บทที่ 23: นมจืดกับความน่ารักหนึ่งเดียวของเขา [50%]
“ยิ้มอะไรวะ?”
“ดีใจ…” คนพูดกอดกรอบรูปในอกแน่นขึ้น
หลังจากจบงานบรรดานักศึกษาคณะศิลปกรรมก็ต่างเก็บกวาด ปลดรูปที่โชว์อยู่ บางคนก็เอากลับบ้านบางคนก็เอาไปไว้ที่ห้องของคณะ
ร่างเล็กที่ก็ยืนรอแถวนั้นโดยไม่เข้าไปเกะกะการทำความสะอาดเพราะพระเอกบอกให้รอก่อน นั่งแกว่งขาเล่นไปสักพักร่างสูงก็เดินมาพร้อมกรอบรูปที่เคยแปะอยู่บนฝาผนัง
มาถึงก็ยื่นให้นมจืดโดยไม่พูดไม่จาอะไรเลย กระพริบตาปริบๆอยู่แป๊บนึงจนพระเอกบอกว่า
‘กูให้…’
มือขาวถึงรับกรอบรูปมากอดเอาไว้ ก่อนจะยิ้มตาหยีแก้มแดง ตากลมดูมีความสุขยามที่จ้องมองรูปตัวเองแล้วมองคนถ่ายด้วยความดีใจ
คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแก้มตุ่ยกอดรูปแน่นราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า หอบไปหอบมาไม่หยุด จนพระเอกต้องให้มันนั่งกอดเฉยๆรออยู่กับที่
“จะเอากลับไปให้คุณพ่อคุณแม่ดู” แล้วก็จะเอาไปแปะไว้ที่ห้องนอนด้วย
ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะแสยะยิ้ม “หรือกูเก็บเงินดีไหม?” น่าจะหลอกเงินมันได้หลายอยู่
ริมฝีปากเล็กยู่ ส่ายหน้าจนผมฟู “ไม่ดีๆ อย่าเก็บเงินเราเลยน้า ให้เราเถอะๆ เราชอบมากเลย” ยิ้มตาหยีเป็นของแถมด้วย
วันนี้เหมือนโชคหล่นทับได้ทั้งบัตรติ๊ดๆขึ้นคอนโดที่ไม่ใช่มารวยแมนชั่นและได้ทั้งรูปที่พระเอกให้มา ดีใจจัง
“นั่งแท็กซี่กลับบ้านไป” คนตัวโตเอ่ยเป็นเชิงสั่ง “กูยังต้องสะสางงานตรงนี้อีกยาว” แม้ว่างานจะเลิกแล้ว เก็บของออกมาบ้างแล้วแต่ว่าก็ยังต้องเคลียร์สถานที่และอื่นๆให้เรียบร้อย
“อื้อ” นมจืดคิดว่าขึ้นแท็กซี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะว่ากลัวกรอบรูปหล่นแตก
พอเรียกแท็กซี่ได้คนตัวเล็กก็สอดตัวเข้าไปนั่งก่อนที่พระเอกจะส่งรูปตามหลังเข้าไปให้
“ขอบใจนะ แล้วเจอกัน”
“เออ” ฝ่ามือใหญ่บีบจมูกเล็กเบาๆ “ถึงบ้านแล้วไลน์บอกกูด้วย”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้นจนรถแท็กซี่วิ่งออกไปจนลับตาถึงได้ผละออกจากตรงนั้น
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าที่รถแท็กซี่จะมาส่งผู้โดยสารถึงจุดหมายปลายทาง
“หอบอะไรกลับมาด้วยคะนั่น” พอเข้าบ้านมาคุณแม่ก็ทักขึ้นมา
นมจืดค่อยๆถอดรองเท้าออกพลางกอดกระชับกรอบรูปของตัวเองไว้แน่น
“รูปหนูเองครับ พระเอกให้มา”
คุณแม่ทำหน้าแปลกใจ มองใบหน้าขาวของลูกชายคนเดียวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้จะแปลกใจแต่ว่าก็ไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม เธอคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันที่นมจืดมีเพื่อนคนอื่นที่สนิท เธอค่อนข้างเป็นห่วงเพราะนมจืดเป็นเด็กเพื่อนน้อย
การที่เห็นลูกชายมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาคุณแม่ก็ดีใจ
“อืม น้องพระเอกเขาเคยบอกว่าเขาเรียนถ่ายภาพใช่ไหม?” เธอยอมรับเลยว่าภาพที่เด็กหนุ่มถ่ายมานั้นดึงดูดสายตาเหมือนกับนายแบบในภาพไม่ใช่ลูกชายของเธอยังไงยังงั้น
“ใช่ครับ ภาพนี้พระเอกเขาส่งโปรเจกต์อาจารย์แล้วก็ให้หนูมา” มือขาวๆลูบเบาไปตามกรอบรูป ความดีใจพรั่งพรูออกมา
“ดีแล้วจ้ะ”
นมจืดกะจะหาที่วางกรอบรูปเอาไว้ที่ห้องตัวเองก่อน ไว้เดี๋ยวจะเจาะตะปูเข้ากับผนังในห้องนอนแล้วค่อยเอาขึ้นไปแขวน
ก่อนจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็พิมพ์ข้อความไลน์ไปบอกพระเอกก่อนว่าถึงบ้านแล้ว ไม่นานอีกฝ่ายก็ขึ้นสัญลักษณ์ว่าอ่านแล้วแต่ว่าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นมจืดยิ้ม แค่นี้ก็โอเคแล้ว พระเอกรับรู้แล้วว่าเขาถึงบ้านเรียบร้อย
ชีวิตของนักศึกษาวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่สามก็มีทั้งยุ่งและยุ่งมากสลับกันไปเรื่อยๆ เผลอพริบตาเดียวก็ผ่านพ้นไปอีกเกือบสองเดือน ถึงช่วงสอบเก็บคะแนนและการส่งงานรีพอร์ทที่เหล่าบรรดานักศึกษาต้องโอดครวญร้องขอชีวิตกัน
นมจืดและผู้ปกครองอย่างป้อมปราบศัตรูพ่ายก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นมจืดที่ปกติก็จะไม่ค่อยกลับบ้านดึกก็ต้องอยู่เย็นอยู่ดึกบ้างเพื่อสะสางงานให้เสร็จรวมถึงช่วยติวหนังสือกับเพื่อนทั้งสองคน หลังๆมานี้อาจารย์สอนรวบรัดขึ้นเพราะเวลาไม่ค่อยพอทำให้ต้องเอาออกมาอ่านเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่เข้าใจ
วันนี้เป็นวันศุกร์อีกวันที่นมจืดคิดว่าอาจจะต้องอยู่ดึกเหมือนกันเพราะว่ารายงานเล่มล่าสุดยังไม่สามารถรวบรวมข้อมูลได้ครบ รวมถึงยังไม่ได้ทำพรีเซ็นด้วย
“เมื่อไรจะเสร็จวะ” ป้อมปราบขยี้ผมตัวเองขณะที่กำลังกดแป้นพิมพ์ต๊อกแต๊กและยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์
ใต้ตึกคณะวิทยาศาสตร์ยังคงเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษาที่อยู่โยงเพื่อทำงานกัน แม้ว่าใต้ตึกจะมีโต๊ะ แสงไฟและเต้าปลั๊กเสียบพร้อมแต่หายนะคือ...ยุง!
ยิ่งมืดยุงก็ยิ่งเยอะเป็นของธรรมดาของประเทศไทย หลายคนก็ป้องกันโดยซื้อยาทากันยุงมาชโลมหรืออาบก็ว่าไป ไม่ก็ซื้อที่ฉีด
หอมๆฉุนมาฉีดจนตอนนี้ทั่วใต้ตึกมีแต่กลิ่นดอกไม้ตีกับยาทากันยุงไปหมด
“ไอ้พ่ายมึงไปซื้อยากันยุงมาอีกขวดดิ” ป้อมปราบตบยุงไปพูดไป ยาที่ทาไปก่อนหน้านี้เริ่มหมดฤทธิ์แล้วมั้ง บรรดาประชากรยุงถึงได้มารุมดูดเลือดกูขนาดนี้ ไอ้ฉิบหาย!
“เออๆ”
“ฮื้อ...” เพื่อนนมจืดตัวจ้อยร้องขึ้นมาเมื่อมียุงมาเกาะที่แขนและขา แต่ด้วยความเป็นคนดีศรีกรุงเทพฯก็ไม่กล้าตี ได้แต่ปัดๆออก
ศัตรูพ่ายขมวดคิ้วแล้วก็ค่อยถอนหายใจก่อนจะตีแปะไปที่แขนขาวๆของเพื่อนจนเลือดจากท้องยุงกระจายเป็นจุด
“งื้ออออออออ” นมจืดยิ่งร้อง ยุงขี้แตกเลือดกระจายคาแขนนมจืดเลย
“มึงมัวแต่ปัดๆมันจะออกไหมล่ะ” ต้องให้สอนตลอด
พอเห็นเพื่อนทำหน้าเบะๆป้อมปราบก็หัวเราะ นมจืดต้องควานหาทิชชู่มาเช็ดเลือดออก เห็นรอยนิ้วของศัตรูพ่ายยังคงขึ้นรอยแดงอยู่ที่แขน
ศัตรูพ่ายกำลังจะเดินออกไปซื้อยากันยุงเพิ่มตามที่เพื่อนบอกแต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับทำแค่ยืนกระดิกเท้ายิกอยู่ตรงบันไดขั้นแรกไม่ยอมเดินลงไป ป้อมปราบเลยตะโกนถาม
“มึงไม่ไปซะทีวะ ยืนทำอะไร”
แต่เพื่อนยังไม่ได้ตอบคำถามสักคำป้อมปราบก็คิดว่าเขารู้คำตอบแล้วว่าทำไมไอ้พ่ายมันถึงไม่เดินลงไป
ร่างสูงใหญ่ยักษ์ของใครบางคนเดินอาดๆเข้ามาใต้ตึกของคณะ ใบหน้าคมเข้มมีไรหนวดเหมือนเดิม ผมเผ้าก็ทรงเดิม เพิ่มเติมคือความซกมกที่ก็เหมือนเดิม
ไหนไอ้ผีเปรตมันไปโมหน้าใหม่มาแล้วไงวะ แล้วไหงมันถึงได้กลับมาทำตัวเป็นโจรป่าเหมือนเดิม ตอนเห็นมันโมหน้าใหม่พวกเขาไม่ได้ตกใจที่มันเปลี่ยนไปอย่างเดียวแต่ว่ายังแอบคิดในใจว่า…ไอ้พระมันอาจจะเป็นผุ้ร้ายข้ามชาติที่ไปทำศัลยกรรมใบหน้าเพื่อหลบหนีตำรวจสากล
เป็นผู้เป็นคนได้ไม่ถึงอาทิตย์มันก็กลับมาทำตัวซกมกเหมือนเดิม ไอ้นมมันบอกว่าไอ้พระเอกมันพูดว่า
‘กูแค่เป็นตัวของตัวเอง’
โอ๊ย! อยากจะบอกมันว่า...มึงเป็นคนอื่นเถอะ อย่าเป็นเลยตัวมึงเองน่ะ สงสารคนรอบข้างบ้าง
วันนี้ไอ้พระมันไม่ได้มาตัวเปล่า ในมือมันมีถุงก๊อบแก๊บอยู่ด้วย ก้าวฉับๆมาถึงก็แทรกกลางระหว่างป้อมปราบและนมจืดที่นั่งอยู่บนม้านั่งเดียวกัน
ไอ้สันขวาน! ไอ้นมแม่งแทบจะตกเก้าอี้ ตัวมึงควายขนาดนี้ นั่งมาได้
ร่างสูงของป้อมปราบแม้ว่าอาจจะเล็กกว่าพระเอกอยู่เล็กน้อยแต่ว่าความกวนตีนก็ไม่เป็นสองรองใคร ในเมื่อมันแทรกเข้ามาได้เขาก็นั่งเบียดมันได้เหมือนกันแถมเหยียบตีนมันไปหลายดอก รวมถึงเอามือเขี่ยแขนมันออกจากเอวเพื่อนกูตอนที่มันถือโอกาสที่ไอ้นมจะจะตกเก้าอี้แล้วกอดไว้ไม่ปล่อย
“พระเอกเบียดไหม?”
เอ้าไอ้นี่! ยังมีหน้าไปถามมันอีก ที่ถูกต้องมึงต้องพูดว่า
“ไอ้เหี้ย ที่มีเยอะแยะไม่ไปนั่ง”
“ก็กูอยากนั่งตรงนี้” ไอ้สัส ทำหน้ากวนตีนอีกนะ
เออได้! ในเมื่อมึงหน้าด้านมานั่งแทรก กูก็หน้าทนนั่งที่เดิมไม่ไปไหนเหมือนกัน
สงครามเย็นระหว่างอเมริกากับรัสเซียจบไปนานแล้ว แต่สงครามประสาทระหว่างกูกับมึงเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
“แขนไปโดนอะไร?” นัยน์ตาคมเข้มมองแขนขาวเกือบซีดที่มีรอยนิ้วมือพาดอยู่
“อ้อ...พ่ายตีน้องยุง เลือดกระจายเลยอะ”
ไอ้ห่า ตียุงบ้านพ่อมันสิ ตีซะแรงขนาดนี้
ศัตรูพ่ายส่งสายตาชิ้งๆกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เบ้ปากให้เป็นของแถมด้วย ยิ่งปากเบี้ยวแถมไปด้วยเมื่อเห็นมันหยิบของออกมาจากถุง
ไอ้ห่าน!
ยากันยุงตราห่านฟ้า ห่านบินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง
มีทั้งหมดสามกล่อง ยังมียาทากันยุงท้ังแบบขวดและแบบซองอยู่ด้วย และตลับยาทาแก้แมลงกัดต่อย
“พวกมึงเอาไปจุดสิวะ นั่งรอให้ยุงมาหามมันหรือไงวะ” โยนกล่องห่านบินไปให้พร้อมกับไฟแช็ค
เออ...เห็นแก่ที่มันทำตัวดีมีประโยชน์ ไม่ด่ามันเพิ่มก็แล้วกัน ป้อมปราบกับศัตรูพ่ายจุดยากันยุงใต้โต๊ะของตัวเอง
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาที่โต๊ะอีกที...
“เอาแขนมานี่ดิไอ้เตี้ย” ดึงแขนขาวเข้าหาตัวเอง
“อื้อ...” คนตัวเล็กยิ้มแก้มตุ่ยเมื่อ มือใหญ่เปิดฝาตลับยาสีเขียวก่อนจะป้ายยาลงไปตามจุดแดงๆบนแขน คนทาก็บ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงคนนั่งนิ่งให้ทาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เฮ้ย! พวกมึงเห็นหัวพวกกูบ้าง!! ผู้ปกครองเด็กน้อยยังอยู่ตรงนี้ มึงมาล่อลวงอะไรลูกกูอีก
“เอาขาขึ้นมาด้วย”
“ฮื้อ...ขาน้องยุงไม่กัดหรอก เราใส่ขายาว”
สุดท้ายอีกคนก็เลิกเซ้าซี้ วางยาไว้บนโต๊ะ หันมามองคนตัวขาวเกือบซีด
“แดกข้าวยังไอ้เตี้ย” กดโทรศัพท์ดูเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
นมจืดส่ายหน้า “ยังเลย แต่ว่าเรากินนมไปกล่องหนึ่งน้า” ตอนเย็นๆมีกินนมรองท้องไปเหมือนกัน
“กูหิวข้าว” อยู่ๆคนพูดก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีใครถาม
“ใครถามวะ” ป้อมปราบเบ้หน้า
คนพูดยักไหล่ “กูอยากบอก”
นมจืดผู้วางแผนอยากให้เพื่อนสามัคคีปรองดอง คืนความสุขให้ประชาชนเลยปิ๊งไอเดียขึ้นมา
“นี่ๆทุกคน...” และแล้วแผนการปรองดองของนมจืดก็เริ่มขึ้น
_________________________________ 50% ________________________________
สวัสดีค่า วันนี้เอาน้องนมาลงให้ทุกคนนะค้า
ตอนนี้จะเป็นตอนรองสุดท้ายแล้ว ตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายให้กับทุกคนนะคะ
ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราได้เดินทางมาด้วยกัน อย่าเพิ่งทิ้งน้องนมไปไหนน้า เรายังอยู่ด้วยกันอีกนานเลยจนกว่าน้องนมจะออกมาโชว์ตัว
ปล. สำหรับเรื่องหนังสือเรื่องน้องนมอยู่ในกระบวนการกับทาง สนพ. เรียบร้อยแล้วนะคะ กำหนดการออกช่วงงานหนังสือเดือนตุลาคมค่า (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด)
ปล.สอง. อ่านแล้วสามารถคอมเม้นบอกฟี้ดแบ็คเราได้นะคะ หรือจะหวีดในทวิตที่ #รักรสนมจืด ได้เลยค่า เราอ่านทุกแท็คทุกคอมเม้นเลยน้า