♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **  (อ่าน 30450 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
หงส์นางน่ารักกกก เรื่องน่ารักมากค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
นายเพชรนี่ก็นะ เวลาที่หงส์รุกนี่แบบ ไปไม่เป็นเลย ^^

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
น้องหงส์!!!!!!

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
น่าร๊ากกกกกกกกก

นายเอกก็หงส์สมชื่อเลย

 :hao7: :katai2-1:

ขอบคุณนะค้าบบ ฝากหงส์ด้วยนะค้าบ อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
หงส์นางน่ารักกกก เรื่องน่ารักมากค่ะ  :impress2:


ขอบคุณนะค้าบบ ฝากติดตามหงส์ด้วยนะครับ อิอิ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 8
Event


“วันนี้กูไปเรียนไม่ไหวว่ะ มึงมาหากูหน่อยดิ”
“เดี๋ยวตอนเย็น เลิกเรียนแล้วกูเข้าไป...
...มึงอยู่คนเดียวไม่ได้แค่ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกนิ ใช่ป่ะ”
“อื้ม ใช่”


“แม่อยู่ไหนครับ”
“วีคนี้แม่มาตรวจงานที่ภูเก็ต หนูลืมหรอลูก”
“อ่อ จริงด้วยแฮะ แล้ววีวิศล่ะแม่”
“น้องก็ไปโรงเรียนไง”
“เออ นั่นสิเนอะ”
“วีรินทร์มีอะไรรึเปล่าลูก”
“เปล่าครับแม่ งั้นแค่นี้นะครับ ดูแลตัวเองด้วย”


คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเลยทำให้ผมหลับสนิททั้งคืนลากยาวมาถึงช่วงเช้า ทันทีที่รู้สึกตัวร่างกายก็ประท้วงอีกรอบด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมยังรู้สึกมึนหัวเพิ่มมาอีกด้วย ดูเหมือนว่าวันนี้อาการจะแย่ลงกว่าเมื่อวาน

และนั่นทำให้ผมไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวซักเท่าไหร่ ถึงแม้เมื่อคืนจะปากดีบอกว่าอยู่คนเดียวได้ก็เหอะ

ผมโทรหาไอ้มิวให้มันมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งมันก็คงต้องเข้าเรียนแทนผมที่นอนป่วย มันบอกจะมาหาได้ช่วงเย็น ซึ่งไอ้มิวทำถูกแล้ว มันรู้ดีว่าเวลาผมป่วยจะไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวเท่าไหร่ ยิ่งเวลาที่งัวเงีย ตื่นมาไม่เห็นใครช่วงโพล้เพล้ยิ่งรู้สึกหดหู่

พอโทรหาที่บ้าน แม่ผมก็ไปตรวจงานที่ภูเก็ต ส่วนน้องวีวิศก็ไปเรียน ถ้าจะกลับบ้านตอนนี้ก็มีแค่แม่บ้านกับคนขับรถอยู่ดี
ผมเลยตัดสินใจนอนอยู่ที่คอนโดต่อไป
 
ผมเขวี้ยงโทรศัพท์ออกจากมือ ก่อนจะหลับไปอีกรอบด้วยความเพลีย
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปวดฉี่ เลยต้องลุกจากเตียงไปฉี่ในห้องน้ำ
อืม ไม่เห็นต้องบอกว่าฉี่ในห้องน้ำ คงไม่มีใครฉี่ที่ระเบียง!
ถ้าวันนี้ผมจะมึนไปบ้างก็คงต้องโทษฤทธิ์ของยาแล้วล่ะครับ


ขากลับจากห้องน้ำผมเดินเหยียบโทรศัพท์เพราะไม่ทันมอง ไอโฟนเครื่องสีแดงนอนแอ้งแม้งอยู่บนพรมขนฟูสีขาว
ว่าแล้วก็ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาซะหน่อย จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอีกตามเคย
หน้าจอสี่เหลี่ยมบอกเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว มิน่าล่ะเริ่มรู้สึกหิว
ผมจึงโทรสั่งอาหารจากร้านประจำแล้วกำชับให้พนักงานขึ้นมาส่งบนห้องเลย
จากนั้นก็โทรบอกรีเซฟชั่นด้านล่างให้พาพนักงานส่งอาหารขึ้นมาด้วย

เสร็จธุระเรื่องกิน ผมก็กลับมาโฟกัสที่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่รู้แอพต่างๆ มันจะเด้งเตือนอะไรมากมาย
ทั้งไอจี ไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แอพช็อปปิ้ง บลาบลา เห็นแล้วรู้สึกรำคาญอย่างบอกไม่ถูก
เลยโยนเจ้าเครื่องสีแดงให้มันลงไปนอนเล่นที่พื้นอีกรอบ


ทิ้งโลกโซเชียลไปได้ซักพัก ผมก็เปลี่ยนมานอนนิ่งๆ มองตุ๊กตาแบร์บริคที่ยืนเรียงกันอยู่หลายสิบตัวในตู้โชว์ปลายเตียง เห็นแล้วก็หวนนึกถึงความรู้สึกสุขใจตอนที่ได้พวกเขามาครอบครอง เพราะกว่าจะได้มา แต่ละตัวที่วางอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นรุ่นที่หายากทั้งนั้น มันจึงถือเป็นของสะสมที่ผมรักมากที่สุดเลยก็ว่าได้

ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น สงสัยว่าอาหารจะมาส่งแล้ว
ผมเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำแล้วเอามือเสยผมตัวเองให้พอดูได้ ก่อนจะลากสังขารตัวเองเดินไปที่ประตูห้อง

ผมบิดมือจับประตูเพื่อเปิดออก


ทำไมพนักงานส่งอาหารหน้าตาคุ้นจังแฮะ แถมยังยิ้มกว้างอีกด้วย
ตาฝาด!!
ผมคงตาฝาดไป
เป็นไปไม่ได้หรอก


ว่าแล้วผมก็ปิดประตูเข้าไปก่อนเพื่อรวบรวมสติ ผมขยี้ตาตัวเองรัวๆ
ท่าทางจะมึนยาจริงแฮะ
พอมั่นใจว่าตัวเองมีสติแล้ว...
ประตูห้องก็ถูกเปิดออก


เพชรยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าผม
รอบนี้ไม่ได้ยิ้มแค่อย่างเดียว แต่เขาพูดด้วย

“หวัดดีคุณ”

นี่มันเสียงเพชรชัดๆ
ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แล้วประตูห้องก็ถูกปิดอีกครั้ง


“เป็นหนักนะเนี่ย” ผมพูดกับตัวเอง
ว่าแล้วก็เปลี่ยนมากดดูจอด้านข้าง เพื่อเช็คว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นใครกันแน่
ทันทีที่กดดูจอสี่เหลี่ยมข้างประตู หน้าจอก็ปรากฏหน้าเพชรโชว์หรา

คนด้านนอกยิ้มให้กล้องพร้อมกับโบกมือ
“เพชร” ผมเรียกเขาเพื่อยืนยันว่าใช่จริงๆ
“ครับ” เจ้าของรอยยิ้มกว้างตอบรับ

นั่นทำให้ผมมั่นใจว่า คนด้านนอกคือเขา ไม่ผิดตัวแน่นอน
เขาสวมชุดนิสิตที่ถูกปล่อยชายเสื้อออกมา
แถมในมือยังถือถุงอาหารจากร้านที่ผมสั่งอีกด้วย

ผมกรอกลูกตาไปมาพร้อมกับใช้ความคิด
เพชรมาได้ยังไง เพชรขึ้นมาบนนี้พร้อมถุงอาหารของผมได้ยังไง

เขาจะมาเห็นผมในสภาพนี้ไม่ได้...สวมชุดนอน ไม่ได้อาบน้ำ ผมฟู และหน้าสด
หายนะกำลังมาเยือนวีรินทร์!!
เอาไงดี เอายังไงดี

เสี้ยววินาที ผมตัดสินใจวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วอาบน้ำ สระผม
พร้อมกับแต่งตัวให้เรียบร้อย
ก่อนจะเดินกลับมาเปิดประตูให้คนด้านนอก


ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกเป็นครั้งที่สาม เพชรที่เคยยืนยิ้มเมื่อครู่ เปลี่ยนมาเป็นนั่งลงกับพื้น
คงรอนานจนเมื่อย เขาเงยหน้ามองผมแล้วเบิกตากว้าง

“อย่าบอกนะว่าที่คุณหายไป คือไปอาบน้ำแต่งตัว” เขาพูดขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน
“ใช่” ผมตอบกลับ แล้วผายมือให้เพชรเข้ามาในห้อง
เพชรมองมาที่ผมอย่างคนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ ก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน
ร่างสูงในชุดนิสิตมองผมหัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา

“ยิ้มอะไร” ผมถามไอ้คนที่อยู่ๆ แม่งก็บ้ายิ้มเหมือนคนเมา
“ยิ้มคุณไง”
“ทะลึ่ง” ผมป่วยอยู่นะ จะมาย้งมายิ้มอะไร!!
“บ้าหรอคุณ ผมหมายถึงยิ้มให้คุณไง คุณคิดไรเนี่ย”
พูดจบเพชรก็เดินนำผมไปที่โต๊ะกินข้าวแล้ววางถุงอาหารในมือลงบนโต๊ะยาว 
ส่วนผมก็เดินตามหลังเขามาพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้
แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาท้าวคางตัวเอง มองคนตรงหน้าจัดแจงอาหาร
เขาดูคล่องแคล่ว และชำนาญดีแฮะ

“เป็นเด็กส่งอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่จีบคุณอ่ะ”
เพชรพูดตอบเหมือนกำลังจะกวนตีน แต่กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะมองมาที่ผมนัก
เขาเดินไปหยิบจาน ช้อน ส้อมราวกับเป็นบ้านตัวเอง

“เหอะ” ผมตอบรับแล้วมองบน
“ก็ผมไลน์มาหาคุณตั้งเยอะแต่ไม่เห็นคุณตอบ เลยโทรหาไอ้มิว มันบอกว่าคุณไม่มาเรียน
ผมเลยขอเบอร์คุณ พอโทรเข้ามาคุณก็ไม่รับสายเลยต้องมาหาคุณที่นี่
พี่ยามด้านล่างจำผมได้ พี่แกบอกว่าจะเอาของขึ้นมาให้คุณพอดี ผมเลยอาสาขึ้นมาแทน”

“พูดไรเยอะแยะ ไม่เข้าใจ” ผมจ้องมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความหิว
พอนายนั่นยังพูดซะยาวเฟื้อย ก็เลยไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูดเลย
เขาก็ดูจะไม่ได้สนใจคำตอบของผมเช่นกัน
เพราะคนตรงหน้ากำลังจดจ่อกับการจัดจานให้สวยงามอยู่
ซึ่งนาทีนี้ผมไม่ได้สนความสวยความงามแล้วอ่ะ
ผมหิว!


“อะ แซลม่อนย่างของคุณ” พอทุกอย่างเรียบร้อยอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ
จานอาหารพร้อมเครื่องเคียงถูกยกมาวางตรงหน้าผม
ผมเหลือบมองเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ

“จะให้ป้อนอ่อ”
แน่นอนสิครับ นี่คนป่วยนะ ผมกระพริบตาแรงใส่เป็นการตอบไป
เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างผม
มือหนาหั่นแซลม่อนย่างเป็นคำเล็กอย่างชำนาญ
แล้วใช้ส้อมจิ้มขึ้นมาจ่อปากผม
ก่อนที่เขาจะวกมันกลับไปเข้าปากตัวเอง
เขาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“เพชร”
ผมมองตาขวางแล้วตีมือเพชรแรงๆ ไปทีนึง โทษฐานที่ยั่วยุ
“โอ้ย ผมเจ็บนะคุณ ฮ่าา”
“เร็ว! เราหิว”
“ค้าบบ ผมแกล้งเล่น แหมม”
พูดจบเขาก็ตั้งใจหั่นแซลม่อนอีกครั้ง รอบนี้มันถูกป้อนเข้ามาในปากของผม
ผมเคี้ยวอย่างตั้งใจแล้วหลับตาพริ้ม
อื้ม อร่อยจัง ++

ระหว่างนั้นเพชรก็ชวนคุยบ้าง แต่ผมก็แค่พยักหน้ากับส่ายหัวเป็นการตอบเขาเท่านั้น
รู้สึกเพลียเลยไม่อยากพูดอะไรมาก


กินข้าวเสร็จคนตัวสูงก็บังคับให้ผมกินยาหลังอาหาร
พอกินยาเข้าไปผมก็ง่วงอ่ะดิ
“คุณ เราง่วงอ่ะ”
“งั้นนอนมั้ย” คนที่ยืนล้างจานอยู่ที่ซิงค์หันมามอง
“นอน” ผมที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพยักหน้ารับแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป
แต่ไม่ลืมบอกคนที่ด้านนอกว่า “รอตรงนั้นนะ” นิ้วเรียวชี้ไปที่โซฟาในห้องรับแขก
“ครับ” เขายิ้มแล้วตอบรับ


หลับไปจนเต็มอิ่มผมก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“ครับแม่” ผมรับสายน้ำเสียงงัวเงีย
“เย็นนี้ว่างมั้ยลูก แม่ว่าจะให้หนูไปงานเปิดตัวน้ำห้องของพี่เฟอร์แทนแม่”
“พี่เฟอร์ ลูกสาวคุณป้าผ่องใสหรอครับ”
“ใช่แล้ว แม่เพิ่งนึกได้ว่างานจัดวันนี้”

“แต่ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะครับ”
“แม่ให้เลขาแม่เตรียมให้แล้วครับ อีกครึ่งชั่วโมง Invitation card แล้วก็ชุดของลูก พร้อมช่างหน้า ช่างผม จะไปถึงที่คอนโด อาบน้ำรอได้เลย”
“อ่าา โอเคครับแม่”
อยู่ๆ ก็งานเข้าแฮะ
วางสายจากแม่ปุ๊ป ผมก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ที่รู้สึกหดหู่ใจชะมัดเลย
แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นา...


“คุณณณ” พอนึกได้ผมก็ตะโกนเรียกคนด้านนอก
“คุณตื่นแล้วหรอ” เพชรพูดตอบ เสียงเขาใกล้เหมือนกับยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“ตื่นละ คุณเข้ามาสิ”

เพชรเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม
ร่างสูงหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง แล้วมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ
“คุณสะสมแบร์บริคอ่อ” ทันทีที่ดวงตาคมเห็นตุ๊กตาหมีเหล่านั้น
เขาก็จ้องมองมันอย่างไม่ละสายตา

“ช่าย ส่วนมากผู้ชายซื้อให้อ่ะ”
เพชรหันควับกลับมามองหน้าผมทันที “งี้ก็แสดงว่าผู้ชายของคุณคงเยอะมาก...
...เกินสิบ”
“หลอกเล่นได้ป่ะ” พอเห็นเขาทำหน้าจริงจัง ผมเลยต้องรีบเฉลยแล้วทำเป็นหัวเราะ
“ค้าบ เชื่อก็ได้...แล้วนี่คุณดีขึ้นยัง”
“นิดนึงอ่า ยาแม่งทำให้ง่วงทั้งวันเลย”
“แล้วคุณจะกินไรเลยมั้ย”
“ยังอ่ะ เดี๋ยวต้องไปงาน”

“หื้มม” เขาขมวดคิ้ว
“แม่โทรมาเมื่อกี้ บอกให้ไปงานแทนอ่ะ”
“แล้วคุณไหวอ่อ”
เขาไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากผม

“เราไม่ได้ตัวร้อนซะหน่อย” ผมเอามือตัวเองขึ้นมากุมมือเพชรที่แตะหน้าผากผมอยู่
เขาทำท่าเหมือนคนที่ตกใจในท่าทีของผมแต่ก็ไม่ได้ชักมือออก
ผมจับมือเขาแน่นขึ้นแล้วหลับตาลง

ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ว่าเตียงยวบลง อาจเป็นเพราะเพชรลงมานั่งบนเตียงข้างผม

“อ้อนผมอ่อ” เขาใช้มืออีกข้างลูบหัวผมแล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เปล่านะ...เราแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวตอนป่วย”

“ตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้กับคุณแล้วนิ”
“ก็ต้องจับไว้เดี๋ยวเพชรหนีเราไป”

 “แบบนี้แหละเค้าเรียกว่าอ้อน”
“เปล่านะ”

มือที่กุมกันอยู่บริเวณหน้าผากถูกเลื่อนลงมาแถวปลายจมูก
ผมเอานิ้วของเพชรถูวนไปมาบริเวณนั้น ผมได้กลิ่นน้ำหอมของเขาที่นิ้วมือเรียว
จะว่าไปนิ้วของเขาก็ยาวดีเหมือนกัน

ตอนนี้ริมฝีปากบางของคนป่วยอย่างผมกำลังสัมผัสกับนิ้วมือเรียวของเพชร
ผมแค่อยากจะมั่นใจว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียวในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก
 

แล้วผมก็เหมือนจะเผลอหลับไปอีกแปปนึง ก่อนจะรู้สึกตัวขึ้นเพราะว่าเพชรปลุก
เขาบอกผมว่าช่างหน้า ช่างผมมาถึงแล้ว

ผมต้องลุกขึ้นอาบน้ำ แล้วออกไปสวัสดีพี่ช่างหน้า ช่างผมที่มาแต่งให้ผมเป็นประจำเวลาจะออกงาน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผมนิ่งมาก ไม่ได้คุยอะไรกับพี่เขามากนัก เพราะออกตัวก่อนแล้วว่าไม่สบาย ในระหว่างนั้นเพชรก็ย้ายไปนั่งทำการบ้านที่โต๊ะกินข้าว เขามองแล้วส่งยิ้มมาให้ผมเป็นระยะ จนพี่ช่างหน้าช่างผมแอบแซว

พอแต่งหน้าทำผมเสร็จ ผมก็แต่งตัวในห้องอีกครู่หนึ่ง เช็คลุคเรียบร้อยก็ได้เวลาไปงาน
เพชรอาสาขับรถพาไป แล้วก็บอกว่าจะนั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรม


“คุณไปรอที่ห้องอาหารก็ได้นะ จะได้หาไรกินด้วย”
ตอนนี้เราถึงโรงแรมแถวสาทรที่จัดงานแล้ว กำลังเดินจากลานจอดรถไปที่ลิฟต์
ดูเหมือนว่าเพชรจะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย ผมเลยสั่งให้เขาไปนั่งกินข้าว

“ดีเหมือนกัน เสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปรอคุณที่ล็อบบี้นะ”
“อื้ม ใช้นี่จ่ายละกัน” พูดจบผมก็ยื่นบัตรเครดิตใบสีดำให้เขาไป

“เห้ยไม่เอา” เขาดันบัตรกลับคืนมา
“เอาไป”
“ไม่เอา”
“เพชร”
“หงส์”
“พูดยากว่ะ”
“ใช่ดิวะ” คนด้านข้างต่อล้อต่อเถียง แล้วจ้องหน้าผม
“อืม ตามใจเพชร” ผมเก็บบัตรเข้ากระเป๋า แล้วขึ้นลิฟต์ไป
ส่วนเขาต้องลงไปห้องอาหารที่อยู่ด้านล่าง เราจึงแยกกันตรงนี้


บรรยากาศภายในงานก็เหมือนงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้าทั่วไปที่เคยไปร่วม แต่อาจจะพิเศษตรงที่สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ
มีรายการบันเทิงเกี่ยวกับแวดวงไฮโซมาขอสัมภาษณ์ประโยคเด็ด ประโยคแซ่บรับหน้าฝนจากผมด้วย

ผมไม่ลืมหยิบกล่องของขวัญที่คุณแม่เตรียมไว้ มามอบให้พี่เฟอร์เจ้าของงานพร้อมกับถ่ายภาพร่วมกันตรง backdrop ด้านหน้างาน แล้วต่อด้วยการเดินสวัสดีแขกผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักแทนคุณแม่ เพราะวงการนี้คอนเนคชั่นเป็นสิ่งสำคัญ

ตอนนี้แขกทุกคนเข้ามาด้านในงานแล้ว บนเวทีกำลังมีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำหอมตัวใหม่ ซึ่งผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับงานในวันนี้มากนัก ทั้งที่ปกติผมค่อนข้างสนใจในกลิ่นน้ำหอม อาจเพราะเพลียอยู่ไม่น้อย

ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจจะกลับ ก็มีเสียงเรียกผมดังมาจากด้านข้าง
“สวัสดีครับน้องวีรินทร์” ผมหันมองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา
“อ้าว หวัดดีครับพี่แฟรงค์” ผมยกมือขึ้นไหว้คนที่อายุมากกว่าผมไม่กี่ปี

“มาด้วยหรอเรา ทำไมพี่ไม่เจอตรงหน้างาน”
“วีก็ไม่เจอพี่แฟรงค์ ก่อนเข้างานก็ไปสวัสดีป้าผ่องกับพี่เฟอร์แล้วนะครับ”
พี่แฟรงค์เป็นลูกชายของคุณป้าผ่องใส แล้วก็เป็นน้องชายของพี่เฟอร์เจ้าของงาน

“หะหะ สงสัยเราจะคลาดกัน แล้วนี่วีดื่มอะไรยัง”
พี่แฟรงค์มองมือผมที่ไม่ได้ถือเครื่องดื่มอะไร ก่อนจะหันไปหยิบแก้วแชมเปญจากพนักงานเสิร์ฟมาให้ผมแก้วนึง

แน่นอนว่าต้องรับมาไว้ในมืออย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วเราก็ชนแก้วกัน
ผมคุยกับพี่แฟรงค์อยู่ครู่ใหญ่เพราะเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านเราสองคนค่อนข้างสนิทกัน เลยมีเรื่องอะไรให้คุยกันเยอะแยะเลย พี่แฟรงค์จบโทจากอังกฤษแล้ว ตอนนี้กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านอย่างเต็มตัว ส่วนผมก็อัพเดตชีวิตการเรียนทั่วไป

รู้ตัวอีกทีแชมเปญก็หมดไปสามแก้ว
ดื่มจนลืมป่วยเลย!
พอผมเริ่มรู้สึกมึนหัว เลยขอตัวกลับบ้านก่อน
พี่แฟรงค์เสนอตัวจะมาส่งผมที่คอนโด แต่ผมบอกว่ามีเพื่อนขับรถมารับ
เขาเลยมาส่งผมตรงล็อบบี้แทน

“อุ้ยย” ผมตัวเซนิดนึงตอนที่อยู่ในลิฟต์ คงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วตอนนี้
“ระวังครับน้องวี” คนด้านข้างเข้ามาประคองตัวผมเอาไว้  “ขี้เมานะเราเนี่ย”
“วีเปล่านะ พี่แฟรงค์อ่ะมอมวี” มือเรียวถูกยกขึ้นมาเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผาก
แล้วพี่แฟรงค์ก็เดินมาส่งผมถึงล็อบบี้ ที่มีเพชรนั่งรออยู่


ตอนนี้ภาพที่ผมมองเห็นมันค่อนข้างเบลอนิดหน่อย หนังตาก็ยากที่จะยกขึ้น
“งานเลิกแล้วหรอคุณ” คนที่เพิ่งลุกจากโซฟาพูดถามทันที
เขามองผม สลับกับมองคนที่เพิ่งเดินหันหลังกลับขึ้นไป
“ยังอ่ะ แต่รู้สึกมึน”
ผมถอดสูทที่สวมอยู่ส่งให้เพชร
เขารับไว้ก่อนจะเดินมาประคองไหล่ผมเพื่อเดินไปที่รถ
“คุณดื่มหรอ”
“นิดเดียวเอง”
“หึ”


ระหว่างทางเดินมาที่รถ เพชรไม่ได้พูดอะไร
เขาแค่ประคองให้ผมมานั่งบนเบาะด้านข้างคนขับให้เรียบร้อย

ผมยอมรับว่าผมเมา เมาตั้งแต่อยู่ในงานแล้วครับ
แล้วคุณรู้อะไรมั้ยครับ การที่เมาแล้วต้องประคองสติตัวเองให้ดูเหมือนปกตินี่

แม่งโคตรยากเลยนะ

จะทำอะไรก็ต้องรักษาหน้าวงศ์ตระกูล รักษาหน้าแม่ และรักษาหน้าตัวเอง
เพราะว่าเมื่อกี้ผมยังอยู่ในงาน แล้วก็ยังอยู่ในล็อบบี้โรงแรมเลยต้องทำเป็นนิ่งไว้
ทำได้แค่พยายามเดินให้ตรงที่สุด แล้วฉีกยิ้มให้คนที่มองมา หรือยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อลาท่านก็เท่านั้น


แต่ตอนนี้ผมอยู่ในรถส่วนตัวของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นสติสัมปชัญญะจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป
“กูเมาโว้ยยยยย”
ทันทีที่ขึ้นรถผมก็ปลดกระดุมด้านบนออกสามสี่เม็ด แล้วก็ดึงชายเสื้อพร้อมกับปลดเข็มขัดออก
ก็มันอึดอัดอ่ะ
ไม่รู้แม่เลือกชุดอะไรให้ผมใส่ เสื้อผ้าวันนี้มันถึงได้ฟิตไปหมดทุกส่วนขนาดนี้

นี่ถ้าไม่เกรงใจเพชร ผมจะถอดกางเกงละ หรือจะถอดดี ก็ไม่ได้อายซะหน่อย
เห้ย คิดอะไรวะนั่น ทำแบบนั้นไม่ได้นะหงส์
ผมเรียกสติตัวเอง แม้ว่าจะเมา แต่ผมก็ไม่ควรแก้ผ้าให้คนที่จีบผมดู
 
ผมมองไปยังกระจกมองข้างเห็นเพชรกำลังเอาสูทไปแขวนที่เบาะด้านหลังรถ

ไม่นานเขาก็ขึ้นมานั่งที่ตำแหน่งคนขับ
ทันทีที่เขาหันมามองผม เขาก็ชะงักไป
“คุณ” เสียงแข็งเชียว
“ค้าบบบผม” ผมมองคนด้านข้างตาเยิ้ม แล้วพูดเสียงยาน
“ปลดกระดุมทำไม แล้วถอดเข็มขัดออกทำไมนั่น”
“ก็มันอึดอัดอ่า หรือคุณเพชรจะให้ถอดกางเกงด้วย”
ผมยิ้มหวานใส่ แต่ดูท่าทางเขาจะไม่เล่นด้วย แถมยังเก็กหน้าดุ แล้วเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม
“นั่งนิ่งๆ ล่ะ” เขาชี้นิ้วสั่งผม ส่วนผมก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ

ระหว่างทางเพชรไม่ได้พูดอะไร แต่เปิดเพลงเบาคลอไป
ผมนิ่งมานานตามคำสั่งของเพชรมานาน จึงได้จังหวะแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าเขา
ก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้เขาให้มากขึ้น
“ทำไมถึงจีบเรา”
นั่นไง ถามอะไรออกไปเนี่ย คุมตัวเองไม่ได้เลยใช่มั้ยหงส์
“ก็ #@%^%&”
ผมไม่ได้สนใจคำตอบร่ายยางของเพชร แต่กลับเอาหัวไปซบไหล่แกร่ง พร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกอดเอวเพชรไว้แน่น
สิ่งที่ผมทำตอนนี้ ทำให้เขาดูเหมือนจะชะลอความเร็วของรถลงนิดหน่อย

และแม้ว่าจะมึน แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเพชรตัวแข็งทื่อ
แค่ตัวนะครับ!!

“เพชร” ผมเรียกเขาเสียงอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
ตอนนี้ผมกำลังพ่นลมหายใจรดต้นคอเพชรอยู่ หน้าผมใกล้กับหน้าของเขามาก

“ครับ” คนตรงหน้าตอบรับ แล้วเหลือบลงมามองเล็กน้อย
ก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ

สันกรามคมที่อยู่ไม่ห่างจากสันจมูกผมนัก มันช่างดูรับกับสันจมูกโด่งของเขาเสียจริง
ยิ่งพอมองรวมๆกับริมฝีปากบางและผิวหน้าขาวใสที่รู้ว่าเพชรก็ดูแลตัวเองไม่น้อยยิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่

อีกทั้งกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่คาดว่าเขาฉีดตั้งแต่เช้า แต่ยังติดทนถึงตอนนี้
ยิ่งทำให้ผมอยากจะกอดรัดตัวเพชรให้แน่นขึ้นไปอีก


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะประหลาดใจในอะไรหลายอย่างในตัวเพชร
แต่ถ้าดูจากโปรไฟล์ของเขาที่ไอ้มิวไปสืบและส่งมาให้ผมนั้น ก็ทำให้ผมไม่แปลกใจ

เพชรไม่ใช่แว๊นซ์
แต่เพชรก็คือเพชร


“ว่าไงคุณ” เขาถามผมอีกรอบเมื่อเห็นว่าผมยังนิ่ง แล้วเอาแต่จ้องมองหน้า
แหงสิ ผมคิดพิจารณาตัวเขาอยู่นี่นา


เพชรหล่อว่ะ

นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้
มิน่า เวลาที่เพชรเข้ามาในคลาสหรืออยู่ในมหาลัย
ผู้คนถึงได้มองตามเป็นตาเดียวกัน

“เพชร” ผมเรียกเขาอีกครั้งแล้วมองคนตรงหน้าตาเป็นประกาย

“ครับ” ร่างแกร่งที่ผมกอดอยู่ตอบรับ


“เราไม่ได้มีอะไรกับใครนานแล้วอ่ะ
.
.
.
เพชรทำให้เราหน่อยนะ”


พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากบาง ลงบนคอขาวของเขาทันที


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 8 : Event

กรี้ดดดด หนูหงส์ แบบนี้ก็ได้หรอลูก ตายแล้วววววว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 10:23:20 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อู้............หงส์ แรงอ่ะ  o22
เพชร ไม่ตาค้าง เอ้อ......แข็งเหรอเนี่ย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่น่าจะช้อคนะ
ไม่รู้เครื่องดื่มที่พี่แฟรงค์ ให้มีอย่างอื่นผสมด้วยมั้ย สงสัย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค้างงงงง...สนุกค่า..รอติดตามนะคะ  ชอบนายเอกแบบนี้ 555 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ออกตัวแรงขนาดนี้ เพชรจะช็อคนะหงส์

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อื้อหือออ เด็ด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อู้............หงส์ แรงอ่ะ  o22
เพชร ไม่ตาค้าง เอ้อ......แข็งเหรอเนี่ย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่น่าจะช้อคนะ
ไม่รู้เครื่องดื่มที่พี่แฟรงค์ ให้มีอย่างอื่นผสมด้วยมั้ย สงสัย  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เพชรแย่แน่ หงส์เมาแล้วยั่วขนาดนี้ 55555

ขอบคุณที่ติดตามนะค้าบบ


ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
วี๊ดวิ๊วว~~นางเริ่ดมากค่ะคุณ รู้สึกดีที่ทั้งคู่จะมีไรกันโดยที่ไม่อ้างว่าเมาแล้วโดนปล้ำแบบทั่วไป แลดูไม่จำเจดี เราชอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2017 06:24:39 โดย pktherabbit »

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ค้างงงงง...สนุกค่า..รอติดตามนะคะ  ชอบนายเอกแบบนี้ 555 :hao7: :hao7: :hao7:

แอร้ยย ขอบคุณที่ชอบนะค้าบ จะรีบมาอัพต่อเร็วๆ เลย  :mew1:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 9
Kiss

“เราไม่ได้มีอะไรกับใครนานแล้วอ่ะ
.
.
.
เพชรทำให้เราหน่อยนะ”
พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากบาง ลงบนคอขาวของเขาทันที

“คุณ อย่า” เหมือนว่าผมกำลังโดนเจ้าของร่างแกร่งพูดห้ามด้วยเสียงกระเส่า
ผมปล่อยปากออกมา แล้วเงยหน้ามองเขาว่าแท้จริงแล้ว เขาห้ามผมจริงๆ หรือแค่พูดไปตามมารยาทกันแน่
สมองผมประมวลผลไม่ได้ แต่ที่เห็นตอนนี้คือ เพชรยังคงตัวแข็งทื่อ
ผมจึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ไม่สิ ไม่ได้ตัดสินใจเลยด้วยซ้ำ
เรียกว่าถามโพล่งออกไปเลย น่าจะดีกว่า
“เพชรแน่ใจหรอ ที่บอกว่าอย่า”
มือเรียวของผมที่โอบตัวเพชรอยู่ ค่อยๆ ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเอื้อมมาแตะปากบางสีชมพูระเรื่อแล้วบีบเล่นไปมา

“นะ เพชร ทำให้หงส์หน่อยน้า”
ถ้าเป็นตอนที่ผมปกติ ผมคงไม่มีทางพูดแล้วก็ทำอะไรแบบนี้แน่
พูดจบผมก็เลื่อนมือลงมาเรื่อยๆ จากที่สัมผัสปากอยู่ ก็เปลี่ยนมาสัมผัสที่คาง แล้วไล้ลงมาบริเวณคอ จนหยุดที่หน้าอกของเขา ไม่ช้ากระดุมเสื้อเม็ดแรกของเพชรก็ถูกแกะออกอย่างชำนาญ ก่อนที่อีกสองเม็ดจะถูกปลดตามมา
ดูเหมือนว่าเพชรจะเคลิ้ม
เขาตัดสินใจจอดรถเข้าขางทางทันที

“คุณหงส์ หยุด” พูดจบเพชรก็แกะตัวผมออกจากตัวเขาพร้อมกับหันมาทำหน้าดุใส่
“ทำไมอ่า” ตอนแรกก็เหมือนจะเคลิ้ม แล้วทำไมต้องมาทำหน้าดุ
ผมมองเขาด้วยความไม่ค่อยเข้าใจ
“เราจะทำแบบนี้กันไม่ได้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้” คนตรงหน้ายกมือทั้งสองขึ้นมาห้าม แล้วพ่นลมหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะหลับตาลงและทิ้งตัวไปพิงเบาะ

หักห้ามใจงั้นหรอ

“ก็ไหนบอกว่าจีบเรา” ผมเริ่มเสียงแข็ง
เขาจีบผม แต่ไม่ยอมตามใจผม มันจะใจร้ายเกินไปหน่อยมั้ย
“ก็ใช่ แต่มันต้องไม่เป็นแบบนี้ คุณเข้าใจมั้ย”
เพชรพยายามจะอธิบาย แต่ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“เออ ไม่เอาก็ไม่เอา” หงุดหงิด
จะพูดทำไมมากมาย สุดท้ายความหมายก็คือ ไม่!

ผมหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดประตูลงจากรถด้วยความโกรธ
ผมขาดสติ
และอย่าให้ตอบเลยครับ ว่ากำลังคิดจะทำอะไร หรือจะไปที่ไหน
เพราะผมก็คิดไม่ออกเหมือนกัน บอกแล้วว่ากำลังขาดสติ
รู้แต่ว่าไม่พอใจอย่างมากที่ถูกขัดใจ สัญชาตญาณจึงสั่งให้เหวี่ยงไปก่อน

“คุณหงส์จะไปไหน” มองด้วยหางตาก็รู้ว่าเขากำลังรีบวิ่งเข้ามาหาผม
แต่ผมคงไม่อยู่รอให้เพชรมาจับตัวผมได้หรอกนะ

ผมรีบวิ่งให้เร็วขึ้นแต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนมันมึนแอลกอฮอล์มันจะไปวิ่งเร็วกว่าคนปกติได้ยังไง สุดท้ายเพชรก็คว้าแขนผมไว้แล้วก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด

เขากอดผมไว้แน่นจนเริ่มรู้สึกร้อน มือของเพชรยกขึ้นมาลูบหัวเบาๆ แล้วร่างสูงก็บ่นอู้อี้ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ พอถูกทำให้สงบลงได้ผมก็ยอมกลับมาขึ้นรถแต่โดยดี หลังจากนั้นไม่นานผมก็หลับไป


06:09

เช้าวันศุกร์ที่ผมรู้สึกตัวตื่นอย่างไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ไม่รู้ทำไมเวลาเมาร่างกายของผมมักจะรู้สึกตัวตั้งแต่เช้าตลอด มือซ้ายขยับนิดหน่อยเพื่อเปิดม่านรับแสง ก่อนที่มือขวาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลา แล้วก็ได้เห็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอเต็มไปหมดจนต้องวางมันกลับไปไว้ที่เดิม ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ต่อด้วยการเดินไปเปิดตู้เย็นเทน้ำส้มแมนดารินผสมเกล็ดส้มใส่แก้วแล้วดื่มแก้อาหารมึนหัว

พอนั่งตั้งสติได้สักพัก ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ลอยมา

“WTF!!!!” ผมอุทานกับตัวเองก่อนจะเอาหัวโขกเก้าอี้ไปหนึ่งที เป็นการลงโทษ
ทำบ้าอะไรลงไปวะนั่น

ใช่ว่าเมื่อคืนผมจะขาดสติขนาดนั้น ผมจำทุกอย่างได้ จำได้ดีด้วย
ผมรู้ว่าผมทำอะไรลงไป
แต่ผมแค่ขาดความยับยั้งชั่งใจก็เท่านั้นเอง
และนั่นทำให้ผมต้องมานั่งละอายใจกับตัวเองอยู่ในตอนนี้

“หมดกัน”
ผมตัดสินใจคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้ง
ภาพที่ผมพูดขออะไรแบบนั้นออกไป
ภาพที่ผมกอดเพชร
ภาพที่ผมเอาปากไปจูบคอเพชร
ภาพที่ผมปลดกระดุมเสื้อเพชร
ภาพที่เพชรปฏิเสธผม
ภาพที่ผมวิ่งลงจากรถ

โอ้ยย มันแย่มาก ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว
สิ่งที่ผมสร้างเอาไว้มันได้พังทะลายลงไปหมดแล้ว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

โกรธตัวเอง ผมนึกโกรธตัวเองมาก ว่าแล้วผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำแล้วล็อคประตูแน่น
ก่อนจะเปิดน้ำให้เต็มอ่างอาบน้ำ ตีฟองให้ล้น แล้วถอดเสื้อผ้ากระโจนลงไป
ผมมุดหัวลงในน้ำแล้วกลั้นหายใจเท่าที่ร่างกายคนเราจะกลั้นได้ ก่อนจะผุดขึ้นมารับออกซิเจนให้เต็มปอด
แล้วมุดลงไปใต้น้ำ ขังตัวเองไว้อย่างนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้า

ถ้าเมื่อคืนมันคือการทำความผิด นี่ก็เรียกมันว่าบทลงโทษแล้วกัน
จะได้จำแล้วจะได้ไม่ทำอย่างนั้นอีก
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ผมตะโกนลั่นห้องน้ำ ก่อนจะพยายามสลัดภาพพวกนั้นในหัวออกไป
เกือบสองชั่วโมงในห้องน้ำกับการพยายามลบความผิดในใจ
ถือเป็นช่วงเวลาที่ผมอยากจะอยู่คนเดียวซักพัก ถ้าไอ้มิวไม่ไลน์มาบอกว่า
‘วันนี้มาเรียนด้วย มีควิซเช้า’

ผมต้องกดความละอายไว้ในใจ แล้วหยิบชุดนิสิตขึ้นมาสวม ก่อนจะฉีกยิ้มให้ตัวเองที่หน้ากระจกหนึ่งที แล้วพูดเบาๆ ว่า
“Fine”


09:13

ผมเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัย แม้มันจะเรียกยากเรียกเย็นแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เรียกได้อยู่ดี เพราะวันนี้ไม่ค่อยมีสติเลยไม่อยากขับรถเท่าไหร่ ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าไอ้มิวมันจะยังไม่รู้เรื่องเมื่อคืน และก็ได้แต่คาดหวังว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นจะยังไม่พูดอะไรให้เพื่อนของผมฟัง

“ไงมึง ดีขึ้นยังวะ” ผมตรงเข้ามาหาเพื่อนของผม ไอ้คนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
“อืม ก็ดีขึ้นแล้วว่ะ” ผมพูดตอบมันแล้วนั่งลงด้านข้าง
ระหว่างนั้นผมก็เงียบแล้วมองไอ้มิวอย่างไม่วางตา จนคนที่หันกลับไปจดจ้องกับมือถือรู้ตัว แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ
“จะมองกูอีกนานมั้ยครับ...เออ โทษทีนะที่เมื่อวานกูไม่ได้ไปหา”
“ไม่เป็นไรมึง”

“แต่กูก็ส่งเพชรสุดหล่อไปหามึงแล้วน้า” แล้วไอ้เพื่อนบ้ามันก็ทำเสียงทะเล้นใส่
ทันทีที่ได้ยินชื่อคนๆ นั้น ผมก็หน้าตึงแล้วยกมือขึ้นตบปากไอ้มิวทันที
“ทำไมวะ มึงทะเลาะกันอ่อ” เพื่อนที่โดนผมตบปากไม่แรงนักถึงกับงง
เออ ก็น่างงอยู่หรอก มันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี่หว่า
“เปล่า เลิกพูดถึงคนอื่นดิ๊” ผมเอ็ดมัน แต่ดูเหมือนไอ้มิวจะงงไม่หายถึงได้ถามต่อ
“ก็เห็นวันนั้นยังดีกันอยู่นี่นา”
“มิว” ผมดุมันอีกครั้ง ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับมานั่งกอดอกหน้านิ่ง

หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาควิซ 30 นาทีแล้วก็สอนต่อ ระหว่างเรียนผมไม่พูดอะไรกับไอ้มิว พยายามตั้งใจเรียนให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนจะไม่เข้าหัวผมเลย เพราะตอนนี้มีแต่ภาพอะไรที่ผมไม่ควรจะจำลอยขึ้นมาเต็มไม่หมด

ทั้งภาพ เสียง รวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมของเขา อะไรมันจะชัดเจนขนาดนี้
บอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับใคร
หมายถึงว่าไม่เคยออกตัวแรงจนน่าเกลียดแบบนั้น
ได้โปรดเถอะ
ได้โปรดเอาควาทรงจำเมื่อคืนออกไปจากหัวผมที

“แม่ง” ผมเผลอหลุดพูดออกมาพร้อมกับทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ จนเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงไอ้มิวต่างพากันหันมามอง
แต่ผมไม่ได้สนใจ
สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้กับตัวเอง ผมตัดสินใจเก็บชีทลงกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องเงียบๆ
หวังว่าจะไปหาที่นั่งสงบสติอารมณ์ซักหน่อย

ผมจึงเดินมาแถวม้าหินอ่อนด้านข้างคณะ ที่ตอนนี้มีคนไม่มากนัก
พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นมิสคอล แล้วก็ไลน์แจ้งเตือนจากคนที่ผมอยากจะลืมเด้งขึ้นมานับสิบ นั่นทำให้ผมตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงไป

“มึงเป็นไรวะ อาการยังไม่ดีหรอ” ระหว่างที่ผมกำลังเสียสติ ไอ้เพื่อนรักก็นั่งลงด้านข้าง มันพูดพร้อมกับยื่นชาเขียวปั่นมาให้
ผมรับมาไว้ในมือแล้วก้มลงดูด ก่อนจะจ้องไอ้มิวนิ่ง
“มึง กูแม่งโคตรแย่” พูดจบผมก็ดูดชาเขียวอีกรอบ แล้วหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เกิดไรขึ้นกับมึง”
“เมื่อคืนนี้กูเมา...” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดบอกช้าๆ
“จากงานที่มึงไปอะนะ” ไอ้มิวถามกลับ

“อื้ม...
…พอกูเมา กูก็เลย
ขอให้เพชรมีอะไรกับกูอ่ะ” แม้เสียงช่วงท้ายจะแผ่วลง แต่มันก็คงจะดังพอที่จะทำให้ไอ้มิวได้ยิน แล้วทำหน้าอึ้งไปครู่หนึ่ง
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านข้าง ส่วนผมก็นั่งนิ่งดูดชาเขียวปลอบใจตัวเอง
“แล้ววว ยังไง อย่าบอกนะว่า...” ไอ้มิวพูดถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“เปล่า เพชรไม่ทำ เค้าบอกว่าไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“เชรดดดด แม่งโคตรหล่อ” ได้ยินแบบนั้นไอ้มิวก็ยิ้มออก มันตบขาตัวเองผาดๆ
“แต่กูนี่สิ กูโกรธเพชร แล้ววิ่งลงจากรถ” พูดจบผมก็ยกมือเรียวมาปิดหน้าตัวเอง ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความละอายใจ
“มึงเมามากสินะ” แล้วไอ้มิวก็เอามือมาตบไหล่ผมปุๆ เหมือนจะเป็นการปลอบใจ
“กูไม่ได้เมามากนะ แต่กูห้ามตัวเองไม่ได้ว่ะ”
ก็อย่างที่บอกไป ผมขาดความยับยั้งชั่งใจ อะไรๆ เลยออกมาเป็นแบบนี้

“หงส์” ไอ้มิวสะกิดเรียกให้ผมเงยหน้า
ผมเงยหน้าขึ้นมามองมัน แล้วทำหน้ามุ่ยใส่
“มึงตกหลุมรักมันแล้วใช่เปล่าวะ”
จบคำพูดของมิว ผมถึงกับนิ่ง พูดอะไรไม่ออก
ผมไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นมันแปลว่ายังไง

ตกหลุมรักหรอ
เร็วไปมั้ย

“กู
กูไม่รู้” ผมตอบเสียงนิ่ง
“อื้ม ไม่เป็นไร มึงไม่ต้องรีบตอบกูก็ได้ แล้วนี่มึงจะทำไงต่อไป”
“กูก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ”
“มึงคงกำลังรู้สึกแย่ใช่ป่ะ ภาพที่มึงอยากให้เพชรมอง คงไม่ใช่แบบเมื่อคืน”

เหมือนแทงใจดำผมเลยครับ ไอ้มิวมันรู้ใจผมที่สุด
ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมไม่อยากสร้างภาพจำไม่ดี ผมไม่อยากให้เขามองผมไม่ดี

“อืม” ผมพยักหน้ารับ

หลังจากนั้นเราสองคนก็นิ่ง ไอ้มิวพยายามพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมสบายใจขึ้นจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ไอ้มิวขอตัวไปเก็บของในห้องเรียนเพราะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว มันให้ผมนั่งรออยู่นี่ ระหว่างนั้นผมก็นั่งมองท้องฟ้า แสงแดดไปพลางๆ

“มึงกลับมาเร็วจัง” ทันทีที่รู้สึกว่ามีคนมานั่งด้านข้าง ผมก็พูดขึ้น เพราะมันน่าจะยังไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำที่มิวมันเดินไป
“มานานแล้ว”
ไม่ใช่เสียงไอ้มิว ผมหันควับไปมองเจ้าของเสียงที่มาใหม่
“คุณ”
“ใช่ ผมเอง” คนด้านข้างยิ้มกว้าง แต่ทำไมมันกลับเป็นรอยยิ้มที่บาดใจยังไงไม่รู้
ผมหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินหนีเขา

จะอยู่ให้อายหรอครับ

“อ้าว คุณ จะไปไหนอ่ะ” เสียงเพชรตะโกนตามหลังผมมา

นั่นทำให้ผมรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างทางก็ดันต้องผ่านโรงอาหารคณะ ซึ่งคนแม่งเยอะมาก ภาพที่คนอื่นเห็นก็คือผมกำลังวิ่งหนี ส่วนนายเพชรกำลังวิ่งไล่ หลายคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป หลายคนตะโกนเรียก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุด
ผมไม่อยากเผชิญหน้ากับเพชรในตอนนี้

“คุณ คุณหงส์” เสียงทุ้มนั่นยังคงไล่ล่าผมอยู่
ไม่รู้จะวิ่งตามอะไรนักหนา
เล่นหนังแขกอินเดียกันอยู่หรือไง

สุดท้ายผมก็วิ่งมาจนถึงริมถนนหน้ามหา’ลัย ไม่มีทางหนีไปได้ละนอกจากโบกแท็กซี่ พอหยุดวิ่งเพชรก็ตามมาทันจนได้
แขนแกร่งพาดคอผมแล้วพูดถาม

“หนีผมทำไม”
เพชรใช้ความได้เปรียบที่ตัวใหญ่กว่า ดึงตัวผมเข้ามารัดไว้จนแน่น
“เพชร ปล่อย” ผมพูดเสียงแข็งใส่เขา
“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยคุณก็วิ่งหนีนะสิ” เขาก็เสียงแข็งใส่ผม แถมยังรู้ทันผมอีก
อะไรของนายเพชรวะเนี่ย วุ่นวายชะมัด
“น่าเกลียด อายคน ทำบ้าอะไร” ผมขึ้นเสียงแล้วเหลือบมองแขนเขาที่พาดคออยู่
“ไม่มีใครเค้าสนใจหรอก”

ว่าแล้วผมก็กวาดสายตามองโดยรอบ ไม่มีใครสนใจจริงด้วย อาจจะเพราะช่วงเที่ยงทุกคนคงอยู่ในโรงอาหาร คงไม่มีใครบ้ามายืนตากแดดอยู่ริมถนนหรอก
โชคดีไป

“ปล่อย” ผมตีแขนเพชร
“ปล่อยก็ได้” เขายอมปล่อยคอผมให้เป็นอิสระ แต่กลับเอามือมาจับมือผมไว้แทน
“ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้าซักพักได้ป่ะ” ผมมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วก็ตัดสินใจพูดไปตรงๆ
“ทำไมอ่ะ คุณยังโกรธผมหรอ ที่เมื่อคืนผมไม่ทำให้คุณ”
จบคำพูดของเขา ผมก็ตบหน้าเขาไปทีนึง แต่ก็ไม่ได้แรงมากนะครับ
แต่ตบเพราะทำอะไรไม่ถูก

“น่าเกลียด พูดไรออกมา”
“อ่าว ก็นึกว่าคุณโกรธเรื่องนั้นซะอีก”
“ลืมๆ มันไปได้ป่ะ...
...แล้วก็ไม่ต้องมาเจอเราซักพัก” ท้ายประโยคเสียงผมอ่อนลงราวกับกำลังขอร้อง
ผมพูดพร้อมกับก้มหน้างุดมองต่ำ และนั่นคงทำให้เพชรพอจะเข้าใจอะไรได้

“อ่อ ผมรู้แล้ว คุณอายใช่มั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองเพชรอีกรอบ ก่อนจะหลบตา
“ผมรู้ว่าเมื่อคืนคุณเมา” น้ำเสียงของคนด้านข้างก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่คนเมาก็ไม่ควรทำอะไรแบบนั้นอ่ะ” ผมตอบกลับอย่างต่อว่าตัวเอง
ผมไม่ควรใช้สิทธิ์ความเมา ในการทำตัวไม่ดี มันไม่ใช่ข้ออ้างครับ
ผมรู้สึกโชคดีที่คนๆ นั้นคือเพชร โชคดีที่เขาไม่ทำอะไรแบบที่ผมขอ
แต่ถ้ามันเป็นคนอื่น แล้วคนๆ นั้นทำ ผมยิ่งจะต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้


“อืม แต่ผมกลับดีใจซะอีกที่คุณเลือกที่จะทำแบบบนั้นกับผม...
...เอ๊ะ หรือว่าคุณทำกับทุกคน”
“จะบ้าหรอ ทำกับคุณแค่คนเดียว เราก็อายจะแย่แล้วนะ” ผมโพล่งตอบกลับไป
ก่อนที่คนตรงหน้าจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา และนั่นทำให้ผมรู้ว่า ผมพลาดอีกแล้ว
“เชี่ย ดีใจว่ะ” ดูเหมือนเขาจะกำลังยิ้มแล้วก็พูดกับตัวเอง
ส่วนผมน่ะหรอ เลิกสบตาคนตรงหน้าแล้วก้มลงมามองพื้นแบบเดิมเลยครับ

“คุณหงส์ คุณไม่เห็นต้องอายเลย...
เรื่องเมา ใครๆ ก็เมาได้”
“อืมม” ผมตอบรับในลำคอ
“ส่วนเรื่องเอา ผมก็อยากเอา”
คำพูดของเพชรทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ส่วนเขาก็ดูเหมือนจะนึกได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา
เขายิ้มแก้เขินก่อนจะเปลี่ยนคำพูดใหม่

“ผมหมายถึงว่า เอ่อ เรื่องมีอารมณ์ มันก็มีกันทุกคนอ่ะเนอะ
ผมอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่จริงๆ เมื่อคืน ผมก็เคลิ้มนะครับ”
จากคำพูดของของเพชร แปลว่าจริงๆ แล้ว เพชรก็อยากทำ แต่รอเวลาใช่ป่าว
เขายิ้มมุมปาก ส่วนผมไม่รู้ว่าจะยิ้มยังไงดี ระหว่างที่ความคิดผมกำลังจะเตลิดผมก็เรียกสติตัวเองกลับคืนมา
“บ้า พูดไรเนี่ย” ผมตีแขนเขาไป

“อีกอย่าง
…คุณบอกว่า คุณไม่ได้ทำอย่างงี้กับทุกคนซะหน่อย
แปลว่าคุณแค่ทำกับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย”

เพชรต้องการจะสื่ออะไร
ผมมองคนตรงหน้าแล้วก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
หน้าใสของเพชรเริ่มแดงที่ข้างแก้ม อาจจะเพราะเราสองคนตากแดดนานเกินไป
ส่วนผมก็เริ่มรู้สึกหน้าร้อนอย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็คงจะเพราะแดดอีกนั่นแหละ
“หมายความว่ายังไงอ่ะเพชร”
 
“คุณชอบผม” เขาโน้มหน้าลงมาพูดใกล้หน้าผม
แต่แทนที่ผมจะเข้าใจสิ่งที่เพชรต้องการจะสื่อ ผมกลับยิ่งสับสนไปใหญ่
ไม่มั่นใจว่าเพชรเรียงประโยคผิดไปรึเปล่า

คุณชอบผม กับ ผมชอบคุณ มันน่าจะคนละความหมาย
ถ้าคุณ หมายถึงผม
และผม หมายถึงเขา
‘คุณ ชอบ ผม’ แปลว่า ‘ผม ชอบ เขา’
งั้นหรอ

“คุณเพชร” ผมตีปากยื่นๆ นั่นไปอีกทีนึง
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น
คนบ้าอะไร ทำไมโมเมไปเอง
ขอโทษนะครับ จากประสบการณ์ที่เจอมา
ฝ่ายตรงข้าม ต้องมาเป็นคนบอกชอบเราไม่ใช่หรอ
ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม ต้องมาเป็นคนบอกว่าเราชอบเขา
หลงตัวเองชะมัด!

หลังจากที่ยืนสมองตื้อตากแดดอยู่ครู่ใหญ่ จนเริ่มรู้สึกว่าหน้าร้อนไม่ไหวแล้ว
ผมจึงตัดสินใจโบกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะไปที่ไหน
โดยมีไอ้คนหน้าขาวแถมยังหลงตัวเองกระโดดตามขึ้นมาด้วย

สุดท้ายเราสองคนจึงมาโผล่ที่ยิมมวยครับ
ในวันที่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรมาเลย เราจึงซื้อชุดใหม่ และยืมนวมของทางค่าย
“กล้าสู้ป่ะล่ะ”
“ไม่กลัวอยู่แล้ว”
ผมท้าทายนายเพชร แล้วยักคิ้วใส่เขาไปทีนึง

ไม่รู้ว่าไปมายังไงถึงได้พากันมาถึงจุดนี้
จุดที่ผมเป็นฝ่ายน้ำเงิน ส่วนนายเพชรเป็นฝ่ายสีแดง
ทันทีที่ครูมะขามลั่นระฆัง ผมก็กระโจนเข้าใส่นายเพชรทันที ไม่ถึงสองนาที ฝ่ายแดงก็ลงไปนอนราบกับพื้น แล้วผมก็ชนะไป

เป็นการต่อยมวยที่คู่ต่อสู้โคตรกากเลยครับ
เออ ผมลืมไปว่าเพชรเพิ่งเรียนมวยไทยได้แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น สุดท้ายต้องพาเขาลงจากเวที เพื่อมานั่งหายใจหายคอ

ตอนนี้ผมกับเขานั่งกันอยู่บนพื้นนุ่มๆ มุมหนึ่งของยิมที่ไม่มีคนครับ
“ต่อยยังไม่แข็ง จะสู้กับเราทำไม” ผมพูดถามคนที่นั่งเหยียดขาตึงอยู่ด้านข้าง ในมือของเขาถือขวดน้ำเปล่าที่ผมไปหยิบมาให้
“ก็จะได้รู้ ว่าต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะชนะไง” คำพูดของเพชร ทำให้ผมที่นั่งท่าเดียวกันกับเขาแต่มองตรงอยู่ ต้องหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง

เขากำลังมองมาที่ผม

“แล้วรู้ยัง ว่าต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะชนะ”
“รู้แล้วครับ...”
พูดจบเพชรก็ยิ้มจนตาหยีใส่ผม

“คุณหงส์”
“หื้ม” ผมตอบรับในลำคอ
“ไม่แน่ใจว่าปากผมแตกรึเปล่า คุณช่วยดูให้หน่อย” พูดจบเขาก็เอามือเรียวไปลูบที่ปากของตัวเอง แล้วโน้มตัวเข้ามาให้ผมช่วยดู
“เราต่อยแรงขนาดนั้นเลยอ่อ”

ผมจ้องมองปากเขาอย่างพิจารณา ก็ไม่เห็นจะมีรอยช้ำอะไร
แถมคนตรงหน้ายังยิ้มกว้างได้อีก ถ้าปากแตกจริง น่าจะยิ้มแบบนี้ไม่ได้นะ

เสี้ยววินาที
ริมฝีปากบางสีส้มก็ขยับเข้าใกล้ผม

สุดท้าย
ปากของผม ก็ถูกประกบด้วยปากของเพชร
เขาบดขยี้เบาๆ จนผมต้องหลับตาลง
ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดจมูกกันไปมา


ไม่นานเขาก็ปล่อยปากผมเป็นอิสระ

ผมลืมตาขึ้นแล้มจ้องมองริมฝีปากขี้ขโมยนั่น
“ที่หมายถึงชนะ ไม่ใช่ชนะบนเวทีมวยนะครับ...
…ผมหมายถึงชนะใจคุณอ่ะ” แล้วเขาก็ยิ้มหล่อส่งมาให้ผมอีกครั้ง

ก่อนจะกลับไปนั่งอยู่ด้านข้างเหมือนเดิม
มือหนาเอื้อมมาจับมือผมไปวางไว้บนตักของเขา
ก่อนที่ผมนุ่มๆ จะซบลงมาตรงไหล่ของผมแล้วหลับตาลง
ผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นิ่งเอาไว้ ทั้งที่ข้างในมันสั่นไปหมดแล้ว
 
เหมือนกับว่าผมเพิ่งจะโดนเพชรขโมยจูบไป

จูบแรกของผมกับเพชร ที่เกิดขึ้นกลางค่ายมวย

THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 9 : Kiss



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 10:23:36 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิจฉานะขอบอก555

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ MorethanMore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
โอ๊ย อิจ อ่ะ

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 หวานมากกกกก...โง้วววมดกัด  :-[ :-[

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555


555 ใช่เลย หมดกันภาพลักษณืน้องหงส์  :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อยากได้เพชร อารมณ์อายของหงส์นี่เข้าใจเลย มันจะแบบ ไอ้บ้า ฉันทำอะไรลงไป 5555


555 ใช่เลย หมดกันภาพลักษณ์น้องหงส์  :mew1:

แต่มันก็น่าอายจริงๆนะ
คนที่ เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ซะด้วย
แอ๊ะ.......มีจูบกันที่กลางเวทีมวยด้วย  :z3: :z3: :z3:

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace


07:07

2 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาค

เช้าวันเสาร์ที่ผมอยากจะตื่นสายซะหน่อย แต่ก็ดันมีคนโทรเข้ามากวนให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเขารอเวลาให้เลขสวยอยู่รึเปล่า ถึงได้โทรเข้ามาได้ตรงเวลาเป๊ะ เจ็ดโมงเจ็ดนาที แต่อย่าหวังว่าคนอย่างผมจะยอมรับสายของเขาตั้งแต่ครั้งแรก เพราะกว่าผมจะเอื้อมมือไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายก็ปาไปเกือบเจ็ดโมงสิบห้า

นับถือในความพยายามโทรของเพชร แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เขาชักจะเอาใหญ่
เอ่อ...ไม่ใช่เอาแบบนั้นนะครับ
ผมหมายถึงชักจะเหิมเกริม ทำมาเป็นชวนไปนั่นไปนี่บ่อยขึ้น
ทำเหมือนกับว่าตัวเองจีบผมติดแล้วอะไรอย่างงั้น

แต่เอาเถอะนี่ก็รู้จักกันมาพอสมควรแล้ว น่าจะเกิน 2 เดือนละ
ถ้าผมจะไปไหนมาไหนกับเพชรบ้าง ก็คงจะไม่เสียหายอะไร
อีกอย่าง...ผมกับเพชรก็จูบกันไปแล้วเรียบร้อย
เหลือแค่มีอะไรกันเท่านั้น ก็จะครบสูตร > <

เออ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แม่งสยิวแปลกๆ ผมยังไม่อยากมีเลยว่ะ

เพราะหลังจากคืนนั้นที่ผมเมา ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสให้เกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นอีกหลายรอบ
เพียงแต่เราทั้งสองกำลังพยายามหักห้ามใจกันอยู่ ซึ่งมันจะห้ามได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว

จิตสำนึกของผมกับเขามันบอกว่าไม่ แต่ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านมันโหยหาสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับจิตสำนึก
ผมเลยแอบมีเซ้นส์ว่ามันก็คงจะเร็วๆ นี้แหละ

ผมแค่อยากใช้คำว่าแฟนก่อน แล้วค่อยเมคเลิฟกัน
แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ไม่เป็นไร ผมไม่ซีเรียส นี่มันปี 2017 แล้ว อย่าได้แคร์
 

15:44

หลังจากที่อาบน้ำพร้อมกับบำรุงผิวในช่วงบ่ายเสร็จเรียบร้อย เชิ้ตตัวใหญ่สีน้ำเงินลายซับซ้อนแบรนด์ Versace ก็ถูกหยิบมาสวมกับเข้ากับกางเกงขายาวพอดีตัวสีขาวแบรนด์เดียวกัน ฉีดน้ำหอมเพิ่มความสดชื่น จากนั้นผมก็เช็คลุคตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินออกมาสวมรองเท้าที่ตู้รองเท้าด้านหน้า วันนี้ผมเลือกรองเท้าแตะคู่สีขาวให้เข้ากับกางเกง แล้วหยิบกระเป๋าถือใบเล็กสีน้ำเงินที่ด้านในใส่ของใช้จำเป็นเอาไว้ พร้อมกับหย่อนไอโฟนสีแดงที่ไม่แมทซ์กับอะไรเลยลงไปในนั้นเพื่อไม่ให้สีมันโดดออกมา

เพชรนั่งรอผมอยู่ที่ล็อบบี้ วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนกับพวกนักซิ่งมอเตอร์ไซค์
นั่นทำให้ผมใจไม่ค่อยดี เพราะกลัวในสิ่งที่ตัวเองแอบคิดเอาไว้
ทันทีที่เขาเห็นผม คนที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้
ส่วนผมตอนนี้น่ะหรอ เอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
“ไม่ไปรถมอ’ไซค์นะ!”
คำทักทายของผมไม่ใช่คำว่าสวัสดี แต่มันก็น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะดูจากการแต่งกายบวกกับรอยยิ้มร้ายของเขา ผมคิดว่าเพชรคงมีแผนจะพาผมแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปไหนสักแห่ง
และแน่นอนว่าผมไม่เคยคิดผิด

“โถ่คุณ ไปมอเตอร์ไซค์ก็ไม่เสียหายอะไรซะหน่อย”
“พูดอะไรให้เกียรติ Versace บนตัวเราด้วย”
ผมพูดตอบแล้วเชิดหน้าใส่ ได้โปรดเถอะ ทั้งตัวผมนี่เกินแสนแล้วนะ
“Versace ของคุณ ก็เหมาะกับบิ๊คไบค์ BMW ของผมดีออก”
“ดีออกนะสิ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ จะ BMW ก็เถอะ มันก็มอ’ไซค์อยู่ดี”

“เปิดใจสิคุณ ลองเปิดใจ”
“เปิดใจอะไร เราบอกว่าไม่ ก็คือไม่”
“นะคุณณณณ”
“ไม่เว้ย...ฟังนะ เราไม่อยากเป็นสก็อย”
ทำไมผมต้องมาพูดอะไรซ้ำไปซ้ำมาด้วย สองเดือนที่ผ่านมาผมพูดคำนี้ไม่รู้กี่รอบ
บ้าบอจริง

ระหว่างที่กำลังจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ผมก็เหลือบไปเห็นตัวเองในกระจก
ถ้าใครผ่านมาเห็นเราสองคนในตอนนี้ละก็ คงจะนึกว่าเรากำลังทะเลาะกันอยู่แน่นอน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างงั้น แม้มันจะเป็นอย่างงั้นก็ตามเถอะ
ภาพลักษณ์เก๋ๆ ที่ผมสร้างให้คนในคอนโดจดจำจะต้องไม่มาพังลงเพราะเขา

ว่าแล้วผมก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำตาใส จ้องร่างสูงตรงหน้าแล้วพูดด้วยเสียงหวาน
“ก็บอกว่าไม่ เข้าใจมั้ยครับ
…ถ้าคุณเพชร ยังจีบเราด้วยการพานั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนแบบนี้
คุณเพชรคงไม่มีทางจีบเราติด”

เขาดูเหมือนจะงงในท่าทางของผม เพชรนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วยิ้มกว้างตอบกลับมา
กวนตีนไม่เบา
“แฮ่ๆ
คุณหงส์ไม่ดื้อนะครับ ก็ไหนคุณหงส์รับปากกับผมแล้ว ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน”
“รับปากครับ แต่ก็ไม่ใช่ต้องมาตากแดด ตากลมไปเที่ยวแบบนี้นะครับ”
“จะไปดีๆ หรือจะให้ผมอุ้มครับ”
เพชรขู่ผม เขาไม่พูดเปล่าแต่ขยับเข้ามาใกล้ตัวผมมากขึ้นด้วย
“ก็ลองอุ้มดูสิครับ จะโวยวายให้คนเค้ารู้กันทั่วเลย”
“คุณหงส์ไม่กล้าโวยวายหรอกครับ เดี๋ยวเสียอิมเมจ หึ”
ไม่ต้องมาแยกเขี้ยวใส่
“อย่ามารู้ทันนะครับ” ผมเริ่มกัดฟันพูด
พอหันกลับไปมองในกระจกอีกที ก็ดูเป็นรอยยิ้มที่ดูตอแหลใช้ได้
“เห้ย”
ละจังหวะที่ผมมัวแต่มองกระจก เพชรก็ก้มลงมาช้อนตัวผมแล้วก็อุ้มผมขึ้นทันที

สุดท้ายผมก็ต้องยอมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายบนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์ของเขา
เพชรสวมหมวกกันน็อคให้ผมเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ผมถูกบังคับให้ใส่เสื้อแขนยาวกันแดด หน้ากากกันลม แล้วก็อุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

ระหว่างทางผมก็นึกโมโหเพชรอยู่ในใจ แล้วก็ใช้ความคิดว่าจะเอาคืนในความเผด็จการของเขายังไงดี มีอย่างที่ไหนมาบังคับขู่เข็น รวมถึงใช้กำลังในการอุ้มผม รู้งี้ไม่มาด้วยก็ดี แถมตอนออกรถยังแกล้งด้วยการออกตัวแบบกระชากอีก ทำให้ผมต้องกอดเอวเขาไว้แน่นเพราะกลัวจะตกอย่างนี้

พอหลุดจากภวังค์ความคิดแล้วหันออกไปมองบรรยากาศรอบข้าง
ก็พบว่า ตอนนี้ไม่มีตึกสูงระฟ้าเหลืออยู่แล้ว
แปลว่านี่มันออกมานอกเขตกรุงเทพแล้วใช่มั้ย เขาจะพาผมไปไหนเนี่ย
เห็นท่าไม่ดี ผมเลยรีบยืดคอขึ้นแล้วตะโกนถามคนข้างหน้า

“จะพาไปไหน ทำไมออกมานอกเมือง”
“เอาน่า เดี๋ยวคุณก็รู้” เพชรตะโกนตอบผมพร้อมกับชะลอความเร็วลง
“เพชร มันไม่ตลกนะ จะมาทำแบบนี้ไม่ได้” ผมขึ้นเสียงแล้วทำหน้าตึงใส่ แม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม
“ใครเค้าตลกตอนขี่รถล่ะคุณ”
ดูเหมือนว่าคนด้านหน้าจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ผมเลยต้องกระตุ้นซะหน่อย

“ถ้าไม่ยอมตอบ เราจะจับ” ผมขู่เสียงแข็ง
“จับอะไรล่ะคุณณณ” นอกจากจะไม่รู้สึกรู้สา เพชรยังคงตลกกับคำพูดของผม
แต่ผมไม่ตลก ว่าแล้วผมก็เลื่อนมือที่กอดเอวเขาอยู่ ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงหัวเข็มขัด
“เห้ยยย คุณหงส์ไม่เล่นแบบนี้”

เริ่มกลัวแล้วล่ะสิ หึ
“เอาไง จะบอกไม่บอก ไม่งั้นจับ”
เพชรเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะพูดขึ้น
“อืมม ก็แล้วแต่คุณนะ ถ้าผมไม่ไหวแล้วลากคุณลงไปทุ่งนาแถวนี้ก็อย่าว่ากัน”
“ยี้ น่าเกลียดอ่ะเพชร” คำพูดของเพชรทำให้ผมกระชากมือออกจากตัวเขาอย่างอัตโนมัติ
หลังจากนั้นผมก็ยอมนั่งโง่ๆ แต่โดยดี
มีอย่างที่ไหนมาพูดว่าจะพาผมไปปู้ยี่ปู้ยำในทุ่งนา
คนอย่างผม ต้องโรงแรมหรูห้าดาว มองออกไปเห็นวิวระดับไฮเอน
รู้งี้ไปจิบชายามบ่ายกับพี่แฟรงค์ก็ดี พี่เขาอุตส่าห์โทรชวน แต่ผมปฏิเสธไป
เอาเถอะคิดมากไปก็ย้อนเวลาไม่ได้อยู่ดี ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ


เกือบสองชั่วโมงที่ผมต้องนั่งคล่อมบนบิ๊คไบค์คันโต ทันทีที่เพชรจอดรถผมก็กระโดดลงแล้วถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออกเขวี้ยงใส่ตัวเขา แล้วยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายให้ความเมื่อยล้าเข้ามาเยือน พร้อมกับเตรียมจัดหนักที่พาผมมาทรมานขนาดนี้

“นี่คุณ”
ผมเอามือสองข้างเท้าสะเอว ทำท่าจะด่าเพชร
แต่ดูท่าแล้วมันเหมือนเจ๊เก็บแชร์ในตลาด เลยต้องเอามือออกแล้วกุมไว้ด้านหลังแทน
“ว่ามาเลยครับ”
เจ้าตัวดูเหมือนจะรู้ชะตากรรม เพชรหันหลังพิงรถแล้วกอดอกนิ่ง ท่าทางชิล

“บอกแล้วไงว่าชอบ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ นี่พาเราขับมาไกลถึงพัทยา จะบ้าไปแล้ว”

ใช่ครับ ตอนนี้ผมกับเขาอยู่พัทยา จอดรถอยู่ตรงหน้าเซ็นทรัล ฝั่งตรงข้ามคือทะเล

“แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าเราไม่ชอบมอ’ไซค์ บอกกี่ครั้งแล้ว มันเหนื่อย มันร้อนเข้าใจป๊ะ
ดีนะที่มันเริ่มเย็นลงแล้ว ก็เลยไม่ร้อนมาก
ถ้าวันนี้แดดเปรี้ยงนะ เราไม่อยากจะคิดภาพเลย ว่าผิวเราจะไหม้ขนาดไหน
แล้วก็จะบอกว่า ถ้าอยากจีบเราให้ติด จากนี้ไปได้โปรดเอารถยนต์มารับด้วย

ต่อให้บิ๊คไบค์จะยี่ห้ออะไรก็เถอะ ไม่เวิร์คว่ะ!
ที่บ้านก็ทำธุรกิจอัญมณีใหญ่โต น่าจะซื้อรถยนต์ได้นะ
หรือถ้าไม่มีจะไปเช่า ไปทำยังไงมาก็ได้

ส่วนขากลับช่วยไปหารถยนต์มาพาเรากลับด้วย
แต่ถ้าหาไม่ได้เราจะให้ลุงชัย คนขับรถที่บ้านมารับ
นี่เราไม่คิดเลย ว่าชีวิตจะต้องมาถึงจุดนี้
แล้วรู้มะ...

...อื้ออ
อื้ออ”

ไอ้เพชรบ้า ระหว่างที่ผมกำลังบ่นอย่างคนเลือดพุ่งพล่าน
เพชรที่ยืนอมยิ้มมุมปากอยู่ก็โน้มตัวลงมา แล้วเอาปากมาประกบปากผม
แถมเขายังมือไว เอื้อมมือมาโอบแก้มผมไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด
ไม่รู้ว่าผมหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วทำไมไม่ขัดขืน แล้วด่าต่อ
โว้ยยย
รู้ตัวอีกทีริมฝีปากนุ่มของเพชร ก็ค่อยๆ บดขยี้ริมฝีปากบางของผมเบาๆ
มันเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ดูมั่นคง สุดท้ายสัมผัสของเขาก็ทำให้ผมเย็นลง

พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมก็รีบลืมตาขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่คนฉวยโอกาส
ดีนะที่ผู้คนรอบข้างไม่ได้สนใจ หรืออาจจะสนใจแต่ผมไม่เห็นเพราะมัวแต่หลับตา
เออ ช่างมันเถอะ ขอเคลียร์กับคนตรงหน้าก่อน

ทันทีที่ผมจะอ้าปากพูด เพชรก็แย่งพูดซะก่อน
“จะเงียบได้รึยังครับ
หื้มมม”
ยังมีหน้ามาทำเสียงนุ่มใส่
ใครสอนให้ทำหน้าแบบนั้นวะ คิดว่าแบ๊วหรอ แล้วอะไรคือเอามือมายีหัวผมเล่น
นี่ไม่ใช่ตุ๊กตานะ
ทำแบบนี้คิดว่าจะเคลิ้มหรอ
.
.
เออ
เคลิ้ม

เพชรน็อคผมได้ถูกจุด
หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นลูกแมวเหมียวที่คุณเพชรจูงมือเข้าห้าง
ก่อนจะพาขึ้นโรงแรมฮิลตันที่อยู่ด้านบนได้อย่างง่ายดาย

ครับ เขาพาผมขึ้นโรงแรม

แม่งโคตรง่าย แต่ผมก็เหนื่อยรู้สึก แล้วก็อยากพักผ่อนเลยยอมตาม

ระหว่างที่เพชรเดินไปเช็คอิน ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาไอ้มิว
“มิว ถ้ากูเล่าให้ฟังมึงต้องไม่แตกตื่น เคนะ”
“เค กูจะไม่แตกตื่น” ไอ้มิวรับคำดิบดี น้ำเสียงมันดูตื่นเต้นเสมอ
“คือตอนนี้กูอยู่พัทยากับเพชร ดูท่าคืนนี้น่าจะค้างที่นี่ว่ะ”
ผมพูดเสียงเบาจนเหมือนแทบจะกระซิบ
แต่ไอ้มิวผู้ที่รับปากว่าจะไม่แตกตื่น กลับร้องเสียงดังเมื่อได้ยิน
“เหยดดดดดดด โว้ววววววววววว มึงแม่ง...เพชรดีต่อใจหงส์ เพชรดีต่อใจหงส์”
“เพชรดีต่อใจหงส์บ้าไร! มิว ไหนมึงบอกว่าจะไม่แตกตื่น
สัส กูมีเวลาไม่มาก มึงดึงสติดิ๊”
ผมด่ามันไป การเว่อวังของมันทำให้ผมเสียเวลามาก คนยิ่งกำลังมาแอบคุย
“มึงก็เลยกลัวจะเสียตัวใช่มั้ย”
“เออดิ มึงว่าไงอ่ะ”
“ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก
กูบอกได้แค่ว่าเพชรมันไม่ทำให้มึงเสียใจ”

ผมเบะปาก แล้วมองบน “ทีตอนพี่ภัทรมึงก็พูดงี้ไอ้สัส หะหะ”
“เอาน่า มึงอยู่กับปัจจุบันดิวะ เชื่อกู กูรู้ว่าเพชรจริงใจ” ไอ้นี่ก็เชียร์กูจัง แหม่
“หราาาา”
“เออ ว่าแต่ค้างไหน”
“ฮิลตัน”
“เห็นมั้ย กูบอกแล้วคนอย่างไอ้เพชร มันดีต่อใจมึง”
“เพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อมั้ยไม่รู้ รอดูคืนนี้นะจ้ะน้องหงส์คนสวย อัพเดตกูด้วย จุ๊บจุ๊บ”
พอวางสายจากไอ้มิว เพชรก็เดินกลับมาพอดี

เขาพาผมขึ้นห้องพักที่เป็นห้องที่อยู่มุมสุดของตึก
ขณะที่เพชรกำลังเปิดประตู ผมก็ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“แอบจองห้องพักไว้หรอ”
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะแพลนเอาไว้แล้ว ส่วนผมก็ดูเป็นหมากที่มาตามเกมส์
“อื้มม
 ...คุณค้างที่นี่คืนนึงได้เปล่า”
เพชรตอบผมแล้วเขาก็เปิดประตูห้องออก
ร่างสูงตรงหน้าหันมองกลับมาแล้วผายมือเชิญให้เข้าไปข้างใน

สารภาพตามตรงว่ามันค่อนข้างจะผิดแผนที่ผมคิดเอาไว้ ตอนแรกเข้าใจว่าจะไปกินข้าว ดูหนังในห้างที่กรุงเทพอะไรแบบนั้น ไม่ใช่มานอนค้างอ้างแรมต่างจังหวัดแบบนี้ ไม่งั้นผมคงจะเตรียมเสื้อผ้าที่เข้ากับบรรยากาศทะเลมา นี่คือไม่มีเสื้อผ้ามาเลย

“แล้วถ้าไม่ค้าง เพชรจะไปส่งเราป่ะ” ผมตอบพร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน
ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเพชร แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคนที่สูงกว่า
“ผมไปส่งหงส์ได้นะ
...แต่ห้องนี้....เข้ามาแล้ว
คงจะออกยากหน่อย”
ประตูห้องถูกปิดลง พร้อมกับที่ร่างสูงที่ดันแผ่นหลังไปบังประตูไว้

อืม ดูท่าทางจะออกจากห้องยากจริงด้วย หึ

คนตรงหน้ายกมือสองข้างมาวางบนไหล่ผม
“หายโกรธผมรึยัง
ขอโทษนะครับที่พานั่งมอ’ไซค์มา ไม่คิดว่าหงส์จะไม่ชอบขนาดนี้”
มาโหมดไหนเนี่ย ไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมฉายแววรู้สึกผิดจนสัมผัสได้ จะว่าไม่ชอบขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่หรอกครับ
แค่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า
“อื้ม ช่างมันเหอะ”
เห็นแววตาของเขายังไม่ค่อยดีขึ้นเลยส่งยิ้มบางไปให้ทีนึง

ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้อง ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นห้องนั่งเล่น
ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่วางเตียงหันออกระเบียงเห็นวิวทะเลชัดแจ๋ว ส่วนด้านในสุดคือห้องน้ำ
ห้องพักที่นี่บรรยากาศดีเหมือนกันแฮะ
ความจริงผมก็มาทานข้าวที่นี่บ่อย แต่ยังไม่ได้ขึ้นมาพักซะที
นี่จึงเป็นครั้งแรกของผม

แล้วคำพูดของไอ้มิวก็ดังขึ้นมาในหัว
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
โอเค
ตามสบายก็ตามสบาย ไม่คิดมากก็ไม่คิดมาก
พักก็พัก
ค้างก็ค้าง
มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็เลือกอะไรไม่ได้แล้วป่ะ?

“หงส์”
“คุณเรียกตัวเองหรอ”
ผมหันมองคนที่เดินตามเข้ามาก่อนจะหลุดขำ
ผมไม่ได้เรียกตัวเองนะครับ
แต่ผมเรียกหงส์น้อยสีขาวสองตัว ที่จูบปากกันอยู่บนเตียงต่างหาก
“เปล่าเรียกตัวเองนะ” ผมชี้ไปยังผ้าขาวที่ถูกพับเป็นน้องหงส์สองตัวหันหน้าจูบกันเป็นรูปหัวใจเพื่อบอกเพชร

เห็นแล้วอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มิน่าโรงแรมถึงชอบทำอะไรแบบนี้ไว้ในห้องสวีท
แม้จะเป็นอะไรที่ดูเบสิคแต่ผมชอบมากเลย
“คุณชอบหงส์หรอ”
คำถามของเพชรทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเพชรจะอ่านแววตาผมออก ถึงได้ถามออกมา
ผมพยักหน้ารับ
“ชอบมากอ่ะ เหมือนเรามี  passion บางอย่าง อาจจะเพราะว่าเราชื่อหงส์ด้วยมั้ง
.
.
ความหมายของหงส์ก็ดีนะ เป็นสัตว์คู่รัก มันอยู่กันเป็นคู่
หงส์จะรักคู่ของตัวเองมาก รักเดียวใจเดียวเลยแหละ
มีคนบอกว่าถ้าคู่มันตาย อีกตัวก็จะตายตาม
ลองคิดดูดิ จะหาความรักที่โคตรดีแบบนี้ได้จากที่ไหน”

ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกหลงใหลในหงส์จริงๆ
แม้ว่าภายนอกผมจะดูไม่สนใจอะไรนัก แต่ผมก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน
ถ้าจะบอกว่ามีอะไรที่ผมรักมากอีกอย่างนึง ก็คงจะเป็น หงส์ นี่แหละ

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมชอบลอนดอน ผมไปเกือบทุกปีเพื่อไปดูหงส์ครับ
บรรยากาศสวยๆ ของเมือง มีหงส์สีขาวๆ เล่นน้ำอยู่ มันเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก

พอได้เห็นหงส์ผ้าสีขาวบนเตียง มันเลยทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย

ระหว่างที่ผมคิดอะไรเพลินๆ ผมก็เห็นเพชรยุกยิกๆ อยู่ด้านข้าง
“นี่แอบถ่ายรูปหรอ”
รู้ตัวอีกที ก็ถูกแอบถ่ายเข้าให้แล้ว ไม่รู้ว่าเพชรหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบถ่ายรูปผมตอนเผลอ สังเกตมาระยะนึงแล้ว
“ขอดูหน่อย”
“ไม่ให้ดู”
ผมพยายามจะแย่งกล้องในมือของเขามาดู
แต่ก็เหมือนทุกครั้ง เพชรไม่ยอมให้ผมดูง่ายๆ สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ เลิกแย่ง
เพชรเลยจับผมให้มานั่งนิ่งๆ ในห้องนั่งเล่น แล้วเขาก็หายไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าผม ที่ตอนนี้นอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
“ปะ ปะ”
“ไปไหน ไปไหน กำลังสบายเลย” กำลังจะเคลิ้มหลับ มาชวนไปไหนเนี่ย
“มาเหอะน่า ในห้องนี้แหละ”
ว่าแล้วเพชรดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกจูงให้เดินเข้ามาในห้องน้ำ
เขาพาผมไปยังอ่างอาบน้ำที่อยู่บริเวณระเบียงกว้างด้านนอก

ภาพตรงหน้าทำให้ผมค่อนข้างประหลาดใจ เพราะพ่อหนุ่มชุดหนังขับบิ๊คไบค์ที่ตอนนี้เขาสวมเพียงเสื้อยืดด้านในและได้พับขากางเกงยีนส์ขึ้น เขาเข้ามาเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ผม ในอ่างมีฟองครีมสีขาวฟูจนล้นออกมา ด้านข้างมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ แถมตอนนี้เพชรยังหยิบชุดคลุมอาบน้ำบนโซฟาขึ้นมายื่นให้ผมอีกด้วย
“แช่น้ำให้สบายนะครับ จะได้หายเหนื่อย”
ดวงตาคมมองผมไม่วางตา
“นี่เตรียมมาจากบ้านป่ะเนี่ย”

ผมรับ bathrobe (ชุดคลุมอาบน้ำ) จากมือของเพชรมาถือไว้แล้วก้มมองมัน
ชุดคลุมอาบน้ำสีแดงพร้อมด้วยสายคาดผูกเอวสีทอง แสดงสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย
ก็แบรนด์เดียวกับเสื้อผ้าที่ผมใส่วันนี้อ่ะแหละ
ไม่ใช่ชุดของทางโรงแรมแน่นอน

เพชรไม่ได้ตอบเป็นคำพูด เขาเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก แล้วเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อให้ผมเม็ดนึง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปด้านใน ปล่อยให้พื้นที่ตรงส่วนนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม

ไม่นานเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายของผมทั้งหมด ก็ถูกปลดออก
แล้ววางพาดไว้บนโซฟาที่วางอยู่ไม่ไกล
ผมค่อยๆ แช่ลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยความละมุนละไม

มันดีมากครับ : )

ลมเย็นพัดเอื่อยๆ บวกกับความเย็นฉ่ำจากแอร์ในห้อง
ผสมเข้ากับฟองครีมนุ่มที่ถูกลูบไล้วนทั่วผิวกาย
แถมยังมีแสงสวยยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินปะทะกับวิวทะเลสวยสุดลูกตา

ต้องบอกว่า โคตรดี

ถ้าได้ไวน์หรือแชมเปญสักแก้ว คงจะเพอร์เฟคที่สุด

ผมเอนตัวพิงอ่างพร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นพาดขอบ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนจากความเหนื่อยล้า
จะว่าไปก็ต้องยอมรับว่า คุณเพชร ทำการบ้านมาดีจริงๆ

เขารู้ใจผมไปซะหมด

ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกได้ยินเสียงสากลเพลงดังขึ้นจากในห้อง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ
จนอยู่ไม่ห่างจากหูผม

คนร่างสูงเดินไปเดินมา เหมือนกับกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจ
เพราะตอนนี้ กำลังปล่อยตัว ปล่อยใจ แล้วก็ปล่อยให้บทเพลงได้บรรเพลงในจังหวะของมัน
ครู่หนึ่งผมจึงลืมตาขึ้น
เพชรกำลังวางเสื้อผ้าของเขาพาดลงบนโซฟาข้างกับเสื้อผ้าของผม
เขากำลังผูกชุดคลุมอาบน้ำแล้วมองมาทางนี้

“แก้วนี้ของคุณครับ”
เหมือนรู้ใจไปซะทุกอย่าง
เพชรหยิบแก้วแชมเปญที่วางอยู่บนโซฟาแล้วยื่นให้ผมแก้วนึง ส่วนในมือของเพชรก็ถือไว้อีกแก้ว
เขายิ้มให้ผม แล้วโน้มตัวลงมา พร้อมกับยื่นแก้วมาชน

“Cheers!!”
ผมจิบเล็กน้อย แล้ววางแก้วลงด้านข้าง ก่อนจะยิ้มให้เพชรอีกครั้ง แล้วละสายตาจากเขา
“ผมนั่งตรงนี้ได้เปล่า” เสียงทุ้มที่ดูนุ่มเหมือนรสชาติแชมเปญพูดถาม
 “อื้ม ได้ดิ” ผมตอบแต่ไม่ได้หันไปมอง แต่ก็พอจะเห็นว่าเขานั่งลงด้วยท่าทางระมัดระวัง

“ทำไมถึงรู้ว่าเราอยากแช่น้ำ”
ผมเอียงหน้ามองสันกรามของคนที่นั่งเหยียดขาไขว้กันอยู่พื้นด้านข้าง
เขาใช้ศอกเท้าหลังตัวเองเอาไว้ ในมืออีกข้างยังคงถือแก้วแชมเปญ
ต้องบอกว่าขอบอ่างอาบน้ำอยู่ระดับเดียวกับพื้นครับ ผมกับเพชรเลยไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ผมที่แช่อยู่อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน่อย

“จำได้ว่าผมเคยนั่งรอคุณแช่น้ำที่คอนโด” ผมพยักหน้ารับแล้วทอดสายตาออกไปยังวิวทะเล
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้ามืดแต่ไม่ถึงกับมืดสนิท
มีแสงจากดวงจันทร์และแสงไฟด้านนอกที่ส่องสว่าง
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบมอเตอร์ไซค์” เพชรถามกลับบ้าง
“ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่กลัวอุบัติเหตุมากกว่า
ยังไงมันก็ปลอดภัยน้อยกว่ารถยนต์
เข้าใจเราใช่ป่ะ” พูดจบผมก็หันกลับเข้ามามองคนที่อยู่ด้านข้าง
แล้วก็พบว่าเขามองมาที่ผมอยู่

ตาเป็นประกาย 

เพชรดูเหมือนจะเขินนิดหน่อยถึงได้รีบหลบตาทันที
นั่นทำให้ผมยกยิ้มออกมาอย่างฝืนตัวเองไม่ได้ จนต้องถามคำถามเขาต่อ
“แล้ววว...ทำไมคุณถึงชื่อเพชร”
“ก็ที่บ้านทำธุรกิจอัญมณี แต่คุณก็รู้แล้วนิครับ”
น้ำเสียงของเพชร ดูเหมือนกำลังจะบอกว่าผมไปแอบสืบเรื่องของเขามาแล้ว
แต่ผมไม่ได้สืบนะ ไอ้มิวต่างหาก มันเล่นไปค้นประวัติที่บ้านเพชรมาให้ผมอ่านซะละเอียดยิบขนาดนั้น มันก็เลยต้องรู้โดยความจำเป็น

“ใช่ เพราะเราเก่ง”
คำตอบของผมทำให้เขายิ้มร้ายที่มุมปาก
ก่อนที่เราสองคนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นมาชน แล้วดื่มจนหมดแก้ว
เพชรลุกขึ้นไปหยิบถังน้ำแข็งที่แช่ขวดแชมเปญมาวางไว้ข้างๆ แล้วเทให้ผมก่อน

“แล้วคุณล่ะ ทำไมชื่อหงส์” เขาพูดถามขณะที่กำลังเทแชมเปญใส่แก้วตัวเอง
“เพราะว่าแม่อยากได้ลูกสาว” เพชรขำกับคำตอบของผม
นั่นทำให้ผมมองค้อนเขากลับไป
“ก็เหมือนได้ลูกสาวจริงๆ”
“เหอะ” ผมเค้นหัวเราะในลำคอแล้วยกแก้วขึ้นมาจิบอีกนิดหน่อย

มองกันไป มองกันมาจนตาเยิ้ม
ผมจึงเอนหลังแล้วหลับตาลงอีกครั้ง


“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย
...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”


“รู้ครับ
ฟู่ ฟู่วว” ดูเหมือนเพชรกำลังเป่าฟองครีมที่ล้นอ่าง ให้ปลิวออกจากตัวผม
แต่เขาก็คงแค่แกล้งเท่านั้นแหละมั้ง

“เพชร ไม่แกล้งดิ๊” ผมลืมตาขึ้นแล้วตีแขนเขาเบาๆ
จนทำให้คนที่นั่งเท้าแขนที่พื้นอยู่ เหมือนจะเสียการทรงตัว จนตัวเขาล้มลงมา
เพชรเซลงมาทางผมที่นอนแช่น้ำอยู่

ตอนนี้หน้าเพชรอยู่ห่างกับหน้าผมไม่ถึงคืบ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น
คงเพราะว่าเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร 

“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”

ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้

สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว

ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้

แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ

“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง

เพราะว่าไม่เคยเห็น”

พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ


“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”


ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา

“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”

ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ
เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก


มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก

 
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป

ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน



แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า


Let's take our time tonight, girl 

So, baby, let's just turn down the lights and close the door
Ooh, I love that dress, but you won't need it anymore
 
No, you won't need it no more
Let's just kiss 'til we're naked, bab


Versace on the floor
take it off for me, for me, for me, for me now


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2017 20:35:19 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาต่อแล้วววว :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คือดี! ชอบเลยครับ

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ชอบพระเอก ชอบนายเอกเรื่องนี้

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด