[END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book  (อ่าน 77649 ครั้ง)

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
«ตอบ #30 เมื่อ22-07-2017 23:33:14 »

อยากเห็นจอมพลกระอัก
พระเอกแบบนี้
ตอนสุดท้าย
ไม่ค่อยจะได้รับบทเรียนสักเท่าไหร่
หวังว่าภีมจะสอนคุณพลให้สาสม
กับสิ่่งที่คุณพลตัดสินใจทำลงไป

พระเอกไทยในตำนานแบบนี้
อยากให้ตอนสุดท้ายตายด้วยฝีมือนายเอกจัง
คงจะสนุกพิลึก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2017 23:36:26 โดย แม้วธวัลหทัย »

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
«ตอบ #31 เมื่อ23-07-2017 09:00:02 »



CHAPTER 8




“นึกไม่ถึงว่ามึงจะยั่วกูตั้งแต่หัววัน” จอมพลเอ่ยคำพูดยียวนพลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาโลมเลียก่อนภีมที่ยืนอึ้งจะดึงสติกลับพร้อมดันประตูปิด ทว่ามือหนากลับชิงยื้อเอาไว้พร้อมกับผลักเจ้าของห้องให้เข้าไปข้างในก่อนที่ตัวเขาจะเดินผ่านประตูตามเข้ามาติดๆ

“ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้!!” ภีมตวาดใส่พลางถอยกรูด

“มึงไม่มีสิทธิ์ไล่กู” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหา  อีกคนราวกับราชสีห์ที่กำลังจะตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน

“ไม่ออกผมจะตะโกนให้คนช่วย!”

“ก็เอาสิถ้ามึงอยากให้พวกเขารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”

“เป็นอะไร? คุณกับผมเป็นอะไรกันยังงั้นเหรอ?!” ภีมเถียง

“หรือมึงอยากให้กูเตือนความจำซะตรงนี้จะได้รู้ว่าเป็นอะไรกัน!!”   จอมพลว่าและตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที

“ปล่อยนะเว้ย! โอ้ย!!” ภีมฮึดสู้ก่อนจอมพลจะผลักเขาที่เพิ่งจะหายไข้ให้ล้มลงจนหลอดยาที่ถือติดมือออกมาด้วยกระเด็นไปอีกทาง

“นั่นอะไร?!” จอมพลถามแต่ภีมกลับรีบฉวยมันเอาไว้พร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อตั้งหลักและแอบมันไว้ข้างหลัง

“มันเรื่องของผม!”

“เอามาให้กูดู”

“ไม่! ออกไปได้แล้ว!!”

“เอามาให้กูดู! เดี๋ยวนี้!!” จอมพลตรงเข้าแย่งหลอดยาในมือของภีมอย่างไม่ยอมง่ายๆ

ร่างสูงโอบลำแขนแกร่งพลางควานหามือข้างขวาของภีมก่อนอีกฝ่ายจะพยายามยื้อและใช้มือข้างซ้ายที่เหลืออยู่ปัดป้องเพื่อไม่ให้อีกคนแย่งมันไปได้

“หยุดนะ! ปล่อย! โอ้ย! ซี้ดดดด” ภีมส่งเสียงร้องออกมาเมื่อจอมพลที่ดูจะหัวเสียกับการกระทำของเขาเผลอออกแรงผลักให้เขาล้มลงบนโซฟาก่อนจะอาศัยจังหวะที่เผลอแย่งของในมือไป

“ยาทาแก้อักเสบ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว “อะไรของมึงอักเสบ” จอมพลถามต่อ

“มันเรื่องของผมเอาคืนมา!” ภีมว่าก่อนจะพยายามแย่งหลอดยานั่นคืน  ทว่าใบหน้าคมของอีกฝ่ายกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มร้ายขึ้นทันทีที่คิดออก

“อ๋อ…คงจะเป็นรูของมึงที่กูขย่มไปเมื่อวันก่อนสินะ”

“!!”

“หึ! โทษทีว่ะที่ของกูมันดันใหญ่จนทำของมึงเยินแต่รับรองว่าคราวหลังกูจะออมมือหะ…”

ผัวะ!

“หยุดพูดจาแบบนั้นซะที!! มันจะไม่มีครั้งที่สองจำเอาไว้!” คนได้ยินถึงกับเลือดขึ้นหน้า ภีมสวนหมัดเข้าปะทะซีกหน้าด้านซ้ายของจอมพลจนคนถูกต่อยชะงักกึก

“มึงกล้าต่อยกูเหรอห๊ะ! ไอ้ภีม!!” ร่างสูงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะผลักคนตรงหน้าที่ยืนจังก้าลงไปบนโซฟาพร้อมกับขึ้นคร่อมเอาไว้

“กล้าสิ! ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” ภีมดันแผงอกของคนด้านบนออกจนสุดกำลัง

“ไม่อยากเห็นมึงก็ต้องเห็น! กูจะรังควานมึงไม่เลิกจำเอาไว้!”

“ไอ้โรคจิต!”

“ปากดีนักใช่มั้ย!!” ร่างสูงดึงคอเสื้อของภีมขึ้นก่อนจะเอื้อมมือหนาคว้าลำคอขาวเอาไว้มั่น

“โอ้ย! ปล่อยนะเว้ย! อื้ออออ!!” ภีมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ จอมพลก็ประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างจัง

เขาพยายามดิ้นในขณะที่จอมพลเองก็ส่งบทจูบอันดุดันพลางกัดริมฝีปากจนคนเป็นเจ้าของนิ่วหน้า

“เจ็บ!!” ภีมว่าเมื่อดันอีกฝ่ายให้ถอนริมฝีปากออกไปได้สำเร็จ

“ไง! ด่าอีกสิวะ!! แน่จริงมึงก็ด่าออกมา!!” จอมพลตะคอกกลับพลันส่งมือหนาเข้าขย้ำคออีกคนจนขึ้นรอย

“ปล่อย!...ผม…หายใจมะ…ไม่ออกอึก!”  ภีมขัดขืนเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงก่ำดวงตากลมจ้องมองใบหน้าเหี้ยมของอีกฝ่ายสั่นระริกก่อนจอมพลที่เต็มไปด้วยไฟโทสะจะยอมคลายมือออกเมื่อจู่ๆ น้ำใสภายในดวงตาของภีมเริ่มเอ่อขึ้นมาในที่สุด

“แฮ่กๆ แฮ่กๆ” คนเป็นอิสระหอบเอาอากาศเข้าปอดถี่รัว ภีมปาดน้ำตาออกในขณะที่จอมพลเองก็เอาแต่สาดคำพูดเย้ยหยันออกมาไม่หยุดหย่อน

“คนอย่างมึงอย่าคิดที่จะต่อกรกับกู!”

ว่าเสร็จเขาก็จับตัวอีกคนพลิกให้นอนคว่ำไปบนโซฟาก่อนจะตามขึ้นนั่งบนโคนขาเรียวและทำการร่นผ้าเช็ดตัวที่ภีมพันรอบเอวเอาไว้ลง

“คุณจะทำอะไร?!!” ภีงถามเสียงหลง

“อยู่เฉยๆ!” มือหนาของจอมพลคว้าเอาหลอดยาเมื่อครู่ขึ้นมาเปิดและบีบเนื้อครีมลงบนนิ้วก่อนจะทาไปยังช่องทางที่ยังคงบวมแดงอยู่

ภีมตกใจเบิกตากว้างเขาไม่คิดเลยว่าจอมพลจะทำเรื่องแบบนี้สัมผัสที่อ่อนโยนทำเอาเขาถึงกับต้องกัดริมฝีปากข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เมื่อปลายนิ้วของจอมพลกลับสร้างความเสียวซ่านให้จนลืมความเจ็บไปเสียชั่วขณะ

“อ่ะ! อึก!” ภีมส่งเสียงออกมาเมื่อปลายนิ้วของจอมพลสัมผัสเข้ากับบริเวณที่บวมเป่งจนร่างสูงที่ชะงักไปเพราะเห็นบาดแผลของอีกฝ่ายจะดึงสติกลับมาได้ก่อนสาดคำพูดร้ายๆ ออกไปอีก

“ยังไม่หายบวมแล้วงี้กูจะเอามึงได้อีกทีวันไหนวะ”

“ฝันไปเถอะ! โอ้ย!!” ภีมร้องลั่นเมื่อจอมพลลงแรงกดปลายนิ้วไปยังบาดแผลของเขาเมื่อดันพูดคำที่ไม่เข้าหูออกมา

“ขืนยังปากมากกูจะเสียบมึงซะตรงนี้เอาให้ลุกไม่ขึ้นเลยดีมั้ย?” จอมพลเอ่ยก่อนจะหมุนปิดฝายาหลอดดังกล่าวหลังจากทาเสร็จ

“เสร็จแล้วก็ปล่อยผมสักที!”

จอมพลลุกออกจากเรียวขาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับภีมที่ลุกขึ้นพลางรวบผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอวของตัวเองและทำทีจะเดินออกไป

“มึงจะไปไหน”

“อย่ามาแตะต้องตัวผม!!” ภีมปัดมือของจอมพลที่คว้าแขนของเขาออกจนอีกฝ่ายเกิดเส้นกระตุกอย่างมีน้ำโห

“มีใครเคยบอกมั้ยว่ามึงไม่ควรรังเกียจผัวตัวเอง” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบทว่าน้ำเสียงนี้กลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด

“แต่คุณไม่ใช่ผัวของผม!”

“แล้วไอ้การที่รูของมึงถูกของๆ กูเสียบไปเมื่อวันก่อนเขาเรียกว่าอะไร?!” จอมพลกระชากตัวอีกคนมาพร้อมตวาดลั่น

“หึ! ถูกเสียบแล้วไง? ใช่ว่าคุณจะเป็นคนแรก!”

“!!”

ภีมแสยะยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทีที่ชะงักไปของอีกฝ่าย ร่างโปร่งไม่สนว่าตอนนี้คนตรงหน้าจะมองว่าเขาเป็นผู้ชายใจง่ายหรือยังไงแต่หากคำพูดพวกนี้มันทำให้จอมพลเลิกทนงตัวและเลิกยุ่งกับเขาได้…เขาก็จะทำ!!

“น่าสมเพชนะว่ามั้ย?” ภีมเอ่ยเสียงเรียบพลางปรายตมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง “ได้เพราะข่มขืนแล้วยังมีหน้าเที่ยวเอาคำว่าผัวยัดเยียดทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกไม่อายตัวเองบ้างหรือไง?!!”

“ภีมวิทธิ์!!!”

เพี้ยะ!!

มือหนาตวัดฟาดลงบนเสี้ยวหน้าด้านซ้ายของคนตัวเล็กกว่าอย่างจังจอมพลขบกรามแน่นจนเห็นเส้นเลือดข้างขมับเป็นสันปูดนูนก่อนที่คนอารมณ์ร้ายจะผลักภีมที่มองมาด้วยแววตาสมเพชเช่นเดียวกับคำพูดของเขาลงไปนอนบนโซฟาและตามขึ้นคร่อมเอาไว้อีกครั้ง

“พูดแบบนี้รู้ใช่มั้ยว่ามึงจะโดนอะไร?!”

“ก็เอาสิ! อยากทำอะไรก็เชิญ!!!” ภีมตะโกนกลับอย่างไม่กลัว

ร่างโปร่งจ้องคนด้านบนอย่างไม่ยอมแพ้จนจอมพลที่คร่อมเขาเอาไว้จะไม่ขัดศรัทธาเคลื่อนมือหนาลงไปบีบเค้นสะโพกสอบทันที
“มึงวอนหาเรื่องใส่ตัวเองนะไอ้ภีม!”

“อ่ะ!!” ภีมร้องออกมาเมื่อนิ้วยาวของจอมพลกดไปยังช่องทางด้านหลังที่เพิ่งจะทายาให้มันอย่างไม่ออมแรง

ร่างสูงก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวท่ามกลางภีมที่พยายามใช้มือดันแผงอกของเขาเอาไว้มั่นแม้ปากจะบอกออกไปแบบนั้นแต่เมื่อถึงคราวที่จอมพลเอาจริงภีมก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจนสั่นไปทั้งตัว

ริมฝีปากสีแดงระเรื่อถูกฉกฉวยเมื่ออารมณ์ของจอมพลกำลังไต่เต้าขึ้นจนเกือบจะเต็มแม็กซ์ รสจูบอันแสนดุดันและวาบหวามในคราวเดียวฉุดให้ภีมที่มีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้เพียงน้อยนิดเบิกตาพลางมองผ่านเสี้ยวหน้าของคนด้านบนอย่างไม่เข้าใจ
จอมพลบดจูบริมฝีปากที่ปิดสนิทของภีมไปมาราวกับคนหิวกระหายก่อนที่ร่างสูงจะเอื้อมมือคว้าบีบไปยังคางเล็กเมื่อขัดใจกับท่าทีที่ไม่ยอมรับจนภีมเผลอเปิดปากพลันให้จอมพลส่งลิ้นร้อนเข้าไปเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานทันที แม้ว่าภีมจะพยายามหดคอหนีแต่มีหรือที่อีกคนจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ หากไม่ได้กำราบท่าทีหยิ่งพยองนั่นลงซะ!

จอมพลที่ไล่ต้อนปลายลิ้นของภีมไปมายอมผละออกเมื่อมือเล็กที่ขยำเสื้อบริเวณหน้าอกของเขาเอาไว้เริ่มสั่นระริกราวกับเจ้าเข้า ร่างสูงมองใบหน้าและดวงตาฉ่ำปรือของภีมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ท่ามกลางคนใต้ร่างที่เอาแต่โกยอากาศเข้าปอดถี่รัวแต่แล้วจู่ๆ เสียงกริ่งจากประตูห้องก็ฉุดให้พวกเขาทั้งคู่ที่กำลังใช้สายตาฟาดฟันกันไปมาให้ชะงักในบัดดล

“ใคร?”

“ปล่อย!!” ภีมไม่ตอบคำถามหากแต่เขากลับดิ้นหนีแทน

“กูถามว่าใคร?!”

'ภีมเปิดประตูให้กูหน่อย'

ร่างโปร่งมองไปยังประตูเมื่อเสียงของใครอีกคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกคือเสียงของแดเนียลก่อนจอมพลที่อ่านสีหน้าตื่นตระหนกนี้ออกจะแสยะยิ้มร้ายพร้อมกับเคลื่อนมือเข้าไปยังใต้ผ้าเช็ดตัวสีขาวที่อีกฝ่ายใช้มันเพื่อปกปิดช่วงล่างของตัวเองเอาไว้

“จะทำอะไร?! อย่านะ!” ภีมร้องห้าม

“หึ! ถ้ามันเข้ามาเห็นตอนกูเอามึงอยู่มันจะเป็นยังไงนะ”

“โอ้ย! ซี้ดดดด” ภีมสะกดกลั้นความเจ็บเมื่อจอมพลส่งนิ้วเรียวเข้ามาหยอกล้อกับโพรงอุ่นภายในช่องทางสีกุหลาบของเขา

'ภีมกูหนักนะเว้ยเปิดประตูให้กูเร็วๆ!!'

คนเป็นเจ้าของห้องหันไปทางประตูอีกครั้งก่อนจะออกแรงขัดขืนจอมพลอีกหนแต่ทว่าแรงของเขาที่ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าอีกฝ่ายไม่มากนักกลับสู้แรงของจอมพลที่มองลงมาด้วยแววตานึกสนุกไม่ได้เลยสักนิด

บ้าจริง!!

ปัง!ๆๆๆ

แกร๊ก!

“อยู่คนเดียวทำไมไม่ล็อคประ!...เฮ้ย!!” แดเนียลปล่อยมือจากถุงที่มี  โลโก้ของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งลงก่อนจะวิ่งเข้ามากระชากตัวของจอมพลออกจากภีมที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่หยุดทันที

ผัวะ!

“มึงทำอะไรเพื่อนกู!!” ชายหนุ่มลูกครึ่งชี้หน้าตวาดใส่อีกคนที่หันไปตามแรงปะทะตรงมุมปากซ้ายด้วยฝีมือของเขา

“แดนหยุด!” ภีมร้องห้ามเมื่อแดเนียลกำลังจะก้าวเข้าไปหาจอมพลอีกครั้งทว่าคำพูดของชายอีกคนกลับยิ่งทำให้อดีตคนเคยรักของภีมยิ่งเดือดดาล

“มันเพื่อนมึง…แต่เมียกู” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบ

“มึงใช่มั้ยที่ข่มขืนมัน!!”

“ถ้าใช่แล้วมึงจะทำไม?”

“อย่าอยู่เลยมึง!!” แดเนียลสะบัดมือเรียวที่จับต้นแขนตัวเองออกก่อนจะตรงเข้าหาจอมพลทันที

ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มหลบหลีกหมัดจากอีกฝ่ายได้ในครั้งที่สองหลังจากไม่ทันตั้งตัวไปเมื่อครู่ก่อนจะสวนหมัดหนักๆ ของตัวเองเข้าใบหน้าหล่อของอีกคนไปเต็มแรง

“หยุด! หยุดก่อน!!” ภีมพยายามห้ามและดึงแดเนียลกลับทว่าชายหนุ่มทั้งคู่กลับไม่ยอมทำตามเขาเลยแม้แต่น้อย

“ภีมมึงอย่าห้ามกู! กูจะเอาเลือดหัวมันออก!!” แดเนียลว่าหลังจากปาดเลือดที่ซึมออกจากมุมปากของตัวเอง

“แน่จริงก็เข้ามา!!” จอมพลว่ากลับก่อนอีกคนจะถลาเข้าใส่

“หน๊อย! ไอ้ชาติชั่ว!!” แดเนียลพุ่งตัวเข้าไปสวนหมัดใส่จอมพลไม่ยั้งเช่นเดียวกับอีกคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบด้วยการปล่อยหมัดออกไปอีกหลายดอก

“แดนหยุด! คุณ!...หยุด! โอ้ย!!!” ภีมที่พยายามห้ามทั้งคู่ล้มลงไปบนพื้นเมื่อถูกลูกหลงเข้าให้

“ภีม!!” แดเนียลตะโกนชื่อของเขาก่อนจะผละจากจอมพลและตรงเข้าพยุงคนที่ล้มลงทันที

“หยุด! อย่าทำเขา!!” ภีมใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบังให้กับแดเนียลที่ไม่รู้ตัวว่าเกือบจะเสียรู้ให้จอมพลที่ตรงเข้ามาทีเผลอเสียแล้ว
ร่างสูงที่เงื้อหมัดนิ่งค้างเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าทำเขารู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูกก่อนภีมที่มองมาด้วยแววตาตำหนิจะหันไปให้ความสนใจกับคนข้างกายตัวเอง

“แดนมึงเป็นไรหรือเปล่า” ร่างโปร่งถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“นิดหน่อย” แดเนียลว่าก่อนจอมพลจะกระชากภีมให้กลับไปหาตัวเอง

หนุ่มลูกครึ่งมองตามการกระทำห่ามๆ นี้ด้วยความโมโหก่อนจะลุกขึ้นเพื่อหมายจะตรงเข้าช่วยทว่าจอมพลกลับตะคอกกลับมาเสียก่อน

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมึง!!!”

“แต่กูเป็นเพื่อนภีม!!!”

“แต่นี่มันเมียกู!!” จอมพลตวาดสวนจนแดเนียลชะงักงัน

นักธุรกิจหนุ่มจ้องคนทั้งสองด้วยแววตาเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จอมพลรวบหมัดกำไว้แน่นก่อนจะเบนสายตาจากแดเนียลไปยังภีมที่มองเขาด้วยแววตาไม่เข้าใจระคนเกลียดชังพลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ให้เป็นปกติที่สุดออกมา

“มันเป็นใคร?”

“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย!” ภีมสวนกลับเพราะสถานะของเขากับแดเนียลในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จอมพลต้องมาสนใจเลยสักนิด


“อย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะภีมวิทธิ์!”

“กูกับภีมจะเป็นอะไรกันแล้วมันธุระกงการอะไรของมึง!” จอมพลหันมองแดเนียลราวกับอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ

“เรียกคนที่ตัวเองใช้กำลังข่มขืนว่าเมียไม่คิดว่ามึงมันน่าสมเพชไปหน่อยรึไงไอ้เลว!” แดเนียลพ่นคำพูดว่าร้ายใส่จอมพลก่อนภีมจะจับมือคนข้างกายเพื่อปราม

จอมพลมองสองมือที่ผสานกันอย่างขัดตาเขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาเห็นอะไรแบบนี้…ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กัน!

“ผมขอร้อง…ไม่ว่าคุณจะอยากรู้อะไรจากผมตอนนี้ผมไม่พร้อมตอบคุณทั้งนั้น” ภีมเอ่ยเสียงเรียบพลางมองคนที่ยืนโกรธตรงหน้ากลับ

“ออกไปจากห้องของผมซะแค่เรื่องเมื่อวันก่อนคุณก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่คนพออยู่แล้วได้โปรดอย่าทำให้ผมรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย”

จอมพลมองดวงตากลมที่ทอดมองมานิ่ง ร่างสูงชะงักเมื่อจู่ๆ น้ำใสที่เอ่อขึ้นมาในดวงตาของอีกฝ่ายกลับทำให้รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูกหากทว่าเขาก็ยังไม่ทิ้งลายของการเป็นผู้ชายร้ายๆ ในสายตาของภีมลงเลยสักนิด

“พรุ่งนี้ถ้ามึงไม่ไปทำงานก็เตรียมเงินไว้ให้กูได้เลย!!” ว่าเสร็จจอมพลถึงจะยอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดีทิ้งไว้แต่เพียงภีมที่ถอนหายใจออกมาราวกับยกภูเขาออกจากอกกับแดเนียลที่มองมาด้วยแววตาของความอยากรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับอดีตคนรักคนนี้ทั้งหมด


TBC.....
----------------------------------------------
งานแฟนเก่า กะ ผัวใหม่ ก็มา!!! OMG ปวดหัวแทนภีมจิมๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยการกดถูกใจและเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
«ตอบ #32 เมื่อ23-07-2017 13:05:47 »

ยังไม่พ้นเคราะห์พ้นโศกอีกน้อภีม

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
«ตอบ #33 เมื่อ23-07-2017 15:41:55 »

เมื่อไหร่จอมพลจะฉลาด?
.
.
ในหัวตอนนี้จินตนาการถึง
ในมือของภีม...
ถือมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดสีแดงช้ำ
เลือดที่มาจากร่างกายของจอมพล...

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
«ตอบ #34 เมื่อ23-07-2017 16:30:26 »

เมื่อไหร่จอมพลจะฉลาด?
.
.
ในหัวตอนนี้จินตนาการถึง
ในมือของภีม...
ถือมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดสีแดงช้ำ
เลือดที่มาจากร่างกายของจอมพล...


ใจเย็นนาาาาา อีกไม่นานๆ   o18 o18  อีเฮียพลโดนหใายหัวแล้วมั้ยเนี่ยยยย

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
«ตอบ #35 เมื่อ23-07-2017 17:51:05 »



CHAPTER 9



Chomphon’s Part…
“โธ่เว้ย!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะทุบพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์บ้าๆ นี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำไมในหัวของผมถึงได้มีแต่ภาพไอ้คนนั้นกับคนที่ผมเพิ่งจะอึ้บไปเมื่อวันก่อนกัน!

น่าบัดซบที่สุด!! หนำซ้ำคำพูดของภีมวิทธิ์ยังดังก้องในนี้ไม่หายอีกมันช่าง…ทำให้ผมอยากจะบ้าให้ได้เลยจริงๆ!

[ไอ้ชันย์! กูอยากแดกเหล้า!] ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาต่อสายถึงเพื่อนสนิททันทีที่คิดขึ้นได้

[แหกตาดูเวลาซะไอ้พลว่านี่มันกี่โมง!!] ปลายสายสวนมาอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

แหงล่ะ! ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันยังไม่เที่ยงวันเลยด้วยซ้ำแต่จะให้ทำไง? ในเมื่ออยากแดกก็คืออยากแดกสิวะ!

[แต่กูอยาก!]
 
[อยากก็หาแดกเองไม่ต้องชวนกู!!] น้ำเสียงงัวเงียตวาดกลับเพราะผมดันไปรบกวนเวลานอนของมันเข้า ถ้าไม่ติดตรงที่ตอนนี้อารมณ์ของกูแทบจะฆ่าคนได้แล้วล่ะก็…กูไม่โทรหามึงหรอกโว้ย!!!

[แต่มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย!]

[เพื่อนแล้วยังไง?!]

[มึงก็ต้องออกมาแดกเป็นเพื่อนกูดิถึงจะถูก]

[ไม่!]

[ไอ้ชันย์!!]

[แม่ง! มึงมีเรื่องอะไรก็ว่ามา!!] น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของราชันย์ดังลั่นก่อนที่ผมจะบังคับมันอีกครั้ง

[ออกมาแดกกับกู!]

[เชี่ยพล! มึงพูดไม่รู้เรื่อง?!]

[เออ! ถ้ายังเห็นกูเป็นเพื่อนกูจะไปรอมึงที่ร้านเดิม!] ผมยื่นข้อเสนอ

[ห่า! ร้านเขาจะเปิดให้มึงหรอก]

[มึงดูถูกกูเกินไปแล้วไอ้ชันย์ตามนี้แล้วกันให้ไวนะเว้ย!]

[ไอ้หอก! มึงมะ!...] ผมตัดสายทันทีที่รู้ว่าไอ้ชันย์มันกำลังจะบ่น

ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะข้างคนขับก่อนจะเหลือบมองไปยังชั้นบนของคอนโดตรงหน้าอีกครั้ง

แม่ง! โดนของกูเสียบมันยังไม่พอสำหรับมึงสินะภีมวิทธิ์!!!



“มีอะไรก็ว่ามา!” ราชันย์พูดขึ้นเมื่อนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามภายในผับที่มีเพียงมันกับผมแค่สองคนที่เป็นลูกค้ากับเจ้าของร้านที่จัดการเรื่องต่างๆ อยู่ในห้องด้านในเท่านั้น

“ถ้ากูฆ่าคนตายจะผิดมากเปล่าวะ” ผมกระแทกแก้ววอดก้าที่ดื่มเข้าไปกว่าครึ่งลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

“มึงจะฆ่าใคร?”

“ก็แค่ไอ้หน้าอ่อนคนหนึ่งที่มันดันมาขัดหูขัดตากู!”

“คงไม่ผิดมากหรอกแต่มึงต้องไปนอนแดกข้าวแดงในคุกจนตายห่าเท่านั้นเอง” ราชันย์ว่าก่อนมันจะยกแก้ววิสกี้ตรงหน้าขึ้นดื่มบ้าง

“ไอ้ห่า! นี่กูจริงจังนะเว้ย!”

“ที่พูดกูก็จริงจัง” มันว่าก่อนจะจ้องผมนิ่ง “แล้วตกลงมึงเป็นอะไร?”

“กู…โธ่เว้ย!!” จะตอบมันยังไงล่ะในเมื่อตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังเป็นห่าอะไรอยู่!

“เป็นห่าอะไรของมึง?!”

“กูแม่ง! ทำไมกูถึงได้คิดแต่ภาพพวกนั้นวะ!” ผมสบถออกมาเมื่อในห้วงความคิดยังคงมีสองคนนั้นไม่หาย

“ภาพ? ภาพอะไรของมึง?” ราชันย์เลิกคิ้วถาม

“ช่างกูเหอะว่ะ!”

“เอ้า! ไอ้นี่!! โทรจิกกูให้ออกมานั่งฟังมึงบ่นเรื่องห่าอะไรก็ไม่รู้แค่เนี่ย?!”

“เออ! กูก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร”

“เชี่ยเอ้ย! นี่กูต้องถ่างตาตื่นขึ้นมาเพราะเรื่องแค่นี้?!!”

“ไม่บ่นกูสักวันเหอะว่ะแค่นี้กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”

“มันน่ามั้ยล่ะไอ้พล! งานการกูก็มีนะเว้ย!”

“เออๆ งั้นมึงก็แดกๆ แล้วก็กลับไปซะปล่อยกูไว้ที่นี่แหละแม่ง! ชวนออกมาทีไรเป็นงี้ทุกที” ผมว่ามันกลับปวดหัวเรื่องสองคนนั้นยังไม่พอยังต้องรับมือกับฝีปากไอ้เพื่อนหอกคนนี้อีก

นี่ตกลงไม่มีใครที่ผมพอจะพึ่งได้ในเวลานี้เลยใช่มั้ย?!

ผมผละสายตาที่ใช้มองอีกคนก่อนจะยกวอดก้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วพลางคว้าเอาแก้วที่บรรจุของเหลวใสใบใหม่ขึ้นมาถือไว้แต่แล้วมือของราชันย์กลับคว้ามันออกไปแทน

“เมาเป็นหมาขับรถกลับบ้านไม่ได้นะมึง”

“สัด! ช่างกูดิ”

“ไม่ช่างว่ะ” มันว่าก่อนจะเทวอดก้าที่เหลือในแก้วลงถังขยะใต้โต๊ะไป

“เหี้ยชันย์!!!”

“เลิกแดก”

“มึงนี่มัน!...”

“แล้วนี่มึงรู้จักเจ้าของร้านเหรอวะเขาถึงได้ยอมเปิดร้านให้มึงมานั่งแดกเอาๆ อยู่อย่างเนี่ย” มันถามขัดขึ้น

“เออ…เคยนอนด้วยกันสองสามครั้งได้”

“ไอ้ห่านี่!”

“เอ้า! กูก็บอกมึงตรงๆ แล้วไง ทำไมรับไม่ได้ที่กูเป็นแบบนี้?!”

“กูยังไม่ได้พูดสักคำเหอะ”

ผมปรายตามองมันอย่างเสียอารมณ์ใช่ว่ามันจะไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไงมาก่อน…ที่ไหนมีเหล้ากับผู้หญิงที่นั่นมักจะมีไอ้จอมพลคนนี้เสมอ!

แต่หลังจากที่จอมใจประสบอุบัติเหตุเรื่องพวกนี้ก็ค่อยๆ ห่างหายจากชีวิตประจำวันของผมไปจนตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เพราะหลังจากทำงานเสร็จผมก็ต้องรุดไปดูแลจอมใจที่โรงพยาบาลแทนพ่อกับแม่ที่ดูแลบริษัทอีกสาขาหนึ่งอยู่ที่ญี่ปุ่นซึ่งนานๆ ทีพวกท่านถึงจะกลับมา

“แล้วเลขาฯ เก่ากูเป็นไงบ้าง” หลังจากที่ผมมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเสียงของราชันย์ก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“มึงถามหามันทำไม?”

“มึงคงยังไม่ได้ทำอะไรเขาหรอกใช่มั้ย”

“…”

“ไม่ตอบแสดงวะ!...”

“กูไม่อยากพูดถึงมันตอนนี้” แม่ง! มึงยิ่งทำให้กูเครียดเข้าไปใหญ่!!

“แสดงว่าที่มึงเป็นแบบนี้เพราะภีมว่างั้น?” คนตรงหน้ายิ้มเยาะ

“กูไม่ได้เป็นเพราะใครทั้งนั้น! มันไม่มีค่าให้กูต้องมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้นอกจากกูต้องการที่จะแก้แค้นมันแล้วเรื่องอื่นของมันไม่มีอยู่ในหัวกูเลยสักนิด!”

“จริง?”

“เออ” ว่าเสร็จผมก็ฉวยเอาแก้ววิสกี้ของมันที่ยังเหลืออยู่ขึ้นดื่ม

“อย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน” ราชันย์ว่าก่อนจะมองจับผิดผม

“มึงแม่ง! จะชวนกูทะเลาะ?!”

“เปล๊า! กูก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”

ผมส่งเสียงฮึดฮัดออกมาจนราชันย์ยกยิ้มมันมองผมเหมือนรู้อะไรบางอย่างไอ้ห่ารากเอ้ย! นี่ผมกำลังตกเป็นจำเลยให้มันสอบสวนอยู่รึไง! คนที่กลุ้มอยู่มันคือผมแล้วทำไมเพื่อนอย่างมันถึงได้ไม่เข้าข้างแบบนี้ล่ะมันต้องเห็นดีกับผมสิถึงจะถูกขนาด TAKE* ที่มันอยากทำผมยังเห็นดีคอยช่วยเหลือมันทุกอย่างเลย! ( *ติดตามเรื่องราวได้ใน “ราชันย์พ่ายรัก” )

นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ!!

“ไอ้พล”

“อะไร?” ผมสวนกลับทันทีที่มันเอ่ยชื่อผมออกมา

“ความจริงกูก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของมึงนักหรอกนะเพราะหลังจากที่มึงซื้อตัวภีมวิทธิ์ไปกูก็เหมือนกลายเป็นคนนอกแล้วสำหรับเรื่องนี้” ไอ้ชันย์พูดพลางจ้องผมนิ่ง “แต่กูแค่อยากจะถามว่าที่มึงทำอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะมึงอยากจะ  แก้แค้นให้น้องมึงจริงๆ หรือเป็นเพราะมึงแค่โกรธแทนน้องมึงกันแน่วะ”

ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยิน คำถามที่มันว่าทำเอาผมต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งบอกตามตรงตอนนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรแต่เท่าที่รู้คือผมอยากให้มันลิ้มรสของความเจ็บปวด…เจ็บอย่างที่จอมใจเคยเจอมา

“มึงต้องการจะพูดอะไรไอ้ชันย์?” ผมไม่ตอบแต่หยั่งเชิงมันกลับ

“เพราะเท่าที่กูไปเยี่ยมน้องมึงมาไม่มีครั้งไหนที่จอมใจจะรื้อฟื้นเรื่องพวกนั้นเลยมึงเองก็รู้ดีว่าที่จอมใจไม่ยอมออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เป็นเพราะโกรธที่สองคนนั่นเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดแต่น้องมึงเพียงแค่อายไม่อยากให้ใครเห็นสภาพของตัวเองก็เท่านั้น”

“…”

“ดูเหมือนว่าน้องมึงจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้เท่ามึงเลยนะ” มันว่าก่อนจะมองผม

จริงอยู่ที่จอมใจยอมให้อภัยและไม่ถือโทษโกรธคนพวกนั้นแต่กับผม…ผมกลับคิดว่าสิ่งที่ฝ่ายนั้นถูกกระทำมันยังไม่สาสมกับสิ่งที่น้องผมได้รับ! น้องผมต้องกลายเป็นคนพิการที่ไม่ยอมออกไปไหนอีกเลยนอกจากอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมนั่นทุกวัน เธอรอคอยแต่ผมที่จะไปหาหลังเลิกงาน เธอไม่ยอมพูดได้แต่เขียนตอบแล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าที่น้องผมเป็นแบบนี้เธอน่าสงสาร? แค่ผมเห็นสภาพจอมใจผมก็ให้อภัยพวกนั้นไม่ได้แล้ว

“ใครที่มันทำน้องกูเจ็บกูจะทำให้มันเจ็บมากกว่าเป็นพันเท่า!”

“…”

“แค่เห็นท่าทีไม่ยี่หระตอนรู้ว่ากูเป็นใครกูก็อยากจะขย้ำคอมันให้แหลกคามืออยู่แล้ว! ยังไงซะกูก็จะทำ!!” ผมว่าต่อก่อนจะจ้องราชันย์เขม็ง

“แต่เท่าที่กูทำงานกับเขามาภีมวิทธ์ถือว่าเป็นคนใช้ได้คนหนึ่งเขาไม่เห็นเป็นแบบที่มึงพูด” ราชันย์ขัดก่อนผมจะยื่นคำขาดเพื่อเป็นการยุติเรื่องนี้กลับไป

“มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วไอ้ชันย์กูจะแก้แค้นจนกว่ามันจะสำนึกผิดที่ทำกับน้องกูจากใจจริงๆ ของมันไม่งั้นกูไม่เลิก!!”
End of Chomphon’s Part




Peam’s Part…
หลังจากจอมพลยอมออกจากห้องของผมไปคำถามมากมายจาก     แดเนียลก็หลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ำ ผมถูกคาดคั้นและถามถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งทนไม่ไหวต้องตอบมันกลับไปว่า…

'เขาคือคนที่ข่มขืนกูจริงแต่เรื่องอื่นที่มันมากไปกว่านี้กูบอกมึงไม่ได้'

ผมบอกแดเนียลกลับไปเพียงเท่านี้ก่อนจะลุกเดินหนีและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลยซึ่งตัวมันเองก็คงจะรู้ดีว่าผมไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องที่ไม่น่าจดจำนี้ขึ้นมาอีกจึงได้แต่นั่งเงียบกระทั่งขอตัวกลับไป

ผมมาทำงานในเช้าวันจันทร์ก่อนจะต้องระหกระเหินขึ้นรถของบริษัทเพื่อเดินทางไปยังโครงการของคุณมาริกาลูกค้าคนสำคัญที่กำลังเกิดปัญหาใน ตัวเมืองจังหวัดนนทบุรี โดยที่ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนแถมจะโทษใครก็ไม่ได้ในเมื่อวันศุกร์ผมดันลาหยุดหนำซ้ำคนที่บุกไปหาถึงคอนโดเมื่อวานก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผมเลยสักนิดเอาแต่จะหาเรื่องให้เจ็บตัวอยู่ได้ทุกครั้งที่เจอหน้า
 
“จดรายละเอียดเรื่องที่กูคุยกับริกาและติดต่อกลับไปที่โรงงานให้จัดส่งวัสดุที่มีปัญหามาใหม่ทั้งหมด” จอมพลสั่งหลังจากที่ผมกับเขารวมถึงคุณมาริกาเดินดูและเก็บรายละเอียดของปัญหาจนทั่วโครงการ

ผมคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาพลางควานหาเบอร์โทรของสถานที่ที่อีกคนบอกก่อนเจ้าของคำสั่งเมื่อครู่จะสาวเท้าเดินเข้ามาและถามขึ้นเสียงดุ

“ได้ยินที่กูพูดหรือเปล่า?!”

ผมผละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพยักหน้ากลับไป

“ได้ยินแล้วทำไมมึงไม่ตอบ!” จอมพลว่าพลางจ้องผมเขม็งดวงตาสีดำดูแข็งกร้าวจนผมที่ไม่อยากมีเรื่องยอมปริปากออกไป

“ครับได้ยิน” ผมตอบก่อนจะก้มลงควานหาเบอร์ของโรงงานต่อไปประจวบกับที่คุณมาริกาเดินเข้ามาพอดี

“พี่จอมพลคะเดี๋ยวพวกเราเข้าออฟฟิศกันก่อนดีกว่าพอดีหัวหน้าวิศวกรแกยังเคลียร์กับคนงานไม่เสร็จ”

“เคลียร์เรื่องอะไร”

“คนงานจะขอลาหยุดเพราะภรรยาจะคลอดลูกน่ะค่ะ”คุณมาริกาตอบก่อนที่พวกเราจะเดินไปยังออฟฟิศแบบติดตั้งชั่วคราวห่างจากสถานที่ก่อสร้างประมาณร้อยเมตร

“แล้วมีปัญหาอะไรยังงั้นเหรอ”

“ก็เพราะคนที่ภรรยาจะคลอดมีตั้งห้าคนเลยน่ะสิคะแถมกำหนดวันคลอดยังติดๆ กันอีกโครงการของริกาเองก็ยืดเยื้อออกไปไม่ได้อีกแล้วด้วย เฮ้อ…มีแต่ปัญหาจนริกาเริ่มท้อแล้วสิคะ” คนบ่นมีสีหน้าท้อแท้อย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องคิดมากหรอกถ้าหากริกาขาดคนงานจริงๆ เดี๋ยวพี่จะช่วยดึงคนจากโครงการอื่นมาช่วย” จอมพลเสนอ

“จริงเหรอคะ!”

“ครับ”

“พี่จอมพลเนี่ยใจดีจริงๆ เลยนะคะถ้าวันนี้พี่ไม่มาด้วยริกาไม่รู้เลยค่ะว่าจะแก้ไขอะไรยังไง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเราเดินเข้ามาให้ออฟฟิศจนผมอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มกับคำพูดนี้ของเธอ

หึ! ใจดียังงั้นเหรอแค่เรียกว่าไม่ร้ายจนกลายเป็นฆาตรกรยังดีเสียกว่า!

ผมนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามกับบุคลลทั้งสองก่อนคุณมาริกาจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำในขณะที่พนักงานประจำออฟฟิศแห่งนี้เดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟพอดี

“ขอโทษนะครับผมขอแค่น้ำเปล่าจะได้มั้ย” ผมถามเธอ

“เรื่องมาก! ถ้าแค่กาแฟมึงยังแดกไม่ได้งั้นก็ไม่ต้องแดก!” คำพูดที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทำพนักงานหญิงถึงกับหน้าซีดเผือด

“เออ…ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวครีมไปเอาให้ใหม่”

“ถ้างั้นก็ให้คนที่อยากดื่มไปเอามาเอง”

ผมมองคนที่แม่งบ้าถึงขนาดหาเรื่องได้แม้กระทั่งการขอดื่มน้ำของผมกลับก่อนจะลุกเดินตามพนักงานที่ชื่อครีมคนนี้ไปเพื่อหยิบน้ำจากข้างในตู้เย็น

ผมเดินกลับมาที่โซฟาพลางเปิดขวดน้ำและยกมันขึ้นดื่มพลันสายตาก็สบเข้ากับจอมพลที่มองมาจนผมถึงกับสำลัก

“แค่กๆๆๆ มองทำไม?!” ผมไอจนหน้าดำหน้าแดงแต่จอมพลกลับทำเพียงแสยะยิ้มเย้ยหยันมาเท่านั้น

“ใครมองมึง”

“ก็เห็นอยู่ว่าคุณ!...”

“อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลยว่ะมึงไม่ได้มีอะไรให้กูสนใจถึงขนาดนั้น”ผมชะงักตึงกับคำพูดนี้

เออ…แม่งกูไม่น่าถามให้อายตัวเองแบบนี้เลย!!

ผมอดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ก่อนที่ใครอีกคนจะเดินเข้ามาในห้องยุติคำพูดมากมายที่ผมกำลังจะเอ่ยออกไปในที่สุด

“สวัสดีครับคุณจอมพล”

“สวัสดีเดนิส” จอมพลเอ่ยตอบคนเข้ามาใหม่ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหันมาทางผมที่เหยียดยิ้มให้

“ว่าไงภีม”

“สวัสดีครับพี่เดน” ผมตอบพลันให้จอมพลที่ขมวดคิ้วสวนกลับทันควัน

“รู้จักกัน?”

“พอดีเราอยู่ห้องตรงข้ามกันน่ะครับ” ไม่ว่าเปล่าพี่เดนิสยังขอนั่งข้างๆผมและหยิบขวดน้ำที่ผมเพิ่งจะดื่มทิ้งไว้ไปดื่มต่ออีก

ผมพยายามห้ามเพราะเห็นว่ามันเป็นของเหลือแต่อีกฝ่ายกลับบอกปัดและเปิดดื่มรวดเดียวหมดจนผมได้แต่อ้าปากค้างก่อนเสียงใสจะถามขึ้นเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามาเห็นหัวหน้าวิศวกรโครงการที่รออยู่

“เคลียร์กับคนงานเสร็จแล้วเหรอคะ” คุณมาริกานั่งลงข้างๆ จอมพลก่อนผมจะชะงักเมื่อสบเข้ากับแววตาแข็งกร้าวนั่นของเขาอีกครั้ง

ให้ตายเถอะจะมองอะไรนักหนา!

“ครับคุณมาริกา” พี่เดนิสตอบ

“สรุปว่าไงบ้างคะ”

“ผมให้เวียนหยุดกันคนละวันตลอดสองอาทิตย์น่ะครับดีหน่อยที่กำหนดคลอดไม่ตรงกันแถมครอบครัวของภรรยาพวกเขาก็พร้อมดูแลแทนในช่วงที่ต้องมาทำงานด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่าคนงานจะหายไปแค่วันละคนใช่มั้ยคะ”

“ครับ”

“โอเคค่ะถือว่ายังยอมรับได้ขอบคุณมากเลยนะคะ”

“ยินดีครับ” คนข้างๆ ผมตอบเสร็จก็หันมาคุยกับผมต่อ

“ถึงเวลาพักกลางวันแล้วภีมยังมีธุระอะไรต่ออีกหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“งั้นไปทานข้าวด้วยกันมั้ย”

“ได้ครับ” ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่คิด

“แต่งานของนายยังไม่เสร็จ” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขัดหากแต่ผมกลับรู้สึกเบื่อที่จะได้ยินมากกว่ากลัวซะอีก

“งานอะไรครับ” สรรพนามที่จอมพลใช้เรียกผมเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นผมเองก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากแสร้งทำเป็นสุภาพกลับไปบ้าง

“โทรหาโรงงานหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“สั่งอะไรไปบ้าง”

“ตาม List ทั้งหมดนี้ครับ” ผมบอกก่อนจะยื่นสมุดพกจดรายละเอียดข้อมูลของงานทั้งหมดให้กับจอมพล

“โห…นี่คุณภีมจดทุกอย่างที่ริกาคุยกับพี่จอมพลเลยเหรอคะแถมรายการวัสดุที่สั่งไปใหม่ยังครบไม่ตกหล่นอีกต่างหากสุดยอดมากเลยค่ะ” เจ้าของโครงการอย่างคุณมาริกาเอ่ยปากชมผมกลับมา

“ขอบคุณครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็พักทานข้าวกันเถอะครับคุณจอมพลกองทัพต้องเดินด้วยท้องนะครับ” พี่เดนิสว่า

“จะว่าไปริกาเองก็เริ่มหิวแล้วล่ะค่ะไปทานข้าวด้วยกันนะคะพี่จอมพล”คุณมาริกาเกาะแขนจอมพลพร้อมกับออดอ้อนอีกฝ่ายกลับไป

“จะไปทานกันที่ไหน” จอมพลหันมาถามพี่เดนิสเสียงนิ่ง

“ร้านอาหารเล็กๆ แถวนี้แหละครับ”

“ริกาเองก็มีร้านที่อยากไปค่ะพี่จอมพลไปเป็นเพื่อนริกานะห่างจากที่นี่ประมาณสิบกว่ากิโลฯ เอง”

“พี่ว่างานเรายังเหลืออีกเยอะนะริกาทานแถวนี้จะดีกว่า” คนถูกอ้อนเอ่ยปฏิเสธด้วยคำพูดนิ่มนวลก่อนจะหันมาหาพี่เดนิสอีกครั้ง

“พอดีวันนี้ผมนั่งรถบริษัทมา…” จอมพลว่าพลางปรายตามองมาทางผมอย่างมีเลศนัย

“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าขอติดรถไปทานด้วย”

“!!”

บะ…บ้าไปแล้ว! นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?!

“ยินดีครับแต่ว่าร้านที่ผมจะไปมันไม่ได้หรูหรานะแค่ร้านเล็กๆ ข้างทางไม่รู้ว่าคุณจอมพลจะทานได้มั้ย” พี่เดนิสพูดด้วยใบหน้าฉีกยิ้ม

คงมีแต่ผมกับคุณมาริกาสินะที่หน้าเจื่อนลงทันทีที่จอมพลพูดจบ

“ผมไม่มีปัญหาแล้วริกาล่ะ” จอมพลหันไปถามคนข้างๆ

“เออ…ริกายังไงก็ได้ค่ะ” คุณมาริกาตอบอย่างไม่เต็มใจนักหากแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรจนกระทั่งพี่เดนิสที่เดินไปหยิบของที่โต๊ะจะเดินกลับมา

“ถ้ายังงั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับ”

“งั้นเดี๋ยวฉันขับรถให้” จอมพลเสนอ

“ไม่เป็นไรครับ! เดี๋ยวผมขับเองคุณเป็นถึงผู้บริหารจะขับให้ผมที่เป็นแค่ลูกจ้างนั่งได้ยังไงล่ะครับ” พี่เดนิสว่าอย่างประหม่า

“เถอะน่า…ถือซะว่าแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน” ไม่ว่าเปล่าจอมพลยังฉวยกุญแจรถในมือของพี่เดนิสไปก่อนจะเดินนำกระทั่งพวกเรามาถึงรถเก๋งโตโยต้าซีวิคคันสีขาวของพี่เดนิสในที่สุด

“เดี๋ยวริกา” คนอาสาเป็นสารถีคว้าข้อมือของคุณมาริกาที่กำลังจะเปิดประตูข้างคนขับเอาไว้ “พี่ว่าริกานั่งด้านหลังดีกว่านะสบายกว่าเยอะ”

“เออ…แต่ว่าริกา…” คุณมาริกาดูท่าอยากจะปฏิเสธเสียให้ได้แต่คนออกปากบอกกลับไม่สนใจเดินเข้ามาดึงแขนผมไว้แทนพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยการบังคับภายใต้ใบหน้าเรียบที่แฝงไปด้วยอาการของอะไรบางอย่างที่  ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเขาเช่นเดียวกัน

“ส่วนนาย…”

“?”

“ก็นั่งข้างฉัน”

“!!”
End of Peam’s Part




TBC.......
-----------------------------------------------------
#มีความหึงโดยไม่รู้ตัว
จอมพลคนปากร้าย ปากแข็ง เอาแต่พูดทำร้ายจิตใจภีม T^T
บทนี้งานอดีตพระเอกมาแจมก็มา พูดไปก็คิดถึงราชันย์เนอะว่ามั้ย 555
เม้นท์เป็นกำลังใจให้กิ่งกันด้วยนาาา
ขอบคุณค่ะ ^/\^



ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
«ตอบ #36 เมื่อ23-07-2017 20:50:24 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
«ตอบ #37 เมื่อ24-07-2017 00:10:01 »

ภีมเอ๋ย
จอมพลช่างไร้เหตุผล

คนเขียนบอกว่าอีกไม่นานจอมพลจะได้รับบทเรียน
อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
«ตอบ #38 เมื่อ24-07-2017 05:47:39 »

ตบกะโหลกไอพลได้บ่ :z3:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
«ตอบ #39 เมื่อ24-07-2017 12:08:37 »



CHAPTER 10



ชุดอาหารห้าหกอย่างถูกวางเรียงรายลงบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ด้วยฝีมือของเหล่าบริกรสาวที่ต่างพากันแย่งแวะเวียนเดินเข้ามาเฉียดโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อและอีกหนึ่งสาวที่มีหน้าตาสะสวยยิ่งกว่าดาราบางคนเป็นไหนๆ

จอมพลที่นั่งฝั่งเดียวกับมาริกาลงมือปลานึ่งมะนาวให้กับหญิงสาวก่อนเดนิสที่นั่งฝั่งเดียวกันกับภีมจะตักไก่กระเทียมใส่จานให้กับร่างโปร่งข้างตัว เช่นเดียวกับ ภีมที่ยิ้มรับพลางกล่าวขอบคุณก่อนจะตักปูผัดผงกระหรี่ให้อีกคนกลับ

ร่างสูงของจอมพลมองการกระทำของทั้งสองคนจากฝั่งตรงข้ามด้วยอารมณ์ขุ่นมัว มาริกาที่เอาแต่ตักโน้นนี่ให้กับเขาไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหันกลับมาให้ความสนใจกับรอยยิ้มของผู้หญิงคนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยผิดกับรอยยิ้มของคนตรงข้ามที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก มันดูสดใสเสียจนจอมพลนึกอิจฉาชายหนุ่มอีกคนอยู่ในใจกรายๆ เพราะ

“จริงสิ เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำแดนมันโทรมาด้วยพี่เลยบอกว่าวันนี้ภีมมาทำงานที่นี่มันเลยฝากความคิดถึงมาให้นายน่ะ” เดนิสเริ่มเปิดประเด็นคุย

ภีมที่ก้มหน้ากำลังจะตักกับข้าวเข้าปากตัวเองชะงักกึก ก่อนอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นกับจอมพลที่นั่งยังฝั่งตรงข้ามของร่างโปร่งเช่นเดียวกันเพราะมือหนาที่กำลังจะตักปูผัดผงกระหรี่นิ่งค้างไปเสียชั่วขณะ

“เหรอครับ” ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบก่อนจอมพลจะเอาแต่จ้องภีมกลับ

ร่างสูงไม่ชอบที่จะต้องได้ยินอะไรแบบนี้ ตกลงไม่ใช่แค่เพื่อนกันจริงๆ ใช่มั้ย!? เป็นสิ่งที่เขากำลังคิดเสียจนหัวคิ้วขมวดเป็นปม

“ภีมรู้จักไอ้แดนมันนานแล้วเหรอ” เดนิสถามต่อ

“ครับก็ตั้งแต่สมัยเรียนป.โทที่อเมริกา”

“แล้วตกลงนี่เป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ ใช่มะ?”

“อึก!” ภีมสำลักไก่กระเทียมที่กำลังเคี้ยวอยู่เพราะคำถามของอีกคน ร่างโปร่งยกแก้วที่บรรจุน้ำเย็นขวามือขึ้นดื่มก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ แล้วถามกลับ

“ทะ…ทำไมพี่เดนถึงถามแบบนี้ล่ะครับ”

“ก็ตั้งแต่ที่มันรู้ว่าห้องนายอยู่ตรงข้ามกับพี่มันก็เอาแต่มาหาพี่ทุกวันแถมยังพูดแต่เรื่องของนายให้ฟังซะจนพี่รู้สึกสนิทกับนายไปด้วยเลยเนี่ย” เดนิสว่าก่อนสายตาของภีมจะหันไปสบกับดวงตาสีดำเข้มจากฝั่งตรงข้ามที่จ้องมาเขม็ง

ขนแขนของร่างโปร่งลุกกราวทันทีอย่างไม่บอกไม่ถูก ภีมรีบหลุบตาลงต่ำเมื่อรู้สึกถึงรังสีอะไรบางอย่างที่ถูกคนตรงข้ามแผ่ออกมาเสียจนเขาไม่กล้าที่จะตอบอะไรออกไปในตอนนี้

“เอาไว้ผมค่อยบอกพี่วันหลังแล้วกันนะครับ” ภีมพยายามเลี่ยงแต่เดนิสกลับไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ร่างสูงยังคงเอ่ยถามกลับอย่างไม่ลดละ

“แสดงว่ามีอะไรในกอไผ่?”

“ผมว่าพี่ไปถามแดนมันเองจะดีกว่า”

“มันชอบเข้าข้างตัวเองพี่ว่าถามจากนายได้ความจริงมากกว่านะ”

“ถ้างั้นผมขอไม่ตอบแล้วกันครับ” ภีมพยายามยุติคำถามเหล่านี้

“ทำไมล่ะ” เดนิสเลิกคิ้วไม่เข้าใจ

เพราะด้วยความแมนของเขาจึงทำให้ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าปิดบัง หากทว่าร่างโปร่งเองก็ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเพียงแต่ภีมไม่อยากพูดในขณะที่มีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยโดยเฉพาะคนตรงหน้าที่มองมาไม่หยุด

“ผมว่าทานข้าวกันเถอะครับอย่าสนใจเรื่องของผมเลย” ร่างโปร่งเอ่ยตัดบทก่อนเดนิสจะชะงักและรู้ตัวทันทีว่าตัวเองละลาบละล้วงเรื่องของอีกฝ่ายมากจนเกินไปเสียแล้ว

“พี่จอมพลคะปลาที่พี่ตักให้ริกาเมื่อกี้อร่อยมากเลยนะลองทานดูสิคะ” มาริกาที่ไม่ได้สนใจเรื่องเมื่อครู่เลยตั้งแต่แรกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าจู่ๆ คนข้างตัวก็เงียบไป

“พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่หิวเท่าไหร่เชิญริกาตามสบายเลย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนร่างสูงจะรวบช้อนส้อมที่ถืออยู่วางลงบนจานและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“แต่พี่ทานเข้าไปนิดเดียวเองนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ไม่ค่อยหิวจริงๆ”

“อาหารไม่ถูกปากเหรอครับคุณจอมพล” เดนิสถามด้วยความประหม่าเพราะกลัวว่าร้านอาหารที่พาผู้บริหารทั้งสองคนมาจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“ไม่ต้องกังวลหรอกอาหารน่ะถูกปากแต่บางอย่างมันชวนให้อารมณ์เสีย” ว่าเสร็จสายตามาดร้ายก็ถูกส่งไปยังภีมเสียจนร่างโปร่งชะงักเกร็ง

“อะไรเหรอครับเดี๋ยวผมจัดการให้” อีกคนถามพร้อมกับเสนอ

“ไม่มีอะไรอย่าห่วงเลยทานกันตามสบายมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยด้วยถ้อยคำเชื้อเชิญ ทว่า…กับภีมที่นั่งทานอยู่เงียบๆ คำพูดเหล่านี้กลับทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขจนเริ่มรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเสียจนความอยากอาหารลดลงไประดับสิบ! ร่างโปร่งรู้สึกอึดอัดเพราะสายตาของคนตรงหน้าที่มองมาช่างดูเหมือนกับตำรวจกำลังจ้องจับผิดผู้ร้ายไม่มีผิด!

ภีมพยายามยัดอาหารตรงหน้าเข้าปากอย่างลำบากในขณะที่มาริกาเองก็รู้สึกได้ถึงความมาคุบางอย่างที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ หญิงสาวเหลือบมองคนทั้งคู่อยู่หลายครั้งจนกระทั่งแน่ใจว่าระหว่างจอมพลกับภีมวิทธิ์จะต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

:

หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็กลับมายังไซต์งานของโครงการอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลาเลิกงาน

ภีมเดินตามจอมพลเข้าไปยังออฟฟิศอีกครั้งหลังจากที่พวกเขากลับมาจากการตรวจเช็ควัสดุที่ถูกส่งมาใหม่ ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดียวกับจอมพลเองที่เหนื่อยล้าเพราะปัญหามากมายมาตลอดทั้งวัน ก่อนมาริกาที่กำลังคุยอยู่กับเดนิสจะผละออกจากอีกฝ่ายพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ กับจอมพลพลางถามอีกคนด้วยความรู้สึกผิด

“ขอโทษพี่จอมพลมากเลยนะคะที่ทำให้ต้องเหนื่อย” เสียงหวานเอ่ยหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงว่าก่อนจะคลายเนคไทที่คอออกและปลดกระดุมสองเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่จนเห็นเข้าไปถึงแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

ภีมวิทธิ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่จู่ๆ หัวใจของเขาก็เกิดเต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างโปร่งลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งหน้ากำลังเล่นงานเจ้าตัวเสียจนต้องรีบหนีออกจากเหตุการณ์ตรงหน้าทันที

ภีมตัดสินใจเดินออกไปยังห้องน้ำข้างๆ ออฟฟิศ ร่างโปร่งสบถว่าตัวเองไปตลอดทางถึงอาการบ้าๆ ที่เกิดขึ้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใช้สายตาแบบไหนมองอีกคนกันแน่ แต่ที่เขารู้แน่ๆ ตอนนี้คือเมื่อเขาเห็นแผงอกนั่นมันก็ฉุดให้เขาหวนคิดย้อนกลับไปในวันที่ถูกอีกฝ่ายกระทำ…วันที่โหดร้ายจนไม่อยากจะจำแต่ก็ทำได้เพียงลบมันออกไปจากหัวได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเพราะเรื่องที่จอมพลทำกลับกลายมาเป็นแผลที่เหมือนจะติดตัวร่างโปร่งเอาไว้จนรักษาไม่หายเสียแล้ว

ร่างโปร่งคิดวกไปวนมาจนสับสนไปหมด ภีมรีบเปิดน้ำล้างหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติกลับคืนกระทั่งมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังที่ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ทันได้เห็นตัวเจ้าของน้ำเสียงนี้แต่มันก็ทำให้ร่างโปร่งรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“มึงทำอะไร” น้ำเสียงห้วนเอ่ยถามก่อนภีมจะหันไปหลังจากลูบน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าออก

ร่างโปร่งสบตากับจอมพลเพียงครู่ก่อนจะหันไปทางซ้ายทีขวาทีและเดินผ่านตัวร่างสูงไปโดยไปปริปากเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาเลยสักคำ

“กูถามไม่ได้ยิน!?” จอมพลกระชากแขนภีมเข้าหาตัวพร้อมกับจ้องกลับเขม็ง

“คุณถามผมหรอกเหรอ?” ภีมทำหน้าซื่อถามกลับ

“แล้วในนี้มันมีคนอื่นนอกจากมึงกับกูหรือไง!?”

“ใครมันจะไปรู้นึกว่าคุณพูดกับอ่างหน้าไม่ก็โถฉี่เสียอีก”

“ปากดีนักนะมึง!!” ร่างสูงออกแรงบีบแขนเล็กของภีมจนขึ้นรอยเมื่ออีกฝ่ายเหน็บแนมกลับ ทว่าร่างโปร่งที่ถูกกระทำกลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากจะแกะมือหนาที่พันธนาการตัวเขาเอาไว้ออกพร้อมกับมองจอมพลกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“หึ! คิดว่าตัวมึงเองมีดีนักหรือไงโดนนิดโดนหน่อยทำเป็นหวงก็แค่รูที่โดนกูขย่มจนเยินแค่นั้นล่ะว่ะ”

“!!”

“ใช่ว่ามึงจะสดก่อนมาเจอกับกู”

ภีมชะงักกึกกับคำพูดเสียๆ หายๆ ที่ถูกอีกฝ่ายสาดกลับมา ร่างโปร่งรวบมือกำเอาไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มพร้อมกับกระแทกหน้าอีกฝ่ายด้วยคำพูดร้ายๆ กลับไปบ้าง

“ไม่สดแล้วยังไง!? คุณเองยังแดกคนอย่างผมไปแล้วเลยไม่อายคำพูดตัวเองหน่อยเหรอ?”

“ภีมวิทธิ์!!”

“โอ้ย!”

จอมพลกระชากอีกฝ่ายเข้าหาตัวพลางลงแรงบีบที่ต้นแขนจนร่างโปร่งออกปากส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“เห็นกูไม่ทำอะไรเข้าหน่อยเกิดย่ามใจขึ้นมาว่างั้น!? อย่าลืมสิว่าการแก้แค้นมันยังไม่จบ!”

“คนอย่างคุณมันก็ดีแต่ทำเรื่องพวกนี้! ผมชักสงสัยซะแล้วสิว่าจิตใจของคุณมันยังปกติดีอยู่หรือเปล่า!?”

“ไอ้!...”

“คุณจอมพลครับ!...อ้าว! ภีมเองก็อยู่ที่นี่เหรอพี่ตามหาตั้งนาน” เดนิสส่งเสียงร้องเรียกก่อนจะพรวดพราดเข้ามา ทำเอาทั้งสองคนที่กำลังเฉือดเฉือนกันด้วยคำพูดรีบผละออกจากกันทันทีก่อนร่างสูงของผู้บริหารหนุ่มจะเอ่ยถามคนมาใหม่กลับไป

“มีอะไรเดนิส”

“คือผมอยากจะชวนคุณไป relax หลังเลิกงานน่ะครับไม่ทราบว่าคุณจอมพลว่างไปด้วยกันหรือเปล่า”

“ฉันต้องกลับไปเคลียร์งานต่อที่บริษัทอีกนิดหน่อยคงไปด้วยไม่ได้” ร่างสูงที่ทำหน้าคิดอยู่สักพักเอ่ยบอก

“แล้วภีมล่ะ” เดนิสหันไปถามคนข้างๆ

“กลับไปผมก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วงั้นผมไปด้วยครับ”

“!!” จอมพลหันไปหาอีกฝ่ายทันทีที่พูดจบ

ภีมเหยียดยิ้มกลับไปให้เดนิสอย่างสนิทใจจนจอมพลที่มองอยู่ถึงกับเส้นกระตุก! ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่อีกฝ่ายยิ้ม เขาไม่ชอบเวลาเห็นภีมยิ้มให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคนที่ไม่เคยถูกภีมยิ้มให้เลยสักครั้ง

ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้กัน*!?*

“ดีเลยพี่รู้จักร้านดีๆ ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่เป็นร้านอาหารบรรยากาศน่านั่งเดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ”

“ได้ครับพูดแล้วอย่ากลับคำนะ”

“ไม่หรอกน่าป่ะเก็บของกันใกล้เลิกงานแล้ว”

“ครับ”

“ขอตัวก่อนนะครับคุณจอมพล” เดนิสว่าก่อนจะพยักหน้าให้ภีมตามตัวเองไป

“เดี๋ยว!”

“?”

“นายต้องกลับไปเคลียร์เอกสารกับฉัน” จอมพลบอกภีมด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“มันอยู่นอกเหนือเวลางานของผมแล้วครับคุณจอมพลขอตัวก่อนนะครับ” ว่าเสร็จภีมก็หันหลังกลับแต่แล้วคนข้างตัวของเขากลับถูกอีกคนเรียกชื่อขึ้นอีกครั้ง

“เดนิส”

“ครับ?”

“งั้นฉันไปด้วย”

“!!”

สิ้นเสียงของจอมพลร่างโปร่งถึงกับขมวดคิ้วพร้อมกับมองอีกฝ่ายกลับอย่างไม่เข้าใจทันที ร่างสูงมองภีมตอบด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน จอมพลไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันว่าทำไมถึงพูดออกไปอย่างนั้นเพียงแต่ตอนนี้ในหัวของเขากลับมีแต่คำว่า…อย่าปล่อยให้พวกเขาไปด้วยกันอยู่เต็มไปหมด!!

“อ้าว! คุณจอมพลไม่กลับไปเคลียร์เอกสารแล้วเหรอครับ”

“จำได้ว่ามันไม่ด่วนเท่าไหร่พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“โอเคครับถ้างั้นผมขอตัวไปเก็บของก่อน ป่ะภีม” เดนิสหันมาบอกคนข้างตัวก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินออกไปทันทีในขณะที่ภีมเองก็เบือนสายตาที่ใช้จ้องคนตรงหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเพื่อหมายจะตามอีกคนออกไป ทว่าร่างโปร่งกลับถูกจอมพลรั้งไว้ด้วยถ้อยคำปรามาสเสียก่อน

“เพิ่งรู้ว่ากับผู้ชายมึงก็ร่านได้ไม่เว้น!!” ร่างสูงเค้นเสียงตะคอกกลับ

ภีมเบิกตากับคำว่ากล่าวที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ร่างโปร่งกำหมัดตัวเองไว้มั่นก่อนใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความโกรธจะกลับกลายเป็นฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มร้ายที่เหยียดออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่า

“ผมจะร่านกับคนที่ผมอยากจะร่านด้วยเท่านั้นซึ่งต้องขอโทษด้วยที่มันไม่ใช่คุณ!!” ว่าเสร็จภีมก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีทิ้งไว้แต่เพียงจอมพลที่ขบกรามแน่นพลางต่อยเข้ากับกำแพงจนเกิดเสียงดังด้วยอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านออกมาจนเกือบจะถึงขีดสุด!

:

:
ภายในร้านอาหารกึ่งบาร์บรรยากาศสุดชิลล์ เต็มไปด้วยลูกค้าที่กำลังจับจองมองหาโต๊ะนั่งกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งหนึ่งในโต๊ะที่มีผู้จับจองอยู่แล้วนั้นคือสามชายหนุ่มกับอีกหนึ่งหญิงสาวที่ออกปากขอตามมาด้วยกำลังนั่งดื่มกันหลังจากทานอาหารที่สั่งมาจนอิ่มพร้อมกับคุยเรื่องปกิณกะตามประสาคนวัยทำงานด้วยกัน

“แล้วคุณทำยังไงหลังจากนั้น” มาริกาถามเดนิสที่เล่าประสบการณ์ในการทำงานของตัวเองให้ฟัง

“ผมก็ด่าลูกน้องคนนั้นกลับไปว่า เฮ้ย*! มึงทำให้กูต้องโดนคุณจอมพลดุอย่าอยู่เลย!!*”

“คุณทำร้ายเขา?” หญิงสาวเบิกตา

“เปล่าครับ…ผมกอดคอมันแล้วบอกว่า อย่าอยู่เลยว่ะคนอ่อนแออย่างมึงไปยื่นใบลาออกแล้วกลับบ้านไปดูดนมแม่ซะ”

“แล้วเขายอมลาออกมั้ยคะ”

“ไม่หรอกครับ…พอวันรุ่งขึ้นมันก็ขยันกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวจนเมื่อโครงการนั้นเสร็จผมก็ได้โบนัสจากบริษัทมาก้อนหนึ่ง”

“คุณนี่ร้ายจริงๆ เลยนะคะ”

“ผมก็แค่พูดให้มันคิดน่ะครับเพราะคนทำงานอย่างเรามันขี้เกียจไม่ได้ไม่งั้นกำหนดการก่อสร้างก็จะเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อีกอย่างโบนัสก้อนนั้นที่ผมได้มาผมก็ยกให้มันหมด”

“ว้าววว…พ่อวิศวกรดีเด่น”

“อย่าแซวกันสิครับผมเขินแย่” เดนิสพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

ภีมมองทั้งคู่ที่กำลังเมาได้ที่คุยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างโปร่งยกแก้วพั้นซ์ขึ้นดื่มก่อนสายตาของเขาจะเคลื่อนไปสบกับอีกคนที่ดันนั่งตรงข้ามกันอีกครั้ง

จอมพลนั่งมองภีมนิ่งจนคนถูกมองเริ่มทำตัวไม่ถูก ร่างสูงใช้นิ้วเรียวเกลี่ยปากแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มสีอำพันของตนในมือไปมา ร่างโปร่งจึตัดสินใจวางแก้วพั้นซ์ในมือของตัวเองลงในขณะที่กลืนของเหลวในปากลงคอไปอย่างฝืดๆ

“คุณจอมพลครับดื่มกับผมอีกสักแก้วจะได้มั้ย” เดนิสหันไปหาเจ้านายของตัวก่อนจะร้องขอ

“นายดื่มเยอะไปแล้วเดนิสเดี๋ยวต้องขับรถกลับอีกไม่ใช่เจอด่านตรวจกลางทางขึ้นมาจะทำไง” คนเป็นนายเตือนด้วยความหวังดี

“ไม่เป็นไรหรอกครับภีมบอกจะขับกลับให้”

“หมายความว่าไง” แววตาที่ใช้มองไปยังอีกคนแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“ผมจะกลับกับพี่เดนเพราะถึงยังไงเราก็อยู่คอนโดเดียวกันคนขับรถของคุณจะได้ไม่ต้องลำบากไปส่ง” ภีมอธิบาย

“แต่นายมากับฉัน!” จอมพลขึ้นเสียง

“ก็นั่นมันตอนมาแต่ตอนนี้ผมจะกลับกับพี่เดนยังไงล่ะครับ” ร่างโปร่งว่าก่อนจะมองไปยังคนข้างๆ ของจอมพลที่เอาแต่เหมอลอยหลังจากที่ตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติอยู่หลายที

“ผมว่าคุณดูแลคุณมาริกาเธอจะดีกว่าดูท่าว่าเธอคงดื่มไปเยอะเหมือนกัน”

“ใช่ค่ะพี่จอมพลริกาปวดหัวไปหมดเลย ริกาไม่ไหวแล้ว” มาริกาเอนตัวซบไหล่กว้างหลังจากพูดจบ

“ถ้ายังงั้นขอแค่แก้วนี้อีกแก้วเดียวนะครับคุณจอมพล” เดนิสคะยั้นคะยอจนจอมพลยอมดื่มกับเขาอีกแก้ว

:

ทั้งสี่เดินออกจากร้านมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก จอมพลพยุงมาริกาที่แม้ว่าเธอจะเมามากจนเดินขาลากแต่กระนั้นความสวยก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปได้เลย เช่นเดียวกันกับภีมที่พยุงเดนิสเดินขึ้นรถไปอย่างทุลักทุเล

ภีมปิดประตูรถก่อนจะเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับแต่แล้วจอมพลก็เดินตรงเข้ามากระชากเขาไว้หลังจากปล่อยให้คนขับรถช่วยนำมาริกาขึ้นรถแทนเสียก่อน

“มึงคิดจะทำอะไร!!?” จอมพลถามด้วยใบหน้าเหี้ยม

“ทำอะไร?”

“ทำไมมึงไม่กลับกับกู!!”

“คุณไม่เห็นหรือไงว่าพี่เดนเขาเมาเกิดขับกลับเองแล้วเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง อีกอย่างจะกลับกับใครมันก็เหมือนกัน ปล่อยได้แล้ว!” ภีมสะบัดมือของอีกฝ่าย

“มึงกำลังทำกูอารมณ์เสีย!”

“นั่นมันเรื่องของคุณ! ปล่อย!” ภีมสะบัดจนมือหนาหลุดออกจากแขน

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” เดนิสเลื่อนกระจกลงพลางยื่นหน้าออกมาถามด้วยเสียงยานคาง

“เปล่าครับ” ภีมว่าก่อนจะปรายตามองจอมพลอีกครั้งและเปิดประตูขึ้นรถไป

ร่างสูงมองคนทั้งคู่ในรถด้วยแววตาดุดัน หากแต่กระนั้นร่างโปร่งก็ไม่ได้สนใจต่ออีกอย่างใด

“คาดเข็มขัดด้วยครับพี่เดน” ภีมบอกคนข้างตัว

“เข็มขัด?”

“ครับเข็มขัดนิรภัย”

“อยู่ไหน…” เดนิสควานหาสะเปะสะปะจนร่างโปร่งต้องเอี้ยวตัวไปทำให้

จอมพลขบกรามแน่นกับภาพที่เห็น ร่างสูงหันหลังเดินกลับไปยังรถของตนก่อนจะบอกให้คนขับรถขับออกไปทันที

ภีมมองรถของร่างสูงที่เคลื่อนออกไปพลางพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ท่าทีทั้งหมดที่เขาทำกับจอมพลมันเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้นไม่ใช่นิสัยส่วนตัวของเขาเลยสักนิด ภีมลำบากใจทุกครั้งที่อีกฝ่ายตรงเข้ามาหาเรื่องแต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากต้องคอยรับมือให้พ้นไปเป็นวันๆ

“มีเรื่องกันเหรอ” เดนิสถามขั้น

“ครับ?”

“ภีมมีเรื่องกับคุณจอมพลเหรอเห็นเขาจ้องนายไม่ปล่อย”

“พี่ไม่ได้เมา?”

“แค่เดินไม่ตรงแต่ยังพอมีสติ” ร่างสูงว่าพลางปรือตามองคนที่อาสาเป็นสารถี

“แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะครับ” ภีมบอกก่อนจะขับเคลื่อนตัวรถออกจากร้านมา

“จริง?”

“ครับ”

“แต่พี่ว่าเขาดูมีอะไรกับภีมนะ” เดนิสถามเสียงเรียบ ทว่าคำถามนี้กลับทำให้ภีมชะงักราวกับกลัวโดนจับผิดจนต้องรีบตัดบทกลับทันที

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่เดนคิดมากไปแล้ว”

“แล้วกับไอ้แดนล่ะจะบอกพี่ได้หรือยัง” ร่างโปร่งหันมองคนข้างๆ ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วพลางถอนหายใจและยอมรับออกไปในที่สุด

“ผมกับแดนเคยคบกันครับ” ภีมว่าก่อนอีกฝ่ายจะเงียบกริบ

“พี่เดนคงรังเกียจที่ความจริงแล้วผมเป็นแบบนี้แล้วล่ะสิ”

“ใครบอกแค่อยากฟังจากปากของนายมากกว่าเพราะไอ้แดนมันก็เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว”

“เหรอครับ”

“ไม่โกรธมันใช่มั้ยที่เล่าให้พี่ฟัง”

“ไม่หรอกครับเรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“รวมทั้งเรื่องที่มันไปนอนกับผู้หญิงมาด้วยมั้ย”

“ครับผมไม่ได้โกรธมันแล้วแต่จะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้”

“ทำไม?”

“ผมกับมันเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้วครับเป็นแฟนกันไม่รอดหรอก ผมมีข้อเสียมันเองก็มีข้อเสียและติดตรงที่เราไม่สามารถปรับมันเข้าหากันได้ยังไงล่ะครับ”

“เศร้าน่าดู” เดนิสว่า

“ฮ่าๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” ภีมอดขำกับคำพูดของคนเมาไม่ได้

“ดูท่าว่าแก้วสุดท้ายที่ดื่มกับคุณจอมพลจะออกฤทธิ์ซะแล้วล่ะ พี่ของีบสักหน่อยแล้วกัน”

“ครับเดี๋ยวถึงแล้วผมจะเรียก” ร่างโปร่งมองไปยังทางเบื้องหน้าพร้อมกับตั้งใจขับต่อไป

:

“พี่เดนๆ”

“หืม?”

“ถึงแล้วครับ” ภีมบอกก่อนคนงัวเงียจะเปิดเปลือกตาที่ฉ่ำปรือนี้ขึ้นและเอ่ยตอบ

“ขอบใจมากภีม” เดนิสก้าวเดินลงจากรถก่อนจะพิงประตูไว้เพื่อเรียกสติ

“พี่เดินเองไหวมั้ย”

“ไหวๆ” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ

“แม่ง! ไม่น่าดื่มหนักขนาดนี้เลยบ้าฉิบหาย!” เดนิสสบถว่าให้ตัวเองในขณะที่เดินมาถึงประตูลิฟต์ของลานจอดรถ

“ผมช่วยดีกว่า” ภีมตัดสินใจตรงเข้าช่วยพยุงร่างสูงเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูเปิดออก

“ขอโทษที่ทำให้นายลำบากขับรถมาตั้งไกลนะ” เดนิสว่า

“สบายมากครับผมเองก็อาศัยรถพี่กลับนะถือว่าหายกัน” ภีมพยุงเดนิสออกจากลิฟต์เมื่อมันหยุดที่ชั้นแปด

ร่างโปร่งพาอีกคนที่ลากเท้าเดินราวกับคนไม่มีแรงไปตามทางเดินก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแปดศูนย์เจ็ดห้องของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับเขา

“กุญแจครับพี่เดน”

“อยู่ในกระเป๋าช่องตรงกลางเล็กๆ” ภีมเปิดกระเป๋าและควานหาข้างในจนเจอก่อนจะพาอีกคนเดินเข้าห้องไป

“ช่วยพาพี่เข้าห้องนอนหน่อย” เดนิสวานเมื่อร่างสูงไม่มีแรงจะเดินเข้าไปด้วยตัวเอง

ภีมทำตามที่เดนิสขอก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงของอีกคนพร้อมๆ กับเจ้าของห้องที่ดันทิ้งตัวลงมาโดยไม่สนใจเขาเมื่อเห็นผืนเตียงกว้างตรงหน้า

“พี่แดนผมหนัก” ร่างโปร่งว่าเมื่อเดนิสทับภีมไว้ทั้งร่าง

“โทษที” ร่างสูงยันตัวเองออกพร้อมกับพลิกตัวนอนแผ่หรากลางเตียงกว้าง

ภีมหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนที่กระดุมเม็ดที่สองของเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่จะหล่นลงบนเตียงของเดนิส ร่างโปร่งมองเสื้อเชิ้ตที่เปิดจนเผยให้เห็นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามพองามของตัวเองอย่างระเหี่ยใจ คงเป็นตอนล้มลงเมื่อกี้แน่ๆ ภีมคิดในใจพลางลุกขึ้นยืน

“พี่อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” เดนิสยกมือขึ้นพลางโบกไปมาปฏิเสธคนถาม

“งั้นผมกลับห้องแล้วนะนอนดีๆ นะพี่ เดี๋ยวผมล๊อกห้องให้” ร่างโปร่งบอกร่างสูงที่ทำเพียงแต่สัญลักษญย์ OK กลับมาก่อนจะปิดล๊อกห้องตามที่ได้บอกอีกคนเอาไว้และไขกุญแจเข้าห้องตัวเองไป

หมับ!

“!!”

ภีมเบิกตาโพรงเมื่อจู่ๆ ก็มีมือหนาของใครบางคนเอื้อมมาจับประตูห้องของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้ปิดมัน

ร่างโปร่งออกแรงดันเมื่อสมองสั่งการณ์ว่าคนที่ทำแบบนี้ต้องมีเจตนาไม่ดีอยู่แน่ๆ ทั้งสองคนออกแรงยื้อแย่งกันไปมาจนกระทั่งร่างสูงของใครบางคนด้านนอกจะออกแรงผลักเจ้าของห้องอย่างเขาให้เซไปด้านหลังพร้อมกับแทรกตัวเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องและปิดล๊อกมันไว้ในทันที

“แค่มันเมามึงจำเป็นต้องเซอร์วิสขนาดไปส่งจนถึงเตียง?” ภีมกระพริบตาถี่ๆ เนื่องจากไฟในห้องยังไม่ติด

น้ำเสียงห่ามแม้ไม่เห็นตัวก็ฉุดให้ร่างโปร่งขนลุกและเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเจ้าของเสียงเช่นนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก!...

“แล้วถ้าผัวอย่างกูเกิดเมาขึ้นมาล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามึงจะเซอร์วิสยังไง!” จอมพลมองภีมด้วยแววตาเดือดดาลในขณะที่แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้นชั่วพริบตาเดียวหลังจากที่คำพูดนี้สิ้นสุดลง

“!!”



TBC......
----------------------------------------------
งานหึงงานหวงแบบไม่รู้ตัวก็มา #ง่อววววววว
เฮียเอ๋ย เฮียแพ้น้องภีมราบคาบแล้วนะรู้ตัวมั้ย?
เอะอะ จับกด! คนไม่รู้สึกอะไรเขาไม่ทำกันหรอกนะเฮียยยยยย
#บางทีก็เหนื่อยกับความเป็นจอมพล 555+
อ่านแล้ว เม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้กิ่งด้วยนะคะ ตอนหน้า NC ค่ะ >x<!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-07-2017 12:08:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
«ตอบ #40 เมื่อ24-07-2017 15:22:00 »

ไอพลกับไอชันย์เนี่ย บ้ากับบอพอกัน
 :เฮ้อ:แถมไบโพล่าอีก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
«ตอบ #41 เมื่อ24-07-2017 19:01:54 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
«ตอบ #42 เมื่อ24-07-2017 20:49:47 »

พระเอกที่คงสเต็ปมโนสม่ำเสมอ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
«ตอบ #43 เมื่อ24-07-2017 20:52:36 »

CHAPTER 11



 “ตอบ!!” จอมพลตวาดเร่งเร้า ร่างสูงจ้องภีมด้วยแววตาเดือดดาลพลางสืบเท้าเข้ามาด้วยท่าทีน่าเกรงขามจนภีมเลือกที่จะถอยกรูดอย่างนึกหวั่นเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาจากอีกคน

“คุณเมามากแล้วนะคุณจอมพล! มีอะไรก็ไว้คุยกันพรุ่งนี้กลับบ้านของคุณไปซะ” ภีมบอกเสียงสั่น

“มึงคิดว่าผัวอย่างกูพอเห็นเมียออกจากห้องไอ้ตัวผู้ตัวอื่นมาแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ว่างั้น?!”

ภีมเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดีร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองก่อนจะเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดคือต้องรีบเข้าห้องนอนและปิดล๊อกให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้โทรลงไปแจ้งรปภ. ให้ขึ้นมาจัดการกับคนตรงหน้าแต่ทว่า…

“กูจะกำราบท่าทางพยศของมึงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู!!” ว่าเสร็จจอมพลก็ก้าวเท้าเข้าหาตัวการที่ทำให้เขาเดือดขนาดนี้ทันที

ภีมหลบหลีกมือหนาที่เอื้อมมาหมายจะจับตัวเขาก่อนจะพยายามวิ่งไปยังประตูห้องนอนแต่สิ่งที่คิดเอาไว้กลับผิดไปเสียทุกอย่างเพราะแค่เขาก้าวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ได้เพียงไม่กี่ก้าวจอมพลที่คว้าตัวเขาเอาไว้ได้ก็ออกแรงอุ้มตัวเขาให้พาดลงบนไหล่หนาพลันทิ้งลงบนโซฟาด้านนอกอย่างไม่ใยดี

ปึก!!

“อย่านะ!” ภีมชันขาขึ้นก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายที่ขึ้นมาบนโซฟาในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีออก จอมพลดึงขาของภีมลงก่อนจะควบเอวบางนี้เอาไว้พร้อมกับรวบมือของอีกฝ่ายขึงไว้เหนือหัว

“คุณจอมพลคุณเมาอยู่ตั้งสติหน่อย!!” ภีมตะโกนว่า

“เหล้าแค่ไม่กี่แก้วมันไม่ระคายสติกูเท่ามึงหรอกภีม! ปากดีนักนี่มีปากไว้แซะกูทั้งวันก็อย่าลืมใช้มันครางให้กูฟังตอนโดนเอาหน่อยเป็นไง!” คนเดือดดาลทึ้งเสื้อเชิ้ตของภีมจนกระดุมกระเด็นหายไปคนละทิศละทาง

“ไม่เอานะ! โอ้ย!!” ภีมร้องเมื่อจอมพลที่ก้มลงซุกไซ้ซอกคอของเขาออกแรงกัดจนเห็นเป็นรอยเขี้ยว

ภีมดิ้นและพยายามดันแผงอกของคนด้านบนออกจนสุดแรงทว่าจอมพลกลับไม่สะท้าน เขายังคงซุกไซ้ซอกคอของภีมไปมาอย่างหื่นกระหายก่อนริมฝีปากร้อนผ่าวที่โลมเลียและจูบซับไปตามลำคอจะเคลื่อนขึ้นมาบดจูบไปบนริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอออกเพราะพยายามร้องเรียกให้หยุด

จอมพลขบเม้มริมฝีปากของภีมตามแรงอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ ร่างโปร่งเบิกตาโพลงและพยายามปิดปากตัวเองลงแต่การกระทำของเขาก็ดูจะสายเกินไปเพราะในขณะที่ภีมกำลังร้อนรนกับรสจูบที่ดุดันจอมพลก็ทำการส่งเรียวลิ้นเข้ามาเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานอย่างผู้ชำนาญเสียจนคนใต้ร่างแทบจะหมดลม

กึก!

“เหี้ย!!”

ปึก!

ภีมตัดสินใจกัดริมฝีปากของอีกคนไปเต็มแรงก่อนจะผลักจอมพลให้ล้มลงไปบนพื้นพลันรีบลุกออกจากโซฟาและวิ่งเข้าห้องนอนไปหากแต่ทันทีที่ภีมเอี้ยวตัวคว้าประตูเพื่อจะปิดลงจอมพลกลับวิ่งตรงเข้ามาดันมันเอาไว้พร้อมกับออกแรงผลักจนคนตัวเล็กกว่าที่พยายามดันประตูให้ปิดล้มลงไปอย่างหมดท่า

“มึงกล้ากัดกูเหรอ!!” จอมพลตามเข้ากระชากภีมให้ลุกขึ้น

“ปล่อยผม!!” ภีมว่าพลางพยายามแกะนิ้วมือที่บีบต้นแขนตัวเองออก

“กล้ามากที่กัดกู! เดี๋ยวมึงได้ครางไม่หยุดแน่!!”

จอมพลเหวี่ยงภีมลงบนเตียงกว้างจนฝ่ายโดนกระทำนิ่วหน้าเพราะจุกก่อนเขาจะตรงขึ้นมาคร่อมตัวภีมเอาไว้ไม่ให้หนี

“หยุดนะคุณจอมพลอย่าทำผม!!” ภีมว่าเมื่อคนด้านบนครอบริมฝีปากลงบนเม็ดบัวสีชมพูกลางหน้าอก

แรงของภีมไม่สามารถต้านทานแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้ได้เลยจอมพลไม่สนใจคำพูดของภีมแม้แต่น้อยร่างสูงจูบซับไปตามแผงอกบางและหน้าท้องที่ประกอบไปด้วยมัดกล้ามเพียงนิดนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือลงไปปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงของภีมลงท่ามกลางคนเป็นเจ้าของที่ไร้ซึ่งความเต็มใจ

“คุณจอมพล! คุณลืมไปแล้วเหรอไงว่าผมเป็นคนทำให้น้องคุณต้องเป็นแบบนั้นน่ะห๊ะ?!”

ได้ผล…จอมพลหยุดการกระทำก่อนหน้าลงพลันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับภีมที่สั่นระริกไปทั้งตัวอย่างคาดโทษ

“คุณบอกว่าคุณเกลียดผม! แล้วคุณจะทำแบบนี้กับคนที่เกลียดไปทำไม!!” ภีมว่าในขณะที่ดวงตากลมเต็มไปด้วยน้ำใส

“เพราะว่ากูเกลียดมึงยังไงล่ะ! กูอยากให้มึงเจ็บมากกว่าที่น้องกูเคยเจ็บ! มึงมันก็แค่รูเน่าเฟะที่กูลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วยก็เป็นบุญค้ำหัวไปเท่าไหร่แล้ว!!”

“!!” ภีมจุกกับคำพูดเหล่านี้เสียจนพูดไม่ออก

“หรือมึงอยากได้เงิน?”

“…”

“ถ้าอยากได้นักก็ใช้ร่างกายปรนเปรอกูหน่อยเป็นไงอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามากูยินดีจ่ายค่าความเป็นคนของมึงคืน!” ว่าจบจอมพลก็ทำการรั้งกางเกงของอีกฝ่ายลงพร้อมกับควักเอากลางกายที่ผงาดจนเต็มขนาดของตัวเองออกมา

ภีมพยายามดิ้นหนีเพื่อเอาตัวรอดแต่จอมพลกลับทำการพลิกตัวเขาให้นอนคว่ำลงไปบนเตียงพร้อมกับแยกขาทั้งสองจนต้องร้องลั่น

“อย่า!! โอ้ย!! ปล่อยผม!!!” จอมพลมองช่องทางด้านหลังที่ยังไม่หายดีด้วยแววตาเหี้ยมใบหน้าของเขาไม่มีความสงสารภีมอยู่เลยแม้แต่น้อยมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจความโกรธที่ถูกอีกฝ่ายไม่สนใจหรือแม้กระทั่ง…ความหึงหวงที่เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่ามันกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิดจนเกือบจะเต็มไปทั้งอก

ภีมเอี้ยวตัวดันหน้าท้องอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อจอมพลทำท่าว่าจะสอดใส่แท่นหนาเข้ามา ร่างโปร่งพยายามตะเกียกตะกายหนีก่อนจะถูกคว้าเข้าที่ข้อเท้าพลันถูกลากกลับไปอย่างไม่ใยดี

จอมพลครางหืออย่างไม่สบอารมณ์ร่างสูงคว้าหมับเข้าที่สะโพกงอนก่อนจะยัดกลางกายขนาดใหญ่ของตัวเองเข้าไปทันทีโดยไร้ซึ่งการเบิกทาง

“โอ้ย!!!! เจ็บบบบ!!! ผมเจ็บ! ฮึก!” ภีมร้องลั่น

มือเรียวขยำผ้าห่มและผ้าปูที่นอนราวกับอยากจะให้มันขาดออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาของภีมไหลออกมาเป็นทางก่อนคนข้างหลังจะโน้มตัวทาบอกแกร่งลงกับแผ่นหลังของเขาพร้อมกับคว้าคางเล็กบังคับให้หันไปหาพร้อมกับปรามาสออกมาด้วยคำพูดอีกเช่นเคย

“หยุดน้ำตาของมึงไว้ซะเพราะไม่ใช่แค่กูจะไม่สงสารแล้วมันยังทำให้มึงน่าสมเพชรู้ตัวไว้!!” จอมพลเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนจะพยายามดันกลางกายเข้าไปอีกเมื่อมันยังเข้าได้ไม่ถึงครึ่ง

“โอ้ย! อย่า!! ผมเจ็บได้โปรด…” ภีมกัดริมฝีปากจนห่อเลือดก่อนจอมพลจะหยัดตัวขึ้นพร้อมกับสวนสะโพกเข้าใส่จนกลางกายที่คาอยู่เข้าไปในช่องทางของภีมจนมิดด้าม

“โอ้ย!!!!!”

เรียวขาเล็กสั่นระริกเช่นเดียวกับร่างกายที่เพิ่งจะฟื้นไข้ได้ไม่นานที่     สั่นเทาเพราะสิ่งที่คับแน่นอยู่ด้านล่าง จอมพลมองช่องทางของภีมที่มีกลางกายของตัวเองครอบครองอยู่ด้วยใบหน้าพอใจก่อนเขาเริ่มขยับทันทีที่อีกคนนิ่ง

สวบๆๆ สวบๆๆ

“หึ! ทีนี้มึงยังจะกล้าปากดีกับกูอีกมั้ย?” จอมพลเอ่ยถามแต่ภีมกลับยังเงียบไม่ยอมตอบ

ร่างสูงขบกรามแน่นเมื่อภีมไม่มีทีท่าว่าจะร่วมมือกับบทรักครั้งนี้ของเขาเลยแม้แต่น้อยจอมพลมองแผ่นหลังที่ขยับเพราะแรงกระแทกของตัวเองด้วยแววตาหงุดหงิดก่อนเขาจะเอื้อมมือหนาลงไปคว้ากลางกายของภีมพร้อมกับรูดรั้งมันจนร่างโปร่งทนไม่ไหวต้องส่งเสียงร้องครางออกมา

“อย่า! อ่ะ! อึก!”

“เห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ยแค่กูทำให้หน่อยก็ครางซะลั่นทีกูกระแทกอยู่อย่างนี้แม่งไม่ร้องออกมาสักแอะหรือมันยังไม่สมใจมึง?” คนตัวใหญ่ว่าก่อนจะกระแทกกลางกายเข้าใส่ช่องทางแบบเน้นๆ ไปหลายที

พั่บๆๆๆ

“อ่ะ! จุก! มันลึกโอ้ย!!” ภีมร้องออกมาเมื่อจอมพลลงแรงสวนกระโพกใส่จนเขารู้สึกได้ว่ามันกำลังฉีกขาด

ช่องทางเริ่มเหนอะหนะเพราะของเหลวที่ไหลออกมาจอมพลมองไปยังต้นตอพลันต้องชะงักเมื่อเลือดของภีมกำลังไหลและหยดลงบนเตียงจนมันขยายเป็นวงกว้าง

ร่างสูงจับตัวภีมให้พลิกหงายขึ้นมาทั้งที่ด้านล่างของพวกเขายังคากันอยู่จอมพลตรึงแขนทั้งสองข้างที่แทบจะไม่มีแรงของภีมไว้เหนือหัวพลันจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตากลับในขณะที่คนใต้ร่างเองก็ไม่ได้รับรู้ความหมายของแววตานี้เลยสักนิด
ภีมเบือนหน้าหนีแววตานี้ไปอีกทางเขาสะอื้นพลางนิ่วหน้าเพราะความคับแน่น…มันไม่ได้แค่เจ็บตัวแล้วตอนนี้แต่เขากำลังเจ็บมันไปทั้งใจ

“กูจะสนองความร่านของมึงจนถึงเช้าเลยดีมั้ย?” จอมพลมองคนใต้ร่างพลางแสยะยิ้ม

“…”

“วันนั้นแม่งยังไม่สาแก่ใจกูเลยว่ะ!”

“อึก! อ่ะ!” ภีมส่ายหน้าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนสะโพกเนิบนาบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจนเขาเกิดความรู้สึดวาบหวามขึ้นมา

“ซี้ดดดด แม่งรัดฉิบหาย” จอมพลสบถเมื่ออีกฝ่ายเกร็งจนเขาเองรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ขยับ

ร่างสูงก้มลงเลียไปตามใบหูของภีมเพื่อให้ผ่อนคลายทว่าในมุมของคนถูกกระทำภีมยังคงพยายามขัดขืนอย่างไม่ลดละกระทั่งจอมพลที่ซุกไซ้อยู่ตามซอกคอขาวจะเคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาครอบครองริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงระเรื่อของเขาอีกครั้งขณะที่สะโพกสอบยังคงทำหน้าที่กับช่วงล่างได้เป็นอย่างดี

“อื้อออ!!” ภีมส่งเสียงร้องขัดในลำคอเมื่ออีกคนเริ่มเร่งจังหวะ

จอมพลขบเม้มริมฝีปากนี้ไม่ปล่อยแม้ว่าอีกคนจะพยายามขัดขืนแต่ ร่างสูงกลับรู้สึกมัวเมาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

จอมพลยอมผละริมฝีปากออกในที่สุดก่อนจะขยับช่วงล่างรัวเร็วขึ้นจนภีมที่สั่นไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นนี้ส่งเสียงร้องครางออกมาเมื่อความเจ็บปวดกลับกลายเป็นความเสียวซ่าน ลำแขนแกร่งของจอมพลซุกลอดผ่านแผ่นหลังที่ติดกับเตียงของภีมเอาไว้พร้อมกับออกแรงโอบกอดอีกคนที่กำลังสั่นระริกไปทั้งตัวด้วยบทรักที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเร่าร้อน

“อ่ะ! ๆๆๆ อึก! อ่ะ! ๆๆๆ อ๊าอ่ะ!”

ภีมเกยคางตัวเองไว้บนไหล่กว้างร่างโปร่งไม่สามารถกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเองได้อีกต่อไปเมื่ออีกฝ่ายพยายามกระแทกกลางกายเข้ามาจนโดนจุดกระสันของเขาไปหลายที

“ซี้ดดดด” จอมพลหยัดตัวขึ้นมองไปยังใบหน้าทรมานกับดวงตาฉ่ำปรือของภีมด้วยความรู้สึกที่จู่ๆ ก็จุกอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากแต่หวังจะให้หยุดตอนนี้เขาเองก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน

คล้ายกับ วอดก้า เครื่องดื่มที่เขาชอบ…ที่พอได้มัวเมาก็ไม่อยากวางมันลงจนกว่าจะดื่มให้หนำใจ

จอมพลยังคงกระแทกกลางกายเข้าออกถี่รัวไม่หยุดร่างสูงเร่งเครื่องขึ้นมาอีกเมื่อบทรักในรอบแรกใกล้จะถึงปลายทางเช่นเดียวกับภีมที่ขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้เมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่นของสิ่งแปลกปลอมที่อีกฝ่ายยัดเยียดมันเข้ามาในร่างกายของเขา
“อ่ะๆๆๆ โอ้ย! อย่า! อย่าทำ…ผมขอร้อง!” ภีมส่ายหน้าพลางร้องห้าม

“ซี้ดดดด กูจะทำ! มึงมีปัญหา?!” จอมพลที่ใกล้จะปลดปล่อยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมก่อนจะขยับสะโพกเข้าออกจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปข้างในจนภีมร้อนวาบไปทั่วท้อง

“อ่า!!!” เสียงร้องครางดังขึ้นอย่างสุขสมพร้อมๆ กับถอดกลางกายของตัวเองออกจนคนใต้ร่างรู้สึกเสียววาบไปทั้งกาย

ภีมงอเข่านอนตะแคงทันทีที่เป็นอิสระร่างโปร่งหอบหายใจเข้าออกไม่แพ้กับผู้กุมบังเหียนของเรื่องบนเตียงในครั้งนี้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ
จอมพลมองคนข้างๆ ด้วยแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนเขาจะลุกเดินลงจากเตียงพลันดึงข้อเท้าของภีมให้อีกฝ่ายลงมาเช่นเดียวกัน

“โอ้ย!! ฮึก!” ภีมร้องเมื่อสะโพกของเขาปะทะเข้ากับพื้นห้องเย็นเฉียบ

จอมพลไม่รอช้ากระชากเรียวแขนเล็กขึ้นมาให้ภีมนั่งชันเข่าพร้อมกับหมอบลงไปบนเตียงก่อนจะใช้มือหนาคลึงสะโพกจนอีกฝ่ายต้องร้องห้าม

“อย่าทำอีกผมขอร้อง…ผมไม่ไหวแล้ว ฮึก!” ภีมหันหน้ามองจอมด้วยน้ำตา

“แต่กูยังไหว” จอมพลว่าพลางจ่อกลางกายไปยังช่องทางนี้อีกครั้ง

“ผมไม่ไหว…ไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“คิดว่าบีบน้ำตาแล้วกูจะสงสาร? หึ! ฝันไปเถอะมึง!!”

สวบ!

“โอ้ย!!” ภีมร้องด้วยน้ำเสียงปวดร้าวอีกครั้งเมื่อถูกอีกฝ่ายส่งกลางกายที่ยังผงาดเข้ามาทีเดียวจนมิดด้าม

กายหนาบรรเลงบทรักครั้งที่สองขึ้นอีกครั้งในขณะที่ภีมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจขอให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปเสียที ร่างโปร่งกัดริมฝีปากเพื่อข่มความเจ็บเอาไว้ก่อนจอมพลจะอาศัยความดิบเถื่อนกัดเซาะหัวใจของเขาให้แหลกละเอียดจนเป็นผง

ภีมร้องครวญครางทั้งคืนก่อนจะสลบไปเมื่ออีกฝ่ายพยายามต่อบทรักครั้งที่สี่ จอมพลชะงักพลางมองใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'คนของเขา' อยู่พักใหญ่ร่างสูงจัดการถอนกายหนาออกเมื่อทำต่อจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะลุกขึ้นนั่งข้างๆ คนที่หมดสติไปอย่างหัวเสีย

จอมพลสบถคำหยาบออกมามากมายอย่างบ้าคลั่ง เขารู้ดีว่าการกระทำของตัวเองมันเริ่มที่จะเลวร้ายเข้าไปทุกทีแต่ไม่รู้ทำไมเมื่อยิ่งทำก็กลับยิ่งรู้สึกกับคนๆ นี้มากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาพยายามหาข้ออ้างเพื่อลบล้างทั้งที่ในใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภีมนั้นได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของเขาเสียแล้ว

ที่ทำลงไปวันนี้มันเป็นเพราะเขาหึงภีมมั้ยนะ?

จอมพลคิดหนักกับเรื่องนี้เอามากๆ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับคนที่คิดมาตลอดว่าจะแก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำไว้กับน้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นว่าจอมใจจะไม่เอาเรื่องอีกฝ่ายแต่อย่างใดแล้วไอ้การที่เขายังคงเดินหน้าทำร้ายภีมต่อไปมันเพื่ออะไรกัน?

ร่างสูงสลัดเรื่องราวกวนใจทั้งหมดออกก่อนจะตัดสินใจช้อนตัวภีมขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้กับอีกฝ่ายทันที
ภีมส่งเสียงครางในลำคอเมื่อกระแสน้ำจากฝักบัวรินรดลงบนร่องรอยมากมายทั่วร่างกายของเขา ความแสบส่งผลให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นแต่ถึงกระนั้นคนในอ้อมอกของจอมพลก็ยังไม่ได้สติตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด ร่างสูงมองไปยังร่างกายของอีกคนด้วยหัวใจที่กระตุกวูบจอมพลรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากแต่ความรู้สึกผิดทั้งหมดกลับยังไม่พอที่จะทำให้เขาสำนึกอะไรขึ้นมาได้มากนัก

เมื่ออาบน้ำให้อีกคนจนเสร็จร่างสูงก็อุ้มภีมออกมาวางบนเตียงพลางเช็ดตัวและหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายมาสวมให้ จอมพลเดินหาของบางอย่างจนทั่วห้องก่อนจะสะดุดกับถุงยาสีขาวที่ถูกวางไว้บนตู้เย็นเขาจึงควานหาหลอดยาที่เคยเห็นเมื่อคราวก่อนพลันหยิบมันออกมาและตรงเข้าห้องนอนไปอีกครั้ง

จอมพลพลิกตัวภีมให้นอนตะแคงพลางรั้งกางเกงผ้าของอีกฝ่ายลงก่อนจะบีบยาทาแก้อักเสบจากหลอดละเลงไปยังบาดแผลที่ช่องทางของภีมจนทั่ว

ร่างสูงวางหลอดยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งมองอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสามเขาจึงตัดสินใจก้มลงจูบซับไปยังริมฝีปากบางที่ห่อเลือดพร้อมกับเคลื่อนขึ้นไปจูบซับบนขมับข้างซ้ายราวกับอยากจะปลอบโยนให้กับคนที่เจ็บปวดเหลือเกิน ก่อนจอมพลจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและหันหลังเดินออกจากห้องนี้ไปเมื่อถึงเวลาที่เขาคิดว่าควรจะกลับได้สักที


มีต่อค่ะ......

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2017 21:03:15 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
«ตอบ #44 เมื่อ24-07-2017 20:57:11 »



ต่อค่ะ.......


Peam’s Part…
“แค่กๆๆ” ผมไอออกมาเมื่อความเย็นที่ปะทะตัวส่งผลให้คัดจมูกจึงต้องอาศัยปากหายใจแทนจนคอแห้ง

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาพลางกวาดมองไปรอบห้องที่เงียบกริบราวกับไม่มีคนอื่นอยู่นอกจากตัวเอง ผมขยับตัวเพื่อพลิกนอนตะแคงเมื่อสายตาหันไปสบเข้ากับนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาตีห้าสี่สิบนาที

มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะตื่นแต่ทำไมจู่ๆ น้ำตาของผมถึงได้ไหลออกมา?

ผมสะอื้นไห้อย่างไม่เก็บกักอีกต่อไปเมื่อความเจ็บมากมายจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำผมต้องนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับตัว

ใบหน้าเหี้ยมกับการกระทำเหี้ยๆ ของจอมพลยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของผมไม่หาย มันโหดร้ายยิ่งกว่าชักปืนออกมายิงผมให้ตายๆ ไปเลยซะอีก…ตกลงนี่คือสิ่งที่ผมต้องชดใช้ให้น้องสาวเขาหรือตัวเขาเองกันแน่?!!

เมื่อข่มตาให้หลับต่อไปยังไงก็ไม่ได้ผลผมจึงพยายามหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปยังเสื้อผ้าที่สวมอยู่
มันเป็นชุดใหม่…ที่คนเปลี่ยนให้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา

“ข่มขืนเสร็จแล้วยังอุตส่าห์เปลี่ยนชุดให้มึงควรจะดีใจหน่อยมั้ยภีม” ผมพูดอย่างนึกสมเพชตัวเองก่อนจะสะดุดกับหลอดยาบนหัวเตียง

“หึ! โครตน่าสมเพชเลยว่ะ” ผมสบถออกมาเมื่อปะติดปะต่อเรื่องที่อีกคนทำเวลาที่ผมไม่ได้สติออกก่อนจะหอบเอาร่างกายที่หนักอึ้งเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

ผมแต่งตัวพร้อมไปทำงานและเดินออกมาอุ่นอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูกินรองท้องเนื่องจากต้องกินยาดักไข้ที่ความจริงตอนนี้มันเริ่มจะส่งผลให้เนื้อตัวของผมรุมๆ ขึ้นมาบ้างแล้วก่อนจะออกเดินทางไปทำงานเมื่อถึงยังไงท้ายที่สุดผมก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงเขาได้หากยังติดสัญญาบ้าๆ นั่นอยู่ดี

ผมเดินเข้าห้องทำงานด้วยความประหม่าหลังจากดันมาทำงานสายกว่าทุกวันก่อนพี่รินที่ชะเง้อคอมองมาจะรีบสาวเท้าเดินมาหาด้วยใบหน้าตื่น

“ภีมเกิดอะไรขึ้น?!”

“อะไรเหรอครับพี่ริน?” ผมเลิกคิ้วเมื่อเธอเอ่ยคำถามแปลกๆ ออกมา

“ก็เมื่อเช้านี้น่ะคุณจอมพลบอกให้พวกช่างมาช่วยกันขนข้าวของแล้วก็โต๊ะของนายเข้าไปไว้ในห้องของเขาแล้ว”

“!!”

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก?!

“ไปทำอะไรไว้? เขาถึงได้ทำอย่างกับจะคอยดูพฤติกรรมเราแบบนี้”

“มะ…ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ” ผมว่าพลางบีบสายเป้ที่จับอยู่แน่น

ทำไงดี?...ทุกอย่างเริ่มหนักขึ้นจนผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

“แปลกมาก…ทำไมพักนี้คุณจอมพลแกดูเปลี่ยนไปนะ” พี่รินบ่นพึมพำก่อนจะหันมองมายังผมด้วยความสงสัย “แล้วทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้ล่ะไม่ร้อนหรือไง” เธอว่าเมื่อการแต่งตัวของผมที่มันคงดูบ้าเอามากๆ

แม้สภาพอากาศจะโครตร้อนอบอ้าวแต่ผมก็ยังเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่คลุมจนถึงข้อมือและติดกระดุมเสื้อจนหมดทุกเม็ดแต่ที่เลือกสวมแบบนี้ก็เพราะว่าผมจำเป็นไม่เช่นนั้นร่องรอยที่ถูกทำเมื่อคืน…

“ไม่ครับ…ผมไม่ร้อน” ผมว่าทั้งที่เหงื่อโชกไปทั้งตัว

“ช่างเถอะๆ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ พี่ขอไปทำงานก่อนนะ”

“ครับ” ผมตอบก่อนพี่รินจะฉวยจับแขนไว้อีก

“ภีม…พี่อยากให้เราอยู่ทำงานที่นี่นานๆ นะมีอะไรปรึกษาพี่ได้อย่าทำอะไรที่มันไม่ดีเลย” ผมเลิกคิ้วก่อนจะเข้าใจในคำพูดของอีกคน

“เดี๋ยวนะครับนี่พี่รินคิดว่าผมโกงบริษัท?”

“เอ่อ…พี่ไม่ได้ดูถูกภีมนะแต่ว่า…” พี่รินอึกอักเมื่อผมรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

“ผมเข้าใจครับผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก” ผมว่าก่อนเธอจะฉีกยิ้ม

“จ้ะ”

“แต่ผมคงทำอย่างที่พี่บอกเมื่อกี้ไม่ได้”

“…”

“ผมคงทำงานที่นี่ไม่นานหรอกครับถ้าอะไรที่เป็นอยู่มันจบลงผมก็จะไปจากที่นี่” ผมบอกเมื่อจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แว็บเข้ามาในหัวอย่างจัง

คือผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากจุดๆ นี้ให้เร็วที่สุด!

“ภีม…”

“ทำงานกันเถอะครับสายแล้ววันนี้ผมเองก็มาสายด้วย” ผมยุติเรื่องที่คุยอยู่ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายและเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังห้องของผู้บริหารที่อยู่ด้านซ้ายมือ

ผมยืนนิ่งทำใจอยู่หน้าประตูบานใหญ่สักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าตัดสินใจยกมือขึ้นและออกแรงเคาะไปสองที

ก๊อกๆ

“ใคร?” เสียงห่ามที่ยังคงก้องอยู่ในหูสวนถามกลับก่อนผมที่ถอนหายใจอย่างชั่งใจจะเอ่ยตอบ

“ผม…”

“เข้ามา” ไม่ทันพูดจบเสียงของคนด้านในก็ขัดขึ้นด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งอยู่กรายๆ

ผมเอื้อมมือขึ้นดึงประตูตรงหน้าให้เปิดออกพลางก้าวขาเดินผ่านมันเข้าไปก่อนที่จู่ๆ ผมจะถูกโอบรัดเอาไว้จากบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

หมับ!

“คิดว่ามึงจะลุกไม่ขึ้นซะอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูอย่างเย้ยหยันผมเบิกตากับสิ่งที่เกิดขึ้นหากทว่าไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมขัดขืนอีกฝ่ายเลยสักนิด

“เมื่อคืนกูแก้ความร่านของมึงหมดหรือเปล่า?” จอมพลกดจมูกลงบนแก้มขวาของผมอย่างหนัก

“…”

“แต่ทำไมกูแม่งรู้สึกยังไม่อิ่มเลยวะ”

“…”

“ทำไมไม่ยอมพูด?” น้ำเสียงทุ้มเริ่มแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อผมไม่ยอมตอบอะไรออกไปจนจอมพลคลายแขนออกและจับตัวผมให้หันไปหา

“กูพูดกับมึงอยู่นะภีมวิทธิ์!”  คนตรงหน้าตะคอกพลางออกแรงบีบต้นแขนของผมจนมันเจ็บไปหมด

“ขอตัวทำงานครับ” ผมไม่อยากพูดอะไรมากในตอนนี้ แค่โดนทำอย่างกับหมาก็ทรมานพออยู่แล้วไหนต้องมาฟังคำพูดพวกนี้อีกแม้ว่าก่อนออกจากห้องผมจะพร่ำบอกตัวเองให้เข้มแข็งสักแค่ไหนแต่พอเอาเข้าจริงผมกลับอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างบอกไม่ถูกเลย

“มึงนี่มัน?!”

“อึก!” ผมนิ่วหน้าเมื่อจอมพลจับตัวผมเขย่าจนมันเจ็บเหมือนแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้

“ดื้อด้าน! กูพูดด้วยมึงทำไมไม่ตอบ!!”

“โอ้ย!!”

“อย่าแสดงท่าทางแบบนี้กับผัวตัวเองอีกจำเอาไว้!” ผมถูกผลักให้ล้มลงบนโซฟาเต็มแรง

“แต่คุณไม่ใช่!...”

“มึงจะปฏิเสธกูให้ได้เลยใช่มั้ย! ดี! งั้นกูจะเตือนความจำว่าเมื่อคืนมึงกับกูทำอะไรกันไปบ้างซะตรงนี้เลย!!”

“อย่า!!” ผมว่าพลันดันจอมพลที่โถมตัวเข้ามาด้วยขาทั้งสองข้าง

“หยุดทำตัวสะดีดสะดิ้งเพราะมันไม่ได้เพิ่มค่าของมึงขึ้นมาเลยสักนิด!”

ปึก!

เพี้ยะ!!

“หยุดต่อว่าผมสักที!!!” ผมยันจอมพลกลับไปเต็มแรงก่อนจะตรงเข้าตบจนเขาหน้าหัน

“แค่โดนข่มขืนมันก็เจ็บมากพออยู่แล้วคุณยังต้องการอะไรจากผมอีก?!” ผมตะโกนออกมาจนสุดเสียงขณะที่คนตรงหน้าได้แต่มองกลับด้วยแววตานิ่งอึ้งเพียงเท่านั้น

“ถูกทำอย่างกับเป็นอีตัวที่คอยแหกขาให้เอามันก็ทำให้ผมแทบไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว!!”

“…”

“ต้องการอะไรอีก? แก้แค้นพอหรือยัง? เมื่อไหร่คุณจะปล่อยผมไปสักทีล่ะ…หืม?” ผมถามคนตรงหน้าก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆ ไหลลงมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่

นี่ผมเป็นอะไรกันทำไมถึงรู้สึกหดหู่จนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้

“กูไม่ปล่อยมึงไปง่ายๆ หรอกภีม” จอมพลว่าก่อนจะใช้แววตาเอาเรื่องมองมาไม่หยุด

“ต้องทำยังไงเหรอ…หรือผมต้องพิการเดินไม่ได้ซะก่อนคุณถึงจะพอใจ?!” ผมว่าในขณะที่ร่างกายเริ่มจะสั่นเทาจนยากจะบังคับ

“หึ! แล้วทำได้มั้ยล่ะ? ถ้าทำได้กูยินดีปล่อยมึงไปตามที่มึงต้องการ” จอมพลแสยะยิ้มท้าทาย “อยากแลกกันสักหน่อยมั้ย”

“คุณพูดจริงเหรอ?”

“!!”

“แค่ผมเดินไม่ได้คุณจะปล่อยผมไปใช่มั้ย?” ผมถามย้ำก่อนจะคว้าเอามือหนามากุมไว้แน่น

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะภีมวิทธิ์!!”

“ถ้างั้นผมจะทำ!” ผมปล่อยมือจากเขาและหันหลังเดินไปที่ประตูห้อง

“ภีม!!” จอมพลตะโกนเรียกพลันกระชากแขนผมให้กลับไปหา

ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะทำอะไรรู้แต่เพียงว่าร่างกายมันชาไปหมด    ชาจนไม่รู้สึกเจ็บก่อนที่ผมจะออกแรงสะบัดแขนจากอีกคนออกจนสุดแรง

“ปล่อยผม! แค่เดินไม่ได้ผมก็ไม่ต้องเจอหน้าคุณแล้วปล่อย!”

“นี่มึงอยากไปจากกูมากเลยใช่มั้ย!”

“ใช่!! เพราะผมเกลียดคุณ! ผมเกลียดคุณ!!!”

จอมพลเบิกตากว้างก่อนเขาจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยท่ามกลางคำพูดร้ายๆ ที่ยังคงดังออกจากปากของเขาไม่หยุด

“งั้นก็เกลียดให้มากๆ เพราะสำหรับมึงคนอย่างกูพร้อมจะเหี้ยได้เสมอ! คิดเหรอว่าถ้ามึงเดินไม่ได้จริงๆ แล้วกูจะทำตามที่บอกน่ะห๊ะ?!”

“นี่คุณกำลังหลอกผม?” ผมย้อนถามตาโต

“บอกแล้วไงกับมึงกูเหี้ยได้เสมอ” เขาเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมจนผมที่ชะงักพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย

ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต มันทั้งเจ็บทั้งแค้นทั้งหมดคำพูดผสมปนเปกันไปหมด ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายตอบด้วยแววตาแข็งกร้าวพร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้นก่อนจะตวาดว่าให้เมื่อสุดท้ายแล้วคนที่กำลังจะปลดโซ่ตรวนอันนี้ออกกลับปิดกุญแจอีกอันเข้ามาจนผมหมดทางที่จะหนี

“เลว! ปล่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!!” ผมร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อน    อีกคนจะโน้มตัวลงมากระซิบด้วยถ้อยคำที่บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ

“จำไว้! ตัวมึงเป็นของกู! คิดอยากจะหนีมึงก็หนีไม่พ้นหรอกเพราะเมื่อไหร่ที่มึงหนีไอ้จอมพลคนนี้แหละที่จะตามไปลากคอมึงกลับมาเอง!!”

ผมร้องไห้เหมือนคนกำลังจะตายก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรงเสียตรงนั้น ผมไม่รู้ว่าเขากำลังใช้สายตาแบบไหนมองมาแต่ภาพที่เห็นกลับมีเพียงตัวผมที่นั่งร้องไห้อย่างบ้าคลั่งสะท้อนพื้นห้องสีขาวตรงหน้า ผมสะอื้นจนรู้สึกแน่นไปทั้งอกก่อนเรี่ยวแรงที่มีอยู่จะเหือดหายไปจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“ภีม!” จอมพลรีบประคองผมขึ้นแต่เปลือกตามันช่างหนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดขึ้นอีกแล้ว

“ภีม! มึงเป็นอะไร?!” เขาตบหน้าเพื่อเรียกสติผมหลายทีแต่ผมกลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกจนกระทั่งคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงเรียกชื่อจากเขาเพียงเท่านั้น

“ภีมวิทธิ์!!!”

ทำไม…ผมถึงได้อ่อนแออย่างนี้?
End of Peam’s Part



TBC............
--------------------------------------------
เชื่อนายเอกเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ อดทนอดกลั้นเป็นที่ 1
สำหรับใครที่ งง ว่าทำไมอีเฮียพลมันถึงร้ายได้ไม่มีเหตุผลแบบนี้
คนเขียนก็คงตอบได้อย่างเดียวค่ะว่าแกเริ่มจากการแค้นภีมเพราะคิดว่าภีมรวมหัวกับทิชาบอกเลิกจอมใจ
ประจวบกับที่เข้าใจผิดอยู่แล้วว่าภีมรู้ทั้งรู้ว่าทิชากำลังจะไปบอกเลิกจอมใจแต่ก็ยังทำ มันเลยทำให้อีเฮียของเรายิ่งโกรธค่ะ
**ซึ่งพระเอกที่เราวางไว้ไม่ใช่คนหวาน คนโรแมนติกและพูดเพราะค่ะ พระเอกในเซตนี้ของเราจะออกแนวห่าม โหด เถื่อน
แต่จริงใจ อาจจะปากแข็งไปบ้างก็ตามอรรถรสนิยายแหละเนอะ ยังไงก็เม้นท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนาาาาา

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
«ตอบ #45 เมื่อ24-07-2017 22:10:16 »

อะหือ  :mew5: ภีมจะตายก่อนไหมเนี่ยะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
«ตอบ #46 เมื่อ25-07-2017 09:13:02 »

คุณสมบัติพระเอกไม่พอนะ ขาด "โง่" ไปอีกตัวนะ ตรรกะวิบัติไปสุดกู่ ไหนจะเห็นแก่ตัวอีก โอ๊ย ขาดอีกเยอะอ่ะ
แต่ละตัวสร้างความฉิบหายให้คนอื่นทั้งนั้น   

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
«ตอบ #47 เมื่อ25-07-2017 10:03:04 »

คุณสมบัติพระเอกไม่พอนะ ขาด "โง่" ไปอีกตัวนะ ตรรกะวิบัติไปสุดกู่ ไหนจะเห็นแก่ตัวอีก โอ๊ย ขาดอีกเยอะอ่ะ
แต่ละตัวสร้างความฉิบหายให้คนอื่นทั้งนั้น   

55+ ลืมไปเลย มีอีกหลายตัวแหละ พวกเขาคือสูญรวมความเ_ี้ยที่แท้จริง
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
«ตอบ #48 เมื่อ25-07-2017 10:09:57 »



CHAPTER 12



[Chomphon’s Part]

ผมหอบภีมไปห้องพยาบาลของบริษัท แม่ง! เป็นผู้ชายเสียเปล่าทำไมมันถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ! ผมวางมันลงบนเตียงก่อน ทอฝัน หมอประจำของที่นี่จะรีบเข้ามาตรวจร่างกายของมันอย่างไว

“เป็นไงบ้าง” ผมถามในขณะที่เธอกำลังเปิดเปลือกตาของภีมเพื่อตรวจอาการ

“มีไข้เล็กน้อยแต่อาการโดยทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ” เธอก่บอกอนจะวัดชีพจรและความดันต่อ

“ไม่น่าเป็นห่วงแล้วทำไมมันถึงได้เป็นลมง่ายขนาดนี้”

“จากที่ฝันตรวจดูคุณคนนี้น่าจะอ่อนเพลียบวกกับมีภาวะเครียดน่ะค่ะ”

“เครียด?” ผมเลิกคิ้วถาม

เป็นเพราะผมสินะ?

“ค่ะเพราะความดันสูงไปนิดเดี๋ยวฝันจะฉีดยาแก้ไข้และให้น้ำเกลือเองค่ะอีกเดี๋ยวก็คงจะฟื้น” ทอฝันบอกก่อนจะถอด Stethoscope ออกและเดินกลับไปที่โต๊ะ

ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างเตียงพลางก้มหน้ากุมขมับอย่างคิดหนัก

แทนที่ผมจะสะใจที่เห็นมันเป็นแบบนี้แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกจุกไปทั้งอกกันนะ!? ผมควรดีใจสิที่ทำให้มันเจ็บได้อย่างที่เคยคิดไว้ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองทำพลาดไปจนเจ็บขึ้นมาซะเองก็ไม่รู้!

“คุณจอมพลคะ” ทอฝันที่เรียกมาจากทางด้านหลังทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

“ว่าไง?”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะดูหน้าเครียดๆ”

“เปล่าผมไม่เป็นอะไร” ผมปฏิเสธแต่ความจริงแล้วตอนนี้ผมกำลังแย่

แย่…ที่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้มีผลต่อความรู้สึกของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลับไปทำงานก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวฝันดูแลเขาเอง” เธอเสนอ

“ไม่เป็นไรผมจะอยู่เฝ้าเขาสักพัก” ผมบอกก่อนจะมองไปยังใบหน้าซีดนั่น

“เอางั้นเหรอคะ”

“อืม”

“ว่าแต่คุณคนนี้เขาเป็นใครเหรอคะฝันไม่เคยเห็นเลย” ทอฝันที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ผมถามขึ้น

“เลขาฯ คนใหม่ของผม” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะส่งเสียงอื้ออึงในลำคอตามออกมา

“อ๋อ!…คนนี้นี่เองที่พวกพนักงานเขาเม้าส์กัน”

“เม้าส์อะไร?” ผมสวนถามด้วยความอยากรู้ทันที

“เขาพูดต่อๆ กันมาน่ะค่ะว่าพนักงานใหม่ของบริษัทน่ะทั้งหล่อ สูง แถมยังขาวตี๋อีกต่างหากมิน่าล่ะตอนคุณจอมพลแบกเขาเข้ามาฝันเองยังอึ้งกับออร่าของเขาเลยนะคะนี่ขนาดเขาป่วยยังดูดีมากๆ เลย” เธอว่าก่อนจะก้มมองภีมอย่างพินิจแต่ผมกลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

“หื้มมมม หล่อจริงๆ ด้วย” ทอฝันเอ่ยต่ออย่างหลงไหล

“คุณชอบเขาเหรอ” ผมถามพลางขมวดคิ้ว

“แหม…ก็มีบ้างล่ะค่ะฝันเป็นผู้หญิงนะไว้เดี๋ยวเขาฟื้นขึ้นมาค่อยทำความรู้จักก็แล้วกัน” ทอฝันยิ้มแก้มปริ

“แต่ผมได้ยินมาว่าเขามีเจ้าของแล้ว” ผมเอ่ยดักอีกฝ่ายกลับจนทอฝันหน้าเจื่อนลงทันที

“ว้า! เขาแต่งงานแล้วเหรอคะ”

“เปล่า”

“อ้าว! แล้วคุณจอมพลรู้ได้ไงว่าเขามีเจ้าของแล้ว?”

“เพราะผมคือคนๆ นั้น”

“!!” คนตรงหน้านิ่งไปทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ

“หยุดความคิดพวกนั้นเถอะเพราะไม่ว่าใครหน้าไหนก็แย่งเขาไปจากผมไม่ได้” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นเพียงแต่สมองมันสั่งให้พูดออกมา

“เอ่อ…ถ้างั้นก็แสดงว่า…”

“ไม่ต้องสงสัยอะไรมากไปกว่านี้รู้แค่ว่าใครที่คิดจะยุ่งกับเขาก็เตรียมตัวเจอกับผมไว้ได้เลย” ผมว่าพลางมองไปยังทอฝันที่มีท่าทีอึ้งกิมกี่

“ฝะ…ฝันขอโทษค่ะฝันไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งคนของคุณนะคะ!” ทอฝันละล่ำละลักคำพูดออกมาเป็นพรวน

ผมเหยียดยิ้มให้เธอเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรก่อนทอฝันจะยอมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม ผมรู้ดีว่าตัวเองเลวมากแค่ไหนที่ทำร้ายมันแล้วยังจะรวบหัวรวบหางให้มันกลายมาเป็นคนของตัวเองอีก

ผมมันปากร้ายปากหมามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าผมไม่ชอบเห็นมันคุยกับคนอื่น ผมไม่ชอบที่มันไม่สนใจผม ผมเกลียดทุกครั้งที่มันพยศจนผมอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือทำเรื่องเลวร้ายนั่นเพื่อเป็นการกำราบ ผมอยากให้มันคุยกับผมเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เพราะตัวผมเองก็ยังไม่เคยพูดดีกับมัน ภีมเลยไม่ยอมทำอย่างที่ผมหวังสักที

ผมเริ่มจะห้ามตัวเองไม่ได้…ผมหลอกตัวเองมาตลอดว่าที่น้องสาวของผมต้องเป็นแบบนั้นก็เพราะฝีมือมันกับน้องสาวของมัน ผมรุนแรง ป่าเถื่อนกับมันมากกว่าใครแต่ผมก็ทำอะไรที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนกับมันเช่นเดียวกัน

ผมสับสนจนไม่รู้ทิศทางว่าจะเอายังไงต่อ ผมรู้สึกแน่นไปทั้งอกตอนมันบอกว่าจะทำให้ตัวเองพิการเพื่อที่จะได้ไปจากผม ตอนนั้นตัวผมสั่นไปหมดมันอาจจะไม่รู้และดูไม่ออกเพราะผมยังทำเป็นแข็งกร้าวทำร้ายมันไม่หยุด แต่เอาจริงๆ ตอนนั้นผมแทบบ้า!

ตกลงว่าตอนนี้ผมแพ้มันแล้วใช่มั้ย?

แพ้ให้กับคนที่ผมเอาแต่ทำร้าย แพ้คำพูดของราชันย์ แพ้จนตอนนี้ในใจลึกๆ แล้วผมไม่อยากให้มันเกลียดผมอย่างที่บอกไปเมื้อกี้เลยสักนิด

ผมควรจะทำยังไงต่อไป?

เป็นครั้งแรกที่สับสนจนหาทางออกไม่ได้ ผมเริ่มเหนื่อยที่จะต้องเป็นคนแบบนั้นในสายตาของมันแต่จะทำยังไงในเมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมาผมยังทำร้ายมันอยู่เลย

ผมคิดวกไปวนมาจนปวดหัวไปหมดก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องออกเดินทางเพื่อไปประชุมนอกสถานที่กับหุ้นส่วนและลูกค้าคนสำคัญของบริษัท

ผมมองไปยังคนบนเตียงอีกครั้งก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมันราวกับวิงวอนขอให้ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ ผมพยายามสลัดความคิดที่กวนใจทั้งหมดออกพลางลุกเดินออกมาด้านนอกก่อนจะเอ่ยสั่งคนที่นั่งเงียบตั้งแต่ที่ผมเอ่ยคำพูดเหล่านั้นกลับไป

“ผมต้องไปประชุมต่อฝากดูแลเขาด้วย” ทอฝันผละสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า

“ได้ค่ะ”

“ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาบอกด้วยว่าคืนนี้ผมจะไปหาที่คอนโด”

“ดะ…ได้ค่ะ”

“ขอบคุณ” ผมเดินออกมาจากห้องพยาบาลก่อนจะตรงไปยังที่จอดรถทันที

ถ้ารู้ว่าคืนนี้ผมจะไปหาอีกมันจะรู้สึกยังไง? จะยิ่งเกลียดมากกว่าเดิมมั้ย? เป็นคำถามมากมายที่ตัวผมเองก็ตอบไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เรื่องราวระหว่างผมกับมันถลำลึกเกินกว่าจะกู่กลับซะแล้ว ในเมื่อผมตัดสินใจที่จะไม่หยุดก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือผมต้องเดินต่อ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สำหรับมันแล้วผมคืออะไร จะเป็นไอ้ชั่วเลวทรามต่ำช้าสักแค่ไหน! แต่สำหรับผมมันคือคนที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างที่ผมเคยรู้สึกเปลี่ยนไปผมไม่เคยต้องการใครถึงขนาดนี้มาก่อน

ความรู้สึกที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้แปลว่า…ผมรักมันแล้วใช่มั้ย?
[End of Chomphon’s Part]

:

[Peam’s Part]

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องสีขาวสะอาด อาการปวดหัวตุบๆ ยังคงมีอยู่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อตอนเช้า ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพลางกวาดตามองไปรอบๆ

ห้องนี้ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลสักเท่าไหร่หากแต่กลิ่นกลับเป็นกลิ่นสะอาด เตียงที่ผมนอนเป็นเพียงเตียงขนาดประมาณสามฟุตธรรมดาๆ ที่มีเพียงหมอนหนึ่งใบและผ้าห่มอีกหนึ่งผืน แต่ทว่าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนหรือแม้กระทั่งผ้าห่มก็ยังเป็นสีขาวเช่นเดียวกับห้องซึ่งก็ดูไม่เหมือนกับห้องนอนโดยทั่วๆ ไปแถมยังมีฉากกั้นที่เป็นผ้าสีฟ้าใช้แบ่งอาณาเขตกับข้างนอกอีกด้วย

ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงกดคีย์บอร์ดรัวๆ ดังขึ้น ผมทำทีชะเง้อหน้าออกไปมองผ่านที่กั้นก่อนจะพบกับผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะสีขาวสะอาดภายใต้การแต่งตัวและเครื่องหน้าที่จัดจ้านแต่เธอกลับอยู่ภายใต้เสื้อกาวน์อีกผืนซึ่งทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอต้องเป็นหมอ

“อ้าว! ฟื้นแล้วเหรอคะ” ผู้หญิงคนนี้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะทักผมกลับ

“ครับ”

“รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าคะ?”

“ก็…ครับ” ผมมองเธออย่างงงๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วที่นี่ที่ไหนครับ”

“ที่นี่เป็นห้องพยาบาลของบริษัทน่ะค่ะส่วนฉันชื่อทอฝันเป็นแพทย์ประจำที่นี่” เธอยื่นมือออกมาหลังจากแนะนำตัวเอง

“ขอบคุณคุณทอฝันมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลผม” ผมจับมือเธอตอบ

“แหม…ฝันไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะคนที่คุณต้องขอบคุณคงจะเป็นคุณจอมพลมากกว่าเพราะเขาเป็นคนแบกคุณมาเลยนะ”

“อะไรนะครับ!?” ผมสวนถามกลับทันที

มันเป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่!!

“นี่คุณจำอะไรก่อนหน้าจะสลบไปไม่ได้เหรอคะ” ทอฝันเลิกคิ้ว

“ผมจำได้ว่า…” ผมเงียบลงก่อนจะพยายามคิด

ผมจำได้ว่าผมทะเลาะอยู่กับจอมพล ผมร้องไห้ ผมปวดหัวมาก ผมโกรธ ผมพูดอะไรบางอย่างที่จำไม่ได้แล้วออกไป ผมรู้สึกอัดอั้นและสั่นไปทั้งตัวแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

“ว่าไงคะ” เธอถามจนผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

“ช่างมันเถอะครับไม่ได้สำคัญอะไร” ผมเลี่ยงที่จะตอบ

“งั้นถ้าคุณไม่เป็นไรแล้วเตรียมเก็บของเถอะค่ะ”

“เก็บของ?” ผมเลิกคิ้วถามก่อนที่เธอจะชี้ไปยังนาฬิกาบนฝาผนัง

“อีกสิบห้านาทีก็เลิกงานแล้วค่ะ”

“!!” ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองจนต้องรีบถามอีกฝ่ายออกมา

“นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกันครับ!?”

“ก็ตั้งแต่ตอนสิบโมงจนถึงตอนนี้แหละค่ะ นี่ดีนะคะที่วันนี้ไม่มีใครเป็นอะไรฝันเลยให้คุณพักต่อเพราะไม่อย่างงั้นคงต้องปลุกกันแล้วล่ะค่ะ”ทอฝันยิ้มกลับจนผมอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

“นานขนาดนั้นเชียว”

“ปกติแล้วถ้าแค่หน้ามืดเป็นลมไปสักพักก็ฟื้นค่ะแต่คุณคงมีความเครียดสะสมบวกกับมีไข้และร่างกายอ่อนเพลียจึงทำให้หลับไปนาน” ผมชาวาบกับคำว่าอ่อนเพลียแต่ก็รวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง

“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะมันหน้าที่ฝันอยู่แล้ว”

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมว่าก่อนจะเดินไปทางประตูแต่ถูกคนด้านกลังเรียกซะก่อน

“เออ…เดี๋ยวค่ะๆ”

“?”

“เกือบลืมไปเลยว่าคุณจอมพลฝากให้ฝันบอกคุณค่ะว่าคืนนี้เขาจะไปหาคุณที่คอนโด”

“!!” ผมชะงักอย่างจังกับสิ่งที่ได้ยิน

เขาจะไปหาผมอีกทำไม? ตกลงเขาคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่? จู่ๆ ผมก็เริ่มสั่นไปทั้งตัวเมื่อภาพเหตุการณ์มากมายเมื่อคืนฉายชัดขึ้น เหงื่อบนฝ่ามือชื้นไปหมด จนคนตรงหน้าสังเกตุเห็น

“เป็นอะไรอีกหรือเปล่าคะ” เธอถามก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง

“ปะ…เปล่าครับ” ผมปฏิเสธพลางปาดเหลื่อตัวเองออก

“แน่นะคะ”

“ครับ”

“พวกคุณเนี่ยหวานกันดีนะคะ”

“?”

“ฝันเพิ่งรู้น่ะค่ะว่าคุณจอมพลชอบผู้ชายด้วยกัน”

“!!” ผมชะงักอีกครั้งก่อนจะถามกลับทันที “คุณหมายความว่าไงครับ”

“อ้าว! พวกคุณไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอคะ” เธอว่าก่อนผมจะหลุบตามองต่ำและส่ายหน้ากลับ

มันเรื่องอะไรทำไมเธอถึงได้เข้าใจแบบนั้น?

“แล้วทำไมคุณจอมพลถึงดูเป็นห่วงแถมยังหวงคุณล่ะคะ” เธอถามต่อแต่ผมไม่ตอบ

หวงเหรอ? ห่วงเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาก็ดีแต่ใช้กำลังทำร้ายผมอยู่อย่างนั้น!!

“หรือเขาแอบชอบคุณ?” ทอฝันเบิกตากว้าง

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณกำลังเข้าใจผิดผมขอตัวก่อน” ผมรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องพยาบาลมาทันที

ผมเดินขึ้นมาจนถึงห้องทำงานของจอมพลก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเคาะประตูไปสองครั้ง

ก๊อกๆ…

ไร้เสียงตอบรับ…หรือเขาไม่อยู่ที่นี่?

ผมเปิดประตูเดินเข้าไปก่อนจะพบว่าทั้งห้องมืดสนิท ผมเอื้อมมือกดเปิดไฟพลางเดินไปยังโต๊ะของตัวเองที่ถูกฝ่ายนั้นสั่งคนขนย้ายเข้ามาให้เมื่อตอนเช้า

ทุกอย่างเหมือนเดิม วางไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรขาดไปเลยสักอย่างเดียว

ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า คำพูดของหมอที่ชื่อทอฝันยังดังก้องอยู่ในหูไม่หาย

'คุณจอมพลฝากให้ฝันบอกคุณค่ะว่าคืนนี้เขาจะไปหาคุณที่คอนโด'

'เขาจะไปหาที่คอนโด*…เขาจะไปหาที่คอนโด…'


“ซี้ดดดด” ผมจับหัวตัวเองเมื่อจู่ๆ มันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีก

ตอนนี้ผมไม่อยากกลับคอนโดเลยสักนิด ผมจะทำยังไงดี? ผมไม่อยากติดอยู่แบบนี้ถึงสามปีหรอกนะ เงินยี่สิบล้านที่จะใช้ไถ่ตัวเองออกไปหากไม่อยากอยู่ที่นี่นานขนาดนั้นก็ไม่มี นึกจะหยิบคนอื่นก็ไม่กล้าเพราะเงินตั้งมากคงไม่มีใครเสี่ยงให้คนที่ไม่มีเครดิตอย่างผมแน่ๆ…ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ใช่…ต้องทำอะไรก่อนที่สภาพร่างกายของผมจะแย่ไปกว่านี้

ผมเอื้อมมือกดเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะคลิ๊กเข้าโปรแกรม Microsoft Word ทันทีที่มันบูทเสร็จ ผมถอนหายใจพลางพิมพ์บางอย่างที่พอจะสามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากบุคคลคนนี้ได้ลงไป แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะได้ผลมั้ยแต่มันก็ยังดีกว่าที่ผมจะนั่งเฉยๆ เพื่อรอให้เขาทำร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ผมเสียเวลาเรียบเรียงประโยคในหน้ากระดาษกว่าชั่วโมงก่อนจะตรวจทานถึงความถูกต้องและปริ้นท์มันออกมาพลางเก็บเข้ากระเป๋าเป้และคว้าเอาโทรศัพท์มือถือจากช่องเล็กๆ ด้านในออกมาต่อสายถึงใครบางคนที่ผมพอจะแบ่งปันเรื่องคับอกพวกนี้กับเขาได้เพราะอย่างน้อยคนๆ นี้ก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม

(“ว่าไงภีม”) เสียงจากปลายสายเอ่ยตอบทันทีที่สัญญาณดังขึ้นไม่ถึงห้าครั้ง

(“แฟร์มึงว่างหรือเปล่า”) ผมเอ่ยถามอีกคนในขณะที่น้ำตาก็เรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

(“มึงเป็นอะไรทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”)

(“กูอยากเจอมึงกูขอไปบ้านมึงนะ”) ผมว่าหลังจากที่แฟร์เพื่อนสมัยมหา'ลัยถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่น

(“ได้สิแต่มึงรู้จักบ้านกูเหรอ”)

(“ไม่…”)

(“ถ้างั้นเดี๋ยวกูแชร์โลเคชั่นไปให้”)

(“อืมขอบใจ”) ผมเอ่ยเสียงเรียบก่อนอีกฝ่ายจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงซึ่งมันกลับเรียกน้ำตาของผมได้เป็นอย่างดี

(“ภีม…มึงไหวนะ”)

(“เกือบไม่ไหวแล้วว่ะ”) ผมตอบเสียงสั่นพลางปาดน้ำตาที่เกือบจะร่วงลงมาของตัวเองออก

(“งั้นมึงรีบมาเลยอย่าเก็บอะไรไว้คนเดียวกูพร้อมเป็นคนรับฟังมึงทุกเรื่อง”)

(“แล้วเจอกัน”)

ผมวางสายหลังพูดจบพลางเปิดดูโลเคชั่นที่แฟร์ส่งมาทางไลน์ก่อนจะเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเป้และเดินมุ่งหน้าไปยังรถที่จอดเอาไว้หน้าบริษัทพร้อมกับขับออกไปตามแผนที่ที่ปรากฏบนหน้าจอทันที

:

ผมถูกเพื่อนสนิทอย่างแฟร์นั่งมองอยู่นาน ฝ่ายนั้นไม่ปริปากพูดอะไรออกมาจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายนาที ผมถือแก้วน้ำที่อีกคนเอามาให้พลางจับมันหมุนไปมาราวกับอยากจะค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้นแต่มันกลับยังใสสะอาดไม่มีอะไรเจือปนเลยสักนิดก่อนที่คนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมาเมื่อผมเองก็เอาแต่เงียบไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกไป

“มึงดูผอมลงนะ” แฟร์ยังมองผมนิ่ง

“เหรอ” ผมตอบพลันนึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ

“เป็นอะไรหรือเปล่า” แฟร์เอื้อมมือมาจับมือของผมเอาไว้ก่อนที่น้ำตามากมายที่ผมพยายามกลั้นจะหลั่งออกมาเป็นสาย

“แฟร์…กูไม่ไหวแล้วว่ะ ฮึก!”

“ภีม! มึงร้องไห้ทำไม! ใครทำอะไรมึง!” แฟร์ขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างร้อนรนแต่ผมกลับไม่ตอบ

“มึงบอกกูสิว่าใครทำอะไรมึง!” คนตรงหน้าเบิกตามองผมที่เอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกก่อนที่เขาจะตัดสินใจรั้งคอเสื้อผมลงทันทีพ้อมกับพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“คิสมาร์ก?” แฟร์พูดเสียงสั่น

“ภีมมึง…”

“กูถูกเขาเอาคืนในเรื่องที่กูไม่ได้ก่อ! กูจะทำไงดีแฟร์! กูควรทำไงดี!! ฮืออออ” ผมระเบิดอารมณ์ทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กอีกต่อไป

แม้จะพยายามให้กำลังใจและบอกตัวเองสักแค่ไหนว่าเรื่องพวกนี้ผมเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่สุดท้ายเหตุการณ์พวกนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หาย

“มึงบอกกูได้มั้ยว่าใครทำมึง”

“…”

“ไม่บอกกูก็ไม่รู้หรอกนะ”

ผมเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลของเพื่อนสนิทที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่าสี่ปีคนนี้นิ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยชื่อของบุคคลที่ทำร้ายกันซ้ำๆ นี้ออกไป

“จะ…จอมพล…จอมพลเพื่อนคุณราชันย์”

“!!” แฟร์เบิกตาตกใจก่อนที่ผมจะคว้ามือมันเอาไว้และละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมา

“มันไม่ใช่ความผิดของกูเลยที่กูทำไปเพราะกูไม่รู้แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดของกูเลยสักนิด แฟร์…กูไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว” น้ำตาของผมยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม

“ใจเย็นๆ ภีม มึงค่อยๆ เล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกูจะช่วยมึงหาทางออก” แฟร์เสนอด้วยใบหน้าจริงจังจนผมเล่าให้มันฟังในที่สุด…

:

“กูไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นมันจะเลวได้ถึงขนาดนี้” คนตรงหน้าของผมพูดออกมาด้วยความโมโห

“มึงพอจะคิดหาทางช่วยกูได้มั้ย” ผมถามเผื่อว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกให้ผมได้ดีกว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำแต่แล้วแฟร์ก็ส่ายหน้ากลับมา

ผมก้มหน้าลงอย่างยอมรับในชะตากรรม คงไม่มีทางไหนที่จะทำให้ผมพ้นจากคนใจร้ายคนนั้นได้เท่ากับสิ่งที่ผมกำลังจะทำแล้วสินะ

“เป็นเพราะกูติดสัญญา! สัญญาที่กูดิ้นไม่หลุดชาตินี้ทั้งชาติกูคงต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด” ผมตัดพ้อออกมา

“ความจริงกูอยากบอกให้มึงหนีแต่ด้วยความสามารถของฝ่ายนั้นกูก็คิดว่ามึงคงหนีไปได้ไม่นานกูกลัวว่าพอมันจับได้แล้วมึงจะโดนลงไม้ลงมืออีก” แฟร์บอกเสียงเรียบก่อนจะถามขึ้น

“แล้วทิชาล่ะรู้เรื่องนี้หรือยัง? น้องมึงเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็บอกให้น้องมึงออกมาพูดก็ยังดีเผื่อจอมพลมันจะคิดได้”

“กูไม่อยากบอกทิชาเลยกูสงสารน้อง” ผมว่าก่อนอีกคนจะเอ็ด

“แล้วน้องมึงเคยสงสารมึงมั้ย! มึงหยุดมองโลกในแง่ดีบ้างเหอะว่ะภีมตอนนี้เป็นมึงที่ต้องรับกรรมที่มันก่ออยู่นะเว้ย!”

“กูรู้แต่ถ้าทิชาเดือดร้อนเพราะจอมพลอีกล่ะเรื่องนี้ก็ไม่จบลงหรอกมันจะยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ สู้ให้มันจบที่กูจะดีกว่า” ผมว่า

“ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะทำไงต่อไปกูคิดหาทางอื่นไม่ออกแล้วว่ะ” แฟร์เอ่ยก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมจะดังขึ้น

ผมล้วงมันออกมาพลางมองไปยังรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาพลันให้นิ่งค้างอยู่แบบนั้นจนแฟร์ถามขึ้นจะเบิกตาโพรงเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาในเวลานี้

“ใครโทรมา?”

“…”

“ภีม!”

“จอมพล” ผมถือโทรศัพท์ด้วยความสั่นเทาก่อนแฟร์จะฉวยมันไป

“เอามาให้กูพูด!”

“ไม่ต้อง! กูต้องกลับแล้วขอบใจมึงมากนะ” ผมชักกลับก่อนจะตัดสาย

“แต่กูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลยนะ”

“แค่มึงเป็นที่ให้กูได้มีโอกาสพูดกูก็ดีใจแล้ว” ผมบอกพลางเหยียดยิ้มพลันค่อยๆ ลุกยืนขึ้น

“ภีม…สภาพมึงแทบจะไม่ไหวแล้วนะ” แฟร์บอกอย่างเป็นห่วง

“กูรู้แต่กูก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องคอยรับมือกับเขา”

“แต่ภีม…”

“กูจะพยายามให้เขารับฟังกู บางทีคนๆ นั้นอาจไม่ได้ร้ายอย่างที่กูเห็น” ก็แค่…หลอกตัวเองไปวันๆ

“แผลพวกนั้นที่มึงได้มาไอ้หมอนั่นมันไม่ร้ายเลยเนอะ!” แฟร์เหน็บกลับ

ผมไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่โบกมือลาและเดินออกมาขึ้นรถโดยมีอีกฝ่ายเดินมาส่งอย่างเงียบๆ เพียงเท่านั้น ก่อนที่ผมจะขับรถออกมาทันทีท่ามกลางความกลัวที่เคลือบคลานเข้ามาพร้อมๆ กับเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่ดังไม่หยุด...



TBC.....
---------------------------------------------
อย่าแค่คิดนะเฮียพล น้องภีมเจ็บปวดเพราะเฮียมากจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้วนะ!
ถ้าไม่รีบดีกับเขาเดี๋ยวแกล้งให้เจ็บเยอะๆ นะเออ หึ้ย!!
มาต่อแล้วนะคะ ตอนหน้าดีกรีความร้ายของเฮียแกลดลงบ้างแล้วเดี๋ยวภีมช้ำในหมด ไม่รักกันพอดี


 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
«ตอบ #49 เมื่อ25-07-2017 10:19:04 »

ภีมน่าจะนอนเล่น ชิลๆ เติมพลังกะแฟร์ก่อน
เอาให้อิโฉดจอมคลั่งมากๆ ลงแดงตายไปข้าง
รีบกลับไปหามันทำมายคร้าบบบบบ
 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-07-2017 10:19:04 »





ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
«ตอบ #50 เมื่อ25-07-2017 20:22:29 »

รู้ตัวแล้วก็ทำตัวดีๆ นะนายจอมพล

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
«ตอบ #51 เมื่อ25-07-2017 22:01:40 »



CHAPTER 13



ร่างโปร่งสาวเท้าเดินไปตามทางเพื่อตรงไปยังห้องของตัวเองอย่างเร่งรีบ ภีมเสียบกุญแจไขลูกบิดก่อนจะเปิดเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดล็อกมันทันทีราวกับกลัวว่าใครจะบุกตามเขาเข้ามา ร่างโปร่งยืนพิงประตูพ่นลมหายใจออกมาในความมืดอย่างโล่งอกเมื่อตลอดทางที่เขาเดินผ่านกลับไม่เห็นวี่แววของใครอีกคนที่เอาแต่โทรจิกตลอดทางจนภีมค่อนข้างที่จะแน่ใจว่าครั้งนี้เขาสามารถหลบหนีอีกฝ่ายได้สำเร็จ

“เหนื่อยอะไรขนาดนั้น”

“!!”

ร่างโปร่งตกใจจนตัวโยนก่อนภีมจะรีบกดสวิตซ์ไฟข้างกำแพงจนทั้งห้อง  สว่างขึ้นในชั่วพริบตา

“กูโทรหาทำไมไม่รับ”

“คะ…คุณเข้าห้องผมได้ยังไง!?” ร่างโปร่งสั่นเทาเมื่อร่างสูงของคนที่เขาพยายามหนีกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับมองมาด้วยแววตาเอาเรื่อง

“ไม่เห็นจะยากแค่บอกว่าเมียไม่ยอมรับโทรศัพท์และกูก็กลัวว่ามึงจะคิดสั้นเขาก็ให้ไอ้นี่กูมาแล้ว” จอมพลว่าก่อนจะยกกุญแจในมือขึ้น

ภีมมองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งและหมดจะสรรหาคำต่อว่าก่อนอีกฝ่ายจะเดินตรงเข้ามาทำให้เขาถอยจนแผ่นหลังติดกับประตู

“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์กู” จอมพลถามขึ้นอีกครั้งร่างสูงสบตากับคนตัวเล็กกว่านิ่งก่อนภีมจะใช้แขนดันตัวเขาออกและเดินหนีไปยังห้องรับแขก

“จะมาอยู่แล้วนี่จะให้ผมรับทำไมให้เสียเวลา”

“หึ! แล้วที่รีบร้อนเปิดประตูเข้าห้องมานี่มึงไม่ได้กำลังหนีกูอยู่ใช่มั้ย?”

“ผมจะหนีไปทำไมในเมื่อพรุ่งนี้ก็ต้องเจอคุณอีกอยู่ดี” ร่างโปร่งพยายามทำใจดีสู้เสือเอ่ยก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่และเดินเข้าครัวไป

“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลเหยียดยิ้มเมื่อเห็นท่าทีประหม่าของอีกฝ่ายก่อนจะตามภีมเข้าไปในครัวพลางจ้องอีกคนที่ยกน้ำขึ้นดื่มไม่ให้คาดสายตา

“มึงไปไหนมา” จอมพลขวางภีมที่กำลังจะเดินออกจากครัวแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าไปทางอื่นและตอบมาด้วยน้ำเสียงห้วนจนสร้างความไม่พอใจให้กับเขา

“มันเรื่องของผม” ภีมแทรกตัวเดินออกมา

“กูถามว่ามึงไปไหนมา!?” ร่างสูงฉวยคว้าข้อมือภีมเอาไว้

“ก็บอกแล้วไงว่ามันเรื่องของผม!” ภีมสะบัดมือจอมพลจนหลุดก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก

“กูไม่ใจเย็นตลอดหรอกนะรีบบอกก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!” ร่างสูงที่เดินตามมาตวาดเสียงดังก่อนภีมจะเอาแต่เงียบจนจอมพลฟิวส์ขาดในที่สุด

“ภีม!!!”

พรึ่บ! ผลัก! ตุบ!

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเขาพยายามที่จะกระชากอีกฝ่ายเข้าหาแต่ภีมกลับอาศัยจังหวะพลิกตัวสะบัดมือของเขาจนหลุดออกพร้อมกับผลักจนเขาเป็นฝ่ายล้มลงไปบนโซฟาแทน

ภีมถอนหายใจออกมาพลางเงยหน้าขึ้นเพื่อข่มอารมณ์ด้วยท่าทีที่จอมพลไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างสูงมองคนที่เดินบีบขมับตัวเองไปมาอย่างแปลกใจก่อนที่        ร่างโปร่งจะหันมาถามเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ

“คุณมาที่นี่ทำไม?”

“…”

“จะมาแก้แค้นหรือทำร้ายกันอีกใช่มั้ย!” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยความคับแน่นไปทั้งอก

ร่างโปร่งพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดแล้วแต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมาทุกที

“เมื่อกี้มึงไปไหนมา” ร่างสูงไม่ตอบ จอมพลทำเพียงแค่มองภีมด้วยแววตาเรียบเฉยแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกประหม่าเพราะท่าทีของคนตรงหน้าที่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก

มันทั้งเด็ดเดี่ยว…แข็งกร้าวและดื้อรั้น

จนจอมพลต้องพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงเพื่อที่จะได้ไม่พลั้งมือ  ทำร้ายภีมเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก แต่ทว่ากับร่างโปร่ง…อารมณ์เดือดดาลของเขานั้นยิ่งทำให้คนที่พยายามอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ต้องโผลงคำพูดร้ายๆ ออกไป

“อย่าเฉไฉ! ตอบผมมานะว่าที่คุณมาที่นี่เพราะอยากจะแก้แค้นกันอีกใช่มั้ย!!”

“…”

“ตอบ!!”

“ใช่! กูมาเพื่อแก้แค้นมึงอีกพอใจหรือยัง!?” จอมพลตะคอกกลับ ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งและแทนที่ภีมจะหวาดกลัวกับคำพูดนี้แต่ร่างโปร่งกลับมองเขานิ่งและพ่นลมหายใจออกมาเพียงเท่านั้น

“โอเค…ยังไงซะผมก็ยังติดค้างน้องสาวคุณใช่มั้ย”

“…” ร่างสูงไม่ตอบหากแต่เขากำลังมองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจว่าตอนนี้ภีมกำลังเป็นอะไรไปกันแน่

“ถ้าอย่างนั้นผมต้องการยื่นข้อเสนอ” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หมายความว่าไง”

“ผมคิดดูแล้วว่ายังไงซะผมก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้พอๆ กับที่ไม่สามารถทำให้ขาของน้องคุณกลับคืนมาได้เหมือนกัน”

“…”

“แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คือผมจะทำให้น้องคุณกลับมาพูดอีกครั้งและยอมกลับบ้านไปอยู่กับคุณ”

“…”

“เพื่อแลกกับสัญญาที่ผมเคยเซ็นต์ไปให้มันถือเป็นโมฆะ” ภีมว่าก่อนจะมองไปยังร่างสูงเพื่อรอคำตอบ

“หึ! คิดว่าตัวมึงจะทำได้ว่างั้น? กูกับพยาบาลรวมถึงหมอทั้งแผนกพยายามกันมาเป็นสองปียังไม่สำเร็จแล้วคนอย่างมึง!...” จอมพลชะงักถ้อยคำเอาไว้ก่อนจะลุกยืนขึ้นและมองไปยังอีกคนราวกับคาดโทษ

“คิดยังไงถึงได้เอาเรื่องนี้มาต่อลองกับกู!”

“คุณคงไม่รู้…ว่าไม่มีใครโง่อยากโดนทำร้ายไปตลอดชีวิตหรอก”

“!!” ร่างสูงชะงักกับคำพูดนี้ของภีมอย่างจัง

“คุณรักชีวิตตัวเองรักชีวิตน้องสาวของคุณ ผมเองก็รักชีวิตของผมเหมือนกัน”

“…”

ภีมยังคงพูดต่อท่ามกลางอีกฝ่ายที่เอาแต่ยืนนิ่งกับคำพูดมากมายที่มันทำให้เขาหวนนึกไปถึงการกระทำทั้งหมดที่ได้ทำลงไปกับคนตรงหน้า

ร่างโปร่งเดินไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางเอาไว้ก่อนจะเปิดและหยิบเอกสารบางอย่างที่เขาตั้งใจพิมพ์มันเมื่อตอนเย็นออกมาพร้อมกับยื่นไปให้อีกฝ่าย

“ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำมันพอลบล้างความผิดที่ผมเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้…ช่วยเซ็นต์สัญญาฉบับนี้ให้ผมด้วย” จอมพลมองกระดาษตรงหน้าพลางถามกลับ

“อะไร”

“ข้อตกลงระหว่างคุณกับผม”

ร่างสูงหยิบกระดาษเอสี่สีขาวที่เต็มไปด้วยข้อตกลงมากมายมาก่อนจะอ่านมันอย่างตั้งใจ

เนื้อความที่ถูกพิมพ์ด้วยน้ำหมึกสีดำแสดงรายละเอียดทั้งหมดของข้อตกลงว่าอีกฝ่ายจะทำให้จอมใจยอมพูดและออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านอีกครั้งโดยระบุข้อแม้ว่าเมื่อทำสำเร็จสิ่งที่ร่างโปร่งจะได้รับคืออิสระภาพที่ไม่มีร่างสูงเกี่ยวข้องในชีวิตอีก

“มึงอยากหลุดพ้นจากกูมากว่างั้น?” จอมพลถามเสียงเย็น ร่างสูงมองภีมที่สบตากลับด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดอย่างบอกไม่ถูก

“ผมคงไม่ต้องตอบคุณก็น่าจะรู้” ภีมว่า

ร่างสูงมองตอบนัยน์ตาที่มีแต่ความเด็ดเดี่ยวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด แม้ว่าข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้อีกฝ่ายจะเป็นรองอยู่มากเพราะยังไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาจะยอมให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดแต่ทว่าภีมก็เลือกจะทำ

ร่างโปร่งเลือกจะทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้น…ไปจากคนอย่างเขา

“ได้…กูจะเซ็นต์”

สิ้นเสียงของจอมพลคนตรงหน้าก็เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังทันที

หึ! ก็แค่พูดตามน้ำให้อีกฝ่ายดีใจไปก่อน…ไม่มีทางที่ร่างสูงจะยอมตกเป็นหมากในเกมส์ที่อีกคนสร้างขึ้นโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเพียงเพราะมั่นใจว่ายังไงภีมก็ทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้เหมือนกับที่เขาพยายามมาตลอดสองปี

“แต่กูมีข้อแม้” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบ

“?”

“ในระหว่างที่มึงยังทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู!”

“!!”

“ว่าไง? อยากจะแลกกันคนละหมัดหน่อยมั้ยเพราะสิ่งที่กูพูดมันรวมไปถึงการที่กูจะทำอะไรกับมึงและตัวของมึงก็ได้” ร่างสูงแสยะยิ้มเมื่อยกเรื่องที่อีกคนไม่มี   ทางยอมอย่างแน่นอนออกมาเพื่อเป็นการบังคับให้ภีมยกเลิกสัญญานี้อยู่กรายๆ

“หึ! อย่าทำตัวเป็นเสือหน่อยเลยถ้ามึงยังเป็นแค่ลิงโง่ๆ” จอมพลเหน็บแต่แล้วจู่ๆ ภีมกลับ…

“ได้”

“!!”

“ผมรับข้อเสนอของคุณ”

“ภีม!...” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายราวกับไม่เชื่อหู

“แค่นอนให้คุณเอา…ผมทำได้” ร่างโปร่งมองตอบ “เพราะถึงยังไงผมก็ถูกคุณทำตั้งสองครั้งแล้วนี่”

“ภีม!!” ร่างสูงกระชากอีกคนมาปะทะอกก่อนภีมจะพยายามดันออก

“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา!!” จอมพลตวาดลั่น

“รู้สิ! พูดความจริงมันผิดตรงไหน!” ร่างโปร่งว่าพลางจ้องอีกคนเขม็ง

“มึงกำลังดูถูกตัวมึงเอง!”

“พูดอย่างกับว่าคุณไม่เคยดูถูกผมอย่างนั้นแหละ!”

“เอ้อ! กูดูถูกมึงแล้วยังไงนั่นมันสิทธิ์ของกู!”

“สิทธิ์อะไรไม่ทราบ!”

“สิทธิ์ของการเป็นผัวมึงไง!!”

“หยุดยัดเยียดคำๆ นั้นให้ผมสักทีเถอะน่าสะอิดสะเอียนจะแย่!”

ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~

เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นยุติวาจาเฉือดเฉือนที่สาดใส่กันไปมาของทั้งคู่ให้ดับลงในชั่วพริบตา ร่างโปร่งหันไปยังประตูที่มาของเสียงทันทีเช่นเดียวกับจอมพลที่หันไปด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

ก๊อกๆ

"ภีม!"

“!!”

ภีมรีบผลักคนตรงหน้าออกเมื่อเสียงของคนที่เรียกชื่อเขาอยู่ข้างนอกเป็นเสียงของแดเนียล

ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~

'ภีมมึงอยู่ในห้องหรือเปล่า*?*'

ร่างโปร่งจ้ำอ้าวไปยังสวิตซ์ไฟก่อนจะกดปิดมันลงเพราะไม่อยากให้คนที่มารู้ว่าเขากำลังอยู่ในห้องพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เคยมีเรื่องกันไปเมื่อคราวก่อน

“กลัวมันจะรู้ว่าอยู่กับกูมะ!...” จอมพลที่เดินตามหลังเอ่ยเหน็บไม่ทันจบภีมก็รีบใช้มือเรียวปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันทีพร้อมกับดันให้ร่างสูงแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงหน้าประตูห้อง

“ผมไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้ขอร้องล่ะอย่าเพิ่งโวยวายอะไร!” ภีมเอ่ยขณะที่ใบหน้าของเขาห่างจากจอมพลเพียงไม่กี่เซนต์

ร่างสูงมองดวงตากลมแน่วแน่ของคนตรงหน้าก่อนจะยกแขนแกร่งขึ้นรวบ  เอวบางให้แนบชิดกับกายหนาของตัวเองจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศพัดผ่านทันที

ภีมตกใจปล่อยมือออกจากปากของจอมพลก่อนร่างสูงจะทาบริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระลงบนริมฝีปากที่กำลังจะคายคำพูดบางอย่างออกมาท่ามกลางแววตาตื่นตระหนก

ร่างโปร่งทุบกำปั้นของตัวเองลงบนอกแกร่งของจอมพลไปหลายทีแต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้าน จอมพลยังคงกดจูบเน้นๆ ราวกับอยากจะกลืนกินอีกคนไว้ทั้งตัวก่อนจะยอมผละออกเมื่อภีมใกล้จะหมดลม

“แฮ่กๆ ทำบ้าอะไร!?” ร่างโปร่งหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะเค้นเสียงถาม

“อยากให้ทำตามมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย” จอมพลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ภีมได้แต่ทำหน้ายุ่งราวกับกำลังถูกขัดใจ

อืดดด~ อืดดด~

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของร่างโปร่งที่ตั้งระบบสั่นไว้ก็ดังขึ้น   ร่างสูงจ้องไปยังต้นตอของเสียงก่อนจะส่งสัญญาณให้ภีมที่เอาแต่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะถูกอีกฝ่ายแกล้งรับสายที่โทรเข้ามา

(“ว่าไงแดน”) ร่างโปร่งเอ่ยเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขาตอนนี้นี่เอง

(“ภีมมึงอยู่ห้องเปล่า?”) แดเนียลถามกลับ

(“เปล่ากูมาทำงานนอกสถานที่”) ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าจะแสยะยิ้มกับสิ่งที่เขาโกหกขึ้น

(“อ้าวเหรอ? เมื่อกี้ตอนกูยังไม่ขึ้นมาเหมือนห้องมึงยังเปิดไฟอยู่เลย”)

(“มึงตาฝาดแล้ว”)

(“เหรอ…ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะกลับเมื่อไหร่”)

(“พรุ่งนี้ ทำไมเหรอ?”)

(“คือกูมีเรื่องจะคุยกับมึง”)

(“เรื่องอะไร? เอ๊ะคุณ!!”) ภีมหลุดว่าให้คนตรงหน้าทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อมมือลงไปบีบคลึงก้นงอนของเขาไปมา

(“มีอะไรหรือเปล่า?”)

(“เปล่าพอดีกูออกมาซื้อของข้างนอกแล้วเดินชนกับคนจิตไม่ปกติแถวนี้น่ะ”) ร่างโปร่งเน้นเสียงว่าพลางถลึงตาใส่จอมพลที่ส่งยิ้มยียวนกลับมา

(“อย่ามีเรื่องกับเขานะมึงต่อยใครเป็นซะที่ไหนกูเป็นห่วง”) ปลายสายว่า

(“ครับๆ แล้วเรื่องที่มึงบอกอยากคุยกับกูล่ะ?”)

(“ไว้คุยกันต่อหน้าดีกว่ากูไม่อยากพูดทางโทรศัพท์สักเท่าไหร่”)

(“งั้นก็ตามใจมึง”)

(“ตั้งใจทำงานนะกลับมาแล้วโทรบอกกูด้วย”)

(“ได้”)

(“แค่นี้นะ”)

(“อืม”)

ร่างโปร่งกดวางสายพลางดิ้นจนหลุดออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแต่   จอมพลก็ไม่วายหาเรื่องเขาต่อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างจากหน้าห้องออกไปแล้ว

“ใคร?”

“เพื่อน” ภีมตอบอีกคนอย่างไม่ใส่นักพลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกอีกครั้ง

“ไอ้ลูกครึ่งเมื่อคราวก่อนใช่มั้ย” จอมพลที่เดินตามเจาะจงถามขึ้นทันที

“…”

“ตอบกูมาภีม!”

“ใช่”

“ตกลงไอ้ห่านั่นมันเป็นอะไรกับมึงกันแน่!?”

“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม!?”

ร่างสูงไม่ตอบจอมพลทำเพียงเสยผมขึ้นอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะหันไปหา  ร่างโปร่งอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่เริ่มหุนหันเข้าไปทุกที

“จะบอกไม่บอก?”

“ไม่” ภีมว่าก่อนจะเดินหนีไปทางประตูห้องนอน

“อย่าทำให้กูโมโหเพราะไม่อย่างงั้นคืนนี้มึงไม่รอด!”

“ถ้างั้นก็เซ็นต์ซะ” ภีมหันไปยื่นข้อเสนอ “ผมจะบอกก็ต่อเมื่อคุณเซ็นต์มันแล้วเท่านั้น” ร่างโปร่งหยิบสัญญาที่พิมพ์ขึ้นให้กับอีกคน

ร่างสูงขบกรามแน่นมองภีมที่วันนี้อีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปจากเดิม ร่างโปร่งเต็มไปด้วยการต่อรอง ชั้นเชิง จนเป็นเขาเสียเองที่ทนความอยากรู้ความจริงจากปากอีกคนไม่ไหวจนต้องยอมคว้าสัญญาฉบับนั้นมาและยอมเซ็นต์ลงไปในที่สุด

“ว่ามา” จอมพลเอ่ยหลังจากวางปากกาที่เพิ่งจะลงลายเซ็นต์ของตัวเองในสัญญาที่ภีมทำขึ้นเสร็จ

“แดนเป็นเพื่อน…” ภีมว่า

“…”

“ที่กลายมาเป็นแฟน”

“แม่งเอ้ย!”

พรึ่บ!

“อ่ะ!” ร่างโปร่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ผลักเขาจนแผ่นหลังติดกับกำแพงก่อนที่ร่างหนาจะตามเข้ามาประชิดตัวจนร่างโปร่งหนีออกไปไหนไม่ได้

“มึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?” จอมพลถามเสียงกร้าว

“โอ้ย! ผมเจ็บนะคุณจอมพล!” ภีมนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายบีบคางเขาไว้แน่น

“กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”

“แล้วอะไรทำให้คุณเข้าใจแบบนั้น!?”

“ก็พวกมึงเป็นแฟนกัน!”

“เป็นแฟนแล้วยังไง! จำเป็นต้องมีเหรอเรื่องพวกนั้นน่ะ!?” ภีมตะโกนตอบ

“อย่าเฉไฉ! กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”

“โอ้ยเจ็บ!” ภีมมองหน้าพลางพยายามจับข้อมมืออีกฝ่ายให้ปล่อยจากคางแต่ก็ไม่เป็นผล

“มึง!...”

“ก็แค่ข้างนอก!”

“…”

“ไม่ได้ใส่” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจอมพลจะคลายมือหนาออกจาก      คางมนและผละตัวออกไปเพียงนิด

“แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้ว” ภีมว่าก่อนจะลูบคางด้วยความเจ็บ

ร่างสูงมองเจ้าของคำตอบอย่างไม่เชื่อหูก่อนที่จู่ๆ จอมพลจะมีท่าทีเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินประโยคที่ตามออกมา

“หมายความว่าไง?” ร่างสูงทำทีถามกลับ

“ก็อย่างที่บอกตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันคุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะสกปรกขนาดนั้น” ภีมว่าก่อนจะเดินเลี่ยงเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนและตรงไปยังโต๊ะวางหนังสือเพื่อเก็บสัญญาที่อีกฝ่ายเซ็นต์เอาไว้พลางหันกลับไปมองจอมพลที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง

“มีอะไรที่คุณอยากรู้อีกมั้ย” ร่างโปร่งว่าก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวที่เมื่อครู่ยิ่งทำให้ร่างโปร่งเจ็บตัวทั้งที่ในใจลึกๆ แล้ววันนี้จอมพลไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น

“แล้วเดนิส...”

“เขาเป็นพี่ชายไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามจบภีมก็สวนตอบคำถามนี้ทันควัน

“แล้ววันนี้มึงไปไหนมา”

“ไปบ้านเพื่อนสมัยเรียนมหา'ลัย”

“ไปทำไม”

“ก็แค่…คุยเรื่องทั่วไป” ร่างโปร่งชะงักไปนิดก่อนจะเลือกตอบเพียงเท่านี้

“มึงโกหกกู” จอมพลว่าก่อนจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ผมไม่ได้โกหกมันอยู่ที่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่แค่นั้น” ภีมบอกก่อนจะเสมองไปทางอื่นแต่แล้วคำถามต่อมาของร่างสูงก็ทำเอาเขานึกฉงนขึ้นมาทันใด

“แล้วกินอะไรมาหรือยัง?” ร่างสูงว่าพลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทำไมจอมพลถึงได้ถามคำถามพรรคนี้กับเขากันนะ!?

“ยัง” ภีมตอบเสียงอ่อนก่อนร่างสูงจะคว้าแขนเขาไว้พลางต่อว่ากลับ

“ทำไมมึงถึงไม่กิน!”

“ก็เพราะผมไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน!”

“ผมให้สิทธิ์คุณทำอะไรกับผมก็ได้แต่คุณจะมาบังคับเรื่องพวกนี้กับผมไม่ได้นะคุณจอมพล!” ภีมว่าให้

“ทำไม!?”

“เพราะเรื่องพวกนี้สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัว! ผมจะกินหรือไม่กินมันก็เป็นเรื่องของผม! หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“กูไม่เข้าใจเพราะตอนนี้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู! กูจะบังคับให้มึงทำอะไรก็ได้ที่กูอยากจะให้ทำ!”

“!!”

จอมพลตวาดว่าอย่างถือสิทธิ์ที่เพิ่งจะได้รับออกมา ร่างโปร่งจ้องร่างสูงตาขวางก่อนมือหนาที่จับต้นแขนอีกคนอยู่จะออกแรงบีบลงไปอีกเป็นเท่าตัวราวกับอยากจะส่งผ่านความไม่พอใจออกไปทั้งหมด

“กูแม่งไม่ชอบท่าทีของมึงตอนนี้เลยว่ะ!” ว่าเสร็จจอมพลก็สะบัดมือออกจากต้นแขนไร้กล้ามนี้

“หยุดทำตัวเหย่อหยิ่งซะทีเถอะว่ะคิดว่าตอนนี้กูง้อมึงอยู่หรือไงถึงได้กล้าพูดกับกูแบบนี้ทั้งที่รูของมึงก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น!” ร่างสูงปรามาส

“ผมรู้” ภีมเอ่ย

“…”

“ก็ไม่ได้หวังจะให้ใครหน้าไหนมาติดใจมันอยู่แล้ว” ร่างโปร่งเงยหน้าสบตากับนัยน์ตาคมของคนตรงหน้า

จอมพลเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดี ร่างสูงยืนมองภีมที่ถอนหายใจออกมานิ่งก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าออกมาในที่สุด

“แค่นี้ใช่มั้ยที่ทำให้คุณต้องถ่อมาหาผมถึงที่นี่? ดึกแล้วคุณกลับไปก่อนเถอะวันนี้ผมอยากพัก” ร่างโปร่งนั่งลงบนเตียงเพื่อรอให้อีกฝ่ายออกไปอย่างที่ขอ

“เห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ย? พล่ามเสร็จก็บอกให้กูกลับทั้งที่กูยังไม่ได้ในสิ่งที่กูต้องการ”

“แล้วคุณต้องการอะไร?”

“ไปอาบน้ำ” ร่างสูงออกปากสั่ง

“จริงๆ ที่มาเพราะคุณอยากใช่มั้ย?” ภีมมองตอบด้วยแววตายอมแพ้ทว่า    ร่างสูงกลับยังย้ำคำเดิมออกมา

“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

“งั้นก็รอผมหน่อยแล้วกัน” ร่างโปร่งลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดพับเปลือกตาลง

ภีมรู้ว่าจอมพลต้องการอะไรเพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่หายดี       ร่างโปร่งจึงลำบากใจที่จะใช้แต่ก็คงปฏิเสธและขัดขืนอีกฝ่ายไม่ได้นอกเสียจากต้องยอมฝืนความเจ็บและร่างกายตัวเองอีกครั้ง

:

ภีมเดินออกจากห้องน้ำมาหลังจากใช้เวลาอาบน้ำประมาณยี่สิบนาที ร่างโปร่งมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดคลุมร่างกายท่อนล่างไว้เท่านั้นในขณะอีกคนที่นั่งรออยู่กลับลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเมื่อดวงตาคมของเขาดันสบเข้ากับรอยแดงมากมายทั่วกายสมส่วนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานจนจอมพลต้องรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ทันที

“ทำไมไม่แต่งตัว?” ร่างสูงถามภีมที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนเมื่อครู่ทันทีที่เขาออกจากห้องน้ำมา

“จะแต่งทำไมเดี๋ยวคุณก็ถอดมันออกอยู่ดี” ร่างโปร่งไม่ว่าเปล่าภีมยังเลิกผ้าเช็ดตัวขึ้นก่อนจะชันขาและหันไปบอกอีกคนเสียงเรียบ

“รีบทำให้เสร็จๆ ไปเถอะครับผมจะได้พักสักที”

“ภีม!”

“อ่ะ!”จอมพลที่ตวาดชื่ออีกฝ่ายพุ่งตัวขึ้นเตียงพลางคร่อมภีมเอาไว้มั่น

“อย่าทำให้กูโมโหจะได้มั้ย!!?” ร่างสูงตะโกนว่าให้

“ก็คุณอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับผมไม่ใช่เหรอ!?”

“ไม่ใช่!”

“!!” ภีมชะงัก

ร่างโปร่งมองคนด้านบนอย่างไม่เข้าใจก่อนจอมพลจะผละตัวออกและสั่งอีกคนกลับไปเสียงแข็ง

“ไปแต่งตัว!” ภีมยังคงมองร่างสูงไม่หยุดจนจอมพลต้องคาดคั้น

“เดี๋ยวนี้!”

ร่างโปร่งลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเอาชุดนอนออกมาและเดินไปทางประตูห้องน้ำ

“นั่นมึงจะไปไหน?” จอมพลที่นอนตะแคงกับเตียงทางฝั่งขวาถามขึ้น

“ผมจะไปแต่งในห้องน้ำ”

“เมื่อกี้แม่งยังไม่อายตอนนี้เกิดนึกอายอะไรขึ้นมาแต่งตรงนี้แหละ!”

“งั้นคุณก็หันไปก่อน!” ภีมหน้าร้อนผ่าว

“แต่งเดี๋ยวนี้!!” ร่างโปร่งขมวดคิ้วทำหน้างอก่อนที่เขาจะค่อยๆ สวมชั้นในและตามด้วยชุดนอนท่ามกลางร่างสูงที่มองไม่ปล่อย

ร่างโปร่งแขวนผ้าเช็ดตัวเข้ากับไม้แขวนเสื้อก่อนจะจอมพลที่มองภีมทุกฝีก้าวจะตบลงบนที่นอนฝั่งซ้ายพร้อมกับพูดขึ้น

“มานอน”

“ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่?”

“ไม่ถามกูสักเรื่องจะตายมั้ยบอกให้มานอนก็มาสิ”

ภีมเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงแต่ก็ยังไม่ปักใจก้าวขึ้นจนร่างสูงต้องลุกขึ้นดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งลงมาแทน ร่างโปร่งเบิกตากว้างขยับให้ห่างจากอีกคนก่อนจอมพลจะใช้แขนแกร่งโอบเอวบางพลางดึงเข้าหาตัว

“ตาบอดเหรอไง! มึงจะตกเตียงอยู่แล้ว” จอมพลว่าก่อนจะออกแรงโอบรัดจนใบหน้าของภีมซุกเข้ากับแผงอกตัวเองอย่างจัง

“ปล่อยผมนะ! คุณ!...”

“กูง่วงแล้ววันนี้เหนื่อยไม่มีแรงทำอย่างที่มึงอยากจะให้กูทำหรอก” ร่างสูงขัดก่อนภีมจะทันโวยวายจบ

“ง่วงแล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้านตัวเอง!”

“เกิดกูหลับในรถชนขึ้นมาจะทำไง”

“ก็ดีน่ะสิ”

“มึงว่าไงนะ!?”

“ปะ…เปล่า”

จอมพลเลิกคิ้วพลางถลึงตาใส่คนในอ้อมกอดจนภีมต้องหดคอหนีแววตาดุคู่นี้และตอบอ้อมแอ้มกลับไป

“มึงแค่นอนเฉยๆ ก็พอ” ร่างสูงว่าก่อนจะเกยคางตัวเองกับหัวของอีกคน

“แต่มันอึดอัด” ภีมว่าเสียงอู้อี้

“อีกหน่อยก็ชิน”

“ไม่ชินอะไรทั้งนั้นแหละถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่ก็นอนดีๆ”

“แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกูไม่ได้กำลังขี่มึงอยู่สักหน่อย”

ร่างโปร่งกัดริมฝีปากตัวเอง ภีมอยากจะผลักอีกคนออกและด่าจริงๆ แต่ติดตรงที่จอมพลกอดตัวเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออกนี่สิ!

“กูว่ามึงอยู่เฉยๆ เหอะถ้าไม่อยากเจ็บ…”

หมับ!

“อ่ะ!” ภีมเผลอร้องออกมาเมื่อจอมพลบีบเข้าที่สะโพกใกล้กับช่องทางที่ยังเจ็บอยู่ของเขา

“หึ! ยังเจ็บไม่หายแล้วเสือกทำเป็นเก่งนะมึง” ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะเย้ยขึ้นก่อนคนในอ้อมแขนที่ดิ้นๆ อยู่จะสงบลงทันที

“หยุดโวยวายแล้วหลับซะอยากพักก็พักไปพรุ่งนี้มึงไม่เห็นเงาหัวกูตอนตื่นมาหรอกไม่ต้องกลัว”

ภีมยอมนอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ร่างโปร่งสูดเอากลิ่นกายของจอมพลเข้าไปก่อนดวงตากลมจะค่อยๆ แหงนขึ้นมองใบหน้าที่ไร้ที่ติของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ในขณะที่เสียงหัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าสิ่งที่ฉุดเอาความสนใจของภีมไปแทบสิ้นกลับเป็นอีกจังหวะเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเล็ดลอดออกจากอกแกร่งของคนตรงหน้าต่างหาก

ทำไมหัวใจของจอมพลถึงได้เต้นแรงพอๆ กับเขากันนะ?

หรือเพราะเหนื่อย?

ร่างโปร่งมองใบหน้าจอมพลอย่างครุ่นคิดก่อนอีกฝ่ายจะคลายแรงโอบรัดออกและหายใจอย่างสม่ำเสมอจนภีมคิดว่าตอนนี้ร่างสูงน่าจะหลับไปแล้ว ภีมจึงค่อยๆพลิกตัวหันไปอีกข้างก่อนที่แขนแกร่งของคนตัวใหญ่จะรัดเข้ามาอีก

“ไม่อยากเห็นหน้ากูขนาดนั้น?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

“เปล่า…ผมก็แค่หายใจลำบาก” ภีมตอบด้วยใบหน้าร้อนผ่าว

“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลว่าก่อนจะพาดขาขึ้นทับตัวอีกคนราวกับเป็นหมอนข้างจนทำให้ภีมขมวดคิ้วขึ้นเพียงนิดแต่ถึงกระนั้นร่างโปร่งก็ไม่ว่าอะไรจนกระทั่งถอนหายใจออกมาและผล๊อยหลับไปในที่สุด



TBC........
------------------------------------------------
เฮียพลแกดีขึ้นแบบโหดๆ
โธ่เอ้ย! อยากนอนกอดเขาก็ไม่บอก ปากแข็งจริงๆ อ้างนู้นอ้างนี่สารพัด
ไอ้ผู้ชายห่ามแถมยังปากแข็งเอ้ย!!!!!


 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:



ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
«ตอบ #52 เมื่อ26-07-2017 00:07:28 »

พูดดีๆ จะตายไหม?
ภีม ที่ห้องครัวมีมีดนะ
ใช้มันให้เป็นประโยชน์

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
«ตอบ #53 เมื่อ26-07-2017 01:57:20 »

พี่พลเริ่มมีการพัฒนา แต่ปากแข็งไปหน่อยนะ

ออฟไลน์ Romanee-Conti@msn.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
«ตอบ #54 เมื่อ26-07-2017 06:34:36 »

ทำตัวแบบนี้ ไม่ควรสมหวังในความรักอ่ะ
ข่มขืนไม่พอ ยังพูดจาดูถูกชนิดที่คนปกติไม่มีทางรับได้ แล้วยังทำร้ายร่างกายด้วย ไม่ควรจบแฮ้ปปี้เอนดิ้งอ่ะ

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
«ตอบ #55 เมื่อ26-07-2017 10:40:32 »


CHAPTER  14




[Peam’s Part]

เขาทำอย่างที่พูด…

จอมพลหายไปก่อนหน้าที่ผมจะตื่นจริงๆ ผมไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหนแต่สิ่งที่อีกฝ่ายยังคงหลงเหลือเอาไว้คือความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดเมื่อคืน สัมผัสอ่อนโยนที่เขาไม่เคยทำมันกับผม สัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก การกระทำที่ดูไม่มีเหจตุผลของเขาเริ่มทำให้ผมสับสนและไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่

ผมเดินทางไปทำงานก่อนหน้าเวลาเข้างานอยู่สักนิด ร่างสูงที่นั่งตรงตำแหน่งผู้บริหารมาถึงก่อนหน้าแล้ว ผมเอ่ยทักอีกฝ่ายเพื่อเป็นมารยาทหากแต่จอมพลกลับทำเพียงแค่พยักหน้ากลับและก้มหน้าทำงานต่อเท่านั้น

ผมลอบมองเขาอยู่พักใหญ่ก่อนคนถูกมองจะรู้ตัวหันมาสบตากับผมอย่างจัง แต่ก็เพียงเท่านั้นเพราะหลังจากที่ผมทำเป็นก้มหน้าลงเขาก็หันกับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จอมพลไม่หาเรื่อง ไม่เสียงดัง ไม่โมโหใส่จนผมรู้สึกผิดสังเกต มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาลุกและเดินมาหาผมตอนนั้นก็คิดในใจแล้วล่ะว่ายังไงก็ต้องโดนยำเละแน่ๆ ที่ไหนได้เขาแค่เอกสารที่ผมต้องรับผิดชอบมาให้และเดินกลับไปทำงานต่อที่โต๊ะของตัวเอง

นี่เขาคงไม่ลืมกินยาหรอกใช่มั้ย? หรือต้องไขลานก่อนกันนะ?

ผมถอนหายใจที่ถึงแม้มันจะแปลกและทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างแต่ผมก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องคุย ไม่ต้องโดนตะคอกหรือโมโหใส่นี่คงเป็นสัญญาณบอกผมอยู่กรายๆ ว่าชีวิตที่สงบสุขกำลังจะกลับมาแล้วใช่มั้ย?

:

พอเลิกงานผมก็ขับรถเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลที่จอมใจรักษาตัวอยู่ทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นส่งผลให้ผมคว้ามันขึ้นมารับหลังจากดับเครื่องยนต์ลง รายชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอสร้างความขี้เกียจให้ผมนิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กวาดนิ้มลงไปเปิดรับสายอีกฝ่ายทันที

(“ว่าไงแดน”)

(“มึงเลิกงานแล้วใช่มั้ย”) ปลายสายถามกลับทันที

(“อื้ม”)

(“กูขอไปคอนโดมึงนะ”)

(“คือกูยังไม่กลับน่ะแวะทำธุระอยู่”)

(“ที่ไหนให้กูไปหาก็ได้”)

(“ไม่เป็นไรกูคงทำธุระไม่นานเจอกันที่คอนโดกูก็ได้”) ผมว่าพลางขมวดคิ้ว

(“งั้นเดี๋ยวกูซื้ออะไรไปกินกับมึงนะ”)

(“ตามใจมึงเลย”)

(“เอาข้าวมันไก่ของโปรดมึงมั้ย”)

(“อะไรก็ได้กูกินได้หมด”)

(“โอเคงั้นถ้ามึงจะกลับแชทบอกกูด้วยกูจะได้ขับรถออกไป”)

(“ได้”) ผมกดวางสายก่อนจะมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่แบบนั้น

เอาจริงๆ สิ่งที่แดนกำลังทำอยู่ทุกวันนี้ผมรู้สึกไม่โอเคกับมันสักเท่าไหร่ แม้อีกฝ่ายจะอ้างสถานะของความเป็นเพื่อนก็เถอะแต่มันก็ยังก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าเพื่อนมาอยู่ดี

ผมตัดสินใจสลัดเรื่องของแดนออกจากหัวก่อนจะเอื้อมเอาของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่ซื้อมายังเบาะข้างๆ มาถือไว้พลางเปิดประตูเดินเข้าไปยังตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทันที

ในมือของผมถือกระเช้าเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังในขณะที่ขาก็เดินไปตามทางของแผนกจิตเวชเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องของเธอที่อยู่ด้านขวามือไม่ไกลจากเคาน์เตอร์พยาบาลประจำชั้นมากนัก

“เอ๊ะ! คุณคือเพื่อนของคุณจอมพลนี่นา” พยาบาลคนหนึ่งทักขึ้นตอนผมเดินผ่านเคาน์เตอร์ที่เธอกำลังนั่งอยู่

“เออ…สวัสดีครับคุณ…”

“อิงฟ้าค่ะเรียกอิงเฉยๆ ก็ได้” เธอยิ้มกลับ

“มาหาน้องจอมใจเหรอคะ”

“ครับ”

“แล้วคุณจอมพลไม่มาด้วยเหรอคะ”

“เอ่อ…ครับเขาไม่ได้มาด้วย” ผมชะงักก่อนจะตอบเธอกลับไป

“หว่า…นึกว่าจะได้เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาซะละ” เธอบ่นหน้างอก่อนพยาบาลคนข้างๆ จะเอ็ดกลับ

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะยัยอิงคุณจอมพลน่ะเขามีแฟนแล้วนะ” เธอว่าพลันหูของผมก็ผึ่งขึ้นมาทันใด

“ใครบอกแกห๊ะยัยมุก” อิงฟ้าถามกลับ

“ไม่มีใครบอกหรอกย่ะแต่ฉันว่าเขาคงมีใครแล้วแหงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นมาค้างกับน้องจอมใจที่นี่เลย ก็แค่มาหาแป๊ปๆ แล้วก็กลับไปเหมือนคนรีบไปหาแฟนยังไงยังงั้นเลยล่ะ” พยาบาลที่ชื่อมุกเอ่ยแต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนนินทาอยู่กรายๆ ไงไม่รู้แฮะ

“งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมน้องจอมใจก่อนนะครับ” ผมว่าเมื่อไม่อยากได้ยินพวกเธอพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก

“เชิญตามสบายค่ะคุณ…” อิงฟ้าชะงักถามชื่อของผม

“ภีมครับ”

“ค่ะคุณภีม” เธอยิ้มเมื่อผมตอบก่อนผมจะเดินต่อไปยังหน้าห้องของจอมใจ

ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องเธอสักพักก่อนจะเคาะและถือวิสาสะเปิดเข้าไป จอมใจนั่งอยู่บนเตียงโดยมีหนังสือเล่มใหญ่ในมือ เธอผละสายตาจากสิ่งที่ถือพลางมองมายังผมนิ่ง สายตาที่เรียบเฉยบ่งบอกว่าเธอไม่แปลกใจที่เห็นผมมา ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะวางกระเช้าที่ถือติดมือมาด้วยบนโต๊ะเล็กข้างเตียง

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเปิดเข้ามานะครับพอดีผมรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ขานรับอยู่ดี” เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางหนังสือในมือลงและคว้าเอาไวท์บอร์ดพร้อมกับปากกาที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นมาเขียน

คุณมาที่นี่ทำไม  จอมใจพลิกไวท์บอร์ดหันมาทางผม

“ผมมาเยี่ยมและก็มา…ขอโทษ” ผมว่าพลางนั่งลงบนโซฟาข้างเตียง

ขอโทษเรื่อง?

“ก็เรื่องเมื่อสองปีก่อน” ผมเอ่ยเสียงเบาก่อนจอมใจจะถอนหายใจแล้วเขียนกลับมาอีกว่า…

ไม่ต้องขอโทษหรอกฉันรู้ว่าความจริงเป็นยังไง

“คุณรู้? รู้ได้ยังไง” ผมถามเมื่ออีกฝ่ายพลิกไวท์บอร์ดกลับมา ตอนนี้ผมเริ่มงงไปหมดแล้วจริงๆ ทั้งที่คิดว่าจะโดนจอมใจอาละวาดใส่แต่เธอกลับนิ่งมากนิ่งจนเป็นผมเสียเองที่รู้สึกประหม่า

ฉันไม่ใช่คนหน้ามืดไม่ฟังอะไรหรอกนะเพราะหลังจากนั้นสามวันฉันก็ให้คนสะกดรอยตามคุณ

“สะกดรอยตามผม?” อึ้งสิครับ! ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรใหญ่กว่าที่ผมคิดเสียอีก

จอมใจก้มเขียนอะไรยุกยิกอยู่สักพักก่อนเธอจะพลิกมันหันมาและผมก็รีบกวาดตาอ่านทันที

แล้วก็รู้ว่าคุณคือคนที่ครอบครัวของทิชารับมาเลี้ยง คุณมีศักดิ์เป็นพี่ชายของทิชาฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันโกรธในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่ฉันรู้ว่าทิชาแอบคบกับเพื่อนสนิทของฉันต่างหาก

ผมเบิกตามองคนตรงหน้ากลับ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเพราะหลังจากวันที่ทิชาใช้ผมเป็นเครื่องมือวันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเลยจนกระทั่งไปเรียนต่ออเมริกา

“ทิชาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง…จะบอกยังไงดีล่ะคือความสัมพันธ์ของผมกับคนในครอบครัวมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยย้ายออกจากบ้านของทิชามาอยู่หอพักตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว” จอมใจมองหน้าผมก่อนเธอจะเขียนอะไรกลับมาอีก

มันก็ไม่แปลกที่พี่จะไม่รู้ใช่มั้ย?

“พะ…พี่เหรอ?” ผมย้ำกลับอย่างไม่เขื่อสายตาตัวเอง

เรียกได้ใช่มั้ย?

“เอ่อ…ได้ ได้ครับแต่ว่าคุณไม่โกรธผมเหรอที่วันนั้นผมไม่ได้บอกความจริงกับคุณทั้งที่ถ้าผมบอกสักนิดมันก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น” ผมว่าก่อนเธอจะเขียนอีก

ถึงมันไม่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับวันนั้นอยู่ดี บอกแล้วไงว่าวันนั้นฉันไม่เป็นอะไรแค่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเฉยๆ

ผมชะงักนิ่งเหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อไปเมื่ออ่านประโยคนี้ของอีกฝ่ายจนจบ คำมากมายวิ่งเข้าใส่หัวของผมอย่างจัง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อสิ่งที่จอมพลทำกับผมมันสวนทางกับสิ่งที่น้องสาวเขาคิดอยู่เป็นอย่างมาก

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!?

“แล้วทิชารู้เรื่องที่คุณประสบอุบัติเหตุหรือยัง?” ผมทำลายความเงียบหลังจากมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

จอมใจพยักหน้าก่อนผมจะชิงถามกลับอีกครั้ง

“เธอเคยมาเยี่ยมคุณมั้ย?” อีกฝ่ายส่ายหน้าพลางก้มหน้าลง ผมมองจอมใจที่ดูจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้เอามากๆ ตรงหน้าก่อนจะลุกเดินมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงใกล้กับเธอมากยิ่งขึ้น

“ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วย ทิชาน่ะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กเธอมักจะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรควรหรือไม่ควร เธอเป็นคนเอาแต่ใจทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” ผมว่าก่อนจอมใจจะพลิกสิ่งที่เขียนหลังจากที่ผมพูดเสร็จกลับมา

ฉันเข้าใจเพราะเขาหมดรักฉันแล้ว เมื่อไม่รักยื้อให้ตายยังไงเขาก็ไปอยู่ดี   เธอมองสิ่งที่ตัวเองเขียนท่ามกลางน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาจนผมชะงักไป

แกร๊ก!

เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้นฉุดให้จอมใจรีบแหงนหน้าเพื่อกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเอาไว้ทันทีในขณะที่ผมเองก็หันไปตามต้นตอของเสียงก่อนคนที่เดินเข้ามาจะเป็นพี่ชายของคนบนเตียงที่เมื่อเขาเห็นผมเข้าจอมพลก็ชะงักก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะเล็กใต้ทีวีเพื่อวางของที่ซื้อมา

“ทำไมไม่บอกกูว่ามึงจะมาที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่ยังไม่ได้หันมา

“ผมลืม…ขอโทษด้วยครับ”

“อืม” จอมพลหันมาเขามองผมนิ่งก่อนคนเป็นน้องสาวที่รีบเขียนอะไรยิกๆ จะพลิกไวท์บอร์ดมาพร้อมกับยิ้มแป้น

วันนี้ซื้ออะไรมาบ้าง ได้ DVD หนังเรื่องใหม่ที่เค้าอยากดูมั้ย

“พี่หาซื้อแล้วแต่มันไม่เจอ” คนถามทำหน้างอผิดหวังเหมือนเด็กๆ

“ทานอะไรหรือยัง” จอมพลถามก่อนจอมใจจะส่ายหัวกลับ

“งั้นเดี๋ยวพี่แกะผัดไทร้านโปรดของเราให้” จอมใจพยักหน้า

“เอาแอปเปิ้ลด้วยมั้ย” คนบนเตียงยิ่งยิ้มแป้นเข้าไปใหญ่

“โอเค”

ผมยิ้มหลังจากเอาแต่มองทั้งคู่คุยกัน แม้อีกฝ่ายจะทำเพียงเขียนตอบและแสดงท่าทางก็เถอะแต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้ร่างสูงเลยแม้แต่น้อย จอมพลยังคงตอบโต้กับน้องไปมาได้เป็นปกติ ทำเอาผมที่มองดูเขาทั้งคู่เหยียดยิ้มขึ้นมาราวกับลืมตัว

เขาดูเป็นพี่ชายที่แสนดีนะตามใจน้องทุกอย่างแต่ติดตรงที่อารมณ์ร้อนและไม่มีเหตุผลไปสักหน่อยแค่นั้น

“งั้นเดี๋ยวผมปลอกให้” ผมบอกเมื่อจอมพลที่แกะผัดไทให้จอมใจเสร็จกำลังคว้าเอาแอปเปิ้ลที่ซื้อมาออกจากถุงใส่ลงในกะละมัง

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูทำเอง”

“คุณอยู่คุยกับน้องเถอะดูเหมือนเธอมีอะไรอยากจะคุยกับคุณเยอะเลยนะ” ผมว่าก่อนจะถือวิสาะฉวยกะละมังในมือของเขามาถือไว้

“หึ! ได้คุยกันจริงๆ ซะที่ไหน”

“…” ผมนิ่งเมื่อเข้าใจความหมายของคำพูดนี้

“อยากทำนักก็เชิญปลอกอย่าให้เปลือกขาดนะมึง”

“ห๊ะ!?”

“อยากปลอกดีนักนี่กูขอสั่งให้มึงห้ามทำเปลือกขาดไม่งั้นโดน!!”

ผมอ้าปากค้างทันที นี่มันคำสั่งแบบไหนกัน!? ผมไม่ใช่นักปลอกผลไม้นะถึงจะทำขนาดนั้นได้ ความจริงก็ปลอกไม่เอาไหนหรอกแต่คือถ้าให้นั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรมันก็รู้สึกแปลกๆ ไง แล้วไหงพอผมจะช่วยเขาถึงทำแบบนี้กับผมล่ะ! หึ้ย!!

“ไม่พอใจอะไร” เขาถามเมื่อผมเอาแต่จ้องเขานิ่ง

“เปล่า!” ผมกระแทกเสียงตอบ

“งั้นก็ให้ไว”

ผมปรายตามองเขาก่อนจะไปยังประตูห้องน้ำ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจู่ๆ ขาของผมก็ชะงักเมื่อภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนั้นกลับหวนเข้ามาอีกครั้ง ผมยืนนิ่งไม่ไหวติง เหงื่อเริ่มชื้นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก มือผมสั่นเหมือนหัวใจที่เต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกจากอก ทำไงดีผมไม่กล้าเปิดมันเข้าไปเลย

ผมยืนจ้องประตูตรงหน้าอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือจับลูกบิดและออกแรงผลักมันเข้าไปแต่แล้วมือหนาก็ฉวยจับมือผมเอาไว้และแย่งกะละมังแอปเปิ้ลไป

“ไปนั่งกับน้องกูโน่นเดี๋ยวกูล้างเอง” ว่าเสร็จจอมพลก็เข้าห้องน้ำไปทันที

ผมอึ้งกับสิ่งที่เขาทำ เขารู้เหรอว่าผมเป็นอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่?

แต่ก็ช่างเถอะเพราะเมื่อดึงสติกลับคืนมาได้ผมก็ยอมเดินไปนั่งโซฟาข้างเตียงแต่โดยดีก่อนจะสบตากับจอมใจที่มองมาด้วยแววตาสงสัยจนกระทั่งอีกคนเดินออกจากห้องน้ำมาในที่สุด

“อ่ะมีด…ไหนลองปลอกให้กูดูดิ๊” จอมพลยื่นมีดเล็กและแอปเปิ้ลมาให้

ผมรับมาแต่โดยดีก่อนจะเริ่มปลอกมันอย่างตั้งใจ หึ! โครตจะตั้งใจเลยแหละก็แม่ง! ดันลงข้างๆ แถมยังจ้องที่มือผมไม่วางอีก

“มึงทำอะไรของมึง!”

“มันเพิ่งเริ่ม ผมไม่ได้ปลอกมานานก็ต้องมีบ้างสิคุณ” ผมบอกทันทีที่ลงมีดไปได้แค่ไม่ถึงนาที

“หึ! โกหกหน้าด้านๆ” จอมพลเหน็บก่อนจะโวยวายผมออกมาอีกเป็นพรวน

“มันจะเหลืออะไรให้น้องกูกินมึงเล่นปลอกเข้าเนื้อขนาดนั้น!”

“…”

“มีดจะบาดมือมึงอยู่ละเอามาเดี๋ยวกูทำเอง!!”

“ไม่เอาผมทำได้!” ผมรีบเบียงมือหลบเมื่อเขากำลังจะแย่งมันไป

ต้องได้สิน่า…เรื่องแค่นี้มึงอย่าให้เขาดูถูกมึงได้นะเว้ยไอ้ภีม ฮึ!!

“อย่าเกร็งข้อมือมึงมากสิวะ”

“…”

“แบบนั้นเดี๋ยวได้เลือดกันพอดี”

“…”

“โด่ของง่ายแบบนี้มึงยังทำไม่ได้”

“…”

“มึงมะ!...”

“โอเคๆ ผมไม่ทำแล้ว! ยอมรับว่าปลอกไม่เก่งถ้าคุณเก่งนักก็ปลอกเองเลย” ผมยอมแพ้ในที่สุดก่อนจะยัดมีดและแอปเปิ้ลที่ปลอกเปลือกแบบกากๆ ไปให้อีกฝ่าย

จอมพลรับไปพลางปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะลงมือปลอกแอปเปิ้ลที่เหลือจากผม มือหนาทั้งสองข้างของเขาทำงานประสานกันเป็นอย่างดี คนข้างๆ ของผมดูมีความชำนาญภายใต้แววตาคมที่จดจ้องไปยังของในมือนั้นทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายหันมาเยาะเย้ยหลังจากปลอกจนเสร็จในชั่วพริบตาเดียว

“ไงไม่เห็นจะยาก” ว่าเสร็จก็ยักคิ้วกวนมาอีกที

“เหอะ! ขี้อวดเป็นเด็กๆ ไปได้” ผมว่าก่อนจอมพลจะโยนแอปเปิ้ลลูกใหม่มาให้

“เอาไป”

“…”

“ปลอกใหม่เดี๋ยวกูสอน”

“ไม่เอาแล้วคุณทำเองเถอะ” ผมบ่ายเบี่ยงแต่เขากลับจ้องหน้าพร้อมสั่งเสียงดุ

“ถือมีดขึ้นมา”

“…”

“ยังอีก”

“โอเคๆ ถือแล้ว” ผมยอมถือขึ้นมาก่อนคนข้างๆ จะโอบหลังพร้อมกับจับมือผมบังคับให้ค่อยๆ เฉือนเปลือกออกทีละน้อยไปเรื่อยๆ

“มึงอย่าเกร็งมือมึงมากถ้ายังไม่เป็นก็ค่อยๆ ขยับมีดไปทีละนิดไม่งั้นมันจะบาดนิ้วเอา” ผมหันมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ที่ใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของเขา…

ทำไมมันถึงเต้นแรงพอๆ กับผมเลยนะ?

เอาจริงๆ ตอนนี้สติของผมเริ่มจะเตลิดออกทะเลไปไกลจนกู่แทบไม่กลับ ผมไม่สนใจแอปเปิ้ลและมีดที่ถือในมือเลยสักนิด ผมปล่อยในอีกฝ่ายบังคับทิศทางและน้ำหนักของมือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงไอของจอมใจดังขึ้น

ผมดึงสติกลับคืนพลางส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะหันไปสนใจแอปเปิ้ลในมืออีกครั้งแต่กลายเป็นว่ามันถูกอีกฝ่ายใช้มือของผมปลอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เห็นมะ? ยากตรงไหน” จอมพลหันมาพลันปลายจมูกของเขาก็เฉียดเข้ากับปลายจมูกของผมที่หันไปจนอีกฝ่ายชะงักงัน

“…” ผมมองนัยน์ตาสีดำของเขาอยู่สักพักก่อนจะเลือกเป็นฝ่ายผละออกแทน

ให้ตายเถอะ! ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงแบบนี้!?

“ที่กูสอนก็จำไว้ด้วยโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วเรื่องแค่นี้ยังทำไม่เป็น” จอมพลบ่นพลางส่งจานแอปเปิ้ลที่หั่นเป็นคำให้กับจอมใจที่มองมาด้วยใบหน้าฉงน

ผมไม่ตอบก่อนจะลุกขึ้นและเดินผ่านหน้าอีกคนไปทางประตูห้อง

“จะไปไหน” จอมพลถามไล่หลังมา

“ไปข้างนอก” ผมหยุดก่อนจะหันไปตอบ

“ไปทำไม”

“แค่ออกไป…” ผมว่าก่อนจะเหลือบมองไปยังประตูห้องน้ำ

“มึงอยากเข้าห้องน้ำ?” ผมพยักหน้าให้กับคำถามนี้ของเขาก่อนจอมพลจะถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ

“รีบกลับแล้วกัน”

ผมพยักหน้าเข้าใจอีกครั้งก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำด้านนอก ความจริงก็ไม่ได้ปวดอะไรหรอกหาเรื่องออกมาสงบความคิดและความรู้สึกบ้าๆ ซะมากกว่า

ผมกำลังสับสนและไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งเรื่องที่ยอมให้จอมพลนอนกอดเมื่อคืน เรื่องที่ไม่รู้สึกโกรธที่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำกับผมทั้งหมดมันเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว มันแปลกมากๆ ที่ผมไม่โกรธและแปลกที่ผมแค่ประหลาดใจแค่นั้น

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!?

“อ้าวคุณภีมไปไหนมาเหรอคะ” เสียงพยาบาลที่ชื่อิงฟ้าทักขึ้นทันทีที่ผมเดินผ่านเคาน์เตอร์ของเธอหลังออกจากห้องน้ำมา

“ไปเข้าห้องน้ำมาครับ” ผมตอบ

“ทำไมไม่เข้าในห้องน้องจอมใจล่ะคะหรือมันไม่สะอาด?”

“เปล่าครับพอดีผมอยากออกมาสูดอากาศด้วย” ผมต้องโกหกเธอจนได้

“อึดอัดเหรอคะ”

“เปล่าครับแต่ผมไม่ค่อยชินกับโรงพยาบาลสักเท่าไหร่” ผมตอบหน้าแหย

“งั้นเหรอคะ” เธอหมดคำถามก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เอ่อ…คุณอิงฟ้าครับ”

“คะ?”

“พอจะเล่าอาการของจอมใจให้ผมฟังหน่อยจะได้มั้ย” ผมถือโอกาสนี้ถามคนที่ใกล้ชิดกับจอมใจเพื่อจะได้เริ่มสัญญาที่ทำไว้กับจอมพลทันที

“คุณภีมอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ”

“พอดีผมอยากช่วยให้เธอกลับมาพูดอีกครั้งหนึ่งน่ะครับ”

“โห…ยากค่ะคุณภีม น้องจอมใจน่ะเห็นแบบนั้นดื้อเงียบจะตาย” อิงฟ้าตอบพลางทำหน้าเหนื่อย

“งั้นเหรอครับ”

“ค่ะ อิงน่ะอยู่กับเธอมาสองปีแล้ว น้องเขาเหมือนสร้างกำแพงกั้นไม่ให้คนอื่นเข้าไปในโลกที่ตัวเองอยู่ เธอไม่ยอมเปิดใจ ไม่สนใจการรักษา ไม่ยอมทำอะไรเลยนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ ดูหนัง ฟังเพลง และรอให้คุณจอมพลมาหาตอนเย็นแค่นั้น” อิงฟ้าสาธยายเพิ่ม

ฟังดูไม่หมูเลยแฮะ!

“แต่เธอก็ยอมคุยกับผมนะครับ…แบบว่าเขียนตอบ”

“บางวันตอบบางมันนิ่งเป็นแบบนี้ประจำแหละค่ะ”

“แสดงว่าเธอเป็นแบบนี้มาตลอด”

“ใช่ค่ะก็ตั้งแต่ที่เธอฟื้นขึ้นมา”

“เธอหลับไปนานแค่ไหนครับ” ผมถามอีก

“สามเดือนค่ะ พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหาคุณจอมพลเลย”

“สงสัยเธอคงติดเขามาก”

“มากๆ เลยค่ะเห็นว่าอยู่กับคุณจอมพลมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกับแม่พวกเขาต้องดูแลกิจการบริษัทที่ญี่ปุ่นพูดง่ายๆ ก็คือพ่อแม่พวกเขาอยู่ที่โน้นจะไปมาหาสู่กันนานๆ ครั้งเท่านั้นแหละค่ะ” ผมพยักหน้าเข้าใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่มา

ไม่แปลกที่จอมพลจะแค้นผมแทนจอมใจ…

“แล้วตอนที่เธอเข้าโรงพยาบาลล่ะครับพ่อแม่พวกเขาได้มาเยี่ยมหรือเปล่า”

“ก็มานะคะแต่พอรู้ว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้วก็กลับญี่ปุ่นไปยกหน้าที่ดูแลให้คุณหมอบดินทร์กับคุณจอมพลไปโดยปริยาย”

“คุณหมอบดินทร์?” ผมถามกลับเมื่อคุ้นๆ ชื่อนี้

“หัวหน้าแพทย์ประจำแผนกนี้น่ะค่ะ”

“อ๋อ…” ผมทำหน้าเข้าใจ “แล้วที่เธอไม่ยอมพูดมันมีสาเหตุมาจากอะไรครับ”

“มีหลายสาเหตุค่ะ อาจจะเพราะตกใจกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งทางเรามุ่งไปที่อุบัติเหตุค่ะเพราะมันค่อนข้างรุนแรง หรืออาจจะเป็นเพราะมีบางอย่างกระทบกระเทือนจิตใจมากๆ จนทำให้น้องจอมใจปิดกั้นตัวเองอย่างที่บอกไปน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งจะได้ลดปริมาณยานอนหลับไปไม่นานนี้เอง”

“จอมใจต้องทานยานอนหลับด้วยเหรอครับ”

“ค่ะ เธอเคยนอนไม่หลับติดต่อกันห้าวันเลยนะคะ เอาจริงๆ ก็เพราะมีเรื่องค้างคาใจอยู่แหละค่ะแต่แกสร้างเกราะป้องกันตัวเองทำให้ดูเหมือนไม่มีอะไรแท้ที่จริงแล้วน่ะมี”

ผมชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าอย่างงั้นก็เท่ากับว่าสิ่งที่เธอคุยกับผมไปเมื่อกี้อาจจะเป็นวิธีป้องกันตัวเองก็ได้ใช่มั้ย? เธออาจจะโกรธผมแค้นผมก็ได้แต่กลับพูดออกมาแบบนั้นเนี่ยนะ

ผมยืนครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านหลังประชิดตัวพร้อมกับอิงฟ้าที่เหยียดยิ้มข้ามหัวผมไป

“คุยอะไรกัน” จอมพลถามเสียงเรียบ

“คือคุณภีมเขามาถาม!...”

“เรื่องทั่วไป” ผมเอ่ยขัดพลางมองอีกฝ่ายนิ่งจนอิงฟ้าที่เหมือนจะเข้าใจสถานะจะตามน้ำขึ้น

“ใช่ค่ะคุยกันเรื่องทั่วไป นี่ก็กำลังจะถามของโปรดของคุณภีมอยู่เลย” อิงฟ้าพูดก่อนจะเหยียดยิ้มจนตาหยีกลับมา

“คุณมีธุระอะไร” ผมหันไปหาคนข้างหลังเมื่อขอความช่ยวเหลือจากอิงฟ้าสำเร็จ

“มึงช้า” จอมพลตอบก่อนจะโยนเป้ของผมมาให้

“กลับ” ว่าเสร็จก็คว้าแขนผมเดินออกจากแผนกจิตเวชมาทันที

“เดี๋ยวๆ! คุณจะพาผมไปไหน!” ผมโวยวายท่ามกลางขาที่ก้าตามแรงดึงของเขาไปเรื่อยๆ

“กลับคอนโด”

“คอนโดใคร!?”

“มึง”

แม่ง! ตอบมาได้หน้าตาเฉย!

“แต่ผมเอารถมาผมกลับเองได้!”

“จอดไว้ที่นี่แหละวันนี้กูจะไปส่ง”

“ไม่เอาผมจะกลับเอง!” ผมสะบัดมือออกก่อนจอมพลจะหันมาจ้องหน้าด้วยแววตาที่เริ่มจะอารมณ์เสียทันทีที่เขาพาผมมาถึงรถคันหรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อย่าบังคับให้กูต้องลงมือนะภีม”

“…”

“ขึ้นรถ”

“แต่ผม…”

“ตอนนี้มึงต้องทำตามสิ่งที่กูต้องการทุกอย่างจำไม่ได้?”

“…”

“ขึ้นรถ”

ผมปรายตามองคนบังคับเพียงนิดก่อนจะยอมเปิดประตูเดินขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับทันที

“คาดเข็มขัดด้วย” จอมพลสั่งเมื่อเปิดประตูเดินขึ้นมานั่งตรงที่นั่งของคนขับ

“ครับๆ” ผมเอ่ยพลางถอนหายใจก่อนจะสังเกตเห็นกระเป๋าใบโตตรงเบาะหลัง หลังจากที่จอมพลเคลื่อนตัวรถออกมาแล้ว

“นั่นกระเป๋าอะไรของคุณ” ผมถาม

“กระเป๋าเสื้อผ้า”

“คุณจะไปไหน”

“ไปคอนโดมึง”

“คุณจะไปค้างคอนโดผม!?” ผมว่าพลางเบิกตา

“เปล่า”

“…”

“กูไปอยู่”

“ไม่ได้!!” โอ้โห! เด็ดกว่าไปค้างอีกแม่งเอ้ย!

“ทำไม!?”

“อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้”

“กูถามว่าทำไม!?”

ตายแน่ไอ้ภีมเอ้ย!! จะบอกยังไงว่าแดเนียลจะมาหาอย่าบอกนะว่าสงครามของสองคนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นอีก

ไอ้ภีมขอลาตายตอนนี้ทันมั้ย!?

[End of Peam's Part]



TBC................
----------------------------------------------------------
ภีมกำลังตกที่นั่งลำบากไม่รู้ว่าจอมพลจะว่าไงถ้ารู้ว่าแดเนียลจะมา
รถไฟสองขบวนหัวจะชนกันมั้ย กิ่งเหนื่อยแทนภีมจิมๆ


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2017 10:45:41 โดย cheepoke »

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
«ตอบ #56 เมื่อ26-07-2017 11:03:11 »

เนื้อหอมหนักมากภีม

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
«ตอบ #57 เมื่อ26-07-2017 13:20:22 »



กงจักร อาวุธวงกลมมีแฉกแหลมคมล้อมรอบ
'หากไม่อยากเจ็บตัว'
ก็จงหนีเสียก่อนจะโดนคมของมันเฉือนเข้าเนื้อ
ทว่า…หากมันถลำลึกจนเกินกว่าจะหนี
คงมีทางเดียวเท่านั้นที่คุณจะรอด…
คือเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
แม้บางครั้งมันจะคอยสร้างบาดแผลให้มากแค่ไหนก็ตาม!
!


INTRO


“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทผมอีกแล้วนะคุณภีม”

เสียงประธานบริษัทอย่างราชันย์ดังขึ้นสร้างความตกใจเป็นอย่างมากให้กับร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะสีหน้าของเขาเจือนลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“ผะ…ผมทำอะไรผิดเหรอครับคุณราชันย์” ภีมวิทธิ์หรือ 'ภีม' ชายหนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทและเข้าทำงานกับบริษัทแห่งนี้ด้วยตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัทถามขึ้นอย่างสงสัยระคนเสียใจเป็นอย่างมากเพราะเจ้าตัวเพิ่งจะเริ่มทำงานที่นี่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

“ไม่ผิดหรอกคุณทำงานทุกอย่างที่ผมมอบหมายได้เป็นอย่างดี” ราชันย์ตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงพลางมองไปยังอีกฝ่ายที่ได้แต่ขมวดคิ้ว

“แล้วทำไมคุณถึงไล่ผมออกล่ะครับ”  ภีมทำหน้าเศร้าก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเขาไม่เข้าใจออกไป

“ใครบอกว่าผมไล่คุณออก” ร่างสูงตอบอีกคนกลับหน้าตาย

“อะไรนะครับ!?” ภีมถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูก่อนประธานบริษัทอย่างราชันย์จะค่อยๆ อธิบายเขากลับ

“ผมไม่ได้ไล่คุณออกเพียงแต่โยกย้ายตำแหน่งของคุณให้ไปอยู่ในความดูแลของเพื่อนผมเท่านั้น”

“เพื่อน?”

“ใช่พอดีตำแหน่งของคุณที่นี่ผมยกมันให้กับพนักงานอีกคนไปแล้ว” ร่างสูงแสยะรอยยิ้มร้ายออกมาอย่างนึกสนุกเมื่อพูดถึงอีกคนที่เขากำลังจะรับเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แทนภีมวิทธิ์

“พอจะบอกผมได้มั้ยครับว่าใคร” ร่างโปร่งถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะกลัวว่าคนที่มาแทนจะทำงานต่อจากเขาได้ไม่ดีเพราะถ้าหากเป็นคนที่เขาพอจะรู้จัก ภีมก็ยังสามารถไปกำชับกับคนนั้นได้

“เขายังไม่เข้ามาทำงานแต่สำหรับคนนี้ผมจำเป็นต้องจ้างเขาจริงๆ” ราชันย์พูดเพียงแค่นั้น แต่มันกลับทำให้ภีมสบายใจขึ้นเพราะร่างโปร่งเชื่อว่าหากราชันย์มั่นใจก็แสดงว่าคนๆ นั้นมีดีพอจะรับตำแหน่งนี้แทนเขา

“แล้วบริษัทเพื่อนของคุณราชันย์?” ภีมวิทธิ์ถามเมื่อยังไม่ทราบข้อมูลของบริษัทใหม่ที่เขาจะต้องไปทำงาน

“จริงสิ ผมลืมไปเลย…นี่เป็นข้อมูลและระเบียบการทำงานคร่าวๆ ที่ทางนั้นส่งมาให้กับผมเพื่อที่คุณจะได้อ่านและทำความเข้าใจก่อนเริ่มงาน” ร่างสูงยื่นแฟ้มบางที่บรรจุเอกสารเพียงสองสามอย่างให้กับร่างโปร่ง

ภีมรับเอาแฟ้มที่ว่าก่อนจะล้วงเอกสารข้างในออกมาและกวาดสายตาอ่านเนื้อความที่ระบุทั้งคุณสมบัติประจำตำแหน่ง ลักษณะงานประจำตำแหน่งหรือแม้กระทั่งเงินเดือนที่เขาจะได้รับซึ่งมันมากกว่าที่นี้อยู่ประมาณนึงจนร่างโปร่งถึงกับเบิกตาโพรง

“เงินเดือน?”

“ตามนั้น”

“งั้นก็คงมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ” ภีมแย้งเมื่อจำนวนเงินเดือนที่เขาจะได้สูงกว่ามาตรฐานตามวุฒิของเขาอยู่หลายหมื่น

“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้คุณต้องไปถามทางโน้นเขาเองมากกว่าเห็นว่าได้มากกว่าบริษัทผมใช่มั้ย” ราชันย์ถามก่อนที่ภีมจะพยักหน้ายอมรับออกมาอย่างไม่ปิด

“มันก็ใช่ครับแต่ผมคิดว่ามันมากจนเกินไป” ภีมเริ่มหนักใจกับข้อเสนอที่อีกบริษัทให้มาจนไม่กล้าตัดสินใจ

“ไม่มีอะไรมากไปหากทางนั้นเขาเต็มใจจ่ายหรอก เอาเป็นว่าถ้าคุณตกลงเพื่อนผมบอกให้เข้าไปหาวันมะรืนนี้”

“มะรืนนี้เลยเหรอครับ”

“พอดีพนักงานของมันกำลังขาดอยู่เลยเร่งรัดคุณนิดหน่อยไม่ว่ากันนะ”

“เอ่อ…ครับ” ภีมไม่นึกถือสาก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยคำพูดออกไปอีก

“ถ้าอย่างงั้นแล้วคุณราชันย์ครับ” ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาราชันย์

“มีอะไร”

มือเรียวยื่นออกไปตรงหน้าของร่างสูงก่อนที่คนเป็นนายจะยื่นมือของตัวเองคว้าจับกับมือของอีกคนเอาไว้

“ขอบคุณคุณราชันย์มากนะครับแม้ว่าจะเพียงแค่อาทิตย์เดียวแต่ผมก็ได้เรียนรู้งานจากคุณมาก” ภีมพูดออกมาจากใจจริง

“ขอให้คุณโชคดี” ร่างสูงเองก็เอ่ยอวยพรอีกคนกลับเช่นเดียวกัน

“ยินดีที่หลังจากนี้ไปผมก็เคยได้ร่วมงานกับคุณครับ” ภีมโค้งตัวลงก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาที่ราชันย์ใช้มองอีกฝ่ายจนกระทั่งประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือคนข้างนอกอย่างแผ่วเบา ราชันย์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างคิดหนัก สายตาที่เขาใช้มองไปยังประตูห้องยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักใจ…หนักใจเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเจอกับอะไรที่ตัวเขาเองไม่สามารถห้ามได้นอกเสียจากยอมเล่นตามหมากของเพื่อนอีกคนที่กำชับมาอย่างแน่นหนัก




ภีมเดินกลับมายังโต๊ะของตัวเองก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนมินตราพนักงานฝ่ายบุคคลที่บังเอิญเดินผ่านมาต้องออกปากถาม

“คุณราชันย์เรียกภีมไปคุยเรื่องอะไรเหรอ”

“ผมโดนย้าย”

“โดนย้าย!?” มินตราตะโกนลั่นอย่างไม่เชื่อหูก่อนที่พนักงานคนอื่นๆ แถวนั้นจะหันมาให้ความสนใจกับพวกเขาทั้งคู่ทันที

“ใช่วันนี้ก็ทำงานวันสุดท้ายแล้วด้วย” ร่างโปร่งพูดออกมาอย่างระเหี่ยใจก่อนจะเอนหลังพิงพนักพร้อมกับปิดเปลือกตาลงเพื่อทบทวนเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

“ทำไมเร็วแบบนี้ล่ะ” มินตราลากเก้าอี้ที่ว่างบริเวณนั้นมานั่งอย่างใคร่รู้

“ไม่รู้เหมือนกันเห็นว่าทางนั้นขาดพนักงานผมเองก็ยังงงๆ อยู่เลย” ภีมถอนหายใจออกมาอีกระลอกก่อนที่รุ่นพี่ในที่ทำงานคนนี้จะถามขึ้นอีก

“แล้วย้ายไปไหนล่ะ”

“ไม่รู้”

“อ้าว!”

“ก็ผมยังไม่ได้สนใจบริษัทนั้นนี่นาแค่รู้ว่าจะโดนย้ายก็จุกจนพูดไม่ออกแล้ว”

“แต่พี่อยากรู้จังเลยอะภีม” เสียงหวานที่ถูกส่งออกมาโดยขาเม้าท์ประจำบริษัททำเอาภีมที่ปิดพับดวงตาอยู่ถึงกับขนลุก

“ในแฟ้มนี่แหละครับถ้าพี่มินอยากรู้ก็เปิดดูได้เลยแต่ตอนนี้ขอผมทำใจสักพักนะ” ร่างโปร่งเอื้อมมือตบลงบนแฟ้มที่ถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนที่มินตราจะหยิบขึ้นมาเปิดดูทันที

“หูย~ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะภีมนี่มันบริษัทคู่ค้ารายใหญ่ของเราเลยนะ” ภีมลืมตาขึ้นก่อนจะถามอีกฝ่ายถึงคำพูดที่เพิ่งจะได้ยิน

“พี่มินว่าไงนะครับ”

“ก็นี่ไง! ทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนี้นะ!” มินตราเอ็ดก่อนจะหยิบเอาเอกสารแผ่นดังกล่าวออกมาพร้อมกับยื่นไปตรงหน้าของเขาและชี้ไปยังชื่อบริษัทที่เด่นหราบนหัวกระดาษด้วยท่าทีตื่นเต้น

“ก็ผมเพิ่งมาทำงานได้แค่อาทิตย์เดียวนี่นา ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู” ภีมที่มองตามปลายนิ้วเรียวพูดขึ้น

“ได้ทำงานที่นี่ก็ไม่ต้องคิดมากแล้วภีมเอ้ย!” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองเนื้อความข้างในอีกครั้งก่อนจะสะดุดเข้ากับชื่อบริษัทที่ตัวเขาเองกลับไม่รู้จักจนต้องเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ขนาดนั้นเลย?”

“แหงล่ะแว่วๆ มาว่าสิ้นปีที่แล้วทำกำไรตั้งหลายร้อยล้านแหนะ” มินตราว่าพลางตาลุกวาว

“โชคดีแล้วกันนะน้องรักไว้ว่างๆ มาหากันบ้างนะพี่คิดถึง” มือเรียวตบลงบนไหลของร่างโปร่งก่อนที่มีนตราจะเดินจากไปในที่สุด

ภีมวิทธิ์หันกลับมามองแผ่นกระดาษตรงหน้าอย่างครุ่นคิดอีกครั้ง ชื่อบริษัทที่ไม่เคยเห็นหากแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกคุ้นหูขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

'CHOM Group Co., Ltd.'

บริษัทนี้ลงทุนจ้างเขาด้วยเงินเดือนสูงขนาดนั้นเพื่ออะไรกันนะ!?


TBC...


------------------------------------------

อยากบอกว่าคู่ที่แซ่บกว่าคู่แรกอีกนะคะ ยังไงก็ฝากงานเขียนนี้ไว้ด้วยนาาา
ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้จบแล้วทั้งคู่ค่ะ จะมาอัพให้อ่านวันละ 2 บทนา
ส่วนเรื่องอื่นๆ รอติดตามเนอะ เพราะมันยังไม่ถึงไหน อิอิ



 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
«ตอบ #58 เมื่อ26-07-2017 20:36:58 »

คือจอมพลควรกรรมตามสนองนะ แบบโดนภีมเมิน ไม่เห็นอยู่ในสายตาอะไรประมาณนั้น

ออฟไลน์ cheepoke

  • ^_^\/ สู้ๆ ฮู้เล่ๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/
Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
«ตอบ #59 เมื่อ26-07-2017 20:40:47 »



CHAPTER 15




“วันนี้มันทำไม? มึงถึงให้กูไปคอนโดไม่ได้” จอมพลกดเสียงต่ำถาม

“เอ่อ…คือ” ร่างโปร่งอึกอักพลางรวบมือกำไว้บนตักแน่น

“ภีม”

“ก็แค่ไม่ใช่วันนี้!...ได้มั้ย” ภีมพยายามขอแต่จอมพลกลับมองอีกฝ่ายนิ่ง

“กูพอจะเดาออก…มีใครกำลังจะมาหามึงใช่มั้ย” ร่างสูงเอ่ยถามทันทีที่รถหยุดอยู่ตรงไฟแดง

“ชะ…ใช่” ภีมที่ไม่รู้จะปิดบังยังไงทำใจกล้าบอกออกไป

“ใคร?” เสียงทุ้มสวนถามขึ้นทันที

“เพื่อน”

“เพื่อนน่ะใคร?”

“…”

“ไอ้ฝรั่งลูกครึ่งคนนั้น?”

“เขาชื่อแดเนียล”

“ใช่มันจริงๆ?”

ร่างโปร่งพยักหน้ารับก่อนจอมพลจะถอนหายใจออกมาพลางบีบพวงมาลัยจนห็นเส้นเลือดที่มือปูดนูน

“มันมาทำไม”

“ไม่รู้”

“…”

“มันบอกแค่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย…อันที่จริงก็ตั้งแต่เมื่อวาน” ภีมว่าพลางหันมองเสี้ยวหน้าของคนที่เคลื่อนตัวรถออกจากสี่แยกและขับมาเรื่อยๆ

“งั้นก็ให้มันมา” จอมพลตอบเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบสำหรับเรื่องนี้

“ผมตอบตกลงมันไปแล้ว” ภีมบอกความจริง

“แม่ง!!” ร่างสูงสบถก่อนจะหันไปจ้องคนข้างๆ เขม็ง

“ก็มันห้องผมนี่นา”

“เออ! กูรู้หรอกว่าห้องมึงแต่มึงจะไม่ถามผัวตัวเองสักคำ?” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็เบิกตาทันที

“คุณจอมพลผม!...”

“กูจะยัดเยียดคำนี้ให้มึงจะทำไม?”

“…”

“ตามพฤตินัยแล้วมึงเป็นเมียกูเป็นผัวส่วนไอ้ที่มันกำลังจะมานั่นน่ะเขาเรียกชู้!”

“!!”

“หรือไม่จริง?” ภีมหมดจะสรรหาคำไหนมาเถียงอีกฝ่ายทันที

“หยุดต่อล้อต่อเถียงก่อนที่กูจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” จอมพลเยียดยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

ร่างสูงลอบมองเสี้ยวหน้างอง้ำของอีกคน จอมพลยอมรับว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ คนข้างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ แม้วันนี้ทั้งวันเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายด้วยการไม่พูดไม่ทำอะไรให้แต่จนแล้วจนรอดความรู้สึกบางอย่างกลับเรียกร้องให้เขายิ่งอยากจะแกล้ง ยั่วโมโหและร้ายใส่อักฝ่ายไม่หยุด เพราะร่างสูงชอบที่จะเห็นใบหน้าเรียวนั้นแสดงอาการต่างๆ ออกมามากกว่าเรียบนิ่งและเฉยชาเป็นไหนๆ
:
:
:
รถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดในที่จอดรถคอนโดของภีม ร่างโปร่งปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเปิดประตูเดินลงมาพร้อมกับอีกคนที่พอออกจากรถมาปุ๊ป ร่างสูงก็เดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาทันที

“เอาจริงๆ ผมไม่อยากให้คุณอยู่ด้วยตอนแดเนียลมา” ภีมบอกความประสงค์ของตัวเองในขณะที่พวกเขาอยู่ในลิฟต์

“กูไม่อยู่เป็นก้างหรอกไม่ต้องห่วง” จอมพลว่า ร่างสูงพูดขึ้นด้วยความใจเย็นจนภีมรู้สึกไม่คุ้น

“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน”

“กูจะอยู่ในห้องนอนมึง”

“…”

“คงไม่เข้าไปทำอะไรกันในนั้นใช่มั้ย?” ว่าเสร็จก็มองไปยังอีกคนด้วยแววตาจับผิดทันที

“ไม่มีใครคิดอกุศลแบบคุณหรอก” ร่างโปร่งบ่นพลางกรอกตามองบน

“ขอบคุณที่ชม” จอมพลกวนกลับ

“ผมด่าเหอะ!”

“แต่กูถือว่ามันเป็นคำชม”

“เอาที่สบายใจแล้วกัน”

บทสนทนาจบลงด้วยการที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ภีมเดินนำไปยังหน้าห้องของตัวเองก่อนจะไขลูกบิดเข้าไปโดยมีคนตัวสูงเดินตามติดๆ จอมพลวางกระเป๋าลงบนโซฟาห้องรับแขกก่อนจะเดินตามเจ้าของห้องที่เดินเข้าไปในครัว

“ขอกูด้วย” ร่างสูงบอกภีมที่เทน้ำใส่แก้ว

ร่างโปร่งทำตามอย่างว่าง่ายพลางยื่นให้อีกฝ่ายไปแต่แล้วร่างสูงกลับคว้าข้อมือข้างที่ภีมยื่นมาพร้อมกับพลิกตัวและรวบภีมไว้ในอ้อมกอดจนตอนนี้กลายเป็นว่าจอมพลกำลังกอดภีมจากทางด้านหลังอยู่กรายๆ

“คะ…คุณทำอะไรเนี่ย!? ดีนะที่แก้วไม่แตก!” ร่างโปร่งออกปากว่า

“ก็ยังไม่แตกนิวะ” ว่าเสร็จมือหนาก็ยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มก่อนจะงับเข้าที่หูของอีกคนเมื่อกลืนลงคอไปจนหมด

“อ่ะ!”

“หึ!”

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!?” ภีมดิ้นหนี

“กูหิวแล้วมีไรให้กินบ้าง” จอมพลว่าก่อนจะคลายอีกคนออก

“ไม่มี! ถ้าคุณอยากกินผมมีมาม่าคัพบนตู้ใส่น้ำร้อนแล้วไปทานในห้องนอนผมเลย!” ภีมหันไปจ้องจอมพลเขม็งพลางจับหูของตัวเองด้วยใบหน้าขึ้นสี

“แล้วมึงไม่กิน?”

“เดี๋ยวแดนจะซื้อมา”

แป้ก!! กรอด!~

“!!”

“ทำไมมึงไม่บอกกูก่อน” จอมพลขบกรามแน่น ร่างสูงกระแทกแก้วในมือลงบนโต๊ะจนมันร้าวก่อนภีมจะหลุบตาลงต่ำพลางเอ่ยอ้อมแอ้มกลับ

“ผมจำเป็นต้องรายงานคุณทุกอย่างหรือไง”

“นั่นเป็นนิสัยที่ดีของเมีย”

“คุณ!...”

“จำเอาไว้!” ว่าเสร็จก็เดินออกจากครัวก่อนจะแบกกระเป๋าเดินเข้าห้องนอนของร่างโปร่งไปทันที

ภีมมองตามแผ่นหลังกว้างของอีกคนด้วยความรู้สึกหวิวๆ วันนี้จอมพลเปลี่ยนไปมากแม้จะมีคาดคั้นและแสดงความไม่พอใจแบบนั้นออกมาบ้างแต่ก็ถือว่าร่างสูงละทิ้งความร้ายลงไปมาก มากจนร่างโปร่งเริ่มจะใจเต้นแรงทุกทีที่ถูกอีกคนจับเนื้อต้องตัว

ภีมเปิดประตูห้องนอนตามหลังจอมพลเข้าไป แววตาของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงฉายความไม่พอใจออกมาจนหมดก่อนร่างโปร่งจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ผมขอร้องคุณอย่าเสียงดังนะ”

“มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่ง” จอมพลเอ่ยลอดไรฟัน

“แต่ผมไม่อยากเห็นพวกคุณทะเลาะกัน”

“กูไม่ได้เริ่ม”

ร่างโปร่งมองคนที่ตีสีหน้าไม่สบอารมณ์ตรงหน้าพลางถอนหายใจออกมา

“เฮ้อออ…ถ้างั้นอยากทำอะไรก็เชิญแต่อย่าออกมาจนกว่าแดเนียลจะกลับถือว่าผมขอร้องแล้วกัน” ภีมเหนื่อยจะคุยตอนนี้เขารู้เกี่ยวกับอีกคนแล้วว่า…

จอมพลน่ะดื้อเงียบ!

“มึงกลัวมันรู้ขนาดนั้น?” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายพร้อมกับถามขึ้น

“ผมไม่อยากตอบคำถามมัน” ภีมว่า

“ตอบว่ากูเป็นผัวส่วนมึงก็เป็นเมียก็จบ!”

“แต่คำว่าผัวเมียมันใช้ไม่ได้สำหรับคนที่แค้นกันนะ”

“…”

“ผมขอตัวก่อนอีกเดี๋ยวมันคงมาถึง” ว่าเสร็จภีมก็เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงจอมพลที่สะอึกกับคำพูดของอีกฝ่าย

ร่างสูงมองแผ่นหลังของคนที่เดินออกไปด้วยความคับแน่นไปทั้งอก จอมพลเองก็รู้สึกสับสนไม่แพ้กันที่คำพูดและการกระทำของเขามันสวนทางกันไปหมด เขาเริ่มรู้สึกตั้งแต่เห็นแววตาว่างเปล่าของภีมเมื่อวันก่อน เขาไม่อยากถูกอีกฝ่ายมองเป็นเพียงอากาศธาตุ เขาอยากให้ภีมพูดคุยด้วยดีๆ ซึ่งความรู้สึกพวกนี้มันบ้ามาก! แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้ในใจเขากลับร้อนรุ่มไปหมดเมื่อรู้ว่าอดีตแฟนของภีมกำลังจะมา พวกเขาทั้งคู่กำลังจะทานข้าวด้วยกัน ความคิดในหัวของร่างสูงกำลังดำดิ่งจนฉุดให้รู้สึกโหวงไปหมดจนตอนนี้จอมพลอยากที่จะก้าวข้ามคำว่าแค้นนั่นมาซะจริงๆ!
:
:
:
“ข้าวมันไก่ไม่อร่อยเหรอ” แดเนียลถามภีมที่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา

“เปล่าก็อร่อยดี”

“แต่ทำไมมึงกินนิดเดียว”

“กูไม่ค่อยหิวว่ะ” ภีมว่าก่อนจะมองไปยังประตูห้องนอนอยู่อย่างนั้น

“มึงมีเรื่องไรในใจหรือเปล่า”

“ไม่มี…ว่าแต่มึงเถอะบอกมีเรื่องจะคุยกับกูอะเรื่องไร” ภีมหันมาเข้าเรื่อง

“เฮ้อ…ยากที่จะพูดว่ะ” แดนเนียลว่าพลางวางช้อนในมือลง

“…”

“คือกูจะกลับอเมริกา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีน้ำข้าวจดจ้องไปยังภีมเพื่อรอคำตอบ

“เหรอ? เมื่อไหร่ล่ะ?” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเฉยๆ

“ทำไมมึงดูไม่เสียใจเลยวะ” แดเนียลที่ผิดหวังสวนถามกลับ

“มึงจะกลับบ้านของมึงกูจะเสียใจไปทำไม” ภีมว่าเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่แดเนียลพูด

“ภีมกูถามจริงเถอะตลอดเวลาที่กูอยู่ไทยเนี่ยมึงไม่รู้เลยเหรอว่าเพราะอะไร”

“…”

“กูอยู่ก็เพราะมึง”

“แดนคือกู!...” ร่างโปร่งพยายามขัด

“กูอยากทำให้มึงหายโกรธเรื่องนั้นจริงๆ แล้วเราก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ กูยังไม่ถอดใจจากมึง มึงเองก็น่าจะให้โอกาสกูบ้าง กูเพิ่งทำผิดแค่ครั้งเดียวนะเว้ย! แล้วกูก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกตอนนั้นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบมึงก็รู้กูไม่ได้รักอลิสแต่กูรักมึง!”

“แดนมึงฟังกู!” ร่างโปร่งตะคอกกลับจนอีกฝ่ายชะงัก

“เรื่องของมึงกับกูมันจบไปแล้วกูหายโกรธมึงแล้วแต่เรากลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้!”

“ทำไมจะไม่ได้มึงเองก็ไม่มีใคร!...หรือว่าเพราะหมอนั่น”

“ไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดทั้งนั้น” ภีมหลบสายตาที่จ้องมาอย่างจับผิด

“แล้วทำไมเราสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้!”

“เพราะกูไม่ได้รักมึงแล้ว!”

“!!”

“กูไม่ได้รักมึงแล้วแดนตอนนี้สิ่งที่กูให้ได้ก็แค่คำว่าเพื่อน” ร่างโปร่งว่า “อย่าทำให้กูต้องเอาคำนี้คืนจากมึงอีกเลยมึงเป็นคนดีไม่นานมึงก็เจอคนใหม่” แดเนียลกระอักชะงักไป

“ไม่…กูรักมึงนะภีมกูไม่มีทางรักใครได้อีก” ร่างสูงตรงหน้าไม่ยอมรับ

“อย่าพูดแบบนั้น”

“…”

“ชีวิตนี้มึงต้องเจอคนอีกมากเชื่อกูสิว่ามึงจะเจอ” ภีมว่าก่อนจะเอื้อมจับมือของร่างสูง

“มึงแม่งโครตใจร้าย!”

“กูแค่เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคนพวกเราไม่เหมาะที่จะรักกันแบบนั้นหรอก”

“ภีมมึงกำลังทำกูเจ็บ” แดเนียลว่าพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“มึงเองก็เคยทำกูเจ็บ”

“…”

“หายกันซะทีนะกลับไปเถอะมึงไม่ต้องอยู่ที่นี่เพราะกูอีกแล้วอยู่เพื่อตัวมึงเองดีที่สุด”

“มึงแม่ง!” ร่างสูงสบถออกมาหากทว่าภีมกลับไม่สนใจ ร่างโปร่งถามเปลี่ยนเรื่องทันที

“แล้วกลับวันไหน”

“…”

“จะไม่คุยกับกู?”

“มะรืนไฟล์ทสิบโมงเช้าไปส่งกูด้วย”

“ได้”

“ทีงี้แหละยิ้มเชียวมึงอยากให้กูกลับไปมากสินะ” ร่างสูงเอ่ยเหน็บเมื่อคนตรงหน้าฉีกยิ้มจนตาหยี

“กูไม่อยากให้มึงจมปรักอยู่อย่างนี้ต่างหาก”

“เหอะ!” แดเนียลสบถออกมาเพียงเท่านั้นก่อนบรรยากาศการทานข้าวจะดำเนินต่อไปแม้ว่าจะอึดอัดขึ้นมาบ้างแต่ภีมก็ดีใจที่กล้าพูดในสิ่งที่คิดมาตลอดออกไปจนหมด
:
:
:
ร่างโปร่งเดินเข้าห้องนอนไปหลังจากออกไปส่งแดเนียลที่หน้าห้อง ภีมมองไปบนเตียงที่มีร่างสูงนอนอยู่พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงก่อนมือหนาของคนที่ดูเหมือนจะหลับไหลไปแล้วจะฉวยข้อมือของคนที่อีกอยู่และออกแรงดึงจนภีมล้มนอนลงบนเตียง

“คุณจอมพล!”

“พูดได้ดีนี่” ร่างสูงว่าก่อนจะยกแขนพาดตัวภีมไว้ไม่ให้หนี

“อะไร?”

“ก็ที่มึงพูดกับไอ้ฝรั่งนั่น”

“ก็แค่ความจริง ผมพูดตามความจริงผิดตรงไหน?”

“ไม่ได้บอกว่าผิดได้ยินเมื่อกี้มั้ยกูบอกว่ามึงพูดได้ดีหรือหูมีปัญหา?” ว่าเสร็จจอมพลก็เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนภีมหดคอหนี

“อย่านะ!”

“หรือเพราะตอนอยู่ในครัวเลยทำให้มึงหูเพี้ยน” ภีมมองหน้าอีกคนนิ่งอึ้งท่ามกลางใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่คิดถึงมัน

“หยุดพูดแล้วปล่อยด้วยผมจะไปอาบน้ำ!” ภีมดิ้น

“แล้วที่มึงพูดว่าจะไปส่งมัน มึงจะไปจริงๆ?” จอมพลเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่”

“แต่มะรืนพนักงานบริษัทจะไปมีตติ้ง”

“มีตติ้ง?”

“กิจกรรมที่จะจัดขึ้นทุกปี”

“จัดที่บริษัท?”

“เปล่าปีนี้ไปเขาใหญ่”

“งั้นผมไม่ไปได้มั้ย” ภีมขอร้องก่อนร่างสูงจะถามเสียงแข็ง

“มึงอยากไปส่งมัน!?”

“มันเป็นเพื่อน”

“แต่มันเป็นเพื่อนที่รักมึง!”

“คุณจอมพล…” ร่างโปร่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยระงับความคิดของอีกฝ่ายแต่แล้วคำพูดต่อมายิ่งทำให้ภีมอึ้งกิมกี่

“พนักงานทุกคนต้องไปรวมถึงกูด้วยถ้ามึงอยากไปส่งมันนักมึงต้องยอมให้กูไปด้วยแล้วค่อยขับรถตามไปเขาใหญ่กันทีหลัง”

“…”

“ว่าไง?”

“คุณ…ไม่สบายหรือเปล่า?” ภีมถามพลางมองหน้าจอมพลนิ่ง

“ทำไม?”

“วันนี้คุณมีเหตุผลและก็…ไม่ร้ายเหมือนวันก่อน”

“แล้วมึงอยากให้กูเป็นแบบไหน” ร่างสูงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกทั้งสองคนแทบจะสัมผัสกัน

“…”

“กูถาม”

“มะ…ไม่รู้” ภีมเอ่ยตะกุกตะกัก

“หึ! ถ้ากูดีด้วยมึงจะยอมคุยกับกูเหมือนที่คุยกับคนอื่นมั้ย?” จอมพลถามเสียงเรียบ ดวงตาสีดำจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ

“หมายความว่าไง” ภีมเลิกคิ้วถาม

“กูไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวกูเป็นอะไรแต่กูแค่อยากได้สิทธิ์นั้นจากมึง”

“…”

“ว่าไง?”

“ผมก็คุยกับคุณเหมือนคนอื่นๆ นี่” ภีมว่าพลางหลบตา

“…”

“ไม่เหมือนตรงไหน?”

“ตรงที่มึงไม่เคยยิ้มให้กู” จอมพลเอ่ยก่อนร่างโปร่งจะชะงักไปทันที

“…”

“กูจะดีก็ต่อเมื่อมึงทำตัวดีและทำตามสัญญา” ร่างสูงว่าพลางกระชับตัวอีกคนเข้าใกล้ตัวเองมากยิ่งขึ้นก่อนจะหมายหัวกลับไป

“แต่หากเมื่อไหร่ที่มึงทำให้กูเดือดขึ้นมากูไม่รับรอง”

“แล้วอะไรที่มันจะทำให้คุณเป็นแบบนั้น” ภีมสวนถามกลับเสียงอ่อน

“…”

“แค่อยากรู้จะได้ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว” ร่างโปร่งมองใบหน้าที่ไร้ที่ติของอีกฝ่ายก่อนจอมพลจะถอนหายใจและพูดสิ่งที่ต้องการออกมาในที่สุด

“กูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร”

“…”

“เข้าใจใช่มั้ย?”

“อืม”




TBC........
----------------------------------------------
ร้ายกับเขาไว้แต่ก็อยากให้เขาดีด้วยนี่ยังไงคะเฮีย? คิดได้แล้วเหรอหรือยังไง?
สงสารแดเนียลจับใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องปล่อยเขาไป
ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด