♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **  (อ่าน 30477 ครั้ง)

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค้างงงงง... :ling1: เมื่อไหร่จะได้กิน..  :hao3:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เห็นผ่านหน้านิยายมาสักพักแล้วพึ่งได้เข้ามาอ่าน จะบอกว่านิยายแนวนี้ถูกจริตเรามากค่ะ ฮอลลลลลลลล

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เห็นผ่านหน้านิยายมาสักพักแล้วพึ่งได้เข้ามาอ่าน จะบอกว่านิยายแนวนี้ถูกจริตเรามากค่ะ ฮอลลลลลลลล


แอร้ยยย ขอบคุณนะครับบ ฝากติดตามด้วยน้าาา ๆๆๆ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 11
Inside


เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมเพชรถึงไม่บอกผมล่วงหน้าว่าเราจะมาค้างคืนที่พัทยา ผมจะได้เตรียมเสื้อผ้า แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้มาด้วย
ก็เพราะตั้งแต่เมื่อวานช่วงเย็นที่ผมเคลิ้มไปถอดชุดคลุมอาบน้ำเวอซาเช่ของเขาออกที่บริเวณอ่างอาบน้ำ
จนเราย้ายไปทั่วทุกมุมห้องแล้วมาจบที่บนเตียง มาจนถึงตอนนี้เราสองคนก็ยังไม่ได้ใส่อะไรปกปิดร่างกายกันอีกเลย

ทริปนี้อาจจะมีชื่อทริปง่ายๆ ว่า ทริปตัวตัว (เสื้อผ้าไม่ต้อง)

ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจพาผมมาพักผ่อนก่อนสอบกลางภาค หรือพามาเปลี่ยนที่เอากันแน่
จะเรียกว่าพามาเปลี่ยนที่ก็คงไม่ได้เนอะ เพราะมันเป็นครั้งแรกของผมกับคุณเพชรที่ได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกแค่ครั้งเดียวหรอกครับ มันมีครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า จนพากันมานอนสลบเหมือดอยู่บนเตียงอย่างสภาพที่เห็น

แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนเจ้าของใบหน้าคมก็ไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระซะที เขากอดผมไว้แน่น แม้ผมจะพยายามดิ้นหนีแล้วก็ตาม
ไม่รู้จะกลัวผมหายหรือยังไง

ทันทีที่รู้สึกตัวผมก็ค่อยๆ ควานหาโทรศัพท์มือถือเครื่องสีแดงที่มันถูกโยนไปไว้มุมใดมุมหนึ่งของเตียงขึ้นมากดดูเวลาตามเคย ผมลืมตาขึ้นมาเพียงนิดเดียวพอให้รู้ว่าตอนนี้ปาเข้าไปสิบโมงห้าสิบแล้ว มิน่าล่ะถึงได้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแต่ความหิวก็ยังเอาชนะความเมื่อยล้าให้ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ว่าแล้วก็เลยกะจะหลับตาลงแล้วนอนต่ออีกซักงีบซะหน่อย แต่ก็ดันมีคนโทรเข้ามา
ให้ผมทายนะ คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้มิวตัวแสบ ที่คงจะโทรมาอัพเดตความดีต่อใจของคุณเพชรซี้ใหม่ของมัน   

“ฮาาโหลลล”
ฟังแค่เสียงผม มิวมันก็คงจะพอเดาออกได้ไม่ยาก
ช่างเป็นเสียงที่แหบแห้ง แถมยังดูไม่มีพลังใดใดอีกด้วย
“ยังไม่ตื่นหรอลูก” อ้าว! ทายผิดแฮะไม่ใช่ไอ้มิว แต่เป็นแม่ผมเอง

พอรู้ดังนั้นเลยรีบปรับโทนเสียงขึ้นมาซะหน่อย เดี๋ยวแม่จะตกใจเอาได้
“ยังครับแม่ ว่าไงครับ”
“ทำโปรเจคจนถึงเช้าสินะเราถึงได้ตื่นสายแบบนี้...
...แม่จะโทรมาถามเรื่องงานวันจันทร์ ว่ายังไงลูก”
ทำโปรเจคจนถึงเช้า
งานวันจันทร์
แม่ผมพูดเรื่องอะไร ผมชักงง ตอนนี้คิ้วหนาๆ เริ่มผูกเข้าหากันอย่างสงสัย

“แม่หมายถึงอะไรอ่า”
“ก็งานที่แม่ชวนเพชรไปวันจันทร์ไง ลืมไปแล้วหรอ”

ฮะ
เพชร!
ผมตกใจจนแทบตาเหลือกแล้วพูดโพล่งออกไปอย่างไม่ได้คิด

“นี่ไม่ใช่แม่หงส์หรอครับ”
“ไม่ใช่ลูกเพชรหรอคะ”
แล้วผมก็ยกโทรศัพท์ออกจากหู ‘ไอโฟนสีดำด้าน’
แย่แล้วนี่มันไม่ใช่โทรศัพท์ผม “เอ่อ ผมไม่ใช่เพชรครับ เดี๋ยวสักครู่นะครับคุณแม่”

ใครมันจะไปคิดว่าชีวิตนี้จะมึนถึงขนาดไปรับโทรศัพท์คนอื่น
ว่าแล้วก็รีบหันกลับไปปลุกเพชรที่นอนกอดแผ่นหลังผมอยู่
“คุณ ตื่นเร็ว แม่คุณโทรมา
คุณเพชร
ตื่นเร็ว” ผมตบหน้าคนที่หลับอยู่เบาๆ
เจ้าของใบหน้าใสนอนนิ่ง ไม่รู้หลับจริงหรือหลับปลอม ผมเคยมีประสบการณ์ที่เขาแกล้งหลับมาแล้วครั้งนึง แต่ในเมื่อปลุกไม่ตื่นผมจะทำไงได้ล่ะ
สุดท้ายผมต้องคุยกับแม่ของเพชรอีกครั้ง
“พอดีเพชรยังไม่ตื่นอ่ะครับ เดี๋ยวยังไงจะบอกให้เพชรโทรกลับหาคุณแม่นะครับ”
ผมวางโทรศัพท์ลงด้านข้าง
แล้วหันตัวเข้าหาไอ้คนขี้เซา แต่กลับหลับตาพริ้มดูท่าทางมีความสุข

“ทำมาเป็นเคลิ้ม”
ผมบีบจมูกเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวและนั่นทำให้คนที่หลับอยู่ยิ้มออกมา

จากนั้นเจ้าของสันจมูกคมก็ลืมตาขึ้นแล้วปล่อยผมให้เป็นอิสระ
เพชรขยี้ตาตัวเองสองสามที แล้วก็ยิ้มกว้าง
“คุณเพชร แกล้งหลับอีกแล้วหรอ”
คิดไว้แล้วไม่มีผิด!
“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนแถวนี้แสดงตัวกับแม่ผัวแล้ว”
พูดอะไรออกมา แค่มีอะไรกัน 4-5 ครั้ง
ทำเป็นมาใช้คำว่าผัวว่าเมีย
น่าเกลียด

เขายิ้มแซวผม แต่ผมไม่ยิ้มด้วยหรอกนะ
แล้วนี่อะไร เพิ่งปล่อยตัวผมเป็นอิสระได้สามวิ
ตอนนี้มือหนาของเขาเอื้อมมาโอบเอวผมเข้าไปประชิดร่างแกร่งอีกแล้ว
ถ้ามองจากมุมสูงก็จะเห็นภาพเพชรกอดเอวผมขณะที่เราหันหน้าเข้าหากัน

“เราเปล่า แค่รับโทรศัพท์ผิดเครื่อง”
ผมทำหน้าเคืองใส่เพชรแล้วว่าเขาต่อ “ไม่ต้องมามองเราแบบนี้นะคุณเพชร”

“อ่ะๆ ไม่มองแบบนั้นก็ได้...
…งั้น
มองแบบนี้โอเคมั้ยครับ”

แล้วดวงตาคมก็เปลี่ยนแววตาที่มองมา
แบบนี้ยิ่งไม่โอเคเลยว่ะ ใครมันจะไปโอล่ะครับ
ก็จากขี้เล่นกลายเป็นขี้หื่น

“ไม่โอเค” ว่าแล้วผมก็ยกมือตัวเองขึ้นไปปิดตาเพชรเอาไว้
แต่คนมันหื่นอะเนอะ ต่อให้เล็กๆ น้อยๆ มันก็ไม่เอา
ไอ้คนสันจมูกคมทำท่าดมมือผมใหญ่ ก่อนที่จะแลบลิ้นออกมาเลียด้วย
จนสุดท้ายผมยอมแพ้ ยอมถอยมือกลับมาแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง

“เป็นคนแบบนี้หรอคุณเพชร”

ต่อว่า

ต้องต่อว่าซะหน่อย เผื่อจะสำนึกได้ แค่นี้ผมก็บอบช้ำมากแล้ว
“แบบไหนหรอครับ หื้มม” คนมือไวค่อยๆ เลื่อนมือจากเอวผมต่ำลงเรื่อยๆ
“แบบหื่นนี่แหละ”
เพชรไม่พูดอะไรตอบ แถมยังปล่อยให้ผมได้สบตาเขาเป็นการติติงอยู่อีกประมาณหนึ่งวินาทีหลังจากที่พูดจบ
แล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาฟัดคอผมอย่างจริงจัง

“คุณเพชร ไม่เอาแล้ว”

“อื้ออออออ” ไม่ใช่เสียงผมนะครับ ผมไม่มีทางทำเสียงแบบนี้

“เพชร ไม่เอาแบบนี้ ไม่ไหวแล้ว”
“เพชร
เพชร อย่าเลย” จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากร้องคราง เอ้ยร้องห้ามเพื่อเรียกสติคนหื่น
 
เพชรซุกซนและรวดเร็ว
ทั้งมือ ทั้งปาก ทั้งลิ้น
มันเร็วไปหมดจนผมไม่รู้จะทำยังไง

เลยได้แต่ร้องห้ามเขาอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างที่บนบนหัวเตียง
ก่อนจะแกะมันออกมาเป็นกล่องที่ 6 แล้วสวมให้น้องเพชร

“เพชรอย่าเลย
 
เพชรรรร”



กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาไปบ่ายสองโมงกว่า ผมกับเพชรตัดสินใจอยู่ค้างที่นี่อีกคืนนึง พอตกลงกันได้แบบนั้นคุณเพชรเขาก็นอนต่อ
...เพื่อเอาแรง 
ที่ผมไม่กลับไม่ใช่อะไรนะครับ
ถ้าขืนกลับไปกรุงเทพสภาพนี้ คนเค้าคงได้สงสัยว่าผมไปโดนหมาที่ไหนฟัดมา
ก็จะหมาไหนล่ะ หมาเพชรนี่แหละ

ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะที่คุณเพชรหลับสนิท ลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว รอบนี้ผมไม่แช่อ่างอาบน้ำแล้ว รีบอาบรีบเสร็จนี่แหละ เดี๋ยวคุณคนนั้นตื่นมาจะไม่ได้พักเอา เสร็จแล้วก็ทาครีมบำรุงชุดเล็กที่ผมเตรียมใส่กระเป๋ามา ยังโชคดีนะที่เอาติดตัวมาด้วย ไม่งั้นมีหวังได้โทรมไปมากกว่านี้ ทาครีมและเป่าผมเสร็จก็สวมชุดคลุมอาบน้ำตัวเมื่อคืนที่ยังวางกองยู่ที่เดิมแล้วเดินมานั่งตัวเบาอยู่ในห้องนั่งเล่น ปล่อยให้คนหื่นนอนหลับต่อไปโดยไม่ไปกวนเขา

ระหว่างนั้นผมก็เดินไปกดปุ่ม do not disturb แล้วก็ส่งเสื้อผ้าของผมกับเพชรให้ทางโรงแรมซักรีด พร้อมกับโทรสั่งอาหารทะเลแบบจัดเต็มมาด้วย

พออาหารมาส่งเพชรก็ตื่นพอดี เขารู้งานเดินไปอาบน้ำใช้เวลาไม่นานก็สวมชุดคลุมอาบน้ำเหมือนผมเดินออกมาที่โต๊ะอาหาร


ตอนนี้เรากำลังนั่งกินข้าวมื้อไหนไม่รู้กันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครคุยอะไรกัน
แหงสิครับ ใช้พลังงานไปเยอะขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกที่จะพากันหิวจัด
กุ้ง หอย ปู และอื่นๆ ถูกซัดเรียบจนไม่เหลือ เมื่อพายุความหิวโหยจบลง เราก็พากันนั่งมองซากแห่งอารยะธรรมการกินเดือดเมื่อครู่ ก่อนที่เพชรจะบ่นอุบอิบออกมา

“กี่แคลเนี่ย ไม่รู้ผมต้องใช้เวลาเบิร์นกี่วัน”

ผมเงยหน้ามองคนฝั่งตรงข้าม เห็นเขาทำหน้าเครียดแล้วก็อดใจอยากแกล้งไม่ได้
“ก็เห็นเบิร์นไปเยอะแล้วนิ” ผมยิ้มร้ายแล้วมองไปที่เขา
เพชรยักคิ้วกลับมาราวกับเข้าใจเป็นอย่างดี
“แหนะ ก็พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็จัดอีกซักรอบเลยนิ”
“พอแล้ว ไอ้บ้า”
ผมตีไหล่เพชรแล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก่อนจะล้มตัวนอนบนโซฟา แล้วเปิดทีวีดู

ไม่นานเพชรก็เดินตามเข้ามา เขาหยิบแม็คบุ๊คออกมาจากกระเป๋า แล้วเอามากางออกบนโต๊ะด้านข้าง
“เอาแม็คมาด้วยอ่อ”
ผมถามอย่างประหลาดใจ ก็ดูเหมือนเพชรจะไม่ได้เตรียมอะไรมาเหมือนกัน แต่เขากลับซุกซ่อนคอมมาในกระเป๋านี้ด้วย
“ช่าย เดี๋ยวผมขอทำงานแปปนึงนะ คุณนอนพักไปก่อนละกันเนอะ”
“อื้มๆ” ผมพยักหน้ารับแล้วนอนดูทีวีต่อ
จากนั้นเพชรก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ก่อนจะโน้มตัวลงมา

“เดี๋ยวเค้ากลับมานอนกอดนะครับที่รัก จุ๊บ” เสียงตอแหลแถมยังมีจูบหน้าผากอีก
ผมเบะปากใส่แทบจะไม่ทัน รู้สึกจะอ้วกยังไงไม่รู้ที่ถูกเรียกแบบนั้น
เพชรก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันเพราะเขาขำร่วนเลยหลังจากที่ตัวเองพูดจบ



จากนั้นเราก็ใช้เวลาช่วงบ่ายกันอย่างเงียบๆ เพชรทำงาน ผมนอนดูทีวี
มีคุยกันบ้างให้รู้สึกว่ายังอยู่ตรงนี้ เป็นการใช้เวลาในช่วงบ่ายที่เรื่อยๆ ชิลๆ ดีครับ

อย่าถามว่าทำไมผมไม่อ่านหนังสือสอบ
คำตอบก็คือผมไม่ได้เอามา จบป่ะ
*ข้ออ้างไปงั้น จริงๆ ขี้เกียจ แหะๆ

ระหว่างที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับอีกรอบ
*หลับเก่งเหมือนกันนะเรา ใจคอแม่งจะนอนทั้งวัน เฮ้อ*
โทรศัพท์ผมก็สั่นครืดๆ เพชรยื่นเจ้าเครื่องสีแดงมาให้ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ

 ‘พี่แฟรงค์’

“สวัสดีครับพี่แฟรงค์”
“อ่าครับ”
“อ่อ”
“ต้องวีเท่านั้นเลยใช่มั้ยครับ”
“ได้ครับพี่ วันไหนนะครับ โอเคครับ”
“วียินดีครับพี่แฟรงค์ ไม่เป็นไรครับ ได้ค้าบบ”


วางสายปุ๊บ ผมก็เห็นว่าคนที่นั่งหันหลังให้ผม หันกลับมามองอยู่
ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
ต้องบอกมั้ยวะ
ยังไม่ได้เป็นไรกันนี่หว่า
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นไรกันนะ หน้าคุณเค้ายังดูสงสัยได้ขนาดนี้
ถ้าเป็นแล้วนี่คงดุใช่ย่อย
อ๊ะ บอกซะหน่อยก็ได้ เดี๋ยวคุณไม่มีสมาธิทำงานต่อ
“ลูกชายเพื่อนแม่ โทรมาขอให้ไปช่วยเดินแบบงานเปิดตัวเสื้อผ้า”

“อ่าาา” เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้
เพชรไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเอง
ส่วนผมก็วางมือถือลงข้างโซฟา แล้วทำอะไรล่ะครับ
ก็นอนไง
ชีวิตวันนี้ตื่นมาเพื่อกินและนอนหลับไป



ช่วงเย็นค่อนไปทางดึกเราก็สั่งอาหารง่ายๆ จากทางโรงแรมขึ้นมากิน
ก่อนจะแยกย้ายกันอาบน้ำ ย้ำว่าแยกย้ายครับ
ตอนแรกเพชรก็วอแวจะอาบด้วยกัน แต่ผมฉลาดพอที่จะรู้ว่าถ้าอาบด้วยกันมันต้องเดจาวูเหมือนเมื่อวานแน่นอน
ผมเลยไล่เขาให้ออกไปอยู่นอกระเบียงแล้วล็อคประตูเอาไว้ไม่ให้เข้ามา
เพชรเลยได้แต่ทำหน้าเหมือนหมาหงอยนั่งกอดเข่ามองดวงจันทร์อยู่ด้านนอก

พอผมอาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนมาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของทางโรงแรมครับ ก็ควรเปลี่ยนบ้างอะไรบ้างอะเนอะ จากนั้นก็เป็นตาของเพชรอาบบ้าง

ระหว่างรอคุณเพชรอาบน้ำผมก็ปิดไฟในห้องแล้วเปิดโคมไฟบนหัวเตียงพอให้มองเห็น แล้วโดดขึ้นเตียงมานอนฟังเสียงคลื่นจากทะเล ไม่นานเพชรก็ตามขึ้นมา เขานอนลงด้านข้างอย่างแนบชิดตัวผม ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็เอื้อมมือไปปิดไฟ ทำให้ภายในห้องมืดลง แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทขนาดนั้นครับ

เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ไม่ได้เปิดเพลงอะไรด้วย
พอทุกอย่างภายในห้องเงียบสนิทแบบนี้ ยิ่งทำให้เสียงคลื่นกระทบฝั่งชัดเจนยิ่งขึ้น
ในหัวผมก็กำลังคิดว่า ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

นอนคิดทบทวนเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปบ้างตั้งแต่ได้รู้จักเพชร
แต่ถ้าถามว่าเปลี่ยนไปจนไม่เป็นตัวของตัวเองเลยมั้ย ก็คงไม่ใช่
ผมแค่รู้สึกว่าผมคาดเดาอะไรจากคนด้านข้างไม่ค่อยได้
เขามักจะมีอะไรให้ต้องแปลกใจอยู่เสมอ ซึ่งมันทำให้ชีวิตของผมมีสีสันมากขึ้น
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ จนนึกว่าคนด้านข้างหลับไปแล้ว

เขาก็ชวนคุยขึ้นมา

“อยากฟังนิทานมั้ย” ผมหันหน้ามองเขาพร้อมกับนึกสงสัย
น้ำเสียงของคนที่จะเล่านิทาน ทำไมถึงได้ราบเรียบขนาดนี้ล่ะ
แล้วมันจะสนุกมั้ยเนี่ย

เพชรคลี่ยิ้มบางมองเพดาน มือทั้งสองของเขาช้อนใต้หัวตัวเองอยู่
สีหน้าของเขาดูมีความสุข จนมันทำให้ผมต้องตอบออกไปว่า
“อยากสิ”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ ว่าเพชรจะมาเล่านิทานอะไรให้คนอย่างผมฟัง

“นิทานของเด็กอ้วน”
เขายังคงยิ้มให้เพดาน ส่วนผมก็ยังคงไม่เข้าใจ
นิทานอะไรชื่อแปลกดี
“ชื่อเรื่องไม่คุ้นหูเลยอ่ะ”
คนด้านข้างละสายตาจากบนเพดานหันมามองหน้าผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ
ก่อนที่เขาจะหันกลับขึ้นไปมองที่เดิมอีกครั้ง

“เด็กอ้วนกับดวงดาวของเค้า”
เพชรมองเพดานด้านบนราวกับว่าบนนั้นมันมีดวงดาวจริงๆ
 
“เริ่มเลยนะ...
วันสอบวันสุดท้ายของเด็กป.6 ที่พ่อแม่พากันมารอรับลูกตัวเองกลับบ้าน
เด็กทุกคนก็ยิ้มแย้ม ดีใจที่จะได้ปิดเทอม

แต่มีพ่อแม่ของเด็กคนนึงลืมมารับลูก จนทำให้เด็กคนนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
เพชรยิ้มกว้างขึ้นขณะที่เขาเล่า มันเป็นน้ำเสียงที่ดูมีความสุข
นั่นทำให้ผมตั้งใจฟังมากขึ้น
ด้วยความที่อยากรู้ว่านิทานของเขา จะสนุกแค่ไหนเชียว

“เด็กอ้วนร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอ แล้วเค้าเช็ดมั้ยอ่ะ” ก็เห็นว่าขี้มูกโป่ง ผมเลยถามไป
“ใช่เด็กอ้วนร้องไห้ แต่คงไม่เช็ดหรอกมั้ง”
เจ้าของเรื่องเล่าหันมามองผมแวบนึง
แล้วหันไปจดจ่อกับบนเพดานต่อ

“ระหว่างที่เด็กอ้วนกำลังยืนร้องไห้ ก็มีเด็กผอมคนนึงที่พ่อแม่ของเค้ามารับกลับบ้านกำลังเดินผ่านหน้าเด็กอ้วนไป
แต่พอเห็นเด็กอ้วนร้องไห้ เด็กผอมก็หยุดแล้วเดินเข้ามาหา...
…เด็กผอมเดินเข้ามาแตะไหล่เด็กอ้วนขี้แง แล้วพูดว่า
 
ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราแบ่งลูกอมไห้

แล้วเค้าก็หยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นให้คนที่ยืนร้องไห้อยู่
เด็กอ้วนรับลูกอมเม็ดสีชมพูมาไว้ในมือ พร้อมกับก็เช็ดน้ำตาตัวเอง
หลังจากนั้นพ่อแม่ของเด็กที่ให้ลูกอม ก็ช่วยโทรหาพ่อแม่ของเด็กขี้แงให้
เด็กผอมขอให้พ่อแม่อยู่รอเป็นเพื่อนเด็กอ้วนขี้แงจนพ่อแม่เค้ามารับ

…ช่วงปิดเทอม เด็กอ้วนเอาแต่คิดถึงเด็กผอม
แล้วก็คิดถึงความใจดีที่เด็กผอมให้ลูกอม”

เจ้าของนิทานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อ
“เปิดเทอม ม.1 เด็กอ้วนซื้อขนมมาฝากเด็กผอมที่อยู่คนละห้อง
แต่ด้วยความขี้อายของเด็กอ้วน ทำให้เค้าไม่กล้าเอาไปให้ต่อหน้า
แถมเด็กผอมดูเหมือนจะจำเด็กอ้วนไม่ได้ซะด้วย

เวลาผ่านไปหลายปีเด็กผอมโตขึ้น เค้าหน้าตาดีขึ้น ยิ่งเวลาอยู่ในโรงเรียนเค้าเด่นมากเลยแหละ แล้วก็มีคนอยู่รอบตัวเค้าตลอดเวลา เค้ากลายเป็นดาวเด่น

ส่วนเด็กอ้วนก็เอาแต่กินจนอ้วนเป็นหมู แทบไม่มีใครในโรงเรียนสนใจเค้าเลย เค้าชอบใช้ชีวิตอยู่ตามมุม หลบอยู่หลังเสาแล้วแอบมองดวงดาวของเค้า”
ผมละสายตาจากเพชร แล้วกลับไปนอนมองเพดาน
พร้อมปล่อยให้น้ำเสียงของเขาเป็นตัวเล่าเรื่องและสื่อสารความรู้สึกนั้นออกมา

“ช่วงมอปลาย ดวงดาวของเค้าได้คบกันคนที่ดูเหมาะสม เด็กอ้วนที่โตเป็นหนุ่มเสียใจอย่างบอกไม่ถูก นั่นทำให้เค้าตัดสินใจลดความอ้วน แล้วก็หันมาดูแลตัวเอง”

“หลังจากที่เรียนจบ สองคนนั้นก็ห่างออกไป
ดวงดาวไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าอ้วนแล้ว”
“อ้าว ไหนว่าลดความอ้วนแล้ว ทำไมยังเรียกอ้วนอยู่” ผมยกมือถามขัดจังหวะ ก็เรื่องเล่ามันดูไม่ค่อยสอดคล้องว่ะ
“เออ ผมเล่าผิด เอาเป็นว่าพอจบมอปลายเด็กนั่นก็ผอมแล้ว
แถมหล่อด้วยนะคุณ”
“โอเค” ผมพยักหน้ารับ

“ถึงไหนละเนี่ย ผมลืมเลย
อ่อ ถึงว่าดาวของไอ้อ้วนไม่ได้อยู่ในสายตาใช่ป่ะ
แต่ก็นั่นแหละพอจบมอปลาย ก็เข้ามหาลัยแต่ก็อยู่มหาลัยเดียวกันอ่ะ
แม้จะคนละคณะก็เถอะ
...จนวันนึงที่ดาวของไอ้อ้วนไม่มีเจ้าของ”
“เห้ย ไหนว่าไม่อ้วนแล้วไง ทำไมยังเรียกว่าอ้วน” ผมหันควับมองเจ้าของเรื่อง
เขาลูบหน้าตัวเองราวกับกำลังหมดปัญญาในการเล่าต่อ
“แล้วจะให้เรียกว่ายังไงล่ะครับ เรียกว่าไอ้หล่อหรอ มันก็กระดากปาก”
“กระดากทำไม ไม่ได้เรียกตัวเองนิ เรียกไอ้เด็กอ้วนในนิทาน”
ผมยิ้มมุมปาก
พร้อมกับพยายามประติดประต่อเรื่องเล่าของเพชรในหัวตัวเอง

ผมจำได้แล้ว : )

ผมไม่ใช่คนโง่ ผมฉลาดและความจำดี แค่ชอบแกล้งจำไม่ได้เพื่อไว้เชิง
ทำเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญ ก็เท่านั้นเอง

“เฮ้อ เอาเป็นว่าเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่คุณหงส์ช่วยฟังผมให้จบก่อนได้มั้ย
อย่าเพิ่งขัดดิ่ ผมยิ่งเล่าเรื่องไม่เก่ง” เจ้าของนิทานหุบยิ้มแล้วทำสีหน้าจริงจังใส่
ส่วนผมยังคงยิ้มร้าย แล้วจ้องมองเขาอยู่
“ถ้าเล่าเรื่องไม่เก่ง แล้วคุณเพชรจะเล่าให้มันยากทำไมล่ะ ก็เรียกชื่อไปเลยสิ
เพชรก็เพชร หงส์ก็หงส์ จะได้จบ”
“คุณรู้หรอ” เพชรละสายตาจากเพดานด้านบน หันมามองหน้าผม
เขาจะตะแคงตัวเข้ามา แล้วมองตาผมก่อนจะทำเป็นหลบตาทันทีที่รู้ว่าผมจ้องอยู่

ตอนนี้เราสองคนนอนกอดอกหันหน้าเข้าหากันอยู่ไม่ห่าง
“รู้ตั้งแต่ให้ลูกอมแล้ว”
ผมยักคิ้วให้คนตรงหน้าไปหนึ่งครั้ง แล้วยิ้มมุมปากอีกที
“เล่าต่อดิ่ แต่ไม่ต้องเล่าเป็นนิทานนะ
...เล่าเป็นเรื่องของเราเลย”

เพชรสูดหายใจเข้าออก แล้วเล่าต่อ
“โอเค
พอรู้ว่าคุณโสดผมก็รวบรวมความกล้าอยู่นานเกือบปี
วิธีทำความรู้จักของผมอาจจะแปลกจนทำให้ผมเป็นเด็กแว๊นซ์ในสายตาคุณ
แม้ว่าวันแรกที่คุณรู้จักผม มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่มันก็เป็นวันแรกที่ผมมีตัวตนในสายตาคุณนะ”

“คุณหงส์”
“หื้ม” ผมตอบรับในลำคอ เพราะหน้าเรามันใกล้กันมาก ไม่ต้องเสียงดังก็ได้ยินชัด
“จำวันที่ผมเป็นลมที่ยิมได้เปล่า”
“จำได้”
ใครมันจะจำไม่ได้ล่ะ ผู้ชายตัวใหญ่แต่ดันเป็นลม คิดไปแล้วทั้งขำ ทั้งสงสาร

“รู้มั้ยว่าที่คุณยื่นขวดน้ำให้ผม ตอนที่ผมนั่งพัก
มันทำให้ภาพที่คุณยื่นลูกอมให้ผมตอนเด็กชัดขึ้นมาอีกครั้งนึง
วันนั้นผมรู้เลยว่า ต่อให้คุณจะโตขึ้น คำพูดของคุณจะร้ายขึ้นเยอะเท่าไหร่
แต่ตัวตน แล้วก็ความเป็นคนมีน้ำใจของคุณก็ไม่เคยเปลี่ยน”

“ภาพแรกที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับคุณ มันก็ยังอยู่กับตัวคุณมาจนถึงวันนี้”

“ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ ผมแค่ไม่กล้าจะบอกคุณตรงๆ แค่นั้นเอง”

บอกแล้ว ว่าผมคือวีรินทร์ ที่ใครๆ ก็หลงรัก รวมถึงเพชร ที่อยู่ตรงหน้าผมในเวลานี้ด้วย

ผมค่อยๆ หลับตาลง แล้วย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่คนตรงหน้าเล่าให้ฟัง
ไม่นานภาพในหัวของผมก็ประติดประต่อกัน จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่มันขาดหายไป ค่อยๆ ต่อกันได้อย่างสมบูรณ์

“เราจำได้ละ ตั้งแต่ ม.1 ทุกเปิดเทอม จะมีขนมวางอยู่บนโต๊ะเรา จนถึง ม. 5 หลังจากนั้นมันก็ไม่มีอีกเลย
ทำไมอ่ะ เพราะว่าเรามีแฟนหรอ”

เพชรเฝ้ามองผมเงียบๆ มาโดยตลอด
มิน่า
เพชรถึงรู้วิธีเข้าหาผม แล้วมันถึงทำให้ผมสบายใจที่จะมาอยู่กับเพชรที่ตรงนี้ 

ร่างสูงมองผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้ารับ
“ใช่
ตอนนั้นผมหันมองตัวเองแล้วก็น้อยใจว่าทำไมเราต้องอ้วนต้องขี้เหร่ ต้องขี้อาย”
“ก็เลยลดความอ้วน”
“ครับ แล้วก็พยายามมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น”

“แปลกจัง ทำไมคนเคยอ้วนแต่นมฟิต นี่ดูไม่ออกเลยนะว่าคุณเคยอ้วนมาก่อน
แถมยังสีชมพูอีก ผิวก็เนียนดี ไม่มีรอยด้วย จะมีก็แค่ตรง...”
ผมชะงักเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว
พอพูดเรื่องนี้ ภาพเมื่อคืนก็แว๊บเข้ามาในหัว ว่าแล้วก็รีบสะบัดหน้าไล่ความคิดพวกนั้นออกไป ไม่งั้นคืนนี้มีหวังไม่ได้นอนอีกแหงๆ
แต่พอลืมตาคนตรงหน้าก็จ้องผมตาเป็นมัน

“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าผมรอคุณมานาน
เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ”
มันก็คงจะเป็นอย่างงั้นแหละครับ ผมเพียงพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไรออกไป
ทั้งที่ในใจก็แอบหวาดหวั่น

คนมือไวรวบตัวผมไว้ในอ้อมกอด แล้วค่อยๆ ซุกไซร้
ระหว่างที่ผมกำลังเคลิ้ม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ทุกอย่างต้องหยุด
ไม่รู้ว่าเรียกว่าโทรศัพท์ช่วยชีวิต หรือขัดจังหวะ

“ฮัลโหลครับพี่แฟรงค์”


THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 11
Inside

เพราะว่าน้องเพชรรอมานานนี่เอง ถึงได้จัดหนักขนาดนี้ อิอิ
ปล พี่แฟรงค์โทรเข้ามาบ่อยจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2017 21:07:20 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่แฟรงค์ จะโทรมาอะไรนักหนา คนจะตั้มกัน   อ้าว! อินไปหน่อย โทษๆๆๆๆ555

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พลิกโผนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะมาพล็อตแอบรัก แต่ก็โอเค ฟิลกู๊ดเราชอบ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
พลิกโผนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะมาพล็อตแอบรัก แต่ก็โอเค ฟิลกู๊ดเราชอบ

คงจะได้แอบรักแค่ตอนนี้แหละครับ
(อุตส่าห์พากันลำบากลำบนมาถึงพัทยา เลยให้เผยที่มาที่ไปนิดหน่อย)

ตอนหน้าทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติ
หงส์ก็คือหงส์ เพชรก็คือเพชร ไม่มีใครยอมใคร 555555
ความมันส์จะเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ แผลงฤทธิ์แน่นอน อิอิ

ออฟไลน์ Glitterycandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ข้ามอะไรไปหรือเปล่า 555555 (คอมเม้นนี้คุ้นๆไหมฮะ)

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบโมเม้นตอนรับโทรศัพท์ผิดจังมันดู..ละมุนดี


คนเขียนสู้ๆ งานเขียนดีดีถูกจริตแบบนี้หายาก ต้องสนับสนุนกันนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ชอบโมเม้นตอนรับโทรศัพท์ผิดจังมันดู..ละมุนดี


คนเขียนสู้ๆ งานเขียนดีดีถูกจริตแบบนี้หายาก ต้องสนับสนุนกันนนนน


ขอบคุณฮัปปป สู้ๆๆๆ.  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อิพี่แฟรงค์ จะโทรมาอะไรนักหนา คนจะตั้มกัน   อ้าว! อินไปหน่อย โทษๆๆๆๆ555


5555  o13 o13 o13

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback


“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”
“รู้ครับ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น คงเพราะเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร 

“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”

ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้
สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว

ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้

แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ
“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง เพราะว่าไม่เคยเห็น”
พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ

“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”

ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา

“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”

ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก

มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
 
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป
ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน

แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า


ระหว่างที่มือเรียวของผมกำลังคลายปมออกช้าๆ มันก็ไปสัมผัสเข้าให้กับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เพราะตอนนี้สิ่งนั้นมันกำลังดึงดันจะออกมาสู่โลกภายนอกอย่างเดียว มือนุ่มของผมสัมผัสได้ถึงของแข็งกำลังทิ่มแทงอยู่

ผมเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าหล่ออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับก้มมองต่ำ
แล้วเปิดชุดคลุมอาบน้ำออกช้าๆ

สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจะเป็นยังไงนะ จะเหมือนที่คิดเอาไว้รึเปล่า
ยอมรับว่าผมมือสั่นและใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา
ทันทีที่ผ้าถูกเปิดออก ส่วนหัวก็เด้งดีดขึ้นมาเด่นเป็นสง่า

ไม่ผิดหวัง
บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง แล้วก็เกินความคาดหวังด้วย

ผมจ้องมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา
ส่วนหัวสีสวยรับกับส่วนกลางที่แข็งแกร่ง ความยาวขึ้นมาจนเกือบถึงสะดือ

โคตรดี

ผมเอื้อมมือไปสัมผัสแล้วกำเจ้าเพื่อนใหม่ไว้แน่น เกือบจะกำไม่รอบแน่ะ

มันดีมากครับ

เพชรปล่อยให้ผมได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ร่างสูงจะถอดชุดคลุมออกจนหมดด้วยตัวเอง
แล้วตัวผมก็ถูกดึงขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เขาจับผมนอนหงายแล้วคล่อมร่างเอาไว้


ไม่ต่างกัน

เจ้าของหน้าคมมองมาที่ผมอย่างสำรวจ เขาไล่มองทุกซอกมุมจนทำให้ผมเขินอาย

“น่า” เพชรพูดเสียงเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหู
“น่าอะไร” ผมกอดคอเขาไว้แน่น
“เอา”
เพชรพูดตอบพร้อมกับค่อยๆ ลิ้มรสบริเวณซอกคอของผม

ทันทีที่ลิ้นร้อนมาวิ่งซุกซนแถวบริเวณซอกคอ ผมยิ่งกอดเขาไว้แน่นยิ่งขึ้นแล้วดูดชิมรสชาติของร่างแกร่งบ้าง ไม่นานเขาก็ถูกพลิกตัวให้ลงมานอนหงาย โดนที่ผมกลับขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน ก่อนที่ผมจะใช้ริมฝีปากบางประกบเข้ากับริมฝีปากสีสวยของเพชร แล้วแลกเปลี่ยนความหวานของรสชาติแชมเปญ

“อื้ม”
“อื้ออ”
เป็นการสื่อสารในลำคอที่ไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำพูดอะไร แต่ก็ทำให้รู้ว่า
ต่างฝ่ายต่างพอใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

ใช้เวลาครู่หนึ่งในการช่วงชิมรสชาติภายในช่องปากหวานของกันและกันจนพอใจ
ผมจึงค่อยๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ ละเลงลิ้นทั่วร่างของใบหน้าคม
แล้วก็มาถึงจุดสำคัญที่มันแทงท้องผมอยู่เป็นระยะ

ผมยิ้มหวานให้เพื่อนใหม่ที่แข็งตระหง่านชูชัน
ก่อนจะใช้ริมฝีปากบางสีสวยทักทายส่วนที่เบ่งบาน
พร้อมกับค่อยๆ ครอบลงไปจนทั่ว แต่ก็เข้าไปได้เพียงแค่ส่วนต้นเท่านั้นแหละครับ
มันยาวมากเกินกว่าที่ช่องปากผมจะช่วงชิมรสชาติได้ทั้งหมด
จึงต้องค่อยๆ ละเลียดชิมไปทีละส่วน

เพชรสื่อสารด้วยเสียงเบาผ่านลำคอให้ผมรู้ว่าเขามีความสุขกับสิ่งนี้
“อื้มมม” มือหนาจับเส้นผมของผมแผ่วเบา ดูเป็นการสัมผัสที่ทะนุถนอม

มันแน่นคับปากจนผมต้องถอนออกมาหายใจ
ระหว่างที่ผมพักยก เราสองคนก็สบตากัน
เจ้าของใบหน้าหล่อมองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะถือโอกาสนี้พลิกตัวผมกลับ
ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายนอนหงาย ปล่อยให้อีกคนช่วงชิมรสชาติบ้าง

“คุณเพชร” ผมเรียกชื่อเขาแล้วหลับตาลง
มือสองข้างจิกหัวเพชรเมื่อเขากำลังใช้ลิ้นร้อนไล้เลียในส่วนสำคัญทั้งสองด้าน
ผมตัวลอยจนแทบอยากจะหยุดหายใจ

แต่ผมเชื่อว่ามันจะพีคได้ยิ่งกว่านี้


หลังจากที่เพชรแกะกล่องสีดำแล้วสวมลงบนแท่งร้อน
ใบหน้าคมก็มองมาอย่างซุกซน ขาทั้งสองของผมถูกยกขึ้นพร้อมกับที่เพชรค่อยๆ ใช้นิ้วช่วยเปิดทางให้สัมผัสมันอ่อนโยนยิ่งขึ้น

“คุณหงส์” เสียงกระเส่าเรียกชื่อให้ผมต้องขานรับ
“หื้มม” สองสายตาประสานกันราวกับว่าโลกใบนี้มีแค่เราสองคน
“เป็นของผมนะ”

ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยคคำถาม ที่ไม่ใช่ประโยคคำถาม
เพราะเพียงแค่มองตาแต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร สิ่งที่แข็งขืนอยู่ด้านล่าง
ก็จ่อเข้ามาในช่องนั้น พร้อมกับค่อยๆ ดันเข้ามาอย่างช้าๆ

มันคงจะยากหน่อยเพราะว่ามันคับเหลือเกิน
อย่างที่บอกไปว่าผมห่างหายไปนาน
ไม่อยากเชื่อว่าพอได้กลับมาเจออีกครั้ง จะได้เจออะไรที่อลังการขนาดนี้

สู้กับมันซักตั้งหน่อยนะหงส์     

ผมบอกตัวเองในใจ ก่อนจะโอบตัวเพชรไว้แน่น


ร่างสูงดันเข้ามาจนเสร็จ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆ ปรับตัว
แล้วเรียนรู้กันผ่านความอบอุ่นและอ่อนโยน

แก้วแชมเปญของเราถูกยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“Cheers” เพชรกระซิบข้างหูผม ก่อนที่เราจะชนแก้วกัน

ผมเทแชมเปญลงบนหน้าอกตัวเองให้คนที่อยู่ด้านบนก้มลงมาช่วงชิมรสชาติ
พร้อมกับที่เขาออกแรงขยับไปมา

ก่อนหน้าที่ความรู้สึกที่ดูเหมือนจะเจ็บ กลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดี
ทุกอย่างละมุนละไม ค่อยเป็นค่อยไป


ระหว่างทางผมรู้สึกเหมือนกับว่าแก้วแชมเปญถูกปัดตกลงไปในอ่างด้านข้าง
แต่ก็นั่นแหละ ผมคงไม่เสียเวลาไปเก็บแก้วในตอนนี้หรอกครับ
เราเรียกชื่อกันและกันสลับไปมา พร้อมกับที่มือโอบร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น

“คุณเพชร อื้อออ แรงๆ เลย”
“อื้มมม ครับบหงส์”

ผมกับเพชรมองหน้ากันอย่างไม่วางตา

ไอ้เหี้ย เพชรแม่ง โคตรหล่อ

รู้สึกว่าควบคุมความคิดในหัวตัวเองไม่ได้ ผมเลยปล่อยให้มันไหลไปตามเกมส์
ไม่นานผมก็จิกหลังเพชรจนตัวเกร็ง เราทั้งสองกอดกันแน่นพร้อมกับที่ร่างกายทั้งคู่เกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์อย่างควบคุมไม่ได้
มันกระตุกและพุ่งแรงราวกับกำลังเปิดแชมเปญชวดใหม่

ตัวเบา
ราวกับว่าอยู่ในสภาวะสูญญากาศ

เราหายใจรดต้นคอกันไปมาเพื่อเติมออกซิเจนให้เต็มปอด
ขวดแชมเปญที่วางอยู่ถูกยกขึ้นมากระดกโดยไม่ต้องใช้แก้ว
เพื่อเป็นการเติมพลัง

แล้วบทที่สอง ก็เริ่มต้นขึ้น



หลังจากที่เรา check out ออกจากโรงแรมเรียบร้อยในช่วงสาย
ก้มมองนาฬิกายังพอมีเวลาเหลืออีกประมาณชั่วโมงนึงสำหรับการพักผ่อนที่พัทยา
*ถึงแม้ว่าทริปนี้ผมแทบจะไม่ได้พักเลยก็ตาม
เพชรเลยถือโอกาสจูงมือผมมาเดินเล่นริมชายหาดเพื่อส่งท้าย
ช่วงแรกเราก็พากันถ่ายรูปมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันไป
ไม่สิ!
ต้องเรียกว่า เขาแอบถ่ายรูปผมเวลาเผลอซะมากกว่า
ไม่เห็นจะมุ้งมิ้งแบบที่บรรยายไว้ตรงไหนเลย เหอะเหอะ

แต่หลังจากที่เพชรหายไปคุยโทรศัพท์ครู่ใหญ่
แล้วปล่อยให้ผมยืนรับลมอย่างอิสระอยู่ตามลำพัง
พอวางสายแล้วเดินกลับมาเพชรก็ดูกระวนกระวายอยู่ไม่สุข
อ้ำๆ อึ้งๆ จะพูดก็ไม่พูด
ส่วนผมก็ยังคงนิ่งอยู่ ก็สังเกตเห็นแหละ แต่ยังไม่ถามอะไรออกไปดีกว่า

ระหว่างนั้นผมก็ส่ายหัวดุ๊ดดิ๊กถ่ายบูมเมอแรงลงไอจีไปพลางๆ
เพราะเริ่มมีคนที่ตามไอจีผม Inbox มาถามว่าผมหายไปไหน ทำไมถึงเงียบไป
เลยอัพไอจีสตอรี่ให้พวกเขาเห็นหน้าซะหน่อยว่ายังสบายดีอยู่ 
ถ่ายเสร็จเพชรก็เดินเข้ามายืนใกล้ๆ
ทำให้ผมละความสนใจจากไอจีแล้วหันไปมองคนที่ยืนด้านข้างแทน

“คุณณณ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“ว่าไง”
หลังจากที่ผมตอบรับความเงียบก็เข้ามาแทนที่
มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่ดังอยู่ในตอนนี้
ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงบอกว่ารอฟังเขาพูดอยู่นะ
 
เพชรมองหน้าผมแล้วสูดลมหายใจก่อนจะพูด
“ถึงขั้นนี้แล้ว
เราจะเป็นแฟนกันได้รึยังอ่า”
นี่คือเพชรกำลังขอผมเป็นแฟน…ถูกมั้ย

ตอนนี้ร่างสูงทำหน้าเหมือนกำลังลุ้นหวย เห็นแล้วก็อยากจะแกล้งซะหน่อย
“ยังอ่ะ” แน่นอนครับ ว่าคนอย่างวีรินทร์ ก็จะต้อหัวเราะในลำคอ
พร้อมกับยิ้มอ่อน แล้วส่ายหน้า
“ทำไมอ่ะ” เพชรเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย
“ง่ายไป” ผมบอกปัดแล้วโบกมือ

เขาก้มหน้างุดเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะเงยขึ้นมาแล้วยกยิ้มมุมปาก
แววตาของเพชรเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันฉายแววดูร้ายขึ้นหน่อยนึง
“นั่นสิ ผมลืมไปว่าอย่างคุณหงส์ ได้ยาก”
“แน่นอน” สะบัดไหล่ไปทีนึง
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าคนอย่างผมไม่ง่าย

“แต่ผมก็ได้มาแล้ว”
ผมถลึงตาโตกับคำตอบของเพชร แล้วแยกเขี้ยวใส่เขาไป

“เพชร!”
“หงส์!”
“นายเพชร คนหื่น”
“คุณหงส์ก็หื่น เนี่ยหลังผมมีแต่รอยเล็บคุณ”
“เออ ดี...แล้วรอยตามตัวเรานี่ ใครรับผิดชอบ ฮะ”
“ผมก็เลยขอคุณเป็นแฟนอยู่นี่ไง”
“ชิ ยังไม่เป็นเว้ย”
“ไม่รู้เว่ย ตีตราจองไว้แล้ว ห้ามใครมาทับไลน์”
จองกันแบบนี้เลยหรอวะ
ระหว่างที่ผมกำลังหน้าตึงใส่เขา เขาก็พูดประโยคนึงที่ทำให้ผมหน้าร้อน


“เมียผม ผมหวง” 

พอเพชรพูดจบผมก็ยกมือขึ้นมาตีปากยื่นๆ ของเขาเพื่อปรามทันที

เกลียด เกลียดคำว่าเมีย
เกลียดคำว่าเมียที่ออกมาจากปากนายแว๊นซ์
ที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขามากในวันแรกที่เราเจอกัน พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไอ้บ้า

นี่คงเป็นแค่การต่อปากต่อคำใช่ไหม
เพชรคงไม่ได้กะจะขอผมเป็นแฟนจริงๆ เพราะเขารู้ว่ายังไงผมก็คงยังไม่ยอมเป็นแน่นอน
เพียงแค่เพชรอยากจะเตือนความจำผมว่า เขาได้ผมแล้ว

ผมเป็นเมีย

อะไรอย่างนั้นใช่มั้ย
ร้ายนักนะ!

เพราะว่าการขอคนอย่างผมเป็นแฟน มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ภาพในหัวของผมคงจะเป็นแบบดินเนอร์หรู จุดพลุบนฟ้า หรือมีหงส์ลอยในสระน้ำ
ผู้ชายที่ทำการบ้านมาดีอย่างเขารู้อยู่แล้วล่ะ

“ใครสั่งใครสอนให้พูดอะไรแบบนี้ ห๊ะ”
จากประโยคข้างบน ที่ฟังแล้วขนลุกชิบ

“พูดเอง จากนี้ผมขอสั่งห้ามคุณไม่ให้ไปโปรยเสน่ห์ให้ใครเรี่ยราด
เข้าใจมั้ย”
แล้วมือเรียวก็ชี้หน้าผมราวกับว่านี่คำสั่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามขัดขืน

ผมทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วปัดมือเขาออก
ก่อนที่จะรู้ตัวว่ากำลังถูกคนตรงหน้ามองมาราวกับว่ากำลังจะกลืนกิน

ผมไม่รู้ด้วยละ
ไม่รู้เว้ย ไม่รู้เว้ย

ก่อนที่จะต้องถูกแทะโลมด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ไปมากกว่านี้
ผมเลยรีบวิ่งหนีออกมาก่อน


 
ผมเดินนำเพชรกลับมาที่โรงแรม วันนี้เราใช้บริการรถลีมูซีนของทางโรงแรมครับ
ก็อย่างที่บอก ถ้าต้องนั่งมอเตอร์ไซค์กลับกรุงเทพผมจะให้ที่บ้านมารับ
คุณเพชรเขาเลยจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ถูกใจผม

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินนำมาที่รถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ เลยหันไปแซวคนที่เดินตามหลังมา “คุณเพชร แล้วบิ๊คไบค์คุณล่ะ”
ร่างสูงมองมาที่ผมแล้วพูดตอบ “จอดไว้นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมหาเวลามาเอา”
ผมพยักหน้ารับแล้วตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มร้าย
“คุณจะขับกลับเลยก็ได้นะ เรานั่งรถกลับคนเดียวได้”
“แน่ะ” คนที่ถูกแซวทำหน้าตึงใส่ แล้วรีบเข้ามาประชิดตัวผม
“ได้ผมแล้วจะทิ้งกันง่ายๆ หรอ
หึ ไม่มีทาง” แล้วเขาก็มือไวเอาแขนมาพาดคอผม แล้วบีบตัวเข้ามา
ก่อนจะดันผมขึ้นรถ พร้อมกับหนีบตัวผมไว้แน่น

ในส่วนของขากลับไม่ต้องถามหาโมเมนต์อะไรระหว่างทางนะครับ
เพราะเราสองคนหลับตั้งแต่รถออกจากพัทยาภายในเวลา

5
4
3
2
1
วินาที

หลับยาวทั้งที่เพชรยังกอดผมไว้ หัวชนกันหลายต่อหลายทีจนมาถึงกรุงเทพ
ก็แหงสิ กลางคืนไม่ได้นอนแถมยังตื่นเช้าอีก
พอได้เอนหลังบนเบาะนุ่มสบาย ก็ไม่แปลกที่จะหลับไปอย่างง่ายดาย
เห็นมั้ยว่าถ้ายังกลับด้วยบิ๊คไบค์ของเพชร ไม่มีทางที่จะได้หลับสบายแบบนี้
เชื่อผมรึยัง



จุดหมายของผมคือที่สตูดิโอแถวทองหล่อที่พี่แฟรงค์ได้แชร์โลเคชั่นเอาไว้ให้
ก็งานเดินแบบที่จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ยังไงล่ะครับ พี่แฟรงค์โทรมาขอให้ช่วยเดินแบบให้ เพราะมีนายแบบถอนตัวกระทันหัน ช่วงดึกเมื่อวานพี่เขาก็โทรเข้ามาขอเลื่อนเวลานัดฟิตติ้งเร็วขึ้นด้วย เลยทำให้ผมต้องกลับกรุงเทพเร็วกว่าเวลาที่เพชรวางแผนเอาไว้

“ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะคุณ” ก่อนจะลงจากรถก็หันไปลาคนด้านข้างที่กำลังทำหน้าหงอยเพราะอยากลงไปเฝ้าผมทำงาน
ทั้งที่ตัวเองก็มีนัดติวหนังสือให้สายรหัส
“ไปด้วยไม่ได้อ่อ”
เขายังคงอ้อนวอนอีกครั้ง ทั้งที่ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่า
“ไม่ได้ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ โอเค๊” 
เพชรหยักหน้ารับ ก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มผมทีนึง
ผมเลยหยิกแขนเขาเบาๆ แล้วทำหน้าดุใส่
แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ แถมยังมีหน้ามายิ้มล้อ

“มีกำลังใจละ บ๊ายบาย”
“ฉวยโอกาส”
ผมว่าอย่างไม่จริงจังพร้อมกับก้าวขาลงรถ แต่ก็ถูกคนด้านข้างฉุดมือเอาไว้ซะก่อน

“สรุปว่า ผมยังอยู่ในสถานะจีบเมียตัวเองอยู่...ถูกป่ะ?”
อะไรวะ จีบเมียตัวเอง

“พูดใหม่” ผมทำเสียงดุ
“อ่ะๆ สรุปว่าผมยังอยู่ในสถานที่จีบคุณหงส์อยู่ ถูกมั้ยค้าบบบบ”
ค่อยน่าฟังหน่อย คำถามของเขาทำให้ผมพยักหน้าตอบไปทีนึง
“พยายามหน่อยนะ ใจเราแข็ง”

“ไม่ใช่แค่ใจหรอก” คนในรถตะโกนตามหลังมา
“เงียบ” ผมหันกลับไปด่า แล้วถลึงตาใส่ เพชรแลบลิ้นปลิ้นตาดูมีความสุข
แล้วประตูรถก็ถูกปิด


ระหว่างที่เดินเข้าสตูดิโอผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย
สั่นอยู่นานเป็นชาติได้ละมั้ง
พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าก็กลับไม่อยากจะรับสายซะงั้น
อยากจะแกล้งไอ้คนที่โทรเข้ามาให้มันทรมานเล่น มันคงอยากจะอัพเดตใจจะขาด
แต่ถ้าผมยังไม่ยอมรับสาย ไอ้มิวมันก็คงจะก่อกวนไม่หยุด
เลยต้องยอมวางนิ้วลงไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย

“ขับรถมาหากูที่สตูดิโอดิมิว แล้วก็พากูไปทำทรีทเมนต์หน้า แล้วก็ทำสปา”
“อะไรของมึงเนี่ย” คนที่โทรเข้ามาเริ่มโวย มันก็คงจะงง
“กูรู้ว่ามึงโทรเข้ามาทำไม” ผมพูดอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“เออ รู้แล้วก็รีบเล่ามา”
“ไม่จ๊ะ จนกว่ามึงจะมาทำตามข้อเสนอของกู”
“ได้ที สั่งกูเป็นเจ้านายเลยนะสัส”
“หรือมึงจะไม่รับข้อเสนอ ก็ไม่เป็นไร กูแฟร์ๆ”
“ก็ได้ งั้นอีก 15 นาทีเจอกัน”
นั่นแหละครับ ขาเผือกตัวจริง
ไอ้มิวเพื่อนผมเอง หึ

หลังจากนั้นผมก็โทรหาพี่แฟรงค์เพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว
รอด้านหน้าไม่นานเจ้าของงานก็เดินมารับผมพร้อมกับพาเข้าไปข้างใน
ระหว่างนั้นพี่แฟรงค์เล่ารายละเอียดงานครั้งนี้อย่างคร่าวๆให้ผมฟังพอเห็นภาพ

“เสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้จะเกี่ยวกับหน้าฝน Concept ก็คือ Funny Rain
ชุดมันจะดูสนุก เหมือนเวลาเราเล่นน้ำฝน พี่อยากได้ความแปลกใหม่
มันก็จะออกมาแบบที่น้องวีเห็น”
“แบบชุดที่พี่แฟรงค์ใส่อยู่นี่ ใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องเลยครับน้องวี”
เสื้อเชิ๊ตสีเขียวสะท้อนแสงตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีดำ
ถูกคลุมด้วยชุดกันฝนพีวีซีใสตัวยาวปิดตาตุ่มสวมคู่กับบู๊ทสีเดียวกับสีเสื้อ
โอเค แค่เห็นก็สนุกละ
ผมยิ้มให้พี่แฟรงค์พร้อมกับไล่มองดีเทลของชุด

“ตอนนี้นายแบบคนอื่นกำลังถ่ายรูปฟิตติ้งอยู่ น้องวีไปลองชุดในห้องก่อนก็ได้
คุณเก๋ เดี๋ยวพาน้องวีไปที่ห้อง แล้วก็หยิบชุดให้น้องลองด้วยนะครับ”
พี่แฟรงค์ชี้ให้ผมดูหน้าเซ็ตที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่
พร้อมกับเรียกพี่ผู้ช่วยให้นำผมไปยังห้องแต่งตัว

“สวัสดีครับ”
ยกมือไหว้ก่อนจะรับชุดมาไว้ในมือ จากนั้นพี่เก๋ผู้ช่วยก็เดินออกจากห้องไป
พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เช็คลุคตัวเองในกระจกบานใหญ่อีกครั้งนึง


เสื้อเชิ้ตสีเหลืองตัวบางมีคริสตัลเม็ดเล็กประดับบริเวณปก
สวมใส่กับกางเกงขาสั้นสีดำ ขนาดพอดีตัวค่อนไปทางฟิตมาก
มีเสื้อกันฝนพีวีซีใสยาวประมาณต้นขาคลุมเอาไว้

ดีนะไม่เห็นรอยที่เพชรทำเอาไว้ตามตัว ไม่งั้นคงจะน่าเกลียด


ก๊อก ก๊อก

“พี่ขอเข้าไปบ้างในนะครับ”
“เชิญครับพี่แฟรงค์”
ผมไม่ได้หันไปมองคนที่มาใหม่เพราะกำลังให้ความสนใจตัวเองในกระจกอยู่
รู้ตัวอีกทีพี่แฟรงค์ก็เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังผมแล้ว
กระจกสะท้อนให้เห็นครับ

“วีใส่ถูกแล้วใช่มั้ยครับพี่” ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเข้ามา
แต่พูดถามด้วยการมองผ่านกระจกด้านหน้า และดูเหมือนว่าเขาก็กำลังมองผมอยู่
“อืม ไหนพี่ขอดูซิ”
ว่าแล้วคนที่สูงกว่าก็เอามือจับไหล่แล้วหมุนตัวผมกลับ
“พี่ว่ามันฟิตไปหน่อยสำหรับวี ฮ่าๆ” พี่แฟรงค์จับผมพลิกไปพลิกมา แล้วก็หัวเราะ
“วีดูตลกใช่มั้ยอ่า”
ก็เห็นเจ้าของแบรนด์หัวเราะใหญ่ จนอดคิดไม่ได้ว่ามันต้องตลกมากแน่ๆ

“เปล่าๆ พี่ว่าน่ารักมากเลยต่างหาก พี่คงคิดว่าวียังเด็กเลยหยิบไซส์เล็กมาให้ลอง
ลืมคิดไปว่าน้องพี่โตขึ้นมาก...
…งั้นวีถอดออกเลยครับ เดี๋ยวพี่หยิบตัวใหม่มาให้ลอง”
“โอเคครับ”
ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก
ส่วนพี่แฟรงค์ก็หันไปหยิบชุดที่แขวนอยู่บนราวด้านข้าง


ก๊อก ก๊อก

พี่แฟรงค์เงยหน้ามองผม ส่วนผมก็หยุดมือตัวเองเอาไว้ก่อน
“เชิญครับ” ผมเป็นคนตะโกนบอก สงสัยจะเป็นทีมงานของพี่แฟรงค์
ทันทีที่ประตูเปิดออก เผยให้เห็นคนที่มาใหม่
ไม่ใช่ทีมงานครับ

“เพชร”

เพชรยืนนิ่งอยู่ตรงประตู ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม
ผมยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วแนะนำเพชรให้พี่แฟรงค์รู้จัก
เขายกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า ส่วนอีกคนก็รับไหว้

“พี่แฟรงค์ครับนี่เพชรเพื่อนวี...เพชร นี่พี่แฟรงค์ที่เรามาเดินแบบให้”
“พี่ว่าพี่เคยเจอเพื่อนวีคนนี้แล้ว” คำพูดของคนที่กำลังยื่นเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ผม
ทำให้ผมกับเพชรต้องมองกันอย่างสงสัยว่า เคยเจอตอนไหน
“ก็วันที่อีเว้นท์เปิดตัวน้ำหอมไง เพื่อนคนนี้รอวีอยู่ที่ล็อบบี้”
พี่แฟรงค์ยิ้ม แล้วมองเพชรไม่วางตา

“อ่อ ครับ” คนที่มาใหม่พยักหน้ารับ
ก่อนที่จะหันมาสนใจผม แล้วไล่มองชุดที่ผมกำลังสวมใส่อยู่ลงไปเรื่อยๆ
เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างผ่านทางแววตา

ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนี้
กระจกที่อยู่รอบห้องสะท้อนให้ผมเห็นร่างตัวเอง
ก็แค่กระดุมบนเสื้อเหลือติดอยู่แค่เม็ดเดียว กับกางเกงรัดติ้ว

แต่ผมฟิตติ้งชุดอยู่นะครับ


“มาหาถึงนี่ มีไรเปล่า” ต้องชิงถามก่อน เบี่ยนเบนความสนใจ
ยิ่งเมื่อเช้าเข้าประกาศว่าผมเป็นของเขาแล้ว ยิ่งต้องรีบเคลียร์สายตาดุๆ นี้เลย
“คุณลืมคีย์การ์ดคอนโดไว้บนรถอ่ะ ผมเลยเอากลับมาคืนให้”
เพชรยื่นคีย์การ์ดในมือส่งมาให้ผม
นั่นทำให้ผมสงสัยว่าตัวเองทำหล่นไปตอนไหน คงจะเป็นตอนหาโทรศัพท์ละมั้ง

“ขอบคุณมากนะ ทำคุณเสียเวลากลับไปกลับมาเลย แหะๆ” ผมยิ้มแห้งๆ
พร้อมกับเหลือบมองพี่แฟรงค์ที่ยังคงไม่ละสายตาจากเราสองคน
“ไม่เสียเวลาหรอก ความจริงผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณยังได้เลยนะ”

เอาละไง
เริ่มมีกลิ่นแปลกๆ
คำพูด น้ำเสียง แววตา ของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่าง

“เห้ย ไม่เป็นไร คุณต้องติวหนังสือให้สายรหัสนิ จะสอบแล้วด้วย
อีกอย่างไอ้มิวมันก็กำลังมา ไม่ต้องห่วงๆ”
“อ๋อ แน่นะครับ” เพชรยังคงนิ่ง

“แน่ครับ พี่ไม่มั่นใจว่าตรงนี้มีอะไรให้น้องต้องห่วงวีรินทร์หรอครับ”
คนที่ยืนเงียบอยู่ก่อนหน้าพูดขึ้นมา ผมกับเพชรหันมองพี่แฟรงค์
ผมอ่ะยิ้ม แต่เพชรนี่สิ เหมือนพร้อมจะกะโจนใส่พี่แฟรงค์แล้ว

“ไม่มีไรต้องห่วงครับพี่แฟรงค์
ป่ะเพชร เดี๋ยวเราเดินไปส่งข้างหน้า”
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ต้องรีบตัดบท
ผมฉีกยิ้มแล้วทำทีจะเดินไปส่งเพชรข้างหน้า แต่ก็โดนเบรคไว้ก่อน
“สภาพนี้” เพชรเสียงแข็ง
“เออว่ะ” ผมมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มแห้ง

“ไม่เป็นไรน้องวี เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนน้องวีเองครับ...
เชิญครับ” พี่แฟรงค์อาสาออกไปส่งเพชรด้านนอก พร้อมกับผายมือให้เดินออกเพชรหยักหน้าให้ผมเป็นเชิงว่าไปเปลี่ยนชุดให้เสร็จเถอะ แล้วยกมือขึ้นมาโบกลา ก่อนจะเดินนำหน้าพี่แฟรงค์ไป

“อ้อ ถ้าน้องวีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ออกมาที่หน้าเซ็ตได้เลยนะครับ” พูดจบพี่แฟรงค์ก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มมาให้

โดยมีอีกคนมองจ้องอยู่จากตรงประตู!


หลังจากที่สองคนเดินออกไป ผมก็ใช้ความคิดกับตัวเองอยู่พักนึง
ทำไมนะ ทำไม

ที่พี่แฟรงค์มีท่าทีแบบนี้คงเพราะว่าหวงน้องชาย
ส่วนเพชร ก็คงจะหึงละมั้ง

ระหว่างน้นไอ้มิวก็โทรเข้ามาบอกว่าคงจะมาหาไม่ได้แล้ว เพราะน้องแมวสมชายของมันไม่สบาย คงจะต้องพาไปหาหมอ

พอฟิตติ้งแล้วก็ถ่ายรูปเสร็จพี่แฟรงค์เลยอาสาเป็นคนพาผมไปทำทรีทเมนต์หน้า และทำสปาแทน

พอผมจะปฏิเสธ พี่เขาก็บอกว่า
“พี่ขอให้วีมาช่วยเดินแบบให้ ขอให้พี่ได้ดูแลวีเป็นการตอบแทนซักนิดนะครับ”

THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback

แวะเอาฉากที่หายไปมาเล่าให้กระชุ่มกระชวยกันซักหน่อย อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 16:07:10 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
สนุกมากค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่แฟรงค์ดูแปลก ๆ นะว่ามั้ย

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
สนุกมากค่ะ รอติดตามนะคะ


ขอบคุณนะค้าบบบ  :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เพชร หวงหงส์

พี่แฟรงค์ ชอบหงส์สินะ

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
พี่แฟรงค์ดูแปลก ๆ นะว่ามั้ย


ว่ามากๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เพชร หวงหงส์

พี่แฟรงค์ ชอบหงส์สินะ

เพชร หงส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อิอิ  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 13
Frank


13:05

วันนี้คงจะเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดอีกวันหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้...
เพราะไหนจะต้องลากสังขารตัวเองมาอ่านหนังสือสอบแต่เช้า ช่วงบ่ายก็ต้องไปเตรียมตัวกับงานเดินแบบยาวไปถึงช่วงเย็นที่มี After Party ซึ่งผมต้องอยู่ร่วมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แถมพรุ่งนี้ยังมีเรียนเช้าอีกด้วย เรียกได้ว่าผมถึงกับหัวหมุนจนแทบบ้าในการจัดตารางชีวิตกันเลยทีเดียว

โชคทีนะครับที่วันนี้ไม่มีเรียน เพราะอาจารย์ให้นิสิตหยุดอ่านหนังสือสอบ ไม่งั้นชีวิตผมคงจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว


ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟแบรนด์ดังที่เอ็มควอเทียร์ตั้งแต่ห้างเปิดลากยาวมาจนถึงตอนนี้ในลุคที่ค่อนข้างชิลจนเรียกได้ว่าหน้าสด ก็เดี๋ยวช่วงบ่ายต้องแต่งหน้าทำผมอีกเลยไม่ได้ทาอะไรเลยนอกจากครีมบำรุงทั่วไป พร้อมกับถือโอกาสสวมเสื้อยืดตัวบางโง่ๆ สีขาวกับกางเกงขาสั้น หนีบรองเท้าแตะคู่เล็ก ถือกระเป๋าใบพอดีมือพร้อมด้วยชีทเรียนแล้วก็ปากกาหนึ่งด้าม เป็นไงล่ะครับ ลุคของผมในวันนี้ ง่ายซะไม่มี

บรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบทำให้ผมมีสมาธิจดจ่อกับการทบทวนตำรา แต่อยากจะสารภาพตามตรงว่าก็เพิ่งจะจดจ่อได้ไม่ถึง 15 นาทีหรอกครับ ก็เพราะตั้งแต่มาถึงที่ร้านไอ้มิวมันก็ซักไซร้ไล่เรียงชีวิตผมซะละเอียดยิบจนพรุน ราวกับว่ามันกำลังจะเปิดเพจใต้เตียงวีรินทร์อะไรแบบนั้น สุดท้ายผมก็เสียสมาธิ สติแตก ต้องยอมมานั่งเล่าไทม์ไลน์ชีวิตของตัวเองในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาให้มันฟังจนเข้าใจ แถมมันยังฟินจนหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน พอได้ฟังฉากรักโรแมนติกที่ริมระเบียง

หลังจากได้เผือกชีวิตผมจนหนำใจแล้ว ไอ้มิวมันก็ขอแว้บไปหาข้าวเที่ยงกิน โดยทิ้งผมไว้ที่ร้านกาแฟตามลำพัง จริงๆ มันก็ชวนผมไปด้วยอะแหละ แต่ผมยังไม่ค่อยหิว เลยนั่งจิบชาเขียวร้อนแก้ง่วงพร้อมกับทบทวนบทเรียนอย่างสบายใจ

ระหว่างที่ผมกำลังทำความเข้าใจกับแผ่นกระดาษ A4 ตรงหน้า จนไม่รู้ตัวว่าหน้าผากตัวเองกำลังย่นเข้าหากันนั้น เจ้าไอโฟนเครื่องสีแดงที่นอนเงียบสงบอยู่พักใหญ่ก็ส่งเสียงทำลายสมาธิ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองว่าใครโทรเข้ามา

ช่างมีมารผจญเสียจริง

คนที่โทรเข้ามาก็ขาประจำแหละครับ ไอ้มิวผู้ที่ต้องโทรหาหงส์ 3 เวลาหลังอาหาร
มึงเพิ่งแยกกับกูไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนะเว่ย!

“มีไรวะ” ผมรับสายห้วนๆ พร้อมกับนั่งบวกเลขในใจต่อ
“มึงลงมาชั้นล่างด่วนเลยเว่ย” เสียงมันดูตื่นเต้น
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

“ทำไมอ่ะ มีไร” ผมถามไปงั้น แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะไอ้มิวชอบทำเสียงตื่น
“กูเจอไอ้เพชร” คำพูดของไอ้มิวทำให้ผมละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบๆ อย่างไม่ได้โฟกัสอะไร พร้อมกับใช้ความคิด

“อืม ไม่เห็นรู้เลยว่าจะมา” เหมือนกับจะคิดในใจ แต่ก็ดันพูดออกมา
ก็ตั้งแต่เมื่อเช้าที่คุยกัน แล้วผมเล่าว่าเมื่อคืนพี่แฟรงค์มาส่งที่คอนโดเพราะไอ้มิวติดธุระพาแมวไปหาหมอ เพชรก็ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แถมยังบอกอีกว่าทำไมไม่ยอมโทรให้เขาไปรับ พอผมบอกไปว่าไม่อยากจะรบกวนเวลาอ่านหนังสือ หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปจนถึงตอนนี้
“แหงสิ” ปลายสายพูดต่อ
“แหงอะไรวะ”
“กูเห็นมันนั่งกินชาบูอยู่กับผู้หญิงเนี่ย”

“อ้าวหรอ สงสัยเพชรหิวมั้ง”
ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรนะ ก็แอบรู้สึกนิดนึง แต่นิดเดียวจริงๆ
เพราะว่า...เพชรมีอะไรกับผมแล้ว ซึ่งผมเป็นผู้ชาย
เพราะฉะนั้นการที่เพชรนั่งกินชาบูกับผู้หญิง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผมต้องคิดมากป่ะ

“เออ แม่งคงหิวแหละ ถุย!!!
มึงไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาวบ้างหรอวะ”

“กูต้องรู้ร้อน ต้องรู้หนาวหรอวะ” ก็แค่สงสัย 
“ลงมาเหอะน่า ถ้ามึงไม่อยากระแวงว่าจะถูกสวมเขา”
สวมเขา คำนี้กลับมาในชีวิตผมอีกแล้ว
ไม่ชอบเลยว่ะ

“ต้องเบอร์นั้นเลยหรอวะ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่กูอยากให้มึงมาเห็นกับตา ไม่อยากให้มึงเจอแบบเมื่อก่อน
เห็นอะไรกูก็ต้องรายงานป่ะ”

พูดซะขนาดนี้
เออ ลงก็ลง
วางสายปุ๊บ ผมก็เก็บของเข้ากระเป๋าแล้วรีบลงไปข้างล่างทันที


ไอ้มิวยืนทำท่าทางกระวนกระวายอยู่หน้าร้าน นั่นทำให้ผมใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม้ลึกๆ ผมจะมั่นใจว่าไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่

“มึงรีบเข้าไปเลยเว่ย เข้าไปดูใกล้ๆ ให้เห็นกับตา”
ไอ้มิวเอามือมาตบไหล่ผม ก่อนจะชี้เข้าไปข้างใน
ผมมองตามไป เห็นเพชรนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนึง ท่าทางดูสนิทสนมจริงด้วย
หยอกกันไป หยอกกันมา แถมยังยิ้มร่าทั้งคู่

อ๊ะ หรือเพชรจะเป็นไบ!!
ถึงขั้นนี้ผมควรรู้ร้อนรู้หนาวหรือยังวะเนี่ย

“ตั้งสตินะมึง” มิวตบไหล่ผมอีกรอบและส่งยิ้มให้ผมเหมือนกับว่าเป็นกำลังใจ
“โอเค งั้นกูขอตั้งสติก่อน”

ว่าแล้วผมก็หลบมุมมาสูดหายใจเข้า แล้วบอกตัวเองว่าให้ใช้สติมากกว่าอารมณ์
จริงอยู่ที่ภาพตรงหน้าอาจจะทำให้ผมคิดไปได้หลายรูปแบบ

แต่...
ผมยังไม่ได้คบกับเพชร เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน โอเค๊?
คนที่นั่งอยู่ตรงนั้น อาจจะไม่ใช่กิ๊กของเพชรก็ได้ โอเค๊?
และต่อให้เป็นกิ๊กจริงๆ ผมก็ไม่ควรจะหึงหวงจนหน้ามืดอยู่ดี
เอ๊ะ! นี่กูหึงเพชรหรอวะ เป็นงั้นได้ไงวะ
ต้องไม่เป็นแบบนี้...วีรินทร์ แบบนี้ไม่เก๋เลย หมดกัน
คิดได้แบบนั้นสติก็มา ปัญญาก็เกิด

ผมฉีกยิ้มกว้างให้กำลังใจตัวเองในกระจกแล้วหันไปยิ้มให้ไอ้มิว
ให้กำลังใจมันด้วยครับ ตอนนี้มันทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย
ไม่รู้ว่าใครอาการหนักกว่าใคร

“กูโอเค” ผมพูดบอกมิวแล้วก็เดินเข้าไปในร้าน ทำทีว่าจะเดินเข้าไปหาโต๊ะว่าง


เดินเชิ่ดๆ เริ่ดๆ ผ่านโต๊ะของเพชรไปเข้าไป
ไม่ลืมหันไปเหลือบมองด้วยหางตา พอให้คนที่นั่งอยู่สังเกตเห็นว่าผมเดินผ่าน
แล้วร่างสูงที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นจริงๆ

“อ้าว คุณหงส์” เพชรเรียกผมด้วยน้ำเสียงสดใส...สดใสกว่าที่ควรจะเป็นอ่ะ
มองด้วยหางตาก็รู้ว่าเขายิ้ม คือเขาควรจะหัวหดไม่ใช่มาทำหน้าแป้นแล้นแบบนี้
 
ผมหยุดเดินแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก ก่อนจะฉีกยิ้มส่งไปให้...
...ให้ผู้หญิงฝั่งตรงข้าม เป็นคนแรก แล้วมองเพชรด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มากินชาบูหรอคุณ นึกว่าจะติวหนังสือ”
ไม่ได้ดูประชดใช่มั้ยครับ ผมถามเสียงหวานเลยแหละ

“อ่อ ใช่ครับ พอดีติวเสร็จแล้วหิวเลยมาหาอะไรกินก่อนอ่ะ
…แล้วนี่คุณก็มากินชาบูหรอครับ
คนเดียว?” ร่างสูงที่นั่งอยู่มองมาที่ผมอย่างสงสัย

เออว่ะ ผมเดินเข้ามาคนเดียว จะเนียนมั้ยเนี่ย
เขาจะรู้มั้ย ว่าผมเข้ามาจับผิด
แต่เอาเถอะมาถึงขั้นนี้แล้ว กินชาบูคนเดียวผิดตรงไหนเล่า
“เปล่า มิวอยู่หน้าร้าน เดี๋ยวคงตามเข้ามา
…แล้วนี่มากับ...” ผมถามประโยคเปิดให้อีกฝ่ายเป็นคนตอบ

เพชรหัวเราะในลำคอ แล้วผายมือไปยังคนฝั่งตรงข้าม “นี่น้องพลอยครับ”
เขาดูไม่ได้จะเป็นเดือดเป็นร้อนกับการเจอผมโดยบังเอิญ แถมยังแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้ผมรู้จักอย่างหน้าชื่นอีกด้วย

“พลอยไหน พลอยเฌอมาลย์ หรือพลอย หอวัง” 
ผมพูดแล้วมองสองคนตรงหน้าสลับไปมา พร้อมกับที่ ‘น้องพลอย’ ยกมือขึ้นไหว้
“ไม่ใช่ทั้งพลอยเฌอมาลย์ แล้วก็พลอยหอวังครับคุณ” เพชรยังคงหัวเราะ ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืน แล้วเอาแขนมาพาดเพื่อโอบไหล่ผม

มือไวอีกแล้วนะคุณ

“พลอย น้องสาวผมเอง”
“น้องสาว” ผมถามย้ำแล้วมองเพชร ทั้งสองคนพยักหน้ารับ
“น้องแท้ๆ เลย...
...คุณไม่เชื่ออ่อ พลอยเอาบัตรประชาชนออกมาดิ๊” พูดจบทั้งสองคนก็พากันควักบัตรประชาชนของตัวเองออกมายืนยันเอกลักษณ์ตัวตน
แถมผมยังบ้าจี้ไปหยิบมาเทียบดูอีกด้วย

พี่น้องกันจริงด้วยแฮะ
บ้าจริง

ผมส่งคืนแล้วรับไหว้น้องพลอย “สวัสดีครับ”
“พลอย นี่พี่หงส์ ว่าที่แฟนเฮีย ที่เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“พูดอะไรเนี่ย” ผมตีแขนเพชรไปทีนึง แล้วทำหน้าตึงใส่
แต่คนที่ถูกตีกลับไม่รู้สึกรู้สา แถมยังดึงแขนผมให้ลงไปนั่งข้างตัวเองอีกด้วย

“จริงหรอคะพี่หงส์ พี่หงส์กับเฮียเพชรใกล้จะเป็นแฟนกันแล้วหรอคะ”
น้องพลอยดูตื่นเต้นที่ได้ยินคำนี้ ตาเธอดูเป็นประกายขึ้นมาเชียว
“เพชรเค้าเพ้ออ่ะ” ผมว่าร่างสูงด้านข้าง
“อ้าวคุณณณ”   

“เนี่ยพลอยเห็นรูปพี่หงส์ในไอจีมานานแล้ว เพิ่งได้เจอตัวจริงก็วันนี้ค่ะ
เพื่อนๆ พลอยฟอลโล่ไอจีพี่หงส์กันเยอะเลย ทุกคนชอบพี่มาก...
พี่น่ารักมากค่ะ เคะมาก”

“เคะ” ผมทวนคำพูดน้องพลอยแล้วทำหน้างง
ทำให้เพชรต้องก้มลงมากระซิบความหมายที่ข้างหู “น่าจะหมายถึง ดูเป็นรับ”
“น่าเกลียด” ผมตีแขนเพชรอีกรอบแล้วพูดกลับไป ก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องพลอย


หลังจากนั้นผมก็โทรเรียกให้ไอ้มิวเข้ามาในร้านเพื่อให้มานั่งกินชาบูด้วยกัน สุดท้ายไอ้มิวกับน้องพลอยก็คุยกันถูกคอ จนเกิดคู่ซี้ใหม่ ไม่สิต้องบอกว่าไอ้มิวมันคุยถูกคอกับทุกคน...น้องพลอยเรียนอยู่ ม.6 ครับ เธอเป็นน้องคนเล็กของบ้านเพชร หน้าตาสะสวย แต่งตัวดี มีรสนิยม ไม่เหมือนเพชร เธอบอกว่าตัวเองเป็นสาววาย เพราะฉะนั้นผมจึงเป็น...เอ่อ เป็น ‘เคะ’ ในอุดมคติของเธอและกลุ่มเพื่อน ยิ่งพอน้องรู้ว่าผมกำลังจะเป็นแฟนกับพี่เพชร (ตามที่เพชรบอกไป) น้องพลอยยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ ไลน์หาเพื่อนจนไม่เป็นอันกินชาบูเลย แถมไอ้มิวยังไปให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเพชรจีบผมให้ติด น้องพลอยยิ่งดี๊ด๊าเข้าไปใหญ่ บอกว่าถ้าผมกับเพชรเป็นแฟนกับขึ้นมาจริงๆ เธอจะจัดแฟนมีตติ้งให้ แฟนคลับต้องมางานกันเยอะแน่ๆ

ผมกับเพชรก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วโดนสองคนนั้นแซ็วเป็นระยะๆ
สรุปก็คือผู้หญิงที่กินชาบูกับเพชร คือน้องสาว และผมหึง (ในใจ) ฟรีๆ  > <

วันนี้ผมกินได้ไม่เยอะครับ ไม่ใช่เพราะอิ่มอกอิ่มใจนะแต่เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าต้องไปเดินแบบแล้ว ถ้าขืนกินเยอะแล้วอ้วนขึ้นจนสวมชุดไม่ได้เหมือนเมื่อวานละก็ อาจจะโดนพี่แฟรงค์หัวเราะเยาะเอาได้

พอนึกถึงพี่แฟรงค์...รายนั้นก็โทรเข้ามาทันที บอกว่าจะมารับผมที่ห้างแล้วพาไปโรงแรมที่จัดงาน ไม่อยากให้ผมเดินทางเองกลัวจะลำบากเพราะผมนั่งรถไฟฟ้ามา พอเพชรรู้เรื่องก็ทำท่าจะเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เพราะเขาก็ต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวสำหรับงานวันนี้เหมือนกัน สุดท้ายเพชรเลยต้องยอมให้พี่แฟรงค์เป็นคนมารับผมไปครับ

อ้อ ถ้ายังจำกันได้ตอนอยู่พัทยา ที่แม่ของเพชรโทรมาแล้วชวนเพชรไปงานอะครับ
สรุปก็คืองานเดียวกันกับผม ทางบ้านเพชรก็ได้รับเชิญด้วยเหมือนกัน



17:35

‘Ready For Today’
หลังจากที่แต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็ถูกถ่ายภาพลุคนี้เก็บเอาไว้โดยพี่ช่างภาพมือทองที่ถูกจ้างมาถ่ายบรรยากาศในงานโดยเฉพาะ ซึ่งผมอาศัยความสามารถส่วนตัวขอภาพมาได้ก่อน แล้วเอามาอัพลงไปในอินสตาแกรมส่วนตัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้เครดิตพี่เขา ไม่นานยอดไลค์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ตื่นเต้นมั้ยเอ่ยน้องวี” เจ้าของงานในวันนี้เดินมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะวางมือลงบนบ่าของผมแล้วพูดถาม ผมละสายตาจากโทรศัพท์แล้วส่งยิ้มให้พี่แฟรงค์
“นิดนึงครับ พี่แฟรงค์ล่ะ”
“มากเลย
อืมม พี่ขอคุยกับวีหน่อยได้เปล่า”
แล้วมือหนาที่อยู่บนบ่าก็เลื่อนลงมากุมมือผมเอาไว้ พร้อมกับจูงมือผมมาอีกห้อง


ห้องแต่งตัวของพี่แฟรงค์ ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ด้านใน
เจ้าของงานนั่งลงบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะดึงผมให้นั่งลง

...บนตักของเขา แล้วก็เอาแขนมาพาดโอบเอวผมไว้แน่น
ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแล้ว
แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ

ยิ้มเข้าไว้

“พี่แฟรงค์มีอะไรจะคุยกับวีหรอครับ”
จากรูปการณ์แล้วผมก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่ผมคิดไว้เลย
อย่าเป็นแบบนั้นเลย

“ตอนแรก พี่ว่าจะคุยกับวีหลังจบงาน แต่พี่รอไม่ไหวแล้ว”
พี่แฟรงค์เบี่ยงตัวผมให้หันหน้าเข้าหาพี่เขาทั้งที่ยังนั่งตักอยู่
ดวงตาเป็นประกายของคนตรงหน้ามองมาที่ผมไม่ละสายตา
ผมก็อยากจะหลบสายตาของเขาอยู่หรอกนะ แต่สเปซมันแคบมากจนไม่รู้จะหลบไปมองอะไร เลยได้แต่จ้องตอบไปอย่างหวาดหวั่น

“ครับ เข้าเรื่องเลยก็ได้พี่”
“เพื่อนวีที่ชื่อเพชร จีบวีอยู่ใช่มั้ย” พี่แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับรัดเอวผมแน่นขึ้น
ผมพยักหน้ารับ “ครับ”

“จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าพี่จะจีบน้องวี...แข่งกับนายเพชร”

“มามุขไหนเนี่ย” ผมยิ้มแบบเจื่อนๆ แล้วถามกลับไป
ยังคงคาดหวังว่าจะมีกล้องซ่อนอยู่ แล้วมีเค้กออกมาเซอร์ไพร้ส์วันเกิดผม
ถามว่าวันนี้วันเกิดผมหรอ ก็ไม่ใช่

“พี่ไม่ได้มุข พี่จริงจัง”
บ้าจริง!
แล้วสิ่งที่ผมคิด มันก็เป็นจริงขึ้นมาจนได้

ความรู้สึกตอนนี้มันเบลอไปหมดเลยครับ ได้ยินเสียงเหมือนมีแมลงหวี่นับร้อยบินอยู่ข้างหู จนเหมือนกับว่าหูดับ 
แล้วภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว
ภาพพี่ชายที่เคยวิ่งเล่นกับผมเมื่อตอนเด็ก แม้แต่อาบน้ำด้วยกันก็เคยอาบมาแล้ว
ทำไมวันนี้ที่เราโตขึ้น อะไรๆ มันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ
ถึงแม้พี่แฟรงค์จะไม่ใช่ญาติ แต่ผมก็นับถือพี่เขาเหมือนญาติ

ทำไมเสน่ห์ที่ผมมีเหลือล้น มันถึงได้เป็นพิษเป็นภัยกับตัวผมขนาดนี้
เฮ้อออ

“หื้มม ได้มั้ยครับ” คนตรงหน้าเรียกผมให้หลุดออกมาจากภาพความคิด
แล้วจู่โจมด้วยการใช้ปากไซร้บริเวณต้นคอของผม พร้อมกับเลื่อนมือลงต่ำ
“พี่ อย่าทำแบบนี้เลย” ผมรีบผละตัวออกมาแล้วยืนตั้งหลักอยู่ข้างโซฟา
ตอนนี้พี่แฟรงค์ยังคงมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา
นั่นทำให้ผมกลัวจนต้องหลบตามองไปทางอื่น
“งั้นพี่จะขอคำตอบจากน้องวี ตอน After Party นะครับ”
ผมไม่ได้ตอบรับอะไร แต่รีบวิ่งออกมาจากห้อง


ผมกลับมานั่งในห้องแต่งตัวที่บรรยากาศค่อนข้างจะวุ่นวายมาก ด้วยความที่อีกไม่กี่นาทีงานจะเริ่มแล้วจึงทำให้ทุกคนวิ่งวุ่น ยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ผมเสียสมาธิมาก ตอนนี้แทบไม่ได้โฟกัสที่งานเลยเพราะในหัวนึกถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่

ว่าแล้วผมจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีแดงขึ้นมากดดูเวลาพร้อมกับพยายามจะโทรหาใครสักคน ที่ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเป็นใครดี
โทรหาแม่ โทรหาวีวิศ...ไม่ได้ สองคนนี้รู้จักพี่แฟรงค์และบ้านเราสนิทกันมาก
โทรหาไอ้มิว แม่งก็ไม่รับสาย
สุดท้าย ผมก็เลือกที่จะโทรหาคนที่ผมควรโทรหาเขาตั้งแต่แรก

‘เพชร’


“เพชร...มาหาเราหน่อย”
ผมเดินมารอเพชรที่ห้องน้ำด้านหลังห้องที่จัดงาน
แม้ว่ามันจะดูลับๆ ล่อๆ ไปบ้าง แต่บริเวณนี้มันเงียบและปลอดคน
คงจะทำให้สติของผมกลับคืนมาได้ในเวลาไม่นาน

ร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาผม วันนี้เขาสวมชุดสูทสีดำ เซ็ทผมดูเรียบร้อย
ผมยังคงยืนยันคำเดิม ว่า ‘เพชรหล่อ’
ยิ่งแต่งตัวเป็นทางการแบบนี้ ‘ยิ่งหล่อมาก’

ไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงได้ไปเป็นพวกแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ คิดแล้วอยากจะด่า
แต่เอาเถอะนั่นไม่ใช่เวลาจะมาตำหนิความชอบของเขา

ผมต้องกลับมาโฟกัสคนตรงหน้าสิ
แล้วคนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ผม
รอยยิ้มของเพชร ทำให้ผมต้องวิ่งโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น
พร้อมกับก้มหน้าลงไปซบที่อกแกร่ง

รู้สึกดี

เพชรไม่ปล่อยให้ผมกอดเขาอยู่ฝ่ายเดียว ร่างสูงก็ยกมือขึ้นมากอดผมตอบเช่นกัน

โคตรรู้สึกดี

ความรู้สึกตอนนี้มันช่างต่างจากความรู้สึกเมื่อตะกี้นี้มาก
มากจนทำให้ผมได้คำตอบให้กับตัวเองแล้ว

ผมไม่ได้ต้องการให้เพชรมีคู่แข่ง แต่ผมต้องการเพชรแค่คนเดียวในตอนนี้

“ตื่นเต้นหรอคุณ”
“นิดนึงอ่ะ”
“ระดับคุณหงส์ แค่นี้สบ๊าย” เขาพูดพร้อมกับลูบหลังผมเบาๆ
ยิ่งเพชรลูบหลัง ยิ่งทำให้ผมก้มหน้างุดลงไปแนบที่อกเพชรจนแน่นเข้าไปอีก
พอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา แล้วมันยิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

“เพชร” ผมเรียกเขาเสียงอู้อี้
“ครับ”
“ยังอยากจะขอเราเป็นแฟนอยู่มั้ย”
“อยาก เอ่อ อยากครับ”
ผมผละตัวออก แล้วเงยหน้ามองคนที่สูงกว่า
ดวงตาคู่สวยดูจะงงไม่น้อยในท่าทีของผม
แต่ก็นั่นแหละครับ มีเวลาไม่มากแล้ว ถ้าขืนผมไม่ทำอะไรซักอย่าง
ผมคงจะต้องตกเป็นของใครซักคน ที่ไม่ใช่คนนี้อย่างแน่นอน

“ดี งั้น......จะขอก็รีบขอ” ผมพูดออกไปเสียงจริงจัง
“อย่ารอให้ถึงปีหน้า”
มันใช่เวลามั้ยฮะ ผมอยากจะบ้า

“ตลกมากป่ะ”
“เอ่อ โทษที ก็เห็นมาเป็นเนื้อเพลง” คนตรงหน้าเกาหัวแก้เขิน ส่วนผมก็กุมขมับ

“ว่าแต่ แล้วทำไมคุณไม่ขอซะทีล่ะ”
“เมื่อวานที่พัทยาก็ขอไปแล้วทีนึง”
เออว่ะ แล้วผมก็ปฏิเสธไปเองกับปาก
“จริงด้วย งั้นลองขอใหม่มั้ย”
“วันนี้มาแปลกแฮะ”
“หรือจะไม่เอา”
“เอ้ย เอา เอา เอาดิ” เพชรรีบตอบ เขายิ้มให้ผม แม่งเป็นรอยยิ้มที่หล่อมาก
แม้จะหล่อปนงงก็เถอะ

“งั้นรีบขอเราเป็นแฟน โอเคนะ”
“ถ้างั้น...ตอนนี้เลยได้มั้ย”
คนตรงหน้าทำท่าจะคุกเข่าลง แต่ผมจับตัวเขาเอาไว้ก่อน

เธอจะบ้าหรอ!
“หน้าห้องน้ำเนี่ยนะ
ไม่อ่ะ ไม่สมศักดิ์ศรี” ผมเบนสายตามองบรรยากาศรอบข้างแล้วส่ายหน้ารัว

ไม่เอาอ่ะ ไม่ใช่ตรงนี้
ถึงแม้ผมผมจะเป็นฝ่ายมาบังคับให้เพชรขอผมเป็นแฟนก็ตาม แต่มันต้องดีกว่านี้

“เอ่อ...
งั้นผมขอเวลาคิดก่อนว่าสมศักดิ์ศรีของคุณควรจะขอประมาณไหน โอเคมั้ย”
“โอเค แต่ยังไงก็เร็วๆ ด้วย เข้าใจป๊ะ”
ร่างสูงพยักหน้ารับ

ก่อนที่ผมจะเขย่งขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ดึงตัวเพชรเข้ามาจูบอย่างบดขยี้
โคตรไม่มีศิลปะใดใดในการจูบครั้งนี้
แม่งเหมือนระบายความเครียดยังไงไม่รู้

ผมจูบแบบร้อนแรงราวกับว่ากำลังถ่ายเทพลังงานด้านลบเข้าสู่โพรงปากอุ่น
เพชรยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ราวกับทำตัวไม่ถูก
ไม่นานพอร่างสูงตั้งตัวได้ลิ้นหวานก็หยอกล้อกับลิ้นของผม
ก่อนจะกลับมาเป็นฝ่ายบุกเพื่อถ่ายเทพลังงานด้านบวกเข้ามาในโพรงปากผมบ้าง
และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก

มากซะจนต้องหยุดเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีนายแบบคนนึงหายไปเปิดห้องของโรงแรมเพื่อยิ้มหวานกับแขกที่มาร่วมงานก็เป็นได้
ผมจึงทำได้แค่ยิ้มกว้างด้วยปากสวยให้เพชรอีกรอบ

ถึงแม้จะจูบกันเสร็จไปแล้วแต่เขายังคงดูงงจนผมต้องพูดทักออกไป
“ไม่ต้องทำหน้างงขนาดนั้น บอกให้ขอก็ขอ แล้วก็รีบคิดมาด้วย เราจะรอ”

ผมตบไหล่เพชรปุๆ แล้วเดินถอยหลังออกมา
ก่อนจะชี้นิ้วไปที่บริเวณอกซ้ายของเขา ไม่ใช่ว่าบอกรักหรือตำแหน่งหัวใจอะไรนะ

“เครื่องสำอางเราเลอะเสื้อคุณอ่ะ เช็ดด้วย”
แล้วก็ขยิบตาให้ทีนึง พร้อมกับเดินออกมา



งานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าในวันนี้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี แสงไฟบนเวทีทำให้ผมสามารถรวบรวมสมาธิให้อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่วอกแวกไปไหน และทำมันออกมาได้ดีในแบบที่ต้องการ หลังจากนั้นก็ลงมาถ่ายรูปกับคุณแม่และเจ้าวีวิศ รวมทั้งไอ้มิวด้วย

ถ่ายรูปเสร็จผมก็เดินกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัวด้านหลัง โดยมีเพชรรออยู่บริเวณโถงทางเข้างาน After Party ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังทะยอยกันเข้างานแล้ว

พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เก็บของเตรียมจะออกมาเจอเพชร แต่ผมเพิ่งสังเกตว่าหลังจากที่ออกจากห้องเปลี่ยนชุดทีมงานก็หายกันไปหมดแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้ก่อนจะเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดยังพอมีพี่ทีมงานและนายแบบคนอื่นอยู่บ้าง สงสัยจะรีบเข้าไปแด๊นซ์กัน
ทันทีที่ผมเปิดประตูเพื่อจะออกจากห้อง ก็เห็นพี่แฟรงค์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู

เขาไม่รอให้ผมได้พูดอะไรแต่กลับดันตัวผมให้กลับเข้ามาในห้อง
พอมายืนอยู่ไม่ห่างกันผมก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวพี่แฟรงค์
ทั้งที่งานปาร์ตี้เพิ่งจะเริ่ม แต่ทำไมเจ้าของงานถึงได้ดูเมาได้ขนาดนี้

“น้องวีได้คำตอบให้พี่รึยังครับ” ร่างสูงพูดถามเสียงยาน พร้อมกับเอามือมาจับไหล่ผมเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้

“วีขอโทษนะครับ
วีคิดกับพี่แฟรงค์แค่พี่น้องจริงๆ”

พอผมพูดจบ พี่แฟรงค์ก็ผลักตัวผมลงบนโซฟา ผมเสียหลักนอนลงไปตามแรงผลัก

พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ขึ้นมาคล่อมร่างผมเอาไว้ แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าผมออก

ให้ตายเถอะ

ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ


พี่ก็พี่เถอะวะ

ขอซักทีก็แล้วกัน
.
.
.
“โอ้ยย น้องวี”


 
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 13
Frank


หงส์หนู ลูกกกก >< แบบนี้ก็ได้หรอลูก บังคับผู้ให้ขอเป็นแฟน แถมยังอยากได้ออพชั่นเริ่ดๆ
เออ ยอมใจนาง ไม่ใช่หงส์คงทำไม่ได้นะเนี่ย 5555

ตอนหน้ามาลุ้นกันว่านายเพชรสุดหล่อจะขอน้องหงส์เป็นแฟนด้วยวิธีไหน
ถึงจะสมศักดิ์ศรีคุณเธอ อิอิ

ส่วนไอ้พี่แฟรงค์ เธอจะหื่นอะไรเบอร์นี้ กับน้องกับนุ่งก็ไม่เว้น แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแล้วตอนเด็ก
ความสวยเป็นพิษจริงๆน้องวีรินทร์

ปล. ชื่อตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะตั้งว่าอะไร
คิดอยู่ 3 วันไม่ได้อัพซะที เลยเอาชื่ออิีพี่แฟรงค์ใส่เลยละกันครับ แหะๆ


 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 14
FAN


พี่แฟรงค์ผลักตัวผมลงบนโซฟา ทำให้ผมเสียหลักล้มลงไปตามแรงผลัก พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ขึ้นมาคร่อมตัวของผมเอาไว้ แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าผมออก

ให้ตายเถอะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
สุดท้ายผมก็ต้องเลือกที่จะป้องกันตัวเอง

พี่ก็พี่เถอะวะ
ขอซักทีก็แล้วกัน!
 
ว่าแล้วผมก็ใช้เข่ากระแทกเข้าตรงกลางลำตัวพี่แฟรงค์ไม่แรงมากครับแค่พอให้อีกฝ่ายได้สติ

“โอ้ยยยยยยยย น้องวี” พี่แฟรงค์กุมหน้าท้องตัวเองพร้อมแสดงสีหน้ายับยู่ยี่
ถึงแม้จะพยายามออมแรงแล้ว แต่มันก็คงจะเจ็บพอสมควรอยู่
แต่กระนั้นร่างสูงของเขาก็ยังคงคร่อมอยู่บนตัวผมไม่ยอมลุกออกไป
 

คุณเพชรที่ยืนรออยู่ด้านหน้าคงจะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังออกไปเลยเปิดประตูเข้ามาดู
ทันทีที่เขาเห็นว่าผมกำลังถูกรังแก เขาก็รีบวิ่งตรงมาทางนี้แล้วตะโกนด่าพี่แฟรงค์เสียงดัง

“เห้ยยยย มึงทำไรอ่ะ” แล้วเพชรก็เข้ามาผลักพี่แฟรงค์ให้ลงจากตัวผม

“อะไรของมึงวะ” คนที่กำลังเจ็บตัวพอเห็นว่ามีอีกคนพยายามเข้ามาช่วยก็เริ่มโมโหหนัก
ดูเหมือนว่าพอได้เจ็บตัว พี่แฟรงค์ยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปใหญ่

พี่แฟรงค์หันไปมองหน้าเพชรตาแข็งแล้วง้างหมัดขึ้นมาซัดเข้าที่มุมปากของเพชรไปเต็มแรงจนเพชรเซไปไกล
…เห็นแล้วเจ็บแทนเลยว่ะ
 
พอเห็นเพชรเจ็บผมเลยพยายามดิ้นให้หลุดเพื่อไปช่วยเขา แต่ก็โดนพี่แฟรงค์ออกแรงทับตัวไว้แน่น
เพชรพยายามยืนตั้งหลักให้ได้จากนั้นเขาก็ยกกำปั้นของตัวเองขึ้นมาบ้างทำท่าจะต่อยคืน

แต่เพชรก็คือเพชร
เขามือไวแค่เรื่องบนเตียง พอเรื่องเตะต่อยเขาก็พ่ายทุกที

สุดท้ายเพชรก็ต้องเพลี่ยงพล้ำถูกพี่แฟรงค์ต่อยเข้าที่มุมปากอีกหมัด
หมัดนี้ทำให้ฮีโร่ของผมก็ล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า...โถ คุณเพชร
 

ภาพนี้มันคุ้นจังเลยแฮะ
ไม่ว่าเพชรจะเตะต่อยกับใคร สุดท้ายตัวเองก็ต้องลงไปนอนจมอยู่ที่พื้นทุกที ><
 

ร่างสูงมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ชวนให้รู้สึกเอ็นดู เพราะไม่รู้ว่าเขาอยากจะขอความช่วยเหลือจากผมหรืออยากจะลุกขึ้นมาช่วยผมให้ได้กันแน่ แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาซะอย่างนั้น

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมนับถือใจของคุณเพชรเขาอะแหละ…รู้ว่าตัวเองไม่เป็นมวย แต่ก็ยังทุ่มสุดตัว
 
ระหว่างที่ผมกำลังปิติยินดีในความทุ่มสุดตัวของคุณเพชร
อีพี่แฟรงค์ขี้หื่นก็กำลังทำท่าเหมือนจะลงมาซุกไซร้ผมต่อ!!!
นี่มันอะไรกัน ทำไมพี่แฟรงค์ยังไม่ได้สติอีกวะ

เห็นแก่ความบ้าคลั่งของพี่แฟรงค์ผมเลยนอนนิ่งให้เขาซุกไซร้ เพราะอยากรู้ว่าพี่แกจะทำอะไรต่อ
ระหว่างนั้นผมก็เอื้อมมือไปลูบหลังพี่แฟรงค์แล้วพูดกระซิบข้างหูเขา “พอได้แล้วมั้งพี่”
นึกถึงคำพูดที่ว่า ‘เอาน้ำเย็นเข้าลูบ’
เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น เลยลองเอามาใช้บ้าง อาจจะทำให้คนหายบ้า
 
 “พี่แฟรงค์ พี่!!”
“หยุดมั้ยพี่”
โอเค ไม่หยุด
ดูเหมือนว่าการเอาน้ำเย็นเข้าลูบคงจะใช้ไม่ได้กับพี่แฟรงค์ งั้นผมคงต้องขอเอาน้ำร้อนสาด
 
ไม่นานเพชรก็พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นมาได้
ผมหันไปเห็นเขาที่กำลังทำท่าจะเดินเข้ามาช่วยอีกครั้ง เลยรีบยกมือขึ้นห้ามแล้วก็ส่ายหน้าให้
เพชรดูงงในท่าทีของผมแต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี
 
ว่าแล้วผมก็ใช้เข่าคู่เดิมเตะเข้าไปตรงกลางหว่างขาของพี่แฟรงค์เต็มแรง
แน่นอนว่าเขาหยุดไซร้ แล้วหันไปเรียนรู้กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตรงบริเวณจุดสำคัญแทน
ผมอาศัยจังหวะที่พี่แกกำลังโอดโอยผลักร่างสูงลงจากโซฟา แล้วลุกขึ้นมานั่งรวบแขนคนหื่นเอาไว้ด้านหลัง
พี่แฟรงค์หน้าเขียวแถมยังทำหน้าบิดเบี้ยวร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เห็นแล้วก็สงสารปนสะใจดีเหมือนกัน แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนี้พี่แฟรงค์คงไม่ยอมหยุดอ่ะ

“โอ้ยยยย น้องวี”
“น้องวี โอ้ยยย ทำไมน้องวีทำกับพี่แบบนี้ละครับ” คนที่โดนผมเตะผ่าหมากเงยหน้าขึ้นมาโวยวาย

“ก็พี่แฟรงค์วีก่อน ที่วีทำก็แค่ป้องกันตัว”
“โอ้ยยยย จุกไปหมด ปล่อยแขนพี่ได้แล้วว”

“เลิกหื่นรึยัง”
“เลิกแล้วครับบบบ”

“แน่นะพี่”
“แน่ครับ โอ้ยยพี่ปวดไปหมดแล้ว โอยยยย น้องวี”
พอมั่นใจว่าพี่แฟรงค์น่าจะหมดฤทธิ์แล้ว ถึงได้ปล่อยแขนพี่แกให้เป็นอิสระ
ทันทีที่มือหนาถูกปลดปล่อยเขาก็เอาไปกอบกุมส่วนล่างของตัวเองเอาไว้ทันที

ผมสลับไปมองเพชรที่ยืนเงียบอยู่บ้าง เขาดูอึ้ง อ้าปากหวอ
เพชรคงกำลังคิดว่าผมเป็น Wonder Woman มั้ง
 
 “พี่แฟรงค์ไม่รู้ใช่มั้ยครับว่าวีเรียนมวยมา”
“ไม่รู้ ก็เห็นตัวบางๆ ใครจะรู้ว่าน้องวีมีพิษ”
ผมยกยิ้มมุมปากแล้วพูดตอบกลับไป “วีก็มีพิษเฉพาะกับคนแบบพี่อ่ะ”
“ครับครับ พี่รู้แล้ว…
…โอยยย จุกสัส” ผมปล่อยให้คนหื่นได้อยู่กับความเจ็บปวดครู่ใหญ่
ก่อนที่เขาจะเอนหัวลงมาพิงที่โซฟา แล้วถอนหายใจแรงพร้อมกับหลับตาลง
 

ผมเงยหน้าขึ้นมองเพชรอีกรอบแล้วพูดถามเขาแบบไม่ออกเสียง
“คุณโอเคเปล่า”
“โอเค” เพชรขยับปากมุบมิบให้พออ่านปากออกพร้อมกับชูมือเป็นสัญลักษณ์ว่าโอเคแล้วก็ส่งยิ้มมา
เห็นดังนั้นผมก็ยักคิ้วตอบกลับไปแบบคูลๆ
 
“งานนี้พี่แม่งหมาเลยว่ะ จะมองหน้าน้องวีกับครอบครัวน้องวียังไง” แล้วคนที่เงียบอยู่ก็พูดขึ้นมาเรียกให้ผมกับเพชรหันเหความสนใจไปมองที่เขา
“แล้วทำไมตอนทำพี่ไม่คิดอ่ะ”
“ถ้าคิดได้ก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นหมาแบบนี้” พูดได้ขนาดนี้แปลว่าน่าจะคิดได้แล้ว
“พี่จะไปทำแบบนี้กับใครอีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้ว…พอคิดแล้วโคตรรู้สึกแย่ แม่งเอ้ย!” คนที่นั่งอยู่ด้านล่างเอามือขึ้นมากุมขมับตัวเองแน่น

“งั้นพี่ก็ยังไม่ถึงกับหมาหรอกครับ เราจะรู้เรื่องนี้กันแค่ 3 คน ถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นละกัน
โอเคมั้ยพี่”
พูดจบผมก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่เพื่อถามว่าเขาโอเคด้วยไหม
เพชรย่นคิ้วเข้าหากันราวกับกำลังใช้ความคิดก่อนที่ร่างสูงจะยอมพยักหน้าตอบรับคำขอของผม
ส่วนพี่แฟรงค์ก็ลืมตามามองผมอย่างคนที่กำลังสงสัย

“ใจดีขนาดนี้เลยหรอเรา”

ผมยิ้มมุมปากอีกครั้ง “วีอะใจดี แต่ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอาจจะเข้าไปอยู่ในคุกครึ่งขาแล้ว”
“อีกอย่างชีวิตมันสั้นพี่ จะโกรธ จะเกลียดกันไปทำไม
…แล้วเมื่อกี้วีก็คิดว่าวีป้องกันตัวเองได้ พี่แฟรงค์สู้วีไม่ได้หรอกครับ เพราะงั้นวีเลยไม่โกรธ”
พี่แฟรงค์พยักหน้ารับสองสามที ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นมาไหว้ขอโทษผม
“พี่ขอโทษน้องวีนะ ขอโทษจริงๆ ไม่มีคำแก้ตัวอะไรเลยว่ะ
พี่แม่ง เชี่ย”
ผมพยักหน้าเพื่อรับคำขอโทษแล้วก็ดันมือพี่เขาที่ยกขึ้นไหว้ผมออกจากกัน
จากนั้นพี่แฟรงค์ก็หันไปมองเพชร

พอร่างสูงที่ยืนอยู่รู้ตัวว่าถูกมอง ก็กระพริบตาปริบๆ รอฟังว่าพี่แฟรงค์จะพูดอะไร
“ขอโทษเราด้วยเพชร ขอโทษที่ต่อยหน้าหล่อจนช้ำ แล้วก็ขอโทษด้วยที่พี่ทำร้ายแฟนเรา”
“ครับ” เพชรตอบรับสั้นๆ แล้วหันมาสบตากับผม

ผมพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เขาเพื่อแสดงความมั่นใจว่าผมโอเค แล้วก็ยินดีที่เพชรไม่ได้ถือโทษอะไร
 ก่อนจะหันไปปฏิเสธอะไรบางอย่างกับพี่แฟรงค์
“พี่แฟรงค์ วีกับเพชรเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
 “อ้าวคุณ” ร่างสูงที่ยืนอยู่รีบเดินมานั่งลงข้างผมแล้วจ้องเขม็งทันที
“ก็คุณเพชรยังหาวิธีขอเราเป็นแฟนให้มันสมศักดิ์ศรีไม่ได้อ่ะ”
 

กริ๊ง กริ๊ง
เสียงเรียกเข้าที่ผมไม่คุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะ
พี่แฟรงค์หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก้มมองหน้าจอสีเหลี่ยมไร้ขอบก่อนจะหันมาพูดกับผม
“พี่คงต้องกลับเข้าไปในงานแล้วล่ะ โดนโทรตามแล้ว ยังไงก็ขอโทษอีกทีนะวี พี่เสียใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับพี่แฟรงค์
เอ้อพี่…ถ้าพี่เปลี่ยว เดี๋ยววีแนะนำเพื่อนคนนึงให้”
“เอางั้นอ่อ” แล้วพี่แฟรงค์ก็เอามือมาลูบหัวผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
 


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับที่เคลียร์ทุกอย่างให้มันจบ แถมยังไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองพี่แฟรงค์
…มันโอเคแล้วใช่มั้ยครับ

มาถึงตอนนี้ที่ในห้องแต่งตัวเหลือแค่ผมกับเพชรสองคน ผมจึงไม่ต้องฝืนยิ้มหรือทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไป
แล้วแผ่นหลังบางก็ถูกทิ้งลงกระทบกับพนักโซฟานุ่มก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ

“เฮ้อออ”
 
เพชรที่นั่งอยู่ด้านข้างมองมาที่ผมแล้วไม่พูดอะไร
อาจจะเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาในสถานการณ์แบบนี้
ผมก็เช่นเดียวกัน…แม้จะเห็นมุมปากที่เริ่มเขียวช้ำของเขา แต่ผมยังไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไป
กลายเป็นว่าบรรยากาศตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความรู้สึกอึดอัด
 

ครู่หนึ่งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ก่อนด้วยการพูดออกไป
“ขอกอดหน่อยได้มั้ย”
เพชรพยักหน้ารับแล้วขยับตัวเข้าหาผม
ผมซบหน้าลงบนลาดไหล่กว้างแล้ววาดวงแขนทั้งสองข้างกอดเอวเพชรเอาไว้ และเขาก็สวมกอดผมตอบ
 

อบอุ่นและคุ้นเคย

 
พอได้อยู่ในอ้อมกอดของเพชร หัวใจของผมที่ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ภายในก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกปลอดภัย มันอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบในลูกตา
ไม่นานน้ำใสๆ มันก็ไหลออกมา
ตามมาด้วยเสียงสะอื้น
“ฮึก ฮึก”

เชี่ยยย ผมร้องไห้!!!!!
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมจู่ๆ ถึงได้ร้องไห้ออกมา
แถมยังร้องแบบหยุดไม่ได้ด้วย

เพราะน้ำตามันไหลออกมาเรื่อยๆ จนคนที่กอดผมอยู่ต้องเปลี่ยนมาลูบหลังเบาๆ
“ฮืออ ฮืออออ”
 
“ไม่เป็นไรนะคุณ ร้องออกมา ร้องออกมาให้หมดนะครับ”
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วน้าาา”
สัมผัสที่แผ่วเบาบวกกับเสียงที่อ่อนนุ่มเลยยิ่งทำให้ผมไม่อายที่จะปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาจนหมด
 
ถึงแม้ตอนนั้นผมจะมั่นใจว่าตัวเองเอาตัวรอดได้
แต่สุดท้ายแล้วการที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ในเวลาที่ความอ่อนแอภายในถูกเปิดเผยออกมา
มันก็ดีกว่าที่ต้องอยู่คนเดียวเยอะเลย
 
เวลาเดินผ่านไปช้าๆ…พร้อมกับน้ำตาที่จางหายกลายเป็นความอบอุ่นในใจเข้ามาแทนที่
เพชรลูบหลังผมอย่างอ่อนโยนจนผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น
แล้วเขาก็ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันมาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผม ด้วยการพลิกแขนของผมไปมา ซ้ายที ขวาที
เห็นแล้วก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“เราไม่เป็นไรแล้ว” เสียงหวานเจือรอยยิ้มบางของผมพูดบอกเพชรไป
“ขอสำรวจความเสียหายอีกหน่อยละกัน”
ฟังดูเหมือนกำลังจะสำรวจดินแดนมหัศจรรย์ยังไงก็ไม่รู้แฮะ
สุดท้ายผมก็ยอมให้เพชรจับพลิกไปพลิกมาจนพอใจ จากนั้นก็เป็นฝ่ายถามเขากลับบ้าง

“แล้วคุณอ่ะ มีอะไรเสียหายบ้าง”
“ไม่มี๊ ผมสบายมาก เพชรคนเหล็ก”
ว่าแล้วผมเลยยกมือขึ้นไปแตะดูบริเวณรอยช้ำมุมปากของเขาซะหน่อย
หน้าคมถึงกับสะดุ้งหลบมือผมทันทีที่ถูกสัมผัส

“ไงครับพ่อคนเหล็ก เจ็บอ่อ” ผมยิ้มแล้วยักคิ้วเยาะเย้ยเขา
“เปล๊า แค่นี้ไม่สะเทือน” เพชรยักคิ้วตอบกลับมาสองทีพร้อมส่งสายตาท้าทาย

ได้ตามคำท้า ผมยกมือขึ้นตบลงบนแผลมุมปากของเขาอย่างเบามือ
แต่ดูเหมือนว่าความมือเบาของผม มันอาจจะยังหนักสำหรับคนเจ็บอยู่ก็เป็นได้
เขาถึงได้ทำหน้าบู้บี้พร้อมกับร้องออกมา แต่นั่นกลับทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
“โอ้ยคุณ เจ็บนะ”
แล้วมือหนาก็ยกขึ้นมาจับมือผมเอาไว้แน่น ไม่ให้เที่ยวซุกซนตีเขาได้อีก


จากนั้นเพชรก็ขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นพร้อมกับเลื่อนสายตามาจ้องผม รอยยิ้มสะใจที่ได้แกล้งเขาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความประหม่าทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองจากคนตรงข้าม

แล้วผมก็เฉไฉทำทีชวนคุย ก่อนจะเบนสายตาออกไปมองทางอื่น
“สรุปเจ็บแล้วอ่อครับ”

“ก็เจ็บนะครับ แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับเห็นใครก็ไม่รู้มาทำร้ายคุณอ่ะ”

อ้าว ดึงดราม่าเฉย

“เน่า” ผมเบะปากแล้วมองบนใส่ กะจะให้เขาขำ “ทำไมอ่ะ หวงเราอ่อ”
แต่เขาไม่ขำ แถมยังจับหน้าผมให้หันกลับมาสบตากับตัวเองอีกด้วย
โอเค ยอม

ผมนั่งนิ่งยอมให้เพชรดึงเข้าโหมดดราม่า ก่อนที่เพชรจะจับมือผมไปวางแปะไว้บนหน้าอกด้านซ้ายของเขาพร้อมกับที่มือหนาวางกุมทับเอาไว้

หัวใจของเพชรเต้นแรงราวกับว่าเขากำลังตื่นเต้น


ไม่รู้ว่าแรงสั่นสะเทือนของหัวใจสามารถถ่ายโอนด้วยการสัมผัสในตอนนี้ได้ไหม
แต่ที่รู้คือหัวใจของผมเริ่มจะเต้นแรงตามเขาไปด้วย


“คุณหงส์ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกผมอย่างมีความหมาย
“ก่อนที่ผมจะตอบคำถามคุณ ผมขอถามคุณข้อนึงก่อนได้เปล่า”
“อื้มม ได้”
“คืองี้...ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าผมควรจะขอคุณเป็นแฟนยังไงดี
เพราะผมไม่คิดด้วยซ้ำ ว่าผมจะมีวันนี้”
ครู่หนึ่งดวงตาดำขลับวูบไหว ก่อนจะกลับมานิ่งเป็นปกติแล้วส่องประกายแวววับ

“มันยากเหมือนกันแฮะ แต่ผมไม่ได้ถอดใจนะ”

“คุณจำได้มั้ยครับ
ครั้งก่อนที่คุณถูกแฟนเก่ารังแก ผมวิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็โดนต่อยจนเละ”

“ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง ผมพยายามจะไปช่วยคุณแล้ว แต่ผมก็สู้ไม่ได้”

ผมพยักหน้ารับเพื่อสื่อสารว่าตั้งใจฟังที่เขาพูดอยู่

“คุณอาจจะมองว่าผมเป็นแค่ผู้ชายกากๆ คนนึง”
เขาจับมือผมแน่นขึ้น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำใสๆ ปริ่มออกมา

ภาพตรงหน้า ทำให้ผมใจสั่นมากขึ้น

“แต่คุณรู้มั้ยว่าถึงแม้ผมจะรู้ว่าผมสู้ใครเค้าไม่ได้
แต่ผมก็ยังอยากที่จะเป็นคนปกป้องคุณ”

“ผมไม่รู้ว่าความซื่อสัตย์กับความจริงใจของผม
…มันจะมีค่าพอให้คนอย่างคุณหงส์
ยอมเป็นแฟนกับผมมั้ย”

มือของผมที่วางอยู่บนอกด้านซ้ายของเพชร สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่ขยับเร็วขึ้น
มือของเขาที่กุมมือผมอยู่ เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ


“หงส์


เป็นแฟนกับเพชรนะ”


พูดจบน้ำตาของเพชรก็ไหลออกมา
 
ภาพความทรงจำในช่วงเวลาที่ผ่านมาสะท้อนกลับเข้ามาในหัวผม
แต่ถ้าเทียบกับความทรงจำของเพชรตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วมันคงยาวนานกว่าความทรงจำของผมหลายเท่า
ไม่แปลกใจที่เขาจะน้ำตาไหล

ผมยอมรับว่าผิดคาดพอสมควรที่เพชรมาขอผมเป็นแฟนอยู่ตรงนี้
เพราะผมบอกเขาชัดเจนแล้วว่าผมต้องการอะไร
 

ผิดคาด แต่กลับไม่ได้รู้สึกเสียใจ
ตรงกันข้ามเพชรกลับทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามี

เพชร ก็คือเพชร
สิ่งที่เพชรมี เขาก็ทำให้ผมเห็นมาโดยตลอด
ต่อให้เขาไม่บอกว่าเขาจริงใจ ผมก็รู้ครับ

ยิ่งมองไปที่รอยช้ำมุมปากของเขา...
มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจะกอดคนตรงหน้าเอาไว้ให้แน่นๆ

“ก็เราเป็นบอกให้คุณขอไม่ใช่หรอ
ทำไมเราจะไม่ตกลงล่ะ”
ผมยิ้มรับ แล้วดึงตัวเพชรเข้ามากอด
 
“หมายความว่า” คนที่ถูกกอดยังคงนิ่ง เขานั่งตัวแข็ง
“ก็หมายความว่าเราเป็นแฟนกันแล้วไง” ผมสวมกอดเพชรแน่นขึ้น แน่นจนทำให้เขารู้สึกตัว แล้วกอดผมตอบ

“จริงๆ นะคุณหงส์
จริงนะ จริงใช่มั้ย
คุณไม่ได้หลอกผมนะ”
ร่างสูงเขย่าตัวผมเหมือนกำลังถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
จนทำให้ผมเชื่อแล้วว่าเขาดีใจมากแค่ไหน

หลังจากที่ผมปล่อยตัวเพชรให้เป็นอิสระ มือหนาของเขาก็เอื้อมมาจับมือผมไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหายไป
“เป็นแฟนกันแล้วจริงนะหงส์”


“จริงสิ จะหลอกได้ไง...
นี่หงส์นะ ไม่ใช่ผี”

คนตรงหน้าเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังทั้งที่น้ำตายังไหลอาบหน้า
ดีใจจัง มุขไม่แป้ก อิอิ


 
เป็นการขอคบที่เรียบง่ายผิดคาดจากที่ผมคิดเอาไว้
แถมผมยังตอบตกลงอย่างง่ายดายด้วย

เพชรทำให้ผมรู้ว่า...
ผมไม่ได้ต้องการช่อดอกไม้ใหญ่ช่อโต วิวแสนล้าน หรือจุดพลุให้เต็มท้องฟ้า
แต่ผมแค่ต้องการใครซักคนที่อยู่ข้างผม เวลาผมสุข เวลาผมทุกข์
เวลาที่ผมเหวี่ยง เวลาที่ผมวีน
หรือเวลาที่ผมอ่อนแอจนอยากร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ก็แค่นั้นเอง
 

“เป็นแฟนกันแล้ว งั้นผมจะตอบคำถามที่คุณถามเมื่อกี้”
คำถามเมื่อกี้...ถามไปว่าอะไร มัวแต่ถูกขอเป็นแฟนจนลืมไปแล้ว
ผมมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย จนเขาต้องทวนคำถาม
“ก็ที่คุณถามว่าผมหวงคุณ”
“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับรัวๆ
 
“ผมบอกเลยว่าหวงมากกกกกก” ลากเสียงยาว
“มือนุ่มๆ คู่นี้ของผม” แล้วเขาก็จับมือสองข้างของผมไปกุมไว้แน่น

“ตากลมๆ คู่นี้ก็ของผม”
“จมูกโด่ง ปากสีส้ม แก้มกลมๆ แล้วก็ยิ้มนี้ก็ของผม”
“เห้ย เอางั้นอ่อ” ผมอมยิ้มแล้วพูดถาม ก็เขาเล่นจับจองไปซะจนหมด
แล้วงี้ผมจะเหลืออะไรเป็นของตัวเองบ้างอ่า

“ใช่ แล้วเมื่อกี้มีใครมายุ่งกับแถวนี้ของคุณ” ว่าแล้วมือหนาก็ยกขึ้นมาลูบไล้บริเวณลำคอ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาพร้อมกับเอาสันจมูกคมมาซุกซนแถวนี้
“นี่ก็ของผม”

“ทุกส่วนของคุณหงส์...
...เป็นของผม”

“เอาไปเป็นของตัวเองหมดทุกส่วนแบบนี้ก็ได้หรอ หื้มม”
ก็นั่นสิครับ
ใจเย็นมั้ยล่ะคุณเพชร นี่เป็นแฟนกันได้ไม่ถึงนาที ทำไมถึงได้จับจองไปหมดแล้ว

“ไม่ใช่แค่พูด แต่เดี๋ยวผมจะทำให้คุณดู”
เขาพูดเสียงกดต่ำพร้อมตวัดสายตาขึ้นมามอง
สายตาแบบนี้เริ่มทำให้ผมรู้สึกเสียววูบวาบขึ้นมา
ตอนนี้เพชรเริ่มเอาริมฝีปากสวยไล่จูบร่างกายที่เขาจองเอาไว้
มันก็จะจั๊กจี้หน่อยๆ


ผมพยายามปัดป้อง แต่อย่างที่บอกว่าคุณเพชรมีความไวอย่างหนึ่งคือ มือไว
ฉะนั้นผมเลยโดนคนมือไวรวบเอาแขนทั้งสองข้างไปเก็บไว้เป็นที่เรียบร้อย
เป็นอย่างนั้นเลยต้องปล่อยให้เจ้าของใบหน้าคมไล่แสดงความเป็นเจ้าของไปทั่ว

ทิ้งรอยจูบไว้จนพอใจแล้วเพชรก็ผละให้ผมเอนตัวลงนอน แล้วเขาก็อาศัยจังหวะนี้ในการปลดกระดุมเสื้อผมออก แล้วใช้ลิ้นซนซุกไซร้ไล่เรียง สร้างร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของด้านในร่มผ้าบ้าง
สุดท้ายก็ต้องยอมเขาล่ะ

เพชรจับจองเป็นเจ้าของร่างกายผมลงไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณหน้าท้อง
แล้วมือไวคู่เดิมก็ปลดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงใช้ริมฝีปากซุกซนอยู่บริเวณภายนอกกางเกงในตัวบาง
จากนั้นผมอาศัยจังหวะที่เพชรกำลังเคลิ้ม พลิกตัวเขาให้เป็นฝ่ายลงไปนอนบ้าง

“คิดว่าจะจองเราคนเดียวหรอครับคุณเพชร”
ผมพูดว่าไป พร้อมกับที่ร่างสูงยิ้มหล่อท้าทายกลับมา
ว่าแล้วจึงค่อยๆ ซุกไซร้ร่างกายของเพชรคืนบ้าง

แต่! แม่ง ทำไมชุดของเขาถึงได้ถอดยากจัง

ก็จังหวะที่ผมไซร้คอแล้วพยายามจะถอดเสื้อเขาออกบ้างมันดันปลดกระดุมไม่ได้อ่ะดิ สุดท้ายผมเลยต้องเลิกใช้ลิ้นซุกซนแถวซอกคอเปลี่ยนมาเป็นนั่งตั้งหน้าตั้งตาแกะกระดุมเสื้อของเขาออก

ทำเอาเจ้าตัวถึงกับนอนขำจนต้องป้องปากเพราะโดนผมทำหน้าดุใส่
“จริงจังไปป่ะคุณ”
“เงียบน่า ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาหัวเราะ”
และสุดท้ายผมก็ปลดกระดุมเสื้อของเพชรออกได้จนหมด


โอเค กลับมาต่อ
ไล่เลียงโลมเลียลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดสำคัญ ที่กำลังใช้ลิ้นหยอกล้อกับซิคแพคแน่นของเพชร อีกมือนึงก็พยายามแกะซิปกางเกงเขา



แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

แย่แล้ว ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ผมกับเพชรหันควับมองออกไปที่ประตูทางเข้าห้อง
ในท่าที่คุณเพชรนอนหงายโดยมีผมนอนทับอยู่ด้านบน
ผมเปลือยบน และเพชรกำลังจะเปลือยล่าง แต่โชคดีว่ายังไม่มีใครถอดกางเกง

“เอ่อ” พี่ช่างแต่งหน้าที่แต่งให้ผมยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงประตูในมือถือแก้วไวน์
“พี่ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ” พูดจบประตูก็ถูกปิดลงทันที


ผมถอนหายใจราวกับรู้สึกโล่งแล้วหันกลับมามองหน้าเพชร
ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“กลับไปต่อที่ห้องมั้ย”
คนด้านล่างพยักหน้ารับ พร้อมกับที่ผมติดกระดุมเสื้อให้เขาเหมือนเดิม


“คุณ” ระหว่างนั้นมือหนาก็จับมือผมอีกรอบ
อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจจะจัดต่อตรงนี้
ไม่เอาด้วยแล้วนะ เดี๋ยวถึงจุดไคลแม็กซ์มีคนเปิดมาเห็นทำไง


“กลับห้องช้าไป เปิดโรงแรมข้างบนเลยละกัน”

พูดจบ เพชรก็กึ่งลากกึ่งจูงมือผม
วิ่งออกจากห้องไปกดลิฟต์ทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย



กะเตงกันไปติดกระดุม แล้วก็รูดซิปกางเกงกันต่อในลิฟต์นั่นแหละครับ

คนเขาจะได้รู้กันทั้งโลกว่าผมเสียตัวให้คุณเพชรแล้ว ก็งานนี้!!




**To Be Continued**

เป็นแฟนกันแล้วจ้าาาาา เย้ๆๆๆๆ จุดพลุฉลองๆๆๆๆ
ในที่สุดนายเพชรสุดหล่อก็พิชิตใจคุณหนูหงส์ได้ด้วยความซื่อและจริงใจ
เอ่อ!! เมื่อกี้หงส์ว่ายังไงนะ หงส์อยากให้คนทั้งโลกรู้ว่าเสียตัวให้คุณเพชรอ่อ
ได้เลยยยย จัดให้จ้าาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2017 21:12:54 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบการใช้ภาษาเวลาต่อบทสนทนาของคนเขียนมากเลยค่ะ มันไม่เวิ่นเว้อแล้วก็ยังไม่ดูสั้นเกินไป คืออ่านได้ลื่นไหลมาก คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ชัดเจน  โดยเฉพาะคุณหงส์ อย่างในทีแรกที่บอกว่าอยากได้อ๊อฟชั่นเสริมต่างๆนานาตอนขอเป็นแฟน เหมือนว่าเขาเป็นคนฉาบฉวยแต่สุดท้ายแล้วเขาก็โอเคกับความเรียบง่ายและจริงใจ เป็นตัวละครที่มีมิติมากเลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ^^ อาจไม่ค่อยได้เม้นบ่อยแต่ก็ตามอ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ชอบการใช้ภาษาเวลาต่อบทสนทนาของคนเขียนมากเลยค่ะ มันไม่เวิ่นเว้อแล้วก็ยังไม่ดูสั้นเกินไป คืออ่านได้ลื่นไหลมาก คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ชัดเจน  โดยเฉพาะคุณหงส์ อย่างในทีแรกที่บอกว่าอยากได้อ๊อฟชั่นเสริมต่างๆนานาตอนขอเป็นแฟน เหมือนว่าเขาเป็นคนฉาบฉวยแต่สุดท้ายแล้วเขาก็โอเคกับความเรียบง่ายและจริงใจ เป็นตัวละครที่มีมิติมากเลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ^^ อาจไม่ค่อยได้เม้นบ่อยแต่ก็ตามอ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ

ขอบคุณนะค้าบบบ
ดีใจจัง น้ำตาจิไหล อ่านแล้วมีกำลังใจแต่งต่อเยอะเลย อิอิ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วหงส์ ก็ประทับใจเพชร
ซาบซึ้งกับเพชร ที่เป็นคนที่สม่ำเสมอ
เข้ามาช่วยหงส์สองครั้งแล้ว
ทั้งที่ไม่เป็นมวย ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แท้ เจ็บตัวตลอด

แล้วสองคนก็ไปเปิดห้อง เพราะถูกขัดจังหวะ
แต่คนอ่านค้างงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
แล้วหงส์ ก็ประทับใจเพชร
ซาบซึ้งกับเพชร ที่เป็นคนที่สม่ำเสมอ
เข้ามาช่วยหงส์สองครั้งแล้ว
ทั้งที่ไม่เป็นมวย ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แท้ เจ็บตัวตลอด

แล้วสองคนก็ไปเปิดห้อง เพราะถูกขัดจังหวะ
แต่คนอ่านค้างงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


5555 ต้องส่งเพชรไปเรียนมวยเพิ่มมมแล้ว

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด