เรื่องของผมจะดำเนินไปเรื่อยๆนะครับ
อาจจะดำเนินช้าไปบ้าง แต่ผมถนัดแบบนี้จริงๆ
อยากให้ทุกคนได้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครกันนะ
ต่อกันเลยครับ
........................................................................
"กอดกูแน่น เป็นลูกหมาเลยนะมึง" ผมยังไม่เข้าใจที่มันพูด กระพริบตารัวๆ แล้วใครกอดใคร
เชี่ย!!!!!!
ทำไมแขนผมไปพาดบนอกมันละ
เห็นแบบนั้นผมรีบดึงกลับทันทีแล้วหมุนๆตัวเองไปจนสุดขอบเตียง เกือบตกเลย
"อกกูอุ่นดีไหมละ?" นี่มันคำพูดที่ผู้ชายสองคนควรจะพูดทักทายกันตอนเช้าเหรอ
"คุณเต้ยอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ...ผมขนลุก" ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ
"แล้วหมาตัวไหนกอดกูเมื่อคืน แม่ง เกือบขึ้นบนตัวกูด้วยซ้ำ เนรคุณนะมึง" ด่ากูอีก
"งั้นลูกหมาก็คงต้องกอดแม่หมาละครับคุณ"
"นอนกับกูแค่คืนเดียวนี่ปากเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?"
"โอเคครับ เถียงไปผมก็แพ้" ผู้ชายคนนี้ปากจัดจริงครับ ผมยอมแพ้
"ก๊อกๆๆุๆๆๆ" เสียงจากประตูหน้าห้อง
มันเดินออกไปเปิดประตู
ส่วนผมก็จัดการเก็บทีนอน ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยได้เก็บเรียบร้อยขนาดนี้หรอก จับยัดๆม้วนๆ จบ แต่นี่มานอนบ้านคนอื่น เราต้องเป็นคนมีวัฒนธรรมที่ดีงาม
ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าของตัวเอง
ส่วนของมันเดี๋ยวผมขะเอากลับไปซักแล้วค่อยเอามาคืน
"คุณเต้ย ผมเอาชุดเมื่อคืนไปซักนะครั......คุณแป้ง" ผมอึ้งรับประทานไปประมาณสามวิ
"พศิน"
พวกเขาสองคนนั่งคุยกันหน้าทีวี
"สวัสดีครับคุณแป้ง.....คุณเต้ยงั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้ผมจะเอาชุดมาคืน" ผมรีบลา เพราะไม่อยากอยู่ขัดจังหวะ
แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนใจกับคำพูดเมื่อกี้ของผมเลย
"เมื่อคืนสองคนนอนด้วยกันเหรอค่ะ" ขนลุกอีกแล้วกู
"ครับ...ผมกับมันไปดื่มกัมานิดหน่อย"
"จากสภาพแป้งว่าไม่หน่อยกันละมั้งคะ....เต้ยอย่าชวนพศินดื่มบ่อยสิ เดี๋ยวเขาก็เสียการเสียงานหรอก"
"ห่วงมันเหรอ?"
"ก็ใช่นะสิค่ะ ถ้าเกิดเขาโดนไล่อออกอีกละ เต้ยจะช่วยเขาได้ทุกครั้งเหรอค่ะ โตแล้ว จะทำไรคิดหน่อย"
"ผมทำไรไป ผมรับผิดชอบทุกครั้ง" เสียงมันเริ่มแข็ง แม่ง กูมาซะกูหวาดเลย
"ไม่คุยละ เดี๋ยวทะเลาะกันอีก"
"ครับ....ยังไงก็ขอบคุณนะที่ไม่ลืมวันเกิดผมแล้วก็เค้กนี้ด้วย" วันเกิด?
"ยินดีค่ะ ขอให้เต้ยมีแต่ความสุขนะค่ะ พบเจอแต่สิ่งดีดี แล้วที่สำคัญโตเป็นผู้ใหญ่เลิกใจร้อนได้แล้ว อ้อ มีแฟนเป็นจริงเป็นจังเหมือนคนอื่นๆเขาซะที"
"แป้งก็กลับมาคบกับผมสิ ผมจะได้มีแฟนกับเขาซักที"
"ชิส์ ทำมาเป็นพูดดี แป้งกลับมาจริงๆ พศินจะหนาว"
"ก็ให้แป้งกอดไง" ผมยืนอยู่ด้วยนะครับ
"ไปละๆ.....แป้งไปนะค่ะพศิน" คุณแป้งเธอน่ารักจริงๆนะครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้คุณเต้ยทิ้งเธอลงได้ไง
แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ คุณแป้งทิ้งมันต่างหาก
"คิดไรอยู่?"
"เปล่าครับ"
"หน้าหมางงซะขนาดนั้น ยังจะแถอีก" หมาเต็มห้องละครับเช้านี้
"งั้นผมกลับละครับ....อ้อ happy birth day นะครับ"
"วันเกิดกูตั้งแต่เมื่อคืน"
"งั้น happy birth day ย้อนหลังนะครับ"
"กวนตีน"
"ครับ" ฮ่าๆๆๆๆ หน้ามันเหวอไปเลย นี่ผมไม่กลัวมันงับหัวแล้วเหรอ
ไม่แล้วครับ ตอนนี้ผมไม่กลัวมันแล้ว
"แล้วของขวัญกูละ"
"โหคุณ ผมไม่มีให้หรอก ลำพังแค่เงินจะซื้อข้าวกินยังหายากเลย เอาไว้ผมค่อยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวคุณซักชามละกันนะครับ"
"งั้นมึงอยู่กินเค้กกับกูก่อนก็ได้"
"ผมไม่ชอบกินเค้ก" ผมเป็นคนไม่ชอบขนมหวานทุกชนิด
"อืม งั้นกลับเหอะ"
การต้องนั่งกินเค้กวันเกิดตัวเองคนเดียว มันจะรู้สึกแบบไหนกันนะ แต่ผมว่ายังไงมันคงเป็นทางลบมากกว่าทางบวกแน่นอน
"จานกับมีดอยุ่ไหนละครับ จะได้ตัดเค้กซะที"
"ตรงโน้น" มันเงยหน้ามามองนิ่งๆ ก่อนจะชี้มือประกอบท่าทางไปทางมุมห้องเล็กๆ มันเล้กจริงๆครับ เล็กจนผมคิดว่ามันจะมีไว้ทำไม
"เอ้า ถือมีดแล้วก็ตัดดิ ไม่ตัด มา กูตัดเอง" ผมยกมือหลบมือมัน
"คุณจะไม่เป่าเทียน ขอพรวันเกิดหน่อยเหรอครับ?"
"เขาไว้หลอกเด็กเหอะ...อีกอย่างถ้ากูต้องการอะไร กูจะลงมือทำด้วยตัวกูเอง ไม่จำเป็นต้องขอพร"
"ครับ" จนด้วยคำพูด เลยได้แต่ตัดเค้กให้มันและตัวผมเอง
ดูมันน่าจะชอบเค้กมาก
เพราะมันเกือบหมด ส่วนผมชิ้นเดียวยังไม่ถึงครึ่งเลย
"คุณเต้ยชอบกินเค้กเหรอครับ"
"กูชอบขนมที่หวานๆทุกชนิด"
"ตรงข้ามกับผมเลย ผมไม่ชอบขนมทุกชนิดที่หวาน"
"ก็ดี จะไดไม่ต้องแย่งกัน" แล้วมันก็คว้าเค้กจากมือผมไปกินเฉย ถึงว่าทำไมถึงดุขนาดนี้ ชอบกินของหวานนี่เอง
เมือหมดผมจัดการเก็บกล่องและกระดาษจะเอาไปทิ้ง
"แล้ววันเกิดคุณทำไรบ้างครับ?"
"ก็อยู่กับมึงทั้งวันทั้งคืนไง"
"ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมหมายถึงทุกๆปีอ่ะ?"
"กิน.............................ดื่ม.........................เมา แล้วจบด้วยพาสาวนอน" เป็นงานวันเกิดสร้างสรรค์ที่สุดเท่าผมเคยได้ยินมา
ตอนแรกผมจะถามว่า 'แล้วไม่กลับบ้านเหรอ' แต่ถ้าคิดดีดี ถ้ามันจะกลับ มันก็คงกลับไปนานแล้ว
"วันนี้คุณว่างมั๊ย?"
"ก็ไม่ได้มีนัดอะไร?"
"'งั้นวันนี้ผมจะพาคุณไปทำให้วันเกิดปีนี้ไม่เหมือนเดิม"
"ว่างเหรอ?"
"ครับ.....งั้นวันนี้ผมคงต้องรบกวนคุณอีกซีกชุดนะ ไม่อยากกลับไปเอาที่หอแล้ว เสียเวลา"
"เอาดิ"
"งั้นคุณไปอาบน้ำก่อนนะครับ วันนี้ขอเป็นชุดที่สุภาพนะ"
"ต้องเชิร์ต ผูกไทด์ สูทเลยมั๊ย?"
"คุณนี่กวนประสาทตลอด"
"ก็มึงบอกเองว่าชุดสุภาพ อะไรอีกวะ "
"ไม่ต้องขนาดนั้นครับ" ผิดอีกกู
"ก็ที่บ้านกูถ้าชุดสุภาพต้องเป็นแบบนั้นนี่หว่า"
"ครับๆ อาบน้ำเหอะ ผมจัดการตรงนี้เสร็จ แล้วจะได้อาบต่อเลย"
"ให้สะอาดนะมึง กูไม่ชอบความสกปรก" จริงครับ ห้องมันสะอาดมาก
"มึงพากูมาร้านนี้ทำไม?" มันยืนหน้าหมางงอยุ่หน้าร้าน
"จะซื่อสังฆทานต้องมาร้านสังฆภัณฑ์สิครับคุณ"
"มึงจะพากูไปวัด?"
"ไปทำบุญวันเกิดไงครับ จะได้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง"
"งั้นก็เลือกให้หน่อย กูเลือกไม่เป็น"
"ผมก็เลือกไม่เป็นหรอก บอกเจ้าของร้านเดี๋ยวเขาก็จัดให้เองแหละ"
สรุปได้สังฆทานชุดใหญ่มาคนละชุด
มันบอกไหนๆก็ไปด้วยกันแล้ว ก็ทำบุญด้วยกันเลย
ผมก็ไม่ขัดอะไร ทำบุญดีกว่าทำบาปอยุ่แล้ว
อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดเท่าไรหรอก นอกจากวันสำคัญ
เข้ามาในวัดเงียบสงบมาก
อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่ใช่วันพระ คนก็เลยมาทำบุญกันน้อย
"มึงมาวัดบ่อยเหรอ?"
"เขตวัด พูดให้ดีหน่อยครับ"
"คุณพศินมาวัดบ่อยเหรอครับ"
"ถ้าจะขนาดนี้ เอาแบบเดิมก็ได้ครับ" ขนลุกวะ
"เรื่องมากวะ ว่าไงมาวัดบ่อยเหรอ?" แล้วอารมณ์นี่จะร้อนไปไหน
"ก็ไม่บ่อยนะครับ ส่วนมากจะเป็นวันสำคัญหรือโอกาสสำคัญ"
"งั้นวันนี้ก็สำคัญกับมึงดิ ถึงมาได้"
"ก็พาคุณมาทำบุญวันเกิดไง ผมก็ได้บุญด้วย"
มันก็พยักหน้า เบะปากกวนตีนตามสไตล์มัน
ผมกับมันเข้าไปหาหลวงตาในกุฏิ ซึ่งสอบถามมมาจากเด็กวัดน่ารักๆคนหนึ่ง
หลวงตาดูใจดีมีเมตตามาก หน้ายิ้มตลอดเวลา
"นมัสการครับหลวงตา"
"เจริญพรโยม...มีอะไรกันละ?"
"ผมกับเพื่อนจะมาถวายสังฆทานวันเกิดกันครับ"
"ได้ๆ เดี๋ยวขอหลวงตาครองจีวรให้เรียบร้อยหน่อยนะ"
หลวงตาสวดอะไรไม่รู้เยอะแยะ
รู้แต่ว่าฟังแล้วสบายใจดี
เสียงหลวงตาเบาๆแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันหนักแน่นมาก
เสร็จพิธีผมก็กราบลาหลวงตา
นี่ผมอยู่กับมันมาจะครบ 24 ชั่วโมงแล้วนะ
"งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะครับ คุณเองจะได้กลับไปพักผ่อน"
"เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อนก็ได้"
"ผมกลับเองสะดวกกว่าครับ" กะว่าจะแวะไปโรงพยาบาลซะหน่อย
"ตามใจ"
"งั้นผมไปละ"
"ขอบใจ" ผมยิ้มกำบคำพูดนี้ของมัน
ผมรู้มันจริงใจกับการกล่าวคำนี้ แต่น้ำเสียงมันกล้าๆกลัวๆไงไม่รู้
ผมว่ามันเป็นคนที่แสดงความรู้สึกด้วยคำพูดไม่เก่งแน่เลย
ผมเข้าไปดูอาการของพ่อ โชคดีวันนี้ผมได้เจอหมอด้วย
หมอบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายพ่อเกือบ 100 % แล้ว
แต่สภาพจิตใจยังต้องใช้เวลาอีกนิด คนป่วยขาดกำลังใจมาก
ซึ่งผมรู้ดีว่าผมคงเป้นให้ท่านไม่ได้
พ่อนั่งดูทีวีรายการตลก แต่พ่อกลับนั่งเฉยๆ สายตาท่านทะลุจอทีวีไปถึงไหนผมก็ไม่รู้
"พ่อจะเอาไรเป็นพิเศษไหมครับ" เห็นพยาบาลบอกว่าพ่อกินข้าวกับผลไม้ได้เอยะขึ้น เผื่อท่านอยากกินไรเป็นพิเศษ ผมจะได้ซื้อมาให้นอกเหนือจากที่โรงพยาบาลจัดให้
"ลูก" เสียงนิ่งๆ ไม่ฟูมฟาย ไม่เกรี้ยวกราด แต่มันกับหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
"ผมขอโทษครับ" ผมเข้าไปกราบแทบเท้าท่าน แต่ท่านก็ดึงเท้ากลับ
ท่านคงไม่ให้อภัยผม แล้วอย่างนี้ผมจะให้อภัยตัวเองได้ยังไง
วันนี้ผมอยู่กับพ่อนานเป็นพิเศษเพราะท่านไม่โวยวายเหมือนก่อนหน้านี้
'ทำไมรถคันนี้มันคุ้นๆ เลขทะเบียนก็คุ้น'
ชัดเลย รถไอ้คุณเต้ย
แล้วเจ้าตัวหายไปไหนเนี่ย
ผมมองหาทั่วบริเวณ จนไปเจอมันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้กับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
เด็กคนนั้นนั่นเอง
ผมย่องเดินเข้าไปหา เดี๋ยวมันหาผมขี้เสือกอีก
"พี่เต้ยใจดีจัง ซื้อขนมมาฝากเต้ยเยอะแยะเลย"
"กินให้หมดละ ถ้าไม่หมด คราวหลังอด"
"ครับ...แต่ผมขอเอาไปฝากยายด้วยได้ไหมครับ"
"ได้สิ..แล้วเดี๋ยวนี้ยังร้องหาแม่อีกไหม?"
"ร้องหายายอย่างเดียวเลยครับ ถ้าเขารักผม ซักวันเขาคงกลับมาหาผมเอง เหมือนยายที่รักผมเลยกลับมาหาผมทุกวันเลย"
"เก่งมาก"
"ก็ผมอยาเก่งแบบพี่นิ"
"ไว้โตแล้วจะสอน" ชีวิตน้องจะบรรลัยนะครับ
"ครับ"
"พี่ไปละ เดี๋ยววันหลังพี่จะซื้อขนมกับของเล่นมาฝากอีกนะ"
"พี่เต้ยใจดีแบบนี้กับทุกคนไหมครับ"
"พี่เลือก...แล้วเราก็เป็นคนที่พี่เลือก จงภูมิใจไว้ เพราะพี่เลือกเยอะ"
"ครับผม"
ผมชิ่งออกมาก่อน
ไม่อยากเจอมันแล้วตอนนี้ เพราะเจอจนเบื่อขี้หน้ามันแล้ว
แต่ก็ต้องเจออยู่
"ขึ้นมาเดี๋ยวกูไปส่ง"
ผมยอมขึ้นรถง่ายๆ เพราะร้อนและประหยัดตังค์
"ขอบคุณนะครับ"
"โน่น ไอ้เด็กแคระมารอมึงอยู่หน้าห้องแล้ว"
"เรื่องปกติครับ เสาร์อาทิตย์มันมาอยู่ห้องผมตลอด"
"มึงช่วยกูแกล้งเด็กหน่อยดิ" มันยิ้มแบบนี้ เรื่องชั่วแน่นอน
"ผมไม่ชอบแกล้งใคร"
"งั้นมึงแค่อยู่เฉยๆ เด๊๋ยวกูทำเอง"
"ไม่ๆๆๆๆ' ผมรีบลงจากรถทันที
เพราะรู็สึกว่าคนที่กำลังโดนแกล้งไม่ใช่ไอ้บอย
แต่เป็นผมเอง