[END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book  (อ่าน 77652 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
«ตอบ #60 เมื่อ26-07-2017 20:45:45 »

 :m28:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
«ตอบ #61 เมื่อ26-07-2017 21:59:34 »

ตอบเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ก็ทำให้สะอึกได้ หึหึ
.
.
.
เด็กชายจอมพลอายุกี่ขวบคะ เอาแต่ใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
«ตอบ #62 เมื่อ26-07-2017 22:44:58 »

เป็นกลจ.ให้คนเขียน
ภีมอย่าเพิ่งหวั่นไหวสิ
แล้วทีนี้จะได้เห็นจอมพลกระอักไหม
ชักหวั่นใจแล้วสิ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
«ตอบ #63 เมื่อ27-07-2017 10:22:03 »



CHAPTER 16




ร่างสูงภายใต้ชุดไปรเวทเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหล่อจนเหล่าสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาแทบสะท้านขยับแว่นตาสีชามองไปยังร่างโปร่งที่เดินออกจากอาคารผู้โดยสารด้วยใบหน้ามู่ทู่

จอมพลคายหมากฝรั่งที่เคี้ยวเพื่อฆ่าเวลาตอนรอให้ภีมเข้าไปสั่งแดเนียลขึ้นเครื่องออกใส่กระดาษของมันก่อนร่างสูงจะขยำและปาทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ไป

“หน้าระรื่นเลยนะมึง” ร่างสูงเอ่ยเหน็บทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาจนถึงรถ

“คุณอยากให้ผมร้องไห้เหรอ” ร่างโปร่งถามหน้านิ่ง

“กูประชดเหอะ!”

บทสนทนาที่ฟังดูผ่อนคลายทำเอาภีมขำออกมาเล็กน้อย ร่างโปร่งเปิดประตูขึ้นรถของจอมพลก่อนคนเป็นสารถีจะหันมามองหน้าเขานิ่ง

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ยิ้มให้กู” จอมพลออกปากสั่ง

“ห่ะ?”

“บอกว่ายิ้มให้กู”

“นี่คุณเป็นอะไรอีก? จู่ๆ ก็ให้ผมยิ้มให้”

“เดี๋ยวนี้” ร่างสูงคาดคั้นก่อนภีมจะยอมยิ้มให้

“ก็แค่เนี่ย” จอมพลดึงแก้มภีมไปหนึ่งทีพลางเหยียดยิ้มกลับไปบ้างจนอีกฝ่ายชะงัก

สองวันมานี้เกิดเหตุการณ์มากมายจนภีมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีตามไปด้วย จอมพลที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไม่ดุด่าว่าร้ายให้เขาเจ็บช้ำใจเล่นอีก ร่างสูงพูดคุยเป็นปกติจนบางครั้งภีมก็อดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะเลิกแค้นตัวเองแล้วเป็นแน่

ร่างโปร่งยังคงเดินทางไปเยี่ยมจอมใจทุกวันซึ่งก็อย่างที่อิงฟ้าเคยบอกว่ามีวันดีก็มีวันร้ายเพราะเมื่อวานหลังจากที่เขาไปเยี่ยมจู่ๆ จอมใจก็เงียบลงถนัดตา หญิงสาวไม่เขียนตอบไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเฉยๆ และพลันน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเป็นทางอย่างหาสาเหตุ ภีมมองใบหน้าที่แสนจะปวดร้าวภายใต้การกอดปลอบของผู้เป็นพี่ชายด้วยความคับแน่นไปทั้งอก ร่างโปร่งคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้จอมใจเป็นแบบนี้เพียงแต่ในความคิดของเขาภีมยังคงปักใจไปที่ทิชาที่ดูเหมือนจะเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดซึ่งตัวเขาก็หวังว่าจะมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านในสักวัน

จอมพลและภีมเดินทางมาถึงรีสอร์ทที่เขาใหญ่หลังจากนั่งรถนานเป็นชั่วโมง ร่างสูงเปิดประตูห้องพักที่ออกแบบเป็นหลังๆ ท่ามกลางแมกไม้และบรรยากาศร่วมรื่นโดยรอบจนร่างโปร่งที่เดินตามหลังมาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด

“มัวยืนบื้ออะไรตรงนั้นเข้ามาสิ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะหันไปทำหน้างอแต่ก็ยอมเดินเข้าห้องไปที่โดยดี

“ผมต้องนอนกับคุณ?”

“ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ได้นอนด้วยกัน” ร่างสูงเอ่ยทับ

“เปล่าแค่คิดว่าบริษัทของคุณไม่มีเงินเปิดห้องให้ผมหรือไง” ภีมเหน็บแต่ความจริงแล้วร่างโปร่งก็พอจะรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้

“หึ! กูยอมให้มึงมองว่าจนว่ะ” ว่าเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้ร่างโปร่งที่อึ้งเพราะคำพูดนั้นได้แต่ยืนอ้าปากค้าง

“รีบเก็บกระเป๋ามึงซะเดี๋ยวต้องไปทำกิจกรรมกับคนอื่นๆ” จอมพลตะโกนออกมา

ภีมสะบัดหัวไล่ความคิดพลางดึงสติกลับก่อนจะวางกระเป๋าเป้ที่แบกมาไว้ปลายเตียงพร้อมกับนั่งลงเช็คโทรศัพท์รออีกฝ่าย

“ทำอะไร” จอมพลที่เดินออกจากห้องน้ำมาถามขึ้น

“แค่เล่นไปเรื่อยๆ”

“นึกว่าจะโทรไประลึกรักครั้งเก่าซะอีก”

“หยุดเหน็บผมได้แล้วน่าอีกอย่างจะโทรไปได้ไงแดนมันอยู่บนเครื่องนะคุณ” ภีมว่าก่อนอีกคนที่พูดไม่คิดจะชะงักไป

“รีบไปทำธุระของมึงให้เสร็จกูจะรอข้างนอกแล้วค่อยไปด้วยกัน” จอมพลบอกแก้เขินก่อนจะหนีไปนั่งเก้าอี้โซฟาตัวเล็กข้างทีวีทันที

ภีมมองตามอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไป

ให้ตายเถอะ! นานวันเข้าจอมพลทำยังกะว่าพวกเขาเป็นคนรักกันงั้นแหละ!
:
:
:
จอมพลเดินนำภีมไปยังลานหญ้ากว้างสถานที่ทำกิจกรรม รสรินที่พอเห็นทั้งคู่เดินมาก็รีบวิ่งเข้าไปหาก่อนหญิงสาวจะเอ่ยทักร่างสูงและจูงมือร่างโปร่งไปทันที

พิธีกรภาคสนามกล่าวแนะนำผู้บริหารอย่างจอมพลก่อนจะแนะนำภีมที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานให้กับพนักงานทั้งเก่าและใหม่ทุกคนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้รู้จักท่ามกลางดวงตากลมที่สบเข้ากับเดนิสที่นั่งอยู่ในกลุ่มไม่ไกล

ภีมจับฉลากได้สีแดงในขณะที่จอมพลจับได้สีฟ้า ร่างสูงสบถออกมาอย่างไม่พอใจแต่ถึงกระนั้นผู้บริหารมาดเท่ห์ก็ไม่ได้กระโตกกระตากจนกระทั่งกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“ทำไมมาสาย” เดนิสถามเมื่อภีมได้อยู่ทีมเดียวกันกับเขา

“ไปส่งแดนมันน่ะครับ”

“อ้าว! ทีกับพี่มันกลับไม่ให้ไปแล้วทีกับนาย…ไอ้น้องเวร!” เดนิสบ่น

“ผมเองก็ไม่รู้ครับ”

“แล้วทำไมมากับคุณจอมพลได้ล่ะ”

“พอดีเจอกันโดยบังเอิญน่ะครับเขาเลยชวนให้มาด้วยกันจะได้ไม่เปลืองน้ำมันหลายต่อ” ร่างโปร่งโกหกกลับก่อนจะเหลือบไปยังทีมสีฟ้าอีกฝั่งและสะดุดเข้ากับสายตาของจอมพลที่มองมาทันที

“เอาล่ะค่ะตอนนี้เกมส์กินวิบากก็จบไปแล้วผู้ชนะคือสีฟ้า!!!” รสรินพิธีกรภาคสนามอีกคนประกาศชัยชนะก่อนสมาชิกของสีฟ้าจะช่วยกันส่งเสียง

“และก็มาถึงเกมส์สุดท้ายของวันแล้วนะคะเราจะได้ไปพักกันแล้ว! เกมส์นี้ชื่อเกมส์ว่า ใกล้เข้าไปอีกนิดชิดเข้าไปอีกหน่อย!!!”

“เฮ!!!”

“แต่เกมส์นี้มีความพิเศษที่เราจะให้สมาชิกของสองสีมาแข่งด้วยกัน อ้า! งง กันใช่มั้ย? กติกามีอยู่ว่ารินจะจับคู่สีเป็น สีส้มคู่กับสีเหลือง!”

“เฮ!!!”

“สีชมพูคู่สีเขียว!”

“เฮ!!!”

“และสีฟ้าคู่สีแดงค่ะ!!”

“เฮ!!!” เสียงเฮดังลั่นเมื่อพิธีกรพูดจบ

“ขอตัวแทนสีละคนออกมาเล่นเกมส์นี้ด้วยค่ะ”

สิ้นเสียงรสรินสมาชิกแต่ละสีก็ส่งตัวแทนออกไปกันอย่างรวดเร็วเว้นแต่สีฟ้าและสีแดงที่ยังเกี่ยงกันไปมาจนเดนิสตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“ให้คนมาใหม่ออกไปเล่นบ้างดีกว่าเชิญคุณจอมพลกับภีมเลยครับ” เสียงทุ้มประกาศก้องก่อนสมาชิกทั้งสองทีมจะเห็นดีเห็นงามส่งเสียงให้กำลังใจทั้งสองคนออกไป

จอมพลเลือกเดินไปตรงหน้าภีมที่ยังนั่งทำหน้าคิดหนักก่อนเสียงเฮจะยิ่งดังขึ้นเมื่อร่างสูงยื่นมือไปหาอีกฝ่าย

“คนอื่นเขารอ” ร่างสูงว่าพลางกระดิกมือเป็นสัญญาณให้อีกฝ่าย

“รู้แล้วน่า” ภีมจับมือของจอมพลก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากทีมไปยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดของบรรดาพนักงานสาวเข้าไปใหญ่

“แหม…วันนี้บอสของเรามาเองเลยนะคะ เอาล่ะค่ะกติกามีอยู่ว่ารินจะแจกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ทั้งสามคู่คู่ละหนึ่งแผ่นนะคะจากนั้นก็ให้แต่ละคู่ยืนบนกระดาษห้ามให้เท้าแตะออกนอกกระดาษเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นแพ้ค่ะ” เมื่อรสรินสาธยายจบลูกทีมของเธอก็เดินมาแจกกระดาษหนังสือพิมพ์ทันทีสร้างเสียงอื้ออึงให้ดังออกมาจากเหล่าพนักงานเพราะกระดาษหนังสือพิมพ์ที่แจกมันแค่ครึ่งเดียวของหน้าเท่านั้น

“เอาล่ะค่ะเริ่มได้” สิ้นเสียงของรสรินทีมอื่นก็ขยับตัวเข้าหากันแล้วยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ทันทีในขณะที่ภีมและจอมพลยังคงมองกันไปมา

“คุณจอมพลครับเร็วๆ เดี๋ยวแพ้พวกผมจะไม่ได้รางวัลกันนะ” หนึ่งในพนักงานทีมสีฟ้าตะโกนออกมาทำให้จอมพลตัดสินใจเอื้อมมือไปจับต้นแขนของภีมไว้ก่อนทั้งคู่จะพากันขึ้นไปเหยียบบนนั้น

“อ่า~ ผ่านกันทุกคู่นะคะต่อไปพับกระดาษลงครึ่งหนึ่งค่ะ” รสรินประกาศอีกก่อนจอมพลจะก้มลงพับกระดาษตามที่บอก

“รีบทำให้เสร็จๆ ไปเถอะ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะพยักหน้าเห็นด้วย

ทั้งคู่เขย่งเท้าเหยียบก่อนจอมพลจะโอบแขนรอบเอวของภีมไว้ไม่ให้หงายหลัง

“กรี๊ดดดดด!!!” เสียงพนักงานสาวๆ ดังสนั่น

“คู่สีส้มกับสีเหลืองเหยียบนอกกระดาษแพ้ค่ะ!!!”

“โฮ…” เสียงลูกทีมร้องออกมาด้วยความเสียดาย

“เอาล่ะเหลือสองทีมแล้วนะคะพับกระดาษลงอีกครึ่งค่ะ”

รสรินยังคงดำเนินการแข่งต่อไปทั้งสองคู่ที่ไม่มีใครยอมใครก็พลัดกันทำตามจนกระทั่งความกว้างของกระดาษบนพื้นเหลือน้อยกว่าฝ่ามือเสียอีก

“รินว่ารอบนี้ต้องได้ผู้ชนะค่ะเอาล่ะให้แต่ละฝ่ายคิดท่าหนึ่งนาที” หญิงสาวประกาศก่อนจอมพลจะมองหน้าถีมราวกับให้ช่วยกันแก้ปัญหา

“มึงเอาไง” ร่างสูงว่าก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับของตัวเองออก

“ผมว่าต้องเขย่งยืนขาเดียวถึงจะชนะ”

“คิดว่าง่าย?”

“ไม่รู้ก็แค่คิด” ภีมบอกก่อนจะมองไปยังอีกทีมที่ดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่มากเพราะคู่นั้นเป็นผู้หญิงตัวเล็กกับผู้ชายที่ดูจะแข็งแรงไม่เบา

“ถ้างั้นก็ยอมแพ้เถอะ” ภีมว่าก่อนจอมพลจะเอ็ดกลับ

“ขืนแพ้กูก็โดนลูกน้องเล่นงานน่ะสิ!” ร่างสูงว่าด้วยใบหน้าเครียด

“ทำไม?”

“รู้มั้ยว่ารางวัลคืออะไร”

“?”

“Glenfarclas 1955” สิ้นเสียงร่างโปร่งก็เบิกตาโพรงพลางอ้าปากค้าง

“นี่แข่งเพราะเหล้าแค่ขวดเดียว!?”

“เหล้าแค่ขวดเดียวที่มึงว่าราคาเป็นแสนนะเว้ยใครจะไม่อยากลองบ้าง” ร่างสูงเอ็ดอีก

“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” ภีมถามอย่างหมดปัญญาก่อนคนตรงหน้าจะย่อตัวลง

“งั้นขึ้นมา”

“อะไรครับ?”

“ขี่หลังกู” ภีมลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยอมทำตามแต่แล้วเมื่อร่างสูงแบกเขาขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีจอมพลกลับรีบย่อตัวให้อีกฝ่ายลงทันที

“กูว่าไม่เวิร์คว่ะตัวมึงมันรั้งไปข้างหลัง”

“เอาไงดีล่ะทีนี้” ภีมพึมพำพลางหันไปมาเพื่อคิดหาวิธีก่อนเสียงทุ้มของคนตรงหน้าจะดังขึ้น

“งั้นขึ้นข้างหน้า”

“ห่ะ!?”

“ขึ้นมา” จอมพลสั่งแต่ภีมก็ยังยืนอึ้งจนรสรินประกาศทันใด

“หมดเวลาค่ะเอาล่ะเริ่มได้”

“ขึ้นมาเร็ว!” ร่างสูงคาดคั้นก่อนภีมจะตัดสินใจพาดแขนโอบรอบคอของจอมพลและกระโดดขึ้นไปทันที

“กรี๊ดดดดด!!”เสียงกรีดร้องของพนักงานสาวดังลั่นก่อนรสรินที่เขินกับภาพของบอสตัวเองจะเริ่มนับ

“นับพร้อมกับนะ 1…2…3…” พนักงานทุกคนช่วยกันนับ

“20…21…”

“ไม่ไหวมั้งคุณ” ภีมที่มองหน้าของจอมพลเอ่ยอย่างเป็นห่วงที่เห็นอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง

“เงียบไปเลย” ร่างสูงเค้นเสียงพูดท่ามกลางเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วหน้าก่อนร่างโปร่งจะใช้นิ้วเรียวปาดเม็ดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาให้เบาๆ

“…”

“มันจะไหลเข้าตาคุณ” ภีมบอกเหตุผล

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ร่างสูงอมยิ้มก่อนตัวเลขที่รสรินนับจะเหยียบเข้าครึ่งนาทีไป

“30…31…3!...สีชมพูกับสีเขียวร่วงไปแล้วทีมสีฟ้าและสีแดงชนะค่ะ!!!”

พรึ่บ!

จอมพลทรุดฮวบลงทนทีก่อนภีมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจะทับเข้ากับร่างของอีกฝ่ายไปติดๆ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ภีมถามก่อนอีกคนจะบ่นกลับ

“ตัวมึงแม่งโครตหนัก!!”

“ก็ผมเป็นผู้ชายนี่! แล้วใครกันที่บอกให้ผมทำแบบนั้นล่ะ?”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณจอมพล” รสรินเดินเข้ามาถามหน้าตื่น

“ไม่เป็นไรเข้าห้องโถงไปกันก่อนเถอะเดี๋ยวผมกับภีมจะตามไป” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพาเพื่อนๆ พนักงานเดินไปยังห้องโถง

ภีมลุกขึ้นปัดหญ้าที่ติดอยู่ตามกางเกงก่อนมือหนาของคนที่นั่งอยู่จะยื่นออกไปตรงหน้าเขา

“ดึงกูหน่อย” จอมพลว่า

“ลุกเองสิครับ” ภีมหันซ้ายขวาก่อนจะเอ็ดอีกฝ่ายไป

“แค่ดึงเองที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนะภีม”

“ใครใช้ให้คุณจริงจังขนาดนี้เล่า”

“กูทำเพื่อส่วนรวม” ร่างสูงตีหน้ามึน

“เหอะ! ให้มันจริงเถอะ”

“เร็วๆ กูเหนียวตัวอยากอาบน้ำ”

“โอเคๆ” ร่างโปรงว่าก่อนจะจับมืออีกฝ่ายพลางออกแรงดึง

จอมพลออกแรงยื้อตัวเองก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ล้มลงมา

“เล่นอะไรของคุณเนี่ยกางเกงผมเปื้อนอีกแล้วนะ!” ภีมว่าพลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

“เปื้อนได้ก็ปัดออกได้น่า”

“ลุกเถอะเดี๋ยวมีคนมาเห็นเหนียวตัวไม่ใช่เหรอรีบไปห้องโถงแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะครับ” ภีมยันตัวเองลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“เฮ้อ…มึงแม่งเข้าใจยากว่ะ!”

“อะไรนะครับ?”

“ช่างเถอะไปห้องโถงได้แล้ว” จอมพลถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางปัดเสื้อผ้าออกและเดินนำอีกฝ่ายไปทันที

ภีมมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าที่เดินนำอยู่ด้วยความสงสัยประโยคที่อีกฝ่ายพูดทำให้เขาไม่เข้าใจในความหมายของมันเลยสักนิดเดียว

มึงแม่งเข้าใจยากว่ะ!

ความนัยที่อีกฝ่ายอยากจะบอกมันคืออะไรกันนะ?
:
:
:
หลังจากเสร็จกิจกรรมในช่วงกลางคืนเหล่าพนักงานก็พากันสนุกจนสุดเหวี่ยงกับรางวัลเหล้าชั้นดีที่สุดท้ายทั้งหมดก็แบ่งกันดื่มและเฮฮาจนเวลาผ่านไปใกล้จะรุ่งสาง

ภีมที่ขอตัวมานอนก่อนตื่นขึ้นมาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับทำธุระจนเสร็จและเดินออกมาก็พบว่าจอมพลที่เพิ่งจะกลับห้องมากำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง

“ดื่มหนักเลยล่ะสิ” ร่างโปร่งถามก่อนคนบนเตียงจะลืมตาและเอ่ยกลับ

“กูอยู่คุยเป็นเพื่อนพวกมันเฉยๆ” จอมพลยันตัวเองนั่งพลางมองอีกคนที่เช็ดผมที่เพิ่งจะสระของตัวเอง

“คุณไม่ได้นอนเลยจะขับรถไหวเหรอ”

“ไหว”

“ให้ผมขับให้มั้ย”

“มึงอยากขับ?”

“ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้วน่ะนะ” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็เก็บสัมภาระใส่กระเป๋าตัวเองไป

“ภีมกูหิวน้ำ” จอมพลว่าพลางมองคนที่ก้มเช็คของในกระเป๋าตัวเองนิ่ง

“ตู้เย็นอยู่โน้นครับ” ร่างโปร่งชี้ไปแต่คนบนเตียงกลับทำหน้ามุ่ยร้องขอ

“รินให้หน่อย”

“ตกลงนี่คุณเมาใช่มั้ย?” ภีมถามเมื่อท่าทีของจอมพลมันดูขาดๆ เกินๆ

“ไม่ได้เมาหยุดดื่มตั้งแต่ตีหนึ่งแล้ว”

“ตอนนี้ก็ยังเคลิ้มแหละ” ภีมว่าพลางลุกเดินไปรินน้ำให้จอมพลแต่โดยดี

“เช็คเอ้าท์กี่โมงครับ” ร่างโปร่งถามพลางยื่นแก้วน้ำให้อีกคน

“ก่อนเที่ยง” จอมพลตอบก่อนจะกระดกน้ำในแก้วจนหมด

“นี่ก็เช้าอยู่คุณจะหลับก่อนมั้ย”

“ไม่วันนี้กูมีธุระต้องไปทำต่อเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะออกเลย” ร่างสูงยื่นแก้วคืน

“ได้งั้นผมจะนั่งรอข้างนอก”

“อืม”

จอมพลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระตัวเองเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนทั้งคู่จะเก็บข้าวของพร้อมกับเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทและมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ทันทีโดยมีภีมเป็นสารถีแทนจอมพลที่เอนเบาะหลับอยู่ข้างๆ

ร่างโปร่งเหลือบมองอีกคนพลางยิ้มขำ ท่าทีและท่าทางที่เขาไม่เคยเห็นถูกอีกคนค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดจนทำให้ภีมรู้สึกสนิทกับจอมพลอย่างบอกไม่ถูก ร่างโปร่งเคลื่อนสายตาไปตามส่วนต่างๆ ของใบหน้าคมก่อนจะรีบหันกลับมาเมื่อบางอย่างกำลังเพิ่มจังหวะการเคลื่อนไหวจนเขาต้องเอื้อมมือที่จับพวงมาลัยมาวางทาบหน้าอกของตัวเอง

“มึงเป็นอะไรวะภีม? มึงจะคิดแบบนั้นไม่ได้นะเว้ย” ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองก่อนจะสลัดความคิดมากมายที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับตั้งใจขับรถกลับคอนโดทันที
:
:
:
ทั้งสองคนมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพ จอมพลที่ตื่นก่อนหน้าจะถึงได้ไม่นานลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมขึ้นไปนั่งยังที่นั่งฝั่งคนขับพร้อมกับออกปากสั่งอีกคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

“คืนนี้กูไม่กลับ”

“…”

“อยู่คนเดียวอย่าพาใครเข้าห้อง”

“เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่มีใครคิดอกุศลได้เท่าคุณ” ภีมว่า “แล้วไปนานมั้ย” ร่างโปร่งถามต่อจากนั้น

“บอกไม่ได้”

“งั้นก็ไปเถอะขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ว่าเสร็จก็หันหลังหมายจะเดินเข้าคอนโดไปทว่าจอมพลที่อยู่ในรถก็เรียกไว้ซะก่อน

“ภีม!”

ภีมหันไปตามเสียงเรียกชื่อ

“ยิ้มให้กูหน่อย”

“!!”

“นิดเดียวก็ได้” ร่างสูงพูดเสียงเรียบหากแต่ในน้ำเสียงนั้นกลับฟังดูอ้อนวอนจนร่างโปร่งชะงักไปก่อนจะยอมเหยียดยิ้มส่งให้ที่สุด

“ฝากดูแลจอมใจแทนด้วย” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็ขับรถออกไปทิ้งไว้แต่เพียงคนที่เอาแต่ยืนนิ่งให้เริ่มคิดฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ร่างสูงทำไว้ทันที
:
:
:
ภีมกลับเข้าห้องมาด้วยใจที่เต้นเป็นระส่ำ ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดพลางพ่นออกมาราวกับกำลังสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ความคิดมากมายในหัวของเขามันตีกันไปหมด

ตกลงกับจอมพลคือยังไง*? ฝ่ายนั้นคิดยังไงและกำลังทำอะไรกับใจของเขาอยู่กันแน่!?* เป็นคำถามที่ตัวเขาเองก็ตอบไม่ได้และเริ่มจะฟุ้งซ่านจนต้องหาอะไรทำ

ภีมวางกระเป๋าก่อนจะลงมือทำความสะอาดห้องจนทั่ว ก่อนจะซักผ้า ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ กินโน่นนี่เพื่อให้ลืมแต่สุดท้ายความคิดบ้าๆ พวกนั้นก็ยังไม่หายสักที ร่างโปร่งชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าตอนนี้เขาเองคิดยังไงกับจอมพล แต่ที่แน่ๆ อีกฝ่ายกำลังมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากเลยทีเดียว…มากจนแทบจะเทียบเท่ากับแดเนียลคนที่เขาเคยรักมากคนนั้นเข้าไปทุกที

ร่างโปร่งหันมองนาฬิกาตรงฝาผนังหลังจากดูสารคดีทางช่องเคเบิ้ลจนจบ สี่ทุ่มครึ่งคือเวลาที่เขาเห็น ภีมลืมทานข้าวเย็นไปเสียสนิทก่อนคนที่อารมณ์เริ่มสงบลงจะพาร่างกายที่เหนื่อยเพราะทำโน่นนี่มาทั้งวันเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกายทันที

ภีมเดินออกมานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขกสักพักก่อนที่จู่ๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้นฉุดให้เขาที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือมองไปยังต้นตอของเสียงพลันลุกขึ้นเดินไปยังประตูพร้อมกับส่องดูใบหน้าของผู้มาเยือนผ่านทางตาแมว

“แฟร์นี่หว่า” ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบเปิดประตูให้อีกฝ่ายทันที

“กูขอนอนด้วยคนสิ” คนตรงหน้าเอ่ยพลางพยายามเหยียดยิ้มท่ามกลางใบหน้าซีดเผือดที่พอเจ้าของห้องเห็นถึงกับเบิกตาโพรง

“แฟร์มึงไปโดนอะไรมา!” ภีมว่าก่อนจะตรงเข้าประคองร่างบางของเพื่อนสนิทที่ยืนเทียบจะไม่ไหวทันที

“ภีม…กู…”

“เห้ย!”

ร่างบางทรุดฮวบลงจนภีมร้องเสียงหลง ร่างโปร่งพยายามประคองตัวเพื่อนสนิทเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างวางทาบไปบนหน้าผากเล็ก

“มีไข้นี่หว่า” ภีมสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามแบกอีกฝ่ายเข้าห้องนอนของตัวเองไป ร่างโปร่งมองดูสภาพของคนที่หลับไปเพราะพิษไข้ตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว

ทำไมแฟร์มีสภาพไม่ต่างจากเขาตอนโดนจอมพลทำร้าย?

ภีมรีบวิ่งหากะละมังใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนูมาก่อนจะปลดกระดุมเพื่อหมายจะเช็ดตัวให้อีกฝ่ายแต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่คิดได้เป็นอย่างดี

แฟร์โดนข่มขืน…แต่ที่เขกำลังาสงสัยคือผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?



TBC.........
-----------------------------------------------
เฮียพลแกเริ่มรุกแบบโจ่งแจ้งแล้วนะคะ!
ทำไงดีล่ะน้องภีมก็ไม่เข้าใจตัวเองไปอีก คู่นี้ยังอีกยาวต้องรอลุ้นกันต่อไปเนอะ


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:


ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
«ตอบ #64 เมื่อ27-07-2017 13:00:39 »

 o13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
«ตอบ #65 เมื่อ27-07-2017 14:09:18 »

พี่พลทำแบบนี้น้องภีมก็หวั่นไหวสิ

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
«ตอบ #66 เมื่อ27-07-2017 16:27:27 »

พระเอกนี่น่าฆ่าทิ้งทั้งสองคน

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
«ตอบ #67 เมื่อ27-07-2017 19:57:03 »



CHAPTER 17



[Peam’s Part]
ผมตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะทำข้าวต้มไว้ให้แฟร์ที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ เมื่อคืนผมต้องคอยเช็ดตัวให้มันสร่างไข้ในขณะที่มันก็เอาแต่เพ้ออะไรก็ไม่รู้จนกระทั่งมีชื่อของคนๆ หนึ่งหลุดปากของมันออกมาชื่อที่ทำเอาผมถึงกับชะงัก

'อย่าคุณราชันย์! อย่าทำผม!'

แฟร์ขมวดคิ้วพลางนิ่วหน้าราวกับกลัวเอามากๆ ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนจะค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่ทำมันต้องเป็นคุณราชันย์อย่างแน่นอนเพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้คือสาเหตุที่ทำให้อดีตเจ้านายนิสัยดีของผมคนนั้นเลือกทำกับมันว่าเป็นเพราะอะไร

ผมออกไปทำงานตามปกติ จอมพลที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาต้องไปทำธุระที่ญี่ปุ่นและออกเดินทางตั้งแต่เมื่อวานก็เอาแต่โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาถามถึงเรื่องเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องเคลียร์ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการถามโน่นนี่ที่ไม่เกี่ยวกับงานจนผมชักจะขี้เกียจตอบเลยต้องตัดสายเขาทิ้งอยู่หลายครั้ง

หากถามว่ากลัวเขาจะโกรธมั้ย?...มาก!!

แต่จะให้ผมทำยังไง!? ผมก็มีงานต้องทำนะ อีกอย่างฝ่ายนั้นก็โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วแค่โดยตัดสายทิ้งคงไม่ทำให้เขาโกรธผมถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง

ผมโทรหาแฟร์ตอนเที่ยงกว่าเพื่อบอกมันเรื่องยาและข้าวต้มที่ทำไว้ให้ เสียงของมันฟังดูดีขึ้นมานิดก่อนผมจะตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไปซึ่งฝ่ายนั้นกลับไม่ตอบแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดไว้น่ะไม่ผิด!

แฟร์ถูกคุณราชันย์ทำร้าย…แต่ยังไงซะผมก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้

ผมอาศัยการที่จอมพลไม่มาทำงานแอบเลิกงานเร็วกว่าปกติ ซึ่งสถานที่ที่ผมไปหลังจากเลิกงานแล้วก็ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นโรงพยาบาลที่จอมใจรักษาตัวอยู่ ผมเดินเข้าไปพร้อมกับแอปเปิ้ลที่แวะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งบนทางผ่านก่อนจะทักทายพยาบาลที่ประจำเคาน์เตอร์ด้วยความชินและตรงไปยังห้องของเธอทันที

“สวัสดีครับคุณจอมใจ” ผมเอ่ยเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปก่อนเธอจะหันหน้ามาและเหยียดยิ้มน้อยๆ คืน

อ้า...แสดงว่าอารมณ์ของเธอวันนี้ค่อนข้างนิ่ง

“วันนี้คุณจอมพลไม่มานะครับแกไปทำธุระที่ญี่ปุ่น” เธอพยักหน้ารับรู้

ผมวางเป้ที่สะพายมาลงบนโซฟาก่อนจะคว้าแอปเปิ้ลที่ซื้อใส่ลงในกะละมังพร้อมกับเดินออกจากห้องไปเพื่อเอาไปล้างในห้องน้ำบริการด้านนอกก่อนจะเดินกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง

ทำไมพี่ถึงไม่ล้างมันในห้องนี้ล่ะ จอมใจพลิกไวทบอร์ดหันมาทางผม

“เอ่อ…แค่พี่ไม่ชินกับห้องน้ำนี้น่ะ” ผมว่าพลางหลบสายตาเธอ

พี่พลเคยทำร้ายพี่ในนั้นใช่มั้ยพี่ถึงได้ไม่กล้าเข้าไป จอมใจเขียนอีกซึ่งมันก็ฉุดให้ผมตกใจกับคำถามของเธออย่างจัง

“ไม่มีอะไรหรอก…จริงๆ นะครับ” ผมบ่ายเบี่ยงพลางปลอกเปลือกแอปเปิ้ลตามที่อีกคนเคยสอน

งั้นก็ลองเข้าไปข้างในให้ฉัดูหน่อยสิ เธอท้า

ผมมองคำพูดของเธอบนกระดานตรงหน้าสลับกับประตูห้องน้ำไปมาประมาณสามครั้งได้

“ผมว่าอย่าเลยไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากเข้าไป”

เห็นมั้ย เข้าไม่ได้จริงๆ ด้วย จอมใจทำหน้ายุ่ง ไว้พี่พลกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะว่าเขาให้ เธอลบคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะเขียนกลับมาอีก

ผมมองท่าทีที่เหมือนจะโกรธแทนของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนคำพูดของอิงฟ้าในวันนั้นจะวิ่งเข้ามาในหัวให้หลุดออกไปเป็นคำพูดจนได้

“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ” เธอพยักหน้าอนุญาตผมจึงสวนถามออกทันที

“ทำไมถึงไม่ยอมพูด” คนตรงหน้าชะงัก

“ความจริงแล้วในใจของคุณไม่ได้ให้อภัยพวกผมจริงๆ ใช่มั้ย” ผมว่าก่อนเธอจะถอนหายใจและเขียนตอบกลับมา

ทำไมพี่ถึงถามแบบนั้น

“ผมรู้ว่าในใจของคุณยังครุ่นคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ยังมีอะไรที่ติดค้างอยู่เหรอจอมใจ” ผมมองหน้าเธอที่เจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“บอกผมหน่อยจะได้มั้ย”

“ไม่อยากกลับบ้าน? ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหรอ?”

“คิดจะอยู่ในโรงพยาบาลไปตลอดชีวิตหรือไง” เธอส่ายหัวแต่ก็ไม่ยอมตอบหรือเขียนอะไรออกมา มือขวาที่กำปากกาเมจิกอยู่รวบแน่นจนมันสั่นไปหมด

ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธแต่ก็อยากจะถามให้แน่ใจเพราะหากไม่จี้จุดก็จะไม่มีวันรู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่ที่ยังอยู่ก้นบึ้งจิตใจของเธอ

“สิ่งที่คุณเก็บงำเอาไว้มันเกี่ยวทิชาใช่มั้ย” จอมใจถอนหายใจพร้อมกับตัวที่สั่นเทิ้ม

“อยากเจอเขาหรือเปล่าผมพามาหาได้นะจะได้คุยเรื่องที่ค้างกันไว้เอาให้เคลียร์กันไปเลย”

จอมใจก้มหน้าลงก่อนจะหยิบไวท์บอร์ดข้างตัวขึ้นมาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป เธอสูดน้ำมูกจึงทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ก่อรที่มือเรียวนั้นจะพลิกไวท์บอร์ดให้หันมา

วันนี้พี่กลับไปก่อนเถอะ ฉันไม่อยากคุยกับพี่แล้ว

อึ้งกิมกี่สิครับ! ตัดบทกันอย่างนี้เลย!?

“อย่าปิดกั้นตัวเองเลยจอมใจชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากนะ” ผมเดินเข้าไปหาพลางคว้าต้นแขนเธอเพื่อให้หันมาเผชิญหน้า แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำกลับเป็นการสะบัดมือผมออกก่อนจะขว้างหมอนใส่

“จอมใจ!” ผมปัดหมอนไปอีกทางพลางเอ็ดเธอกลับแต่แล้วใบหน้าบึ้งตึงที่อาบไปด้วยน้ำตาก็คว้าไวท์บอร์ดขึ้นเพื่อหมายจะขว้างตามมา

“โอเคๆ!! ผมกลับก็ได้” ผมว่าอย่างยอมแพ้ก่อนจะคว้าเป้ขึ้นสะพาย

“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องหวนคิดไปอีกแต่ยังไงผมก็จะมาใหม่ ได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธเกลียดกันเลยนะครับ” …มันก็แค่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องทำ

ผมถอนหายใจมองเธอที่เบือนหน้าไปทางอื่นอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องมา

“คุณอิงฟ้าช่วยไปดูน้องจอมใจให้หน่อยนะครับ” ผมวานเธอเมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาล

“ทำไมเหรอคะ”

“ผมคงพูดอะไรจี้ใจดำเธอเข้าน่ะครับเธอเลยไล่ผมกลับ” ว่าเสร็จก็ยิ้มเยาะตัวเอง

“เหรอคะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะคุณภีม” อิงฟ้าบอก

“ตอนนี้ผมพอจะมีวิธีของผมแล้วเพียงแต่ต้องให้ตัวช่วยยอมมาที่นี่เสียก่อน ผมว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้ก็ได้” ผมพูดก่อนคนตรงหน้าจะขมวดคิ้ว

“เรื่องอะไรเหรอคะ? แล้วมีอะไรมากกว่านั้นที่ว่านี่คืออะไรเหรอคะ?”

“เออ…ไม่มีอะไรครับ ผมคงเครียดๆ เลยพูดอะไรก็ไม่รู้กับตัวเอง” ผมบ่ายเบี่ยงก่อนขอตัวกลับ

“งั้นขอตัวกลับก่อนนะครับช่วยเข้าไปดูเธอแทนด้วยวันนี้คุณจอมพลไม่ได้มา”

“อ้าวเขาไปไหนเหรอคะ”

“ไปทำธุระที่ญี่ปุ่นน่ะครับ”

“ได้ค่ะเดี๋ยวอิงจะเข้าไปดูให้”

“ขอบคุณมากครับ”

ผมเดินคอตกกลับมาที่รถ เรื่องที่จะทำให้จอมใจยอมพูดไม่ง่ายเลยสักนิดในเมื่อฝ่ายนั้นเอาแต่ปิดกั้นตัวเองผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาทิชามาที่นี่ให้ได้ แต่ติดอยู่ตรงที่ผมไม่อยากกลับไปบ้านสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะลืมบุญคุณหรืออะไรแต่ที่ผมไม่อยากไปคือไม่อยากเห็นสายตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของผมมากกว่า

ผมขับรถกลับคอนโดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแฟร์ยังไม่ได้ทานอะไร ผมดับเครื่องยนต์ลงในที่สำหรับจอดก่อนจะสบเข้ากับแผ่นหลังกว้างคุ้นตาของใครบางคนที่เดินหายเข้าไปข้างในตัวตึก

สมองของผมสั่งการให้นึกไปถึงคนที่อยู่ไกลตอนนี้ แต่ในใจก็ยังทำใจชื้นว่าไม่น่าจะใช่จนกระทั่งเมื่อผมกวาดตาไปจนทั่วลานจอดรถก็สะดุดเข้ากับรถหรูแสนคุ้นเคยจนต้องรีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าตึกไปทันที

ให้ตายเถอะไหนเมื่อตอนเช้าเขายังบอกว่าอยู่ญี่ปุ่นอยู่เลยแต่ทำไมถึงได้กลับมาไวขนาดนี้นะ!!

ผมรัวนิ้วกดเรียกลิฟต์แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่มา ผมจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเพราะกลัวว่าหากจอมพลเคาะห้องแล้วแฟร์ออกมาเปิดจะยิ่งเป็นเรื่องเข้าไปใหญ่ ยิ่งไร้เหตุผลอยู่มีหวังผมต้องโดนเขาทำอะไรอีกแน่ๆ!!

ผมวิ่งมาจนถึงชั้นของตัวเองก่อนจะมองไปทางประตูห้องแต่ก็ไม่เห็นเงาของคนที่ผมกลัวแต่อย่างใด มันว่างเปล่าและมีเพียงเสียงลมจากหน้าต่างตรงสุดทางเดินพัดผ่านเข้ามาแค่นั้น

หรือรถที่เห็นนั่น…ผมคิดไปเอง?

ผมเดินไปหน้าห้องของตัวเองก่อนจะเสียบกุญแจและบิดไขเข้าไป

แต่เฮ้ย! กุญแจแม่งไม่ได้ล๊อก!! อย่าบอกนะว่า!?

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!” ผมพรอดพราดเปิดประตูเข้าไปก่อนจะตะโกนว่าให้จอมพลที่กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอนผมพอดี

ให้ตายเถอะ! เขายังไม่คืนกุญแจคราวนั้นให้เจ้าหน้าที่อีกเหรอ!?

“อย่าพูดมากมึงแอบซุกใครไว้ที่นี่!!” คนตัวสูงตีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก่อนจอมพลจะตรงเข้าหาผมพร้อมกับฉวยบีบต้นแขนเค้นความจริง

“ซุกใครไว้!? ผมไม่ได้ซุกใครไว้ทั้งนั้นกลับไปก่อน!” ผมพยายามบิดแขนหนีพลางดันตัวเขาให้ออกไป

“กูไม่กลับ! รองเท้าผู้ชายนั่นของใคร!!”

“ของผม!”

“มึงไม่ได้ใส่ไซส์นี้อย่านึกว่ากูไม่รู้นะภีม!”

“คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ผมตะโกนกลับก่อนจะพยายามแกะมือของเขาที่บีบแขนผมแน่น

“บอกกูมาว่ามึงซุกใครไว้!!” คนตรงหน้าขบกรามแน่น

“ก็บอกว่าไม่มีไง!”

“จะบอกไม่บอก!” ผมจ้องหน้าเขาตอบ ให้ตายยังไงก็ไม่บอกหรอก!

“ไม่บอกใช่มั้ย! ได้!!” จอมพลเอ่ยลอดไรฟันก่อนเขาจะโน้มตัวลงมา

“อ่ะ! คุณจะทำอะไร! อื้อออ” ผมใช้กำปั้นทุบอกคนที่โอบรัดตัวผมเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง

การกระทำที่สุดแสนจะห่ามและเอาแต่ใจทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั่วปากเมื่อเขี้ยวแหลมของเขาขบเม้มไปทั่วด้วยแรงอารมณ์ราวกับอยากให้ผมหลาบจำ จอมพลฉกชิงลมหายใจของผมไปเมื่อบทจูบที่แสนหวาบหวามกลับกลายเป็นการปลอบประโลมจนผมแทบจะเผลอไผลไปด้วยหากไม่มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างของเพื่อนผมที่ยืนเบิกตาอยู่ด้านหลังเสียก่อน

พลั่ก!

“ฟะ…แฟร์! คือกู…” ผมรีบผลักอีกคนออกก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง

ผมมองแฟร์พลางละละล่ำละลักคำพูดออกมาทว่า ร่างบางของเพื่อนสนิทผมคนนี้กลับสวนถามคนที่จ้องเขาด้วยสายตาเหี้ยมข้างๆ ขึ้นมาก่อน

“คุณเป็นใคร?” แฟร์ถามจอมพลที่ยืนขบกรามแน่น

“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใครแล้วมาอยู่ในห้องเมียกูได้ยังไง!”

“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะคุณจอมพล!!” ผมปรามคำว่า 'เมีย' ของเขา

“กูไม่หยุด! กูพูดผิดตรงไหนก็ไอ้นี่มันอยู่ในห้องของเมียกูจริงๆ!!” คนตรงหน้าหันมาจ้องผมเขม็งก่อนเขาจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาแฟร์ในขณะที่ผมก็ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังเอาไว้

“แฟร์มึงกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูเคลียร์กับเขาเอง” ผมบอกพร้อมแฟร์ที่พยักหน้าเข้าใจและหมายจะเดินกลับห้อง แต่แล้วเสียงของจอมพลที่ตะโกนกร้าวก็ฉุดมันเอาไว้

“ขืนมึงกล้าเดินเข้าไปกูจะไม่ใจดีแล้วนะเว้ย!!” ผมพยายามดันคนตรงหน้าเต็มแรงพลางหันไปส่งซิกให้แฟร์รีบกลับเข้าห้องนอนไปแต่พออีกฝ่ายหันกลับจอมพลที่ผมยื้อไว้ก็ออกแรงผละตัวผมออกก่อนจะผลักแฟร์จนล้มและตรงเข้าคร่อมเงื้อหมัดขึ้นทันที

“อย่า! แฟร์มันเป็นเพื่อน! เขาเป็นเพื่อนของผม!!” ผมรีบตะโกนบอกความจริงก่อนจะตรงเข้ายื้อจอมพลออกจนสุดแรง

คนตัวสูงดูเหมือนจะชะงักไปนิดเมื่อแฟร์ที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้นมองตอบเขา จอมพลคลายมือที่ขยำคอเสื้อของแฟร์ออกก่อนจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา

“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ผมขมวดคิ้วมองจอมพลไม่ต่างกับแฟร์ที่ก็ทำแบบนั้นเช่นกันก่อนสิ่งที่พวกผมสงสัยจะถูกคลี่คลายด้วยคำถามต่อมาของเขาในที่สุด

“มึงเป็นเลขาฯ ของไอ้ชันย์ไม่ใช่? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“!!”
:
:
:
“คุณรู้จักผมได้ยังไง” แฟร์เปิดประเด็นถามเมื่อพวกเราสามคนตัดสินใจนั่งคุยกันตรงโซฟาในห้องรับแขก

“ไอ้ชันย์มันเคยให้ฉันสืบประวัตินายหลังจากวันที่นายถูกมันจับตัวไป” จอมพลว่า เขามองแฟร์ที่นั่งผมด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะมองมาทางผมคล้ายๆ กับกำลังกล่าวโทษ

“คุณรู้เรื่องที่เขาทำ?”

“ทำไมจะไม่รู้ก็พวกฉันทำมันด้วยกัน”

“!!” คนข้างๆ ของผมเบิกตาโพรงก่อนจอมพลจะพูดขึ้นอีก

“แต่วางใจได้เพราะครั้งที่นายถูกจับตัวไปมันเป็นครั้งอำลา”

“อำลา?”

“หมายถึงครั้งสุดท้ายที่ทำ”

“เป็นไปไม่ได้! แล้วที่เขาบอกกับผมว่าจะจับตัวนนท์ไปอีกล่ะถ้าผมไม่ยอมไปทำงานกับเขามันคืออะไร!?” แฟร์ขึ้นเสียงแต่คนตรงหน้ากลับแสยะยิ้มออกมา

ยิ่งฟังยิ่งงง! ตกลงพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่กันแน่นะ!?

“หึ! คิดไม่ถึงเลยนะว่ามันจะใช้วิธีนี้เพื่อให้นายเข้าใกล้” จอมพลเหยียดยิ้ม

“คุณหมายความว่าไง”

“ก็ไอ้ชันย์น่ะมันไม่สนใจใครง่ายๆ หรอกถ้าคนๆ นั้นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอะไรด้วยตั้งแต่แรก ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายไปทำอะไรให้มันฝังใจจนเอาคำขู่พวกนั้นมาหลอกให้นายไปเป็นเลขาฯ ของมันเหมือนกัน” แฟร์นิ่งอึ้งทันทีที่รู้ก่อนจะถามย้ำอีก

“แล้วที่คุณบอกว่าครั้งที่จับตัวผมไปคือครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”

“ฉันจะนั่งโกหกนายทำไมให้เสียเวลา”

“แสดงว่าพวกคุณจะไม่จับตัวนนท์ไปอีกใช่มั้ย”

“หยุดแล้วก็คือหยุด ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน” จอมพลว่าก่อนแฟร์จะเงียบลงและก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้จนต้องถามออกไป

“เดี๋ยวนะนี่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ”

แฟร์กับจอมพลหันมองผมเป็นตาเดียวก่อนคนข้างๆ จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผมยังไม่รู้ออกมาโดยมีคนตรงหน้าคอยเสริมตั้งแต่ต้นจนจบ

“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้…ไอ้ชันย์มันโกรธที่แพรวาหลอกใช้ความกว้างขวางของมันเพื่อรู้จักกับพวกนักการเมืองรวมไปถึงนักธุรกิจอีกหลายแขนงเพื่อจะได้หาเงินใช้โดยการไปเป็นน้อยเขา หนำซ้ำยัยผู้หญิงคนนั้นยังปลอมลายเซ็นต์ของมันยักยอกเงินจากบริษัทไปอีกตั้งหลายล้าน” จอมพลบอกถึงสาเหตุ

“เพราะเหตุนี้พวกคุณก็เลยตกลงกันสร้าง TAKE* ขึ้นมา?” ผมถามเมื่อรับไม่ได้กับไอ้งานอดิเรกที่คนตรงหน้าเคยทำ (*ติดตามได้จากเรื่องราชันย์พ่ายรัก)

“มันเป็นความคิดของไอ้ชันย์ฉันก็แค่ตามน้ำคอยช่วยเหลือมันก็เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เคยต้องข่มขู่เพราะผู้หญิงพวกนั้นหิวเงินอยู่แล้วแต่กับนาย…ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง” จอมพลตอบพลางมองไปยังแฟร์ที่นิ่งเงียบจนผมที่ทนต่อไปไม่ไหวขอเลี่ยงออกจากตรงนี้มาทันที

“กูว่ากูทนฟังไม่ได้แล้วว่ะขอตัวนะ” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง

การเอาเปรียบไม่ใช่เรื่องดี…แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกมากกว่าคือการที่เขาเคยทำเรื่องพวกนั้น แม้ว่าจะแค่เคยแต่มันก็ทำให้ความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาของผมชะงักจนไม่กล้าที่จะสานต่อเลยสักนิด

ทำไมคนอย่างจอมพลถึงมีแต่เรื่องที่ผมไม่ชอบกันนะ?
[End of Peam’s Part]
:
:
:
ร่างโปร่งมองไปยังแถบท้องฟ้าสีครามที่มืดลงไปทุกทีตรงหน้าพลางพ่นลมหายใจออกมา ภีมขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ จนกระมั่งจอมพลที่ถูกแฟร์กักตัวไว้เพื่อคุยกันเรื่องของเขาจะเปิดประตูเดินออกมาพลางรวบเอวบางเข้าไว้ในอ้อมกอด

“นี่คุณ! ทำอะไร!!?” ภีมว่าก่อนจะดิ้นหนีการโอบรัดของจอมพล

“ก็รู้อยู่ว่ากอดคิดว่ากูเสียบมึงอยู่หรือไง?” ร่างสูงกวนกลับ

“ลามก!”

“ช่วยไม่ได้ในหัวกูมันคิดแต่เรื่องพวกนี้ว่ะ” ร่างโปร่งหน้าขึ้นสี

“ปล่อยนะเดี๋ยวแฟร์มาเห็น!” ภีมว่า

“เพื่อนมึงมันรู้แล้วว่ามึงเป็นเมียกูยังจะกลัวอะไรอีก” จอมพลกระซิบข้างหูจนร่างโปร่งขนลุกซู่ ภีมรู้สึกได้ถึงความเร็วของจังหวะการเต้นของหัวใจ

ตอนนี้มันเหมือนจะระเบิดออกมายังไงยังงั้น!

“ออกมามีอะไร” จอมพลถามเมื่อภีมหยุดดิ้น

“ผมก็แค่อึดอัด” ร่างโปร่งเลี่ยงตอบก่อนร่างสูงจะถามขึ้นเสียงเรียบ

“มึงไม่ชอบงานที่กูเคยทำ?”

“…”

“มันผ่านไปแล้วตอนนี้กูไม่ได้ทำแล้ว” จอมพลนึกอยากให้ภีมเข้าใจ

ร่างสูงคลายอ้อมกอดลงก่อนจะจับตัวอีกคนให้หันมาหาพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลนิ่ง

“ผมรู้…เพียงแต่มัน…ช่างเถอะ” ภีมไม่ตอบและเบือนหน้าไปอีกทาง

“เพียงแต่มันอะไร?” ร่างสูงรบเร้าพลางคว้าแขนร่างโปร่งให้หันกลับมาหา

“ไม่มีอะไร”

“บอกกูมานะภีม”

“ก็…แค่ผมไม่ชอบเรื่องพรรคนั้น ไม่ชอบที่มีคนทำแบบนั้นแม้จะไม่ได้บังคับแต่ถึงยังไงผมก็ไม่ชอบมันอยู่ดี” ร่างโปร่งตอบแน่นหนักจนคนตรงหน้าชะงักไป

จอมพลมองหน้าภีมก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงคว้าต้นแขนของอีกคนเอาไว้พร้อมกับโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน

“ไม่ทำแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อน

“…”

“ไม่ทำแล้วจริงๆ เชื่อกู”

“อะ…อืม” ภีมหลบสายตาพลางแกะมือหนาออกราวกับแก้เขิน

“และที่กูจูบมึงเมื่อกี้กูขอ…คือกูเสียใจที่ทำแบบนั้นกับมึง” ร่างสูงกลืนคำๆ นั้นที่ควรจะเอ่ยออกเอาไว้

“…”

“ทีหลังจะพยายามไม่ทำอีก”

ร่างโปร่งอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในอกถูกสูบฉีดให้เร่งจังหวะการเต้นมากขึ้นจนภีมกือบเสียการทรงตัว ร่างโปร่งพยายามสลัดทุกอย่างที่รบกวนจิตใจออกพลางเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นทันที

“แล้วคุณทำไมถึงกลับมาเร็วล่ะเพิ่งไปเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ” ภีมว่าก่อนจะแกมือของจอมพลออกจากแขน

“กูไปเพราะแม่กูป่วย”

“เหรอครับแล้วท่านเป็นไงบ้าง”

“มึงเป็นห่วงแม่กู?” ร่างสูงเลิกคิ้วถามกวนๆ

“มันก็เป็นคำถามที่ดีไม่ใช่เหรอ? หรือคุณอยากจะให้ผมเงียบหลังจากได้ยินคุณพูดถึงขนาดนี้ล่ะ”

“หึ! ยอกย้อนนะมึง” คนตัวสูงเหยียดยิ้มขำก่อนจะเอ่ยต่อ

“แต่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงท่านก็แค่ทำงานมากไป…แล้วมึงล่ะวันนี้ได้ไปเยี่ยมจอมใจหรือเปล่า” จอมพลถามกลับ

“ไปครับแต่ถูกเธอไล่กลับมา”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ผมคงจะพูดอะไรแทงใจดำเธอเข้าน่ะ” ร่างโปร่งว่า

“มึงพูดอะไร”

“ก็ถามเรื่องที่เธอไม่ยอมพูด”

“มึงจะถามเพื่อ?” ร่างสูงสบถว่าก่อนร่างโปร่งจะปรายตาและตอกกลับไป

“ก็มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ”

“…”

“คุณก็รู้ว่าเราทำสัญญาอะไรกันไว้” ภีมว่าก่อนจอมพลที่ขบกรามแน่นจะเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง

“มึงอยากให้จอมใจยอมพูดเร็วๆ ว่างั้น?”

“ใช่” ภีมตอบก่อนจะพูดต่อ “หรือคุณอยากให้เธอเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ”

ร่างสูงจ้องคนตรงหน้านิ่งก่อนแฟร์ที่เดินออกจากห้องครัวและตรงมาหาทั้งคู่จะเปิดประตูระเบียงออกมา

“กูทำกับข้าวเสร็จแล้ว”

“อ้าว! มึงทำกับข้าวเหรอไมไม่บอกกู?” ภีมปรับเปลี่ยนอารมณืก่อนจะถามเพื่อนสนิทกลับ

“แค่อุ่นอาหารแช่แข็งของมึงเองป่ะไปกินข้าวกันเดี๋ยวกูไปเตรียมจานชามก่อนนะ” ร่างบางว่าพลางกลับเข้าห้องไป

ภีมหันกลับมาหาจอมพลอีกครั้งก่อนจะออกปากชวนร่างสูงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงหน้า

“ทานข้าวกันเถอะครับ”

“ภีมคือกู…” จอมพลคว้าแขนของคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับพยายามเค้นสิ่งที่อยากจะพูดออกมา

“พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะยังไงซะมันก็คงอีกนาน” ร่างโปร่งตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที
:
:
:
“จะออกจากคอนโดวันไหน” จอมพลเปิดประเด็นถามเมื่อพวกเขาทั้งสามคนนั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ

แฟร์ที่นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่กับภีมที่เอาแต่ก้มหน้าทานโดยไม่สนใจเขาทำให้ร่างสูงทนบรรยากาศที่ไม่ชอบแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปจนต้องเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมาก่อน

“?” ร่างบางทำหน้างง

“ยังมีคนนอกคนอื่น? ฉันถามนายนั่นแหละ” ร่างสูงบอกแฟร์ที่มองมา

“พรุ่งนี้น่ะครับผมจะไปกาญจนบุรีเลยกะจะขอภีมให้ไปส่งที่ท่ารถด้วย” แฟร์บอก

“แล้วคืนนี้นอนไหน” จอมพลถามอีกทำเอาอีกฝ่ายยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกไปกันใหญ่

“ก็…ก็นอนที่นี่” ร่างบางตอบเสียงอ่อนก่อนภีมจะเสริมขึ้น

“เขาจะนอนกับผม”

“แล้วกูล่ะ!?” ร่างสูงโผลงออกมาทันที

“วันนี้คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”

“ไม่!”

“นี่พวกคุณอยู่ด้วยกันเหรอครับ” แฟร์เบิกตาถาม

“เรื่องนี้กูมีเหตุผลนะแฟร์มึงอย่าเพิ่งคิดไปเรื่อย…เอาตามนี้นะครับ” ภีมที่แก้ตัวกับแฟร์เสร็จหันไปย้ำกับจอมพล

“ไม่! ยังไงกูก็จะนอนที่นี่” ร่างสูงดื้อกลับ

“แต่เตียงเต็มแล้ว”

“ใครนอน!?”

“ถามได้! ก็ผมกับแฟร์ไง!”

“แต่กูจะนอนที่นี่!” จอมพลว่าพลางกระแทกช้อนลงบนจานจนเกิดเสียงดัง

ร่างสูงจ้องภีมสลับกับแฟร์ไปมาก่อนร่างโปร่งที่จะพยายามหลบเลี่ยงอีกฝ่ายจะเอ่ยกลับไป

“ผมว่าคุณกลับไปนอนเฝ้าน้องจอมใจดีกว่า”

“วันนี้กูไม่ไป”

“งั้นก็ไปเคลียร์เอกสารที่บริษัท”

“มันดึกแล้วใครเขาทำงานกัน!”

“คุณจอมพล…” ภีมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายราวกับติเตียนแต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังไม่ยอมแพ้

“กูจะนอน!”

“โอเค! งั้นคุณก็นอนโซฟาข้างนอก” ภีมยื่นข้อเสนอ

“แต่กูจะนอนในห้อง!”

“เพื่อ?”

“เผื่อพวกนายมีอะไรกัน” ร่างสูงบอกเรื่องที่คิดอยู่ก่อนอีกสองคนที่เหลือจะร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกัน

“ห๊ะ!/บ้าไปแล้ว!!” ภีมสบถก่อนจะตวาดกลับไป “คิดได้ไง!?”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้กูกันตัวเองโดนสวมเขาเว้ย” ร่างสูงว่าด้วยใบหน้าจริงจัง

ร่างบางหันมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ขบกรามแน่นก่อนแฟร์จะพยายามพูดเพื่อหมายจะยุติศึกน้ำลายในครั้งนี้

“คือถ้างั้นผม…”

“มึงไม่ต้องกูคิดออกแล้ว” ภีมขัดขึ้นก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตายียวน

“ถึงมึงจะไล่กูยังไงกูก็ไม่กลับเด็ดขาด!” จอมพลยื่นคำขาด

“ก็ได้! ถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่นัก เพราะผมหาที่นอนให้คุณได้แล้ว” ภีมพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่าพลางยิ้มขำ

“กูเสนอบนเตียงคั่นกลางระหว่างพวกนาย!”

“ไม่ได้”

“ถ้างั้นมึงจะให้กูนอนที่ไหน!?”

“บนพื้น!!”

“!!”



TBC...........
----------------------------------------------
จอมพลมันเอาอะไรคิดว่าสองคนนี้เขาจะกินกันเอง!?  -__-''
เฮียเอ้ยเฮีย...ทั้งหึงทั้งหวงแบบนี้ ก็ยอมรับใจตัวเงสักทีเถอะ
มัวแต่ทำแบบนี้ระวังภีมไม่สนใจนะเออ >_<
ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
«ตอบ #68 เมื่อ27-07-2017 22:40:26 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
«ตอบ #69 เมื่อ27-07-2017 23:06:35 »

ภีมเริ่มเอาคืนจอมพลแล้วใช่ไหม5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
« ตอบ #69 เมื่อ: 27-07-2017 23:06:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
«ตอบ #70 เมื่อ28-07-2017 12:04:24 »




CHAPTER  18




หลังจากตื่นนอนและตื๊อจะไปส่งแฟร์กับภีมให้ได้ จอมพลก็หิ้วเอาร่างโปร่งที่มัวพีรี้พิไรร่ำลาเพื่อนสนิทราวกับชาตินี้ทั้งคู่จะไม่เจอกันอีกขึ้นรถก่อนจะขับกลับบริษัทมาทันที

ภีมนั่งเงียบมาตลอดทางไม่ใช่เพราะโกรธที่จอมพลพูดและทำท่าหวงเขาจนถูกแฟร์แซวเข้าให้แต่เพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะพูดอะไรเสียมากกว่าทว่าอาการที่เป็นอยู่กลับทำให้ร่างสูงที่เป็นสารถีรู้สึกโหวงๆ จนต้องเอ่ยถามขึ้น

“มึงโกรธที่กูมาด้วย?”

“เปล่าครับ” ร่างโปร่งหันไปมองหน้าคนขับ

“แล้วเป็นอะไร”

“ผมแค่ไม่มีอะไรจะพูดแค่นั้นเอง”

“ถ้าโกรธมึงก็บอกกูมาตามตรงนะภีม” จอมพลว่าก่อนจะหันมาสบตากับภีมที่มองเสี้ยวหน้าของเขาอยู่

“…”

“เพราะบางทีกูก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึงตอนนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของกูทั้งหมด” จอมพลว่าต่อพลางหันไปมองถนนเบื้องหน้า

“…”

“มึงเข้าใจความหมายของกูหรือเปล่า”

“มะ…ไม่รู้สิครับ” ภีมนั่งตัวเกร็งก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

ความจริงแล้วร่างโปร่งน่ะรู้ดีว่าจอมพลหมายความว่าอะไร เพียงแต่ตอนนี้ตัวเขายังไม่มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของอีกฝ่ายมากพอ

ทุกอย่างดูยากไปหมดหากพวกเขาจะหันหน้าเข้าหากันในสถานะอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่เพราะทุกวันนี้สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันเป็นเพียงแค่ข้อตกลงในสัญญาเท่านั้น

“แต่คราวหลังถ้าคุณทำอะไรที่ผมไม่ชอบผมจะบอกแล้วกัน” ภีมตอบ

ร่างโปร่งหน้าขึ้นสีก่อนร่างสูงที่หันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนจะเหยียดยิ้มขึ้น

“อืม” จอมพลตอบรับก่อนจะถามขึ้นมาอีก “แวะทานข้าวกันก่อนมั้ย”

“คุณหิวเหรอ”

“กูเฉยๆ แต่มึงสิเมื่อวานเห็นทานไปนิดเดียว” ร่างสูงว่าก่อนอีกคนจะหันมาเหน็บกลับ

“ก็คุณหาเรื่องกวนผมก่อนนี่นา”

“พูดให้ถูก! กูบอกแล้วไงว่ากันพวกมึงมีอะไรกัน” จอมพลสวนขึ้นทันที

“คิดอะไรบ้าๆ! ผมกับแฟร์เป็นยังไงคุณก็น่าจะดูออก” ภีมทำหน้ามุ่ย

“ไม่รู้ล่ะ กันไว้น่ะดีแล้วขนาดกูตื่นเข้าห้องน้ำยังเห็นพวกมึงนอนชิดกันอย่างกับอะไร ดีนะที่กูไม่จับพวกมึงแยกตั้งแต่เมื่อกลางดึก” ร่างสูงขุดเอาเรื่องที่เก็บงำมาตลอดทั้งคืนพลางเอ่ยออกไปอย่างคาดโทษ

“ก็ลองทำดูสิ!” ภีมท้าก่อนอีกคนจะแหย่กลับ

“ทำไม? มึงจะทำอะไรกู!?”

“…”

“อย่าพูดออกมาถ้ามึงไม่แน่จริง” จอมพลปรามาสกลับ

“เดี๋ยวก็จับตอนซะหรอก!”

“!!” ร่างสูงหันมาทำตาโต

จอมพลอึ้งเพราะคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากอีกฝ่ายอย่างจัง

“พูดเล่นหรอกน่า” ร่างโปร่งยิ้มขำแต่แล้วคำพูดที่ดังออกมาพร้อมกับเสียงทุ้มกลับทำให้ภีมชะงักไปทันที

“มึงกล้าพูดอย่างนี้กับกู?” ร่างสูงเอ่ยจนภีมที่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังตำหนิตัวเองอยู่จะหุบยิ้มลงทันใด

“โอเคงั้นผมจะไม่พูดอีก”

“ไม่ได้ว่าแต่ที่ถามเพราะไม่เคยไม่ยินมึงพูดอะไรแบบนี้” จอมพลบอก

“ผมดูเป็นคนดี?”

“…”

“คุณเองก็ไม่ได้มองผมว่าดีมาตั้งแต่แรกแล้วอะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะพูดแบบนั้นไม่ได้ล่ะใช่จะหยาบสักเท่าไหร่” ภีมว่าก่อนจอมพลจะถอนหายใจตอบ

“บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ว่ามึง…แค่คิดว่ามึงกล้าพูดแบบนั้นกับกูน่ะดีแล้ว”

“…”

“กูอยากให้มึงผ่อนคลายเวลาอยู่กับกู” ร่างสูงมองหน้าอีกคนจนร่างโปร่งต้องหันไปอีกทาง

ภีมลอบอมยิ้มขึ้นมาในขณะที่เสียงโทรศัพท์ตรงคอนโซลหน้ารถของจอมพลจะดังขึ้นฉุดให้ร่างสูงผละสายตาออกจากอีกคนก่อนจะหันไปคว้าเอาเครื่องมือสื่อสารนี้ขึ้นมากดรับ

(“ครับริกา…เมื่อไหร่…หลังเลิกงาน?...โอเคพี่ว่าง…ครับแต่พี่ขอพาเพื่อนไปด้วยนะ…ภีมน่ะ…ได้ครับแล้วเจอกัน”) พูดเสร็จก็วางสายไปแต่กับคนที่บังเอิญมีชื่อในบทสนทนาข้างๆ กลับสงสัยจนต้องถาม

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ริกาโทรมาชวนไปทานข้าว”

“แล้ว?” ภีมเลิกคิ้ว

“ก็ตอบตกลงแต่มึงต้องไปด้วย” จอมพลว่า

“ทำไมล่ะ”

“ก็กูอยากเอามึงไปด้วย”

“เธอมีเรื่องธุรกิจที่อยากจะคุยกับคุณหรือเปล่า” ร่างโปร่งถามอย่าสงสัย

“ไม่รู้สิแต่บางทีเธอก็ชวนไปทานเฉยๆ” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่คำตอบของเขากลับสร้างบางอย่างขึ้นในใจของภีมอย่างจัง

“พวกคุณดูสนิทกันดีเนอะ” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงเรียบ

“ครอบครัวรู้จักกันไม่แปลกที่ลูกๆ จะสนิทกัน” จอมพลตอบ

“แต่เท่าที่ผมจำได้เธอเคยบอกว่าเสียดายที่ต้องไปเรียนเมืองนอกเพราะไม่งั้นคงได้สนิทกับคุณเร็วกว่านี้นี่ครับ” ภีมขุดเอาเรื่องที่จำได้ดีออกไป

คนข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกระตุกยิ้มขึ้นก่อนจอมพลจะทำทีหันไปกวนอีกฝ่ายด้วยการแหย่ถามกลับ

“แล้ว?”

“ก็แสดงว่าเธอกับคุณก็เพิ่งรู้จักกัน” ภีมเถียงหน้ายุ่ง

“หึ!” ร่างสูงหลุดขำออกมาทันทีก่อนร่างโปร่งข้างๆ จะโวยขึ้น

“ขำอะไรครับ!?”

“มึงกำลังจับผิดกูอยู่นะภีม” จอมพลว่าพลันอีกคนก็เงียบลงทันตาเห็น

“เหมือนเมียตอนซักไซ้ผัวไม่มีผิด”

“คุณจอมพล!” ภีมเอ็ดเมื่อร่างสูงพูดเรื่องพรรคนี้ออกมาจนเขาหน้าขึ้นสี

“แต่กูชอบนะ”

“!!”

“เพราะเหมือนว่ามึงสนใจกู” จอมพลพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนภีมชะงักไป

ร่างโปร่งหันหลังให้คนเป็นสารถีก่อนจะถูกอีกฝ่ายที่ตามเย้าแหย่ด้วยคำพูดสวนกลับเสียจนเขาต้องซุกใบหน้าสีระเรื่อเข้ากับเป้ที่กอดเอาไว้แนบอก

“อ้าวกูพูดผิดตรงไหน? ก็มันจริงนี่หว่า”

“ตั้งใจขับรถไปเถอะครับผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว!” สิ้นเสียงของภีม จอมพลก็ระเบิดรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกชอบใจ

ร่างสูงหันมองแผ่นหลังของคนข้างๆ ที่หันหน้าไปทางประตูอย่างนึกขำก่อนบทสนทนาพวกนี้จะยุติลงด้วยการที่จอมพลเอื้อมมือไปขยี้ผมของภีมซะมันยุ่งไปหมดพลางหันไปตั้งใจขับรถกลับบริษัทอย่างที่อีกคนบอกทันที
:
:
:
“พี่จอมพลอยากทานอะไรเพิ่มมั้ยคะ” มาริกาเอ่ยปากถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากที่เธอสั่งอาหารกับบริกรไปสามสี่รายการ

“พี่ไม่เอาอะไรแล้ว…นายล่ะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า” จอมพลตอบหากแต่ก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวคนถามเท่ากับคนตรงข้ามที่เขาเอาแต่มองไม่วาง

“ไม่ครับ” ร่างโปร่งตอบก่อนจะก้มลงไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือใต้โต๊ะอีก

“งั้นเอาแค่นี้ก่อนครับ” จอมพลยื่นเมนูกลับให้บริกรก่อนมาริกาจะเริ่มบทสนทนาขึ้นทันที

“วันนี้งานยุ่งมั้ยคะ”

“เรื่อยๆ น่ะครับหนักบ้างเบาบ้างธรรมดาของธุรกิจ”

“ริกาอยากให้พี่จอมพลไปบริษัทของริกาบ้างจังเผื่อพี่จะมีข้อชี้แนะให้ริกา” หญิงสาวส่งสายตาหยาดเยิ้มราวกับอยากจะต้อนชายหนุ่มคนข้างๆ ให้อยู่หมัด

“บริษัทแต่ละบริษัทมีเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น พี่เองก็ชี้แนะริกามากไม่ได้หรอกเพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวบริษัทของริกาจะสูญเสียภาพลักษณ์ของตัวเองไปใช่มั้ยภีม?” ร่างสูงตอบก่อนจะถามอีกคนที่เมื่อมาริกาได้ยินชื่อก็หุบรอยยิ้มหวานนั้นลงทันที

“ห่ะ? อ่อครับ” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมาก่อนจอมพลจะขมวดคิ้วถาม

“มัวทำอะไรอยู่”

“ก็ดูข่าวสารทั่วๆ ไป” ภีมว่าพลางยกโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู

“ไม่ยักรู้ว่านายชอบอ่านข่าว”

“ผมก็อ่านหมดน่ะแหละอะไรขึ้นนิวฟีดมาผมก็กดเข้าไปอ่านเว้นซะแต่มันจะเป็นไวรัสที่ผมจะไม่กดเข้าไป”

“นิวฟีด?”

“ก็เฟสบุ๊คไง” ภีมสวนขึ้น

“…”

“อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีแอคเคาท์?”

“ฉันเป็นผู้บริหารฉันไม่เล่นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว” ร่างสูงบ่ายเบี่ยงประเด็น

“ไม่เกี่ยวมั้ง…คุณมาริกาล่ะครับมีมั้ย” ภีมหันไปถามอีกคนเพื่อเสริมสิ่งที่เขาพูดอีกแรง

“มีสิค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบแต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงเมื่อทั้งคู่หันไปคุยกันอีกครั้ง

“เห็นมั้ยคุณมาริกาเธอก็เป็นถึงผู้บริหารเธอยังมีเลย”

“ไม่เห็นจะจำเป็น” จอมพลว่า

“มันก็แล้วแต่มุมมองของคุณแต่สำหรับผม ผมเอาไว้ดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน” ไม่ว่าเปล่าภีมยังยิ้มและเคลื่อนนิ้วไปตามหน้าจอเพื่อดูข่าวสารต่างๆ จนร่างสูงเอ่ยดักคอ

“รวมถึงหมอนั่นด้วยสิ!?” จอมพลว่าก่อนภีมจะเงยหน้าตอบ

“ก็มีบ้างถ้าแดนมันอัพสเตตัส” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่มันกลับสร้างความไพอใจให้จอมพลเป็นอย่างมาก

ปั่ก!

ร่างสูงทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้เสียงดังก่อนจะกอดอกและมองคนตรงหน้ากลับด้วยแววตาเคือง

“เป็นอะไรไปคะพี่จอมพล” มาริกาที่มองทั้งคู่อยู่นานทำทีถามขึ้นก่อนร่างสูงที่ทำหน้ายุ่งจะตอบเสียงเรียบออกมา

“เปล่า”

“เออ…” หญิงสาวคล้ายมีเรื่องที่อยากจะพูดต่อแต่ถูกร่างสูงขัดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเห็นบริกรเดินมาทางโต๊ะของพวกเขาเสียก่อน

“อาหารมาแล้วครับทานกันเถอะ” จอมพลว่าก่อนจะปรายตามองภีมที่ได้แต่ทำตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ
:
:
:
หลังจากทานอาหารภายใต้การใช้สายตากดดันคนตรงข้ามจอมพลก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนหญิงสาวที่เพิ่งจะตักของหวานขึ้นจะวางช้อนลงและหันมาจ้องอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ด้วยแววตามาดร้าย

“ฉันขอถามอะไรหน่อยจะได้มั้ย” มาริกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่ามันกลับทำให้คนฟังอย่างภีมรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจจนถึงขีดสุด

“ได้ครับ”

“คุณเป็นอะไรกับพี่จอมพลกันแน่” หญิงสาวถามด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

“ทำไมคุณมาริกาถึงถามผมแบบนี้ล่ะครับ” ร่างโปร่งหยั่งเชิงกลับ

“เพราะว่าพวกคุณสองคนดูไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องธรรมดาทั่วไป”

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณคิดมากไปแล้ว”

“…”

“ผมกับคุณจอมพลก็เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นไม่มีอย่างอื่น” ภีมว่าพลางจ้องมาริกาที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นท่าทีแบบนี้จากเธอเป็นครั้งแรก

“แน่ใจนะคะ”

“แน่สิครับ”

“ถ้างั้นก็ดีค่ะ เพราะหากคุณคิดอะไรเกินเลยกับพี่จอมพลล่ะก็ ฉันคงต้องบอกคุณว่า เลิกคิดแบบนั้นซะ!”

“…”

“คุณอาจจะไม่รู้แต่ครอบครับของเราสนิทกันมาก คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อของพี่จอมพลก็หมายหมั้นพวกเรามาตั้งแต่ยังเด็กๆ แล้ว”

“…”

“รู้แบบนี้ก็กำจัดความรู้สึกพวกนั้นซะนะคะเพราะถึงยังไงพี่เขาก็ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของฉันอยู่ดี” มาริกาเอ่ยออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่าพลางแสยะยิ้ม ทว่ากับร่างโปร่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับไม่สะทกสะท้าน

ภีมมองมาริกาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกระทั่งชายหนุ่มจะเผยรอยยิ้มออกมาบ้าง …รอยยิ้มที่ไม่มีความอ่อนข้อให้กับใครพร้อมกับเอ่ยคำพูดแข็งกร้าวออกมาบ้าง

“ถ้าเกิดเรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ผมก็ขอยินดีกับคุณล่วงหน้าเลยนะครับ” ภีมว่าก่อนมาริกาจะยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่งแต่ในชั่วพริบตารอยยิ้มนี้ก็ถูกคำพูดของอีกฝ่ายกลบไปจนหมด!

“แต่อย่าลืมว่าเรื่องพวกนี้ทางครอบครัวของคุณจอมพลก็ต้องถามความสมัครใจจากเขาด้วย”

“…”

“ซึ่งถ้าหากคุณคิดว่าเขาจะยอมแต่งเพราะธุรกิจอย่างในละครหลังข่าวละก็ผมคงต้องบอกให้คุณทำใจไว้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”

“!!”

“เพราะเท่าที่ผมรู้จักกับเขามาคนอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรเพื่อผลประโยชน์บ้าๆ แบบนั้นแน่” ภีมจ้องมาริกาไม่วาง

“ก็แค่อยากเตือนให้เฝื่อใจไว้บ้างเกิดทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คุณหวังจะได้ไม่เสียใจจนเกินไป”

“นี่!!...”

“และบางทีการเสียใจจนเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เป็นบ้าได้นะครับ” ว่าเสร็จก็ส่งยิ้มบางๆ ให้

“แก!” มาริกาลุกขึ้นยืนพลันจ้องคนตรงข้ามกลับอย่างมาดร้ายแต่แล้วร่างสูงของจอมพลที่เดินเข้ามาก็ช่วยยุติศึกในครั้งนี้ลงได้

“มีอะไรกันหรือเปล่า” สิ้นเสียงของจอมพลมาริกาก็ทำทางเหมือนจะเซล้มลงทันที

“โอ้ย!”

“เป็นอะไรริกา?” ร่างสูงตรงเข้าพยุงหญิงสาวโดยเร็ว

“ริการู้สึกปวดหัวมากๆ เลยน่ะค่ะ” หญิงสาวว่าพลางปรายตามองคนนั่งทำหน้าตื่นอยู่ที่โต๊ะด้วยแววตาเยาะเย้ย

ภีมรวบกำมือเอาไว้แน่นก่อนจะมองไปยังมือของจอมพลที่รวบเอาเอวบางนั้นไว้จนเต็มก่อนจะเคลื่อนสายตาไปตามแผงอกที่แนบชิดกับอีกคนด้วยความรู้สึกที่คับแน่นไปทั้งอก

“แล้วริกามายังไง” จอมพลถามกลับ

“ขับรถมาเองค่ะ แต่ขืนขับกลับเองตอนนี้มีหวัง…” หญิงสาวยิ่งทำทีขาอ่อนกอดรัดจอมพลไม่ปล่อยจนคนมองอยู่ถึงกับบีบมือตัวเองจนเล็บจิกฝ่ามือเป็นรอยแดง

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปส่ง” จอมพลว่าก่อนหันมาหาภีม “ส่วนนายขับรถฉันกลับ”

“แล้ว…”

“ฉันจะขับรถให้ริกาถึงแล้วจะหาทางกลับเอง”

“แต่ผมขับพาเธอไปส่งได้” ภีมพยายามหาทางที่ดีกว่าแต่ในความคิดของจอมพลข้อเสนอนี้ของร่างโปร่งยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ

เหตุเพราะ…ร่างสูงไม่อยากให้อีกฝ่ายใกล้ใครมากกว่าตัวเอง

“ไม่ต้องเดี๋ยวฉันพาเธอไปส่งเองนายกลับไปก่อนเถอะ”

“…” ภีมนิ่งไปจนจอมพลรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แผ่ออกมาจนเขาต้องออกปากถาม

“เป็นอะไรไป”

“เปล่างั้นผมขอตัวกลับก่อน” ร่างโปรงว่าก่อนจะคว้าเป้เดินออกมาทันที

“ภีม!...”

“โอ้ย! เจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาเหมือนหัวจะระเบิดเลยค่ะพี่จอมพล!” มาริกาส่งเสียงเรียกร้องอีกฝ่ายเมื่อจอมพลพยายามคว้าแขนของภีมที่เดินออกไปไว้

“พี่จะพาเธอไปหาหมอ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ริกาเป็นแบบนี้บ่อยเพียงแต่วันนี้ดันลืมยาไว้ที่บ้านเฉยๆ” ลับหลังภีมที่เดินออกจากร้านไป หญิงสาวยิ่งเหยียดยิ้มออกมาชอบใจก่อนจะออเซาะร่างสูงใหญ่ จอมพลจึงตัดสินใจพยุงออกเธอออกจากร้านและขับรถพากลับบ้านทันที
:
:
:
ภีมที่ยังไม่เคลื่อนตัวรถไปไหนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ร่างโปร่งชบกรามพลางบีบพวงมาลัยไว้แน่น ความรู้สึกมากมายทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ภีมไม่ชอบเลยที่เห็นคนอื่นเข้าใกล้จอมพลแบบนี้ ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่เคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเขามาก่อน แต่พอเห็นเข้าทีไรความรู้สึกมันก็ตื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทุกที

ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเพื่อระงับอารมณ์ที่เดือดพล่านให้สงบลงก่อนจะขับกลับคอนโดตัวเองเพื่อไปทำธุระส่วนตัวและขับออกมาเพื่อตรงไปยังที่ที่หนึ่งเนื่องจากคืนนี้เขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับร่างสูงเสียแล้ว

ภีมเดินเข้าห้องของจอมใจก่อนเจ้าของห้องจะมองตามเขาที่ไม่ได้ปริปากอะไร ทว่ากลับวางเป้ที่สะพายมาพร้อมกับเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มในตู้ออกมาพร้อมกับเดินมาตรงโซฟาข้างเตียงพลางล้มตัวลงนอนทันที

เกร้งๆ

ร่างโปร่งลืมตาขึ้นพลางมองไปยังจอมใจที่ใช้ปากกาเมจิกเคาะขอบเตียงเพื่อเรียกให้เขาอ่านบางสิ่งที่ถูกอีกฝ่ายเขียนไว้บนกระดานไวท์บอร์ด

พี่เป็นอะไร ภีมอ่านก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ

“วันนี้ผมขอนอนที่นี่นะครับ”

แล้วพี่พลล่ะ

“ผมไม่รู้” ร่างโปร่งตอบก่อนเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในเป้จะดังขึ้น

(“ครับ”)

(“มึงอยู่ไหน?”) เสียงห่ามที่ฟังอยู่ไม่สบอารมณ์ดังสวนมาทันที

(“ไปส่งกันเสร็จแล้วเหรอครับ”) ภีมเอ่ยเหน็บก่อนปลายสายจะชะงักไป

(“…”)

(“ผมอยู่กับน้องของคุณ”)

(“ทำไมไม่กลับคอนโด”)

(“กลับไปแล้ว…แต่ตอนนี้ไม่อยากกลับ”)

(“หมายความว่าไง”)

(“ผมจะค้างที่นี่”) ร่างโปร่งเอ่ยบอกเสียงเรียบ

(“แม่ง! เป็นอะไรของมึง?”) จอมพลตะโกนถามกลับแต่ภีมไม่สะท้าน

(“เปล่า”) ร่างโปร่งตอบก่อนเสียงถอนหายใจของปลายสายจะดังตามมา

(“งั้นเดี๋ยวกูไปหา”)

(“ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้วนี่”)

(“ภีม!”)

ตู๊ดดดด….

ภีมกดตัดสายหลังจากพูดเสร็จ ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งพลางมองจอมใจที่นั่งมองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะเอ่ยบอกอีกฝ่ายกลับไป

“พี่คุณโทรมาน่ะ”

ฉันได้ยินแล้ว มีปัญหากันเหรอ? หญิงสาวเขียนตอบ

“ไม่รู้สิผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรไป”

ดูเหมือนพี่กำลังโกรธพี่พลนะ

“จะว่าโกรธก็ไม่ถูกไปซะหมดหรอกเอาเป็นว่าถ้าพี่คุณมาบอกเขาว่าผมอยู่ที่ระเบียงแล้วกัน” จอมใจพยักหน้าเข้าใจก่อนภีมจะออกไปยืนรับลมนอกระเบียงห้องอย่างที่บอกทันที

ร่างโปร่งมองไปยังใบไม้มากมายที่พัดไปตามแรงลมอย่างเอื่อยๆ ดวงตากลมคู่สวยเคลื่อนไปตามริ้วใบที่หยอกล้อเคล้าคลอกันไปมาอยู่สักพักใหญ่ก่อนเสียงประตูบานเลื่อนด้านหลังจะดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสที่ต้นแขนโดยอีกคนต้องกรให้เขาหันไปหา

“ตกลงมึงเป็นอะไร?” จอมพลถามท่ามกลางการหอบหายใจจนทำให้ภีมรู้ว่าอีกฝ่ายเร่งรีบมาที่นี่มากแค่ไหน

“เปล่าซะหน่อย” ภีมพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกแต่ร่างสูงกลับบีบมันแน่นกว่าเดิม

“เปล่าอะไร! เห็นอยู่ว่ามึงเคืองกู”

“ตรงไหนที่ผมดูเคืองคุณ”

“มึงพูดจาห้วน” ภีมจ้องจอมพลก่อนตอบเสียงเรียบกลับ

“ผมก็พูดแบบนี้อยู่แล้ว”

“มึงหลบตากู”

“ปกติผมก็ไม่ได้มองสักเท่าไหร่”

“…” จอมพลเงียบลงเมื่อคนที่พยายามคาดคั้นเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมา

“แค่นี้ใช่มั้ยผมจะไปนอน” ร่างโปร่งบอกก่อนจะแกะมือหนาที่จับต้นแขนตัวเองไว้แต่แล้วจอมพลก็ยังไม่ยอมเลิกรา

“เดี๋ยว” ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนภีมเอนตัวหนี

“หรือมึงโกรธที่กูไปส่งริกา?”

“ผมจะโกรธไปทำไม” ภีมเถียง

“จริงใช่มั้ย?”

“…”

“ไม่ตอบแสดงว่าเรื่องนี้จริงๆ”

“ไม่ต้องเดาแล้วผมจะไปนอน…อ่ะ!” ภีมที่พยายามเดินกลับเข้าห้องถูกจอมพลรวบเอวเอาไว้ก่อนคนตัวใหญ่กว่าจะออกแรงโอบรัดเสียจนภีมดิ้นหนีไม่หลุด

“บอกมาว่าจริงไม่จริง ไม่งั้นกูจูบ” ร่างสูงว่าพลางโน้นหน้าเข้าไปใกล้เสียงจนอีกฝ่ายทำตาโต

“น้องคุณมองอยู่นะ!” ภีมพยายามดันแผงอกก่อนจะตะโกนออกมาเมื่อเห็ฯว่าจอมใจยังคงนั่งมองพวกเขาอยู่จากด้านในห้อง

“แล้วยังไง? กูกล้าทำซะอย่าง”

“คุณจอมพล!” คนตัวเล็กกว่าเอ็ดกลับก่อนอีกคนจะยียวนตาม

“ว่าไงหืม…ภีมวิทธิ์?”

“หึ้ย!” ภีมสบัดหน้าหนีอย่างฉุนๆ

“ตกลงจะไม่บอก?” จอมพลเอ่ยออกมาอย่างคาดคั้นแต่ภีมก็ยังปิดปากเงียบจนร่างสูงตัดสินใจเคลื่อนริมฝีปากหมายจะทาบทับลงไปทันที

“โอเคๆ! ผมยอมคุณแล้ว!!” ภีมที่หดคอหนีตะโกนขึ้นอย่างยอมแพ้

“ก็แค่เนี่ย” จอมพลว่าพลางจ้องอีกคนที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมานิ่ง

“ปล่อยผมก่อนจะได้มั้ย”

“ไม่ต้องมาต่อรองบอกมาว่าโกรธทำไม” ร่างสูงดุใส่

“ไม่ได้โกรธ...แค่…”

“หึง?”

“ไม่ใช่!?” ภีมรีบปฏิเสธ ทว่าหน้าของเขากลับแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“แล้วอะไร?”

“ไม่…”

“…”

“เฮ้อ…ทำไมคุณถึงไปนาน” ร่างโปร่งยอมคายเรื่องที่จุกอกออกมาในที่สุด

“ก็บ้านริกาอยู่ลาดพร้าวมึงก็รู้ว่าถนนสายนั้นรถแม่งโครตติด” เสียงทุ้มตอบด้วยท่าทีสบายจนอีกฝ่ายเงียบไป

“มึงอยากรู้แค่เนี่ย?” จอมพลอึ้ง

“อืมแค่นี้แหละผมจะไปนอนแล้ว” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะยั้งอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยการเรียกชื่อร่างโปร่งออกไป

“ภีม”

“…”

“กูคิดว่าตอนนี้ความรู้สึกของมึงกับกูคงเหมือนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“คุณหมายความว่าไง?”

“มึงรู้สึกไม่พอใจที่เห็นคนอื่นเข้าใกล้กูหรือเปล่า”

“…”

“ว่าไง?”

“มะ…ไม่รู้สิ” ร่างโปร่งเอ่ยท่ามกลางหัวใจที่เต้นโครมครามเมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทตรงหน้าจ้องมาราวกับรอฟังคำตอบ

“แต่กูว่ากูเป็นแบบนั้นว่ะ”

“!!”

“กูไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้มึงไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นเพื่อน ญาติหรืออะไรของมึงก็เหอะแต่กูรู้แค่ว่ากูไม่ชอบ” จอมพลพล่ำคำพูดมากมายออกมาท่ามกลางอีกฝ่ายที่เอาแต่มองเขากลับด้วยใบหน้าไม่คาดคิด

“เพราะถ้ามึงเองก็คิดแบบนั้นกูแค่สงสัยว่า…”

“…”

“ตอนนี้เรากำลังรักกันหรือเปล่าวะ?”

“!!”



TBC......
----------------------------------------
ใช่การบอกรักของเฮียเหรอ เฮียพล!?
ได้ยินแล้วเหนื่อยใจแทนภีมเลย จะบอกก็ไม่บอกไปตรงๆ ปากแข็งอยู่ได้!
เหนื่อยภีมไม่พอเหนื่อยคนเขียนอีกเนี่ย
ความฟินเหมือนจะกำลังมา แต่ยังไงก็ต้องลุ้นกับคู่นี้กันต่อไปเนอะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ booboos

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
«ตอบ #71 เมื่อ28-07-2017 13:23:32 »

 :L1:  รักกัน...รักกัน

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
«ตอบ #72 เมื่อ28-07-2017 17:02:56 »

เฮียครับ ถามงี้เอามีดมาแทงคอกันเลยดีฝ่า
เรารักกันเปล่า
โง้ยยยยยย ไม่เขินก็บ้าแล้ว
 :mew3:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #73 เมื่อ28-07-2017 18:09:36 »


CHAPTER 19



[Chomphon’s Part]
พูดออกไปแล้ว…

ผมพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูดออกไปอย่างลืมตัว แม่งเอ้ย! แค่เห็นสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปของอีกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง…

“ไม่หรอกครับ”

“…” เหมือนโดนหมัดสวนจนเลือดกลบปากเลยว่ะ “ทำไมวะหรือมึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรกับกู?” ผมถามต่อเมื่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา

ภีมทำให้ผมเสียหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เผยความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่นออกมา?

“ใช่ครับผมไม่ได้คิด”

“แล้วเมื่อกี้ที่มึงทำอยู่นั่นเรียกว่าอะไร!”

“มันก็แค่คำถามพื้นๆ ผมสงสัยว่าทำไมคุณถึงไปนานก็เลยถามดูเท่านั้นเอง” ผมได้แต่ขบกรามแน่นผมจ้องอีกฝ่ายลึกเข้าไปในดวงตาก่อนภีมที่พยายามหลบหน้าจะนิ่งเงียบไป

“มึงโกหกกู”

“…”

มันโกหก! ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันเองก็รู้สึกดีไม่ต่างอะไรกับที่ผมคิด!

“กูรู้ว่าจริงๆ แล้วมึงคิด”

“ผมไม่ได้...”

“มึงคิดภีม! เป็นไปไม่ได้ที่มึงจะไม่คิดอะไรกับกู!!”ผมตวาดสวน

“ผมจะคิดกับคนที่เคยทำร้ายตัวเองแถมยังต้องทนอยู่ด้วยเพราะสัญญาแบบนี้ได้ยังไงกัน!”

“!!” อึก!ตัวผมชาวาบทันทีที่มันพูดจบ

ไม่ผิดหรอก…สิ่งที่ภีมพูดเป็นความจริงเพียงแต่มันเป็นความจริงที่ผมอยากจะลบล้างและสร้างอะไรดีๆ ขึ้นมาใหม่เหลือเกิน เพราะรู้ดีว่าถึงยังไงแล้วผมก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เช่นเดียวกับที่ภีมเคยพูดเอาไว้…ตอนนี้ผมเข้าใจความหมายของมันแล้วจริงๆ

“ระหว่างคุณกับผมก็มีแค่นี้แหละครับอย่าพยายามสร้างอะไรขึ้นมาให้มันยุ่งยากยิ่งกว่านี้เลย” คนตรงหน้าว่าก่อนจะหันหลังให้

ผมมองแผ่นหลังนี้ด้วยความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาผสมปนเปจนรู้สึกอยากจะสลัดมันออกไปซะ มีทั้งจุก ทั้งอัดอั้น ทั้งอยากเข้าไปกอด อยากขอโทษ อยากทำอะไรอีกสารพัดแต่ปากก็หนักไม่กล้าพอที่จะพูดสิ่งเหล่านั้นออกไปตรงๆ เสียที ผมกำหมัดแน่นพลางถอนหายใจออกมาก่อนจะพยายามถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ถึงยังไงมึงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั้ย?”

ภีมพงกหัวให้พลันผมก็จัดการจับตัวมันพลิกหันกลับมาทันที

“เข้าใจแล้วไม่คิดก็ไม่คิด แต่กูอยากให้มึงจำเอาไว้อย่างว่าเซ้นต์ของกูไม่เคยพลาดในเมื่อกูปักใจเชื่ออย่างนั้นไปแล้วตั้งแต่นี้กูจะทำให้มึงเริ่มคิดกับกูเอง”

“!!” ว่าเสร็จคนตรงหน้าก็ทำตาโตตกใจ

“เตรียมตัวไว้ล่ะ…ภีมวิทธิ์”

“อ่ะ!”

ผมช้อนตัวมันขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะใช้แขนเลื่อนเปิดประตูเดินเข้าห้องไปท่ามกลางแรงดิ้นและเสียงโวยวายของมัน หึ! ถ้าเป็นแต่ก่อนตอนนี้มันคงเจ็บตัวไปแล้วโทษฐานพูดไม่เข้าหูแถมยังขัดใจผมอีก แต่ตอนนี้ไม่แล้วไง! ไม่อยากทำร้ายมันแล้ว ไม่อยากโดนเกลียด กลัวมันไม่สนใจและคงหวังไปถึง…กลัวมันไม่รัก

“ดะ…เดี๋ยวๆๆ คุณจะทำอะไร!?”ภีมโวยวายหนักขึ้นเมื่อผมโยนมันลงบนโซฟาข้างเตียงก่อนจะตามขึ้นไปเพื่อหวังจะนอนด้วยแต่แล้วอีกคนกลับพรวดพราดลุกขึ้นว่าผมซะได้

“ก็เห็นมึงบ่นว่าง่วงบ้างล่ะจะนอนบ้างล่ะ เอ้า! รีบมานอนสิ”ผมตบที่ว่างบนโซฟาข้างลำตัว

“งั้นคุณก็ลงมา!”

“ลงทำไมกูเองก็ง่วงนี่หว่า”

“ทำไมคุณไม่ไปนอนที่อื่น”

“ที่นี่ห้องน้องกู คนเป็นพี่ชายอย่างกูจะนอนที่ไหนก็ได้”ผมกวนมันกลับจนภีมสวนถามอย่างฉุนๆ

“ตกลงคุณจะไม่ไป?”ผมพยักหน้าตอบก่อนมันจะเอ่ยต่อ “ถ้างั้นผมกลับคอนโด”ว่าเสร็จก็คว้าเป้และเดินไปทางประตูทันทีผมเลยต้องลุกขึ้นและเดินตามมันไป

“ตามมาทำไม!?”เมื่อรู้ว่าผมตามภีมก็หันมาเอ็ด

หน้าตาเวลาเคืองของมันตลกชิบ!…ผมชอบมองมันที่เป็นแบบนี้และอยากมองไปนานๆ

“มึงกลับกูก็กลับ”ตีมึนสวนไป

“จะนอนที่นี่ก็นอนไปเลยผมไม่กวนคุณแล้ว!”

“แต่กูอยากกวนมึงนี่”

“!!”

อีกแล้ว...เวลาตกใจมันชอบทำตาโตจนผมอยากจับมาขย้ำซะให้พอเลยล่ะ

“อยากกวนมึงทั้งตัว…ทั้งใจ…ยันไข่เลยอะ”

“คุณจอมพล!!”คนตรงหน้าตวาดชื่อผมกลับด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงฉานผมจึงแสยะยิ้มก่อนจะกวนกลับไปอีก

“อะไร!? เรียกเบาๆ ก็ได้กูไม่ได้หูหนวก”

“ไม่อายน้องตัวเองบ้างหรือไง!?”

“อายทำไม?…ไม่เห็นน่าอายเลยใช่มั้ยใจ?”จอมใจที่นั่งมองอยู่บนเตียงพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มขำขึ้นมาหน่อยๆ

ผมหันมาจ้องใบหน้าเรียวที่ขมวดคิ้วอย่างฉุนกึกตรงหน้าก่อนจะฉีกยิ้มภีมเองก็มองผมไม่วางเช่นกันจนผมอดไม่ได้ที่จะคาดคั้นมันกลับไป

“ว่าไง?...มึงจะนอนที่นี่แลกกับการที่กูไม่ทำอะไรเพราะเห็นแก่จอมใจหรืออยากจะกลับไปนอนคอนโดที่มีแค่เราสองคนล่ะ”ผมโน้มไปกระซิบข้างหูของมันก่อนภีมจะเบิกตาขึ้นอีกระลอกแต่แล้วไม่ถึงเสี้ยววินาทีดวงตาคู่นั้นของมันก็กลายเป็นปกติแถมยังแฝงไปด้วยความยียวนซะด้วย

“งั้นผมจะไปนอนบ้านแฟร์”มันว่าพลางแสยะยิ้ม

“เพื่อนมึงยังอยู่กาญฯ อีกอย่างอย่าหวังว่าจะได้ไป”ผมบอกเสียงแข็ง

“คุณห้ามผมไม่ได้หรอก”มันว่า

“ก็ลองดูสิว่ากูห้ามได้หรือไม่ได้”พูดเสร็จผมก็รวบตัวมันเอาไว้ทันที

“คุณนี่มัน!...”

“อ่ะๆ ขืนด่ากูจูบคืนนะเออ”

ภีมทำหน้ายุ่งพร้อมกับพยายามดันอกผมออกอย่างแรง ผมเลยได้ทีฉวยแขนมันไว้แล้วลากกลับไปที่โซฟาตามเดิม

“นอนได้แล้ว” ผมว่าหลังจากบังคับให้มันนอนลงไปส่วนตัวเองก็ตามขึ้นไปนอนกอดมันเอาไว้แน่น

“แล้วคุณจะมานอนกับผมทำไมเล่า! ที่ก็แคบอึดอัดก็อึดอัด!”

“แต่กูแม่งโครตสบายเลยว่ะ มึงเหมือนหมอนกอดที่บ้านกูไม่มีผิด”

“งั้นก็กลับไปนอนบ้านซะ”

“เลิกหาทางไล่กูเถอะเพราะยังไงกูก็ไม่ไป”

“ผมไม่รู้จะทำยังไงกับคุณแล้วเนี่ย!!!”เหมือนภีมจะยอมแพ้ผมซะแล้วสิ

“ก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยไปตามที่ใจมึงต้องการก็พอ”

“…”

สิ้นเสียงของผมอาการดิ้นหนีของมันก็หยุดลง ผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ ออกมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวใจของมันที่ดังเร็วขึ้นเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม

“ใจจะหลับแล้วหรือเปล่าพี่ปิดไฟนะ”จอมใจพยักหน้าก่อนผมจะชิงเอื้อมมือกดสวิตซ์ปิดไฟในห้องลง

“เขยิบออกไปหน่อยก็ได้” ภีมพยายามดิ้นเพื่อให้ผมปล่อยอีกครั้ง

“อยู่แบบนี้แหละดีแล้วเดี๋ยวตอนดึกๆ อากาศจะเย็นลงกูกันไว้เผื่อมึงหนาว”

“ผมมีผ้าห่มเหอะ”

“แต่กูจะกอดมีปัญหา?”

“…”

“หยุดโวยวายแล้วหลับซะพรุ่งนี้กูจะเรียกมึงตื่นไปทำงานด้วยกัน”

ผมกอดมันแน่นก่อนจะมองเสี้ยวหน้าของภีมภายในความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟข้างนอกเล็ดลอดผ่านช่องประตูเข้ามาเพียงเท่านั้น

ภีมยอมหลับตาลงอย่างว่าง่ายในขณะที่ผมก็เอาแต่มองมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักผมจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกเมื่อได้ยินเสียงหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอแสดงว่าอีกฝ่ายนั้นหลับไปแล้วผมจึงค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพลางเอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ปะลงบนหน้าของมันออกเบาๆ

แต๊ก!

แสงจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงของจอมใจสว่างขึ้น น้องสาวของผมมองมาด้วยความสงสัยก่อนเธอจะเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดานพร้อมกับพลิกหันมา

เป็นอะไร? ทำไมพี่ถึงไม่หลับ

“แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ผมตอบไปเท่านั้นแต่ความจริงแล้วผมกำลังไม่สบายใจเอามากๆ ผมไม่รู้ว่าภีมจะสามารถทำให้จอมใจกลับมายอมพูดได้มั้ยแต่หากทำได้ขึ้นมาล่ะผมจะทำยังไงในเมื่อต้องปล่อยมันไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย

เรื่องพี่ภีม?  จอมใจเขียนถามมาอีก

“อืม”

ตกลงพวกพี่ถึงขั้นไหนกันแล้ว

“ทำไมถึงถามแบบนี้กับพี่”ผมมองน้องกลับ จอมใจหันกระดานไปเขียนอะไรอีกสักพักก่อนเธอจะพลิกกลับมา

เพราะฉันไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เพราะใครมาก่อน

“…” ก็จริง…เพราะผมไม่เคยให้สิทธิ์ใครเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเองมากเท่านี้ พวกผู้หญิงที่ผมเคยควงก็ล้วนเกิดจากกิเลส ความใคร่หรือตัณหาอะไรเถือกนั้นทั้งหมดไม่ได้มีผลกับจิตใจและความรู้สึกนอกจากคำว่า 'น้ำแตกแล้วแยกทางไปวันๆ'

ว่าไง? พี่กับพี่ภีมเป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องแล้วใช่มั้ย  ผมกวาดตาอ่านก่อนจะหลับตาลงเมื่อยังไงซะเรื่องทุกอย่างก็ต้องมีใครสักคนที่รู้เข้าสักวัน

“ใช่…เป็นมากพอจนทำให้พี่อยากจะแก้ตัวใหม่” ผมว่าก่อนจะมองไปยังใบหน้าเรียวของคนที่หลับอยู่อีกครั้ง

เรื่อง?

“หลายเรื่องเยอะจนไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้ไขจากตรงไหนดี”

พี่รักพี่ภีม?

คำถามต่อมาของจอมใจทำเอาผมชะงักแต่ในเมื่อทุกอย่างมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมเองที่ค่อนข้างมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองในระดับหนึ่งก็คงต้องยอมคายเรื่องที่คับแน่นในใจออกไปเสียที

“ไม่รู้” ผมว่าก่อนจะมองภีมและพูดต่อ “แต่หากไอ้คำว่า รัก ที่เธอว่ามันทำให้รู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ อยากให้มันสนใจ อยากนอนกอดกันทุกคืน อยากทานข้าวด้วยกันทุกมื้อหรือแม้กระทั่งอยากอยู่แบบนี้ตลอดไปล่ะก็…”

“พี่ว่าตอนนี้พี่คงรักมันแล้วจริงๆ”
[End of Chomphon’s Part]


มีต่อค่ะ....

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #74 เมื่อ28-07-2017 18:13:58 »


ต่อค่ะ......




ร่างสูงปลุกร่างโปร่งไปทำงานตามที่บอก จอมพลแวะร้านสะดวกซื้อก่อนจะหาของรองท้องเพื่อใช้เป็นมื้อเช้าสำหรบพวกเขาทั้งสองคนก่อนจะมุ่งหน้าขับรถไปยังบริษัทและแยกย้ายทำหน้าที่กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนบ่ายคล้อยจอมพลที่เคลียร์งานเสร็จพอดีจึงชวนภีมออกไปทำธุระข้างนอก

ร่างโปร่งตอบตกลงก่อนจะเก็บสัมภาระทุกอย่างลงกระเป๋าเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะไม่วกกลับมาที่นี่อีก ภีมสะพายเป้ขึ้นและทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากห้อไปถ้าไม่มีใครบางคนโผล่เข้ามาเสียก่อน

ก๊อกๆ

“สวัสดีค่ะพี่จอมพล~” มาริกาเอ่ยเสียงใสในขณะสิ้นเสียงเคาะประตูเพียงเสี้ยววินาที

“สวัสดีครับริกามาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงถามกลับ

“พอดีริกาผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหาน่ะค่ะว่าแต่พี่กำลังจะออกไปไหนกันเหรอคะ” หญิงสาวปรายตามองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของจอมพล

“พี่ชวนภีมออกไปซื้อของน่ะพอดีจะส่งของขวัญขอบคุณไปให้คุณวิภานีเจ้าของโครงการที่เชียงใหม่”

“ว้าว! ดีเลยค่ะริกาเองก็กำลังหาของขวัญขอบคุณอยู่เหมือนกันงั้นเราไปด้วยกันมั้ยคะไม่ต้องรบกวนคุณภีมเขาก็ได้” หญิงสาวรวบแขนแกร่งไว้พลางเดินเข้าประชิดตัว

จอมพลมองการกระทำของมาริกาสลับกับภีมที่ยืนมองอยู่นิ่ง ร่างสูงพยายามแกะมือของหญิงสาวออกท่าเธอกลับไม่ยอม มาริกาจับแขนเขาแน่นเกินกว่าที่เขาจะเสียมารยาทดึงเธอห่างออกจากตัว

“หวังว่าจะไม่ปฏิเสธนะคะ” เสียงใสเอ่ยดักคอ

“แต่พี่เกรงว่าหากเลือกของนานเดี๋ยวริกาจะหิวแย่จะสิ” จอมพลหาทางเลี่ยง

“แหม…ริกาไม่เรื่องมากหรอกค่ะให้รอพี่ทั้งวันริกาก็ทำได้” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแป้นจนร่างโปร่งที่ยืนมองทั้งคู่อยู่นานจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

“จะไปกันหรือยังครับ” ภีมถามพลางจ้องจอมพลนิ่ง

“รอเดี๋ยว…ริกาพี่ว่าของริกาเอาไว้วันหลังมั้ยไว้พี่จะไปส่ง” ร่างสูงท้วงก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างตัว

“แต่ริกาไม่รู้นี่คะว่าจะว่างอีกทีเมื่อไหร่ อุตส่าห์ว่างตรงกันแบบนี้แล้วแท้ๆ พี่จอมพลไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ” มาริกาเริ่มงอแงใส่ทว่าแววตาของเธอกลับแสดงถึงความไม่พอใจส่งไปหาภีมอย่างเอาเรื่อง

“ได้เรื่องยังไงโทรหาผมแล้วกันนะครับผมจะไปรอที่คอฟฟี่ช็อปหน้าบริษัท”

“เดี๋ยวภีมรอกูด้วย!”

ร่างโปร่งไม่ฟังเสียงเรียกภีมว่าเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกจากห้องไปทันทีทำเอาร่างสูงที่พยายามยื้อขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะตวัดสายตามองมาริกาอย่างฉุนๆ ทันทีเมื่อหญิงสาวเอาแต่ดึงเขาไว้ไม่ปล่อย

“พี่จอมพลโกรธริกาเหรอคะ” มาริกาถามพลางปล่อยแขนอีกคนเป็นอิสระ

“ริกาทำแบบนี้เพื่ออะไร” จอมพลถามหน้ายุ่ง

“อะไรเหรอคะ? ริกายังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“อย่าโกหกพี่! เห็นอยู่ว่าริกาพยายามกันภีมออก…ทำไปเพื่ออะไรกัน!!?”

“แล้วทำไมพี่ต้องโมโหใส่ริกาด้วย! สนิทกับเลขาฯ คนนั้นมากเหรอคะ!?”

“มาก!”

“!!”

“ทำแบบนี้ทำไม? รู้มั้ยว่ามันไม่น่ารัก” คนอายุมากกว่าติเตียน

“แล้วพี่คิดว่าไงล่ะคะ ริกาเบื่อที่ต้องแสร้งทำตัวเป็นคนดีแล้วล่ะค่ะทั้งๆ ที่ริกาเองก็ไม่ได้ดีอะไรแบบนั้น!” มาริกาจ้องจอมพลอย่างเอาเรื่อง

“และที่ริกาต้องกันพี่ออกจากไอ้นั่นก็เพราะว่ามันกำลังจะแย่งว่าที่สามีของริกาไปยังไงล่ะคะ!!” หญิงสาวตะโกนลั่นต่อจนจอมพลที่รอฟังชะงักไป

ร่างสูงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้

“จะปฏิเสธเหรอคะว่าพี่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”

“…”

“พี่เองก็รู้ว่าพ่อแม่เราคุยกันไว้ยังไงและเหตุผลที่ทำให้ริกากลับมาดูแลกิจการแทนพ่อที่ไทยมันก็เป็นเพราะพี่!” จู่ๆ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“แต่พี่ไม่เห็นด้วยกับพวกท่าน”

“ทำไมล่ะคะริกาไม่ดีตรงไหน!? ริกามีอะไรที่สู้ไอ้ภีมมันไม่ได้!!”

“หยุดเรียกภีมว่า ไอ้ กับ มัน เดี๋ยวนี้!” ร่างสูงคว้าบีบแขนมาริกาแน่น

“โอ้ย! พี่จอมพลริกาเจ็บนะคะ!!”

มาริการ้องลั่นก่อนจอมพลที่ได้สติจะปล่อยแขนของเธอพลันบีบขมับตัวเองอย่างคิดหนัก

“พี่ไม่เคยคิดกับริกาแบบนั้น พี่เห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง”

“ไม่จริง! พี่ต้องรักริกาสิคะ!! เราแต่งงานกันนะครอบครัวของเราจะได้ดองกันธุรกิจก็สามารถไปได้อีกไกล” น้ำตาของมาริกาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนคำพูดต่อมาของจอมพลจะยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ไม่”

“พี่จอมพล!!”

“พี่จะไม่แต่งงานกับคนที่พี่ไม่ได้รัก”

“แต่พี่ก็แต่งงานกับไอ้นั่นไม่ได้! แม้ว่าพี่จะรักมันก็เถอะแต่ใครเขาจะยอมรับคิดดูสิคะ! แต่งงานกับริกานะเรื่องของพี่กับมันริกาไม่ถือสาขอแค่ต่อจากนี้พี่รักแค่ริกาคนเดียวก็พอ”

“…”

“นะคะ?” หญิงสาวอ้อนวอนจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะยื่นคำขาด

“ไม่คิดว่าทำแบบนี้มันลดค่าตัวเธอลงเหรอริกา?”

“!!”

“ไม่ว่าเธอจะทำยังไงพี่ก็ยังตอบคำเดิม”

“พี่จอมพล…”

“พี่ไม่ได้รักเธอริกาและแม้ว่าชีวิตนี้พี่จะไม่รู้จักภีมมาก่อนพี่ก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเธออยู่ดีเลิกคิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นได้แล้ว” จอมพลเอ่ยตามสิ่งที่คิด

“แต่ริการักพี่นะคะ! ฮือออ” มาริกายังคงตื๊อไม่ปล่อย

น้ำตาที่ไหลลงมาชะล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าสะสวยของเธอจนมันเปื้อนไปหมด มือเล็กจับปลายเสื้อเชิ้ตของจอมพลพลางขยำเอาไว้แน่นก่อนที่มือหนาจะทำการแกะมันออกอย่างไร้เยื่อใย

“นั่นมันเรื่องของเธอ”

“!!”

“หยุดทุกอย่างไว้เท่านี้ดีกว่าก่อนมันจะถึงขึ้นที่แม้แต่คำว่าพี่น้องพี่ก็ไม่สามารถให้เธอได้…ขอตัว”

“ฮึก! พี่จอมพล…พี่จอมพล!!!”

ร่างสูงเดินผ่านร่างสูงระหงของหญิงสาวมาทันทีก่อนจะตรงไปยังประตูเพื่อรีบเร่งไปหาอีกคนที่กำลังรอเขาอยู่ท่ามกลางเสียงเรียกชื่อของเขาที่ดังไล่หลังมาด้วยน้ำเสียงเศร้าปนเสียใจอย่างหนักของมาริกา ทว่า…จอมพลกลับไม่อยากให้ความหวังใครอีกเพราะถ้าหากไม่รักผลลัพธ์สุดท้ายก็คือไม่รักอยู่ดี
:
:
:
ร่างสูงพาภีมมายังร้านขายของสะสมสมัยโบราณอย่างโถเบญจรงค์ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากบริษัทและคอนโดของภีมอยู่มาก ร่างโปร่งที่ปิดปากเงียบมาตลอดทางเดินดูของตรงหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดที่จะเอ่ยปากถามอะไรออกมาจนคนที่เหมือนกับวัวสันหลังหวะจะทนไม่ไหวถามไถ่อีกฝ่ายไปในที่สุด

“ไม่คิดจะถามอะไรกูหรือไง?” ร่างสูงคว้าแขนให้ภีมหยุดเดิน

“อยากให้ผมถามอะไรล่ะครับ” ร่างโปร่งตีหน้าซื่อถามกลับ

“ก็เรื่องมาริกา หรือมึงไม่สนใจ?”

“ครับผมไม่ได้สนใจอะไร”

“แต่กูรู้ว่ามึงโกรธ”

“ผมไม่ได้โกรธ” ภีมเลิกคิ้วมองจอมพลอย่างงงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้มึงจะรีบออกจากห้องไปทำไม”

“ก็เพราะเรื่องที่พวกคุณคุยกันมันไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับแล้วผมจะอยู่ทำไมให้เสียมารยาท” ว่าเสร็จก็เดินดูโถไปเรื่อยๆ

จอมพลขบกรามแน่นพลันเดินตามร่างโปร่งต่อไปอย่างไม่ลดละ ภีมถือโถใบนู้นทีใบนี้ทีก่อนดวงตากลมจะสบเข้ากับใบหน้าไม่สบอารมณ์ของคนข้างๆ ที่ได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่งเสียจนเขาต้องถามกลับ

“คุณเป็นอะไร” ภีมยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย

“มึงกำลังทำให้กูเครียด” จอมพลว่าพลางถอนหายใจ

“เครียด?”

“เออ”

“เรื่องอะไรครับ”

“ก็ท่าทีของมึงที่ทำอยู่ตอนนี้” ร่างสูงสวนกลับทันควัน

“ยังไงล่ะ?”

“ก็มึงทำเหมือนไม่สนใจกู”

“…” ร่างโปร่งชะงักไปก่อนร่างสูงตรงหน้าจะงอแงบ่นออกมาเป็นเด็กๆ

“เอาแต่หยิบโถนั้นทีโถนี้ทีทั้งที่เรื่องของมาริกาเป็นเรื่องที่มึงน่าจะถามแต่ทำไมมึงถึงไม่!...”

“แล้วคุณอยากให้ผมถามในฐานะอะไร”

“เมีย!”

“!!”

จอมพลตอบคำถามของภีมโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ร่างโปร่งนิ่งอึ้งกับคำตอบนี้จนหน้าหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับจอมพลเองที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ให้อยู่ในร่องในรอยมากกว่าเดิมยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น

“มึงมีสิทธิ์ถามภีม” ร่างสูงบอกเสียงเรียบพลางจ้องอีกฝ่ายกลับอย่างอ้อนวอน

“แต่สิ่งที่คุณพูดมันไม่ถูกต้องทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคุณมาริกาต่างหากที่กำลังจะเป็นเมียของคุณ”

“!!” ภีมเอ่ยบอกก่อนอีกฝ่ายจะตกใจกับคำพูดนี้ของเขาบ้าง

“ใช่มั้ยล่ะครับ?”

“มึงรู้?”

“ครับ…เธอบอกเมื่อวานตอนคุณไปเข้าห้องน้ำ” ภีมเหยียดยิ้มกลับ

“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มึงโกรธกูเมื่อวานใช่มั้ย?” จอมพลคั้นถาม

“…”

“ทำไมมึงถึงไม่บอกกู! ไม่ถามกูตั้งแต่เมื่อวาน!?”

“ก็เพราะผมไม่อยากถาม” ภีมว่าก่อนจะบิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า

“ทั้งที่มึงอยากรู้เนี่ยนะ!?”

“ใครบอกว่าผมอยากรู้!” ภีมปฏิเสธเสียงแข็งแต่แล้วจอมพลก็ฉวยจับต้นแขนเขาเอาไว้พลางโน้นตัวลงมาจ้องหน้านิ่ง

“หยุดโกหกตัวเองสักทีเถอะภีม!!” ร่างสูงตะคอกกลับ “มึงเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้” จอมพลเอ่ยต่อเสียงอ่อนราวกับอยากให้อีกคนเข้าใจ

“แล้วคุณรู้อะไร?”

“…”

“คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมหรอกคุณจอมพล เลิกคิดให้ผมรู้สึกในแบบที่คุณต้องการเถอะ” ภีมว่าก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาจะดังขึ้นฉุดให้ศึกน้ำลายในครั้งนี้จบลงด้วยการที่จอมพลยอมปล่อยมือจากแขนของเขาแต่โดยดี

(“ว่าไงแฟร์…ห่ะ! อ่อ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?...ได้สิ…นานแค่ไหนก็ได้จนกว่ามึงจะสบายใจ…โอเคแต่กูคงกลับเย็นหน่อยพอดีมาทำธุระไกล…ไม่ต้องเดี๋ยวกูบอกเจ้าหน้าที่เอากุญแจสำรองให้…เคแล้วเจอกัน”) ร่างโปร่งวางสายไปก่อนจอมพลที่ยืนฟังอยู่จะอ้าปากถาม

“มีอะ…”

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของร่างสูงดังขัดขึ้นมาบ้าง จอมพลจิ๊ปากราวกับคนถูกขัดอารมณ์ก่อนชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอจะทำให้เขาต้องรีบผละเดินออกไปอีกทางทันที

”ขอตัวเดี๋ยว” ร่างสูงว่าพลันภีมก็พยักหน้ารับก่อนที่ร่างสูงจะกรอกเสียงกลับไปภายหลังจากที่กดรับสายแล้ว

(“ครับพ่อ”)

(“แกไปทำอะไรให้ลูกสาวประพันธ์เขาไม่พอใจห่ะตาพล!?”) เสียงดุสวนกลับมาเพียงเสี้ยววินาที

(“แล้วพ่อล่ะครับไปรับปากอะไรกับเขาไว้”) ร่างสูงยัวะกลับ

(“ที่ฉันทาบทามหนูมาริกาให้เพราะเห็นว่าหากดองกันไปมันจะมีแต่ผลดีต่อธุรกิจของเราทั้งสองฝ่ายอีกอย่างแกเองก็อายุมากไปทุกวันแล้วเมื่อไหร่จะหาเมียยอมเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที”) เสียงของผู้เป็นพ่อสาธยายกลับ

(“ผมเพิ่ง 28 เองนะครับคนที่แต่งงานอายุมากกว่าผมก็มีตั้งเยอะพ่ออย่าพยายามยัดเยียดผู้หญิงคนไหนให้ผมอีกจะดีกว่า”) จอมพลยื่นคำขาด

(“แต่แกเป็นความ!...”)

(“รู้ครับว่าเป็นความหวังเดียวของพ่อที่เหลืออยู่ไม่ต้องย้ำหลายรอบหรอกผมจำขึ้นใจแล้ว”) ร่างสูงพ่นลมหายใจ

(“หึ! อวดดี!!”) นี่คุณ*! เอามาเดี๋ยวฉันคุยกับลูกเอง* จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้เป็นแม่ดังขัดขึ้นใกล้ๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงกุกๆ กักๆ

(“ไงจ้ะจอมพลลูกรัก~”) เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยทักขึ้น

(“ทักเฉยๆ ก็ได้ครับแม่ผมขนลุก”) ร่างสูงแกล้งแหย่แม่ตัวเองกลับ

(“แหม…ก็แม่คิดถึงลูกนี่นาว่าแต่เราไปทำอะไรให้หนูมาริกาเขาไม่พอใจล่ะลูกหืม?”)

(“ผมแค่บอกน้องเขาไปว่าจะไม่แต่งด้วย”)

(“ทำไมล่ะจอมพล?”)

(“เพราะผมไม่ได้รักน้องเขา”) จอมพลตอบด้วยความสัตย์จริง

(“แต่พ่อของลูกเขาอยากให้เราเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะแกอยากให้ลูกปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้อยู่ในร่องในรอยมากขึ้น”)

(“ด้วยการมีเมียเนี่ยนะครับ!?”) ร่างสูงตอกแม่ตัวเองกลับ

(“ใจเย็นก่อนจอมพล…เอาอย่างงี้มั้ยลองคบๆ กันดูก่อนสักปีสองปีแล้วค่อยตัดสินใจ”) ผู้เป็นแม่พยายามหาทางยื้อลูกตัวเอง

(“จะอีกสิบปีผมก็ไม่แต่งกับเธอครับเพราะตอนนี้ผมมีคนที่กำลังดูใจอยู่แล้ว”) ร่างสูงพูดเพื่อหวังจะให้หมดเรื่อง

(“ห่ะ! แล้วทำไมไม่บอกแม่!? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? โปรไฟล์ดีหรือเปล่า? แล้วที่สำคัญ…สวยมั้ย”) ผู้เป็นแม่สวนคำถามมากมายกลับมาเป็นพรวน

(“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาเป็นลูกใครเพราะเขาเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน ถามว่าโปรไฟล์ดีมั้ยก็โอเคสำหรับผมจบปริญญาโทด้านบริหารจากอเมริกา ส่วนเรื่องที่แม่ถามว่าสวยมั้ยนั้นผมเสียใจด้วยครับที่ต้องบอกว่า…เขาไม่สวยเลยครับแต่เขาหล่อ”)

(“อะไรนะ!!!”)

(“แม่ฟังไม่ผิดหรอกครับเขาเป็นผู้ชาย”) จอมพลอมยิ้มพลางมองไปยังภีมที่ยืนเลือกโถอยู่ไม่ไกล

(“ตาพล!!!”) เสียงของคนเป็นแม่เอ็ดกลับลั่นอย่างไม่เชื่อหูก่อนร่างสูงจะหลับตาพลางถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยเสียงจริงจังจนปลายสายชะงัก

(“ชีวิตผมครับผมอยากเลือกเอง”)

(“แต่ว่ามัน...”)

(“หากแม่กับพ่อห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมล่ะก็ผมก็คงต้องขอโทษด้วยที่ทำให้มันเสื่อมเสียแต่สำหรับคนๆ นี้ผมจริงจัง”)

(“จอมพล…”)

(“แม่มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่าครับพอดีผมออกมาทำธุระต้องรีบไปทำต่อ”) ร่างสูงหาเรื่องวางสายเพราะไม่อยากพูดอะไรอีก

(“ลูกแน่ใจกับรักครั้งนี้ของตัวเองมากแค่ไหน”) คนเป็นแม่ถามขึ้นเมื่อยังรู้สึกว่ารักในแบบของลูกชายหาความจีรังยั่งยืนไม่ได้

(“ผมแน่ใจครับ เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเสียเขาไป”) ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะพูดขึ้นต่อเมื่อปลายสายเงียบไป

(“ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน”) จอมพลมองไปยังร่างโปร่งที่เริ่มจะหันมองมาเขาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างเพราะฝ่ายนั้นมีโถใบหนึ่งอยู่ในมือ

(“เฮ้อ…ถ้าแม่ห้ามยังไงซะลูกก็ยังยืนยันที่จะรักเขาใช่มั้ย”) คนเป็นแม่เริ่มยอมแพ้

(“ครับ”)

(“โอเคแม่เข้าใจถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าลูกและเด็กคนนั้นก็ทำตัวให้ว่างด้วย”)

(“ทำไมครับ”)

(“เพราะแม่จะกลับไปดูหน้าลูกสะใภ้”)

(“!!”)

(“ตามนี้นะเดี๋ยวแม่ต้องเข้าประชุมกับพ่อแล้วไว้เจอกันจ้ะ”)

(“แม่! เดี๋ยวครับ!!”)

ตู๊ดดดด…

คนเป็นแม่วางสายไปทันทีที่พูดจบ ทำเอาภูเขาลูกใหญ่มหึมาในครั้งนี้ถาโถมกลับมาทับตัวจอมพลที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นเพราะอยากจะให้หมดเรื่องของมาริกาอย่างจังร่างสูงถึงกับกุมขมับก่อนภีมที่เห็ฯว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้วจะเดินเข้าไปหาพลางถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือ…ว่าแต่มึงเหอะเมื่อกี้เพื่อนมึงโทรมาทำไม” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องซะก่อน

“อ๋อแฟร์มันจะมาขออยู่ด้วยน่ะครับ”

“อยู่ด้วย!?”

“อื้ม”

“ถึงเมื่อไหร่”

“ไม่รู้ครับพอดีมันมีเรื่องกับคุณราชันย์มานิดหน่อย”

“ถ้ามันมาอยู่แล้วกูล่ะ?”

“ผมกำลังจะขอร้องคุณว่าช่วงนี้คุณกลับไปอยู่บ้านก่อนได้มั้ย” ภีมขอร้องก่อนจอมพลจะตะโกนดักออกมา

“ไม่ได้เว้ย! กูจะอยู่กับมึงที่คอนโด”

“ถ้างั้นคุณก็ต้องนอนพื้นถ้ายังดื้อขอนอนในห้องอีก”

“มึงชักจะใจร้ายกับกูเกินไปแล้วนะภีม” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดโทษแต่ภีมกลับไม่สนใจร่างโปร่งยังคงพูดเรื่องต่างๆ ออกมาไม่หยุด

“แต่หากอยากสบายหน่อยก็โซฟาข้างนอกครับ ผมมีผ้าห่มกับหมอนให้”

“ภีม!”

“ตกลงตามนี้นะ?”

“ภีม!!”

“…” ภีมชะงักเมื่อจู่ๆ จอมพลตะโกนออกมาเสียงแข็ง ร่างโปร่งหลุบตาลงต่ำก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจและเอ่ยถามออกไปเสียงอ่อน

“ให้มันไปอยู่ที่อื่นไม่ได้เหรอ” ร่างสูงมองภีมราวกับอ้อนวอน

“มันเป็นเพื่อนสนิทของผมนะคุณจอมพลอีกอย่างคนที่ทำให้เพื่อนผมต้องเป็นแบบนี้ก็คือเพื่อนของคุณ”

“ไอ้ชันย์มันก็เป็นคนอย่างเงี่ยแหละบอกเพื่อนมึงทำใจกับมันหน่อย”

“เหมือนกับที่ผมกำลังทำใจกับคุณอยู่น่ะเหรอครับ” ภีมสวน

“…”

“คุณก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนยังไง ผมเองก็รู้ว่าแฟร์มันเป็นยังไงผมเลยปล่อยมันอยู่คนเดียวไม่ได้” ร่างโปร่งว่าจนจอมพลยอมแพ้ในที่สุด

“โอเคๆ กูยอมแพ้กูไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรอยู่แล้วนี่”

“อย่างอแงไปหน่อยเลยน่า แล้วคุณล่ะครับเมื่อกี้ผมเห็นคุณทำหน้าเครียดๆ ตอนคุยโทรศัพท์มีอะไรหรือเปล่า” ภีมอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายว่าง่ายกว่าทุกครั้งก่อนจะถามกลับไปบ้าง

“อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่าง” จอมพลบอกหน้านิ่ง

“ทำไมครับ?”

“เพราะพ่อกับแม่กูจะมาหา”

“แล้ว?”

“ท่านอยากเจอมึง”

“เจอผม!? เจอทำไม?” ภีมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยก่อนคำตอบของอีกฝ่ายจะยิ่งทำให้ภีมนั้นอึ้งกิมกี่

“พวกเขาอยากเจอมึงในฐานะคนที่กูกำลังดูใจอยู่”

“ห่ะ!!!”



TBC........
----------------------------------------
เอาแล้วไง! พ่อแม่ดันอยากเจอ
อีเฮียมันคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะพาภีมเข้าบ้าน!!!?
ตามระเบียบที่น้องภีมจะปฏิเสธไม่ได้
แต่ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
(คนกำหนดมันแกไม่ใช่? ง่อววว เขาเสียจุยยยยที่ต้องเขียนต่อนะ)
เอาเป็นว่าเป็นกำลังให้ทั้งคู่เนอะ
ฝากเม้นท์ด้วยนาาาาา


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #75 เมื่อ28-07-2017 20:29:27 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #76 เมื่อ28-07-2017 21:03:51 »

มันจะมีปัญหา พ่อผัวลูกสะใภ้มั้ยอ่ะ

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #77 เมื่อ28-07-2017 23:43:58 »

รู้สึกรักจอมใจ

แต่...
ทุกอย่างดูราบรื่นเกินไป
พายุลูกใหญ่กำลังจะมาหรือเปล่านะ
.
พายุที่ทำให้จอมพลเจ็บ
พายุที่ทำให้ภีมกับจอมพลหลุดพ้นจากกันเสียที

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
«ตอบ #78 เมื่อ28-07-2017 23:59:00 »

มันจะดีไม๊เนี่ย
หนักใจแทนภีม

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
«ตอบ #79 เมื่อ29-07-2017 08:39:42 »




CHAPTER 20



[Peam’s Part]

ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ผมต้องรับศึกหนักในเกือบจะทุกๆ เรื่องที่รายล้อมรอบตัวอยู่ในตอนนี้ ทั้งเรื่องโทรศัพท์ถามไถ่สารทุกข์ของแฟร์จากคุณราชันย์ ทั้งเรื่องปวดหัวที่จอมพลหามาให้ไม่หยุดหย่อน เรื่องที่ผมต้องไปเจอพ่อแม่ของเขาด้วยเหตุผลบ้าๆ ที่เขาต้องการแค่อยากจะหลุดจากมาริกา หนำซ้ำยังเรื่อง…

“คุณจะทำอะไร!?” ผมว่าเมื่อตื่นขึ้นเข้าห้องน้ำกลางดึกแต่เมื่อจะเดินกลับเตียงกลับถูกคนที่นอนอยู่ด้านล่างกระชากลงไปนอนในอ้อมกอดเขาเสียได้

“วันนี้กูอยาก” จอมพลพูดเสียงกระเส่า

“อยากบ้าอะไรของคุณ!” ผมเค้นเสียงว่าก่อนจะพยายามดิ้หนีแต่ให้ตายเถอะแรงเขาเยอะชะมัด!

“ช่วยหน่อย” จอมพลเอ่ยเสียงอ้อนวอน

“ไม่เอา! ผมจะไปนอนแล้วแฟร์มันก็อยู่ด้วยนะคุณ!?”

“มันเป็นความผิดของมึง”

“ผิดยังไง!?”

“มึงให้คนอื่นมาอยู่ด้วยเพราะกันกูจะทำอะไรมึงใช่มั้ย”

“คิดอะไรอีกล่ะเนี่ย” ผมว่าเมื่อเขาเริ่มพูดความคิดงี่เง่าพวกนี้ขึ้นมาอีก

“ตอบกูสิภีม”

“ไม่ใช่…ผมแค่อยากช่วยให้มันสบายใจคุณก็รู้ว่าตอนนี้มันลำบากใจเรื่องคุณราชันย์อยู่” ผมตอบ

“แค่นั้นจริงๆ?”

“อืม”

“งั้นช่วยหน่อยจะไม่ไหวอยู่แล้ว” สิ้นเสียงคำตอบของผมจอมพลก็กระชับอ้อมกอดอีกจนท่อนล่างของเราสัมผัสกันแล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่าของเขามัน…

ตื่น!!!

“อ่ะ” ผมพยายามดันตัวออกแต่เขาก็ยังดื้อรวบตัวผมเข้าไปอีก

จอมพลกดริมฝีปากลงมาอย่างแนบชิดพร้อมกับจับมือของผมไปยังกลางกายของเขาก่อนจะผละริมฝีปากที่ฉกชิงลมหายใจของผมไปออกและเอ่ยขออย่างอ้อนๆ

“ช่วยหน่อยนะ”

“คะ…คุณ อ่ะอื้อออ!!” ผมพยายามชักมือกลับแต่แล้วมือหนาของเขากลับรั้งกางเกงนอนของผมลงและลูบไล้ไปยังกลางกายผมอย่างเย้าหยอก

“กูไม่ได้จะเสียบมึงสักหน่อยแค่ขอให้ช่วยส่วนกู…ก็จะช่วยมึงเอง”

“!!”


ผมสะบัดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกระลอก เฮ้อ…ไม่บอกก็คงรู้กันใช่มั้ยว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรต่อและไม่ใช่แค่วันเดียวด้วย! มันเป็นแบบนี้แทบจะทุกวันตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา คนอย่างผมห้ามอะไรเขาได้ซะที่ไหน! เห็นแบบนั้นน่ะจอมพลแม่งโครตหื่น ดุ เอาแต่ใจ แถมยังชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยเฉพาะเรื่องผมกับแฟร์ที่ทุกวันนี้เขายังไม่เลิกกลัวว่าพวกเราจะมีอะไรกันอีก…เชื่อเขาเลย!

“เป็นอะไรไปพี่เห็นนายจ้องเป็ดตัวนั้นนานแล้วนะแถมยังส่ายหัวไปมาๆ อีกพนักงานหัวเราะกันเป็นแถวแล้ว” พี่เดนิสที่ยืนเลือกซื้อขนมอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาทัก

อ่อ! ลืมบอกไปผมเป็นคนชวนพี่เดนิสที่กลับเข้าบริษัทหลังจากออกงานภาคสนามไปคุมโครงการของมาริกาในจังหวัดนนทบุรีกว่าสามเดือนมาเดินเที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับเองแหละพูดง่ายๆ ก็คือหนีจอมพลมาเที่ยวนั่นล่ะ หึๆ

“ขอโทษครับผมเอาเป็ดตัวนี้ แกงจืดถุงนั้นและก็แกงเขียวหวานถุงนี้ครับ” ผมว่าพลางชี้ของที่อยากได้วานให้พนักงานประจำซุ้มอาหารปรุงสุกหยิบมาให้ก่อนจะหันไปหาพี่เดนิส

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่เดนผมชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแหละ”

“แล้วนี่นายชวนพี่ออกมาแบบนี้คุณจอมพลเขาไม่ว่าหรือไงทุกทีเห็นตัวติดกันตลอด” คนข้างๆ เอ่ยแซว

“ไม่รู้ครับหวังว่าเขาจะไม่ว่าแล้วกัน” พูดไม่ได้เหมือนที่คิดไว้เล้ย!

“จริงสิพี่เห็นรถเขาจอดที่คอนโดของเราบ่อยๆ คุณจอมพลเขามาหาภีมเหรอ? มาเคลียร์งานกันใช่ป่ะ?” พี่เดนิสถามในขณะที่ผมเอื้อมมือหยิบของที่พนักงานยื่นมาให้ใส่ตะกร้า

“อะ เอ่อ…จะว่ายังงั้นก็ได้ครับ” ไม่มีเคลียร์งานหรอกพี่เดนิสถ้าจะเคลียร์ก็เคลียร์เสื้อผ้าผมออกนี่แหละ

“แล้วแดนติดต่อมาบ้างมั้ย” อีกคนถามเมื่อเราเริ่มต้นเดินกันต่อ

“ไม่ได้โทรมาครับแต่เราคุยกันใน Facebook แทน” ผมว่าก่อนจะมองไอศกรีมในตู้ตาไม่กระพริบ

อยากกินไงแต่กะจะซื้อกลับก็คงจะละลายในรถซะก่อน

“เห็นว่ามันจะเรียนต่อเอก” พี่เดนิสว่า

“มันก็บอกผมแบบนั้นเหมือนกัน”

“คิดๆ ไปก็สงสารมันนะ ไม่คิดกลับไปหามันจริงเหรอ”

“เป็นเพื่อนกันดีแล้วครับ มันก็เหมือนจะค่อยๆ ยอมรับตอนนี้ชอบอวดรูปผู้หญิงคนโน้นคนนี้ให้ผมดูตลอด” ผมว่า

“มันกำลังประชดมั้งนะ” อีกฝ่ายแหย่กลับ

“ไม่รู้สิครับ แต่ถึงมันจะประชดก็ไม่มีผลกับผมอยู่ดีเพราะผมเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว” ผมว่าก่อนจะหยุดเดิน

“ใจแข็งว่ะ” คนตรงหน้าว่าก่อนจะถามผมกลับ “เอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่แล้วครับพี่เดนล่ะ”

“พี่ก็ไม่เอาอะไรแล้วงั้นกลับกันเลยมั้ยใกล้มืดแล้ว”

“ครับ”

ผมกับพี่เดนิสมุ่งหน้าไปยังแคชเชียร์ก่อนจะจ่ายเงินของที่ซื้อมาทั้งหมดพร้อมกับเดินออกไปยังรถของพี่เขาก่อนจะขับกลับคอนโดทันที
:
:
:
ผมเอ่ยลาอีกคนหน้าห้องก่อนจะเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป จอมพลที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก่อนหน้าแล้วลุกเดินเข้ามาประชิดตัวทันทีท่ามกลางใบหน้าถมึงทึงและเสียงฮึดฮัดที่ดังออกมาจากลำคอนั้นไม่หยุด

“ผมร้อนครับไม่ต้องใกล้มากก็ได้” ผมว่าก่อนจะเดินหนีเข้าครัวไป

“ไหนมึงบอกกูว่าจะไปทำธุระ!?” จอมพลเดินตามเข้าติดๆ

“ก็ไปทำธุระไงล่ะครับ” ตีมึนกลับแม่งเลยเว้ย!

“ธุระคือมึงไปเที่ยวกับเดนิสเนี่ยนะ!!”

“แค่เปิดหูเปิดตา”

“งั้นกูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงไปเป็นครั้งที่สอง!” จอมพลตวาดลั่น

“มีเหตุผลหน่อยคุณจอมพล!”

“นี่กูก็มีเหตุผลสุดแล้ว!”

“…” ผมมองหน้าเขานิ่งก่อนจะทำทีวางของที่ซื้อมาและเดินไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่ม

“รับปากมา”

“ผมไม่รับปากเพราะผมไม่ใช่นักโทษของคุณ”

“ภีม!”

“ผมยังไม่อยากทะเลาะกับคุณตอนนี้…มันเหนื่อย” ว่าเสร็จก็ยกน้ำขึ้นดื่ม

จอมพลชะงักไปก่อนผมที่เก็บขวดน้ำกลับเข้าตู้เย็นเป็นที่เรียบร้อยจะพูดขึ้น

“ไปไหนกับใครผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียๆ หายๆ สักหน่อย” ผมบอกอย่างใจเย็น “คุณจะเดือดร้อนไปทำไม”

“กู…”

“แฟร์อยู่ไหนครับ” ผมขัดเมื่อเขาเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“นอกระเบียง”

“ไม่ใช่ว่าพวกคุณทะเลาะกันอีกนะ”

“…” จอมพลไม่ตอบเขาทำเพียงยักไหล่ขึ้นเท่านั้น

“หยุดเหน็บมันซะทีเถอะ” ผมปรายตามองอย่างจับผิดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่จอมพลเอาแต่หาเรื่องให้แฟร์กลับไปทุกเมื่อเชื่อวันเสียจนผมเริ่มสงสารมันขึ้นมา

“มึงจะไปไหน” เขาถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินออกจากครัว

“ไปหามันหน่อยพอดีวันนี้คุณราชันย์โทรมา” ผมว่าก่อนเสียงทุ้มจะดังตามหลังมาอีก

“พรุ่งนี้มึงต้องไปเจอพ่อกับแม่กูนะภีม”

“รู้ครับไม่ต้องย้ำหลายรอบก็ได้” ใจคอไม่ดีแล้วล่ะสิเวลาก็เหลือน้อยเต็มทีแล้วผมควรทำตัวยังไงต่อหน้าพวกท่านงั้นเหรอ?

“กูอยากขอร้องให้มึง…”

“ครับผมพยายามทำให้พ่อแม่คุณเชื่อว่าเรารักกัน” ผมว่าเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

“ขอบใจงั้นเดี๋ยวกูแกะกับข้าวให้” จอมพลอาสา

“ผมออกไปแป๊บเดียวเดี๋ยวมาทำเอง”

“ไม่ต้องเดี๋ยวกูทำให้เสร็จแล้วจะออกไปเรียก”

“ถ้างั้นก็ขอบคุณครับ”

ผมเดินออกไปนอกระเบียงทันทีที่พูดกับจอมพลเสร็จ แฟร์ยืนเกาะราวระเบียงมองทอดไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าก่อนผมจะตามไปยืนใกล้ๆ มัน

“กลับมาแล้วเหรอ” แฟร์ถาม

“อืม” ผมตอบพลางถอนหายใจ

มีเรื่องอะไรให้ผมคิดเยอะแยะไปหมดจนเริ่มจะเหนื่อยซะแล้วสิ

“เมื่อกี้หมอนั่นชวนมึงทะเลาะเรื่องอะไรอีก”

“ก็เรื่องที่กูไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับพี่เดนโดยไม่บอกเขาน่ะสิ”

“หึ! ดูท่าจอมพลมันจะหวงมึงมากเลยนะ” มันแซวกลับ

“เหอะ! กูไม่รู้สึกดีกับคำพูดของมึงเลยว่ะแม่งยิ่งทำให้เครียดเข้าไปอีก” ผมว่าก่อนจะยิ่งคิดเรื่องต่างๆ วกไปวนมาจนเริ่มปวดหัว

“ทำไมวะ”

“เปล่าไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเรื่องของกูเลยสนใจเรื่องของมึงดีกว่าเมื่อกี้เขาโทรมาหากูอีกแล้วนะเว้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่ากำลังถูกมันต้อน

“เหรอ” แฟร์ตอบกลับมาเพียงเท่านี้

“ใช่โทรมาถามเรื่องเดิมๆ ว่ามึงสบายดีมั้ย ทานข้าวหรือเปล่า นอนหลับสบายมั้ย ยังร้องไห้อยู่อีกหรือเปล่า กูนี่ยอมแพ้กับคำถามพวกนี้ของเขาเลยจริงๆ” ผมว่า

ความจริงรู้สึกอิจฉาแฟร์มันนะเพราะคุณราชันย์ก็ดูจะเป็นห่วงเป็นใยมันดีเพียงแต่ผมก็ตัดสินอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโดนอะไรกระทบจิตใจมาบ้าง

“แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไง” แฟร์ถามกลับ

“กูก็บอกว่ามึงสบายดีส่วนที่เหลือให้เขามาถามเอาจากมึงเอง” ผมบอกพลางมองหน้ามันที่เหมือนขบคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพยายามถามไปอีก

“แฟร์มึง…”

“กูว่าจะกลับบ้านวันพรุ่งนี้”

“!!” ไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็เอ่ยกลับมา

“กูจะกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันเคลียร์”

“เอาจริงดิ!?”

“จริง…กูว่ากูหนีมาทำใจนานเกินไปแล้วว่ะเรื่องที่ยังค้างคาในใจตอนนี้กูก็ได้คำตอบสำหรับพวกมันแล้วกูเลยอยากจะกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง” แฟร์บอกก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวผมเลยเดินไปนั่งอีกตัวที่เหลือ

“ไอ้คำตอบที่มึงว่านี่คือยังไง? ไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ผมถามแต่แฟร์กลับเงียบผมจึงคะยั้นคะยอมันอีก“แฟร์บอกกูหน่อย”

“เห้อ…ไม่รู้สิยังไม่ได้พูดเลยไม่รู้ว่ามันจะไปในทางที่ดีหรือเปล่า”

“เหรอ…ยังไงซะกูก็เอาใจช่วยมึงเสมอนะไม่ว่ามึงจะตัดสินใจจัดการเรื่องของมึงยังไงก็ตาม”

“ขอบใจและก็ขอบคุณมากที่มึงให้ที่ซุกหัวนอนกู” มันหันมาบอกผม

“ห่า! มึงอย่ามาซึ้งตอนนี้นะกูขนลุก” ผมว่าพลางลูบแขนตัวเอง

“กับกูเสือกขนลุกทีกับจอมพลอย่างอื่นของมึงลุกกูยังไม่ว่าเลย”

“ไอ้หอก!! มึงเอาอะไรมาพูด!!!” ผมถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่อีกคนพูดออกมา

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเว้ยว่าพวกมึงทำอะไรกันตอนดึก แม่ง! กูไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์!”

“!!”

เอาแม่ง!!! พูดไม่ออกเลยครับท่านผู้ชม! ผมได้แต่นิ่งอึ้งมองแฟร์ที่เอาแต่ยิ้มแซวกลับมาอย่างอายๆ เพราะจอมพลคนเดียวเพราะเขาคนเดียวเล้ย!!!

“ภีมกูเทกับข้าวเสร็จแล้ว” ไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัวอะไรกับอีกคนต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็เปิดประตูเดินออกมายังระเบียงด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย

ผมจ้องจอมพลกลับอย่างคาดโทษก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วและถามขึ้นอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

“มีอะไร”

“เพราะคุณคนเดียวเลย!!” ผมตวาดว่าให้พลันจอมพลก็ยิ่งอึ้งกิมกี่ก่อนผมจะเดินกระแทกไหล่ของเขาเข้าไปข้างในด้วยความอาย

แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะครับ!!!
[End of Peam's Part]



ร่างโปร่งนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟาสุดหรูภายในบ้านหลังมหึมาที่พอเขาเห็นก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างกับการออกแบบตัวอาคารสไตล์โมเดิร์นที่นำเอาวัฒนธรรมทางตะวันตกและตะวันออกมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งหากเทียบกันแล้วระยะทางจากบ้านของจอมพลไปบริษัทยังใกล้กว่าคอนโดของเขาเป็นไหนๆ แต่ทำไมคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ถึงได้ทนนอนพื้นมาได้เป็นอาทิตย์กันนะ?

ภีมลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างยากลำบากเมื่อตอนนี้ตรงหน้าของเขามีบุคคลวัยกลางคนสองคนกำลังนั่งจ้องมาหากเทียบสายตาของทั้งคู่คือกระสุนเงินชั้นดีตอนนี้ตัวเขาคงเละเป็นจุณไปแล้ว

'จอมขวัญ' แม่ของจอมพลที่รูปร่างหน้าตายังคงสะสวยราวกับหญิงวัยสามสิบตอนปลายยกน้ำชาตรงหน้าขึ้นดื่มก่อนที่คนเป็นพ่อรูปร่างสันทัดที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาถูกฉาบไว้ด้วยความบูดบึ้งอย่าง 'จอมเดช' จะเอนหลังพิงพนักโซฟาราวกับกำลังคิดหนักพลันจอมพลก็เอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนหน้าตักเอาไว้เพื่อให้ภีมวิทธิ์เลิกประหม่ากับบุคคลทั้งสอง

“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว” จอมเดชตัดสินใจถามขึ้นเสียงดุ

“เราเพิ่งรู้จักกันประมาณเดือนกว่า” จอมพลตอบเสียงหนักแน่น

“เหอะ! เดือนกว่า!? คิดเหรอว่านี่คือความรัก?”

“ก็กำลังดูๆ กันอยู่ครับผมเองไม่ได้รีบร้อนอะไร”

“แกไม่รีบแต่ฉันรีบ!”

“คุณเดช!” จอมขวัญปรามสามีตัวเอง

จอมเดชหน้าเจื่อนลงหันไปมองภรรยาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ จนภีมชะงักให้กับความน่ารักของทั้งคู่

“ขอโทษจ้ะ…เมีย” คนเป็นพ่อแทบสิ้นลาย ร่างโปร่งมองทั้งคู่สลับกันก่อนจะเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเพราะเมื่อเสร็จจากเรื่องของจอมเดช จอมขวัญก็หันมาถามภีมทันที

“เอาล่ะชื่ออะไรน่ะเรา”

“ภะ…ภีมวิทธิ์ครับ”

“ชื่อเล่น?”

“ชื่อเล่นภีมครับ” ร่างโปร่งตอบด้วยความสุภาพ

“งั้นฉันขอเรียกแค่ ภีม จะได้มั้ย”

“ได้ครับ”

“เอาล่ะ ภีมคบกับจอมพลมานานแค่ไหนแล้ว” จอมขวัญถามก่อนจะยิ้มกลับมาอย่างเป็นมิตร

“เอ่อ…คือ…”

“ผมก็บอกไปแล้วไงว่าเรารู้จักกันได้เดือนกว่าๆ น่ะแม่” จอมพลเอ่ยขัด

“แม่ถาม คนรักของลูกอยู่อย่ายุ่งจะได้มั้ย” คนเป็นแม่เอ็ดก่อนจะหันไปถามภีมอีกครั้ง “ว่าไงจ้ะ”

“อย่างที่คุณจอมพลบอกครับเราเพิ่งรู้จักกันได้เดือนกว่าๆ” ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าจะเลิกคิ้ว

“ทำไมถึงเรียกจอมพลห่างเหินแบบนั้นล่ะ” จอมขวัญถาม

“กะ…ก็เขาเป็นเจ้านายนี่ครับ” ภีมว่า

“แต่ตอนนี้ลูกฉันเป็นคนรักแล้วไม่ใช่เหรอ คนรักต้องสนิทกันสิจริงมั้ยคะคุณ?” จอมขวัญหันไปหาจอมเดชที่นั่งหน้านิ่ง ฝ่ายสามีเมื่อภรรยาสุดที่รักหันมาถามก็เหยียดยิ้มจนตาหยีก่อนจะตอบเสริมกลับไป

“ใช่จ้ะที่รัก”

จอมพลขำให้พ่อกับแม่ของตัวเองก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ พร้อมกับโอบไหล่ภีมเอาไว้แน่น

“เอาน่า…มึงไม่ต้องอายที่ต้องเรียกกูแบบนั้นหรอก” ร่างสูงว่าพลางขยิบตา

“ห่ะ!? อะ เอ่อ…เรียกอะไรเล่า” ภีมที่ไม่ทันตั้งตัวเกือบหลุดท่าทีออกไป ร่างโปร่งทำทียิ้มกลับแต่ความจริงแล้วในหัวของเขากลับตื้อไปหมด

เหี้ยแล้ว! จะให้เรียกว่าอะไรเล่าเรื่องนี้ไม่ได้เตรียม!!

“ก็เรียกแบบที่เรารู้กันแค่สองคนไงล่ะ…หมาดื้อ” จอมพลเอ่ยเสียงอ้อน

“หมาดื้อ!?” ร่างโปร่งถลึงตาย้ำกลับก่อนจอมพลจะส่งซิกให้เล่นตามน้ำไป

“หมาดื้อ…ชื่อนี้ตลกดีแล้วภีมล่ะเรียกเจ้าพลว่าอะไร” จอมขวัญถามคน (แกล้ง) รักของลูกชายกลับ

“เอ่อ…อยากรู้จริงเหรอครับ?” ร่างโปร่งถามความเห็น

“อยากสิจ้ะทำไมล่ะ”

“ก็มันค่อนข้างที่จะ…” ภีมปรายตามองร่างสูงข้างๆ อย่างถือไพ่เหนือกว่าก่อนอีกฝ่ายที่รู้ว่ากำลังจะโดนอะไรเริ่มอยู่ไม่สุขเข้าไปทุกที

“บอกมาเถอะฉันแค่อยากรู้” จอมขวัญรบเร้า

“ดีๆ นะเว้ย” จอมพลเค้นเสียงคาดโทษอีกฝ่ายแต่ภีมกลับยิ้มตาหยี

“ทีใครที่มันครับ” ร่างโปร่งเค้นเสียงตอบก่อนจะหันไปหาจอมขวัญอีกครั้ง

“ชื่อที่ผมใช้เรียกเขาเนี่ยมันตรงกับตัวเขามากเลยล่ะครับ…” ว่าเสร็จก็หันไปหาจอมพลอีกครั้งพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

“ใช่มั้ย…หมาหื่น

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้าง

จอมพลเข่นเคี้ยวมองภีมอย่างเอาเรื่องก่อนจะได้สติเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มกลับไปเมื่อผู้เป็นแม่หัวเราะชอบใจออกมา

“แม่ไม่เคยเห็นลูกเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เอาล่ะในเมื่อรักกันจริงพ่อกับแม่ก็จะไม่ห้าม”

“ใครบอกว่าผมจะไม่ห้าม!” จอมเดชขัดก่อนจอมขวัญจะถลึงตาสู้

“คุณกล้าเหรอ!?”

“…” คนเป็นพ่อปิดปากเงียบลงทันทีจอมเดชได้แต่พึมพำอะไรไม่เป็นศัพท์ออกมาก่อนคนเป็นภรรยาจะยื่นคำขาด

“ก็รักให้มันอยู่ในร่องในรอย แม่ไม่อยากได้ชื่อว่าขัดขวางลูกตัวเองอยากทำ อยากรัก อยากเป็นอะไรก็เป็นเพราะถึงยังไงลูกก็ยังเป็นลูกของแม่วันยังค่ำ…จริงมั้ยคะคุณ” จอมขัวญหันไปหาจอมเดชอีกครั้ง

“คุณไม่ให้ผมออกความเห็นอยู่แล้วนี่ที่รัก” คนเป็นสามีว่าหน้างอ

“ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าตามากหรอกค่ะ เราทำธุรกิจไม่ได้ขายลูกกิน ความจริงแล้วฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่คุณหมายหมั้นตาพลกับหนูมาริกาสักเท่าไหร่แต่ที่ฉันยอมเออออด้วยก็เพราะว่าฉันเห็นแก่คุณและเพื่อนที่สนิทมานานอย่างคุณประพันธ์แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะค่ะ ฉันอยากให้ตาพลเลือกเองและคนที่เขาเลือกมา…ฉันชอบ” คนเป็นแม่ว่าก่อนจะยิ้มหวานส่งให้ภีม

“โอเคๆ ผมเข้าใจ” จอมเดชยอมแพ้ในที่สุด

คนเป็นพ่อเหลือบมองไปยังลูกชายที่เหยียดยิ้มขึ้น จอมเดชไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ อาจจะตั้งแต่ที่เขาโหมทำงานหนักเพื่ออยากยกระดับครอบครัวตั้งแต่จอมพลอายุได้เพียงแค่ห้าขวบหรืออาจจะตั้งแต่ที่เขาต้องย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่อีกฝ่ายอายุได้เพียงสิบสองกัน

“อย่าเพิ่งกลับล่ะอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน” คนที่มีฐานะเป็นเจ้าบ้านเอ่ยชวน

ภีมหันมองจอมพลราวกับถามความเห็นก่อนร่างสูงข้างๆ จะตอบตกลงแทนร่างโปร่งที่ดูเหมือนจะยังงงๆ กับสิ่งที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น

“งั้นไปที่โต๊ะอาหารกันเถอะป้าเพ็ญคงจัดโต๊ะเสร็จแล้ว” จอมขวัญบอกก่อนที่ทุกคนในห้องจะโยกย้ายไปยังห้องอาหารที่ว่าทันที
:
:
:
บรรยากาศการรับประทานอาหารอบวลไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังออกมา จอมขวัญที่ดูจะชื่นชอบภีมเอามากๆ เอ่ยถามร่างโปร่งไม่ยอมหยุด จอมพลเองเมื่อเห็นคนเป็นแม่กับคนข้างๆ ที่ตอบคำถามด้วยความสุภาพแล้ว ร่างสูงยิ่งคิดในใจอยากให้เหตุการณ์ตอนนี้เป็นความจริง เขาชอบที่เห็นภีมยิ้มชอบที่เห็นพ่อและแม่ผ่อนคลายเพราะเรื่องเล่าต่างๆ ของร่างโปร่งที่ดึงความสนใจของบุคคลทั้งคู่ไปจนอยู่หมัด

เขาอยากให้ภีมกลายมาเป็น…คนรักของเขาจริงๆ

“มัวแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะตาพลไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลย” คนเป็นแม่ถามลูกชายที่เอาแต่ดูพวกเขาคุยกันไปมากลับ

“ก็ผมยังไม่มีอะไรจะพูดนี่ครับ” ร่างสูงตอบ “ว่าแต่แม่กับพ่อโอเคจริงๆ ใช่มั้ยที่ผมมีแฟนเป็น…ผู้ชาย” จู่ๆ จอมพลที่บอกว่าไม่มีอะไรจะพูดก็นึกขึ้นมาได้

ร่างสูงไม่ได้เล่นละครแต่อย่างใดหากแต่คำถามนี้เป็นคำถามที่ตัวเขาอยากจะรู้จริงๆ ซึ่งมันก็สร้างความประหลาดใจและความรู้สึกบางอย่างให้สะกิดหัวใจของภีมเข้าอย่างจัง

“อ้าวลูกคนนี้นี่! เรื่องพวกนี้แม่ไม่ซีเรียสไม่งั้นแม่คงไม่ปล่อยให้จอมใจมันเป็นทอมหรอก” จอมขัวญว่าก่อนเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ! ภีมรู้จักตาพลมาเป็นเดือนแล้วรู้หรือเปล่าว่าป้ามีลูกสาวอีกคน”

ร่างโปร่งชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมตักปลาสามรสจากจานตรงหน้า ภีมเงยหน้าขึ้นสบตากับจอมขวัญเพียงครู่ก่อนเขาจะยอมตอบกลับไปอย่างประหม่า

“ระ…รู้ครับ”

“แล้วได้ไปเยี่ยมบ้างหรือยัง”

“ก็…ไปมาหลายครั้งแล้วครับ” ภีมตอบก่อนจอมขวัญจะทำหน้าเศร้าว่าต่อ

“ป้าน่ะเสียใจมากที่จอมใจประสบอุบัติเหตุ ลูกสาวป้าคนนี้รักใครรักจริงเธอจึงเสียใจมากที่ถูกแฟนบอกเลิก”

“หระ…เหรอครับ” ภีมเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อจอมขวัญเล่าเรื่องนี้ออกมา

“เห็นจอมพลบอกว่าแม่หนูคนนั้นรวมหัวกับพี่ชายของเธอหลอกว่าเป็นแฟนใหม่ใช่มั้ย แม่ล่ะอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นจริงๆ!”

แกร้ง!

“เป็นไรไปจ้ะ”

“ปะ…เปล่าครับ” ภีมรีบเก็บช้อนที่เผลอทำหลุดมือขึ้น ร่างโปร่งขมวดคิ้วพลางรวบช้อนที่ว่าวางลงบนจานก่อนจะเก็บมือที่เริ่มสั่นลงบนตักด้วยท่าทีหวาดๆ

จอมพลหันมองเสี้ยวหน้าตื่นตระหนกของภีม ร่างสูงเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนภีมที่ก้มหน้าลงจะดึงมือกลับ จอมพลเลิกคิ้วก่อนจะบอกแม่ตัวเองกลับไปแทน

“ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกะ!…”

“ถ้าเห็นคุณป้าจะทำยังไงกับเขาเหรอครับ?” ภีมพูดขัดขึ้น ร่างโปร่งกังวลและตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ภีมก็ยังอยากจะรู้คำตอบจากอีกฝ่ายมากจนกล้าที่จะถามกลับไปในขณะที่ร่างสูงคนข้างๆ รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุขึ้นมาทันใด

“ป้าก็คงจะถามว่าจิตใจของเขามันทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้ทำลายความรู้สึกดีๆ ของคนๆ หนึ่งจนย่อยยับแบบนี้ ลูกสาวป้าน่ะเธอเพิ่งคบกับเด็กผู้หญิงคนนั้นคนแรกเด็กคนนั้นเป็นรักแรก ป้า…ป้าอยากถามเขาจริงๆ” จอมขวัญน้ำตาไหล เธอรับทิชชู่จากสามีก่อนจอมเดชจะลูบหลังและปลอบกลับไป

“ไม่ร้องน่าคุณ…อายภีมเขา แค่ตอนนี้ลูกเรายังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว”

“แต่ยัยใจต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลยนะคุณเดช! แล้วไหนจะเสียขาไปข้างหนึ่งอีกแค่นี้ยังเป็นฝันร้ายของลูกไม่พออีกเหรอคะ!” คนตรงหน้ายิ่งฟูมฟายหนักจนจอมพลที่นั่งดูอยู่ต้องทำอะไรสักอย่าง

“แม่ครับใจเย็นๆ ภีมกูขอคุยด้วยหน่อยสิ” ร่างสูงคว้าแขนภีมเดินออกจากห้องอาหารไปยังสวนดอกกุหลาบข้างบ้าน

“เมื่อกี้กูขอโทษแทนแม่กูด้วย” จอมพลว่าก่อนภีมจะเงยหน้ามองอีกคนด้วยแววตาเรียบเฉย

“เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องที่ท่าน…”

“ถ้าท่านรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นผมท่านจะทำยังไงนะ” ร่างโปร่งเอ่ยแทรกพลางเหยียดยิ้มสมเพชตัวเองออกมา

“แต่ที่สำคัญคือผมจะตอบคำถามพวกนั้นของท่านยังไงดีต่างหากจิตใจของผมมันโครตชั่วเลยว่ามั้ย?” ภีมถามจอมพลกลับ ร่างสูงตรงหน้าชะงักไปก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ จอมพลได้แต่มองคนตรงหน้าในขณะที่ภีมเองก็พยายามกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมาเอาไว้

“ขอโทษนะแต่ผมคงอยู่ต่อไม่ได้ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ของคุณด้วย” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็หันหลังหมายจะเดินออกจากบ้านทันที

“ภีม…”

“ได้โปรดอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยผมขอร้อง” จอมพลที่คว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ปล่อยภีมให้เป็นอิสระอีกครั้งก่อนเสียงทุ้มของคนข้างหลังจะเอ่ยบอก

“กูไม่กลับคอนโดมึงสักสองสามวันนะ”

ภีมผงกหัวรับรู้พลางเดินออกจากบ้านของจอมพลมาทันที ร่างโปร่งกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเอาไว้ท่ามกลางน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย ภีมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นเจ็บปวดถึงเพียงนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นคนเริ่มเรื่องราวมากมายพวกนี้ขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ทว่าในวันนั้นหากเขากล้าที่จะปฏิเสธออกไปว่าไม่ใช่แฟนคนใหม่ของทิชาสักนิดทุกๆ อย่างก็คงไม่เป็นเหมือนดังทุกวันนี้…ภีมไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะเขามากมายขนาดนี้อีกแล้ว



TBC.....
------------------------------------
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ! เรื่องราวยังคงมีให้ลุ้นกันเรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้น้องภีมฟันฟ่าเรื่องทุกอย่างกันด้วยนะคะ


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
« ตอบ #79 เมื่อ: 29-07-2017 08:39:42 »





ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
«ตอบ #80 เมื่อ29-07-2017 12:16:42 »

ภีมเอ๊ย
ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
«ตอบ #81 เมื่อ29-07-2017 14:45:29 »

สงสารภีมจัง

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
«ตอบ #82 เมื่อ29-07-2017 17:05:29 »

 :z3:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
«ตอบ #83 เมื่อ29-07-2017 19:18:05 »




CHAPTER 21



[Peam’s Part]
เรื่องเมื่อวันก่อนทำให้ผมคิดอะไรได้อีกมาก การกระทำที่แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของผมทั้งหมดแต่มันก็มีบางส่วนที่ผมเองต้องยื่นมือเข้าไปแก้ไขเพื่อให้เรื่องทั้งหมดที่ยืดเยื้อมากว่าสองปีจบลงด้วยความหวังที่อยากจะให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน ผมตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ได้ไปมานานเกือบสิบปีหลังจากที่ผมย้ายออกจากที่แห่งนี้ตั้งแต่อายุได้สิบห้าปี

อาคารทาวน์เฮ้าส์ทรุดโทรมตามกาลเวลาที่แต่ก่อนชั้นล่างจะถูกเปิดเป็นร้านขายเครื่องเงินยังคงมีกลิ่นอายของเรื่องราวแต่ก่อนได้เป็นอย่างดี ผมยืนชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านที่แม้ว่าตอนนี้จะเย็นมากแล้วแต่ประตูบานพับเหล็กก็ยังถูกปิดล็อกเอาไว้ หรือพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็คงจะไม่ใช่เพราะผมยังจำโต๊ะทานข้าวที่มองผ่านประตูบานเลื่อนด้านในประบานพับเหล็กเข้าไปได้เป็นอย่างดี มันยังอยู่ในสภาพที่มีคนใช้ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าที่นี่จะร้างไปแล้ว

“มาหาใครเหรอจ้ะ” สัมผัสตรงแขนขวาทำผมสะดุ้งเฮือก หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาของเธอมีริ้วรอยตามวัยเอ่ยทักด้วยใบหน้าฉงนก่อนผมจะเอ่ยเรียกเธอกลับไป

“แม่…” คนตรงหน้าเบิกตากว้าง เธอปล่อยถุงบางอย่างที่ถือว่าลงก่อนจะโผเข้ากอดผมทันที

“ภีมลูก! ภีมกลับมาแล้ว! ภีมกลับมาบ้านเราแล้ว ฮือออ” เสียงร้องไห้ดังระงมผมกอด 'แม่นิต' ตอบอย่างสนิทใจก่อนเธอจะผละออกและกอดเข้ามาใหม่หลังจากมองหน้าผมของผมอีกครั้ง

“แม่ครับผมหายใจไม่ออก” ผมว่าพลางเธอก็รีบปล่อยและปาดน้ำตาตัวเองออกทันที

“แม่ขอโทษๆ แม่คิดถึง คิดถึงเรามากเลยรู้มั้ย” แม่นิตร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ขอบคุณครับที่แม่ยังไม่ลืมผม ผมเองก็…คิดถึงแม่นะครับ” แม้จะพูดออกไปได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่แต่อย่างน้อยๆ ท่านก็มีบุญคุณที่รับเลี้ยงผมมา

“แม่ขอโทษที่เคยทำกับภีมแบบนั้น แม่มันรักลูกไม่เท่ากันแม่สำนึกแล้ว” น้ำตาของเธอยิ่งไหลออกมาเป็นสายมากกว่าเดิม

“เข้าบ้านกันก่อนมั้ยเถอะครับ แล้วนี่ทิชาไปไหนเย็นมากแล้วยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”

“ทิชาแกไปทำงานพิเศษน่ะจ้ะ” แม่นิตตอบก่อนผมจะก้มลงเก็บถุงที่เธอปล่อยหลุดมือเมื่อกี้ซึ่งข้างในเป็นแกงถุงสองสามอย่าง

“งานพิเศษ?”

“จ้ะก็ตั้งแต่ที่พ่อเสีย” พูดพร้อมกับไขกุญแจเปิดประตูบ้าน

“อะไรนะครับ!?” ผมตอบกลับอย่างไม่เชื่อหู

พ่อเหมเสียแล้ว? แต่ทำไมไม่มีใครบอกผมเลยสักคน

“เขาเสียแล้วเมื่อสองปีก่อน” แม่นิตพูดก่อนจะเดินเข้าไปเปิดไฟในบ้านก่อนผมจะเดินตามเธอไปยังครัวและวางถุงแกงที่เธอซื้อมาคงบนโต๊ะทานข้าว

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“จะอะไรซะอีกล่ะก็เมาแล้วขับนั่นแหละ” แม่นิตตอบ ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ท่านดื่มหนักจะเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่มีชีวิตอยู่แล้วในวันนี้

“ทำไมถึงไม่มีใครบอกผมเลย”

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราอยู่ที่ไหน”

“แต่ทิชารู้นี่ครับ?”

“ทิชาไม่ยอมบอกใครเรื่องที่อยู่ของภีมเพราะไม่อยากให้ไปเราวุ่นวาย”

“เหรอครับ” ผมเอ่ยอย่างงุนงงก่อนถามต่อเมื่อตลอดทางที่เดินเข้ามาสภาพในนี้ดูเปลี่ยนไปมาก “แล้วนี่แม่ไม่ขายพวกเครื่องเงินแล้วเหรอ”

“ไม่แล้วเพราะหลังจากเหมเสียพี่น้องของเขาที่น่านก็ไม่ส่งของมา จะพูดให้ถูกก็คือเราสองคนแม่ลูกเหมือนถูกตัดหางปล่อยวัดน่ะ” แม้จะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้เสียใจอะไร ทว่าแววตาของแม่นิตกลับบอกทุกอย่างออกมาจนหมด

“แล้วทิชา?”

“ก็ยังเรียนอยู่แกทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียนมหา'ลัย ลำพังค่าแรงวันละสามร้อยของแม่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก”

“แม่ทำงานที่ไหน?”

“ก็ไปนวดที่บ้านป้าศรีน่ะ จำป้าศรีได้มั้ย? ลูกสาวแกเปิดร้านนวดแผนไทย แรกๆ ก็ไปนวดช่วยแกแต่ตอนนี้ก็ไปทำเป็นเรื่องเป็นราวเลย” เธอว่าก่อนจะวางแก้วน้ำเย็นตรงหน้าผมที่นั่งอยู่โต๊ะทานข้าว

ผมรู้สึกตัวชาอย่างบอกไม่ถูกพลางมองแก้วน้ำด้วยความคับแน่นไปทั่วอก ตลอดเวลากว่าสิบปีที่ผมไม่ได้มาที่นี่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเสียจนผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่ได้อยู่ในวันที่ทุกๆ คนอ่อนแอไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีกว่านี้เลยสักนิด

“เป็นอะไรไปจ้ะภีม” แม่นิตถามอย่างเป็นห่วงที่จู่ๆ ผมก็เงียบไป

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกอกตัญญูเลยครับ” ผมพูดสิ่งที่คิดออกมา

“ทำไมถึงคิดยังงั้น?”

“ก็ผมไม่ได้ช่วยอะไรที่บ้านเลย ผมมันเอาแต่หนีปัญหาหนีทุกคนเพียงเพราะตัวผมเองเพราะตัวผมเองทั้งหมด!” ผมตะโกนออกไปพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาเสียดื้อๆ

บ้าชะมัด! มึงจะไม่อ่อนแอแล้วนะเว้ยไอ้ภีม

“ใครบอกว่าเราไม่เคยช่วยครอบครัว” ผมเงยหน้ามองผู้เป็นแม่อย่างสงสัยก่อนเธอจะพูดขึ้นต่อ

“รู้มั้ยว่าเงินที่ทิชาเคยขอจากเราทั้งหมดนั่นน่ะน้องเอามาใช้จ่ายในบ้าน”

“!!”

นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน? ผมคิดมาตลอดว่าทิชาเอาไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก

“ทิชาน่ะอาจจะปากร้าย เอาแต่ใจ ภายนอกเหมือนจะเข้มแข็งแต่ข้างในน่ะอ่อนยิ่งกว่าอะไร น้องยังรักเธอไม่เปลี่ยนนะภีม น้องบ่นคิดถึงเธอทุกวันเลยรู้หรือเปล่าเพียงแต่ต่อหน้าทิชามันดคยบอกว่าทำตัวไม่ถูก”

“งั้นเหรอครับ” ผมฟังด้วยความอึ้ง

แม้สิ่งที่แม่พูดออกมาจะเป็นสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวตนของทิชาเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนต์แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ถามกลับแต่อย่างใด

แม่นิตรุดคว้าถุงแกงที่ซื้อมาแกะลงใส่ชามก่อนผมจะรีบเข้าไปช่วยเธอประจวบกับเสียงใครบางคนที่เปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่หวานหากแต่มันก็ไม่ได้ห้วนมากจนรำคาญหูดังขึ้น

“แม่ชากลับมาแล้ว!” ผมหันไปตามเสียงที่ดังมาจากทางประตูก่อนคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาจะชะงักไป

“มาที่นี่ทำไม!?” ไม่ทันไรทิชาก็ตีหน้ายักษ์ทันทีที่เห็นผม

“ก็พี่บอกคราวก่อนไงว่าจะหาเวลามาเยี่ยมบ้าน” ผมว่า

“ใครอยากให้แกมาไม่ทราบ!? แล้วนี่บ้านแกที่ไหน!?”

“ทิชา…” แม่นิตเอ่ยปรามผมเองก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะคำพูดพวกนี้ผมโดนมาบ่อยจนรู้สึกเฉยๆ ไปซะแล้ว

ทิชาเบือนหน้าหนีพลางโยนกระเป๋าลงบนโซฟาด้วยท่าทีฉุนๆ ก่อนเธอจะทรุดตัวนั่งตามลงไปอย่างอิดโรยและถอดถุงเท้าที่สวมไว้ออก

“ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวได้แล้ววันนี้แม่ซื้อแกงส้มของโปรดแกมาด้วย”

“ชาบอกแม่กี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่ของโปรดชา ของโปรดมันโน่น!” ไม่พูดเปล่ายังบุ้ยปากมาทางผมอีกต่างหาก

“แล้วไม่ใช่เพราะเคยตามติดพี่เขาแจเหรอเลยชอบทานอะไรเหมือนๆ กับเขาน่ะหืม?”

“ใครพี่!?...ไม่มี! บ้านเรามีกันแค่สองคนนะแม่มันน่ะก็แค่คนนอกไม่ต้องนับรวมหรอก” ทิชาว่าก่อนแม่นิตจะเอ็ดกลับ

“แกนี่ยังไงนะ! พอพี่เขาไม่อยู่ก็บ่นคิดถึงเขาพอเขามาก็พูดจาว่าร้ายเขาสารพัดนี่ฉันไม่ได้เลี้ยงแกให้ปากคอเราะร้ายแบบนี้นะยัยชา! ไป! ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวเดี๋ยวนี้!!”

“แม่อ๊า!!” ทิชาทำหน้างอแต่ก็ยอมลุกขึ้นก่อนจะกระทึบเท้าเดินเข้าครัวไปทำตามแต่โดยดี
:
:
:
ผมนั่งลงยังที่นั่งประจำที่ยังคงไม่เปลี่ยนไปไหน แม่นิตตักข้าวให้เราทั้งสองคนก่อนเธอจะเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มทานข้าวกันไปได้สักพัก

“เราล่ะทิชาอยากคุยอะไรกับพี่เขามั้ย”

“ไม่” ทิชาตอบอย่างไม่คิดจนแม่นิตต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง

“ยัยลูกคนนี้นี่!”

“ไม่เป็นไรครับแม่ทิชาไม่คุยเดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง…ทำงานพิเศษอะไร?” ผมถามก่อนทิชาจะทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับตักข้าวเข้าปากจนทำให้แม่ต้องใช้ไม้เด็ดคือการหยิกเอวเธอกลับ

“โอ้ย!! ชาเจ็บนะแม่!!” ทิ้งช้อนลงบนจานก่อนจะโวยวายใหญ่

“พี่เขาถามก็ตอบพี่เขาไป! อย่าทำตัวแบบนี้แถวนี้นะ!” แม่ว่าเสียงดุ

“เป็นแคชเชียร์” ทิชาทำหน้างออีกระลอกก่อนจะลูบเอวที่โดนหยิกไปมา

“ที่ไหน?”

“ร้านกาแฟไม่ไกลจากนี่”

“สบายดีหรือเปล่า”

“ก็เห็นอยู่แล้วยังจะถาม! อุ้ยๆ! ชายังไม่ได้ว่าอะไรมันเลยนะแม่!” ทิชาเบี่ยงหลบเมื่อแม่เอื้อมมือจะหยิกเธออีก

“หยุดเรียกพี่เขาว่า มัน ได้แล้ว! จะพูดจาว่าร้ายเขาไปถึงไหนทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้! ขืนแม่ได้ยินอีกจะจับตีก้นซะให้เข็ด”

“แม่วิ่งไล่ชาไม่ทันหรอก” ทิชาแกล้งแหย่แต่ดูเหมือนแม่จะไม่ใช่แค่ขู่ เพราะเธอตอบกลับด้วยคำพูดหนักแน่นจนอีกฝ่ายหน้าง๊อลงทันที

“ก็ลองดูสิ!”

“ไม่เป็นไรครับผมไม่ได้โกรธอะไร…ว่าเราเถอะเงินที่เคยขอคราวก่อนจะเอาไปทำอะไร”

“…” ทิชาเงียบก่อนผมจะเผยไต๋เธอออกไป

“บอกพี่มาตามตรงพี่รู้เรื่องที่เราทำหมดแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกับถอนหายใจ

“ค่าเทอมแล้วก็ค่ายาของแม่”

“แม่เป็นอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามคนนั่งหัวโต๊ะทันที

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกพออายุมากเข้าโรคภัยก็ถามหาเป็นธรรมดา”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ”

“จะบอกให้สงสารทำไม”

“ใครสงสาร? ไม่มีใครสงสารใครหรอกนะทิชาอย่าคิดอะไรแบบนั้น” ผมว่าก่อนจะหันไปหาแม่อีก

“เดี๋ยวผมจะทิ้งเบอร์โทรไว้คราวหลังถ้าแม่เดือดร้อนอะไรโทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“อย่าปฏิเสธเลยครับยังไงแม่ก็มีบุญคุณกับผมมาก”

“แต่พ่อกับแม่ก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดี รักลูกไม่ถูกทาง”

“ไม่เป็นไรครับเรื่องมันผ่านไปแล้วผมเองก็คิดแค่ว่ามันเป็นเพียงบทเรียนบทหนึ่งแค่นั้น” ผมว่าพลันน้ำตาของแม่ก็เอ่อขึ้นมาจนทำให้เธอรีบปาดมันออกก่อนที่มันจะไหล

“แม่นี่ไม่ไหวเลย พูดถึงแต่ก่อนทีไรแม่ก็อยากร้องไห้ออกมาซะดื้อๆ” เธอว่าก่อนจะถามผมที่เหยียดยิ้มมองหน้าของเธอขึ้นอีก

“จริงสิ…แล้วที่ภีมยอมกลับบ้านมาแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” ผมชะงักไปเพราะมัวแต่สนใจเรื่องตรงหน้าจนลืมเรื่องที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่ไปเสียสนิท

ผมรวบช้อนพลางยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะบอกถึงจุดประสงค์ที่มาออกไป

“พอดีผมกลับมาเพราะมีบางอย่างจะคุยกับทิชาน่ะครับ”

“คุยกับฉัน?” ทิชาสวนถาม

“ใช่”

“เรื่องอะไร”

“เอาเป็นว่าถ้าอิ่มแล้วค่อยไปคุยกันดีกว่า” ผมว่าก่อนเธอจะขัด

“คุยกันที่นี่ก็ได้แม่รู้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”

“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอกับพี่เคยทำมันด้วยกัน”

“?”

“เมื่อสองปีก่อน” ผมบอกจนทิชาจะชะงักไป เธอตัดสินใจรวบช้อนวางบนจานข้าวที่พร่องไปเกือบหมดก่อนจะหันไปบอกแม่

“อิ่มแล้วค่ะแม่…ไปคุยกันที่ห้อง” ทิชาว่าก่อนจะเดินนำขึ้นห้องเธอไป

“ตกลงมันเรื่องอะไร” คนตรงหน้าถามขึ้นทันทีเมื่อล็อกห้องเสร็จ

“พี่จะมาคุยเรื่องที่เธอเคยบอกกับเด็กที่ชื่อจอมใจว่าพี่เป็นแฟนใหม่เมื่อสองปีก่อน”

“ทำไมถึงรู้จัก?” ทิชาเลิกคิ้วถาม

“เพราะพี่ถูกพี่ชายเขาแก้แค้น” ผมบอกตามจริง

“อะไรนะ!?”

“ตั้งแต่กลับมาอยู่ไทยได้ไม่นาน”

“แล้วแก้แค้นทำไม”

“ก็เราเป็นสาเหตุให้เขาขับรถชน”

“!!”

“ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดเพราะจอมใจก็เมามากแต่เพราะเธอบอกเลิกเขาแล้วพี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องมันก็เหมือนผิดอยู่กรายๆ อยู่ดี” ผมขยายความ

“เดี๋ยวนะจอมใจขับรถชน?”

“เธอไม่รู้?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ใช่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน”

“แล้วทำไมเขาถึงบอกพี่ว่าเธอรู้แต่ไม่ยอมไปเยี่ยมล่ะ”

“จะไปรู้เหรอฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลยตั้งแต่เจอกันหลังจากที่บอกเลิกตอนนั้นไปแล้วสองวัน”

“แล้วเจอกันอีกครั้งที่ไหน”

“เขามารอที่หน้าโรงเรียน…มาขอโทษ” ทิชาบอกเสียงเรียบ

“ขอโทษ?...ทำไมจอมใจต้องขอโทษ ไหนเขาบอกว่าเธอกับเพื่อนสนิทของเขาแอบคบกันลับหลังไงล่ะนี่พี่เริ่มงงไปหมดแล้วนะ” ผมทำหน้ายุ่งเมื่อเริ่มไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเข้าไปทุกที ก่อนทิชาที่มองมาจะสวนขึ้นทันควัน

“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้พูดว่าจอมใจบอกอะไรนะ?” ทิชาถามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

“เขาบอกว่าเขาเสียใจที่มารู้ทีหลังว่าเธอกับเพื่อนสนิทของเขาแอบคบกัน”

“ใช่ที่ไหน!!”

“หมายความว่าไง?” ผมถามเมื่อทิชาปฏิเสธเสียงแข็งกลับ

เรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้แน่ๆ!

“ฟังให้ดีนะ ฉันไม่รู้หรอกว่าจอมใจพูดอะไรออกมาบ้างแต่ฉันไม่ได้คบกับเพื่อนของเขาและที่ฉันบอกเลิกเขาวันนั้นก็เพราะฉันรู้มาว่าเขากำลังมีคนอื่น!”

“!!”

“ที่สำคัญคือคนอื่นที่เขากำลังคั่วอยู่คือเพื่อนสนิทของฉันต่างหาก!” ผมถึงกับตัวชาวาบขึ้นมาทันทีที่ทิชาพูดจบ คนตรงหน้ามองหน้าผมนิ่งเช่นเดียวกับผมที่จ้องทิชาไม่วางเช่นกัน

ตกลงเรื่องนี้มันยังไงกันแน่? ทำไมจอมใจถึงบอกกับผมแบบนั้นแล้วอะไรที่ทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนี้กัน

“เธอไม่ได้โกหกพี่?” ผมถามย้ำ

“โกหกแล้วได้เงินมั้ยล่ะ” ทิชาปรายตามองผมก่อนเธอจะเล่าต่อ

“จอมใจกับฉันน่ะเราระหองระแหงกันมานานแล้ว เห็นฉันเป็นแบบนี้แต่เขาเป็นคนที่ฉันรักมาก เขาทำเพื่อฉันเซอร์วิสฉันแทบจะทุกอย่างก็จริง แต่เขาก็ทำแบบเดียวกันให้เพื่อนของฉันลับหลังเหมือนกัน ฉันเริ่มระแคะระคายเรื่องนี้หลังจากจบงานกีฬาสีที่โรงเรียนเพราะช่วงนั้นเพื่อนคนนี้ชอบหายหน้าไม่มาช่วยงานอยู่บ่อยๆ ฉันเลยสะกดรอยตามมันไปจนเจอว่าพวกเขานัดออกมาดูหนังและทานข้าวด้วยกัน” ทิชาเล่าในขณะที่น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือขึ้นมาเรื่อยๆ

“ฟังดูเหมือนกิจกรรมที่คนเป็นเพื่อนทำด้วยกันก็ได้ใช่มั้ย? แต่ฉันไม่หยุดแค่นี้ไง ฉันสืบจนค่อนข้างแน่ใจว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ เพราะหากไม่มีอะไรกันจริงๆ พวกเขาคงไม่ลงทุนหลอกฉันเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวเกาหลีด้วยกันหรอกจริงมั้ย” คนตรงหน้าค่อยๆ ปาดน้ำตาของตัวเองที่เกือบจะไหลจากตาออก

“มันก็จริงแต่ว่า…”

“ฉันรัก…เมื่อไหร่ที่ฉันรักฉันให้เต็มร้อย แต่เมื่อไหร่ที่ฉันรู้ว่าความรักของฉันกำลังจะกลายเป็นเพียงคำที่คนอื่นมองข้ามฉันจะไม่ทน” ทิชาขัดผมที่กำลังจะพูดออกไป

“ตอนนั้นฉันรู้ดีว่าอีกไม่นานจอมใจต้องมาบอกเลิกฉันแน่ๆ แต่ฉันมันคนแพ้ใครไม่เป็นไงล่ะ ฉันไม่ยอมให้เขาบอกเลิกฉันก่อนแน่ฉันเลยชิงบอกเลิกเขาก่อนแม้ว่ามันจะโครตเจ็บก็เหอะ” ทิชามองผมกลับ

“ขอโทษที่ลากเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ได้คิดอยากให้มันเป็นแบบนี้เลย” เธอว่าต่อก่อนผมจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ดีว่าเธอคงเจ็บจริงๆ อย่างที่พูด

“ไม่เป็นไรไหนๆ ก็เข้ามาเกี่ยวจนถลำลึกมาถึงขนาดนี้แล้ว” พูดอย่างยอมแพ้เลยจริงๆ ถลำลึกทั้งตัวและ…ไม่เอาสิอย่าคิดเชียวไอ้ภีม!

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงของอีกคน

“นั่งได้ใช่มั้ย” ทิชาพยักหน้าก่อนจะนั่งตามลงมาและถามกลับ

“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง?” คนข้างๆ ผมดูจริงจังเอามากๆ

“ก็เพราะตอนนี้เรื่องมันไม่สิ้นสุดแค่จอมใจเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ” ผมพ่นลมหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา “จอมใจเสียขาไปข้างหนึ่งแถมตอนนี้ยังไม่ยอมพูดกับใครได้แต่เขียนกระดานโต้ตอบเท่านั้น”

“สะ…เสียขาเลยเหรอ” ทิชาเบิกตากว้าง

“ใช่ แถมเขายังอยู่โรงพยาบาลมาสองปีกว่าแล้วด้วย ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ให้ความร่วมมือกับหมอ ไม่ยอมทำกายภาพเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจที่มันยังไม่เคลียร์…ว่าแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันพวกเธอได้คุยอะไรกันบ้าง” ผมพร่ำก่อนจะหันไปถามทิชาอย่างสงสัย

“ไม่ได้คุยอะไรเพราะฉันหนีขึ้นรถเมล์มาก่อน ฉันจำได้แค่ว่าเขาตะโกน ขอโทษฉันเท่านั้นถามทำไม?”

“เพราะบางทีจอมใจอาจมีเรื่องที่อยากบอกกับเธอก็ได้” ผมบอกสิ่งที่คิด

ทิชาเงียบลงทันทีก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของผม ทำให้ผมค่อนข้างจะดูออกว่าเธอเองก็คงมีเรื่องในใจไม่ต่างจากอีกคน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เห็นอะไรดีๆ บนโต๊ะข้างเตียงของเธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องนี้หรอก

“ไปหาจอมใจที่โรงพยาบาลด้วยกันมั้ย?”

“อะ…อะไรนะ?” คนตรงหน้าทำตาโตเมื่อผมพูดจบ

“ไปคุยกันให้รู้เรื่องพี่มั่นใจว่าจอมใจต้องมีอะไรในใจเกี่ยวกับเราแน่ๆ” ผมเสนอกลับ

“แต่ฉันกับเขาเราจบกันแล้ว! ฉันไม่ได้คิดถึงเขาแล้ว เขาไม่มีอิทธิพลกับใจฉันอีกต่อไป” ทิชาเฉไฉ แม้จะพูดออกมาชัดทุกคำ แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับไม่มีความเด็ดเดี่ยวอยู่เลยสักนิด

ผมยิ้มให้คนปากไม่ตรงกับใจก่อนจะลุกเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงและถือกรอบรูปที่เจ้าของห้องเคยถ่ายคู่กับจอมใจโดยมีตัวหนังเขียนเอาไว้ข้างๆ ว่า 'Happy Anniversary 2nd Years' ขึ้น

“แล้วนี่อะไร” ผมพลิกรูปไปหาอีกคนก่อนทิชาจะหน้าถอดสีลงทันที

หากหมดรักกันจริงๆ จะยังเก็บมันเอาไว้งั้นเหรอ?

“เธอยังคงมีความรู้สึกดีๆ กับจอมใจอย่าโกหกตัวเองเลยทิชา” ผมว่าก่อนจะวางกรอบรูปที่ถืออยู่ลง

“แต่เรื่องของฉันกับเขามันผ่านไปนานแล้ว” ทิชาบอกเสียงอ่อน

“เท่าที่พี่เห็นผ่านไปแล้วแต่ไม่ผ่านเลยนี่”

“…”

“เพราะเธอเองก็ไม่ได้เลิกกับเขาเพราะอยากที่จะเลิก เรื่องทุกอย่างเลยยังวนเวียนอยู่ในใจเธอไม่หายที่พี่พูดน่ะจริงมั้ย” ผมมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปเถอะไปด้วยกัน”

“แต่ว่า…”

“ไปปลดพันธนาการนี้ซะ อย่างน้อยถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่คนที่จมอยู่กับความรู้สึกพวกนี้อย่างจอมใจก็แล้วกัน รายนั้นอาจเจ็บปวดมากกว่าเธอหลายเท่าก็ได้ใครจะไปรู้”

ทิชามองหน้าผมอย่างยอมแพ้ เธอพยักหน้าตอบก่อนจะถอนหายใจออก มาราวกับมีเรื่องให้ขบคิดอีกมาก ผมนั่งลงข้างๆ เธอก่อนจะจับต้นแขนเธอเพื่อให้กำลังใจกลับไป คนข้างๆ ดูเปลี่ยนไปค่อนข้างมากเธอดูเป็นผู้ใหญ่จนผมคาดไม่ถึง บางทีสิ่งที่แม่พูดตอนทานข้าวคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องหันกลับมามองเธอใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยมีแต่เรื่องแย่ๆ ของอีกฝ่ายให้จำล่ะมั้ง
[End of Peam’s Part]



TBC....
-------------------------------------------
เรื่องราวกำลังจะคลี่คลายแล้วนะคะ เตรียมใจสงสารเฮียพลกันหรือยัง (หรือจะสมน้ำหน้าดี?)
แต่ไม่ดราม่ามากค่ะ เพราะช่วงหลังมานี้คงเห็นความละมุนของเฮียแกแล้ว
เฮียแกจริงจัง! จริงใจ! แต่ยังปากแข็งนี่แหละประเด็น -__-''
เลยอยากจะแกล้งความปากแข็งของเฮียสักหน่อย
เม้นท์ให้กำลังใจกันหน่อยนาาา อย่าใจร้ายกับคนเขียนมากเลย
คนละเม้นท์ก็ยังดี ^^


 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
«ตอบ #84 เมื่อ29-07-2017 22:30:20 »

คู่สองสาวนี่ตกลงมันจะยังไงกันนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
«ตอบ #85 เมื่อ29-07-2017 22:49:02 »

ทำไมคดีพลิก
คิดมาตลอดว่าตัวต้นเรื่องคือทิชา
แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่
จอมใจเราเลิกรักเธอแล้ว

ต้นเรื่องทั้งหมดคือน้องสาวจอมพล
ถ้าจอมพลรู้จะเป็นยังไงนะ

ทำไมไม่ดราม่าล่ะ
อุตส่าห์รอตอนจอมพลกระอักแล้วนะ
ไม่แฟร์กับภีมเลย

รอตอนต่อไป
จอมใจรีบๆ พูดแล้วยอมกลับบ้านสักที
เรื่องทุกอย่างจะได้จบ
พี่ชายเธอกับภีมจะได้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
«ตอบ #86 เมื่อ30-07-2017 01:44:42 »

อ้าว หักมุมนี่นา

ออฟไลน์ janeyuya

  • ชี่น้อยวิ่งหัวซุกหัวซุน... (*¯︶¯*)
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
    • สมาคมศรีพันยาแห่งบ้านทาคาคิ
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
«ตอบ #87 เมื่อ30-07-2017 03:17:54 »

 :m16: ดิฉันสังหรณ์ใจว่าเรื่องของสองสาวอาจจะเป็นการเข้าใจผิด

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.22 100% [30/07/2560]
«ตอบ #88 เมื่อ30-07-2017 11:05:20 »


CHAPTER 22




ร่างโปร่งเดินนำหญิงสาวเข้าไปในแผนกจิตเวชหลังจากที่ทั้งคู่นัดกันตอนเขาเลิกงาน ทิชาที่นิ่งเงียบมาตลอดทางถือกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายยี่ห้อดังอยู่ในมือก่อนคนมีศักดิ์เป็นพี่จะหยุดฝีเท้าลงเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย

“เธอโอเคนะ?” ภีมถามคนข้างๆ ที่ลงแรงบีบกระเช้าในมือแน่นกว่าเดิม

“อืม”

ทิชาตอบในลำคอก่อนมือเรียวของร่างโปร่งจะเคาะลงบนประตูตรงหน้าสองสามทีพร้อมกับรวบจับลูกบิดพลางหมุนและผลักเข้าไป

ภีมเดินนำทิชาเข้าไปในห้อง กลิ่นอาหารมื้อเย็นที่อีกฝ่ายกำลังลิ้มรสอยู่บนเตียงเตะเข้าจมูกร่างโปร่งอย่างจัง ร่างโปร่งมองจอมใจที่กำลังก้มหน้าตักข้าวด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนักพลางกลืนน้ำลายลงคอตัวเองไปอึกใหญ่ก่อนเจ้าของห้องจะเงยหน้ามองมายังเขาเมื่อตักอาหารเพื่อเตรียมส่งมันเข้าปากตัวเองไปเสร็จแล้ว

จอมใจเบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของร่างโปร่ง ทิชาตัดสินใจก้าวขึ้นมายืนขนาบข้างภีมก่อนที่ช้อนในมือของคนบนเตียงจะหล่นลงกระทบกับจานข้าวเมื่อคนข้างๆ ของภีมเอ่ยพูดขึ้น

“ไม่เจอกันนานเลยนะจอม” ทิชาเหยียดยิ้มส่งให้

หญิงสาวมองหน้าอดีตคนเคยรักที่แม้ว่าตอนนี้ภายนอกของจอมใจจะต่างจากแต่ก่อนอยู่มากเพราะผมที่ยาวสลวยเนื่องจากไม่ได้ตัดมากว่าสองปี ทว่าแววตากับรูปหน้าของอีกฝ่ายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเธอจำมันได้…จำได้ไม่เคยลืม

ภีมมองทั้งสองคนที่นิ่งงันราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหินสักพักก่อนทิชาจะตัดสินใจวางกระเช้าของเยี่ยมที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะใต้ทีวีในขณะที่จอมใจก็มองตามการเคลื่อนไหวของอีกคนไม่คลาดสายตา

“สบายดีมั้ย” ทิชาหันกลับมาถามแต่จอมใจก็ยังเงียบหญิงสาวเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพูดออกมาอีกด้วยใบหน้าที่รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปในที่สุด

“ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในสภาพนี้เลยว่ามั้ย?” จอมใจยังคงเงียบเหมือนเดิมคนบนเตียงรวบกำมือเอาไว้แน่นในขณะที่เนื้อตัวก็เริ่มสั่นเทาคล้ายกับกำลังกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้

“ใจเย็นทิชา” ภีมเดินเข้าไปที่เตียงบ้างก่อนจะเอ่ยบอกจอมใจ “ขอโทษที่ผมไม่ได้บอกก่อนว่าจะพาทิชามาเยี่ยม”

เจ้าของห้องตวัดสายตามองภีมกลับอย่างเอาเรื่องก่อนจอมใขจะใช้มือปัดถาดอาหารตรงหน้าจนมันตกเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด

เพล้ง!!!

ร่างโปร่งเบิกตาตกใจพลางหันไปมองน้องสาวตัวเองที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง ทิชานิ่งมาก…มากจนบรรยากาศในห้องเริ่มจะมาคุขึ้นทุกทีก่อนที่อิงฟ้าพยาบาลประจำตัวของจอมใจจะเปิดประตูวิ่งโร่เข้ามาหน้าตาตื่น

“อิงได้ยินเสียงของแตก ว้าย! น้องจอมใจคะทำไมถึงได้!?...” หญิงสาวถามตาลีตาเหลือก

“ไม่เป็นไรครับคุณอิงเดี๋ยวผมเก็บกวาดให้” ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าของเขาจะมองจอมใจสลับกับทิชาไปมาอย่างสงสัย

“แต่คุณภีม...” อิงฟ้าพยายามขัด

“รบกวนคุณอิงออกไปก่อนนะครับไม่มีอะไรหรอกผมแค่อยากให้พวกเขาเคลียร์ปัญหากัน” พยาบาลสาวพยักหน้าก่อนเธอจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี

“ทำไมไม่พูดกับฉันล่ะ! หรือโกรธที่วันนั้นฉันหนีเธอ!” ทิชาตะโกนว่าให้คนบนเตียงอีก

“…”

“โง่! พูดออกมาสิอมพนำอะไรไว้ตอนนี้ฉันปล่อยให้พูดแล้วไงพูด!!”

“ทิชาใจเย็นพี่ว่าค่อยๆ พูดกันดีกว่า” ร่างโปร่งยื้อห้าม

“อยากให้ฉันมาเคลียร์ฉันก็กำลังเคลียร์อยู่นี่ไงแต่ดูเธอสิจอม…จะหดหัวมุดอยู่ในกระดองอีกนานแค่ไหนกัน!” หญิงสาวว่าก่อนจะหันไปตะเบ็งเสียงใส่จอมใจอีกครั้ง

ทิชาจ้องคนที่เอาแต่เงียบบนเตียงด้วยนัยน์ตาที่เอ่อไปด้วยน้ำใสท่ามกลางร่างกายที่เริ่มสั่นเทาด้วยความโกรธจัดที่อีกคนไม่ยอมพูดออกมาจนกระทั่งน้ำตาเหล่านั้นไหลออกจากตามาในที่สุด

“ใครกันแน่ที่สมควรโกรธ! ใครกันแน่ที่เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้ห๊ะ!?” หญิงสาวทุบไหล่คนบนเตียงกลับก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ร้องไห้โฮเสียตรงนั้น

“เพราะเธอเรื่องของเรามันเลยเป็นแบบนี้…เธอมันไม่ซื่อสัตย์อย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ฮึก! ฉันจะเกลียดเธอ…จะเกลียดจริงๆ แล้วนะ”

ร่างโปร่งของภีมที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอื้อมมือจับไหล่เล็กของน้องสาวตัวเองเป็นการปลอบก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยชื่ออีกคนออกไป “ทิชา…”

“ขะ…ขอโทษ” ไม่ทันที่ภีมจะเอ่ยจบร่างบางของคนบนเตียงที่ก้มหน้านิ่งก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียงเบา

“จอมขอโทษ…จอมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เราเป็นแบบนี้” ภีมเบิกตากว้างหลังจากจอมใจพูดออกมา ร่างบางเขยิบพลางเอื้อมมือลูบแก้มของทิชาที่เบิกตาตกใจเช่นเดียวกันเพื่อเช็ดน้ำตาให้ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของใครอีกคนที่วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานเดินเข้ามาด้วยใบหน้าฉงน

“มีเรื่องอะไรกัน” จอมพลถามก่อนจะมองภีมสลับกับสองคนที่เตียง

“คุณมากับผม” ร่างโปร่งฉวยแขนอีกฝ่ายและลากไปยังอีกมุมห้องหนึ่ง

“นั่นใคร?” ร่างสูงถามในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องทั้งสองคนที่ร้องไห้ระงมไม่วาง

“น้องสาวผม”

“!!”

“ผมพาเธอมาเพราะอยากให้พวกเขาเคลียร์เรื่องที่คาใจกันทั้งหมด”

“มึงพาคนที่เคยหักอกน้องกูมา!?” จอมพลขึ้นเสียงจนภีมรีบใช้มือปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันที

“อย่าเพิ่งโวยวายสิคุณฟังพวกเขาก่อน” ว่าเสร็จก็ปล่อยปากของคนตรงหน้าให้เป็นอิสระก่อนที่ทั้งสองจะมองไปยังทิชาและจอมใจเป็นตาเดียว

“ขอร้องอย่าเกลียดกันนะ” จอมใจพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนจนจอมพลที่ยืนอยู่ไม่ไกลเบิกตากว้าง ร่างสูงหันไปหาภีมราวกับต้องการความมั่นใจก่อนร่างโปร่งจะพยักหน้าเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่เขาได้ยินกลับไป

“จอมไม่ได้ตั้งใจทิชาจอมขอโทษ” น้ำเสียงสั่นเครือกับมือที่สั่นเทาเรียกน้ำตาของทิชาที่ตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูดเป็นอย่างดี

“เธอใจร้ายมากนะรู้ตัวมั้ย” ทิชาว่า “เจ็บขนาดนี้แต่ทำไมถึงไม่บอกกันเลยสักคำ” หญิงสาวพูดต่อก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองจับไปที่ขาขวาของอีกฝ่าย

“จอมคิดว่าทิชารู้แล้วแต่ไม่ยอมมาเยี่ยม”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง เธอไม่ติดต่อมาแถมยังตัดขาดทุกช่องทางอีก”

“ฝีมือฉันเอง” จอมพลที่เงียบฟังทั้งคู่อยู่นานโผลงแทรกขึ้นจนทุกคนในห้องหันไปให้ความสนใจกับเขาทันที

“ที่ทำเพราะว่าช่วงนั้นจอมใจยังไม่ได้สติ ฉันกลัวว่าพอเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะคิดมากที่ต้องสูญเสียขาของตัวเองไป” ร่างสูงบอกความจริงก่อนภีมจะหันไปมองอีกฝ่ายนิ่ง

“ทำไมถึงทำแบบนั้น” ร่างโปร่งถามอย่างไม่เข้าใจ

“กูไม่อยากให้น้องมีปมถ้าหากจอมใจยังเปิดแอปฯ พวกนั้นดูเธอก็ต้องเห็นคนอื่นๆ ที่เขามีความสุขในขณะที่ตัวเองต้องติดอยู่แต่ในโรงพยาบาล”

“แต่คุณรู้มั้ยว่าเพราะคุณทำน้องคุณถึงได้เป็นแบบนี้”

“…”

“น้องคุณต้องการกำลังใจไม่ใช่ตัดขาดจากโลกภายนอก” ภีมโวยจนอีกฝ่ายสลดไป

“ไม่เป็นไรหรอกจอมเข้าใจพี่พล” คนเป็นพี่มองน้องตัวเองอย่างรู้สึกผิด

จอมใจหันกลับมาหาทิชาอีกครั้ง หญิงสาวตรงหน้าปาดน้ำตาตัวเองออกก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ขอโทษที่วันนั้นฉันบอกเลิกเธอ”

“…”

“แต่รู้อะไรมั้ยว่าฉันต้องทำใจนานแค่ไหนถึงจะกล้าพูดแบบนั้นกับเธอได้”

“จอมเข้าใจ” คนบนเตียงยิ้มบางๆ ก่อนทิชาจะหันมองมายังผม

“ส่วนพี่ภีมเขาไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันคนเดียวฉันหลอกเขาให้ไปร้านอาหารในวันนั้นเพราะคิดว่าอีกไม่นานเธอก็ต้องบอกเลิกฉันอยู่ดีฉันเลยตัดสินใจบอกเลิกเธอก่อนเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนโง่”

“แต่จอมไม่เคยอยากบอกเลิกทิชาเลยนะ” จอมใจขัดก่อนจะเล่าต่อ “และที่จอมกลับไปหาทิชาที่โรงเรียนวันนั้นก็เพราะอยากจะขอโทษที่นอกใจทิชาและอยากขอโอกาสจากทิชาอีกครั้ง”

“…”

“แต่ทิชาก็ไม่ให้โอกาสและหนีขึ้นรถไปก่อน” ทิชาสบตากับจอมใจที่ใบหน้าของอีกคนฉายถึงความเสียใจไม่ต่างจากเธอที่เพิ่งจะรู้อะไรอีกมากมายวันนี้

“แล้วกับตังเมเป็นยังไงบ้าง” ทิชาตัดสินใจถามและ 'ตังเม' ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคืออดีตเพื่อนสนิทที่แอบคบกับจอมใจลับหลังนั่นเอง

“จอมไม่ได้ติดต่อเขานานแล้ว เราสองคนแค่…คุยกันได้ไม่นานคำว่า 'แฟน' จอมยังให้เขาไม่ได้เลยเพราะแค่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียทิชาไปจอมก็เข้าใจแล้วว่าคนที่จอมรักจริงๆ คือทิชาไม่ใช่ตังเม” จอมใจยอมรับเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กก่อนร่างบางจะจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมา “เรากลับมาเป็นแบบเดิมได้มั้ย”

ทิชาเบิกตากว้างทว่าแววตาที่ตื่นตระหนกเมื่อครูก็เรียบเฉยขึ้นทันใด

“จอม…ที่เรามาวันนี้ก็แค่อยากจะมาฟังเรื่องที่มันยังคาใจเราอยู่เท่านั้นไม่ได้หวังอยากให้พวกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น

“ทิชาไม่ให้อภัยจอมเหรอ”

“เปล่า เราให้อภัยเธอแต่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เราสองคนมาไกลเกินกว่าจะใช้คำนั้นได้อีกแล้ว”

“ไกลยังไง”

“ตอนนี้…ตอนนี้เรามีคนคุยแล้วน่ะ” ทิชาบอกเสียงเรียบจนอีกคนชะงักไป

“…”

“เราไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา”

“เหมือนที่จอมเคยทำกับทิชาใช่มั้ย” ร่างบางสวนต่อขึ้น

“…”

“พูดแบบนี้แปลว่าก็ไม่ให้อภัยกันอยู่ดี” จอมใจตัดพ้อ

“จอม…ทิชาให้อภัยจอมแล้วไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว” ทิชาเน้นย้ำ

“ทิชาอยากให้จอมเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องมานั่งเสียใจเพราะเรื่องเก่าๆ ที่กลับไปแก้ไขไม่ได้อีก เพราะยังไงซะชีวิตคนเราก็ต้องเดินต่อไปถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่คนข้างหลังที่เขารักและดูแลเรามาตลอดบ้าง” หญิงสาวจับมือจอมใจแน่น

“จอมต้องเข้มแข็ง เรื่องไหนที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปทำวันนี้และพรุ่งนี้ให้ดีที่สุดพอ จอมเข้าใจที่ทิชาพูดมั้ย”

“เข้าใจ” จอมใจพยักหน้าตอบเสียงอ่อน

คนบนเตียงมองหน้าทิชานิ่ง หญิงสาวถอนหายใจพลางกระชับมือจับอีกคนกลับก่อนทิชาจะเอ่ยบางอย่างขอร้องออกมาอีก

“จอมสัญญาอะไรกับทิชาหน่อยจะได้มั้ย”

“?”

“สัญญาว่าจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดี สัญญาว่าจะไม่โทษตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดล้วนมีเหตุผลของมัน มีเกิดขึ้นได้ก็มีทางหยุดมันได้เหมือนกันสัญญากับเรานะ”

“…”

“จอม…”

“สัญญา…จอมสัญญา” จอมใจเอ่ยกลับไปอย่างยอมแพ้ในที่สุด

ร่างโปร่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ภีมที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปที่เตียงถูกมือหนาของจอมพลรั้งเอาไว้ก่อนร่างสูงตรงหน้าจะไม่พูดอะไรนอกเสียจากใช้นิ้วโป้งลูบไปตามหลังมือของอีกฝ่ายเท่านั้น

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ภีมถามพลางเลิกคิ้ว

“กูเข้าใจพวกมึงผิด” น้ำเสียงทุ้มเปล่งออกมาจนร่างโปร่งนึกฉงน

ภีมมองใบหน้าคมที่แต่เดิมมันเคยถูกแต่งแต้มไปด้วยความเชื่อมั่นและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าใครๆ กลับอย่างเงียบๆ จอมพลที่เหมือนมีอะไรตื้อขึ้นมาจุกอกได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปพลางกระชับมือของอีกคนไว้มากกว่าเดิม

“กูขอ…”

“ถ้างั้นวันนี้เราขอกลับก่อนนะ” เสียงของทิชาที่พูดกับจอมใจดังขัดขึ้น ร่างสูงรีบผละมือหนาออกจากมือเรียวของภีมเมื่อหญิงสาวผู้เป็นน้องของอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่

“เดี๋ยวทิชา” จอมใจเอ่ยรั้งทำให้เจ้าของชื่อหันกลับไป

“เพื่อน…เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” ร่างบางมองทิชาอย่างมีความหวัง

“อื้ม ยังไงจอมก็เป็นเพื่อนของเราเสมอ” หญิงสาวยิ้มตอบ

“แล้วทิชาจะมาหาเราอีกมั้ย”

“มาสิ แต่จอมอย่าดื้อกับคุณหมออีกนะรู้มั้ยจอมต้องทำตามที่คุณหมอและพยาบาลบอกเพราะมันเป็นการรักษาตัวจอมเอง”

“อื้ม” คนบนเตียงให้คำมั่น

“อ่อ แล้วอย่าลืมทำกายภาพด้วย”

“ได้ แล้วมาหาเราบ่อยๆ นะ”

“โอเค”

ทิชาหันกลับไปหาภีมอีกครั้ง หญิงสาวยกมือไหว้จอมพลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนอีกคนจะรับไหว้ทว่าดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ร่างโปร่งไม่วาง

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ภีมบอกกับอีกคน

“อืม แล้วเดี๋ยวเจอกัน” จอมพลพยักหน้าตอบ

ร่างสูงเดินเลี่ยงไปยังเตียงของน้องสาวตัวเองก่อนจะหันไปมองคนทั้งคู่ที่เปิดประตูเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มือหนาที่เอื้อมจับไหล่เล็กของจอมใจออกแรงบีบแน่นจนคนเป็นน้องนิ่วหน้าพลางส่งเสียงร้องออกมาจนคนเหม่อถึงกับสะดุ้งรีบผละมือออกอย่างเร็ว

“โทษที” จอมพลเอ่ยเสียงเบา

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” จอมใจที่มองคนเป็นพี่ถามกลับไปเมื่อในขณะที่อีกคนคุยกัยเขาดวงตาคมยังคงมองไปที่ประตูไม่วาง

“เปล่า” พูดเสร็จก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่าง

“เครียดเรื่องพี่ภีมอยู่เหรอ”

“…”

“ไม่ตอบแสดงว่าใช่”

“อืม” จอมพลยอมรับพร้อมกับยกมือหนาทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าตัวเอง

“มีเรื่องอะไรให้เครียดขนาดนี้กัน?”

“ก็เรื่องระหว่างพี่กับภีม” ร่างสูงถอนหายใจพูดขึ้นก่อนจะหันมาหาน้องตัวเองอีกครั้ง “ว่าแต่เราเถอะทำไมถึงโกหกพี่มาตลอด”

จอมใจหน้าเจื่อนลงทันทีที่ถูกถาม ร่างบางกัดริมฝีปากของตัวเองก่อนเรียวปากนี้จะขยับเพื่อบอกเล่าสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ออกมา

“จอมกลัวทุกคนผิดหวัง”

“…”

“จอมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวจอมเอง จอม…ไม่รู้สิตอนนั้นจอมไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ จอมไม่อยากถูกว่า ถูกตำหนิ แค่ตื่นขึ้นมารู้ว่าขาขวาของตัวเองไม่มีอีกแล้วมันก็เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก จอมไม่อยากถูกซ้ำเติม จอมกลัวว่าทุกคนจะสมน้ำหน้า จอม…”

“พอเถอะ” ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะรวบร่างของน้องสาวเข้ามากอดไว้

“ไม่มีใครซ้ำเติมหรือว่าอะไรให้เราทั้งนั้น เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้วที่เหลือก็แค่ตัวเราที่ต้องใช้ชีวิตต่อเหมือนที่เด็กคนนั้นพูดไว้” จอมพลลูบหัวอีกฝ่ายไปมา

“จอมขอโทษนะพี่พลอย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่รู้ได้มั้ย” จอมใจขอร้อง

“ฟังพี่นะ พี่จำเป็นต้องบอกพวกท่านแต่เธอไม่ต้องกลัวว่าพ่อกับแม่จะว่าอะไรหรอกพวกท่านหวังอยากให้เธอกลับมาเหมือนเดิมไม่น้อยไปกว่าพี่เลย” ร่างสูงคว้าต้นแขนของจอมใจพลางโน้มตัวลงมาพูดกับน้องตัวเอง

“…”

“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่อยากเห็นลูกตัวเองหายหรอกจริงมั้ย”

“แต่จอม…กลัว”

“ไม่ต้องกลัว ทิ้งความกลัวพวกนั้นซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน” ร่างบางมองหน้าพี่ชายตัวเองนิ่ง

จอมใจที่ตอนนี้ค่อยๆ ปลดพันธนาการของตัวเองออกจากความคิดและการกระทำมากมายรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอีกเป็นกองที่มีพี่ชายคนนี้คอยช่วยปลอบประโลมจนเธอค่อยๆ เชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่กำลังจะเกิดต้องดีตามที่อีกคนบอก

ร่างบางมองใบหน้าของพี่ชาที่อยู่ในระดับเดียวกันนิ่ง น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างถูกมือเรียวปาดออกก่อนที่ดวงตาทั้งคู่จะหลุบต่ำลงพร้อมๆ กับที่เจ้าตัวก้มหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างนั้น

“นะจอมใจ?” จอมพลย้ำถามอีก

ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมาอีกครั้ง จอมใจมองหน้าจอมพลอยู่สักพักก่อนเธอจะตัดสินใจคลี่ยิ้มและพยักหน้ากลับไปในที่สุด

“ดีมากน้องรัก” ร่างสูงเหยียดยิ้มตามก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่จากโต๊ะเล็กข้างเตียงผู้ป่วยออกมาพร้อมกับยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย

“เอาล่ะเช็ดน้ำตาซะบ้างขี้แยเป็นเด็กไปได้ไม่อายเขาหรือไง” ร่างสูงแหย่น้องตัวเอง

“จะให้อายใครอีกก็ในนี้มีแค่พี่กับฉันนี่นา” จอมใจบ่นพลางรับทิชชู่ในมือของพี่ชายไปแต่โดยดี

“อย่าลืมสิว่าพี่เป็นผู้ชาย ไม่อายผู้ชายหน่อยเหรอ” จอมพลเอ่ยแซวต่อ

“พี่เองก็ลืมสิว่าฉันเป็นอะไร ผู้ชายอย่างพี่ฉันอายที่ไหนกัน” ร่างบางสั่งน้ำมูกเสียงดังจนคนเป็นพี่ต้องเบือนหน้าหลบ

“ตัวแสบเอ้ย!”

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนหน้าของทั้งคู่เมื่อจอมพลเอื้อมมือไปขยี้หัวของจอมใจจนเธอฉวยจับมือพี่ชายเพื่อเป็นการห้ามเอาไว้พร้อมกับส่งเสียงร้องโวยวายออกมา

ร่างสูงมองน้องสาวเพียงคนเดียวด้วยความรู้สึกโล่งอกที่อีกฝ่ายยอมพูดออกมาเสียทีทว่าดวงตาคมคู่นี้กลับฉายความกังวลออกมา จอมพลหยุดการกระทำลงเมื่อจอมใจเริ่มโวยวายหนักกว่าเดิมร่างสูงถอนหายใจก่อนจะอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวอีกสักพักใหญ่จนเมื่ออีกฝ่ายบ่นง่วงจอมพลเลยถือโอกาสนี้บอกลาจอมใจพร้อมมุ่งหน้ากลับไปยังคอนโดของอีกคนที่ทำให้ทั้งสมองและหัวใจของเขาต้องทำงานหนักหลังจากไม่ได้กลับไปที่นั่นกว่าสองวันทันที


มีต่อค่ะ....

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.22 100% [30/07/2560]
«ตอบ #89 เมื่อ30-07-2017 11:06:40 »


ต่อค่ะ....



[Chomphon’s Part]
ผมบอกลาจอมใจตอนทุ่มเศษก่อนจะขับรถมุ่งหน้าตรงมาคอนโดของภีมทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เสียเวลา มือของผมล้วงกุญแจห้องของอีกฝ่ายที่ปั๊มเก็บเอาไว้เมื่อคราวก่อนออกจากกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเสียบมันเข้ากับลูกบิดประตูพร้อมกับออกแรงหมุนเพื่อปลดล็อกเปิดเข้าไป

ไม่ได้เปิดไฟ…ยังไม่กลับ?

ผมเดินผ่านประตูก่อนจะตรงไปยังโซฟาในส่วนของห้องรับแขกเล็กๆ พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหน็ดเหนื่อย  สามวันมานี้ผมต้องบินไปจัดการเรื่องเอกสารของบริษัทช่วยพ่อที่ญี่ปุ่น ลำพังเสร็จงานแล้วรีบตรงดิ่งไปนาริตะเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทยทันทีก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว แต่ไหงพอกลับมาแล้วยังต้องมาเจอเรื่องจอมใจเข้าให้อีกผมนี่แทบจะร่วงลงพื้นซะตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ทุกคนอาจสงสัยว่าผมในฐานะพี่ชายที่น้องสาวเพียงคนเดียวอย่างจอมใจยอมกลับมาพูดอีกครั้งไม่ดีใจหรือไง?

แน่นอน! ว่าผมต้องดีใจอยู่แล้ว แต่ในความดีใจมันกลับมีเรื่องหนึ่งแทรกขึ้นมาจนทำให้ผมยิ่งคิดหนักเข้าไปใหญ่และหากถามว่าเรื่องอะไร? ผมเองก็ยอมรับตามตรงว่าไม่พ้นเรื่องของเจ้าของห้องนี้หรอก

ผมประมาทภีมเกินไป…

ประมาทในความสามารถและความเข้าใจของอีกฝ่ายที่ทำให้จอมใจยอมพูดได้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว ใช่! พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก เดือนเดียว! ในขณะที่ผม พ่อแม่รวมทั้งหมอและพยาบาลทุกคนในแผนกพยายามหาสาเหตุและทางรักษากันมาเป็นสองปี

ผมไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นความผิดของน้องตัวเองและเธอกำลังป่วย…ผมคิดว่าตอนนี้เธอกำลังป่วยมีบางอย่างที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจอมใจมีปัญหาทางจิตแต่มันจะอยู่ในระดับไหนนั้นผมเองก็ไม่สามารถรู้ได้คงต้องหาทางไปพบอาบดินทร์แพทย์เจ้าของไข้น้องสาวผมสักวัน

ผมเอนตัวพิงลงไปกับพนักอิงด้านหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทุกครั้งต่างเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจและกังวลจนผมไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง ผมกำลังกระวนกระวายใจเพราะคิดยาวไปถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปของตัวเองและภีม

สัญญา…

สัญญาฉบับนั้นคือประเด็นที่ทำให้ผมต้องปวดหัวจนมันแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกอย่างดูจะไม่ยากเลยสักนิดถ้าความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเพราะผมก็แค่แก้แค้นมันไปวันๆ และรอว่าเมื่อไหร่จอมใจจะยอมกลับบ้านก็เท่านั้น…แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ผมรักมัน ใช่! ผมรักภีม แม้จะไม่เคยบอกให้เจ้าตัวรู้ก็เถอะเพราะการที่เราทั้งคู่มาเจอกันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พูดคำๆ นี้ออกมายากพออยู่แล้ว แต่ผมก็รักมันจริงๆ ภีมเป็นคนแรกที่ทำให้ผมคลั่งได้มากมายขนาดนี้ เป็นคนแรกที่พอเลิกงานแล้วผมอยากรีบกลับมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับมันแค่สองคน เป็นคนที่ผมละสายตาไปไหนไม่ได้ ภีมมีอิทธิพลกับผมมากเกินกว่าผมจะยอมทำใจปล่อยมันตามที่ตกลงกันไว้ได้

ต้องทำยังไง? ผมคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี

แกร็ก!

เสียงเปิดประตูและเสียงกดสวิตซ์ไฟที่ดังขึ้นฉุดให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดและรีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปยังเจ้าของห้องที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอดรองเท้าและถุงเท้าออกพร้อมกับหันหลังวางมันเก็บไว้บนชั้นอยู่เงียบๆ โดยไม่สนใจอะไร

ภีมไม่เอ๊ะใจสงสัยเลยว่าที่ตรงนี้กำลังมีผมนั่งรอเขาอยู่จนเมื่ออีกฝ่ายหันมาใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งก็เปลี่ยนกลายเป็นตื่นตกใจพร้อมกับเสียงร้องที่ดังออกมาจนผมแทบจะเผลอหัวเราะท่าของมัน

“เฮ้ย!! โถ่! ตกใจหมด! ทำไมคุณไม่เปิดไฟ!?” ภีมเบิกตากว้างพลางกระโดดถอยหลังก่อนมันจะเห็นว่าเป็นผมเลยเอ็ดกลับซะได้

“กูอยากอยู่เงียบๆ ว่าแต่มึงเถอะไปไหนมา” ผมถามก่อนจะลุกเดินตามมันที่วางเป้ไว้บนโซฟาและเข้าครัวไปเพื่อดื่มน้ำ

“ไปส่งทิชาที่บ้านมาแต่ถูกแม่ยื้อให้อยู่ทานข้าวด้วยน่ะเลยกลับช้า”

“เหรอ”

“อื้ม แล้วน้องคุณล่ะเป็นไงบ้าง” คนตรงหน้าหันมาถามความอยากรู้ผิดกับผมที่พอได้ยินปุ๊บก็รู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจมันโหวงๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ก็โอเค” ผมตอบเสียงเรียบทว่าภีมกลับเหยียดยิ้มมาให้

“ผมดีใจนะที่สองคนนั้นเขาเคลียร์กันได้ น้องของผมได้รู้ในสิ่งที่คาใจส่วนน้องของคุณก็ไม่ต้องแบกเรื่องพวกนี้ไว้และโทษตัวเองอีก ผมหวังว่าต่อไปจอมใจยอมรับการรักษานะครับ”

“คงงั้น” ผมมองหน้ามันก่อนจะถอนหายใจตอบกลับไปฉุดให้อีกคนถามกลับอย่างสงสัยทันที

“ทำไมคุณดูไม่ดีใจเลยล่ะ” ภีมเอียงคอทำหน้าฉงน

“ก็ดีใจแต่แค่วันนี้กูเหนื่อย” ผมเดินเข้าไปหามันที่เปิดประตูตู้เย็นเพื่อเก็บขวดน้ำที่ดื่มเสร็จเข้าไว้ตามเดิม ภีมหันมาพยักหน้าเข้าใจก่อนมันจะหันกลับไปสนใจของในตู้เย็นตามเดิม

“งั้นก็นั่งพักก่อนเถอะครับ” บอกทั้งที่ยังควานหาอะไรในตู้เย็นไปเรื่อยๆ

“…”

“ว่าแต่คุณทานอะไรหรือยัง”

“ยัง” ผมตอบก่อนจะพิงโต๊ะด้านหลังมองดูหัวทุยของมันก้มๆ เงยๆ อยู่อย่างนั้นเงียบๆ

“อยากทานอะไรมั้ย”

“มึงจะทำให้กู?”

“ครับก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่”

ผมเงียบหากแต่ความจริงแล้วผมกำลังดีใจที่มันถามไถ่และดูเป็นห่วงผมเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่สุด ผมไม่สามารถมีความสุขจนสุดได้หากยังมีเรื่องพวกนั้นคาใจอยู่แบบนี้

“ในตู้มีเห็ด หมู แล้วก็แครอท เอาเป็นยำมาม่ามั้ย? มาม่าในตู้ผมมีเยอะซื้อตุนไว้เผื่อน้ำท่วม” ภีมหันกลับมาขอความเห็น

“ยังไงก็ได้” ผมบอกก่อนอีกคนจะเก็บวัตถุดิบที่ว่าออกมาวางบนโต๊ะ

“แล้วอยากให้ใส่ไข่ต้มเพิ่มด้วยมั้ยอร่อยดีนะผมเคยลอง”

“แล้วแต่มึงเลย”

“แล้วชอบทานเผ็ดมั้ย” ภีมว่าเมื่อหันไปเลือกซองมาม่ารสชาติต่างๆ ที่ซื้อเก็บไว้บนตู้ด้านบนเตาไฟ

“กูทานได้หมด” ผมว่าก่อนจะเรียกมันบ้าง “ภีม…”

“เอาแบบน้ำข้นหรือต้มยำธรรมดาดีนะ” มันไม่สนใจได้แต่หยิบซองโน้นวางซองนี้ไปเรื่อยๆ

“ภีม…”

“เอารสนี้ดีกว่าเนอะ ผมชอบทานคุณเองก็น่าจะชอบเหมือนกัน” คนตรงหน้าชูมาม่ารสต้มยำน้ำข้นพลางหันกลับมาก่อนภีมจะชะงักเมื่อเห็นหน้าผมเข้า

“คุณ…”

“ภีม”

“ครับ? อ่ะ! คุณจอมพล!...”

“อย่าเพิ่งโวยวายกูขออยู่แบบนี้สักพัก” ผมคว้าซองมาม่าในมือของภีมโยนลงบนโต๊ะก่อนจะอุ้มมันขึ้นไปนั่ง คนตรงหน้าตกใจจนร้องเสียงหลงแต่ผมก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้นผมแทรกตัวระหว่างเรียวขาของภีมพร้อมกับรวบตัวมันมากอดเอาไว้

คนในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อ ทว่าจังหวะและเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเล็ดลอดออกจากอกที่เล็กกว่าผมไม่เท่าไหร่กลับบอกความรู้สึกตอนนี้ของมันได้อย่างดี ผมซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวพลันกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของมันยิ่งทำให้ผมออกแรงกระชับกอดแน่นมากกว่าเก่าจนอีกฝ่ายถึงกับร้องห้าม

“คะ…คุณจอมพลผมหายใจไม่ออก” ภีมส่งเสียงตะกุกตะกักแต่ก็ไม่ได้ผลักไสผมออกแต่อย่างใด เมื่อถูกอีกฝ่ายดึงสติให้กลับมาผมก็ทำการคลายอ้อมกอดลงก่อนน้ำเสียงที่ฟังดูดีขึ้นจะถามกลับ

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เป็น…เป็นมากด้วย!” คำพูดที่โครตจะอัดอั้นถูกผมส่งออกไปจนหมด

“…”

“ในที่สุดจอมใจก็ยอมพูด” ภีมเงียบผมจึงตัดสินใจเอ่ยเรื่องที่กังวลใจออกไป “ที่เหลือก็แค่ทำให้เธอยอมกลับบ้านใช่มั้ย”

“…”

“มึงคงนับวันรอ”

“นี่คุณเมามาหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางมองผมที่คลายอ้อมกอดออกและหยัดตัวมองหน้ามันกลับนิ่ง

“มึงได้กลิ่นเหล้าจากกูมั้ยล่ะ? กูไม่แตะนานแล้ว” ผมปฏิเสธก่อนจะถามเรื่องเดิมกลับไปอีกครั้ง “ว่ายังไงมึงคงนับวันรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ ใช่มั้ยภีม”

คนตรงหน้าขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจก่อนภีมที่ไม่ตอบคำถามของผมจะย้อนถามด้วยคำถามของตัวเองกลับมาบ้าง

“แล้วถ้าเกิดคุณเป็นผมล่ะคุณจะทำยังไง?”

“…” ผมชะงักจนพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าถามกลับมา

“หืม? ว่าไง” ภีมย้ำอีก

“กู…”

“…”

“กู…ก็คงจะนับวันรอ”

ตอบไปทั้งที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบ ไอ้พลเอ้ย! มึงแม่งกากสัดๆ! ผมนึกด่าทอตัวเอง ทว่าคำพูดที่สวนกลับมาของอีกคนยิ่งทำให้ผมจุกมากกว่าเดิม

“ใช่มั้ยล่ะครับ?”

“!!”

“คุณเองก็รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้น้องคุณก็ยังอยู่โรงพยาบาลและก็คงอีกนานกว่าเธอจะยอมกลับจริงๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะแก้แค้นผมไม่สาสมหรอกเวลายังเหลืออีกเยอะปล่อยเถอะผมจะรีบทำให้ทาน” ภีมมีสีหน้าเรียบขึ้นจนผมรู้สึกไม่ดีอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีก่อนผมจะโน้มลงไปใกล้ๆ มันอีก

“ภีม” ผมเอื้อมมือจับต้นแขนก่อนคนตรงหน้าจะยอมหันมา “กูเข้าใจมึงผิดมาตลอด”

“…”

“กูขอ…”

“คุณไม่จำเป็นต้องพูดคำนี้ออกมา” ภีมขัดทันควันที่รู้ว่าผมกำลังจะขอโทษเขา “เพราะผมเองก็เข้าใจทิชาผิดมาตลอดเหมือนกัน พวกเราก็แค่คนที่ไม่รู้อะไรและดันเจอกันในเวลาที่ผิดไปหน่อยแค่นั้น” คนตัวเล็กกว่าดันตัวผมออกและลงจากโต๊ะ

“แต่มีอีกอย่างที่กูอยากจะขอมึง” ผมตัดสินใจที่จะพูดออกไป

“?”

“กูอยากจะขอยกเลิกสัญญา”

“!!”

“ไหนๆ เรื่องทุกอย่างก็คลี่คลายแล้วว่ามันเกิดจากการเข้าใจผิด ตัวกูเองก็พร้อมจะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปกับมึงทั้งหมด” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายหนักแน่น ผมอยากได้โอกาสนี้แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่คิดอย่างเดียวกันเลยสักนิด

“บอกผมหน่อยว่าทำไมคุณถึงอยากยกเลิกสัญญา” ภีมถามเสียงเรียบ มันมองผมกลับนิ่งจนเป็นผมซะเองที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ

“แค่รู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและอยากชดใช้เท่านั้นเหรอ?”

ไม่ใช่ทั้งหมด…พูดให้ถูกคือมันก็แค่ข้ออ้างเหตุผลจริงๆ คือผมรักมันต่างหากแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงยากที่จะพูด

“ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากนี้แล้วใช่มั้ย”

“ใช่ กูยอมรับผิดทุกอย่างมึงอยากให้กูทำอะไรก็ได้ขอแค่ยกเลิกมันซะ”

ตอนนี้ผมแม่งเกลียดตัวเอง!

ภีมถอนหายใจออกมาก่อนอีกฝ่ายจะตอบในสิ่งที่ทำเอาผมแทบทรุด

“ไม่” คำเดียวแต่แม่งโครตจุก “เพราะผมเป็นคนคิดเรื่องสัญญานั้นขึ้นมาผมจะทำตามที่ได้เขียนเอาไว้”

“แต่เรื่องนั้นกูไม่มายด์” ผมเถียง

“ถึงยังไงผมก็จะทำ”

“!!”

“จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงจริงๆ” ภีมเงยหน้ามองผมอีกครั้งพลางเปลี่ยนเรื่อง “นั่งรอเถอะครับผมจะทำให้ทาน”

“…” ผมพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตื้อจนชาไปหมดทั้งตัว

แววตาแน่วแน่ไม่มีวอกแวกของมันทำเอาผมรู้ว่าแม้จะพยายามขอร้องหรือเกลี้ยกล่อมแค่ไหนก็หมดหนทางจะต่อรองอยู่ดี

“คุณจอมพล…”

“กูไม่หิว” ผมบอกคนที่จับแขนเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยหายไปเมื่อครู่ของผมกลับก่อนที่ผมจะจับมือของภีมออกจากแขนของตัวเอง “อยากนอน”

ผมเดินเข้าห้องนอนมันไปทันที ไม่ใช่เพราะโกรธหรือเคืองอะไรอยู่เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ อยากบอกว่าที่ขอเพราะรักมันจนไม่อยากเลิกแล้วต่อกันเหมือนข้อตกลงในสัญญาใจจะขาดแต่ไอ้ปากก็ไม่เป็นใจสักที รู้ตัวว่าปากแข็งแต่เอาเข้าจริงผมกลับไม่กล้า จะว่าป๊อดก็คงใช่เพราะลึกๆ แล้วที่ผมไม่พูดคือผมกลัวคำตอบของมัน…กลัวว่าจะมีแค่ผมที่คิด

เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันคงเจ็บน่าดู
[End of Chomphon’s Part]



TBC.....

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด