█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█
┠ 7 ┨
ผมกำลังสับสน..
จากคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด แต่เพียงเพราะใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้แค่ไม่กี่วันกลับมีอิทธิพลทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ ภายในใจคิดต่อต้านแต่ก็ยังทำตามที่อีกฝ่ายพูดอย่างว่าง่าย หรือแม้กระทั่งแค่เห็นใบหน้าที่เศร้าและแววตาคมเข้มที่มองมาอย่างตัดพ้อก็ทำเอาจิตใจของผมกระวนกระวายไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้น
คนๆ ชั้นชื่อ กองทัพ เกียรติไพศาลกิจ เชื่อเล่นว่า เทมป์
ผ่านมา 5 วันแล้วที่ผมมีคนคอยรับคอยส่ง ต่อให้ต้องกลับดึกสักแค่ไหนฝ่ายนั้นก็จะนั่งอ่านหนังสือรออยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ และแม้หลายครั้งที่ผมเหมือนจะหมดความอดทนแต่สุดท้ายแล้วก็จบลงตรงที่ยอมแพ้ให้กับรอยยิ้มและแววตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนทุกครั้ง ผมเคยปรึกษาเรื่องพวกนี้กับออม โบว์ และซัน ซึ่งทั้ง 3 คน ให้คำตอบไปในทางเนียวกันก็คือ ผมควรจะต้องให้เวลาทบทวนทำความเข้าใจตัวเองอีกครั้งว่าต้องการอะไร.. และไม่ว่าคำตอบของผมจะเป็นยังไงทุกคนก็พร้อมและยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่
เทมป์เป็นผู้ชาย เป็นรูมเมท เป็นุร่นน้อง และยังเป็นแฟนเก่าของออมหลานสาวของผมเอง ผมค่อยๆ หันไปมองแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่อีกฝั่ง แต่ดันสบตากับแมวน้อยสีส้มแทน แม้ว่าแมวจะแสดงออกถึงความรักไม่เก่งเหมือนน้องหมาแต่ก็อย่าเผลอไปจ้องตานะครับไม่เช่นนั้นคุณอาจจะตกหลุมรักมันได้โดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว อีกทั้งแมวมันยังอ่านใจคนได้ด้วยนะครับว่าคนไหนที่รักหรือไม่รักมัน
สีส้มที่นอนเฝ้าเจ้านายอ่านหนังสือลุกขึ้นยืดตัวอย่างเกียจคร้านก่อนจะกระโดดลงจากโต๊ะฝั่งนั้นแล้วเปลี่ยนมานั่งบนพื้นมองผมตาแป๋ว
“เมี๊ยว”
“สีส้ม”
เรียกชื่อแมวน้อยพร้อมกับตบหน้าขา สีส้มก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักของผมแล้วอ้อนให้ผมลูบหัวลูบคาง เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง
“ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้อ้วน”
“นั่นสินะ.. ให้มันน้อยๆ หน่อย”
ผมไม่ได้ว่าแมวนะครับ แต่ว่าเจ้าของมันต่างหาก ผมตวัดหางตามองอีกฝ่าย แต่จะมีเหรอที่เจ้าตัวจะรู้สึกรู้สาแถมยังทำหน้าระรื่นแถมหัวเราะ
‘หึๆ’ อีกต่างหาก
“เทมป์นี่ย่อมาจากเทมโปรึเปล่า?”
“หืม?”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้วมองผมคล้ายว่าจะไม่เข้าใจในคำถาม
“ชื่อเล่นไง”
“อ่อ....”
ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อถึงบางอ้อ จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายออกมา
“เทมป์ ย่อมาจาก เทมโป หมายถึง ความเร็วในการเล่นเครื่องเล่นดนตรี”
“อ่อ”
ผมพยักหน้า แล้วตั้งท่าจะหันกลับมาทบทวนบทเรียนของตัวเองต่อ แต่แว่บหนึ่งในสมองก็คิดอะไรขึ้นมาได้
“เทมโป.. ในภาษาอิตาลีแปลว่า.. เวลา”
เจ้าของชื่อเงียบไปอีกรอบ ดวงตาคู่คมมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แค่เพียงครู่เดียวใบหน้าคมก็จุดยิ้มมุมปาก
“ขอบคุณนะ”
“หืม? เรื่อง?”
“เวลา”
งงสิครับ อะไรของเขาอีกล่ะเนี่ย ผมส่ายหน้าแล้วปล่อยให้สีส้มไปเล่นตามประสาก่อนจะหันกลับมาสนใจบทเรียนต่อ
วันนี้ผมมีเรียนปฏิบัติในห้องแล็ปหลังเรียนเสร็จก็นั่งสรุปงานกันต่อกว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเกือบถึงเวลาปิดหอพัก เลยโทรบอกที่บ้านว่าให้น้าปองมารับกลับบ้านตอนสายๆ ของวันพรุ่งนี้แทนครับ ส่วนรูมเมทของผมพอได้ยินผมโทรบอกที่บ้านแบบนั้นก็เอาบ้างครับ นี่กะจะเกาะติดกันตลอดเป็นปลิงเลยรึไง ถึงแม้อยากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ ผมกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย
.
.
.
.
น้าปองมารับตรงเวลาเหมือนอย่างเคย คนขับรถของอีกฝ่ายก็มาตรงเวลาเช่นกัน ตอนอยู่ในลิฟท์ผมแอบมองร่างสูงที่ถือลังกระดาษไว้ในอ้อมแขน ซึ่งในลังนั้นสีส้มแมวน้อยผู้รู้งานก็นอนนิ่งไม่ร้องเอะอะโวยวายสักนิดเดียว เห็นแล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แอบมองแล้วยิ้ม เทมป์จะคิดว่าเต็มมีใจให้นะ”
เอากับเขาสิครับ แค่นิดๆ หน่อยก็ขอให้ได้เล่นได้หยอด
“ยิ้มให้สีส้มต่างหาก”
ร่างสูงหัวเราะ
‘หึหึ’ ในลำคอได้กวนบาทามากครับ แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบแทนการต่อปากต่อคำ จนเดินมาถึงชั้นล่าง ป้าสมนึกหันมามองพวกเราด้วยสายตาวิบวับ ผมส่งสายตาให้เทมป์พาสีส้มเดินขึ้นรถไปก่อนส่วนตัวเองจะอยู่ดึงความสนใจของป้าสมนึกต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจึงปลีกตัวออกมา
ยกมือไหว้สวัสดีน้าปอง ฝ่ายนั้นก็รีบยกมือรับไหว้แล้วเปิดประตูให้ผมรอจนผมขึ้นไปนั่งเรียบร้อยจึงค่อยปิดประตูจากนั้นก็กลับไปนั่งประจำหลังพวงมาลัย แต่ยังไม่ทันจะได้ออกรถกระจกหน้าต่างตรงเบาะหลังฝั่งที่ผมนั่งก็ดัง
‘ก๊อกๆ’ ขึ้นซะก่อน ผมจึงกดเลื่อนลดกระจกลง แล้วใบหน้าหล่อคมเข้มโน้มลงมามันใกล้เสียจนผมเห็นแพขนตายาวชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ขยับตัวเองออก
“เต็ม”
อีกฝ่ายเรียกชื่อของผมแล้วอมยิ้ม
“ถ้าคิดถึงเทมป์ละก็.. โทรหาหรือไลน์มาได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ”
จะพูดอะไรก็ให้เกียรติผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถของผมด้วย ยังไงน้าปองก็อายุมากกว่าคุณพ่อของนายนะเทมป์
“แค่นี้ใช่มั๊ย?”
คำตอบคือรอยยิ้ม
“ไปได้แล้ว”
ไล่ด้วยการกดเลื่อนกระจกขึ้น จากนั้นก็สั่งให้น้าปองออกรถ และเมื่อรถเคลื่อนตัวมาได้ระยะหนึ่งผมจึงหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่ากลับขึ้นรถไปรึยัง
“หลานชายคนเล็กของเจ้าสัวยางเหรอครับคุณเต็ม”
คำถามที่ดังขึ้นทำให้ผมหันกลับมามองน้าปองผ่านกระจกหน้ารถ
“ใช่ครับ.. น้าปองรู้จักด้วยเหรอครับ?”
“ถ้าไม่บอกก็จำไม่ได้หรอกครับ แต่พอดีผมรู้จักลุงอ่ำคนขับรถของบ้านเจ้าสัวยาง เมื่อกี้ได้คุยทักทายกันนิดหน่อยหน่ะครับ”
“อ่อ”
“ผมเคยเห็นคุณเขาตอนเด็กๆ พอโตเป็นหนุ่มแล้วไม่เหลือเค้าตอนเด็กเลยสักนิด”
“ตอนเด็ก? น้าปองเคยเห็นที่ไหนเหรอครับ?”
“ก็ในงานเปิดตัวธุรกิจของคุณขวัญยังไงล่ะครับ ที่จำได้เพราะตอนนั้นคุณเขาทำคุณเต็มร้องไห้จ้าตั้งแต่ลงจากเวทีจนจบงานเลยทีเดียว”
น้าปองหัวเราะขำกับเรื่องราวในอดีต แต่ผมนี่สิได้แต่ร้อง
‘หืม??’ ดังลั่นอยู่ในใจ
“ตอนเด็กๆ เขาเป็นยังไงบ้างครับ? ผมหมายถึงรูปร่างหน้าตา”
“อ่อ.. อ้วนกลมจ้ำหม้ำมากครับ ผมถึงบอกยังไงล่ะครับว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วไม่เหลือเค้าตอนเด็กเลยสักนิด”
ห๊ะ?? อ้วนเหรอ? นึกภาพไม่ออกเลยสักนิด
“แล้วน้าปองรู้มั๊ยครับว่าเขาทำอะไรผมถึงได้ร้องไห้?”
“เอ.. เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ รู้แค่ว่าคุณเต็มร้องไห้ไม่ยอมหยุดจนเสียงแหบเสียงแห้งแล้วหน้างี้แดงแจ๋เลย น่าสงสารมากเลยล่ะครับ”
คนเล่าความหลังส่งยิ้มให้ผมด้วยความเอ็นดู
“คุณเต็มจำไม่ได้เหรอครับ?”
“จำได้ครับ.. แต่จำไม่ได้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและก็จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร”
จะว่าผมเป็นประเภทสมองปลาทองก็ไม่ใช่นะครับ แต่เวลามันผ่านมานานเกินไปผมจึงไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด เรื่องราววัยเด็กที่จำได้ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าประทับใจทั้งนั้น จำไม่ได้สักนิดว่าเคยร้องไห้กลางงานพี่ขวัญ
“ก็ตอนนั้นคุณเต็มยังเด็กนี่ครับ จะให้จำได้ทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ”
นั่นสินะ.. ผมส่งยิ้มให้น้าปองแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงบ้าน
.
.
.
.
กลับถึงบ้านป้าทิพย์ก็ยืนยิ้มแฉ่งรอผมอยู่หน้าบ้าน ป้าทิพย์รับกระเป๋าเป้จากผมแล้วส่งให้เด็กรับใช้เอาขึ้นไปเก็บไว้บนห้องนอน
“คุณพ่อคุณแม่ล่ะครับ”
“คุณๆ รอคุณเต็มอยู่ที่ห้องทานข้าวแล้วค่ะ”
อีกไม่กี่สิบนาทีก็เที่ยงตรง และเพื่อไม่ใช้ผู้ใหญ่ต้องรอนาน ผมจึงเดินตรงไปที่ห้องทานข้าวทันที แต่เมื่อไปถึงก็เจอแค่อาหารที่จัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งดูจากจำนวนจานที่วางตามตำแหน่งที่นั่งมีมากกว่า 4 ที่ หรือว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีแขก
กำลังจะเรียกใครสักคนมาถาม แต่ออมก็โผล่มาจากประตูฝั่งครัวเสียก่อน
“อาเต็มขา ทางนี้ค่ะ”
“ออม”
เดินเข้าไปหาหลานสาว แต่ขาที่กำลังก้าวก็หยุดลงกลางคันเพราะบุคคลที่ค่อยๆ ทยอยเดินออกมาจากประตูนั้นทำให้ผมต้องกระพริบตาหลายรอบด้วยกลัวว่าจะเป็นแค่ภาพลวงตา
คนแรกคือหญิงสาวรูปร่างผอมสูงตามสไตล์นางแบบหน้าตาเปรี้ยวเฉี่ยวในแบบที่ไม่สามารถเดาอายุที่แท้จริงได้ คนที่สองเป็นหญิงสาวร่างอวบผิวสีน้ำผึ้งดวงตากลมโตและหน้าตาเก๋ไก๋เป็นเอกลักษณ์
“พี่ขวัญ.. แม่ปอ..”
ผมเดินเข้าไปไหว้แนบอกของพี่ขวัญและแม่ปอ คนหนึ่งเป็นพี่สาวอีกคนเป็นพี่สะใภ้หรือก็คือคุณแม่ของโอบและออม ผู้หญิง 2 คนนี้ ได้ดูแลและเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนผมมาตั้งแต่แบเบาะ ดังนั้นผมจึงนับถือท่านทั้งคู่เปรียบเสมือนเป็นแม่แท้ๆ พี่ขวัญกับแม่ปอจูบแก้มซ้ายขวาและกระหม่อมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ
แม่ปอเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของแบรนด์ TJ ด้วยนะครับ ซึ่งเสื้อผ้าของทางแบรนด์จะเป็นเสื้อผ้าของวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานที่ออกแบบมาเอาใจทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย โดยมีผมเป็นพรีเซนเตอร์หลัก และก็มีท่านเอกอัครราชฑูตอบอุ่นและภริยาเป็นพรีเซนเตอร์กิตติมาศักดิ์ โอบมาแจมบ้างในบางครั้ง แต่ออมนั้นขอบายเลยล่ะครับ ออมเป็นประเภทไม่ชอบออกสื่อแต่ขออยู่เบื้องหลังมากกว่า ด้วยเหตุนี้บางครั้งพี่ขวัญเลยต้องจ้างนางแบบดังๆ มาเป็นตัวช่วย แต่ก็ไม่บ่อยหรอกครับเพราะพี่ขวัญบอกว่าแค่ผมคนเดียวก็เอาอยู่ ผมมีความสามารถดึงดูดลูกค้าได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
“มาถึงกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย? ทำไมไม่บอกผมบ้างเลย”
“มาถึงตั้งแต่เมื่อวานจ้าแล้วถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพร้น้องเต็มกับน้องขวัญสิจ๊ะ”
ผมยิ้มให้ท่านทั้งคู่ รวมทั้งโอบด้วย เซอร์ไพร้จริงๆ นั่นแหละครับ
“ว่าแต่ทำไมน้องเต็มผอมลงไปเยอะขนาดนี้ล่ะ? พี่ขวัญไม่ปลื้มเลยนะ”
“นั่นสิคะลูกเต็ม ดูสิเนื้อหนังที่แม่ปอขุนหนูมาตั้งแต่ไข่เท่าปลายนิ้วก้อยไปไหนหมดล่ะเนี่ย?”
แหม่.... แม่ปอเปรียบเทียบซะน้องชายของผมร้องไห้เลยครับ ผมโดนหมุนซ้ายขวา ลูบหน้า คลำแขน จับก้น ทำอย่างกับว่าผมยังเป็นเด็กน้อยไม่มีผิด
“อย่ามาโทษคุณพ่อกับคุณแม่นะจ๊ะสาวๆ ทางนี้ก็ดุจนไม่รู้จะดุยังไงแล้วว่าให้กินเยอะๆ น้องออมเป็นพยานได้”
“จริงค่ะ ที่อาเต็มผอมลงเนี่ยไม่ใช่ความผิดของคุณปู่คุณย่านะคะ”
หลานรักของคุณปู่และคุณหญิงย่าออกโรงขนาดนี้ความผิดก็ลงที่ผมเต็มๆ เลยล่ะครับที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี
“แล้วนี่พี่จะอยู่นานมั๊ยครับ?”
“รอบนี้นานหน่อยจ่ะ นานๆ จะได้กลับไทยมาหาลูกชายลูกสาว”
ออมกอดเอวคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน ผมก็เอาบ้างสิครับ
“เอาล่ะๆ ไว้ค่อยอ้อนกันใหม่ ตอนนี้ทานข้าวกันก่อนดีกว่านะลูก”
คุณหญิงหยดขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม คุณพ่อเองก็เดินไปนั่งตรงหัวโต๊ะแทบจะทันที เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยต้องลงนั่งประจำที่ครับ อาหารมื้อนี้ครื้นเครงว่าทุกวันและดูว่าสาวๆ จะเจริญอาหารกันเป็นอย่างมาก ก็แน่ล่ะครับคุณแม่เข้าครัวเองเลยนะ อาหารของโปรดของลูกสาวลูกสะใภ้เต็มโต๊ะไปหมด นี่ถ้าพี่อุ่นกับโอบอยู่ด้วยได้ก็คงจะดีไม่น้อย
จบมื้ออาหารก็ถึงช่วงเวลาถ่ายรูป ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่คณะ สาวๆ พากันอัพโหลดรูปลงโซเชียลกันยกใหญ่ ผมเองก็อยากอวดรูปครอบครัวบ้างจึงได้เปิดไอจีสักทีหลังจากไม่ได้เข้าไปอัพเดทความเคลื่อนไหวมานานเกือบเดือน เปิดแอพพลิเคชั่นปุ๊ปก็มีแจ้งเตือนทั้งคนฟอล ข้อความ คอมเม้นต์ และกดไลค์รวมๆ แล้วเกือบหมื่น ผมอ่านทุกข้อความนะครับแม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ย้อนกลับไปอ่านทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับที่ติดตามผมจากงานถ่ายแบบให้พี่ขวัญ จากนั้นก็นั่งดูคนที่มาขอฟอลเป็นเพื่อนคนเพราะเผื่อจะเจอคนที่รู้จักบ้าง และก็เจอจริงๆ ครับ
‘K_KONGTAP_AAAMY’ เห็นแค่ชื่อแล้วถ้ายังไม่รู้อีกว่าเป็นใครผมคงจะโง่เต็มทีแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้กดรับฟอลในทันทีแต่เข้าไปส่องไอจีสักนิดก่อนจะดีกว่า รูปล่าสุดที่ลงเป็นรูปสีส้มนอนหลับหงายท้องอยู่ใต้เก้าอี้ ผมกดไลค์ในทันทีกับความน่ารักนั่น เลื่อนดูรูปต่อไปเป็นรูปจักรยานของผมเองมันจอดอยู่โดดเดี่ยวตรงที่จอดจักรยานของคณะสัตวแพทย์ แคปชั่นใต้ภาพเขียนสั้นๆ ว่า alone ทำให้ภาพดูเหงาลงไปอีก ถัดมาเป็นภาพ เอิ่ม.. แก้วที่ใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันของผมที่วางคู่อยู่กับเจ้าของไอจี แคปชั่นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตัวอีโมยิ้มสีเหลืองกับหัวใจสีแดง
ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ ผมใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจกดรับฟอลและกดไลค์ไปทั้งหมด 3 รูป จากนั้นก็ปิดไอโฟนไปซะเลย ไหนๆ ตอนนี้ก็เป็นเวลาของครอบครัว ผมของดโซเชียลละกันนะครับ
.
.
.
.
ตีหนึ่ง.. ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้บิดขี้เกียจคลายกล้ามเนื้อจากการนั่งอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน และเพิ่งจะนึกออกเอาตอนนี้แหละครับว่าน้องไอโฟนของผมหลับใหลมาตลอดทั้งวัน ดังนั้นทันทีที่ระบบทำงานเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นทั้งหลายก็กระหน่ำกันรัวเป็นปืนกล ซึ่งในจำนวนนั้นมีสายที่ติดต่อเข้ามาเป็นของเนเนะแฟนสาวและ.... เทมป์
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ผมเลิกสนใจหน้าจอไอโฟน แล้วหันไปมองที่ประตู
“น้องเต็มนอนรึยังจ๊ะ”
“เข้ามาได้เลยครับพี่ขวัญ เต็มไม่ได้ล็อค”
บานประตูห้องนอนของผมถูกเปิดออก พี่สาวคนสวยในชุดนอนแบบสปอร์ตเกิร์ลก็เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม
“พี่ขวัญนอนไม่หลับเหรอครับ?”
“เจ็ทแลคหน่ะ”
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางระบายรอยยิ้ม พี่ขวัญเป็นคนสวย สูงยาว เข่าดี ขนาดตอนนี้ที่ดูออกอย่างชัดเจนว่าอ่อนเพลียจากอาการเจ็ทแลคแต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยได้
เจ็ทแลค เป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังปรับจังหวะเวลาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลา แตกต่างกันไม่ได้ เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับเวลาในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่ ในการปรับตัวให้เป็นปกติ คือ ต้องใช้เวลา 12 วัน กว่าที่จะปรับตัวให้เข้ากับเวลาของสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ซึ่งผมรู้ดีว่ามันทรมานสักแค่ไหนและเพราะเจ็ทแลคนี่แหละครับจึงทำให้ระยะหลังมานี้คุณพ่อคุณแม่ที่อายุเพิ่มมากขึ้นจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไกล
“พี่ขวัญตั้งใจจะไปหานมอุ่นๆ ดื่มสักแก้ว เห็นไฟในห้องน้องเต็มยังเปิดอยู่เลยลองเคาะดู พี่ขวัญไม่ได้มารบกวนใช่มั๊ย?”
พี่สาวอธิบายพร้อมกับนั่งลงตรงขอบเตียง
“ไม่ได้รบกวนสักนิดเลยครับ”
มือบางยกขึ้นลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“คุณพ่อกับแม่บอกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนพวกท่านพาน้องเต็มไปงานเลี้ยงของบริษัทวายเจกู๊ดเหรอจ๊ะ?”
“อ่อ.. ใช่ครับ?”
“น้องเต็มได้เจอกับคุณอาดิษฐ์มั๊ย?”
“เจอครับ ท่านดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีและอบอุ่นมากเลยนะครับ”
คนฟังยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย
“จ่ะ.. อาดิษฐ์เป็นคนดี”
พี่ขวัญเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แค่เพียงครู่เดียวก็เริ่มพูดต่อ
“แล้ว... คุณวิริยาล่ะคะ น้องเต็มได้เจอรึเปล่า?”
“เจอครับ”
นัยน์ตาที่มีความอ่อนล้าแฝงอยู่มองผมอย่างรอคอยคำอธิบายต่อ..
“ก็... บอกไม่ถูกสิครับพี่ขวัญ จะว่าดีก็ดีจะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ อ่อ แต่ดูเหมือนว่าคุณวิริยาเขาจะรู้จักกับพี่ขวัญเลยนะครับ”
ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีต่อคุณแม่ของเทมป์ได้จริงๆ ครับ เอาเป็นว่าขอละไว้ในฐานที่ไม่ค่อยจะเข้าใจก่อนละกัน ซึ่งเมื่อพี่ขวัญได้ฟังคำอธิบายจากผม คิ้วสวยก็เลิกสูงเล็กน้อยก่อนจะขมวดเป็นปมอยู่เสี้ยววินาทีจากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า
‘อย่างนั้นเหรอ?’ ราวกับว่าพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะคุยกับผม
“มีอะไรรึเปล่าครับพี่ขวัญ?”
“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ พี่ขวัญเริ่มง่วงแล้วล่ะ”
“อ่อ.. ถ้าอย่างนั้นพี่ขวัญไปนอนพักผ่อนเถอะครับ”
เดินไปส่งพี่สาวถึงหน้าห้องนอน และเมื่อเดินกลับมาเข้าห้องของตัวเองก็พบว่าน้องไอโฟนกำลังส่งเสียงมีสายวิดิโอคอลโทรเข้ามา ซึ่งแค่เห็นชื่อก็รู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็กดรับ และภาพหน้าจอของผมก็เป็นใบหน้าหล่อๆ ของสีส้มที่กำลังหลับพริ้มแถมมีลิ้นแล่บออกมาด้วย
“สีส้ม”
ส่งเสียงเรียกเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะไปรบกวนให้อีกฝ่ายตื่น จากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าของคนๆ หนึ่งที่หล่อมากไม่แพ้สีส้มสักนิด
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม รู้มั๊ยครับว่าผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงที่เรียกผมว่า ‘เต็ม’ นี่เป็นความลับนะครับอย่าไปบอกให้เจ้าตัวรู้ล่ะ เดี๋ยวจะเหลิงไปกันใหญ่
“รู้ว่าดึกแล้วยังจะคอลมาทำไม?”
“ก็โทรไปหาเมื่อตอนบ่ายแต่ไม่ติด”
อ่อ ผมปิดโทรศัพท์เองแหละครับ
“อ่อ จริงสิเทมป์.. เต็มว่าจะไม่กลับหอพักสักสองอาทิตย์นะ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นแทบจะทันที
“แม่ปอกับพี่ขวัญกลับมาบ้าน เลยคิดว่าอยากจะอยู่กับพวกท่านให้เต็มที่หน่ะ”
มหาวิทยาลัยกับบ้านของผมระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ แล้วไหนจะต้องฝ่ารถติดอีก แต่มันก็คุ้มนะครับกับการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวที่นานทีปีหนจะได้เจอกันสักที
“อ่อ”
เมื่อได้ฟังเหตุผลใบหน้าคมก็ดูผ่อนคลายลง
“จักรยานหน่ะ.. ใช้ได้นะ”
คนฟังจุดยิ้มที่มุมปาก น่าหมั่นไส้สุดๆ
“ไปนอนได้แล้ว”
ผมไล่ คนที่อยู่ในจอก็หัวเราะร่วน
“ฝันดีนะ.. เต็ม”
อืม ผมรับในลำคอ และควรจะกดตัดสายไปทันที แต่.. นิ้วมันไม่ขยับ เรายังคงนอนมองหน้ากันนิ่งๆ ผ่านเครื่องมือสื่อสารอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที ผมจึงยิ้มออกมา
“ฝันดีนะ.. เทมป์”
และอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ และคืนนี้ผมก็ฝันดีจริงๆ ครับ
.
.
.
.
เหนื่อยจากเรียนแล้วยังเหนื่อยจากการเดินทางอีกนะครับ นี่ขนาดว่าผมกับออมเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีที่ใกล้บ้านที่สุดแล้วค่อยให้รถจากที่บ้านมารอรับ แถมบางวันที่ออมเลิกเรียนเร็วกว่าผม เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์มานั่งรอผมที่คณะเพื่อที่จะได้กลับพร้อมกัน แบบนี้เหมือนผมทำให้หลานสาวเหนื่อยตามไปด้วย
หลังจากขึ้นมานั่งบนรถที่มีน้าปองเป็นสารถีได้สักพัก ออมก็หันมามองหน้าผมแล้วอมยิ้มอยู่นานสองนานจนแกล้งผลักหน้าผากสวยๆ นั่นไปด้วยความหมั่นไส้
“มีอะไรก็ว่ามา”
“อาเต็มเคยสงสัยใช่มั๊ยคะว่าทำไมออมถึงไม่เคยเล่าหรือพูดถึงกองทัพให้อาเต็มฟังเลย”
ใช่ครับ ผมเคยสงสัยในเรื่องนี้ แต่บางครั้งคนเราก็ล้วนมีเหตุผลของตัวเองที่จะไม่พูดหรืออธิบายให้ใครฟัง ต่อให้เป็นหลานรักหรือเพื่อนรักหรือคนรักทุกคนล้วนมีความในใจที่อยากเก็บไว้คนเดียวทั้งนั้น และผมก็รู้จักหลานสาวของดีถ้าหากไม่อยากจะพูดต่อให้จับง้างปากก็ไม่พูดหรอกครับ
“ออมกับกองทัพรู้จักและคบกันหลายปี กองทัพเป็นเพื่อนที่ดี เป็นแฟนที่ดี เขาเอาใส่ออมทุกอย่างและทุกเรื่อง ช่วงที่เราคบกันเราแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย จนออมคิดว่าคนๆ นี้แหละจะเป็นคู่ชีวิตของเราได้”
ริมฝีปากได้รูประบายรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต ผมก็ยิ้มตามหลานสาวไปด้วย
“แต่แล้ววันหนึ่งออมก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักออม และออมก็ไม่รู้จักเขา แต่น่าแปลกที่แค่ออมเห็นรูปของเขาก็มีความรู้สึกอยากจะค้นหาและรู้จักว่าเขาเป็นใคร?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสาวค่อยๆ จางหายไป
“ตอนแรกออมก็คิดว่าคงจะเป็นการแอบปลื้มเหมือนที่เราปลื้มศิลปินเกาหลี ชอบเขาทั้งๆ ที่เขาก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาคบกับเธอนานมาก เขารักเธอมาก แต่จะอยู่คนละประเทศแต่ทุกวันสำคัญก็จะมีโมเม้นน่ารักส่งให้กันตลอด ยิ่งเวลาได้เจอกันก็หวานซะจน...”
จู่ๆ ออมก็เงียบไป ผมมองหน้าหลานสาวพร้อมกับพยายามคิดตามในใจว่าคนที่ออมกำลังพูดถึงเป็นใคร คล้ายว่าเหมือนจะคุ้นกับคนลักษณะแบบเดียวกัน แต่ก็นึกไม่ออกครับ
“ออมเฝ้าติดตามคนๆ นั้นอยู่เงียบๆ ออมดีใจมากในวันที่รู้ว่าเขาเลิกกับแฟน และจนวันหนึ่งเราก็ได้เจอกัน.. แต่เขาก็ไม่เคยมองมาที่ออมเลยค่ะ”
ดวงตากลมโตฉายแววความเศร้าจนน่าสงสาร
“ตอนนั้น.. ออมยังคบกับเทมป์อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
จะว่ายังไงดีล่ะครับ
“พราะกองทัพดีกับออมมาก ออมจึงพยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองหลายต่อหลายรอบ จนกระทั่งคิดว่าถ้าหากเรามีอะไรเกินเลยกันแล้วบางทีออมอาจจะลืมไปก็ได้ แต่.. เปล่าเลย แม้ว่าคนที่กอดออมอยู่จะเป็นกองทัพแต่ในใจออมก็คิดถึงคนๆ นั้นตลอด”
“ออมนอกใจกองทัพค่ะอาเต็ม”
พูดไม่ออกเลยครับ คือมันก็จะอึ้งๆ หน่อยนึงเหมือนกัน
“มันเป็นความรู้สึกผิดในใจ ต่อให้บอกเลิกกันแล้วมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่ความรู้สึกผิดนั้นก็ยังอยู่มาโดยตลอด ออมจึงไม่เคยเล่าเรื่องของกองทัพให้อาเต็มฟัง กลัวอาเต็มจะผิดหวังในตัวออมค่ะ”
เพราะแบบนี้นี่เอง ผมลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู
“เรื่องที่จะมาทำให้อาผิดหวังในตัวออม คงจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่อาคิดจะทำบนโลกใบนี้”
หลานสาวฉีกยิ้มหน้าบานน้ำตาคลอเบ้า นี่ผมพูดเรื่องจริงนะครับ โอบกับออมคือข้อยกเว้นในทุกเรื่องของชีวิตผม
“ว่าแต่... บอกอาได้มั๊ยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
คนถูกถามอมยิ้มแล้วเอนซบหัวลงมาบนไหล่ของผม
“เป็นผู้ชายอบอุ่น แสนดี และหล่อ แต่ทุกข้อที่พูดมาก็น้อยกว่าอาเต็มของออมนิดนึงค่ะ”
อืม.. ตอบแบบนี้ก็แปลว่าหลานสาวยังไม่พร้อมจะบอก ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ที่เป็นก็คือก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของผมนี่แหละที่รู้สึกแปลกๆ แล้วทำไมแค่หลับตาใบหน้าคมกับแววตาเศร้าๆ ของแฟนเก่าออมถึงได้ชัดแบบนี้ล่ะ? ผมเป็นอะไรไปครับเนี่ย???
.
.
.
.
.
.
TBC....
กลับมาแล้วค่ะ มาพร้อมตอนที่ 7
นิยายเรื่องนี้รินต้องการที่จะให้มันค่อยเป็นค่อยไปหน่อยนึงนะคะ คือไม่หย่อนไปและไม่รวบจนเกินไป แต่คนใจร้อนอ่านอาจจะขัดใจหน่อยๆ นอกจากนี้ทุกตัวละครและทุกเรื่องราวรินได้พยายามใส่เหตุและผลเอาไว้ในเนื้อหาโดยตลอด ถ้าหากคนอ่านไม่อ่านข้ามหรือไม่ลืมอ่านก็จะเจอคำตอบอยู่ในนั้นค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ดีใจมาก รินนั่งอ่านทุกข้อความวนซ้าหลายรอบเลยค่ะ
ขอบคุณที่บอกความรู้สึกของคุณให้รินได้รับรู้ และจะได้นำคำติชมมาปรับปรุงให้มันดีขึ้นค่ะ