█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 231414 ครั้ง)

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กรี๊ดดดดด ชอบบบบบ เป้นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :hao5:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านอีกค่ะ มาต่อไวๆๆ น๊าาา ไม่ไหวๆๆ น่ารักมาก ชอบแบบนี้ค่ะ  :katai1: :hao6:

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่เต็มบอกไม่ได้เป็นเกย์อะะะ ทำไงดีน้องทัพ มาช่วยทำให้เป็นที
อยู่ห้องเดียวกันเดี๋ยวก็ได้กันเชื่อเสะ  อุ้ย!!!  :mew3:
ตอนแรกก็แบบรักสดใสอ่ะนะ สักพักก็จะมีดราม่าเล็กๆ เค้ารู้นะตัว
เห็นอินโทรบอก 'ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ' นี่รู้เลย ดราม่าต้องมา!!
จะติดตามนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องนี้ ฮีลเค้าได้ดีมากๆ

ปล. กอดตุ๊กตามันไม่อุ่น หันไปกอดหุ่นพี่เต็มสิทัพ ง่อววว  :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2017 01:32:53 โดย Fiasarinya »

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ Heart Is Full ▌█



┠ 2 ┨







   
สัตวแพทย์ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 ปี ช่วงปี 1 เป็นการเรียนปรับพื้นฐานในเชิงลึกของวิชาจำพวกฟิสิกส์-เคมี แคลคูลัส อะไรทำนองนี้ และจะเริ่มเข้าสู่การเรียนเกี่ยวกับตัวสัตว์เกือบทั้งหมดทั้งกายวิภาคศาสตร์  สรีรวิทยา เกี่ยวกับจุลชีววิทยา วิทยาภูมิคุ้มกัน ปาราสิตวิทยา และอื่นๆ อีกมากมาย ในปี 2 ซึ่งทุกรายกลุ่มวิชาจะครอบคลุมในสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว สัตว์เศรษฐกิจ และสัตว์ป่า
ในส่วนของปี 3 ที่ผมกำลังเจออยู่ในตอนนี้เป็นการเรียนสัตวแพทย์แบบจริงจังมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ดูได้จากตารางเรียนที่เรียนตั้งแต่แปดโมงเช้าลากยาวไปถึงห้าโมงเย็นเกือบทุกวัน แทบจะตัดขาดกับโลกภายนอกไปเลย
   
อ่อ.. รู้มั๊ยครับว่าสัตวแพทย์ก็มีอาจารย์ใหญ่เหมือนกันกับแพทย์ ซึ่งอาจารย์ใหญ่ของเราก็คือสุนัขที่ได้รับบริจาคมาจากเจ้าของสัตว์ ส่วนการให้ยากระตุ้นหรือสัตว์ทดลองก็จะเป็นสัตว์จำพวก กระต่าย หนู บางครั้งก็ในไก่ และปลา แต่ถ้าหากมีการฆ่าสัตว์เพื่อนำมาศึกษาจะต้องทำให้สัตว์เหล่านั้นเสียชีวิตโดยปราศจากความทรมานตามหลักสากลโลกครับ

นอกจากเรียนหนักแล้ว กิจกรรมของคณะก็มีมากมายไม่แพ้กัน ทั้งค่ายสัตวแพทย์อาสาที่จะต้องออกไปฉีดวัคซีนและรักษาสัตว์ตามชุมชน ค่ายเกี่ยวกับสัตว์ป่านี่ก็ต้องเข้าป่าครับ ค่ายแนะแนวรุ่นน้องมัธยมปลายที่อยากเป็นหมอสัตว์ ค่ายอนุรักษ์ก็จะออกไปเดินป่าปีนเขาเพื่อดูนก ดูผีเสื้อ ส่องแมลงอะไรก็ว่ากันไป ค่ายอนามัยเป็นค่ายที่รวมแพทย์ ทันตะ เภสัช สหเวชและพยาบาลไว้ทั้งหมดเพื่อออกไปบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม ที่พูดมานี่ยังไม่ถึงครึ่งของกิจกรรมทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะเรียนหนักและกิจกรรมจะเยอะสักแค่ไหนผมก็ไม่หวั่นครับ เพราะผมยึดคติที่ว่าไม่มีอะไรยากหากเรามีความตั้งใจ

เกริ่นนำมาขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่อยากจะให้ทุกคนรู้ว่าผมเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างเท่านั้นเอง และตอนนี้พวกคุณก็พอจะรู้กันบ้างแล้วเพราะฉะนั้นผมก็ได้เวลาที่ต้องเตรียมตัวไปเรียนแล้วล่ะ

ปกติผมเป็นคนตื่นเช้า นอนดึกแค่ไหนก็ต้องรู้สึกตัวตื่นตอนหกโมงเช้าของทุกวัน ซึ่งถ้าไม่เพลียจริงๆ หรือถ้าเป็นวันว่างวันหยุดผมก็อาจจะนอนต่ออีกสัก 2-3 ชั่วโมง แต่วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกผมจึงลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายตรงระเบียงให้พอหายง่วงก่อนจะอาบน้ำครับ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็หยิบกล่องข้าวและกับข้าวที่ป้าทิพย์จัดเตรียมมาให้ตั้งแต่เมื่อวานเอาออกมาอุ่นด้วยไมโครเวฟ

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
นาฬิกาปลุกส่งเสียง คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงยกมือปัดป่ายหาต้นกำเนิดเสียงโดยที่ไม่ได้ลืมตา คลำข้างหมอนอยู่สักพักก็เปลี่ยนใจซุกหน้าลงกับตุ๊กตา อืม.. ผมได้แต่เลิกคิ้วมองปฏิกิริยาเหล่านั้นพร้อมกับติดกระดุมเสื้อนักศึกษาพลางคิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านาฬิกาปลุกคงจะดังอีกรอบ

ติ๊ง!
ไมโครเวฟส่งสัญญาณว่าได้ทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปเปิดหยิบอาหารกลิ่นหอมออกมาวางบนบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ สำหรับ 2 คน และยังไม่ทันจะได้ตักข้าวเข้าปาก..

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
ขณะนี้เวลา 6 นาฬิกา 15 นาที ผมถอนหายใจหนึ่งครั้งพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารต่อไป เสียงอันแสนน่ารำคาญนั้นดังอยู่ประมาณหนึ่งนาทีก็เงียบลง แต่ทว่าร่างสูงยังคงไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เข็มสั้นและเข็มยาวบอกเวลา 6 นาฬิกา 20 นาที นั่นหมายความว่ามันจะปลุกแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกห้านาทีสินะ ผมได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสร้างความอดทน

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
นาฬิกาปลุกยังคงดังอย่างต่อเนื่องตรงเวลาเป๊ะจนกระทั่งผมทานข้าว ล้างจาน จนกระทั่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลา  7 โมงเช้าพอดิบพอดี ผมยืนรอจนเสียงอันน่าสงสารเงียบลงแล้วได้แต่ถอนหายใจหนักๆ พร้อมกับหยิบไอโฟนมากดปุ่มโทรออก

[มอร์นิ่งค่ะ อาเต็ม]

“วันนี้มีเรียนกี่โมง”

[มีเรียนแปดโมงครึ่งค่ะ]

“แล้วตอนนี้ออมอยู่ไหน?”

[เพิ่งถึงคณะนี่แหละค่ะ]

คำตอบของออมทำให้ผมต้องหันไปมองร่างสูง

[ตอนนี้อาเต็มอยู่ไหนเหรอคะ?]

“อาอยู่หอพัก กำลังจะไปเรียน”

[แล้วอาเต็มมีอะไรรึเปล่าคะ? คิดถึงออมเหรอ?]

เสียงหัวเราะคิกคักของหลานสาวทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย

“เดี๋ยวตอนเที่ยงมากินข้าวกับอาที่คณะนะ”

[เย้ๆ]

อะไรจะดีใจขนาดนั้น ใช่ว่าผมไม่เคยเลี้ยงข้าวหลานสาวสักหน่อย

[ไว้ตอนเที่ยงออมจะไปหาอาเต็มนะคะ]

หลานสาววางสายไปแล้วผมจึงส่งข้อความหาเพื่อนสนิทต่อบอกแค่ว่าไม่ต้องแวะรับ จากนั้นก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงที่เจ้าของยังคงครอบครองอย่างสบายใจ นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความเป็นรูมเมทผมคงไม่สนใจใยดีขนาดนี้ แต่เราต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานและดูก็รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นท่าทางเป็นคุณชายมากแค่ไหนเพราะฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะรักษาน้ำใจกันมากกว่า ดังนั้นก่อนที่นาฬิกาปลุกจะทำหน้าที่อีกรอบผมจึงหยิบมันขึ้นมาปิดปุ่มเตือนซะเอง

“เทมป์”

ลองเรียกดูครับ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ผมปลุกคนอื่นให้ตื่นจากนอน แต่ท่าทางจะไม่ได้ผลเพราะเจ้าตัวนอนนิ่งไม่ไหวติง หวังว่าคงไม่ได้เมาเสียงนาฬิกาปลุกจนตายไปแล้วนะ

“เทมป์ ตื่นเถอะ”

โน้มหน้าลงไปเรียกใกล้ๆ ใบหู แล้วแอบมองปฏิกิริยาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท ช่างเป็นผู้ชายที่มีขนตาเรียงตัวยาวกันเป็นแพได้น่าอิจฉามาก และด้วยความอิจฉานี้ผมจึงยืดตัวขึ้นมายืนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจยกเท้าประเคนลงไปตรงสะโพกแรงๆ

“โอ๊ย!”

คนโดนถีบสะดุ้งตื่นพร้อมกับร้องโอดครวญ แต่พอเห็นผมยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ฝันร้าย ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากทำแค่ยกนาฬิกาที่ข้อมือให้คนหล่อหัวยุ่งเหมือนลิงกังดู ก็นับว่าเจ้าตัวฉลาดและหัวไวพอที่จะรู้ว่าผมหมายความว่าอะไร

ฝ่ายนั้นแทบจะพุ่งตัวจากเตียงเข้าห้องน้ำ แม้แต่ผ้าเช็ดตัวก็ไม่ได้หยิบเข้าไปด้วย นี่ผมต้องทนอยู่กับคุณชายท่านได้นานสักแค่ไหนเนี่ย? แต่อย่างน้อยตอนนี้เจ้าตัวก็ทำเวลาได้ดีครับ แค่ 10 นาทีประตูห้องน้ำก็แง้มออกโผล่ใบหน้าคมออกมา ดวงตาคู่คมเบิกกว้างตกใจที่เห็นผมยืนพิงผนังอยู่ข้างประตูห้องน้ำพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวให้

“ข ขอบคุณครับ”

ระหว่างที่รุ่นน้องกำลังเร่งสปีดในการแต่งตัว ผมก็เดินไปหยิบกระเป๋าเป้ ใส่รองเท้าแล้วเดินออกจากห้องเพื่อมารอกดลิฟท์ ซึ่งไม่กี่วินาทีถัดมาร่างสูงก็วิ่งกระหืดกระหอบมาได้ทันประตูลิฟท์เปิดพอดี

ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แต่เช้าขนาดนี้ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายหนักจริงๆ เหงื่อก็คงไม่ชุ่มแผ่นหลังจนเสื้อเปียก ยกเว้นผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างผมนี่แหละครับที่เหงื่อเยอะมากทั้งๆ ที่เพิ่งออกจากห้องแอร์มาไม่ถึงห้านาที ผิวแก้มขาวแดงระเรื่อ ยิ่งใบหูนี่ขึ้นสีแดงจัดมากจนน่าแปลกใจ ผมสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

“ไม่สบายรึเปล่า?”

คิ้วเข้มเลิกสูงมองผมตาปริบๆ ราวกับไม่เข้าใจคำถาม เอาเป็นว่าเมื่อครู่ผมไม่ได้ถามออกไปละกัน

ลงมาถึงชั้นล่างผมก็ตรงไปลานจอดรถ แต่รถของผมไม่ใช่รถเก๋งหรูหราหรอกครับ ก็แค่จักรยานธรรมดาแบบไม่มีตะกร้าแม่บ้านคันหนึ่งเท่านั้นเอง ปั่นออกมาจากลานจอดรถแล้วหยุดจอดหน้าหอพัก มองร่างสูงที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงบันได บอกตามตรงครับว่าเห็นแล้วโคตรขัดหูขัดตา

“ไปยังไง?”

“เดินครับ”

อืม.. ดีเหลือเกิน นี่ผมประชดนะครับ

“ซ้อนท้ายสิ เดี๋ยวจะแวะไปส่งที่คณะ”

“เอ่อ..”

ดวงตาคู่คมเบิกโต ท่าทางดูประหม่าเล็กน้อย เห็นแล้วจะบ้าตายเสียให้ได้ ถ้าหากยังมัวแต่ชักช้าผมไปก่อนก็แล้วกัน แต่เจ้าตัวก็นับว่าหัวไวดีเพราะก่อนที่ล้อจะขยับฝ่ายนั้นก็ขึ้นนั่งคร่อมเบาะท้ายเรียบร้อยแล้ว

ปกติผมเคยแต่ซ้อนท้ายจักรยานคนอื่น ถ้าหากไปไหนมาไหนกันสามคน ผม ซัน และโบว์ ผมกับซันก็จะปั่นจักรยานของตัวเอง ส่วนโบว์จะเป็นฝ่ายซ้อนท้ายซัน เพราะฉะนั้นนี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนครอบครองเบาะหลัง ตัวก็โคตรหนัก ทำให้ผมต้องออกแรงมากกว่าปกติหลายเท่าตัวดังนั้นกว่าจะถึงปลายทางเล่นเอาเหงื่อท่วมเลยทีเดียว

8 โมงเช้า 11 นาที สองล้อคู่ใจก็จอดลงหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ คนนั่งด้านหลังลุกขึ้นแล้วโค้งขอบคุณ ผมพยักหน้าแล้วบอกให้รีบๆ ไป แต่พอฝ่ายนั้นเดิน ไปได้ไม่กี่ก้าว ผมก็เพิ่งเห็นสภาพตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแบบชัดๆ เล่นเอาคิ้วขมวดฉับทันที ให้ตายเหอะ! นี่ที่บ้านคงไม่เคยปล่อยให้คุณชายทำอะไรเองเลยใช่มั๊ย? บอกไว้ก่อนเลยว่าบนโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะกล้าทำให้ผมหงุดหงิดได้ขนาดนี้

“เทมป์!”

เจ้าของชื่อสะดุ้งจนตัวโยน แล้วชะงักเท้าในทันทีก่อนจะหันกลับมามองผมแบบตัวตรงแหน่ว

“หวีผมและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้าเรียน”

ทั้งที่ผมไม่ได้พูดต่อท้ายว่า ‘ปฏิบัติ!’ แต่ทันทีที่ประโยคของผมจบร่างสูงก็รีบจัดทรงผมและจัดเสื้อให้เข้าในกางเกงและผูกเน็กไทน์ให้เรียบร้อยทันทีทันใด จากนั้นก็ยืนตัวตรงแขนชิดลำตัว

“อืม”

พยักหน้าทั้งที่กำลังกลั้นขำ รุ่นน้องจึงโค้งให้ผมแล้วหันหลังเดินเร็วๆ เข้าตึกเรียนไปแต่ผมก็ยังทันสังเกตเห็นใบหูสีแดงจัดนั่น จนแอบคิดว่าถ้าเอามือไปจับมันจะร้อนมั๊ยนะ?  และไม่ต้องถามนะครับว่าเหตุการณ์ตั้งแต่ผมปั่นจักรยานออกจากหอพักจนถึงเมื่อครู่จะมีสายตากี่ร้อยกี่พันคู่ที่จับจ้อง แถมรอบนี้ยังได้ยินเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่มาพร้อมกับประโยค ‘โคตรฟินอะ’ ดังกว่าทุกครั้งอีกด้วย


.
.
.
.

   

มาถึงคณะ ผมก็เร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปชั้นสามให้ทันอาจารย์ประจำวิชาที่กำลังยืนรอลิฟท์อยู่ชั้นล่าง เข้ามาในห้องทุกสายตาก็พุ่งเป้ามาที่ผมเป็นจุดเดียว ผมเลยยกมือทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งตรงกลางระหว่างซันกับโบว์

“อีจีตอบฉันมาว่านี่คืออะไร?”

ยังไม่ทันจะได้หยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาวางบนโต๊ะให้เรียบร้อย คุณนายโบว์ก็ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูซะก่อน ผมแค่ใช้หางตามองแว่บเดียวก็รู้แล้วครับว่ามันเป็นรูปถ่ายของผู้ชายผมสีส้มที่กำลังปั่นจักรยานโดยมีผู้ชายตัวโตๆ อีกคนนั่งซ้อนท้าย ในมหาวิทยาลัยนี้เรื่องของผมไปไวยิ่งกว่าข่าวดาราดังซะอีกครับ

“รูปถ่าย”

“อื้อหือ ตอบได้เคลียร์มากเพื่อนฉัน”

โบว์เบะปากซะจนผมอดจะหัวเราะไม่ได้

“รูมเมทใหม่เหรอ?”

รอบนี้ซันเป็นคนถาม

“อืม.. เรียนคณะเดียวกับออม”

ซันพยักหน้า

“เมื่อวานฉันวิดีโอคอลไปตอนน้องรูมเมทกำลังแนะนำตัวอีจีพอดี ไม่ยักรู้ว่าหล่อมโหฬารขนาดนี้ สาววายทั้งมหาลัยเลยได้คู่จิ้นใหม่แทนซันจีภายในชั่วข้ามคืน รอบนี้ทัพจี.. อร๊ายยย”

ผมกับซันมองหน้ากันด้วยความฉงน.. มีใครเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสาวของผมพึมพำอยู่บ้างครับ อธิบายผมหน่อยสิ อ่อ ความสงสัยอีกหนึ่งเรื่องจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงไทยปัจจุบันใช้สรรพนามเรียกผู้ชายว่า ‘นาง’ และขึ้นต้นชื่อว่า ‘อี’ ซึ่งผมเคยถามโบว์ไปหลายรอบแต่คำตอบที่ได้รับคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมจึงเลิกถามและคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะว่าผมอยู่เมืองนอกนานเกินไปจึงตามเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะทัน

ความสงสัยทั้งหมดของผมคงได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้นแหละครับ เพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดีและพวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากวิชาความรู้



.
.
.
.

 

ผมเปิดเช็คข้อความหลังจากหมดคาบเรียน ออมส่งข้อความมาบอกว่ารอผมอยู่ใต้ตึกของคณะเรียบร้อยแล้ว

“วันนี้ออมจะมากินข้าวเที่ยงกับเราด้วยนะ”

ซันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ส่วนโบว์นี่ยิ้มกว้างเลยครับ โบว์เคยเจอออมหลายครั้งเพราะคอเกาหลีเหมือนกัน

“อาเต็มทางนี้ค่ะ”

เดินออกมาจากลิฟท์ปุ๊ป หลานสาวคนสวยของผมก็โบกมือเรียกทันที แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจจนยิ้มไม่ออกคงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ออมมากกว่า

“นี่เพื่อนสนิทของออมชื่อกองทัพค่ะ ส่วนนี่อาเต็มอาชายที่น่ารักที่สุดในโลกของออม”

ออมแนะนำตัวอย่างรวดเร็วชนิดที่ไม่ต้องรอให้มีใครถาม

“คนนี้อาโบว์หรือจะเรียกโบรัมก็ได้ แล้วนี่ก็อาซัน..ใช่มั๊ยคะ?”

ซันกับผมพยักหน้าตอบว่า ‘ใช่’ พร้อมกัน ออมจึงวาดรอยยิ้มหวานแล้วหันไปแนะนำ ‘เพื่อนสนิท’ ให้รู้จักซันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนครับว่าเรื่องแบบนี้ไม่พ้นความอยากรู้อยากเห็นของโบว์ไปได้

“ที่ว่าน้องกองทัพเป็นเพื่อนสนิทเนี่ย.. สนิทแบบไหนจ๊ะน้องออม?”

“ก็เพื่อนสนิทนั่นแหละค่ะพี่โบว์ เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอหนึ่งเลยค่ะ”

ดูจากสายตาและรอยยิ้มของฝ่ายชายแล้ว ฟันธงได้คำเดียวครับว่าเป็นแฟนกัน แล้วทำไมผมจึงไม่เคยรู้ว่าหลานสาวมีแฟน ปกติออมจะเล่าให้ผมฟังทุกเรื่องนี่นา สงสัยกลับบ้านรอบหน้าผมคงต้องจับตัวออมมานั่งคุยด้วยแล้วล่ะ

“เอ๋?? แต่หน้าคุ้นๆ นะเรา”

โบว์ยังไม่ลดละความพยายามครับ มองสำรวจรุ่นน้องยิ่งกว่าเครื่องแสกนเสียอีก แล้วจู่ๆ ก็ร้อง ‘อ้อๆๆๆ’ ออกมาเสียงดัง

“รู้แล้วล่ะ.. น้องกองทัพนี่เป็นรูมเมทของอีจี เฮ้ยย อาเต็ม.. ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทของหลานออม แหมๆ นี่มันโชคชะตาหรือบุพเพอาละวาดหว่า??”

ผมกับซันแอบมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าขำให้กับเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่ม

“อ้าว กองทัพเป็นรูมเมทอาเต็มเหรอ?”

“อืม”

เสียงที่ตอบไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียว แต่เป็นเสียงประสานที่เอ่ยออกมาพร้อมกันของผมกับอีกฝ่าย ทำให้เราสบตากันแว่บนึง

“ดีจังเลย ถ้าอย่างนั้นออมฝากอาเต็มดูแลกองทัพด้วยนะคะ”

ทำไมประโยคนี้ของออมถึงทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีเชือกเส้นใหญ่มามัดเท้าทั้งสองข้างไว้ยังไงก็ไม่รู้

“เว่อร์แล้วค่ะหลานออม เพื่อนหลานตัวโตกว่าอาเต็มตั้งเยอะ ต้องให้เพื่อนหลานดูแลและปกป้องอาเต็มสิจ๊ะถึงจะถูก”

“อ่อ.. นั่นสินะคะ ได้มั๊ยล่ะกองทัพ? นายต้องดูแลและปกป้องอาเต็มให้ดีที่สุดเลยนะ”

“อืม ได้สิ”

นี่ก็ตอบรับอย่างมั่นใจโดยไม่คิดจะหันมาถามผมสักนิดเลยรึไงว่ายินดีจะให้ดูแลมั๊ย? แล้วทำไมสาวๆ ถึงได้หัวเราะคิกคักชอบใจกันขนาดนั้น

“ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวพวกอามีเรียนต่ออีก”

ขอบคุณพระโพธิสัตว์ซันที่ช่วยเปลี่ยนประเด็นได้ถูกเวลาครับ

โรงอาหารตอนพักเที่ยงคนเยอะครับ ผม ซัน โบว์แยกย้ายกันไปซื้ออาหารของตัวเองแล้วค่อยกลับมานั่งโต๊ะเดียวกัน แน่นอนว่าผมเดินไปซื้อกับออม ตั้งแต่ไหนแต่ไรเวลาเดินด้วยกันออมจะติดนิสัยชอบเอามือมาคล้องแขนผม ทำให้คนทั้งโรงอาหารมองจนเหลียวหลัง ยิ่งมีผู้ชายร่างสูงแถมยังหล่อเด่นเป็นสง่าเดินเป็นบอร์ดี้การ์ดตามหลังไม่ห่างแบบนี้ผมคิดว่าถ้าหากไม่มีคนมองก็แปลกแล้วล่ะ และหลังจากที่ทุกคนเลือกซื้ออาหารกันเสร็จก็มารวมตัวนั่งทานอาหารและพูดคุยด้วยกัน

“เรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ดีค่ะ แต่อาเต็มก็รู้ว่าออมไม่ชอบทำกิจกรรม”

“แต่อาก็เห็นออมทำได้ดีนี่นา”

เอ๊ะ.. เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผมจึงนึกได้ว่าเมื่อวานตอนไปดูออมทำกิจกรรม บังเอิญสบสายตาคู่หนึ่งเข้า หรือว่าคนๆ นั้นก็คือ... กำลังจะหันไปมองผู้ต้องสงสัยแต่บทสนทนาของหลานสาวก็ต้องทำให้ผมหยุดความคิดไว้แค่นั้น

“ไม่มีใครรู้เลยนะคะว่าออมเป็นอะไรกับอาเต็ม และออมก็ไม่คิดจะบอกด้วย ถ้ามีคนถามออมจะบอกว่าอาเต็มเป็นคนที่ออมรัก อิอิ”

“นี่ถ้าไม่ใช่อาหลานกัน ดิชั้นจะอ๊วกตรงนี้แหละค่ะคุณ”

ประโยคพร้อมท่าทางโก่งคอของคุณนายโบรัมทำเอาทุกคนหัวเราะขำ แล้วหลังจากนั้นคุณเธอก็หยุดสายตาจ้องใบหน้าหล่อเข้มของรุ่นน้องด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“น้องกองทัพ”

“ครับ”

“พี่ขอสัมภาษณ์เป็นข้อมูลประกอบสักหน่อยจะได้มั๊ย?”

“ได้ครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างฉะฉานท่าทางก็มั่นใจไม่มีวี่แววประหม่า แตกต่างกับเวลาที่คุยกับผมลิบลับ

“งั้นเริ่มจากแนะนำตัวก่อนเลย”

“ผม นายกองทัพ เกียรติไพศาลกิจ อา..”

“เดี๋ยว!”

จู่ๆ โบว์ก็ร้องห้ามแล้วตีหน้าเครียด จ้องหน้าคู่สนทนาแบบเขม็ง

“กองทัพ เกียรติไพศาลกิจ?”

“ใช่ครับ”

โบว์หันไปมองหน้าซันแว่บนึงก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้รุ่นน้อง

“เป็นอะไรกับพี่นายพล เกียรติไพศาลกิจ?”

“พี่โบว์รู้จักพี่นายด้วยเหรอครับ? พี่นายเป็นพี่ชายของผมครับ”

โบว์พูดขึ้นเบาๆ ว่า ‘ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว’ ถ้าอย่างนั้นผมคงบ้าแล้วล่ะครับ เพราะผมไม่รู้จักจริงๆ

“เป็นรุ่นพี่สมัยเรียนหน่ะ”

ซันเป็นคนตอบคำถามด้วยรอยยิ้มดุจเทพบุตร ก่อนจะหันมากระซิบที่หูผมเบาๆ แค่ได้ยินกันสองคนว่า ‘พี่นายพลเป็นแฟนเก่าโบว์’ อ่อ.. ตอนนี้ผมไม่บ้าแล้วครับ

“พี่นายหล่อมากๆ เลยนะคะ ออมเคยเจอสองสามครั้ง”

ท่าทางว่าหากออมยังคงพูดถึงคนที่ชื่อ ‘นายพล’ อีก โบว์คงจะหมดความอยากอาหารเป็นแน่ ผมจึงหาเรื่องเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา

“ออม”

“ว่าไงคะอาเต็ม?”

“ไปซื้อน้ำเปล่าให้พวกอาหน่อยสิ”

“ได้เลยค่ะ”

ขณะที่ออมกำลังตั้งท่าจะลุกขึ้น เพื่อนสนิทของออมก็แย่งลุกขึ้นซะก่อน

“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ดีกว่าครับ”

“เอางั้นเหรอ?”

คนอาสาพยักหน้าแข็งขัน ออมจึงยิ้มหวานพร้อมขอบคุณ หลังจากนั้นพระโพธิสัตว์ซันผู้หยั่งรู้จิตใจของผองเพื่อนก็ชวนออมคุยเรื่องอื่น ไม่นานนักคนที่อาสาไปซื้อน้ำเดินกลับมาพร้อมขวดน้ำครบตามจำนวนคน ทุกคนเป็นน้ำเปล่ายี่ห้อดื่มแล้วดูดียกเว้นของผมที่เป็นน้ำแร่ยี่ห้อที่ผมดื่มเป็นประจำ อืม.. ก็คงรู้มาจากออมนั่นแหละ.. มั้ง??


.
.
.
.
.



TBC...  : 222222:





ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ :katai4:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณมากๆๆๆ ค่ะ รักๆๆๆ ทุกคำทุกข้อความนะคะ  :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2017 08:55:38 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
พี่เต็มใจ น่ารัก อบอุ่นอ่อนโยน ใจดีจังเลย ชอบบบบ  :o8:
อิจฉาน้องออม อยากมีอาแบบนี้บ้าง จะอวดไปให้ทั่วเลย
ดอกเตอร์กองทัพ พี่เต็มบรรยายความหล่อซะ เชื่อแล้วค่ะว่าติดโพลโลก แหม
แอบหลงรักพี่เต็มตั้งแต่แรกพบสบตาเหรอคะ หรือว่า รู้จักพี่เต็มมาก่อนแล้ว
เป็นเพื่อนกับน้องออมอยู่ก่อนรับน้องแล้วหรือเปล่า น่าสงสัย
ตุ๊กตาแมวจี้ ชื่อ ที ทูเดอะ จี  มาจาก ทีจี ชื่อของพี่เต็มใช่ไหมล่ะ รู้นะ
แล้วที่ได้มาเป็นรูมเมทพี่เต็มนี่ บังเอิญจริง ๆ หรือเปล่าน้อ
อยากรู้ว่า กองทัพสุดหล่อ จะมีวิธีจีบพี่เต็มยังไง เพราะดูเกร็งเหลือเกิน 555
ชอบพี่ซัน เพื่อนพี่เต็มด้วย ชอบผู้ชายร่าเริง อบอุ่น จริงใจที่สุด
รอตอนต่อไปค่า ชอบเรื่องนี้น้า ละมุนละไมดีจัง
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:


ขอบคุณคนอ่านทุกคนเช่นกันค่ะ  :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังใสๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ท่าทางละมุนมากเรื่องนี้

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3

ออฟไลน์ Carina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอ๊ะ ยังไง หรือจะเข้าทางน้องออม อืมมม มารอดูกัน  :impress2:

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทัพต้องเข้าทางออมแน่นวลลลล
ชอบเรื่องนี้มากๆ ละมุนละไม อิอิ  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อ่านทีเดียว 2 ตอนรวด

และคำเดียวเลยค่ะ ชอบมากกกกก
แต่ละมุนละไมแบบนี้คุณรินแค่เอามาล่อให้เราหลงกลใช่มั๊ย  :hao5:

ชอบคาแรคเตอร์ของเต็มใจ คือนึกภาพออกเลยว่าต้องเป็นผู้ชายที่หล่อและน่ารัก ดูผิวเผินจะหยิ่งๆ หน่อย  :hao6:
ส่วนน้องกองทัพนี่พี่ยังเดาทางไม่ค่อยออกเลยลูก แต่จากตอน intro ก็พอรู้แล้วว่าตอนนี้น้องกองทัพกำลังแอ๊บอยู่ใช่มั๊ยลูก  :laugh:

ณ จุดนี้อยากสิงร่างน้องออม  :hao6:

ติดตามอยู่นะคะ
มาต่อไวๆ น๊าาาา 

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดี๋ยวเคลียร์งานก่อน แล้วจะรีบกลับมาอ่านค่ะ  :katai4:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao5: :hao5: :hao5: เราชอบความละมุนนนนี้
แต่แอบกลัวใจนักเขียนจังเลย  :katai1:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากกกกก มาต่อไวๆ นะคะ
ปล.ได้กลิ่นเทมป์จีด้วย ปริ่มมากค่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่เต็มบอกไม่ได้เป็นเกย์อะะะ ทำไงดีน้องทัพ มาช่วยทำให้เป็นที
อยู่ห้องเดียวกันเดี๋ยวก็ได้กันเชื่อเสะ  อุ้ย!!!  :mew3:
ตอนแรกก็แบบรักสดใสอ่ะนะ สักพักก็จะมีดราม่าเล็กๆ เค้ารู้นะตัว
เห็นอินโทรบอก 'ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ' นี่รู้เลย ดราม่าต้องมา!!
จะติดตามนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องนี้ ฮีลเค้าได้ดีมากๆ

ปล. กอดตุ๊กตามันไม่อุ่น หันไปกอดหุ่นพี่เต็มสิทัพ ง่อววว  :katai2-1:



แอบเขิน ปล. ของความคิดเห็นนี้   :-[

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังไงเราไม่รู้แต่เรารู้ว่าน้องทัพกำลังแอ๊บเกร็ง  :laugh:

ดูได้จากบทอินโทร พ่อคุณคนอวดเมีย  :hao6:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาแล้วค่ะ

ยังคงความละมุนละไม แต่ยังไงก็ขอดราม่าแบบไม่หนักหนานะคะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ Heart Is Full ▌█ 





┠ 3 ┨






แค่วันแรกผมทำเรื่องน่าอายซะแล้ว..

“เฮ้อ..”

ถอนหายใจให้กับความผิดพลาดที่น่าขายหน้าของตัวเอง เพราะนอนผิดที่จึงทำให้ไม่ค่อยหลับกว่าจะปิดตาลงได้ก็ใกล้จะเช้าทำให้เปิดเรียนวันแรกกลายเป็นตื่นสาย แถมยังทำอะไรดูเก้ๆ กังๆ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองอีก ดูแล้วเหมือนตัวตลกฉิบหาย
วันที่ย้ายเข้ามาในหอพักผมสำรวจทั่วห้องก็พอจะเดาได้ว่ารูมเมทของผมเป็นคนค่อนข้างเจ้าระเบียบ ในตู้เย็นขนาดเล็กมีขวดน้ำแร่แค่เพียงยี่ห้อเดียววางเรียงกันเต็มพื้นที่ บนโต๊ะก็จัดหนังสือและปากกาไว้เรียบร้อย ถ้าสังเกตดีๆ จะรู้ว่าแม้แต่ปากกาก็ยังเป็นยี่ห้อเดียวกันหมด ท่าทางเจ้าของจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวน่าดู และผมก็ยังได้ข้อมูลจากคุณป้าดูแลหอพักอีกว่า ‘คุณเต็ม’ หล่อและน่ารักมาก ทุกครั้งที่ป้าแกเอ่ยชื่อนี้ดวงตาจะวิบวับและใบหน้าจะเบ่งบานราวกับกำลังเอ่ยถึงชายในฝัน ถูกต้องแล้วล่ะครับ ผมรู้จักชื่อของอีกฝ่ายก่อนจะได้เจอหน้าด้วยซ้ำ

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเป็นจังหวะมั่นคง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาจากนอกระเบียงค่อยๆ ห่างหายไปจากท้องฟ้าช้าๆ ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้วทำไมยังไม่กลับ ว่าแต่ทำไมผมต้องกระวนกระวายแบบนี้ด้วยนะ

คนที่ผมกำลังรอคอยด้วยความว้าวุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนี้คือรูมเมทของผมเองครับ เขาเป็นรุ่นพี่คณะสัตวแพทย์ชั้นปีที่ 3 ผมไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าความรู้สึกบางอย่างก็อุ่นวาบขึ้นในใจ ดวงตาเรียวเล็ก จมูกเชิดรั้น ริมฝีปากสีอ่อน และเรือนผมสีส้มที่ขับเน้นให้ผิวขาวเนียนดูสดใส ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายหากมองจากไกลๆ หรือมองแค่แว่บผ่านผมยังแอบคิดว่าเป็นผู้หญิง ทว่าบุคลิกท่าทางและการพูดจาไม่ได้ดูตุ้งติ้งหรือมีการแอ๊บแมนแต่อย่างใด ถ้าถามว่าหล่อมั๊ย? ตอบได้เลยว่าหล่อมาก แต่ผมกลับคิดว่าเครื่องหน้าดูรวมๆ แล้วออกจะน่ารักมากกว่าหล่อ เอาเป็นว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ชนิดที่ถ้าใครได้พบเจอก็ไม่อาจจะละสายตาไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

เมื่อตอนเที่ยงออมชวนผมไปทานข้าวที่คณะแพทย์ ทำให้ผมรู้ว่าอาเต็มที่ออมพูดให้ฟังบ่อยๆ นั้นเป็นคนเดียวกับคุณเต็ม รุ่นพี่และรูมเมทของผม แม้จะเคยเห็นรูปถ่ายแฟชั่นที่ออมชอบเอามาอวดแต่บอกได้คำเดียวครับว่าให้ลุคในรูปภาพแตกต่างจากตัวตนแท้จริงอย่างสิ้นเชิง

อ่อ.. จริงๆ แล้วเหตุการณ์หนึ่งที่ยังกรุ่นอยู่ในความคิด น่าแปลกที่นึกถึงแล้วทำให้เผลอยิ้มออกมา รุ่นพี่ระบายยิ้มถามว่าชื่อเล่นของผมคืออะไร? ซึ่งเป็นจังหวะที่ผมตอบนั้นโทรศัพท์มือถือของรุ่นพี่ดังขึ้นขัดจังหวะแบบพอดิบพอดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมได้ชื่อเล่นใหม่ เจ้าตัวถามผมว่าชื่อ ‘ท็อป หรือ เทมป์?’ ทั้งๆ ที่ผมอยากจะปฏิเสธว่า ‘ผมไม่มีชื่อเล่นครับ’ แต่ด้วยผมสังเกตเห็นว่าในแววตาดื้อรั้นนิดๆ นั้นมีความกังวลแอบซ่อนอยู่ อีกฝ่ายคงจะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ฟังในสิ่งที่ผมพูด เลยสุ่มถามกลับเพราะไม่อยากให้ผมรู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจฟัง ‘เทมป์?’ คนตรงหน้าถามขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมวินาทีนั้นผมถึงได้รู้สึกว่าน้ำเสียงที่เอ่ยชื่อนี้ออกมาช่างอ่อนโยนและกังวานเหลือเกิน สุดท้ายแล้วผมก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธใดๆ

ผมหยิบตุ๊กตาแมวจี้ขึ้นมาแล้วจ้องดวงตากลมโต

“ทีทูเดอะจี มึงว่ากูเหมือนคนบ้ารึเปล่าวะ?”

เจ้าทีทูเดอะจีไม่ตอบ ก็ถ้าหากตอบผมคงเผ่นป่าราบแล้วครับ

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดได้มอบมันให้กับผม ‘ออม’ เธอเป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งในตากลมโต เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมันธยมต้นแต่ที่ทำให้สนิทกันมากยิ่งขึ้นก็เพราะว่าคุณปู่ของเธอกับคุณปู่ของผมเป็นเพื่อนรักกัน

ถ้าจะให้พูดความสัมพันธ์ระหว่างผมกับออม ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เราเป็นแฟนกันครับ เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง คุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษากันได้ทุกอย่าง และความผูกพันของเราก็ก้าวผ่านความลึกซึ้งตามธรรมชาติของชายหญิงมาได้ปีกว่า แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากผลการสอบแอดมิชชั่นออกมาออมก็บอกผมว่าเราเป็นแค่ ‘เพื่อน’ กันดีกว่า เธอให้ตุ๊กตาแมวจี้เป็นของขวัญกับผมพร้อมกับบอกว่าให้ตั้งชื่อมันว่า ‘ทีทูเดอะจี’ ซึ่งเป็นชื่อในความทรงจำของผม ตอนนั้นผมอายุแค่ 5 ขวบ จำได้ว่ามีงานอะไรสักอย่างและมีการแสดงบนเวที ผมยืนมองใครคนหนึ่งที่เหมือนแมวน้อยกำลังฮัมฮำอะไรสักอย่างอยู่บนนั้น ทุกคนในงานต่างอมยิ้มและมองไปที่เด็กคนนั้นเป็นจุดเดียว และน่าแปลกนะครับที่เสียงแง้วๆ น่ารำคาญที่ร้องว่า ‘ทีทูเดอะจี...’ นั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจจวบจนถึงตอนนี้ เล่าให้ออมฟังทีไร ออมก็ได้แต่นั่งขำทุกทีแล้วก็ชอบล้อว่าทีทูเดอะจีคือรักแรกของผม

สัญญาณปลดล็อคด้วยคีย์การ์ดดัง ‘กริ๊ก’ ทำให้หัวใจของผมเต้นระรัว ผมรีบวางตุ๊กตาลงบนเตียงแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ให้ตายเถอะใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนมีอะไรกับออมครั้งแรกซะอีก บานประตูเปิดออกอีกฝ่ายยิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้ข้างประตู

“ทานข้าวรึยัง?”

ร่างบางเอ่ยถามขณะที่เดินผ่านผมไปเพื่อเอากระเป๋าเป้มาวางไว้บนเก้าอี้

“ยังครับ”

มันคือคำโกหก เพราะผมทานมื้อเย็นกับออมไปแล้วเมื่อตอน 4 โมงเย็นก่อนจะกลับหอพัก ทำไมต้องโกหก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

คนฟังเลิกคิ้วแล้วเอียงคอนิดๆ คงเป็นท่าทางที่แสดงออกเวลาใช้ความคิด ดูแล้วก็เหมือนลูกแมวดีครับ

“ด้านล่างมีร้านบะหมี่นะ หรือถ้าขี้เกียจลงไปก็หยิบกับข้าวในตู้เย็นเอาออกมาอุ่นไมโครเวฟสิ”

ผมหันไปมองตู้เย็นแว่บนึง

“คุณแม่พี่ทำเอง อร่อยนะ”

ยิ้มมารยาทอีกแล้ว หงุดหงิดชะมัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะตอบรับแบบซื่อๆ ออกไป

“อ่อ ครับ”

แม้จะรู้สึกขัดใจกับสรรพนาม ‘พี่’ และ ‘นาย’ แต่ผมก็ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกไป ทำเพียงเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบกล่องกับข้าวออกมาอุ่นเท่านั้น  ระหว่างที่ผมเตรียมจานช้อน รุ่นพี่ก็ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเสร็จเรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วดื่มหมดไปซะครึ่ง แล้วจึงเดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าวอีกฝั่ง

“พี่กินมาแล้ว นายกินเถอะ”

อ้าว.. คิ้วของผมขมวดแทบจะทันที แต่ก็แค่แว่บเดียวและอีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้สังเกตเห็นเพราะมัวแต่ยกขวดน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ช่วงจังหวะนั้นผมเผลอมองลูกกระเดือกที่กลืนของเหลวลงคออย่างลืมตัว

“กินเยอะๆ นะ”

เจ้าตัวหันมาบอกพร้อมยักคิ้ว ผมจึงลงมือกินข้าวมื้อที่ 4 ของวัน ดีนะที่อาหารอร่อยจริงตามคำที่บอกไม่งั้นผมคงไม่สามารถยัดลงท้องได้เป็นแน่

“ตรงปีกซ้ายมีเครื่องซักผ้ากับตู้น้ำหยอดเหรียญ แต่ถ้าขี้เกียจซักผ้าก็จ้างป้าสมนึกได้ แกรับซักรีดด้วย”

คนพูดลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นอีกรอบ สาบเสื้อที่พริ้วตามจังหวะการเดินทำให้เห็นแผ่นอกเรียบเนียน มันเป็นปกติที่ผู้ชายจะถอดเสื้อเดินไปมา วันแรกที่เจอกันเจ้าตัวก็ถอดเสื้อก่อนจะอาบน้ำ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนลมหายใจติดขัดยังไงชอบกล

“ของในตู้เย็นกินได้หมดทุกอย่าง กินหมดพี่ก็ไม่ว่าและไม่ต้องซื้อมาเติมให้ด้วย แค่ทุกวันจันทร์กับวันพฤหัสบดีถ้านายกลับมาถึง
หอพักก่อนก็ช่วยรับน้ำกับนมเปรี้ยวที่เคาท์เตอร์ด้านล่างให้พี่ด้วย ที่ป้าสมนึกนั่นแหละ”

“ได้ครับ”

มือบางวางขวดน้ำให้ผม จากนั้นก็กลับลงไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้ง

“เรียนวันแรกเป็นไงบ้าง?”

“ก็โอเค ครับ”

“ตอบเหมือนออมเลย”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรอยยิ้มเย้าแหย่

“เป็นแฟนกันเหรอ?”

หืม? ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย แล้วคำถามถูกเปลี่ยน

“ไม่ใช่สิ.. เคยเป็นแฟนกันเหรอ?”

“ครับ”

ไม่มีอะไรต้องปิดบัง อีกอย่างออมกับคนตรงหน้าก็เป็นอากับหลานกัน ออมสนิทกับอาเต็มของเธอมากแค่ไหนผมรู้ดีเพราะฉะนั้นปิดยังไงก็ไม่มิดหรอกครับ

“จากแฟนแล้วมาเป็นเพื่อนสนิทเนี่ยนะ?”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้คิดกับออมยังไง? แค่เพื่อน?”

“ครับ.. แค่เพื่อน”

ความรู้สึกปัจจุบันของเราทั้งคู่ไม่มีอะไรเกินคำว่าเพื่อนเลยสักนิดเดียว คนตั้งคำถามเงียบไปครู่ใหญ่หลังจากได้ยินคำตอบที่ชัดเจนจากผม เจ้าตัวเอียงคอและเม้มปากเล็กน้อย

“เทมป์”

“ครับ”

“ออมยังไม่เคยพาเทมป์ไปทานข้าวที่บ้านพี่ใช่มั๊ย?”

“ครับ ผมแค่เคยไปรับไปส่งออมที่หน้าบ้านเฉยๆ”

เจ้าของคำถามพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“ไว้วันหลังไปทานข้าวที่บ้านพี่สิ”

รอยยิ้มที่เป็นไปด้วยมารยาทมาตลอดดูเบาบางลงราวกับว่าเส้นด้ายบางๆ ที่เจ้าตัวขีดแบ่งไว้ได้หย่อนลงแล้ว ผมจึงส่งยิ้มกลับพร้อมกับพยักหน้า คำตอบของผมดูจะถูกใจเจ้าตัวไม่น้อย
ร่างบางลุกขึ้น ถอดเสื้อนักศึกษาใส่ลงในตะกร้า และก่อนที่จะก้าวเข้าห้องน้ำ เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมามองผม

“ออมทำอาหารเก่งนะ”

ขยิบตาให้ด้วย

“อ่อ...”

ทั้งที่คิดว่าคำตอบของผมก็ออกจะชัดเจน แล้วผมก็คิดว่าออมเองก็คงจะไม่ได้คิดต่างจากผม แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าคุ้มทีเดียวที่ได้เห็นท่าทาง ‘น่ารัก’ ของอีกฝ่าย ผมหันไปมองเจ้าทีทูเดอะจีที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง

“สงสัยกูจะบ้าไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ”


.
.
.
.



วันนี้มีเรียนตอนสิบโมงเช้าผมจึงเดินมาเรียนเอง นักศึกษาหลายคนก็เดินบ้างปั่นจักรยานบ้าง หรือมีรถขับก็เยอะ ปกติผมเป็นคนที่มีเหงื่อเยอะเดินไม่เท่าไหร่เสื้อก็เปียกชุ่มแล้วครับ ผมแวะเข้าห้องน้ำเมื่อถึงคณะ ล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่น แล้วจึงไปนั่งรับลมรอเวลาเรียนที่ม้านั่งใต้ร่มไม้

ผมเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว ‘เกียรติไพศาลกิจ’ ต้นตระกูลของผมใช้ ‘แซ่ยาง’ เป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่โล้สำเภาเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในแผ่นดินสยาม จากนั้นก็ปากกัดตีนถีบค้าขายจนร่ำรวยระดับเจ้าสัว คุณปู่ทวดของผมแต่งงานกับคุณย่าทวดซึ่งเป็นชาวโปรตุเกสซึ่งแน่นอนว่าทางครอบครัวของคุณปู่ทวดไม่ยอมรับลูกสะใภ้ แต่ด้วยความรักคุณปู่ทวดจึงยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมาสร้างครอบครัวใหม่อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั้งประเทศได้รู้จัก ‘โฆษณา’ จากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นครั้งแรก

คุณปู่ทวดและคุณย่าทวดมีลูกชายคนเดียวจึงตั้งชื่อตามแซ่เก่าว่า ‘ยาง’ ซึ่งเจ้าสัวยางนี่แหละครับคือคุณปู่ของผม ท่านได้รับการถ่ายทอดความรู้และต่อยอดความคิดจากคุณปู่ทวดจนเกิดเป็นบริษัทออกแบบโฆษณาและสื่อสิ่งพิมพ์บริษัทแรกของประเทศ และยังบุกเบิกฝ่าฟันจนทำให้บริษัทกลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ภายใน 10 ปี ปัจจุบันคุณปู่อายุใกล้จะ 70 ปีนั้นได้วางมือจากงานธุรกิจมาหลายสิบปีแล้วล่ะครับ ท่านได้ส่งมอบงานต่อให้คุณพ่อของผมเป็นคนบริหารจัดการแทนทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อไม่ได้ทำให้คุณปู่ผิดหวังแม้แต่น้อย บริษัทของเราสามารถไต่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของภูมิภาคและกำลังขยายไปไกลถึงยุโรปในอีกไม่ช้า

คุณปู่ของผมชื่อยางส่วนคุณย่าของผมชื่อจู ท่านมีคุณพ่อเป็นลูกชายแค่คนเดียวดังนั้นท่านจึงค่อนข้างจะเข้มงวดไม่เว้นแม้แต่เรื่องลูกสะใภ้ คุณแม่ของผมเป็นหญิงสาวธรรมดามาจากครอบครัวที่ยากจนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าคุณแม่ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่พ่อแม่สามีปลื้มสักเท่าไหร่ คุณย่าบอกว่าที่คุณแม่ยังเชิดหน้าชูตาเป็นคุณนายอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะเห็นแก่หลาน ซึ่งนั่นก็คือ ผมและพี่ชาย

ผมมีพี่ชาย 1 คน ชื่อ ‘พี่นาย’ หรือ ‘นายพล เกียรติไพศาลกิจ’ เรา 2 คนพี่น้องมีความสูงที่ใกล้เคียงกัน แต่ทว่าองค์ประกอบทางหน้าตาและผิวพรรณ ตลอดจนนิสัยของเราก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พี่นายเป็นหนุ่มตี๋ผิวขาวเหลืองสไตล์เอเชีย ในขณะที่ผมได้รับตกทอดพันธุกรรมจากคุณย่าทวดมาแทบทั้งหมด จนเคยมีคนตั้งคำถามว่าเราทั้งคู่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันรึเปล่า? แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเราสองคนพี่น้องรักกันดีครับ

“กองทัพ!”

“เหี้ย!”

กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ออมก็โผล่มาตะโกนจากด้านหลังทำเอาผมตกใจจนสะดุ้ง

“ใจลอยไปถึงไหนจ๊ะพ่อหนุ่ม?”

ขอเลือกที่จะไม่ตอบละกันครับเพราะผมรู้ว่าออมไม่ได้ถามจริงจังอะไร ออมนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับส่งน้ำเย็นๆ ให้ผมหนึ่งขวด ซึ่งแม้จะเป็นน้ำดื่มธรรมดาไม่ใช่น้ำแร่บริสุทธิ์จากธรรมชาติแต่มันก็ทำให้ผมอดจะคิดถึงใครบางคนไม่ได้

“เออ.. ศุกร์นี้ดักแด้ชวนไปดูหนังอะ”

ดักแด้คือเพื่อนสนิทของผมกับออม เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ดักแด้เป็นหนุ่มตาตี่อารมณ์ดีผู้คลั่งไคล้โดเรมอนเป็นชีวิตจิตใจและเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้ดักแด้ก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผมและออมนี่แหละครับแต่คนละคณะ รายนั้นเขาอยากเป็นวิศวกรเลยเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์

“อืม ไปสิ”

ไม่ได้ดูหนังมานานแล้วเหมือนกันครับ

“แล้วนี่มีรุ่นพี่มาคุยเรื่องเดือนคณะบ้างรึเปล่า?”

“มี”

“สนใจมั๊ย?”

“ก็ต้องดูว่าดาวคณะเป็นใคร”

“ฉันไง”

หญิงสาวยืดตัวขึ้นด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ ทำเอาผมต้องหัวเราะเบาๆ

“ก็ถ้าเพื่อนเป็นเดือน ออมคนสวยคนนี้ก็จะเป็นดาวประดับให้ โอเคปะ?”

“ฟ้าคงหม่นน่าดู”

ออมหัวเราะชอบใจเสียงดัง ท่าทางคงจะถูกใจคำตอบของผมน่าดู หลังจากหัวเราะจนพอใจ ออมก็มองหน้าผมนิ่งๆ

“ว่าแต่เป็นไรรึเปล่าเนี่ย?”

ข้อเสียของความสนิทที่เรามีให้กันก็คือเราไม่สามารถปิดบังอะไรกันได้เลย ผมมองหน้าออมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง

“กำลังคิดว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า?”

“ไม่หรอก”

เพื่อนสาวตอบไว้โดยแทบไม่ต้องคิด ผมหรี่ตามองหน้าอีกฝ่ายอย่างจับผิด

“นายไม่ได้เป็นเกย์ แต่เป็นไบต่างหาก”

นั่นไง เดาไว้ไม่มีผิดว่าคำตอบของออมไม่เคยจะธรรมดา ผมเคาะหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว เจ้าของหน้าผากโวยวายเล็กน้อย

“ทำไม? หลงรักอาเต็มของฉันเหรอ?”

บอกแล้วไงครับว่าแม้ไม่พูดเราก็สามารถรู้ทันความคิดของกันและกันได้ และผมก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย ทำเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจเพราะรู้ว่าออมต้องมีอะไรที่จะพูดต่อแน่ๆ

“กองทัพเพื่อนรักจ๋า ฟังนะ.. ถ้านายหลงรักอาเต็มจริงๆ ฉันขอบอกไว้เลยว่านอกจากนายจะมีคู่แข่งเป็นค่างป่าชะนีแล้วนายยังมีคู่แข่งเป็นผู้ชายเกือบครึ่งโลก”

“ขนาดนั้น?”

“แน่นอน.. อาเต็มสุดที่รักของฉันไม่ได้ธรรมดานะยะ”

ต่อให้ไม่ต้องบอกผมก็พอจะรู้ เพราะออมเล่าให้ฟังบ่อยๆ

“และที่สำคัญ.. อาเต็มก็ไม่ได้เป็นเกย์”

เรื่องนี้ผมเองก็พอจะดูออกอยู่บ้าง แต่ที่เพิ่งรู้ก็คือรูปจากในไอโฟนที่ออมยื่นมาให้ดู เป็นรูปของผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดคอผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่ยิ้มกว้างสดใส และผู้หญิงในรูปก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ต่อให้ผมไม่ใช่แฟนคลับหรือสนใจสักเท่าไหร่แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอคือดารานักแสดงชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย

“แฟนน้าเต็มคนปัจจุบัน คบกันมาสองสามปีแระ รู้จักกันตอนที่อีกฝ่ายมาเป็นนางแบบพรีเซ็นเตอร์ให้อาขวัญ”

อธิบายแค่คร่าวๆ จากนั้นออมก็นั่งจ้องหน้าผมอยู่พักใหญ่ แหน่ะ.. แบบนี้ต้องมีแผนการอะไรอยู่ในหัวแน่นอน

“กองทัพ”

“หืม?”

“ถ้านายทำให้แม่นี่หลุดจากอาเต็มได้ ฉันก็จะสนับสนุนนายเต็มที่”

นั่นไง เดาไว้ไม่เคยจะผิดสักนิด ผมหัวเราะเบาๆ

“นี่กะจะใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือ?”

“ก็ไม่เชิง.. เอาเป็นว่าเราได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายละกัน”

ทำไมเพื่อนผมดูเป็นนางร้ายจังเลยแฮะ

“แต่มีข้อแม้นะ”

“ว่า?”

“ถ้านายทำอาเต็มของฉันเจ็บ นายต้องเจ็บกว่าหลายสิบเท่า”

“ไม่มีวันนั้นหรอก.. ฉันสัญญา”

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตอบไปแบบไม่ต้องคิดสักนิดเดียว


.
.
.
.



ดูเหมือนว่าคณะสัตวแพทย์จะเรียนหนักน่าดู นับวันรูมเมทของผมก็กลับดึกขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ก็ปาเข้าไปจะ 3 ทุ่ม ว่าแต่ทำไมผมต้องนั่งรอด้วยความกังวลแบบนี้ทุกวันนะ? และทุกวันที่กลับมาอีกฝ่ายก็จะถามผมด้วยประโยคเดิมๆ

“ทานข้าวรึยัง?”

เมื่อวานกับวันก่อนผมตอบว่าทานแล้วเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายดูเหนื่อยและเพลีย แต่วันนี้ดูจากสีหน้าแล้วผมจึงขอโกหกอีกครั้ง

“ยังครับ”

เจ้าตัวเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

“บะหมี่ใต้หอมั๊ย?”

“ก็ดี ครับ”

เป็นความคิดที่ดีเลย ซึ่งแม้จะเป็นเวลา 3 ทุ่มแต่ร้านบะหมี่ใต้หอพักก็ยังมีลูกค้าเต็มเกือบทุกโต๊ะ เราเลือกนั่งโต๊ะที่ว่างซึ่งอยู่ริมสุด ผมรู้ได้เลยว่าทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่เราสองคน ผมหยิบกระดาษมาเขียนเมนูก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย

“ไม่สั่งเหรอครับ?”

“พี่กินมาเรียบร้อยแล้ว นายกินเถอะ”

ได้แต่ร้อง ‘อ่อ’ อยู่ในใจ จากนั้นก็เดินไปส่งแผ่นกระดาษให้พ่อค้า แล้วเดินกลับมาผมก็นั่งมองคนตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้ายิ้มกับหน้าจอไอโฟน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังคุยไลน์อยู่กับใคร

“มากินบะหมี่เป็นเพื่อนผมเพราะออมบอกให้ดูแลผมรึเปล่าครับ?”

คนถูกถามละใบหน้าจากหน้าจอ เลิกคิ้วมองหน้าผมครู่หนึ่ง

“ไม่ต้องคิดมากหรอก อายินดี”

สรรพนามจาก ‘พี่’ เปลี่ยนเป็น ‘อา’ ในทันที และผมก็ไม่บ้าพอที่จะยินดีรับความปรารถนาดีนี้ได้ ผมจึงเลือกที่จะเงียบ สงบสติอารมณ์ด้วยการฟังสรรพเสียงรอบตัวจึงได้รู้ว่า ‘อาเต็ม’ ของออมไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเท่าที่ฟังบทสนทนาของทุกโต๊ะจะมุ่งประเด็นมาที่เจ้าตัว ‘โคตรน่ารักอะ’ ‘อย่างเท่ห์’ ‘แม่ง อยากเป็นโทรศัพท์ในมือฉิบหาย’ และอีกสารพัด จนผมรู้ตัววันนี้แหละว่าความหล่อของผมที่มีมาทั้งชีวิตช่างไร้ค่าเสียจริง

“เออ เทมป์”

จู่ๆ คนตรงหน้าก็เอ่ยชื่อที่ผมชอบที่สุด

“ขอไอโฟนหน่อย ปลดพาสให้ด้วย”

มือบางยื่นมาตรงหน้า ผมส่งไอโฟนของตัวเองให้โดยไม่ปลดพาส รอจนดวงตาคู่เรียวจ้องมองหน้าพร้อมกับเลิกคิ้วถามว่า ‘พาสล่ะ?’

“ศูนย์สี่หนึ่งหนึ่ง วันและเดือนเกิดผม”

คนฟังยิ้มเบะเหมือนจะหมั่นไส้เล็กน้อยก่อนจะจิ้มหมายเลขตามที่ผมบอก

“พี่มีเรียนเต็มวันแทบทุกวัน แล้วกิจกรรมก็เยอะด้วย ต่อไปพี่อาจจะไม่ได้กลับหอบ่อย พี่จะเมมเบอร์กับแอดไลน์ไว้ให้นะ ถ้ามีธุระด่วนอะไรก็โทรหรือไลน์หาพี่ได้นะ”

“ถ้าไม่มีธุระก็โทรไม่ได้เหรอครับ?”

“หืม?”

หลังเสียงครางหืม ก็ตามด้วยเสียงหัวเราะ   ‘หึ’ พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ได้สิ”

“แล้วไม่เรียก ‘พี่’ ด้วยได้มั๊ยล่ะ?”

“ทำไม? ขอเหตุผล”

“แค่ไม่อยากเรียก”

“ดูไม่น่านับถือขนาดนั้นเลย?”

“อยากเป็น.. ‘เพื่อน’ กันมากกว่า”

ดวงตาคู่เรียวหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังอ่านใจและค้นหาความหมายของคำว่า ‘เพื่อน’ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร เปิดเผยขนาดนี้แน่นอนว่าคนฉลาดอย่างคนตรงหน้าเข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบาย ผ่านไปครู่ใหญ่ใบหน้าเนียนใสที่ก็ยกยิ้มมุมปาก ให้ความรู้สึกเป็นแบดบอยเสียจนเสียงเจ๊าะแจ๊ะรอบข้างเงียบสนิท ราวกับว่า ณ ตรงนี้มีผมกับคนตรงหน้าแค่สองคน

“นี่.. ฉันไม่ได้เป็นเกย์นะ”

น้ำเสียงแข็งกระด้างกว่าที่เคยเป็น แต่กลับทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง โลกทั้งใบของผมในตอนนี้มีแค่คนตรงหน้า แม้แต่เสียงสำลักน้ำหรือเสียงกรี๊ดกร๊าดของคนรอบกายก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผมไปได้แม้แต่นิดเดียว

“แต่ผมเป็น”

ยักคิ้วให้ด้วยครับ



.
.
.
.
.
.


TBC..  : 222222:




ท่าทางคนอ่านจะเบื่อนิยายเรื่องนี้กัน 
แต่ไม่เป็นไรค่ะ รินจะลงต่อไปจนกว่าจะเหลือคนอ่านแค่คนเดียวแล้วค่อยหยุดค่ะ o7
และก็ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1: :L1:





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำไมออมอยากให้อาเต็มเลิกกับแฟนคนปัจจุบันนะ (น่าจะมีในตอนก่อนแต่จำไม่ได้)
กองทัพ... นายต้องรบกับคนนับแสนเลยหรือเปล่านี่ ฮา

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mew3: โอ๋ๆๆๆๆ อย่าพึ่งน้อยใจค่ะ... แอบบมาอ่านแต่ไม่ได้comment เพราะลืมค่าาาาา...sorry  :hao4: ยังตามเหมือนเดิมค่ะ......  :mew1: สู้ๆๆๆค่ะ จะรออ่านเสมอนะค่ะ...   o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
งานยาก

ออฟไลน์ mamazung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โถ่ๆๆ อย่าเพิ่งน้อยใจค่า เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ
อย่าหยุดลงนะคะ ลงจนจบนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

อาเต็มน่ารักจริงๆ อยากได้ไว้เอง 55555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6:  สนุกจัง กองทัพเห็นเงียบๆแบบนี้ ออกตัวแร๊งมากอิอิ

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านของกองทัพคนอวดเมียแล้วแบบบ เฮ้ยยย แบบนี้ มันต้องแบบนี้สิ คนจริงนายกองทัพ สู้ๆ เขานะเว้ยยยย  :laugh:




ตามอ่านอยู่ค่ะ อย่าน้อยใจน๊าาา นิยายคุณรินสนุกมากๆ ค่ะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
กองทัพ นายพร้อมออกรบแล้วใช่มั๊ย ข้าศึกเยอะแบบนี้นายอย่าแพ้นะ ทางนี้เอาใจช่วยให้นายรุกอย่างหนัก  :hao6:

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กรี๊ด :ling1: 555555  รุกใหญ่เลยนะนาย555555

ออฟไลน์ Carina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ๊ายยยยยย ประกาศตัวขอเริ่มรบขนาดนี้ ออกตัวแรงมาก ว่าแต่อาเต็มจะใจอ่อนมั้ยน้าาา ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนอวดเมียมาแล้วโว้ยยยยย กองทัพสายรุกตัวจริงคนจริง  :laugh:


ติดตามอยู่ตลอดนะคะ ชอบมากๆๆๆๆ เป็นกำลังใจให้น๊าาา :กอด1:

ออฟไลน์ 2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาใจพี่ไปเลยจ้าน้องกองทัพสายรุกบุกหนัก  :laugh:


รักนักเขียนน๊า  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด