█ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: █ ▌รักเต็มใจ ❤➽ Heart Is Full ▌█ ┠ 37 The End ┨ (2017.11.11) P.36  (อ่าน 231581 ครั้ง)

ออฟไลน์ อ๊วนอ้วน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นายเอกเป็นคนไม่สนโลกมากกกหรือคนรอบข้างไม่รู้สึกไว้ใจนายเอก เต็มไม่เคยรู้เรื่องแฟนของเพื่อนเลยและเพื่อนก้อไม่เคยเล่าเรื่องแฟนให้ฟัง ออมไม่เคยแนะนำแฟน(ที่ถึงขนาดมีอะไรกันและคบกันมาหลายปี)ให้อารู้จักทั้งที่บอกว่าสนิทกับอาเต็มมากแต่คนทั้งบ้านรู้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew1: สู้เข้าเจ้าทัพ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
สู้ๆเค้านะ กองทัพ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน

ชอบค่ะ  ชอบที่เต็มเป็นผู้ชายแมน ๆ มีเซ็กส์กับหญิง ดูเป็นมนุษย์ธรรมชาติ มีความสมจริง ท่ามกลางความเว่อร์วังของภูมิหลังของทั้งคู่ (ที่ตูอิจฉามาก!)


ชอบกองทัพที่นิสัยหน้ามืด...แค่เห็นเขาถอดเสื้อก็ขึ้นแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 7 ┨








ผมกำลังสับสน..

จากคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด แต่เพียงเพราะใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้แค่ไม่กี่วันกลับมีอิทธิพลทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ ภายในใจคิดต่อต้านแต่ก็ยังทำตามที่อีกฝ่ายพูดอย่างว่าง่าย หรือแม้กระทั่งแค่เห็นใบหน้าที่เศร้าและแววตาคมเข้มที่มองมาอย่างตัดพ้อก็ทำเอาจิตใจของผมกระวนกระวายไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้น

คนๆ ชั้นชื่อ กองทัพ เกียรติไพศาลกิจ เชื่อเล่นว่า เทมป์

ผ่านมา 5 วันแล้วที่ผมมีคนคอยรับคอยส่ง ต่อให้ต้องกลับดึกสักแค่ไหนฝ่ายนั้นก็จะนั่งอ่านหนังสือรออยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ และแม้หลายครั้งที่ผมเหมือนจะหมดความอดทนแต่สุดท้ายแล้วก็จบลงตรงที่ยอมแพ้ให้กับรอยยิ้มและแววตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนทุกครั้ง ผมเคยปรึกษาเรื่องพวกนี้กับออม โบว์ และซัน ซึ่งทั้ง 3 คน ให้คำตอบไปในทางเนียวกันก็คือ ผมควรจะต้องให้เวลาทบทวนทำความเข้าใจตัวเองอีกครั้งว่าต้องการอะไร.. และไม่ว่าคำตอบของผมจะเป็นยังไงทุกคนก็พร้อมและยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่

เทมป์เป็นผู้ชาย เป็นรูมเมท เป็นุร่นน้อง และยังเป็นแฟนเก่าของออมหลานสาวของผมเอง ผมค่อยๆ หันไปมองแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่อีกฝั่ง แต่ดันสบตากับแมวน้อยสีส้มแทน แม้ว่าแมวจะแสดงออกถึงความรักไม่เก่งเหมือนน้องหมาแต่ก็อย่าเผลอไปจ้องตานะครับไม่เช่นนั้นคุณอาจจะตกหลุมรักมันได้โดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว อีกทั้งแมวมันยังอ่านใจคนได้ด้วยนะครับว่าคนไหนที่รักหรือไม่รักมัน

สีส้มที่นอนเฝ้าเจ้านายอ่านหนังสือลุกขึ้นยืดตัวอย่างเกียจคร้านก่อนจะกระโดดลงจากโต๊ะฝั่งนั้นแล้วเปลี่ยนมานั่งบนพื้นมองผมตาแป๋ว

“เมี๊ยว”

“สีส้ม”

เรียกชื่อแมวน้อยพร้อมกับตบหน้าขา สีส้มก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักของผมแล้วอ้อนให้ผมลูบหัวลูบคาง เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง

“ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้อ้วน”

“นั่นสินะ.. ให้มันน้อยๆ หน่อย”

ผมไม่ได้ว่าแมวนะครับ แต่ว่าเจ้าของมันต่างหาก ผมตวัดหางตามองอีกฝ่าย แต่จะมีเหรอที่เจ้าตัวจะรู้สึกรู้สาแถมยังทำหน้าระรื่นแถมหัวเราะ ‘หึๆ’ อีกต่างหาก

“เทมป์นี่ย่อมาจากเทมโปรึเปล่า?”

“หืม?”

เจ้าของชื่อเลิกคิ้วมองผมคล้ายว่าจะไม่เข้าใจในคำถาม

“ชื่อเล่นไง”

“อ่อ....”

ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อถึงบางอ้อ จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายออกมา

“เทมป์ ย่อมาจาก เทมโป หมายถึง ความเร็วในการเล่นเครื่องเล่นดนตรี”

“อ่อ”

ผมพยักหน้า แล้วตั้งท่าจะหันกลับมาทบทวนบทเรียนของตัวเองต่อ แต่แว่บหนึ่งในสมองก็คิดอะไรขึ้นมาได้

“เทมโป.. ในภาษาอิตาลีแปลว่า.. เวลา”

เจ้าของชื่อเงียบไปอีกรอบ ดวงตาคู่คมมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แค่เพียงครู่เดียวใบหน้าคมก็จุดยิ้มมุมปาก

“ขอบคุณนะ”

“หืม? เรื่อง?”

“เวลา”

งงสิครับ อะไรของเขาอีกล่ะเนี่ย ผมส่ายหน้าแล้วปล่อยให้สีส้มไปเล่นตามประสาก่อนจะหันกลับมาสนใจบทเรียนต่อ

วันนี้ผมมีเรียนปฏิบัติในห้องแล็ปหลังเรียนเสร็จก็นั่งสรุปงานกันต่อกว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเกือบถึงเวลาปิดหอพัก เลยโทรบอกที่บ้านว่าให้น้าปองมารับกลับบ้านตอนสายๆ ของวันพรุ่งนี้แทนครับ ส่วนรูมเมทของผมพอได้ยินผมโทรบอกที่บ้านแบบนั้นก็เอาบ้างครับ นี่กะจะเกาะติดกันตลอดเป็นปลิงเลยรึไง ถึงแม้อยากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ ผมกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย


.
.
.
.

   

น้าปองมารับตรงเวลาเหมือนอย่างเคย คนขับรถของอีกฝ่ายก็มาตรงเวลาเช่นกัน ตอนอยู่ในลิฟท์ผมแอบมองร่างสูงที่ถือลังกระดาษไว้ในอ้อมแขน ซึ่งในลังนั้นสีส้มแมวน้อยผู้รู้งานก็นอนนิ่งไม่ร้องเอะอะโวยวายสักนิดเดียว เห็นแล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“แอบมองแล้วยิ้ม เทมป์จะคิดว่าเต็มมีใจให้นะ”

เอากับเขาสิครับ แค่นิดๆ หน่อยก็ขอให้ได้เล่นได้หยอด

“ยิ้มให้สีส้มต่างหาก”

ร่างสูงหัวเราะ ‘หึหึ’ ในลำคอได้กวนบาทามากครับ แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบแทนการต่อปากต่อคำ จนเดินมาถึงชั้นล่าง ป้าสมนึกหันมามองพวกเราด้วยสายตาวิบวับ ผมส่งสายตาให้เทมป์พาสีส้มเดินขึ้นรถไปก่อนส่วนตัวเองจะอยู่ดึงความสนใจของป้าสมนึกต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจึงปลีกตัวออกมา

ยกมือไหว้สวัสดีน้าปอง ฝ่ายนั้นก็รีบยกมือรับไหว้แล้วเปิดประตูให้ผมรอจนผมขึ้นไปนั่งเรียบร้อยจึงค่อยปิดประตูจากนั้นก็กลับไปนั่งประจำหลังพวงมาลัย แต่ยังไม่ทันจะได้ออกรถกระจกหน้าต่างตรงเบาะหลังฝั่งที่ผมนั่งก็ดัง ‘ก๊อกๆ’ ขึ้นซะก่อน ผมจึงกดเลื่อนลดกระจกลง แล้วใบหน้าหล่อคมเข้มโน้มลงมามันใกล้เสียจนผมเห็นแพขนตายาวชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ขยับตัวเองออก

“เต็ม”

อีกฝ่ายเรียกชื่อของผมแล้วอมยิ้ม

“ถ้าคิดถึงเทมป์ละก็.. โทรหาหรือไลน์มาได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ”

จะพูดอะไรก็ให้เกียรติผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถของผมด้วย ยังไงน้าปองก็อายุมากกว่าคุณพ่อของนายนะเทมป์

“แค่นี้ใช่มั๊ย?”

คำตอบคือรอยยิ้ม

“ไปได้แล้ว”

ไล่ด้วยการกดเลื่อนกระจกขึ้น จากนั้นก็สั่งให้น้าปองออกรถ และเมื่อรถเคลื่อนตัวมาได้ระยะหนึ่งผมจึงหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่ากลับขึ้นรถไปรึยัง

“หลานชายคนเล็กของเจ้าสัวยางเหรอครับคุณเต็ม”

คำถามที่ดังขึ้นทำให้ผมหันกลับมามองน้าปองผ่านกระจกหน้ารถ

“ใช่ครับ.. น้าปองรู้จักด้วยเหรอครับ?”

“ถ้าไม่บอกก็จำไม่ได้หรอกครับ แต่พอดีผมรู้จักลุงอ่ำคนขับรถของบ้านเจ้าสัวยาง เมื่อกี้ได้คุยทักทายกันนิดหน่อยหน่ะครับ”

“อ่อ”

“ผมเคยเห็นคุณเขาตอนเด็กๆ พอโตเป็นหนุ่มแล้วไม่เหลือเค้าตอนเด็กเลยสักนิด”

“ตอนเด็ก? น้าปองเคยเห็นที่ไหนเหรอครับ?”

“ก็ในงานเปิดตัวธุรกิจของคุณขวัญยังไงล่ะครับ ที่จำได้เพราะตอนนั้นคุณเขาทำคุณเต็มร้องไห้จ้าตั้งแต่ลงจากเวทีจนจบงานเลยทีเดียว”

น้าปองหัวเราะขำกับเรื่องราวในอดีต แต่ผมนี่สิได้แต่ร้อง ‘หืม??’ ดังลั่นอยู่ในใจ

“ตอนเด็กๆ เขาเป็นยังไงบ้างครับ? ผมหมายถึงรูปร่างหน้าตา”

“อ่อ.. อ้วนกลมจ้ำหม้ำมากครับ ผมถึงบอกยังไงล่ะครับว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วไม่เหลือเค้าตอนเด็กเลยสักนิด”

ห๊ะ?? อ้วนเหรอ? นึกภาพไม่ออกเลยสักนิด

“แล้วน้าปองรู้มั๊ยครับว่าเขาทำอะไรผมถึงได้ร้องไห้?”

“เอ.. เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ รู้แค่ว่าคุณเต็มร้องไห้ไม่ยอมหยุดจนเสียงแหบเสียงแห้งแล้วหน้างี้แดงแจ๋เลย น่าสงสารมากเลยล่ะครับ”

คนเล่าความหลังส่งยิ้มให้ผมด้วยความเอ็นดู

“คุณเต็มจำไม่ได้เหรอครับ?”

“จำได้ครับ.. แต่จำไม่ได้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและก็จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร”

จะว่าผมเป็นประเภทสมองปลาทองก็ไม่ใช่นะครับ แต่เวลามันผ่านมานานเกินไปผมจึงไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด เรื่องราววัยเด็กที่จำได้ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าประทับใจทั้งนั้น จำไม่ได้สักนิดว่าเคยร้องไห้กลางงานพี่ขวัญ

“ก็ตอนนั้นคุณเต็มยังเด็กนี่ครับ จะให้จำได้ทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ”

นั่นสินะ.. ผมส่งยิ้มให้น้าปองแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงบ้าน


.
.
.
.

   

กลับถึงบ้านป้าทิพย์ก็ยืนยิ้มแฉ่งรอผมอยู่หน้าบ้าน ป้าทิพย์รับกระเป๋าเป้จากผมแล้วส่งให้เด็กรับใช้เอาขึ้นไปเก็บไว้บนห้องนอน

“คุณพ่อคุณแม่ล่ะครับ”

“คุณๆ รอคุณเต็มอยู่ที่ห้องทานข้าวแล้วค่ะ”

อีกไม่กี่สิบนาทีก็เที่ยงตรง และเพื่อไม่ใช้ผู้ใหญ่ต้องรอนาน ผมจึงเดินตรงไปที่ห้องทานข้าวทันที แต่เมื่อไปถึงก็เจอแค่อาหารที่จัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งดูจากจำนวนจานที่วางตามตำแหน่งที่นั่งมีมากกว่า 4 ที่ หรือว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีแขก
กำลังจะเรียกใครสักคนมาถาม แต่ออมก็โผล่มาจากประตูฝั่งครัวเสียก่อน

“อาเต็มขา ทางนี้ค่ะ”

“ออม”

เดินเข้าไปหาหลานสาว แต่ขาที่กำลังก้าวก็หยุดลงกลางคันเพราะบุคคลที่ค่อยๆ ทยอยเดินออกมาจากประตูนั้นทำให้ผมต้องกระพริบตาหลายรอบด้วยกลัวว่าจะเป็นแค่ภาพลวงตา

คนแรกคือหญิงสาวรูปร่างผอมสูงตามสไตล์นางแบบหน้าตาเปรี้ยวเฉี่ยวในแบบที่ไม่สามารถเดาอายุที่แท้จริงได้ คนที่สองเป็นหญิงสาวร่างอวบผิวสีน้ำผึ้งดวงตากลมโตและหน้าตาเก๋ไก๋เป็นเอกลักษณ์

“พี่ขวัญ.. แม่ปอ..”

ผมเดินเข้าไปไหว้แนบอกของพี่ขวัญและแม่ปอ คนหนึ่งเป็นพี่สาวอีกคนเป็นพี่สะใภ้หรือก็คือคุณแม่ของโอบและออม ผู้หญิง 2 คนนี้ ได้ดูแลและเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนผมมาตั้งแต่แบเบาะ ดังนั้นผมจึงนับถือท่านทั้งคู่เปรียบเสมือนเป็นแม่แท้ๆ พี่ขวัญกับแม่ปอจูบแก้มซ้ายขวาและกระหม่อมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ

แม่ปอเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของแบรนด์ TJ ด้วยนะครับ ซึ่งเสื้อผ้าของทางแบรนด์จะเป็นเสื้อผ้าของวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานที่ออกแบบมาเอาใจทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย  โดยมีผมเป็นพรีเซนเตอร์หลัก และก็มีท่านเอกอัครราชฑูตอบอุ่นและภริยาเป็นพรีเซนเตอร์กิตติมาศักดิ์ โอบมาแจมบ้างในบางครั้ง แต่ออมนั้นขอบายเลยล่ะครับ ออมเป็นประเภทไม่ชอบออกสื่อแต่ขออยู่เบื้องหลังมากกว่า ด้วยเหตุนี้บางครั้งพี่ขวัญเลยต้องจ้างนางแบบดังๆ มาเป็นตัวช่วย แต่ก็ไม่บ่อยหรอกครับเพราะพี่ขวัญบอกว่าแค่ผมคนเดียวก็เอาอยู่ ผมมีความสามารถดึงดูดลูกค้าได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

“มาถึงกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย? ทำไมไม่บอกผมบ้างเลย”

“มาถึงตั้งแต่เมื่อวานจ้าแล้วถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพร้น้องเต็มกับน้องขวัญสิจ๊ะ”

ผมยิ้มให้ท่านทั้งคู่ รวมทั้งโอบด้วย เซอร์ไพร้จริงๆ นั่นแหละครับ

“ว่าแต่ทำไมน้องเต็มผอมลงไปเยอะขนาดนี้ล่ะ? พี่ขวัญไม่ปลื้มเลยนะ”

“นั่นสิคะลูกเต็ม ดูสิเนื้อหนังที่แม่ปอขุนหนูมาตั้งแต่ไข่เท่าปลายนิ้วก้อยไปไหนหมดล่ะเนี่ย?”

แหม่.... แม่ปอเปรียบเทียบซะน้องชายของผมร้องไห้เลยครับ ผมโดนหมุนซ้ายขวา ลูบหน้า คลำแขน จับก้น ทำอย่างกับว่าผมยังเป็นเด็กน้อยไม่มีผิด

“อย่ามาโทษคุณพ่อกับคุณแม่นะจ๊ะสาวๆ ทางนี้ก็ดุจนไม่รู้จะดุยังไงแล้วว่าให้กินเยอะๆ น้องออมเป็นพยานได้”

“จริงค่ะ ที่อาเต็มผอมลงเนี่ยไม่ใช่ความผิดของคุณปู่คุณย่านะคะ”

หลานรักของคุณปู่และคุณหญิงย่าออกโรงขนาดนี้ความผิดก็ลงที่ผมเต็มๆ เลยล่ะครับที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี

“แล้วนี่พี่จะอยู่นานมั๊ยครับ?”

“รอบนี้นานหน่อยจ่ะ นานๆ จะได้กลับไทยมาหาลูกชายลูกสาว”

ออมกอดเอวคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน ผมก็เอาบ้างสิครับ

“เอาล่ะๆ ไว้ค่อยอ้อนกันใหม่ ตอนนี้ทานข้าวกันก่อนดีกว่านะลูก”

คุณหญิงหยดขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม คุณพ่อเองก็เดินไปนั่งตรงหัวโต๊ะแทบจะทันที เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยต้องลงนั่งประจำที่ครับ อาหารมื้อนี้ครื้นเครงว่าทุกวันและดูว่าสาวๆ จะเจริญอาหารกันเป็นอย่างมาก ก็แน่ล่ะครับคุณแม่เข้าครัวเองเลยนะ อาหารของโปรดของลูกสาวลูกสะใภ้เต็มโต๊ะไปหมด นี่ถ้าพี่อุ่นกับโอบอยู่ด้วยได้ก็คงจะดีไม่น้อย

จบมื้ออาหารก็ถึงช่วงเวลาถ่ายรูป ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่คณะ สาวๆ พากันอัพโหลดรูปลงโซเชียลกันยกใหญ่ ผมเองก็อยากอวดรูปครอบครัวบ้างจึงได้เปิดไอจีสักทีหลังจากไม่ได้เข้าไปอัพเดทความเคลื่อนไหวมานานเกือบเดือน เปิดแอพพลิเคชั่นปุ๊ปก็มีแจ้งเตือนทั้งคนฟอล ข้อความ คอมเม้นต์ และกดไลค์รวมๆ แล้วเกือบหมื่น ผมอ่านทุกข้อความนะครับแม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ย้อนกลับไปอ่านทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับที่ติดตามผมจากงานถ่ายแบบให้พี่ขวัญ จากนั้นก็นั่งดูคนที่มาขอฟอลเป็นเพื่อนคนเพราะเผื่อจะเจอคนที่รู้จักบ้าง และก็เจอจริงๆ ครับ

‘K_KONGTAP_AAAMY’ เห็นแค่ชื่อแล้วถ้ายังไม่รู้อีกว่าเป็นใครผมคงจะโง่เต็มทีแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้กดรับฟอลในทันทีแต่เข้าไปส่องไอจีสักนิดก่อนจะดีกว่า รูปล่าสุดที่ลงเป็นรูปสีส้มนอนหลับหงายท้องอยู่ใต้เก้าอี้ ผมกดไลค์ในทันทีกับความน่ารักนั่น เลื่อนดูรูปต่อไปเป็นรูปจักรยานของผมเองมันจอดอยู่โดดเดี่ยวตรงที่จอดจักรยานของคณะสัตวแพทย์ แคปชั่นใต้ภาพเขียนสั้นๆ ว่า alone ทำให้ภาพดูเหงาลงไปอีก  ถัดมาเป็นภาพ เอิ่ม.. แก้วที่ใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันของผมที่วางคู่อยู่กับเจ้าของไอจี แคปชั่นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตัวอีโมยิ้มสีเหลืองกับหัวใจสีแดง

ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ ผมใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจกดรับฟอลและกดไลค์ไปทั้งหมด 3 รูป จากนั้นก็ปิดไอโฟนไปซะเลย ไหนๆ ตอนนี้ก็เป็นเวลาของครอบครัว ผมของดโซเชียลละกันนะครับ

.
.
.
.


ตีหนึ่ง.. ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้บิดขี้เกียจคลายกล้ามเนื้อจากการนั่งอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน และเพิ่งจะนึกออกเอาตอนนี้แหละครับว่าน้องไอโฟนของผมหลับใหลมาตลอดทั้งวัน ดังนั้นทันทีที่ระบบทำงานเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นทั้งหลายก็กระหน่ำกันรัวเป็นปืนกล ซึ่งในจำนวนนั้นมีสายที่ติดต่อเข้ามาเป็นของเนเนะแฟนสาวและ.... เทมป์

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมเลิกสนใจหน้าจอไอโฟน แล้วหันไปมองที่ประตู

“น้องเต็มนอนรึยังจ๊ะ”

“เข้ามาได้เลยครับพี่ขวัญ เต็มไม่ได้ล็อค”

บานประตูห้องนอนของผมถูกเปิดออก พี่สาวคนสวยในชุดนอนแบบสปอร์ตเกิร์ลก็เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม

“พี่ขวัญนอนไม่หลับเหรอครับ?”

“เจ็ทแลคหน่ะ”

ใบหน้าไร้เครื่องสำอางระบายรอยยิ้ม พี่ขวัญเป็นคนสวย สูงยาว เข่าดี ขนาดตอนนี้ที่ดูออกอย่างชัดเจนว่าอ่อนเพลียจากอาการเจ็ทแลคแต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยได้

เจ็ทแลค เป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังปรับจังหวะเวลาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลา แตกต่างกันไม่ได้ เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับเวลาในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่ ในการปรับตัวให้เป็นปกติ คือ ต้องใช้เวลา 12 วัน กว่าที่จะปรับตัวให้เข้ากับเวลาของสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ซึ่งผมรู้ดีว่ามันทรมานสักแค่ไหนและเพราะเจ็ทแลคนี่แหละครับจึงทำให้ระยะหลังมานี้คุณพ่อคุณแม่ที่อายุเพิ่มมากขึ้นจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไกล

“พี่ขวัญตั้งใจจะไปหานมอุ่นๆ ดื่มสักแก้ว เห็นไฟในห้องน้องเต็มยังเปิดอยู่เลยลองเคาะดู พี่ขวัญไม่ได้มารบกวนใช่มั๊ย?”

พี่สาวอธิบายพร้อมกับนั่งลงตรงขอบเตียง

“ไม่ได้รบกวนสักนิดเลยครับ”

มือบางยกขึ้นลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน

“คุณพ่อกับแม่บอกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนพวกท่านพาน้องเต็มไปงานเลี้ยงของบริษัทวายเจกู๊ดเหรอจ๊ะ?”

“อ่อ.. ใช่ครับ?”

“น้องเต็มได้เจอกับคุณอาดิษฐ์มั๊ย?”

“เจอครับ ท่านดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีและอบอุ่นมากเลยนะครับ”

คนฟังยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย

“จ่ะ.. อาดิษฐ์เป็นคนดี”

พี่ขวัญเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แค่เพียงครู่เดียวก็เริ่มพูดต่อ

“แล้ว... คุณวิริยาล่ะคะ น้องเต็มได้เจอรึเปล่า?”

“เจอครับ”

นัยน์ตาที่มีความอ่อนล้าแฝงอยู่มองผมอย่างรอคอยคำอธิบายต่อ..

“ก็... บอกไม่ถูกสิครับพี่ขวัญ จะว่าดีก็ดีจะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ อ่อ แต่ดูเหมือนว่าคุณวิริยาเขาจะรู้จักกับพี่ขวัญเลยนะครับ”

ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีต่อคุณแม่ของเทมป์ได้จริงๆ ครับ เอาเป็นว่าขอละไว้ในฐานที่ไม่ค่อยจะเข้าใจก่อนละกัน ซึ่งเมื่อพี่ขวัญได้ฟังคำอธิบายจากผม คิ้วสวยก็เลิกสูงเล็กน้อยก่อนจะขมวดเป็นปมอยู่เสี้ยววินาทีจากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า ‘อย่างนั้นเหรอ?’ ราวกับว่าพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะคุยกับผม

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่ขวัญ?”

“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ พี่ขวัญเริ่มง่วงแล้วล่ะ”

“อ่อ.. ถ้าอย่างนั้นพี่ขวัญไปนอนพักผ่อนเถอะครับ”

เดินไปส่งพี่สาวถึงหน้าห้องนอน และเมื่อเดินกลับมาเข้าห้องของตัวเองก็พบว่าน้องไอโฟนกำลังส่งเสียงมีสายวิดิโอคอลโทรเข้ามา ซึ่งแค่เห็นชื่อก็รู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็กดรับ และภาพหน้าจอของผมก็เป็นใบหน้าหล่อๆ ของสีส้มที่กำลังหลับพริ้มแถมมีลิ้นแล่บออกมาด้วย

“สีส้ม”

ส่งเสียงเรียกเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะไปรบกวนให้อีกฝ่ายตื่น จากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าของคนๆ หนึ่งที่หล่อมากไม่แพ้สีส้มสักนิด

“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม รู้มั๊ยครับว่าผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงที่เรียกผมว่า ‘เต็ม’ นี่เป็นความลับนะครับอย่าไปบอกให้เจ้าตัวรู้ล่ะ เดี๋ยวจะเหลิงไปกันใหญ่

“รู้ว่าดึกแล้วยังจะคอลมาทำไม?”

“ก็โทรไปหาเมื่อตอนบ่ายแต่ไม่ติด”

อ่อ ผมปิดโทรศัพท์เองแหละครับ

“อ่อ จริงสิเทมป์.. เต็มว่าจะไม่กลับหอพักสักสองอาทิตย์นะ”

คิ้วเข้มขมวดมุ่นแทบจะทันที

“แม่ปอกับพี่ขวัญกลับมาบ้าน เลยคิดว่าอยากจะอยู่กับพวกท่านให้เต็มที่หน่ะ”

มหาวิทยาลัยกับบ้านของผมระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ แล้วไหนจะต้องฝ่ารถติดอีก แต่มันก็คุ้มนะครับกับการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวที่นานทีปีหนจะได้เจอกันสักที

“อ่อ”

เมื่อได้ฟังเหตุผลใบหน้าคมก็ดูผ่อนคลายลง

“จักรยานหน่ะ.. ใช้ได้นะ”

คนฟังจุดยิ้มที่มุมปาก น่าหมั่นไส้สุดๆ

“ไปนอนได้แล้ว”

ผมไล่ คนที่อยู่ในจอก็หัวเราะร่วน

“ฝันดีนะ.. เต็ม”

อืม ผมรับในลำคอ และควรจะกดตัดสายไปทันที แต่.. นิ้วมันไม่ขยับ เรายังคงนอนมองหน้ากันนิ่งๆ ผ่านเครื่องมือสื่อสารอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที ผมจึงยิ้มออกมา

“ฝันดีนะ.. เทมป์”

และอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ และคืนนี้ผมก็ฝันดีจริงๆ ครับ

.
.
.
.


เหนื่อยจากเรียนแล้วยังเหนื่อยจากการเดินทางอีกนะครับ นี่ขนาดว่าผมกับออมเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีที่ใกล้บ้านที่สุดแล้วค่อยให้รถจากที่บ้านมารอรับ แถมบางวันที่ออมเลิกเรียนเร็วกว่าผม เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์มานั่งรอผมที่คณะเพื่อที่จะได้กลับพร้อมกัน แบบนี้เหมือนผมทำให้หลานสาวเหนื่อยตามไปด้วย

หลังจากขึ้นมานั่งบนรถที่มีน้าปองเป็นสารถีได้สักพัก ออมก็หันมามองหน้าผมแล้วอมยิ้มอยู่นานสองนานจนแกล้งผลักหน้าผากสวยๆ นั่นไปด้วยความหมั่นไส้

“มีอะไรก็ว่ามา”

“อาเต็มเคยสงสัยใช่มั๊ยคะว่าทำไมออมถึงไม่เคยเล่าหรือพูดถึงกองทัพให้อาเต็มฟังเลย”

ใช่ครับ ผมเคยสงสัยในเรื่องนี้ แต่บางครั้งคนเราก็ล้วนมีเหตุผลของตัวเองที่จะไม่พูดหรืออธิบายให้ใครฟัง ต่อให้เป็นหลานรักหรือเพื่อนรักหรือคนรักทุกคนล้วนมีความในใจที่อยากเก็บไว้คนเดียวทั้งนั้น และผมก็รู้จักหลานสาวของดีถ้าหากไม่อยากจะพูดต่อให้จับง้างปากก็ไม่พูดหรอกครับ

“ออมกับกองทัพรู้จักและคบกันหลายปี กองทัพเป็นเพื่อนที่ดี เป็นแฟนที่ดี เขาเอาใส่ออมทุกอย่างและทุกเรื่อง  ช่วงที่เราคบกันเราแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย จนออมคิดว่าคนๆ นี้แหละจะเป็นคู่ชีวิตของเราได้”

ริมฝีปากได้รูประบายรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต ผมก็ยิ้มตามหลานสาวไปด้วย

“แต่แล้ววันหนึ่งออมก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักออม และออมก็ไม่รู้จักเขา แต่น่าแปลกที่แค่ออมเห็นรูปของเขาก็มีความรู้สึกอยากจะค้นหาและรู้จักว่าเขาเป็นใคร?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสาวค่อยๆ จางหายไป

“ตอนแรกออมก็คิดว่าคงจะเป็นการแอบปลื้มเหมือนที่เราปลื้มศิลปินเกาหลี ชอบเขาทั้งๆ ที่เขาก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาคบกับเธอนานมาก เขารักเธอมาก แต่จะอยู่คนละประเทศแต่ทุกวันสำคัญก็จะมีโมเม้นน่ารักส่งให้กันตลอด ยิ่งเวลาได้เจอกันก็หวานซะจน...”

จู่ๆ ออมก็เงียบไป ผมมองหน้าหลานสาวพร้อมกับพยายามคิดตามในใจว่าคนที่ออมกำลังพูดถึงเป็นใคร คล้ายว่าเหมือนจะคุ้นกับคนลักษณะแบบเดียวกัน แต่ก็นึกไม่ออกครับ

“ออมเฝ้าติดตามคนๆ นั้นอยู่เงียบๆ ออมดีใจมากในวันที่รู้ว่าเขาเลิกกับแฟน และจนวันหนึ่งเราก็ได้เจอกัน.. แต่เขาก็ไม่เคยมองมาที่ออมเลยค่ะ”

ดวงตากลมโตฉายแววความเศร้าจนน่าสงสาร

“ตอนนั้น.. ออมยังคบกับเทมป์อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
จะว่ายังไงดีล่ะครับ

“พราะกองทัพดีกับออมมาก ออมจึงพยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองหลายต่อหลายรอบ จนกระทั่งคิดว่าถ้าหากเรามีอะไรเกินเลยกันแล้วบางทีออมอาจจะลืมไปก็ได้ แต่.. เปล่าเลย แม้ว่าคนที่กอดออมอยู่จะเป็นกองทัพแต่ในใจออมก็คิดถึงคนๆ นั้นตลอด”

“ออมนอกใจกองทัพค่ะอาเต็ม”

พูดไม่ออกเลยครับ คือมันก็จะอึ้งๆ หน่อยนึงเหมือนกัน

“มันเป็นความรู้สึกผิดในใจ ต่อให้บอกเลิกกันแล้วมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่ความรู้สึกผิดนั้นก็ยังอยู่มาโดยตลอด ออมจึงไม่เคยเล่าเรื่องของกองทัพให้อาเต็มฟัง กลัวอาเต็มจะผิดหวังในตัวออมค่ะ”

เพราะแบบนี้นี่เอง ผมลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู

“เรื่องที่จะมาทำให้อาผิดหวังในตัวออม คงจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่อาคิดจะทำบนโลกใบนี้”

หลานสาวฉีกยิ้มหน้าบานน้ำตาคลอเบ้า นี่ผมพูดเรื่องจริงนะครับ โอบกับออมคือข้อยกเว้นในทุกเรื่องของชีวิตผม

“ว่าแต่... บอกอาได้มั๊ยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

คนถูกถามอมยิ้มแล้วเอนซบหัวลงมาบนไหล่ของผม

“เป็นผู้ชายอบอุ่น แสนดี และหล่อ แต่ทุกข้อที่พูดมาก็น้อยกว่าอาเต็มของออมนิดนึงค่ะ”

อืม.. ตอบแบบนี้ก็แปลว่าหลานสาวยังไม่พร้อมจะบอก ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ที่เป็นก็คือก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของผมนี่แหละที่รู้สึกแปลกๆ แล้วทำไมแค่หลับตาใบหน้าคมกับแววตาเศร้าๆ ของแฟนเก่าออมถึงได้ชัดแบบนี้ล่ะ? ผมเป็นอะไรไปครับเนี่ย???



.
.
.
.
.
.

TBC....  : 222222:







กลับมาแล้วค่ะ มาพร้อมตอนที่ 7
นิยายเรื่องนี้รินต้องการที่จะให้มันค่อยเป็นค่อยไปหน่อยนึงนะคะ คือไม่หย่อนไปและไม่รวบจนเกินไป แต่คนใจร้อนอ่านอาจจะขัดใจหน่อยๆ นอกจากนี้ทุกตัวละครและทุกเรื่องราวรินได้พยายามใส่เหตุและผลเอาไว้ในเนื้อหาโดยตลอด ถ้าหากคนอ่านไม่อ่านข้ามหรือไม่ลืมอ่านก็จะเจอคำตอบอยู่ในนั้นค่ะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ดีใจมาก รินนั่งอ่านทุกข้อความวนซ้าหลายรอบเลยค่ะ
ขอบคุณที่บอกความรู้สึกของคุณให้รินได้รับรู้ และจะได้นำคำติชมมาปรับปรุงให้มันดีขึ้นค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2017 05:56:13 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้! คนแรก  :z2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แบบนี้พี่ชอบมาก
จีบกันนาน ๆ นะ ชอบอารมณ์เขินอาย แต่ก็กล้าบ้าบิ่นในบางที


ปล. สะกิดนิด ๆ

แม่ปอเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของแบรนด์ TG ด้วยนะครับ

แบรนด์ TJ หรือเปล่าจ๊ะ ถ้า TG - Tem Gai จะอ่านออกเสียง เต็ม-ไก  ถ้า Tem Jai จะออกเสียง เต็ม-ไจ >> เต็มใจ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ใครกันนะ พี่ชายกองทัพ?

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แบบนี้พี่ชอบมาก
จีบกันนาน ๆ นะ ชอบอารมณ์เขินอาย แต่ก็กล้าบ้าบิ่นในบางที


ปล. สะกิดนิด ๆ

แม่ปอเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของแบรนด์ TG ด้วยนะครับ

แบรนด์ TJ หรือเปล่าจ๊ะ ถ้า TG - Tem Gai จะอ่านออกเสียง เต็ม-ไก  ถ้า Tem Jai จะออกเสียง เต็ม-ไจ >> เต็มใจ



TJ ค่ะ รินผิดเอง แก้ไขแล้วค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ 

เขินมากด้วยที่ปล่อยไก่ ฮ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ใครๆๆๆ

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
แน่ะๆๆๆๆ เต็มเริ่มสับสนแระ อิอิอิอิอิอิ
นี่เอาใจช่วยกองทัพเต็มแรงเลยนะ  :hao6:

ออมเธอแอบนอกใจกองทัพเหรอ?????? แต่ก็โอเคนะเพราะเธอสนับสนุนให้แฟนเก่าได้กับอาเต็ม  :laugh:

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความสับสนเริ่มมาแระ  :hao6:

ออฟไลน์ r.saranya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใกล้แล้วๆๆๆ กองทัพใกล้รุกสำเร็จแล้ว  :hao6:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอจุดพลุเลยจ้าาาาา  :oo1:
ดูจากนิสัยกองทัพแล้วท่าทาง NC จะมันส์ :hao6:


แอบสงสัย ออม.. หวังว่าเธอคงไม่ได้แอบรักอาเต็มหรอกนะ :ruready




ปล.ขอโทษนะคะกลับไปอีดิทไม่ได้อะเลยต้องเม้นต์ซ้ำเลย

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทีมกองทัพได้มั๊ยคะ  :impress2:


ปล.เห็นยอดวิวคนอ่านเรื่องนี้เยอะมาก เนื้อหาดี การเขียนดี ภาษาลื่นไหล แต่ทำไมไม่ค่อยมีคนแสดงความคิดเห็น อย่าเพิ่งท้อนะคะ กอดคุณรินแน่นๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



แอบสงสัย ออม.. หวังว่าเธอคงไม่ได้แอบรักอาเต็มหรอกนะ :ruready







กลัวเหมือนกันค่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลึกลับ ทำไมพี่ขวัญถามเรื่องพ่อแม่กองทัพ แล้วทำไมตอนเจอกัน แม่กองทัพถึงมองเต็มแปลก ๆ
เรื่องในอดีต มีใครทำอะไรไว้ จนทำให้ไม่สนิทใจหรอ

กองทัพก็เวิ่นไปเหอะ รอไปก่อนนะ หยอดน้ำไปเรื่อย ๆ
แต่ตลกเต็มใจมาก โดนย้อนมาทีถึงกับไปไม่เป็น เต็มตอนนี้คือหวั่นไหว มีความรวน

บ้านนี้รักกันดีจัง น่ารักดี

คนที่ออมชอบ เป็นพี่ชายกองทัพหรอ

ออฟไลน์ Wrwrwr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มีลุ้นแล้วค่ะท่านผู้ชม   :z2:



ติดตามอยู่นะคะ อย่าท้อนะคะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ออมแอบรักเพื่อนอาเต็มหรือป่าวน้าาาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีความหลังอะไรกัน

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มาๆๆต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณพ่อคุณแม่ของกองทัพ พี่ขวัญ 3 คนนี้ต้องมีอะไรกันมาก่อนแน่นอน
พี่ชายของกองทัพ รายนี้ก็น่าสงสัยและหวังว่าออมคงจะไม่แอบชอบคนนี้นะ





ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
รอเต็มใจอ่อนนน รอตอนเขาหวานกันนะคะะ

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กองทัพอีกนิดนึงนะลูก แม่ลุ้นจนตัวโก่งแระ
เต็มเจอลูกหยอดทุกวันมันก็หวั่นไหวกันบ้างละวะ  :laugh:

ออมเธอจะแอบรักใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่อาเต็มนะ

ออฟไลน์ simpleyaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีความหลังอะไรกัน


นั่นสิ  :ruready

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วันนี้จะได้อ่านตอนใหม่มั๊ยน๊า :z13:

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█





┠ 8 ┨








‘ตอนเที่ยงมารับหน่อยสิ จะเข้าไปเอาของที่ห้อง’

‘เอาจักรยานมารึเปล่า? จะเข้าไปเอาของที่ห้อง’

‘ตอนเที่ยงว่างรึเปล่า? เอาจักรยานมาให้หน่อยสิ’


“อะไรของแกนักหนาเนี่ยอีจี แค่พิมพ์แล้วกดปุ่มส่งเนี่ยมันจะยากอะไรวะ?”

โบว์พูดถูกแล้วครับ เพราะผมพิมพ์ข้อความแล้วก็ลบ พิมพ์ใหม่แล้วก็ลบอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าที่จะกดส่งสักที ทำไมมันถึงยากเย็นแบบนี้ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ส่งข้อความหาโบว์หาซันออกจะบ่อย แล้วทำไมแค่ส่งข้อความหารูมเมทแค่นี้ถึงทำไม่ได้ แต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปหาเนเนะก่อนเลยสักครั้งนี่นา..

“กลัวอะไรอยู่?”

คำถามของซันทำให้ผมรู้สึกเหมือนคล้ายจะหน้ามืดไปวูบหนึ่ง ผมกำลังกลัวอะไรอยู่เหรอ? คนอย่างผมไม่เคยกลัวอะไรที่ไร้สาระแบบนี้มาก่อนไม่ใช่รึไง? ความเป็นตัวตนของผมหายไปตอนไหนกันนะ?

“ไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่ากลัวใจตัวเองหรอกนะเต็ม”

ใบหน้าอ่อนโยนประดับรอยยิ้มจนดวงตาโค้งรีของซันเต็มไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจมันทำให้ความร้อนรุ่มในหัวใจเจือจางลงอย่างน่าประหลาด

“สาธุ”

โบว์ยกมือไหว้ซันท่วมหัวด้วยความเลื่อมใส ซันหัวเราะขำแล้วเคาะหัวโบว์กลับไปเบาๆ ผมเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย และผมก็คิดได้แล้วล่ะครับว่าผมควรจะจัดการกับความรู้สึกที่อึดอัดเหมือนภูเขาไฟที่รอวันระเบิดอยู่นี่ยังไง

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้วที่ผมเลือกที่จะอยู่บ้านกับแม่ปอและพี่ขวัญแทนการอยู่หอพัก อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับความสุขทางใจ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งนับวันก็คล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างได้หายไปจนกลายเป็นช่องว่างเล็กๆ ภายในใจ ที่ผ่านมาผมมีแฟนมาแล้วก็หลายคนหรือแม้แต่เนเนะเองก็เถอะ ต่อให้อยู่ไกลกันขนาดไหนผมก็ไม่เคยกระวนกระวายถึงกับต้องเปิดเช็คหน้าจอไอโฟนทุกชั่วโมงว่ามีสายหรือข้อความจากเธอบ้างรึเปล่า?

“อมยิ้มแบบนี้แสดงรู้ทางออกแล้วสินะ”

เพื่อนสาวถามยิ้มๆ เชิงเย้าแหย่ ผมยักคิ้วให้โบว์แทนคำตอบ

“ไปเรียนกันเถอะ”

พวกเราลุกขึ้นเดินไปห้องเรียนและวันนี้จนเลิกเรียน แถมยังลากยาวนั่งสรุปงานกลุ่มกันต่อจนเสร็จ ท้องฟ้าก็ไร้แสงดวงอาทิตย์ไปนานแล้ว

“ซัน”

“หืม?”

“คนเรามันเป็นเกย์กันได้ง่ายๆ เหรอ?”

ไม่รู้ว่าคำถามของผมยากเกินไปรึเปล่า ซันถึงได้เงียบไปนาน จนกระทั่งถึงหน้าประตูใหญ่ ซันจอดจักรยานเพื่อรอข้ามถนนแล้วหันกลับมามองผมเล็กน้อย

“เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าง่ายหรือยากหรอกนะเต็ม”

ดวงตารีหยักโค้งพร้อมกับวางฝ่ามือลงบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

“มันอยู่ที่ตรงนี้.. รู้สึกยังไงก็ทำไปอย่างนั้น ชีวิตเป็นของเรา หัวใจก็เป็นของเรา ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแค่นั้นก็พอแล้ว”

ซันส่งยิ้มก่อนจะหันกลับไปมองถนนด้านหน้า และผมก็ทำเพียงแค่ครางรับ ‘อืม’ ในลำคอด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้ผมกำลังซ้อนท้ายจักรยานของซันกลับหอพักครับ อีกไม่กี่สิบนาทีข้างหน้าก็ถึงเวลาที่หอพักจะปิด แต่ซันก็ไม่ได้เร่งฝีเท้าแต่อย่างใด เราปั่นจักรยานกันด้วยความเร็วมาตรฐานและปลอดภัยซึ่งก็ทันเวลาพอดี

“ขอบใจมาก เจอกันพรุ่งนี้”

ตบบ่าเพื่อนรัก ฝ่ายนั้นยักคิ้วให้ผมแล้วก็ปั่นจักรยานต่อกลับไปหอพักของตัวเอง ผมยืนมองรอจนเห็นซันเลี้ยวเข้าไปทางตึกหอพักของเจ้าตัว

“คุณเต็มหายไปไหนหลายวันคะเนี่ย? ป้าคิดถึงนะคะ”

ป้าสมนึกส่งยิ้มหวานฉ่ำ และผมก็เลือกที่จะยิ้มตอบกลับไปแทนคำพูด

“ป้าคิดว่าคุณเต็มจะทะเลาะกับคุณกองทัพซะอีก”

น้ำเสียงลดเบาลงคล้ายกระซิบกระซาบ ทำเอาผมอดจะขำไม่ได้ และสุดท้ายผมก็ไม่ได้ตอบคำถามป้าสมนึกสักคำถาม ผมเดินขึ้นลิฟท์และมองตัวเลขที่ไต่ลำดับขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจของผมเริ่มกระสับกระส่าย จวบจนประตูลิฟท์เปิดและเดินต่อมาถึงหน้าห้องพัก ผมสูดลมหายใจเข้าออกก่อนจะเสียบคีย์การ์ดและปลดล็อค   

เข้ามาภายในห้องและหลังจากถอดรองเท้าเสร็จเรียบร้อย สิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่ผมเห็นในขณะนี้กำลังหันมามองผมด้วยดวงตาใสแป๋ว ผมย่อตัวลงนั่งแล้วเรียก

“สีส้ม”

แมวน้อยตัวกลมที่กำลังใช้ลิ้นบรรจงเสริมแต่งความหล่อนิ่งค้างอยู่ท่าเดิมครู่หนึ่ง

“เมี๊ยววว”

“สีส้มจำเต็มไม่ได้เหรอ? มานี่มา”

ผมกระพริบตาช้าๆ ส่งสัญญาณไปให้สีส้ม 2-3 ครั้ง จากนั้นสีส้มก็กระพริบตาบ้างก่อนจะลุกขึ้นเดินนวยนาดมาคลอเคลีย

“เมี๊ยว”

จับน้องเหมียวขึ้นอุ้ม เราเอาจมูกแตะทักทายกัน ผมอ้าปากจะถามว่าเจ้าทาสของสีส้มหายไปไหนแต่เสียงของหล่นกระทบพื้นที่ดังมาจากในห้องน้ำก็ทำให้ผมรู้คำตอบแล้วล่ะครับ

ปล่อยสีส้มลงแล้วเดินเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแร่มาดื่มก่อนจะกลับมานั่งบนเตียง สีส้มกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผม มันคลอเคลียออดอ้อนจนผมต้องยิ้มตามความน่ารัก ผ่านไปครู่ใหญ่บานประตูห้องน้ำก็เปิดออก ร่างสูงที่สวมชุดนอนลายสก็อตสีเทาดำเดินออกมาพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูขยี้เส้นผมที่เปียกชื้น  ดวงตาคู่คมก็เบิกกว้างเล็กน้อยที่เห็นผม แต่ก็แค่แว่บเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ

ทั้งๆ ที่เตรียมคำพูดมากมายเอาไว้ในใจ แต่ทำไมเมื่อถึงเวลาจริงกลับนึกไม่ออกสักคำ เราทำแค่มองตาและยิ้มให้กันท่ามกลางความเงียบอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ จนเมื่อสีส้มกระโดดลงจากตักผมแล้วเดินไปกินอาหารที่เจ้านายวางไว้ให้ตรงใต้เตียง เสียงกระพรวนที่คอของสีส้มทำให้พวกเราได้สติ

“กินอะไรมารึยัง?”

บังเอิญถามออกมาพร้อมกันแถมยังเป็นประโยคเดียวกันอีก ผมเงียบ อีกฝ่ายก็เงียบลงไปอีกครั้ง จากนั้นเราก็หัวเราะ

ร่างสูงเดินเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ที่นอกระเบียง เมื่อเดินกลับเข้ามาก็เอ่ยถามผมด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง

“กินอะไรมารึยัง?”

“อืม เทมป์ล่ะ?”

“เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน”

คู่สนทนานั่งลงบนเตียงฝั่งตรงข้ามกับผม

“ไม่กลับบ้านเหรอ?”

“วันนี้เลิกดึกแล้วก็รู้สึกเหนื่อยหน่ะ”

ดวงตาคู่คมหรี่ลงมองผมเหมือนกำลังจะจับผิดอะไรบางอย่าง แล้วฝ่ายนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก ทำเอาหัวใจของผมเต้นระทึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คิดถึงก็บอกว่าคิดถึงสิ..”

หืม? ประโยคที่เพิ่งจบไปทำให้ผมเผลอเม้มริมฝีปากและกลั้นหายใจไปชั่วขณะ

“เต็มคิดถึง... สีส้ม ใช่มั๊ยล่ะ?”

มือเรียวอุ้มสีส้มขึ้นในระดับสายตาของผม ทำเอาผมแอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกออกมาเบาๆ

“อืม..”

ผมพยักหน้าและเพิ่งได้รู้ว่าเขินจนร้อนผ่าวไปทั้งหน้ามันเป็นยังไง ผมรีบลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

.
.
.
.

   

เที่ยงคืนจู่ๆ ฝนก็เทลงมา ผมละจากตัวอักษรในหน้ากระดาษแล้วหันไปมองนอกระเบียงฝนกำลังเทกระหน่ำอย่างหนัก คืนนี้สีส้มเลยนอนซุกตัวอยู่บนเตียงกับตุ๊กตาแมวตัวใหญ่หลับสบายเชียว

เผลอยิ้มออกมากับความน่ารักของน้องเหมียวแล้วพลางคิดไปถึงงานของพี่ขวัญที่กำลังจะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่เร็วๆ นี้  ซึ่งทุกครั้งพี่ขวัญจะให้โอกาสผมใส่ไอเดียเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองเสริมลงไปในแต่ละคอลเลคชั่น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันพี่ขวัญตั้งใจว่าจะเน้นกลุ่มตลาดแฟนคลับไอดอลต่างๆ ซึ่งนอกจากออมแล้วผมยังแนะนำโบว์ให้พี่ขวัญรู้จักเพื่อจะได้นำข้อมูลจากแฟนคลับตัวจริงไปใช้

กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ทำให้ผมต้องหันไปมอง ร่างสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจจากนั้นก็เดินหายไปในมุมครัว เสียงโลหะกระทบกันก๊อกแก๊กๆ ไม่นานเจ้าตัวก็เดินมาพร้อมแก้วกระเบื้องเคลือบ 2 ใบ วางให้ผมแก้วหนึ่ง และของตัวเองอีกแก้ว แค่ได้กลิ่นผมก็รู้แล้วครับว่าเป็นโกโก้ร้อน

อีกฝ่ายดึงเก้าอี้ของตัวเองมานั่งไหล่เบียดกับผม.. และน่าแปลกนะครับที่ผมไม่คิดจะขยับหนีแต่กลับรู้สึกว่ามันก็อบอุ่นดีเหมือนกัน ผมยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบทีละนิด แค่ของเหลวสัมผัสลิ้นผมก็รู้แล้วล่ะครับว่าคนชงจำรสชาติมาจากเมื่อครั้งก่อนที่ผมชงให้อีกฝ่ายดื่ม ผมเป็นคนไม่ดื่มหวานแต่ชอบความมันของนมสดและความเข้มของโกโก้เพราะฉะนั้นเวลาชงเครื่องดื่มให้ใครผมก็มักจะชงในแบบที่ตัวเองชอบ ไม่เคยคิดหรอกครับว่าแค่ชงให้ดื่มครั้งเดียวแล้วอีกฝ่ายจะจำได้ 

“เรียนหนักมากเลยเหรอ?”

หลังจากนั่งเงียบฟังเสียงฝนมานานอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น ดวงตาคู่คมจับจ้องผมไม่วางตา

“อืม.. ปกติแหละ”

“แล้วทำไมถึงอยากเรียนสัตวแพทย์ล่ะ? อย่าตอบว่ารักสัตว์นะ”

แน่ะ ถามแล้วก็มีการดักทางคำตอบไว้อีก

“อยากจะช่วยงานที่มูลนิธิโรงพยาบาลสัตว์ของคุณแม่”

มันเป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับ คำตอบของผมทำให้ริมฝีปากบางของคนฟังวาดรอยยิ้ม และด้วยระยะที่นับว่าใกล้มากทำให้ผมเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่คม แต่แล้วจู่ๆ นิ้วเรียวยาวก็ถือวิสาสะยกมาเกลี่ยเบาๆ บนแก้มข้างซ้ายของผม แต่นั่นไม่สำคัญเท่าตัวผมเองนี่แหละที่นั่งนิ่งให้อีกฝ่ายสัมผัสโดยไม่แม้แต่จะปัดป้อง

“อะไร?”

กดเสียงให้ต่ำเพื่อข่มความเขิน แต่ก็เปล่าประโยชน์ครับ นายกองทัพเขาถือคติด้านได้อายอด

“น่ารักดี”

ไอ้บ้า จู่ๆ มาชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารัก จริงอยู่ว่ามีคนชมผมแบบนี้บ่อยแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้ผมใจสั่นได้เท่าครั้งนี้

“อะ.. แฮ่ม”

กระแอมก่อนจะขยับเบี่ยงหน้าออกจากมือใหญ่ ฝ่ายนั้นหัวเราะเบาๆ

“ไอ้บ้า”

ด่าออกไปทั้งที่รู้ว่าคนถูกด่าไม่มีวันจะสำนึกหรอก และไอ้คนไม่มีจิตสำนึกก็นั่งเอามือเท้าศีรษะมองผมอยู่อย่างหน้าตาเฉยต่อไป ตอนแรกผมก็กะจะลุกหนีแล้วล่ะครับแต่นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ซะก่อน

“เออ.. เทมป์”

เจ้าของชื่อยักคิ้วตอบได้น่าหมั่นไส้ที่สุด นี่ถ้าไม่ติดว่าอยากจะถามเรื่องบางเรื่องผมได้ถีบตกเก้าอี้ไปนานแระ

“ตอนเด็กๆ เราเคยเจอกันมั๊ย?”

“หืม? เมื่อไหร่?”

คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้เหมือนเดิม

“ตอนนั้นเต็มเจ็ดขวบ เทมป์ก็ห้าขวบ”

ใบหน้าคมแหงนมองเพดานพลางหลับตาเหมือนกำลังคิดย้อนกลับไปอดีต ผมจึงอธิบายเพิ่มเติม

“น้าปอง.. น้าคนขับรถของเต็มบอกว่าตอนเด็กๆ เราเคยทะเลาะกัน”

“ห๊ะ?”

เจ้าตัวมองหน้าผมอย่างกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมเพิ่งพูดจบไป

“จำไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ? ไม่เป็นไรหรอก เต็มก็จำไม่ได้เหมือนกัน”

ผมยิ้ม จำไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไรสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไปมาแล้วพูดว่า ‘ไม่ใช่’ เชื่อมั๊ยครับว่าหัวใจผมเต้นตูมตามทันที จำได้เหรอ?

“ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้.. แต่เทมป์คิดว่าเต็มจะพูดว่า.. เมื่อก่อนเราเคยสัญญากันว่าโตขึ้นแล้วจะแต่งงานเป็นผัวเมียกันไรงี้ซะอีก”

โอยยย.. พูดออกมาด้วยสีหน้าผิดหวังซะจนผมอยากจะล้มตึงหงายหลังให้สลบไปซะเดี๋ยวนี้ ถ้าผมพูดแบบที่อีกฝ่ายคาดหวังออกมาจริง ขอเชิญเอาไม้หน้าสามมาตีแสกหน้าผมแทนเถอะครับ ผมถอนหายใจหนักๆ โกโก้ที่เริ่มจะเย็นลงขึ้นดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง อีกฝ่ายก็ยกแก้วขึ้นดื่มเช่นเดียวกัน หัวคิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่น และเมื่อมือใหญ่วางแก้วลงบนโต๊ะใบหน้าคมจึงหันมามองผม

“อ่อ.. ใช่งานของอาขวัญรึเปล่า?”

“ใช่.. จำได้เหรอ?”

“ถ้างานนั้นจำได้อยู่เรื่องเดียว”

หืม? เรื่องเดียว เรื่องอะไร? ผมเลิกคิ้วถามกลับ

“มีเด็กคนหนึ่งขึ้นไปร้องเพลงแง๊วๆ อยู่บนเวที ฟังไม่รู้เรื่องหรอกแต่โคตรน่ารำคาญ และก็ไม่รู้ทำไมถึงได้จำฝังใจมาจนถึงตอนนี้”

โหย.. อุตส่าห์ตั้งใจฟัง

“สงสารเด็กคนนั้นชะมัด”

เด็กที่แสนบริสุทธิ์คนนั้นไม่น่าจะถูกฝังอยู่ในหัวใจของผู้ชายที่สูง หล่อ รวย ฉลาด แต่หน้าด้าน แบบคนตรงหน้าเลยสักนิด

“นั่นไง”

นิ้วเรียวชี้ไปที่ตุ๊กตาแมวตัวใหญ่ แล้วผมก็ยังบ้าจี้มองตามนะครับ

“เด็กแมวคนนั้น.. ท ท ท ทีทูเดอะจี”

เสียงทุ้มต่ำหัวเราะหลังจากที่พูดอะไรบางอย่างออกมา อะไรนะ?? ท ที ทูเดอะ จีอย่างนั้นเหรอ?

“แร๊พ?”

“มั้ง... เสียงแง๊วๆๆ ยังกับลูกแมวร้องขอนมแม่ แล้วทุกคนในงานก็โอ๋เด็กคนนั้นยังกับอะไร คุณปู่ให้ตุ๊กตาตัวใหญ่ด้วย ให้ทำไม? นี่เป็นหลานแท้ๆ ยังไม่ได้เลย จำได้ด้วยว่าเทมป์ไปขอตุ๊กตาคืนดีๆ แต่เด็กนั่นแหกปากลั่นร้องไห้ไม่ยอมหยุด งงเลยอะดิ.. เทมป์ก็เลยจำได้จนถึงทุกวันนี้ ไอ้เด็กแมวที ทูเดอะ จี เนี่ย”

โลกของผมเหมือนะหยุดหมุนไปชั่วขณะ แล้วเข็มนาฬิกาก็เดินย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว

“เต็ม.. เป็นอะไร?”

ดวงตาคู่คมหรี่ลง ปลายนิ้วอุ่นแตะแก้มของผม

“อย่าบอกนะว่าหึงเทมป์กับเด็กแมวนั่น?”

คงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่คิดแบบนั้น.. ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำเรื่องไร้สาระ แต่ตั้งคำถามกลับไปแทน

“อะไรคือ.. ทีทูเดอะจี?”

“หืม?”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตั้งท่าครุ่นคิด

“อ่อ.. ไม่รู้สิ จำได้แค่ประโยคเดียว.. ทีทูเดอะจี”

เด็กคนหนึ่งที่ชอบเพลงฮิปฮอปเป็นชีวิตจิตใจพยายามที่จะร้องเพลงแร๊พอวยพรพี่สาวสุดที่รักในงานเปิดตัวธุรกิจเสื้อผ้าที่ชื่อว่า TJ ซึ่งในเนื้อหาเพลงท่อนแรพร้องว่า T to the J แต่ด้วยความตื่นเต้นจึงร้องผิดเป็น T to the G

“ไม่สบายรึเปล่า?”

มือใหญ่แตะหน้าผากของผมเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่ผมเบี่ยงหลบทัน พร้อมกับจับของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม

“ไอ้บ้า..”

ด่าด้วยคำเดิมแต่เปลี่ยนน้ำเสียงให้นิ่มนวลลง

“อ้าว..”

คนถูกด่าก็อ้าปากค้างทำหน้างงไปสิครับ

ผมระเบิดหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ล่ะครับ .. ทั้งบ้าและตลกชะมัด

.
.
.
.


เมื่อคืนฝนหยุดตกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้เมื่อผมลืมตาตื่นแล้วหันไปมองคนที่หลับอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามก็ขำออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่าความบังเอิญมีอยู่ทุกที่จริงๆ

สีส้มกระโดดลงจากเตียงมากินอาหารจากนั้นก็เดินเข้ากระบะทรายหรือห้องน้ำสำหรับแมว ผมจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจและใช้มือลูบผมยุ่งๆ แบบลวกๆ ก่อนจะเดินไปหย่อนก้นลงนั่งข้างเตียงของอีกคน แม้แต่ตอนหลับใบหน้าคมก็ยังดูดีไม่มีที่ติ ความหล่อระดับนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดพ้นสายตาเฉียบคมของแมวมองไปได้แต่ดูจากนิสัยของเจ้าตัวแล้วคงจะไม่ค่อยชอบวงการบันเทิงสักเท่าไหร่ แล้วตอนเด็กๆ ล่ะหน้าตาเป็นแบบไหนนะ ทำไมผมถึงจำไม่ได้สักนิด

ดวงตาภายใต้เปลือกตาคมขยับเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย แต่เมื่อเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ สงสัยจะตื่นเต็มตาเลย

“นี่.. ตอนเด็กๆ เทมป์หน้าตาเป็นยังไงเหรอ?”

คนถูกถามกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาหยิกแก้มผมแบบไม่ออมแรง

“โอ๊ย! เจ็บนะสัส!”

หยิกมาได้ หมอนี่มันบ้าจริงๆ ผมต่อยหน้าอกอีกฝ่ายไปดัง ‘อั่ก!’ โดยไม่ออมแรงเหมือนกัน ฝ่ายนั้นนอนร้องครวญคงจะทั้งเจ็บและจุก

อารมณ์ดีๆ หายวับไปกับตา ผมถูแก้มเบาๆ แล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่ก็ถูกคนบนเตียงกระชากข้อมืออย่างแรงจนล้มหัวทิ่มลงไปบนหมอน และในเสี้ยววินาทีที่ผมตั้งตัวไม่ทันก็ถูกร่างสูงคร่อมเอาไว้ทั้งตัว มือทั้งสองข้างก็ถูกตรึงไว้แน่นจนร่างกายของผมขยับไม่ได้

“จะทำอะ.. อื้มม”

ยังไม่ทันได้เอ่ยถามว่าจะทำอะไร? ริมฝีปากบางก็โน้มลงมาประกบริมฝีปากของผมเสียก่อน ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย แรงดูดดึงและการจู่โจมที่หนักหน่วงสลับกับความอ่อนโยนทำให้ความวาบหวามก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและร่างกายของผมก็ไร้เรี่ยวแรงเอาแบบดื้อๆ ความรู้สึกแบบนี้ทำไมถึงไม่เหมือนกับตอนมีเซ็กส์กับบรรดาแฟนสาวเลยสักครั้ง

ความสับสนที่หุ้มอยู่ภายในหัวใจเหมือนถูกฆ้อนทุบจนแตกแล้วเกิดเป็นความอุ่นซ่าน ไม่ได้รังเกียจแต่กลับดี จวบจนริมฝีปากบางที่เบียดขยี้จนผมแทบขาดใจยอมผละออก เสี้ยวหนึ่งของหัวใจให้ความรู้สึกเหมือนของสำคัญกำลังจะสูญหายไปตรงหน้า ผมจึงโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาประกบจูบเสียเอง

แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายแต่ผมก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าต้องจัดการกับความรู้สึกที่ปั่นป่วนยังไง และดูจะง่ายกว่าทำกับผู้หญิงเสียด้วยซ้ำเพราะผู้ชายย่อมรู้ความต้องการของผู้ชายด้วยกันดี และที่สำคัญมันคือความต้องการของเราทั้งคู่

เสื้อกล้ามเนื้อบางที่ใช้ใส่นอนหลุดออกจากร่างกายไปตอนไหนก็ไม่ทันจะรู้ กางเกงบ๊อกเซอร์ถูกมือใหญ่ถอดออกอย่างง่ายดาย ตอนนี้ร่างกายของผมเปลือยเปล่าแต่กลับร้อนเสียจนเหงื่อซึมแผ่นหลังเพราะถูกแผดเผาด้วยสายตาคู่คมที่ร้อนแรงและโลมเลียไปทั่ว

ริมฝีปากบางไล้โลมทั่วใบหน้าของผม ขบติ่งหู แล้วเลื่อนลงมาดูดดึงต้นคอและไหปลาร้า

“เทมป์.. อย่าทำรอย”

ตีเบาๆ บนแผ่นหลังกว้างแม้จะรู้ตัวว่าคงจะช้าไปสักนิด แต่อย่างน้อยมีแค่รอยสองรอยก็ยังดีกว่าเต็มไปทุกพื้นที่ เจ้าตัวก็ยอมทำตามโดยไม่ทำรอยที่ต้นคอและไหปลาร้าแต่เปลี่ยนมาขบยอดอกของผมแทน

“ท.. เทมป์.. อย่า อื้ออ อ่ะ”

เสียวจนแอ่นอกรับสัมผัสแทบไม่ทัน และส่วนกลางลำตัวก็ผงกตื่นแทบจะทันที

“เต็ม..”

ได้ยินอีกฝ่ายกลืนน้ำลายดัก ‘เอื๊อก’ ทันทีที่ได้เห็นแก่นกายของผมตื่นตัว ถ้าถามว่าอายมั๊ย? ตอบว่าอายมากแต่ถึงอย่างนั้นมันก็คือความรู้สึกตามธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ และไม่ใช่ผมคนเดียวสักหน่อยอีกฝ่ายก็ผงาดดุนดันอยู่ใต้กางเกงนอน แม้จะยังไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงแต่ก็รู้ได้ว่าเมื่อขยายตัวเต็มที่คงจะใหญ่มหึมากว่าผมหลายเท่าตัว ถ้าหากถึงขั้นสุดจริงๆ มีหวังผมคงลุกไม่ขึ้นเป็นแน่

“เทมป์.. อย่าเพิ่งด้านหลัง.. นะ”

เดี๋ยวพวกเราต้องไปเรียนอีกอย่างผมเองก็ยังไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเซ็กส์ร่วมเพศ อย่างน้อยขอให้ผมได้ไปศึกษาสักนิดว่าฝ่ายรับต้องเตรียมตัวยังไงให้ปลอดภัยและเจ็บตัวน้อยที่สุด อีกอย่างดูก็รู้ว่าเทมป์เองก็ด้อยประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องชายรักชายไม่ต่างจากผมหรอก

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและถอดกางเกงนอนของตัวเองออก และไม่ผิดจากที่คิดไว้ครับ ท่อนเนื้อของอีกฝ่ายใหญ่ยักษ์สมกับรูปร่างจนน่าอิจฉา

แท่งเนื้อขยายตัวใหญ่ซะจนมือของผมกำแทบจะไม่รอบแถมยังร้อนราวกับเหล็กลนไฟแต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยมือออก ขยับลูบคลำและรูดรั้งท่อนเอ็นยักษ์อย่างเอาอกเอาใจให้เหมือนกับว่ามันเป็นของผมเอง ในขณะที่อีกฝ่ายก็รูดรั้งของผมอยู่เช่นเดียวกัน

“เต็มใจ.. อืม”

เสียงทุ้มครางต่ำฟังแล้วเซ็กซี่และชวนกระตุ้นให้ร่างกายรุ่มร้อนจนแทบจะทนไม่ไหว ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วผลักให้อีกฝ่ายกลับลงไปนอนหงานแทน จากนั้นก็ขึ้นคร่อมในท่าหกเก้า

“อะ อ๊ะ”

ร่างสูงครอบครองส่วนกลางลำตัวของผมไว้ในโพรงปากอย่างง่ายดาย มือใหญ่ก็คลึงสองเม็ดของผมไปด้วยมันเสียวซ่านจนสะโพกสั่นระริกจนผมเผลอร้องครางออกมา ช่างเป็นการปรนเปรอที่ทำให้รู้สึกดีมากกว่าพวกผู้หญิงทั้งหลายที่ผมเคยมีเซ็กส์ด้วยเป็นร้อยเท่าพันเท่า ผมเองก็พยายามอย่างเต็มที่แม้จะครอบครองความใหญ่โตได้แค่ส่วนปลายเท่านั้นแต่ก็เรียกเสียงครางต่ำที่บ่งบอกถึงความรู้สึกดีได้ไม่ต่างกัน

ความต้องการของเราทั้งคู่ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ความเขินอายแปรเปลี่ยนเป็นความสุขและความหฤหรรษ์ ในท้องมวลเหมือนมีผีเสื้อนับล้านบินวนอยู่ภายในจากนั้นร่างกายของผมก็กระตุกปลดปล่อยความสุขสมออกมา

“อ๊าา”

ขณะที่สติของผมกำลังปั่นป่วนจึงไม่ทันได้หลบน้ำอสุจิของอีกฝ่ายที่ฉีดพุ่งออกมาจนเลอะเต็มใบหน้า ผมกำลังนั่งหอบหายใจพร้อมกับแล่บเลียคราบของเหลวที่เปื้อนอยู่รอบริมฝีปาก ดวงตาคู่คมจ้องมองผมอย่างกับกำลังตกตะลึงอะไรบางอย่าง ผมเอียงคอมองกลับด้วยความไม่เข้าใจ ว่าแต่เมื่อกี้.. เทมป์กลืนน้ำของผมไปทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?

“ทิชชู่หน่อยสิ”

แบมือขอทิชชู่จากคนที่เอาแต่นั่งมองตาค้าง ฝ่ายนั่นรีบดึงทิชชู่ส่งให้ผม นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะที่ออรัลเซ็กส์ให้คนอื่นแล้วเลอะใส่หน้าแบบนี้

คนอย่างผมมีแต่ผู้หญิงคอยเอาอกเอาใจ เซ็กส์ครั้งแรกของผมคือเมื่อตอนอายุ 13 กับเพื่อนผู้หญิงตาน้ำข้าวที่เรียบร้อยที่สุดในห้อง ทุกคนต่างเรียกเธอว่าแม่ชี แต่ไม่น่าเชื่อว่าแม่ชีของห้องกลับมาคุกเข่าขอทำออรัลเซ็กส์ให้ผม ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความคึกคะนองบวกกับความใจดีผมจึงตอบตกลงไป และหลังจากนั้นเราก็แอบมีเซ็กส์เกินเลยกันอีกหลายครั้ง จนเรารู้สึกเบื่อและเลิกรากันไปด้วยดี..

เมื่อร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ ผมหยิกหน้าอกแน่นกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวอาบน้ำ เพราะถ้าขืนยังชักช้าคงได้ไปเรียนสายเป็นแน่ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวที่เปลือยเปล่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำแต่จู่ๆ บานประตูที่กำลังจะปิดก็ถูกแรงจากอีกฝั่งดันให้ผลักออก

“อาบด้วยสิ”

ร่างสูงที่เปลือยเฉพาะท่อนล่างยืนพิงกรอบประตูไว้ บนบ่ามีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ เจ้าตัวมองผมด้วยสายตาเว้าวอน แค่นี้ก็รู้ว่าไม่จบแค่อาบน้ำอย่างเดียวเป็นแน่ แต่ผมก็ยังจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามา

“แค่สิบห้านาทีนะ”

ผมบอก อีกฝ่ายก็ยักคิ้วรับ.. ตอนนี้จะยังไงก็ได้ขอแค่ไม่ไปเรียนสายและอย่าเพิ่งใส่มาด้านหลังเท่านั้นเอง..







.
.
.
.
.
.
.

TBC...  : 222222:






รักคนอ่านทุกคนและอยากให้ทุกคนรักเรื่องนี้ด้วยค่ะ
 :กอด1: :กอด1:  :กอด1: :กอด1:  :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2017 21:16:55 โดย RIRIN »

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด