี้…อาทิตย์หน้าน่ะเป็นวันเกิดพี่พลฉันเลยมีของขวัญที่อยากจะเซอร์ไพรส์เขา” จอมใจอธิบายด้วยใบหน้าตื่นเต้นทว่าคำพูดต่อมาของเธอกลับยิ่งทำเอาผมช๊อคจนชาวาบไปทั้งตัว

“ด้วยการกลับไปอยู่บ้าน”

“!!”

“จนกว่าจะถึงวันเกิดของพี่พลพี่ช่วยฉันปิดเป็นความลับจะได้มั้ย?”

เรื่องราวระหว่างผมกับเขากำลังจะจบลง คำพูดของจอมใจควรจะทำให้ผมดีใจแต่ทำไมมันกลับทำให้ผมปวดใจได้มากมายขนาดนี้…
[End of Peam’s Part]



“ธะ…เธอจะกลับไปอยู่บ้าน?” เสียงทุ้มที่เริ่มสั่นถามกลับด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ภีมมองจอมใจราวกับว่าอีกคนกำลังล้อเล่นแต่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่เลย

“ใช่” หญิงสาวเน้นย้ำ

“ละ…แล้วการรักษาล่ะ?”

“ฉันเหลือแค่ทำกายภาพกับฝึกใช้ขาเทียมอีกนิดหน่อยเอง” จอมใจบอกก่อนจะเอ่ยต่อ “วันนั้นฉันอาจมีเรื่องวานขอให้พี่ช่วยสักหน่อยแต่พี่ต้องเล่นละครทำเป็นไม่รู้ว่าฉันจะกลับบ้านนะ”

ภีมยังคงเงียบไม่ไหวติงชายหนุ่มเหม่อมองไปเบื้องหน้าโดยไร้ซึ่งจุดหมาย มือเรียวที่วางไว้บนตักสั่นเทาเช่นเดียวกับแววตาที่สั่นระริก

เร็วเกินไป…เขารู้สึกว่าทุกอย่างเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

“พี่ภีม” จอมใจเรียกอีกฝ่าย

“…”

“พี่ภีม!”

“…”

“พี่ภีม!!!”

“ห๊ะ!?” ภีมตื่นจากภวังค์ทันที่ที่อีกฝ่ายเขย่าแขนเขาพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังลั่น

“พี่เหม่ออะไร?”

“เปล่าๆ ว่าแต่เมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ?”

“ฉันบอกว่าวันนั้นฉันอาจมีเรื่องวานขอให้พี่ช่วยนะแต่พี่ก็ห้ามให้พี่พลรู้ว่าฉันจะกลับบ้านโอเคมั้ย?” หญิงสาวย้ำเรื่องที่พูดเมื่อกี้ขึ้นมาอีก

“อะ…โอเคๆ” ภีมตอบรับเสียงอ่อน

“ดีเลย! พี่พลน่ะเป็นคนชอบการเซอร์ไพรส์มากเลยนะรู้ป่าว…”

ภีมไม่ได้สนใจคำพูดของจอมใจอีกเลย ร่างโปร่งเหม่อลอยจนกระทั่งร่างบางเรียกเขาอีกรอบเพื่อชวนลงไปข้างล่าง ภีมขอตัวกลับหลังจากส่งจอมใจที่หน้าห้องกายภาพก่อนจะไปส่งทิชาที่บ้านและขับรถตรงกลับไปยังคอนโดของตัวเองทันที
:
:
:
แกร๊ก!

เสียงไขประตูห้องดังขึ้น ภีมที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเงยหน้าที่ก้มลงของตัวเองขึ้นมาพลางมองไปยังต้นตอของเสียงขณะที่บนโต๊ะเบื้องหน้าของเขาเต็มไปด้วยเบียร์หลายกระป๋องแถมยังมีกับแกล้มพวกถั่วลิสงและข้าวเกรียบหกเรี่ยราดเต็มไปหมด

“คิดไงมึงถึงนั่งดื่มคนเดียว?” จอมพลที่ก้าวเท้าเข้ามาถามกลับทันทีที่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายในวันนี้ก่อนอีกคนจะฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วถามกลับ

“อยากดื่มกับผมหน่อยมั้ย” น้ำเสียงยานครางและใบหน้าที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าภีมกำลังเมาได้ที่

“ไม่ล่ะพรุ่งนี้กูต้องไปทำงานแต่เช้ามึงเองก็ด้วยอย่าดื่มมากเดี๋ยวตื่นไปทำงานไม่ไหว” พูดเสร็จร่างสูงก็นั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้าม

ภีมตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ร่างโปร่งเซถลาล้มลงบนตักของจอมพลที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างจังก่อนร่างสูงที่มองทุกฝีก้าวของอีกฝ่ายอยู่แล้วจะรีบประคองร่าเมามายของภีมไว้ทันที

“เป็นห่วงผมขนาดนี้ก็นั่งดื่มด้วยกันหน่อยเถอะนะ…นะๆ” ภีมปรือตามองใบหน้าของจอมพลที่ก้มลงมองเขาบนตักนิ่ง

“กูบอกว่าไม่ไงพรุ่งนี้กูทำงานเช้า” ร่างสูงดึงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ทว่าภีมกลับก้าวขาข้ามตัวอีกฝ่ายไปพร้อมกับหย่อนตัวเองนั่งลงบนตักของจอมพลท่ามกลางเจ้าตัวที่เบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ

“แค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเองเล่นตัวไปได้” ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอดมือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าและแผงอกของอีกคนจนร่างสูงต้องรวบมือเขาเอาไว้

“รู้ตัวเองมั้ยว่าทำอะไรอยู่!?” จอมพลเอ่ยตำหนิ

“อะไรเหรอครับ” ร่างโปร่งเอียงคอถามพลางยิ้มกลับอย่างกลัว

“มึงนั่งคร่อมกู!”

“แล้วไง?”

“ไม่แล้วไงแต่มึงต้องลุกออกไปเดี๋ยวนี้!” จอมพลพยายามผลักไสภีมออกแต่ร่างโปร่งกลับยื้อตัวเองไว้จนสุดแรงเช่นกัน

“ทำไม? หรือคุณมีอารมณ์กับผมขึ้นมาล่ะครับคุณจอมพล งั่ม!”

“ภีม! มึงเมามากแล้วนะเว้ย!!” ร่างสูงดันตัวอีกคนออกเมื่อภีมที่ซบลงกับไหล่แหย่เขากลับด้วยการกัดหูจนจอมพลขนลุกพร้อมกับความรู้สึกวาบหวามมากมายที่ก่อตัวขึ้นจนยากจะรับไหวเขาไปทุกที

“ไม่เมา~ ใครว่าผมเมากันผมมีสติดีครบทุกอย่าง” ร่างโปร่งทำหน้าอ้อน

“ไม่ต้องแก้ตัว! ลุกจากตักกูเดี๋ยวนี้ก่อนกูจะพลั้งมือทำอะไรมึงอีก!” แสร้งขู่เพื่อให้อีกคนกลัว ทว่าในใจของเขาตอนนี้กลับรุ่มร้อนเพราะใบหน้าอ้อนที่อยู่ห่างไม่กี่เซ็นต์ตรงหน้าเข้าไปทุกที

จอมพลกำลังมีอารมณ์และเขาก็กำลังจะห้ามตัวเองไว้ไม่ไหว

“แล้วคุณอยากจะทำอะไรผมล่ะ?”

“…”

“แบบนี้หรือเปล่า” ริมฝีปากสีระเรื่อกดทับลงบนริมฝีปากร้อนของคนตัวใหญ่กว่าทันที ร่างสูงเบิกตากว้างท่ามกลางร่างโปร่งที่เริ่มต้นบทจูบในครั้งนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนการแตะเพียงริมฝีปากเฉยๆ ให้กลายเป็นรสจูบที่หวือหวาไม่แพ้ใคร ภีมขยับริมฝีปากจูบซับไปตามริมฝีปากของจอมพลอย่างคนมีประสบการณ์ในขณะที่อีกฝ่ายที่ดูเหมือนสติจะหลุดหายไปจะพยายามดึงตัวเองกลับมาพร้อมกับออกแรงผลักอีกฝ่ายออกในที่สุด

“ภีม!”

“ฮึก!” ร่างโปร่งสะอื้นออกมาเมื่อร่างสูงที่คว้าต้นแขนของเขาเอาไว้ออกแรงดันให้ออกห่าง

“มึงร้องไห้ทำไม?” จอมพลที่ชะงักไปเอ่ยถาม

“มะ…ไม่รู้” ร่างโปร่งปาดน้ำตาของตัวเองออก “เอาใหม่…เอาใหม่นะ”ภีมพร่ำเพ้อคำพูดออกมาก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอของร่างสูงอีกระลอก

“ภีม! มึงหยุดบ้าได้แล้ว!!” จอมพลที่ขืนตัวอีกฝ่ายไว้ตะโกนกลับ “กูไม่อยากทำร้ายมึง!!”

ภีมมองอีกฝ่ายนิ่ง ใบหน้าคมของจอมพลฉายความไม่เชื่อผสมปนเปจนกลายเป็นความสับสน ร่างโปร่งเอื้อมมือซ้ายขึ้นประคองใบหน้าของจอมพลเอาไว้ก่อนมือขวาของเขาจะทาบลงบนอกข้างซ้ายของอีกคนเพื่อสัมผัสกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่ได้ต่างอะไรกับจังหวะหัวใจของเขาตอนนี้เลยสักนิด

“แล้วถ้าครั้งนี้คุณไม่ได้ทำร้ายผมล่ะ”

“…”

“ถ้าผมบอกว่าผม 'อยาก' คุณพอจะช่วยผมหน่อยได้มั้ย?”

“!!”



TBC....
-------------------------------------------------
บทนี้น้องภีมเผด็จศึก? ไม่หรอกๆ ต้องรอบทหน้า อิอิ ค้างป่าว?
หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ส่วนเรื่องอาการของจอมใจที่กิ่งหยิบยกขึ้นมาก็ไม่ได้ตรงตามคำวินิจฉัยแพทย์ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะยังไงมันก็แค่นิยายเนอะ กันไว้ก่อนเผื่อมีใครคิดเป็นจริงเป็นจัง
เอาล่ะอยากปิดจ๊อบเรื่องนี้ก่อนสิ้นเดือนมาก จะพยายามค่ะ จะพยายาม!!!

 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #91 เมื่อ30-07-2017 20:26:44 »

 :pig4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #92 เมื่อ30-07-2017 20:41:27 »

ค้างงงงงง สุดใจ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #93 เมื่อ30-07-2017 21:14:43 »

เมื่อไหร่พระเอกเราจะสารภาพรักสักทีเนี่ย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #94 เมื่อ30-07-2017 22:06:07 »

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
«ตอบ #95 เมื่อ31-07-2017 02:50:12 »

 :z3:6

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.24 NC 100% [31/07/2560]
«ตอบ #96 เมื่อ31-07-2017 14:34:51 »


CHAPTER 24



ทั้งห้องเงียบลงถนัดตาเหลือไว้แต่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงหายใจของคนทั้งคู่ที่ดังสอดประสานกันไปมาเช่นเดียวกับดวงตาคมที่มองอีกคนกลับอย่างไม่เชื่อในกับสิ่งที่ภีมกำลังทำอยู่

ร่างสูงขมวดคิ้วในขณะที่ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนตักของเขาก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของอีกฝ่ายจรดลงบนแก้มซ้ายของจอมพล ภีมสูดหายใจเอากลิ่นกายของจอมพลจนเกิดเสียง เจ้าของแก้มนิ่งงันกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ก่อนร่างสูงจะถอนหายใจพร้อมกับดันตัวคนเมามายออกไปนิดเมื่อภีมพยายามที่จะซุกไซ้ซอกคอของเขากลับ

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” จอมพลถามภีมที่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำปรือ ร่างโปร่งครางในลำคอเมื่อถูกอีกคนขัดจังหวะแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นจนไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป

“รู้สิ รู้หมดทุกอย่าง…แต่ผมไม่เคยทำตามใจตัวเองได้เลยสักครั้ง” ภีมตอบเสียงยานคราง

ร่างโปร่งรู้ดีว่าไม่ควรแต่ไม่รู้ทำไมเพราะแค่คิดว่าเวลาระหว่างเขากับจอมพลเหลืออีกไม่มาก สมองที่แต่เดิมมันเคยสั่งห้ามหัวใจไม่ให้เผลอไผลไปกับคนตรงหน้ากลับสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการ

ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำจริงๆ…สักที

“ทีหลังอย่าไปพูดแบบนี้กับใครอีก” จอมพลผลักภีมออกอีกครั้งหากแต่ร่างโปร่งก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะภีมยังคงกอดคออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ปล่อย

“ผมไม่พูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณหรอก…คุณจอมพล” ร่างโปร่งว่าเสียงอ้อนจนจอมพลต้องเอ็ด

“กูไม่ตลกที่มึงเป็นแบบนี้นะภีม”

“ผมก็ไม่ได้แกล้งทำเหมือนกัน”

“แล้วมึงอยากให้กูทำอะไร!?”

“ก็ทำให้ผมเป็นของคุณ!”

“!!” ร่างสูงชะงักงันอีกเมื่อคนตรงหน้ายังคงยืนยันคำเดิม

ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองอีกคนเพื่อหมายจะหาความหมายของคำพูดนี้จากดวงตากลมของอีกฝ่ายแต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปลึกเท่าไหร่สิ่งที่เขาได้กลับมาก็ยังคงเป็นแววตาหนักแน่นและจริงจังในคำพูดจนเป็นตัวเขาเสียเองที่เริ่มจะคุมตัวเองไม่ไหวเข้าไปทุกที

“คุณกำลังโกรธผมข้อนี้ผมรู้ดีเพียงแต่วันนี้ผมขอ…” ภีมจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของจอมพลก่อนจะอ้อนวอนต่อ “นะ…ขอร้องวันนี้ผมอยากเป็นของคะ!…อ่ะ!” ร่างสูงไม่รอฟังคำขอของอีกฝ่ายจนจบ

จอมพลหอบร่างเล็กกว่าขึ้นพลางเดินย่ำเข้าไปในห้องนอนทันทีก่อนจะทิ้งตัวอีกฝ่ายลงบนเตียงและตามขึ้นไปคร่อมภีมเอาไว้ทั้งร่าง

“มึงไปจำท่าทีแบบนี้จากไหนมา” ร่างสูงก้มถามอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้ม

“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ…ผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดอีกเยอะ” ภีมตอบเป็นนัย ร่างโปร่งคล้องแขนขึ้นโอบรอบคอของคนด้านบนก่อนจอมพลจะถามย้ำอีก

“แน่ใจว่าครั้งนี้มึงสมยอมกู?”

“ผมก็ไม่ได้กำลังขัดขืนนี่ใช่มั้ย?”

“ไอ้หมาดื้อเจ้าเล่ห์”

“อ่ะ!!”

เสียงใสร้องครางเมื่อร่างสูงกัดเข้าที่ซอกคอขาวจนเห็นเป็นรอยเขี้ยว จอมพลกดริมฝีปากจูบซับไปตามข้างพวงแก้มเรื่อยไปจนถึงริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอรอรับสัมผัสอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

ลิ้นร้อนของจอมพลสอดผ่านริมฝีปากเล็กเข้าไปเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานขณะที่ภีมเองก็ตอบรับสัมผัสนี้ด้วยการคลอเคลียลิ้นเล็กตามอีกฝ่ายไปมาเช่นเดียวกัน

“ไม่ห้ามกูตอนนี้ก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน” ร่างสูงพูดขึ้นหลังจากผละริมฝีปากออกมา

“ใครกันแน่จะเสียใจ? ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่รู้สึกแบบนั้นแน่นอน” ภีมยั่ว

“หึ! ปากเก่งซะจริงเตรียมครางให้ผัวดีกว่านะเมียเพราะคนอย่างกูทำอะไรก็ไม่เคยเสียใจที่หลังเหมือนกัน” พูดเสร็จก็จัดการเปลื้องผ้าอีกคนออกในพริบตาเดียว

ภีมยอมให้อีกคนถอดทุกอย่างออกอย่างว่าง่าย มือเล็กเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออกบ้างก่อนร่างสูงจะถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองเมื่อถูกอีกฝ่ายปลดกระดุมออกจนหมด จอมพลผลักร่างโปร่งให้ล้มลงไปก่อนจะตามเข้าเล้าโลมด้วยริมฝีปากร้อนๆ ของตัวเองทันที

“อ่ะ! ซี้ดดด” ภีมส่งเสียงเมื่อโพรงปากอุ่นที่กำลังปลุกเร้าอารมณ์ของเขาอยู่ตรงเม็ดบัวเล็กสีชมพูออกแรงกัดจนมันเสียวซ่านเกินจะห้ามไหว

จอมพลจูบซับลงไปตามหน้าท้องแบนราบก่อนจะเอื้อมมือหนารั้งกางเกงในสีขาวของอีกคนออกจนมันลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ นิ้วยาวลูบคลึงไปตามช่องทางด้านหลังก่อนจะค่อยๆ สอดเข้าไปพลันให้ร่างโปร่งหลับตาปี๋

“อึก อ่ะ!”

“เจ็บ?” จอมพลถามเมื่อสอดนิ้วที่สามเข้าไป

“เปล่า…ผมโอเคต่อเถอะ” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะเหยียดยิ้มและขยับมือตัวเองเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ

“อ่ะๆๆ”

“วันนี้มึงทำกูคลั่งรู้ตัวมั้ย” จอมพลชักนิ้วออกเมื่อร่างกายของภีมค่อนข้างชินกับสัมผัสของเขาก่อนจะรูดซิปคว้ากลางกายที่ขยายใหญ่จ่อไปยังช่องทางของอีกคนทันที

“เป็นอีกอย่างที่ผมทำได้แต่คุณไม่เคยรู้ อ่ะ!!!” ร่างโปร่งร้องออกมาจนสุดเสียงเมื่อจู่ๆ จอมพลก็แทรกกลางกายของตัวเองเข้ามาในโพรงนุ่มก่อนจะสวนสะโพกจนมันเข้าไปสุดด้ามในคราเดียว

“หึ! บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ออมแรงแน่” จอมพลบอกให้อีกคนเตรียมใจ

“เชิญตามสบายครับ” ดวงตาฉ่ำปรือไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว

จอมพลออกแรงขับเคลื่อนบทรักทันทีที่อีกฝ่ายอนุญาต ร่างสูงโถมตัวเข้าหาอีกคนก่อนจะกระหน่ำกระแทกกระทั้นความต้องการที่มีใส่ภีมไม่ยั้ง

“อ่ะๆๆๆ อึก! อ่ะ!” ร่างโปร่งส่งเสียงร้องครางแหบพร่า ทว่ามันกลับเป็นยาชูกำลังชั้นดีให้จอมพลเดินเครื่องต่อไป

ร่างสูงแนบริมฝีปากลงบนแก้มใสก่อนจะปิดเสียงร้องของอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของตัวเอง ทั้งดุดัน ร้อนแรง อ่อนหวาน เล้าโลม ปนเนกันไปหมดจนแทบกระชากวิญญาณของภีมให้ออกจากร่าง

จอมพลเปลี่ยนท่าโดยการอุ้มร่างโปร่งขึ้นนั่งทับแท่งร้อนของตัวเอง ภีมผวาพลางจับไหล่เขาไว้แน่นก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างสงสัยแต่เพียงชั่วอึดใจเดียวมือหนาก็ยกสะโพกของภีมขึ้นและสวนแท่งของตัวเองจนภีมร้องเสียงหลง

“อ่ะ! ลึก! มันลึกไปคุณจอมพล!” ภีมทำหน้าแหย

จอมพลผ่อนแรงลงเมื่ออีกคนร้องเตือน ภีมทิ้งน้ำหนักนั่งลงบนตักของคนตรงหน้าก่อนร่างโปร่งจะมองกลับอย่างคาดโทษ

“โทษที” ร่างสูงเอ่ยเสียงพร่าในขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงไม่อยู่นิ่งเวียนจูบซับไปยังพวงแก้มของอีกคนไม่หยุด

“ไม่ผ่อนแรงก็อยู่เฉยๆ เลย”

ภีมยกสะโพกก่อนจะทิ้งตัวลงตามจังหวะที่ปรารถนา จอมพลมองอีกคนอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อภีมตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคนขยับเองโดยที่เขาไม่ได้ขอกระทั่งอีกฝ่ายเหยียดยิ้มส่งมาให้ ร่างสูงที่เหม่อเพราะมัวแต่ดีใจจึงหลุดจากภวังค์พลางก้มลงดูดดึงตุ่มไตอีกคนเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนบทรักนี้ต่อไปทันที

“อ่ะๆๆ ซี้ดดด อ่ะ!” ภีมส่งเสียงร้องเมื่อก้อนความความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามาจนร่างโปร่งกระตุกเป็นจังหวะเช่นเดียวกับจอมพลเองที่เริ่มจะทนไม่ไหวคว้าสะโพกของคนด้านบนบังคับให้กระแทกลงมาจนภีมหอบหายใจถี่ระรัว

“ซี้ดดด ภีม…ภีม อึก!”

“ผมไม่ไหวแล้ว!”

“กูก็เหมือนกัน ซี้ดดด!”

“อ่ะๆๆๆ!”

“ภีม! อ่า!!…” จอมพลกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำรักในโพรงนุ่มจำนวนมาก ร่างโปร่งจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วท้องน้อยก่อนร่างสูงจะถอนกลางกายออกพร้อมกับจับให้เขาหมอบลงไปบนเตียง

“ถ้าคิดว่ากูจะหยุดที่รอบเดียวขอบอกว่ามึงคิดผิด”

“ผมเองก็ไม่ได้หวังแบบนั้นเหมือนกัน” ภีมยั่วกลับ

จอมพลสบตาคนใต้ร่างก่อนจะเหยียดยิ้ม ร่างสูงรู้สึกมั่นเขี้ยวจนอดไม่ได้ที่จะกระแทกแท่งร้อนเข้าไปในโพรงอุ่นนุ่มนี้อีกครั้งพลันทำให้ภีมถึงกับร้องเสียงหลงออกมา ร่างโปร่งครางรับกับจังหวะเสียวซ่านของบทรักที่เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมไปจนถ้วนทั่วสลับกับเสียงร้องครางของคนสองคนที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขที่มอบให้แก่กันจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปจนเสร็จสิ้นภารกิจ (กาม) รอบที่สี่ ร่างโปร่งที่เคล้าความเมามายจากเบียร์กว่าห้ากระป๋องที่ดื่มเข้าไปก็สลบไปพร้อมกับแรงกระแทกสุดท้ายของอีกฝ่าย ก่อนร่างสูงที่ถอนกลางออกจะเช็ดตัวให้เขาพร้อมกับพรมจูบตามร่างกายขาวเนียนนี้ไปจนทั่วราวกับอยากจะตีตราให้คนตรงหน้าเป็นของเขาเพียงคนเดียวตลอดไป…



[Peam’s Part]
หลังจากตื่นนอนในเช้าวันนั้นผมก็พบว่าตัวเองถูกจอมพลกอดเอาไว้แน่น กว่าจะค่อยๆ ถดตัวออกจากอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาได้ก็เล่นเอาผมเหนื่อยทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรงเลยสักแอะ

ผมตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขาก่อนคนขี้เซาจะรีบพรวดพราดเข้ามาในครัวหลังจากตื่นนอนเพราะคิดว่าผมจะหนีไปเพราะวีรกรรมของเราทั้งคู่เมื่อคืน ผมถูกจอมพลแซวหนักทั้งอีกฝ่ายยังเข้ามากอดผมเอาไว้ไม่ปล่อยเล่นเอาผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

เราสองคนนั่งทานข้าวต้มฝีมือผมด้วยกันและก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงดลใจให้ผมออกปากชวนอีกฝ่ายออกไปว่า

“หลังจากไปหาจอมใจหากคุณว่าง…ไปดูหนังด้วยกันมั้ย”

พูดเสร็จก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักสองที ผมลอบมองจอมพลที่นั่งอยู่ตรงหน้าราวกับลุ้นคำตอบก่อนอีกฝ่ายที่ไม่พูดอะไรจะเอาแต่ยิ้มและเอื้อมมือมากุมมือของผมที่วางบนโต๊ะทานข้าวเอาไว้ รอยยิ้มและความร้อนจากมือของเขาที่แผ่มาแม้ว่าอีกคนจะไม่ยอมปริปากแต่ผมก็รู้ว่าเขาเองได้ตกลงเป็นที่เรียบร้อย

หลายวันมานี้ผมและจอมพลออกไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะทุกวัน ทั้งทานข้าว ดูหนัง ซื้อของหรือแม้แต่ไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกกิจกรรมและทุกที่ที่พวกเราไปผมบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า…ผมมีความสุข ผมพยายามตัดเรื่องที่เขาเคยทำ ตัดทุกอย่างให้เหลือแค่ผู้ชายสองคนที่ชื่อจอมพลและภีมวิทธิ์เพียงเท่านั้น

ผมไม่เคยหวังให้เขามาดูแลหากแต่จอมพลทำหมดทุกอย่าง เขาคอยเป็นห่วงผมในหลายๆ เรื่อง คอยถามเมื่อเห็นว่าผมเงียบไปจนผิดสังเกต คอยโทรตามหากผมมีธุระต้องกลับคอนโดดึกในบางวัน เขาทำให้ผมรู้สึกอ่อนไหว ผมใจอ่อนทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ จอมพลมีเสน่ห์ที่ยากจะห้ามไหว เขาทำให้ผมมีความสุขจริงๆ…สุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ทว่ามีใครเคยบอกกับคุณมั้ยว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน…

(“สถานการณ์เป็นไงบ้างพี่ภีม”) เสียงของจอมใจที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์ยิ่งทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบมากกว่าเดิม

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วทางโน้นล่ะ” ผมถามกลับไปไม่เต็มเสียง

วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพลอย่างที่ปลายสายเคยเล่าให้ฟังและแน่นอนว่าประโยคเมื่อกี้คือเธอตั้งใจโทรมาไถ่ถามความเคลื่อนไหวของพี่ชายที่ดันพาผมมาที่บ้านของเขาเพื่อกะจะเซอร์ไพร์สเรื่องวันเกิดของตัวเองเช่นกัน

(“จอมกำลังจะไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบิน”)

“ทิชาก็อยู่ด้วยใช่มั้ย”

(“เปล่า ทิชาบอกจะตามมาหลังทำพาร์ทไทม์เสร็จคงค่ำๆ โน่นแหละ”)

“ถ้างั้นใกล้ถึงเมื่อไหร่ก็แชทมาบอกแล้วกันพี่จะได้บอกว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน” ผมถอนหายใจเมื่อใกล้เวลานั้นเข้ามาทุกที

(“โอเคฝากทางโน้นด้วยนะ”)

“อื้ม” ผมวางสายไปก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงปิดประตู

“คุยกับใครอยู่” จอมพลเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาที่มีผมอยู่ในนี้ก่อนหน้าแล้ว

“เอ่อ…แฟร์น่ะครับ” ผมรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

“โกหกอยู่หรือเปล่า?”

“ผมไม่น่าไว้ใจขนาดนั้น?”

“กูแค่แซวเล่นน่า” เขาคว้าตัวผมเข้าไว้ในอ้อมแขนก่อนจะออกแรงกอด

“งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยพวกป้าๆ ในครัวดีกว่า” ผมพยายามเลี่ยงเพราะเอาเข้าจริงๆ ตัวผมเองก็ยังทำใจลำบากกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่มากเหมือนกัน

“ไม่ต้องก็ได้อยู่กับกูที่นี่แหละ” จอมพลไม่ว่าเปล่าเข้าโน้มตัวลงมาหอมแก้มขวาของผมเสียจนแทบช้ำ

“คุณจอมพล…เดี๋ยวใครก็เห็นหรอก” ผมปราม

“ห้องนอนกูใครจะกล้าเข้ามาถ้ากูไม่อนุญาตล่ะหืม?” เขาว่าพลางคลายอ้อมแขนออกก่อนจะถามกลับเสียงทะเล้น

“รู้มั้ยว่าวันนี้กูพามึงมาที่บ้านกูทำไม”

“บอกไม่รู้จะดูโง่ไปมั้ย? ผมรู้หรอกน่าว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณ”

“ใครบอกมึง?” คนตรงหน้าดูจะไม่เชื่อว่าผมรู้

“ก็พนักงานที่บริษัทเขาพูดกันให้หนาหูซะขนาดนั้นอีกอย่างหัวหน้าแผนกต่างๆ ก็เอาของขวัญมาให้คุณอีก ถ้าผมไม่รู้ก็ตาบอดหูหนวกแล้วล่ะครับ” ผมว่าก่อนเขาจะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับแบมือมาตรงหน้า

“อะไร?”

“ของขวัญกูล่ะ”

“ไม่มี”

“ได้ไง!!”

“ก็ผมเพิ่งรู้วันนี้นี่เลยไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้” โกหกชัดๆ เลยว่ะไอ้ภีม

“งั้นกูจะเอามึงตอนนี้แหละ” ว่าเสร็จก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง

“เฮ้ย! เดี๋ยว! ไม่เอา!!” ผมโวยวายพร้อมกับดิ้นจนจอมพลที่ทิ้งตัวผมลงบนเตียงกว้างของเขาเสร็จจะตามขึ้นมาคร่อมไว้

เข้าใจอยู่หรอกว่าหลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรกันอีกเลยแต่ก็อย่างว่าถึงไม่มีเรื่องพรรคนั้นแต่เขาก็ทั้งจูบ ทั้งหอม ทั้งกอด ผมจนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้วทั้งที่…เรายังไม่ได้ตกลงสถานะกันให้ชัดเจน

“ทำไม? ตัวมึงก็เป็นของขวัญให้กูได้กูไม่ถือ” เขายิ้มกริ่ม

“หยุดเลยนะคุณจอมพลคุณก็คิดแต่เรื่องเนี่ยตลอดเลย” ผมต่อว่า

“ก็มึงมันน่ารักนี่นา”

“เหอะ!” ผมสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทาง

คำป้อยอของจอมพลทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนเขาเองจะไม่พูดอะไรต่อจนความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว ทว่าสักพักผมกลับรู้สึกว่าคนด้านบนกำลังกลั้วหัวเราะ ผมจึงหันมาประจันหน้ากับเขาอีกครั้งและมันก็ใช่อย่างที่คิดจอมพลกำลังขำผมอยู่

“เฮ้อ…มึงไม่มีของขวัญให้กูไม่เป็นไรแต่กูมีอะไรจะให้มึง” เขาว่าพลางปล่อยให้ผมเป็นอิสระและลุกขึ้นนั่ง

“อะไรครับ?”

“ลุกมาดูเองสิ” ผมทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่ายก่อนมือหนาจะเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้พร้อมกับสวมเลสสีเงินเกลี้ยงที่ข้อมือผมเบาๆ

“กูขอสั่งให้มึงใส่ติดตัวไว้ตลอดห้ามถอดออกเป็นอันขาด” ผมมองลงไปตามสิ่งที่อีกคนเพิ่งจะสวมให้

เลสข้อมือเงินแท้หนาประมาณครึ่งนิ้วพอดีกับข้อมือของผมราวกับมันถูกทำขึ้นมาเพื่อผมอันนี้ยังไม่กระตุกหัวใจให้เต้นรัวเร็วได้เท่ากับข้อความที่สลักไว้ด้านบนเลยสักนิด

อักษรภาษาอังกฤษแบบหวัดสไตล์สวยสีเงินขุ่นที่สลักให้ต่างจากตัวเลสเผยข้อความที่มันสามารถทำให้คนรับหวั่นไหวและหัวใจพองโตได้เลยทีเดียว ทว่ามันกลับทำให้ผมรู้สึกทุกข์ผสมปนเปกับความตื้นตันจนไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ขึ้นมาแทน

'You’re Mine'

ประโยคที่ฉุดเอาหัวใจของผมกระตุกวูบก่อนที่ทุกอย่างในหัวจะตื้อไปหมดกระทั่งคนข้างหน้าจะเหยียดยิ้มถามกลับมา

“ชอบมั้ย” จอมพลมองผมด้วยแววตาที่ตอนนี้ยากจะรับเอาไว้เหลือเกิน

“ชะ…ชอบครับ” เสียงของผมสั่นจนเกือบจะเหมือนว่าผมกำลังร้องไห้อยู่ยังไงยั้งั้น

“ดีใจที่มึงชอบ”

“ขอบคุณครับ”

“เอาล่ะงั้นกูขออะไรอย่างหนึ่งแทนของขวัญแล้วกัน” ผมมองเขาที่ยื่นข้อเสนอมาก่อนจะพยักหน้า

“ยิ้มให้กูหน่อย”

“…”

“น่า…นิดเดียวเอง” ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้จนผมต้องหดคอหนีพลางใช้มือดันอกเขาเอาไว้

ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือไม่อยากทำ แต่ผมไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้ต่างหาก ตอนนี้หน้าผมกำลังร้อนผ่าวจนมันเกือบจะไหม้ได้แล้วมั้ง ผมจึงจำเป็นต้องเบรคการกระทำของเขาเอาไว้เสียก่อนเพื่อปรับสิ่งที่รับรู้ใหม่ทั้งหมด

จอมพลอ้อนผม? เขากำลังอ้อน…ผม

ผมมองแววตาที่ฉายอยู่บนใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ขัดเมื่อผมพยายามหยุดเขาเอาไว้ จอมพลถอนหายใจก่อนจะยืดตัวกลับทว่าผมกลับล๊อกท้ายทอยเขาเอาไว้พร้อมกับหอมไปที่แก้มซ้ายของเขาหนักๆ เสียหนึ่งทีก่อนจะตามไปด้วยรอยยิ้มที่ผมอยากจะมอบให้

“มึงกำลังยื่นเนื้อให้เสืออยู่นะภีม” คนตรงหน้ายิ้มออกเช่นกัน

“แต่วันนี้ผมหวังว่าคุณจะไม่กินเนื้อชิ้นนี้นะครับ” ผมปล่อยท้ายทอยของเขาและเขยิบออกมาตั้งหลัก

“แม่ง! กูทนจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ!” เขาสบถ

“เข้าห้องน้ำไปเลยครับ”

“ใจร้ายนะมึง”

“นี่ยังน้อยไปความจริงแล้วผม…ยังร้ายได้มากกว่านี้อีกนะครับ” ผมชะงักก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยกลับ

“หมายความว่าไง?” คนฟังสวนถามแต่มีหรือผมจะบอกให้เขารู้

อย่างน้อยตอนนี้…ยังไม่ถึงเวลา

“ไม่มีอะไรหรอกผมก็แค่พูดไปเรื่อย”

“มึงดูแปลกๆ นะมีอะไรอยากบอกกูหรือเปล่า” จอมพลถามจริงจัง

“ไม่มีครับ”

“แน่นะ?”

“ครับ” ผมยืนยันก่อนจอมพลจะล้มตัวลงนอนหนุนตักของผมเมื่อคลายสงสัย

“งั้นกูของีบหน่อย”

“อยากงีบก็นอนดีๆ สิครับ” ผมว่า

“แต่กูอยากหนุนตักมึงนี่ นั่งอยู่แบบนี้สักพักนะแล้ววันนี้กูจะไม่ขออะไรมึงอีกเลย” แค่นั้นแหละครับผมก็ไม่รู้จะงัดอะไรออกมาปฏิเสธจอมพลได้อีกเลย

ผมก้มมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับตาอยู่บนตักด้วยความอัดอั้น รู้ดีว่าสิ่งที่ผมกำลังทำมันไม่เป็นผลดีสำหรับเราทั้งสองคนเลยหากยังมีอีกเรื่องที่ผมตัดสินใจจะทำมันในวันนี้เช่นเดียวกัน

หวังไว้…ว่าเขาคงจะเข้าใจ

หวังไว้…ว่าผมคงไม่ทำให้เขาโกรธเกินกว่าที่เคยทำมา
:
:
:
ผมกับจอมพลเดินออกจากห้องนอนของเขาก่อนจะตรงไปยังห้องอาหารทันทีที่ป้านวลเดินขึ้นมาเรียก หญิงชราวัยหกสิบห้ายิ้มแก้มปริพร้อมทั้งอวยพรให้กับลูกชายคนโตเจ้าของบ้านในขณะที่คนตัวสูงเองก็ไหว้รับพรด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดียวกัน

“ลุงเติมล่ะครับป้านวล” เขาถามเมื่อสิ้นสุดพรจากอีกฝ่าย

“เอ่อ…ออกไปข้างนอกน่ะค่ะอีกเดี๋ยวก็คงกลับ” เธอเสมองมาทางผมเล็กน้อยอย่างประหม่า

ทุกคนในบ้านล้วนรู้ความจริงทั้งหมดว่าวันนี้น้องสาวของคนข้างๆ ผมกำลังจะกลับมา…ทว่าฝ่ายนั้นกลับห้ามไม่ให้ใครบอกจนกว่าเธอที่เพิ่งโทรมารายงานผมเมื่อกี้ว่าใกล้ถึงบ้านอีกกี่นาทีจะเป็นคนมาเฉลยเองพร้อมกับพ่อ    และแม่ของพวกผมที่บินตรงจากญี่ปุ่นด้วยการนี้โดยเฉพาะ

“งั้นเดี๋ยวป้ายกอาหารออกมาเลยดีกว่านะคะ”

“ครับ ภีมเองก็คงจะหิวแล้ว” จอมพลหันมาทางผม

“ผมยังไงก็ได้” ผมตอบพลางยิ้มส่งให้ป้านวลกลับไปก่อนเธอเดินหายเข้าไปยังหลังบ้าน

“แปลกนะ ทุกปีคนที่อวยพรวันเกิดกูก่อนจะเป็นลุงเติมตลอด” จอมพลว่าก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทานข้าว

“เขาคงไม่ว่างน่ะครับ” ผมเองก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา

“ลืมไปแล้วล่ะมั้ง”

“ทำเป็นน้อยใจไปได้แค่ลุงเขาไม่ได้มาอวยพรคนแรกเอง”

“ไม่ได้น้อยใจเพียงแต่วันนี้กูรู้สึกแปลกๆ” ผมชะงักก่อนจะค่อยๆ ถามกลับอย่างระแวง

“ยังไง?” จอมพลทำหน้าครุ่นคิดแต่แล้วเขาส้ายหัวกลับมา

“ไม่รู้สิ”

ผมถอนหายใจเหมือนโล่งอกเพราะกลัวว่าแผนการของจอมใจจะไม่สำเร็จ หากแต่ความจริงแล้วตัวผมเองนั่นแหละที่ยังไม่พร้อมจะทำเรื่องที่คิดเอาไว้ต่างหาก

ทำไมหัวใจของผมมันถึงได้ค่อยๆ ปวดร้าวขึ้นทีละนิดแบบนี้กันนะ? ยิ่งเวลาที่ผมสบตากับเขาที่มองมามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บและตื้อไปทั้งอก รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังถือทิฐิทั้งที่ใจหนึ่งของผมมันรักเขาเข้าให้แล้วแต่อีกใจหนึ่งมันกลับคอยบอกทุกวันว่าผู้ชายคนนี้จะต้องได้รับผลของการกระทำที่เคยก่อ และแน่นอนว่าผมตัดสินใจเลือกอย่างหลังเพราะถึงยังไงเรื่องของเราทั้งสองคนมันก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

จบกันแค่นี้ยังดีเสียกว่า…

“มาแล้วค่า…” เสียงของป้านวลดังขึ้นผลักให้ผมหลุดออกจากภวังค์ก่อนเธอและเด็กในบ้านอีกสองคนจะช่วยกันเดินถือจานชามที่บรรจุอาหารมากมายเข้ามาภายในห้อง

“ป้าครับทำไมทำเยอะขนาดนี้ล่ะ” จอมพลว่าเมื่อเห็นบรรดาอาหารทั้งคาวหวานมากมายถูกวางลงบนโต๊ะ

“ก็วันนี้วันเกิดคุณจอมพลทั้งทีนี่คะ” ป้านวลแก้ตัวเสียงเบา

“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเยอะขนาดนี้ก็ได้พวกผมทานกันแค่สองคนเอง” คนตรงหน้าบอกแม่บ้านอาวุโสไปก่อนป้านวลจะทำหน้าเลิ่กลั่กประจวบเสียงรถแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าบ้านของเขาพอดี

ถึงเวลานั้นแล้วสินะ…

“ใครมา?” จอมพลถามเมื่อผมลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปเปิดประตู

“ของขวัญวันเกิดของคุณน่ะครับ”

“ไหนมึงบอกไม่ได้เตรียม”

“เชื่อผมเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นยั่วเขากลับก่อนอีกฝ่ายจะลุกเดินตามมา

“ไอ้หมาดื้อเจ้าเล่ห์! นี่มึงกำลังเซอร์ไพร์สกูอยู่ใช่ม่ะ?” คนเดินตามหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นสุดๆ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นพร้อมกับผมที่เอื้อมมือออกไปดึงมันเพื่อเปิดออก

โป้ง!ๆๆๆ

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะพี่พล!!”

“จอมใจ!?” จอมพลเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองที่สวมขาเทียมแต่ยังคงต้องใช้ไม้พยุงและคนอื่นๆ ดึงพลุกระดาษในมือจนเกิดเสียงดังลั่น

“สุขสันต์วันเกิดนะลูกรัก” ใบหน้าอึ้งหันไปตามเสียงที่ได้ยิน

“แม่! พ่อ!” จอมพลตะโกนอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนลุงเติมที่เดินตามเข้ามาจะลากกระเป๋าเสื้อผ้าสองสามใบพลางส่งยิ้มมาให้

“มีความสุขมากๆ นะครับคุณจอมพล” เจ้าของวันเกิดไม่ได้สนใจคำอวยพรจากคนที่เขาเอาแต่พูดว่าจะต้องเป็นคนแรกของวันเลยสักนิดเพราะดวงตาคมคู่นั้นกลับมองไปยังกระเป๋าในมือของลุงเติมต่างหาก

“นี่กระเป๋าใคร?” จอมพลถามก่อนจอมใจที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะฉีกยิ้มแป้นให้พี่ชายตัวเอง

“ของฉันเอง”

“!!” ไม่รู้ว่าผมตาฝาดมั้ย แต่สีหน้าของคนที่เพิ่งจะรู้ความจริงกลับไม่มีความดีใจอยู่เลยสักนิดเดียว “มะ…หมายความว่า?”

“ฉันตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านของเราแล้ว”

“…”

“ดีใจมั้ยล่ะพี่พล” จอมพลไม่สน เขานิ่งอึ้งพลางหันมองมาทางผมด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกและอารมณ์มากมายจนผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจ้องผมไม่วางท่ามกลางหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอ่ยตอบเจ้าของสายตานี้กลับไปในที่สุด

“เป็นไงครับ? ชอบเซอร์ไพร์สของผมมั้ย…คุณจอมพล”
[End of Peam’s Part]



TBC....
-----------------------------------------
 :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ มะเหมียว17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.24 NC 100% [31/07/2560]
«ตอบ #97 เมื่อ31-07-2017 15:36:33 »

 :mew2: :mew2: ภีมเอ้ยยยยย... แล้วจะเป็นยังไงเนี่ย กับการตัดสินใจครั้งนี้
นอกจากตัวเองจะเสียใจ แล้ว ยังมีอีกคนที่เสียใจไม่แพ้กัน

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
«ตอบ #98 เมื่อ31-07-2017 18:42:25 »



CHAPTER 25



ภีมเดินเข้าไปหยิบเป้ของตัวเองท่ามกลางสายตานิ่งงันของทุกคนที่ตกอยู่ในความเงียบทันทีที่เห็นปฏิกิริยาและคำพูดของคนทั้งคู่ ร่างโปร่งเดินกลับออกมาพลันฉีกยิ้มให้กับร่างสูงที่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจระคนตัดพ้อก่อนจะหันไปกล่าวลาพ่อและแม่ของจอมพลอีกที

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ภีมยกมือไหว้

จอมพลมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยืนข้างๆ ตัวด้วยหัวใจที่บีบรัด ร่างสูงรวบหมัดกำไว้แน่นกระทั่งแม่ของเขาที่ดูเหมือนจะยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ออกจะถามอีกคนกลับ

“จะรีบไปไหนล่ะวันนี้วันเกิดตาพลทั้งทีแฟนอย่างเราจะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอ”

“ความจริงแล้วผมไม่ใช่แฟนของเขาหรอกครับ” จอมขวัญขมวดคิ้วมองภีมเมื่อร่างโปร่งบอกในสิ่งที่เคยสวมบทบาทไป

“กูขอคุยด้วยหน่อย” จอมพลฉวยมือของภีมก่อนจะออกแรงลากอีกฝ่ายเดินผ่านทุกคนออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน

“มึงเป็นอะไรไปภีม!?” ร่างสูงตะคอกถามทันทีที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน

“เป็นอะไรครับ?”

“มึงทำแบบนี้หมายความว่าไง!”

“ผมทำอะไร? ทุกอย่างที่ผมทำก็เป็นสิ่งที่ผมสัญญาว่าจะทำทั้งนั้น”

“!!” ร่างสูงชะงักไป จอมพลเบิกตามองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ก้อนความรู้สึกมากมายจุกขึ้นคอจนเหมือนคนกำลังจมน้ำที่พูดอะไรไม่ออกนอกเสียจากมองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาปวดร้าวเพียงเท่านั้น

“และผมก็ทำสำเร็จ”

“…”

“สัญญาของเราจบลงแล้วครับคุณจอมพล…ผมไม่มีอะไรติดค้างคุณอีกแล้ว” ร่างโปร่งว่าพลางหันหลังกลับ

“พูดหมาๆ!”

“…”

“แล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันคืออะไร! มันหมายความว่ายังไง!!”   ร่างสูงตะโกนกร้าว จอมพลไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร…ทุกอย่างที่คิดว่ากำลังเข้ารูปเข้ารอยกลับพังทลายลงตรงหน้าพร้อมกับความสุขที่ไขว่คว้าหามาได้หายไปในชั่วพริบตา

“จำได้มั้ยว่าตอนคุณข่มขืนผมครั้งแรกผมบอกกับคุณว่ายังไง?” ภีมเหยียดยิ้มที่มันสามารถทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดจนถึงขีดสุดออกมาก่อนจะเฉลยเมื่อคิดเอาไว้แล้วว่าจอมพลไม่น่าจะจำมันได้

“เมื่อไหร่ที่ผมเอาคืนอย่าลืมว่าเคยทำอะไรไว้”

“!!”

“จำได้แล้วใช่มั้ยครับ” ภีมว่าพลางแกะเลสข้อมือที่อีกฝ่ายให้กับเขามาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงและยื่นกลับไป “มันก็แค่ละครฉากหนึ่งไม่คิดว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้…เอาคืนไปเถอะครับผมไม่ต้องการ”

จอมพลมองภีมด้วยความรู้สึกจุกเสียดไปถึงขั้วหัวใจ ร่างสูงเงยหน้าสบถถ้อยคำว่าร้ายสารพัดออกมา น้ำเสียงดิบเถื่อนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดส่งผ่านไปยังคนตรงหน้าให้สะอึกทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายแสดงออกมาแบบนั้น

ไม่ใช่ไม่เจ็บ…เพียงแต่ร่างโปร่งคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด

คนอารมณ์ร้อนหันกลับมาจ้องภีมอย่างเอาเรื่องอีกครั้งก่อนจะตรงเข้าขยำปกเสื้ออีกฝ่ายพลางหิ้วขึ้นอย่างไม่ออมแรง

“มึงกล้าทำกับกูได้ยังไงห๊ะภีม!? กูคิดว่าเราเข้าใจกันแล้วแต่มึง! มึงมันแม่งโครต!...”

พลั่ก!

ร่างสูงออกแรงผลักภีมล้มลงไปกองกับพื้นจนเลสที่ถืออยู่หลุดกลิ้งไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของจอมพล คนผิดหวังก้มลงเก็บมันขึ้นมามองตัวอักษรภาษาอังกฤษตรงหน้าพลางเค้นยิ้ม

You’re Mine…คำๆ นี้คงไม่มีความหมายสำหรับภีมวิทธิ์อีกต่อไป

มือหนารวบกำเลสในมือเอาไว้แน่นก่อนจะหักและขว้างไปยังคนบนพื้นอย่างไม่ใยดี ร่างโปร่งรีบเบี่ยงหลบพลันทุกคนที่ยืนมองจากประตูบ้านก็รีบตรงเข้ามาห้ามเมื่อเหตุการณ์ดูจะเลวร้ายลงไปทุกชั่วขณะ

“นี่มันเรื่องอะไรห๊ะตาพล!?” จอมขวัญคว้าแขนลูกชายตัวเองเอาไว้ประจวบกับทิชาที่รีบปรี่เข้าไปช่วยพยุงพี่ชายตัวเองให้ลุกขึ้น ภีมมองหน้าน้องสาวตัวเองที่มองมาอย่างไม่สู้ดีนักพลางเอ่ยตัดบทเมื่อไม่อยากอยู่ที่นี่อีก

“พี่กลับก่อนนะทิชาถ้าเธอจะอยู่ต่อก็อย่ากลับดึกนักล่ะ” ว่าเสร็จภีมก็หันหลังให้ทุกคนทันที

“เดี๋ยว! เธอยังไปไหนไม่ได้” จอมขวัญห้ามคนที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้านของตัวเอง ภีมยอมหันกลับมาก่อนจะมองไปยังอีกฝ่ายหน้านิ่ง

“นี่มันเรื่องอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้” แม่ของร่างสูงถามเสียงดุ

“ผมไม่ใช่แฟนของลูกชายคุณ เรื่องทั้งหมดวันนั้นแค่ละครฉากหนึ่งที่ผมร่วมแสดงด้วย ส่วนเรื่องอื่นถ้าคุณอยากรู้รบกวนถามลูกชายของคุณเองเถอะครับ” ภีมบอกเพียงเท่านี้พลันตัดสินใจเดินหายออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไป

จอมขวัญหันมองหน้าลูกชายตัวเองอย่างคาดคั้นในขณะที่ร่างสูงกำลังดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึกมืดบอดจนหาที่สุดไม่ได้ สายตาปวดร้าวมองแผ่นหลังของคนที่ก้าวเท้าเดินออกจากบ้านของตัวเองไปด้วยความรู้สึกบาดลึกไปทั้งอก มือหนาของจอมพลรวบกำหมัดไว้แน่น บีบเค้นมันให้สมกับความรู้สึกของตัวเองไม่ต่างอะไรกับร่างโปร่งที่พอพ้นอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ออกมาน้ำตามากมายของเขาที่พยายามกลั้นมันเอาไว้ก็พรั่งพรูจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่

ภีมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ข้างประตูรั้วอย่างบ้าคลั่ง ลาดไหล่ของเขาสั่นเทาไปตามแรงสะอื้นจนคล้ายกับกำลังจะขาดใจ มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าอกของตัวเองด้วยความรู้สึกปวดร้าวในขณะที่อีกมือหนึ่งเขาใช้มันเพื่อปิดปากห้ามเสียงร้องไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยิน

น้ำตาของการสิ้นสุดเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา…

น้ำตาที่ไม่อาจชะล้างอะไรให้ทุเลาลงได้เลย ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจมากกว่าเดิม

ผมขอโทษคุณจอมพล…ขอโทษจริงๆ เสียงพร่ำบอกภายในใจของภีมจากตรงนี้ไม่อาจทำให้อีกคนที่รู้สึกเจ็บจนแทบกัดหนองไม่แพ้กันให้รับรู้ได้เลย…
:
:
:
งานเลี้ยงที่ยังไม่ได้เริ่มกร่อยลงเมื่อภีมทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วจากไป ทุกคนในบ้านพากันเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องรับประทานอาหารหากแต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปนอกเสียจากจะเดินตามร่างสูงกำยำไปยังห้องรับแขกพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาพลางจ้องไปยังใบหน้าคมคายที่ตอนนี้มันกลับฉาบไว้ด้วยความอัดอั้นปะปนกับความเสียใจที่ฉายชัดออกจากแววตาคมคู่นั้นออกมา จอมพลใช้มือหนาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคิดหนักก่อนจะบีบขมับตัวเองกระทั่งผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวถามออกไปในที่สุด

“เรื่องมันเป็นยังไงบอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะตาพล” เสียงทรงอิทธิพลที่น้อยครั้งนักจอมขวัญจะใช้มันกับคนในครอบครัวเว้นซะแต่เวลาที่เธอทำงานฉุดให้จอมพลที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมาพลางถอนหายใจหนักขณะที่ทุกคนได้แต่เงียบเพื่อรอสิ่งที่เขาจะพูด

“ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม” เสียงทุ้มเคล้าแหบแห้งที่ดังออกมาอย่างเรียบนิ่งสะท้อนไปถึงความรู้สึกที่อีกคนมีได้อย่างชัดเจน

“ผิด? แกผิดยังไง?”

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผมแก้แค้นเขา”

“แก้แค้น!?”

“…”

“แกแก้แค้นภีมเรื่องอะไร!!” จอมขวัญขึ้นเสียงเสียจนจอมเดชที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องรวบมืออีกฝ่ายเอาไว้เพื่อช่วยผ่อนอารมณ์

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ประดับไปด้วยโคมไฟหรูภายในบ้าน ภาพคืนวันเก่าๆ มากมายไหลออกจากห้วงความทรงจำฉุดให้ร่างสูงที่ทำอะไรไว้กับอีกฝ่ายให้หวนนึกถึง มันทั้งโหดร้าย ดิบเถื่อน และล้วนแต่เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย เข้าใจ…พยายามเข้าใจแต่ตอนนี้สมองกับหัวใจมันกลับไม่ไปทางเดียวกัน

ดวงตาคมเคลื่อนไปยังจอมใจที่ได้แต่นั่งเงียบขณะที่ข้างๆ เธอยังคงมีน้องสาวของอีกฝ่ายที่ยังไม่กลับไปไหนยิ่งตอกย้ำเรื่องราวเหล่านั้นให้ร่างสูงไม่อาจหนีความจริงที่ว่าเขาเป็นคนผูกเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นได้เลย

“บอกแม่มาให้หมด!!” คนเป็นแม่สั่งเด็ดขาดเมื่อลูกชายยังเงียบ

จอมพลถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะยอมเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเห็นเลขาฯ คนใหม่ของเพื่อนสนิทอย่างราชันย์และบังเอิญว่าผู้ชายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันกับคนที่เขาเคยเข้าใจว่าเป็นสาเหตุทำให้จอมใจประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียขาขวาไป

ร่างสูงเล่าทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กขณะที่ทุกคนที่นั่งฟังต่างก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมาราวกับไม่เชื่อหูถึงการกระทำที่เขาเคยทำเอาไว้กับภีม หนักสุดคงหนีไม่พ้นจอมขวัญที่ถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะรู้สึกสงสารร่างโปร่งอีกคนจับใจ

“แม่ไม่เคยสอนให้แกทำร้ายคนอื่น”

“…”

“แกทำแบบนี้ได้ยังไงห๊ะตาพล!? ทำได้ยังไง!” จอมขวัญสะอื้นไห้หมายจะตรงเข้าตีลูกชายให้หลาบจำ ทว่าจอมเดชกลับห้ามภรรยาเอาไว้ก่อนผู้เป็นพ่อจะเป็นฝ่ายตรงเข้ากระชากคอเสื้อลูกชายตัวเองให้ยืนขึ้นพลางตวัดฝ่ามือฟาดลงบนเสี้ยวหน้าด้านซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง

“วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก! ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนั้นห๊ะไอ้ลูกไม่รักดี!” คนเป็นพ่อตะโกนใส่หน้าลูกชายตัวเองอย่างอัดอั้น จอมเดชไม่เคยคิดว่าลูกที่ตัวเองฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างดีจะร้ายกับภีมวิทธิ์ได้ถึงขนาดนี้

“พ่อ! อย่าค่ะ! อย่าทำพี่พลจอมขอร้อง!” จอมใจพรวดพราดลุกขึ้นห้าม

หญิงสาวจับข้อมือที่เงื้อขึ้นของจอมเดชเอาไว้ก่อนจะหันไปหาพี่ชายที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง ทิชาที่เห็นท่าไม่ดีรีบลุกขึ้นช่วยพยุงจอมใจที่เซจนเกือบจะล้มเพราะยังไม่ถนัดกับขาเทียมที่ใส่อยู่ ทั้งสองฝ่ายยื้อยุดกันไปมากระทั่งเสียงจากผู้เป็นแม่จะเป็นฝ่ายฉุดให้เหตุการณ์ตรงหน้าชะงักลง

“แม่ผิดหวังในตัวแก”

“…”

“ผิดหวังจริงๆ”

จอมพลหันกลับมาพลางมองไปยังแม่ของตัวเองที่ร่ำไห้ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาพร้อมกับเอ่ยบางอย่างจากใจออกมา

“ผม…ขอโทษ” ร่างสูงว่าพร้อมพนมมือหมายจะกราบแต่แล้วเสียงจากจอมขวัญกลับฉุดการกระทำนี้เอาไว้เสียก่อน

“คนที่แกควรขอโทษคือภีมวิทธิ์!”

“…”

“กลับไปขอโทษเขาและพาเขากลับมาซะ!”

“แต่ผมกับภีมตกลงกันแล้วว่าเมื่อไหร่ที่จอมใจยอมกลับมาอยู่ที่บ้านเมื่อนั้นทุกอย่างคือจบ” จอมพลปฏิเสธอย่างยอมแพ้แม้ว่าใจจริงเขาไม่ได้เห็นด้วยกับสัญญานี้ตั้งแต่แรกแต่เพราะตอนนั้นภีมเอาความอยากรู้ของเขามาเป็นข้อต่อรองเขาจึงยอมเซ็นต์เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำมันสำเร็จได้แน่ๆ

ซึ่งจอมพลสบประมาทภีมเกินไป…

“อย่าทำเป็นอวดดี! ถามใจแกเองหรือยังว่าอยากจบกับเขาหรือเปล่า!”

“!!” ร่างสูงนิ่งอึ้ง

จอมพลมองหน้าจอมขวัญในขณะที่ทุกคนในห้องต่างก็มองเธอกลับอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

“ฉันรู้ว่าแกรักเขาถ้าแกยอมรับผิดกับสิ่งที่เคยทำไปและยอมรับสิ่งที่จะตามมาหากเขาไม่ยอมให้อภัยแกได้ล่ะก็ ไปขอโทษภีมเขาซะ”

“แต่…” ร่างสูงอึกอัก ไม่ใช่ไม่อยากไปเพียงแต่ตอนนี้จอมพลกำลัง…

“กลัว?” จอมเดชเอ่ยถามลูกชายตัวเองกลับ

ร่างสูงหันมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดออกมา จากที่เคยแน่วแน่ แข็งกร้าวเพราะต้องบริหารคนทั้งบริษัทกลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาของคนที่สิ้นหวังจนถึงขั้นเมื่อมองลึกเข้าไปอีกก็พบกับความหมดหวังกำลังฉายชัดขึ้นมาเรื่อยๆ

“ยอมรับว่าตอนนี้ผมกลัวจริงๆ” จอมพลเอ่ยเสียงอ่อน

“เป็นผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ! แกทำเขาก็ต้องรู้จักขอโทษแม้ว่าเขาจะไม่ให้อภัยก็จงใช้ใจของแกลบล้างสิ่งเหล่านั้น!!” จอมเดชเอ็ดกลับ

“…”

“เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย!?”

“ผมเข้าใจแต่ไม่ใช่วันนี้”

“ทำไม?”

“ขอเวลาให้ผมได้ตั้งหลักสักพัก มีหลายเรื่องที่ผมต้องใช้ความคิด ผมรักมันนั่นคือเรื่องจริงแต่ผมกลัวว่ามันจะไม่รักผม…แค่ยังไม่พร้อม” ร่างสูงถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินไปทางบันไดขึ้นชั้นบนของบ้านทันที

ทุกคนมองตามแผ่นหลังกว้างของจอมพลด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย แต่ด้วยเรื่องที่คนเป็นลูกทำลงไปทำให้จอมขวัญและจอมเดชเลือกที่จะไม่รั้งหรือปลอบประโลมแต่อย่างใดเพราะอยากจะให้ร่างสูงคิดและเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ทว่าก่อนที่จอมพลจะก้าวเท้าข้ามบันไดขั้นที่สามขึ้นไปคนข้างๆ ของจอมใจก็ตัดสินใจพูดออกมา

“พี่ไม่ต้องกลัวว่าพี่ภีมจะไม่รักพี่หรอก” ทิชาว่าก่อนคนที่กำลังจะขึ้นชั้นบนไปจะหันกลับมาพลางถามอย่างสงสัยในคำพูดของอีกคน

“หมายความว่าไง”

“ฉันรู้ว่าพี่เองก็รู้สึกแบบนั้นเพียงแต่พี่ไม่กล้าตัดสินว่าพี่ภีมเองก็รักพี่เหมือนกัน แต่ฉันยืนยันได้ว่าพี่ภีมเขาคิดแบบนั้นที่เหลือก็อยู่ที่ตัวพี่เองแล้วล่ะว่าจะทำให้พี่ภีมหายโกรธได้ยังไง” ทิชายิ้มให้กำลังใจก่อนจอมพลที่พอรู้เรื่องนี้เข้าโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจะยิ่งทวีโทษตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

ร่างสูงเหยียดยิ้มกลับไปให้อีกคนหากแต่รอยยิ้มนี้มันกลับเศร้าเคล้าสมเพชตัวเองที่ไม่สามารถรักษาอีกคนที่รักเอาไว้ได้

ไม่ใช่เพียงผู้บริหารที่มีอำนาจกับลูกน้องทุกคนแต่จอมพลยังเป็นผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่งที่พอรู้ตัวทุกอย่างก็ดูจะสายเกินไปเสียแล้ว…



TBC....
-----------------------------------------
ไงล่ะจอมพล? เปลี่ยนจากเสือเป็นแมวหงอยเลยทีเดียว
เอาล่ะ อีกไม่กี่บทก็จบแล้วนะคะ

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
«ตอบ #99 เมื่อ31-07-2017 19:02:44 »

พยายามหน่อยสิจอมพล
เจ็บก้อต้องทน
ทำเค้าไว้เยอะ
ให้เค้าเอาคืนหน่อย
เดี๋ยวก็ดีเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
« ตอบ #99 เมื่อ: 31-07-2017 19:02:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
«ตอบ #100 เมื่อ31-07-2017 21:14:34 »

ภีมจะใจอ่อนมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
«ตอบ #101 เมื่อ31-07-2017 21:29:20 »

ไม่สะใจเลย
น่าจะโดนมากกว่านี้
เฮ้อ

รอตอนต่อไปจ้ะ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #102 เมื่อ01-08-2017 08:52:32 »


CHAPTER 26



ร่างสูงพลิกตัวบนเตียงเป็นรอบที่ร้อยแปดหลังจากเอาแต่นอนติดแหงก อยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์จนตอนนี้ปาเข้าไปเช้าวันจันทร์แล้วแต่เขาก็ยังคงไม่คิดจะลุกออกไปไหน จอมพลเหม่อมองขึ้นไปบนเพดานที่มีโคมไฟสีชาทรงระย้าห้อยลงมาจนมันแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หากเทียบว่าการที่เขามองอยู่นั้นสามารถสร้างรอยร้าวให้มันได้ เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่ถูกวางไว้บนหัวเตียงไม่สามารถดึงเอาความสนใจของเขาได้เลยเมื่อคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เธอคนนั้นคือรสรินที่เขาก็พอจะนึกออกว่าที่อีกฝ่ายกระหน่ำโทรมาคงหนีไม่พ้นเรื่องเอกสารที่เขาต้องเซ็นต์เป็นแน่

จอมพลถอนหายใจแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังกลบเสียงทุกอย่างภายในห้องนอนที่ไม่ได้นอนมานานหลายอาทิตย์ ใบหน้าคมฉายความคิดมากที่ปิดไม่มิดออกมาจากดวงตาสีดำสนิทและหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมท่ามกลางเสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ยังคงดังติดๆ กันมาราวๆ รอบที่เจ็ดของเช้าได้แล้ว

ร่างสูงเสมองไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำขลับอยู่สักพักก่อนที่เสียงของมันจะเงียบหายไปหากแต่ไม่ทันไรมันกลับแทนที่ด้วยเสียงกระหน่ำทุบประตูห้องนอนของเขาจากคนเป็นน้องสาวที่เพิ่งกลับจากนั่งรถไปส่งพ่อและแม่ที่สนามบินแทนพี่ชายที่เอาแต่นอนอดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องกว่าสองวันสร้างความไม่พอใจให้กับร่างสูงเจ้าของห้องอยู่ไม่น้อย

ปังๆๆๆ!!

“พี่พลตื่นหรือยัง!?”

ปังๆๆๆ!!

“พี่พลเปิดประตูให้ฉันหน่อย!”

“มีอะไรใจ?” ร่างสูงเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าแข็งกร้าวทว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้นึกขอโทษกับสิ่งที่เธอทำเลยสักนิด

“มัวทำอะไรอยู่ทำไมพี่ถึงไม่รับสายพี่ริน!?” จอมใจโวยในขณะที่มือของเธอยังถือโทรศัพท์อยู่เนื่องจากรีบสาวไม่เท้าค้ำยันมายังห้องของจอมพลทันทีที่เธอเพิ่งจะถึงบ้าน

“ขี้เกียจ”

“เหตุผลโครตจะดีเลย! แล้วรู้มั้ยว่าพี่รินเขาโทรมาเรื่องอะไร?”

“…”

“พี่ภีมยื่นใบลาออก!”

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบด่วนตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อเป็นการตัดขาดจากเขาได้ถึงขนาดนี้

“รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่พี่ทำก็เพราะฉันเป็นต้นเหตุ! แต่จะมัวนอนรอเวลาแบบนี้ไม่ได้แล้วนะถ้าพี่รักพี่ภีมจริงก็รีบไปเคลียร์กับเขาเถอะ” จอมใจเอ็ดเสียงดัง

“แล้วรสรินได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นมั้ย!?” จอมพลรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

“บอกแค่ว่าของทุกอย่างบนโต๊ะพี่ภีมในห้องของพี่ก็ถูกเก็บไปหมดแล้วพี่ภีมน่าจะเข้าไปที่บริษัทแต่เช้า”

“แม่งเอ้ย!” ร่างสูงสบถออกมาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับรีบเร่งจัดการทำธุระส่วนตัว

“ให้ฉันไปช่วยพูดให้มั้ย” จอมใจที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องน้ำตะโกนถามคนข้างใน

“ไม่ต้องพี่จะเป็นคนแก้เอง” จอมพลตะโกนตอบออกมา

“มีไรให้ช่วยก็บอกแล้วกันอย่างน้อยเรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด”

“งั้นช่วยไปบอกลุงเติมให้ช่วยเตรียมรถให้พี่ที”

“โอเคฉันจะรีบไป”

:
:
:

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จร่างสูงก็รีบสาวเท้าเดินมายังรถที่ถูกขับมาจอดรอหน้าประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อยทันที จอมใจเดินออกมามองพี่ชายตัวเองอย่างให้กำลังใจก่อนร่างสูงจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งยังที่ของคนขับพร้อมกับติดเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปยังคอนโดของภีมด้วยความรุ่มร้อนไปทั้งอก

[คุณจอมพลคะ! รินพยายามโทร!...]

[เรื่องที่ภีมยื่นใบลาออกคุณอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น] ร่างสูงที่ต่อสายหาพนักงานฝ่ายบุคคลคนสนิทเอ่ยขัดอีกฝ่ายที่ดูจะกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่

[ดะ…ได้ค่ะ ละ…แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้คุณจอมพลอยู่ไหนคะ?] รสรินทำใจกล้าถามกลับ

[ผมกำลังจะไปทำธุระคุณมีอะไรอีกหรือเปล่า]

[คือ…] ปลายสายที่ดูเหมือนมีอะไรอยากบอกอึกอักที่จะพูด

[ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบไปทำงานต่อเถอะ] จอมพลตัดบท

[ดะ…เดี๋ยวค่ะ! เดี๋ยว!]

[…]

[ถ้าธุระที่คุณบอกมันเกี่ยวกับน้องภีมล่ะก็…รินแค่อยากจะบอกว่ารินเอาใจช่วยคุณนะคะคุณจอมพล]

[…]

[มีเรื่องอะไรกันรินขอให้คุณทั้งสองคนเคลียร์กันให้ได้นะคะ] รสรินให้กำลังใจเพราะเธอรู้ดีว่าร่างสูงและเลขาฯ ของเขามีอะไรมากกว่าการเป็นเพียงเจ้านายและลูกน้อง

[ขอบใจแล้วผมจะพยายาม] จอมพลกดวางสาย

ร่างสูงใช้เวลาขับรถมาจนถึงคอนโดของภีมเพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จอมพลรัวนิ้วกดให้ลิฟท์ลงมาหาก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปทันทีที่ห้องสี่เหลี่ยมเหล็กนี้เปิดประตูรับ นิ้วเรียวกดไปยังเลขแปดชั้นที่ร่างโปร่งอยู่ ร่างสูงที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนสบถออกมาอย่างเร่งรีบเมื่อการเคลื่อนที่ของลิฟท์ก็ดูจะช้าไปสำหรับเขา กระทั่งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกจอมพลก็พุ่งตัววิ่งไปยังหน้าห้อง 804 มือหนารีบล้วงเอากุญแจห้องของอีกฝ่ายออกจากกระเป๋ากางเกงแต่แล้วสายตาของเขาก็กระทบเข้ากับแม่กุญแจอันใหญ่ที่ถูกคล้องและปิดล็อกเอาไว้จากทางด้านนอก

ไม่มีใครอยู่ข้างใน…หมายความยังไง? ภีมไปไหน?

จอมพลเปลี่ยนเป็นล้วงโทรศัพท์ออกมาแทนก่อนจะต่อสายถึงร่างโปร่งที่เขาอยากจะมาเคลียร์ปัญหานี้ด้วยตัวเองทว่า…

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…Sorry there are no signs of acceptance from the number...

ร่างสูงลองกดโทรอีกครั้งแต่เสียงที่ได้ยินก็ยังคงเป็นเสียงเดิม จอมพลทิ้งความสงสัยนี้ไว้ก่อนจะรีบลงไปข้างล่างเพื่อหมายจะตรงไปยังรถของตัวเอง

“คุณครับ! เดี๋ยวครับหยุดก่อน!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องของพนักงานประจำคอนโดชั้นล่างก่อนร่างสูงจะหันไปพลันให้ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบต้นๆ รีบเดินตรงมาหาเขา

ใช่สิ! ร่างสูงจำได้ว่าคนนี้คือคนที่ให้กุญแจสำรองห้องภีมกับเขาในตอนที่เขาทำเป็นอ้างว่าภีมไม่สบายเพราะอยากแอบเข้าไปในห้อง

“คุณคือแฟนของคุณภีมใช่มั้ยครับ? คนที่เคยขอกุญแจสำรองห้องเขาจากผม?” คนตรงหน้าเอ่ยถามร่างสูงไป

“ใช่ครับมีอะไรหรือเปล่าพอดีผมกำลังยุ่ง” จอมพลหาทางตัดบทเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมาขอความช่วยเหลือจากเขาซึ่งตอนนี้เขาไม่ว่างทำให้จริงๆ

“พอดีคุณภีมเจ้าของห้องเขาฝากของคืนคุณน่ะครับ”

“ของ?”

“ครับอยู่ในห้องเดี๋ยวผมเอามาให้” ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่ร่างสูงเคยใช้มันเพื่อขนของและเสื้อผ้ามากมายมาอยู่กับร่างโปร่งที่นี่

“นี่ครับ” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็ยื่นกระเป๋าเดินทางใบนั้นให้อีกคน

จอมพลมองกระเป๋าของตัวเองด้วยความรู้สึกตื้อขึ้นมาจนจุกอยู่เต็มอก ร่างสูงรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยที่ภีมทำแบบนี้เพราะแม้แต่ของของเขาร่างโปร่งยังไม่ยอมเก็บไว้ในห้องเลยยังงั้นเหรอ?

“ขอบคุณครับ” จอมพลเอ่ยกลับไม่เต็มเสียง

“เอ่อ…คืออย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องพวกคุณเลยนะครับ” คนตรงหน้าตัดสินใจถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของจอมพล “พวกคุณมีปัญหากกันเหรอครับถึงขนาดจะประกาศขายห้องเลยทีเดียว”

“อะไรนะครับ!? ขายห้อง?” ร่างสูงถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู

“ครับคุณภีมมาติดต่อทำเรื่องไว้เมื่อวาน…คือผมเองก็มีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกันน่ะครับผมเลยอยากจะบอกว่าค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันดูเพราะความรักแบบพวกเรามันไม่ง่าย ใจเย็นๆ เดี๋ยวเราก็เห็นทางออกเองแหละครับ” พนักงานชายว่าพลางยิ้ม

“ผมเข้าใจครับเพราะเขาเองก็เป็นคนรักผู้ชายคนแรกของผมเหมือนกัน” จอมพลยอมรับว่ามีปัญหารักอยู่กรายๆ ก่อนจะหันไปถามพนักงานหนุ่มอีก “ว่าแต่ที่คุณบอกว่าภีมทำเรื่องไว้เมื่อวานคือเขาอยากจะให้ทางคุณลงประกาศขายให้เหรอครับ”

“ครับแต่ผมยังไม่ได้ทำอะไร” เขาบอก

“งั้นผมจะซื้อมันไว้เองแต่คุณอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเขานะครับ” จอมพลตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดเดี๋ยวนั้นเลย

“ดะ…ได้ครับผมจะจัดการให้”

“แล้วผมจะติดต่อมาขอตัวก่อน” ร่างสูงพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบวิ่งออกจากคอนโดตรงไปยังรถของตัวเองพร้อมกับต่อสายถึงราชันย์เพื่อสอบถามถึงเมียของฝ่ายนั้นแต่แล้วสิ่งที่เขาคิดไว้ก็ต้องสลายเมื่อเพื่อนรักอย่างราชันย์กลับบอกว่าแฟร์อยู่กับเขาตลอดเวลาและภีมเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาแฟร์ได้สักพักแล้ว

จอมพลวางสายพลางกัดฟันแน่นร่างสูงนั่งใช้ความคิดเสียจนหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมยิ่งขดติดกันเข้าไปอีก มือหนาลูบไปตามหน้าจอโทรศัพท์ขณะที่อีกมือหนึ่งก็เคาะบนพวงมาลัยไปมาด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ กระทั่งความคิดหนึ่งแล่นเข้าหัวของเขาอย่างจังจอมพลจึงรีบต่อสายถึงน้องสาวตัวเองเพื่อขอให้ฝ่ายนั้นสอบถามไปยังทิชาทันที

[ว่าไง?] ร่างสูงถามเมื่อจอมใจที่รับหน้าที่โทรหาทิชาโทรกลับมา

[ทิชาบอกว่าไม่ยะ!...]

[เป็นไปไม่ได้! ถ้ายังงั้นแล้วมันจะไปอยู่ที่ไหนวะ!!]

[พี่พลฟังฉันก่อน!] ปลายสายตะโกนว่าเมื่อจอมพลไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด

[ทิชาบอกว่าไม่อยู่แต่ฉันคิดว่าพี่ภีมต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ เพราะทิชาอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบคำถามของฉันเหมือนขอไปทีแถมยังรีบวางสายอีกต่างหาก] จอมใจบอกเมื่อสงสัย

[งั้นพี่ขอที่อยู่บ้านเขาหน่อย] จอมพลไม่รอช้าวานกลับ

[ได้เดี๋ยวแชร์โลเคชั่นไปให้]

[งั้นแค่นี้นะ]

[เค]

ร่างสูงนั่งรอกระทั่งจอมใจส่งที่อยู่ของทิชามาให้ จอมพลขับเคลื่อนตัวรถออกจากลานจอดของคอนโดก่อนจะขับมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ ตัวรถหรูวิ่งผ่านถนนสายยาวร่วมครึ่งชั่วโมงก่อนจะเลี้ยวเข้าในซอยที่เต็มไปด้วยตึกแถวขนาบทั้งสองข้างทาง จอมพลหยุดรถเมื่อเห็นทิชากำลังกวาดฝุ่นหน้าตึกแถวล็อกหนึ่งอยู่ร่างสูงไม่รอช้ารีบดับเครื่องก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและสาวเท้าเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ก้มๆ เงยๆ เพื่อหยิบเอาสายยางที่พันกันไว้ออกมาหมายจะรดน้ำต้นไม้กระถางเล็กหน้าบ้านของตน

“พี่ชายเธออยู่ไหน” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาลูกสาวเจ้าของบ้านถึงกับปล่อยสายยางให้มือและอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คุณ!?” ทิชาเบิกตาเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ฉันถามว่าพี่ชายเธออยู่ไหน?” ร่างสูงถามย้ำอีกฝ่ายกลับไป

“คุณมาผิดที่แล้วพี่ภีมไม่ได้อยู่ที่นี่!” หญิงสาวทำท่าว่าจะเดินหนีเข้าไปในบ้านทว่าแขนเล็กของเธอกลับถูกมือหนาของจอมพลคว้าเอาไว้เสียก่อน

“โกหก”

“ไม่ได้โกหก”

“แล้วนั่นรองเท้าใคร”

“!!” ทิชาหน้าเสียเมื่อดวงตาคมของจอมพลจับจ้องไปยังรองเท้าหนังยี่ห้อดังที่วางไว้ข้างๆ ประตูเข้าบ้าน

“เขาอยู่ที่ไหน?” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเย็นอีกครั้ง

“ฉันไม่รู้!”

“ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้!”

“…” หญิงสาวชะงักเมื่อถูกคนตรงหน้าขึ้นเสียงใส่ จอมพลเสยผมอย่างโมโหตัวเองที่ไม่เก็บอารมณ์ให้ดีกว่านี้ก่อนร่างสูงจะถอนหายใจเอ่ยเสียงเรียบ

“ขอโทษแต่ขอร้องล่ะ…คิดเสียว่าเห็นแก่ฉันเถอะไม่ว่าพี่ชายเธอจะห้ามไม่ให้เธอบอกอะไรก็ตามแต่ช่วยบอกฉันทีว่าเขาอยู่ที่ไหน” เสือที่เคยแน่กลับแพ้ให้กับภีมวิทธิ์อย่างราบคาบ จอมพลไม่เคยอายแม้เขาต้องพูดจาอ้อนวอนคนอื่นเพื่อให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนเพราะสำหรับเขาแล้วภีมคือคนที่ทำให้เขายอมทำทุกอย่างได้โดยไม่มีข้อแม้

“เฮ้อ…ขอโทษที่ต้องทำเป็นไม่รู้นะคะแต่ฉันถูกพี่ภีมเขาขอไว้จริงๆ” คนตรงหน้าใจอ่อนยอมคายเรื่องที่อีกฝ่ายอยากรู้ออกมาทันใด

“ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ”

“พี่ภีมเขากลับมาอยู่ที่นี่ได้สองวันแล้วค่ะ” ทิชาเว้นช่วงไว้นิดก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่”

“ไม่อยู่!? หมายความไง?” จอมพลสวนกลับทันควัน

“เพราะเขาออกไปทำงานแล้วค่ะ”

“ทำงาน?”

“เป็นครูสอนเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่น่ะค่ะบ้าน 'อิ่มสุข' คุณเคยได้ยินหรือเปล่า” ร่างสูงพยักหน้ารับเพราะบ้านอิ่มบุญที่ว่าห่างจากที่นี่ไม่มาก

“ถ้าไปก็เจอเขาที่นั่นแหละค่ะ”

“ขอบใจมาก” พูดเสร็จร่างสูงก็หันหลังกลับรีบสาวเท้าเดินไปยังรถก่อน ทิชาที่มองแผ่นหลังของจอมพลด้วยแววตาสงสารเคล้าเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากจะตะโกนเรียกให้เขาหันกลับมา

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณจอมพล!” ร่างสูงชะงักฝีเท้าพร้อมหันกลับ

“สู้ๆ นะคะ” หญิงสาวกำมือทำถ้าฮึบพลังส่งให้

“คราวหลังไม่ต้องเรียก คุณ นะเรียก พี่ ก็พอ” ร่างสูงพยายามเหยียดยิ้มกลับหน่อยๆ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปทันที



มีต่อค่ะ....

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #103 เมื่อ01-08-2017 08:53:18 »

ต่อค่ะ...



ร่างสูงจอดรถข้างทางก่อนจะลงมายืนชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในเนื่องจากด้านหน้าของบ้านอิ่มบุญถูกปิดกั้นด้วยประตูรั้วที่สูงกว่าสองเมตร    หนำซ้ำสภาพข้างในที่เงียบสงัดจนคล้ายกับว่าไม่มีใครอยู่จนเกือบจะเป็นเหตุให้จอมพลนึกก่นด่าทิชาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลอกให้เขามาที่นี่หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเสียก่อน

“มีธุระอะไรที่นี่เหรอจ้ะพ่อหนุ่ม” หญิงชราวัยหกสิบสี่ปีเจ้าของเรือนผม   สีดำประบ่าเหลือบสีขาวของงอกที่มักจะมีให้เห็นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยบั้นปลายถามขึ้นหลังจากที่เธอเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่ธนาคารไม่ไกลจากบ้านมากนัก

“คือ…ผมมาหาภีมน่ะครับ” จอมพลยกมือไหว้อีกฝ่ายกลับ

“เป็นเพื่อนเขางั้นเหรอ?”

“เอ่อ…จะว่ายังงั้นก็ได้ครับ” ตอบได้ไม่เต็มเสียงเพราะสำหรับร่างสูงภีมเป็นมากกว่านั้นแต่คงบอกอีกฝ่ายไม่ได้

“งั้นเข้ามาก่อนๆ” เธอว่าก่อนจะเลื่อนเปิดประตูรั้วเดินนำจอมพลเข้ามา

“ขอบคุณครับคุณ…”

“เรียกแม่นภาก็ได้จ้ะ” หญิงชรายิ้มจนเห็นรอยตีนกาที่ไม่ได้รับการดูแลหากแต่เธอก็ยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาไม่หาย

“ครับแม่นภาพอดีผมมีเรื่องต้องคุยกับภีมน่ะครับไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” ไม่รอช้าร่างสูงที่อยากเห็นอีกฝ่ายเสียเต็มประดาเอ่ยถามอีกคนทันที

“โน่นจ้ะ…ที่ห้องเรียนใต้ต้นอโศก” เธอว่าพลางชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ประมาณร้อยเมตร

“ขอบคุณมากครับถ้างั้นผมขอตัวไปหาเขาก่อนนะครับ”

“ตามสบายจ้ะ”

ร่างสูงเดินผ่านซุ้มทางเดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื่อยอย่างม่านบาหลีและกลุ่มพันธุ์ไม้อีกนานาชนิดที่ถูกปลูกไว้ขนาบสองข้างทางจนทำให้อาณาบริเวณนี้ชื้นและเย็นกว่าที่ที่เขาเพิ่งจากมา ดวงตาคมจดจ้องไปยังร่างโปร่งที่ถูกรายล้อมไว้ด้วยเด็กๆ ตัวน้อยอายุไม่น่าเกินหกขวบกว่าสามสิบคนตรงหน้า ภีมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ถือสมุดนิทานเล่มหนึ่งอยู่ในขณะที่เรียวปากเล็กของเขาก็ขยับไปตามเนื้อเรื่องที่กำลังถ่ายทอดให้กับเหล่านักเรียนตัวน้อยๆ ได้ฟัง

จอมพลชะงักฝีเท้าเมื่อจู่ๆ ก็เกิดลังเลขึ้นมา ร่างสูงได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่ไหลมาตามลมก่อนจะตัดสินใจยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้มองไปยังอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

*นานมาแล้ว…ดินสอเป็นเพื่อนกับยางลบ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกันตลอด หน้าที่ของดินสอก็คือการเขียนมันจะเขียนทุกที่ทุกอย่าง ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบส่วนหน้าที่ของยางลบก็คือการลบ มันก็จะลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลาเช่นเดียวกัน

เวลาผ่านไปนานหลายสิบปีทุกอย่างยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่งดินสอตัดสินใจพูดกับยางลบว่า “เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว” ยางลบได้ยินดังนั้นก็ทำหน้างงแล้วถามดินสอกลับ “ทำไมล่ะ” ดินสอเลยพูดอีกว่า “ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย” ยางลบหน้าเสียก่อนจะบอกดินสอไปว่า “เราก็แค่ทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด" ใบหน้าและท่าทางการเล่าของภีมทำให้คนที่แอบมองอยู่ลอบยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เขายังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายด้านนี้ จอมพลแค่หวังว่าเขาจะสามารถเห็นทุกอย่างของอีกฝ่ายได้ตลอดไป

“เมื่อตกลงกันไม่ได้สุดท้ายทั้งคู่ก็แยกทางกัน…ดินสอ พอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ตามใจของมันแต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเขียนผิด ข้อความสวยๆ ที่มันเคยเขียน ก็สกปรกมีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด

"มันคิดถึงยางลบจับใจ"

ฝ่ายยางลบ พอแยกทางกับดินสอ มันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไปแต่พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพราะไม่มีอะไรให้ลบ

"มันคิดถึงดินสอจับใจ"

ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งที่ดีๆส่วนยางลบก็จะลบเฉพาะสิ่งที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น…


หากเปรียบการเขียนเป็นการจดจำ ดินสอ…ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดีแต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งที่ดีๆ เท่านั้น

ส่วนการลบก็เปรียบเสมือนการลืม ยางลบ…ในตอนแรกก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่ดีและไม่ดีแต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องดี ตัวมันก็จะสกปรกแต่หลังจากนั้นมันเลือกลืมแต่เรื่องที่ไม่ดี หรือก็คือการให้อภัยนั่นเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…จงจดจำเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้กันและให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดของกันและกัน”


(*นิทานดินสอกับยางลบจากหนังสืออ่านไปให้รักเป็น)

เมื่อเล่าจบร่างโปร่งก็ปิดหนังสือนิทานลง ภีมมองดูหน้าตาจิ้มลิ้มของเด็กๆ ที่ตั้งใจฟังนิทานของเขาอย่างนึกโล่งใจขึ้นมานิด สองวันมานี้หากถามว่าทรมานมั้ย? ร่างโปร่งก็บอกได้เต็มปากเลยว่ามาก…มากกว่าตอนที่เขาเสียใจเรื่องแดเนียลเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็จำเป็นต้องทำแม้ว่ามันจะทำให้ตัวเขาเองเจ็บปวดด้วยก็ตาม

ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเพื่อจะเลิกคาบเรียนเพราะถึงเวลานอนกลางวันของเด็กๆ แล้ว แต่ทว่าเมื่อเขากำลังเก็บสื่อการสอนของตัวเองเสียงหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้งก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของของมันที่เดินมาหยุดอยู่ตรงท้ายแถวของเด็กๆ พร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเศร้า

“แล้วมึงจะให้อภัยกูเหมือนอย่างนิทานนั่นได้มั้ย” เสียงทุ้มถามขึ้นก่อนคนที่ต้องตอบคำถามนี้จะเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจกับการมาของอีกฝ่าย

“คุณจอมพล!”

บรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความมาคุเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกพวกเด็กๆ ที่นั่งอยู่ต่างก็พากันลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหลบอยู่หลังภีมเพราะไม่เคยเห็นร่างสูงมาก่อน

“ภีมกูว่าเราคุยกันหน่อยมั้ย” จอมพลตัดสินใจเป็นคนเริ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับค้านไม่ยอม

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้วกลับไปซะเถอะ” ภีมว่าพลางหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้จอมพลเห็นว่าตอนนี้เขากำลังอ่อนแอ ก่อนร่างโปร่งจะถูกเด็กชายตัวป้อมที่เกาะชายเสื้อเขาอยู่ถามขึ้น

“ใครเหรอครับครูภีม”

“อาเป็นสามีของครูภีมครับ” ร่างสูงชิงตอบคนตัวเล็ก

“คุณ!?” ภีมถลึงตาเอ็ดกลับ

“เอ๋…ครูภีมเป็นผู้ชายแต่ทำไมครูถึงมีสามีล่ะครับ?” ความไร้เดียงสาของเด็กทำเอาร่างโปร่งถึงกับหน้าเห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่

“พาเพื่อนไปหาแม่นภาที่ห้องก่อนนะแล้วเดี๋ยวครูจะตามไป” ภีมก้มบอกเจ้าตัวป้อมก่อนเด็กน้อยจะพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย

ทันทีที่เด็กทุกคนต่างพากันเดินกลับไปยังห้องเรียนร่างโปร่งที่ปรายตามองจอมพลอยู่แล้วก็เริ่มเอ็ดอีกฝ่ายกลับเสียงดัง

“คุณบอกแบบนั้นกับพวกเด็กๆ ได้ยังไง!”

“…”

“ผมถามว่าคุณบอกแบบน่ะ! อ่ะ!!” ภีมเบิกตากว้างเมื่อร่างสูงตรงหน้าคว้าตัวเขาเข้าไปกอด ร่างโปร่งพยายามดันแผงอกของจอมพลออกเต็มแรงทว่าแขนแกร่งของอีกฝ่ายที่โอบแผ่นหลังของเขาอยู่กลับเพิ่มแรงกระชับมากกว่าเดิมอย่างไม่ยอมแพ้

“กูขอโทษภีมเรากลับมาเป็นแบบเดิมจะได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นคล้ายกับอ้อนวอนจนร่างโปร่งชะงัก ภีมนิ่งเงียบฟังจังหวะหัวใจที่เต้นราวกับกระวนกระวายของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกมากมายที่ตื้อขึ้นมาทับอกของเขาอย่างหนัก ทว่าร่างโปร่งก็ยังตัดสินใจดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนนี้เหมือนเดิม

“ปล่อยผมนะคุณจอมพล!”

“กูไม่ปล่อย”

“ปล่อย!”

“ไม่ปล่อย!”

“โอ้ยผมเจ็บนะ!!” ภีมร้องเมื่ออีกฝ่ายกอดเขาแน่นเสียจนรู้สึกเหมือนกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ขอโทษ…” จอมพลเอ่ยหน้าเสีย

“แล้วแบบเดิมของคุณมันแบบไหน? แบบที่ผมต้องโดนคุณทำร้าย แบบที่ต้องเจ็บตัวซ้ำๆ อย่างงั้นน่ะเหรอ?” คนตัวเล็กกว่าว่าให้

“กูไม่ได้ความหมายแบบนั้นกูหมายถึงแบบอาทิตย์ก่อนหน้าที่จอมใจจะกลับมาอยู่บ้าน” ร่างสูงพยายามจ้องลึกเข้าไปในแววตาแข็งกร้าวของอีกฝ่าย

“ไม่” ภีมตอบเสียงเรียบหากแต่คำตอบนี้กลับทำให้คนตรงหน้าเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจ

“ทำไม!?” จอมพลรีบถามสวนกลับ แม้จะยังไม่หายโกรธก็เข้าใจแต่   อีกฝ่ายจะไม่คิดให้เขาได้แก้ตัวสักหน่อยเลยเหรอ?

“ก็เรื่องของเรามันจบไปแล้วจบไปพร้อมกับข้อตกลงในสัญญานั่นผมชดใช้ทุกอย่างแล้วคุณยังต้องการอะไรอีก”

“กูต้องการมึง!”

“!!”

“แค่นั้น…แค่มึง หัวใจมึง ตัวมึงทุกอย่างที่เป็นมึงกูต้องการทั้งหมด”  ร่างสูงไม่ว่าเปล่ามือหนายังเอื้อมไปกุมมืออีกฝ่ายเพื่อหวังอยากจะให้ภีมให้อภัยตัวเองอีก “กูรู้ว่ามึงเองก็รู้สึกกับกูเหมือนที่กูรู้สึกกับมึง มันไม่ได้ต่างกันเลยตอนนึ้มึงเป็นยังไงกูเองก็เป็นอย่างนั้นนะภีม” จอมพลเอ่ยต่อก่อนภีมจะถามทันควัน

“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับผม?”

“…” คนถูกถามชะงักนิ่ง ร่างสูงเกลียดตัวเองที่ไม่กล้าพูดออกไปจนกลายเป็นความขี้ขลาดที่เขาเองก็ยังแก้ไม่ได้

ภีมสบตาคมที่มองมาอย่างอัดอั้น ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเขาเองต้องการอะไรถึงได้ถามออกไปอย่างนั้นหากแต่การที่อีกฝ่ายไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาก็ทำให้เขาเหมือนกับกำลังถูกเชือดให้ตายทั้งเป็นเช่นกัน

“พอเถอะไม่ว่ายังไงผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว”   ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยเสียงเรียบทว่าครั้งนี้มันกลับสร้างโทสะให้ความใจเย็นของคนตรงหน้าขาดสะบั้น จอมพลกระชากตัวภีมเข้ามาก่อนจะคว้าบีบต้นแขนของอีกฝ่ายพร้อมทั้งคาดคั้นกลับอย่างไม่ยอมรับ

“แต่กูไม่จบ!”

“คุณกำลังทำผิดข้อตกลง!”

“ช่างหัวแม่งมันสิวะ!!”

“!!” ภีมเบิกตานิ่งอึ้ง

“ไม่จบยังไงกูก็ไม่จบ! มึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกู! เป็นคนของกู! เป็นทุกๆ อย่างที่กูปล่อยไปไม่ได้! อย่าหวังว่าจะมีวันนั้นกูจะตามมึงไปทุกที่ทำทุกอย่างให้มึงยอมรับคำขอโทษจากกูครั้งนี้กูขอสัญญาด้วยเกียรติของตัวกูเอง!!” ร่างสูงตะโกนลั่น

ทั้งคู่จ้องกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ภีมออกแรงผลักอีกคนออกแต่ จอมพลกลับรวบตัวเขาไปกอดเอาไว้ แม้ร่างโปร่งจะไม่เถียงอะไรออกมาทว่าการกระทำที่ดูเหมือนว่าเขารังเกียจอีกฝ่ายเหลือเกินก็ทำให้จอมพลจุกไปทั้งอก นิ้วเรียวหยิกลงบนหน้าอกของร่างสูงท่ามกลางน้ำตาที่เริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวยิ่งทำให้ร่างโปร่งพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดก่อนที่มันจะไหลออกมา

สายไปแล้ว…ทุกอย่างสำหรับเรามันสายไปแล้ว

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยื้อกันไปมาหญิงชราที่บังเอิญได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ออกจากหลังพุ่มไม้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเพราะดูท่าว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่คงต้องการเวลาเพื่อสงบจิตใจของตัวเองเสียก่อนไม่เช่นนั้นความรักอาจกลายเป็นความเกลียดชังไปได้

“ขอโทษที่แม่มาขัดจังหวะนะพ่อหนุ่ม” แม่นภาเอ่ยขัดก่อนที่ภีมจะผลักจอมพลที่เผลอออกได้สำเร็จ

“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่” ร่างโปร่งหอบถามกลับก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ก็เจ้าภูมิน่ะสิถามหาแต่เราแม่เลยออกมาตามเพราะเดี๋ยวจะชวดเวลานอนกลางวันไม่งั้นตอนเย็นแกจะงอแงเอา” ภูมิที่แม่นภาว่าคือเด็กผู้ชายตัวป้อมที่ภีมวานให้พาเพื่อนๆ กลับเข้าห้องไปเมื่อกี้

“ครับเดี๋ยวผมจะไป” ร่างโปร่งเลือกที่จะไม่มองจอมพลก่อนจะพูดอีก

“แม่นภาครับคราวหลังถ้าผู้ชายคนนี้มาที่นี่อีกอย่าเปิดประตูให้เขาเข้ามานะครับเขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่คำว่าคนรู้จักผมยังให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“เอ่อคือ…”

“แต่ถ้าผมเป็นผู้อุปถัมภ์ของที่นี่ก็สามารถเข้าได้ใช่มั้ยครับ”

“!!” ร่างโปร่งที่กำลังก้าวเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนหันขวับกลับมาพร้อมทั้งจ้องคนพูดเขม็ง

“ผมจะให้ทีมวิศวกรและช่างจากบริษัทของผมเข้ามาดูแลปรับปรุงที่นี่เพราะจากที่ผมดูแล้วตัวอาคารที่เป็นไม้ส่วนใหญ่ค่อนข้างทรุดโทรมลงไปมากหากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายกับเด็กๆ ได้”

“คุณ!?”

“อีกอย่างรบกวนแม่นภาช่วยทำรายการรายจ่ายของบ้านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเรียนการสอน มาเป็นรายปีด้วยนะครับเพราะผมจะจ่ายให้ทั้งหมด”

“คุณจอมพล!” คนตัวเล็กกว่ากัดฟันแน่น

จอมพลที่ยื่นข้อเสนอกำลังถือไพ่เหนือกว่า ภีมรู้ดีว่าบ้านอิ่มสุขขาดเงินสนับสนุนมาหลายปีแล้วที่ยังอยู่ได้ก็เพราะแม่นภาคอยขอรับบริจาคจากหลายๆ แห่งแต่ก็ไม่พอจนต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายกับบ้านอยู่บ่อยๆ

“พะ…พูดจริงเหรอจ้ะพ่อหนุ่ม?” แม่นภาถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูในขณะที่ภีมเองได้แต่รวบกำมือเอาไว้แน่น

จอมพลกำลังทำให้เขายิ่งลำบากใจและเป็นไปไม่ได้ที่แม่นภาจะไม่สนใจข้อเสนอของอีกฝ่าย

“ครับแต่ผมมีข้อแม้”

“?”

“ผมจะจ่ายเงินให้ก็ต่อเมื่อภีมยังสอนอยู่ที่นี่เท่านั้นและผมจะขออนุญาตมาหาเขาจนกว่าเขาจะใจอ่อนยอมยกโทษให้ผม”

“!!”



TBC......
-----------------------------------------------------
อีเฮียเล่นแบบนี้อีกแล้วววววววววว
ไม่เคยจะหลาบจำเลย!! แต่ก็นะมัน style ของฮี ทำไงได้?
เอาล่ะค่ะแอบมากระซิบว่าอีกสามบทจะจบแล้ว รอลุ้นกันนาาาาาาาาา


 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ มะเหมียว17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #104 เมื่อ01-08-2017 09:35:15 »

  :o8:  :o8:  :-[  :-[ งืดดดดดดดด............... :z1:
  อยากให้จอมพลโดนแรงกว่านี้จัง แต่ก็สงสารอ่ะนะ..ภีมก็เล่นเบาๆ หน่อย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #105 เมื่อ01-08-2017 12:48:44 »

จอมพลตื้อหนักสายโหดแบบนี้ ภีมจะรอดไปไหนได้
 :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #106 เมื่อ01-08-2017 20:39:30 »

จอมพลมาสายเปย์

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
«ตอบ #107 เมื่อ01-08-2017 20:58:15 »

งานนี้จอมพลเป็นป๋าเลี้ยงภีมแน่ๆ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #108 เมื่อ01-08-2017 21:39:23 »


CHAPTER 27



Peam’s Part…

คิดว่าหลังจากที่จอมพลพูดแบบนั้นแล้วผมจะทำยังไง?

แน่นอนว่าผมมีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนถูกมัดแล้วดิ้นไม่หลุด หนำซ้ำแม่นภาที่หลังจากจอมพลยอมกลับไปเธอก็ตรงเข้ามาอ้อนวอนขอร้องผมด้วยเหตุผลอะไรก็คงรู้ๆ กันเล่นเอาผมปฏิเสธไม่ได้จนต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมครั้งนี้อย่างช่วยไม่ได้

ส่วนรื่องการซ่อมแซมและการจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของบ้านทางเขาก็ทำอย่างที่พูดไว้ไม่ขาดตกบกพร่อง จอมพลจะมาที่บ้านอิ่มสุขตอนกลางวันทุกวันเพื่อดูความคืบหน้าของงานก่อสร้างและจัดการเรื่องอื่นๆ ร่วมกับแม่นภาตลอดจนมานั่ง 'เฝ้า' เฮ้อ…ผมสามารถใช้คำนี้ได้มั้ยนะ? เพราะเขาเล่นเข้ามานั่งหลังห้องในขณะที่ผมกำลังสอนเด็กๆ นั่งมองอยู่อย่างนั้นจนเป็นผมเสียเองที่ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ให้ตายเถอะ! แค่เขาเดินผ่านผมก็เกร็งมากพออยู่แล้ว ไหนจะต้องมาโดนสายตานั่นของเขาจับจ้องมาอีก

ไอ้ภีมเอ้ย! มึงจะทนใจแข็งแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ?

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

[ว่าไงแฟร์] ผมเอ่ยถามปลายสายหลังกดรับ

[เป็นไงบ้างมึง?]

[เป็นไง? กูเป็นอะไรมึงถึงโทรมาถามแบบนี้] ผมเลิกคิ้ว

[อ้าว! ก็คุณราชันย์บอกกูว่าเพื่อนเขาไปตามง้อตามเฝ้ามึงไม่ใช่?] แฟร์เอ่ยแซวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

[เหอะ! จำเป็นต้องรายงานเมียทุกเรื่องที่รู้หรือไง] ผมเอ็ด

[อ้าวไอ้นี่! กูโทรมาถามยังมีหน้าไปว่าเขาอีก]

[ก็มันจริงนี่หว่าคนหนึ่งรู้อีกคนก็ต้องรู้ทุกที] ผมยิ้มให้กับคำพูดของมัน

จะว่าไปก็อดอิจฉามันไม่ได้ที่สุดท้ายก็ตกลงคบหากับคุณราชันย์หลังจากครั้งล่าสุดที่ผมกับมันได้คุยกันจนถึงตอนนี้ก็น่าจะราวๆ สองเดือนได้แล้วล่ะมั้ง เฮ้อ…วันเวลานี่ผ่านไปไวเหมือนกันเนอะแต่ทำไมผมถึงยังรู้สึกว่าชีวิตของผมไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลยมันเหมือนย่ำอยู่กับที่ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะก้าวไปข้างหน้าหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ

[ก็มึงไม่ยอมโทรมาบอกกูเองนี่หว่า] แฟร์พูดต่ออย่างน้อยใจ

[มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร] ผมว่า

[เหอะ! ไม่ใหญ่? ไม่ใหญ่แล้วหนีเขาเพื่อ?] ปลายสายขึ้นเสียงถาม

[ทำมาว่ากูมึงเองก็เคยหนีคุณราชันย์เขาเหอะ] ผมย้อนมันกลับบ้าง

[กูไม่ได้หนี! ที่กูขอไปอยู่กับมึงเพราะต้องการสงบจิตสงบใจต่างหาก]

[หรา…] ผมลากเสียงว่าให้มันอีกครั้งก่อนแฟร์จะพูดตัดบทกลับมา

[เออ! งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วกูจะวางสายแล้วนะ]

[เออ! เฮ้ยแฟร์เดี๋ยวๆ] ผมยื้อมันเมื่อคิดบางอย่างที่ยังไม่ได้พูดออก

[อะไรอีกวะ?]

[กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย] ผมบอกมันจากใจจริงแต่แฟร์กลับเงียบไป   สักพักแล้วจึงเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

[ภีม…กูถามจริงเถอะมึงเองก็รักคุณจอมพลไม่ใช่เหรอ]

[…]

[กูรู้ว่าเรื่องที่มึงเจอมันเลวร้ายแต่มันก็ยังดีที่เขายอมปรับปรุงตัวและทำเพื่อมึงทุกอย่างนะเว้ย] แฟร์พูดเหมือนพยายามดึงสติผม

[มึงก็พูดง่ายนะแฟร์กูกับเขาไม่เหมือนมึงกับคุณราชันย์หรอกนะ ยังไงซะกูก็นึกภาพตอนรักกันไม่ออกว่ะเพราะว่ามันคงเป็นไปไม่ได้] ผมบอกเสียงอ่อน

แต่ไม่รู้ว่าในใจของผมคิดแบบนั้นจริงหรือเปล่า

[อะไรทำให้มึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้] แฟร์สวนถาม

ผมเงียบก่อนสายตาจะสบเข้ากับจอมพลที่เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล

[กูเองก็เคยทิฐิจนเกือบจะเสียคนที่เขารักกูและกูเองก็รักเขาไป กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนั้น คิดดีๆ นะเรื่องแบบนี้ถ้าพลาดมึงเองอาจจะเสียใจไปตลอดก็ได้] มันพูดต่อเหมือนเตือน

[อืมไว้กูจะเก็บไปคิด] ผมบอกมัน

[งั้นแค่นี้นะคุณราชันย์เรียกไปทานข้าวแล้ว]

[โอเคบาย]

ผมกดวางสายก่อนคนที่เพิ่งจะเห็นว่าเขาเดินมาแต่ไกลจะหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดชนกัน

“ใคร?”

“?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้เป็นผมเสียเองที่ต้องขมวดคิ้วสงสัยกลับ

“มึงคุยกับใคร”

“มันเรื่องของผม” ผมว่าพลางยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเมื่อจอมพลเอาแต่จ้องมันไม่หยุด

“แต่กูต้องการจะรู้” เขาว่าพลางทำหน้าตึง

“จะยุ่งอะไรกับผมนักหนา” ผมปรายตามองอีกคนพลางตำหนิ

“ยุ่งกับเมียตัวเองไม่เห็นแปลกตรงไหน”

“เหอะ! ทั้งที่คนที่คุณเรียกว่าเมียเขาไม่ยอมรับน่ะเหรอ!?” ผมตอกกลับโดยไม่ทันได้คิด จอมพลหน้าเจื่อนลงไปทันทีก่อนผมจะเลือกเป็นผ่านเดินเลี่ยงจากเขาไปอีกทางแทน

หมับ!

“นี่คุณ!!” ผมโวยวายทันทีที่มือหนาของจอมพลคว้าเข้าที่ข้อมือซ้ายของผมก่อนที่เขาจะออกแรงกระชากให้ผมหันกลับและฉวยกอดผมไว้แน่น

“จะยอมไม่ยอมนั่นมันเรื่องของมึงแต่สำหรับกูยังไงมึงก็คือเมียกูอยู่ดี” เสียงทุ้มที่กระซิบข้างใบหูเรียกให้หัวใจของผมเต้นเร็วจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่

แย่แล้ว! เขากำลังทำให้ผม…อ่อนแออีกแล้ว

“ปล่อยผมนะ!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดแต่แม่งเอ้ย! จอมพลยิ่งออกแรงรัดเข้ามาอีก

“ขอกอดหน่อยมึงใจร้ายกับกูมาหลายอาทิตย์แล้วรู้ตัวมั้ย” คนที่กอดผมไว้เอ่ยเสียงอ้อน

“คุณจอมพลเดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” ผมพยายามดันตัวเขาออก

“ที่นี่มีใครไม่รู้บ้างว่ามึงเป็นอะไรกับกูขนาดเด็กสามสี่ขวบยังรู้เลย”  จอมพลบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“นั่นเพราะคุณปากไม่ดีนิสัยไม่ดีเที่ยวบอกคนอื่นเขาไปทั่ว!”

“เขาว่าด่าผัวจะไม่เจริญนะ”

“เลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะปล่อย!” ผมดิ้นจนหลุดเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่พูดเรื่องผัวๆ เมียๆ อีกครั้งก่อนจะหันหลังเตรียมเดินหนี

“เดี๋ยว”

“อะไร!?” ผมหันมาตวาดถามทันที

“กูจะกลับแล้ว”

“แล้วยังไง?”

“ออกไปส่งกูหน่อย”

“ไม่! รถคุณจอดข้างนอกนี้เองเดินออกไปคนเดียวสิ” ผมจ้องตำหนิเขาแต่ทว่าเมื่อผมพูดเสร็จใบหน้าของจอมพลก็กลายเป็นเรียบนิ่งปนไปด้วยความไม่พอใจฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“แค่ออกไปส่งกูขอแค่นี้มึงทำให้กูหน่อยไม่ได้เหรอวะภีม” เขาพูดด้วย   สีหน้าจริงจังระคนน้อยใจ

“…”

“แค่มึงไม่ยอมพูดกับกูก่อนกูก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”

“…”

“ไม่ได้ขอให้ไปด้วยสักหน่อยทั้งที่อยากขอใจจะขาดก็เถอะ” จอมพลเงียบไปก่อนจะมองผมด้วยแววตาขอร้อง “แค่ออกไปส่งเองภีมอย่าใจดำนักเลย”

ผมชะงักเมื่อเห็นท่าทีอ้อนวอนนั่นของเขา จอมพลเปลี่ยนไปมากหรือแท้จริงแล้วเขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ต้นเพียงแต่ที่ผ่านมาเพราะความแค้นเลยทำให้เขาทำเรื่องพวกนั้นกับผมกันนะ?

“ถ้างั้นก็ไปสิ”

“…”

“เดี๋ยวผมต้องรีบไปสอนเด็กๆ ต่อเวลาผมมีไม่มากหรอกนะ” ผมถอนหายใจก่อนจะขยายคำพูดเมื้อกี้ที่ทำให้จอมพลตีหน้ามึนไม่เข้าใจ

คนตรงหน้าฉีกยิ้มพลันรีบเดินนำไปยังประตูรั้วหน้าบ้านก่อนเขาจะหันมาถามผมที่เดินตามหลังจากกดปลดล็อกประตูรถและเปิดอ้ามันออกเพื่อเตรียมจะขึ้นไปยังที่นั่งคนขับ

“วันเสาร์นี้มึงว่างหรือเปล่า”

“ถามทำไม”

“แค่ถาม”

“ก็ไม่ได้ออกไปไหน” ผมตอบ

“งั้นดีเลย” จอมพลว่าก่อนผมจะรีบสวนถามกลับ

“หมายความว่าไง?”

“เปล่า กูกลับบริษัทก่อนนะไว้พรุ่งนี้จะมาใหม่” ว่าเสร็จก็ยิ้มนิดๆ

ให้ตายเถอะ! หลังๆ มานี่ทำไมเขาชอบยิ้มแบบนี้ตลอดเลยนะ

“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่ายังไงคุณก็มา” ผมเหน็บ

“รู้ใจผัวดีนะเนี่ยเมียใครหว่า”

“คุณจอมพะ!...อ่ะ!!”

“ไว้เจอกันครับ”

ผมได้แต่อ้าปากค้างเมื่อจอมพลฉวยหอมแก้มซ้ายลงมาอย่างจัง! ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบขึ้นรถพลางเหยียดยิ้มส่งมาให้และขับออกไปทันที ผมเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มซ้ายด้วยความตกใจในขณะที่สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังรถคันหรูที่เพิ่งจะขับผ่านหน้าไปไม่วาง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลักไสผู้ชายอย่างจอมพลออกจากชีวิตเพราะไม่ใช่แค่เขาไม่ยอมออกไปไหนแล้วหัวใจของผมยังเต้นแรงทุกครั้งที่ถูกเขาสัมผัสไม่เว้นแม้กระทั่งรอยจูบบนแก้มซ้ายที่ยังคงอุ่นราวกับว่าจอมพลยังไม่ได้ผละริมฝีปากออกไป

ทำยังไงดี? หัวใจของผมเหมือนกำลังจะอ่อนแอให้เขาอีกแล้ว
End Peam’s Part…




มีต่อค่ะ...

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #109 เมื่อ01-08-2017 21:40:28 »


ต่อค่ะ...



Chomphon’s Part…
ที่ผมถามภีมมันแบบนั้นไม่ใช่อะไรหรอกแต่เพราะวันเสาร์ที่จะถึงนี้ผมกะจะวานให้ทางคอนโดนัดมันเพื่อมาทำสัญญาซื้อขายห้องต่างหาก อันที่จริงก็ไม่คิดจะซื้อจากมันจริงๆ หรอกแค่อยากมีเวลาอยู่กับมันสองต่อสองหลังจากที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยมานานกว่าสามอาทิตย์แล้วต่างหาก ถามว่าเหนื่อยมั้ยที่ต้องตามง้อตามขอมันให้อภัยอยู่อย่างนี้ มันก็ต้องมีท้อมีเหนื่อยกันบ้างเป็นธรรมดานั่นแหละเพราะหลังจากวันที่ผมยื่นข้อเสนอเพื่อมัดภีมไม่ไห้หนีไปไหนจนถึงวันนี้ก็ปาไปสามอาทิตย์แล้วแต่ดูท่าว่าภีมก็ยังไม่ยอมยกโทษให้ผมง่ายๆ

เฮ้อ…ทำไงได้ก็ผมเล่นทำกับมันไว้ซะเยอะนี่ถูกมั้ย?

ผมเดินเข้าบ้านหลังกลับจากบริษัท ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองแต่เมื่อผมเดินมาจนถึงทางเดินระหว่างห้องของผมและห้องของจอมใจที่อยู่ใกล้ๆ กันยัยน้องตัวดีก็พรวดพราดออกจากห้องของตัวเองมาหน้าตาตื่นจนไม้ค้ำที่ใช้พยุงออกมาด้วยเกือบจะหลุดมือหากผมไม่เข้าไปช่วยคว้ามันไว้ก่อน

“พี่พลทำไมมือถือพี่ถึงติดต่อไม่ได้!?” จอมใจถามเสียงชหอบ

“พอดีพี่คุยกับคุณนพชัยเจ้าของรีสอร์ทที่เชียงใหม่จนแบทหมดน่ะ ทำไมเหรอ? พรวดพราดออกมาจนเกือบจะหกล้มอยู่แล้ว”

“ก็แม่น่ะสิโทรมาหาจอมบอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับพี่”

“เรื่องด่วน? เรื่องอะไร?” ผมเลิกคิ้วถาม

“พูดยากน่ะฉันว่าพี่คุยกับแม่เองจะดีกว่า” จอมใจยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่ยังต่อสายถึงแม่ที่ญี่ปุ่นมาให้

[ครับแม่?] ผมคว้ามาก่อนจะเอ่ยถามปลายสาย

[ไงล่ะพ่อตัวดีง้อเขาถึงไหนแล้วล่ะเรา]

[ยังไม่ถึงไหนเลยครับภีมมันไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ น่ะสิ] พูดเองก็เจ็บเอง

[แล้วแกคิดว่าอีกนานแค่ไหนเขาถึงจะยอมใจอ่อนล่ะ] เสียงของแม่ถามกลับแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันแข็งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

[ไม่รู้เหมือนกันครับแต่ถึงยังไงผมก็จะทำแบบนี้จนกว่ามันจะยอม]

[หึ! แล้วถ้าเกิดฉันบอกว่าแกทำอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ?]

[แม่หมายความว่าไง]

[ฉันต้องการให้แกมาดูแลกิจการที่ญี่ปุ่นแทนพ่อของแก]

[อะไรนะครับ!?] ผมตะโกนถามอย่างไม่เชื่อหู

บ้าน่า!...นี่มันเรื่องอะไรกันแล้วบริษัทที่นี่ใครจะดูแล?

[ได้ยินไม่ผิดหรอก…จอมพล]

[ไม่! แล้วบริษัททางนี้ล่ะครับใครจะดูแล] ผมพยายามหาข้ออ้าง

[ก็พ่อของแกไง] เสียงคำตอบทำเอาผมแทบอยากจะกุมขมับก่อนที่ท่านจะพูดต่อ

[ฉันกับพ่อของแกน่ะอายุมากแล้วพวกเราเลยคุยกันว่าจะย้ายกลับไปอยู่ไทย อีกอย่าง…ฉันมาคิดๆ ดูแล้วแกไม่ต้องไปง้อขอคืนดีภีมเขาให้เสียเวลาหรอกเพราะเมื่อวานพ่อของแกคุยกับคุณประพันธ์เรื่องแกกับหนูมาริกาเรียบร้อยแล้วพวกเราจะเลื่อนวันหมั้นเข้ามาให้เร็วที่สุด]

[ไม่!! ผมจะไม่หมั้นกับใครทั้งนั้นแม่กับพ่อทำแบบนี้กับผมไม่ได้!!] ผมตะโกนลั่นจนจอมใจที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง

[ทำไมฉันจะทำไม่ได้! ฉันเป็นแม่แกนะจอมพล!!]

[แต่ชีวิตเป็นของผม!!] ผมสวนกลับก่อนจะค่อยๆ ถอนหายใจระงับความโกรธของตัวเองเมื่อเสียงของแม่ชะงักไป

[ผมไม่ยอมอยู่กับคนที่ผมไม่ได้รักเด็ดขาด] ผมบอกเสียงเรียบ

[ตอนนี้แกอาจจะยังยืนกรานว่าไม่แต่งแต่อีกไม่นานไม่ยังไงแกก็จะต้องแต่งกับหนูมาริกาเพราะถึงยังไงภีมก็ไม่ได้รักแก!] คำพูดของแม่ที่ตวาดกลับมาเล่นเอาผมจุกจนพูดไม่ออก

ไม่จริง…ผมมั่นใจว่าภีมเองก็รักผมเพียงแต่มันยังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น

[เก็บเสื้อผ้าของแกซะแล้วเดินทางมาญี่ปุ่นวันจันทร์ที่จะถึงนี้เร็วกว่านี้ได้ยิ่งดีเข้าใจมั้ย!?] แม่คาดคั้นบีบให้ผมดิ้นไม่หลุดกลับมาอีก

[แต่ผมอยากขอเวลาเคลียร์เอกสารที่ยังค้างอยู่] ผมหาทางยื้อสู้ อย่างน้อยก็ให้ผมได้พยายามขอโอกาสจากภีมอีกสักครั้งก่อนไปก็ยังดี

[ไม่จำเป็นเพราะเดี๋ยวพ่อแกจะกลับไปเคลียร์ให้]

[แต่นี่มันงานผมพ่อจะรู้ความคืบหน้าได้ยังไง!]

[พ่อแกทำงานก่อนแกมากี่ปีเขารู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากแกรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วมาที่นี่ซะแค่นี้นะ ติ๊ด!] ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงท่านก็ตัดสายไปเลยเหลือไว้แต่เพียงผมที่กำโทรศัพท์ของจอมใจไว้แน่นทั้งที่จริงๆ แล้วอยากปามันทิ้งเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป

“ว่าไงพี่พลพี่จะไปจริงๆ เหรอ” คนข้างๆ ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมยกหูออกจากโทรศัพท์ของเธอแล้ว

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” ผมบอกอย่างยอมแพ้

“แล้วเรื่องพี่ภีมล่ะ”

“ไม่รู้สิตอนนี้ยังคิดไม่ออก” ใช่…ผมยังคิดไม่ออกจริงๆ อย่างที่พูดเพราะมันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด เร็วจนมืดแปดด้านไปหมด

“งั้นพี่ก็ไปบอกพี่ภีมสิว่าต้องไปญี่ปุ่น” คนตรงหน้าเสนอ

“ถ้าเขาไม่แคร์เขาก็ไม่สนใจพี่อยู่ดีบอกไปก็แค่นั้น” ผมบอกอย่างรู้ตัว เอาจริงๆ ตอนนี้ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองเลย ไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้ถ้าหากว่าภีมมันไม่รักผมจริงๆ

“แต่จอมว่าพี่ภีมเขาแคร์พี่นะ”

“ช่างเถอะจอมขอพี่คิดก่อนอย่างน้อยก็เหลือเวลาตั้งสามวัน” ผมว่าก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของและเดินไปยังห้องของตัวเองโดนมีอีกคนเดินตามหลังมาไม่หยุด

“สามวันมันจะไปพออะไร! นี่ขนาดพี่ง้อมาเป็นสามอาทิตย์ละพี่ภีมยังไม่ใจอ่อนเลยนับประสาอะไรกับอีกแค่สามวันที่เหลือ อ้าว! พี่พล! เดี๋ยวสิพี่พล!!” จอมใจรัวเคาะประตูห้องเมื่อผมที่เดินเข้ามาปิดมันลงทันทีโดยไม่ฟังคำบ่นไล่หลังของมันอีกเลย ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่เรื่องให้ผมต้องคิดหนักได้แทบทุกวันกันนะ?
:
:
:
เช้าวันเสาร์ผมตัดสินใจรีบเดินทางไปคอนโดของภีมตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตระเตรียมกับพี่พนักงานคนเมื่อวันก่อนที่ผมวานให้เขาช่วยดำเนินการนัดภีมโดยทำทีว่าผมจะขอมาดูห้องก่อนจะทำสัญญาซื้อขายกันซึ่งพี่พนักงานคนนี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีช่วยโททรหาฝ่ายนั้นตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อวานก่อนจะโทรมาคอนเฟิร์มความคืบหน้ากับผมอีกที

ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะรอให้ถึงเวลาที่นัดภีมมา นาฬิกาที่ข้อมือซ้ายบอกเวลาแปดโมงสี่สิบนั่นก็หมายความว่าเหลืออีกแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นที่ภีมจะมาถึงและแน่นอนว่ามันไม่เคยสายยิ่งถ้าเป็นนัดกับคนที่มันคิดว่าไม่รู้จักแบบนี้แล้วไม่มีทางที่มันจะปล่อยให้รอ

ผมยืนรอหลังกำแพงตรงที่ลับตาจากประตูทางเข้ามาสู่ห้องรับแขกอยู่สักพักเสียงเคาะและเปิดประตูก็ดังขึ้นฉุดให้ผมต้องยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูอีกครั้งหลังจากที่มั่นใจว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภีมวิทธิ์…แปดโมงสี่สิบแปด ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้ว่ามันต้องมาก่อนเวลานัด

“สวัสดีครับ…สวะ! เฮ้ย!!” ภีมที่ถูกผมกอดจากทางด้านหลังหันมาทำตาโตก่อนที่มันจะทำเหมือนเดิมคือดิ้นหนีเมื่อเห็นว่าคนที่กอดมันเป็นผม

“คุณ!!! นี่คุณมาที่นี่ทำไม!?” เสียงตะโกนถามอย่างไม่พอใจดังมาพร้อมกับมือของมันที่พยายามแกะมือของผมที่รวบเอวมันอยู่ออก

“ก็กูคือคนที่จะซื้อแล้วมึงจะไม่ให้กูมาดูห้องก่อนเหรอไง”

“หมายความว่าไง!?”

“กูจะซื้อห้องนี้”

“ผมไม่ขาย!!”

“ทำไม!?” ผมถามก่อนจะจับตัวมันพลิกหันมาจ้องกลับ

“ไม่ขายก็คือไม่ขาย!! ปล่อยผม!” ใบหน้าของภีมดูจะโกรธผมอยู่ไม่น้อยก่อนที่มันจะดิ้นหลุดได้สำเร็จ

“คุณมันแย่! เอาเงินฟาดหัวคนอื่นซื้อใจเขาด้วยเศษกระดาษพวกนั้นไปทั่วแต่จำเอาไว้นะว่าเงินของคุณผมไม่ต้องการ!” สาดคำพูดเสร็จก็สะบัดหน้าหันหลังเดินไปทางประตูห้องทันที

“จะไปไหน!?”

“ผมจะกลับบ้าน!”

“กูไม่ให้กลับ!” ผมฉวยแขนมันมาก่อนจะเผลอออกแรงบีบ ให้ตายเถอะ! ผมกำลังจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

“โอ้ย! ปล่อยผมนะ!!”

“ยังไงวันนี้มึงกับกูต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!” ผมลากภีมกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงมันลงบนโซฟาตัวยาวและตามขึ้นคร่อมมันไว้ไม่ให้หนี

“นี่คุณจะทำอะไร!? ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหรอกนะ!!”

“แต่กูมี!!”

“…” คนข้างใต้ชะงักเงียบเมื่อผมตวาดกลับ ดวงตากลมเบิกกว้างมองผมด้วยถ้อยคำตำหนิมากมายที่ฉายชัดออกมาให้เห็นยิ่งทำให้ผมเจ็บกว่าเดิม

“กูไม่ได้เอาเงินฟาดหัวใครทั้งนั้น! ที่กูทำเพราะกูอยากจะทำทั้งเรื่องช่วยเหลือแม่นภาและเรื่องคอนโดของมึง” ผมอธิบาย

“แล้วมันต่างกันตรงไหน!? ยังไงคุณก็ใช้เงินซื้อใจคนอื่นอยู่ดี!”

“แล้วมันซื้อใจมึงได้มั้ยล่ะ!”

“!!”

“ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่กูทำคือการซื้อใจคนอื่นแล้วมึงต้องการเท่าไหร่!?” ภีมขมวดคิ้วจ้องผมด้วยตาแข็งกร้าวเมื่อผมตะโกนถาม “เท่าไหร่มึงถึงจะยอมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

ยอมรับว่าตอนนี้ผมใกล้จะฟิวส์เต็มที ทำไมเรื่องมันถึงได้ดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ที่ผมต้องการก็แค่ขอมันให้อภัยและเราสองคนก็กลับเริ่มต้นกันใหม่…หรือบางทีแค่นี้ก็มากไป

“กูไม่ยอมให้มึงขายห้องนี้ให้ใครเด็ดขาด กูไม่ยอมให้มึงขายความทรงจำของเราสองคน ไม่ยอม…กูไม่ยอมได้ยินมั้ย!!” ผมเขย่าร่างของคนที่นอนอยู่ข้างใต้จนสั่นคลอน

“แต่ผมกับคุณเราจบกันแล้ว! มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ไม่เข้าใจจะยื้อไปทำไมในเมื่อทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้วถ้ามันจบๆ ไปซะที!”

“ก็เพราะว่ากูทำไม่ได้! กูทำไม่ได้! ทำไม่ได้! ทำไม่ได้ยังไงเล่า!”

ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!

ผมต่อยเข้าที่โซฟาข้างใบหน้าของภีมจนมันหลับตาปี๋ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดยิ่งทำให้อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ก่อนภีมจะลืมตามองผมกลับด้วยความตกใจกลัว ผมสบแววตานี้ของมันนิ่งในขณะที่จู่ๆ ขอบตาของผมก็ร้อนผ่าวเมื่อแววตาที่มองผมกลับมามันเหมือนกับไม่มีผมอยู่ในนั้นเลยสักนิด

“คุณจอมพล…”

“กูขอโทษแต่กูทำไม่ได้…กูทนจบกับมึงแบบนี้ไม่ได้ภีม” ผมกอดมันไว้ทั้งร่างพลันน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป

“กูรักมึง รักมึงจริงๆ…มึงไม่รักกูไม่เป็นไรแต่ขอร้องล่ะมึงช่วยให้โอกาสกูสักครั้งได้มั้ยกูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงต้องร้องไห้นะภีมกูขอร้อง” ผมพร่ำบอกความในใจที่เก็บงำมานานจนแน่ใจแล้วว่าผมขาดมันไม่ได้ออกไปอย่างอ้อนวอน

คนในอ้อมแขนของผมชะงักนิ่งอยู่นานทว่าเมื่อคำพูดหนึ่งของมันหลุดออกมากลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกกระชากให้จมลงไปในบ่อลึกจนยากจะทางเก็บขึ้นมาได้ใหม่

“เลิกทำแบบนี้เถอะคุณจอมพล” เสียงทุ้มบอกอย่างนุ่มนวลหากแต่กับผมคำพูดนี้มันเหมือนกับมีดแหลมที่กรีดหัวใจอย่างไม่ใยดี

“ไม่ว่าคุณจะพยายามสักแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยให้อะไรกลับมาเพราะผมตัดสินใจให้มันเป็นแบบนี้ไปแล้วปล่อยผมเถอะผมจะกลับบ้าน”

ผมปิดเปลือกตาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง โอกาสที่ผมอยากได้จากภีมคงไม่มีอีกแล้วใช่มั้ย? ทั้งที่วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้ามันชัดๆ แบบนี้แต่ความพยายามของผมก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายเมื่อทันทีที่ผมหยัดตัวลุกขึ้นนั่งคนข้างๆ ก็รีบลุกขึ้นและทำท่าว่าจะเดินออกไปทันที

“ถ้ากูหายไปมันคงไม่มีความหมายกับมึงใช่มั้ย? มึงคงจะดีใจสินะที่ไม่ต้องเห็นหน้ากูอีก” ครั้งสุดท้าย…ขอแค่มันพูดอะไรที่ไม่เป็นการผลักไสผมอีกผมก็จะทำเต็มที่เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องไปญี่ปุ่น

ผมมองแผ่นหลังของคนที่กำลังจะก้าวพ้นบริเวณห้องรับแขกไปด้วยความหวังที่มีเพียงริบหรี่ก่อนที่อีกคนจะดับไฟแห่งหวังของผมลงด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมเจ็บจนถึงกระดองใจ

“คิดถูกแล้วล่ะครับ”

ผมไม่น่า…รักมันมากขนาดนี้เลย
End of Chomphon’s Part…
:
:
:
ราชันย์ที่ถูกโทรจิกให้ออกมานั่งกระดกเหล้าเป็นเพื่อนมองสภาพของจอมพลที่เอาแต่รินของเหลวสีอำพันและกลอกมันเข้าปากราวกับเป็นเพียงน้ำเปล่าด้วยแววตาคิดหนัก ร่างสูงที่ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่ที่คบกันมานานกว่ายี่สิบปีจึงตัดสินใจเอื้อมมือออกไปพลางดึงแก้วในมือของอีกฝ่ายออกก่อนจะเอ่ยห้ามอย่างเป็นห่วง

“เชี่ยพล! มึงดื่มมากไปแล้วนะเว้ย” ราชันย์รั้งแก้วในมือออกมาได้สำเร็จแต่คนตรงหน้าก็ยังพยายามเอื้อมมือมาฉวยมันกลับ

“เอามาให้กูไอ้ชันย์! กูจะดื่มจนกว่ากูลืม! ลืมผู้ชายชื่อภีมวิทธิ์!” เสียงตอบยานคางบ่งบอกได้ชัดเจนว่าจอมพลเมาหนักจนถึงขั้นนั่งตัวตรงแทบจะไม่ได้

“ดื่มให้ตายยังไงมึงก็ไม่ลืม!”

“กูจะดื่ม! เอามาให้กู…” จอมพลไม่ยอมแพ้ไขว่คว้าแก้ววิสกี้ในมือของราชันย์จนเกือบจะขมำตกโซฟาในโซน VIP ของผับที่พวกเขาชอบมาดื่ใด้วยกันหากไม่มีแขนแกร่งของคนตรงข้ามเอื้อมมาคว้าแขนไว้ก่อน

“เฮ้ยๆๆ แค่นั่งยังไม่ไหวกูว่ากลับบ้านเหอะว่ะเดี๋ยวไปส่ง” ราชันย์วางแก้วในมือพลางย้ายมานั่งโซฟาตัวเดียวกับจอมพลก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่ายมาพาดคอเพื่อหมายจะหิ้วกลับไปทว่าร่างสูงอีกคนกลับรีบสะบัดแขนออก

“ไม่ต้อง! กูจะกลับเองถ้ามึงอยากกลับไปหาเมียก็กลับไปก่อนเลย” จอมพลว่าแกมไล่

“จะให้กูทิ้งมึงสภาพเมาเป็นหมาเนี่ยนะ”

“เออ”

“มึงมันแม่ง!!” ร่างสูงของคนที่สติยังอยู่ครบปรายตามองคนข้างๆ อย่างเหลืออด “นี่มึงรักภีมวิทธิ์มากเลยเหรอวะ” สิ้นเสียงคำถามจากเพื่อนสนิทร่างสูงของจอมพลก็ชะงักนิ่งไปก่อนที่เขาจะเอื้อมมือหนาไปคว้าแก้วที่ถูกอีกฝ่ายริบเมื่อครู่มาถือไว้

“กูรักมันไม่น้อยไปกว่าที่มึงรักเมียของมึงหรอกห่าชันย์” พูดเสร็จก็กระดกวิสกี้ลงคอไปคราวเดียวหมดแก้ว

“แต่เท่าที่กูฟังมึงเล่าภีมเขาไม่ต้องการมึงแล้วนะไอ้พล บางทีการที่มึงตัดใจอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด” ราชันย์พยายามพูดเตือนสติหากแต่คำพูดนี้กลับทำให้คนเมาจนแทบไม่เหลือสติฉุนกึกขึ้นมาทันใด

“มึงพูดแบบนี้ได้ไงว่ะไอ้ชันย์! ทำไมมึงถึงไม่ให้กำลังใจกูสักนิดขนาดเรื่องมึงกับเมียกูยังช่วยให้กลับมาเข้าใจกัน! มึงแม่ง! ยิ่งฟังกูก็ยิ่งเจ็บจนบอกไม่ถูกเลยว่ะ” คนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองถูกปฏิเสธพูดเสร็จก็พรวดพราดลุกขึ้นก่อนจะเดินสะเปะสะปะจนราชันย์รีบคว้าแขนไว้แทบไม่ทัน

“แล้วนั่นมึงจะไปไหน?”

“กลับ!”

“ห๊ะ!?”

“กูไม่อยากฟังมึงพูดแล้ว! ที่กูชวนมึงมาไม่ได้อยากให้มึงมาพร่ำบอกกูว่าต้องตัดใจจากภีมนะเว้ยเพราะถึงยังไงกูก็ตัดใจไม่ได้ กูรักมัน! รักผู้ชายที่ชื่อภีมวิทธิ์มึงเข้าใจมั้ย!?” จอมพลสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนอีกคนจะเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“อ้าว! เมื่อกี้มึงยังบอกกูว่าจะดื่มให้ลืมเขาอยู่นะเว้ยแล้วตอนนี้ด่ากูเพื่อ? กูออกมาหามึงก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“งั้นมึงก็กลับไปเลย! ไม่ได้อยากมาแล้วมาทำไมวะ!!” จอมพลผลักเพื่อนตัวเอง

“ก็มึงเป็นเพื่อนกะ…!!” ไม่ทันที่อีกคนจะทันได้เถียงกลับคนตรงหน้าก็ทรุดตัวนั่งลงเสียตรงนั้นก่อนที่ธารน้ำใสมากมายจะไหลออกจากดวงตาคมที่เคยแข็งกร้าวจนเปียกไปทั้งหน้า

“ฮึก! กูเจ็บว่ะชันย์ แม่งเจ็บในนี้จนกูรู้สึกชาไปหมด” จอมพลกำมือทุบอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างอัดอั้น

ราชันย์มองเพื่อนที่ทั้งเมาและร้องไห้หนักในคราเดียวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ ร่างสูงพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนจะพาเดินกลับไปที่โต๊ะและปลอบด้วยการตบบ่าให้กำลังใจในขณะที่จอมพลก็เอาแต่สะอื้นไห้กับความรักที่เขาทุ่มเทและความพยายามที่สูญเปล่าอย่างเจ็บปวด

“มึงร้องออกมาให้พอ กูจะนั่งเป็นเพื่อนมึงอย่างนี้จนกว่ามึงจะหยุดร้อง” เสียงทุ้มบอกเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง
:
:
:
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงก่อนจอมพลจะหยุดร้องไห้ร่างสูงเดินออกจากผับมาพร้อมกับราชันย์ก่อนเขาจะกดปลดล๊อกรถตัวเองและเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับทันที

“มึงขับรถกลับเองได้แน่นะ” คนด้านนอกเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับ

“หายเมาแล้วแน่นะ”

“กูขับไหวน่าไอ้ชันย์”

“งั้นถ้ากูถึงบ้านแฟร์แล้วจะโทรหา”

“อืม” ว่าเสร็จก็ปิดประตูก่อนราชันย์จะเคาะกระจกให้อีกฝ่ายเลื่อนลงอีกครั้ง

“ไอ้พล…”

“?”

“ทางไหนที่คิดว่าดีก็ทำเถอะว่ะกูเอาใจช่วย” ราชันย์คล้ายให้กำลังใจ

จอมพลเหยียดยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ขอบใจ”

ร่างสูงติดเครื่องก่อนจะขับรถออกจากบริเวณจอดโดยมีราชันย์ยืนมองจนกระทั่งท้ายรถของอีกคนพ้นอาณาเขตของผับไปร่างสูงของชายหนุ่มคนนี้ถึงจะเดินไปที่รถของตัวเองและขับออกไปบ้าง
:
:
:
จอมพลแวะเข้าเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งหลังจากนั้นชายหนุ่มก็เคลื่อนรถของตัวเองเพื่อจอดไว้หน้าร้านสะดวกชื่อดังภายในปั๊มน้ำมันก่อนจะลงเพื่อเดินตรงไปทำธุระที่ห้องน้ำ

ร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำมาพลางแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อถอยบุหรี่ที่เขาเลิกสูบมานานกว่าสองปีออกมาด้วยหนึ่งซอง จอมพลพิงประตูรถก่อนจะจัดการสูบอัดควันที่ขาวหม่นเข้าจนเต็มปอดเพื่อเป็นการคลายเรื่องเครียดที่สั่งสมมาทั้งวัน รองเท้าหนังชั้นดีบดขยี้ก้นบุหรี่มวนที่สี่บนพื้นก่อนที่มันจะถูกเขี่ยเข้าไปรวมกับก้นบุหรี่อีกเกือบร้อยที่ถูกทิ้งอยู่ในบริเวณนั้นอยู่ก่อนแล้ว

จอมพลกลับขึ้นรถอีกครั้งก่อนจะขับไปตามทางเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังบ้าน ถนนยามวิกาลยังคงมีรถราวิ่งกันไม่ขาดสายประจวบกับเสียงโทรศัพท์บนเบาะข้างคนขับที่ส่งเสียงดังขึ้นเผยให้เห็นชื่อคนของคนที่กำลังต่อสายเข้ามา

'ราชันย์'

ร่างสูงหันมองหน้าจอที่สาดแสงสว่างขึ้นในรถอย่างชั่งใจก่อนมือหนาจะตัดสินใจเอื้อมออกไปคว้ามันมาทว่าเสียงแตรและแสงสว่างจากรถที่แล่นสวนกันมากลับทำให้จอมพลต้องรีบหันกลับไปเสียก่อนจะทันได้รับสาย

“เฮ้ย!!!”

เสียงร้องตะโกนดังขึ้นอย่างตกใจมือหนารีบคว้าพวงมาลัยพลันหมุนไปอีกทางให้พ้นจากสถานการณ์ตรงหน้าจนเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

เอี๊ยด!!! โครม!!!!


TBC....
-------------------------------------------------
ตัดจบแบบนี้จะโดนตบมั้ย? #หลบมือหลบเท้าแปป -_-''
บทนี้ยาวเอาการอยู่แต่งไปแต่งมาก็อดสงสารจอมพลไม่ได้ T^T
ได้แต่บอกเฮียแกว่าทนอีกนิดเดียว
ไม่พูดยาวละเอาเป็นว่ารอลุ้นอีกสองบทที่เหลือเนอะ
เม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนาาาาา


 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
« ตอบ #109 เมื่อ: 01-08-2017 21:40:28 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #110 เมื่อ01-08-2017 22:00:39 »

ภีมนี่ บทจะใจแข็งก็ใจแข็งขึ้นมาซะงั้น
มาให้กำลังใจนะคะ

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #111 เมื่อ01-08-2017 22:56:34 »

เล่นประเด็นอ่อนไหวอ่ะ
เรื่องอุบัติเหตุ
จะว่าบอกไม่สะใจที่จอมพลโดนแบบนี้ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำกับภีมก็ไม่ได้
แต่จอมพลก็ยังไม่ได้รับบทเรียนที่สาสมอยู่ดี

หมดกัน
ฉากจินตาการตอนภีมแทงจอมพล

รอลุ้นกับอีกสองตอนที่เหลือจ้ะ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #112 เมื่อ01-08-2017 23:18:26 »

เล่นประเด็นอ่อนไหวอ่ะ
เรื่องอุบัติเหตุ
จะว่าบอกไม่สะใจที่จอมพลโดนแบบนี้ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำกับภีมก็ไม่ได้
แต่จอมพลก็ยังไม่ได้รับบทเรียนที่สาสมอยู่ดี

หมดกัน
ฉากจินตาการตอนภีมแทงจอมพล

รอลุ้นกับอีกสองตอนที่เหลือจ้ะ

ภีมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คงต้องรบกวนจินตนาการแบบนั้นต่อไป แหะๆ ^^

นายเอกเราไม่โหดขนาดนั้นจร้าาา

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.28 100% [02/08/2560]
«ตอบ #113 เมื่อ02-08-2017 12:39:07 »


CHAPTER 28



“โอ้ย!” ภีมมองนิ้วตัวเองที่ถูกมีดบาดเพราะกำลังหั่นผักเพื่อเตรียมทำกับข้าวจนทิชาต้องรีบผละมือจากจานที่กำลังล้างอยู่ก่อนจะตรงเข้าดูพี่ชาย

“เป็นไรพี่ภีม”

“มีดบาดน่ะ”

“ไปทำแผลก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” เธอเสนอแต่ภีมยังดึงดันจะทำ

“ไม่เป็นไรแผลนิดเดียวเอง”

ทิชามองหน้าร่างโปร่งคล้ายจับผิด หญิงสาวรู้สึกได้ว่าวันนี้ภีมดูต่างไปจากทุกวันเขาดูเหนื่อยและเคร่งเครียดจนเธออดไม่ได้ที่จะถามกลับ

“ฉันว่าวันนี้พี่แปลกๆ นะเมื่อกี้ตอนรดน้ำต้นไม้ก็สะดุดสายยางไปทีนึงแล้วใช่มั้ย”

“ก็นิดหน่อยพอดีเมื่อคืนพี่ฝันร้าย” ภีมตอบไม่เต็มเสียง ร่างโปร่งชะงักมือที่กำลังจะคว้ามีดมาหั่นต่อเมื่อคิดถึงความฝันเมื่อคืน

ฝัน…ที่ดูเหมือนจริงจนน่ากลัว

ฝัน…ที่เขาเป็นฝ่ายคว้ามีดแทงลงบนอกของจอมพลจนเลือดอาบไปทั่ว

“ฝันว่าอะไรล่ะ?” ทิชาเอ่ยถามฉุดให้อีกฝ่ายหลุดออกจากภวังค์ภาพหลอนที่ทำให้วันนี้เขาใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

“ช่างมันเถอะ” ภีมว่าก่อนจะลงมือหั่นผักต่อ ทว่าทันใดนั้นเสียงกริ่งกับเสียงทุบประตูบ้านก็ดังสนั่นจนสองพี่น้องที่ง่วนอยู่ในครัวต่างตกใจ

ติ๊งหน่อง!ๆๆ ปัง!ๆๆ

“ใครมันเสียมารยาทแบบนี้นะ!” ทิชาฮึดฮัดถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินออกมาโดยมีภีมเดินตามมาติดๆ

“ทิชา! เปิดประตูหน่อย!!” เสียงของผู้มาเยือนดังลอดประตูบานเลื่อนใสเข้ามาถึงในบ้าน หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เร่งฝีเท้าก่อนจะเปิดประตูให้กับอดีต   คนรักที่บุกมาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่

“มีอะไรเหรอจอม? ทุบประตูบ้านเราจนมันจะแตกอยู่แล้วนะ!” ทิชาเอ็ด

“พี่ชายเธอ!…” จอมใจยืนหอบก่อนจะมองผ่านหลังทิชาไปหาภีมที่เดินตามมาพอดี หญิงสาวไม่รอช้ารีบสาวไม้ค้ำเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไว

“พี่ภีม...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!” จอมใจเอ่ยตะกุกตะกักพลางโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร่งรีบ

“เรื่องใหญ่? อะไรเหรอ”

“พี่พล…พี่พลรถชน!”

“รถชน!!” ภีมเบิกตากว้างตกใจ ร่างโปร่งขาสั่นจนแทบทรุดภาพความฝันที่น่ากลัวยิ่งฉายชัดเมื่อสีหน้าของจอมใจดูไม่ดีเอาเสียเลยก่อนเขาจะตั้งสติได้แล้วถามกลับ “ชะ..ชนที่ไหน!? เมื่อไหร่!?”

“เมื่อคืนตอนเขากำลังจะกลับบ้าน”

“แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างอยู่โรงพยาบาลไหน!?”

“ฉันไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดีฉันว่าพี่ไปให้เห็นกับตาจะดีกว่า” จอมใจมี       สีหน้าคิดหนักหญิงสาวยังคงสั่นเทาเพราะตกใจกับเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อคืนไม่หาย

“งั้นไปกันเลย! ทิชาฝากบอกแม่ด้วยนะ” ภีมหันไปวานคนเป็นน้องสาว

“ได้พี่รีบไปเถอะ”

ร่างโปร่งพยุงจอมใจเดินออกจากบ้านก่อนจะตรงไปยังรถที่ไม่สามารถขับเข้ามาในซอยได้เนื่องจากถูกรถส่งของจอดขว้างถนนจนเหลือที่ไว้เพียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านได้เท่านั้น ร่างบางเกาะแขนภีมไว้มั่น สองขาที่ยังไม่ชินกับการสวมขาเทียมก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถที่มีคนขับนั่งรออยู่ด้านในเป็นที่เรียบร้อยและตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

ที่โรงพยาบาลภีมเห็นราชันย์และแฟร์นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่มี       สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดก่อนร่างโปร่งจะรีบพยุงจอมใจเดินเข้าไปประจวบกับแฟร์ที่พอเห็นเขาก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง

“คุณจอมพลเป็นไงบ้างครับ!?” ภีมถามคนนั่งกุมขมับ

“ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วงหมอบอกต้องรอดูจนกว่าร่างกายของมันจะตอบสนองมากกว่านี้” สิ่งที่ราชันย์พูดทำเอาหัวใจของร่างโปร่งกระตุกวูบ

“ผมเข้าไปเยี่ยมเขาได้มั้ยผมอยากเจอเขานะครับผมขอร้อง” ภีมละล่ำละลักเอ่ยขอเสียงสั่น

“หมอยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมเลย” แฟร์บอกเพื่อนของตัวเองก่อน        ร่างโปร่งจะทรุดฮวบลงตรงนั้นท่ามกลางใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา

“ภีม!”

“ฮึก! เป็นเพราะผม…เพราะผมคนเดียว!” ภีมสะอื้นไห้ออกมาอย่าง   ไม่อาย แฟร์ตรงเข้าพยุงเพื่อนของตัวเองให้นั่งบนเก้าอี้ทว่าไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนเลยสักนิด

“ผมผิดเองที่พยายามปฏิเสธเขามาตลอดทั้งที่เขาเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อขอให้ผมยกโทษให้แต่ผมมัน!...ฮึก! โง่จนทำร้ายเขาให้เจ็บขนาดนี้” ภีมพร่ำด่าตัวเอง

“อย่าโทษตัวเองมันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นที่พวกเราควรทำตอนนี้คือภาวนาให้มันพ้นขีดอันตรายก็พอ” ราชันย์พูดอย่างนั้นทว่าร่างสูงก็ลุกออกจากที่นั่งเพื่อหลบไปปาดน้ำตาอยู่ตรงมุมตึกจนแฟร์ต้องเดินเข้าไปปลอบ

“พี่ขอโทษนะจอมใจ” ร่างโปร่งเอ่ยกับคนที่นั่งข้างๆ พลางปาดน้ำตาของตัวเองออกอย่างลวกๆ

“พี่พลเขารักพี่มากจริงๆ นะ” จอมใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“…”

“ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่วันที่พี่กับพี่พลค้างกันที่โรงพยาบาลกับฉัน”

“…”

“สิ่งร้ายๆ ที่พี่พลเคยทำกับพี่ทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าเขารักฉันมาก    อีกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันเองที่ไม่ยอมบอกความจริงกับเขาตั้งแต่แรก” จอมใจว่าในขณะที่เธอเองก็น้ำตาไหลไม่หยุด

“ถ้าพี่จะโกรธและไม่ให้อภัยพี่พลเพราะเขาเคยทำเรื่องพวกนั้นพี่ก็ต้องโกรธฉันด้วย” ภีมหันไปมองคนข้างๆ หญิงสาวเว้นระยะสักพักก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“แต่ถ้าพี่ให้อภัยฉันแล้วฉันขอพี่อย่างหนึ่งจะได้มั้ย?”

“…”

“ฉันขอพี่ให้อภัยพี่พลอีกคนนะ ถือว่าฉันขอร้องฉันไม่อยากให้เขาต้องเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจแบบนี้ไปตลอดชีวิต” น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของจอมใจทำให้ภีมรีบฉวยมือเรียวของอีกฝ่ายมากุมไว้ในที่สุด

“พี่ขอโทษที่เอาแต่ผลักไสเขาแต่ตอนนั้นพี่คิดว่าเรื่องระหว่างพี่กับเขามันเป็นไปไม่ได้” ภีมบอกสิ่งที่ค้ำคอออกมา

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าพวกพี่สองคนรักกันหรอก” จอมใจเอื้อมมือขวากุมมือของภีมที่กุมมือซ้ายของตัวเองไว้ประจวบกับที่หมอเจ้าของไข้ของ  จอมพลจะเดินออกจากห้องฉุกเฉินมา

“หมอครับอาการของคุณจอมพลเป็นไงบ้างครับ” ภีมพรวดพราดลุกขึ้นพลางถามคนที่เพิ่งจะเดินออกมากลับไปพลัน

“ตอนนี้ร่างกายของคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาและพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” หมอตอบด้วยใบหน้ายิ้ม ก่อนราชันย์และแฟร์ที่เดินกลับมาทันได้ยินพอดีจะถามกลับ

“แล้วจะออกจากห้องฉุกเฉินได้เมื่อไหร่ครับ”

“พรุ่งนี้เช้าครับ”

“แสดงว่าเข้าไปเยี่ยมได้แล้วใช่มั้ยครับ” ภีมดีใจเผยรอยยิ้มออกมา

“ตอนนี้หมออยากให้คนไข้ได้พักผ่อนรบกวนเยี่ยมตอนออกจากห้องฉุกเฉินพรุ่งนี้นะครับ” คนเป็นหมอตอบกลับอย่างนุ่มนวลทว่าภีมกลับหุบยิ้มลงอย่างผิดหวังอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไรน่าคุณหมอเขาบอกว่าคุณจอมพลปลอดภัยแล้ว” แฟร์ปลอบ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หมอบอกลาและเดินจากไป ราชันย์เลยถือโอกาสนี้พาทุกคนออกมานั่งพักกันที่ร้านคอฟฟี่ช็อปด้านหน้าล๊อบบี้ของโรงพยาบาลแทน

“พ่อกับแม่เธอว่าไงบ้าง” ร่างสูงถามจอมใจที่เดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากขอตัวโทรไปบอกเรื่องอุบัติเหตุของจอมพล

“ตวาดกลับใหญ่เลยว่าทำไมถึงไม่บอกท่านให้เร็วกว่านี้แต่จอมก็บอกไปแล้วนะว่าตอนนี้พี่พลปลอดภัยแล้ว” หญิงสาวตอบหน้าหงิก

“พวกท่านจะกลับมาเยี่ยมมันมั้ย”

“เห็นแม่บอกว่าน่าจะถึงตอนดึกๆ เพราะพอรู้เรื่องพ่อก็วานให้เลขาฯ จองตั๋วเครื่องบินให้เลย”

“โอเคอย่างน้อยพี่ก็ไม่รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกใครอย่างที่มันขอ” ราชันย์พ่นลมหายใจออกมา

“อย่างที่มันขอ? คุณราชันย์หมายความว่าไงครับ” ภีมนึกสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่าย

“จอมพลมันขอไว้” ราชันย์บอกก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานตอนฉันไปถึงที่เกิดเหตุหน่วยกู้ภัยเพิ่งจะพามันออกจากซากรถมาได้ตอนนั้นมันยังพอมีสติเลยขอร้องฉันว่าไม่ให้บอกใครโดยเฉพาะนาย”ภีมถึงกับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อรู้เข้า

“ทำไมเขาถึงได้…”

“คงกลัวว่านายจะโทษตัวเองหากมันเป็นอะไรไปล่ะมั้ง เพราะเมื่อวานหลังจากที่แยกกับนายมันก็โทรตามฉันให้ออกไปนั่งดื่มด้วยแถมยังดึงดันจะขับกลับเองอีกแล้วเป็นไง? เกิดเรื่องขึ้นจนได้นี่ความจริงมันต้องไปญี่ปุ่นวันนี้นี่ใช่มั้ย” ราชันย์สาธยายออกมายาวเหยียดก่อนจะหันไปถามจอมใจในประโยคหลัง

“เออ…ชะ…ใช่” หญิงสาวตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ไปญี่ปุ่น? หมายความว่าไง?” ภีมสวนถามขึ้นทันควัน

“มันไม่ได้บอกนายเหรอว่าที่มันไปหานายเมื่อวานคือมันอยากจะมีเวลาอยู่กับนายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องไปบริหารงานที่นั่น”

“!!” ภีมตะลึงงันในสิ่งที่ได้ยิน ร่างโปร่งหัวใจบีบรัดจนรู้สึกจุกไปทั้งอกกับเรื่องที่เขาไม่รู้มาก่อน “ขะ…เขาไม่เห็นบอกเรื่องนี้กับผมเลย” เสียงเศร้าเอ่ยกลับพลางก่นด่าตัวเองที่พูดตัดบัวไม่เหลือใยกับอีกคนไปในใจไม่หยุด

“เออ…คือ…” จู่ๆ จอมใจที่นั่งฟังด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นานก็พึมพำออกมาราวกับมีเรื่องจะพูดก่อนเธอจะตัดสินใจบอกเรื่องนี้ออกไปเมื่อสายตาทุกคู่หันมาจับจ้องเธอเป็นจุดเดียว “เรื่องที่พี่พลจะต้องไปบริหารงานที่นั่นน่ะความจริงมันเป็นแผนของแม่จอมเอง”

“อะไรนะ!?” ราชันย์คือคนที่ถามกลับพลันส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ ขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“แม่อยากจะเร่งให้พี่พลยอมสารภาพความรู้สึกของตัวเองเพราะคิดว่า พี่ภีมจะใจอ่อนและยอมคืนดีด้วยเลยกุเรื่องนี้ขึ้นมาอ้างแต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้พี่พลตกอยู่ในสภาพนี้” จอมใจบอกเสียงเศร้า

“เธอรู้เรื่องนี้นานแค่ไหน?” ภีมเป็นฝ่ายถามบ้าง

“เมื่อกี้ที่คุยโทรศัพท์กันนี่เอง” คนตอบทำหน้าเจื่อนอย่างไม่คาดไม่ถึงกันแผนการของแม่ตัวเองเช่นเดียวกัน

“ช่างเถอะยังไงซะตอนนี้ไอ้พลมันก็ปลอดภัยดีแล้ว” ราชันย์เอ่ยออกมาเมื่อจู่ๆ บรรยากาศภายในโต๊ะเกิดอึมครึมขึ้นก่อนร่างสูงจะพูดต่อ “เอาล่ะไหนๆ ก็เข้าเยี่ยมไม่ได้แล้วแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนแล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้เถอะ”

“แต่ผม…” ภีมอยากจะแย้งแต่แฟร์กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“เถอะน่าภีมถึงมึงอยากจะอยู่ก็เข้าเยี่ยมไม่ได้อยู่ดีเก็บแรงมาใหม่พรุ่งนี้จะดีกว่า” ร่างโปร่งมองเพื่อนตัวเองพลางยอมพยักหน้าเข้าใจกลับ

“ให้ฉันไปส่งมั้ย” ราชันย์ถาม

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ชันย์เดี๋ยวจอมไปส่งพี่ภีมเอง” จอมใจชิงตอบแทน

“งั้นพรุ่งนี้พี่อาจมาแต่เช้าเลย”

“ค่ะจอมเองก็จะมาแต่เช้าให้ทันทำเรื่องย้ายห้องพี่พลเหมือนกัน” พูดเสร็จทั้งสี่ก็พากันแยกย้ายกันโดยจอมใจเป็นคนอาสาไปส่งภีมถึงบ้าน

“พรุ่งนี้ให้พี่ไปรับมั้ย” ภีมถามเมื่อลงจากรถที่จอดเทียบหน้าบ้านตัวเอง

“ไม่เป็นไรพรุ่งนี้จอมจะไปโรงพยาบาลกับพ่อแม่”

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้พี่ขอบคุณเธอมากเลยนะ” ร่างโปร่งบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านทว่าเสียงของจอมใจที่ดังขึ้นก็ฉุดเขาให้หันกลับ

“อย่าโทษตัวเองนะพี่ภีมพี่พลปลอดภัยแล้วพี่อย่าคิดมากนะ”

ภีมเหยียดยิ้มและพยักหน้ารับร่างโปร่งโบกมือลาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ในรถที่กำลังถูกคนขับเคลื่อนออกจากซอยไปจนลับสายตา

ภีมขับรถออกจากบ้านแต่เช้าหลังจากทำกับข้าวให้แม่และทิชาที่ต้องไปมหา'ลัยเสร็จ ร่างโปร่งโทรหาจอมใจถึงเรื่องห้องพักฟื้นของจอมพลก่อนสองขายาวจะก้าวเดินขึ้นตึกสีขาวสูงระฟ้าเพื่อมุ่งไปยังห้องนั้นทันทีหลังจากเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาล

ภีมหยุดยืนมองหน้าห้องพักหมายเลข 4301 สักพักในมือของเขาถือกระเช้าผลไม้ที่ซื้อมาไว้แน่นก่อนร่างโปร่งจะตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูและเปิดเข้าไป

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” ภีมยกมือไหว้จอมเดชและจอมขวัญที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก่อนอีกฝ่ายที่เขาพูดด้วยจะส่งยิ้มกลับ

“สวัสดีจ้ะมาแต่เช้าเลยนะภีม” จอมขวัญที่ผละสายตาจากคนบนเตียงเอ่ยขึ้น

“ครับคุณป้า…สวัสดีครับคุณราชันย์” ภีมหันไปหาร่างสูงอีกคนที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่งของเตียง ราชันย์ยิ้มรับนิดๆ พลางพยักหน้าก่อนร่างโปร่งจะวางกระเช้าที่ตัวเองซื้อมารวมกับของเยี่ยมอื่นๆ พร้อมกับหันไปมองจอมพล

ร่างสูงยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว ใบหน้าคมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลที่เกิดจากเศษกระจกบาด บนหัวของเขามีผ้าก๊อตพันเอาไว้หลายชั้นก่อนภีมจะไล่สายตาลงไปที่เท้าซ้ายของอีกฝ่ายซึ่งถูกสวมเฝือกเอาไว้ยาวขึ้นไปจนถึงใต้เข่าประมาณห้าเซ็นต์ฯ

ร่างโปร่งมองภาพของคนเจ็บด้วยแววตาสั่นระริก ภีมรู้สึกจุกไปทั้งอกจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนพูดออกมาได้ ของเหลวใสเอ่อขึ้นจนล้นดวงตากลมไหลออกมาเป็นสายก่อนที่เขาจะจัดการปาดมันออกอย่างไวเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น

ภีมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ยังว่างข้างเตียง บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งหลังจากที่เขาเอ่ยทักราชันย์ไป ทุกคนต่างนั่งนิ่งไม่พูดอะไรหากแต่ทุกสายตากลับมองไปยังจุดเดียวนั่นก็คือจอมพล

“ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น” จอมขวัญเอ่ยขึ้นพลางมองมาที่ภีม

“ผมเองก็เสียใจครับ” ร่างโปร่งตอบพลางหันมองคนเจ็บอีกครั้ง

“ภีม...”

“ครับ?”

“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยจะได้มั้ย” ภีมมองจอมขวัญอย่างสงสัยอยู่สักพักก็พยักหน้ารับก่อนคนอายุมากกว่าจะเดินนำเขาออกจากห้องมา

“เอ่อ…แล้วจอมใจไปไหนเสียล่ะครับ” ภีมถามพลางเดินตามหลังอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“พอดีวันนี้คุณหมอบดินทร์เขานัดตรวจร่างกายหลังการรักษาของยัยใจน่ะอีกเดี๋ยวก็คงกลับ” จอมขวัญบอกก่อนทั้งคู่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางหนีไฟของชั้น

หญิงวัยกลางคนหันกลับไปมองคนเดินตามด้วยแววตาหมอง เช่นเดียวกับภีมเองที่รู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียจนเหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งมือก่อนที่      จอมขวัญจะถอนหายใจและเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ก่อนอื่นเลยฉันต้องขอโทษที่ลูกชายฉันเคยทำเรื่องไม่ดีไว้กับเธอตั้งมากมายขนาดนั้นนะ” ภีมสบตากับคนตรงหน้าพลางเอ่ยตอบอย่างงงๆ

“คะ…ครับ”

“เธอคงเจ็บปวดมากจนให้อภัยตาพลไม่ได้เลยใช่มั้ย” คนถูกถามขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนร่างโปร่งจะเข้าใจถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายอยากจะคุยกับเขาในที่สุด

“เปล่านะครับ”

“…”

“ผมยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้นก็จริงแต่ที่ผมพยายามถอยห่างจากเขามันเป็นเพราะผมคิดว่าเราสองคนต่างกันเกินไปอีกอย่างพวกเราไม่มีทางเป็นในแบบที่เขาต้องการได้ยังไงล่ะครับ” ภีมบอกออกไปอย่างไม่กั๊ก

“ใครกันที่บอกว่าเธอสองคนต่างกันเกินไป” จอมขวัญไม่เห็นด้วย

“…”

“ไม่มีใครนอกจากตัวเธอเองหรอกจริงมั้ย” คำถามของฉุดให้ภีมได้คิด

ร่างโปร่งคิดเองมาตลอดว่าเรื่องระหว่างเขากับจอมพลไม่มีทางเป็นไปได้คิดทั้งที่ไม่สนใจว่าร่างสูงจะรู้สึกยังไงและคิดไปก่อน…แม้กระทั่งยังไม่เคยได้ลองพยายามเลยสักครั้ง

“ผมขอโทษครับ ขอโทษที่เป็นสาเหตุให้เขาเป็นแบบนี้” ภีมยกมือไหว้พลางก้มหัวให้จอมขวัญ

“ไม่หรอกอุบัติเหตุครั้งนี้ฉันเองก็ผิดที่กุเรื่องทำให้ตาพลคิดมากจนขาดสติ” เธอคว้ามือที่พนมกันของภีมเป็นการห้าม “เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้มากกว่าคือเธอรักลูกชายฉันมั้ย”

“แม่คะ! พี่พลฟื้นแล้วค่ะ!!” ไม่ทันที่ภีมจะได้ตอบจู่ๆ จอมใจที่รีบสาวเท้าเดินมาก็ตะโกนบอกด้วยความดีใจ ร่างโปร่งเบิกตากว้างทันทีด้วยความตื่นเต้นภีมกำลังจะสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายที่หยุดยืนรออยู่ไม่ไกลทว่าผู้เป็นแม่ของร่างสูงกลับฉวยแขนเขาไว้ก่อน

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ” ภีมสบตากับจอมขวัญก่อนใบหน้าของเขาจะเปื้อนยิ้มขึ้นมา

“รักครับ” ร่างโปร่งตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป “ผมรักคุณจอมพลไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ทั้งที่ตอนนั้นเขาเองก็ร้ายกับผมไว้มากแต่พอรู้ตัวอีกทีผมก็รักเขาไปแล้ว” จอมขวัญฉีกยิ้มหลังจากได้ยินประโยคนี้ชัดๆ จากคนตรงหน้าก่อนที่เธอจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมาซึ่งคำพูดนี้เองได้ทำให้ภีมตัดสินใจทำอะไรบางอย่างในที่สุด

“ถ้าอย่างงั้น…อย่ารอให้อะไรมาพรากมันไปก็แล้วกัน”

“แค่กูเข้าโรง'บาลเองมึงก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้จะบอกพ่อแม่กูทำไมลำบากพวกท่านเดินทางมาเปล่าๆ” จอมพลเอ็ดราชันย์ที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยเสียงแหบพร่า

“ไอ้คนที่พูดว่า แค่เข้าโรง'บาลเอง เนี่ยกูได้ข่าวว่าเพิ่งขับรถชนเกาะกลางถนนเสียบเข้ากับเสาไฟฟ้า ขาหัก หัวแตกเย็บสิบเข็มแถมยังซี่โครงร้าว นี่ถ้าเป็นกว่านี้อีกนิดกูเกือบจองศาลาพร้อมซื้อพวงหรีดไว้ให้ละ” ราชันย์เหน็บสวนทำเอาจอมเดชที่นั่งดูอยู่ไม่ไกลอดขำให้กับพวกเขาทั้งสองที่ยังคงกัดกันไม่เปลี่ยนแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักกันก็ตาม

“ไอ้ปากอัปมงคล” คนเจ็บปรายตามองอย่างฉุนๆ

“ไงล่ะครั้งนี้เล่นหมดสภาพเลยสินะ” จอมขวัญที่เดินเข้ามาเอ่ยทักด้วยประโยคแรกที่ทำเอาจอมพลถึงกับจุก

“ก็ไม่ได้เป็นไรมากนี่แม่…มึงนี่นะไอ้ชันย์ไม่น่าบอกพ่อแม่กูเลย” ตอบแม่ตัวเองเสร็จก็หันมาแว้งกัดร่างสูงอีกคนไม่ปล่อย

“เอ้อ! ลืมไปว่ะว่ากูไม่ได้บอกแค่พ่อกับแม่นะเว้ยแต่กูยังบอก…” ราชันย์ที่ได้ยินเสียงคุยกันของจอมใจและภีมหลังจากที่ทั้งคู่เปิดประตูห้องเดินเข้ามาเอ่ยบอกก่อนสายตาของร่างสูงบนเตียงจะจับจ้องไปยังคนที่เดินเข้ามาใหม่ทันที

“ภีม…” จอมพลเหมือนถูกสาปให้แข็งเป็นหิน ร่างสูงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างน้อยใจ

“มึงมาที่นี่ทำไมไหนบอกว่ามึงกับกูจบกันไปแล้วไง” ทุกคนในห้องหันมองภีมเพื่อลุ้นคำตอบกันเป็นตาเดียว

“ก็ใช่ที่ผมเคยพูดแบบนั้น” คำตอบของภีมยิ่งทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางจ้องเขาไม่หยุด

“ภีมเขาอุตส่าห์มาเยี่ยมก็พูดกับเขาดีๆ หน่อยสิเจ้าพล” จอมเดชยิ้มอย่างรู้กันกับจอมขวัญก่อนจะทำทีเอ็ดลูกชายตัวเองออกไป

“ผมก็เป็นของผมแบบนี้” ร่างสูงบิดหน้าหนี

“เอ…ใจพี่ว่าเราพาพ่อกับแม่ออกไปหาซื้ออะไรมาเซ่นคนแถวนี้ดีกว่า”

“ไอ้ชันย์กูยังไม่ตายจะเซ่นเพื่อ!?” จอมพลว่าให้ราชันย์ที่กำลังหาทางให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน

“ดีเลยพี่ชันย์”

“ใช่จ้ะแม่เองก็อยากออกไปหาซื้อกับข้าวเหมือนกันนี่เราสามคนยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะใช่มั้ยคะคุณเดช”

“จ้ะแม่…” ทุกคนสวมบทบาทได้อย่างแนบเนียนจนคนคิดแผนถึงกับอึ้ง

“งั้นไปรถผมเลยนะครับเฮ้ย! ไอ้พลกูจะออกไปข้างนอกมึงจะเอาไรมั้ย”

“ฝากซื้อน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในมาให้กูที” ร่างสูงทำทีตอบเพื่อนสนิทก่อนจะปรายตามองร่างโปร่งที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล

“ได้เดี๋ยวกูจะซื้อมาให้สักสามสี่ลิตร” ว่าเสร็จทั้งสี่คนก็พากันเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงภีมที่ตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายข้างๆ เตียง

“เจ็บมากมั้ย” ร่างโปร่งเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ไม่เจ็บ” จอมพลตอบพลางหันหน้าหนีจนภีมทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นกดแผลที่หัวอีกฝ่ายไปหนึ่งที

“โอ้ย!! ซี้ดดด”

“ทำเป็นเก่งไปได้เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ” จอมพลมองภีมด้วยอย่างเคืองๆ

“แล้วมาทำไม? จะตามมาสมน้ำหน้าที่ตอนนี้เหมือนกรรมมันตามสนองกูอยู่สินะ” ร่างสูงว่าเสียงเย้ยหยันจนภีมแทบอยากกุมขมับกับท่าทีนี้เสียจริงๆ

“ก็คิดได้เนอะ” ร่างโปร่งว่าไม่เต็มเสียงนักก่อนบรรยากาศในห้องจะกลับมาเงียบอีกครั้งจนคนที่บิดหน้าหนีหันกลับมามองสิ่งที่เกิดขึ้นกับอีกคน

จอมพลหันมาสบตาภีมที่ยืนมองเขานิ่ง ดวงตากลมของอีกคนเรื่อไปด้วยน้ำตาก่อนภีมจะเอื้อมมือขึ้นจับแขนของร่างสูงและบีบเบาๆ ราวกับอยากจะยืนยันกับตัวเองว่าคนที่นอนอยู่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

“เจ็บขนาดนี้แล้วยังห้ามไม่ให้คุณราชันย์บอกอีกคุณมันโครตบ้าเลยรู้ตัวมั้ย” ร่างโปร่งว่าพลางกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล

“มึงไม่สนใจกูอยู่แล้วนี่จะบอกไม่บอกมันก็เหมือนกัน” จอมพลมองภีมด้วยความไม่เข้าใจก่อนคำพูดต่อมาของอีกฝ่ายจะทำให้หัวใจของเขาวูบไหว

“ตอนนี้ผมยังดูไม่สนใจคุณเหรอ” ภีมมองด้วยแววตาอ้อน “แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะดูสนใจคุณ?”

จอมพลเบิกตาขึ้นเล็กน้อยร่างสูงพยายามขยับตัวปรับท่านั่งโดยที่ภีมก็ไม่รอช้ารีบยื่นมือเข้าช่วยก่อนที่เขาจะมองคนที่ยืนข้างๆ นิ่ง

“งั้นจับมือกู” จอมพลพูดเหมือนสั่ง

ร่างสูงไม่กล้าหวังอะไรมากกับคำนี้เพียงแต่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมทำอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า…

และก็เป็นอย่างที่พูดเมื่อภีมเอื้อมมือมาจับมือขวาของเขาเอาไว้แน่นพลางบีบกระชับจนทำให้ร่างสูงรู้สึกอัดอั้นและร้อนผ่าวไปทั่วใต้ตาทั้งสองข้าง

“กอดกู” ภีมโน้มตัวลงโอบกอดเขาไว้ทันที ไม่ใช่กอดเหมือนอย่างทุกครั้งหากแต่ครั้งนี้ร่างโปร่งกอดเขาด้วยใจทั้งหมดที่มี

“จูบกู” ภีมหยัดตัวขึ้นพลางเท้าแขนไว้ข้างตัวของจอมพล ร่างโปร่งทาบริมฝีปากสีแดงระเรื่อลงบนริมฝีปากสีซีดของคนบนเตียงอย่างแนบแน่นแม้จะไม่ได้รุกล้ำแต่บทจูบนี้ก็เรียกน้ำตาให้เรื่อขึ้นมาในดวงตาคมได้เป็นอย่างดี

“คุณอยากให้ผมทำอะไรอีกบอกมาได้เลย” ภีมพูดหลังจากผละ         ริมฝีปากออก จอมพลมองดวงตากลมของอีกฝ่ายนิ่งก่อนร่างสูงจะยกแขนแกร่งขึ้นโอบอีกคนเข้ามากอดไว้

“มึงให้อภัยกูแล้วใช่มั้ย” น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มจนร่างสูงต้องรีบปาดมันออกเพราะกลัวใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขามันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักคนในอ้อมแขนจนหมดใจ

“ผมให้อภัยคุณไปตั้งนานแล้ว”

“ขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่กูเคยทำ กูรักมึงภีม…รักมาก…อยู่กับกูนะอย่าไปไหนถือว่ากูขอระ!…” ภีมที่คลายอ้อมแขนออกจากจอมพลชิงทาบนิ้วเรียวลงบนริมฝีปากซีดทันที

“คุณไม่ต้องขอร้องผมหรอก”

“…”

“เพราะถึงคุณไม่ขอผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ” คนพูดฉีกยิ้มก่อนประโยคต่อมาของเขาจะยิ่งทำให้จอมพลไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้วฟื้น

“ผมรักคุณครับคุณจอมพล”

“!!”

“รักมากและจะอยู่ข้างๆ คุณต่อจากนี้ไม่ไปไหนถึงคุณจะไล่ผมก็ไม่ไปเตรียมตัวไว้ได้เลย” ภีมก้มลงจูบซับไปบนแก้มสากอีกครั้ง

“มึงแม่ง! ทำกูเสียน้ำตามากกว่าแม่กูซะอีก” จอมพลว่าก่อนภีมจะเอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาให้ร่างสูง

“ไม่เห็นเป็นไรเลยขนาดหน้าคุณมีแต่รอยช้ำแถมยังร้องไห้ขี้มูกโป่งแต่คุณก็ยังดูหล่อเหมือนเดิม” ร่างโปร่งยิ้มพลางแซวอีกฝ่ายกลับ

“หยุดพูดเลยภีม” จอมพลเสมองไปทางอื่นหูของเขาเริ่มแดงขึ้นอย่างอายๆ

“ทำไมล่ะครับก็คุณยังดูหล่อจริงๆ นี่นา” ร่างโปร่งแซวไม่เลิก

“พอได้แล้วภีม” นัยน์ตาคมหันกลับมาจ้องคนตรงหน้าอีกครั้งก่อน    ร่างสูงจะยอมรับออกไปในที่สุด “กูเขิน…”

ภีมยิ้มให้กับท่าทีของจอมพลที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็น ร่างโปร่งลากเก้าอี้ตัวที่ว่างมานั่งพลางคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้

“คุณจอมพลครับ”

“หืม?”

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ” ร่างสูงเหยียดยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ

“สวัสดีครับผมภีมวิทธิ์หรือคุณจะเรียกผมว่า 'ภีม' เฉยๆ ก็ได้” ภีมพูดแนะนำตัวเองก่อนจอมพลจะกระชับมือที่ถูกอีกฝ่ายกุมและตอบรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถหักห้ามรอยยิ้มอันน่าหลงไหลของตัวเองไว้ได้

“ผมจอมพลยินดีที่ได้รู้จักครับ…ภีม”



TBC....
-----------------------------------------
บทหน้าจบแล้วนะคะ เม้นท์เป็นกำลังใจคนเขียนหน่อยเร้วววววว!!!

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ มะเหมียว17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #114 เมื่อ02-08-2017 13:40:29 »

 :z3:  :z3:  :z2:  กรี๊ดดดดดดดดดด...............
อยากจะตีลังกาสักแปดตลบ........

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #115 เมื่อ02-08-2017 13:56:54 »

ขอบคุณค่ะสนุกจัง

ออฟไลน์ may_nk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
«ตอบ #116 เมื่อ02-08-2017 18:23:31 »

ขอบคุณค่ะสนุกมากเลยค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [01/08/2560]
«ตอบ #117 เมื่อ02-08-2017 22:16:40 »




EPILOGUE



“ผมไม่รู้ว่าคุณจะใส่ชุดที่ผมเตรียมมาให้หรือเปล่า” ภีมพูดขณะที่มือทั้งสองข้างของเขากำลังคุ้ยอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วย

“มึงเอาอะไรมากูก็ใส่ทั้งนั้นแหละ” จอมพลที่นั่งบนวีลแชร์ใช้มือหมุนล้อเคลื่อนเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน

“พูดจริงนะ?” ร่างโปร่งตาลุกวาวก่อนคนไม่รู้ชะตากรรมจะพยักหน้าย้ำกลับอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

ภีมเหยียดยิ้มพอใจเมื่อจอมพลตกหลุมพรางก่อนจะล้วงบางอย่างออกจากเป้มา…บางอย่างที่ทำให้คนที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ถึงกับต้องร้องเสียงหลง!

“นี่มัน!?...” จอมพลมองสิ่งที่อยู่ในมือของภีมพลันเบิกตากว้าง

“พูดแล้วทำด้วยนะครับอย่าสักแต่พูดเฉยๆ” ภีมยื่นชุดที่เตรียมมาไปตรงหน้าอีกคน

“นี่มึงคิดจะแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย!?” ร่างสูงถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อยผมก็แค่อยากให้คุณใส่ชุดนี้ตอนออกจากโรงพยาบาลจริงๆ ก็เท่านั้น” ภีมตีมึนกลับก่อนจอมพลจะปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่เอากูไม่ใส่!!”

“อ่ะๆ เมื่อกี้ใครพูดว่าไงนะ? โธ่…ไม่ใจนี่หว่า” ภีมแกล้งยั่ว

“ใครมันจะไปใส่ลง! หยุดพูดแบบนั้นซะ!” จอมพลขู่ก่อนภีมจะงัดเอาไม้ตายออกมาใช้

“นั่นไงสุดท้ายก็เก่งแต่ปาก” ร่างโปร่งรู้ว่าอีกฝ่ายแพ้ให้กับอะไรจึงไม่ยากเลยที่จะทำให้จอมพลยอมใส่ชุดนี้ได้ “ช่างเถอะมันก็แค่ชุดที่ผม อุตส่าห์ตั้งใจหามาให้***!*** แต่คุณเลือกที่จะไม่ใส่ผมก็…โอเค” ว่าเสร็จภีมก็ทำทีเป็นยัดมันกลับเข้าไปในเป้สุดท้ายกลายเป็นจอมพลที่ทนไม่ไหวคว้ามันออกมาพร้อมกับเลื่อนวีลแชร์เข้าไปในห้องน้ำแทน

“หึ้ย! ใส่ก็ใส่วะ!!”
:
:
:
ผ่านไปกว่าสิบนาทีร่างสูงถึงยอมเปิดประตูห้องน้ำพร้อมเคลื่อนวีลแชร์ออกมาฉุดให้ภีมที่กำลังจัดของใส่เป้ของตัวเองผละจากสิ่งที่ทำตรงหน้าพลางหันไปมองคนหน้ามุ่ยภายใต้ชุดที่เขาอยากเห็นอีกฝ่ายใส่เป็นที่สุด

“พี่พล!...” จอมใจที่เพิ่งตามมาจากที่บ้านพรวดพราดเปิดประตูเข้ามาก่อนหญิงสาวจะชะงักพลางเบิกตาโพรงพร้อมหัวเราะลั่นเมื่อเห็นชุดที่พี่ชายตัวเองใส่

“ฮ่าๆๆๆ นี่มันชุดอะไรของพี่!?” จอมใจชี้ไปยังชุดนอนปิกาจูสีเหลืองแป๊ดบนตัวของจอมพล

“ถามพี่สะใภ้เธอโน่น! แม่งโครตน่าอายเลยว่ะ” คนถูกบังคับบุ้ยปากไปทางคนต้นคิดด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี

“น่าอายตรงไหนน่ารักดีออกพี่นี่แทบอยากขว้างโปเกบอลไปเก็บมาไว้กับตัวซะเลย” ภีมยิ่งแซวหนัก

“เหอะ! มึงลองมาใส่ดูมั้ยล่ะ” จอมพลบ่นอุบอิบ

“ฉันว่าดูๆ ไปพี่ก็เหมาะกับชุดนี้ดีนะ” จอมใจทำทีเห็นด้วยกับภีมหากแต่คำพูดนี้ของเธอได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายเพียงสายตาเคืองเท่านั้นทำเอาหญิงสาวยิ่งขำใบหน้าของพี่ชายหนักเข้าไปใหญ่

“คุณไม่ลืมอะไรแล้วนะ” ภีมเปลี่ยนเรื่องถามเมื่อเก็บของที่วางตรงหน้าใส่ลงเป้เป็นชิ้นสุดท้ายก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับ

“งั้นผมออกไปจัดการเรื่องเงินให้คุณรออยู่นี่ก่อนเดี๋ยวมา” ร่างโปร่งว่าแต่จอมพลห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องออกไปพร้อมกันเนี่ยแหละมึงไม่ต้องจ่ายให้กูหรอกมันเป็นเพราะกูประมาทเอง” ร่างสูงว่า

“ใช่แค่พี่เทียวมาดูแลพี่พลทุกวันพวกเราก็เกรงใจพี่จะแย่อยู่แล้วเดี๋ยวจอมจัดการเอง” จอมใจเดินนำก่อนภีมจะเข็นวีลแชร์ของจอมพลตามออกมา

ทั้งสามทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลจนเสร็จท่ามกลางคนที่เดินผ่านไปมาและนางพยาบาลประจำเคาน์เตอร์ที่มองจอมพลไม่หยุดแถมยังซุบซิบซะจนร่างสูงต้องสวมฮูดหัวปิกาจูปิดบังใบหน้าด้วยความอาย

“พ่อกับแม่ล่ะใจส่งพวกท่านที่สนามบินแล้วใช่มั้ย” ร่างสูงถามเมื่อพวกเขาเดินออกจากลิฟต์และตรงไปยังประตูทางเข้าของโรงพยาบาล

“อื้มไปตั้งแต่เช้าแล้วนี่ไม่น้อยใจใช่มั้ยที่พวกท่านไม่ได้มารับกลับบ้านน่ะ” หญิงสาวแหย่กลับเพราะจอมใจรู้ดีว่าจอมพลนั้นขี้น้อยใจแค่ไหน

“น้อยใจทำไมพี่รู้หรอกน่าว่างานที่โน่นมันยุ่ง” ร่างสูงตอบอ้อมแอ้มเรียกรอยยิ้มของจอมใจและภีมที่เหยียดมันให้กันอย่างรู้ดี

“ดังใหญ่แล้วนะคุณมีแต่คนถ่ายรูปแน่ะ” ภีมก้มลงกระซิบข้างหูของจอมพลเมื่อตลอดสองข้างทางที่พวกเขาเดินออกมามีแต่คนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปของร่างสูงไม่หวาดไม่ไหว

“เงียบเลยภีม” จอมพลว่าเสียงดุก่อนที่จู่ๆ เด็กผู้หญิงมอปลายสองคนจะวิ่งเข้ามาหาพวกเขาหลังจากที่ทั้งคู่ผละจากญาติที่มารับคุณตาคนหนึ่งกลับบ้านเช่นเดียวกัน

“พี่คะๆ พวกหนูเห็นว่าชุดพี่น่ารักดีขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ?” หนึ่งในสองคนเอ่ยขอด้วยใบหน้ายิ้มแป้น

“ขอโทษนะครับพี่มะ!…”

“ตามสบายเลยครับ”

“ภีม!” ร่างสูงกระชากฮูดหัวปิกาจูออกก่อนจะเอี้ยวตัวมองขึ้นไปยังคนด้านหลังอย่างเคืองๆ

ทว่าสุดท้ายจอมพลก็เสียท่าจนได้เพราะเมื่อเขาถอดฮูดออกเด็กสาวที่ยืนรออยู่ก็ถึงขั้นอ้าปากค้างให้กับใบหน้าคมของเขาพลันยกโทรศัพท์ขึ้นกดรัว  ชัตเตอร์ไม่ยั้ง

“ถ่ายเยอะๆ เลยนะเยอะเท่าที่พวกน้องต้องการเลย” ภีมว่าพลางยิ้มให้ร่างสูงที่ยังคงแหงนหน้าจ้องเขาไม่ปล่อย

“เอ๋…แล้วพวกพี่เป็นอะไรกันเหรอคะ” เด็กสาวคนหนึ่งถามหลังจากที่เธอถ่ายรูปของอีกฝ่ายจนพอใจและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากระโปรงไปแล้ว

“พี่เป็นน้องพี่พลเขาน่ะ” จอมใจตอบก่อนจะเสมองภีมที่จู่ๆ ก็เงียบจนจอมพลนึกขำ

“ไงล่ะมึงเจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยอะดิ” ร่างสูงเอ่ยแซวหากแต่ในใจลึกๆ เขาก็หวังให้ภีมกล้าบอกความจริงกับคนถามกลับไป

“เขาเป็น…” ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังลุ้นคำตอบของภีมเพราะสายตาทุกคู่จดจ้องมาที่เขาไม่กระพริบ

“เขาเป็นสามีของพี่น่ะ” ร่างโปร่งยอมบอกในที่สุดเรียกเสียงกรี๊ดของสองเด็กสาวและจังหวะการเต้นของหัวใจจอมพลให้รัวเร็วขึ้นในทันที

“กรี๊ด!! แกเห็นมั้ยว่าราศีมันจับพี่เขาเป็นๆ!...ว๊าย! ขอบคุณนะคะที่ให้ถ่ายรูปด้วย”

“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ” สองฝ่ายเอ่ยแยกย้ายก่อนจอมพลจะแขวะภีมเมื่อพวกเขาเดินออกจากตัวโรงพยาบาลมาและตรงไปยังรถที่จอดอยู่

“กล้ามากนะมึง”

“อ้าวหรือคุณอยากให้ผมกลับไปบอกพวกเธอว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกัน?”

“อย่า!” ร่างสูงเหวอรีบคว้ามือภีมเอาไว้ก่อนจะพูดต่อ “กูแค่คิดไม่ถึงว่ามึงจะกล้าพูด” ภีมได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ที่อีกฝ่ายรู้จักเขาน้อยไป

“ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับผม” ร่างโปร่งพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปเปิดประตูรถของตัวเองให้จอมพล

“ทำไมยังไม่ขึ้นรถ?” ร่างสูงถามเมื่อเขาและภีมนั่งพร้อมอยู่ในรถแล้วทว่าจอมใจก็ยังยืนอยู่ข้างนอกไม่ยอมขึ้นมาสักที

“จอมจะกลับบ้าน”

“เราก็กลับบ้านไง…ใช่มั้ย?” จอมพลหันมาถามภีมก่อนอีกฝ่ายจะส่ายหัวปฏิเสธกลับ

“เปล่าสักหน่อยผมกำลังจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งต่างหาก”

“ห๊ะ?”

“ขอบคุณนะจอมใจ” ภีมเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่

“ยินดีเสมอ”

จอมใจผละเดินไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่ไม่ไกลก่อนภีมจะหยิบผ้าปิดตาออกจากช่องใต้คอนโซลและสวมมันให้กับคนข้างๆ

“เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”

“ปิดไว้ก่อนครับเพราะถ้าคุณเห็นมันก็ไม่เซอร์ไพร์สน่ะสิ” ภีมว่าจนสุดท้ายร่างสูงก็ยอมใส่ในที่สุด

“เชื่อมึงเลย”
:
:
:
ภีมเข็นวีลแชร์ที่จอมพลนั่งเข้ามาในห้องๆ หนึ่งก่อนร่างโปร่งจะรีบถอดเป้ที่สะพายออกและวิ่งวุ่นตามหาของบางสิ่งที่เตรียมเอาไว้แต่ดันลืมว่าเก็บไว้ตรงไหน

“กูเปิดตาได้ยัง”

“แปปนึงๆ” ภีมเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะวางทีวีก่อนจะเจอว่าของที่กำลังหาถูกวางอยู่ในนั้น “อะเปิดได้” น้ำเสียงตื้นเต้นเอ่ยบอกก่อนมือหนาจะคว้าผ้าปิดตาออกอย่างไว

ปุ้ง!

“ยินดีต้อนรับกลับครับคุณจอมพล!” ภีมดึงพลุกระดาษในมือก่อนจะตะโกนบอกอีกฝ่ายด้วยอาการดีใจเป็นที่สุด

“นี่มัน…อะไร?” ร่างสูงถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“อ้าวคุณจำไม่ได้แล้วเหรอว่านี่คอนโดผม”

“กูจำได้แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ…” ดวงตาคมมองไปยังแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ตรงประตูบานเลื่อนทางออกไปนอกระเบียง

'Welcome back to our home!' ตัวอักษรหลากสีที่ถูกอีกฝ่ายตกแต่งทำให้ร่างสูงรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก

“เพราะคุณต้องใส่เฝือกที่ขาอีกนานคงทำอะไรเองไม่สะดวกอีกอย่างคนที่บ้านของคุณก็ต้องดูแลจอมใจอยู่แล้วผมเลยอาสาพาคุณมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลแทนเอง” ภีมสาธยาย

“ดูแล?”

“ใช่มานี่สิผมจะให้ดูอะไร” ร่างโปร่งเข็นวีลแชร์ไปยังห้องนอนก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงพลางพูดด้วยท่าทีที่ดูร่าเริงกว่าวันไหนๆ

“ผมเปลี่ยนผ้าปูเตียงเป็นสีครีมที่คุณชอบด้วยนะ เสื้อผ้าของคุณที่อยู่ในตู้ผมเองก็รีดให้ทุกตัวแล้ว”

“ภีม…” จอมพลเรียกชื่ออีกฝ่ายทว่าภีมกลับไม่สนใจเพราะร่างโปร่งก็ยังเดินไปโน่นมานี่เพื่อบอกสิ่งที่เตรียมไว้ให้กับอีกคนไม่หยุด

“ในตู้เย็นก็มีแต่ของที่คุณชอบตามที่จอมใจบอกกับผม”

“ภีม…”

“ในห้องน้ำผมก็ซื้อแปรงสีฟันและผ้าเช็ดตัวมาให้คุณแล้วนะ”

“ภีม!”

“หืม?” ร่างโปร่งชะงักก่อนจะหันไปมองหน้าจอมพลนิ่ง

“นี่มึงใช่คนเดียวกับที่เคยปฏิเสธกูเปล่าวะ?” ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยอึ้งก่อนภีมจะเดินเข้าไปหาและถามขึ้นอย่างสงสัย

“ทำไมเหรอ?”

“มึงทำให้กู…”

“คุณไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้?”

“เปล่ากูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” จอมพลปฏิเสธก่อนร่างสูงจะคายสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกออกมา “เพียงแต่ตอนนี้กูกำลัง…มีความสุข”

ภีมมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน

“ผมเองก็มีความสุขนะที่มีคุณมาอยู่ด้วย” ร่างโปร่งเข็นวีลแชร์ของ     อีกฝ่ายออกมายังห้องรับแขกตามเดิม

“เหมือนกูเพิ่งแต่งงานเข้าหอเลยว่ะ” จอมพลว่าก่อนจะย้ายขึ้นมานั่งบนโซฟาโดยมีภีมคอยช่วยพยุง “เมียก็แม่งน่ารัก” ว่าเสร็จก็หยิกแก้มอีกคนไปหนึ่งที

“แต่ผมว่าวันนี้คุณน่ารักกว่า” จอมพลหุบยิ้มลงเมื่อภีมไม่เลิกแซว

“หิวหรือยังครับ” ภีมถาม

“ข้าวยังไม่หิว…” ร่างสูงตอบก่อนจะใช้แขนโอบคนข้างๆ เอาไว้พลางพูดสองแง่สามง่ามต่อ “หิวอย่างอื่นมากกว่า”

ภีมหดคอหนีอีกคนที่โน้มหน้าเข้ามาก่อนที่พวงแก้มทั้งสองข้างของ   ร่างโปร่งจะขึ้นสี “ถ้าไม่หยุดทำตัวน่ารักเดี๋ยวกูก็ช็อตไฟฟ้าด้วยลำของกูซะหรอก” ร่างสูงแหย่จนภีมอดไม่ได้ที่จะปรามาสกลับ

“เหอะ! ยังไม่หายดีอย่างซ่านักเลยน่า”

“ถึงขาจะใส่เฝือกแต่กูก็ขย่มมึงได้แล้วกัน”

“บ้า! ปล่อยได้แล้วผมจะไปกับข้าว” ร่างโปร่งดิ้นหนีพลันเสียงสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น

ตึ่งดึ่งๆๆๆ

เสียงเตือนรัวๆ ของแอปพลิเคชั่นหนึ่งฉุดให้จอมพลขมวดคิ้วก่อนร่างสูงจะผละออกจากร่างโปร่งและล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงชุดนอนปิกาจูออกมาดูว่าเป็นใครที่ทักมา

“ใครครับ”

“ลูกค้า” จอมพลตอบไม่เต็มเสียงนักทั้งยังพยายามเบี่ยงตัวไม่ให้ภีมที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูการสนทนาที่เกิดขึ้น

“ลูกค้าน่ะใคร?”

“ก็…ลูกค้า”

“ขอดูหน่อยครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก” ร่างสูงรีบพิมพ์บางอย่างกลับไปก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

“ถ้าแค่ลูกค้าก็เอามาให้ผมดูครับ”

“…” จอมพลทำหูทวนลม

“คุณจอมพล…” หากแต่น้ำเสียงและท่าทีที่เปลี่ยนไปของภีมกลับทำให้เขาที่ไม่อยากมีเรื่องทะเลาะยอมยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายแต่โดยดี

“พรุ่งนี้ริกาไปหาที่บริษัทนะคะ…นี่เธอไม่รู้เหรอว่าคุณต้องพักฟื้น” ภีมถามออกไปอย่างฉุนๆ เมื่อคนที่ทักจอมพลมาเมื่อครู่คือมาริกา

“กูบอกเขาเองแหละว่าพรุ่งนี้จะกลับไปทำงาน”

“ผมไม่ให้ไปนะ!”

“ภีมช่วงนี้งานกูยุ่งแค่หายไปเกือบสองอาทิตย์พนักงานก็วิ่งวุ่นกันพออยู่แล้วไหนยังจะมีเอกสารกองเท่าภูเขาอีก”

“อยากไปทำงานหรืออยากไปเจอเธอกันแน่” ภีมสวนอย่างงอนๆ จน ร่างสูงต้องรวบตัวอีกคนเข้ามากอดไว้อีกครั้ง

“ไม่เอาน่ากูมีแค่มึงคนเดียวกับริกากูคิดกับเขาแค่พี่น้อง”

“แต่เธอไม่ได้คิดกับคุณแค่พี่น้องน่ะสิครับ”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้มึงก็ไปกับกูสิ” ร่างสูงเสนอ

“แต่ผมลาออกแล้วนะ”

“กูยังไม่ได้เซ็นต์อนุมัติให้มึงออกถือว่ามึงยังเป็นพนักงานของกูอยู่     อีกอย่างถึงมึงจะลาออกไปแล้วจริงๆ มึงก็ไปในฐานะอื่นได้”

“ฐานะอะไร?” ภีมถามอย่างสงสัย

“ทูนหัวของจอมพล”

ร่างโปร่งหน้าร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างใบหู

“ไม่คุยด้วยแล้ว!” ภีมผลักอีกคนออกอย่างเขินอายพลันจอมพลก็ใช้แขนแกร่งโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

“เขินเหรอ?” จอมพลยิ้มมุมปากก่อนมือหนาจะถอดบางอย่างออกจากข้อมือตัวเองและสวมเข้าที่ข้อมือซ้ายอีกฝ่ายแทน

“อันเก่ามันหักเพราะกูแม่งบ้ากูเลยทำอันใหม่มาให้” ร่างโปร่งมองกำไลเงินเกลี้ยงที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า You’re Mineบนข้อมือซ้ายก่อนดวงตากลมจะเงยหน้ามองไปยังจอมพล

“ของกูก็มีนะ” ร่างสูงชูข้อมือซ้ายของตัวเองที่มีกำไลอยู่อีกวงก่อนภีมจะคว้าแขนเขาเอาไว้และหมุนดูข้อความด้านบน

มันคือคำว่า…I’m Yours

“ไม่ยักรู้ว่าคุณก็มีมุมนี้กับเขาด้วย” จอมพลทำภีมแทบพูดไม่ออก

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่มึงไม่รู้เกี่ยวกับตัวกู”ร่างสูงทำทีพูดประโยคของ อีกฝ่ายก่อนภีมจะย่นจมูกมองกลับด้วยท่าทียียวน

“เจ้าเล่ห์นักนะ” ภีมว่าพลางบีบจมูกคนข้างๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ขอบคุณมากเลยนะครับแต่ตอนนี้ปล่อยก่อนนะผมจะไปทำกับข้าวแล้ว”

“ค่อยทำน่า…ตอนนี้ทำกับกูก่อน” จอมพลอ้อน

“กับคุณไว้หายดีก่อนแล้วค่อยทำครับ”

“รอขนาดนั้นกูทรมานตายพอดี”

“ผมไม่ปลอยให้คุณตายง่ายๆ หรอกน่า” คำพูดนี้ฉุดให้ร่างสูงมองอีกคนกลับอย่างไม่เชื่อหูก่อนภีมจะชิงทาบริมฝีปากสีระเรื่อของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย

บทจูบอันแสนหวาบหวามเริ่มต้นเมื่อจอมพลจูบตอบด้วยลีลาที่เหนือชั้น ริมฝีปากเรียวเผยอรับลิ้นร้อนที่ส่งเข้ามาก่อนร่างสูงจะดูดดึงลิ้นของอีกฝ่ายราวกับมันเป็นของหวานรสชาติละมุนจนอยากจะลืมเลือน

“เอาไปแค่นี้ก่อนเนอะสัญญาว่าหายดีแล้วให้แน่ๆ” ภีมที่ผละริมฝีปากออกให้คำมั่นกับอีกคน

“สัญญาแล้วนะ?”

“อื้ม”

“กูแม่งโครตรักมึงเลยว่ะภีม” จอมพลหอมภีมกลับอีกฟอดใหญ่

“รู้แล้ว…ผมเองก็รักคุณครับคุณจอมพล เอาล่ะปล่อยได้แล้วจะไปทำกับข้าว” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะยอมปล่อยเขาแต่โดยดี

“งั้นกูช่วย”

“ไม่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอ…”

เสียงพูดคุยของผู้ชายสองคนดังอบอวลไปถ้วนทั่วทั้งห้อง ภีมที่ยืนทำกับข้าวมองไปยังจอมพลที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักไม่ต่างอะไรกับอีกหนึ่งคนที่นั่งมองผู้ชายที่ตัวเขายกให้เป็น 'ศรีภรรยา' ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเดียวกัน

แม้ว่าเรื่องราวของทั้งคู่อาจเริ่มต้นมาจากความแค้น แต่ทว่าตอนนี้พื้นที่ทุกตารางวาภายในห้องกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน มันเป็นความรู้สึกที่…

ทำให้บ้าน กลายเป็น บ้าน

ชีวิตกลายเป็น ชีวิต หรือแม้กระทั่ง

ทำให้ความแค้น กลับกลายเป็น…ความรัก


-จบ-


จบลงแล้วนะคะสำหรับความรักระหว่าง จอมพล x ภีม
พระเอกอาจจะถูกกระทำน้อยไปหน่อยและอาจไม่ตรงใจนักอ่านในบางฉาก
กิ่งต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังไงจะพยายามต่อไป แล้วพบกันใหม่ที่

 เล่ห์กลอัศวิน ค่ะ
ปล.แต่เรื่องนี้ยังไม่จบและคิวโพสน่าจะหลังจากที่เว็บธัญวลัยจบแล้วค่ะ
(เพราะกิ่งโพสในนั้นเป็นหลัก) และอยากจะให้เว็บนั้นจบก่อนเนื่องจากมีระบบเหรียญด้วยค่ะ ^^



สำหรับ กงจักรจอมพล มีแบบเล่มกระดาษขายกับ สนพ Writer Book ค่ะ
หากใครอยากได้มาจับจองและอ่านเรื่องราวของทั้งคู่ต่อจากนี้กับตอนพิเศษ 4 ตอนคือ

โทษที 'ผู้ชายคนนี้' ผมหวง!
ผัวไม่อยู่หนู (เมีย) ร่าเริง
Bed War พี่ขอจัดหนัก
รักนายคนนี้ 24 ชั่วโมง

สามารถสั่งซื้อทาง Inbox แฟนเพจของทาง สนพ. ได้เลย >> Writer Book
เล่มประกอบด้วยเนื้อหา 460+ หน้า ราคา 370 บาท+ที่คั่นและโปสการ์ด จร้าาาา


 
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:






ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
«ตอบ #118 เมื่อ02-08-2017 22:44:08 »

กรี้ดดดดดดด
ฮึ่ยยยยยยยย
จบแล้ว จบแบบจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้ะ
ถึงแม้จะขัดใจที่ให้อภัยง่ายไปหน่อย
แต่ภาษาค่อนข้างดี
เลยไม่เป็นไร
ขอบคุณจริงๆ นะจ้ะคนเขียน

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
«ตอบ #119 เมื่อ02-08-2017 23:05:37 »

กรี้ดดดดดดด
ฮึ่ยยยยยยยย
จบแล้ว จบแบบจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้ะ
ถึงแม้จะขัดใจที่ให้อภัยง่ายไปหน่อย
แต่ภาษาค่อนข้างดี
เลยไม่เป็นไร
ขอบคุณจริงๆ นะจ้ะคนเขียน

จร้าาาา แล้วรอติดตามอีกสองเรื่องที่เหลือด้วยนาาาาา  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด