█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 231563 ครั้ง)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขิน จีบแบบไม่รุกฆาตแต่ทำเอาเขินแรง เต็มต้องสายแข็งแค่ไหนถึงอดทนได้ ถ้าเป็นนี่ใจอ่อนตั้งแต่ปากกามัดรูปหัวใจแระ เรามันคนใจง่าย :hao6:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจอแบบนี้เขินจนไปต่อไม่ถูกเลย
เต็มลูก แม่อ่อนแล้วเจ้าก็อ่อนให้น้องเขาไปเถอะนะ 
:hao6:  :hao6:  :hao6:

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำยังไงถึงจะมีคนเอาปากกามัดเป็นรูปหัวในมาให้บ้างนะ  อิจฉาเต็มมากนะเนี่ย :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 5 ┨




วันนี้ผมตื่นสายครับ ถ้าป้าทิพย์ไม่เคาะประตูเรียกสงสัยจะลากยาวไปถึงสิบโมงเช้าเป็นแน่ เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบจะสามทุ่ม หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือแล้วนั่งทบทวนสิ่งที่เพิ่งเรียนมาในวันศุกร์กว่าจะรู้อีกทีเข็มสั้นของนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลขสี่พอดิบพอดี

“นอนเอาตอนเช้าอีกแล้วใช่มั๊ยคะเนี่ย?”

ป้าทิพย์ทำหน้าดุแต่น้ำเสียงโคตรจะอ่อนโยน

“ถ้าไม่ได้เกียรตินิยมมันจะแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณเต็ม”

“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยครับ”

ลุกขึ้นไปกอดเอวอ้อนป้าทิพย์สักหน่อยครับ

“ไม่ต้องมาอ้อนป้าเลยค่ะ คุณเต็มรีบไปล้างหน้าล้างตาเถอะ คุณท่าน คุณหญิงและน้องออมรอทานมื้อเช้าอยู่นะคะ”

“รอทานมื้อเช้า?”

หันไปมองนาฬิกาอีกรอบ ปกติมื้อเช้าจะจัดโต๊ะตอนเจ็ดโมงครึ่งถ้าสายหน่อยก็แปดโมงเช้าไม่เกินนั้น แต่นี่เก้าโมงเข้าไปแล้วนี่นา..

“ก็คุณท่านกับคุณหญิงอยากจะทานข้าวกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตายังไงล่ะคะ”

ได้ฟังคำอธิบายจากป้าทิพย์แล้วผมก็รีบเดินเข้าห้องน้ำโดยทันที ให้ออมรอหน่ะไม่เท่าไหร่แต่ให้บุพการีรอถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆ สำหรับผม

“คุณเต็มคะ”

“ครับ”

กำลังจะปิดประตูห้องน้ำ แต่ต้องหยุดเอาไว้เพราะเสียงเรียกของป้าทิพย์ หญิงวัยเจ็ดสิบต้นๆ ร่างอวบเดินไปหยิบไอโฟนของผมที่ส่งเสียงอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วรีบเอามาส่งให้จนถึงมือ

“ขอบคุณมากครับ”

กล่าวขอบคุณก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ ผมกดรับสายวิดิโอคอลแล้ววางมันไว้บนเคาท์เตอร์ห้องน้ำ ภาพหน้าจอปรากฏเป็นหญิงสาวที่ใส่บิ๊กอายจนนัยน์ตากลมโตเหมือนตุ๊กตาพร้อมกับคำพูดทักทายตอนเช้าด้วยรอยยิ้มสดใส ‘โมชิโมชิ’ และ ‘โอะฮาโย โกะไซมัสสึ’

เธอชื่อ ‘เนเนะ’ ครับ อายุน้อยว่าผม 2 ปี เธอเป็นดารานักแสดง นางแบบ และนักร้อง ดาวรุ่งพุ่งแรงของญี่ปุ่นในขณะนี้ และก็เป็น ‘แฟน’ ของผมด้วย เราเจอกันเมื่อห้าปีก่อนเพราะพี่ขวัญเชิญเธอมาร่วมงานในคอลเลคชั่นซัมเมอร์ ผมยังจำได้ในตอนที่เราเจอกันครั้งแรก เธอตัวเล็ก น่ารัก และสดใส เหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวน้อยๆ และเพราะว่าผมเองก็เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะตัวเล็ก ตอนถ่ายแบบพี่ขวัญจึงให้เราใส่เสื้อผ้าไซด์เดียวกัน เธอแซวว่าผมดูดีกว่าเธออีก และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นจนพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแฟน แม้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันและไม่ได้เปิดเผยอะไรให้ใครได้รับรู้แต่เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอ ซึ่งก่อนที่ผมจะกลับมาเรียนปริญญาตรีที่ไทยผมก็ได้แวะไปหาเธอที่ญี่ปุ่น และต่อให้เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียวแต่เราก็มีเซ็กส์กันทุกวัน..

ผมล้างหน้า แปรงฟัน รวมทั้งอาบน้ำไปพร้อมกับการวิดิโอคอลคุยกับเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ เดี๋ยวสิครับ อย่าเพิ่งมองว่าผมเป็นพวกเซ็กส์จัดหรือโรคจิต แต่เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวเสียมากกว่าผมจึงต้องบริหารเวลาที่มีจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้นเอง อะไรที่ผมคิดว่าทำพร้อมกันได้แล้วไม่เสียหายผมก็ทำครับ และเนเนะก็ไม่ได้ถือสาอะไรออกจะชอบเสียด้วยซ้ำ พูดคุยและแซวผมอย่างสนุกสนาน จนผมอาบน้ำเสร็จก็สมควรได้เวลาที่ต้องวางสาย ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าจอโทรศัพท์จนคล้ายว่าหน้าของเราทั้งคู่กำลังจะชนกัน ดวงตาคู่โตเบิกกว้างแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ

“ยุคุหริ ยะซุนเดะ เนะ”

พักผ่อนด้วยนะ.. ผมบอกเธอไปแบบนั้น เธอก็ตอบรับกลับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะบอกว่าคิดถึงผม

“โตะเตะโมะ ไอชิเตะ อิมาชสึ”

ผมเองก็คิดถึงเธอเช่นกัน.. ใบหน้าน่ารักระบายยิ้มกว้างแล้วก็โบกมือบ๊ายบายก่อนจะวางสายไป ผมจึงรีบเก็บโทรศัพท์แล้วออกจากห้องน้ำ และก็ได้เจอคุณนายออมนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงปลายเตียงของผม

“โต๊ะเต๊ะโม๊ะ ไอชิเต๊ะ อิม๊าชสึ แหวะ”

ภาษาญี่ปุ่นที่ดัดเสียงซะจนแหลมเล็กแล้วมีโก่งคออ๊วกตอนท้ายทำเอาผมที่กำลังใส่เสื้อต้องขำออกมา ออมไม่ชอบเนเนะเอามากๆ ครับ ส่วนเหตุผลที่ไม่ชอบออมบอกไว้แค่ 2 คำนั่นคือ ‘ตอแหล’ กับ ‘ดัดจริต’ ซึ่งผมคิดว่ามันคงจะเป็นความรู้สึกของผู้หญิงซะมากกว่า เพราะออมเป็นน้องเล็กของตระกูลจึงไม่เคยมีใครมาแบ่งปันความรัก ขนาดโอบมีแฟนยังต้องผ่านการคัดกรองจากออมเลยครับ

“ไปทานข้าวกัน”

แต่งตัวเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กอดคอหลานสาวคนสวยพากันลงไปทานข้าว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่นั่งรออยู่ทีโต๊ะอาหารแล้วครับ

“ไม่เห็นต้องรอผมเลยนี่ครับ”

“พูดแบบนั้นได้ยังไงลูก”

คุณแม่ส่งค้อนให้ผม จนผมต้องรีบยกมือไหว้ขอโทษ ท่านจึงส่งยิ้มมาให้

“อาเต็มอยู่หอพักเพราะงั้นอาเต็มจึงไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณย่านั่งนับปฏิทินทุกวันว่าวันไหนลูกชายสุดที่รักจะกลับมาบ้านน๊า”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยน้องออม”

แม้จะโดนคุณแม่ดุเข้าให้แต่ออมก็เอาแต่หัวเราะ คุณพ่อกับผมก็พลอยหัวเราะไปด้วย

“เอาล่ะๆ กินข้าวกันเถอะ”

คุณพ่อตัดบทสนทนาด้วยอาหารตรงหน้า

“เออ พ่อลืมบอกว่าคืนนี้พ่อกับแม่จะพาเราทั้งคู่ไปงานเลี้ยงที่บริษัทของลุงยางด้วยนะ”

“บริษัทที่คุณพ่อเป็นหุ้นส่วนนะเหรอครับ?”

ผมไม่ค่อยจะรู้เรื่องธุรกิจสักเท่าไหร่หรอกครับ แล้วก็จำไม่ค่อยได้ด้วยว่าคุณพ่อเป็นหุ้นส่วนหรือที่ปรึกษาของบริษัทอะไรบ้าง

“แล้วออมจะหาชุดทันมั๊ยคะคุณปู่?”

“หลานย่าสวยแค่นี้ก็พอแล้ว ยังไงซะพ่อกองทัพก็ไม่มองใครหรอก”

เอ๊ะ? กองทัพ นี่คุณแม่ก็รู้จักคนๆ นี้ด้วยเหรอ? แล้วเกี่ยวอะไรกับงานที่จะไปคืนนี้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองโง่ชอบกลแฮะ

“แหม ออมบอกแล้วไงคะว่าตอนนี้ออมกับกองทัพเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”

“จ่ะ เพื่อนก็เพื่อน”

รอยยิ้มหยอกล้อหลานสาวของคุณแม่ทำให้รู้ว่าท่านก็คงจะคิดไม่ต่างไปจากผม

“อ่อ จริงสิ น้องออมบอกแม่ว่าพ่อกองทัพเป็นรูมเมทคนใหม่ของน้องเต็มเหรอลูก?”

“ใช่ครับ”

ตอบคุณแม่แล้วก็หันไปมองหน้าหลานสาวเพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติมในความสัมพันธ์ของผู้ชายที่ชื่อกองทัพ

“เมื่อก่อนกองทัพมาส่งออมที่บ้านบ่อยค่ะอาเต็ม บ้านเขาอยู่หมู่บ้านถัดไปนี่เอง แต่ตั้งแต่กองทัพเขาย้ายไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าของเขาก็ไม่ได้มาอีกเลยเพราะบ้านอยู่ไกลกันมาก น่าจะอยู่แถวเดียวกับบ้านอาซันนะคะ”

อ่อ.. ผมพยักหน้าเข้าใจแต่ทว่าในใจก็ยังมีคำถามอยู่เต็มไปหมด คุณพ่อจึงช่วยขยายความเพิ่ม

“คุณปู่ของกองทัพเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเอง สมัยตอนที่พี่ขวัญเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ ก็ได้ลุงยางนี่แหละช่วยโฆษณาให้ ตอนงานวันเปิดตัวของพี่ขวัญน้องเต็มขึ้นไปร้องเพลงโย่วโย่วโชว์ไงล่ะลูก แล้วลุงยางก็ให้ตุ๊กตาน้องแมวตัวใหญ่เป็นรางวัลด้วยเลย”

ย้อนอดีตไปไกลมาก คิ้วของผมแทบจะผูกโบว์กันเลยครับ แต่คิดๆ ดูผมก็พอจะจำได้อยู่บ้าง เพลงโย่วๆ ที่คุณพ่อพูดถึงก็คงจะเป็นเพลงฮิปฮอป ผมเคยร้องเพลงโชว์อยู่งานเดียวก็คงจะเป็นตอนนั้นแหละครับ แต่.. เทมป์คือคนไหนกันล่ะ? และเพราะผมเงียบไปนานคุณแม่จึงส่งยิ้มมาให้

“ตอนนั้นน้องเต็มเพิ่งจะเจ็ดขวบเองนะคะคุณ สงสัยจะจำไม่ได้”

“แต่เดี๋ยวนะคะ... ถ้าอย่างนั้นอาเต็มก็น่าจะเจอกองทัพก่อนออมสินะ ว้าว”

“ว้าวอะไรอีกล่ะน้องออม?”

คุณแม่หรี่ตามองหลานสาว นั่นสิครับ ว้าวอะไร? แล้วทำไมต้องว้าว? ผมมองหน้าหลานสาวด้วยความสงสัย

“ว้าว ชักจะสนุกแล้วสิคะคุณย่า”

เจ้าตัวอมยิ้มแบบมีเลศนัย จนผมต้องหรี่ตามองตามไปด้วย

“อะไรของเด็กคนนี้เนี่ย? จริงๆ เลย”

โดนเอ็ดไปอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ออมสะดุ้งสะเทือนหรอกครับ มีแต่คนเป็นย่านี่แหละที่ดุหลานสาวทีไรก็หลุดหัวเราะออกมาเองทุกที

“ไม่รู้แหละค่ะ ยังไงอาเต็มต้องเลือกชุดให้ออมด้วยนะคะ”

แถออกนอกเรื่องแบบเนียนๆ ต้องยกให้หลานสาวผมนี่แหละครับ

ทานมื้อเช้ากันเสร็จ ก็นั่งดูทีวีและคุยโน่นนี่นั่นกันต่อที่ห้องนั่งเล่นพักใหญ่ก็มีแขกมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ ผมกับออมจึงแยกออกมานั่งเล่นกันที่ศาลากลางสวนหลังบ้าน แม้แดดจะแรงแต่เงาของร่มไม้ช่วยได้เยอะเลยครับ แถมตรงนี้ก็มีลมพัดโกรกตลอดหอบเอากลิ่นหอมของดอกแก้วและดอกมะลิที่คุณแม่ปลูกไว้ตรงริมรั้วมาให้ชื่นใจ ป้าทิพย์ยกของว่างและชามะนาวเย็นเจี๊ยบมาให้ บอกได้คำเดียวว่าสดชื่นดีจริงๆ

“ออมบอกความจริงกับอามาซิว่าเรื่องระหว่างเรากับเทมป์มันเป็นยังไง?”

“เอ๋.. เทมป์?”

ดวงตากลมโตสวยคมของหลานสาวมองผมปริบๆ ราวกับว่าไม่รู้จักเจ้าของชื่อที่ผมเพิ่งจะเอ่ยออกมา ทำให้ผมต้องตีหน้าเข้มและทำเสียงดุใส่หลานสาว

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักแฟนตัวเองแบบนั้น”

“แฟน?”

รอบนี้ออมทำตาโตเลยทีเดียวครับ แต่สักพักเหมือนจะนึกอะไรได้จึงร้อง ‘อ๋อ’ ออกมาเบาๆ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้ผม

“ขอโทษค่ะอาเต็ม ออมลืม”

หืม.. ลืม?? ลืมเรื่องอะไร?

“ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ออมกับกองทัพไม่มีอะไรกันจริงๆ ค่ะ สถานะของเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”

เด็กสาวระบายรอยยิ้มสดใสไม่มีวี่แววของความผิดหวังหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย

“กองทัพเป็นคนดีนะคะอาเต็ม”

จ้องตายืนยันคำพูดกับผม

“เป็นคนดีแล้วทำไมถึงเลิกกับเขาล่ะ?”

คนถูกถามฉีกยิ้ม ‘แฮ่’ จนผมต้องยิ้มตาม

“คนดีกับคนที่ใช่มันอาจจะไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้นะคะอาเต็ม”

“พูดเหมือนมีคนที่ใช่อยู่แล้ว”

“ไว้ถ้าออมมั่นใจออมจะบอกอาเต็มเป็นคนแรกเลยค่ะ”

ผมยิ้มให้หลานสาว ความรู้สึกในตอนนี้ราวกับว่าก้อนบางอย่างที่มันหน่วงอยู่ในอกมาหลายวันได้หลุดออกไปเสียที โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องการให้คนที่ใช่ของออมเป็นคนดี ถ้าผมเห็นว่าไม่ดีผมไม่ยอมแน่นอน..

.
.
.
.


งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุง ออมบอกว่าบริษัท YJ นี้ทำเกี่ยวกับโฆษณาและสื่อสิ่งพิมพ์และใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของเอเชีย แถมตอนนี้ก็กำลังตีตลาดทางฝั่งยุโรป เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็พอจะนึกได้ว่าทำไมเทมป์ถึงเลือกเรียนกราฟฟิคดีไซด์

“ออมรู้สึกสวยมากเมื่อได้ควงแขนเต็มอ๊ปปา”

หลานสาวตัวดีเอ่ยออกมาแต่ละครั้งทำเอาขำกันทั้งบ้าน

“คนทั้งงานต้องอิจฉาออมค่ะ”

เรียวแขนเล็กคล้องแขนผมไว้ก่อนจะเดินตามผู้ใหญ่สองท่านด้านหน้า วันนี้ครอบครัวของเราสวยหรูและดูดีตามสไตล์ของเสื้อผ้า TJ แบรนด์ดังระดับโลก ฮ่าา ไม่ค่อยจะโฆษณาสินค้าให้คนในครอบครัวสักเท่าไหร่ใช่มั๊ยละครับ

พนักงานต้อนรับของโรงแรมว่าบริการดีแล้ว แต่พนักงานของบริษัทที่ลงมารอต้อนรับคุณพ่อกับคุณแม่นั้นดียิ่งกว่า เรียกว่าแทบจะปูพรมแดงกันเลยทีเดียว และทันทีที่ถึงห้องจัดงาน ชายสูงวัยในชุดผ้าไหมแบบจีนก็ยืนรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่แล้ว ทั้งคู่ทักทายด้วยการสวมกอดกัน และออมก็สวัสดีเจ้าของงานอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการแนะนำผมให้ทุกคนรู้จัก

“นี่ลูกชายคนเล็ก เต็มใจ เพิ่งมาอยู่ไทยได้สองปีกว่า”

“สวัสดีครับคุณลุงยาง คุณอาดิษฐ์”

“คนนี้เหรอน้องเต็มใจ โอโห้ โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเลยนะเนี่ย”

คุณลุงยางเอามือมาแตะหัวไหล่และลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู ส่วนคุณอาดิษฐ์ส่งยิ้มมาให้เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนว่าผมเคยรู้จักคุณอาดิษฐ์มาก่อน แต่นั่นอาจจะเพราะว่าท่านดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีเสียมากกว่า

“เชิญท่านกับคุณหญิงเข้าไปนั่งก่อน วันนี้ผมให้ทางโรงแรมจัดอาหารชุดที่เราเคยกินกันตอนหนุ่มๆ มาด้วย”

“ฮ่าๆ นี่เจ้าสัวยางกำลังจะบอกว่าตอนนี้พวกเราแก่กันมากแล้วใช่มั๊ย?”

ท่าทางว่าคุณพ่อกับเจ้าสัวยางจะเป็นเพื่อนรักกันมานานจริงๆ พวกผู้ใหญ่เดินพูดคุยนำเข้างาน ผมกับออมเดินตามอยู่ด้านหลัง สักพักคุณแม่ก็หันมาเรียกให้ผมกับออมรีบเดินให้ทันกัน แต่มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาประชิดตัวผมเสียก่อนทำให้ผมต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองคนแปลกหน้า

“น้องเต็มใช่มั๊ยครับ?”

ผมตอบรับว่า ‘ใช่ครับ’ เบาๆ

“พี่ชื่อนายพล หรือจะเรียกพี่นายก็ได้ครับ”

ร้อง ‘อ๋อ’ อยู่ในใจ คนนี้นี่เองแฟนเก่าคุณนายโบรัม.. นี่ผมไม่ได้อคติเพราะเขาเป็นแฟนเก่าของเพื่อนนะครับแต่ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างต่างหาก ผมมองมือที่ยื่นมาให้แล้วก็ตัดสินใจยกมือไหว้ตามมารยาทไทยแทน

“สวัสดีครับพี่นาย”

ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าไม่พอใจแต่ก็แค่แว่บเดียว หากใครไม่ทันสังเกตก็มองไม่ออกครับ

“ถ้าพี่รู้ล่วงหน้าว่าน้องเต็มมางานนี้ด้วย พี่คงจะไปรับท่านกับคุณหญิงด้วยตัวเอง”

ได้แต่ร้อง ‘หืม??’ เสียงดังลั่นอยู่ในใจ และก็ระบายยิ้มออกมา

“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างที่บ้านมีคนขับรถที่ไว้ใจได้หลายคน คงไม่ต้องรบกวนทางนี้ครับ”

ขอยอมรับด้วยความซื่อสัตย์ว่าผมไม่ได้เก่งเรื่องการใช้ภาษาไทยในการสนทนาสักเท่าไหร่ แต่ผมก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะรักษาน้ำใจและรักษามารยาทให้กับคู่สนทนา แม้ว่าใบหน้าและสายตาของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป็นเฉยชาไปอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

ริมฝีปากของผมวาดรอยยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด จนอีกฝ่ายจุดยิ้มตรงมุมปากและหัวเราะออกมาเบาๆ

“อะแฮ่ม.. ขอผมแนะนำตัวบ้างสิครับ”

เสียงทุ้มต่ำที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้ผมต้องหันไปมอง และเมื่อรู้ว่าเป็นใครผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด

“สวัสดีครับ น้องเต็มใจใช่มั๊ยครับ พี่ชื่อกองทัพครับ”

คนมาใหม่ทักทายได้น่าหมั่นไส้มากครับ

“เพื่อนเล่น?”

“ก็อยากจะเล่นด้วยยังไงล่ะครับ”

ตอบมาแบบนี้ผมก็ไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน ผมเหลือบไปมองพี่นายแว่บหนึ่ง ฝ่ายนั้นยืนมองน้องชายของตัวเองนิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ จนเมื่อน้องชายหันไปคุยด้วยเจ้าตัวจึงระบายรอยยิ้มบางเบาออกมา จากนั้นก็มีสาวสวยเดินเข้ามาทักทายพี่นาย เทมป์จึงสะกิดต้นแขนของผม

“เดี๋ยวจะพาไปรู้จักกับคุณแม่”

ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าทำไมต้องเดินตามอีกฝ่ายมาด้วย ระหว่างนั้นผมแอบสังเกตคนเดินนำตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้เจ้าตัวสวมสูทคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของ TJ ซะด้วย ดูดีและหล่อมากทีเดียวครับ

เดินผ่านผู้คนในงานมาครู่หนึ่งก็ถึงกลุ่มหญิงสาว 4-5 คน ที่จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ

“คุณแม่ครับ.. นี่คุณเต็มใจ ลูกชายคนเล็กของท่านกิตติกับคุณหญิงหยดครับ”

หญิงสาววัยเดียวกับพี่สาวและพี่ชายของผมเบิกตากว้างคล้ายจะตกใจที่ได้เห็นผม แต่เธอก็ดึงสติกลับมาได้ทัน ดวงตาที่แต่งแต้มสีสันแอบสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่เงียบๆ ก่อนจะโปรยยิ้มกว้างตามมารยาทสังคม ผมจึงค้อมศีรษะยกมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาทเหมือนกัน

“สวัสดีครับคุณน้าวิริยา”

ใบหน้าที่ฉาบแต้มเครื่องสำอางหยักหน้ารับไหว้ผม

“เห็นกองทัพบอกว่าเป็นรูมเมทกันเหรอจ๊ะ?”

“ใช่ครับ”

“ถ้าลูกชายของน้าดื้อหรือเกเร ฝากคุณเต็มจัดการได้ตามสบายเลยนะคะ”

“ผมคงไม่กล้าจัดการอะไรหรอกครับ”

ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดรึเปล่า คนฟังถึงได้มองผมนิ่งๆ พร้อมเหน็บรอยยิ้ม แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น คุณนายวิริยาก็แสร้งหัวเราะขำแล้วหันไปตีต้นแขนลูกชาย

“กองทัพ ลูกอย่าไปทำอะไรให้คุณเขาลำบากใจนะรู้มั๊ย”

“แหม คุณแม่ ผมออกจะเป็นเด็กดี”

แม่ลูกหยอกล้อกันไปมาครู่หนึ่ง คนเป็นแม่ก็หันกลับมาคุยกับผมต่อ

“ว่าแต่คุณเต็มทานอะไรรึยังคะ? อ่อ แล้วไหนหลานออมล่ะ? กองทัพทำไมไม่ดูแลหลานออมด้วย”

ร่ายยาวมารวดเดียวจนผมไม่รู้ว่าจะตอบหรือไม่ตอบดี สุดท้ายจึงเลือกที่จะเงียบแล้วให้แม่ลูกเขาคุยกันเองระหว่างนั้นผมก็หันไปมองรอบๆ มองหาคุณพ่อคุณแม่และหลานสาว พวกท่านนั่งอยู่ตรงโต๊ะไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก ผมจึงตั้งใจจะบอกลาผู้ใหญ่ตรงหน้าเพื่อไปสมทบกับครอบครัว แต่ช้าไปนิดหนึ่งครับ มือของผมโดนมือใหญ่คว้าเอาไปกุมไว้เสียก่อน เจ้าของมือใหญ่พาผมเดินฝ่าผู้คนในงานออกไปตรงนอกระเบียง

“ได้คืบจะเอาศอกนะ”

ผมมองมือหนาที่จับมือผมไว้แน่นแบบเนียนๆ

“ไม่อยากเอา.. ศอก”

ต่อให้ไม่อยากเอาผมก็จะให้ด้วยการกระทุ้งศอกเข้าไปตรงสีข้างแบบเต็มๆ จนอีกฝ่ายโอดครวญ

“โอ๊ยย เจ็บนะ”

สมน้ำหน้า.. ผมใช้สายตาตอกย้ำอีกฝ่าย ก่อนจะยืนพิงหลังกับระเบียง

สายลมในค่ำคืนของฤดูร้อนไม่ได้ร้อนอบอ้าวสักเท่าไหร่ มองผู้คนมากหน้าหลายตาผ่านบานกระจกใสเข้าไปในงาน ตอนอยู่อังกฤษพี่อุ่นกับพี่ขวัญพาผมไปงานสังคมบ่อยซะจนมันเป็นเหมือนงานอดิเรก แต่สำหรับที่ไทยนี่คงเป็นงานใหญ่งานแรกที่คุณพ่อกับคุณแม่พาผมมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

“เต็มดื่มไวน์มั๊ย?”

จู่ๆ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถาม ผมหันไปมองอีกฝ่าย

“เอาสิ”

“งั้น.. รออยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด”

“อืม”

ตอบรับแค่นี้ต้องดีใจจนยิ้มกว้างขนาดนั้นด้วย? ร่างสูงรีบกลับเข้าไปในงานแต่ก็ยังหันมามองผมเป็นระยะยังกับกลัวว่าผมจะหายไป ท่าทางเหมือนเด็กแบบนั้นทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

แผ่นหลังกว้างหายไปจากสายตา แต่ผมก็ยังยืนมองความเคลื่อนไหวภายในงาน ซึ่งตอนนี้ทุกสายตากำลังพุ่งความสนใจไปยังบนเวทีที่คุณอาดิษฐ์กำลังพูดถึงผลการดำเนินงานของบริษัท เมื่อท่านพูดจบพิธีกรก็ยิงประเด็นเข้าสู่การเปิดตัวทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งบังเหียนใหญ่ของบริษัทคนต่อไปแบบเนียนๆ และทันทีที่ผู้ถูกกล่าวถึงปรากฏตัวบนเวทีเสียงปรบมือที่มาพร้อมเสียงฮือฮากระหึ่มดังทั่วงาน

ดาวเด่นของงานนี้ยืนด้วยท่าทางผึ่งผายอย่างมั่นใจบนเวที ‘นายพล เกียรติไพศาลกิจ’ แตกต่างจากเทมป์จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน คนพี่สูงใหญ่หล่อตี๋สไตล์อ๊ปป้าเกาหลี ส่วนคนน้องร่างสูงสมส่วนหล่อแบบคมเข้มน่าค้นหา บุคลิกและลักษณะท่าทางการพูดก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกสงสัยและแปลกใจแต่สำหรับผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ดูอย่างผมสิครับเป็นลูกหลงของบ้านแถมยังไม่เหมือนพ่อแม่และพี่ๆ เลยสักคน 

ท่ามกลางผู้คนที่มุ่งความสนใจไปยังบนเวที ผมเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินอ้อมมาทางด้านหลังโดยไม่มีใครสนใจเลยสักคน อ่อ.. ไม่สิ มีผมหนึ่งคนนี่แหละที่ยืนมองจนกระทั่งอีกฝ่ายมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมยื่นแก้วไวน์มาให้

“นี่.. ของดีเลย คุณปู่หวงสุดๆ เชียวล่ะ ชาโต้ มูตอง รอธส์ชิลด์ หนึ่งเก้าสี่ห้า เป็นไวน์ฝรั่งเศส ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นสุดยอดไวน์แห่งศตวรรษที่ยี่สิบเชียวนะ”

หวงสุดแต่ก็ยังแอบเอามาได้เนี่ยนะ? มิน่าถึงได้หายไปนาน.. ผมยกแก้วไวน์ขึ้นชิมรสชาติว่าจะดีจริงตามสรรพคุณรึเปล่า? และก็ต้องยอมรับครับว่ามันสุดยอดตามคำโม้จริงๆ ปกติผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์แต่ถ้านานๆ ครั้ง หรือเพื่องานสังคมก็มีบ้าง 

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง คนบนเวทีคงจะพูดอะไรสักอย่างที่ถูกใจคนฟังซึ่งผมเองก็ไม่ทันได้ฟังเหมือนกันว่ามันคืออะไร

“หึงนะ”

ผมหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

“อะไร?”

“ก็เห็นมองพี่นายอยู่นานสองนาน”

“ผู้ชายมองผู้ชายมันน่าหึงตรงไหนไม่ทราบ?”

“ก็ผู้ชายคนนี้ชอบผู้ชายคนนี้ไงถึงได้หึง”

โอย.. ลมจะจับ ใครก็ได้ช่วยส่งยาดมหรือขอยาไมเกรนมาให้ผมสัก 4-5 เม็ด แล้วดูสิครับ ยังมายืนยิ้มหน้าตายอยู่อีก

“เทมป์.. ฟังนะ”

“ครับ”

“ฉันปะ...”

“อาเต็มอยู่กับกองทัพตรงนี้นี่เอง ออมหาตั้งนาน”

ยังไม่ทันจะได้เริ่มพูดเรียกสติความเป็นชายชาตรีของอีกฝ่ายให้กลับคืนมา เสียงของหลานสาวก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ผมจึงต้องล้มเลิกบทสนทนากับเทมป์ไว้แค่นั้นแล้วหันมาสนใจออมแทน

“มีอะไรรึเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ไม่อยากนั่งฟังผู้ใหญ่เขารำลึกความหลังกันเท่านั้นเอง”

อ่อ.. ผมยิ้มพร้อมกับช่วยปัดปอยผมที่ระอยู่ตรงข้างแก้มให้หลานสาว

“ว่าแต่.. ออมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า?”

กำลังจะอ้าปากตอบว่า ‘เปล่า’ แต่ก็โดนผู้ร้ายแย่งซีนไปเสียก่อน

“มาก”

“เห้ย! จริงดิ”

“เออ”

“แล้วฉันต้องทำไง?”

ออมแกล้งทำท่าตกอกตกใจได้น่ารักซะจนผมอดจะยิ้มตามไม่ได้

“ก็ยืนขัดจังหวะต่อไป”

“อืม.. เป็นความคิดที่ดีมากเลยเพื่อน”

หลานสาวตบไหล่เพื่อนหนักๆ ไป 2-3 ครั้ง ก่อนจะขยับมายืนข้างๆ ผมอีกฝั่ง แล้วเราทั้ง 3 คน ก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ อีกเลย นอกจากยืนมองผู้คนภายในงานกันเงียบๆ และก็จะมีเสียงกระซิบกระซาบจากออมดังมาเป็นระยะเท่านั้น..

‘กองทัพเป็นคนดีจริงๆ นะคะอาเต็ม’
   อวยเชียร์เพื่อนขนาดนี้ ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าหลานสาวได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่? แต่ก็ช่างเถอะครับ เพราะเท่าที่ดูๆ เทมป์ก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่จริงๆ นั่นแหละ

‘ออมคิดว่ากองทัพน่าจะเป็นคนที่ใช่สำหรับอาเต็มนะคะ

ผมอมยิ้มกับประโยคแผ่วเบาของหลานสาว นี่ก็แปลกชอบให้อาเป็นเกย์รึยังไง? หรือว่าผู้หญิงสมัยนี้จะเป็นเหมือนโบว์กันไปหมดแล้ว และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเอาเป็นว่าคนที่รู้ใจผมดีที่สุดก็คือตัวผมเองนี่แหละครับ

.
.
.
.
.
.



TBC..  : 222222:




กด + เป็ด ทุกความคิดเห็น  :yeb: และแถม เลิฟ ให้คนอ่านทุกคนนะคะ  :z9:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
อายุ 28 จบ ป.เอก บริหารงานเต็มตัวมาสิบปี
อายุน้อยจังค่ะ เท่ากับว่าต้องเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย ตอนอายุ 18 เริ่มทำงานในธุกิจครอบครัวนั้นเป็นไปได้ แต่การเป็น ceo บริษัทยักษ์ใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 มันเกินจริง ในนิยายเจอเยอะมากๆ ที่คนอายุน้อยๆ เป็นผู้บริหารระดับสูง แต่เราว่ามันทำให้ความเนียนน้อยลงมากเลยคะ  :hao4:


ขอบคุณนะคะสำหรับความคิดเห็น  :กอด1:
มันก็เป็นเรื่องจริงค่ะที่ว่ามันไม่เนียน แต่รินก็อยากให้ลองอ่านดูนะคะ
ตัวละคร 'กองทัพ' ไม่ได้เพอร์เฟคไปซะทุกเรื่อง
แต่ภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองอาจจะดูว่าเขาเพอร์เฟคเท่านั้นเอง
รินแค่เริ่มจากตอนจบแล้วย้อนกลับมาจุดเริ่มต้น
ซึ่งมันมีเหตุ ผล และความเป็นมาเป็นไปอยู่ในเนื้อเรื่องค่ะ อีกหลายสิบตอนเลยค่ะ
ยังไงรินก็อยากจะให้ลองพิจารณาและตามอ่านดูนะคะ  :กอด1: :m1: :give2:

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาแล้วววปาดคนแรกเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วแวะมาอ่านนะคะ :katai4:

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กองทัพมีกองเชียร์ส่วนตัวด้วยนะ  o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รักกันดีอย่างนี้ใครจะเป็นฝ่ายเลิกแฟนก่อนละเนี่ย

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ทำไมรู้สึกว่าพี่ชายกะแม่พระเอกแปลกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ้างถึง
และต่อให้เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียวแต่เราก็มีเซ็กส์กันทุกวัน..


แม่จ้าววว นายเอกเรื่องนี้ไม่ได้ใสๆ อย่างที่เข้าใจนะจ๊ะ  :hao6:

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อายุ 28 จบ ป.เอก บริหารงานเต็มตัวมาสิบปี
อายุน้อยจังค่ะ เท่ากับว่าต้องเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย ตอนอายุ 18 เริ่มทำงานในธุกิจครอบครัวนั้นเป็นไปได้ แต่การเป็น ceo บริษัทยักษ์ใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 มันเกินจริง ในนิยายเจอเยอะมากๆ ที่คนอายุน้อยๆ เป็นผู้บริหารระดับสูง แต่เราว่ามันทำให้ความเนียนน้อยลงมากเลยคะ  :hao4:


ขอบคุณนะคะสำหรับความคิดเห็น  :กอด1:
มันก็เป็นเรื่องจริงค่ะที่ว่ามันไม่เนียน แต่รินก็อยากให้ลองอ่านดูนะคะ
ตัวละคร 'กองทัพ' ไม่ได้เพอร์เฟคไปซะทุกเรื่อง
แต่ภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองอาจจะดูว่าเขาเพอร์เฟคเท่านั้นเอง
รินแค่เริ่มจากตอนจบแล้วย้อนกลับมาจุดเริ่มต้น
ซึ่งมันมีเหตุ ผล และความเป็นมาเป็นไปอยู่ในเนื้อเรื่องค่ะ อีกหลายสิบตอนเลยค่ะ
ยังไงรินก็อยากจะให้ลองพิจารณาและตามอ่านดูนะคะ  :กอด1: :m1: :give2:

ขอบคุณที่ตอบค่ะ ยังไงก็ติดตามอ่านงานของผู้เขียนอยู่แล้วค่ะ ท้วงติงตามประสาคนเชื่อในความเป็นเหตุเป็นผล นิสัยนี้ทำให้อ่านนิยายแฟนตาซีไม่สนุกเลยค่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำไมถึงรู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ชายและแม่ของเทมป์เลยอะ  o18

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ้างถึง
และต่อให้เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียวแต่เราก็มีเซ็กส์กันทุกวัน..


แม่จ้าววว นายเอกเรื่องนี้ไม่ได้ใสๆ อย่างที่เข้าใจนะจ๊ะ  :hao6:


คิดเหมือนกันเลย แอบตกใจ แต่ก็ชอบนะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อื้อหืออออ เต็มนี่ไม่เบาเลยนาจา เล่นเอากองทัพดูเป็นเมะวัยใสไปเลย 

ติดตามอยู่นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาแล้วๆๆๆๆ


สงสัยว่าคุณนายวิริยากับคุณพี่นายพลนี่เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า?
ดูไม่ชอบมาพากลแปลกๆ

กองทัพจ๋า พี่เต็มเขาไม่ธรรมดาเลยนะ  :z1:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เทมป์ เราอยากดื่มไวน์กับนายด้วย ส่วนออมเราบอกตามตรงเราอิจฉาเธอ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้างถึง
และต่อให้เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียวแต่เราก็มีเซ็กส์กันทุกวัน..


แม่จ้าววว นายเอกเรื่องนี้ไม่ได้ใสๆ อย่างที่เข้าใจนะจ๊ะ  :hao6:


แบบนี่แหละที่รอคอย  :hao6:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารัก ตอนนี้เต็มใจดูเป็นผู้ชายทั่วไป จับต้องได้ ไม่ถือตัว
แถมหวงหลานสาวมากด้วย 55555

กองทัพก็ขนทีเด็ดมาเต็มค่ะ จัดเต็มมาก จนเต็มใจถึงกับเซ

นายพลเป็นอะไรคะ ทำไมทำกับเต็มแบบนั้น
แล้วคุณแม่กองทัพล่ะ อาการแปลกๆ กันนะคะ

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แม่กับพี่ชายของกองทัพเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?

กองทัพสายรุกแบบไม่มีถอยเลยนะ
นิดๆ หน่อยๆ ก็อย่ายอมเชียวล่ะ
อาเต็มก็อย่าใจแข็งมากนัก กองเชียร์รอจุดพลุอยู่เนี่ย  :mc4:

ออมเธอทำดีมากเลยนะรู้มั๊ย  :laugh:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ณ จุดนี้อยากสิงออมจังเลย เธอทำให้ชั้นอิจฉาเธอนะรู้มั๊ย  o18

กองทัพสู้ๆ นะ กองเชียร์เยอะมากบอกเลย

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อ้างถึง
และต่อให้เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียวแต่เราก็มีเซ็กส์กันทุกวัน..


แม่จ้าววว นายเอกเรื่องนี้ไม่ได้ใสๆ อย่างที่เข้าใจนะจ๊ะ  :hao6:


อ่านมาเจอประโยคนี้แล้วตกใจเหมือนกันค่ะ  :a5:  :hao6:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สรุปว่าออมกับกองทัพนี่คือเคยได้กันแล่วใช่มั้ยคะ หรือเราเข้าใขผิด อดรุ้สึกแปลกๆไม่ได้ 555 :ling2:5

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ความสัมพันธ์ช่างซับซ้อนไปอีก ฮ่าๆ
น้องกองทัพสู้ๆ นะครับ พิชิตใจพี่เต็มใจให้ได้

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใจอ่อนได้แล้ววววค่ะอาเต็มขาาา  :-[

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
นายพลกับคุณแม่กองทัพนี่มีปัฐหาอะไรกับเต็มหรือเปล่า หรือรู้ว่าลูกชายตัวเองชอบเต็ม

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 6 ┨








   
วันจันทร์มีเรียนเช้า ดังนั้นผมจึงให้คนขับรถมาส่งที่หอพักตั้งแต่เที่ยงวันอาทิตย์เพราะผมขนทีวีและคอมพิวเตอร์มาด้วย

“สีส้ม แกอยู่ที่นี่ต้องเป็นเด็กดีนะรู้มั๊ย?”

หอพักมีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด แต่ผมก็ยังแอบเอาเจ้าแมวอ้วนสีส้มแซมขาวขึ้นมาถึงบนห้องได้อย่างแนบเนียน อ่ะ อย่าคิดว่าผมท้าทายกฎระเบียบหอพักเลยนะครับ ทุกคนรู้กันแล้วใช่มั๊ยว่าผมชอบแมว เหตุผลที่ชอบก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่มันทำให้คิดถึงใครบางคนในวัยเด็ก ใครบางคนที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร งงเด้ งงเด้ ฮ่า ไม่ต้องงงหรอกครับ ก็แค่คุณย่าบอกว่าเวลาผมไม่อยู่บ้านสีส้มมันก็ไม่กินไม่นอน เอาแต่นั่งมองประตูห้องนอนของผมนิ่งๆ ทั้งวันจนคุณย่าแทบจะต้องพาไปหาสัตวแพทย์ แต่เมื่อเจอหน้าผมเท่านั้นแหละสีส้มก็หายดีลุกขึ้นมากินได้นอนหลับ ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องพาเจ้าส้มมาด้วย และตอนนี้มันก็นอนมองผมตาแป๋วอยู่บนพื้นข้างเตียง

ลูบหัวเจ้าสีส้มเล่นครู่หนึ่งผมก็ลุกไปประกอบติดตั้งคอมพิวเตอร์ ผมถนัดที่จะใช้โปรแกรมกราฟฟิคต่างๆ กับคอมพิวเตอร์แบบพีซีมากกว่าอีกทั้งปัจจุบันนี้คอมพ์พีซีก็เป็นแบบกระทัดรัดเป็นแบบ all-in-one ใช้งานง่ายและประหยัดพื้นที่

เมื่อจัดการต่อสายและเสียบปลั๊กเสร็จเรียบร้อยผมก็หันมองรอบห้อง ถ้าลองคิดในแง่โคตรบวกการที่ผมอยู่ห้องเดียวกับรุ่นพี่ที่หลงรักมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชีวิตของสามีภรรยาเลยสักนิด แค่คิดก็มีความสุขแล้วครับและผมก็เป็นคนที่ชอบแบ่งปันความสุขซะด้วยสิ ช่วงบ่ายแบบนี้แสงด้านนอกกำลังดี ผมจึงเปิดผ้าม่านแค่ครึ่งเดียวจากนั้นก็เดินไปยืนพิงหลังกับประตูห้อง มองสำรวจโลเคชั่นรอบห้องอีกครั้ง สีส้มคงคิดว่าผมจะหนีมันไปไหนอีกจึงรีบลุกขึ้นเดินตาม

เล็งกล้องถ่ายรูปไอโฟนไปยังพื้นที่ตรงหน้ากดไปหลายแชะ จากนั้นก็เปลี่ยนโลเคชั่นเป็นห้องน้ำ ซึ่งตรงเคาท์เตอร์เล็กๆ หน้ากระจกมีแปรงและยาสีฟันใส่อยู่ในแก้วกระเบื้องเคลือบสีขาวเรียบๆ 2 ใบที่วางไว้คู่กัน ผมจัดการลั่นชัตเตอร์จนพอใจแล้วเลือกอัพโหลดอวดรูปให้โลกรับรู้ จากนั้นก็กลับไปนั่งหน้าจอคอมพ์เตรียมตัวสำหรับบทเรียนวันพรุ่งนี้ สีส้มกระโดดขึ้นมานอนฟุบบนโต๊ะด้วย ผมลูบหัวลูบคางมันเล่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าสู่โหมดสมาธิแบบจริงจัง

อ่อ ผมไม่เคยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเรียนให้ทุกคนฟังเลยใช่มั๊ยครับ? ผมเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชานฤมิตศิลป์ ซึ่งก็คือวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบ โดยใช้พื้นฐานทางศิลปะเป็นหลักในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยปี 1 ก็เน้นเรียนวิชาพื้นฐาน ปี 2 ถึงจะแยกไปตามสาขาที่ถนัด 4 วิชาเอก ได้แก่ กราฟิกดีไซด์ แฟชั่นและสิ่งทอ หัตถศิลป์ และนิทรรศการศิลป์ แน่นอนว่าผมตั้งใจที่จะเลือกกราฟิกคดีไซด์ ในขณะที่ออมเลือกแฟชั่นและสิ่งทอ

แล้วกราฟิกดีไซด์ของผมเรียนอะไรบ้าง? ก็เรียนเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยภาพและตัวษร เช่น การออกแบบโปสเตอร์ โลโก ออกแบบแม็กกาซีน ออกแบบป้าย ออกแบบเว็บไซต์ เริ่มตั้งแต่การจัดองค์ประกอบ การใช้สี การใช้และออกแบบตัวอักษร การออกแบบตราสัญลักษณ์ ฯลฯ เรียนตรงสาขาขนาดนี้ผมคงไม่ต้องบอกอีกนะครับว่าเรียนจบแล้วต้องไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทแน่นอน

นั่งทำงานเพลินจนลืมดูเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนสีส้มสะดุ้งตื่นจากเสียงกุกกักหน้าห้อง ผมเลิกคิ้วมองบานประตู ก่อนจะยกแขนขึ้นวางเท้าคางกับโต๊ะรอจนบานประตูนั่นเปิดออก ร่างแบบบางที่เพิ่งเข้ามาภายในห้องชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นผม

“มาแล้วเหรอ?”

“เต็มจะต้องพูดว่า.. กลับมาแล้วครับ.. ต่างหาก”

คนฟังส่ายหน้าแบบเอือมๆ กับมุกเสี่ยวๆ ของผม เจ้าตัวก้มลงเก็บรองเท้าเข้าตู้ จากนั้นก็เดินเอากระเป๋าเป้มาวางไว้บนโต๊ะหนังสือแต่อีกฝ่ายกลับหยุดยืนนิ่งมองผมอยู่ที่กลางห้อง อ่อ เอาจริงๆ ไม่ได้มองผมหรอกครับ ดวงตาคู่เรียวนั้นมองสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวต่างหาก

“สีส้ม”

แนะนำลูกชายสุดที่รักวัย 2 ขวบ เจ้าสีส้มก็รู้งานนะครับร้อง ‘เมี๊ยว’ แล้วจ้องตาว่าที่ ‘คุณพ่อ’ ตาใสเชียว

“ให้สีส้มอยู่ด้วยได้มั๊ย?”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเอากระเป๋าเป้มาวางไว้บนโต๊ะเสร็จแล้วจึงมาหยุดที่หน้าโต๊ะของผม ใบหน้าเนียนใสโน้มลงมาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสีส้ม มือบางเกาคางมันด้วยความเอ็นดู

“สวัสดี สีส้ม”

“เมี๊ยวววว”

ริมฝีปากสีสวยขยับวาดเป็นรอยยิ้มจนดวงตาเรียวเล็กหยีโค้ง และเพื่อไม่ให้อารมณ์เตลิดไปมากกว่านี้ผมจึงพยายามตั้งสติรีบกลืนน้ำลายที่สอเต็มปากลงคอแล้วแกล้งเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

“สีส้มติดผมมาก ถ้าผมไม่อยู่บ้านมันไม่กิน ไม่นอนจนป่วย ถ้าอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ไม่เจอกันเฉพาะตอนไปเรียน ผมจึงคิดว่าสีส้มน่าจะอยู่ได้”

อธิบายเหตุผลที่ผมต้องแหกกฎหอพักให้อีกฝ่ายฟังสักนิดครับ

สีส้มเป็นแมวพันธุ์เพศผู้ที่พบเจอได้ทั่วไป เมื่อ 2 ปีก่อนผมเจอมันวิ่งตื่นกลัวหลบรถอยู่บนถนนทางด่วน ผมจึงสั่งให้คนขับรถจอดรถแล้วตัวเองก็วิ่งไปช่วยชีวิตมันให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช ในตอนนั้นสีส้มตัวเล็กมาก ตัวเท่าฝ่ามือผมเห็นจะได้ ผอมจนเห็นกระดูก อีกทั้งเนื้อตัวยังมอมแมมและสั่นงันงก ตื่นกลัวตลอดเวลาจนผมคิดว่าไม่น่าจะรอด แต่สัตวแพทย์ก็เก่งครับ ให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาวิธีการเลี้ยงแมวอย่างถูกวิธีกับคนที่ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงสัตว์อย่างผม จนกระทั่งตอนนี้สีส้มกลายเป็นแมวอ้วนขนฟู หล่อเฟี้ยวซะจนจำภาพอดีตไม่ได้เลย

“สีส้ม อยู่ที่นี่ต้องเป็นเด็กดีนะรู้มั๊ย?”

มือบางลูบหัวแมวอ้วนอย่างอ่อนโยน

“แล้วอุปกรณ์เลี้ยงแมวล่ะวางไว้ตรงไหน?”

ผมชี้ไปตรงมุมประตูหน้าห้องน้ำ ผมวางกระบะทรายแบบเก็บกลิ่นได้ไว้ตรงนั้น ส่วนถาดวางถ้วยอาหารวางไว้ใต้เตียงของผม อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำครู่หนึ่งก็ออกมา

“เทมป์”

“ครับ”

“เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกจะเอาอะไรรึเปล่า?”

“เต็ม”

“หืม?”

คิ้วบางเลิกสูงขึ้นพร้อมเอียงคอน้อยๆ มองผมอย่างสงสัยว่าผมต้องการอะไร

“เต็ม”

ผมเรียกชื่อเจ้าตัวอีกครั้งพร้อมยักคิ้วส่งไปให้ รอบนี้คนฉลาดหัวไวคงจะเข้าใจเจตนาของผมจึงได้ทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้น

“เต็มจะออกไปข้างนอกเทมป์จะเอาอะไรรึเปล่า?”

โคตรน่ารักเลยใช่มั๊ยครับ ต่อให้ไม่เต็มใจเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อแต่ก็ทำตามผมอยู่ดี ผมนี่ฉีกยิ้มจนหน้าบานเลย

“อยากไปด้วย”

“ไม่ได้หรอก”

คนปฏิเสธเดินมาลูบหัวลูบคางสีส้มอีกรอบ

“แมวหน่ะ เวลาเปลี่ยนที่อยู่จะเครียดได้ง่าย เทมป์ควรจะสร้างความคุ้นเคยให้สีส้มก่อน ถ้าจู่ๆ พามันมาแล้วก็ทิ้งให้อยู่ตัวเดียวเลยไม่ได้หรอกนะ”

พยักหน้ารับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ด้วยความจำยอม จากนั้นก็เอ่ยถามผมอีกครั้ง

“แล้วจะเอาอะไรมั๊ย?”

“ไปกับใคร?”

ไม่ตอบแต่ยิงอีกคำถามกลับไป

“ซัน”

“สองคนเหรอ?”

“อืม”

รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ และคนตรงหน้าก็จับทางผมถูกซะด้วย

“นี่.. เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”

ประโยคของอีกฝ่ายทำให้ผมเพิ่งตระหนักได้ว่าผมไม่มีสิทธิหึงหรือหวงแม้แต่นิดเดียว หดหู่และเศร้าชะมัดและด้วยความสะเทือนใจผมจึงไม่ได้ตอบคำถามว่าอยากได้อะไรบ้าง ทำเพียงลูบคางสีส้มอยู่เงียบๆ ท่ามกลางความอ้างว้าง

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ผมก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู

“เฮ้อ”

นี่เป็นเสียงถอนหายใจของผมเองครับ ไม่มีสมาธิจะทำอะไรต่อจึงปิดคอมพ์แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงแค่เขาดีด้วยนิดหน่อยก็คิดไปไกลเข้าข้างตัวเอง สีส้มก็กระโดดลงจากโต๊ะตามขึ้นมานอนคลอเคลียผมบนเตียงด้วยคล้ายว่ามันกำลังจะปลอบใจ

“ขอบใจนะ”

ลูบคางอยู่ครู่หนึ่งสีส้มก็กระโดดลงจากเตียง ผมก้มลงดูเจ้าสีส้มก็หันมามองผมก่อนจะก้มลงกินอาหารของมันเงียบๆ ผมจึงดึงเจ้าทีทูเดอะจีมากอด พร้อมกับเช็คเรทติ้งรูปที่เพิ่งอัพโหลดไปในอินสตาแกรม ไล่อ่านคอมเมนต์ของเพื่อนแต่ละคนแล้วอยากจะหัวเราะแต่กลับขำไม่ออก จากนั้นก็แอบเข้าส่องไอจีที่ชื่อ ‘IBTEMJAI’ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะลงรูปเกี่ยวกับงานศิลปะ สัตว์ และอาหารมากกว่ารูปของตัวเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือแทบจะไม่มีรูปแฟนสาวเลย มีคนกดติดตามหลักล้าน รูปล่าสุดที่เจ้าของไอจีลงไปก็เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ผมกดฟอลติดตามไอจีนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่ได้รู้ว่ารูมเมทของตัวเองคือคุณอาของออม ชื่อไอจีของผม ‘K_KONGTAP_AAAMY’ ผมเชื่อว่าแค่อีกฝ่ายเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็นไอจีของผมและถ้าหากอีกฝ่ายยังพอมีใจให้กันบ้างคงจะรับฟอลผมไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าเรื่องราวดีๆ ในไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นผมก็แค่สำคัญตัวเองผิดไป

.
.
.
.


ผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็มีอาการมึนหัวตึบๆ

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง คนถามยืนใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียก ท่อนล่างพันผ้าเช็ดตัวส่วนท่อนบนเปลือยโชว์อกแบบบางขาวเรียบเนียน แถมเม็ดชมพู 2 จุดอีกด้วย ทำเอาผมตื่นเต็มตาและเต็มเป้ากางเกงเลยทีเดียว ผมค่อยๆ ขยับจับเจ้าทีทูเดอะจีมาบังเอาไว้

“ทำไมนอนตอนเย็นล่ะ?.. ปวดหัวรึเปล่า?”

คำถามแรกยังไม่ทันได้ตอบ คำถามที่สองก็ตามมาติดๆ และผมก็ยังไม่ตอบอีกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเบี่ยงหน้าและสายตาไปอีกทางมองเจ้าสีส้มต่อสู้กับของเล่นแทน

“เทมป์”

“ครับ”

ขานตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมองหน้า คนเรียกเงียบไปหลายอึดใจ ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าตาแบบไหนหรือบางทีอาจจะไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่มารยาททางสังคมเท่านั้น

“หิวมั๊ย?”

มามุกเดิมอีกแล้ว ชวนกินข้าวแต่กลับทิ้งให้ผมกินอยู่คนเดียวตลอด รอบนี้ผมไม่หลงกลแล้วล่ะครับ แต่เพราะได้ยินเสียงกระทบของโลหะ ผมจึงแอบหันไปมอง เอ๊ะ? มีช้อนและจาน 2 ชุดนี่หว่า??

“ออมบอกว่าเทมป์ชอบกินเสต็กเนื้อของร้านนี้”

ออม? อย่าบอกนะว่าไปถามออมมา??

“จะกินหรือจะอาบน้ำก่อน?”

ให้ตายสิ ทำไมผมไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ละเนี่ย ยิ้มทำไมครับคุณกองทัพ ได้ข่าวว่ากำลังดราม่าอยู่ไม่ใช่รึไง?? แต่แมร่มเอ้ยยย ตอนนี้มันให้ฟิลลิ่งแบบเมียง้อผัวยังไงก็ไม่รู้

“ขออาบน้ำก่อนดีกว่าครับ”

คนถามพยักหน้าแต่ผมก็แอบเห็นนะว่าในแววตาคู่นั้นมีความโล่งใจซ่อนอยู่ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้หยิ่งหรือเล่นตัวอะไรหรอกครับ แต่แค่หาข้ออ้างจะไปจัดการธุระส่วนตัวที่ตื่นตระหนกตกใจอยู่ภายใต้กางเกงเท่านั้นเอง

ผมลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเดินผ่านร่างบางใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ซึ่งใช้เป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว และขอสารภาพแบบแมนๆ เลยว่าผมแอบส่องหัวนมชมพูภายใต้เสื้อกล้ามบางๆ นั่นมาตลอดเลยครับ

ใช้เวลาไปพอสมควรผมก็เดินออกมาในชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวเรียบร้อย ผมชอบใส่ชุดนอนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนเป็นความเคยชิน อีกฝ่ายกำลังเล่นอยู่กับเจ้าสีส้ม แหม ดีใจนะครับเนี่ยที่ลูกชายจอมหยิ่งเข้ากับ(ว่าที่)พ่ออีกคนได้ดีขนาดนี้

ผ้าเช็ดตัวชื้นน้ำถูกนำไปแขวนตากลมไว้บนราวผ้าเตี้ยๆ ตรงนอกระเบียงคู่กับของอีกคน เมื่อเดินกลับเข้าห้องมาอีกรอบอีกฝ่ายก็กำลังจัดโต๊ะดินเนอร์ของพวกเราอยู่ หุหุหุ

มองดูอาหารบนจาน แม้จะไม่ได้จัดให้สวยหรูเหมือนในร้านแต่ก็โคตรดีใจเลยล่ะครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอุตส่าห์ซื้อมาให้ผม แถมเป็นเมนูจากร้านที่ผมชอบอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เรายังไม่เป็นอะไรกันผมคงได้ดึงอีกฝ่ายมาฟัดแทนคำขอบคุณไปนานแล้ว

นั่งกินกันไปเงียบๆ กันไปสักพัก คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยคำถามขึ้นมา

“ทำไมถึงชอบ?”

“ก็ชอบ”

“ตอบดีๆ และพูดยาวๆ เหมือนตอนอธิบายเรื่องสีส้มไม่เป็นรึไง?”

“เป็น.. แต่มันไม่มีเหตุผลที่ต้องอธิบายมากไปกว่าคำว่า ‘ชอบ’”

มันคือความจริง ผมไม่ได้คิดจะเล่นลิ้นแต่อย่างใด เต็มใจวางส้อมและมีดพลาสติกลงจากนั้นก็มองหน้าผมด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง

“ชอบขนาดที่ยอมจะเป็นเกย์เนี่ยนะ?”

“อืม”

แม้จะเพิ่งเป็นเกย์มาได้ยังไม่ทันจะครบ 10 วัน แต่ความมั่นใจเกินร้อยว่าผมชอบอีกฝ่ายมากกว่าที่ผู้ชายทั่วไปชอบผู้ชายด้วยกัน แบบเห็นแล้วใจสั่นจนถึงขั้นอยากอึ๊บเอามาทำเมียอะ เข้าใจปะครับที่รัก

“ถ้าสมมติเราชอบกัน.. แล้วยังไงต่อ? จบลงที่เซ็กส์?”

“เซ็กส์เป็นส่วนหนึ่งของความรัก”

“นี่.. ต่อให้ฉันโตเมืองนอกก็จริงแต่ฉันถูกเลี้ยงดูแบบวัฒนธรรมไทยนะ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้..”

ผมเข้าใจคนตรงหน้านะครับ ตระกูล ‘ฉัตรักษ์บริบูรณ์’ เป็นผู้ดีเก่าบวกข้าราชการยศสูง อีกทั้งพี่ชายยังเป็นเอกอัครราชฑูต พี่สาวก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแทบทั่วโลก ดังนั้นแม้จะอยู่เมืองนอกเมืองนาแต่เรื่องกฎระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรมไทย ไม่เคยด่างพร้อยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องชายรักชายนี่อยู่นอกเหนือความคาดหมายครับ จึงเป็นธรรมดาที่อีกฝ่ายจะต้องกังวลในเรื่องนี้ ผมมองคนที่ยกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่มพร้อมกับจิ้มเนื้อเสต็กนุ่มๆ เข้าปาก

“ผมก็โตและเรียนที่เมืองไทยมาตลอด คุณปู่กับคุณย่ายังรับได้เลย”

“ค แค่กๆ”

อ้าว.. ผมพูดอะไรผิดไปเหรอเนี่ย ทำไมต้องสำลักน้ำด้วย ผมรีบดึงทิชชู่ส่งให้อีกฝ่าย ใจจริงอยากจะช่วยอยู่หรอกครับแต่กลัวมันจะเกินเลยว่าเช็ด..

“ม หมายความว่าไง?”

หายสำลักปุ๊ปก็คิ้วขมวดเชียวครับ

“ก็บอกท่านไปว่าเป็นเกย์”

“แล้วไงต่อ?”

“ก็บอกว่าชอบเต็ม”

ดวงตาคู่เรียวเบิกกว้าง น่ารักดีนะครับ หลายคนคงจะอิจฉาผมอยู่ล่ะสิที่ได้เห็นนายแบบพรีเซนเตอร์แบรนด์ดังระดับโลกทำท่าตกอกตกใจได้น่าเอ็นดูขนาดนี้เนี่ย

“คุณปู่กับคุณย่าบอกว่าถ้ามั่นใจก็ไปให้สุด”

ถ้าถามว่าตอนที่คุณปู่กับคุณย่ารู้ว่าผมเป็นเกย์พวกท่านตกใจมั๊ย? ผมคิดว่าก็คงเหมือนกันทุกบ้านแหละครับนั่นคือตกใจ แต่หลังจากนั้นคงเป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวว่าจะจัดการยังไงต่อ ในส่วนของผมนี้คุณปู่คุณย่าท่านรับฟังและพร้อมจะยอมรับในสิ่งที่หลานเป็นด้วยยึดถือแค่ว่าขอไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้หรอกครับ เอาแค่ว่ามีคุณปู่คุณย่าเข้าใจผมก็โอเคแล้วล่ะ

“ทำไมไม่กินต่อ ถ้าทิ้งให้เทมป์กินคนเดียวอีกต่อไปไม่ต้องมาชวนอีกแล้วนะ”

“ห หา.. อ่อ..”

ผมจิ้มชิ้นเนื้อในจานของตัวเองจ่อที่ริมฝีปากสวย อีกฝ่ายตกใจเล็กน้อย ทำทีท่าลำบากใจแต่สุดท้ายก็อ้าปากรับไปเคี้ยว

“ไม่ต้องห่วงเรื่องดาราสาวญี่ปุ่นคนนั้นหรอก”

ขอไม่ใช่คำว่า ‘แฟน’ นะครับ มันสะเทือนใจเกินไป ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสุกใสของคนตรงหน้า นัยน์ตาที่มีความสับสนเต็มไปหมดดูแล้วเหมือนเด็กน้อยหลงทางซะจนผมอยากจะล่อลวงเข้าไปในถ้ำเพื่อจะได้ปลอบโยน แต่ก็ได้แค่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจเงียบๆ คนเดียวเพราะความเป็นจริงผมทำเพียงแค่ยื่นมือไปลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

“เธอไม่ได้รักเต็ม เหมือนที่เทมป์รักหรอก”

ผมมั่นใจอย่างนั้นและนี่คือความจริงใจจากผม..

.
.
.
.


เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดใจ ต้องขออภัยหากเวลาผมโกรธแล้วหน้าตาอาจจะดูโหดจนทำให้ทุกคนกลัว สาเหตุเนื่องจากเมื่อคืนผมนอนไม่หลับเพราะมัวแต่แอบเงี่ยหูฟังรูมเมทวีดีโอคอลคุยกับสาวแดนปลาดิบ แม้อีกฝ่ายจะลุกขึ้นไปคุยนอกระเบียงแต่ก็ไม่ลอดพ้นหูผมไปได้หรอก และต่อให้ผมจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกสักคำแต่จับน้ำเสียงดูแล้วช่างเจ็บปวดจริงๆ ครับ นี่ถ้าเมื่อคืนไม่ได้สีส้มช่วยไว้ผมคงจะได้ลุกขึ้นไปกระชากไอโฟนของอีกฝ่ายเขวี้ยงทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอด ส่วนที่ว่าสีส้มช่วยผมไว้ยังไงนั้นก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่แมวอ้วนเห็นแมลงมาเกาะบนผ้าม่าน สีส้มจึงแปลงร่างเป็นสไปเดอร์แมนไต่ผ้าม่านซะจนคนที่กำลังหยอดความหวานต้องรีบวางสายแล้วมาจัดการกับตำนานนักไต่ผ้าม่านแทน

เราออกจากห้องพร้อมกันและแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำ ตอนที่เดินมาถึงชั้นล่าง อีกฝ่ายล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบกุญแจปลดโซ่จักรยาน ด้วยความที่ผมตัวยาวและแขนยาวกว่า(เยอะ) ผมจึงฉกกุญแจในมือบางนั้นมาได้ทัน จากนั้นจัดการยึดจักรยานแบบหน้าด้านสุดๆ

“นั่ง..”

เจ้าของจักรยานตัวจริงยืนนิ่งมองผมตาปริบๆ ดูจะตกใจไม่น้อย แต่ก็ยอมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายจักรยานที่ผมยึดไว้อย่างว่าง่าย และก่อนที่สองล้อจะออกตัวผมไม่ลืมที่จะจับมือของอีกฝ่ายมาเกาะเอวของผมไว้

ปั่นไปตามถนน ใครจะมองก็เชิญมอง ใครจะอิจฉาก็ช่างแมร่ม ขอแค่อย่ามาพูดจาอะไรไม่เข้าหูไม่เช่นนั้นเจอดีแน่ นายกองทัพขอเตือนไว้เลย

“นี่.. ผ่านคณะแล้วนะ”

มือบางตบลงบนแผ่นหลังตอนที่ผมปั่นจักรยานผ่านคณะของผม แต่ผมไม่อยากจะจอดอะ.. ใครจะทำไม?

ปั่นมาเรื่อยจนถึงหน้าคณะสัตวแพทย์ครับ คนที่นั่งซ้อนท้ายจึงลงมายืนมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง สาบานได้ว่าถ้าเป็นคนอื่นคงได้กลัวขี้ขึ้นหัวไปแล้ว แต่สำหรับผมท่าทางแบบนี้โคตรเซ็กซี่เลยล่ะครับ

“วั่ยตั่ยแล้ว น้องกองทัพของพี่โบรัมกับอีจีของสาววาย..ไปไงมาไงถึงได้ควบขี่กันมาได้คะเนี่ย?”

คำทักทายสองแง่สองง่ามของพี่โบว์ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาหนึ่งระดับ ผมหันไปสวัสดีพี่โบว์และพี่ซันก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของจักรยานตัวจริง

“เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับ”

“โอ่วววว”

“ถ้าโทรหาก็รับด้วยละกัน”

“ว่าววว”

“ไปแระ.. ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”

“อื้อหือออ”

เสียงเอฟเฟคทั้งหมดที่ทุกท่านได้ยินมาจากพี่โบว์ครับ ส่วนคนที่ผมคุยด้วยเอาแต่ยืนหน้าหงิกบอกบุญไม่รับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ส่งยิ้มให้แล้วหมุนรถเพื่อกลับทางเดิม และยังไม่ทันจะไปได้ไกลเกิน 2 เมตร จึงยังได้ยินเสียงบทสนทนาทางด้านหลัง

“อีจี?”

“ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง ขึ้นเรียนก่อนเถอะ”

ปั่นมาอีกไม่เท่าไหร่แต่มั่นใจว่าทั้งหมดขึ้นตึกเรียนไปแล้ว ผมจึงจอดรถแล้วหันหลังกลับไปมองพื้นที่ว่างเปล่า จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดกับผมยังไง แต่มาลองคิดๆ ดู เต็มใจเป็นผู้ชายจู่ๆ จะมาหักดิบให้เป็นเกย์ก็คงไม่ได้ เรื่องแบบนี้คงต้องให้เวลากันสักนิดครับ




.
.
.
.
.
.


TBC..  : 222222:



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาถึงตอนที่ 6 นะคะ
ท่าทางเรื่องนี้จะไม่ค่อยถูกใจคนอ่านสักเท่าไหร่
มันคงจะน่าเบื่อมากแน่ๆ เลย  :onion_asleep:
คนอ่านถึงน้อยลงเรื่อยๆ กว่ารินจะได้อ่านสักคอมเม้นต์ก็รอจนแทบท้อ  :undecided:
ขอโทษที่แต่งนิยายได้น่าเบื่อนะคะ รินขอโทษจากใจค่ะ
หลังจากตอนนี้จะคิดทบทวนความผิดพลาดของตัวเองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งนะคะ  :impress:

สุดท้ายของตอนนี้ เหมือนเดิมค่ะ  + เป็ด ให้ทุกความคิดเห็นแทนความรักและคำขอบคุณที่มอบกำลังใจให้แก่กัน  :กอด1: :give2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2017 22:30:35 โดย RIRIN »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด