THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 16
Capture
ผมหายจากโลกออนไลน์ไปเป็นเวลาหลายวัน ก็นับตั้งแต่ที่ผมอัพรูปเพชรหลับพร้อมด้วยแคปชั่นหลับปุ๋ย อีโมรูปหัวใจสีชมพูลงในไอจี
หลังจากนั้นผมก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น แม้แต่จำนวนไลค์หรือคอมเม้นต์ใต้ภาพก็ยังไม่กดเข้าไปดู แถมยังปิดทุกการแจ้งเตือนอีกด้วย
อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ผมเลยไม่อยากให้มีอะไรมากวนสมาธิ แต่มันก็ค่อนข้างจะขัดกับสิ่งที่ผมทำซักหน่อย เพราะดันทิ้งระเบิดเอาไว้แล้ววิ่งลงไปหลบอยู่ในหลุมซะงั้น
ตอนนี้ก็มีแต่ไอ้มิวที่คอยเล่าความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลและเพจต่างๆ ให้ผมฟังบ้าง
ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจฟังเท่าไหร่
ส่วนเรื่องที่บ้าน...ดูเหมือนแม่จะรู้ข่าวกอสซิปนั่นแล้วแหละ แต่ผมบอกว่าขอให้พ้นช่วงสอบไปก่อนค่อยคุยกัน คุณแม่ก็เข้าใจแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นสาระสำคัญให้แม่ต้องมาใส่ใจนัก
วกกลับมาที่ประเด็นผมเปิดตัวแฟนอย่างกลายๆ ลงในโลกโซเชียล
ที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้กันหมดทั่วมหา’ลัยแล้ว
เว้นก็แต่ เจ้าตัวเขานี่แหละครับ
คุณเพชร > <ผู้ที่ได้ฉายาว่าหนุ่มหล่อหาตัวจับยาก
ซึ่งแน่นอนว่าเพชรไม่เล่นไอจี
แถมช่วงนี้ยังเตรียมสอบอย่างหนัก เขาก็เลยยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
จะมีก็แค่มาถามผมบ้างว่าทำไมคนรอบข้างพูดจาแปลกๆ
หรือคนในมหาลัยมองเขาเยอะขึ้น แถมบางคนยังยิ้มทักแล้วก็ทำมือรูปหัวใจให้ส่งมาให้
ผมก็ได้แต่แอบยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับไปว่า ‘สงสัยเพชรหล่อขึ้น’
ซึ่งก็ดูเหมือนเพชรจะเชื่อผมอย่างสนิทใจ
หลอกง่ายจริง
น่ารักชะมัด
เพชรยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร...จนมาถึงช่วงดึกของวันศุกร์ที่ผมกำลังนั่งคำนวณงบบัญชีอยู่บนเตียง ก็มีเสียงโทรเข้าจากไลน์ที่ผมออนไว้ใน MacBook ดังขึ้นมา
ละสายตาจากตัวเลขตรงหน้าไปมองบนจอก็เห็นว่า เพชรกำลังจะวีดีโอคอล
เห็นแบบนั้นผมก็เลยลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อซับหน้า แล้วหวีผมจัดทรงให้เรียบร้อยก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วสายโทรเข้าก็ตัดไป
แต่คนอย่างเพชร เดี๋ยวเขาก็โทรเข้ามาใหม่
1.
2..
3…
Petch Incoming VDO Call…
ผมรีบนอนคว่ำ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก 2-3 เม็ด แล้วกดรับสาย
หน้าจอโหลดภาพไม่นานก็ปรากฏให้เห็นคุณเพชรที่สวมเสื้อยืดสีขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือของเขา เพชรไม่ได้เซ็ทผม อาจจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาดูแปลกตาไปอีกแบบดูเป็นธรรมชาติดี เห็นแล้วก็นึกถึงตอนที่อยู่พัทยาด้วยกัน ส่วนด้านหลังของเพชรเป็นเตียงนอนไซส์ใหญ่ที่มีข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว จนไม่รู้ว่าเพชรจะแทรกตัวนอนลงไปบนเตียงได้ยังไง สงสัยก่อนนอนคงต้องให้แม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดเตียงให้อีกรอบ
ระหว่างที่ผมกำลังมองบรรยากาศรอบตัวเพชรอย่างสำรวจ
เขาก็กำลังมองมาที่ตัวผมอย่างสำรวจเช่นกัน
พอกลับมาโฟกัสที่เพชรอีกที ถึงรู้ว่าผมถูกจ้องอยู่อย่างไม่ละสายตา
เห็นแบบนั้นเลยส่งยิ้มกว้างให้เขาไป แล้วร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับมา
“ทำไรอยู่” คนที่โทรเข้ามาพูดถาม
ก่อนจะมองสำรวจตัวเองผ่านกล้องแล้วใช้มือจัดผมให้เป็นทรง
“นั่งคิดบัญชีอยู่อ่า” พูดจบผมก็เหลือบไปมองชีทที่วางอยู่ด้านข้าง พร้อมกับชี้ให้เพชรดู
เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้ม ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์
นี่ขนาดเห็นผ่านกล้อง ยังสัมผัสได้เลยว่าสายตาไม่น่าไว้ใจ
“หื้มม” ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นว่าเพชรจ้องไม่หยุด
มีอะไรผิดปกติหรอ ผมก็แค่ไปล้างหน้า หวีผม ปลดกระดุม
ไม่ปกติตรงไหน ออกจะธรรมชาติ๊ ธรรมชาติ
“คิดถึง” เสียงสองของเพชรก็ยังทำให้ผมรู้สึกสยิวได้เสมอ
ผมพยักหน้ารับแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่อง “โทรเข้ามา จะพูดแค่นี้อ่อ”
เพชรทำหน้าทำตาเหมือนคนใช้ความคิด
“เปล่า จริงๆแล้ว จะถามว่าคุณหงส์อัพรูปผมลงไอจีหรอ” จบคำถามของเพชรผมก็แก้มป่องออกมา แล้วทำตาโตเป็นเชิงไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเอียงคอใส่เขา
“ไม่ต้องมาทำแบ๊ว ตอบมาเลย”
ผมยิ้มมุกปาก แล้วถามกลับ “คุณเพชรรู้จักไอจีด้วยอ่อ”
“นี่คุณ ผมไม่ใช่ไดโนเสาร์นะ” เขาทำหน้าตึงแต่ก็ยังเห็นมุมปากที่กลั้นยิ้มเอาไว้
“ก็ถามดู เผื่อไปโดนใครเค้าหลอกมา เลยถามก่อนไงว่ารู้จักไอจีกับเค้าด้วยอ่อ”
“รู้จัก แต่แค่ไม่เล่นโอเคป๊ะ...ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาเลยว่าอัพรูปผมลงไอจีหรอ”
ร่างสูงวกกลับเข้ามาเรื่องที่เขาสงสัย ผมหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างฝืนไม่ได้
ก็ผมอัพรูปไปหลายวันแล้วอ่า ทำไมเพชรเพิ่งมารู้ตัว
มันเลยขำปนเอ็นดูก็ตรงนี้แหละ
“เราอัพไปนานแล้วเหอะ”
“แล้วไมไม่บอกผมอ่ะ” พอพูดจบเพชรก็ย่นคิ้วเข้าหากันทำหน้าอย่างคนไม่เข้าใจ
“แล้วไมต้องบอกอ่ะ” ผมกอดอกแล้วจ้องมองคนในกล้องหน้านิ่ง
“อ้าว ก็ขออนุญาตคนในรูปก่อนไงครับ”
ยู่เข้าไปอีก หน้าหล่อๆ นี่ขยันทำให้มันยู่จริงเว้ย
“ขอทำไม ก็คนในรูปเป็นของเรา” ผมจ้องเพชรเขม็งแล้วยักคิ้วใส่ทีนึง
คำพูดของผมทำให้คนในกล้องหน้างงเพิ่มไปอีกสเต็ป
ก่อนที่เพชรจะนึกได้ว่าหมายถึงอะไร แล้วยิ้มออกมาจนเห็นฟันสวยทั่วปาก
“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”
เคยเห็นคนที่กำลังกลั้นยิ้มแบบแก้มจะแตกมั้ยครับ
ถ้าเคย นั่นแหละคือภาพของคุณเพชรตอนนี้“บอกว่า ทำไมต้องขอ...ก็ในเมื่อคนในรูปเป็นของเรา”
ผมพูดย้ำ ช้าๆ ชัดๆ ให้คนหูไม่ดีฟัง จะได้ไม่ต้องถามอีกรอบ
และนั่นก็ทำให้เขายิ้มแก้มแตกมากขึ้นไปอีก
“ยิ้มอะไรคุณเพชร ยิ้มไรขนาดนั้น”
ตอนแรกก็ว่าจะไม่เขิน พอเห็นเขาเขินเท่านั้นแหละ ผมเลยรู้สึกเขินตาม
“ยิ้มคุณไง”
“ทะลึ่งอีกละ”
“ไม่ใช่เว่ย...คือผมหมายถึงยิ้มที่คุณพูดอะไรน่ารักแบบนี้”
อ๋อหรอ
“พูดแบบไหนหรออ” ทำเป็นถามไปงั้น ทั้งที่ก็รู้อยู่ อิอิ
“พูดว่าผมเป็นของคุณ” เกลียดท่าทางของเพชรตอนนี้จัง
ทำตัวเป็นหนุ่มหล่อขับบิ๊คไบค์
แต่ภาพตอนนี้ที่ผมเห็นคือผู้ชายตัวใหญ่เขินจนตัวบิด แถมยังหน้าแดงไปทั่วแก้มแล้ว
เฮลโหลลลล ยูเป็นสามี ยูโน ยูไม่ต้องเขินแรงเบอร์นี้
“งั้นครั้งหน้าเพชรยอมเป็นของเราดิ ให้เราทำบ้าง”
จบประโยคนี้ เหมือนอารมณ์ก่อนหน้าถูกตัดฉับเลยครับ
คุณเพชรนิ่ง อ้าปากค้าง เขาก้มมองด้านล่างของตัวเอง แล้วเงยขึ้นมาส่ายหัวรัวๆ
“พูดเล่นช่ะ” เขาถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ ไอ้คนหน้าฟินเมื่อกี้หายไปไหนล่ะ
“พูดจริง” ผมทำหน้านิ่งแกล้งเขา นั่นทำให้เพชรดูหวาดหวั่นไปอีก
ผมเลยเสริมว่า “ระวังตัวให้ดี เพชรก็รู้ว่าเราเป็นมวย...
...พอน็อคเพชรได้ เราก็จัดการเพชรเลย หึหึ” พูดจบก็ยกยิ้มมุมปากสร้างความน่าเชื่อถือ
เขาดูลังเลอยู่ไม่นาน ว่าจะกลัวหรือไม่กลัวดี สุดท้ายคนในจอก็ขู่ผมกลับ
“หยุดคิดเลยคุณ พูดอะไรดูหน้าตัวเองด้วย เดี๋ยวโดนแล้วจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”
เขายืดตัวขึ้นทุบอกตัวเองแล้วชี้หน้าผม ก่อนจะทำท่าแล้วเลียมุมปาก
ไอ้บ้า
ท่าอะไรน่าเกลียด
ผมแสยะยิ้ม แล้วส่ายหัว “ไม่ต้องมาทำหน้าหื่น”
“ฮ่าๆ เห็นมั้ย สุดท้ายคุณก็แค่ขู่ผมเล่น
...แต่ขอกลับเข้าเรื่องก่อน ผมก็ว่าแล้วววว..ทำไมเพื่อนถึงแซ็วผมแปลกๆ”
“ก็ทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีเอง ช่วยไม่ได้”
“แต่ผมดีใจนะ ที่คุณเปิดตัวว่าคบกับผม”
พูดจบคนบนจอก็เอาคางลงมาเกยบนโต๊ะ แล้วทำตาใสแป๋วใส่กล้อง
ตอนนี้อารมณ์ของการคุยกันถูกเปลี่ยนไปสู่โหมดอ้อนนิดๆ
ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะทำท่าเดียวกันกับเขา ด้วยการเอาคางลงไปเกยไว้บนแป้นพิมพ์
“ก็เราไม่ได้มีแฟนมานานแล้วนี่นา เราก็อยากอวดบ้าง”
เสียงผมอ่อนลงตามคำพูด จนเริ่มเป็นเสียงอ้อน
“เดี๋ยวผมอยู่ให้อวดไปนานๆเล๊ยยย ดีมั้ยย” เจ้าพ่อเสียงสองตัวจริง ต้องยกให้เขา
ผมพยักหน้ารับแล้วมองหน้าเพชรต่อ
เราสองคนมองกันไปมา
อมยิ้มบ้าง หลุดยิ้มออกมาบ้าง ไม่มีใครพูดอะไร แต่กลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย
เป็นการสื่อสารผ่านทางสายตาที่นานนับสิบนาที
จนเริ่มเมื่อยคาง
ผมเลยเปลี่ยนเอาแขนมาวางบนเตียงแล้วเอาคางเกยไว้แทน
พอเห็นผมเปลี่ยนท่า เพชรก็ทำตาม
ถ้าเป็นปลากัดก็คงท้องไปแล้ว
“เดี๋ยวผมขออ่านหนังสือไปด้วยได้มั้ย”
ถ้าจะเสียงอ้อนแบบนี้ เราก็ไม่กล้าขัดคุณแล้วป่ะ
“งั้นเดี๋ยวเราดูเพชรอ่านหนังสือละกัน”
“เอาจริงดิ” เพชรยิ้มแล้วถามกลับอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“อื้ม” ผมพยักหน้าเบาๆ
“โอเคค้าบ ถ้าเบื่อก็ชวนคุยได้นะ”
“โอเค” ชูมือขึ้นบอกเขาว่าโอเค
หลังจากนั้นร่างสูงก็ขยับโน๊ตบุ๊คออกนิดหน่อยแล้วจัดโต๊ะให้เข้าที่
ระหว่างนั้นผมก็จัดท่านอนตัวเองให้สบายขึ้น
ด้วยการเอาหมอนข้างมารองที่คอจุดนึง ที่เอวจุดนึง แล้วกลับมานอนคว่ำเหมือนเดิม
ผมสังเกตใบหน้าคมของเพชรไปเรื่อยๆ
จนทำให้ผมเชื่อในสมมติฐานที่ตัวเองตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ไปทริปไหว้พระครั้งแรก
ว่าเวลาที่เขาตั้งใจทำอะไร เขาจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
เพชรเป็นคนมีสมาธิสูงมาก แม้จะมีผมนอนจ้องอยู่แต่เพชรก็ไม่เสียสมาธิเลย
ขณะที่มุมปากของเขาเริ่มตึงพร้อมกับคิ้วที่เริ่มผูกเข้าหากัน
แต่มุมปากของผมกลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาแอบแคปหน้าจอเอาไว้ แล้วส่งเข้ามาในแชท
*ภาพที่ผมกำลังทำหน้าเคลิ้ม จ้องมองผู้ชายคนนึงอ่านหนังสือ*
ใครเห็นเข้า คงต้องหาว่าผมหลงคุณเพชรมากแน่ๆ
ว่าแต่เพชรยื่นมือมากดแคปหน้าจอตอนไหน
“แอบแคปตอนไหน” ผมถามอย่างประหลาดใจ ก่อนจะขยับเปลี่ยนท่าเล็กน้อย
“ก็ตอนที่คุณมองผม แล้วเคลิ้มหนักอ่ะ” เขาพูดล้อ แล้วควงปากกาในมือสลับกับขีดๆ เขียนๆ ในกระดาษ เพชรตอบผมทั้งที่ไม่ได้หันมามอง
“ร้ายอ่ะ แอบแคปหน้าเรา” ผมพูดว่าแต่ตาผมก็ยังจ้องใบหน้าคมที่ดูจริงจังอยู่
เพชรคลี่ยิ้มเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วให้
สุดท้ายความเคลิ้มก็ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปจริงๆ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ผมขยี้ตาตัวเองแล้วควานหามือถือมากดรับสาย
“ฮัลโหลเพชร" ผมพูดเรียกคนที่โทรเข้ามา
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เรากำลังวีดีโอคอลกันอยู่
คิดได้แบบนั้นผมก็หันกลับไปมองคนในจอ
เขากำลังยิ้มแล้วมองมาที่ผม
โดยที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูไว้ ส่วนมืออีกข้างยังคงจับปากกา
“ไปนอนได้แล้ว นอนท่านี้เมื่อยแย่” เพชรชี้มือมาเป็นเชิงออกคำสั่ง
“เราเผลอหลับไปอ่อ” ผมถามกลับเสียงงัวเงีย
“หลับไปนานเลยแหละ ผมกลัวเมื่อยเลยโทรปลุกให้คุณไปนอนดีๆ ดีกว่า”
“อ่อออออ”
“ช่ายย คุณไปนอนเหอะ”
“อื้ม โอเค งั้นเราไปนอนแล้วน้า”
“ค้าบ ฝันดีนะครับ คืนนี้ไม่ต้องฝันถึงผมก็ได้ เดี๋ยวจะเมื่อยเอา”
เพชรพูดยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย
“หื้มม” ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เพชรพูดเท่าไหร่ เลยเลิกคิ้วขึ้นถาม
“อยากให้หลับสนิทไง”
ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ตาม “แล้วนี่จะนอนเลยเปล่า”
“ขออ่านอีกแปปนึงละกัน”
“โอเค สู้ๆ นะ เราขอตัวไปหลับก่อน”
“ค้าบผม
รักหงส์นะ” ปิดท้ายด้วยเสียงสองและประโยคเด็ด
ผมเกาหัวแก้เขิน แล้วตอบรับอย่างสั้นๆ “อื้ม”
หลังจากนั้นก็กดวางสายทั้งจากวีดีโอคอลและโทรศัพท์
ผมหยิบ MacBook กับชีทเรียนไปวางไว้บนโซฟาที่ปลายเตียงอย่างลวกๆ
แล้วก็กลับมานอน ทิ้งหัวลงบนหมอน ห่มผ้าให้อบอุ่น แล้วก็หลับไปในไม่ช้า
14:12
บ่ายวันเสาร์ที่ผมแวะเข้ามาที่มหา’ลัย เพื่อมาเอาชีทเด็ด คัมภีร์ลับ
ที่ไอ้มิวมันบอกว่ามีอยู่ที่ร้านถ่ายเอกสารใต้คณะ
คืองี้ครับ ร้านถ่ายเอกสารที่มหาวิทยาลัยมักจะมีชีทเด็ด คัมภีร์ลับ สูตรลัด สูตรย่อต่างๆ เพราะร้านพวกนี้อยู่มานาน ผ่านมาหลายรุ่น ชีทไหนที่ว่าดี ว่าเด็ดทางร้านก็จะถ่ายเอกสารเก็บไว้ให้นิสิตได้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นครับ เรียกได้ว่ามีเป็นลิสต์ให้เลือกสรรค์อย่างจุใจเลยแหละ แต่ที่ต้องเข้ามากระทันหันแบบนี้ก็เพราะว่าชีทวิชานี้เพิ่งมาใหม่ ไอ้มิวมันมีสายรายงานมาจากร้านถ่ายเอกสาร แต่ตัวมันดันขี้เกียจเลยส่งผมเป็นตัวแทนมารับ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นคนไปสืบมาแล้ว ดังนั้นหน้าที่ลงแรงจึงเป็นหน้าที่ของผม
ผมขับเรดเวลเวด...ก็เจ้ารถ BMW สีแดงของผมมาจอดที่หน้าคณะ ก่อนจะก้าวลงจากรถโดยที่วันนี้สวมสเวตเตอร์สีขาวไล่แถบสีดำตรงไหล่ จาก Dolce & Gabbana ขนาดของเสื้อก็ตัวใหญ่ยาวคลุมต้นขาเลยครับเพราะอยากให้รู้สึกสบายตัว แล้วก็กางเกงขาสีดำสั้นกว่าเสื้ออ่ะ ส่วนรองเท้าวันนี้สวมผ้าใบ Adidas สีเทารุ่นใหม่ที่วีวิศมันลืมทิ้งไว้ ตั้งแต่วันที่มาค้างแล้วเจ้าตัวก็กลับบ้านตัวเปล่าเฉยเลย ผมเลยแอบหยิบมาใส่ลองดู
รับชีทเสร็จเรียบร้อยก็โทรรายงานไอ้มิวก่อนจะเดินกลับมาที่รถ
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยหยิบออกมาดู
..เบอร์นี้รับสายได้..
“ฮัลโหลคุณเพชร”
ผมพูดรับสายพลางเปิดประตูรถ โยนชีทลงไปที่เบาะด้านหลังแล้วขึ้นนั่งเบาะคนขับ
“คุณหงส์ยังอยู่ที่มหา’ลัยรึเปล่าครับ”
“ยังอยู่ๆ” ผมตอบสั้นๆ แล้วรอฟังว่าปลายสายมีธุระอะไร
“คือมีเรื่องจะรบกวนอ่า...วันนี้อาจารย์คณะผมมีนัดติวช่วงบ่าย
แต่ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง คิดว่าคงจะไปไม่ทัน
เลยจะฝากคุณเข้าไปเอาชีทที่คณะกับเพื่อนให้ผมหน่อย”
เพชรอธิบายยาว ส่วนผมก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม
“อ่อ คือให้เราไปเอากับเพื่อนคุณเพชรที่คณะใช่เปล่า”
พูดจบคุณเพชรก็ขำก๊าก “ให้ไปเอาชีทครับ เอาชีท เอาชีท”
เออว่ะ ตอนพูดไม่ได้คิดนี่นา “โทษที เราไม่ทันคิด ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ เอาชีทโอเคนะ งั้นเดี๋ยวถึงหน้าวิศวะแล้วคุณโทรหาผมอีกรอบ เดี๋ยวจะให้เพื่อนเอาชีทออกมาให้”
“ได้ๆ เดี๋ยวเราขับไปถึงแล้วโทรหา”
“ขอบคุณนะครับ”
วางสายจากเพชรผมก็ขับรถจากคณะบัญชีมาจอดที่หน้าคณะวิศวะ
แล้วก็เดินขึ้นห้องไปที่ห้องเรียนตามที่เพชรบอกมา
ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 ออกจากลิฟต์เดินมาที่ห้องสโลป
เดินมาถึงหน้าห้องก็เจอผู้ชายตัวสูงประมาณเพชรยืนอยู่
“วีรินทร์ใช่เปล่าครับ” ในมือของเขาถือโทรศัพท์มีรูปผมโชว์อยู่บนหน้าจอ
สงสัยเพชรจะส่งรูปให้ดูว่าผมหน้าตาเป็นยังไง
“ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับ แล้วมองหาชีท
“เราชื่อ ข้าวนะ เพื่อนไอ้เพชร” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แนะนำตัว
ผมยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้ารับ
“คือเพชรบอกให้เรามาเอาชีทอ่า”
“อ๋อ...วันนี้อาจารย์แจกชีทที่มันมีแต่สรุปอ่ะ ที่อาจารย์กำลังติวคือต้องจดเอง
แต่ตอนนี้อาจารย์ยังเลคเชอร์ไม่เสร็จเลย ไอ้เพชรเอาไปมันก็อ่านไม่รู้เรื่อง
วีรินทร์อาจจะต้องรอเลิกคลาสแล้วถ่ายรูปชีทของเราไปให้มัน หรือไม่…”
แล้วข้าวก็เงียบไป ก่อนจะทำหน้าใช้ความคิด ผมเลยถามต่อ
“หรือไม่ อะไรหรอ”
คนตรงหน้าเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “ก็ต้องเข้าไปนั่งจดเลคเชอร์ให้ไอ้เพชรอ่า”
ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วยู่ปากนิดหน่อยอย่างใช้ความคิด “เราเข้าไปได้หรอ”
ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเข้าไปได้มั้ย
ดูผมแต่งตัวดิ แถมยังมาจากต่างคณะอีก
“ได้ดิ ห้องกว้าง มีที่นั่งเยอะแยะ ถ้าวีรินทร์นั่งรออยู่ตรงนี้คนเดียว เราว่าน่ากลัวนะ”
“งั้นเราขอโทรหาเพชรก่อนละกัน” ข้าวพยักหน้ารับ
ส่วนผมก็กดโทรศัพท์โทรหาเพชร แต่เขาไม่รับสาย ผมเลยต้องตัดสินใจเอง
“เพชรไม่รับอ่า งั้นเราเข้าไปจดเลคเชอร์ให้เพชรก็ได้”
ผมยิ้มให้เพื่อนของเพชร ก่อนที่เขาจะเดินนำเข้าไป
พอเปิดประตูเข้ามาถึงได้รู้ว่า ห้องสโลปก็จริง แต่เป็นห้องที่ประตูทางเข้าอยู่ด้านหน้า
ทันทีที่ข้าวพาผมเดินเข้ามาในห้อง ทุกสายตาก็หันมองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน
รวมทั้งอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องก็หยุดสอนไปชั่วขณะ แล้วหันมามอง
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนแปลกหน้า หรือเพราะเป็นคนแต่งตัวแปลก ทุกคนถึงได้มองขนาดนี้
ว่าแล้วก็เลยยกมือขึ้นไหว้ สวัสดีอาจารย์พร้อมกับโค้งหัว
อาจารย์รับไหว้แล้วยิ้ม ก่อนจะเลิกสนใจผม
ปล่อยให้ผมเดินตามหลังข้าวขึ้นไปที่นั่งด้านบน
ระหว่างนั้นสายตาของคนในคลาสก็ยังคงมองตามผม แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจครับ
เดินตามข้าวเข้าไปจนถึงที่นั่ง แต่ที่นั่งของกลุ่มเพื่อนเพชรดันอยู่กลางห้องพอดี
เลยยิ่งเป็นจุดสนใจไปอีก
ข้าวหยิบกระเป๋าสัมภาระของเขาออกจากที่ว่างด้านข้างเพื่อให้ผมนั่ง
ก่อนที่เพื่อนของเพชรคนอื่นๆ จะหันมายิ้มทักทาย
ผมยิ้มตอบเพื่อนทุกคนพร้อมกับรีบนั่งลง แล้ววางโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ลงบนโต๊ะ
“อันนี้ชีทนะ แต่ไม่รู้วีรินทร์จะเข้าใจรึเปล่า ถ้างงตรงไหนก็ถามเราได้เลย” ข้าวยื่นชีทกับปากกามาให้ผม
“ขอบคุณนะ” ผมรับมาไว้ในมือ ก่อนจะเบนสายตาไปมองอาจารย์ที่หน้าห้อง แล้วลองพยายามตั้งใจฟังดู
สุดท้ายผมก็ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ด้วยความสามารถด้านศิลปะผมเลยพยายามลอกสิ่งที่อาจารย์เขียนบนจอลงมาให้ได้อย่างครบถ้วนมากที่สุด
ระหว่างที่ผมกำลังมีสมาธิจดจ่อกับจอโปรเจคเตอร์หน้าห้อง ก็รู้สึกว่าถูกสะกิดที่ไหล่เบาๆ
ผมหันมองด้านหลังตามแรงสะกิด
ก่อนจะเห็นผู้ชายร่างท้วมไว้หนวดส่งยิ้มให้ “ดีครับ” คนที่สะกิดพูดทักทาย
ผมเลยยิ้มตอบกลับไป “ดีครับ”
“เราชื่อชายนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนด้านหลังพูดแนะนำตัวเอง
“อย่าไปเชื่อมัน...เหี้ยนี่ชื่อฮิปโป ไอ้สัสแม่งขี้โม้”
คนที่นั่งอยู่ข้างชายก็พูดแทรกแล้วตบหัวเพื่อนตัวเองไปทีนึง
โหดจัง
“สัส ไม่เสือกดิ๊” ชายหันไปดุเพื่อนที่ตบหัวเขา แล้วหันกลับมายิ้มให้ผม
“เห้ย เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจพูดคำหยาบ มันหลุดปากไปเอง” พูดจบเขาก็เอามือป้องปากตัวเองไว้
“เอ้ยไม่เป็นไรๆ” เพราะคำพวกนี้ผมก็พูดเหอะ
“ไม่ได้หรอก กับวีรินทร์พวกเราต้องสุภาพน่ะ” เพื่อนคนที่ตบหัวชายพูดบอก ก่อนจะแนะนำตัว “ไอ้นี่มันไม่ได้ชื่อชาย มันชื่อฮิปโป ส่วนเราชื่อทุ่ง”
ผมเบิกตากว้างแล้วทวนกลับไป “ทุ่ง”
“ใช่ ทุ่งนา กลิ่นโคลนสาปควายนี่แหละครับ” ตอนนี้ชาย เอ้ย ฮิปโปพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
แล้วสองคนนั้นก็หันไปแยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผมอีกรอบ
“เราชื่อวีรินทร์นะ แต่คุณเพชรเรียกเราว่าหงส์” แล้วสามคนนั้น หมายถึงข้าว ฮิปโป แล้วก็ทุ่ง ต่างพากันยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วมองตากันแปลกๆ
ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดรึเปล่า เลยตัดสินใจถามออกไป “เราพูดไรผิดอ่า”
“เปล่าๆ หงส์ เอ้ย วีรินทร์ไม่ได้พูดไรผิด” ข้าวที่นั่งอยู่ด้านข้างผมพูดตอบกลับมา แล้วเหลือบมองเพื่อน
ก็เห็นอยู่ว่าทั้ง 3 คนมีพิรุธ ยังจะมาปฏิเสธ
จากนั้นฮิปโปหนุ่มร่างท้วมที่ดูอารมณ์ดีก็เสริมขึ้น “แค่น่ารักดี เอ่อ เอ่อ คือหมายถึง...”
“มันจะหมายถึงว่า วีรินทร์เรียกไอ้เพชร ว่าคุณเพชร ฟังดูน่ารักดีเนอะ ใช่มั้งพวกมึง”
ทุ่งเป็นคนปิดประโยค
ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนแต่ละคน แล้วเพื่อนเขาก็พากันพยักหน้ารับ
“ใช่ๆ”
“เอ้อ ใช่ ตามนั้นเลย”
ระหว่างที่เพื่อนเพชรทั้งสามคนมองผมแล้วเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร โทรศัพท์บนโต๊ะของผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอีกรอบ
ผมรีบยกมารับสายเพราะมันดังรบกวนคนอื่น
“ว่าไงเพชร”
“เป็นยังไงบ้าง ได้ชีทยัง” คนที่โทรมารีบถามทันที
“อาจารย์ยังสอนไม่เสร็จอ่ะ ข้าวเลยให้เรามานั่งในห้องแล้วเลคเชอร์ให้เพชร”
“ฮะ ว่าไงนะ” เพชรเสียงดังจนผมต้องเอาโทรศัพท์เขยิบออกจากหู
“ตอนนี้เราอยู่ในห้องกับเพื่อนๆ เพชรอ่ะ จดเลคเชอร์ให้เพชรอยู่”
“เห้ยคุณหงส์ งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”
“อ่าๆ” ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรเพชรก็วางสายใส่ผม
แล้วพอผมก็หันมาพบว่าเพื่อนๆ ของเพชรกำลังมองมาที่ผมอยู่
จากนั้นก็เป็นโทรศัพท์ของคนที่นั่งด้านข้างสั่นครืดๆ แทน
ทุกสายตาจึงจ้องมองไปที่มือถือของข้าว และก็ได้เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพชร
ข้าวหันไปมองฮิปโปกับทุ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้นมารับสายหน้านิ่ง
“เออ”
“เออ ใช่”
“ก็มอง เออก็มองกันทั้งห้องแหละ”
“จะให้ทำไงวะ ให้กูไปสั่งห้ามคนไม่ให้มองหรอ”
“หรือมึงจะให้เค้ารอนอกห้อง”
“มึงใจเย็นดิ๊”
“เออสัส แค่นี้แหละ”
ข้าววางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วหันมามองหน้าเพื่อนอีกครั้ง
ก่อนจะมาหยุดที่ผม “เดี๋ยวไอ้เพชรมันจะมา”
“ฮะ มาทำไม เราก็มาจดให้แล้วนิ” ก็งงเหมือนกัน ไหนตอนแรกบอกมาไม่ทัน
แต่ตอนนี้กลับเปลี่นใจจะมา ทั้งที่ผมก็เข้ามาจดให้แล้ว
ผมเลยโทรหาเพชรอีกรอบ แต่ก็ดันไม่รับสายซะงั้น
“เหี้ยนี่แม่งขี้หวง” เสียงฮิปโปบ่นลอยมา
“แม่งก็งี้แหละ” ทุ่งพูดเสริม
พอเข้าใจเพชรแหละ แต่ก็เอาเถอะ
ผมเลิกสนใจบรรยากาศรอบข้าง แล้วหันไปสนใจอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องแทน
ไม่ถึง 20 นาที ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงที่ผมคุ้นเคยเดินตรงเข้ามา
วันนี้เพชรสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ในมือถือแจ็คเก็ตสีดำ
อาจารย์หยุดสอนแล้วหันไปมองเพชร
เขายกมือขึ้นไหว้อาจารย์ อาจารย์ยิ้มให้เพชรเหมือนกับสนิทสนมแล้วพูดออกไมค์
“โน่นเลยนายเพชร กลางห้อง ตรงนั้น” พร้อมกับชี้มาทางนี้
ตรงที่ผมนั่งอยู่
เท่านั้นแหละครับ ทุกคนก็มองตามมืออาจารย์มาที่ผมแล้วยิ้มๆ
เพชรพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเร็วตรงเข้าที่ผม
“กลับมั้ย” เสียงนิ่งถูกเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่แพ้กัน
พูดจบเขาก็หันมองเพื่อนตัวเองทีละคน ก่อนจะจบที่การจ้องผม
“อาจารย์ยังไม่ปล่อยเลย”
“ช่างดิ กลับ” ร่างสูงทำท่าจะแย่งชีทบนโต๊ะไป
แต่ผมดึงชีทไว้ แล้วก็รีบเอามือไปคว้าแขนเพชร
“ใจเย็นดิ่ มีเหตุผลหน่อย” ผมใช้น้ำเสียงนุ่มพูดให้คนตรงหน้ามีสติ
พูดจบก็พยักหน้าให้เขาไปทีนึง
หวังว่าจะคิดได้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
“นะ เรียนให้จบคลาสก่อน เรากำลังสนุก”
สนุกบ้าอะไรล่ะ ไม่รู้เรื่องเลยซักนิด
พูดไปงั้น
เพชรถอนหายใจแรงทีนึง แล้วผมก็กระตุกแขนเขาเบาๆ อีกครั้ง
“นั่งลงเร็ว คนมองหมดแล้ว”
เพชรยอมนั่งลงที่นั่งด้านข้างอีกฝั่งที่ยังว่างอยู่ พร้อมกับยื่นแจ็คเก็ตสีดำมาให้ผม
ผมหันไปมองแต่ไม่ได้รับมาหรือพูดถามอะไรออกไป
เมื่อเขาเห็นว่าผมยังคงนิ่ง
เพชรเลยเอามันลงมาวางไว้บนตัก แล้วคลุมขาผมไว้
อ๋อ เข้าใจแล้ว : )
“ใครสอนให้ใส่สั้นแบบนี้มาเรียนกับเด็กวิศวะ”
อ้าว โดนดุเฉย
“ก็…”
“ไม่ต้องมาเถียง”
ก็ไม่รู้นี่ ว่าจะต้องมาเรียนกับวิศวะ!
นั่นแหละครับ ไม่เถียงก็ได้ แค่คิดในใจพอ
“ดุจัง” ผมตวัดหางตามองคนด้านข้าง แล้วหันกลับไปสนใจเนื้อหาหน้าห้อง
ก่อนจะเห็นว่าอาจารย์สอนไปไกลแล้ว เลยเร่งมือจดตาม จดมันไปแบบไม่เข้าใจนี่แหละ
สัญลักษณ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด วาดเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง ไปแกะเอาเองละกันไอ้โหด
ระหว่างที่ผมกำลังจดเพลินๆ คุณเพชรก็ส่งกล่องปากกาสีมาให้
ไม่รู้เขาไปเอามาจากไหน ผมหันมองแล้วรับกล่องปากกาสีมาไว้ในมือ
คิดซะว่า ถึงแม้จะจดไม่รู้เรื่อง แต่จดให้สวย ดูมีสีสันก็ยังดี