♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **  (อ่าน 30449 ครั้ง)

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 20
Of Course



09:42
 
เช้าวันใหม่ที่ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่บรรเลงเป็นจังหวะพร้อมด้วยความเย็นจากลมทะเลที่พัดเข้ามากระทบผิวชวนให้รู้สึกสบายตัว ผมปรือตาขึ้นมองภาพตรงหน้าเห็นคุณเพชรอยู่ไม่ห่าง ดูเหมือนว่าเขากำลังเปิดประตูที่ระเบียงออก

มิน่าล่ะ ถึงได้ยินเสียงคลื่นชัดขึ้น
 
เห็นแบบนั้นผมก็พลิกตัวไปมา ก่อนจะบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วนอนต่อ แต่ก็นอนได้ไม่นานครับเพราะท้องของผมเริ่มประท้วงด้วยการส่งสัญญาณความหิวออกมา ว่าแล้วจึงลืมตาขึ้นอีกรอบพลางมองหาคนที่ตื่นก่อน แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว


“เพชร”

“คุณเพชร”

“เพชร อยู่ในห้องน้ำรึเปล่า”

เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินหาเขารอบๆ ห้อง

“แฟนนน อยู่ไหนอ่า”

“แฟนอยู่นี่ค้าบ” เพชรตอบรับเสียงดังฟังชัด

คำตอบของเขาทำให้ผมยกยิ้มอย่างพอใจ
เรียกว่าเพชรอยู่ตั้งนานไม่ยอมตอบ แต่พอเรียกแฟนเท่านั้นแหละ หึ

ระหว่างที่กำลังจะเดินไปหาอีกคนที่น่าจะอยู่ริมสระว่ายน้ำ ผมก็แวะเข้าไปล้างหน้า แปรงฟัน จัดเผ้าจัดผมให้เป็นทรง ก่อนจะหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่วางพาดอยู่มาสวมทับชุดนอนแล้วเดินไปหาคุณเพชร

พอเดินมาถึงริมสระกลับไม่เจอเจ้าของเสียงเมื่อครู่แล้ว นั่นทำให้เริ่มคิดในใจว่าหรือผมจะล้างหน้าแปรงฟันนานเกินไปจนคุณเพชรเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เพราะถ้าดูจากจานอาหารที่จัดวางสวยงามอยู่บนโต๊ะกระจกใสริมสระในตอนนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อกี้เพชรคงมาเตรียมอาหารเช้าอยู่อย่างแน่นอน

พอมีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจผมเลยเลิกตามหาเขาแล้วเปลี่ยนเป็นเดินไปนั่งตรงนั้นแทน ยิ่งเข้าใกล้โต๊ะอาหารกลิ่นหอมของออมเล็ตกับซุปร้อนๆ ยิ่งเตะจมูกชัดขึ้นจนผมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายที

น่ากินแฮะ
 
จังหวะที่กำลังเพลิดเพลินกับการจินตนาการว่าถ้าของกินน่าอร่อยพวกนี้เข้าไปอยู่ในปากของผมมันจะฟินแค่ไหนนั้น ผมก็ถูกรุกล้ำจากคนมือไวที่มาสวมกอดจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาหน้าคมมาซุกลงที่ลาดไหล่ ก่อนที่ไรหนวดของคุณเพชรจะมาถูไปมาที่บริเวณข้างแก้มของผมจนทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๊ ถึงขั้นต้องหัวเราะคิกคิกออกมาแล้วใช้มืออีกข้างดันหน้าคนซุกซนออกไปก่อน


“โกนหนวดบ้างป่ะ”

“ก็แฟนไม่ยอมโกนให้อ่า” ทำมาเป็นเสียงสองบวกด้วยหน้ามุ่ยที่เจือรอยยิ้ม

“ก็เห็นว่ามีมือ” ผมพูดว่าไปแล้วอมยิ้มไว้

“แต่มือก็เจ็บอยู่” คนตัวสูงทำปากยื่น

“แต่มือก็กอดเราได้อ่ะ” ว่าแล้วก็มองไปที่แขนของคนที่บอกว่ามือเจ็บ แล้วเบนสายตากลับขึ้นมาจ้องตาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง จังหวะนั้นเขาก็ขโมยหอมแก้มผมฟอดใหญ่อีกครั้งหนึ่งก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
 

“เราหิวแล้ว”

“นี่ไง ผมเตรียมไว้ให้
เห็นว่าคุณหงส์กำลังหลับสบายก็ไม่อยากปลุก
…คิดว่าคงตื่นไม่ทันเวลาอาหารเช้า ผมเลยสั่งมาให้ที่ห้องแทน”

“ทำดี”

“ขอรางวัล” คุณเพชรทำแก้มป่อง ก่อนจะหลับตาลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
 

ความเพชร
แม่งอ้อนเก่งว่ะ


 
ผมยิ้มร้ายพร้อมกับยื่นมือไปเกาคางเพชร แล้วพูดเสียงสอง

“น่าย้ากยะค้าบบ นุ้งเพชร เดี๋ยวพี่หงส์จะซื้อกระดูกให้แทะเล่นนะก๊าบบ”
“ดูจิ เชื่องเชียว น่าร้ากกกกก”

พอรู้ตัวว่ากำลังถูกแกล้งให้เป็นหมา คนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่หมานะ”

“ไม่ได้ว่าเป็นหมานี่ก๊าบ แค่จะให้รางวัลนุ้งเพชรด้วยกระดูกเฉยๆ”

“อ้าวหรอ แต่นุ้งเพชรไม่แทะกระดูกนะก๊าบบ
...ใช่ที่ไหนละคุณ นี่แฟนนะ ไม่ใช่หมา โด่วววว”


 
หลังจากนั้นเราก็นั่งทานข้าวเช้ากันอย่างสบายๆ คุยเล่นกันไปเรื่อย ไม่ได้จริงจังอะไร
จนช่วงท้ายที่เริ่มอิ่มเพชรจึงพูดประโยคนึงขึ้นมา

“ผมตัดสินใจละ…” น้ำเสียงจริงจังเรียกให้ผมละสายตาจากการหั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง

เขาเงียบไปครู่หนึ่งแลวพูดต่อ “ผมจะขายบิ๊คไบค์”

หูฝาดไปรึเปล่า ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
“ขายเลยหรอ”
 

คืองี้...ตอนที่ขอให้เพชรเลิกขับบิ๊คไบค์ ผมแค่คิดว่าจะขอให้เขาเลิกขับแบบจริงจัง
แต่ถ้าจะขับเล่นในซอยหมู่บ้านหรือขับเป็นงานอดิเรกก็ไม่ได้ว่าอะไร
พอเพชรพูดว่าเขาจะขายทิ้ง มันเลยทำผมตกใจนิดหน่อย...เพราะนั่นคือสิ่งที่เขารัก

 
“ผมเริ่มขับบิ๊คไบค์ประมาณ ม.6”
“แต่ผมเริ่มรักคุณมาตั้งแต่ ม.1 แค่นี้ก็รู้แล้วป่ะ ว่าต้องเลือกอะไร”

 
ฟังดูเหมือนกับว่ากำลังทำให้เขาต้องเลือก
แต่คำพูดของผมเมื่อคืน ก็คือคำพูดที่ทำให้เพชรต้องเลือกจริงๆ


“แน่ใจใช่มั้ย” ขอถามเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

คนด้านข้างพยักหน้าแล้วยิ้มรับ “อื้ม คิดมาทั้งคืนแล้ว”

ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยอมรับการตัดสินใจของเขา 
ผมเอื้อมมือไปหยิบมือเพชรมากุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ



“อยู่ต่ออีกคืนได้ป่ะ” คนที่ถูกจับมือพูดขึ้น

“แต่พรุ่งนี้มีเรียนนะ”

“โดดไง” ผมเบิกตากว้างมองคนด้านข้างที่กำลังชวนโดดเรียนหน้าตาเฉย

หนุ่มวิศวะ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 กำลังชวนผมโดดเรียน
ผมทำท่าทางเหมือนคนใช้ความคิด นั่นทำให้สีหน้าของเพชรหมองลงไปอีก

 
สุดท้ายก็แพ้ทาง

“งั้น...โดดก็โดด”

ก็วิชาที่เราเรียนด้วยกัน แล้วถูกจับเป็นคู่กันนั่นแหละครับ เล่นหายไปทั้งคู่แบบนี้ เค้ารู้หมดว่าแอบโดดไปด้วยกัน

พอผมตอบรับฝ่ายนั้นก็กำมือทำท่าดีใจ “เยสสสส”

“งั้นวันนี้คุณหงส์อยากทำไร อยากไปไหน ผมพาไปหมด”

“อยากล่องเรือ”

“อื้อหืออ” คนด้านข้างดูเหมือนจะตกใจในคำพูดของผม


ทำให้ผมหลุดขำออกมาแล้วไล่มองเพชร
“แต่สภาพคุณเพชรตอนนี้ เราคงอยากจะพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาลก่อนอ่ะ”

“หึ”



กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำ เพชรอาบก่อนส่วนผมอาบทีหลัง พออาบเสร็จก่อนคุณเขาก็เลยมานอนดูทีวีอยู่บนเตียงกระดิกเท้ารออย่างสบายใจ 
 
“คุณหงส์ นี่อะไร” เสียงทุ้มพูดขึ้นแล้วมองมา ผมที่กำลังยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกเลิกคิ้วขึ้นอย่างคนไม่เข้าใจคำถาม

“นี่อะไรคืออะไร”

“นี่ชุดหรือเศษผ้า”


นั่นไง เป็นเรื่องจนได้

คิดไว้แล้วว่าคุณเพชรต้องมีปัญหากับเสื้อผ้าของผม ก็แค่กางเกงขาสั้นมากมายกับเสื้อเชิ๊ตตัวยาวสีเหลือง
ผิดมากหรอถ้าผมอยากจะเตรียมชุดแรดๆ มาใส่เดินเล่นริมทะเล
คิดแล้วก็เบะปากเบาๆ ออกมา

เชอะ! รู้งี้ไม่ชวนมาก็ดี

“เศษผ้าตรงไหน นี่ทั้งตัวรวมกันเกือบครึ่งแสนเชียว” ผมพูดพลางเกลี่ยครีมลงบนหน้า
แล้วทำทีเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย


ระหว่างนั้นคนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมายืนกอดอกจ้องมองผมอยู่ด้านข้าง

“แล้วชุดครึ่งแสนนี่ เค้าไม่ให้กระดุมเม็ดบนๆ มาหรอครับ
มันถึงได้เปิดโชว์ลงไปถึงสะดือขนาดนี้” พูดจบก็เอามือมาถูเสื้อผมแล้วไล่จับกระดุม

“เว่อ ถึงสะดืออะไร แค่กลางอก”

“ไม่รู้แหละ ติดกระดุมเลย ไม่อนุญาตให้เปิดมากมายขนาดนี้”

“ก็มันอึดอัดอ่ะ หายใจไม่ออกเข้าใจป่ะ”

“ไม่เข้าใจ แล้วก็จะไม่มีวันเข้าใจครับ
มานี่เลย” พูดจบเพชรก็ดึงตัวผมเข้าไป ก่อนจะยื่นมือมาดึงกระดุมเม็ดบนไปติดจนหมด


ผมดิ้นหนีแต่ไม่รอดเพราะเขาออกแรงดึงมากกว่า บวกกับกลัวเสื้อจะขาดด้วยเลยทำนิ่งเอาไว้ พอเพชรติดกระดุมเสร็จผมก็แลบลิ้นใส่เขาแล้วใช้มือปลดออก

คนตัวสูงจะทำหน้านิ่งตึงแล้วเอามือมาติดกระดุมให้อีกรอบ ผมมองตาปริบๆ แล้วก็ปลดออกหลังจากที่เขาติดเสร็จ แถมรอบนี้ปลดกระดุมออกจนหมดเลย

รอบนี้เขาเงียบ ไม่ดึงดันจะบังคับผมให้ติดกระดุมต่อ
แต่คุณเพชรยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านหน้าผมไปที่กระเป๋าของเขา ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับมา

“ดี งั้นใส่นี่แทน” พูดจบเขาก็วางไอ้ของที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถอดเสื้อผมออก ผมเลยต้องดิ้นขัดขืนพอเป็นพิธี แถมด้วยความโง่ที่ดันปลดกระดุมออกจนหมด เลยถูกถอดเสื้อจากคนมือไวออกได้อย่างง่ายดาย

“ใส่อะไร ไม่เอา เราจะใส่ตัวนี้ ม่ายย คุณเพชร ไม่เล่นแบบนี้”
ทำเสียงดังเข้าใส่ แต่ดูเหมือนว่าเพชรไม่ได้สนใจ แถมยังล็อคแขนผมไว้ แล้วจับเสื้อวอร์มโง่ๆ มาสวมทับตัวผมด้วย

“คุณเพชร บ้าไปแล้วหรือไง”

“คุณอ่ะแหละ” พูดจบเพชรก็รวบตัวผมไปนอนบนเตียง แล้วจับขาจับแขนผม



ทำท่าจะถอดกางเกงผมออก

“จะปล้ำเรารึไง น่าเกลียด”


ผมก็ดิ้นๆ พอเป็นพิธี...จะดิ้นมากได้ไงล่ะครับ ขืนไปโดนแผลขึ้นมาเดี๋ยวคุณเขาจะเจ็บอีก เลยต้องยอมให้เพชรถอดกางเกงผมออกหน้าตาเฉย พร้อมกับสวมกางเกงวอร์มตัวโคร่งเข้ามาแทน ทำเสร็จแล้วก็จับตัวผมให้ลุกขึ้นมายืนแห้งๆ อยู่หน้ากระจก

เมื่อเหตุการณ์เผด็จการจับเปลี่ยนชุดจบลง ผมก็ยืนหายใจหอบมองคนใจร้ายแล้วค้อนใส่เขาไปหนึ่งที คุณเพชรจัดทรงผมตัวเองให้กลับเป็นทรงก่อนจะมองมาที่ผมนิ่งๆ


“นี่รถล้มจริงป่ะเนี่ย ไม่เจ็บแผลบ้างหรอ ไปเอาแรงจากไหนเยอะแยะมาขืนใจเรา”

“ล้มจริง แต่แรงอ่ะมีมากกว่านี้อีก ถ้าคุณหงส์ยังแต่งตัวโป๊”

“ใจคอจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึงะ” พูดจบก็เชิดหน้าใส่

ไม่พอใจโว้ยยยยย


“ใช่” ร่างสูงตอบห้วนๆ

ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยหันไปมองสารร่างตัวเองในกระจกก่อนจะหลุดขำออกมา

“นี่มันชุดอะไร ให้เราครูพละหรอ”


เสื้อวอร์มตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มตัวใหญ่สีเขียวเข้มแถบสีส้ม
ชุดวอร์มแบบที่ดูเป็นแฟชั่นมันก็มีเหอะ ไม่เห็นจะต้องเป็นชุดครูสอนพละแบบนี้เลย

โว้ยยย ไอ้เพชรบ้า


“สวมชุดนี้หนึ่งวัน…เพื่อดัดนิสัย”

พูดจบคุณเพชรก็จูงมือผมออกจากห้องอย่างคนบังคับขู่เข็น
ทั้งที่ผมยังทาครีมบนหน้าไม่เสร็จเลย อะไรจะขนาดนี้

ดีนะหยิบแว่นกันแดดติดมือมาได้

สุดท้ายผมก็ต้องไปโรงพยาบาลในสภาพอย่างงั้นแหละครับ ซึ่งดูไปดูมามันก็ไม่ได้แย่

เพราะอะไรนะหรอ
.
.
เพราะไม้แขวนดี ใส่อะไรก็สวย

 

กลับมาที่รีสอร์ทเกือบบ่ายโมง ผมยังไม่ค่อยหิวเพราะเพิ่งทานข้าวเช้ากันไป แต่สิ่งที่ผมรู้สึกมากในตอนนี้ก็คือรู้สึกง่วง
ทันทีที่ถึงห้องพักผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วมุดตัวเข้าไปขดอยู่ในผ้าห่มเตรียมนอน
ระหว่างนั้นคุณเพชรก็เดินไปปิดประตูระเบียงพร้อมกับเปิดแอร์ให้ผมได้เย็นสบาย

“นอนนะเพชร” ผมพูดบอกคนที่ยืนมองผมอยู่ พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เห็นบอกจะโทรหาแม่อัพเดตอาการ หลังจากนั้นผมก็หลับไปเลย



ตื่นขึ้นมาอีกทีเหลือบมองนาฬิกาก็บอกเวลาบ่าย 2 กว่า มองหาอีกคนในห้องไม่เจออีกแล้ว ไม่รู้เขาจะขยันหายตัวไปไหนนักหนา ผมก็เลยลุกไปฉี่ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ยังไม่เจอคุณเพชรอยู่ดีนั่นแหละ จังหวะที่ผมกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อออกไปหาข้างนอก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาพอดี

ก็คนที่ผมกำลังหาอยู่นี่แหละครับ

“ไปไหนมาอ่า”

เพชรไม่ได้ตอบคำถามแต่ชี้ออกไปที่ระเบียง

งงมั้ยให้ทาย??


แล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาทำท่าเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะพูดคลายความสงสัยให้ผม
“ไปล่องเรือกัน”

คำพูดสั้นๆ แต่ทำให้ผมตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
ผมรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนเพขรเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างประหลาดใจ

“จริงดิ่” กลัวเขาจะมาหลอกให้ดีใจเล่น

“ใช่ เพิ่งไปติดต่อมาเมื่อกี้เอง เดี๋ยวอีก 20 นาทีเรือออก”

“โหหหหห ป๋าว่ะ”

ร่างสูงหันมามองหน้าผม แล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมทีนึง “แน่นอนครับ”

พอคอนเฟิร์มแล้วว่าชัวร์ ผมก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุดสิครับ จะรออะไร



ถือกระเป๋าใบโตติดตัวมาคนละใบแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่รีสอร์ทมาบริเวณท่าเรือที่มีเรือยอร์ชลำสีขาวจอดอยู่ ได้เห็นแบบนั้นผมก็ตาลุกวาว เพราะไม่คิดว่าเพชรจะเอาจริง เมื่อเช้าที่พูดคือพูดเล่น ผมรู้มาจากงานแถลงข่าวเมื่อคืนว่าทางรีสอร์ทมีบริการนี้ เลยลองพูดขำๆ แต่คุณเพชรไม่ขำด้วย ผมจึงได้ลองเรือด้วยประการนี้

เรือยอร์ชสีขาวสวยลำใหญ่ที่ประเมินจากสายตาแล้วน่าจะรับสมาชิกได้เกือบ 20 คน แต่ตอนนี้ถ้าไม่นับรวมเจ้าหน้าที่บนเรือก็จะมีแค่ผมกับคุณเพชรแค่สองคน

ส่วนตัวไปอีก : )



ขึ้นมาเดินสำรวจภายในเรือได้ไม่นาน เรือลำสวยก็แล่นออกจากฝั่ง

ผมจึงเดินมานั่งเล่นถ่ายรูปอยู่บริเวณด้านหน้าเรือกับคุณเพชร อาจเพราะตอนนี้เวลาเกือบบ่าย 3 แล้ว แดดเลยไม่ร้อนมาก ถ่ายรูปกันจนหนำใจ...อ๊ะ วันนี้ผมไม่โดนแกล้งแอบถ่ายตอนเผลอนะครับ เพราะคนที่ชอบแกล้งไม่มีโทรศัพท์ จอแหลกละเอียดไปตั้งแต่เมื่อวาน ผมเลยรอดตัวไป ได้แต่ภาพสวยๆ มาเก็บเอาไว้ หลังจากนั้นเพชรก็หายไปทำอะไรบางอย่างปล่อยให้ผมนอนรับลมไปพลางๆ


ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถังแช่แชมเปญแล้วก็แก้วสองใบ


ภาพนี้คุ้นๆ แฮะ
เหมือนตอนไปพัทยาเลย > <


“คิดไง ถึงพามาจริง”

“ก็เห็นมีคนอยากมาจริง” คนด้านข้างพูดตอบก่อนจะยื่นแก้วแชมเปญที่เทเรียบร้อยแล้วมาให้

ผมรับแก้วมาไว้ในมือแล้วหันหน้ากลับไปปะทะลมต่อพร้อมกับเอามือเสยผม

“รู้ได้ไงว่าเราอยากมาจริง”

“รู้ก็แล้วกัน”

“ทำมาเป็นว่าเราปลดกระดุม ตัวเองก็ทำเหมือนกันแหละ” พอไล่มองคนด้านข้างถึงได้เห็นว่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเขา ถูกปลดกระดุมด้านบนลงมาเกือบ 4 เม็ด

“ก็ปลดริมทะเล ไม่ได้ใส่ไปโรงพยาบาล” เพชรตอบเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับยื่นแก้วมาชน
 

“Cheers!”



พักใหญ่ที่เรือแล่นออกมาจากฝั่ง พี่คนขับก็หยุดเรือ แล้วเดินมาบอกว่าจะจอดเรือบริเวณนี้พร้อมกับที่อาหารกินเล่นออกมาเสิร์ฟ

“คุณเพชรเล่นน้ำไม่ได้ใช่มั้ย”

“ทำไมอ่ะ”

คำถามของเพชรทำให้ผมเหลือบมองแผลที่แขนของเขา คนที่ถูกมองเลยยิ้มออกมา

“เล่นได้แหละ น้ำทะเล”

“แน่ใจนะ”

“แน่ดิ”

“ก็ได้ งั้นเราขอโดดก่อน” พูดจบผมก็ลุกขึ้น แล้วหันหน้าเข้าหาเพชรมองหน้าเขาอย่างท้าทาย

“ไม่ชอบให้เราแต่งตัวโป๊ใช่ป่ะ”

ว่าแล้วมือเรียวก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวเมื่อเช้าที่ถูกให้เปลี่ยน

ผมปลดช้าๆ ทีละเม็ด แล้วมองเพชรที่นอนอยู่
ก่อนจะโยนเสื้อไปให้เขา แล้วเลื่อนมือลงมาปลดตะขอกางเกงต่อ


ผมแกะตะขอออกแล้วรูดซิปลงช้าๆ พร้อมกับหันหลังให้เขาแล้วถอดกางเกงออก

ไม่รู้ว่าคนด้านหลังทำหน้ายังไง แต่ผมกำลังยกยิ้มมุมปากอยู่


“มันไม่ได้โป๊ไปช่ะ” ประโยคคำถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ


ว่าแล้วก็โดดลงทะเลไป
 
ตู๊มมมมม !!


ความรู้สึกแรกที่จมดิ่งลงไปในทะเล ผมรู้สึกได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นก็ลอยขึ้นมาตามแรงถีบขา แล้วผมก็ตะโกนเย้วๆ เรียกคนด้านบน


“ลงมาเร็วคุณเพชร” ผมโบกไม้โบกมือให้เพชร
พร้อมกับที่เขาลุกขึ้นถอดเสื้อแล้วทำท่าจะโดดลงมา

“รอผมนะ” พูดจบร่างสูงก็โดดลงมาด้านข้างผม ทำเอาน้ำทะเลเค็มๆ กระจายใส่หน้าผมเต็มไปหมด

พอเพชรโผล่ขึ้นมา เขาก็ลูบผมตัวเองแล้วปัดน้ำออกจากหน้า

“หนุกดีอ่ะ โดดกันอีกรอบป่ะคุณ”

แล้วเขาก็จับผมหันหลังพร้อมกับพาว่ายน้ำกลับมาขึ้นเรือ



ตอนนี้เรามายืนอยู่ตรงบริเวณขอบเรือที่ใช้โดดเมื่อครู่ เพชรเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่นแล้วหันมายิ้ม

เอ้อ ผมไม่ได้โป๊นะครับ ผมใส่กางเกงว่ายน้ำอยู่ > <


“พร้อมนะ นับสามนะ...

หนึ่ง

สอง

สาม”
 
ตู๊มมมม


ผมกับเพชรทิ้งตัวลงทะเลในจังหวะเดียวกัน แต่ท่าของเขาน่าจะสวยกว่าท่าผมหน่อย
อันนี้ต้องยอม เพราะเพชรว่ายน้ำเก่งกว่าผมเยอะ

แล้วเราสองคนก็ผลุบลงในน้ำ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาแล้วพากันถีบขาเอาไว้
ส่วนมือที่จับกันไว้ก็ยังจับกันแน่นอยู่


“อีกรอบมั้ย” ผมถาม

ไม่รอช้าเราพากันว่ายขึ้นเรือเหมือนเคยแล้วทำอย่างนั้นอยู่อีกหลายรอบ
จนเริ่มรู้สึกเหนื่อย

“เหนื่อยเหมือนกันแฮะ” ผมพูดบอกเพชรหลังจากที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้

เขาพยักหน้ารับ “เหนื่อยไม่เท่าไหร่ แต่แสบนี่ดิ”

 “ไหวป่าว”

“สบ๊ายย มาเกาะหลังผมดิ” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็พลิกตัวพร้อมกับหันหลังเพื่อให้ผมวางมือเพื่อเกาะบนตัวเขา ก่อนที่คนร่างสูงจะพาผมว่ายน้ำเล่นในบริเวณนั้น



ชมน้ำ ดูปลา มองพระอาทิตย์กันไปเรื่อยจนเริ่มหมดแรง ผมเลยเปลี่ยนมาเป็นกอดคอเขาไว้แทน พอเห็นว่าผมพยายามเปลี่ยนท่าเพชรเลยหยุดว่ายน้ำก่อน แล้วดีดตัวกลับมาในท่าตรงพร้อมกับกอดคอผมตอบ

เรากอดคอแล้วหันหน้าเข้าหากัน ใบหน้าห่างกันไม่มากนัก

“สวยว่ะ”

หมายถึงหน้าเรา หรือหมายถึงวิว ผมมองตาคนตรงหน้าแล้วสงสัย


“ทั้งทะเล แล้วก็คุณหงส์นั่นแหละ” คำพูดของเพชรทำให้ผมหลุดขำแล้วหลุบตามองต่ำ

เขินได้ป่ะล่ะ

แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ผมหลบตาได้นาน ตอนนี้มือไวของเขายื่นมาเชยคางผมขึ้นให้สบตากับเขาอีกครั้ง แล้วคนตรงหน้าก็ก้มลงมาใกล้ๆ


ก่อนที่ริมฝีปากนิ่มจะยื่นมาแตะริมฝีปากบางของผม


เพชรฉวยจูบผมอย่างอ่อนโยน


ไม่นานเขาก็สอดลิ้นเข้ามาช่วงชิมความหวานจากรสผลไม้ที่ผมเพิ่งทานไปก่อนหน้า

ผมรับสัมผัสจากคุณเพชรแล้วดันลิ้นตัวเองต่อสู้กับความดุดันของลิ้นที่เข้ามา
มันฉวัดเฉวียนหยอกล้อกันไปมา เหมือนกับปลาที่ว่ายเวียนอยู่ในทะเลรอบตัวเรา


ดีว่ะ

รู้สึกดีจริงๆ



เราจูบกันอยู่นาน มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา มีแกล้งกัดขบเม้มริฝีปากให้ความตื่นเต้นมากกว่าเคย พอเราได้แลกเปลี่ยนความหวาน ช่วงชิมรสจูบกันไปมาจนพอใจ คุณเพชรก็ปล่อยริมฝีปากนุ่มของผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะพาผมว่ายน้ำกลับมาที่เรือ
 


ช่วงเย็นหลังจากที่อาบน้ำแล้วก็ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อย เพชรก็จูงมือผมมานอนดูดาวอยู่บริเวณท้ายเรือ
 
โชคดีของเรา...ที่วันนี้คลื่นลมสงบ แถมยังเป็นคืนที่มีดาวกว่าล้านดวงลอยสวยอยู่บนท้องฟ้า เสียงน้ำทะเลบวกกับลมเย็นเบาสบายปะทะหน้า ชวนให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีก
 
ผมกับคุณเพชรนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน ไล่ชี้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ไปเรื่อย ครู่ใหญ่คนด้านข้างก็ยกหัวผมขึ้น ก่อนที่เขาจะช้อนหลังผมให้มานอนบนอกแกร่งแล้วกอดผมไว้แน่น 

“คุณหงส์ เห็นดาวดวงนั้นมั้ย”
ผมเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมของคนพูด แล้วมองตามมือเรียวที่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ดวงนั้นหรอ” ผมชี้นิ้วไปที่ดาวที่ตัวเองคิดว่าน่าจะใช่

“ที่สว่างๆ อยู่สองดวงตรงนั้นอ่า”

“อ่อ เห็นแล้ว เห็นแล้ว” เสียงใสร่าเริงเมื่อรู้ว่าดาวที่ตัวเองคิด คือดาวที่เพชรชี้ให้ดู

“ผมจองให้เป็นดาวของเรานะ”

“หื้มม”


ดาวของเรา : )


“ดวงที่ใหญ่กว่าให้ชื่อว่าเพชร ส่วนดวงเล็กที่อยู่ข้างกันชื่อหงส์”

“ดาวเพชรกับดาวหงส์หรอ”

“ช่ายย”



ผมละสายตาจากดาวบนฟ้า กลับมามองคนด้านข้าง เขามองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้

“ถ้าวันไหนคุณคิดถึงผม ก็มองมาที่ดาวสองดวงนี้ ส่วนผมก็จะมองเหมือนกัน”

“ถ้าเราคิดถึงคุณเพชร เราก็ไปหาคุณเพชรไง ไม่เห็นต้องมองดาวเลย”

“โรแมนติกหน่อยดิคุณ” ร่างสูงลูบหน้าตัวเองพลางหัวเราะออกมาเบาๆ


เขาทำให้ผมขำตาม

เออว่ะ ผมโคตรตัดอารมณ์เลย

ขอโทษค้าบ



“เอาใหม่ๆ งั้นเอาเป็นว่า ถ้าเราคิดถึงกัน มองดาวคู่นี้ ก็จะได้รู้ว่าอีกคนกำลังมองอยู่
แบบนี้ใช่มั้ย”

“ใช่เลย”

แล้วคุณเพชรก็ก้มลงมาประทับจูบไว้ที่หน้าผากของผม

เรานอนกอดกันไม่ได้มีใครพูดอะไร ปล่อยให้เวลามันเดินผ่านไปช้าๆ

ถ่ายโอนความรู้สึกดีให้กันผ่านอ้อมกอด

พร้อมกับมองดวงดาวที่เป็นดาวของเราบนท้องฟ้า



เวลานี้ทำให้ผมนึกถึงคำที่บอกว่า ‘โลกนี้มีเพียงแค่เราสองคน’

ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว



เพชรลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาแต่สวมกอดผมไว้แน่น เช่นเดียวกับที่ผมกอดเขาตอบ
ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็ฮัมเพลงออกมา

แม้จะเป็นเพลงที่ผมไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็เคยได้ยิน

“อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของ ดวงชีวัน”


“ร้องเพลงหรือประโยคคำถาม”


“ถ้าประโยคคำถาม จะได้มั้ยล่ะ”


“ได้แหละ”



การที่คนๆ นึง ยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักตามคำขอของคนอีกคน

 
ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะตอบคำถามนี้ของเขาเช่นเดียวกัน




**To Be Continued**


ใกล้จบแล้วว ก็จะหวีดๆ แบบนี้แหละจ้าา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หูยยยยยขายรถเลยนะ หูยยยยยยยยอิจฉาคุณหงส์มากเว่อ

ปล.กำลังบ่นคิดถึงอยู่เลยวันนี้^^

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิจฉาคุณหงส์

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 21
Pay



ถ้าสามสัปดาห์ก่อนที่คุณเพชรพาผมไปล่องเรือยอร์ชแล้วมีใครเรียกเค้าว่า ‘ป๋าเพชร’ ละก็
 
วันนี้คุณอาจจะต้องเรียกผมว่าป๋าอีกคนก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ผมได้กลายเป็นป๋าใหญ่ใจดีไปเรียบร้อย ด้วยเหตุผลสองประการดังนี้ครับ
 
 
ประการที่หนึ่ง


“คุณหงส์ ผมมีข่าวดีมากบอก” ทันทีที่ผมหยิบเจ้าเครื่องสีแดงมากดรับสาย เสียงทุ้มเจือด้วยน้ำเสียงสดใสก็พูดขึ้นทันทีโดยที่ผมยังไม่ได้พูดอะไร
 
“ข่าวดีว่า” ผมตอบกลับด้วยโทนเสียงไม่ต่างจากคนที่โทรเข้ามา
ทำทีเป็นตื่นเต้นให้คุณเพชรดีใจ ทั้งที่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะหมายถึงเรื่องอะไร
 
“มีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อรถผมแล้วนะ” เสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กดีใจที่ขายของชิ้นแรกในชีวิตได้อะครับ
 
ยิ่งพอคิดถึงสีหน้าของคนในสายแล้ว ยิ่งทำให้วันนี้ของผมเป็นเช้าวันเสาร์ที่สดใสมากขึ้นไปอีก
 
ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วพูดตอบเขาไปอย่างไม่ค่อยประหลาดใจนัก
“ก็มีหลายคนมาขอซื้อรถคุณเพชรนิ แต่ไม่เห็นจะยอมขายให้ใครซักคน”
 
เหตุผลที่เพชรไม่ยอมขายเจ้าลูกรักคันโตออกไปซะทีก็เพราะกลัวว่าเจ้าของคนใหม่จะรักรถได้ไม่เท่าตัวเขาเอง มันเลยทำให้เพชรเลือกคนซื้อและทำให้เรื่องราวยืดเยื้อมาพอสมควร
 
แต่วันนี้พอเห็นว่าคุณเพชรยอมขายรถให้คนที่ติดต่อเข้ามาคนนี้
ผมก็เลยเผลอยิ้มมุมปากออกมาอย่างร้ายๆ
 

เดี๋ยวก็รู้ว่าผมยิ้มทำไม : )

 
“แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นนะคุณ จากที่ได้ลองคุยกันดูแล้ว ผมว่าเค้าดูแลรถผมได้ดีแน่ๆ”
 
“งั้นแปลว่าขายให้คนนี้ชัวร์ใช่ป่ะ” พูดจบก็เลิกคิ้วขึ้นรอคำตอบ ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามก็คงไม่เห็นว่าผมทำหน้าแบบไหนหรอก
 
“ช่ายยยย นัดกันแล้วช่วงบ่าย”
 
“เร็วขนาดนั้นเลยอ่อ”
 
“เร็วมาก คุณไปกับผมนะ”
 
“อื้ม ไปดิ”
 
“คุณหงส์ขับรถมารับผมด้วยน้ะค้าบ”
 
ผมตอบรับคนในสายแล้วกลั้นยิ้มเอาไว้ ก่อนจะกดวางสายแล้วกลับไปนอนกลิ้งต่อ
 
เห็นเขาดูโอเค ผมก็แฮปปี้ตามไป
 
 
 

12:44
 

ผมขับรถมารับคุณเพชรที่บ้านของเขาแล้วพาไปยังที่นัดหมายแถวเอกมัย อยากจะบอกว่าตั้งแต่กลับจากปราณบุรี ไอ้คนมือไวด้านข้างที่คว้ามือผมไปกุมไว้แน่นแล้วปล่อยให้ผมขับรถมือเดียวในตอนนี้ ก็ไม่ยอมทำอะไรด้วยตัวเองเลย แถมยังอ้อนให้ผมทำนั่นทำนี่ให้ แล้วยังมาเปิดการ์ดคนป่วย เป็นข้ออ้างให้ผมปฏิเสธไม่ลงอีก พอเห็นแบบนั้นผมเลยต้องยอมเป็นเบ๊ดูแลเจ้าตัวใหญ่ให้หายดีซะก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาคิดบัญชีกันย้อนหลัง
 

ระหว่างที่เรดเวลเวตของผมติดไฟแดงจอดแน่นิ่งแถวแยกพร้อมพงษ์ เสียงเพลงที่คุณเพชรเปิดก็ได้ทีบรรเลงเป็นจังหวะชาวร็อคชวนให้รู้สึกระคายหูไม่น้อย ผมเลยดึงมือตัวเองกลับมาเป็นอิสระแล้วส่งไลน์หาใครบางคนเป็นข้อความสั้นๆ เพื่อนัดหมาย ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นมือซ้ายกลับไปให้คนด้านข้างครอบครองอีกครั้ง
 

“ขายรถแล้ว เอาตังค์ไปทำไรดีน๊า” เจ้าของเสียงทุ้มพูดออกมาด้วยเสียงสอง พร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้ไล้วนเล่นบนหลังมือของผมชวนให้รู้สึกจักจี๊ไม่น้อย
 
“ซื้อไอโฟน” ผมตอบห้วนๆ แล้วเหลือบไปมองคุณเพชร ร่างสูงแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายหัว
ภาพยิ้มแสยะทำให้ผมชักสีหน้านิ่งใส่แล้วถามกลับเสียงแข็ง “ทำไม”
 

ก็ทำไมนะหรอครับ…ก็ตั้งแต่ที่คุณเขาประสบอุบัติเหตุช่วงที่ไปปราณบุรี แล้วไอโฟนเครื่องเก่าก็จอแตกละเอียด จนผ่านมาสามสัปดาห์แล้วตอนนี้คุณเพชรก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าซัมซุงฮีโร่เครื่องเล็ก ที่วันนึงก็แค่ใช้โทรเข้าโทรออกหาผมคนเดียว
 

ส่วนโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นนะหรอ หึ
ก็อย่างที่บอกว่านี่คือ Cute Boy หาตัวจับยาก
เจ้าตัวเลยได้จังหวะฉวยโอกาสบอกลาโลกออนไลน์
แล้วใช้ชีวิตอยู่ในโลกความจริง ตัวติดเป็นตังเมกับสิ่งที่เขาทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะกลืนกิน
 

คิดออกมั้ยครับ ว่าคืออะไร...

 
ถ้าไม่ออกเดี๋ยวผมจะเฉลยให้รู้กัน
 



ก็หงส์นี่ไง จะใครล่ะครับ!


 
 
“ฮีโร่ก็ดีอยู่แล้ว” คำตอบที่ผมทนฟังมาตลอดสามสัปดาห์ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ ฟังแล้วก็ได้แต่มองบนอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาต่อล้อต่อเถียง
 
บทจะติสท์ คุณเขาก็ติสท์ซะจนใครก็เข้าไม่ถึง
 
“แต่มันติดต่อยากนะคุณเพชร”
 
“ติดต่อยาก แต่มันก็ทำให้ผมมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้นนะ
ไม่ดีหรือไง

หื้มมมม”
 

ทำไม
 
ทำไมต้องหื้มมใส่ ><
 
รู้มั้ยว่าแพ้
 

 

ผมยังคงนิ่งไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจก็ยอมแล้วแหละ
 
“น่านะ ผมขออยู่เงียบๆ ซักพัก ดีซะอีกจะได้ไม่ใครแอดไลน์มาจีบผมไง” พูดจบร่างสูงก็ยู่ปากเข้าหากันแล้วฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้
 
เอาเหตุผลนี้มาอ้าง เขาคงคิดว่าผมขี้หึงมากสินะ
 
ได้!
เออ ยอม
 
ยอมง่ายๆ แบบนี้มันอ่อนไป
 
ผมเลยเอื้อมมือไปบิดสันจมูกคมเพื่อระบายความอัดอั้ดในใจ แล้วพูดเสียงงุ้งงิ้งใส่คุณเขากลับไป
“ไอ้ดื้ออออออออ เดี๋ยวนี้ไม่เชื่องเลยน้า”
 
เป็นไง ดูแข็งขึ้นมะ
 
พอคุณเพชรทำท่าจะอ้าปากงับนิ้วผม ผมเลยดึงมือตัวเองกลับมา
 
ชักจะเหมือนหมาเข้าไปทุกวัน หรือว่าผมเล่นกับเพชรเหมือนน้องหมามากไป
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย 
 
 


ขับรถต่ออีกครู่ใหญ่ก็ถึงร้านอาหารแถวเอกมัยที่เป็นจุดนัดพบ มองไปที่ลานหน้าร้านมีบิ๊คไบค์คันโตที่คุ้นตาจอดรออยู่ก่อนแล้ว ช่วงสายผมให้คนของบริษัทคุณแม่ขับมาจอดไว้ให้ก่อนอ่ะครับ
 
คุณเพชรทำตาละห้อยเดินนำไปที่ลูกชายตัวเองแล้วลูบๆ คลำๆ สงสัยจะบอกลาลูกรัก ก่อนจะโทรหาลูกค้าของเขาเพื่อบอกว่าพวกเรามาถึงแล้ว รอไม่นานชายรูปร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงเข้ามา ผมเป็นฝ่ายส่งยิ้มเบาๆ ให้คนที่มาใหม่ก่อน แล้วเพชรก็เดินเข้าไปทักทาย ก่อนจะตรวจดูรถกันครู่หนึ่ง
 
เพชรอธิบายนั่นนี่เกี่ยวกับตัวรถให้พี่เจ้าของคนใหม่ฟัง โดยที่ผมก็แอบฟังแล้วจำเอาไว้ด้วย
จากนั้นพวกเราก็เดินเข้ามานั่งด้านในร้านอาหารแล้วคุยเรื่องราคากันอีกเล็กน้อย
จริงๆ ก็ไม่ได้ตกลงอะไรกันมากหรอกครับ ทำสัญญาซื้อขายทั่วไปแหละ พี่เค้าแทบไม่สนใจเรื่องราคาเลยจ่ายเต็มทุกบาท
 


“ผมรักรถคันนี้มาก ฝากพี่ดูแลต่อด้วยนะครับ” คนด้านข้างผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเบนสายตาผ่านกระจกใสมองออกไปด้านนอกที่ลูกชายคันโปรดของเขาจอดอยู่
 
เห็นแบบนั้นผมเลยเอื้อมมือไปตบลงบนหน้าขาของเขาเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
 
เพชรหันกลับมาสบตากับผมแล้วยิ้มบางๆ พร้อมกับพี่ลูกค้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามพูดตอบ
 

“มั่นใจได้เลยครับ เจ้าของรถคันใหม่จะรักรถคันนี้ไม่แพ้คุณเพชรแน่นอนครับ” เจ้าของเสียงเข้มพูดจบแล้วมองมาที่ผม ก่อนจะส่งยิ้มให้เพชร
 
ทำเอกสารกันเสร็จเรียบร้อย พี่เขาก็รับกุญแจแล้วเดินออกไป คุณเพชรมองออกไปที่ลูกชายของตัวเองอีกครั้งแล้วทำหน้าหงอย
จนผมต้องพูดขึ้นมา
 
“ออกไปลามั้ย”
 
“ไม่เป็นไรดีกว่า” คนด้านข้างตอบเสียงนิ่ง แล้วเลื่อนสายตากลับเข้ามาในร้าน
ก่อนจะคว้าเมนูอาหารขึ้นมาแล้วทำทีเป็นเลือกของกิน
 
ผมคิดว่าให้เขาได้อยู่เงียบๆ ซักพักน่าจะดีกว่า
 
“งั้นเราขอไปห้องน้ำแปปนึงนะ” เพชรพยักหน้ารับ จากนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกมา
 


 
ผมเดินลัดเลาะออกมาโผล่ที่บริเวณหลังร้านที่ติดกับถนนอีกเส้น ยืนชะเง้ออยู่ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่คุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้าผม
 
คนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่ ถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะพูดถาม
 
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยครับคุณวีรินทร์”
 
ผมพยักหน้ารับ “เดี๋ยวเอาไปจอดไว้ที่บ้าน ตรงที่จอดรถของวีนะครับ”
 
“ครับคุณวีรินทร์”
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
สั่งงานจบผมก็มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน
 
ตอนนี้บิ๊คไบค์ของคุณเพชร
 
ไม่สิ!
 
ต้องเรียกว่า บิ๊คไบค์ของคุณหงส์ก็กำลังจะไปจอดประจำอยู่ที่บ้านของผมแล้ว : )
 
อยู่ๆ ก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคัน
 
 
อาจจะฟังดูย้อนแย้ง…ที่ผมอยากให้เพชรเลิกขับมอเตอร์ไซค์ แต่ผมกลับเป็นคนซื้อไว้เอง
แต่นั่นแหละครับ บางทีความคิดคนเรามันก็ซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดถึง

 
 
 

ผมเดินกลับมาที่โต๊ะในจังหวะที่อาหารกำลังทะยอยเสิร์ฟก่อนจะพบว่าคุณเพชรหงอยมากเกินไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามฝืนยิ้มและชวนคุย แต่ความเศร้ามันก็แสดงออกมาอย่างกลบไม่มิด อาการของคนด้านข้างทำให้อาหารมื้อนี้ชืดไปซะสนิท ผิดกับน้ำเสียงใสเมื่อเช้านี้
 
อย่างว่าแหละ พอเจ้าลูกรักของเขาไม่อยู่แล้วจริงๆ ก็คงจะอดสะเทือนใจไม่ได้
แต่สิ่งที่เพชรยังไม่รู้ก็คือว่า ผมเป็นคนล่อซื้อของรักของเขาไปเองแหละ
 

ว่าแล้วเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่ในมือก็หยิบมือถือมาตามเคย
 
“ไงจ๊ะน้องหงส์สายเปย์”
 
ฮึ่ย เกลียดคำนี้จัง
 
ใครเปย์ใคร
เปย์อะไร
 
“เปย์บ้าอะไรมิว…มึงทำไรอยู่วะ”
 
“กูทำอะไรอยู่ไม่สำคัญ สำคัญคือมึงโทรมามีไร” รู้ทันตลอดอ่ะ
 
“เออ เพชรขายรถไปแล้ว แต่ตอนนี้นั่งซึมมาก” ผมบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
 
“มึงก็บอกไปดิ ว่ามึงเป็นคนซื้อเอง”
 
“ไม่ได้ กูเพิ่งซื้อมาไม่ถึงชั่วโมง ไปเฉลยแล้วก็ไม่เซอร์ไพร้ส์ดิ่”
 
“อ่าว แล้วมึงจะเอาไง” ได้ข่าวว่าผมโทรไปปรึกษามัน จะถามย้อนกลับทำไม
 
“ถ้ากูรู้ว่ากูจะเอาไง กูจะโทรหามึงเพื่อ”
 
“เออว่ะ งั้นเอางี้” ไอ้มิวทำเสียงทุ้มให้ผมลุ้น
 
“มึงคงต้องเปย์เพิ่ม”
 
เอาจริงป่ะ ฟังแล้วหน้าย่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวอ่ะ
อาจเพราะผมไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ลึกซึ้งเท่าไหร่
 

“เปย์เพิ่มคือไร”
 
“ทำมาแบ๊ว ก็พาเพชรไปใช้เงินดิ่ ช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง แต่มึงออกตังค์”
 

“เฮ้อออ ทุเรศมิว
ไอเดียมึงนี่มันไม่ได้เรื่อง กูไม่ใช่พวกซื้อผู้ชายกินนะ
มึงลืมไปแล้วหรอ ว่ากูคือวีรินทร์ที่ใครๆ ก็หลงรัก
เพชรชอบกูมาตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่ม ทำไมคนอย่างหงส์ต้องใช้เงินจ่ายเพื่ออะไรแบบนี้

แค่กูอยู่สวยๆ เพชรก็หลงจนหัวปักหัวปำแล้ว

รอยยิ้มของเพชร กูเรียกคืนกลับมาด้วยตัวกูเองได้

เพ้อเจ้อ”
 

“เอ๊า แต่มันคือการเรียกรอยยิ้มแบบทางลัดไง”
 
“แค่นี้แหละ รำ”
 
“จ่ะ” ไอ้มิวพูดตอบสั้นๆ ก่อนที่ผมจะตัดสายแล้วส่ายหน้ารัวๆ
 
 
 

16:21
 

“คุณเพชร เราว่าเสื้อตัวนี้ก็เหมาะนะ”
“เห้ย ตัวนั้นก็สวย”
“กางเกงนี้ ทรงเท่ห์มาก”
“รองเท้าคู่นี้คอลเลคชั่นใหม่เลยนิ เพิ่งมาจากฝรั่งเศส”
“นี่กระเป๋าสีนี้ลิมิเต็ด อิดิชั่น คือดีอ่ะ”
“งั้นเอาหมดเลยละกันเนอะ”
 

ผมจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงบนใบเสร็จที่วางอยู่ด้านหน้า หลังจากที่พนักงานเพิ่งรับบัตรเครดิตใบสีดำไปรูดชำระค่าสินค้าทั้งหมดที่ผมเพิ่งหอบมาประโคมลงบนร่างแกร่งของคุณเพชร จนเจ้าตัวถึงกับหลุดยิ้มขำออกมา
 

“นี่กลายเป็นสายเปย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
 
ผมสะบัดหน้าเรีวที่กำลังก้มตรวจสอบรายการแล้วเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่พูดแซ็ว
 
“สายเปย์อะไร น่าเกลียด”
 
จากนั้นก็ก้มหน้ากลับมาลงตรวจสอบรายการให้เสร็จแล้วจูงแขนคุณเพชรออกมาจากร้าน
 
ระหว่างที่เดินเล่นในห้างเพื่อหาร้านต่อไปผมก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา
แต่ในหัวผมกลับมือความคิดที่โลดแล่น
 

นี่เราเป็นสายเปย์จริงๆ หรอวะ
 
ไม่ใช่มั้ง
 
เราไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน
 
เอ๊ะ หรือว่าใช่
 
ถ้าใช่จริงจะดีหรอ
 
ให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เชียวนะ จ่ายเงินซื้อผู้ชายกิน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

 

ว่าแล้วผมก็หยุดเดินแล้วหันหน้าเข้าไปจ้องตากับคนด้านข้างแล้วทำนิ่งใส่ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาขู่
 
“ห้ามบอกใครนะ”
 
ทั้งที่ผมทำหน้าจริงจัง แต่คนตรงหน้ากลับส่งแววตาทะเล้นกลับมา แถมยังทำท่าจะหลุดขำ
ผมเลยละสายตาจากเขาแล้วกระชากแขนแกร่งให้เดินต่อ คนด้านข้างก็ยอมเดินตามนิ่งๆ
 



จนมาหยุดที่หน้าช็อปมือถือซักค่ายหนึ่ง ชำเลืองด้วยหางตามองเข้าไปด้านในเห็นคนอยู่ในร้านไม่เยอะมาก ว่าแล้วผมเลยจูงแขนคนตัวสูงกว่าเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงโมเดลด้านหน้าที่เอาไว้โชว์
 
“จ่ายค่าโทรหรอ มาเดี๋ยวผมจ่ายให้” เพชรพูดถามแต่เหมือนเป็นแค่ลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะผมไม่ได้สนใจ แต่กลับปล่อยแขนคุณเพชรให้เป็นอิสระแล้วหันไปสนใจรับการบริการจากพนักงานที่ทำท่าจะพรีเซนต์คุณสมบัติโทรศัพท์รุ่นใหม่ให้ผมฟัง
 

ผมเดินตามพนักงานเข้าไปด้านในแล้วปล่อยให้เพชรถือถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรังยืนงงอยู่หน้าร้าน
 
“เอาสีเงิน 2 เครื่องครับ”
 
ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว
 

ไม่กี่นาทีต่อมา…ผมก็ถือถุงใส่กล่องโทรศัพท์ออกมา 2 ถุง แล้วเดินกลับมาหาคุณเพชรที่ยืนโชว์ความหล่ออยู่ด้านหน้า เพชรมองมาที่ผมอย่างคนไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
 
ส่วนผมก็ทำหน้าตาแป้นแล้นใส่เขาไปหน่อยนึง ก่อนจะตรงเข้าไปจูงแขนคนที่ยืนทื่ออยู่
มันดูเหมือนเป็นการลากจูงแบบขืนใจซะมากกว่าการเดินควงแขนแฟนด้วยความโรแมนติก
 



ระหว่างที่เราเดินไปลานจอดรถผมเลยหยุด ก่อนจะยื่นถุงสีขาวในมือส่งให้เขาไปถุงนึง
ร่างสูงก้มมองมือผม พร้อมกับรับถุงไปไว้ในมือ
 
“ซื้อมาให้ ใช้ด้วย”
 
คุณเพชรก้มมองของที่อยู่ด้านใน แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผม
 
“Iphone X”
 
เขาพูดออกมาเสียงเบา พร้อมกับที่ผมพยักหน้ารับ
 

“คุณหงส์หมดไปกี่แสนแล้ววันนี้”
 
“หลายแสน” พูดจบก็ยักคิ้วใส่ไปทีนึง
 
“ทำไมถึงช็อปให้ผมเยอะขนาดนี้”
 
 

คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ผมชะงักไปหน่อยนึง
 
ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

 
“เยอะกว่านี้ก็ให้ได้ ขอแค่ให้คุณเพชรเลิกหงอย”

 
 
เพชรนิ่งไปไม่นาน แล้วรอยยิ้มกว้างจนตาหยีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
แววตาเป็นประกายมองมาที่ผม
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
“สบายมากไอ้น้องของพี่” ทำตัวป๋าซะหน่อย
 
ว่าแล้วก็ยกแขนขึ้นพาดคอคนตรงหน้า แล้วกอดคอเขาเดินตัวติดกันกลับมาที่รถอย่างผู้ชนะ
 
นี่แหละครับ เหตุผลประการที่สอง ที่ควรยกย่องให้ผมเป็นป๋า



ป๋าหงส์

 

ใช่อ่อ?
เหมาะหรอ?
 
ง่ะ…ไม่เอาละกัน

ฮ่าๆ

 
 
 
22:39
 
หลังจากที่วางสายจากคุณแม่คนสวยที่โทรเข้ามาถามเรื่องยอดบัตรเครดิตวันนี้ที่ผมรูดไปเยอะ
ตอนแรกแม่ตกใจนึกว่าลูกชายถูกขโมยบัตร

แต่พออธิบายใจความสำคัญให้ท่านฟังทุกอย่าง แม่ก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไร
 
แต่ก็มิวายโดนแซ็วว่าสายเปย์
ชักจะไม่ชอบคำนี้เอามากๆ แล้วนะ หึ
 
คุยจบผมก็ลุกไปอาบน้ำระหว่างนั้นคุณเพชรที่เห่อไอโฟนเครื่องใหม่ก็นอนเล่นอยู่บนเตียงไม่ยอมวาง แหม บอกให้ซื้อเองไม่ยอมซื้อ พอซื้อให้ทำมาเป็นยิ้มหูตั้ง
 
อาบเสร็จก็มาไล่เพชรไปอาบบ้าง ทาครีมบำรุงเรียบร้อยผมก็หรี่ไฟในห้องลงให้สลัว แล้วกระโดดขึ้นมานอนเล่นบนเตียงก่อนจะหลับไปจริงๆ


แต่เคลิ้มหลับได้ไม่นานก็ต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะรู้สึกเหมือนถูกรบกวนจากอีกคน
 
พร้อมด้วยเสียงกระซิบกระซาบข้างหู
 

“สดนะ”
 
“วันนี้สดนะ”


 
ผมพลิกตัวหนี แต่เขาก็ยังตามมา ‘สด สด’ อะไรนี่ อยู่ข้างหูไม่เลิก
 
ถูกกวนให้ตื่นเลยต้องปรือตาขึ้นมองอย่างคนสลึมสลือ
 
 

ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ว่าอะไรคือสด หรือไม่สด
 
ดูบอลหรอ ก็ไม่เกี่ยว ไม่เห็นต้องมาบอก ถ้ากลัวจะรบกวนผมก็ไปดูที่ห้องนั่งเล่น
 
 

ระหว่างที่กำลังนอนกระพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้าทำนั่นทำนี่
 
มือไวของเขาก็ไล้ไปทั่วร่างกายผมอย่างซุกซน พร้อมกับที่ริมฝีปากสวยพูดว่า ‘สดนะครับ’ ไปเรื่อยๆ
 


“สดนะครับ อยากรู้ว่าฟีลมันจะดีแค่ไหน”

 
 
ก็คงจะดีอยู่นะ
 
อะไรสดๆ น่าจะดี เหมือนแบบปลาหมึกสด แซลม่อนสดก็อร่อย

 
 
ผมพยักหน้ารับอย่างคนไม่ทันคิด เพราะมัวแต่นึกถึงของกิน
 

 
แต่ทันทีที่สมองคิดได้ ผมก็รู้ทันทีว่าคุณเพชรพูดเรื่องอะไร

ว่าแล้วผมตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่จำยอม
 
 
“ไม่โว๊ยยยยยย”
 
 
 หลังจากนั้นผมก็ถีบคุณเพชรตกเตียง กระแทกพื้นเสียงดัง ‘แอ่ก’




**To Be Continued**

ยอมใจนุ้งหงส์ ยอมใจในความเปย์ผู้นี้
ยอมรับไปเถอะ ฉายานั่นน่ะ เพราะสิ่งที่เธอทำมันมัดตัวเองแล้วหงส์ 55555

อีกประมาณ 2 ตอน ก็น่าจะจบบริบูรณ์กันแล้ววเน้อ
รีดอยากพูดอะไร อ่านแล้วรู้สึกยังไง ชอบมั้ย ก็บอกกันมาได้เลยน้าา ก่อนนิยายจะจบลงอย่างสมบูรณ์ ขอบคุณค้าบบ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาเปย์พี่บ้างน้องหงษ์

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คุณหงส์สายเป แอบอิจฉาเพชรอ่ะ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โถวววววว เปย์มาขนาดนี้ยังจะมาขอเขาสด คุณเพชรหนอคุณเพชร

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
โอ๊ยยยยยย รักคู่นี้มากกกก
เป็นความแตกต่างที่ลงตัวจริงๆ

อยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลยยยยย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โอ้ยยย สายเปย์ที่แท้ทรู5555

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
โอ๊ยยยยยย รักคู่นี้มากกกก
เป็นความแตกต่างที่ลงตัวจริงๆ

อยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลยยยยย

หูยย กำลังคิดว่ารวมเล่มดีมั้ย 5555

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 22
Family



ได้เรื่อง!!

“สดนะครับ”
“ขอสดนะ”

เสียงนุ่มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูทำให้คนฟังรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด เจ้าของเสียงกำลังกล่อมให้ใครบางคนเคลิบเคลิ้มไปตามคำขอตามแบบฉบับคนเจ้าเล่ห์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมพยายามต่อต้านด้วยการเล่นบทบู๊ถีบคนหื่นกระเด็นตกเตียงไปแล้ว ก็คิดว่าเจ้าตัวจะล้มเลิกความคิดแล้วยอมนอนแต่โดยดี

แต่ไหงพอคนเจ้าเล่ห์ปีนกลับขึ้นมาบนเตียงได้ เขากลับมาปล่อยมนต์สะกดให้ผมเคลิ้มหนักยิ่งกว่าเก่าด้วยการพูดบอกรักเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ตอนนี้ร่างสูงของคุณเพชรขึ้นมาทับร่างบางของผมที่นอนสลึมสลืออยู่ พร้อมกับที่ริมฝีปากบางซุกไซร้บริเวณข้างหูแล้วพูดกล่อมอยู่อย่างนั้น ไม่นานปากนุ่มของเขาก็เลื่อนลงมาสัมผัสบางเบาแถวต้นคอชวนให้รู้สึกเบาหวิว


เรื่องมือไว ไว้ใจคุณเพชร


ระหว่างนั้นมือไวของคนตัวสูงก็ค่อยๆ เคลื่อนลงไปด้านล่างแล้วสัมผัสกับร่างกายของผมทีละส่วน ทีละส่วน เขาไม่ลืมที่จะออกแรงสะกิดในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก แถมเขายังปลดกระดุมเสื้อแล้วจัดการถอดทุกอย่างที่ปกคลุมเรือนร่างของผมออกได้อย่างรวดเร็ว


คิดจะเป็นเสือ ต้องจู่โจมเหยื่ออย่าให้รู้ตัว


เหยื่ออย่างหงส์ตัวน้อยที่ถูกเสือเพชรตัวใหญ่หลอกล่อด้วยคำหวานพร้อมสัมผัสนุ่มละมุน รู้ตัวอีกทีเจ้าเสือที่จ้องจะขย้ำก็พุ่งมาจ่ออยู่ที่ปากถ้ำเสียแล้ว


เพลี่ยงพล่ำ
พ่ายแพ้



“ไม่เอา อื้ออออ” แน่นอนว่าเหยื่อทุกตัวต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเป็นธรรมดา แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องขอชีวิต เจ้าของดวงตาคมก็มองมาอย่างมีความหมายแล้วเข้าก็ก้มลงมาจัดการประกบปากเข้าด้วยกันไม่ให้เหยื่อได้มีโอกาสพูดเจรจาต่อรอง


ปิดปากได้สำเร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดสิ่งอื่น


มือหนาด้านล่างที่บีบเจลลื่นๆ ไว้ในมือตอนไหนก็ไม่รู้ ได้จังหวะจู่โจมเข้ามาภายในตัวเหยื่อทีละนิ้ว ทีละนิ้ว แม้ครั้งแรกเหยื่อตัวน้อยจะต่อต้านสัมผัสไปบ้าง แต่ด้วยจังหวะที่ลิ้นร้อนซุกซนไปมาในช่องปากหวาน มันดีเกินกว่าที่ร่างบางจะหันเหความสนใจ เลยทำให้คนที่กำลังถูกรุกล้ำอย่างหนักต้องจำยอมแล้วหลับตาปี๋รับสัมผัสอย่างขัดไม่ได้

“อื้มมม”
“อื้ออ อื้มมมมม”

 เสือโหยที่เห็นเหยื่อตัวน้อยกำลังเคลิ้มได้ที่ ถอยอาวุธหลอกกลับออกมา นี่ขนาดยังไม่ใช่ของจริง คนที่ถูกรุกล้ำยังหลับตาปี๋ ลืมตาไม่ขึ้นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจอของจริง เจ้าตัวจะร้องเสียงหลงขนาดไหน

ว่าแล้วคนที่ทำอะไรก็ไวไปซะหมดทุกอย่างก็สวนอาวุธจริงกลับเข้าไปด้านในโดยที่คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ตั้งตัว จังหวะนั้นเองทำให้เหยื่ออย่างหงส์ดีดดิ้นจนเหมือนกำลังจะสิ้นใจ

แต่เปล่าเลยที่ร่างเล็กตัวขาวใสดิ้นพล่านไปมาเป็นเพราะร่างกายของเขากำลังตอบรับสัมผัสที่เข้ามาใหม่ต่างหากล่ะ


ถ้านี่เป็นการทดลอง ว่าฟีลสดมันจะเป็นยังไง จะรู้สึกดีมั้ย

ร่างบางคงตอบได้เลยว่าเขารู้สึกดีมาก และแน่นอนว่าร่างหนาผู้คิดริเริ่มอยากทำการทดลองก็คงรู้สึกไม่ต่าง

และสุดท้ายผู้ล่าก็ล่าได้สำเร็จ ส่วนผู้ถูกล่าก็ถูกกลืนกินด้วยความเต็มใจ

มันไม่ใช่ภาวะล่าเหยื่อ แต่มันคือภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน

ถ้าเป็นอย่างนั้น คืนนี้ก็ถือเป็นอีกคืนที่ดีของเขาทั้งสองคน




เพราะความอยากของคน มันน่ากลัวกว่าที่คิด
สุดท้ายเราสองคนก็ ส ด กันเรียบร้อย

3 สัปดาห์ต่อมาขณะที่อากาศเมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวที่ปีนึงจะมีเพียงแค่ไม่กี่วัน นั่นอาจจะทำให้ร่างกายของผมปรับตัวไม่ทันละมั้ง ผมเลยตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันร่างบางเลยเป็นไข้หวัดหรือเพราะสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

แถมเมื่อเช้าผมยังมาท้องเสียเพิ่มด้วย แม้ว่าเมื่อคืนจะกินส้มตำปูรสจัดมาก็เถอะ ระหว่างที่กำลังหมดแรง ประโยคเด็ดของคุณเพชรก็ลอยเข้ามาในหัวของผม

“สดนะครับ”
“อยากรู้ว่าฟีลมันจะดีแค่ไหน”

ตอนนั้นอ่ะ ฟีลกู๊ด โคตรๆ
แต่ตอนนี้นะหรอ ฟีลแบด สัสๆ


ผมนั่งกุมขมับตัวเองหน้ายุ่งอยู่ที่ปลายเตียงสวมแต่เสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ไม่ได้ใส่กางเกง ก่อนที่ความคิดในหัวจะเริ่มตีกันไปไกล มือเรียวจึงหยิบไอโฟนที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ปลดล็อคหน้าจอออกด้วยใบหน้ายู่ยี่แล้วเข้ากูเกิลเพื่อเสิชข้อมูลอะไรบางอย่าง


‘มีอะไรกับแฟนแบบไม่ได้ป้องกัน’
‘ความเสี่ยงหลังสด’
‘เป็นหวัดหลังจากมีอะไรกับแฟน’
‘HIV ระยะแรก’
‘ตรวจเลือดกี่วันดี’



คุณเคยเป็นมั้ยครับ
ที่บางทีแค่ปวดท้องธรรมดา แต่พอเสิชอาการจากกูเกิล ก็อาจคล้ายเป็นมะเร็งได้

เหมือนผมในตอนนี้ที่ตอนแรกแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่พอเสิชกูเกิลหาข้อมูล อาการก็ชักจะไปกันใหญ่


‘ระยะนี้นับตั้งแต่เริ่มได้รับเชื้อ จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้างแอนติบอดี กินเวลาประมาณ 1-6 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวหรือมีฝ้าขาวในช่องปาก อาการเหล่านี้มักจะเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปได้เอง เนื่องจากอาการคล้ายกับไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่’


กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ มองหน้าตัวเองในกระจกบานโตแล้วหันซ้ายทีขวาที เพื่อป้องกันการจิตตกไปไกลจากการวินิจฉัยของหมอกู๋ ว่าแล้วผมก็กดโทรศัพท์หาคุณเพชร
 
 

บีเอ็มดับบลิวคันสีแดงของผมขับผ่านบีทีเอสสถานีราชดำริมาครู่หนึ่ง ก่อนที่คนด้านข้างจะเลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถเมื่อถึงจุดหมาย คุณเพชรดับเครื่องยนต์แล้วชำเลืองมองผมนิ่ง

“พร้อมนะ” ร่างสูงพูดถามเสียงเรียบ

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับแล้วมือหนาก็ยื่นมือมากุมมือผมไว้แน่นพร้อมสบตาให้กำลังใจ

ในใจของผม ผมเชื่อนะว่าคุณเพชรและตัวผมเองปลอดภัย
แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ดีเท่ากับวิธีทางวิทยาศาตร์ ฉะนั้นการมาวันนี้มันจึงเป็นความสมัครใจของเราสองคน

เปิดประตูเข้ามายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน ก็เห็นเครื่องกดบัตรคิวตั้งอยู่ตรงทางเข้า
“จากที่อ่านมา ต้องกดบัตรคิวก่อน” คนด้านข้างพูดบอกผมแล้วเดินนำไปกดบัตรคิว

อาจจะเพราะเรามากันตั้งแต่เช้าเลยทำให้คนยังมาไม่เยอะ ไม่ต้องรอคิวนาน หลังจากนั้นก็ไปลงทะเบียนออนไลน์ ซึ่งผมกับคุณเพชรยังไม่เคยมากันทั้งคู่ และด้วยความที่ไม่ใช่คนใช้ชีวิตสนุกกับเรื่องเซ็กส์ไปเรื่อย เลยอาจจะทำให้เรามองข้ามตรงนี้ไป

ลงทะเบียนเรียบร้อยก็มานั่งรอชำระเงิน

หน้าห้องเจาะเลือด ระหว่างที่กำลังรอคิว ผมกับเพชรก็นั่งเงียบ ไม่มีใครคุยกัน มีบ้างทีที่เหลือบไปมองจอด้านบนแล้วนับว่าจะถึงตาตัวเองเมื่อไหร่ ผมยอมรับว่ารู้สึกกดดันระดับนึง แถมยังมีหลากหลายคำถามในหัวที่ตีกันอยู่

“กลัวเข็มมั้ย” อยากชวนคุยให้บรรยากาศมันผ่อนคลายขึ้นเลยถามออกไป

คนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมายิ้มแล้วส่ายหน้า “คุณหงส์ล่ะครับ”

“เราก็ไม่กลัวเหมือนกัน” ผมคลี่ยิ้มบางๆ

“แล้ว...กลัวผลที่จะออกมาเปล่า” เพชรถามคำถามที่ผมก็แอบถามตัวเองในใจ

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้า เพราะถึงแม้เราจะมั่นใจในตัวเองและคู่รักของเรามากแค่ไหนก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้เราเพิ่ง ‘ส ด’ กันไป นั่นจึงทำให้ผมหวั่น


“ก็กลัวนะ...แต่จะออกมาเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับอ่ะ
อีกอย่างพวกเราก็เคยเรียนมาแล้ว ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น หลังจากนี้เราก็คงต้องดูแลตัวเองให้ดี

“โอเค เยี่ยมมาก” เพชรชูนิ้วโป้งให้ผม ผมยิ้มรับ

หลังจากนั้นก็ถึงคิวเจาะเลือด เราสองคนแยกกันไปเจาะคนละห้อง โดยที่ผลตรวจเลือดจะออกหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง

เพื่อให้เราผ่อนคลายความเครียดมากขึ้น ระหว่างนั้นคุณเพชรเลยชวนผมไปปั่นเรือที่สวนลุมเพื่อฆ่าเวลา เราเช่าเรือเป็ดมาลำนึง แล้วขึ้นไปนั่งปั่นเล่นกินลมสบายๆ รับแดดร้อนยามสาย ผลัดกันเล่าประสบการณ์ชีวิต เรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ยังไม่เคยแชร์ให้กันฟัง ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปของกันและกัน ก็ได้เวลาครบ 1 ชั่วโมงพอดี



ผมกับคุณเพชรกลับมารอฟังผลที่หน้าห้องหมายเลขข้างกัน ระหว่างนั้นเรานั่งเงียบ ไม่ได้คุยอะไรกัน ส่งยิ้มให้กันบ้างเป็นระยะ ต้องยอมรับตรงๆ ว่ามาถึงตรงนี้แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็จะได้รู้ผล สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไร

วินาทีที่เข้าไปฟังผล ยอมรับว่าใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา มือเปียกไปด้วยเหงื่อ แถมยังแอบมือสั่นพอสมควร ตอนเดินแบบครั้งแรกสมัยมอปลาย ผมยังไม่สั่นเท่านี้เลย

ถึงแม้ว่าเราจะมั่นใจ แต่วินาทีที่ต้องยืนปากเหว เชื่อว่าใครๆ ก็ใจสั่น
 
ผมรับผลตรวจมาไว้ในมือแล้วรีบเปิดดู หลังจากนั้นก็พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาอีกเล็กน้อย รอคุณเพชรออกมาเจอกันด้านหน้า เรายิ้มให้กันแล้วพยักหน้า



ทุกอย่าง...
ปกติครับ : )




สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนี้คือการตรวจเลือดและตรวจสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ
ถ้าวันนี้ผมไม่เป็นหวัดแล้วก็ท้องเสียผมก็คงไม่มา
ผมรู้เลยว่าบางทีเราก็ใช้ชีวิตอย่างละเลยบางอย่างไป
ที่สำคัญที่สุด เราต้องรักตัวเองและดูแลตัวเองให้ดี เพราะชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว




13:45


ช่วงบ่ายหลังจากที่แวะหาหมอที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ผมก็นัดกับไอ้มิวที่ยิมมวย เพราะมันโทรมาวอแวอยากต่อยมวยตั้งแต่หลายวันก่อน ซึ่งผมก็เพิ่งจะมีเวลาว่างก็วันนี้แหละ แต่ว่างทั้งทีก็ดันไม่ค่อยสบายซะงั้น เลยขอส่งตัวแทนในการสู้ครั้งนี้

มุมแดง ‘คุณเพชร ศิษย์ลูกพี่หงส์’ ไปลงสนามเจอกับมุมน้ำเงิน ‘ไอ้มิว ศิษย์แมวสมชาย’ โดยมี ‘ครูมะขาม ศิษย์มะขามป้อม’ เป็นกรรมการครับ

“เอ๊า ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุด” ครูมะขามป้อมพูดถามผม ผมแอบเติมป้อมให้ครูเองแหละ ตามความยาวของขา ฮ่าๆ เลวว่ะ

“ไม่อ่ะครับครู วันนี้ไม่สบาย ขอนั่งดูเงียบๆ ดีกว่า” ว่าแล้วก็นั่งแหมะลงที่ขอบเวทีอย่างคนที่เริ่มหมดพลัง

“ท่าทางเพชรจะจัดหนัก” ครูพูดแซ็ว ผมแค่ชำเลืองตามอง แต่คนตัวสูงกลับแก้ตัวใหญ่

“เปล่านะครับครู หงส์เค้าป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยต่างหากล่ะ”

“โว๊ะ ทำมาเขินวุ้ย ดูหน่วยก้านก็รู้แล้ว ว่าอย่างเพชรเนี่ย มันหื่น” นักมวยมักจะพูดตรงแบบนี้แหละ ถูกของครู ผมยืนยัน หึหึ

“โห่ยครูค้าบพอเถ๊อะ” เพชรยกมือขึ้นไหว้ครูเป็นเชิงขอให้หยุดพูด แล้วหันมาพูดกับผม
“ไหวนะคุณ อยากนอนพักมั้ย” เขาเอาหลังมือยกขึ้นมาแตะหน้าผากผม

“ไหวๆ” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมมือคุณเพชรที่อยู่ตรงหน้าผากตัวเองแล้วเลื่อนลงมาไว้ที่ข้างแก้มพร้อมกับเอนหัวลงไปซบ คนตรงหน้าเลยใช้มืออีกข้างมาลูบหัวผมอย่างเบามือก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าผาก ส่วนผมก็หลับตาพริ้ม
 
“นี่ค่ายมวยนะครับ ไม่ใช่โรงแรม โว้ยยยยยยยย” เสียงอีแร้งมิวดังขึ้นทันที ผมก็รออยู่ว่ามันจะพูดขัดจังหวะตอนไหน คนอย่างมันเห็นภาพแบบนี้เป็นต้องจิกกัดทุกที มันทนไม่ได้หรอก ทำตัวเป็นพวกโหยหาความรัก ขี้อิจฉา 

ว่าแล้วเลยลืมตาขึ้นสะบัดหางตามองไอ้มิวนิ่งๆ ก่อนจะเบะปากใส่  “อีห่ามิว”

“เดี๋ยวมึงโดน” มันชี้มือมาที่ผมแล้วยิ้มขำ ส่วนผมก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่

“โดนอะระ มึงดิ โดนเพชรจัดแน่มิว” ผมละสายตาจากไอ้มิวหันกลับมามองคุณเพชร แล้วยืนขึ้นทำท่าเป่ากระหม่อม ผมลูบหัวเพชรไปมา ทำปากมุบมิบท่องคาถาแล้วเป่าสามที

ทั้งคุณเพชร ครูมะขามป้อม และไอ้มิวหัวเราะผมกันใหญ่ ผมเลยขู่เสียงดังว่า
“ถ้าคุณเพชร ศิษย์ลูกพี่หงส์ชนะก็เพราะอาคมกูนี่แหละมิว”

“สู้มันให้ได้นะเพชร” ปลุกใจคุณเพชรพร้อมกับใส่นวมให้เขาด้วย

“สู้ไม่ได้หรอก มึงก็รู้แฟนมึงกากจะตาย” ไอ้มิวคนเดิมพูดแขวะ ก็จริงของมันแหละ คุณเพชรเตะต่อยใครก็แพ้ แต่วันนี้มาแปลกเสนอตัวสู้กับมิว

“สู้ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้เพชร ศิษย์ครูฝีมือดีไม่เบา” ผมหันมองต้นเสียงแล้วย่นคิ้วเข้าหากัน

“ยังไงอ่ะครู”

“ก็เดี๋ยวนี้...”

“ชู่ๆๆๆ” คนที่โดนพูดถึงยกมือทำท่าห้าม เห็นแบบนั้นครูเลยต้องหยุดพูดแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่องให้คู่ชกเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนผมก็หันกลับมาจ้องคนของตัวเองแล้วมองจ้องอย่างสงสัย

คุณเพชรเห็นผมจ้องเลยหนีไปวอร์มร่างกายทิ้งให้ผมนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว

และหลังจากที่ผมได้นั่งดูสองคนนั้นบนสังเวียนผมก็พอเข้าใจแล้วว่าที่ครูมะขามบอกว่าสู้ได้อยู่แล้วหมายความว่ายังไง เขาต้องแอบมาเรียนมวยแบบลับๆ ไม่ให้ผมรู้แน่นอนฝีไม้ลายมือของคุณเพชรถึงได้ดีขึ้นอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้

ต้องแบบนี้สิครับแฟนหงส์



 
“แอบมาเรียน ก็ไม่บอก”

“ใครแอบมาเรียน ไม่มี๊” เสียงสูงเชียว

ผมมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังยืนเป่าผมอยู่ในห้องแต่งตัว เขาพันผ้าเช็ดตัวสีขาวปกปิดส่วนล่างเอาไว้ หลังจากที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ ส่วนไอ้มิวยังอ้อยอิ่งอาบไม่เสร็จซะที

“เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เล่นๆ ว่ะ” พูดพลางเอานิ้วจิ้มไหล่แกร่ง

“แน่นอนครับ คนอย่างผมไม่เคยเล่นอยู่แล้ว” คนตรงหน้าหันหน้ากลับมาหาผม แล้วมองมาด้วยสาตายไม่น่าไว้วางใจ


หืม อย่ามองแบบนี้ เริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย


“หยุด” ผมใช้นิ้วเดิมกับที่จิ้มไหล่เขาเมื่อครู่ ดันอกแกร่งของคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ให้หยุดอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นขู่เสียงแข็ง

“คิดว่าจะห้ามได้อ่อ” มุมปากบางกระตุกยิ้มเลว

ผมส่ายหัวใส่ก่อนจะวางมือลงบนไหล่แกร่งแล้วลูบลงมาอย่างช้าๆ

คุณเพชรดูจะเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนของผมอย่างง่ายดาย เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วทำท่าจะเอาปากมาประกบกับปากผม

รู้จัก ‘วีรินทร์ ศิษย์เก๋เริ่ด’ น้อยไปซะแล้ว

จังหวะนั้นเอง ผมกระตุกแขนเขาเบาๆ ก่อนจะออกแรงใช้มืออีกข้างหมุนตัวคนตรงหน้าให้หันกลับ แล้วพับแขนแกร่งของเขาเข้าด้วยกันที่กลางหลังกว้าง

“เห้ยย” คุณเพชรอุทานเสียงดัง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำ

ไม่รอช้าใช้มืออีกข้างกดหน้าคมลงไปราบบนโต๊ะ แล้วกระตุกมุมปากยิ้มใส่เขาคืนบ้าง

“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นศิษย์พี่ ใครเป็นศิษย์น้อง” ผมว่าเสียงร้ายก่อนจะปล่อยร่างสูงให้เป็นอิสระ คุณเพชรลุกกลับมามองผมเคืองๆ “ร้ายนะเรา”

ผมไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะหันมาพบว่าไอ้มิวยืนมองอยู่ร้าย



“เพื่อนกูนี่ สายโหดว่ะ” มันพูดพร้อมกับเดินตรงเข้ามา แล้วเดินผ่านหน้าผมไปยืนข้างคุณเพชรก่อนจะตบไหล่ปุๆ
“ส่วนมึง ท่าทางจะเกีย...”


ผมงง
เพชรก็ดูจะงงไม่ต่าง


“เกียไรวะ” คนตัวสูงพูดถามพร้อมกับเสยผมตัวเอง

“เกียมัว...
…กลัวเมีย”

จบคำพูดนั้นผมถึงกับขำก๊ากออกมา สงสัยมิวมันจะแค้นที่วันนี้มันชกแพ้คุณเพชร ส่วนคนที่ถูกล้อว่า ‘กลัวเมีย’ ตอนนี้กำมือแน่น แล้วเอื้อมไปกระตุกผ้าเช็ดตัวไอ้มิวออก ต่อจากนั้นคุณเพชรก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างผู้กำชัยชนะที่แท้จริงแล้ววิ่งหนีเข้าห้องแต่งตัวไป

ผมที่ยังคงขำอยู่ ก็ขำเข้าไปใหญ่เพราะตอนนี้ ได้แต่ยืนมองเพื่อนตัวเองโป๊แล้วกุมเป้าด้วยสองมือ มิวมันหน้าแดงเขินหนัก ยิ่งพอถูกล้อมันยิ่งดูเขินเข้าไปอีก

“ยี๊ หนอนน้อยน้องมิว”

 “พูดมาก จับทำเมียแม่ง” มันขู่ผม ทำให้ผมต้องรีบวิ่งหนีออกมานั่งรอด้านนอก



ระหว่างที่กำลังนั่งเล่นมือถือรอสองหนุ่มแต่งตัว คุณแม่คนสวยก็โทรมาบอกว่า วันนี้ให้ผมกลับไปกินข้าวเย็นบ้าน แอบแปลกใจนิดหน่อยแต่คิดว่าแม่คงเหงา ผมก็เลยรับปากไป นั่งรอไม่นานสองคนนั้นก็พากันเดินออกมาแล้วทำท่าจะงัดข้อกันอีกรอบ แต่ด้วยความหิวโหย ทุกคนเลยต้องสงบศึกไปก่อน 

“เอ่อ คุณเพชร เดี๋ยวเราต้องกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านอ่ะ พอดีแม่เพิ่งโทรมาบอก”

“อ้าวหรอ งั้นวันนี้ก็ไม่ได้กินด้วยกันแล้วดิ”

“น่าจะอ่า โทษทีว่ะมึง” ตอบแฟนตัวเองเรียบร้อยก็หันไปคุยกับอีกคนที่เดินมาด้วย

“ชิลมาก มึงไปกินกับที่บ้านมึงเถอะ...แล้วมึงเอาไงเพชร จะแดกกับกูหรือแยกกัน”

“แดกกับมึงสองคน เดี๋ยวได้ต่อยกันตายพอดี”

“เออ กูก็ว่างั้น มึงนี่แม่งเลวของแท้ กูสงสัยละว่ามวยนี่ทำให้สามัคคีหรือว่าแตกแยกวะ” คนที่เพิ่งถูกคุณเพชรกระตุกผ้าเช็ดตัวพูดขำ

“นั่นดิ ตอนเล่น ROV ยังเห็นพวกมึงทีมเดียวกันอยู่เลย” ผมว่าสองคนนั้นแล้วก็เดินไปส่งไอ้มิวที่รถ จากนั้นก็แยกย้ายกันครับ

คุณเพชรขับรถกลับมาส่งผมที่คอนโดเพราะคุณแม่ให้ลุงคนขับรถที่บ้านมารออยู่แล้ว ผมเลยแยกกับเพชรตรงนั้น รายนี้ตั้งแต่ขายมอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ยอมขับรถอะไรอีกนอกจากรถผม ผมเลยให้เขาขับ BMW ของผมกลับบ้านตัวเองก่อนวันนี้เพชรจะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ 




17:12

ผมกลับมาถึงบ้านก่อนเวลาอาหารเย็น ถามคนในบ้านก็ได้คำตอบว่าแม่กับวีวิศยังไม่กลับมา เลยขึ้นไปนอนหลับต่อบนห้องตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกเพลียขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนที่จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นเพราะมีเสียงก๊อกแก๊กดังอยู่ไม่ห่าง

“ตื่นละหรอ” ผมลืมตาขึ้นมองเห็นเด็กมอปลายที่คุ้นเคยกำลังหยิบจับของบนชั้นหนังสือ

“อื้ม พอดีไม่ค่อยสบายอ่ะวิศ” ว่าพลางขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมปรับโฟกัสมองรอบๆ

“หงส์” ทุกครั้งที่วีวิศเรียกชื่อนี้ มันจะต้องมีอะไร ผมพยักหน้ารับแล้วรอให้น้องพูด
“เดี๋ยววันนี้พ่อมากินข้าวด้วยนะ” จบคำพูดน้องชายตัวแสบ ผมถลึงตากว้างทันที

“ว่าไงนะ”

“วันนี้พ่อมากินข้าวด้วย”

ไม่ผิดแน่นอน ไม่ได้หูฝาดไป ผมถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“เค้ากลับมาจากเมกาแล้วหรอ”

“เห็นว่ากลับมาเซ็นสัญญาธุรกิจใหม่มั้ง ถ้ารินทร์ได้ดูข่าวน่าจะเห็น”

“ไม่ได้ดูอ่ะ”

“อื้ม ยังไงก็ใจเย็นๆ นะ วันนี้อย่าหัวร้อนล่ะ”

“ถ้าเค้าไม่มาวุ่นวาย ก็ไม่หัวร้อน” ผมมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วตาขวาง ก่อนจะได้ยินเสียงลอบถอนหายใจจากคนด้านข้าง พร้อมรู้สึกได้ว่าน้องชายหัวเกรียนเดินมานั่งด้านข้าง มือหนาของวีวิศลูบแผ่นหลังผมเบาๆ

 

ถึงเวลามื้ออาหารเย็นที่ผมไม่ค่อยจะเอนจอยเท่าไหร่นัก หนึ่งก็คือไม่ค่อยสบาย และสองก็คือมีแขกที่ไม่ค่อยอยากเจอมาเยือน ผมเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าวันนี้คงจะต้องเผชิญกับอะไร

ว่าแล้วก็นั่งลงตรงเก้าอี้ประจำของตัวเอง วันนี้แม่ย้ายมานั่งข้างผม ส่วนวีวิศอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเว้นเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะเอาไว้


ไม่นานผู้ชายสวมชุดสูทสีดำทางการที่ดูเหมือนเพิ่งมาจากการเจรจาธุรกิจ ก็เดินตรงเข้ามาพร้อมด้วยลูกน้องสองคน น่าจะเป็นบอร์ดี้การ์ดของเขามายืนคุ้มกัน


แค่เปิดตัวก็ประหลาดแล้ว กินข้าวในบ้านแต่ต้องใส่สูทเต็มยศพร้อมการ์ดยืนคุม

ผมกับวีวิศยกมือขึ้นสวัสดีตามมารยาท

“สบายดีนะคุณ” เขาพูดถามแม่เสียงเรียบด้วยหน้าตาเคร่งเครียด

ผมลอบมองผ่านๆ ด้วยหางตาก็พอจะรู้ว่า ‘พ่อ’ ก็ยังคงเหมือนเดิม เขาชอบทำหน้าเครียดตลอดเวลา แล้วก็ไว้หนวดเข้ม เขาเคยบอกว่าเพื่อให้ดูภูมิฐาน แต่เพราะพื้นฐานเป็นคนผิวพรรณดีอยู่แล้วคนที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยยังดูดีอยู่

“สบายดีค่ะ คุณล่ะคะ” ประโยคคำถามที่แสดงถึงความห่างเหินจากคนที่เคยเป็นภรรยาถูกเอ่ยถามกลับไปบ้าง

“งานยุ่ง กลับจากอเมริกาอยู่ไทย 10 วัน มีเซ็นสัญญา เจรจาเปิดโรงแรมอีกหลายที่”

“ค่ะ ดูแลตัวเองบ้างนะคะ” แม่พูดเสียงเรียบ ก่อนที่ป้านอมที่เป็นแม่บ้านจะตักข้าว


“เราล่ะวีวิศ”

คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมถูกถามบ้าง “สบายดีครับพ่อ”

“อื้ม เรียนชั้นไหนแล้วนะ” ผมรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อยกับประโยคนี้ เพราะแค่ลูกเรียนอยู่ชั้นไหน เขาก็ยังไม่รู้

“ม.6 ครับ”

“ดี เข้ามหาวิทยาลัย เรียนให้ได้แบบวีรินทร์ แล้วก็มาช่วยแม่ดูแลบริษัท เข้าใจมั้ย”

“ครับ” วิวิศพยักหน้าตอบเสียงเรียบ เป็นการจบบทสนทนากับลูกชายคนเล็ก


ต่อไปคงเป็นตาผม

“แล้วเราล่ะวีรินทร์” ผมสบตากับเขาแล้วมองกันนิ่ง

“ปีสามแล้วครับ” ริมฝีปากบางค่อยๆ ขยับตอบอย่างคนฝืนใจตัวเองพร้อมกับนึกถึงคำพูดของเจ้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มาสั่งเอาไว้เมื่อช่วงเย็นว่า

‘อย่าหัวร้อน’


“เปล่า จะถามว่ายังชอบผู้ชายอยู่มั้ย”


ผมละสายตาจากจานข้าวตรงหน้า สบตากับน้องชายฝั่งตรงข้ามแล้วพยายามสื่อสารอะไรบางอย่างออกไป
 
‘ไม่รับปากนะวิศ ว่ารินทร์จะทำได้’


“ชอบครับ” พูดจบก็สะบัดสายตามองคนที่หัวโต๊ะเหลือบมองวีวิศที่กำลังทำหน้าหวั่นๆ แล้วก็ก้มมองมือเรียวของคุณแม่ที่เอื้อมมาแตะแขนผม

“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตา” เสียงหวานด้านข้างผมเบี่ยงประเด็น ถึงแม้ว่าแม่จะพยายามพูดเสียงนุ่มแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้บรรยากาศอึมครึมบนโต๊ะอาหารตอนนี้ดีขึ้นมาได้เลย

“รสมือป้านอมยังอร่อยเหมือนเดิม ผมชอบ” คนที่นั่งหัวโต๊ะหันไปพูดบอกป้าแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังการ์ดตัวสูงของเขา 

“ขอบคุณค่ะคุณท่าน”


เขาไม่ได้สนใจคำขอบคุณของป้าแม่บ้าน แต่กลับมองมาที่ผมอีกครั้ง

“เมื่อไหร่จะกลับมาชอบผู้หญิง แบบที่คนอื่นเค้าเป็นกัน”

ถ้ายังคงให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อยู่ละก็ ดูเหมือนว่าวันนี้คงจะไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว

“อเมริกา เค้ามีกฏหมายให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้แล้วไม่ใช่หรอครับ” ผมไม่ได้มองหน้าใคร แต่กลับยื่นมือไปตักต้มยำกุ้งมาใส่ในถ้วยของตัวเองอย่างเบามือ

“ใช่...แล้วไง” เสียงแข็งพูดตอบพร้อมกับดึงช้อนกลางจากมือผมไปตักให้ตัวเองบ้าง


ผมเหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจ ก่อนจะทำเป็นตักกุ้งเข้าปากแล้วเคี้ยว

รสชาติเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่ากำลังฝืนกินไปอย่างงั้น

“อยากได้อะไร จะหามาให้ แต่กลับมาชอบผู้หญิง แล้วก็แต่งงาน มีลูก มีเมีย”

ผมตาขวางแล้วคายกุ้งในปากที่ถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียดลงมาใส่จานต่อหน้าทุกคน “ขอโทษครับ มันติดคอ”

ดูเสียมารยาทมากใช่มั้ยครับ ผมรู้ แล้วก็ตั้งใจ แต่แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อไม่เคยคิดจะยอมรับลูกในแบบที่ลูกเป็น

ผมหยิบแก้วน้ำขึ้นมากระดกแล้ววางลงเสียงดัง

“ไม่อยากได้อะไรครับ”

“คุณเลี้ยงลูกยังไง ถึงได้...”

“ก็ดีกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยง” ใช่ ดีกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงแล้วเอาแต่สั่งคนอื่น หลายปีก่อนที่เจอเขา เขาพูดกับผมยังไง วันนี้เขาก็ยังคงพูดอย่างเดิม

“ไม่เห็นจะต้องมาใส่ใจ อีกไม่กี่วันก็กลับเมกา ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น ไปอยู่กับงานที่โน่น
ถ้าผมถามว่าให้พ่อเลิกทำงาน พ่อจะเลิกมั้ยครับ”

“ไม่”


“ก็เหมือนกันครับ พ่ออย่ามายุ่งกับพวกเราเลย
ต่างคนต่างอยู่ แค่ให้รู้ว่ายังไม่ตายจากกันก็พอแล้ว

ผมนึกว่าประเทศเสรีภาพที่พ่อไปอยู่ จะทำให้พ่อเข้าใจอะไรได้มากขึ้นซะอีก แต่เปล่าเลย หึ

ไม่แปลกใจเลย...ว่านักธุรกิจหมื่นล้านที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แต่ทำไมในเรื่องครอบครัวถึงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่า”




เพี๊ยะ



ดีนะ ที่หน้าสวยๆ ของผมไม่ได้ใส่ซิลิโคนเข้ามาแม้แต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
อย่างมากแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นริ้วแดงในตอนนี้ก็คงแค่บวม
ประคบเย็นสองสามวันก็คงจะหาย ถ้าต้องไปเรียนก็แค่รองพื้นแล้วก็ทาแป้ง


สิ้นเสียงดังหน้าเรียวสะบัดตามแรงมือพร้อมกับที่ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้


ต่อยมวยแม่งเจ็บตัวกว่านี้ตั้งเยอะ ทำไมแค่นี้ผมต้องทำมาเป็นร้องไห้


ดวงตากลมโตสะบัดขึ้นมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแล้วหยิบไอโฟนที่วางอยู่ไม่ห่างมาไว้กับตัว ก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับที่ได้ยินเสียงเรียกจากแม่และวีวิศ



**To Be Continued**

ในทุกความเพอร์เฟค มักจะมีอีกด้านนึงที่คนมองไม่เห็นเสมอ หลายคนอาจจะกำลังคิดว่าทำไมน้องหงส์ไม่เคยพูดถึงพ่อเลย ก็ด้วยเหตุผลประการฉะนี้เอง

ตอนนี้เปิดมาด้วยฉาก 'ส ด ส ด' ของคุณเพชรและน้องหงส์ ฟีลตอนสดอ่ะมันดี แต่ฟีลหลังจากนั้นนี่สิ

ตามมาด้วยฉากที่คิดอยากจะใส่เข้ามาในนิยายนานแล้วครับ ตรวจเลือด ที่ส่วนตัวมองว่าเป็นอะไรที่สำคัญมากในคู่รัก ไม่ว่าจะ ชายชาย ชายหญิง หรือหญิงหญิง

ตบท้ายด้วยมาม่าชามเล็ก (รึเปล่า) จากคุณพ่อที่บินตรงมาเสิร์ฟจากอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ
แต่กลับไม่เปิดใจยอมรับความแตกต่างเสียเท่าไหร่เลย

เดี๋ยว ทำไมซีเรียส จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า 55555 เอาใจช่วงน้องหงส์ ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้เน้ออออ
ขอบคุณทุกการติดตามนะครับบ เยิฟฟฟฟมากกกมายยย
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2018 22:26:37 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ง่าาา. พ่อใจแคบจัง

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไม่ว่ายังไงคนเราก็ยอมรับได้ยากว่าคนอื่นต่างจากเรา แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแม่ คำว่า"ปกติ"ในแบบเขาคือแบบไหน พระเจ้าสอนให้เราทุกคนรักกัน ไม่เคยให้แบ่งแยกมีแต่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยแบบเราๆเองนี่แหละที่แบ่งแยกคนด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ถ้าเรายอมรับว่าคนอื่นต่างจากเราได้เมื่อไหร่โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นมากๆๆๆๆ จริงๆ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ไม่ว่ายังไงคนเราก็ยอมรับได้ยากว่าคนอื่นต่างจากเรา แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแม่ คำว่า"ปกติ"ในแบบเขาคือแบบไหน พระเจ้าสอนให้เราทุกคนรักกัน ไม่เคยให้แบ่งแยกมีแต่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยแบบเราๆเองนี่แหละที่แบ่งแยกคนด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ถ้าเรายอมรับว่าคนอื่นต่างจากเราได้เมื่อไหร่โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นมากๆๆๆๆ จริงๆ


จริงที่สุดเลย ฮือออออ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สะเทือนใจกับตอนนี้มาก คนเป็นลูกโดนบุพการีตบหน้าเนี่ย ความรู้สึกมันแย่กว่าการบอกให้กลับมาเป็นผู้ชาย อีกนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2018 21:09:18 โดย Leenboy »

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 23
Hug



ช่วงเย็นที่ผมนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องตัวเองแล้วคิดถึงใครบางคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่ ก็ตั้งแต่แยกกันที่คอนโด คนที่บอกว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านก็ไลน์มาบอกว่าถึงบ้านแล้วในช่วงห้าโมงกว่า หลังจากนั้นเจ้าตัวก็หายเงียบไปจนถึงตอนนี้ เพราะเห็นว่าเป็นแฟมิลี่ไทม์ของคุณเขาก็เลยไม่ได้โทรไปกวนครับ

คนรออย่างผมเลยทำได้แค่หยิบแม็คบุ๊คตัวโปรดออกมากางพร้อมกับเปิดโฟลเดอร์พิเศษที่เก็บภาพถ่ายใครบางคนเอาไว้นับพัน

คนที่มักจะถูกผมแอบถ่ายเวลาที่ทำหน้าเหวอหรือไม่ก็เป็นจังหวะที่เจ้าตัวกำลังเผลอ อาศัยความมือไวของตัวเองลั่นชัตเตอร์แล้วเก็บภาพพวกนั้นไว้ดูคนเดียวเพราะว่าหวง

ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบภาพทีเผลอพวกนี้ซักเท่าไหร่ แต่ผมกลับชอบมันมากกว่าภาพแสงสวยที่ลงในอินสตาแกรมของเขาให้คนติดตามเกือบแสนพวกนั้นดูซะอีก


เห็นภาพของคุณเขาเมื่อไหร่ ก็ต้องเผลอยิ้มกว้างออกมาทุกที

ไม่เคยเบื่อเลย
แล้วก็ไม่เคยคิดจะเบื่อด้วย

คิดถึงจัง



ครู่หนึ่งไอโฟนเครื่องใหม่ที่ใครบางคนซื้อให้ก็ดังขึ้นเรียกผมให้หลุดออกจากภวังค์เหม่อ ผมละสายตาจากจอกว้างตรงหน้าแล้วก้มมองหน้าจอที่เล็กกว่าด้านข้างกำลังสว่างวูบวาบ ก่อนจะเห็นว่าใครบางคนที่โทรเข้ามาคือคนที่กำลังถูกผมคิดถึงอยู่นั่นเอง

รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้ว ถูกฉีกให้กว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับมือหนาที่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย


“คิดถึงผมหรอค้าบ” พูดจบก็รอฟังว่าอีกฝ่ายจะตอบว่ายังไง

คุณหงส์ชอบหาว่าผมขี้อ้อน แถมยังตั้งฉายาให้พฤติกรรมนี้ของผมว่า ‘ความเพชร’ ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าเขาก็มี ‘ความหงส์’ หมายถึงความขี้อ้อน อยู่เยอะเหมือนกัน

ถ้าเป็นปกติหงส์ก็จะต้องตอบว่าผมหลงตัวเองหรือทำเสียงจะอ้วกใส่ แต่สุดท้ายก็จะยอมรับโดยดีว่าคิดถึงผม แปลกตรงที่ครั้งนี้คนในสายเงียบไปไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับมา

“…”
คนที่โทรเข้ามายังคงเงียบ

“หงส์ได้ยินผมเปล่า”

“คุณเพชร” คนในสายเรียกผมสั้นๆ

ทำไมน้ำเสียงหงส์แปลกไป เสียงสั่นเครือไม่สดใสเหมือนทุกครั้ง แถมผมยังได้ยินเสียงรถวิ่งไปมาเสียงดังเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านแบบที่บอกผมเอาไว้

“ครับ คุณหงส์มีอะไรรึเปล่า” ผมว่าผมจับสังเกตความผิดปกตินี้ได้

“อื้ม...คุณเพชรมารับเราหน่อย นะ”

ยิ่งพอคุณหงส์พูดยาวขึ้น เสียงเขายิ่งเหมือนคนกำลังพยายามกลั้น กลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้


ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว


“คุณอยู่ไหน” ไม่รอให้ตัวเองพูดจบผมก็พุ่งตัวขึ้นจากเตียง หยิบกุญแจรถพร้อมกระเป๋าสตางค์แล้ววิ่งออกมาจากห้องทันที

“เรา เรา เราอยู่ริมถนนแถวบ้าน...”

“หงส์อยู่กับใครอ่ะ” แล้วทำไมถึงได้ไปอยู่ริมถนนแบบนั้น นี่ถ้าได้ยินไม่ผิดคือกำลังจะร้องไห้ใช่มั้ย

“คนเดียวอ่ะคุณเพชร” ยิ่งพูดยิ่งเสียงสั่น

“คุณโอเคเปล่า” ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบในใจอยู่แล้ว

“หึ ฮึก ฮึก”
 

บ้าเอ้ย ใครทำแฟนกูร้องไห้วะ
ไอ้สัส!


อย่าให้กูเจอหน้าแม่งนะ กูจะต่อยให้ยับเลย
ถึงแม้กูจะเพิ่งต่อยมวยเป็นก็เถอะ!

ผมห้ามหงส์ไม่ให้พูดคำหยาบ แต่ตอนนี้ผมกลับหลุดเอง
ช่างแม่งละครับ


“คุณรออยู่ตรงนั้น อย่าวางสายนะ ผมจะรีบไป”

แล้วผมก็วิ่งเร็วที่สุดในชีวิต แถมตอนที่ผมวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นที่ครอบครัวกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวพร้อมกับที่คุณแม่ตะโกนถาม

“น้องเพชรรีบไปไหนครับ”

“หงส์ร้องไห้ครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่ได้สนใจเท่าไหร่
แม่คงจะงงว่า หงส์ร้องไห้คืออะไร แต่เดี๋ยวไว้ผมค่อยกลับมาเล่าให้แม่ฟังอีกทีละกัน



ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็กระโดดเข้าไปนั่งอยู่ในรถสีแดงคันสวยของคนในสาย แล้วก็ขับเจ้าบีเอ็มดับบลิวราวกับว่ามันเป็นเครื่องบินยังไงยังงั้น ยิ่งพอได้แตะบัตรขึ้นทางด่วนเท่านั้นแหละ นาทีนั้นผมได้แต่คิดในใจว่า จับก็จับ ปรับก็ปรับ ขอแค่อย่าตกทางด่วนก็พอ

ระหว่างนั้นผมก็เปิดลำโพงแล้วจดจ่อกับการฟังเสียงคนในสายว่าพูดอะไรมาบ้างมั้ย

“คุณหงส์ยังอยู่มั้ยครับ”

“อื้ม” หงส์ตอบรับเบาๆ พอให้ผมรู้ว่าเขายังคงฟังผมอยู่

“อย่าวางสายนะครับ”


อย่างน้อยให้ผมรู้ว่าแฟนตัวเองยังปลอดภัยดี แม้คุณเขาจะไม่พูดอะไรเลยก็ตาม
...แค่อยากให้รู้ว่าผมอยู่ไม่ห่าง



“หงส์”
“ผมใกล้ถึงแล้ว รอแปปเดียวนะ”

ตามองถนน ปากพูดกับหงส์ หูฟังเสียงตอบรับ ส่วนสมองก็ไม่ยอมหยุดคิด

ไม่รู้ว่าคุณหงส์ยืนอยู่ในที่เปลี่ยวแค่ไหน
ถ้าเขาถูกทำร้ายอย่างน้อยเขาก็เตะต่อยเก่ง หงส์เป็นมวย ป้องกันตัวเองได้แน่นอน แต่ถ้าพวกมันมีอาวุธหงส์จะสู้ได้มั้ย

ว่าแต่หงส์จะไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อช่วงเย็นคุณเขาบอกว่ากลับไปกินข้าวกับที่บ้าน

หรือจะเป็นเรื่องที่บ้าน แต่จากที่ผมเคยสัมผัสครอบครัวคุณหงส์ ทั้งคุณแม่ แล้วก็วีวิศ รวมทั้งฟังจากที่คนตัวเล็กเล่า ก็ไม่น่าจะมีประเด็นอะไรให้ถึงขั้นต้องร้องไห้เสียงสั่น แล้วหนีออกมาอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้

เห้ย! หรือจะมีอุบัติเหตุ ถ้ามีอุบัติเหตุจริง หงส์คงโทรหาโรงพยาบาลก่อนโทรหาผม

หลากหลายความคิดผมตีกันไปหมดครับ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมคนในสายก็ดูเหมือนสติหลุดไปแล้วด้วย เพราะถามอะไรเจ้าตัวก็พูดไม่รู้เรื่อง



ผมกำพวงมาลัยแน่นพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพื่อสปีดรถให้เร็วขึ้นไปอีก พอใกล้ถึงก็ถามพิกัดคุณหงส์ให้แน่ชัด เขาบอกว่ายืนอยู่แถวปั๊มน้ำมัน

นึกแล้วก็อยากจะโมโหที่คนตัวเล็กบอกว่ายืนอยู่ริมถนนใต้ต้นไม้แถมปั๊มน้ำมัน ผมละสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคุณหงส์ไม่เข้าไปยืนรอในปั๊ม ยังไงซะมันก็น่าจะปลอดภัยกว่า

แต่เอาเถอะครับนี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสร้างปัญหาเพิ่ม สิ่งที่ผมต้องทำก็คือไปเอาตัวคนที่ผมรักกลับมาให้เร็วที่สุด

ไม่นานก็ถึงปั๊มน้ำมันที่ว่า ผมชะลอความเร็วลงแล้วชะเง้อมองคนที่คุ้นตา ถึงแม้ร่างบางของเขาจะยืนอยู่ในมุมมืดแต่ออร่าที่มันติดตัวคุณหงส์มันก็ทำให้ผมมองเห็นเขาได้อย่างง่าย



ผมขับรถไปหยุดตรงหน้าคนที่สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาว รองเท้าแตะ ในมือของคุณหงส์ถือโทรศัพท์แนบหูไว้ที่แน่น ผมรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปหาทันที

ร่างบางที่ดวงตากลมฉายแววตาเศร้าอย่างเห็นได้ชัดโผเข้ากอดผมไว้แน่น ไม่รอช้าผมสวมกอดตอบกลับไปเช่นกัน ร่างเล็กในอ้อมกอดเริ่มตัวสั่นเทาพร้อมกับที่เขาปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างไม่ต้องกลั้นไว้อีกต่อไป

ความคิดในหัวที่ตีกันเมื่อตอนอยู่บนทางด่วนถูกตัดทิ้งที่ละข้อ ทันทีที่ผมสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าผมปลอดภัยดี ไม่ได้มีอุบัติเหตุ ไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่ได้โดนจี้ปล้น

ก็ทำให้โล่งใจขึ้นระดับนึง เพราะอย่างน้อยผมก็อยู่กับคุณหงส์ตรงนี้แล้ว



มือหนาลูบหลังคุณหงส์เบาๆ แล้วบรรจงจูบลงไปบนเรือนผมสีดำขลับที่ส่งกลิ่นหอมติดตัวเขา ก่อนจะปล่อยให้คนในอ้อมกอดได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ โดยที่มีผมช่วยเติมความอุ่นใจให้เขาได้รู้อยู่ไม่ห่าง

ค่อยๆ ส่งผ่านกำลังใจให้คนที่ร้องไห้หนักจนเสียงสะอื้นในอ้อมกอดเริ่มเบาลง คนตัวเล็กกว่าจึงผละผมออกเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับผม เผยให้เห็นดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ฉายแววเศร้าอย่างชัดขึ้น

เห็นแบบนั้นผมจึงยกมือตัวเองขึ้นประคองเรือนหน้าสวยของคุณหงส์พร้อมกับใช้นิ้วมือช่วยเช็ดน้ำตาออกอย่างเบามือ จากนั้นก็เลื่อนมือหนาขึ้นไปปัดเส้นผมดำขลับที่ปรกหน้าของคุณหงส์ขึ้นให้หน้าสวยได้กลับมาสดใสเหมือนเคย

แล้วผมก็ต้องสะดุดกับรอยแดงข้างแก้มของเขา


บรรยากาศที่มืดสลัวในเวลานี้ก็ไม่อาจกลบรอยนิ้วมือแดง ที่เรียงกันเป็นปื้นใหญ่ประทับบนใบหน้าขาวเนียนของหงส์ได้


“ใคร” ผมถามเสียงนิ่งแล้วจ้องรอยแดงนั่นไม่ละสายตา พร้อมกับใจที่สั่นวูบไหว


“พ่อ




พ่อไม่รักเรา
พ่อเกลียด

เกลียดที่เราชอบผู้ชาย
เกลียดที่เรามีแฟนเป็นผู้ชาย

ฮึก...
ฮึก...

คุณเพชรรู้มั้ยว่าพ่อไม่ได้เลี้ยงเรามา ฮึก
แต่ทุกครั้งที่เจอกัน พ่อก็พูดแต่เรื่องนี้

พ่อตบหน้าเรา

ฮืออออ”


คนตรงหน้าลูบแก้มใสที่มีรอยนิ้วมือสีแดงชัดเพราะว่าตัวเขาขาวมาก มันเลยทำให้รอยที่สองข้างแก้มชัดมาก

เสียงสั่นเครือพูดออกมาทีละประโยคสั้นๆ พร้อมกลั้นความรู้สึกเอาไว้ราวกับว่ามันกำลังจะประทุออกมาอีกรอบ
ฟังแล้วมันจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก


“ไม่เป็นไรนะคุณ
ไม่เป็นไรนะ
ผมอยู่ตรงนี้กับคุณนะ” พูดจบก็สวมกอดร่างเล็กเอาไว้ให้แน่น


คำพูดที่ออกมาจากปากสีสวย ฟังแล้วมันเจ็บปวดมากนะครับ
 
‘พ่อไม่รัก’

ต้องรู้สึกแย่แค่ไหน ถึงกลั่นคำนี้ออกมาจากความรู้สึกได้
ถึงแม้ผมจะไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้ แต่ถ้าใครได้พูดออกมา เชื่อว่ามันต้องเจ็บปวดมาก

ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณหงส์จะเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องนี้แค่ไหน
คนที่ให้กำเนิดไม่ยอมรับในตัวตนที่เขาเป็น

ผมน้ำตาคลออย่างห้ามมันไม่ได้เลย



ตอนนี้ทำได้แค่ลูบหลังคนในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน แล้วปล่อยให้คนตัวเล็กได้ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง

ผมแม่งทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ข้างๆ คุณเขาเท่านั้น เวลาผ่านไปจนคนตรงหน้าดีขึ้น

“กลับบ้านมั้ยครับ”

ร่างบางส่ายหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับผละตัวออกมาเงยหน้ามองผมส่งสายตาเศร้า

“กลับบ้านเรานะครับ” ทำเหมือนล่อเด็กด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่านิทาน

พูดจบก็กุมมือบางของคุณหงส์เอาไว้แน่น ผมไม่ได้ถามหงส์แต่แค่บอกให้รู้
 
ก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้วจับให้คนตัวเล็กนั่งลงบนเบาะพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขา เสร็จเรียบร้อยก็เงยหน้ามองใบหน้าสวยที่อยู่ไม่ห่าง ดวงตาเศร้ามองตาผมตอบ ผมสื่อสารบางอย่างผ่านสายตาแล้วพูดกระซิบ


“เพชรรักหงส์นะครับ” 


พร้อมกับที่ปากบางบรรจงจูบลงที่หน้าผากหอมของคนแววตาเศร้า ประทับไว้ไม่นานพอให้คุณเขาได้รู้ว่าไม่ได้สู้อยู่ตัวคนเดียวแล้วจึงปล่อยให้เป็นอิสระ  จากนั้นผมก็วิ่งอ้อมมาขึ้นรถอีกฝั่ง

แล้วพาคุณหงส์กลับบ้าน...
ของผม



ผมยกมือซ้ายของตัวเองหยิบมือขวาของคนด้านมากุมไว้บนตักให้แน่นแล้วขับรถเพียงมือเดียว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่ผมก็อยากให้หงส์รู้ว่าผมไม่ได้อยู่ห่างจากเขาเลย ระหว่างทางกลับบ้านคนตัวเล็กมองแสงไฟนอกกระจกไปเรื่อยโดยมีผมลอบมองเสี้ยวหน้าคมของเขาเป็นระยะ

ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็ขยับตัวนิดหน่อย ทำให้ผมหันไปมองตามการเคลื่อนไขวของเขา หัวสวยเอนลงมาซบแขนผมก่อนที่ตากลมจะปิดเปลือกตาลงสนิทโชว์แผงขนตาหนาให้ชัด แล้วเอามืออีกข้างยกขึ้นมากุมมือผมทับไว้ให้แน่นขึ้น



ผมขับรถไม่เร็วมากเพราะจะได้คอยมองคุณหงส์ด้วย ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ พร้อมกับที่รถคันสีแดงขับกลับมาจอดหน้าประตูรั้วบานใหญ่อีกครั้ง

แปลกใจนิดหน่อยที่ไฟในบ้านยังสว่างอยู่ แต่ทันทีที่ผมขับรถเข้ามาจอดที่โถงด้านหน้าคุณแม่ก็เดินออกมาที่ประตูหน้าห้องโถง จึงทำให้ผมรู้ว่าแม่ยังไม่นอน

พอรถจอดสนิทคุณหงส์ก็รู้สึกตัวตื่นพร้อมกับหันมองซ้ายขวาแล้วขยี้ตาตัวเอง ก่อนจะสบตากับผมแล้วมองมาอย่างคนสงสัย

“คืนนี้นอนที่นี่นะครับ” ใช้น้ำเสียงเหมือนกำลังเป่ามนต์สะกด

“ที่นี่” คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแล้วถามเสียงเรียบ

“บ้านเราไงครับ”

“บ้านเรา” ดวงตากลมเบิกตากว้าง

“ใช่ครับ”

“ใช่ครับ” แล้วหงส์ก็พูดทวนก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง


เหมือนโดนสะกดจิตจริงๆ
สงสัยจะเพราะว่าเพิ่งตื่นแฮะ เลยดูมึนๆ
น่ารักไปอีกแบบ


จังหวะที่คุณหงส์กำลังทำท่างงประตูรถก็ถูกเปิดออก...แม่เป็นคนเปิดประตูให้หงส์ครับ คนที่นั่งอยู่ยกมือไหว้แม่แล้วลงจากรถ ในขณะที่ผมรีบวิ่งจากอีกฝั่งเดินมายืนข้างหงส์ แม่เดินเข้ามาจับมือคนตัวเล็กที่มาใหม่แล้วพาเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็เดินตามเข้าไป

สองคนที่นำมาก่อนนั่งลงบนโซฟา แล้วคุณแม่ก็หันมามองผม

“น้องเพชร ไปเอาน้ำกับของว่างให้น้องหงส์สิลูก” แม่ยิ้มบางๆ ให้

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในครัวครู่ใหญ่ เพื่อจะปล่อยให้แม่กับคุณหงส์ได้คุยกัน



ระหว่างที่เดินกลับมาผมชะงักเท้ายืนแอบมองอยู่ด้านนอกก่อน เห็นคุณแม่ลูบหัวแฟนผมอย่างเอ็นดู และดูเหมือนคุณหงส์กำลังเล่าอะไรบางอย่างให้แม่ฟัง แถมตอนนี้ยังมีรอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยอีกด้วย


คิดถูกจริงๆ ที่หายไปในครัวนานสองนาน ปล่อยให้แม่ได้ปลอบใจหงส์ : ) 


ภาพตรงหน้าเรียกรอยยิ้มของผมให้ปรากฏขึ้นมาได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าแม่กับหงส์ไปสนิทกันตอนไหนเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมาก

พอเดินกลับเข้ามาพร้อมของว่างในมือถึงได้รู้ว่าแม่ชวนหงส์คุยเรื่องทริปยุโรป รายนั้นก็ชอบยุโรปเหมือนกันเลยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่พอตั้งใจฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าแม่ผมจะหนักไปทางเอาเรื่องตลกของผมตอนเด็กเวลาไปยุโรปมาเผาให้คุณหงส์ฟังเสียมากกว่า

ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตัวบางก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
 

ถ้าเรื่องตลกของเด็กชายเพชร ทำให้คุณหงส์ยิ้มขึ้นได้ละก็

ผมยอมครับ : )




หงส์คุยเล่นกับแม่จนเวลาผ่านไปพอสมควร เมื่อเห็นว่าคนมาใหม่รู้สึกดีขึ้นแล้วก็ได้เวลาปล่อยตัวเด็กๆ ไปนอน แม่ยกมือเรียกป้าแม่บ้านที่อยู่ด้านนอกเข้ามา

“เดี๋ยวแม่ให้ป้าสุจัดห้องให้น้องหงส์นะ”

ผมถลึงตาโตทันทีที่ได้ยินแล้วรีบพูดขัด “เดี๋ยวครับแม่ ให้หงส์นอนห้องผมก็ได้”

“แน่ะ ได้หรอน้องเพชร” แม่หันมายกยิ้มให้ผมอย่างคนรู้ทัน ส่วนคุณหงส์หัวเราะเบาๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ได้สิครับแม่ เจ้าตัวเค้าไม่เห็นจะขัดเลย ใช่มั้ยคุณหงส์” ผมโยนไปทางคนตัวเล็กบ้าง แต่รายนั้นยังคงพยักเพยิศหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ไปบังคับน้องหงส์เค้า เรานี่นะ” แม่พูดว่าก่อนจะตีมือผมเบาๆ ผมทำหน้ายู่ตอบไป

“ผมเปล่าบังคับซะหน่อย คุณหงส์เต็มใจ ใช่มั้ยครับคุณ” ผมโบ้ยต่อ

แต่ฝ่ายนั้นก็ยังคงนั่งขำ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม จนผมต้องยื่นมือไปแตะแขนเขาให้ช่วยตอบ ไม่งั้นคืนนี้มีหวังได้แยกห้องนอนแหงๆ

“ก็ได้คุณเพชร
...เดี๋ยวหงส์นอนห้องคุณเพชรได้ครับคุณแม่” หงส์ตอบผมก่อนจะหันไปพูดกับคุณแม่

“เอางั้นหรอลูก” แหนะ แม่ยังจะขัดอีก ผมตาโตแล้วมองหงส์เพื่อส่งสัญญาณให้เขาพยักหน้า

“ครับ หงส์จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณแม่จัดห้องใหม่ครับ”

เยดโด้ จะได้นอนกอดหงส์ในบ้านตัวเองแล้วโว้ยยยย
ดีใจ

“โอเคจ้า ถ้าน้องเพชรแกล้งอะไรฟ้องแม่ได้เลยนะ เดี๋ยวแม่จัดการให้”

“ขอบคุณค้าบ”

“น้องเพชร พาน้องหงส์ไปพักผ่อนได้แล้วลูก”

“ครับแม่”

“ขอบคุณแม่มากนะครับ ได้คุยกับแม่แล้วหงส์ดีขึ้นเยอะเลย” หงส์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ

“เชื่อแม่นะลูก ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกตัวเอง เดี๋ยวซักวันต้องดีขึ้น”


ปลื้มใจกับภาพตรงหน้าชิบหาย แม่ผมกับคุณหงส์กอดกัน
แม่ผัวกับลูกสะใภ้เข้ากันได้ดีจนน้ำตาจะไหล

จะยากก็ตรงพ่อตา T T



หลังจากนั้นผมก็พาคุณหงส์ขึ้นมาบนห้อง ระหว่างที่ผมกำลังหาชุดให้เขาเปลี่ยน คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็โดดลงมาเดินสำรวจห้องนอนผมใหญ่เลย จะว่าไปบรรยากาศห้องนอนผมมันก็ต่างจากห้องขาวๆ คลีนๆ ของคุณหงส์พอสมควร อาจจะทำให้ผู้มาเยือนตื่นตาตื่นใจ

ผมหันมองเห็นว่าอีกคนกำลังซุกซนอยู่ แต่ใบหน้าสวยก็เปื้อนรอยยิ้มอยู่บ้าง
เลยไม่ได้ขัดอะไร


บอกแล้วว่าอะไรที่ทำให้คุณเขายิ้มได้ ผมก็ยอมหมดอ่ะ



สำรวจห้องผมจนพอใจคนตัวเล็กก็หายเข้าไปอาบน้ำอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นผมก็โทรหาที่บ้านคุณหงส์คุยกับวีวิศ แล้วก็คุณแม่ของเขาบอกว่าหงส์อยู่กับผม ทุกอย่างเรียบร้อยดี ก่อนที่หงส์จะออกมาพร้อมกับสวมชุดนอนของผม ตัวโคร่งๆ แต่เขาใส่แล้วน่ารักมาก ผมยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะจูงแขนคุณหงส์มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนเตียง

“นั่งนี่ๆ”

“หื้ม”
 
คนตัวเล็กประหลาดใจไม่น้อย ผมให้เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัด มาประคบข้างแก้มให้คนตรงหน้า

“เอาใจเราอ่อ” ปากบางสีสวยพูดถาม

แซ็วได้แล้ว ดีขึ้นแล้วอะเด่ แถมตอนนี้น้ำเสียงเขาก็ใสแจ๋ว

ผมยิ้มเบาๆ ทั้งที่ในใจโคตรปลื้ม ใจเต้นแรงจนอยากจะกรี้ดเสียงดัง ที่คนตรงหน้ากลับมาดูเหมือนปกติแล้ว

“ก็มีแฟนคนเดียว ไม่เอาใจคนนี้แล้วจะให้ไปเอาใจใครละครับ”

พูดไปแต่ก็ไม่ได้สบตากับคุณหงส์นะครับ

โคตรเขิน

เขินไม่หยุด


“ขอบคุณนะคุณเพชร”

“ขอบคุณที่อยู่ข้างเราในวันที่เราสติหลุด”

มือเรียวเชยคางผมให้หันมาสบตากับเขา ก่อนที่คนตัวเล็กจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“คบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกเขินเราอ่า”

มีหน้ามาพูด ก็น่ารักแบบนี้ใครจะเลิกได้


“ใครเขิน” ผมทำนิ่งแล้วสบตาคุณเขาทื่อๆ

“ก็คนนี้งายยยยย” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เอื้อมมือขึ้นมาบิดปลายจมูกผมไปมา


โว้ยยย น่ารักเป็นบ้า


“แต่เราขอบคุณคุณเพชรจริงๆ นะ” เสียงแหลมพูดน้ำเสียงจริงจังมองตาผมนิ่ง

“ครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ ใครไม่รักคุณหงส์ แต่ผมรักคุณหงส์นะครับ”

หล่อ
ผมเอง

“บ้า” เขาตอบกลับสั้นๆ แต่รอบนี้คนตรงหน้าหลบตาผมก่อน

ผลัดกันเขิน เออ น่ารักดี  แล้วเขาก็โผเข้ากอดผมอีกครั้ง กอดแน่นด้วย



แถมคนตัวเล็กยังผลักผมให้ล้มตัวลงบนเตียงแล้วเจ้าตัวก็ขึ้นมานอนทับตัวผมเอาไว้
หงส์ขยับเล็กน้อยเอาหูมาแนบตรงอกด้านซ้ายของผมที่มันเต้นเป็นจังหวะดีขึ้นหลังจากได้เห็นรอยยิ้มสวย

 “อยู่แบบนี้แปปนึงนะ”

ประโยคขอร้อง ที่ทำเอาคนถูกร้องขอรู้สึกเหมือนถูกสาปให้อยู่ตามคำสั่ง

“ครับ”

“คุณเพชร ถามไรหน่อยดิ่”

“อื้ม”

แล้วผมก็เงียบ รอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร



“อันนี้ถามจากใจนะ

ดีขนาดนี้ ทำไมไม่จีบเราตั้งแต่ตอนมอปลาย”



ฟังจบ ผมยิ้มแถมยังดีใจจนตัวแทบลอย

ยิ่งพอนึกถึงคำว่า ‘ถามจากใจ’ ผมยิ่งยิ้มกว้างขึ้น
เพราะมันแปลว่าคนถามคงอยากจะรู้จริงๆ

ถ้าคุณหงส์ถามจากใจ ผมก็ตอบจากใจ


“ตอนนั้น ยังไม่ดีพอไง” ตอบออกไปอย่างที่ใจคิด


“แล้วตอนนั้นกลัวอะไร”


“กลัวคุณหงส์ไม่รัก”


ฟังดูป๊อดเนอะ แต่จริงนะครับ
โอกาสในชีวิตคนเรามันจะมีกี่ครั้งกันเชียว
ผมเลยต้องรอโอกาสที่ผมพร้อม เพื่อที่จะได้ใช้โอกาสครั้งเดียวในชีวิต
แล้วทำให้ดีที่สุด


“แล้วตอนนี้ ไม่กลัวแล้วอ่อ”


“อื้ม ก็กลัวนะ”



“ไม่ต้องกลัวแล้ว”


“หื้มม”
ผมตอบรับในลำคอเบาๆ


“อื้มม”
คนที่ยังคงอยู่บนตัวผมตอบรับกลับมาอย่างไม่สื่อความหมาย


“ฮะ”
อยากรู้ว่าเขาอื้มอะไร เลยใช้น้ำเสียงที่ดูเหมือนเป็นการถาม


“อ่ะ”
แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้


“ง่ะ”
ผมยอมแพ้


“รักนะครับเด็กชายเพชรตัวอ้วน”

ผมไม่อ้วนซะหน่อย
แค่เคยอ้วนต่างหากล่ะ


เห้ย นี่บอกรักเราอ่อ กว่าจะรู้ตัว ทีงี้ล่ะทำไมผมช้า 



ปล่อยให้ร่างบางนอนฟังเสียงหัวใจผมอยู่อย่างนั้นจนเขาหลับสนิท
ไม่ช้าผมก็หลับปุ๋ยตามไป



เห้ย ผมลืมอาบน้ำ !!




**To Be Continued**

'เราจะข้ามผ่านคืนวันที่เลวร้ายไปด้วยกัน ถึงตายไม่หวั่นจะดูแลเธอด้วยชีวิตฉัน'

ตอนที่เขียนตอนนี้ มีแต่เพลงนี้ก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา มันได้จริงๆ
เออยอมแล้ว

คุณเพชร เค้าก็รักคุณหงส์ของเค้าจริงๆ สมแล้วที่รักมานาน ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
งือออ น้ำตาจะไหล

#เก๋เริ่ดเชิดหงส์​

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จิกหมอนรัวๆๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กอดคือการบอกรักที่ดีที่สุด สากลที่สุด และใช้ได้เสมอไม่เคยหมดเปลือง



ในวันที่แย่ที่สุดแค่กอดของคนที่เข้าใจเรามันก็ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
กอดคือการบอกรักที่ดีที่สุด สากลที่สุด และใช้ได้เสมอไม่เคยหมดเปลือง



ในวันที่แย่ที่สุดแค่กอดของคนที่เข้าใจเรามันก็ดีที่สุดแล้วจริงๆ

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ 98NooNid0831

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาต่อเถอะนะ :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด